กาแฟ

Page 1

กาแฟ Coffee

By WAN coffee shop


กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำ� จากเมล็ดซึ่งได้จาก ต้น กาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ดกาแฟ คั่ว มีการ ปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก กาแฟ เขียว (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่าน การคั่ว)เป็นหนึ่งในสินค้า ทางการเกษตรซึ่งมีการ ซื้อขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของ คาเฟอีน ทำ�ให้มีสรรพคุณชู กำ�ลังในมนุษย์ ปัจจุบันกาแฟ


การปลูกการแฟ กาแฟมักจะได้รับการขยายพันธุ์ โดยวิธีเพาะเมล็ด วิธีดั้งเดิมในการปลูก กาแฟคือการใส่เมล็ดกาแฟจำ�นวน 20 เมล็ดในแต่ละหลุม เมื่อย่างเข้าฤดู ฝน เมล็ดกาแฟครึ่งหนึ่งจะถูกกำ�จัด ตามธรรมชาติ เกษตรกรมักจะปลูกต้น กาแฟร่วมกับพืชผลประเภทอื่น ๆ อย่าง เช่น ข้าวโพด ถั่วหรือข้าว ในช่วงปีแรก ๆ ของการเพาะปลูก กาแฟสายพันธุ์หลักที่ปลูกกันทั่วโลกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ Coffea canephora และ Coffea arabica กาแฟอาราบิกา (ผลผลิตจาก Coffea arabica) ถูกพิจารณาว่าเหมาะแก่การ ดื่มมากกว่ากาแฟโรบัสตา (ผลผลิตจาก Coffea canephora) เพราะกาแฟโรบัสตามักจะมีรสชาติขมกว่าและมีรสชาติน้อย กว่ากาแฟอาราบิกา ด้วยเหตุผลดังกล่าว กาแฟที่เพาะปลูก กันจำ�นวนกว่าสามในสี่ของโลกจึงเป็น Coffea arabica[21] อย่างไรก็ตาม Coffea canephora สามารถพิสูจน์ได้ว่า สามารถก่อให้เกิดโรคได้น้อยกว่า Coffea arabica และ สามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่ Coffea arabica ไม่ สามารถเจริญเติบโตได้ กาแฟโรบัสตามีปริมาณคาเฟอีน ผสมอยู่มากกว่ากาแฟอาราบิกาอยู่ประมาณ 40-50%[25] ดังนั้น ธุรกิจกาแฟจึงมักใช้กาแฟโรบัสตาทดแทนกาแฟอา ราบิกาเนื่องจากมีราคาถูกกว่า กาแฟโรบัสตาคุณภาพดีมัก จะใช้ผสมในเอสเพรสโซเพื่อให้เกิดฟองและลดค่าวัตถุดิบลง [26] นอกจากกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้แล้ว ยังมี Coffea liberica และ Coffea esliaca ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพืชท้องถิ่นของ ประเทศไลบีเรียและทางตอนใต้ของประเทศซูดานตามลำ�ดับ

ดอกกาแฟ


เศรษฐกิจ บราซิลเป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟสูงที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เวียดนาม กลายมาเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตารายใหญ่ของโลก[36] อินโดนีเซียเป็นประเทศ ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม และเป็นผู้ผลิตกาแฟอาราบิกาละลาย ราคา ซื้อขายกาแฟโรบัสตาในลอนดอนมีราคาถูกกว่าในนิวยอร์ก ซึ่งทำ�ให้ลูกค้าผู้ประกอบ การอุตสาหกรรม อย่างเช่น บริษัทข้ามชาติและผู้ผลิตกาแฟสำ�เร็จรูป โอนเอียงไปทาง กาแฟในลอนดอนมากกว่า เพราะว่ามีราคาถูกกว่า บริษัทข้ามชาติสี่แห่ง (ประกอบ ด้วย ครอฟท์ เนสเล่ พร็อกเตอร์แอนด์แกมเบิลและซาร่า ลี) ได้ซื้อกาแฟคิดเป็นปริมาณ 50% ของผลผลิตต่อปี[37] การเลือกซื้อกาแฟโรบัสตาราคาถูกของกลุ่มบริษัทยักษ์ ใหญ่ทั้งสี่ของตลาดกาแฟทำ�ให้เกิดความเชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคากาแฟ ตกต่ำ�[38] และปริมาณความต้องการเมล็ดกาแฟอาราบิกาคุณภาพสูงกระเตื้องขึ้นมา

