MAGAZINE
ปีที่๑ ฉบับที่๙ ประจำเดือน กันยายน ๒๕๕๕
เดือน๙
เดือนแห่งความรัก(และการสมสู่) ภายในฉบับ: +ผู้ชายที่ชอบสีเขียวและเลข๘ แห่งฟินวิ่ว สตูดิโอ +การใช้เสียงกับผู้ชายอารมณ์ดีมีพุง +สหายเป ผู้ชายขี้เหงา ที่ชีวิตมีเรื่องราวหลากหลาย +ฯลฯ
ฟรี
ดาวน์โหลด
จากใจบรรณาธิการ ก็กลับมาพบกันอีกครั�งในเดือนกันยายน ก็เป็นเดือนที�ผมและทีมงานก็ยังต้องเจอภาระหน้าที�อีกมากมาย คิวงานก็เริ�มเพิ�มจำนวน ขึ�นซึ�งของผมเอง ในเดือนนี�ก็ ทางฟินวิ�วสตูดิโอเชื�อเชิญผมไปร่วมงานหนังสั�นเรื�องล่าสุด กับตำแหน่งอาร์ตไดเร็กเตอร์ เห็นว่าจะมีทำ๒-๓ เรื�องแน่ะแล้วก็เตรียมงานแสดงผลงานนิทรรศการของฟินวิ�วสตูดิโอหลังจากก่อตั�งมาจะ�ปีแล้ว! ซึ�งจะมีขึ�นในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี� กลับมาพูดถึงภายในนิตยสารของเรา ก็ฉบับนี�มี๒ คอลัมน์ใหม่ให้ได้อ่าน คือ คอลัมน์กวีสรรพ กับ คอลัมน์ปลั�กอิน ๒คอลัมน์นี� จะน่าสนใจหรือไม่ก็โปรดใช้ดุลยพินิจและวิจารณญาณของแต่ล่ะท่านก็แล้วกัน ก็เพราะ ผมออกตัวอย่างที�ได้เคยบอกไปก่อนหน้านี�แล้ว ว่า นิตยสารฉบับนี�นั�น จัดทำขึ�นเพื�อรวบรวมเรื�องราวต่างๆของสื�อที�อยู่ใกล้ตัวผู้จัดทำ เพื�อเผยแพร่ให้คนทั�วไปได้รับรู้ พร้อมสอดแทรกทัศนคติ ส่วนตัวที�มีต่อสังคม ผมและทีมงานไม่ได้สนใจว่าสังคมจะดีหรือเลว แต่แค่จะบอกว่า เราคิดยังไงกับสังคม เรื�องราวในนิตยสารนี� อาจจะไม่มี เรื�องน่าสนใจเลยก็ได้ หรือพอมีบ้าง หรือมีอย่างอัดแน่น ก็ล้วนแต่ขึ�นอยู่กับทัศนคติของผู้อ่านตัดสินเองทั�งนั�น เพราะมันไม่มีอะไรที�เป็นของ ตาย ตัวขนาดที�เราทุกคนจะมอง จะคิดได้อย่างเหมือนกันไปซะทุกอย่าง สมมุติผมกำลังก้อนหิน คนอื�นหรือใครๆอาจมองเห็นเป็นวัตถุพยาน ทางประวัติศาสตร์ที�เต็มเปรี�ยมไปด้วยข้อมูลบ่งชี�ถึงการเจริยเติบโตของมวลมนุษย์และโลกก็ยังได้ ฉะนั�น เหตุผลของการมีอยู่ของนิตยสาร เล่มนี�จะเติบโตต่อไปหรือม้วนเสื�อกลับบ้านเก่า ไม่เกี�ยวกับอะไรใดๆ มันขึ�นอยู่กับผมและทีมอยากทำหรือเปล่า ส่วนคนอ่านไม่ได้มีอิทธิพลใดๆ ทั�งสิ�น จะอ่านก็ดี ขอบรพะคุณที�กรุณา จะไม่อ่าน ก็ตามแต่สะดวก อืม...ชักเริ�มซีเรียสแฮะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ถึงแม้นิตยสารเล่มนี�จะไม่ได้ถึงตีพิมพ์ลงกระดาษ แต่ถูกแปรสภาพเป็นไฟล์หนังสือ ประเภทE-BOOK ก็เถอะ สถานะของมันก็ยังคงเป็นนิตยสาร สื�อสิ�งพิมพ์ชนิดหนึ�งที�อุดมไปด้วย สิ�งต่างๆที�ผมและทีมสรรหามาเล่า และ คอลัมน์ต่างๆนั�น จะเอาอะไรมาให้อ่าน ก็โปรดพลิกไปดูในหน้าสารบัญได้เลย! แล้วพบกันในฉบับเดือนตุลาคม นพพล ศิษย์จานมะ ๐๒/๐๙/๒๕๕๕ (๒๓:๔๘) โต๊ะทำงานขากวาง ห้องหมายเลข ๑๒
From the inside magazine บรรณาธิการบริหาร : S.KANY CHUPPER บรรณาธิการ : นพพล ศิษย์จานมะ ผู้ช่วยบรรณาธิการ : จุฑามาศ เชิดนอก หัวหน้ากองบรรณาธิการ : นิกร มานพ กองบรรณาธิการ : นพพล,นภพล,ออน,บังอร, นิกร มานพ,นพพล ศิษย์จานมะ,จุฑามาศ เชิดนอก,ศรัณย์ กำพลศักดิ�, ปัทมา เสน่ห์งามเจริญ,อนุศาสตร์ โคตรเพชร,อุบลวรรณา กลิ�นจุ้ย,สุภัทรา เชื�อแดง,มนันห์ตชัย ไพรสินธ์, จอมพลดอนนอก,อนันต์ ตองติดรัมย์ พิสูจน์อักษร : อากุ้ย โฆษณาและประชาสัมพันธ์ : นพพล ศิษย์จานมะ บรรณาธิการฝ่ายศิลป์และไอที : เฮชนุอิ,แอนดี� ฟรี ออกแบบ ปก, รูปเล่ม : Dream team group. เจ้าของ ผู้เผยแพร่ ผู้โฆษณา : เฉพาะกิจการพิมพ์ : ห้องพักหมายเลข�� หอพักศศิน ซอยซีเอสเค ถนนคอนกรีต แขวงหลังร้านล้างรถ เขตหลังมอ จังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ ���-������� อีเมล์ NP�L@HOTMAIL.COM ติดต่อลงโฆษณา : ติดต่อคุณหนุ่ย ���-������� พิมพ์ที� : คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คยี�ห้อเดล
ข่าวฝากประจำเดือน กันยายยน ๒๕๕๕ วันสถาปนาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ครบรอบ ๑๘ปี วันพฤหัสที� ๑๓ กันยายาน ๒๕๕๕ ณ.คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เวลา ๐๙.๓๐ น. เป็นต้นไป
*พื�นที�ตรงนี�มีไว้สำหรับกิจกรรมดีๆ ที�เกิดขึ�นในแต่ละเดือน และเท่าที�เราได้ไปรู้มา เพื�อบอกต่อให้ได้รู้ เผื�อมีความสนใจอยากไป หรือว่างเว้นจากงานใดๆ แล้วไม่รู้จะไปไหนดี ก็ขอเชิญครับ!!!! **ขอบคุณแหล่งข้อมูล นิทรรศการแสดงผลงานอาจารย์และนักศึกษา >คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สายวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ >ศิษย์เก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ รุ่น๑-๕ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น. เปิดงานครั�งที� ๑ วันที� ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ >ศูนย์เยาวชนและครอบครัว เทศบาลนครชั�น ๒ ห้อง workshop ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ขอนแก่น. ขอนแก่น เวลา ๑๗.๐๐ น. เปิดงานครั�งที� ๒ วันที� ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ กำหนดการ หอศิลป์ ตลาดต้นตาล ขอนแก่น เวลา ๑๗.๐๐ น.
๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ ๑๐.๐๐ น. การแสดงดนตรีจากชมรมคนใจดี ๑๐.๓๐ น. เสวนา “ประเทศไทยในฝัน ต้านคอรัปชั�น ป้องกันโกง” ๑๑.๓๐ น. การแสดงละคร จากบ้านชีวาศิลป์ ๑๔.๐๐ น. Show รำมวยไทย / Cosplay Cover / มายากล ๑๕.๐๐ น. พิธีเปิดงาน Khonkaen Film Festival ๒๐๑๒ / สตั�นท์แมน ๑๖.๐๐ น. ประกาศผลหนังสั�นสิ�นเมษาฯ และเสวนากลุ่มผู้ได้รับรางวัล ๑๗.๓๐ น. เสวนากลุ่มหนังสารคดีสั�นจาก Where’s paint ๑๘.๓๐ น. ชมภาพยนต์จากหนังประกาศผลฯและ Where’s paint
๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ ๑๐.๐๐ น. Workshop อะคูสติกกีต้าร์ ๑๓.๐๐ น. Miniconcert อะคูสติกกีต้าร์จากผู้เข้าร่วม Workshop ๑๔.๓๐ น. Shoe Cover Dance / Cosplay / มายากล / นาฏศิลป์ ๑๕.๐๐ น. พิธีเปิดงาน You’th Festival ครั�งที�๒ / สตั�นท์แมน ๑๕.๓๐ น. การแสดงดนตรีน้องกลุ่มเยาวชน ๑๖.๓๐ น. เสวนาจาก ๓ ู้กำกับภาพยนตร์คนขอนแก่น ๑๘.๓๐ น. ชมภาพยนต์
งานมหกรรมวันเยาวชน ครั�งที�๒“ความสุขสนุกได้ไม่มีหยุด” ณ.ศูนย์เยาวชนและครอบครัวเทศบาลนครขอนแก่น วันที� ๑๙ - ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๐.๐๐ เป็นต้นไป
“นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย” โดยศิษย์เก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ รุ่น๑-๕ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที� ๑๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ที�หลักเมืองแกลเลอรี� พิธีเปิด วันเสาร์ที� ๑๕ กันยายน เวลา ๑๗.๐๐ น.
>๐๖<
สารบัญ >๑๓<
+เดือน๙ เดือนแห่งความรักและการสมสู่
>๒๑<
+สหายเป ผู้ชายขี้เหงา
>๒๖<
+ผู้ชายที่ชอบสีเขียวและเลข๘ แห่งฟินวิ่ว สตูดิโอ
>๒๙<
+การใช้เสียงกับผู้ชายอารมณ์ดีมีพุง
>๓๕<
+คุนหมิงเมืองไทย ไม่ไป ก็ไม่น่าจะรู้จริงๆ
>๓๗<
+ว่าด้วยกลอนประเภทต่างๆ
>๔๑< +คำพิภากษาของนางวันทอง
>๔๕<
+เลิฟโรแมนติกดราม่า ซีรี่ส์ ตอน รักจะตาย
>๔๔< +โคมไฟส่องแสง!
>๕๘<
ตอบจดหมาย
เรื�อง/ภาพ: นพพล ยานกาย
เดือน๙ เดือนแห่งความรักและการสมสู่ HNUI: เอ้อ สวัสดีครับ ผมอยู่ กับน้องชายคนหนึ�งนะครับ เป็นน้อง ร่วมคณะ เขาจะมา ร่วมพูดคุยเกี�ยวกับ หัวข้อในวันนี�นะครับ ซึ�งประเด็นที�เราจะ คุยกันในวันนี� ก็คือ เดือน๙ เดือนแห่ง ความรักและ เซ็กส์นะครับ จริงๆผมใช้ คำว่าสมสู่ นะครับ ก็เริ�มเลยก็นะครับ เราจะมาสัมภาษณ์ กับเขา ก็แนะนำตัว หน่อยนะครับ MAI: ครับ ผมชื�อไม้ ไม้ ดิแอคทีฟ นักร้องนำวงดิแอคทีฟครับ ก็...ใช่มั�ย ต้องพูดยังงี�ด้วยมั�ย? HNUI: เอ๊อ พูดยังงั�นน่ะแหละ MAI: งั�นก็เรียนคณะศิลกรรม ครับ เป็นน้องของเจ้าของคอลัมน์ อ๊ะ ที�มาสัมภาษณ์วันนี� ก็เรียนสาขาจิตร กรรมครับ HNUI:แนะนำตัวแบบซับซ้อน ดีเนาะ MAI: ฮึๆๆ HNUI: ก็อย่างว่าแหละครับ วันนี�เราจะมาคุยกัน จริงๆวางไว้เฉยๆ มันคงจะรับได้อยู่ใช่แมะ(ผมวางไมค์ที�ต่ อกับIPod์กับพื�นโต๊ะ ว่าจะรับเสียงได้มั�ย ถ้าไม่ถือมาจ่อปาก)
MAI: ไม่ได้ HNUI: ได้! ได้สิ น่ะ เห็นมั�ย (ผมตะโกน แล้วสังเกตุเข็มที�โปรแกรม อัดเสียง มันกระดิกตามที�พูด) MAI: มันต้องพูดดังๆไง HNUI: คุยกันดังๆน่ะแหละ MAI: อ๊า HNUI: ปรกติเราก็ไม่ได้คุยกัน เบาๆร๊อก ใช่มั�ย MAI: ใช่พี� ไม่ใช่ซิงกูล่า HNUI: เอ่อ ซิงกูล่ามันออกซิง เกิ�ลใหม่ล่ะเด๊ะ ซิงเกิ�ลพิเศษ เอ้า แล้วเรา จะไปคุยเรื�องซิงกูล่าทำไม! MAI: ในเมื�อเราต้องล่าคนซิง ว้ายยย ในเดือน๙ ทำไมเดือน๙ เป็น เดือนแห่งความรักล่ะพี� HNUI: ไม่ จริงๆเดือน๙ น่ะ ตั�งใจไว้น่ะ ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะสังเกตเห็น รึเปล่า ว่าเดือน๙ นิ�เราจะพบเห็นว่า หมาแถวเรา มันจะมีพฤติกรรม ผิดปรกติ MAI: มันเดือน๑๒ไม่ใช่เหรอ หมา? HNUI: “ซึ�งจริงๆ เดือนเ๙ไง!”
MAI: “เดือน๙เหรอ” HNUI: มันเป็นคำที�ผมสะกิดใจ มาตั�งแต่โบราณแล้วว่า คำเนี�ย มันมีมา ได้ไง ผมไปเสิร์จในอินเตอร์เน็ต ไม่มี ความหมายของคำศัพท์นี�ให้ผมเจอเลย ซึ�งผมก็เลยรู้สึก คิดไปเองว่า ตกลง คำนี�มันมีตัวตนจริงมั�ย เพราะผมต้อง การ หลักฐานยืนยัน เพราะผมเจอหลัก ฐานอยู่อันเดียวก็คือ มันเป็นเพลงของ ใครน้า นักร้อง ซึ�งเพลงเนี�ย เขาแต่งว่า เพลงเอ่อ..หมาเดือน๙ ซึ�งในเนื�อเพลง เนื�อหามันน่ะ พูดถึงผู้หญิงที�สำส่อน ทางเพศ ประมาณนี� เค้าเปรียบเทียบว่า ทำตัวเหมือนหมาที�แบบ... MAI: อ่า HNUI: อ่า ไรเงียะ MAI: เอ้อ! HNUI: ผมก็เลยเอามาเป็นตัว ประเด็นที�จะทำคอลัมน์กัน MAI: อื�อ HNUI: ก็เลยสมมุติว่า เดือน๙ ซึ�งเดือน๙ ผมไปดูแล้ว ตกลงเดือน๙ มันหมายถึง เดือนสิงหาคมรึเปล่า เพราะเดือน๙แต่เดิม นับแบบไทยๆ แต่เดิมใช่มั�ย เดือน..
๐๖
MAI: เดือนอ้ายเดือนยี� HNUI: อ้า ไรงี�เค้าก็จะนับกัน อย่างนั�น สิงหาก็จะเป็นเดือนเก้าสิ MAI: ใช่.. HNUI: แล้วมันจะมีนับอีกแบบ นึง ก็นับแบบ ถ้าเดือน๙ จริงๆจะเป็น เดือนกันยายน ถ้านับแบบฝรั�งไรเงี�ย ก็เลย..ช่างหัวมันเถอะแต่เราสมมุติว่า มันเป็นในเดือน๙ นี� เอ้า ก็เลยเอาเป็นว่า ทุกอย่างก็เลยเกิดจากการสมุติล้วนๆ เราจะสมมุติให้ว่าเดือน๙ เป็นเดือนแห่ง ความรักด้วยซ้ำ เพราะว่าเราเห็น พฤติกรรมของหมาในช่วงนั�น จริงๆน่ะ หมา ผมไปสืบมาแล้วว่าหมามันจะ เอ่อ มันจะผสมพันธ์จริงๆ๒ ครั�งต่อปี ก็คือ มันมีระยะรอบเดือนอย่างละ๖เดือน เอ้อ MAI: อือ HNUI: นั�นแหละ ผมก็เลย โอเค มันอธิบายไม่ได้จริงๆ หมาบางตัวอาจ จะมีเซกส์ตอนเดือนมกราก็ได้ หรือตอน เดือนกุมภาหรือเดือนไหนก็ได้ แต่ที� เป็น เดือนเ๙ เพราะเป็นคำที�ผมได้ยินมาตั�ง แต่เด็ก เอาล่ะ เกริ�นมาซะไกลละ ไม่รู้ว่า ผู้อ่านหลับรึยัง เอาเป็นว่าในทัศนคติ ของ เอ่อ ตัว จะเรียกมึงว่าไงดีวะ? เอ่อ เอาเป็นว่า.. MAI: ของน้อง HNUI: ขออ ของน้อง โอ้ยย คำนี�ไม่เคยใช้ เอาเป็นว่าของมึงอ่ะ
นะพี�
MAI: อ๊ะ HNUI: เออ ของมึง MAI: อ๊ะ ใช้คำนี�ในหนังสือเลย
HNUI: เออ ของมึงง่ะ คิดยังไง กับ สมมุติว่า ก็เหมือนที�ถามว่าคิดยังไง กับเดือนกุมภาพันธ์ที�เป็นเดือนแห่งควา มรัก์ไรงี� เอ้า เดือน๙ เดือนแห่งความรัก และเซ็กส์ ในความคิด เซ็กส์ความรัก เป็นยังไงบ้าง.. MAI: เอาส่วนตัวก่อนมั�ย รึเอา ของเดือนนี�เลย HNUI: เอาส่วนตัวก่อน MAI: เอาส่วนตัวนะ ความรัก เซ็กส์ มันเป็นของคู่กันสำหรับผมนะและ ส่วนมากเซ็กส์มักจะมาก่อนความรัก HNUI: จริงมั�ย? MAI: จริงๆๆ ก่อนจะได้รักผม มักจะมาเซ็กส์ก่อนแต่ส่วนมากก็ไม่ได้มี ความรักเท่าไหร่ HNUI: เซ็กส์อย่างเดียว? MAI: เซ็กส์อย่างเดียวเลย HNUI: โฮ MAI: ก็เดือน๙มันเป็นช่วงเข้า พรรษาด้วย ช่วงหน้าฝน มันเป็นช่วง โรแมนติกอ่ะ โรแมนติกกว่าเดือนกุมภา HNUI: “อืม” MAI:เดือนกุมภาฯจริงวันวาเลนไทน์ มันเป็นวันแห่งความรักด้วยซ้ำ
เราต้องไปเชิดชูนักบุญวาเลนไทน์แต่คน มามอบหัวใจให้กัน บอกรักกัน สร้าง เป็นพิธีกรรมนู่นนั�นนี� มันเป็นยังไม่รู้.. HNUI:จริงๆเราก็สังเกตเห็น มันแปลกๆอย่างนึงก็อย่างว่าวันวาเลน ไทน์ มันเป็นวันที�เซนต์วาเลนไทน์ตาย MAI: อ้า HNUI: ผมก็เลยคิดไปว่า เอ๊ะ วันที�เขาตายแล้วมึงก็ไปมอบ ความรัก กัน เอ่อ มันก็ดูแปลกๆ เอ่อ เป็นวันเขา ตายอ่ะ MAI: อ้า HNUI: ไรเงี�ย MAI: นั�นสิ ก็เลยแบบ นะ พอ มองกลับมา แล้วเซ็กส์เดือนเ๙ กับเซ็กส์ มัน จริงๆก็มีได้ทุกเดือนเนาะคนเนาะ มันไม่เหมือนสัตว์ มันมีฤดู HNUI: มันมีฤดูของมันไง MAI: อ่า ถ้ามีเซ็กส์ตอนฝนตก ผมชอบ HNUI: โห MAI: โคตรได้บรรยากาศเลย HNUI: จินตนาการภาพไม่ออก MAI: อันนี�ความคิดเห็นส่วน ตัวนะ ผมว่า เคยได้ยินคำนี�มั�ย บรรยากาศน่าเสียตัว ฮึๆฮ่าๆ HNUI: อ่อ บรรยากาศน่าเสีย ตัวนิ�มันต้องดูสถานนี�ด้วยดิ MAI: ใช่ ก็ดูสถานที�น่ะแหละ ก็หมายถึง บรรยากาศไง HNUI: กระท่อมกลางป่างี�มะ MAI: โอ๊ย นั�นมันเข้าขั�นหนัง คลาสิคของไทยแล้วพี� HNUI:ซึ�งจริงๆมันก็แปลก อย่างนึงนะแบบ เวลาสมมุติเวลาจะมี อะไรกันในหนังในละคร ไอ้กระท่อมนี� มันมาอยู่แถวนั�นได้ไงไม่รู้ใครไปสร้างไว้ อุตส่าห์อยู่ป่าซะขนาดนั�น MAI: ไม่ๆในป่าไม่เท่าไหร่ ไอ้ พวกนี�มันเดินเข้าไปในป่าได้ไง ลึกขนาดนั�นน่ะ HNUI: “เอ้อออ แล้วยังมามี กระท่งกระท่อม ไม่พอ มีที�นอนครบ โอ้โฮ
๐๗
MAI: เดือน๙ ความรัก เซ็กส์ จริงๆมันก็ ไม่ได้มีอะไรพิเศษสำหรับ ผมนะ เดือน๙ แต่ก็อย่างว่ามันโรแมน ติกตรงที�มีฝน ตกด้วยเท่านั�นเองเพราะ ชีวิตปรกติ ก็ใช้ชีวิตเรื�อยๆ HNUI: จริงๆ ที�คิดไว้น่ะ ก็ อย่างที�บอกว่ามันเป็นการสมมุติ ก็คือ เราสังเกตเห็นว่า หมาเดือน๙ เราก็เลย เข้าใจว่า เดือน๙ หมามันต้องเอากัน แน่ๆเลย แต่จริงๆปีนึงมันจะเอากันอยู่ ๒ครั�ง ไม่รู้เดือนไหน MAI: ผมเห็นมันเอาหลายครั�ง อยู่นะ HNUI: ไม่มันจะเอาอยู่๒ครั�ง เพื�อขยายพันธ์ MAI: ๒ช่วง? HNUI: “เออ ๒ช่วง ๒ครั�ง ครั�งคราว มันอาจจะเอาทั�งวันทั�งคืน ก็ได้แหละ อะไรเงี�ยก็.. MAI: ขนาดผมคือนึงล่ะ ๓ครั�ง เลย HNUI: โห เหนื�อยไปมั�ย MAI: ครั�งละคนด้วยนะ ไม่ซ้ำ กันด้วย HNUI: โห เขาทำเพื�อสืบพันธ์ เขาไม่ได้ทำเพื�อความสุข MAI: ไม่ ครั�งแรกก็ผู้หญิง ครั�งที�สองนิ�มือซ้ายครั�งที�สามนิ�มือขวา HNUI: หือ...คราวหน้าลองใช้ ตีนซ้ายแล้วก็ตีนขวามั�ยล่ะ
กายที�..
