คืนเดือนมืดในเดือนพฤษภาคม ณ ผืนน้ำ�แห่งมหาสมุทรแอตแลนติกยังมีเรือน้อยใหญ่ลอยล่อง อยู่กลางผืนน้ำ� ทั้งเรือส่งสินค้า เรือที่คอยช่วงชิงสินค้า อาหาร แก้วแหวนเงินทองจากเรือเหล่านั้น และ เรือที่กำ�ลังกล่าวถึงก็คือเรือโจรสลัด นั่นเอง ค่ำ�คืนนี้นอกเหนือจากแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ ด้วยเพชรพลอยบนท้องฟ้า เรืออันมีชื่อหมายถึงดวงดาวอย่างเรือสเตลล่าก็กำ�ลังส่องประกายแข่งกับแสง ดาวอยู่เช่นกับ สเตลล่าเป็นเรือโจรสลัดประเภทบัคคาเนียร์ โจรสลัดผู้ซึ่งรักการผจญภัยไร้ผู้ว่าจ้าง เป็นหลักเป็นฐาน โจรสลัดผู้รักซึ่งอิสระเหล่านี้ต่างเคยเป็นทหารเก่า คนใช้หนีนาย หรือแม้แต่ผู้ใช้ แรงงาน พวกเขาต่างหลีกหนีความวุ่นวายและการเมืองที่ไร้ซึ่งความใสสะอาด และปฏิญาณตนจะล่องเรือ ไปทั่วท้องทะเลกับเรือสเตลล่าอันมีกัปตันหนุ่มนามว่า “ไรเจล”
หลังจากที่พวกเขาได้ลอบเข้าปล้นเสบียงบนเรือของพวกไพรเวเทียร์ (โจรสลัดหลวง) ได้สำ�เร็จ พวกเขาก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองกันบนเรือ ชีวิตของพวกบัคคาเนียร์ไม่ได้มีกินทุกมื้อนัก แต่ด้วยเสบียง ที่มากมายที่เขาปล้นออกมาได้นั้น พอจะอยู่ได้ถึง 3 เดือนสบายๆ แบบกินทิ้งกินขว้างเสียด้วย ไรเจล กัปตันหนุ่ม แกว่งแก้วทองเหลืองใส่ไวน์องุ่นชั้นเลิศที่ปล้นมาได้เดินไปหาลูกเรือแก่ๆขาเสียคนหนึ่ง อย่างเป็นกันเอง ลูกเรือผู้ที่ดูไม่เอาไหนและเหมือนจะชอบดื่มเหล้าเมาทั้งวัน แต่กลับคุยกับกัปตันหนุ่ม
ได้อย่างถูกคอ ไรเจลเชื้อเชิญให้ทุกคนดื่มให้กับความสุขสั้นๆกับชีวิต * บัคคาเนีย์ร์ (Buccaneers) อิสรภาพของพวกเขาแบบที่พวกบนพื้นดินไม่เคยได้รับ ไรเจลกอด มาจากคำ�ว่า “เนื้อแห้ง” ในภาษา ฝรั่งเศส คงเนื่องมาจากชีวิตใน คอซิริอุส น้องชายของเขาและยกแก้วประหนึ่งเชื้อเชิญน้องชายให้ร่วม เรือ ที่ไม่ค่อยมีอะไรกิน บัคคา สังสรรค์ให้กับความสำ�เร็จของแผนการปล้นเสบียงครั้งนี้ แม้ซิริอุสยัง เนียร์ส่วนใหญ่เป็นคนใช้หนี เด็กนักแต่ก็มียศบนเรือถึงผู้ช่วยกัปตัน มิใช่เพราะสายเลือดแต่อย่างใด นาย ทหารเก่า ผู้ใช้แรงงาน และชายชาตรีผู้รักการผจญภัย หากเพราะเขาได้ร่วมล่องเรือกับพี่ชายและพ่อในฐานะไพรเวเทียร์มาตั้งแต่ นายโจรเหล่านี้ไม่ได้ถูกว่าจ้าง หัดเดิน เขารู้ทุกเรื่องบนเรือ รู้วิธีการเดินเรือ รู้ถึงการหลอกล่อศัตรู เป็นหลักเป็นฐาน แต่ทุกครั้งที่ ทั้งยังมีทักษะการวางแผนที่แยบยลและแผนปล้นเสบียงครั้งนี้ก็เป็นอีก ทำ�ความเสียหายให้กับสเปนได้ ก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน หนึ่งความสำ�เร็จของเขา ทว่า เขากลับไม่สนใจที่จะเป็นกัปตันต่อจากพี่ ทอง หรือตำ�แหน่งทางการเมือง ชายเลยสักนิดเพียงเพราะเขาเมาเรือ งานฉลองเริ่มขึ้น เต็มไปด้วยความ รื่นเริง เล่นเอาลูกเรือเมาเละเทะไม่เป็นท่า บ้างก็เมาถึงขึ้นเกาะกาบเรือ * ไพรเวเทียร์ (Privateers) ่งเป็นคนที่ได้รับการ ว่าจ้าง ขย่อนสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปสู้ท้องน้ำ�อันมืดสนิท บ้างก็เดินสะเปะสะปะไป ซึจากรั ฐบาลโดยตรง ให้พิทักษ์ ทั่วเรือ ลูกเรือต่างสนุกสนานกับงานเลี้ยงเสียจนลืมหน้าที่ของตนเอง ผลประโยชน์ของชาติตน และ ความมืดคืบคลานเข้ากลืนกินแสงสว่างบนเรือสเตลล่าทีละน้อย เทียนเล่มสุดท้ายดับลงพร้อมกับเหล่าลูกเรือที่เมาไม่เป็นท่านอนระเกะ ระกะทั่วทั้งเรือ มีเพียงลูกเรือที่เป็นเวรยามไม่กี่คนที่ยังครองสติไว้ได้ เรือ บดสีดำ�สนิทพรางตัวอยู่ในความมืดไม่ใช่เพียงหนึ่ง หรือสอง แต่มากถึง แปดลำ�กำ�ลังเข้าเทียบเรือสเตลล่าอย่างเงียบเชียบ กลุ่มคนปริศนาเหล่า นี้ลักลอบขึ้นเรืออย่างชำ�นาญ พวกมันมีฝีเท้าเบาและเคลื่อนที่ว่องไวดุจ แมวดำ� เข้าไปยังห้องต่างบนเรือเหมือนกำ�ลังหาบางสิ่งบนเรือลำ�นี้ ลูก เรือคนหนึ่งเห็นพวกมันเข้าจึงพยามตะโกนเรียกคนเพื่อจับแมวดำ�ตัว หนึ่ง ทว่าสภาพลูกเรือแต่ละคนนั้นไร้สติสัมปชัญญะสิ้นดี ลูกเรือบาง ส่วนที่ยังมีสติก็พากันไล่จับพวกมันโดยไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพียงตัวล่อ ชายร่างสูงสวมชุดคลุมสีเข้มประดับเครื่องประดับโลหะแวววาว พอจะ ทำ�ให้เดาได้ว่าชายผู้นี้เป็นผู้สูงศักดิ์อยู่พอควร เขาย่างเท้าอย่างสุขุมด้วย น้ำ�เสียงสม่ำ�เสมออย่างไร้กังวล ราวกับว่าเขาไม่ได้ลักลอบขึ้นเรือลำ�นี้มา แต่อย่างใด สายตาเขามองไปยังประตูบานหนึ่งบริเวณสุดทาง ลูกบิด ประตูทองเหลืองประดับลวดลายพรรณไม้เลื้อยพอจะทำ�ให้เดาได้ว่านี่คือ ห้องของใคร
เสียงเปิดประตูดังเอียดอาดอย่างน่าอึดอัด เงาดำ�ทอดยาวเข้าทาบ ตัวไรเจลที่มึนเมาไร้สติอยู่ใต้กองผ้าห่ม ปลายดาบสะท้อนวาววับค่อยๆ
บ่ อ นทำ � ลายผลประโยชน์ ข อง ชาติศัตรู คือสเปน และอื่นๆ
เคลื่อนเข้าสู่กองผ้าอย่างระแวดระวัง ชายปริศนากระชากผ้าห่มออกหวังดูให้แน่ใจว่าใต้กองผ้า นั้นใช่คนที่ตนต้องการหรือไม่ ทว่าเขากลับพบเพียงผ้าห่อม้วนกลมอยู่ใต้ผืนผ้า ยังไม่ทันจะ หันหลังกลับเขาก็พบว่าโลหะคมกริบเย็นเฉียบทาบอยู่ที่คอเขาเสียแล้ว
“ไรเจล กัปตันหนุ่มผู้เป็นที่เลื่องลือต้านการต่อสู้ด้วยคมดาบ หึ” ชายปริศนาพูดขึ้นด้วย น้ำ�เสียงไม่ตื่นกลัวนัก ระหว่างวางดาบลงอย่างช้าๆและยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับศีรษะ
“ใครส่งแกมา..” กัปตันหนุ่มถามกลับ