แนวคิดของการค้าโดยชอบธรรมให้การรับรองว่า เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนตามจำ�นวนราคาที่เจรจา ไว้ก่อนการเพาะปลูก เริ่มจากมูลนิธิแมกซ์ ฮาเวลลาร์ ที่ เริ่มต้นโครงการดังกล่าวในเนเธอร์แลนด์ ในปี คริสต์ ศักราช 2004 ผลผลิตกาแฟ 24,222 เมตริกตันจาก ผลผลิตกาแฟทั้งหมด 7,050,000 เมตริกตันทั่วโลกเป็น ไปตามแนวคิดการค้าโดยชอบธรรม ปีต่อมา ผลผลิต กาแฟ 33,991 เมตริกตันจากทั้งหมด 6,685,000 เมตริกตันเป็นไปตามแนวคิดการค้าโดยชอบธรรม ปริมาณผลผลิตกาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรมคิดเป็น 0.34% ในปี 2004 และ 0.51% ในปี 2005 จากการ ศึกษาจำ�นวนมากได้แสดงให้เห็นว่าผลผลิตกาแฟที่ ค้าอย่างชอบธรรมมีผลกระทบในด้านบวกต่อชุมชนที่ ปลูกกาแฟ การศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2002 แสดงให้เห็น ว่าการค้าอย่างชอบธรรมจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ แก่บริษัทผู้ผลิต เพิ่มผลตอบแทนในการผู้ผลิตรายย่อย และส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น การศึกษา ครั้งหนึ่งในปี 2003 สรุปว่าการค้าโดยชอบธรรมนั้น “ได้ พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรปลูกกาแฟราย ย่อยและครอบครัวอย่างมาก” ด้วยการเข้าถึงความน่า เชื่อถือและเงินทุนการพัฒนาจากภายนอก และการเข้า ถึงการฝึกฝนได้มากขึ้น ทำ�ให้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพ ของกาแฟที่ปลูก[46] ครอบครัวของเกษตรกรปลูกต้น กาแฟยังมีความมั่นคงมากกว่าผู้ที่ไม่อยู่ในการค้าโดย ชอบธรรม และลูกของพวกเขาก็สามารถเข้าถึงการ ศึกษาที่ดีขึ้น[47] จากการศึกษาของบริษัทผู้ผลิตกาแฟ แห่งหนึ่งในโบลิเวียในปี 2005 สรุปว่าการรับรองการค้า โดยชอบธรรมจะส่งผลกระทบในด้านบวกต่อราคากาแฟ ในท้องถิ่น และให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจแก่ผู้ผลิตกาแฟ ทุกราย


ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในอดีต การปลูกต้นกาแฟจะทำ�ในร่มเงาของต้นไม้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และ แมลงทั้งหลาย ทฤษฎีนี้มักจะเป็นไปตามทฤษฎีเงาดั้งเดิม ในปัจจุบัน เกษตรกรจำ�นวน มากได้เปลี่ยนไปใช้วิธีการปลูกต้นกาแฟแบบทันสมัย โดยการใช้แสงอาทิตย์ในการปลูก ต้นกาแฟ ซึ่งต้นกาแฟจะถูกปลูกเรียงกันเป็นแถวอยู่ใต้แสงอาทิตย์โดยมีปะรำ�ป่าเพียง เล็กน้อยหรือไม่มีเลย การปลูกแบบใหม่นี้ทำ�ให้เมล็ดกาแฟสุกเร็วขึ้นและให้ผลผลิตมาก ขึ้น แต่การปลูกแบบดังกล่าวจำ�เป็นต้องตัดต้นไม้ ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงจำ�นวนมาก อีก ด้านหนึ่ง การปลูกต้นกาแฟแบบดั้งเดิมจะทำ�ให้เมล็ดกาแฟสุกช้ากว่าการปลูกต้นกาแฟ แบบใหม่และให้ผลผลิตน้อยกว่า แต่จะให้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงกว่า นอกเหนือจาก นั้น ทฤษฎีเงาดั้งเดิมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในกับสิ่ง มีชีวิตจำ�นวนมาก นักวิจารณ์การปลูกกาแฟแบบใหม่กล่าวว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่าง เช่น การตัดไม้ทำ�ลายป่า มลภาวะที่เกิดจากยาฆ่าแมลง การทำ�ลายที่อยอาศัยของสัตว์ ป่า การเสื่อมคุณภาพของดินและน้ำ� ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการปลูกต้น กาแฟแบบใหม่นี้ สมาคมดูนกอเมริกันเป็นผู้นำ�การรณรงค์ “การปลูกในร่มเงา” และ กาแฟอินทรีย์ ซึ่งพวกเขาสนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกกาแฟให้เป็นแบบดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะที่การปลูกต้นกาแฟในร่มหลายแบบแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ทางชีวภาพมากกว่าระบบการปลูกต้นกาแฟกลางแจ้ง มันก็ยังเทียบไม่ได้กับป่าท้องถิ่น ในแง่ของที่อยู่อาศัยของสัตว์


ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการเข้ามา ล้นตลาดของกาแฟเขียวราคาถูกอย่างมหาศาล หลังจากการล่มสลายของข้อตกลงกาแฟสากล แห่งปี 1975-1989 ได้ส่งผลกระทบยืดเยื้อต่อ วิกฤตการณ์ราคากาแฟตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1989 ถึงปี คริสต์ศักราช 2004 ในปี คริสต์ ศักราช 1997 ราคาของกาแฟในนิวยอร์กแตะ ระดับที่ 3 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ แต่เมื่อถึงปลาย ปี คริสต์ศักราช 2001 ราคาของกาแฟเหลือ เพียง 0.43 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ ในปี คริสต์ ศักราช 2007 ราคากาแฟขายส่งอยู่ที่ประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ (จาก 69 เซนต์ในลอนดอน เมื่อเดือนมีนาคม มาเป็น 134 เซนต์ในนิวยอร์ก เมื่อเดือนตุลาคม) และราคาของกาแฟโรบัสตา คิดเป็น 70% ของกาแฟอาราบิกา ราคาซื้อขาย กาแฟผันผวนอย่างมากจากราคาโดยเฉลี่ย 3 ดอลลาร์สหรัฐในโปแลนด์ 3.5 ดอลลาร์สหรัฐใน สหรัฐอเมริกาและ 17 ดอลลาร์สหรัฐในสหราช อาณาจักร กาแฟยังได้ซื้อขายกันโดยนักลงทุนและผู้แสวงหา กำ�ไรเนื่องจากเป็นสินค้าซื้อขายกัน สัญญา ซื้อขายกาแฟล่วงหน้าได้รับการลงนามใน New York Mercantile Exchange ภายใต้ สัญลักษณ์การค้าขาย KT และการส่งสัญญาจะ เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม กันยายนและธันวาคม


กาแฟนั้นแต่เดิมใช้เพื่อเหตุผลทางด้านจิตวิญญาณ เมื่อ 1,000 ปีที่ผ่านมา พ่อค้าได้นำ�กาแฟข้ามทะเลแดงมายัง ดินแดนอาระเบีย (ปัจจุบัน คือ ประเทศเยเมน) ที่ซึ่งนักบวชชาวมุสลิมได้ปลูกไม้พุ่มในสวนของตน ในตอนแรก ชาวอาหรับได้ผลิตไวน์จากเนื้อของเมล็ดกาแฟหมัก เครื่องดื่มดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันว่า qishr (ปัจจุบัน คือ kisher) และเป็นส่วนประกอบของพิธีการทางศาสนาอีกด้วย หลังจากนั้น กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ทำ�หน้าที่แทนไวน์ในพิธีกรรมทางศาสนา หลังจากที่ได้มีการห้ามดื่มไวน์ การดื่มกาแฟถูกห้ามโดยชาวมุสลิมตามฮะรอม ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 แต่ว่าข้อห้ามดังกล่าวได้ถูกล้มล้าง ในเวลาไม่นาน การนำ�ไปใช้ในพิธีกรรมทางศานาทำ�ให้กาแฟถูกส่งไปยังนครเมกกะ กาแฟถูกกล่าวว่าเป็นต้นเหตุ ของการประพฤติตนนอกคอก การผลิตและการบริโภคกาแฟถูกปราบปราม ต่อมา กาแฟถูกห้ามอย่างเด็ดขาด ในจักรวรรดิออตโตมาน กาแฟซึ่งเป็นเครื่องดื่มของชาวมุสลิม ถูกห้ามในหมู่ชาวเอธิโอเปียซึ่งนับถือคริสต์ศาสนา นิกายออร์โธดอกซ์ จนกระทั่งถึงปี คริสต์ศักราช 1889 ซึ่งได้เป็นเครื่องดื่มประจำ�ชาติของเอธิโอเปีย ที่ไม่ว่าคนที่ นับถือความเชื่อใดก็สามารถดื่มได้ทั้งสิ้น การใช้กาแฟในกิจกรรมก่อการกบฏทางการเมืองทำ�ให้กาแฟถูกห้ามใน สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ ในยุคเดียวกับที่มีการห้ามดื่มกาแฟในจักรวรรดิออตโตมานนั้น การห้ามกาแฟยังสามารถพบเห็นได้ในวิหาร คริสต์ศาสนานิกายมอมะนิสม์แห่งพระเยซูคริสต์เจ้า ซึ่งได้กล่าวอ้างว่าการดื่มกาแฟจะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิต วิญญาณ[71] ซึ่งแนวคิดดังกล่าวมาจากทฤษฎีทางด้านสุขภาพของชาวคริสต์นิกายมอมะนิสม์ในปี คริสต์ศักราช 1833 โดยผู้ก่อตั้งนิกาย โจเซฟ สมิธ ในพระวจนะที่เรียกว่า ถ้อยคำ�แห่งปัญญา แต่ถ้อยคำ�แห่งปัญญานี้ไม่ได้ หมายความตามชื่อ แต่ยังรวมไปถึงข้อกำ�หนดที่ว่า “เครื่องดื่มร้อนไม่ใช่ของสำ�หรับดื่ม” จึงมีการตีความว่า ห้าม การดื่มกาแฟและชาด้วย