MAI: ฮ่าๆๆ HNUI: เออว่ะมันจะเป็นยังไงวะ MAI: ฮ่า ต้องลองพี� ต้องลอง HNUI: มันจะเป็นท่าออกกำลัง
MAI: เอาแค่เอาแค่ตีนนิ�มัน จะทำยังไง HNUI: ก็ประกบกัน MAI: เอ้าไหนว่าตีนซ้าย ตีนขวาไง HNUI: เอานิ�วไง ระหว่างนิ�วชี� กับนิ�วโป้ง MAI: เก่งเกิ�น HNUI: ฮ่าๆ ถ้าทำได้คุณจะได้ ท่ากายบริหารแบบใหม่เลยทีเดียว MAI: ผมว่าเรานอกประเด็น ไปเยอะแล้วนะ HNUI: เฮ่ย มันยังอยู่ใน ประเด็นอยู่ ประเด็น.. MAI: ประเด็นเซ็กส์ใช่มะ HNUI: เอ้อ ยังอยู่ในหัวข้อ เซ็กส์อยู่ แต่จริงๆ เราลองไล่ดูไปทีละ เรื�องดีกว่ามั�ย อย่างสมมุติ ความรัก เอ้า ความรักที�ไม่มีเซ็กส์เลย คิดว่ามัน เป็นยังไง MAI: สำหรับผมนะ ผมอยาก มีความรักอย่างนั�นนะ ผมอยากมี ผม อยากเจอมากเลย ส่วนตัวอยากเจอไม่มี เซ็กส์อยู่กับคนที�อยู่ด้วยแล้ว ไม่ได้มี อารมณ์ที�อยากมีอะไรกัน แต่อยากอยู่
ด้วยแล้วมันแฮปปี� มีความสุข อาจจะมี บ้างบางช่วงเวลา แต่ไม่ใช่กลืนกินกัน แบบเอาเป็นเอาตาย เจอหน้าแล้วหื�นใส่ เจอหน้าแล้วประกบเลย ซึ�งเหมือนที�เจอ อยู่ทุกวันนี� อยากเจอความรัก แบบนั�น น่ะ ความรักแบบเด็กๆอยู่ที�บ้าน HNUI: ทำประกันไว้ยัง? MAI: ทำไมพี�? HNUI: ปุบปับเป็นอะไรไปงี�ไง MAI: โอ๊ยผมป้องกันทุกครั�งอ่ะ อยากจะฝากผู้ชายทุกคนด้วยนะ มีอะไร ก็ป้องกันไว้ครับ HNUI: เอ๊า ผู้หญิงไม่ฝากเค้า เรอะ? MAI: “ห๊า? ผู้หญิงก็ นะ ก็อย่า มั�วกับผู้ชายละกัน ก็อย่าวันไนท์แสตนด์ กับใครก็ตามแต่ โดยเฉพาะนักร้องนัก ดนตรี อย่าไปเชื�อมันมาก อืม ครับ ยกเว้น บางวง เพราะนักร้องนิสัยดี HNUI: วงนึงอย่าไปใกล้เลย MAI: วงไหนพี�? HNUI: วงที�มันมีอยู่ห้าคน MAI: วงไหนฮะ? ชื�อวงไรพี�? HNUI: วงอะไรน้า ถีบๆเตะๆ อะไรซักอย่างซักอย่างนี�แหละ เอ้อนั�นแหละ อย่างว่า ก็ความรักที�ดูมัน ไม่มี เซ็กส์มันก็ดูเป็นความรักที�อยู่ในอุดมคติ เกินไปแต่จริงๆแล้ว.. MAI: มันต้องมีอ่ะ ผมว่ามัน ต้องมี มันเป็นไปไม่ได้ รักไม่มีเซ็กส์ HNUI: อืม บางคนเชื�อว่า มัน เป็นไปไม่ได้ร๊อก มันจะเป็นไปได้ไง ความ รักที�มันไม่มีเซ็กส์ที�มันมายุ่งเกี�ยวกัน MAI: อะ เอาง่ายๆ ทุกวันนี�คน เราบอกว่าคบกันด้วยใจมันไม่ใช่หรอก พี� มันต้องมีเหตุผลอย่างอื�นประกอบ ไม่ตังก็หน้าตา ไม่หน้าตาก็รูปร่างที�โดน ใจ โดนสเป็ก นิสัยนู่นนั�นนี� มันไม่ใช่ใจ อย่างเดียวคำว่ารักมันซื�อข้าวกินไม่ได้ห รอกครับผมพูดจริงๆ HNUI: แต่คำว่ารักทำให้การ กินข้าวอร่อยขึ�น MAI: ว๊ายยย HNUI: ตึกโป๊ะ! นั�นแหละก็
๐๘
อย่างว่า แค่ความรักอย่างเดียว เฉยๆ ก็คงจะไม่ได้ จริงๆแล้วที�เรา อยากจะรู้ ก็คือ อย่างความรักอ่ะ มันเป็นอะไร ที� สำคัญเหมือนกัน แต่สมมุติ แต่บางคน มีความรักก็อย่างว่า มันนึกว่า มันคบ กันสมมุติง่ายๆผู้ชายผู้หญิงคบกันคน อื�นจะมองว่าสองคนนี�แม่งได้กันแล้ว ชัวร์ซึ�งจริงๆสองคนนี�อาจจะยังไม้กัน ก็ได้ แต่ก็อยากจะได้กันอยู่ แต่คิดว่ายัง ไม่ถึงเวลาไอ้ยังเงียะคิดยังไง? MAI: สุดท้ายมันก็เอากัน เหมือนเดิม HNUI: ไม่...แต่จริงๆพวกเนี�ย มันมองว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ในความคิด เราเราคิดยังไง ที�เห็นคนเขาคบกันแต่ มันยังไม่ได้มีอะไรกันเลย MAI: ผมมองว่าแบบ แล้วถ้า เกิดวันนึงเขาเจอคนที�ถูกใจกว่า แล้ว สามารถให้เขาได้ล่ะ อ่ะในช่วงที�คบกัน อ่ะ ๑๐๐% เลย ร้อยทั�งร้อยไม่มีใครคบ กันมามีแค่คู่เดียวแล้วไม่เผลอใจไปที�อื�น ไอ้นี�เรื�องจริง อันนี�เรื�องจริงเลย แล้ว แบบเค้าไม่มีอะไรกันเพราะว่ายังไม่ถึง เวลาเงียะ มันอึดอัดนะ บางครั�งเซ็กส์ มันเป็นสิ�งที�พระเจ้าเขาสร้างมาประทาน มาโดยแท้จริงเลย HNUI: มึงเป็นคริสต์เหรอ? MAI: อะ เอาแค่มนุษย์ ถูกสร้างมาให้เป็นคู่อยู่แล้ว อื�ม HNUI: “เอ่า บางที สมมุติ อย่างตัวกูเองนิ� ผมคบกับผู้หญิงมา ที� ตั�งใจคบมาเป็นแฟน ผมไม่เคยมีอะไร กับเขา MAI: เพราะเขาไม่ให้ไง! HNUI: เพราะไม่เคยขอ และไม่ เคยคิดเลย ตั�งใจว่าถ้าเราจะมีอะไรกัน เราจะมีอะไรกันหลังแต่งงานแต่งงาน ปั�บ ประกาศเป็นผัวเมียปั�บ คืนนั�นล่ะมึง เตรียมตัวตาย ว๊ากกกก MAI: ฮ่า เก็บกดมาทั�งชีวิต ขย้ำเลยมั�ย HNUI: เออ เนี�ย คิดไว้อย่างนี� ว่า อะไร หนึ�ง มันจะได้เป็นตัวกระตุ้นใน การมีชีวิตเรา ว่าเราจะต้องมีชีวิตอย่าง นี� อย่างนั�น
ล่ะพี�
MAI: แล้วถ้าผู้หญิงอยากได้
HNUI: ไม่ให้ MAI: ว๊ายยย HNUI: เพราะอะไรเพราะว่าเรา ก็ได้บอกไปแล้ว ว่าถ้าอยากจะเอากับฉัน แต่งงานป๊ะล่า ตอนนี�มั�ย? ถ้าอยากเอา ตอนนี� แต่งตอนนี� แต่งเสร็จ เอา MAI: แล้วถ้าเกิดไม่พอใจกันก็ หย่ากันใหม่ HNUI:ถุ้ยยย....ก็อย่างว่าแล้ว อีกอย่างหนึ�งที�สำคัญก็คือ เป็นเมียเรา ก็ต้องเป็นเมียเราตลอด เพราะผมตั�งใจ ไว้ว่า ถ้าผมแต่งงานกับใคร จะไม่มีวัน หย่า อยากอย่ากับผมใช่มั�ย? ตายยย MAI: อื�มม ไม่ก็รอพี�ตาย HNUI: เออนั�นแหละ MAI: เอ้า แล้วถ้าเกิดเผื�อเขา ฆ่าพี�ล่ะ ถ้าเขาอยากหย่ากับพี� HNUI: “เออ อยากหย่า ก็ฆ่ากู ไป๊ไรเงี�ย ก็คือประเด็นก็อย่างงั�นคือเรา ตั�งใจว่า เราจะไม่หย่า คือ เราอยาก พิสูจน์ว่า ความรักไม่เกี�ยวกับเซ็กส์ เซ็กส์ก็คือการขยายพันธุ์ เราเข้าใจ เรา คิดอย่างงี� ก็เป็นหลักการคิดของเราอีก แบบหนึ�ง ของมึงอาจจะคิดอีกแบบนึง MAI: ไม่ ของผม ผมจะคิด แบบ เขาเป็นแฟนเรา เราอยากมีความ สัมพันธ์ที�มันลึกซึ�งกว่าที�เดินจูงมือกันดู หนังกัน
HNUI:อยากจะสำรวจร่างกาย เอ่อ ตรงไหนมีไฝตรงไหนมีเอ่อ นั�นก็จะ เป็นอีกเรื�องนึง แต่ประเด็นก็คืออย่างว่า แหละ บางคนก็ ไม่ได้คิดเลยว่าอยากมี ความรัก MAI: อยากมีแค่เซ็กส์? HNUI: บางคนอยากมีแค่เซ็กส์ แต่ผมว่าบางที ตัวคนที�คิดว่ามีชีวิตแล้ว อย่างงั�น แล้วไม่รู้มันมีความสุขรึเปล่า การมีเซ็กส์เฉยๆ มันดูเหมือนการเป็น กิจกรรมที�มันน่าสนุกสนานอะไรเลย มันเหนื�อย ผมว่ามันเป็นกิจกรรมที� เหนื�อย เท่าที�ดูในหนังเรื�องต่างๆ เท่าที� เห็น ขย่มกันซะขนาดนั�น โอ๊ย ปานจะฆ่า กันตาย แล้วก็ มันเป็นแปลกๆแมะถ้าจะ สมมุติว่า ฉันต้องการเธอ ช่วยทำให้ฉัน มีความสุขหน่อย ผมคิดว่าการทำให้มี ความสุขนั�นมันไม่ใช่เซ็กส์นะ ผมก็ไม่เข้า ใจว่าทำไม ต้องมีเซ็กส์อะไรกันนักหนา ขนาดนั�นแต่จริงๆเซ็กส์มันอาจจะเป็น.. MAI: การแสดงออกของความ รัก อีกอย่างนึงก็ได้ HNUI: ก็ใช่ แต่ก็คือมันอาจจะ เป็นหลักความคิดที�ดีอย่างหนึ�งที�เราตั�ง เป้าหมายไว้ว่า ถ้าเรายังไม่แต่งงานเรา จะไม่มีเซ็กส์เราจะไม่มีเซ็กส์กับเธอนะ มันก็เหมือนเป็นการตั�งเป้าหมายในชีวิต ไว้อย่างนึงก็ได้ ประมาณว่า ผมจะไม่กิน ข้าวเย็นถ้าผมยังอ่านหนังสือไม่เสร็จ อาจจะเป็นยังงี�ก็ได้ บางคนอาจจะคิด อย่างงี� ซึ�งกูก็คิดอย่างงั�นน่ะแหละ!
๐๙
MAI: แล้วก็ผม อยากเจอ ความรักก่อนเซ็กส์ ไม่เอาแล้วพอแล้ว เซ็กส์ ให้มันมีรักก่อนค่อยมีเซ็กส์ดีกว่า เพราะมันไม่ใช่เรื�องยาก เอ้านี�ขอเปิดโปง เลยก็แล้วกัน ว่าเซ็กส์กับชีวิตนักดนตรี คืนหนึ�ง ขอแค่มองตา เราอยู่บนเวทีเรา สบตากับเค้าปึ�ป ปิ�งเดินไปชนแก้ว หน่อย แล้วถาม ถามว่าพักที�ไหน ให้พี� ไปส่งมั�ย? จบ ถ้าเค้าไป จบเลย HNUI: เขาเดินจากไป เราจบ เลย ใช่มั�ย? MAI: ไม่ เราไปส่งเค้าซี� ก็คือ ได้เลย HNUI: ได้ไร? MAI: ได้คุยได้นั�งคุยได้ส่ง ที� เหลือก็อยู่ที�ความมือไว และสันดานของ แต่ละคน HNUI: จะขโมยของเค้าเรอะ? MAI: มือไว ก็คือจะไปแตะเนื�อ ต้องตัวเค้ามั�ย? HNUI: นึกว่าจะไปจกกระเป๋า ตังเค้า เอ้อ อย่างประเด็นที�ว่านักดนตรี กลางคืน เป็นคนที�ไว้ใจไม่ได้ ทั�งๆที� อาชีพอื�นๆมันก็พอๆกัน? MAI: ผมบอกเลยนะว่าทำไม นักดนตรีไว้ใจไม่ได้ พวกคุณ (สาวๆ) ทำตัวพวกคุณให้พวกผมเอง ก็คือพวก ผมมีหน้าที�มาเล่นแค่ดนตรี แล้วพวก คุณ ส่งสายตาพวกคุณต้องการผม แล้ว พอคุณไม่ได้คบกับผม คุณก็ไปพูด ให้กับคนโน้นคนนี�ฟังว่า ผมพวกผมไม่ดี อย่างงั�นอย่างงี� แล้วพี�มาลองมองตรง ไปนี�เด่ะเอาเงี�ย อาจารย์มหาลัยที�กินเด็ก พวกเจ้าของบริษัทหรือหัวหน้างานที� แบบมีพวกอยากเลื�อนขั�นแล้วไปเสนอ ตัวให้เงี�ย พวกนั�นน่าเกลียด โคตรน่า เกลียดเลยผมบอกเลย HNUI: ก็เหมือนว่าที�เคยมีข่าว ที�ว่าอะไรนะ เซ็กส์แลกเกรด MAI: เอ้อนั�นแหละ HNUI: มันก็แปลก..มัน MAI: แต่ถ้าอาจารย์มหาลัย น่ารักแล้วสาวๆ ผมก็ยอมแลกนะ HNUI: โอ๊ย อย่าเลย อยากให้
เก็บ ไว้กับเมียมากกว่าว่ะ แต่ถ้าครูจะ ยอมเป็นเมียก็โอเคนะ MAI: “นั�น” HNUI: เอาเข้าจริงๆแล้ว เซ็กส์ กับความรักมันก็ดูเหมือนอยู่คนละส่วน แล้วเราเอามารวมกันเอง ใช่มะ? MAI: ใช่ HNUI: ถ้าเราจะมาลงลึกกัน ใช่แมะ อย่างสมมุติความรัก เราลองพูด ที�ไม่เกี�ยวกับเรื�องชู้สาวสิ มันก็มีอยู่ หลายอย่าง MAI: รักต้นไม้อะไรงี�เนาะ HNUI: ถ้าเราจะคุยเรื�องความ รักที�ไม่เกี�ยวกับเรื�องชู้สาวล่ะ MAI: รักพ่อรักแม่พี�น้อง HNUI: เออ เป็นไงบ้าง? MAI: ของผมเหรอ สำหรับผม ก็มันดูอบอุ่นกว่าความรักในเชิงชู้สาว อีกนะ ได้กลับบ้านไปหาแม่เงียะ ได้ซื�อ นู่น ซื�อนี�ไปให้แม่ได้เจอพี�สาวได้เจอ
HNUI: มันดูเป็นสายสัมพันธ์ที� ดูแน่นหนากว่าสายสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ด้วยซ้ำ MAI: ใช่ HNUI: มันก็แปลกเนาะ MAI:มันเป็นการรักโดยไม่ต้อง บอกรักไงพี� HNUI: แล้วอย่างเพื�อนๆล่ะ เป็นไงบ้าง MAI: “เพื�อนๆเหรอ กลุ่มผม ผมก็โอเคนะมีทะเลาะกันบ้างแต่เข้าใจ ยังไงล่ะ ก็คือคำว่าเพื�อน ยังไงมันก็ไม่ เลิกกันง่ะ ยกเว้นจะตายจากกัน มันอยู่ ด้วยกันถึงวันที�เราเจ็บเราป่วยมันก็มา ดูแลเรามันให้ทุกอย่างเราอยู่ด้วยเรามี ความสุขกับมัน เพราะผมกับเพื�อนเรา คบกันไม่ได้หวังผลประโยชน์สิ�งใดอยู่ แล้ว ผมก็ไม่ได้มีอะไร ผมไม่ได้รวยไม่ได้ อะไรพอที�จะ..ผมไม่ได้เข้าหาใครด้วยว่า
หลาน หรือว่าอยู่กับเพื�อนเงี�ยะ ก็คือ ครอบครัวและคนรอบข้างแบ่งปันนู่น นั�นนี�กัน ก็อย่างที�บอกบางคนก็นิยาม ว่าความรักคือการให้ เราได้ให้ เรามี ความสุขให้กับคนที�เรารักมันก็โอเคอ่ะพี� เราไม่ได้มาหวังว่าเค้าจะคบเรามั�ย? อีก อย่างความรักพวกนี�มันไม่จางหายมัน ไม่ได้มีคำว่าเลิกกันอาจจะทะเลากันบ้าง แต่เราก็เข้าใจกันได้ก็เพราะเราไม่ได้หวัง ผลประโยชน์สิ�งใดตอบแทน
เฮ้ย กูมีตังนะ อ๊ะ กูเลี�ยงเหล้ามึงต้องมา คบกูนะอะไรอย่างเงียะพี� HNUI: อย่างสมมุติอย่างที�เรา รู้ๆกันมาการคบเพื�อนที�มันจะอยู่กันได้ นาน อะไรเขาว่าคบกันมาตั�งแต่เด็กช่วง ประถมฯอะไรเงี�ยหรือตอนมัธยมฯที� เรียนต่อด้วยกันมากับเพื�อนที�เรียน มหาลัย มันจะคนละแบบ จริงมั�ย? MAI: จริง! HNUI: ลองเล่าให้ฟังหน่อย
๑๐
MAI: “เพื�อนตอนเด็ก คือเพื�อน เล่นสนุก เฮฮาไม่ได้จริงจังอะไร เราอยู่ สนุกเพราะกลับมาตอนเย็นเรานั�งดู การ์ตูน เราก็อยู่กับพ่อกับแม่ นั�งทำ การบ้านไม่ได้ไปซีเรียสอะไร แต่พอขึ�น มัธยมฯมา พูดว่ามันมีชีวิตยังไงล่ะพี� เราไม่ได้ดูการ์ตูนอะไรเหมือนแต่ก่อน และเราไม่ได้มาวิ�งเล่นไล่กันและ จะเป็น แบบพุดคุย ไปนู่นมานี� แลกเปลี�ยน ความคิดเพิ�มขึ�น ก็คือโตขึ�นไปตามนั�น ไม่ได้มานั�งเล่นของเล่นกันแล้ว เฮ้ย เอาตัวนี�มาสู้กันเพื�อสานสัมพันธ์ แต่ เป็นเตะบอลเล่นกีฬา แนะนำเจอกัน ใน วงเหล้าบ้าง แต่ว่า มันจะมีทั�งคนดี คนไม่ดี แต่ เราก็คบได้หมด แต่เราเลือก ที�เอาส่วนดีของเขามา และคราวนี�มหาลัย สำหรับ ผมนะ มันจะต่างจากมัธยม มัธยมมัน จะเรียนห้องเดียวกัน มันคน นู้นคนนี� แนะนำกัน รู้จักกันไปทั�ว แต่ มหาลัย เราแยกมาตัวคนเดียว เราต้อง เริ�มรู้จักคน ใหม่ เริ�มอะไรเข้ามาใหม่ๆ ซึ�งมันก็ยาก ที�จะดูว่าใครดีหรือไม่ดี เค้า ต้องการ อะไรจากเรามั�ย? อะ คราวนี� ผมได้ดี ตรงที�ว่า เพื�อนในสาขาเดียวกัน ได้มา เจอกันก่อน ตอนสัมภาษณ์เลย ได้เป็น เพื�อนกันจนทุกวันนี� ก็มันก็รู้ นิสัยใจคอกันหมด แล้วเพื�อนมหาลัย มันดูเป็น ผู้ใหญ่ คือต่างคนต่างจาก บ้านมา มัน ช่วยเหลือกัน มันไม่เหมือน มัธยม มัน ต่างมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่แคร์กัน เท่าไหร่ HNUI: “อ้าว แล้วสมมุติ อย่าง เพื�อน ตอนเด็กที�ตอนนี�ก็โตแล้ว แต่แค่ ไม่ได้เรียนด้วยกันไม่ได้เรียนที�เดียวกัน MAI: ก็คือคุยกันอยู่พี� แค่ก็ไม ได้สนิทกันมากมาย กลับมาเจอหน้ากัน ก็ทักทาย ว่าเป็นยังไงอะไรยังไง แต่ก็มี บางคนที�แบบรักเป็นเพื�อนรัก ตั�งแต่ เด็กโตมาด้วยกัน เฮ่ยเป็นไงบ้างวะ เจอ กันในงานบ้าง บ้านอยู่ที�เดิมมั�ย? HNUI: ก็ฟิวล์เดียวกัน ก็อย่าง ว่าสุดท้ายและ มั�ง สุดท้ายและ เอาเข้า จริงๆ แล้ว พอเวลาคนเราคุย กันเสร็จ สุดท้ายแล้วมันจะจบยังไง.....