“แถมยังเป็นกัปตันหนุ่มผู้กุมความลับแห่งสมบัติอันมีฤทธิ์ทรงอานุภาพ” ชายปริศนา พูดต่อโดยไม่สนใจคำ�ถามของผู้กุมชะตาชีวิตแม้แต่น้อย เขาค่อยๆเดินช้าๆไปยังโต๊ะทำ�งานของ กัปตันหนุ่มที่อยู่ใกล้ เอียงหัวอย่างเจ้าเล่ห์พลางมองไปยังแผนที่เดินเรือ และสมุดบันทึกที่เปิด อยู่ของไรเจล “อะไรกัน.. เขียนไดอารี่ด้วยหรอนี่กัปตัน นี่คงเป็นหมึกชั้นยอดที่ได้จากการปล้นเหล่า ไพรเวเทียร์หลวงอย่างข้ามาสินะ” ชายผู้นั้นยังไม่หยุดพล่าม มือข้างหนึ่งก็เที่ยวหยิบโน่นจับนี่ บนโต๊ะทำ�งานของไรเจล กัปตันหนุ่มชะล่าใจมากเกินไป เขาจับงูแค่ปลายหาง มันจึงหันหัวมา พ่นพิษใส่เขา! ชายปริศนาหยิบหมึกบนโต๊ะทำ�งานสาดใส่ดวงตาของคู่ต่อสู้ ไรเจลเสียท่าให้มันอย่างเสีย มิได้ เขาจำ�ต้องปิดตาลงเพื่อรักษาดวงตาไม่ให้ขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ ชายปริศนาถึอโอกาสปัด ตายในมือเขาร่วงลงพื้นอย่างชำ�นาญและรวบแขนเขาทั้งสองข้างไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“วงแหวนอยู่ที่ไหน?” ไรเจลไม่ตอบอะไร เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวแม้จะมองเห็นไม่ ชัดนักแต่เขาก็พอจะดูออกตอนนี้เขาได้ถูกล้อมไปด้วยกลุ่มสมุนของชายปริศนาเสียแล้ว พวกมัน รื้อของในห้องของกัปตันหนุ่มทุกซอกทุกมุม พวกมันไม่ได้ต้องการจะปล้นหรือฆ่าคนบนเรือ ลำ�นี้ พวกมันต้องการเพียงวงแหวน วงแหวนที่จะทำ�ให้โลกใบนี้ไร้การเคลื่อนไหว
hapter 01
ซิริอุสเดินกลับเข้าห้องตนเองหลังจากมีอาการคลื่นไส้จนเขาต้องไปเกาะกาบเรือเช่นทุก ครั้งที่มีงานฉลอง ระหว่างนั้นเอง เขาพบความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เสียงฝีเท้าที่ดูร้อนรน ผิดปกติ กำ�ลังมุ่งหน้ามาทางเขา ซิริอุสเอื้อมมือไปจับมืดพกที่ตัวอย่างกระชับแล้วค่อยๆย่องไป ดักเจ้าของฝีเท้าต้องสงสัยนั่น
เขาเดินลงจากชั้นบนของเรือและถีบบุคคลปริศนาเข้าอย่างยังจนเขาล้มไม่เป็นท่าเพราะ ความไม่ระวังตัว ซ้ำ�ร้ายดาบคู่กายของเขายังหลุดจากมือเขาเสียอีก ซิริอุสลุกขึ้นจับตัวชายผู้นั้น ไขว้หลังอย่างชำ�นาญ แม้เขายังเด็กแต่กลับเรียนรู้การต่อสู้ด้วยเล่ห์กลมาพอตัว นั่นทำ�ให้เขาชนะ แรงของผู้ใหญ่ได้ด้วยสมอง เขาเตะดาบของศรัตรูจนตกกาบเรือไป แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถาม ออกไปว่ามันต้องการอะไรบนเรือเขา หรือมาทำ�อะไร ชายในพันธนาการของเขารีบเปล่งร้อง เสียงหลงออกมาเสียก่อน
“อย่า อย่าๆๆๆๆ ข้าเอง” มันค่อยๆหันหน้ากลับมาหาเด็กหนุ่มอย่างจำ�นน แสงสลัวจาก ตะเกียงริบหรี่ที่สะบัดเปลวเพลิงอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนระเบียงเรือสาดลงที่ใบหน้าของชายผู้ นั้น แม้จะเป็นแสงสลัวแต่ก็เผยให้เห็นรอยแผลเป็นรูปกากบาทบนใบหน้าของชายผู้อยู่ใน พันธนาการ อีกทั้งผมยุ่งฟูสีส้มแดงของเขายังเป็นเครื่องบ่งบอกตัวตนคนเบื้องหน้าได้ดี
“ต้นหน บาแรน!!!” เด็กหนุ่มเผลอร้องออกมาเสียงดัง
“ก็ใช่น่ะสิ โอ๊ย..ซิริอุส ไม่มีเวลามาตกใจแล้ว แกะฉันออกจากไอ้นี่ เร็วๆเลย ตอนนี้ไรเจลถูกจับตัวไป คิดว่าพวกมันคงยังอยู่บนเรือนี่แหละ” “พวกมัน? ใครอะไรที่ไหน แล้วพี่ชายข้า..” เขาเร่งมือช่วยบาแรนออกจากพันธนาการ อย่างเร่งร้อนเมื่อได้ยินว่าพี่ชายถูกจับตัวไป แม้อาวุธของบาแรนจะถูกซิริอุสเตะลงน้ำ�ไปแล้วก็ตาม ทั้งสองแยกกันไปตามหากัปตันของเรือลำ�นี้ ทว่ายังไม่ทันที่เข้าจะแยกกันเกินสิบเมตร ซิริอุส จำ�ต้องหันกลับไปมองทางที่บาแรนแยกกับเขาไป ชายร่างใหญ่ชุดดำ�สองคนได้จับตัวบาแรน ไว้เป็นตัวประกันพร้อมกับโลหะวาววับคมกริบที่พร้อมจะปาดคอหอยบาแรนได้ทุกเมื่อ ซิริอุส ค่อยๆเอื้อมมือไปในเสื้อเพื่อหยิบมืดพกออกมาหมายจะปาใส่พวกมันให้หงายคว่ำ�ลงทะเลไป แต่ ยังไม่ทันได้ลงมือ พวกมันก็ทิ้งตัวลงเบื้องล่างจากท้ายเรืออย่างไม่ยี่หระไปพร้อมกับบาแรน ซิริอุส รีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุทันที และสิ่งที่เห็นกลับเป็นกลุ่มชายชุดดำ�นับสิบเป็นเงาตะคุ่มมืดทมิฬ กำ�ลังซ่อนตัวเข้าสู่ความมืดไปพร้อมกับฝูงเรืออีกหลายลำ� ลูกเรือบางส่วนรีบวิ่งมาหาซิริอุส หมาย จะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ช้าไปเสียแล้ว แม้เขาจะสั่งให้กระหน่ำ�ยิงธนูใส่พวกมันยังตามไป ไม่ทัน พวกมันหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับพี่ชายของเขาและบาแรน ต้นหนสติฟั่นเฟือนของ เรือสเตลล่าลำ�นี้ ซิริอุสเดินกลับไปยังห้องนอนของเขา มีลูกเรือเพียงบางส่วนเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เรือที่พวก เขาอยู่ขาดกัปตันและต้นหนเรือ แต่อีกไม่นาน เมื่อฟ้าสว่าง เรือลำ�นี้ต้องมีกัปตันคนใหม่ แม้เขา จะเป็นรองกัปตันแต่รองกัปตันอายุน้อยอย่างเขาซ้ำ�ยังขาดต้นหนจะนำ�เรือไปที่ไหนได้อย่างไร เขาไม่รู้จุดหมายของพี่ชาย รู้เพียงว่าเขาต้องการตามหาพี่ชายของเขาให้เจอ เขาแวะเข้าไปยังห้อง นอนของไรเจลเพื่อจะหาเบาะแส แม้เขาจะสับสนเพียงใดเขาก็ดูนิ่งและสงบเหมือนกับไม่มีอะไร เกิดขึ้น เขาค่อยๆเก็บข้าวของที่ถูกรื้อกระจัดกระจายในห้องพร้อมกับโทษตัวเองว่าหากไม่มัวแต่ เมาเรือเรื่องวันนี้คงไม่เกิดขึ้น
เป็นไปตามคาดวันนี้เป็นวันที่วุ่นวายที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นบนเรือลำ�นี้ เรือสเตลล่าที่ขาด กัปตัน ซิริอุสได้เลื่อนเป็นกัปตันแห่งเรือสเตลล่าทันที แม้เขาจะดูเด็กเกินไปสำ�หรับหน้าที่นี้ ทว่าเขากลับได้รับความไว้วางใจจากลูกเรืออยู่ค่อนข้างมากจากผลงานที่ผ่านๆมาอันเกิดจากไหว พริบของเขาล้วนๆ ซิริอุสกลายเป็นกัปตันเรือแล้ว แต่เป็นกัปตันเรือที่ไม่รู้จะเดินทางไปที่ไหน “กัปตัน..” เสียงขุ่นแหบปนสั่นเล็กน้อยร้องเรียกหนุ่มน้อยจากด้านหลัง แม้ไม่หันกลับ มามองเขาก็พอจะรู้ว่าเจ้าของเสียงค่อนข้างมีอายุแล้ว ทว่าเขาก็หันกลับไปมองเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แสงอาทิตย์ส้มจ้าสาดเข้าตาของเขาเข้าเต็มๆ พระอาทิตย์กำ�ลังตกดิน ไม่สิ มันกำ�ลังตกน้ำ�มากกว่า หรือจะเรียกให้ถูกคือมันกำ�ลังลับขอบฟ้าต่างหาก เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรชายตรงหน้า ความ เงียบปกคลุมบทสนทนาของพวกเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ซิริอุสจะเป็นฝ่ายทำ�ลายความเงียบนั้นลง
