Karen textiles

Page 1

ผาทอ ้ กะเหรี ย ่ ง ปกาเกอญอ อำ�เภอแม่ทา จังหวัดลำ�พูน จักรกริช นันทชัย



้ ผาทอ

กะเหรี่ยง ปกาเกอญอ อำ�เภอแม่ทา จังหวัดลำ�พูน จักรกริช นันทชัย


4


ชาวกะเหรี่ยง เรียกตนเองว่า “ปกาเกอญอ” ซึ่งแปลว่า “คน”

ชนเผ่าที่มีจำ�นวนมากที่สุดในประเทศไทย ในประเทศไทยแบ่แบ่ งออกได้ งออกได้ เป็นเป็4นกลุ4่ม กลุ ได้แ่มก่ สะกอ ได้แก่

หรือยางขาว สะกอ หรือยางขาว หรือ ปากกะญอ หรือ ปากกะญอ เป็นกลุเป็่มนที่มกลุีประชากรมากที ่มที่มีประชากรมากที ่สุด โป่สหรื ุด อโป โพล่ หรือ อยู โพล่​่ในเขต อยู่ จัในเขตจั งหวัดแม่ งหวัฮด่องสอน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียและลำ งใหม่�พูและลำ น ปะโอ �พูนหรืปะโอ อ ตองสู หรือและบะเว ตองสู และบะเว หรือ คะยาหรืในเขต อ คะ จัยางหวัในเขตจั ดแม่ฮ่องงสอน หวัดแม่ฮ่อถิงสอน ่นฐานเดิมของกะเหรี ถิ่นฐานเดิ่ยมงอยู ของกะเหรี ่บริเวณมองโกเลี ่ยงอยู่บริเวณมองโกเลี ยเมื่อกว่า2,000ปี ยเมื่อ กว่า2,000ปี มาแล้ ว ต่อมาได้ มาแล้ หนีวภต่ัยอจากการรุ มาได้หนีกภรานจากกองทั ัยจากการรุกรานจากกองทั พจีน มาอยู่ทพี่ธจีิเนบตมาอยู ถอยร่​่ทนี่ธลงมาทาง ิเบต ถอย ร่นเลงมาทางใต้ ใต้ รื่อยๆ ตั้งแต่เรืบ่อริยๆ เวณทีตั่ร้งาบลุ แต่บ่มริแม่ เวณที น้ำ�แยงซี ่ราบลุเ่มกีแม่ ยงนลุ้ำ�แยงซี ่มน้ำ�สาละวิ เกียง นลุ่มมาถึ น้ำ�สาละวิ งคอคอดกระจั น มาถึง คอคอดกระจั หวั ดประจวบคีงรหวั ีขันดธ์ประจวบคีรีขันธ์ กะเหรีกะเหรี ่ยง กลุ่ย่มงคนพวกนี กลุ่มคนพวกนี ้เรียกตัว้เรีเองว่ ยกตัาวปกาเกอญอ เองว่า ปกาเกอญอ คนไทยเรียคนไทยเรี กว่า ยางยกว่า พวก ยาง กะเหรี่ยงจะกระจายตั ชาวกะเหรี ่ยงจะกระจายตั วอยูว่จอยู ังหวั ่จังดหวั ต่าดงๆ ต่างๆ ที่ได้มาตั ที่ได้​้งมถิาตั ่นฐานเข้ ้งถิ่นฐานเข้ ามาอยูามาอยู ่ตั้งแต่​่ตแั้งรกเริ แต่แ่มรกเริ ส่วน่ม ส่มากอาศั วนมากอาศั ยอยู่ทยางภาคเหนื อยู่ทางภาคเหนื อตอนบน อตอนบน มักเรียมักตั กเรีวยเองว่ กตัวาเองว่ บูคุนา โยบูคกะเหรี ุนโย ่ยกะเหรี ง ผู้ชายนิ ่ยง ยผูมใส่ ้ชาย นิเสืย้อมใส่ สีแดงเสื้อรัดสีเอวด้ แดง วรัดยเชืเอวด้ อก วมียเชื พู่ อและโพกผ้ ก มีพู่ และโพกผ้ าสีต่างๆาสีผูต้ห่าญิงๆ งที่ยผูัง้หไม่ญิแงต่ทีง่ยงานนุ ังไม่แต่​่งงกระโปรง งานนุ่ง ทรงกระสอบ สีขาวยาวมี กระโปรงทรงกระสอบ สีขาวยาวมี ปัก บ้างเล็ ปักกบ้น้าองเล็ ย ส่กวน้นคนที อย ส่ว่แนคนที ต่งงาน่แต่แล้ งงาน วนิยแล้ มใส่วเนิสืย้อมใส่ แขนสั เสื้นอ สีน้ำ�เงิ้นนสีเข้นม้ำ�เงิส่นวเข้นล่ แขนสั ม าส่งประดั วนล่างประดั บด้วยลูบกด้ปัวดยลูสีแกดงและขาว ปัดสีแดงและขาว สวม สวมกระโปรงสี กระโปรงสีแดงแดง ลายตั ลายด ตัโพกผ้ ด โพกผ้ าสีแาดงสีแดง