MAI: จบยังไงที�ตรงไหน อ้า HNUI: เคยสงสัยมะก็เหมือนที� เราอ่านคอลัมน์บางคอลัมน์เอ้า จบแล้ว เหรอเขียนต่ออีกหน่อยสิ....แล้วเราจะ จบยังไงดีล่ะ? บางที�ก็จะจบตรง ที�ฝาก อะไรมั�ย?เหมือนที�มึงมามึงก็ฝากไปแล้ว ไง แล้วเราจะจบยังไง? MAI: ความรักความรักของ ผมละกัน HNUI: เออ สภาพความรัก ตอนนี�เป็นไง? MAI: เพิ�งออกหักครับ ผมไม่ ง้อเค้า พอกลับไปง้อเค้ามีคนใหม่แล้ว ก็ เลยอยากจะบอกว่า ถ้าเราได้เจอคนดีๆ ซักคน เราต้องดูแลเค้า รักษาเค้า ง้อใน ช่วงที�ควรง้อ อย่ามาปล่อยปะละเลย เหมือนผม คือต่างคนต่างคิดว่าตัวเอง ถูกไง ก็เลยไม่ง้อกัน จนเค้าไปมีคนใหม่ แล้วเราก็ร้องไห้ HNUI: เดี�ยว อย่างไอ้ที�บอกว่า เค้าเป็นคนดีเวลาเราจะดูเราดูยังไง? MAI: สำหรับผมนะ คำว่าดี ของผมคือ เค้าเป็นผู้หญิงไม่เที�ยว ผม ทำงานในที�เที�ยว แต่ผมไม่ชอบผู้หญิง เที�ยว ผมไม่ชอบผู้หญิงกินเหล้า เค้าไม่ กินเหล้า ไม่ดูดบุหรี� เค้าไม่ยุ่งกับผู้ชาย คนนู้นคนนี� ไม่แชตบีบี หรือแชตอยู่อันนี� ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเค้าไม่บ้าแบบนั�งอยู่ กับเราแต่กดบีบีเงียะ เค้าเห็นเราสำคัญ เวลาอยู่กับเรา ก่อนไปทำงานเค้าบอก สู้ๆนะหลังจากทำงานมาเค้าถามว่า
เหนื�อยมั�ย? เค้านั�งรอเรา เค้ารอเราเลย เค้ารอเรากลับมาเพื�อได้คุยกับเราว่า เหนื�อยมั�ย? แทนที�ผู้หญิงคนอื�นจะมา เป็นไงวันนี�คุยกับใครจับมือกับใครเหรอ หน้าเวที ใครเอาเหล้ามาให้กินเงี�ยะ เอ้อ มันน่าเบื�อ เอ้า ก็กูไปทำงาน กูหาตังใช้ ของกูนี�หว่า มึงมายุ่ง มาว่าอะไร ยังงี� ได้ไง กูท้อนะ แต่ของเค้าจะเป็นแบบ เหนื�อยมั�ยวันนี� เป็นไงบ้างคนเยอะมั�ย เอ้อ เดี�ยวว่างๆจะไปดูตัวเอง เล่นนะ ยังเงียะ แต่มันก็ไม่มีแล้ว.. HNUI: คิดว่าเราพลาดตรงที� เราช้ามั�ย? MAI: ผมคิดว่าผมพลาดตรงที� ทำครั�งแรกแหละ ตรงที�แบบไปใช้คำพูด ที�มันรุนแรงกับคนที�เข้ามาคุยด้วยใน เฟชบุ๊ค ไม่ขอบอกว่าเป็นเรื�องอะไร แล้ว กัน คือเค้าใช้คำพูดที�เกินจะ..เกินจะแบบ ยังไงล่ะ..ผมคุยแล้วผมต้องรีบลบแชต โดยที�ผมไม่รู้ว่าเค้ากำลังอ่านแชตผมอยู่ HNUI: แล้วลบทำไมอ่ะ MAI: ก็คือ ถ้าเขามาอ่าน แล้ว เขาจะไม่สบายใจ ขนาดผมนั�งพิมพ์กับ เขาผมก็ยังไม่สบายใจเลย พอจบจาก วันนั�นมา ผมโทรไปผมบอกฝันดีนะ เค้า บอกไม่ ฝันร้าย เราเลิกกันเถอะ เค้าพูด ยังเงียะ ผมก็ไม่ง้อดิ ผมไม่ผิด ผมว่ายัง เงียะ HNUI: ไม่ผิดหรือเราไม่รู้ MAI: ผมไม่ผิดอ่ะก็คือเค้า ไม่ฟังเหตุผลผมอ่ะ แล้วผมก็ทิ�ง ทิ�งมา
๑๑
เรื�อยๆ จนต่างคนต่างจน..ผมมีคนเข้า มา คุยแต่ผม.. HNUI: งั�น จริงๆแล้วเรามอง ว่า เค้าดีแต่จริงๆยังไม่ดีอ่ะดิ MAI: เค้าก็คงเจ็บปวด ถ้าเจอ ยังงั�น เป็นผมก็บอกเลิกเหมือนกัน
เข้าใจกันเชื�อใจกันฟัง กันหันหน้าเข้าหา กันเพราะเราเป็นคน รักกันสมมุติอย่าง ของมึงใช่มะกับแฟน” MAI: อดีตแฟน HNUI: อดีตแฟนที�มีปัญหากัน เพราะเรามีอะไรซักอย่าง แล้ว เราไม่
HNUI: ก็อย่างที�เค้าไม่ฟัง เหตุผลเรา แสดงว่าเค้าก็ยังไม่ดี พอดิ? ใช่แมะ MAI: “เคยได้ยินคำนี�มั�ยพี� โนบอดี�อิสเพอร์เฟค HNUI:อ่าว ไม่ต้องเพอร์เฟค ร้อย%ล่ะ เอาซักแปดสิบเก้าสิบ MAI: ขอแค่ฟังเรา HNUI: “เอ้อ เอาเข้าจริงๆนะ ง่ายๆเลย ความรักที�เราโผล่มาซะขนาด นี� การที�จะมีความรักได้ แล้วมีได้ตลอด มันจะต้องมีอะไร ความเชื�อใจกัน สมมุติ มีเรื�องขุ่นข้องหมองใจกัน เราจะต้องคุย กันก่อน ว่าเรามีปัญหาเรื�องอะไรกัน แล้วเราต้องเคลียร์ให้จบ และ ถ้าเป็นไป ได้ควรจะเคลียร์ให้จบภายใน วันนั�น ตอนนั�นเดี�ยวนั�น อย่าค้างให้เป็นปัญหา ต่อไป และถ้าคราวต่อไปมี ปัญหาจริงๆ อย่ายกเอาปัญหาเก่า ที�เราเคลียร์กัน จบไปแล้วมาเป็น ประเด็นอีก ซึ�งทุกคน ไม่ทำอย่างงั�น ทุก คนมีปัญหาอะไรใหม่ ขึ�น สามารถยกอดีต เรียกอดีต กลับ คืนมาได้ มาระลึก ชาติกันได้ทีเดียว ซึ�ง การที�จะอยู่ด้วยกัน อย่างว่า มันก็ต้อง
อยากให้เขารับรู้ กลัวแทงใจ แต่ประเด็น ก็คือยิ�งทำให้เค้ายิ�งมีปัญหาอีก แล้วพอ เราจะอธิบายให้ฟัง เค้าก็ไม่ฟัง สิ�งหนึ�ง เหมือนเราจะผิดด้วย เค้าก็ดันผิดไป ด้วย เพราะเค้าไม่เปิดใจฟังเรา เพราะ ดันคิดไปว่าเราไม่ดีไปแล้ว แสดงว่าเค้า ก็ยังไม่ดีสำหรับเราจริง MAI: เรื�องที�อยากฝากก็คือ อย่าใช้อารมณ์ HNUI: เอ้อ MAI: อย่าใช้อารมณ์ HNUI: เราได้เรื�องฝากแล้ว ใช้มั�ยนิ�?” MAI: ได้แล้ว ได้หลายเรื�องเลย แต่สรุปคืออย่าใช้อารมณ์ HNUI: ก็อย่างว่าถ้าใช้อารมณ์ ไม่ใช่ แค่เรื�องความรักหรอกจริงๆ ก็ เหมือนสมมุติเราอยู่กับเพื�อนใช่มั�ย เพื�อนทำอะไรให้ไม่สบายใจไม่ใช่ให้ไป โกธรเพื�อน แต่เราควรถามว่าเฮ่ย ทำไม นาย ทำยังงี�วะ? นายทำยังงี�มันไม่ดีว่ะ ไม่ใช่ว่าทำส้นตีนไรของมึงนิ� รำคาญ ยังงี�มันยิ�งทำให้สถานนะการณ์มันรุน แรง”
MAI: อ๊ะ ยังงี�ง่ายๆ ถ้าเพื�อน ผิดไปแล้วแทนที�จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ เค้ากลับพูดว่าไม่เป็นไร กูทำเองได้ ต่าง กันมั�ย? HNUI: ต่างตรงน้ำเสียงนิ�และ อย่างเช่น ม่ายเป็นราย กูทามเองด้าย กับ ไม่เป็นไร! กูทำเองได้! MAI: มันก็ต่างอยู่ที�อารมณ์ไง ก็บอกแล้วไงว่าอย่าใช้อารมณ์ เหตุผล คิดขึ�นมาก่อน เราต้องดูว่าเราผิด อะไร มั�ย? เราถูกอะไรมั�ย?ด้วย แต่ในกรณี ของผมมัน ต่างคนต่างคิด ว่าตัวเอง ถูกอ่า ฮึๆ HNUI: เออเราคิดว่าตัวเองถูก แต่ก็อย่างว่าเนาะ เราก็เป็นสัตว์สังคม การที�จะอยู่ด้วยกันอย่างหนึ�งก็คือ การ แคร์ แล้วก็เพื�อที�จะอยู่ในจุดของตัวเอง และก็อยู่ร่วมกันได้ด้วย บางคนก็ลืมนึก ไปรึเปล่าว่า เออ แฟนน่ะ เค้าก็เป็นลูก คนอื�น ไม่ได้มีอะไรเกี�ยวข้องทางสาย เลือดกับเราด้วยซ้ำ การที�จะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื�อง คุยกับเค้าให้เข้า ใจ มีอะไรก็ต้อง... MAI: ผมรู้แล้วว่าจะจบยังไงพี� HNUI: อือ MAI: ผมต้องรีบไปเก็บผ้า ฝนจะตก HNUI: เอาเป็นว่า สำหรับ คอลัมน์นี�จะจบได้นิ� เราหาเรื�องจบได้ แล้ว ก็คือ ผู้ร่วมสัมภาษณ์กับเรา เค้า จะไปเก็บผ้า MAI: ใช่ HNUI: เป็นการจบที�จ๊าฟมาก MAI: เฮอะๆ HNUI: เคยมีในเล่มไหนมั�ย? HNUI/MAI: ไม่มี! HNUI/MAI: ขอบคุณครับ สวัสดีครับ.... ครับ บทสัมภาษษณ์ชิ�นนี� ดูไม่ค่อยจะมีสาระสำคัญมาก แถม ไหลออกทะเลจนแทบจะกู่ไม่กลับอีก จริงๆผมตัดทอนส่วนที�ไม่จำเป็น ออกไปเกือบๆ๑หน้า กระดาษA๔ แต่ก็พบว่าไอ้การคุยที�ไม่มีจุดหมาย ปลายทางแล้วก็แทบจะหาทางลงไม่ ได้นี�มันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ !
๑๒
เรื�อง:นพพล ศิษย์จานมะ ภาพ:เอ A: สวัสดีครับ วันนี�ผมนัด ผู้ชายขี�เหงาคนหนึ�ง มา พูดคุย เขาชื�ออะไร เป็นใคร ยังไง ก็ให้เจ้าตัวแนะนำดีกว่าครับ B: สวัสดีครับ ผมชื�อสหายเป เรียกเปตองก็ได้ ครับ A: แล้วไปไงถึงได้มาทำงานประเภทนี� B: เกิดจากความเหงาครับ ผมอยู่คนเดียว ไม่ได้ทำ อะไร มันเกิดจากความ กดดันเยอะๆ ก็เลยมาลง มาวาดเล่น A: ชื�อผลงานเซตนี�ชื�ออะไรนะ ที�เอามาให้ดู B: ที�เขียนไว้คือ มายฟรีแฮนด์ คือแบบมือฉันวาดไป A: แบบว่าจะมีคอนเซปท์ย่อยๆลงไปอีก B: ครับ A: มีงานน่าสนใจ อยากให้อธิบายผลงานที�เอาให้ดู B: มันมีเว็บหนึ�งเป็นเว็บนักวาดรูปภาพประกอบเล่น ก็เลย ไปกดถูกใจแล้วก็ไป ดูงานคนอื�นก็เลยเกิดแรงบันดาลใจ วันแม่แล้วก็เลยวาดๆแล้วเอาไปโพส (ในเฟส)ดูแล้วก็มีคนชอบ A:งั�นก็โยงเข้ามาคำถามที�เราจะถามว่าจุดเริ�มต้น จริงๆ ที�ทำงานประเภทนี� ก่อนหน้านี�เลย เริ�มต้นมายังไง? B: ความเหงาครับ เฮอะๆ A: จุดแรกๆเลยงานวาดมือพวกเนี�ย ตอนเด็กๆ เป็น คนวาดรูปรึเปล่า? B: ตอนเด็กๆชอบวาดรูปการ์ตูนเหรียญบาท เล่น อยู่คนเดียว A: การ์ตูนเหรียญบาท ยังไง? B: จะเป็นการ์ตูนตัวเล็ก แล้วจะมีบอสแต่ละด่านครับ เหมือนร็อคแมน มีขีด พลังแล้ว ถ้าออกหัวเราก็จะได้ตี�ครั�ง ถ้าออกก้อย เราก็จะถูกตี�ครั�งครับ A: เล่นกับเพื�อนเหรอ? B: เล่นคนเดียวครับ! A: โอ้โห้ ผู้ชายขี�เหงาจริงๆ นี�คือจุดเริ�มต้นของเรา B: นั�นล่ะทำเล่นๆ เพื�อนมาเห็นก็เลยเล่นด้วยกัน A: ทำให้เป็นจุดเริ�มต้นให้รู้จักเพื�อน จุดเริ�มต้น ประหลาดดีเนาะ แล้วแรงบัน ดาลใจให้ทำงานต่างๆคืออะไร? B: มันเกิดจากความเครียดครับ ถ้ามีความสุขไม่ทำ มีความสุขก็ไปหาเที�ยว A: แปลกเนาะส่วนใหญ่คนทำงานมันต้องอารมณ์ดี ไม่เครียดไม่กดดันถึงจะทำงาน ออกมาได้ อันนี�มันต้องกดดัน มันชต้องเครียด
(มาดเงียบขรึมที�หาเจอได้ยาก) B: แบบว่าพอมีความสุข มันไม่ได้ลงเอยแบบนี�ครับ ไปทำอย่างอื�นแทน A: ปรกติทำไรเวลามีความสุขอารมณ์ดีๆ B: โอ้วว มิตติ�งกับเพื�อนฝูงครับ A: รู้สึกจะมิตติ�งบ่อยนะ แสดงว่ามีความสุขเยอะ B: ครับ A: กลับมาอยู่คนเดียวก็เหงา B: เหงาครับ A: อื�ออ ชีวิตมึงนี�ผู้ชายขี�เหงาจริงๆ B: ฮ่าๆๆ A: แล้ว อะไรที�มีอิทธิพลต่อผลงานของเรา งานส่วน ใหญ่ของเราเป็นประเภทสื�ออารมณ์จาดข้างใจหรือใครศิลปิน คนไหน อะไรที�มีอิทธิพลต่องานเรา B: นี�ต้องเข้าไปดูเว็บอันนี� เยอะ มีอะไรให้ดูเยอะ ใน แฟนเพจนักวาดภาพประกอบเล่น มันจะมีผลงานของคนอื�น มีแต่เทพๆ A: ระบุได้มั�ย ว่าใครที�มีอิทธิพลต่อผลงานเรา ต่อการคิดเราเลย B: จะมีคนหนึ�งที�วาด อันนี�เป็นเด็กศิลปากรรึเปล่าวะ (ถามใคร) ชื�อจัง ใช่มั�ย? รู้จักมั�ย ก็วาดลายเส้นเยอะ อยาก วาดให้เหมือนเขาดู A: ประทับใจอะไรในผลงานเขา?