“ท่าน..” ซิริอุสจำ�หน้าชายตรงหน้าได้ แต่ไม่ยักจะรู้ชื่อเขา
“จุดหมายต่อไปของเรือสเตลล่าคือที่ไหนกัปตัน” อีวานถาม
“อีวาน ข้าอีวาน..” ชายสูงวัยตบไหล่กัปตันหนุ่มอย่าง ปลอบโยน เขายืนดูซิริอุสมาสักพักแล้ว พอจะรู้ว่าตอนนี้ซิริอุสรู้สึก อย่างไร ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ซิริอุสยังคงนั่นอยู่ที่เดิมโดยไม่พูดอะไร “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าตลกเนอะ ข้าเป็นกัปตันที่ไม่มีแม้ ต้นหนเรือ ไม่มีจุดหมาย” กัปตันหนุ่มตอบ
“เอ่อ ข้าว่าจะไปหาอะไรกินสักหน่อย สนใจไปกับข้ามั๊ยกัป ตัน”
“ท่านไปเถอะ” ซิริอุสปฏิเสธและยังคงนั่งอยู่ที่เดิม บนกล่อง ไม้อยู่ท้ายเรือ ปล่อยให้อีวานจากไปแบบเงียบๆ ชายสูงวัยหายไป พักใหญ่ก่อนจะกลับมายังตำ�แหน่งที่กัปตันอายุน้อยคนนี้อยู่ เขา ยื่นขนมปังให้ซิริอุส เขายื่นมือขึ้นบนฟ้าพลางกางนิ้วชี้กับนิ้วก้อย ออก เหมือนกำ�ลังชี้อะไรให้เขาดู
Sirius
Evan
“ แหม่.. เจ้าอยู่ตรงนี้มาสักสองชั่วโมงได้แล้วนะ นี่ก็คงเวลาสักสองทุ่มแล้ว” อีวานเอ่ยขึ้นมา ลอยๆ “ท่านรู้ได้ไง?” ซิริอุสหันมาทำ�หน้าสงสัย แต่กลับไม่ได้คำ�ตอบจากชายสูงวัย เขาทำ�เพียงยัง ไหล่และกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างกรุ่มกริ่มแล้วเดินจากไป
เพียงชั่วระยะหันหลังเท่านั้นอีวานต้องหันกลับมาดังเดิม เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วท้องทะเลสาด แสงจ้าทั่วอาณาบริเวณแล้วอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา อีวานดึงตัวซิริอุสเข้ามากลางเรือ ลูกเรือทุก คนต่างวิ่งมารวมตัวกันอย่างเร่งร้อน รอคำ�สั่งของกัปตันคนใหม่ เขาได้แต่ตระหนกกับเหตุการณ์ ตรงหน้าจนไม่ทันระวังตัว เกลียวคลื่นโถมซัดเรือของเขาเข้าอย่างจังจนน้ำ�กระเซ็นใส่ตัวเรือและลูกเรือ เปียกปอนไปหมด เขารับออกคำ�สั่งให้หันหัวเรือออกจากตรงนี้ ไปตามทิศที่คลื่นซัดไปเพื่อลดความ เสียหายที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด นับว่าโชคยังเข้าข้างเขา เรือของเขายังไม่เป็นอะไร ทุกคนปลอดภัย และทุกอย่างสงบลงราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ความมืดได้ยึดพื้นที่เสียนานจนลูกเรือต่างทยอยกันเข้านอน ซิริอุสยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ได้แต่ คิดว่าเขาจะเดินทางไปไหนดี เขาเดินเข้าไปยังห้องนอนของพี่ชายอีกครั้งเพื่อหาเบาะแสที่ไรเจลอาจ
ทิ้งไว้ สภาพของภายในห้องกระจัดกระจาย จากการต่ อ สู้ แ ละถู ก รื้ อ ค้ น จากกลุ่ ม คน ปริ ศ นาที่ บุ ก เรื อ ขึ้ น มากจั บ ตั ว พี่ ช ายของ เขาไป ซิริอุสพยามค้นทุกซอกทุกมุมแต่ก็ ไม่พบเบาะแสอะไรเลยเขารู้เพียงแค่ว่าไรเจล ต้องการเดินเรือไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ทาง เหนือ และตอนนี้ก็เดินทางมาได้ครึ่งทาง แล้วแต่จำ�ต้องหยุดการเดินทางชั่วขณะจาก เหตุการณ์ดังกล่าว เขาหยิบแผนที่เดินเรือ ของพี่ชายที่ตกอยู่ข้างโต๊ะทำ�งานขึ้นมาเพื่อ มองหารายละเอียด เพื่อว่าพี่ชายของเขาจะ ซ่อนรหัสลับอะไรเอาไว้อยู่และเขาก็เจอมัน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเขาต้องทำ�อะไร
“กัปตัน!! “ ตาแก่ที่เขาเจอเมื่อหัวค่ำ� เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้องของไรเจ ลอย่างร้อนลน เขารีบคว้ามือซิริอุสพลางวิ่ง ไปยังดาดฟ้าเรือโดยที่เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้ ตั้งคำ�ถามใดๆ “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำ�ไม ไม่เห็นหรอ ว่าข้าทำ�อะไรอยู่” ซิริอุสหายใจหอบแห้ง ราวกับเพิ่งถูกช่วยจากการจมน้ำ�มาก็ไม่ปาน
ท้องฟ้าด้วยสีหน้าเต็มกังวล
“ดูนี่สิเจ้าหมา..”
ชายสูงวัยยืนมอง
“ข้าไม่มีเวลามาชื่นชมดวงดาวกับท่านหรอกนะ นี่ไม่ใช่ฉากโรแมนตก แล้วข้าก็ไม่ใช่สาวน้อยน่ารัก ด้วย” ซิริอุสเบือนหน้าหนี หอบหายใจด้วยน้ำ�เสียงเหนื่อยหน่ายระคนหงุดหงิด ตาแก่นี่ไม่รู้หรือไงว่าไม่ ควรพูดแบบนี้กับกัปตันเรือ แม้เขาจะอายุน้อยกว่าก็ตาม มีสิทธ์อะไรมาเรียกกัปตันอย่างเขาว่าหมา แต่แล้ว เขากลับชะงักชั่วครู่ เขารู้สึกราวกับว่า..
“ตำ�แหน่งดาวอยู่กับที่” ชายแก่ร่างท้วมที่ฉุดกระชากเขาออกมาจากห้องนอนของพี่ชายได้พูดขึ้น
“กัปตัน.. นี่ก็ดึกมากแล้ว ดึกมากพอที่อีกไม่กี่อึดใจก็จะเช้า ท่านว่ามั๊ย? แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววว่าฟ้า
“ท่านหมายความว่าไง?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย
จะสางเลย มิหนำ�ซ้ำ�ตำ�แหน่งดาวยังไม่เปลี่ยนไปเลยด้วย” คำ�ตอบ นี้ทำ�ให้ซิริอุสรู้สึกราวกับมีฝ่ามือหนาๆมาตบเข้าที่ใบหน้าของเขา อย่างแรง จริงอย่างที่ตาแกนี่ว่า นี่ก็ดึกมากแล้ว ดึกมากเสียจะจวน จะเช้า แม้เขาจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องของดาวบนท้องฟ้าเท้าไหร่ แต่นี่ ตำ�แหน่งดาวมันไม่เปลี่ยนไปเลย มันยังอยู่ที่เดิม เหมือนกับตอนที่ เกิดเสียงระเบิดนั่น! “ทุกๆหนึ่งชั่วโมง ตำ�แหน่งของดาวพวกนี้จะเคลื่อนที่ไปทาง ทิศตะวันตก 15 องศา..” เขาพูดพลางเหยียดแขนตรงไปด้านหน้า จากนั้นเขากางนิ้วชี้และนิ้วก้อยออกมา ซิริอุสยืนมองชายเบื้องหน้า ด้วยความงุนงง ตาแก่นี่เป็นใคร เขาเชื่อถือได้มากน้อยขนาดไหน และเขามีความสำ�คัญมากน้อยเพียงใด ทำ�ไมในคืนงานเลี้ยงพี่ชาย ของตนจึงเข้าไปชวนคุยอย่างสนิทสนม เขาชักอยากรู้เสียแล้วสิ แต่ ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถาม ตาแก่นั่นก็พูดต่อ
“กัปตัน.. มันอาจไม่น่าเป็นไปได้ แต่ข้าว่ามันเกี่ยวข้องกับ ระเบิดในตอนนั้น”
“ท่านหมายความว่า..”