5


ก ะ เ ห รี่ ย ง ท อ ผ้ า จ น เ ป็ น

วั ฒ นธรรมประจำ � เผ่ า เสื้ อ เด็ ก และหญิ ง สาวจะเป็ น ชุ ด ทรงกระสอบผ้ า ฝ้ า ยพื้ น ขาว ทอหรือปักประดับลวดลายให้งดงาม ส่ ว นหญิ ง ที่ มี ค รอบครั ว แล้ ว จะสวมเสื้ อ สีดำ� น้ำ�เงิน และผ้านุ่งสีแดงคนละท่อน ตกแต่งด้วยลูกเดือยหรือทอยกดอก ยก ลาย สำ�หรับผู้ชายกะเหรี่ยงนั้นส่วนมาก จะสวมเสื้อตัวยาวถึงสะโพก ตัวเสื้อจะมี การตกแต่งด้วยแถบสีไม่มีการปักประดับ เหมือนเสื้อผู้หญิง นุ่งกางเกงสะดอ นิยม ใช้สร้อยลูกปัดเป็นเครื่องประดับ และสวม กำ�ไลเงินหรือตุ้ม

6


สำ � หรั บ ผู้ ช ายกะเหรี่ ย งนั้ น ส่ ว น มากจะสวมเสื้อตัวยาวถึงสะโพกตัวเสื้อ จะมี ก ารตกแต่ ง ด้ ว ยแถบสี ไ ม่ มี ก ารปั ก ประดับเหมือนเสื้อผู้หญิง นุ่งกางเกงสะ ดอนิยมใช้สร้อยลูกปัดเป็นเครื่องประดับ และสวมกำ�ไลเงินหรือตุ้ม

7


ชุ ด ผู้ ห ญิ ง ก ะ เ ห รี่ ย ง ที่ ยั ง ไ ม่ แต่งงาน จะใส่ชุดทอด้วยมือทรงกระบอก สีขาวยาวกรอมเท้า และกระโปร่งมีความ ยาวถึงแค่หัวเข่า การสวมใส่ชุดสีขาวของ สาวโสดโดยชุดสีขาวนิยมเรียกว่า เช้เว้ จะ ใส่ต้ังแต่เด็กจนถึงวันที่จะแต่งงานเพราะ จะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีความบริสุทธิ์

8


ชุ ด ผู้ ห ญิ ง กะเหรี่ ย งที่ แ ต่ ง งาน แล้วจะสวมผ้ า ทอประดับประดาด้ว ยลูก เดือยหรือฝ้ายสี การประดับลวดลายและ การใช้สีสันต่างๆ คิดค้นโดยสิ่งแวดล้อม รอบข้ า งที่ ม องเห็ น เช่ น นำ � ลู ก เดื อ ยมา เรียนกัน 2 เมตรหมายถึงรอยเท้าสุนัข การจัดเรียงให้เป็นรูปดอกไม้คือการปัก ไขว้ ด้ ว ยด้ า ยได้ สี แ ดงเป็ น รั ศ มี ห มายถึ ง พระอาทิตย์เป็นต้น ผู้ ห ญิ ง กะเหรี่ ย งมั ก ใส่ เ สื้ อ ตั ว สั้นเลยเอว เป็นรูปตัววี แขนในตัวสั้นเลย ไหล่ เสื้อนี้เรียก เช้ชู จะสวมผ้าซิ่นทั้งเสื้อ และผ้าซิ่นเปลี่ยนเครื่องหมายแสดงว่ามี เจ้าของแล้ว และไม่มีชายอื่นมาข้องเกี่ยว เสื้ อ ของผู้ ห ญิ ง ที่ แ ต่ ง งานแล้ ว จะต้ อ งมี ลายปั ก เพราะถ้ า ไม่ มี เ ชื่ อ กั น ว่ า จะทำ � ให้ ไม่มีลูก และยังมีความเชื่อของลูกเดือยที่ สามารถช่วยป้องกันผีได้ ผู้หญิงกะเหรี่ยง ที่ แ ต่ ง งานแล้ ว จะนั บ ถื อ ผี จ ะใส่ ซิ่ น ที่ มี ลายกี่ เ ส้ น ของผู้ ห ญิ ง ที่ แ ต่ ง งานแล้ ว จะ มีลวดลายมากมายแสดงถึงความขยัน หมั่นเพียรของผู้ทำ�มากเท่านั้น