๑๓
B: มันเก็บรายละเอียด เค้าเก็บรายละเอียดเยอะครับ A: ผลงานก็เลยออกมาเป็นไอ้สามแยกนี�ใช่แมะ ของเ ขาไม่รู้ว่าสื�ออะไร แต่ของเราล่ะ สื�อถึงอะไร B: สื�อถึงความเหงาที�ได้อยู่คนเดียว.. A: เราทำงานเราใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง B: ดินสอครับ ตัดเส้นด้วยปากกาดำ (พิกม่า) A: ลายเส้นสวยดีเนาะ B: ขอบคุณครับ (^__^) A: แล้วงานๆหนึ�งอยู่กับมันนานมั�ย?หรือทำจนหาย เหงาหรือทำไปแล้วก็ไปทำอย่างอื�นบ้าง B: ก็วันนี�วาดดินสอพรุ่งนี�ก็มาลงปากกา A: เอ้อ จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทำแค่วาดรูปเรายังถ่ายภาพ ด้วย B: ถ่ายภาพด้วย ถ่ายรูปเล่นครับ ชอบถ่ายรูป A: จุดเริ�มต้นของการถ่ายมันมายังไงถึงมาถ่ายรูป B: ไปดูอะไรวะ? นี�แหละ ไปดูงานคนอื�น A: อีกและ! B: เอ้า มันก็ต้องมีแรงบันดาลใจ A: อ้า งานใคร จำได้มั�ย B: อืม..ไม่ได้ อยู่ในนิทรรศการแหละ ดูบ่อยเลยชอบ A: ก็เลยหัดถ่าย อืม รูปที�ถ่ายส่วนใหญ่เป็นรูปอะไร B: ได้หมดครับ ถ่ายเล่นๆชอบอะไรก็ถ่าย A: มีมั�ยแบบภาพที�ตัวเองชอบดูรึชอบถ่ายประมาณ บ้าน คน ต้นไม้ B: ถ่ายธรรมชาติมากกว่าคนครับ A: ที�ไหนที�ประทับใจมากที�สุดมีมั�ย B: ที�ไหนวะ (ยังไง) ไม่รู้ มันเยอะ A: แสดงว่าเป็นคนชอบเที�ยวไปป่าไปเขา งี� B: ชอบขับรถเที�ยวแต่ไม่มีเพื�อนไปด้วย A: โอ้วว ยังกลับมาที�คอนเซปท์เหมือนเดิม เขาคง คอนเซปท์จริงๆผู้ชายคนนี� ไปเยอะมากไปบ่อย? B: ไปบ่อย แต่ก่อนไปบ่อย A: ล่าสุด ไปที�ไหน B: ไปทับเบิก...รถพัง A: อ้าว...แล้วเวลาความคิดตนคิดงานไม่ออก เคยเป็นมั�ย ส่วนใหญ่ที�เคยเจอ คิดงานไม่ออก.... B: คิดไม่ออก จะขี�รถเล่น ขับรถเล่นในเมืองดูคนเดิน จริงๆ อยู่ในห้องมันตัน A: เพราะทำงานในห้องมันเลยใช่แมะ
B: อยู่ในห้องสี�เหลี�ยม มันก็ต้องตันเป็นธรรมดา A: แสดงว่าก็ต้องมีที�นั�งใช้ทำงานไรงี�ใช่มั�ย? B: ทำอยู่บ้าน...ร้านกาแฟ เอ้อ! A: ร้านกาแฟ ที�ไหน แนะนนำบ้าง B: ชอบไปวาดที�โน่น ชื�อไรวะ? อยู่แถวหนองแวง แอด มิลค์รึเปล่าวะ A: ไอ้ฝั�งโกดังรึเปล่าวะ? B: เอ้อๆ A: อืมเคยไปนั�งอยู่...อืมคำถามสุดท้ายแล้ว สมมุติถ้า ตื�นมา..เอ้อ ถนัดแขนข้างไหน B: ข้างขวา A: สมมุติแขนขวาไม่มี จะทำงานยังไง รึจะทำไงต่อไป B: ไอ้เหี�ย ถามคำถามเท่จังเลย ถามเรื�องแขนขาด A: เอ้า สมมุติแขนไม่อยู่ แขนไปที�ไหนซักแห่งแหละ ลืม ลืมแขนไว้ เป็นคนชอบลืมนิ� ได้ข่าว B: ฮ่าๆๆ A: ไปลืมแขนไว้ห้องเพื�อน แล้วถ้าจะทำงาน ทำไง? B: ก็มีมือข้างซ้ายเด้ ก็วาดไปดิ� A: วาดได้อยู่? B: อือ ก็ยังเงียะ(แล้วใช้มือซ้ายทำท่าวาดรูป) A: แสดงว่าเคยใช้ข้างซ้ายวาดรูป B: ไม่เคย! A: อ่าว... B: ทำอย่างอื�นแหล่ว มือซ้าย! A: จริงง่ะ B: ฮ่าๆๆๆ A: ตักข้าว ใช่มั�ย B: ฮะฮ่าๆๆ เอ้อ A: สระผม เอ้อ.....ก็จบลงไปในการสัมภาษณ์ ผู้ชาย คนนี� แล้วก็ผลงานที�จะ เอามาให้ดู เดี�ยวเราจะเอาลงให้ดูนะฮะ พร้อมกับคอนเซปท์ ที�เค้าอธิบาย ก็อย่างว่าละครับ เค้ายังคง เป็นผู้ชายที� ยังคงคอนเซปท์ ยัง คงเป็นผู้ชายขี�เหงาก็ขอบคุณ ที�สละเวลามาและอาจจะได้เจอเค้าในคอลัมน์อื�นๆเพราะจริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้ถนัดแต่วาดรูป ได้ข่าวว่าทำงานวีดีโอ อ้อ โปรโมท หน่อย เห็นว่าไปทำแฟนเพจรับทำงานรับจ๊อบเต็มที� เลย เปิดให้ฟรี B: อ๋อรับถ่ายวีดีโอทั�วไป เขียนไปเลย UTOPIA_TH เป็นเคลือเดียวกับฟินวิ�วสตูดิโอครับ ครับกว่าผมจะได้คุยกับเขา ต้องนัดล่วงหน้ากว่า สัปดาห์แน่ะ งานเยอะมาก อย่างวันก่อน ที�เรานัดมาคุยนี�เค้า ก็ติดถ่ายโฆษณา(เป็นคนถ่าย) ครับเป็น ผู้ชายที�มากฝีมือ และอนาคตไกลครับ กับสหายเป และฉบับหน้าจะเป็นใคร ก็ อย่าลืมติดตาม..
๑๔
ชื�อผลงาน - U&me (อิ�มใดใด) แนวคิด - วาดในวันแม่ อยากจะวาดอะไรที�มันดูแล้วอบอุ่น ความสัมพันธ์ของครอบครัวคือรากฐานที�อบอุ่น และทำให้ ผมก้าวเดินต่อไปอย่างมีความสุขและเข้มแข็ง เทคนิก - ปากกาพิกม่า แล้วแสกนภาพไปตกแต่งในโปรแกรม Photoshop
๑๕
ชื�อผลงาน - นายเพื�อนฉัน แนวคิด - ในวันที�ฉันต้องได้อยู่เพียงลำพังคนเดียว ฉันรู้ศึกเศร้าโศกและเสียใจ ฉันเคว้งคว้างและอ้างว่างคนเดียว ฉันมีเพื�อนคือความเหงาและความลำพังแต่สิ�งเหล่านั�นก็เป็นเสมือนเพื�อนที�อยู่ข้างกายแม้มันจะเจ็บปวด แต่สิ�งเหล่านี�มันก็คือ เพื�อนของเรา ตัวของเรา เทคนิก - ปากกาพิกม่า แล้วแสกนภาพไปตกแต่งในโปรแกรม Photoshop
๑๖
ชื�อผลงาน - ในวันที�ฝนตกหนัก แนวคิด - ในคืนที�ฝนตกตลอดทั�งวัน ไอ้หมีตัวใหญ่กลับยืนกางร่มตากฝนเพียงลำพัง เหลือแต่เพียงพื�นที�เล็ก เล็กพอ ประมาน เก็บไว้ให้คู่ของมันที�เคยอยู่ด้วยและหายไปในความเป็นจริง ถึงแม้คู่ของมันจะหายไป แต่ไอ้หมี มันก็ยังแบ่งพื�นที� ไว้เพราะความเคยชินในวันที�ยากจะหวนคืนกลับมา มันยังคงยืนตากฝน กับร่างกายที�เปียกชุ่มครึ�งท่อน เทคนิก - ปากกาพิกม่า แล้วแสกนภาพไปตกแต่งในโปรแกรม Photoshop
๑๗
ชื�อผลงาน - ผมเสก็ตรูปแล้วคิดถึงบทเพลงของ พราย ปฐมพร (จริงเพียงจริง) แนวคิด - ในวันที�เศร้าโศกเสียใจผมอยากจะวาดรูปขอทาน แต่ไปเสิร์จในกูเกิ�ลเจอเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวคล้ำ คนหนึ�ง ฉันเลยอยากจะวาดรูปของเธอ เมื�อตอนที�ฉันวาด จู่จู่ก็ได้ยินเสียงเพลงของพี�พรายปฐมพร เข้ามาในใจ เทคนิก - ปากกาพิกม่า แล้วแสกนภาพไปตกแต่งในโปรแกรม Photoshop
๑๘
ชื�อผลงาน - สภาวะช่องคลอด (ดั�งอยู่ในช่องคลอด) แนวคิด - ถ้าคุณเข้าไปในช่องคลอด เหมือนคุณได้แหวกว่ายในท่วงทำนองของเด็กทารก อย่าให้เห็นเป็น เรื�องอุจาต เพราะทุกคนล้วนเกิดมาจากช่องคลอด เทคนิก - ปากกาพิกม่า แล้วแสกนภาพไปตกแต่งในโปรแกรม Photoshop
๑๙
ชื�อผลงาน - คุณเคยรู้สึกไหม? ทั�งๆที�อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่กับรู้สึกโดดเดี�ยวเดียวดายในท้องเล แนวคิด - เหงาคำเดียวถึงได้ผลงานนี�ออกมา เทคนิก - ปากกาพิกม่า แล้วแสกนภาพไปตกแต่งในโปรแกรม Photoshop
๒๐
เรื�อง: นพพล ศิษย์จานมะ ภาพ:ฟินวิ�ว สูดิโอ
สีเขียว+เลข๘ +ชายที�ทำตามฝัน = หิน ฟินวิ�ว สตูดิโอ สวัสดีครับ วันนี� เราอยู่กับผู้ชายมากความ สามารถ ที�มี สัญลักษณ์ คือสี เขียวและเลข๘ครับ เค้าจะเป็นใครไม่ได้ นอก จาก คุณพี�หิน แห่งฟินวิ�ว สตูดิโอนะครับ สวัสดีครับพี� สวัสดีครับ ครับ ก็เรามาเริ�มคำถามแรกเลย ละกัน ตอนนี�เป็นยังไงบ้างพี� ทำงาน ทำ อะไรอยู่? ก็สบายดีครับ ทำงานที�ไหน? ทำงานเป็นลูกจ้างครับ ลูกจ้างประจำ โอเคแมะ? วันละ���บาท พออยู่ได้มั�ยพี�? ไม่ได้ครับ!เดือนนึงได้���� นอกจากงานประจำแล้วพี�ยังทำงานด้านอื�นมั�ย? ทำหนังครับ ทำหนัง ผลงานล่าสุดที�ผ่านไปคือเอ่อ ฉันนั�งรถไฟใช่มั�ย ก็นี�ไง(เปิดยูทูปให้ดู)จี�ดใจ เป็นผลงานประกวด จุดเริ�มต้นจริงๆที�ทำให้สนใจงานประเภท วีดีโอ มันมายังไงล่ะพี� ก็มาจากความรักครับ ชอบครับชอบส่วนตัว ชอบทำหนัง ชอบออกกอง ชอบอยู่กับเพื�อนๆ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี�ประมาณซักกี�ปีพี�? ที�เริ�มทำ? ใช่พี� จุดแรกๆเริ�มทำ ที�เราเข้ามารู้จักกับ มันเลย ประมาณปี๒ครับ ปี๒กลับไปก็๘ กีปีวะ? ๗-๘? โอ๊ยย โดนโพดดด บรู้ว่ะ!
๑.บาทาลูบไฟ (๒๕๕๑) แอ๊คชั�น คอมเมดี�
๒๑
๒.ขนมติดไฟ หัวใจติดกัน (๒๕๕๒) แอ๊คชั�น คอมเมดี� ปีพ.ศ.หยังพี�? ตอนอายุ�� รึเปล่า ปี� ก็ประมาณซัก.. �-�ปี ตอนนั�น รู้จักกับมันเพราะไปช่วยคนอื�น ครับเพราะว่าไปช่วยรุ่นพี�ถ่ายหนัง แล้วเรารู้จักมันมาก่อนมั�ย? ชอบมาก่อนแหละถึงได้ไปทำ ถึงได้ไปทำ เราอยากทำ อยู่แล้วก็พอเห็นแนวทางไป เราก็ไป แล้วผลงานเรื�องแรก ผลงานเรื�องแรกที�เป็นทางการคือ บาทาลูบไฟภาคแรก จุดเริ�มต้นที�มาเป็นหนัง เพราะอะไรพี�? เพราะตัวเองมีบทในหัวอยากทำเรื�องเกี�ยวกับเตะตะกร้อ แล้วก็ทีนี� ประจวบเหมาะกับที�ว่าต้องทำงานส่งอาจารย์ก็เลยเลือก ทำหนัง แล้วก็เลยทำเรื�องนี�ออกมา? ครับ นี�แหละ ก็ตัวผลงานก็จะเป็นฉากเหมือบรรยากาศอยู่ในภาค อีสานแล้วก็เป็นเรื�องราววัยรุ่น ใช่ๆ คือมันเป็นเรื�องราวใกล้ตัวบ่พี�? ใช่ๆเรื�องราวใกล้ตัว
อย่างตัวงานที�ออกมามันจะเป็นแบบเราจะสื�อสาร อะไรกับคนดูนอกจากเป็นอีสานนอกจากเป็นวัยรุ่น งานช่วงแรกๆไม่ได้ต้องการจะสื�อสารกับคนดูครับ ต้องการที�จะตอบสนองความต้องการของตัวเอง ไม่ได้ต้องการ ให้หนังมีประเด็นอะไรมาก เราอยากทำ ก็เลยทำ แค่นั�น มันเป็นอารมณ์แบบ อุดตันอัดแน่นอยู่ในใจแล้ว ระเบิดออกมารึเปล่า? ก็ประมาณว่าเราอยากทำอ่ะ เราอยากทำก็ทำเลย เราไม่ ได้สนใจว่าหนังมันต้องมีประเด็น มันต้องมีเรื�องที�จะเล่าต้องมีอะไร มากมายเยอะแยะ แค่เราอยากถ่าย เราก็ถ่ายไปเลย อันนี�งานช่วง แรกนะ ทำเพื�อความสนุก ไอเดียที�มาของงานแต่ละชิ�นเป็นยังไง เราไปเจอ อะไร ยังไง มาจากตัวเองล้วนๆเลย อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้มาจาก คนอื�นทั�งนั�นแคคิดว่าตัวเองอยากจะทำแค่นั�นจบพอแล้ว แล้วใช้เวลากับการคิดเรื�องคิดอะไรนิ�นานมั�ยพี�? ใช้เวลาคิดเยอะ คิด นานมาก กว่าจะออกไปถ่ายหนัง แต่ ละเรื�อง ทั�งๆที�ความจริงตัวหนังตลก ช่วงแรกที�พี�ทำออก มามันเป็นหนังแบบคนอื�นดู เหมือนมันไม่ได้คิดเลยแต่จริงๆ พี�คิด มีกระบวนการคิด โอ้ยย กูกางสตอรี�บอร์ดให้เบิ�งกะได้! ประมาณนั�น ก็คือเหมือนมันไม่มีสาระแต่กระบวน การของมัน...