“มันหมายความว่า ‘โลกกำ�ลังหยุดหมุน’ ยังไงล่ะ”
“รู้มั๊ยการที่ตำ�แหน่งดาวอยู่กับที่หมายความว่ายังไง” ซิริอุสยังไม่ทันได้เอ่ยคำ�ใดๆออกไป เขาก็ พูดขึ้นมาอีก “มะ ไม่จริงน่ะ..” วินาทีที่เขาได้ยินชายตรงหน้าพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา เขาแทบหยุดหายใจ แล้วรีบคว้าเข็มทิศที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาดู มันหมุนวนไปมาเสียจนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหมุน นั่น หมายถึงตอนนี้ สนามแม่เหล็กโลกกำ�ลังแปรปรวนจึงทำ�ให้เข็มทิศไม่สามารถบอกทิศเหนือแก่เขาได้
“เอ่อ.. ท่านยังจำ�ชื่อข้าได้ใช่มั๊ย ข้าอีวานนะ เอ่อ..และกัปตันไรเจลเคยฝากสิ่งนี้ไว้กับข้า” เขา ล้วงมือเข้าไปในเสื้อแล้วหยิบเข็มทิศเก่าๆอันนึงออกมา แม้จะรู้ว่ามันใช้ไม่ได้ในเวลานี้ แต่กัปตันผู้ช่วย ชีวิตเขาจากการล่องลอยอยู่กลางทะเลนับสัปดาห์ได้ฝากมันไว้ให้กับน้องชายของเขา ‘ฝากให้น้องข้า ยามเมื่อเขาไร้หนทางจุดหมาย’ นั่นคือคำ�กล่าวของไรเจล เข็มทิศเก่าๆจะไปมีค่าอะไร ในเมื่อตอนนี้เขาได้กลายเป็นกัปตันที่ไร้ต้นหน ไม่รู้แม้กระทั่ง ทิศทางจะให้หันหัวเรือไป เขารับเข็มทิศจากอีวานมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะตอบทสนทนาของ พวกเขา
“ท่านรู้มั๊ยพี่ข้าต้องการจะไปที่ไหน” เขาถามคำ�ถามโง่ๆ โดยไม่หวังคำ�ตอบ แม้แต่เขาน้องชาย
แท้ๆยังไม่รู้เรื่องนี้ จะมีใครอีกให้พี่ชายเขาไว้ใจพอ จะบอกเรื่องนี้ให้รู้ ไรเจลไม่เคยบอกจุดหมายของ การเดินเรือให้ใครฟังเลย ไม่ใช่เพราะกลัวจะโดน แย่งชิงสมบัติแต่อย่างใด ทว่า เขากลับกลัวว่าผู้ใดที่ รู้เรื่องราวที่จะเกิดนับจากนี้จะไม่ปลอดภัย
“ท่านคงแปลกใจไม่น้อยหากข้าบอกว่าข้ารู้..” ซิริอุสได้ฟังดังนั้นถึงกับหันมามองหน้าอีวาน เขา ไม่ใช่ตาแก่ขี้เมาธรรมดาๆแน่ แต่เขากุมความลับ ทั้งหมดของไรเจลเอาไว้
“เกาะเครื่องเทศ” ชายแก่พูดต่อ
“และเราจะไปที่นั่นกัน.. ข้าจะไปที่นั่น แม้ จะไม่รู้ว่าจะไปยังไงก็ตาม” ซิริอุสพูดพลางเก็บ ความรู้สึกหนักอึ้งเอาไว้ในใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ�ว่าจะ ล่องเรือไปที่นั่นได้ยังไง ในภาวะที่สนามแม่เหล็ก โลกแปรปรวนขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะโลกได้ หยุดหมุนลง และในอีกไม่ช้า ความหนาวเย็นจะเข้า โจมตีทุกหัวระแหงแห่งโลกซีกมืด โชคดีหน่อย พืชพรรณอาจยังอยู่ได้ แต่หากโชคร้ายทุกสรรพ สิ่งจะล้มตาย ความหนาวเหน็บจะเข้าครอบงำ�จิตใจ และทะเลในไม่ช้าก็จะกลายเป็นน้ำ�แข็ง กัปตันตัว น้อยหยิบเข็มทิศมาวางไว้บนฝ่ามือ ทั้งชิ้นที่เป็น ของเขาและของพี่ชาย เข็มของทั้งสองอันชี้ไปคนละทาง หยุดหมุนได้เพียงเสี้ยววินาทีก็เริ่มต้นหมุนติ้วๆอีก ครั้ง เขาเก็บเข็มทิศของไรเจลไว้ในเสื้ออย่างทะนุถนอม แล้วขว้างปาเข็มทิศของตนลงทะเลอย่างไร้เยื่อใย อีวานมองกัปตันตัวน้อยอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าเขาจะทำ�อะไรบ้าบิ่นแบบนี้ ถึงเวลาแล้วที่เขาควร แสดงหน้าที่ที่ไรเจลได้มอบหมายให้แก่เขา อีวานจับไหล่ซิริอุสและบิดตัวกัปตันตัวน้อยให้มองไปทางด้าน ข้างลำ�เรือ
“กัปตัน.. ท่านมองเห็นอะไรข้างหน้ามั๊ย” ซิริอุสหันมามองหน้าอีวานอย่างงวยงง ตาแก่นั่นยังจับหัน ซิริอุสให้เงยขึ้นอีกด้วย
“เข็มทิศไงล่ะ.. นั่นจะกลายเป็นเข็มทิศให้ท่าน แบบที่ไม่มีวันพังเลยล่ะ” เขาพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย เจือแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“เอา เอาล่ะ เห็นดาวสี่ดวงด้านบนมั๊ย ที่เรียงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม” อีวานจับหัวกัปตันตัวน้อยเงยหน้า เสียจนเขาคิดว่า ถ้าจะให้เงยขนาดนี้ ให้เขานอนเสียดีกว่า
“ที่นี้ลองมองตามมือข้าไป.. เห็นอะไรมั๊ย เพกาซัสยังไงล่ะ” ซิริอุสมองตามอีวานที่ค่อยลากเส้นเชื่อม กลุ่มดาวบนท้องฟ้า แม้เขาจะมองไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่แต่ก็พอจะจินตนาการตามได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นบน ท้องฟ้าคือเพกาซัส (ม้าปีก) แต่ก็ยังไม่เข้าใจอีวานอยู่ดีว่า การมายืนชื่นชมธรรมชาติ ลากเส้นต่อจุดดวงดาว นี่มันจะทำ�ให้เขารู้ทิศที่จะไปเกาะเครื่องเทศได้อย่างไร “ข้าไม่มีเวลามายืนดูดาวนะอีวาน รีบๆบอกข้าซะทีเถอะว่าเข็มทิศอยู่ไหน?” อีวานเอานิ้วผลักหัวซิริอุสอ ย่างเอ็นดู แม้ซิริอุสจะเป็นกัปตัน แต่เด็กก็เป็นเด็กวันยังค่ำ� เขามองในแง่ของตาแก่คนหนึ่ง
“ใจเย็นๆสิกัปตัน เอ้า!! ข้ากำ�ลังจะเอาเข็มทิศให้เจ้าดูอยู่เนี่ย มองตามที่ข้าบอก.. เจ้ายังหาเพ กาซัสเจออยู่ใช่มั๊ย?” “อื้อ” ซิริอุสตอบแบบห้วนๆ แบบที่เด็กไม่ควรจะตอบกับผู้ใหญ่ คิ้วหมวดหน้ายุ่งอย่างไม่ พอใจแต่ก็ทำ�ตาม
“มองลงมานะ ใต้ท้องของเพกาซัส เฉียงมาทางขาหลังของมันหน่อยจะเห็นดาวพวกนั้นอักษร รูปตัวเอ็มอยู่บนฟ้า” “อ่าๆๆๆ..” “เจ้าเห็นแล้วใช่มั๊ย อย่าตอบแบบเหนื่อยหน่ายแบบนั้นสิกัปตัน”
“เฮ่ยยยย ข้าเห็นแล้ว” เขาตอบอย่างไม่สนใจ แต่ก็ยังมองตามที่อีวานพูด
“นั่นเรียกว่ากลุ่มดาวแคสสิโอเปีย ซึ่งข้าว่ามันเหมือนนกหรือค้างคาวมากกว่า ที่นี้ต้องใช้ ความสามารถในการจินตนาการระดับสูงเลยนะ จากขาสองข้างด้านนอกของตัวเอ็ม ให้เจ้าลากเส้น ต่อขึ้นไปทางด้านบนจนมันตัดกัน แล้วจากจุดตัดนั้นลากผ่านจุดตัดตรงกลางลงมา” “เดี๋ยวๆๆๆๆ ข้างงไปหมดแล้ว ขอข้าตั้งสติก่อนสิ” ซิริอุสพูดเบรคอีวาน เขารู้สึกแพ้ เมื่อ อัจฉริยะอย่างเขาต้องมาตกม้าตายกับเรื่องการลาก เส้น และจินตนาการบ้าบอนี่ และเขาก็ค่อยๆเรียบเรี นงใหม่ตามคำ�กล่าวของอีวาน
“อา ลากเส้นลงมา ต่อลงมาอย่างนั้นลงมาเรื่อย ท่านจะเห็นดาวที่สุกสว่างดวงหนึ่งห่างจากแคสสิโอ เปีย อืม.. ประมาณ..” อีวานยื่นมืออกไปอีกแล้ว กำ�ๆ แบๆ ชี้นิ้วอะไรของเขาก็ไม่รู้ “ 25 องศา ห่างจากแคสสิโอเปีย 25 องศา.. นั่นแหละดาวเหนือ!!”