ชุ ด ของกะเหรี่ ย งผู้ ช ายเป็ น เสื้ อ ทรงกระบอก คอเสื้อเป็นรูปตัววี ตรงชาย เสื้อมีพู่ห้อยติดลงมาด้านข้างสมัยก่อน เสื้อสีแดงของชายโสดจะมีพู่ห้อยยาวลง มาถึงชายเสื้อ ส่วนเสื้อสีแดงของผู้ชาย กะเหรี่ยงที่แต่งงานแล้วนั้นจะติดพู่ห้อย ถึงแค่เสมอเท่าชายเสื้อ เพราะการมีพู่ห้อย ยาวจะไม่สะดวกต่อการทำ�งานมาก การ ใส่เสื้อที่มีพู่ยาวจะทำ�ให้รุงรัง ยากต่อการ ทำ�งานผู้ชายส่วนใหญ่จะสวมกางเกงแบบ คนไทยภาคเหนือ หรือสวมแค่เสื้อแล้ว เวลาทำ�งานร้อนก็จะเอาคอเสื้อออกมาทำ� เป็นโสร่งแทน ทั้งนี้การสวมใส่เสื้อสีแดง ของผู้ชายกะเหรี่ยง จะนิยมใช้ผ้าโพกศีรษะ ซึ่งมีลวดลายสีแดง และมีถุงย่ามที่ออก แดงเช่นเดียวกัน 9


ผ้าซิ่น

ผู้ ห ญิ ง ชาวกะเหรี่ ย งที่ แ ต่ ง งาน แล้ ว ลั ก ษณะของผ้ า ซิ่ น ของผู้ ห ญิ ง ชาว กะเหรี่ยงที่แต่งงานแล้ว รูปแบบการตัด เย็บ คือ นำ�ผ้า 2 หรือ 3 ชิ้น มาเย็บต่อ เนื่องกัน การทอผ้าของชาวกะเหรี่ยง นั้นเป็นการทอผ้าแบะคาดหลังผ้าที่ได้จะ เป็นผ้าหน้าแคบ ฉะนั้นจึงต้องนำ�มาเย็บ ต่อกัน ผ้าซิ่นของชาวกะเหรี่ยงนิยมการ ทอลายริ้วๆ ลายขวางลำ�ตัว หรือที่ชาว กะเหรี่ยงเรียกว่า ซิ่นลายโก้ง และนิยม ใช่เทคนิคการทอ เช่นการมัดหมี่ การขิด เป็นต้น

ถุงย่าม

ลักษณะของถุงย่าม จะเป็นการ นำ�ผ้า 2 ชิ้นมาเย็บติดกัน โดยทอชิ้นหนึ่ง ให้มีขนาด ยาวเพื่อทำ�เป็นยาว และอีกชิ้น เพื่อเป็นเนื้อที่ในการใส่ของ ซึงรูปแบบจะ เหมือนกันถุงยามทั่วไป จะใช้สี ขาวแดง ดำ� เป็นสีหลัก แต่หลังมาได้รับความนิยม ในการใช่สีในกลุ่มคนชาวกะเหรี่ยงมากขึ้น

10


ผ้าห่ม หรือ ผ้าซอศพ

ผ้าห่ม หรือ ผ้าซอศพ ของชาว กะเหรี่ยงผ้าซอศพ เป็นผ้าที่มีลักษณะเนื้อ หนา มีการตกแต่งลวดลายให้สวยงาม นิยมใช่สีแดง หรือ สีขาว โดยการเอาผ้า มาเย็บต่อกัน ทำ�ให้ติดกันหรือ ไม่ติดก็ได้ ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่มักนิยมใช้ในพีธีซอศพ ของชาวกะเหรี่ยง