�.บาทาลูบไฟ ๒ (๒๕๕๒) แอ๊คชั�น คอมเมดี�
๒๒
เออ คือจริงๆมันอาจจะไม่มีสาระน่ะแหละ แต่ว่ามันผ่าน กระบวนการคิดของผม ผมอาจจะคิดแบบไม่มีสาระแต่ แต่มันก็ ไม่มีสาระผ่านกระบวนการคิด อืม(กำลังประมวลผล)แล้วมีต้นแบบของพี�ล่ะ ใครที� มีอิทธิพลที�ทำให้งานออกมาเป็นแบบนั�นแบบนี� ที�เราเห็นกัน มันก็ไม่ถึงกับมีอิทธิพลอะไรร๊ออกก เพียงแต่เราดู หนัง แต่ละเรื�อง ก็มีอิทธิพลต่างกันเนาะ ลายเซ็นหนังแต่ละเรื�อง อย่าง ผมจะทำหนังแอคชั�น ผมก็ต้องดูตัวอย่างงานเป็นหนังแอคชั�น มุมกล้อง ของในการถ่าย อย่างทำหนังตลกก็ต้องดูหนังตลก แล้วสมมุติอย่างบาทาลูบไฟ หรือพวกหนังนั�นน่ะ เราไป ดูงานไหนมาบ้าง? บาทาลูบไฟคงมาจากองค์บาก ในเรื�องการแอคชั�น แล้วจากเรื�องแรกจนมาถึงเรื�องล่าสุด(ไม่นับ ประกวดเอ็มวี)ใช่มั�ย ไอ้ฉันนั�งรถไฟ มันต่างกันมาก เพราะ เราสั�งสมประสปการณ์นี�นั�นมาแล้ว... ไม่ๆ เรา พอเราเริ�มทำอะไรเกี�ยวกับตัวเองมาเยอะ มันกะ สิ มื�อหนึ�ง พอจะของเฮ็ดสิ�งที�จะของอยากเฮ็ดมาเบิ�ดแล่ว แล่วเฮ็ด แต่ของจะของ มื�อหนึ�ง มันกะมีอีหยังมากระทบใจอย่างเรื�องสังคม ภายนอกจั�งสิเฮากะสิเริ�มเฮ็ดอิหยังเกี�ยวกับสังคมภายนอกหลาย ขึ�น บ่อยากเฮ็ดอิหยังที�มันแค่เรื�องของจะของ เฮ็ดเรื�องมันใหญ่ๆ เบิ�ง แต่เหล่าผ่านมุมมองน่อยๆของคนหนึ�ง อย่างรถไฟมันเป็นสิ�ง เป็นอิหยังที�ทุกคนรู่อยู่แล่ว
๕.ฝ้ายผูกแขน (๒๕๕๔) ดราม่า ชนะเลิศอันดับหนึ�งโครงการคิด(ส์)ให้แม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
�.แม่ (๒๕๕๓) ดราม่า รองชนะเลิศอันดับสองโครงการพระในบ้าน เหมือนเป็นแบบมันเป็น ถ้าดูไปแล้วหนัง อย่างเรื�อง แรกกับหนังเรื�องล่าสุด เรื�องแรกมันเป็นแบบ เราคิดอย่างงี� ก็ทำออกมา แต่พอเรื�องล่าสุดมันเป็นแบบเหมือน จะกลาย เป็นว่านอกจากเราจะคิดอย่างนี� จริงๆแล้วเหมือนตัวหนัง ก็กำลังจะบอกแทนว่า คนกลุ่มนึง คนรากหญ้า คนกลุ่มนี�ก็ มีทัศนคติอยู่ในมุมอย่างงั�น ประเด็นของมัน อย่างบาทาลูบไฟมันเป็นตอบสนอง ความต้องการของตัวเอง มันไม่ได้ไปกำหนดโจทย์ว่าต้องมีอะไร แต่เรื�องรถไฟมันมีโจทย์ ว่าต้องทำเกี�ยวกับรถไฟ เราก็เลยทำ เกี�ยวกับรถไฟ แต่มันก็ยังมีความตัวของตัวเราอยู่ คือความกวน ตีน อยู่ในหนังอยู่ มันก็ต้องเป็นอย่างงั�นไป แล้วนอกจากเรื�องล่าสุดผลตอบรับที�ว่าเหมือนจะ เป็นกระบอกเสียงของคนรากหญ้าว่าคนรากหญ้าคนนึงเขา ใช้บริการรถไฟแล้วก็อีกอย่าง ผลตอบรับในด้านที�ไม่ค่อย ดีล่ะ เหมือนเค้าว่าหนังอย่างงั�นอย่างงี� จริงๆแล้วพวกเค้า เป็นพวกยอมรับความจริงไม่ได้? ไม่ใช่ไม่ยอมรับความจริง สมมุติว่ามึงเกิดเฮ็ดงาน อยู่ การรถไฟ มึงสิอยากให่คนมาเฮ็ดหนังด่าองค์กรของมึงบ่ล่ะ? บ้าติ มันกะบ่ได้ คนที�ด่า คือประชาชนทั�วไป ซึ�งประชาชนทั�วไป มีอยู่เหมิดประเทศ คนที�ด่ากูมีแค่คนที�การรถไฟถ่อนั�น แล้วกะซุม เกรียนๆในยูทูปที�มันบ่ได้เบิ�งหนังอีหลี มันกะเว่าว่า “ไม่รู้เรื�อง” เฮ้ย ทำเป็นมาด่า ก็ประมาณนั�นแหละ จริงๆแล้วก็ไม่ได้สนใจ
๒๓
หรอก คำด่าพวกนี� มันไม่มีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา อยู่แล้ว อยากด่าก็ด่าไป กล้าเอางานลงยูทูป ก็ต้องกล้าให้เค้าด่าสิ ก็ตอนนี�ลองนับดูแล้วใช่มั�ยพี� พี�ทำหนังอยู่กับพวก นี�มา ใช้ชื�อทีมฟินวิ�วมาจะ�ปีแล้ว �ปีแล่วบ่? น่าจะ�แล่ว อายุพอๆกับGTHเลย มีแปลนมั�ย แบบ จะทำอะไรแบบครบรอบอะไรรึเปล่า มีทิตติ�งรึเปล่า? มีครับเคือนตุลา ต้นเดือนตุลา กำลังจะมีนิทรรศการ ของฟินวิ�ว เป็นนิทรรศการของหินฟินวิ�วและทีม เป็นนิทรรศการหนังสั�นและภาพกระกอบของหินฟินวิ�ว คือเหมือนแกลอรี�ให้ดูเลย ผลงาน.. เป็นเอกสิบิทผลงานทั�งหมดของนี�แหละ จัดที�ไหนพี�? จัดที�ต้นตาล แกลอรี�ต้นตาล ช่วงประมาณตุลาคม? ต้นเดือนตุลา ยังไม่มีกำหนดแน่นอน? มี อาทิตย์ที��ของเดือนตุลาฯ ในใจคิดว่าหนังสั�นชิ�นไหนเป็นมาสเตอร์พีช? มาสเตอร์พีชของผมก็ต้องเป็นงานชิ�นแรก ถ้าไม่มีงาน ชิ�นแรกก็ไม่มีผลงานชิ�นที�� ก็คือบาทาลูบไฟ
๖.คนไล่รถ (๒๕๕๔) แอ๊คชั�น คอมเมดี� ได้รับทุนจากแมงโก้ทีวี ฉายในเทศการแบงกอกเวิร์ลด์ฟิล์มครั�งที� ๙
“เรื�องที�ใส่สุดๆไม่มีหรอก เราะว่าทำหนัง ภายใต้ข้อ จำกัดอยู่แล้ว มันไม่ได้อย่างที�เราหวังทุกอย่าง”
๗.ฝ้าย (๒๕๕๔) (แอนิเมชั�น) รองชนะเลิศอันดับหนึ�ง โครงการโฮม อีสานช็อตฟิล์ม
ก็สุดๆเลย มีทุกอย่างใส่ ก็ไม่ถึงกับว่าสุดๆ ก็มันเป็นแบบถ้าเราไม่ถ่าย หนัง เรื�องนี�มา วันนี�เราก็อาจจะไม่ได้ถ่าย เรื�องที�ใส่สุดๆไม่มีหรอก เราะว่าทำหนังภายใต้ข้อจำกัดอยู่แล้ว มันไม่ได้อย่างที� เราหวัง ทุกอย่าง แล้วสมมุติว่าถ้าเราคิด อย่างสมุมติพี�คิดจริงๆ หนังที� พี�อยากทำจริงๆมันต้องเป็นยังไงพี� แบบเรามี เรื�องแล้ว เราอยากทำจริงๆน่ะ ถ้ามันไม่ติดเรื�องข้อจำกัด เวลาหรือมีตีมอะไร กำหนด แล้วหนังมันจะเป็นยังไง หนังผมมันต้องเป็นผม ผมต้องเป็นคนที�คุมทุกอย่าง ผมต้องเป็นคนเลือกคนทุกคน แล้วผมอยากได้หยังต้องได้ ประมาณนั�น ผมต้องเป็นคนเขียนบท ผมอยากเฮ็ด ผมก็ต่อง ได้เฮ็ด คันผมเหมื�อยผมกะสิบอกเซา เป็นคนเอาแต่ใจจะของ ก็ เป็นคนที�มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อืม อืม
๒๔
คำถามสุดท้ายพี� ขอ๘คำเกี�ยวกับหนังสั�นครับ! พ่อมึงติให้กูนับจั�งได๋วะ? พ่อ มึง ติ ให้ กูนับ จัง ได๋ แม่ง เลยแล่ว! (อ้าว เอางี�เลยเหรอ?) ฟิน วิ�ว สะ ตู ดิ โอ แม่ง เจ๋ง…..เอ้อ! ...ขอบคุณครับพี� ส่ำนิ�ติ? ครับ ขอบคุณที�ให้เกียรติมาให้สัมภาษณ์ มึงสิไปถอดเทปอีกติ? ครับ เบ๊ย แม่งโคตรขยันแท่วะ! ก็จบกันไปกับพี�ชายคนขยัน ที�ยังคงตั�งใจทำสิ�งที�ตัว เองฝัน ต่อไปอย่างแน่วแน่ มั�นคง ส่วนเล่มหน้า จะเป็นเรื�อง ราวของใครก็ โปรดติดตามนะครับ!. *ปัจจุบันนี�๑ กันยายน๒๕๕๕พี�หินลาออกจากงานอย่าง เป็นทางการ เพื�อออกมาทำในสิ�งที�ต้องการจริงๆ ตัวผมเอง ก็ได้ รับเชิญไปร่วมดื�มที�ร้านเหล้าเขตหลังมอก็เมาและอ้วกไปตาม ระเบียบ
๙.เชิฟ เชิฟ.(๒๕๕๕) ดราม่า ทริลเลอร์ ได้รับทุนจากเทศบาลนครขอนแก่น โครงการหนังสั�นสิ�นเมษา
๘.ฤทธิ�ไอ้หนุ่มหมัดพยัคฆ์อัคคี (๒๕๕๕) (แอนิเมชั�น) ชมเชยโครงการแอนิเมชั�นรู้ทันโรคไม่ติดต่อ
๑๐. ฉันนั�งรถไฟไปเยี�ยมแม่ที�กำลังจะตาย แต่ไปไม่ทัน แม่ฉันตายก่อน ฉันรักการรถไฟจังเลย. (๒๕๕๕) แบคคอมเมดี� ดราม่า รางวัลมหาชนคนกดไลค์ ในโครงการ “ในความผูกพันของฉันกับรถไฟไทย”
๒๕
เรื�อง:นพพล ศิษย์จานมะ ภาพ:ฯลฯ
“ผู้ชายอารมณ์ดี มีพุง กับ การใช้เสียง”
สวัสดีครับ พบกับคลื�นเสียง ครับ วันนี� เราก็มา พบกับ ผู้ชายอารมณ์ดี มีพุงนะครับ แนะนำตัวด้วยครับ ครับ ผมปั�กครับ เท่หล่อ เฟี�ยวเฟิร์มท่อนบนแต่ท่อน ล่างไม่ ครับเค้าเป็นรุ่นพี�คณะฯผมเองนะครับ ก็คนกัน เองรู้จักกันมานานแล้วก็ที�เชิญมาวันนี�ก็เราไปรู้ ว่าว่าเค้า มีความสนใจเกี�ยวกับการ ใช้เสียง แน่นอนครับ เค้าไม่ใช่ คนที�เงียบขรึมอะไรหรอก เค้าเป็นคน ที�สนุกสนาน เฮฮา ก็อยากจะให้เล่าที�มาที�ไปของตัวเองก่อนเป็นใครมายังไง ครับ พื�นเพพื�นฐาน
จริงๆผมก็เป็นคนทุกที�ครับพ่อผมเป็นคนราชบุรีแม่ผม เป็นชุมพรผมก็เลยไม่รู้ว่าเป็นคนที�ไหนเอาเป็นว่าเป็นคนทุกที ดี ที�สุด ก็อายุ�� แต่หน้า�� ซึ�งตอนที�ไปโรงบาลกับแม่ เพื�อนแม่ ถามว่ามอไหนแล้วลูก? เราก็เกิดเสียงในใจ “ว้าวว หน้าทรยศ อายุจริงๆเลย” เค้าถามว่ามหาวิทยาลัยไหนรึเปล่า? เปล่า เค้าถามว่าอยู่ชั�นมัธยมไหนแล้วลูกฮ่าๆๆ ก็นึกว่าถามว่าอยู่มอไหน มหาลัยไหน? ถามว่าอยู่มอไหนก็มอขอนี�แหละรับ
๒๖
“ซื�อไก่แถมกระดูก”คือมันปรกติแต่มาพูดทำไม? มันนาสนใจ ผมก็เลยเริ�มต้นพากย์เอาการ์ตูนมาพากย์เองบ้าง เล่นๆกับเพื�อนแล้วก็หลังจากนั�นก็เลยไปที�สนามฟุตบอลกับ เพื�อน กะไปดูเค้าเล่นบอล ก็เลยไปเจอกลุ่มนึงเค้าคุยกันสนุก สนานแต่ผมนั�งไกลเค้าแล้วไม่รู้ว่าพูดอะไร ไม่ได้ยินก็เลยเพื�อให้ การคุยกันมันสมบูรณ์ขึ�น ผมเลยให้เสียงกับเนื�อเรื�องที�เราคิด ขึ�นสดๆ พากย์ใส่ จากซีเรียสๆก็กลายเป็นอุบาทว์ ลามกโปก ฮาเข้าไปใส่ซะ ประมาณนั�น มีผลงานไรมั�ย ผลงาน มี ตอนนี�อยู่กับเพื�อน ถ่ายเสร็จแล้วล่ะเป็น สารคดีหมา เป็นหมาของเพื�อนตัวนึงชื�อซัดดำ เป็นหมาที�อินดี� มากๆ มันเป็นหมาที�หื�นด้วยละแวกแถวนั�นนิ�เจอมันหมดทุกตัว แล้ว ผมก็เลยพากย์เสียงใส่ เหมือนไอ้หมายากูซ่า บทมันผม เป็นคนพากย์เสียงเอง บางทีมันก็เอาแมว อันนี�เรื�องจริงครับ เอาแมว? เอ้อ แมว มันก็วิ�งเข้าแมวก็นึกว่าจะกัด ดันเชื�อง ผม พากย์เป็นหมาเพื�อนผมพากย์เป็นแมว เพื�อให้เนื�อเรื�องสมบูรณ์ แล้วเร็วๆนี�เพื�อนก็จะเอาลงยูทูบครับ เอ้อ มีไอดอลอีกคนนึง คือมิสเตอร์ไบรอั�น ที�พากย์เสียงในคลิปในยูทูป เค้าเป็นนักดนตีนิ�? เค้าเป็นนักดนตรีวงโรสเสสฟอร์ เพลงเค้ามันส์ าก ครับ
ส่วนตัว
เย่ส์! ก็ตอนนี�กำลังทำอะไรรึเปล่า หรือทำธุรกิจ
ก็โครงการเยอะครับ ส่งออก เกี�ยวกับรถยนต์ ปัจจุบัน ก็กำลังดำเนินการอยู่ครับ ก็เริ�มต้นแล้ว เข้าเรืองละกัน ไปไงมาไงไอ้ความสนใจกับเสียง เสียงผมว่ามันบ่งบอกอารมณ์บางทีได้ยินเสยงก็รู้ ว่าไม่จำเป็นต้องมองหน้าเค้า แค่ได้ยินเสียงก็สีหน้าอารมณ์ ของเค้าเป็นยังไงคือได้ยินเสียงปุ๊บ รู้ว่าเค้าทำหน้ายังไงอยู่ แล้วจุดเริ�มต้นของเราไปเจออะไรมากระตุ้น เจอ แรกๆเจอพากย์หนังก่อน ของทีมพากย์ พันมิตร ก่อนหน้านั�นก็พากย์ชินจัง ซึ�ง�ในทีมนั�นพากย์ไว้ คือน้าติ�ง พากย์เป็นพ่อชินจัง หลังจากนั�นก็ดูหนังไปเรื�อยๆ ก็ติดตามดู จะเป็นทีมแรกที�ให้เสียงตัวรองๆคือไม่ได้มีแค่ตัวหลักๆ เป็นตัวสมทบ? เป็นตัวสมทบ คือ เฮ้ย!มีอย่างงี�ด้วยเหรอวะ? คือมัน ฮาดีเว่ย ประมาณ “ซื�อกางเกงแถมคราบครับ!”ไรงี�
๒๗
(กับบทบาทการแสดงละคอนคณะศิลปกรรมศาสตร์ กาลครั�ง๓ ผ่าโลกยุดหิน คนใส่หูใหญ่) นี�คือจุดเริ�มต้น หลังจากนั�นก็เลยเข้าไปแล้วรุ่นน้องก็โทรมาถามไป พากย์เสียงละคอนคณะฯให้หน่อย เราก็เลยเอาวะ วันไหนล่ะ อีกไม่กี�วันนี�แหละ แล้วก็ค่อยไม่มีเวลาเตรียมตัว ไปสดก่อน รอบแรกไม่เท่าไหร่รอบสองรอบสาม ชอบ ฮา อย่างการใช้เสียงนิ� มันก็ต้องมีการดูแลเสียง แล้วเราดูแลยังไง? ไม่พูดแผดเสียง หรือตื�นเช้าๆมาไปเบ่งเสียงเลยให้พูด ระหว่างโทนต่ำๆก่อนแล้วค่อยไล่ๆไปแล้วน้ำเสียงจะไม่แหบพูด ดังๆแค่ไหนก็ไม่แสบ เพราะผมเคยร้องเพลงฮาร์ดคอร์มาก่อน มันจะมีวิธีดูแล มันใช้วิธีเดียวกัน ความรู้ตรงนี�เราไปเจอจากที�ไหน? ตอนผมฝึกร้องเพลงตอนมัธยม แล้วมันต้องร้อง เพลงฮาร์ดคอร์แล้วเพลงเสียงสูงอีก ซึ�งเพื�อนนักดนตรีมัน อา มันส์ไง แต่มันไม่สงสารนักร้องผมก็เลยคิดวิธีให้ตนเองผ่านไป ได้ ก็เลยไปดูมาหลังจากนั�นก็ฝึกอยู่�-�ชั�วโมง เอาห้องอัดเป็น รถยนต์ เข้าไปร้องในนั�น จริงๆร้องจนได้ ในวิธีการ รู้หมด แล้ว เลยผ่านมาได้ อ๋อ ยังนี�เอง เค้าถึงร้องได้ยาว งั�นแสดงว่า การพากย์ก็ไม่ต่างกัน มันใช้เสียงเหมือนกัน พากย์จะหนักกว่า เสียงสูงเสียงต่ำ หลายอารมณ์ เมโลดี� มันค่อยข้างจะเหนื�อย
งั�นเราจะถามทัศนคติเกี�ยวกับเสียง มันมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตมาก มีเสียงบางเสียงทำ ให้อารมณ์เปลี�ยนไปเลยก็ได้ จากเครียดเป็นสนุกสนาน จาก สนุกสนานเป็นเครียดหรือกลัวไปเลยก็ได้ มันมีอิทธิพลลองคิด ดูถ้าเกิดโลกใบนี�เราเดินอยู่ทุกๆวันเห็นแสงเห็นภาพแต่ไม่ได้ยิน เสียง คิดว่าทุกคนจะทำหน้าทำตายังไง จริงมั�ย มีครั�งหนึ�ง ผม เลยลองสร้างบรรยากาศ ผมเดินไปเจอหมาตัวนึง อยากให้มัน หลีก ไม่กล้าเตะหมาก็เลยทำเสียง“อีดส์”ให้เหมือนเสียงคนเตะ ในหนัง มันก็สะดุ้งและวิ�งหนีไป เหตุเกิดเมื�อวานนี�เอง เคยมีปัญหาเกี�ยวกับเสียงมั�ย? มี แหบเป็นอาทิตย์ทำอะไรไม่ได้เลย เป็นหวัดแถมเปิด พัดลมถ่ออีกด้วย ถ้าเกิดมาวันนึงเสียงหาย จะใช้ชีวิตยังไง ก็ปรับเปลี�ยนเป็นละครใบ้แทน ชั�วคราว เอาล่ะโค้งสุดท้าย ฝากอะไรกับคนที�หลง เข้ามา อ่าน อยากฝากไว้ ก็ อ่า ไอ้เนี�ย เย็นตาโฟตรงโต้รุ่ง อร่อยมาก นี�ของฝากที�อยากฝากไว้นี� ครับก็จบลงไปกับผู้ชายคนนี�ที�ชื�อปั�ก เค้าเป็น ผู้ชายที�อารมณ์ดีจริงๆ ก็นะครับ เล่มหน้าจะเป็นใคร ก็โปรดติดตาม สวัสดีครับ.