“ ดาวเหนือ!! ท่านกำ�ลังจะบอกว่า ดาวนั่น.. คือตำ�แหน่งของทิศเหนือหรอ? “
“ใช่ นี่ไงเข็มทิศที่ข้าบอกกับท่าน กัปตัน เข็มทิศที่ไม่มีวันพัง” เขายักไหล่และยิ้มอย่าภูมิใจ ก่อนเอามือหยิบหมวกออกจากหัวแล้วโค้งให้เด็กน้อยอย่างขี้เล่น แล้วเดินจากไปปล่อยให้ซิริอุสตื่น เต้นระคนสงสัยต่อไป แม้เข็มทิศจะใช้งานไม่ได้ หรือเขาจะโยนเข็มทิศลงทะเลอีกสักกี่อัน อย่าง น้อย ตอนนี้เขาก็มีเข็มทิศสุดวิเศษอยู่บนฟ้าแล้ว ซิริอุสเผยแววตาส่องประกายไปด้วยความมุ่งมั่นและ หวังอีกครั้ง
hapter 02 ซิริอุสเรียกประชุมลูกเรือทุกคน แม้ตะวันจะไม่กลับขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ นอนเสียนานจนนอนต่อไปไม่ได้แล้ว ทุกคนแตกตื่นไม่น้อยกันเรื่องที่โลกหยุดหมุนแต่ พวกเขาก็พร้อมที่จะร่วมชะตากรรมไปกับกัปตันคนใหม่ของพวกเขา ซิริอุสยืนยันที่จะ เดินเรือไปยังจุดมุ่งหมายเดิมของพี่ชาย ไปยังเกาะทางตะวันออกเฉียงใต้ของท้องทะเลแห่ง นี้ เกาะที่มีชื่อว่า “เกาะเครื่องเทศ” ซิริอุสขอให้อีวานเป็นต้นหนให้แก่เขา แม้ลูกเรือส่วน ใหญ่จะมีขัดขืนบ้างแต่พวกเขาก็ไม่แสดงออกมามากนัก เหรียญยังมีสองด้าน ไม่แปลกที่ ยังมีลูกเรือคอยซุบซิบนินทาเขากับอีวานว่าเป็นเพียงกัปตันเด็กกับตาแก่ขี้เมาที่ไม่น่าฝาก ชีวิตไว้ด้วย ทว่า ผลงานที่ผ่านมาของซิริอุสก็ปกป้องเขาจากคนกลุ่มนี้ เสียงส่วนมากยังคง เชื่อมันในกัปตันวัยหนุ่ม เว้นก็แต่อีวาน ที่เขาทำ�สำ�มะเลเทเมาจนแทบจะเรียกว่าเป็นตัว ละครลับบนเรือเลยก็ว่าได้กับการที่อยู่ๆเขาก็ได้มาเป็นต้นหนเรือสเตลล่าลำ�นี้ ปัญหาต่อไปที่กัปตันคนนี้ต้องจัดการคือปัญหาเรื่องเวลา การที่โลกหยุดหมุนและ ไม่มีดวงอาทิตย์คอยขึ้นและตกเช่นเก่า ซิริอุสสั่งให้ลูกเรือนำ�ทรายใส่กระสอบและแขวนไว้ เจาะรูให้รั่วเป็นรูเล็กๆและหาอะไรรองไว้ เมื่อทรายหมดกระสอบนั่นหมายถึงว่าเวลาผ่านไป 12 ชั่วโมง โดยลูกเรือที่เป็นเวรยามจะต้องคอยดูกระสอบทราย สั่นกระดิ่ง 2 ครั้งเพื่อบอก ให้สมาชิกในเรือรู้ว่าเวลานี้หากยังมีดวงตะวันได้ตกดินแล้ว และสั่นกระดิ่ง 3 ครั้งเพื่อบอก ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว
หลังจากที่ซิริอุสได้แต่งตั้งอีวานมาเป็นต้นหนเรือสเตล ล่าของเขาแล้ว เขาได้ขอให้อีวานช่วยสอนวิธีดูดาวแก่เขา ตอน นี้อีวานไม่ได้เป็นแค่ตาแก่ขี้เมาดูไร้ประโยชน์บนเรือลำ�นี้ ต่อไปแล้ว เขาคืออาจารย์ ซิริอุสไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดท่ามกลาง มหาสมุทรที่มืดสนิทเช่นนี้ไปได้นานแค่ไหน เชื้อเพลิง อาหาร หรือแม้สภาพอาการไม่ได้เป็นใจกับโจรสลัดอย่างเขา สักเท่าไรนัก เขาต้องคอยระวังการโจมตีจากพวกไพรเวเทียร์ และโจรสลัดด้วยกันเอง เขาจึงต้องเร่งเรียนรู้กลุ่มดาวบน ท้องฟ้าให้ได้เร็วที่สุด
“กัปตัน นี่เป็นเคล็ดลับของช้าเชียวนะ กับการที่จะ หากลุ่มดาวต่างๆให้เร็วขึ้น นิ้วก้อยสำ�หรับ 1 องศา สามนิ้ว แบบนี้ก็คือ 5 องศา กำ�มือ 10องศา กางแค่นิ้วชี้กับนิ้วก้อย 15 องศา และสุดท้าย กางนิ้วโป้งกับนิ้วก้อย ก็คือ 20องศา” อีวานพูดพลางยื่นแขนเหยียดตรงไปข้างหน้า ขนานกับ ระนาบของโลกแล้วค่อยๆยื่นนิ้ว กำ�ๆแบๆ สลับกันไปให้ซิ ริอุสดู “ เอ่อ.. ถึงข้าจะเคยเห็นท่านเคยทำ�ก็เหอะนะ แต่มันก็ งงๆน่ะ”
“เจ้าบื้อ เมาเรือรึปล่าว ไหนว่าเป็นกัปตันยอดอัจฉริยะ ที่เขาว่ากัน” อีวานแกล้งเลิกผมซิริอุส ยกแขนเขาขึ้นด้วย สีหน้าราวกับจะหาอะไรบางอย่าง ถ้าเขาเป็นหุ่นยนต์ต้นหน คนนี้คงกำ�ลังหาว่ามีชิ้นส่วนตรงไหนหลุดหรือชำ�รุดบ้าง เป็นแน่ “เฮ้อ ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องไม่เข้าใจ เอานี่ เจอมา เอา ไว้ดูแก้งง” เขาพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับซิริอุส ขนาดกระดาษแผ่นไม่เล็กเลย เขาคงหวังจะให้ซิริอุสเอาไป แปะในห้องของเขาให้ไม่ลืมในเรื่องนี้ “จำ�ได้ใช่มั๊นว่าข้ารู้ได้ไงว่าโลกหยุดหมุน” เปรยๆ
อีวานพูด
“นั่นสิ.. วันนั้นข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านพูด” เมื่อกัปตันตัวน้อยพูดจบ อีวานก็ชูมือที่กางแต่นิ้ว ขี้กับนิ้วกอยออกมา พร้อมกับยิ้มทะเล้น ช่างไม่สมกับวัยและใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตีนกาของเขา เลย
“อะไรของลุงน่ะ??” หนุ่มน้อยถามด้วยใบหน้าเหยเกไม่สบอารมณ์ นี่มันไม่ใช่เวลามาคุยเล่นนะ เขาได้แต่คิดในใจแม้จะไม่พูดออกไปก็ตาม สีหน้าของเขาได้บ่งบอกสิ่งที่เขาคิดไปหมดแล้ว ตอนนี้ ซิริอุสเริ่มสนิทกับต้นหนของเขาแล้ว พวกเขาเป็นศิษย์อาจารย์ที่ดูจะเข้าขากันได้ดี แม้ศิษย์ของเขาจะ ดูปากเสียและทำ�ตัวเกินกว่าวัยไปบ้าง อีวานก็ไม่เคยถือโทษเขา ยังไม่ทันสิ้นเสียงสบถของกัปตันตัว น้อยอีวานก็ประเคนมะเหงกลงบนหัวของศิษย์เขาเรียบร้อย
“ข้าไม่ได้เล่น ข้ากำ�ลังสอน ที่ทำ�นี่ กำ�ลังจะบอกว่า 15 องศายังไงล่ะ” ซิริอุสฟังต่ออย่างเงียบๆ
“ในหนึ่งชั่วโมง ตำ�แหน่งดาวจะเปลี่ยนไป 15 องศา และไอ้ที่ข้าทำ�ให้ดูนี่ ก็จะบอกว่า ข้าใช้นิ้ว วัดองศาเอา”
ซิริอุสทำ�ตาโตเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เขาก็ต้องเก็บอาการทึ่งเอาไว้ในใจเพราะกลัวเสียหน้า อีวาน ยังบอกอีกว่า เมื่อเวลาผ่านไป 1 วัน ณ เวลาเดิมดวงดาวจะเปลี่ยนตำ�แหน่งไป 1 องศา ซึ่งเป็นเรื่องยาก มากที่จะสังเกตในภาวะที่โลกหยุดหมุนเช่นนี้ เขาเริ่มทำ�หน้าที่ต้นหนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกด้วย การเริ่มวางแผนการเดินเรือ ซิริอุสมีความรู้เรื่อง ดวงดาวแค่เพียงน้อยนิด สิ่งนี้ยังไม่สามารถนำ�เขา ไปสู่จุดหมายที่แท้จริงได้ พวกเขาไม่มีเวลามาพอที่ จะมาเรียนรู้จนจบหลักสูตร เขาเชื่อว่าการเดินเรือ ไปยังเกาะเครื่องเทศของไรเจลจะต้องเป็นจุดผลิก ผั น ที่ จ ะคลี่ ค ลายสถาณการณ์ นี้ ไ ด้ อ ย่ า งแน่ น อน หลายครั้ ง ที่ เ ขาเห็ น พี่ ช ายมี สี ห น้ า เคร่ ง เครี ย ด ระคนวิตกขณะวางแผนการเดินเรือกับต้นหนของ เขา’บาแรน’ ดูเหมือนไรเจลจะรู้ดีว่ามีคนกำ�ลังไล่ ล่าเขาอยู่ ทว่า เขากลับไม่บอกเรื่องนี้กับใครอาจ จะจริงอย่างที่อีวานบอก หากเขาหรือลูกเรือคนอื่นรับรู้เรื่องนี้ ไม่วายจะโดนจับตัวไปหรือโดนฆ่า ปิดปากก็ได้ มันอันตรายเกินไป การวางแผนการเดินเรือเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขาออกมาวางแผนกันที่ดาดฟ้าของเรือ แผนที่ถูกกางออกโดยมีแสงสว่างจากตะเกียงที่ห้อยอยู่หัวเสาสาดแสงนวลๆ แม้จะไม่สว่างนัก แต่ก็พอ
มองออกว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่ต้องการแสง สว่างมากนัก เพราะการเดินเรือของพวกเขาต้อง ใช้ดวงดาวเป็นเครื่องนำ�ทาง การอยู่ในที่มืด จะยิ่งทำ�ให้ดวงตาของเขาปรับโฟกัสได้ง่ายใน การดูดาวควบคู่ไปด้วย
“นี่คือเกาะเครื่องเทศที่ไรเจลต้องการจะ ไป เขาต้องการไปพบคนๆหนึ่งที่นั่น” อีวาน พูดขึ้นพลางชี้ไปยังหมู่เกาะเป้าหมายด้วยสีหน้า เคร่งเครียดก่อนจะพูดต่อไป
“และตอนนี้เราหันหัวเรือไปทางทิศตะวัน ตกพอดี จากแผนที่เราต้องหันหัวเรือเสตลล่า ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในเวลานี้ก็คือทิศที่มีกลุ่มดาวนายพราน(Orion) คนคู่(Gemini) และกลุ่ม ดาวสุนัขใหญ ่(Canis Major) ปรากฏอยู่ “ อีวานแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและมองหากลุ่มดาวดัง กล่าว “เจ้าได้ดูตำ�ราที่ข้าให้ไปรึปล่าวกัปตัน” เขากำ�ลังถามถึงกระดาษแผ่นใหญ่ที่เหมือนว่าเขาหวังให้ซิริ อุสไปติดผนังห้อง
“อ่า..” ซิริอุสตอบห้วนๆ
“ เจ้าคงไม่งงถ้าข้าจะบอกว่ากลุ่มดาวนายพรานอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้าพอดี “ อีวานทวนคำ� ตอบซิริอุสให้แน่ใจก่อนจะเว้นวรรคให้ลูกศิษย์ตอบ “ก็หมายความว่า เข็มขัดอยู่ตรงตำ�แหน่งที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่าน.. ที่เรียกว่า เอ่อ อะไรนะ.. เอ่อ.. สุริยะวิถี!”