การปักและประดิษฐ์ลวดลาย

การปั ก และประดิ ษ ฐ์ ล วดลาย เป็นการทำ�ลวดลายบนพื้นผ้าให้สวยงาม จากการเย็บให้เป็นเครื่องนุ่งห่มแล้ว ส่วน ใหญ่ ช าวกะเหรี่ ย งสะกอจะนิ ย มมั ก ปั ก ประดั บ ลวดลายบนเสื้ อ ผู้ ห ญิ ง แม่ เ รื อ น ลักษณะการประดับประดาจะใช้ด้ายหลาก สีปักสลับกับลูกเดือย ซึ่งเป็นพืชที่ของชาว กะเหรี่ยง ต้องปลูกไว้เพื่อใช้ในกิจกรรม นี้โดยเฉพาะ ส่วนผู้หญิงกะเหรี่ยงโป มักตกแต่งด้วยลวดลาย โดยการทอ มากกว่าปัก ลวดลายปัก/ประดิษฐ์ของ กะเหรี่ยง ส่วนใหญ่เป็นการลอกเลียนจาก ธรรมชาติ ทั้งลายปักด้วยด้ายและลายปัก ลูกเดือย 11


12


ามคำ�บอกเล่าบอกต่อกันมาของบรรพบุรุษของชนเผ่ากะเหรี่ยง ในเรื่อง ลวดลายผ้าทอกะเหรี่ยงในเขตอำ�เภอแม่ทา จังหวัดลำ�พูน ได้เล่าถึงสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อ พูเนาะเร ภรรยาชื่อ มึกเอ ทั้งคู่ใช้ชีวิตปกติ อยู่มาวันหนึ่งสามีบอกว่านางมึกเอ วันนี้อย่าปล่อยหมู เพราะพูเนาะเรจะออกไปข้างนอกหมู่บ้าน โดยภรรยาได้รับปาก แต่ สายมาหมูของตนร้องและไม่ยอมกินข้าว ภรรยาจึงสงสารเลยปล่อยหมูให้ออกไปหา อาหารกินอย่างเช่นทุกวัน พอตกบ่ายชาวบ้านมาตะโกนบอกมึกเอ ว่าหมูของนางมึก เอถูกงูเหลือมรัดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านที่พบพยาย่ามตีงูเหลือมให้ปล่อยหมูแต่ก็ ไม่มีใครช่วยได้ เหมือนยิ่งตีงูก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น มึกเอจึงคว้าฟืมตอกผ้ามาตีงูเหลือม งูได้ ปล่อยหมูแต่หันมารัดนางมึกเอแทน และก็ยังพานางมึกเอไปยังถ้ำ�ที่พญางูได้อาศัย อยู่ และช่วงที่มึกเออยู่ในถ้ำ� นางมึกเอก็ทอผ้า โดยแกะลายงูเหลือมที่ตัวเองเห็นอยู่ ทุกวัน จนได้ลายสี่ตะกอขึ้นมา ส่วนฝ่ายนายพูเนาะเรก็เสียใจที่ช่วยนางมึกเอไม่ได้ แต่ ก็พยายามช่วยให้นางมึกเอออกมาให้ได้ แต่ก็ไม่สำ�เร็จ งูเหลือมบอกว่าปล่อยนางมึก เอก็ต่อเมื่อนายพูเนาะเรตายแล้วเท่านั้น นายพูเนาะเรจึงใช่มีดกรีบแขนตัวเองจนเลือด ไหล และได้นอนตายอยู่หน้าปากถ้ำ�ของงูเหลือม งูเหลือมจึงได้ปล่อยนางมึกเอออก มา และในวันที่ชาวบ้านเผาศพนายพูเนาะเรนั่นเอง ขณะที่ไฟกำ�ลังลุกไหม้นางมึกเอก็ กระโดดเข้าไปในกองเพลิงเพื่อเผาตัวเองให้ตายไปพร้อมกับสามี และนี่จึงเป็นที่มาทาง ด้านความเชื่อของลวดลายที่เกี่ยวข้องกับงูเหลือมและธรรมชาติ