๒๘
เรื�อง/ภาพ:นิกร มานพ
คุนหมิงเมืองไทย ไม่ไป ก็น่าจะไม่รู้จริงๆ เอฟ>
เนส>
ผมเป็นคนขี�ร้อน เหงื�อออกง่าย ฉะนั�นการขี�รถถ่อลม จึง เป็น กิจกรรมที�ผมชอบมาก ผมขี�จักรยานของตัวเอง ครั�งแรกตอน อยู่ชั�นป.๔ (๑๓ปีก่อน) จากนั�นโลกของผมก็กว้างขึ�น ผมใช้มันไปใน ที�ต่างๆ และไกล และก็ไกลๆยิ�งๆขึ�นไป ไกลสุด เท่าที�รู้น่าจะราวๆ ๓๐-๔๐กิโลเมตร ขี�ข้ามหมู่บ้านข้ามตำบลไปโผล่อีกอำเภอนึงเลยล่ะ ทั�งๆที�ยังเด็กแท้ๆ ไม่มี ความกลัวในหัวเล้ย นี�แหละ พอโตมาหน่อย มีรถมอเตอร์ไซค์ โลกของผม ก็กว้างขึ�น กว่าเดิมอีกหลายเท่า และ ผมก็กลายเป็นเด็กชอบ(ท่อง)เที�ยว ไปโดยปริยาย แต่ผมว่านี�มันดี กว่าการเป็นเด็กที�เที�ยวในสถานที�อโคจร น่ะนะผมว่า เที�ยวยังงี�มันดี กว่ากันเย้ออออ และเรื�องราวการท่องเที�ยวที�ผมจะเอามาเล่าให้อ่านนี� ก็เป็นการท่องเที�ยวที�ผ่านมานานร่วม๔ปีกว่าแล้วครับ มันเป็นการ ท่องเที�ยว แบบสั�นๆที�ผมเรียกว่า “เที�ยวทั�วไทยใน๑วัน” การเดิน ทางไปไหนก็ได้ ไม่จำกัดระยะทางเพียงแค่จำกัดเวลาไป-กลับเท่านั�น ซึ�งก็คือ๑วัน (จริงๆ ต้องบอกว่าระยะเวลาช่วงกลาวงวันตั�งแต่ สาย จรดเย็นจะถูกกว่า)และไม่ ต้องวางแผนอะไรทั�งนั�น แค่ตั�งเป้าหมาย ที�จะไปก็พอ นอกนั�นก็รอพบกับ ความตื�นเต้นเร้าใจที�จะพบระหว่าง เดินทาง
นิล>
ผมขุดเรื�องราวการเดินทางครั�งนี�ออกมาจากความทรงจำ ที�เก็บเงียบมานาน เคราะห์ดีที�ผมมีกล้องบันทึกภาพด้วย แม้มันจะ เป็นส่วนนึงของโทรศัพท์มือถือก็เถอะ แต่ก็ช่วยให้การรื�อค้นความทรงจำทำ ได้ง่ายขึ�น ซึ�งเรื�องราวจะเป็นยังไง โปรดทัศนา.... ราวๆต้นปี๕๑ ช่วงจะจบชั�นม.๖ ตอนนั�นเป็นช่วงที�อยาก ทำกิจกรรมร่วมกับเพื�อนเพื�อที�จะได้มีความทรงจำดีๆไว้นึกถึงเกี�ยว กับ เพื�อน (อินกับหนังเรื�องไฟนอลสกอร์น่ะ อินมาก ช่วงนั�น ดูแผ่น ทุกวัน แผ่นแท้ ด้วยน้า ซื�อเอง) และสิ�งที�ผมกำลังบ้าคลั�ง อยู่ในตอน นั�นก็คือ การขี�รถ มอเตอร์ไซค์ไปเที�ยวที�ไกลๆ (ขับรถกินลม) ผมจะ มีเพื�อนที�มีความ คิดเรื�องขี�รถเล่นนี�คนนึงที�เป็นตัวตั�งตัวตีและไปกับ ผมบ่อย ชื�อเอฟ ผู้ชายร่างเล็ก (หน้า เหมือน ลูกแพรอุไรพร)ผมกับ มันคุย กันว่าวันหยุดวันครูหาขี� รถกัน มันก็ถามว่าไปไหน ผมว่าไป น้ำหนาว(มันอยู่ห่างจากชุมแพไม่เท่าไหร่) มันโอเค แต่ผม คิดว่าไป กัน๒คน มันไม่ เท่าไหร่ว่ะ ไปกันบ่อยแล้วแถมมีแต่ผู้ชายอีก ก็เลย ไปชวนเพื�อนมาอีก๒ คน เป็นผู้หญิง ขาลุยเหมือนกันนี�แหละชื�อเนส กับนิล เรานัดรวมพลกันหน้าโรงเรียนชุมแพศึกษา โรงเรียน ของเรา ในเช้าวันหยุดวัน ครูซึ�งก็คือวันถัดมา
๒๙
และเช้าวันต่อมา ผมตื�นแต่เช้าตามปรกติอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวขอตังแม่มา๑๐๐ แล้วออกจากบ้านกับรถ มอเตอร์ไซค์ คู่ใจ คู่ชีวิต ผมกับเอฟเจอกันที�ศาลาหน้าโรงเรียน (ตอนนี�โดนรื�อ ออกไป แล้วเพื�อขยายถนน) ผมกับมันรอเนสกับนิลอยู่ซักพัก รู้สึกว่ามันชัก จะนานแล้วก็เลยโทรหามัน ตกลงพวกมันตื�นรึยัง เนี�ย(รอนานแล้ว) จำได้ว่าตอนนั�นราวๆ๑๐โมงเช้า คุยไปคุยมา ผมกับเอฟก็เลย ขี�รถ ไปหาพวกนั�นดีกว่านิลเช่าบ้านอยู่ในตัว อำเภอชุมแพนี�แหละพอไปถึง มันยังไม่อาบน้ำกันเล้ย แต่พอทุกคนพร้อม เราก็ออกเดินทางกันเลย (ตอนนั�น กำลังอยู่ในช่วง รณรงค์เปิดไฟใส่หมวก แน่นอนครับ พวกเรา ไม่ใส่) พวกเราบ่ายหน้าไปตามถนนมุ่งหน้าสู่น้ำหนาว แต่พอ แวะเติมน้ำมัน กลางทางผมก็ทะลึ�งเปลี�ยนเส้นทางซะงั�นเพราะคิดว่าไปน้ำหนาวมันก็ คงหนาวนะแหละ แล้วอีกอย่างคนคงเยอะ งั�นก็ไปที�อื�นเถอะ และผม แนะนำให้ไปภูเรือ!!!ทุกคนร้องว่าเหี�ย มันไกล! ครับ คำว่าไกลมันไม่ เคยมีผลอะไรกับผมเลย ผมบอก ยังไงก็จะไป(ทั�งๆจริงๆที�อยากไป ภูเรือเพราะมันน่าไปเคยไปทีนึง ก่อนหน้านั�นนานมาก ภาพ ติดตา) แต่สุดท้ายผมก็ยอม พวกมันเพราะพวกมันบอกว่าเรา ไม่ มีหมวก กันน็อค ยิ�งไปไกล อาจป๊ะตำรวจ ซวยตายห่า แล้วเราก็แวะ พักเพื�อ คุยกันอีกที (ช่วงที�เถียงๆกันเราเถียงกันบนมอไซค์)ภูกระดึง กันมั�ย เพื�อนยกตัวอย่างขึ�นมา ผมส่ายหัวและบอกว่าไปทำไม คนไป เยอะแล้ว และขณะนั�นเองมันผมเห็นป้ายไปคุนหมิงเมืองไทย (เคยได้ ยินแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง น่าสนใจว่ะ)แล้วเป้าหมายของเราก็เลยเป็น คุนหมิงเมืองไทยแห่งนี�นี�เอง!!! *ตอนนั�น ผ่านบ้านเพื�อน ชื�อฝ้าย เราชวนมันไป แต่ด้วย ความที�รถไม่พอนั�ง เลยบอกให้มันเอารถเข็นมาพ่วงกับมอไซค์ผม โดยผมจะเป็นคนนั�งเอง แต่เพื�อนก็กัดฟันพูดว่า “อย่าลำบากเล้ย”
๓๐
จนไปถึงที�แห่งนึงมีภูเขาหิน เราคิดว่าเข้าเขตคุนหมิงแล้ว เอ้า อีกนิดเดียว จากนั�นเราก็ขี�ไปเรื�อยๆอีกพักใหญ่ ข้ามเขาไปหลาย ลูกเลย จนพบว่าทางที�เราไปนั�นมันไปสุดที�หมู่บ้านแห่งหน่ึง เอ๊ะ มันยังไงล่ะเนี�ย ข้างหน้าถ้าไปต่อนี� ก็เป็นสวนเป็นไร่ชาวบ้าน เราเลย ต้องไปถามชาวบ้าน ว่าไอ้คุนหมิง ไรนี�มันอยู่ไหนกันแน่? คุณยาย ท่านนึงก็เลยตอบว่า “ข้ามเขาที�ผ่านมานี�กลับ ไปอีก๓ลูก!” เหยด นี�เราขี�เลยง้านเรอะ!!!!! ก็หัวเราะให้กับความโง่ตัวเอง ทำไมผมไม่ ถามเขาตั�งแต่แรก ชอบไม่ถามทางเล้ย ไงล่ะมึง ๕๕๕+ เราขี�ย้อนกลับมาและพบป้ายทางเข้า เฮ้ย นี�มันแถวที�พวก กูขี�ผ่านภูเขาหินนั�นนิ�ไอ้บ้า ถ้าพวกผมสังเกตซักหน่อย จะพบว่าตอน ที�พวกเราแวะพักถ่ายรูปตรงถนนแล้วเห็นภูเขาหินเป็นฉากหลังมัน อยู่ตรงนี�นี�เอง ฮ่วยยย เราเลี�ยวเข้าไปข้างใน ซึ�งข้างในก็เป็นทางลาด ลงที�เร้าใจมาก เพราะมีรถบัสคันใหญ่ จอดอยู่ข้างล่าง หากโง่ขี�นี�ก็ใส่ กลางลำตัวรถบัสแน่ๆ ไม่มีพลาด เราจึงชะลอความเร็วและค่อยๆขี� เลี�ยวผ่านไปหาที�จอดกัน พอเข้ามา ในคุนหมิงก็พบว่าวันนั�น มีเหล่า นักเรียนมาทัศนาจรกันเยอะแยะ โรงเรียนอะไรก็ไม่รู้ลืมไปแล้ว และ ก็มีร้านค้าร้านอาหารตาม๒ข้างทาง
๓๑
วันนั�นนอกจากพวกผมและทางกลุ่มนักเรียนนั�นตรงนี� ไม่มีนักท่องเที�ยวอื�นเลย เราพักที�นี�พักนึง มันมีถ้ำในเขาที�ผมเห็น จากข้างนอกตอนนั�น เค้าบอกว่าจะเข้าไปมันต้องมีไกด์พาเข้า เดี�ยว จะหลง ผมก็เลยคิดว่า งั�นไม่เข้าก็ได้ ขี�เกียจคุยกับใกล้ น้าน อินดี�ไป ไหนนิ� แล้วเราก็ออกจากตรงนั�นเข้าไปข้างในอีก ซึ�งมีสถาน ที�ท่องเที�ยวอีกสองสามแห่ง พอเข้าไปก็พบว่า กลุ่มนักท่องเที�ยว มากมาย อ๋อ พวกมึงมากระจุกอยู่นี�เอง มันเป็นน้ำตกเล็กๆที�ชื�อ “น้ำตกเพียง ดิน” แต่ตอนนั�นผมยังไม่แวะ คือขี�ผ่านไปอีก มันก็มีที�เที�ยวอีกที�อยู่ ขณะนั�นผมก็พบป้ายเล็กๆที�เขียนว่า “องบาก๒” ตอน แรกก็งง ป้ายมันมาโผล่ไรแถวนี� จนได้คำตอบ จากลุงๆที�เป็นไกด์ เที�ยวของวัดในเขาที�เราแวะพัก บอกว่าหลังเขาที�เราอยู่นี�ไป คือ สถาน ที�ถ่ายทำหนังองบาก๒ ซึ�งตอนนี�เค้าจะมาถ่ายต่อ หลังจาก นี�อีก๒-๓วันนี�แหละ เพื�อนผมก็ถามไปแหละว่าเข้าไปดูได้มั�ย? ลุงแก ก็บอกว่าได้ แต่อย่าเข้าไปใกล้มากล่ะ เดี�ยวเป็นเรื�อง พวกผมก็ครับ ๆ แล้วขี�มอไซค์เข้าไปดูก็พบปากทางเข้าที�มาสายยางที�เขาเอาไว้กัน คนวางอยู่ที�พื�น ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นห้องน้ำที�ทำด้วยสังกะสี ครับ ผมก็นึกอุตริถ่ายรูปห้องน้ำโดยมีเพื�อนเป็นนางแบบกับนายแบบ จากนั�นพวกผมก็เดินลงไปข้างล่างทางที�ลาดเข้าสู่ที�ถ่าย หนัง ปาก ทางเข้านั�นเป็นช่องเขาที�มีไม้กั�นยกขึ�น มีร่องรอยคนก่อ กองไฟ เมื�อไม่นาน มองผ่านเข้าไป ก็พบอาคารที�ทำด้วยไม้ ครับ ตรงนี�มัน เป็นสถานที�ถ่ายฉากหมู่บ้านโจรที�ตัวพระเอกในเรื�องมัน มาอยู่ ผมและเพื�อนยืนมองความยิ�งใหญ่ของโลกภาพยนตร์ อยู่พัก นึง ก็เลยกลับออกมาและพูดกันเล่นๆว่า จะเอารูปไปลงสปอยให้คน รู้ในเน็ตแต่อีกใจก็กลัวโดนฟ้อง ไรงี�
*ตอนนี�หนังก็ฉาย ไปแล้วก็น่าจะไม่เป็น อะไรแล้วมั�ง! ถ้าจะเอามาลงให้ดู
๓๒
จากนั�นเราก็ไปที�น้ำตกเพียงดินกันซะที น้ำตกเพียงดินนี� เป็นน้ำตกที�มีขนาดเล็กกระทัดรัด แต่ก็รายล้อมไปด้วยนี�นั�งพักหรือ กินดื�ม มีร้านค้าร้านอาหารหลายร้าน เราพักผ่อนที�นี�พักใหญ่และกิน ขนมที�เราซื�อมา เพื�อนก็ไปซื�อน้ำและส้มตำ แล้วเราก็ลองเอา ขนมมา กินกับส้มตำ ผมพบว่าไอ้ข้าวเกียบตะวันไรเนี�ย กินกับส้มตำได้จริงๆ ก็คือใช้มันตัก เนื�อส้มตำขึ�นมาแล้วยัดใส่ปาก อื�ม กรุบกรอบ หลังจากนั�นก็เดินเล่นไปทั�ว และถ่ายรูปต่อ บ้าๆป่�วงๆ กันไปตามประสาวัยรุ่น
๓๓
หลังจากที�พักผ่อนจนพอใจเราก็ลานำตกเพียงดินนี�ไปอีก แห่ง ซึ�งก็คือ “น้ำตกสวนห้อม”เป็นน้ำตกเล็กๆ แต่จะสูงกว่าน้ำตกเพียงดินอยู่มาก และอยู่ห่างกันมาพอสมควร โดยน้ำตกนี�อยู่ในหมู่บ้านที�ผมก็ลืมชื�อไปแล้วเหมือนกัน เพื�อนๆผมก็สนุกสนาน กับการ เล่นน้ำกัน พร้อมกับการเป็นนายแบบ-นางแบบให้ผมได้กดชัตเตอร์ ผมก็เอาเท้าจุ่ม น้ำ มันเย็นดีพิลึกแฮะ ผมมองขึ�นไปบนยอดเนินที�น้ำ ไหลลงมาก็คิดในใจ มันต้องไหลมาจากเขาหรือเนินที�สูงกว่างั�นสิหรือ ใครต่อท่อไปปล่อยน้ำลงมากันแน่? คิดไปก็ไม่มีคำตอบ ๕๕๕+ แล้วพอดูเวลาว่าเย็นพอสมควร เราก็ลากลับ โดยขากลับ แวะบ้านเพื�อนฝ้าย(อีกครั�ง) และเล่าเรื�องทั�งหมดให้มันฟัง มันบ่นว่า อิจฉาอยากจะไปด้วย แล้วจากนั�นเราก็มุ่งหน้ากลับชุมแพ ตอนนั�น เวลาก็น่าจะ๕-๖โมงเย็นแล้ว และนับว่าเป็นการจบการท่องเที�ยว
ตลอดทางไปกลับ เกิดเรื�องราวมากมาย เราทะเลาะกัน หลายเรื�อง แต่สุดท้ายก็ก็ลืมๆมันไป เพราะมันมีอะไรที�น่าสนใจกว่า นั�นเยอะ(ถึงเพื�อนหญิงของผมจะบ่นว่าร้อนหรือปวดก้น แต่มันก็เลิก บ่นไปเลย) มันเป็นความสนุกที�ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนจากกิจกรรม ที�เราไปผจญมาด้วยกัน มันทำให้เราสนิทกันมากขึ�น รักกันมากขึ�น และก็ก็ทำให้มีการเดินทางครั�งต่อมาเรื�อยๆ และทั�งหมดก็คือการเดินทางที�เต็มไปด้วยเรื�องราวของ มิตรภาพ เฮ้อ เป็นการเดินทางที�ไม่มีการวางแผนใดๆทั�งสิ�น ทุก อย่างมีการเปลี�ยนแปลงตลอดเวลา เหลือแค่ว่าพวกผมจะเอายังไง กับของพวกนี� ช่างหัวมันครับ ชีวิตเราอย่าไปอะไรมากมาย อยากทำ อะไรก็ทำลงไปให้สุดๆละกัน พบกับผมอีกครั�งในฉบับถัดไป ลุ้นๆ นะครับ ว่าผมไปที�ไหนและจะเกิดอะไรระหว่างเดินทาง. ปล. ว่างๆก็ออกไปขับรถลับลมกันบ้างนะครับ อากาศ มันเย็นดีจริงๆ
๓๔
โดย ลุงลุง
กลอนมีหลายแบบ หลายอย่าง หลายประเภท เช่น
กลอน�
กลอน�
กลอนประตู
กลอน�
กลอนหน้าต่าง
กลั�นกลอน
กลอนห้องน้ำ
กลอนลั�ม!!!