“ใช่แล้ว เริ่มจากเจ้าต้องหานายพรานโอไรออน (Orion) ให้เจอ ซึ่งก็ไม่ยากเกินไป ลองเงยหน้ามอง ฟ้า จะมีดาว 3 ดวงเรียงกันเฉียงๆ และรอบดาวทั้งสามดวงนั้นจะมีดาวอีก 4 ดวงสุกสว่างรอบๆดาวเหล่า นั้นอยู่คนละมุม” (Interactive) ซิริอุสมองตามอย่างไม่วางตา เฝ้ามองต้นหนเรือของเขาค่อยๆวาดนิ้วลงบน อากาศ หัว ตัว แขน ดาบ และเข็มขัดขอนายพรานโอไรออน ตำ�แหน่งเข็มขัดของนายพรานนั่นเองอัน ยามใดที่กลุ่มดาวนายพรานปรากฏบนท้องฟ้า ยามนั้นย่อมไม่มีแมงป่องยักษ์ในค่ำ�คืนเดียวกัน
เป็นตำ�แหน่งของสุริยะวิถี หรือเส้นศูนย์สูตร ฟ้า อันแบ่งครึ่งซีกฟ้าเหนือและใต้ออกจาก กัน
“ ยังไม่จบเท่านั้น แต่ด้วยความที่เขา โอหังและขี้คุยไปบ้าง จึงทำ�ให้อพอลโล(Apollo) ไม่ชอบหน้าเขา วางอุบายทูลร้องของให้จี อา (Gaea) เทพเจ้าแห่งโลกส่งแมงป่อง (Scorpius) มาฆ่าเขาเสีย และเมื่อเขาตายไปร่างของ เขาได้ถูกนำ�ไปประดับไว้บนท้องฟ้า กับหมา คู่ใจของเขา ส่วนร่างของแมงป่องยักษ์ก็ถูก ประดับอยู่อีกฟากฟ้า โดยไม่มีทางขึ้นมาเจอ กันได้เลย”
“รู้มั๊ย ตามตำ�นานเล่าว่าโอไรออน เป็น นายพรานผู้เก่งกาจ บุตรแห่งโพไซดอน(Poseidon) และเจ้าหญิงยูเรียล (Euryale) เขามี สุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า ซิริอุส” ซิริอุสเบิดตากว้าง เมื่อได้ยินชื่อของตน พ่อคิดยังไงถึงตั้งชื่อเขา เป็นชื่อหมากันนะ
“คือท่าจะบอกข้าว่า งั้นคืนนี้เราก็ไม่ เห็นกลุ่มดาวแมงป่องน่ะสิ ถูกมั๊ย?”
“ถูกต้องแล้ว” อีวานพยักหน้าตอบอย่าง
ภูมิใจในตัวลูกศิษย์
“อย่างเดียวที่ข้าไม่เข้าใจ ทำ�ไมชื่อข้าถึงเป็นหมาของนายพรานโอไรออนนั่นนะ” ซิริอุสรู้สึกน้อย เนื้อต่ำ�ใจ เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้ว ชื่อของเขาเป็นเพียงชื่อสุนัขของนายพรานขี้คุยคนหนึ่งเท่านั้นเอง อีวาน เห็นดังนั้นก็รู้สึกเห็นใจซิริอุสขึ้นมา เขาแตะไหล่ลูกศิษย์ของเขาก่อนจะชี้ตำ�แหน่งของดาวซิริอุสให้
“ เห็นมั๊ย ดาวดวงนั้น ดาวดวงนั้นคือเจ้า อยู่ในกลุ่มดาวหมาใหญ่(Canis Major) ซิริอุสยังไงล่ะ ดาวฤกษ์ที่สุกสว่างที่สุดบนฟากฟ้า” เพียงคำ�พูดของอีวานประโยคเดียวทำ�ให้ซิริอุสรู้สึกดีขึ้นแม้จะไม่ มากนัก อย่างน้อยเขาก็เป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า
“ และนั่นคือเบเทจุสและนั่นพี่ชายของเจ้า ไรเจล ดาวทั้งสองดวงที่สุกสว่างที่สุดในกลุ่มดาวนาย พราน “ อีวานพูดพลางชี้ไปที่ดาวเบเทจุสและไรเจล “พี่ข้าก็สว่างไม่แพ้กัน” แววตาของกัปตันน้อยขณะพูดได้แสดงออกถึงความเป็นห่วงไรเจลอยู่ไม่ น้อย
เมื่อพวกเขาลงมือวางแผนการเดินเรือจนเสร็จสิ้น ครั้งแรกกับการที่ซิริอุสต้องออกคำ�สั่งลูก เรือทุกคนเขาหันหัวเรือไปสู่เกาะเครื่องเทศพวกเขามุ่งหน้าไปตามลูกศรบนท้องฟ้า ลูกศรที่เรียกว่า ‘สามเหลี่ยมฤดูหนาว’ สามเหลี่ยมที่มีปลายลูกศรเป็นดาวซิริอุส ดวงดาวประจำ�ตัวของกัปตันหนุ่มน้อย ผู้นี้นั่นเอง ราวกับว่าโชคชะตากำ�ลังจะบอกเขาว่าเวลานี้เขาได้กลายเป็นเข็มทิศให้แก่ลูกเรือเสตลล่าเต็ม ตัวแล้ว ในที่สุด เรือสเตลล่าก็เดินทางมาถึงเกาะภูเขาไฟเล็กที่ซึ่งมีชายฝั่งแคบๆ ปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ แบบภูมิอากาศร้อนชื้น ซิริอุสทิ้งสมอบริเวณชายฝั่งและนั่งเรือบดต่อเข้าไปยังตัวเกาะ เกาะซึ่งเต็มไป
hapter 03 ด้วยต้นไม้ขึ้นเขียวครึ้มราวกับว่าไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ อีวานนำ�ทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ้งอยู่ลึกเขาไป ในหุบเขาอันรกชัฏแห่งนี้ บ้านหลังหนึ่งถูกสร้างอยู่บนต้นไม้สูง มีกลิ่นเครื่องเทศโชยออกมาเป็น ระยะ อีวานกระตุกเถาวัลย์ที่ห้อยระโยงระยางลงมาสองครั้งเพื่อทดสอบความแข็งแรงของมัน ทันใด นั้น!! ตาข่ายขนาดใหญ่ก็ตกลงมาคลุมตัวพวกเขาไว้ “โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ยอีวาน ไหนบอกว่ารู้ไง ไหนบอกว่ารู้.. โธ่เอ้ย” เดบบ์ ลูกเรือคนหนึ่งที่ ชอบติดสอยห้อยตามพี่ชายเขาคงจะหวังตำ�แหน่งสูงๆบนเรือพูดขึ้น เขาค่อนข้างไม่ชอบหน้าอีวานและ ไม่อยากอยู่ใต้อำ�นาจของซิริอุสที่อายุน้อยกว่าเขาพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แม้เขาดูไม่น่าไว้ใจและมีนิสัย เอาแต่ได้ แต่เขาเป็นมือหนึ่งเรื่องการต่อสู้เลยก็ว่าได้ การมีเขาอยู่ยังนับว่าเป็นเรื่องที่คุ้มได้มากกว่าเสีย แม้จะปากเสียไปหน่อยแต่ก็ตาม
“พวกแกเป็นใคร มาที่นี่ทำ�ไม” สาวผิวดำ�ผมหยิกสั้นติดหนังศรีษะชะโงกหัวออกมจากระเบียง บ้านต้นไม้ ชุดคลุมลวดลายแปลกตาพร้อมเครื่องประดับมากสีสันถูกประดับบนตัวเขา เธอออกมา พร้อมกับธนูคันหนึ่ง “จะตอบหรือไม่ตอบ!!” หญิงสาวดังกล่าวตะคอกใส่พร้อมหันไปหยิบรากไม้ขึ้นมาจากตะกร้าที่ แขวนอยู่ใกล้ตัวเธอค่อยฝนลูกธนลงบนนั้นอย่างเยือกเย็น
“ เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆๆ อะ เอคลักซ์ เรามาหาเอคลักซ์” ซิริอุสรีบตะโกนออกไปเขารู้ดีว่ารากไม้นั่น
มีพิษ และเธอกำ�ลังอาบยาพิษลงบนธนูลูกนั้นอย่างบรรจง ได้ผลเธอหยุดฝนลูกธนูกับรากไม้ทันที แต่ เรื่องไม่ได้ดำ�เนินไปในทางที่ดีนัก เธอง้างศรเล็กมาที่พวกเขาทันที
“ สเตลล่า พวกเรา เอ่อ พวกเรามาดีนะ เรามาจากเรือเสตลล่า”
“คนของไรเจลหรอ..” เธอเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นหน้ามือหลังมือ เธอลดคันศรลงทันที เมื่อรู้ว่าพวก เขามาจากเรือสเตลล่า
“ข้าซิริอุส เป็นน้องชายไรเจล เราต้องการมาพบเอคลักซ์ เจ้าพอจะช่วยข้าได้มั๊ย?” กัปตันหนุ่ม ตอบอย่างระแวดระวัง
หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยพิษสงปล่อยเขาออกจากกับดัก แท้จริงแล้วเธอคือลูกสาวของเอคลักซ์ เธอมีชื่อว่า
‘มิโมซ่า’ เธอพาพวกเขาไปหาพ่อของ เธอ เธอดูไม่ชอบหน้ากัปตันหนุ่ม น้อยสักเท่าไหร่โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ เธอรู้ว่าเขาคือซิริอุสน้องชายของไรเจล เธอมีสีหน้าที่แลดูพยาบาทเขามากขึ้น แต่ก็จำ�ยอมพาพวกเขาไปพบพ่อ