กาแฟจำ�นวน มากถูกจำ�หน่ายให้แก่ลูกค้าเพื่ออำ�นวยความ สะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่มีเวลาที่จะทำ�กาแฟของตนเอง กาแฟประเภท นี้ ได้แก่ กาแฟสำ�เร็จรูป ซึ่งถูกทำ�ให้แห้งจนกลายเป็นผงแป้งที่สามารถละลาย น้ำ�ได้ หรือการทำ�ให้แห้งจนเป็นเมล็ดขนาดเล็กซึ่งสามารถละลายได้อย่างรวดเร็วใน น้ำ�[64] กาแฟกระป๋องเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในชาวเอเชียเป็น เวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ผู้ผลิตได้ใช้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติใน การจำ�หน่ายกาแฟกระป๋องหลายรูปแบบ อย่างเช่น กาแฟต้มหรือกาแฟซึม และมีทั้งกาแฟร้อนและ เย็น ร้านสะดวกซื้อและร้านขายของชำ�ในประเทศญี่ปุ่นยังมีการจำ�หน่ายกาแฟบรรจุขวดหลายรูป แบบ โดยมักจะมีรสหวานอ่อน ๆ และผสมกับนมเล็กน้อย กาแฟบรรจุขวดยังได้รับความนิยมใน สหรัฐอเมริกา[65] ในบางครั้ง กาแฟเหลวข้นถูกผลิตออกมาเพื่อให้ทันต่อความต้องการ ของผู้คนนับพันในเวลาเดียวกัน รสชาติของมันเทียบได้กับกาแฟโรบัสตาชั้นเลว และใช้ต้นทุนการผลิต 10 เซนต์ เครื่องจักรสามารถผลิตกาแฟได้ 500 ถ้วยต่อชั่วโมง หรืออาจมากถึง 1,000 ถ้วยต่อชั่วโมงถ้า ใช้น้ำ�ร้อนในการผลิต