๓๕
ตลก ตลก ตลก!!! กันมามากพอแล้ว เรามาเข้าเรื�องกันดีกว่า อันชื�อว่ากลอนนั�น มันแอบแฝงในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าตอนตื�นนอน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ ไปเรียน โดดเรียน เล่นคอม พลิกข้อมือ บลาๆๆๆ ฯลฯ ทั�งหมดนี�เราไม่เอา แต่จะพูดเรื�องหมาเดือน� ห้าๆๆๆๆๆ พ่อง เรามาเริ�มกันเลยดีกว่า
“ อ้วววเจ้าหมา เดือนเก้า เจ้าเห่าหอน เสียงเหมือนกลอน ลำไล ไกลเหมือนฝัน เสียงเจ้านี� โหยหวน จวนจวบจันทร์ ว้ายหมามัน ทำอะไร อัยยะอัยยะ.... ” เห็นไหมครับมันสอดแทรก ซึมซับอยู่กับเราโดยไม่รู้ตัว แต่เราก็ชอบใช้กันผิด เอาไป แต่งมั�วๆไปเรื�อย จีบคนนั�น ด่าคนนี� เขียนในห้องน้ำบ้าง บนโต๊ะเรียนบ้าง บนหน้าผาก เพื�อน บ้าง หลังเพื�อนบ้าง แผ่นหลังแฟนบ้าง กางแกงในแฟนบ้าง ผมว่า เรามารู้จัก การแต่งกลอน กันจริงๆจังๆดีกว่า ว่าตามหลักภาษาไทยนั�นมีหลักการแต่งกลอนกันยังไง เอาคำไหนไป สัมผัส กันในกลอน จะต่อตรงไหน จะวางตรงไหน จัดเลยครับ.... (โปรดติดตามเล่มหน้า :-P )
๓๖
๓๗
ที�ห้องของเคลิฟ เขายืนที�ประตูหลังห้องเขาอยู่ชุดกางเกง บอกเซอร์ ตัวเดียวหันหน้าไปข้างนอกจากนั�นเขาก็ค่อยๆหันหน้ากลับ มาช้าๆ “เอ็ม...” เคลิฟเรียกชื�อด้วยน้ำเสียงเหนื�อยๆเพลียๆ “เราเลิกกันเถอะ” เขาเอ่ย แล้วก็หันหน้ากลับไป หลังห้อง “มีคนใหม่เหรอ?” หญิงสาวที�ชื�อเอ็ม ถามด้วย น้ำเสียง เรียบๆ เคลิฟ หันเข้ามาในห้องทั�งตัว เอ็มนั�ง ที�เก้าอี� ตรงกลางห้อง เธออยู่ชุดกางเกงยีนขาสั�นเสื�อสีเขียวแขนสั�น “ไม่หรอก”เคลิฟบอก “แล้วเราจะเลิกกันทำไม”เอ็มถามเหมือนพยายาม จะเค้นความจริงให้ได้แล้วเคลิฟก็นึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี� เคยเกิดเหตุการณ์ คล้ายๆกันนี�กับเค้า ตอนนั�น เคลิฟ ก็ยืนที�ประตูหลังห้อง เหมือนกัน แต่ใส่เสื�อกล้าม กางเกงขาสั�น เขาเอาหัวอิงขอบประตู ไม่พูดอะไร สายตามอง มาที�หญิงสาว อีกคนที�ยืนอยู่ตรงที�เอ็มนั�งเก้าอี�ก่อนหน้านี� “เราเลิกกันเถอะเคลิฟ”หญิงคนนั�นเอ่ยบอก “ทำไมล่ะ”เคลิฟถาม “เอิตอยากจะรักตัวเองให้มากกว่านี�น่ะ เคลิฟคง เข้าใจ นะ” เธอบอก “เราไปนะ”เธอยิ�มให้แล้วเดินออกจากห้องไป มี เสียงรถมอไซค์ดัง เคลิฟที�ค่อยๆทรุดตัวลงนั�งเอามือกุมหัว แล้วเอามือชก ประตูราวกับคนเสียสติ “เคลิฟจะเข้าใจเอิตนะ...แต่คงไม่ใช่ตอนนี�...”เคลิฟว่า
จากนั�นน้ำตาผู้ชายก็ไหลเค้าเสียใจกับเหตุการณ์ ครั�งนี� เค้าคบกับเอิตมาเกือบปีไม่คิดว่าเรื�องแบบนี�ก็ยังเกิด ขึ�นได้ วันต่อมาเค้าก็มานั�งหงอยๆที�หลังคณะตรงที�เป็น ที�จอดรถ มอเตอร์ไซค์ เค้านั�งที�ม้านั�งหินอ่อนตัวนึง “เครียดไปมั�ยมึงอ่ะ”เปียโนเอ่ยพลางยื�นซองบุหรี�มา “เอาหน่อยแก้เครียด”เค้าว่าแล้วยิ�ม เคลิฟรับซองบุหรี� “ตามสบายนะมึงกูไปเรียนล่ะ”เปียโนบอกแล้ว เดิน หันหลังออกไปเค้ามองดูซองบุหรี� ปรกติแล้วเค้าไม่ใช่ คนสูบ บุหรี� ถ้าเป็นเหล้าเบียร์เค้ายังพอดื�มบ้าง แต่พอมันมาอยู่ใน มือ ทำไม เขาจะไม่ลองดูบ้างล่ะ ในเมื�อคนจำนวนไม่น้อยก็พา กันสูบมัน เขาหยิบออกมามวนนึง แล้วคาบจากนั�นก็จุดไฟ เขาสูดควันเข้าปอดแล้วก็ปล่อยออกมา เค้ารู้สึกว่าความเจ็บ ปวดเมื�อกี�ที�ยังมีค่อยๆมลายหายไปช้าๆ บุหรี�มันช่วยได้จริง หรือนี� เค้าอดแปลกใจกับมันไม่ได้
๓๘
“เธอดูเครียดๆไปนะว่ามั�ย?”หญิงสาวคนนึงเอ่ย เธอคือเอ็ม เธอยืนอยู่ใกล้ๆ “นั�งด้วยได้มั�ย”เอ็มถาม “ได้สิ”เคลิฟ เอ็มเดินเข้ามานั�งข้างๆที�กำลังยิ�ม เคลิฟ มองดู เอ็มแล้วนึกอะไรในหัว “เห็นหน้าก็ออกบ่อย แต่ก็ไม่ได้ทำความรู้จักกัน ซักที อยู่กับ เธอแล้ว เหมือนกับว่าทำให้หายเครียด รู้สึก อารมณ์ดี ขึ�น นี�เรากำลัง ชอบเธอใช่มั�ย” เคลิฟคิดในหัว ไปเรื�อย เขายิ�ม เธอยิ�ม เอ็มเหมือนเป็น คนช่างพูด เธอทำให้ เคลิฟยิ�มแล้ว หัวเราะ อารมณ์ดี แน่นอนความสัมพันธ์ของ ทั�งคู่ก็ดำเนินไป ช้าๆ ดูเหมือนการที�เคลิฟลงเอยกับเอ็ม มันก็เหมือนช่วย เยียวยาความเจ็บปวดของเคลิฟลงได้ แต่ก็นั�นแหละในสายตา คนอื�นมองว่าเคลิฟชักจะเกินหน้า เกินตาไปรึเปล่า แทบจะไม่ดูกาละเทศะทั�งคู่แสดงแทบ จะทำ ตัวติดกันตลอด จนวันหนึ�ง วันนั�นเคลิฟนั�งที�บันไดหน้าคณะ มีรุ่นพี� เดินเข้ามาหา และนั�งลงข้างๆ “เฮ้ย ได้ข่าวว่าติดหนึบเลยนิ�ไม่ค่อยจะห่างกันเลย นะ” รุ่นพี�เอ่ย เคลิฟหันมามอง “ธรรมดาแหละมันทำให้ผมรู้สึกดีนะเวลาที�อยู่ด้วย กัน” เคลิฟว่า “แต่พี�จะเตือนแกไว้ก่อน มากไปก็ไม่ดีนะ มันทำให้ แกรู้สึกดีและมันอาจทำให้มึงรู้สึกทรมานได้ด้วยเหมือนกัน” พูดเสร็จแล้วรุ่นพี�ก็เดินลงบันไดไปพลางยกมือให้เคลิฟทำได้ แค่มอง
ผ่านไปเกือบ�ปี วันนึงขณะที�เคลิฟนอนอยู่ เขาก็ไอ เบา ๆ แล้วก็ไอเรื�อยๆจนลุกขึ�นมานั�งแล้วก็ไอต่อจากนั�นก็เดิน เข้า ห้องน้ำ เขายืนมองตัวเองในห้องน้ำ สภาพเขามันดูโทรมไป มาก เขายังไอโขลกๆ แล้วเขาก็ร้องขึ�น “เฮ้ย” เค้าตื�นตะลึงเมื�อพบว่าเค้าไอเป็นเลือด ในคืนนั�น หลังจากที�ไปหาหมอมา รุ่นพี�และเพื�อนของ เขามาหา เคลิฟนั�งอยู่ที�นอน บอยนั�งที�มุมห้องด้านซ้ายของ เคลิฟ เขาเอาหนังสือมาอ่านเล่น เปียโนนั�งชันเข่า และเอามือ วางบนเข่า เขานั�งอยู่ตรงข้ามกับเคลิฟ ทั�งเปียโนและบอย พากันจ้องเขม็งมาที�เคลิฟ เคลิฟมองไปมาสีหน้าสงสัย “มองหน้าผมทำไมคร้าบบบบ”เคลิฟถามทำลาย ความเงียบ “กูดูคนป่วยว่ะ”เปียโนบอก “แล้วแต่แกจะคิดนะ ของรู้ๆกันอยู่”บอยบอก เคลิฟมองไปมาอีกรอบ “เป็นอะไรกันนิ� หา?”เคลิฟถาม แต่ก็ยังเงียบ “พี�ว่า…มึงหาแฟนใหม่ดีกว่านะ”บอย้พูดในที�สุด “ไม่อ่ะ ตอนนี� ผมูรู้สึกดีกับชีวิตผมูอยู่”เคลิฟว่า แล้ว ส่ายหน้า “ดีตรงไหน ป่วยมากี�วันแล้ว พี�ูรู้หน่าว่าทั�งหมด ที�แก ทำลงไปแค่ประชดแฟนเก่าแกใช่มั�ย แล้วเอิตเค้ามาแคร์แกมั�ง มั�ย ก็ไม่นิ�....”บอยว่าอย่างมีโมโห “อย่างที�พี�บอยบอกน่ะแหละ มึงมัวแต่อยากให้คนอื�น มารักมึง กูว่ามึงน่าจะรักตัวเองด้วยนะเฮ้ยมันไม่ดีกับใครเลย อ่ะ ที�มึงทำ”เปียโนบอก เคลิฟจ้องมาที�เปียโนแล้วทำสายตาเหยียดๆ
“เหรอโน...ถ้าจำไม่ผิดชีวิตของมึงก็ง่อนแง่นพอๆ กับกูนะ ยังมีหน้ามาพูดอีก”เคลิฟว่า เปียโนสะดุ้ง “อุ่ย....ให้กูพูดหน่อยเหอะ ถึงแม้ว่ากูจะเป็นแบบมึง แต่กูไม่ได้ ประชดแฟนเก่ากูแบบนี�อ่ะ ไอ้สัตว์ พูดแล้วแม่งกู ดราม่าว่ะไอ้เหี�ย แม่ง เอ๊ย”เปียโนว่า แล้วลุกเดินออกไปทางหลังห้อง เคลิฟดังเต้มองตาม เปียโนนั�งลงที�หลังห้องแล้วก้มหน้าก้มตาร้องไห้
๓๙
“อ้าว”เคลิฟ บอย้ พูดพร้อมกัน บอยส่งสายตามาที�เคลิฟ สายตาที�จริงจัง “เคลิฟ...แกเป็นคนที�มีความคิดคนหนึ�งนะ พี�ว่า แกน่าจะแยก แยะอะไรออก...”บอยบอก “พี�ทำผมลำบากใจนะเนี�ย”เคลิฟว่า สีหน้าทำใจลำบากจากนั�น หันไปมองหลังห้อง “แล้วไอ้เหี�ยนั�นจะร้องไห้หาพ่องไรวะ รำคาญ!”เคลิฟร้อง แล้วภาพทุกอย่างก็หมุนย้อนกลับมาเวลาปรกติ เคลิฟยัง ยืนใส่แค่กางเกงที�ประตูห้อง และเอ็มยังนั�งที�เก้าอี� กลางห้อง สิ�งที�เค้า นึกย้อนกลับไป คือเหตุผลที�ทำไม วันนี� เค้าถึงต้องเป็นฝ่าย ออกปาก บอกเลิก เค้าเคยโดนบอกเลิก มา และเคยคิดว่าหลังจากที�มาพบเอ็ม อะไรหลายๆอย่าง มันจะดีขึ�น แต่ก็นะ ยังมีอะไรแน่นอนในโลกใบนี� ไม่มีหรอก หน่า ของแบบนั�น “เราคบกันไปก็มีแต่แต่ทรมานตัวเอง”เคลิฟเอ่ย ขึ�นในที�สุด แล้วก็มองมาที�เอ็มที�ทำหน้างงๆ “ทรมาน? ทรมานตรงไหน เราก็รักกันดีนิ�”เอ็มว่า เคลิฟทรุดตัวนั�งลงชิดขอบประตู “ทั�งหมดมันไม่ใช่รักหรอกมันเป็นเพียงความหลง ความเหงา เพื�อหาส่วนเติมเต็ม” เคลิฟบอกเอ็มยังทำหน้างง สงสัยหนักกว่าเดิม “พูดง่ายๆก็คือ๓ปีของเรา มันไม่ได้ทำให้มีความสุข จริงๆ หรอก”เคลิฟเอ่ย “หมายความว่าไง เอ็มไม่ดีตรงไหน?”เอ็มถาม “ทุกตรง”เคลิฟสวนกลับทันที เอ็มทำหน้าโกธร จัดแต่ก็ พยายามระงับอารมณ์ “เคลิฟต้องการจะบอกอะไร”เอ็มถาม เคลิฟมองมาด้วย สายตาปลงๆ “สิ�งที�เอ็มทำให้เคลิฟมา มันเหมือนจะดีแต่จริงๆ แล้วมันคือ การฆ่าเคลิฟทางอ้อม”เคลิฟว่าแล้วยิ�ม “ทำไมเคลิฟหยาบคายแบบนี� เคลิฟไม่เคยเป็น แบบนี�มาก่อน เลยเพราะอะไร”เอ็มถามด้วยน้ำเสียงโกธร มาก เคลิฟยังทำสีหน้ายิ�มแย้ม “เพราะเคลิฟเพิ�งรู้ว่าเอ็มอันตรายอย่างที�ใครๆ เค้าว่าน่ะสิ”เคลิฟบอก แล้วค่อยๆลุกขึ�นยืนแล้วค่อยๆเดิน มาที�เอ็ม “อะซีโตน อะลูมิเนียม แอมโมเนีย สารหนู ตะกั�ว เบนซีน แคดเมียม คาเฟอีน คาร์บอนมอนอกไซด์ ดีดีที คาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟอร์ม ไฮโดรเจนไซยาไนด์ โพแทสเซียมไนเตรต ดีลดรินเมทิลแอลอกอฮอล์ นิโคติน ฟอร์มัลดีไฮด์ แมกนีเซียม ปรอท ทองแดง พอโลเนียม เอทิลแอบิวเทน มีเทนแอลกอฮอล์ ทาร์ ไวนิลคลอไรด์ ” เคลิฟว่า
“ทั�งหมดมันทำให้เคลิฟเป็นมะเร็งและก่อนที� เคลิฟจะอาการหนักไปมากกว่านี� เคลิฟอยากจะหยุดซะที” เคลิฟบอกขณะยืนอยู่ต่อ หน้าเอ็ม “เคลิฟจะจดจำวันดีๆที�แสนเลวร้าย ไปจนวันสุด ท้ายของชีวิตเคลิฟ ลาก่อนสารนิโคตินแท่ง”เคลิฟบอก แล้วยิ�มให้ แล้วภาพของเอ็มที�นั�งที�เก้าอี�ก็พลันหายไปเหลือ ไว้เพียงซองบุหรี�ซองสีเขียวเขาเอื�อม มือหยิบซองบุหรี�ขึ�น มาดู เขาเดินไปเปิดประตูหน้าห้อง แล้วโยนซองบุหรี�ลงถัง ขยะ ก่อนโยนซองบุหรี�อีก๑ถุงใหญ่ๆ “ลาขาดชาตินี�”เคลิฟมองด้วยสายตาเหยียดๆ แล้วปิดประตู ซักครู่นึงมีเสียงเคลิฟคุยโทรศัพท์ “โน กุเลิกสูบบุหรี�แล้วว่ะ มึงไม่ต้องขอโทษ ชกู หรอก ที�เป็นคนเอาบุหรี�ให้กูน่ะ มันผิดที�กูดันเอามาสูบจน ติดต่างหากล่ะ เอาเถอะยังไง กูก็เลิกสูบแล้วล่ะ ���+” ............................
๔๐
โดย แซนดี�
นางวันทองเป็นตัวละครในวรรณคดีไทยเรื�อง“ขุนช้าง ขุนแผน” นางวันทอง ตอนแรกชื�อ พิมพิลาไลย ตอนเด็กๆ พิม -พิลาไลยก็เป็นแค่เพื�อนเล่นกับพลายแก้ว(ขุนแผน)และก็ขุนช้าง ที�เป็นเพื�อนแถวบ้านแต่ไม่นานพลายแก้วก็ต้องย้ายไปอยู่ที�อื�น ต่างคนก็ต่างไม่ได้เจอกัน เวลาผ่านไป พลายแก้วอายุได้ ๑๕ ปีนางทองประศรี(แม่พลายแก้ว)ก็จัดการให้ลูกตัวกลับมา บวชเป็นเณรแถวบ้านเดิม เลยได้เจอกับนางพิมพิลาไลยอีก
“คำพิพากษา : นางวันทอง หญิงสองใจ จริงหรอ!!!”
ความรู้สึกที�เราเรียกกันว่าความรัก ความรักอ่ะหรอ? ถ้าเป็นช่วงแรกเริ�ม เมื�อวัยแรกรัก ป๊อบปี�เลิฟ จุ๊ฟ จู๊ฟฟ..ไม่ว่า จะเป็นใครก็ตามก็ต่างวาดฝันถึงเรื�องราวของความรักใน แบบฉบับของตัวเองว่าเราคงจะเป็นดั�งเจ้าหญิงหรือว่าเจ้าชาย ในนิทานที�พอผ่านอุปสรรคไปได้นิดๆหน่อยๆก็สมหวังได้ครอง คู่แล้วก็จบลงด้วยความสุขที�ชื�นฉ่ำแต่เมื�อเวลาและประสบการณ์ วิ�งผ่านตัวเราไป สิ�งที�มันเกิดขึ�นจริงมันก็ทำให้เรารู้ว่านิทานก็ คือนิทาน การข้ามผ่านความผิดหวังไม่ใช่เรื�องง่าย เราไม่ได้แค่เป็นเจ้าหญิงหรือว่าเจ้าชายบางครั�งก็อาจ สวมบทร้ายบางครั�งเป็นบทสมทบเป็นได้แค่เพื�อนก็มีเรื�องความ รักของนางวันทองในวรรณคดีไทยนั�นก็ไม่ต่างกันเลย แรกเริ�ม นางก็มีชีวิตดั�งเจ้าหญิง น่ารักและมีเสน่ห์ แต่ทำไมนางจึงต้อง ตายและโดนกล่าวหาว่าเป็นหญิงสองใจมิหนำซ้ำแถมเอาชื�อนาง เป็นคำด่าผู้หญิงที�มักมากหลายใจเจ้าชู้อีก เรื�องนี�ใครผิด ใคร ถูกกันแน่ก่อนอื�นต้องขอเล่าเรื�องราวของเรื�องนี�ก่อน แต่การที� จะไปอ่านกลอนก็หนักหนาสำหรับบางคนคำศัพท์บางคำก็แปล กันไม่ค่อยจะออก (แต่นี�ก็เป็นเสน่ห์ของมันอะนะใครที�อยากอ่าน เป็นบทกลอน ก็ลองหาในกูเกิ�ลได้นะจ๊ะ) ก็เลยแปลออกมาเป็น เรื�องเล่าตามประสาคนกันเอง
แล้วก็ได้เสียกันซะงั�นและมีนางสายทอง(พี�เลี�ยงของนางพิม) รู้เห็นเป็นใจด้วยแต่ช่วงนั�นขุนช้างก็ได้ไปสู่ขอนางพิมกับนางศรี ประจัน(แม่นางพิม)เพราะชอบนางมานานแล้วนางพิมก็ไม่รู้จะ ทำไงกลัวแม่จะยกตัวเองให้เขา เลยรีบไปบอกเณรพลายแก้ว เณรพลายแก้วก็เลยต้องสึกแล้วกลับเมืองกาญจน์ไปขอร้องให้ แม่มาสู่ขอนางพิมให้ พลายแก้วกับนางพิมเลยได้แต่งงานกัน แต่อยู่ดีมีสุขก็ได้ไม่นานพลายแก้วก็ต้องออกไปทำศึก เชียงใหม่ตามคำสั�งของสมเด็จพระพันวษาตอนพลายแก้วไม่อยู่ นางพิมก็ป่วยไม่รู้เป็นอะไรมีคนบอกว่าเพราะชื�อเลยต้องเปลี�ยน ชื�อเป็นวันทอง นางเลยหายป่วยตอนนั�นขุนช้างอยากจะเอานาง วันทองมาเป็นของตัวให้ได้เลยสร้างเรื�องหลอกนางวันทองและ แม่ของนางว่าพลายแก้วตายตอนที�ไปรบ ถ้าแม่นางไม่ยกนาง ให้ตัวนางก็ต้องถูกริบให้เป็นม่ายหลวงแต่นางวันทองก็ไม่ได้ เชื�ออะไร ยังคงรอให้ผัวตัวกลับมา ส่วนนางศรีประจันแม่ของ นางหลงเชื�อ เลยให้นางวันทองเข้าพิธีแต่งงานกับขุนช้างแต่ นางวันทองไม่ยอมร่วมหอกับขุนช้างขุนช้างเลยปล้ำเอาจนได้ ต่อมาพลายแก้วก็กลับมาจริงๆตามที�นางวันทองคิด ไว้ แต่ไม่ได้มาคนเดียว พาเมียใหม่มาด้วยชื�อนางลาวทอง นาง วันทองน้อยใจมากเลยกลับไปแขวนคอตายในห้องนอน พอดี นางสายทองมาเจอซะก่อนเลยช่วยใว้ทันขุนแผนรู้แต่ก็ไม่ได้สนใ จอะไรนางเลย แล้วพานางลาวทองกลับไปอยู่ที�เมืองกาญจน์ พอมาวันหนึ�ง ขุนแผนได้ฝากเวรยามให้ขุนช้างดูแล เพราะกะจะ กลับไปเยี�ยมนางลาวทองที�ป่วยอยู่ที�บ้านขุนช้างที�หมั�นไส้ขุน แผนแต่เดิมอยู่แล้วกะจะแกล้งก็ถือโอกาสทูลสมเด็จพระพันวษา ใส่ร้ายขุนแผนว่าหนีเวรพระพันวษาเลยลงโทษขุนแผนให้ออก ตะเวนด่านที�ชายแดนแล้วกักนางลาวทองไว้ที�โรงสะดึงในวัง ขุนแผนคงคิดว่าถ้าไปคนเดียวตัวคงเหงาเลยกลับไป ง้อนางวันทองแล้วพานางไปด้วยขุนช้างโมโหจัดเลยไปฟ้องพระ พันวษา พระพันวษาเลยมีคำสั�งจับกุมขุนแผนกับนางวันทอง ทั�งสองคนเลยต้องหนีแล้วไปหลบซ่อนในป่าจนนางวันทองท้อง ขุนแผนก็เลยมอบตัวกับพระพิจิตรสู้คดีจนชนะขุนช้าง แต่ขุน แผนก็ทูลขอนางลาวทองที�โดนกักในวังก่อนหน้านี�ด้วย ทำให้ พระพันวษาไม่พอพระทัยในความมักมากของขุนแผนแล้วรับสั�ง
๔๑
ให้จำคุกขุนแผนขุนช้างเลยได้ฉุดบังคับวันทองกลับไป วันทองได้คลอดลูกเป็นลูกชายที�บ้านขุนช้าง ตั�งชื�อให้ ว่าพลายงาม ขุนช้างกะจะฆ่าพลายงามวันทองเลจำเป็นต้องส่ง ลูกชายให้ไปอยู่กับย่าที�กาญจนบุรีต่อมาพลายงามก็เดินทางมา อยู่กับยายคือนางทองประศรีตอนอายุ ๑๓ ปี นางทองประศรี ก็พาไปฝากตัวกับหมื�นศรี ต่อมาเกิดศึกเชียงใหม่อีก พลายงาม มีความสามารถพอที�จะออกศึกได้หมื�นศรีเลยพาพลายงามเข้า เฝ้าเพื�อไปออกศึกและพลายงามก็ได้ขออภัยโทษให้แก่พ่อตัว ด้วยขุนแผนเลยได้พ้นโทษออกมาและได้ออกศึกไปด้วยกัน ในระหว่างทางไปทำศึกพลายงามก็แอบชอบกันกับ นางศรีมาลา พระพิจิตรขุนแผนเลยไปสู่ขอให้ศึกครั�งนี�เชียงใหม่ เป็นฝ่ายแพ้ขุนแผนเลยนำเจ้าเมืองเชียงใหม่กับมเหศรีและก็นาง สร้อยฟ้ากับมาด้วยพระพันวษาเลยพระราชทานนางสร้อยฟ้า ให้พลายงามและได้แต่งตั�งพลายงาม ให้เป็นหมื�นไวยวรนาถ ในวันแต่งงานของหมื�นไวย กับนางสร้อยฟ้าและนางศรีมาลา นางวันทองก็ได้ไปร่วมงานด้วยขุนช้าง ก็กลัวว่านางจะคืนดีกับขุนแผนเลย ตามไปขัดขวางแล้วเกิดเรื�องทะเลาะกัน กับหมื�นไวยหมื�นไวยเลยแอบขึ�นบ้าน ขุนช้างกลางดึกอ้อนวอนแม่มาอยู่กับ ตัว และก็หวังอยากให้แม่คืนดี กับพ่อ ขุนแผนรู้เรื�องเลยรีบมาหา แต่วันทอง เบื�อหน่ายกับเรื�องนี�และก็อยากอยู่แบบ อย่างสงบๆเลยไม่ยอมคืนดี และก็อยู่ กับลูกต่อไป ขุนช้างตัดใจจากวันทองไม่ได้เลยถวายฎีกาแก่พระพัน วษาพระพันวษาเห็นเรื�องเกิดไม่จบซะทีและควรจะยุติได้แล้วเลย ให้นางวันทองเลือกว่าจะอยู่กับใคร ขุนช้าง ขุนแผนและก็ลูก วันทองรู้สึกตัดสินใจลำบากคนนึงก็ผัวรักแต่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ ด้วยกัน ชอบทำร้ายน้ำใจ อีกคนนึงเป็นคนดูแลนาง รักแค่นาง คนเดียว แต่นางไม่เคยรัก ส่วนลูกรักก็รักอยู่แล้ว แต่ลำพัง ดูแลลูกคนเดียวก็คงไม่ไหวเลยทูลตอบเป็นกลางว่าตามแต่จะ ทรงโปรด เป็นเหตุให้พระพันวษากริ�วและหาว่าวันทองมักมาก แล้วทรงสั�งประหารชีวิตนางวันทองในวันนั�นแม้ว่าหมื�นไวยจะฃ ทูลขออภัยโทษให้แม่ตัวได้แต่ก็ไปไม่ทันระงับการประหารนางวัน ทองเลยต้องจบชีวิตลงท่ามกลางความโศกเศร้าของทุกคน.. ..............................................................................