“ท่านพ่อรอพวกเจ้าอยู่” เธอใช้ มือผลักเบาๆไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มันเป็นประตูลับ และเมื่อมันเปิดออก พวกเขาถึงกับต้องอ้าปากค้างกับสิ่งที่ เห็น มันยิ่งกว่าถ้ำ�หรือเมืองลึกลับใต้ ดินใดๆทั้งสิ้น เป็นอะไรที่ซิริอุสไม่ เคยพบเจอมาก่อน เอคลักซ์ยืน รออยู่กลางโถง สวมชุดคุดลวดลาย แปลกตาอย่างชนพื้นเมืองเช่นเดียว กับลูกสาวของเขา ร่างกายถูกประดับ ไปด้วยเครื่องประดับมากสี ทั้งห้อง ถู ก ประดั บ ด้ ว ยเที ย นหอมหลากสี สร้างบรรยากาศอันลึกลับท่ามกลาง แสงสลัว
“ ขอโทษเจ้าด้วยที่ลูกสาวของ
ข้าเสียมารยาท เจ้าคงจำ�ข้าไม่ได้สินะ แต่เมื่อครั้งเจ้ายังเด็ก ทั้งเจ้าและไรเจลต่างเคยมาหลบภัยที่เกาะ แห่งนี้ และพ่อเจ้าได้ฝากข้าช่วยเก็บเรื่องสำ�คัญนี้ไว้เพื่อบอกแก่เจ้าสองพี่น้องเมื่อถึงเวลาสมควร แม้ว่า ดูเหมือนเจ้ายังไม่พร้อมเท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายได้เคลื่อนไหวแล้ว” เอครักซ์เดินไปที่หน้าต่าง มองซ้าย ขวา ก่อนจะดึงม่านปิดหน้าต่างราวกับกลัวใครจะมาเห็นเหตุการณ์ในห้องนี้ เขาหยิบหีบเก่าใบ หนึ่งออกมา เขาเอามือค่อยๆปัดฝุ่นอย่างระแวดระวังและเปิดมันออก เอครักซ์หยิบของสิ่งหนึ่งออกมา จากหีบใบนั้น เป็นวัสดุโลหะที่ดูเหมือนจะมีกลไกอะไรหลายอย่างซับซ้อน มันมีลักษณะคล้ายจาน หรืออะไรก็บอกไม่ถูก เขาเล่าว่า ของสิ่งนี้มีอำ�นาจมหาศาล ผู้ได้ครอบครองจะมีอำ�นาจควบคุมทุก สรรพสิ่ง มีอำ�นาจสั่งดวงตะวัน ดวงจันทร์ หรือแม้แต่เปลี่ยนผันฤดูกาล “วงแหวนสุริยันต์ยังไงล่ะ” อุส
เอเคร็กซ์วางวัตถุโบราณฝุ่นเกรอะสนิมกังนั่นลงตรงหน้าของซิริ
“แต่.. ท่านรู้ใช่มั๊ยว่าตอนนี้โลกได้หยุดหมุนลงแล้ว ทั้งๆที่ของสิ่งนี้มันอยู่ที่ท่าน” อีวานถาม ขึ้น
“ ข้ารู้ ข้ารู้..” เขาพูดพลางผลิกอีกฝั่งด้านใต้ของวงแหวนสุริยันต์ขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ
“แต่มันไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เพื่อให้อำ�นาจขนาดนี้ไม่อาจตกอยู่ในมือของใครเพียงคน เดียวได้ มันจึงถูกแยกออกจากกันเพื่อคานอำ�นาจกัน และอีกส่วนของมันมีชื่อว่า ‘วงแหวนดาริกา’ วงแหวนซึ่งมีอำ�นาจควบคุมดวงดาวได้ ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์หรือดาวฤกษ์ แต่มีข้อจำ�กัดอยู่ว่าจะ เลือกควบคุมได้เพียงดวงเดียวนับว่าเคราะห์ร้ายไม่เบาที่พวก มันเลือกจะควบคุมโลกใบนี้” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซิริอุสแทบหยุดหายใจ ไม่ใช่เพียงเขาคน เดียว อีวานก็เช่นกัน เขามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เส้นเลือดปูดโปนบริเวณขมับเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนัง หย่อนคล้อยของเขาทั้งเม็ดเหงื่อที่ชุ่มอยู่เต็มฝ่ามือและใบหน้า
“แต่การจะใช้อำ�นาจของวงแหวนทั้งสอง ต้องหาชิ้น ส่วนของมันให้ครบเสียก่อน เจ้าเห็นช่องพวกนี้มั๊ยมันคือชิ้น ส่วนที่หายไป หากนำ�ชิ้นส่วนทั้งสองมาประกอบเข้าด้วยกัน สิ่งนี้จะทำ�หน้าที่เป็นประตูไปสู่อำ�นาจทั้งหมด หากชิ้นส่วน ได้ถูกใช้เพื่อทำ�ลายอีกชิ้นส่วนจะทำ�หน้าที่แก้ไขเพื่อรักษา สมดุลนี้ไว้ แต่ที่ข้ารู้ไรเจลครอบครองชิ้นส่วนของวงแหวนสุริ ยันต์และวงแหวนดาริกาไว้อย่างละชิ้น “
“ข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ข้ารู้เพียงว่าพี่ ข้าต้องการมาหาท่าน” ซิริอุสพูดเสียงค่อยอย่าง อึ ก อั ด ใจและตบท้ า ยด้ ว ยการถอนหายใจท้ า ย ประโยค
“เก็บรักษามันไว้ด้วยชีวิตของเจ้า นี่คือ สิ่งที่พี่เจ้าฝากไว้กับข้า ข้าเชื่อว่าพี่เจ้าต้องซ่อน ชิ้นส่วนวงแหวนสุริยันต์ไว้ที่ไหนสักแห่งเป็น แน่ เจ้าจงตามหามันให้ครบทั้งสามชิ้นและ หยุดแผนการชั่วร้ายของวินเซนต์ซะ อ่อ! แล้ว อีกอย่าง กระบวยน้ำ�ทางทิศเหนือเป็นหนึ่งใน เอคลักซ์ (Acrux) คือชื่อดาวฤกษ์สีน้ำ�เงินขาวเป็นดาวคู่ในกลุ่มดาวกางเขนใต้ที่ สว่างที่สุด และดาวที่มีแสงรองจะเอคลักซ์คือ บีคลักซ์ (Bcrux) หรออีกชื่อหนึ่งคือดาว มิโมซ่า (Mimosa) กุญแจที่เหลือทั้งห้า อย่าลืมล่ะ!” เอครักซ์มอบวงแหวนสุริยันต์แก่ซิริอุส กัปตันหนุ่มเดินออกมาจาก ห้องโถงพร้อมกับอีวาน มิโมซ่ามาส่งพวกเขาที่ท่าเรือตามคำ�ขอของบิดาเธอ ระหว่างทางเธอมีทีท่า กระวนกระวายอึกอักเหมือนจะพูดอะไรกับซิริอุสอยู่ตลอดทาง ในที่สุดก็ถึงชายฝั่ง หาดทรายขาวทอด ยาวสุดลูกหูลูกตา เธอยื่นกระบอกไม้ไผ่ขนาดเหมาะมืออันหนึ่งให้ซิริอุส
“อ่ะ ข้าใช้เจ้า นี่เป็นน้ำ�สมุนไพรของที่หายากและแพงที่สุดของเกาะแห่งนี้ อาจจะฉุนนิดหน่อย เจ้าก็รู้ดีนี่ ว่าเกาะนี้มันเป็นเกาะเครื่องเทศ พืชพรรณที่พวกเรามีและพอจะนำ�ไปขายหารายให้เกาะก็ ต้องเป็นเครื่องเทศอยู่แล้ว เอ้า รับไป” มิโมซ่าโยนกระบอกน้ำ�สมุนไพร ให้ซิริอุสอย่างไม่พอใจ แม้ แววตาจะแฝงด้วยความห่วงใยก็ตาม
“อือ ขอบใจ”
“ดื่มให้หมด ดื่มให้หมดจนหยดสุดท้าย มันดีต่อเจ้าแน่นอน อย่าให้เหลือแม้หยดเดียว ข้าไป ล่ะ” หลังพูดจบ สาวน้อยผิวเข้มก็รีบสาวเท้ากลับเข้าไปยังที่ที่เธอจากมาโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง เลย “อะไรของเค้านะ” อะไร
ซิริอุสยักไหลอย่างไม่เข้าใจแล้วเดินทางกลับขึ้นเรือสเตลล่าไปอย่างไม่ติดใจ
คืนนั้นเอง แม้ว่าจะเวลาจะตกอยู่ในสภาพกลางคืนตลอดเวลาก็ตาม เอ่อ..ที่รู้ว่ากลางคืนก็แค่
คำ � นวณเวลาจากเสี ย งระฆั ง บนเรื อ เท่ า นั้ น เอง ขณะที่ซิริอุสกำ�ลังหาเบาะแสชิ้นส่วน ของวงแหวนสุ ริ ยั น ต์ ที่ พี่ ช ายเขาซ่ อ นเอาไว้ ในห้องนั้นเขาเขารู้สึกกระหายน้ำ�อยู่ไม่น้อย อาจเพราะวันนี้เขาใช้พลังงานอย่างมากก็เป็น ได้ เขาดีดเม็ดอัลมอนต์เข้าปากอย่างที่วัย รุ่นทั่วไปทำ�กัน โชคร้ายไปหน่อยเขากลับ เสียจังหวะในการกิน เมล็ดอัลมอนต์ติดคอ กัปตันแห่งดาวสุนัขใหญ่เข้าอย่างจัง เขาได้ แต่คิดว่าจะมาตายเพราะเรื่องน่าขันเช่นนี้ไม่ ได้ พยามดิ้นรนสุดชีวิต ซิริอุสเหลือบไป เห็นกระบอกน้ำ�สมุนไพรที่มิโมซ่ามอบให้ แก่เขา เขารีบคว้ากระบอกน้ำ�สมุนไพรแล้วก ระดกเข้าปากอย่างหิวกระหายจนหมดกระบอก แม้รสชาติจะแย่ถึงขนาดแม้ชาติ นี้ให้กินอีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้ก็ตาม อย่างน้อยน้ำ�นี่ก็ช่วยดันเศษอัลมอนต์ที่ ติดคอเขาลงกระเพาะไปได้ทันท่วงที