ประโยชน์ของกาแฟ

1. ลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่ว ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2002 เผย ว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนิ่วใน ถุงน้ำ�ดีลดลงประมาณ 25% เช่นเดียวกับผลการวิจัยก่อนหน้านี้ ที่บอกว่า ผู้ชายที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ� จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรค นิ่วในถุงน้ำ�ดีได้ด้วย 2. กาแฟช่วยลดความเครียด เชื่อว่าหลายคนแอบเห็นด้วยกับผลวิจัยนี้ เพราะเมื่อรู้สึก เครียด ๆ เหนื่อย ๆ ทีไร ได้จิบกาแฟสักหน่อยก็จะรู้สึกดีขึ้นใช่ไหม คะ ซึ่งคราวนี้เราการันตีด้วยผลการวิจัยเพิ่มเติมอีกด้วยว่า คนที่ ดื่มกาแฟประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน จะลดความเครียดได้ประมาณ 15 % แต่หากดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะสามารถลดความเครียด ได้ถึง 20% เลยทีเดียวจ้า 3. ช่วยกระตุ้นความจำ� ผลการวิจัยจากภาครังสีวิทยาของอเมริกาเหนือกล่าว ว่า หากดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวัน จะสามารถพัฒนาความจำ� และ ปฏิกิริยาตอบโต้ได้ดีขึ้น สอดคล้องกับการวิจัยของอีกสถาบันหนึ่ง ที่บอกว่า ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป หากดื่มกาแฟมากกว่า 3 แก้วต่อ วัน จะมีความจำ�ที่ดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือดื่มกาแฟน้อย กว่านี้ ส่วนมหาวิทยาลัยเซาท์ฟรอริด้าก็เผยว่า คนอายุล่วงเข้าวัยกลาง คน ควรดื่มกาแฟประมาณ 4-5 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมน GCSF สารที่ช่วยลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ด้วยจ้า 4. รอดจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จากการศึกษาของภาคการเกษตรและเคมีอาหารของ สหรัฐอเมริกา ทำ�ให้ทราบว่า นักดื่มกาแฟตัวยง จะมีโอกาส รอดพ้นจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 50% เนื่องจากคาเฟ อีนมีคุณสมบัติช่วยยับยั้ง hIAPP และโพลีเปปไทด์ ตัวการก่อให้เกิด โปรตีนผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั่นเอง 5. ลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-5 แก้วต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อม ลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับได้ด้วย โดยประสิทธิภาพ ของคาเฟอีน จะช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์ผิดปกติ และกำ�จัดสารพิษ ที่ร่างกายได้รับได้ในระดับหนึ่ง

6. กระตุ้นการทำ�งานของระบบเผาผลาญ มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่บอกว่า คาเฟอีนช่วย กระตุ้นการทำ�งานของระบบเมตาบอลิซึม และอาจจะ ทำ�ให้น้ำ�หนักคุณลดลงได้ แต่ล่าสุดผลการวิจัยเมื่อปี 2006 เพิ่งจะได้ข้อสรุปว่า คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟสด คั่วบด มีผลกับการลดน้ำ�หนักในผู้หญิงได้จริง และ สามารถลดน้ำ�หนักเฉลี่ยได้ 7.7 กิโลกรัมภายใน 22 สัปดาห์เลยทีเดียวจ้า 7. ลดความเสี่ยงเป็นโรคพาคินสัน สถาบันการแพทย์อเมริกันได้ทำ�การวิจัยและ พบว่า คาเฟอีนในกาแฟมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลด ความเสี่ยงเป็นโรคพาคินสัน โดยผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วเป็นประจำ�ทุกวัน จะช่วยลดโอกาสเกิดโรค พาคินสันได้ถึง 25% เลยนะจ๊ะ 8. ปลุกความตื่นตัวได้ในทันที คาเฟอีนมีคุณสมบัติไม่ต่างจากสารกระตุ้นดี ๆ ชนิดหนึ่ง ที่สามารถปลุกความตื่นตัวให้กับร่างกาย ที่อ่อนล้า หรืออ่อนเพลียได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ยืนยัน ด้วยการทดลองกับนักกีฬากลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ดื่มกาแฟ ระหว่างที่ฝึกซ้อม และพบว่า นักกีฬากลุ่มที่ดื่มกาแฟจะ สามารถฝึกซ้อมกีฬาได้นานขึ้น เรียกได้ว่ามีความอึด มากกว่าเดิมนั่นเอง โดยความคึกคักที่เกิดขึ้นจะมีระยะ เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น 9. ลดโอกาสเป็นโรคเกาต์ สำ�หรับคนที่กลัวตัวเองจะเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แนะนำ�ให้ดื่มกาแฟ ประมาณ 3-6 แก้วต่อวันอย่างต่อเนื่อง เพราะผลการ วิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งหนึ่งยืนยันแล้วว่า คาเฟ อีนมีส่วนช่วยบรรเทาการอักเสบของข้อ เนื่องมาจาก กรดยูริกที่เกินขนาดอย่างได้ผล และคนที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวัน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ได้ถึง 60% เลยล่ะค่ะ


By WAN coffee shop facebook เรียกผมว่าสกา ID line 213456 oh


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.