13


การใช้สีในกลุ่มกะเหรี่ยง

สี่หลักคือ ดำ� แดง เหลือง และ ขาว โดยจะใช้ทุกสีและให้น้ำ�หนักกับ สีดำ� และสี แ ดงส่ ว นสี เ หลื อ งและสี ข าวเป็ น สี ตกแต่ง สี่ประกอบได้แก่ ชมพู น้ำ�เงิน ส้ม เขียว เป็นกลุ่มสีที่นำ�มาใช้ในภายหลัง และ นิยมใช้กันมากขึ้นส่วนใหญ่มักซื้อที่ย้อม สำ�เร็จแล้วมาใช้ โดยให้เหตุผลว่าสีสวย และไม่ตก

14


15


การทอผ้าของกะเหรี่ยงปกาเกอญอ ก ารทอลวดลาย ผ้าของชาวกะเหรี่ยงที่ทอใช้ส่วน การทอแบบธรรมดา

ใหญ่จะมีลวดลายประกอบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การใช้ ป ระโยชน์ แ ละความนิ ย มเช่ น ชุ ด ผู้ หญิงจะมีลายขวางบริเวณเหนืออก ผ้าถุง ผู้หญิงแต่งงานแล้ว จะมีลวดลายสลับ สีตลอดทั้งตัว จะทอให้มีลวดลายบริเวณ ไหล่อย่างสวยงามเป็นต้น การทอเป็น ลวดลายจะเป็ น ที่ นิ ย มในกลุ่ ม ผู้ ห ญิ ง โป มากกว่าการประดิษฐ์ลวดลายในผืนผ้า ขณะทอมี 5 วิธีคือ

การทอผ้ า ธรรมดาหรื อ การขั ด เป็นการสอดด้ายทางขวางเข้าไประหว่าง ด้ายเส้นยืน ซึ่งแยกสลับกัน ขึ้น 1 ลง 1หรือ ขึ้น 2 ลง 2 ตามจำ�นวนเซนได้ที่เหลือเมื่อ คื น เครื่ อ งทอผ้ า จะทำ � เป็ น สี เ ดี ย วกั น ทั้ ง พื้นและเนื้อผ้าจะสม่ำ�เสมอ เป็นวิธีการทอ ผ้าขั้นพื้นฐาน ใช้ผ้าสำ�หรับเย็บชุดเด็กของ ผู้หญิงชาวกะเหรี่ยงและเย็บกางเกงของ ผู้ชายเท่านั้น ปัจจุบันกะเหรี่ยงนิยมสวม กางเกงสำ�เร็จรูปซึ่งซื้อจากตลาดพื้นราบ ได้ไม่ยาก ปกติด้ายเส้นยืนและด้ายเส้น ขวาง ซึ่งใช้การทอแบบธรรมดาจะมีจำ�นวน เส้นที่เท่ากัน ยกเว้นกรณีการใช้ได้ต่าง ชนิดเช่นด้ายเส้นยืนเป็นด้ายสำ�เร็จรูปและ ด้ายเส้นขวางเป็นได้พื้นเมือง ดังนั้นจึง ต้องใช้จำ�นวนมากกว่าด้ายเส้นขวางคือ ด้ายเส้นยืน 2 ด้ายเส้นขวาง 1 เป็นต้น ู้หญิงแต่งงานแล้ว จะมีลวดลายสลับ สีตลอดทั้งตัว จะทอให้มีลวดลายบริเวณ ไหล่อย่างสวยงามเป็นต้น การทอเป็น ลวดลายจะเป็ น ที่ นิ ย มในกลุ่ ม ผู้ ห ญิ ง โป มากกว่าการประดิษฐ์ลวดลายในผืนผ้า ขณะทอมี 5 วิธีคือ

ลายในเนื้อผ้า

ลักษณะลวดลายจะปรากฏเป็น เส้นนูนตามแนวตั้ง หรือแนวนอนก็ได้ หากเป็นลายนูนตามแนวตั้ง การกำ�หนด ลวดลายจะทำ�พร้อมกับการเรียงด้าย คือ ใช้จำ�นวนด้ายเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ในที่ที่ ต้องการให้เป็นลายนูนส่วนด้ายขวางใช้ จำ�นวนเท่าปกติการทอวิธีนี้นิยมใช้ทอเสื้อ ผู้ชายสูงอายุของเผ่ากะเหรี่ยง