หลังจากที�ทำการสำรวจถามเรื�องราวนี�ผ่านทางโซเชี�ยวเน็ตเวิร์คและพี�ๆน้องๆ เราก็ได้ความคิดเห็นที�แตกต่าง กันจากคำถามที�ว่า “ คิดยังไงกับเรื�องที�ว่า นางวันทอง เป็นหญิงสองใจ เรื�องนี�ใครผิด ใครถูก กันแน่ อะไร ยังไง แบบไหน ” และได้ความคิดเห็นแบบนี�... “ ขุนแผนผิดเพราะเอาสาวอื�นไปเย้ยก่อนถึงสมัยนั�นผู้ชายมี หลายเมียได้ก็จริงแต่เรื�องของจรรยาบันก็บ่ควร H แบบนี�กับ วันทอง วันทองเองก็ใจง่ายโพดนิสัย เลือกแล้วก็เลือกเลยตั�ว ชอบสองหำบ่เป็นหญิงควรรักนวลมากกว่าเน้ ใจง่ายเกิ�น ! ขุนช้างกะชอบใส่ไฟเด๋วตบหัวล้านแตก ”
“ สั�นๆ....! ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่คิดว่า น่าเห็นใจนางวันทอง ” “ "ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแบน อรชรอ้อนแอ้นประหนึ�งเหลา ผมสลวยสวยขำงามเงา ให้ชื�อเจ้าว่าพิมพิลาไลย" โคตรเอ็กเลย. ������� ” “ เรื�องนี�เป็นเรื�องของกรรม มีกรรมผูกต่อกันมามีกรรมเป็น เผ่าพันธุ์พวกพ้องขอให้มันเป็นกริยาให้ศึกษาไม่ใช่ใครผิดใคร ถูกแต่ความเจ็บปวดอยู่ที�การพบเจอมิใช่การให้เลือก เพราะ ถ้าไม่พบเจอคงไม่ต้องเลือกให้เสียใจกันทั�งหมด. ” “ ศาลตัดสินไปแล้ว ให้ประหารชีวิต ให้ตัดหัวเสียบประจานไม่ ให้เป็นเยี�ยงอย่างแก่คนทั�วไป เรื�องนี�ศาลตัดสิ�น ถึงที�สิ�นสุดแล้ว ตายสถานเดียว ตายไม่สวยด้วย����++++แต่สงสารนะ ”
๔๒
“ นางวันทองไม่ผิดนะที�รักใครสองคน ถ้าผัวบ่ดี ก็เป็นธรรมดา ที�จะรักใครใหม่ถ้าเค้าดีกับเรา เพราะฉะนั�นผู้ชายที�เป็นผัวต่าง หากที�ต้องพิจารณาตัวเองแล้วทำไมไม่กล่าวหาขุนแผนบ้างว่า เป็นผู้ชายหลายเมีย หลายใจ ไร้ความซื�อสัตย์ต่อภรรริยาแต่ถ้า เป็นฉันจะไม่เลือกใครเลยอยู่ผู้เดียวช่วยตัวเองได้ ”
“ ผู้ชายยังมีหลายเมียเลย. อ่ะ ” “ ขุนแผนผิด มักมากเจ้าชู้ ” “ นางวันทองไม่ผิด คนผิดคือคนที�กล่าวหานั�นแหละ ” ..................................................................................
“นานาจิตตังถ้าให้อธิบายคงยาวๆพอกับทางรถไฟจากเชียงรายไปมาเลเซียมันเป็นเป็นงานวรรณกรรมที�มีฉากหลังเป็น ความเป็นอยู่ในอดีต มันอธิบายถึงครอบครัวของคนในยุคนั�น ที�ผู้ชายคือช้างเท้าหน้าคือเสาหลักของครอบครัวมันจึงสามารถ เอาผู้หญิงมาทำอะไรก็ได้ เพราะเป็นเพียงคนในปกครอง ผมจะ ไม่บอกว่าใครผิดหรือถูก เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆความถูก ต้องคืออะไร ”
จากความเห็นของหลากหลายคน ต่างคนก็ต่างความคิดเห็น การที�ผู้เขียนยกขึ�นมาถกถาม ไม่ได้กะจุดประเด็น ขึ�นมาให้ถกเถียงกัน แต่จุดประสงค์ของผู้เขียนนั�นเป็นตรงกันข้าม บทสรุปของคำถามนี� ไม่ได้ขึ�นอยู่กับว่าใครผิดหรือว่าใคร ถูก เพราะเมื�อลองมองดูเรื�องราวดีๆแล้ว เรื�องแบบนี�มีอยู่ในชีวิตจริง และยังคงมีอยู่ตลอดไป ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของ ตัวเองที�จะคิดอะไร หรือว่าทำอะไร และนี�คือธรรมชาติของมนุษย์ธรรมชาติก็คือสิ�งที�เกิดขึ�นอยู่แล้วโดยที�เราไม่สามารถ เปลี�ยนแปลงอะไรได้ เหมือนดวงอาทิตย์ที�ยังไงก็ยังขึ�นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ ของการเกิดขึ�นของสิ�งต่างๆรอบตัว การเปลี�ยนแปลงที�เกิดขึ�นนั�น ก็จะไม่สามารถเข้ามากระทบจิตใจของเราได้ เรื�องของความรักก็เช่นเดียวกัน การที�เรามองความรักแค่มิติเดียว เอาแค่ตัวเราเป็นบรรทัดฐาน เป็นศูนย์กลาง ของโลก พอผิดหวัง มันเลยไม่แปลกที�จะเสียใจฟูมฟาย และบางคนถึงขั�นฆ่าตัวตาย เพราะ ในโลกนี�ไม่ได้มีแค่เราและคนรัก ของเราสองคน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และต้องทำมาหากินเพื�อเลี�ยงชีวิต เราเลยต้องเข้าใจธรรมชาติของทุกอย่าง และการ ที�เรานั�นยอมที�จะรับฟังความคิดเห็นของคนอื�น เราก็จะเข้าใจธรรมชาติของคนอื�นมากขึ�น และสิ�งนี�เป็นสิ�งเดียวที�สำคัญของ ความรักและการอยู่ร่วมกัน ถ้าเรารู้ เข้าใจและยอมรับที�มาและที�ไปของมัน เราก็คงไม่ต้องมารู้สึกเสียใจ เสียดายและเกิดเป็น โศกนาฏกรรมเหมือนกับเรื�องของนางวันทอง.........
๔๓
โดย ปั�ก
โคมไฟส่องหนังสือ
หวัดดีครับท่านผู้อ่านพบกับช่วง Pluginของผม ครั�งแรกซึ�งช่วงนี�จะเป็นเรื�องของงานประดิษฐ์สำหรับคนขี�เกียจ กันนะคับ เคยมั�ยคับกับการอ่านหนังสือแล้วแสงไฟที�เปิดมันรบ กวนคนคนที�อยู่ด้วยถ้าท่านเคยผมยินดีต้อนรับกับการอ่านหนั งสือในที�มืดกัน เรามาดูกันว่ามันเป็นยังไง มันคือโคมไฟรองหนังสือคร้าบมันมีรูปทรงเป็นแท่ง เหล็กพับเข้ารูปกับสันปกหนังสือน่าสัมผัสมากแต่ในแท่งนั�น ประกอบไปด้วยสวิตซ์ที�ต่อกับหลอดไฟ LED ไว้เมื�อเราเอา หนังสือวางทับซ้อนปกเข้าไปก็จะไปสัมผัสที�สวิตซ์ทำให้แผง วงจรทำงานแล้วก็เกิดแสงไฟพุ่งพรวดไปที�หนังสือที�เราอ่านกัน อยู่ทำให้แสงไม่ไปรบกวนคนรอบข้างอย่างแน่นอน
๓.สายไฟและหลอด LED แท่งเหล็กปรับโค้งงอได้
วิธีการสร้างขึ�นมา
๔.แผ่นยางรองน้อย
๑.วัสดุที�จะนำมาทำตัวคั�นหนังสือ
๕.นำทั�งหมดมารวมร่างกัน!
รูปร่างที�สมบูรณ์!
๒.ถ่านนาฬิกาน้อยและแท่นสวิตซ์
สรุปคับแท่นโคมไฟรองหนังสือนี� สามารถพกพาง่ายไปที�ใดก็สะดวกไม่รบกวนคนอื�น ด้วยคร้าบ และในฉบับหน้า ผมจะเอาอะไรมาแนะนำนั�น ก็อย่าลืมติดตามด้วยนะครับ สวัสดีคับ!
๔๔
เรื�อง/ภาพ: CMYK
๔๕
๔๖
๔๗
๔๘
๔๙
๕๐
๕๑
๕๒
๕๓
๕๔
๕๕
๕๖
๕๗
กับ อากุ้ย
ตอบจดหมาย
ก็กลับมาพบอีกครั้งในเดือนกันยายนช่วงนี้ก็มีมรสุม พัดโหมใส่บ้านเมืองเราเยอะเลยนะครับไหนจะ ฝนตก น้ำท่วมและ บรรยากาศที่ร้อนสลับกับหนาวอย่างน่ามึนก็อยากให้ท่านผู้อ่าน เตรียมตัวให้พร้อมกับสภาพอากาศที่เละเทะแบบนี้ ว่าแล้วก็ไปตอบจดหมายกันดีกว่า!!!! จันทร์เจ้า รักดี - มุกดาหาร >สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน หนูติดตามงานพี่มาเป็นเล่มที่3 แล้ว หนูชอบสไตล์ของหนังสือพี่มากกกกกเลย แต่หนูมีคำถาม อยากจะ ถาม พี่สักหน่อยว่า ทำไมถึงคิดทำหนังสือแนวนี้คะ -สวัสดีจ้า ทางพวกพี่ก็ขอขอบคุณที่ติดตามผลงาน มาตั้ง3ฉบับแล้ว นับนิ้วนี่ก็เท่ากับ3เดือนแล้วสิที่รู้จักกัน ส่วน คำถาม ที่ถามมาก็จริงๆ เรามีอธิบายไปในเล่มแรกนะก็ลอง กลับไปโหลด มาอ่านย้อน หลังก็ได้ (แต่พี่ว่าน้องน่าจะโหลดมา อ่านแล้ว) แต่ก็จะ อธิบายกันอีกที ก็ได้เผื่อใครเพิ่งได้มาอ่านเล่ม นี้เป็นเล่มแรก ก็มัน เริ่มจากที่เฮียบก.แกไปสำรวจตลาดหนังสือ ของบ้านเรามา แล้วก็ เห็นว่ามันมีหนังสือหลายหัวมาก แต่ก็ นำเสนอข้อมูลซ้ำๆเดิมๆพี่แกก็เลยอยากทำแบบที่อยากให้มีซะ เลยร้อนถึงพวกพี่ๆทีมงานคนอื่นที่ต่างก็มีภาระหน้าที่ส่วนตัว กันอยู่แล้วพลอยได้มาตกระกำลำบากไปด้วย(ฮา)แล้วเราก็พา กันโม่งานกันแบบไม่รู้อนาคตกันเลย จนได้ผลงานออกมาให้ชม กันนี่แหละในแบบที่ไม่ต้องใช้สะตุ้งสตังซื้อไปอ่านแต่อ่านกันในเน็ต ไปเล้ย! วรุณพิทักษ์ รักษากิจ – ไม่ระบุ >สวัสดีครับพี่ ผมชอบหนังสือพี่มากเลย เข้าสาย เลือดเลยก็ว่าได้ (เวอร์ไปไหมครับ)แฮะๆ จากที่ผมอ่านมาหลาย เล่มแล้ว ผมติดใจอยู่บางอย่างคือผมอยากจะถามว่าตอนที่พี่ไป เที่ยวเนี่ย พี่ไม่กลัวเหรอครับแล้วตอนกลางคืนพี่ทำไงแล้วตอนไป เที่ยวเนี่ยพี่พกตังค์ไปเท่าไหร่ที่พี่เคยพกน้อยที่สุดในชีวิตอ่ะครับ อยากรู้อ่ะครับ เผื่ออยากลองไปมั้ง -สวัสดีครับ ขอบคุณจากใจ อืม ที่ถามว่าไปเที่ยว น่าจะถามเกี่ยวกับคอลัมน์เนื้อหุ้มเหล็กของพี่กรสิเนี่ย พี่เองก็ไป ถามมาให้เรียบร้อยแล้วแต่ละทริปที่พี่กรแกไปมาส่วนใหญ่จะเป็น แบบตามมี ตามเกิดเลยมีแค่ตอนที่ไปสุโขทัยเท่านั้นที่พกเงินเยอะ หน่อยเพราะ เงินทุนเพิ่งเข้า นอกนั้นก็พันนึง ๕๐๐ ไม่ก็๒๐๐ และบางครั้งมีไม่ถึง ร้อยก็ยังไปเลยน้อง!
ส่วนเรื่องที่พัก หลักๆก็คือตามศาลารอรถริมถนน นั่นแหละ พูดง่ายๆก็คือ ค่ำไหน ก็นอนนั่น ส่วนเรื่องความกลัว พี่แกบอกว่า ถ้ากูกลัวกูคงไม่มาให้โง่ตั้งแต่แรกแล้ว!(ฮา) ส่วนเรื่องที่น้องๆอยากทำบ้างนี่ก็ พี่แกก็ฝากบอกมา ว่า ไปที่ไหนก็ช่าง ก็ไปเลย จะไปคนเดียวหรือไปหลายคนก็แล้ว ความรู้สึกที่ได้ มันก็จะแตกต่างกัน สุขทุกข์ สนุกสนาน คนละ แบบ ถ้าคิดอยากไปไหน จงออกไปให้ถึงอย่าเก็บไว้แค่คิดเท่านั้น
นริศรา ว่องไว – กาฬสินธุ์ >สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคนหนูเป็นแฟนคลับหนังสือพวกพี่ๆ เลยนะคะ หนูอ่านหนังสือพี่ครั้งแรกหนูก็ชอบเลย มันเป็นนิตยสาร ที่หายากจริงๆสำหรับแนวที่พี่ทำหนูชอบแนวคิดของพวกพี่มากเล ย หนูติดตามพี่ๆทุกเล่ม แต่หนูก็มีเรื่องอยากจะถามเหมือน กัน คือถ้าพี่จะไปเที่ยวที่ไหนเนี่ย หนูขอไปด้วยได้ไหมค่ะ(ล้อเล่น)อิอิ หนูอยากให้พี่บอกมาด้วย ว่าเล่มต่อไปพวกพี่จะไปเที่ยวที่ไหน เผื่อ หนูอยู่แถวนั้น จะได้ไปรอเจออยากเห็นพวกพี่ตัวเป็นๆ จะได้ขอ ลายเซ็นด้วย ฮิๆ ปล. เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ สู้ๆ -สวัสดีคร้าบบบบบ ขอบคุณๆๆๆๆ ที่ชอบนิตยสาร เล่มนี้ ถึงจะเป็นนิตยสารที่ลงในเน็ตก็เถอะว่าแต่เอ่...หลังๆมานี่ มีแต่จดหมายถามเกี่ยวกับคอลัมน์เนื้อหุ้มเล็กแฮะ เรื่องราวต่างๆ ที่ได้อ่านตอนนี้ ก็มาจากบันทึกการเดินทางที่พี่แกไปมา ตลอด๕ปี แต่พี่กรแกกำลังคิดทริปต่อไปอยู่จ้าและอยากชวนคนอื่นๆไปด้วย นะ แว่วๆว่าจะไปจังหวัดล่าสุดของไทย จังหวัดบึงกาฬ ราวๆ เดือนตุลาคมนี้เห็นบอกว่านี่คือจงหวัดสุดท้ายของภาคอีสานที่ยัง ไม่ได้ไป ว้าวๆๆๆ เป็นทริปเที่ยวที่ดูมีความหมายมากๆโปรดติตาม ปล.พี่กรแกฝากมา หากอยากไปจริงๆก็ยินดีเป็น อย่างยิ่งจ้า
ผดุง สิทธิ - หนองคาย >สวัสดีครับบบ…ผมเป็นคนนึงที่ชอบอ่านหนังสือและ อ่านหลายแนวมาก จนได้มาเจอหนังสือของพวกพี่ๆและมันโดนจิตโดนใจผมเต็มๆเลย เพราะผมอยากรู้เรื่องพวกนี้มานานแล้ว แล้วเรื่องที่พวกพี่เขียนแต่ละคอลัมน์ตรงจุดตรงประเด็นมากซึ่ง บางเรื่องผมก็อยากรู้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครเอามาบอกอย่างนี้ อยากให้มีหนังสืออย่างนี้ไปเรื่อยๆครับ ผมเป็นกำลังใจให้…. สู้ๆ -ว้าววววเจอแฟนคลับเหนียวแน่นอีคนแล้วสิ ก็พวกพี่ ไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากเรื่องราวน่ารู้ (ไม่น่าจะรู้ และไม่จำเป็น เลย ที่จะต้องรู้ซักหน่อย) ให้น้องๆได้ติดตามอ่านกันทุกๆเดือน เท่านั้นเองครับ! วะฮู้ว!!! .....
๕๘