16


ายสลับสี เป็นการทอดแบบธรรมดาคือใช้ด้ายยืน และ ด้ายขวาง จำ�นวน ปกติแต่แทรกด้วยสีต่างๆ สลับเข้าไปในขณะเรียง ด้ายยืนหรือเมื่อสอด. ด้ายขวาง เช่น การทอผ้าห่อ ย่าม และผ้าถุงของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว (ลวดลายผ้าถุง บางท้องถิ่น จะมีลักษณะพิเศษกว่าการทอ ลายสลับสีธรรมดา คือจะใช้ด้ายย้อม. มัดหมี่ หรือยอม แบบลายน้ำ�ไหล เป็นด้ายยืนเมื่อไหร่ที่ปรากฏบนเนื้อผ้ามีลักษณะงดงามมาก) บางครั้ง กะเหรี่ยงจะทอลวดลาย สลับสีเป็นเส้นนูนในเนื้อผ้า เช่น บริเวณเหนืออกของชุดเด็กผู้ หญิงกะเหรี่ยงสะกอ และผ้าถุงของผู้หญิงกะเหรี่ยงคะยา 17


ลายจก เป็นการสอดด้ายสลับสี (ซึ่ง

นอกจากนั้นยังใช้ทอลวดลายบริเวณไหล่ ของชุดหญิงสาวและเสื้อผู้หญิงแต่งงาน แล้ ว เป็ น ที่ น่ า สั ง เกตว่ า การทอแบบนี้ ลวดลายที่ปรากฏอยู่ในหน้าผ้าด้าน ตรง ข้ามกับผู้ทอ ดังนั้นผู้โกรธจึงมีความ ชำ�นาญมาก ในการกำ�หนดลวดลายว่าจะ สอดด้ายในลักษณะใดจึงจะได้ลวดลาย ตามที่ ต้ อ งการนั บ เป็ น สิ่ ง ที่ น่ า ภู มิ ใ จ ลักษณะการทอผ้าลายจกของกะเหรี่ยง มีความคล้ายคลึงกับชาวไทยพื้นราบ ใน จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ และราชบุรีมา แต่ ความละเอียดในด้านสื่อสารและลวดลาย มีน้อยกว่า ซึ่งพื้นฐานทักษะเช่นนี้หาก มีการพัฒนาฝีมือจะทำ�ให้ สามารถผลิต งานที่มีคุณค่ามากขึ้น

ไม่ไช่ด้าย เส้นเดียวกับด้ายขวาง) เข้าไป เป็นบางส่วนในเนื้อผ้าตามลวดลายและ สีในตำ�แหน่ง ที่ต้องการ การยกด้ายยืน จะไม่เปลี่ยนไปตามการยกตะกอ แต่ผู้ทอ จะใช้นิ้วมือหรือ ขนเม่นช่วยสอดยกด้าย ขึ้นตามจำ�นวนที่กะไว้ และสอดด้ายสีที่ ต้องการเข้าไป ระหว่างด้ายยืนนั้น ฉะนั้น ลวดลายที่ ป รากฏบนผื น ผ้ า ทั้ ง ผื่ น อาจ จะไม่เหมือนกันก็ได้ การทอลายเช่นนี้ กะเหรี่ ย งโปนิ ย มใช้ ย่ า มโดยเฉพาะยาม ของผู้ชาย จะประดิษฐ์ประดอยลวดลาย สวยงามเป็นพิเศษ เนื่องจากพูดคือผู้ หญิ ง ที่ พึ ง ใจในตั ว ผู้ ช ายและทอย่ า มนี้ ขึ้นมาเพื่อเป็นของขวัญแก่คนที่ตนพึงใจ

18


ายขิด คือการทอผ้าโดยให้ ลวดลายที่ ป รากฏเหมื อ นกั น ทั้ ง ผื่ น ลั ก ษณะลายแบบยกดอกในตั ว โดย กำ�หนดสีตามด้ายยืน การแยกด้ายยืน ใช้วิธีนับ เส้นเป็นช่องๆ และสอดไม้หน่อ สะยาเข้าไปเป็นตัวนำ� ไม้จะช่วยแยกด้าย ให้ช่องระหว่างด้ายยืนกว้างความสะดวก ในการสอดด้ายขวาง ปัจจุบันในบางพื้นที่ เช่นอำ�เภอลี้ จังหวัดลำ�พูน ใช้ตะกอช่วย ในการแยกด้ายหลายอัน. การคล้อง แต่ ก็จะทำ�ขณะเรียงด้ายขึ้นเครื่องทอ ดังนั้น จึงต้องเพิ่มไหมหน่อสะยา เพื่อช่วยในการ กำ�หนดตะกอ วิธีนี้ผู้ทอจะต้องมีความ ชำ�นาญมาก ตั้งแต่การคำ�นวณจนแล้ว เสร็จเป็นผืน

19


การทอลวดลายโดยใช้วัสดุอื่นประกอบ การทอประกอบลูกเดือย

การทอประกอบพู่หรือกระจุกด้าย

ปกติ ก ารประดั บ ลู ก เดื อ ยจะ ประดับชายเสื้อ ผู้หญิงจะใช้วิธีการฝาก หลังจากการเย็บผ้าประกอบเป็นตัวเสื้อ แล้ว แต่ในระยะหลังใช้วิธีประกอบเข้าไป พร้อมกับขณะการทอผ้า โดยร้อยลูกเดือย เข้ากับเส้นด้ายขวางระหว่างเส้นด้ายยืน โดยให้ลูกด้วยลอยตัวอยู่บนพื้นผ้า เมื่อ ประกอบเป็ น ลวดลายแล้ว จึง ปักประดับ ด้ายสลับสีลงไปในช่วงระหว่างลูกเดือย เหล่านั้น

เป็นการทอของชาวกะเหรี่ยงโป บางหมู่ บ้ า นในเขตจั ง หวั ด แม่ ฮ่ อ งสอน เชียงใหม่ ลำ�พูน ใช้ประกอบกับชุดของผู้ หญิง ได้ชุดเด็กผู้หญิงเท่านั้น การทอจะ ใช้ ด้ า ยสี แ ดงและดำ � รวมกั น เป็ น กระจุ ก ประมาณ เท่าปลายนิ้วก้อย ตัดเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 นิ้วนำ�ส่วนนี้สอดเข้าไป ตาม เส้นด้ายยืนเป็นระยะๆ สลับกับด้าย ขวาง ทอเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนได้ลวดลายที่ ต้องการ แล้วเกลี่ยปลายด้าย ที่สอดให้ แตกจะปรากฏลวดลายกระจุกด้ายเรียง กันเป็นรูปต่างๆ เช่น สี่เหลี่ยม ขนมเปียก ปูน วงกลม เป็นต้น

20


ผ้าทอกะเหรี่ยงในเขตอำ�เภอแม่ทาและมีกรรมวิธีผลิต การในการทอแบบดังเดิม โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติไม่ว่า จะเป็นเสื้อ ซิ่น ย่าม ผ้าห่อ และยิ่งไปกว่านั้นการสวมใส่ของ ชุดผู้ชายและชุดเด็กหาดูได้ยากเพราะมีการเปลี่ยนแปลงไป ตามยุคสมัย จากการศึกษาในเขตอำ�เภอแม่ทาจึงมีประชากร ตัวอย่างการศึกษา และผลของการศึกษาคือไม่มีผู้ชายและเด็ก ที่ยังสวมใส่ชุดประจำ�เผ่า ส่วนมากจะหันไปใช้ชุดพื้นเมืองตาม สมัยนิยม แต่สำ�หรับผู้หญิงแม่บ้าน แต่ผู้เฒ่า ยังคงจะพบเห็น ใส่เสื้ออยู่บ้านและโอกาสสำ�คัญและในวันพิเศษ ซึ่งในปัจจุบัน นอกจากย่ามที่มีการผลิตและใช้ในชีวิตประจำ�วัน ผ้าห่มยังมี ความสำ�คัญในพิธีการสำ�คัญอยู่ตลอด แต่สิ่งที่ขาดหายคือการ ผลิตที่น้อยลงของคนในชุมชน จึงมีการอนุรักษ์สืบต่อโดยการ ตั้งกลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงของชุมชนเพื่อเป็นการผลิต และการสืบ ต่อให้กับลูกหลานต่อไป


ผ้าทอกะเหรี่ยงปกาเกอญอในเขต อำ�เภอแม่ทา จังหวัดลำ�พูน จักรกริช นันทชัย ภาพและเนื้อเรื่อง 2016 (พ.ศ. 2559) โดย จักรกริช นันทชัย สงวนลิขสิทธ์ตามพระราชบัญญัติ พิมพ์ครั้งแรก เดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 จัดพิมพ์โดย ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแบบและจัดรูปเล่มโดย จักรกริช นันทชัย ออกแบบโดยใช้ฟอนต์ Kanyanut uni 16pt. หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานทางวิชาการ จัดทำ�ขึ้นเพื่อส่งเสริมและต่อยอดศักยภาพการศึกษา ภายในภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.