เขาสังเกตได้ว่ากระบอกไม้ไผ่กระบอกนี้มีบางอย่างผิดปกติ มันมีเสียง กรุกกริกราวกับว่ามีอะไรซ่อนอยู่ใต้กระบอก ซิริอุสพยามงัดแงะและเขย่าอย่างแรง จนในที่สุด ต้นเหตุความผิดปกตินั้นก็หลุดออกมา
“เหวอ อ อ อ “ ซิริอุสร้องเสียงหลง หงายหลังลงกับพื้นเมื่อพบว่ามีลูกแก้ว ลูกหนึ่งได้ตกลงสู่พื้นห้อง มันเด้งขึ้นลอยคว้างอยู่กลางอากาศแล้วฉายแสงสว่าง ออกรอบตัวเขา มันไม่ใช้แค่แสงเฉยๆ แต่มันคือแผนที่แผนที่ที่ส่องประกาย แสงระยิบระยับรอบตัวเขา เพียงชั่วอึดใจเท่านั้นแสงนั้นก็สลายดบวูบพร้อม กับแผนที่ เหลือเพียงลูกแก้วสีน้ำ�เงินอมม่วงที่มีประกายภายในคล้ายกระจุกดาว สว่างอยู่ภายใน ซิริอุสรีบวิ่งไปหาอีวานที่ห้องอย่างรีบร้อนเพื่อเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ให้เขาฟัง พวกเขาพยามหาวิธีดูแผนที่อีกครั้งดังที่ซิริอุสบอกแต่ก็ไม่สามารถ ทำ�ได้ สิ่งเดียวที่กัปตันตัวน้อยจำ�ได้มีเพียงภาพดาวเหนือและกลุ่มดาวใกล้เคียง เท่านั้น
“เจ้าลองนึกดีๆ ว่าสิ่งที่เจ้าเห็นมีอะไรบ้างกัปตัน ข้าว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ ประโยคที่เอเคร็กซ์พูดแน่ๆ” อีวานถามด้วยน้ำ�เสียงเข้มขรึม
“ เป็นภาพวงแหวนสุริยันต์ที่ อยู่รวมกันอย่างสมบูรณ์ แล้วจู่ๆมันก็ กระจายออกไปคนละทิศละทาง ข้าไม่รู้ ว่าที่ไหนบ้าง แต่มีชิ้นหนึ่งที่ข้าพอ จำ � ได้ ว่ า มั น อยู่ บ ริ เ วณดาวเหนื อ เพราะ ข้ า เห็ น กลุ่ ม ดาวที่ ท่ า นเคยชี้ ใ ห้ ข้ า ดู ” “จำ�ได้มั๊ยว่ามีกลุ่มดาวอะไรบ้าง”
“ อืม.. แคสสิโอเปีย(Cassiopia) หมีเล็ก(Ursa Minor) แล้วก็หมีใหญ่ (Ursa Major) ส่วนดาวอื่นๆข้ามองเห็น ไม่ชัด” ซิริอุสหรี่ตามองต่ำ� แล้วเอามือจับ จมูกตัวเองก่อนตอบ เขาก็ไม่มั่นใจนักว่า จำ�ถูกหรือไม่ เขาตอบและเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ
“แต่ตำ�แหน่งดาวเหนือนี่สิ ข้ารู้สึก
มันแปลกๆ..”
“ข้าว่าที่เจ้าเห็นไม่ใช่ดาวเหนือหรอก แต่มันคือตำ�แหน่งของสมบัติมากกว่า” ชายแก่ตอบ
“กุญแจที่ท่านว่า.. คือชิ้นส่วนของวงแหวนสุริยันต์ใช่มั๊ย” ซิริอุสรีบถามให้หายข้องใจ หากข้อ
hapter 04 สันนิษฐานของพวกเขาเป็นจริง สิ่งที่ซิริอุสเห็นกับสิ่งที่เอคลักซ์พูดเมื่อนำ�มาผูกเรื่องกัน นั่นก็คือให้ เราเดินทางไปยังทิศเหนือยังดำ�แหน่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่ และกลุ่มดาวหมีใหญ่นี่เอง หากนับเพียง ดวงดาวที่ส่องสว่างมันจะเรียงตัวกันเป็นรูปกระบวยน้ำ�ขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้าซึ่งก็คือกระบวย น้ำ�ที่เอเคล็กซ์ได้กล่าวไว้ เสียงครืดคราดดังขึ้นราวกับตัวเรือได้ขูดเข้ากับหินโสโครกเข้าอย่างจัง ซิริอุสซึ่งยืนวิงเวียน อยู่มุมอับของท้ายเรือถึงกับเซล้มลง ก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากลูกเรือที่ตะโกนเรียกเขากัน ยกใหญ่ แต่เมื่อเขาปูให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นมันกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิด มังกรโรมาเนียลองฮอร์นข นาดใหญ่ยักษ์ชูคออยู่หัวเรือเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร แน่นอนโรมาเนียลองฮอร์นเป็นมังกรที่ดุร้าย แทบจะที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยตำ�แหน่งกัปตันที่ค้ำ�คอเขาอยู่ซิริอุสจำ�ต้องเดินไปด้านหน้าเพื่อต่อกรกับ เจ้ามังกรตัวนี้ ลูกเรือคนอื่นก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้และล้อมมันไว้ “กัปตัน ไม่ต้องห่วงปล่อยให้ข้าจัดการเองเถอะ” เดวิด พูดขึ้น เรื่องการการต่อสู้เขาไม่ยอมน้อยห น้าใครอยู่แล้ว
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนเดวิด” ซิริอุสปรามลูกเรือของเขา เขาสังเกตุเห็นความผิดปกติบนมังกรตัว นี้ เขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ตัวมันท่ามกลางความเสียงห้ามปรามของลูกเรือ
“มันมีแผล มันมีแผล นั่นไง มันโดนธนูปักอยู่ข้างตามัน นั่นไง” ซิริอุสตะโกนบอกเมื่อเขา เห็นรอยเลือดเป็นคราบขนตัวมังกรตัวนี้
“กัปตัน มังกรโรมาเนียเป็นสัตว์ดุร้าย ข้าว่ารีบฆ่ามันก่อนที่พวกเราจะตายกันหมดเถอะ” เดบบ์ตะโกนออกมาอย่างเสียอารมณ์ เขารู้ดีว่ามังกรไม่เป็นมิตรกับมนุษย์แน่นอน
“ใช่ กัปตัน ฆ่ามันทิ้งเถอะ เรายังเอาเขามันไปขายได้ราคาสูงด้วยนะ ไหนๆมันก็บาดเจ็บอยู่ แล้ว เป็นโอกาสของเราเลยนะ” ลูกเรือคนอื่นสนับสนุนเดบบ์
เจ้ามังกรเริ่มละวาดขยับตัวซัดคลื่นใส่ตัวเรือ มันจ้องลูกเรือสเตลล่าตาเขม็ง หายใจฟืดฟาดใส่ พร้อมคำ�รามเสียงดังลั่น เล่นเอาอกสั่นขวัญแขวนกันยกใหญ่ ลูกเรือบางคนตื่นกลัวจนมือสั่นแทบ ไม่เป็นอันจะถือดาบ ซิริอุสใช้โอกาสที่มันสนใจทางอื่นปีนขึ้นยังเสากระโดงเรือเขาตัดเชือกเส้น หนึ่งออกแล้วโหนเชือกเข้าไปยังตัวเจ้ามังกรท่ามกลางเสียงตะโกนเซ็งแซ่ของลูกเรือ กัปตันหนุ่มจับ เข้าที่เขาของมันได้อย่างหวุดหวิด ทว่ากลับพลาดเผลอลื่น ตัวห้อยติ่งแต่งอยู่บนหัวมังกร มันรู้ตัวและ พยามสะบัดหัวหวังจะเหวี่ยงซิริอุสให้ตกลงสู่ผื่นน้ำ�ไปอย่างไม่ใยดี เคราะห์ดีที่ซิริอุสรู้ทัน เขาจับมัน แน่นดั่งตุ๊กแกเกาะกระจก และในที่สุด เขาก็จับเขาของมันโหนขึ้นไปดึงลูกธนูที่ปักอยู่ข้างตามัน ออกมาจนได้
มังกรร้องลั่นดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวดขณะซิริอุสดึงลูกธนูออก โชคไม่ดีนักเขาพลาดจังหวะ ที่ดึงธนูออกและลื่นตกลงทะเลไป อีวานและลูกเรือรีบวิ่งมาเกาะกาบเรืออย่างตกใจ ทะเลมืดดำ�สนิท เกินกว่าจะมีใครเห็นว่าซิริอุสตกลงไปตรงไหน ทันใดนั้นเดอง เจ้ามังกรก็ดำ�น้ำ�ลงไปมันคงหวังจะ ไปจัดการซิริอุสให้สิ้นซาก ไม่กี่อึดมันก็โผล่พ้นน้ำ�มาข้างกาบเรือ ร่างของซิริอุสพาดอยู่บนจมูกของ มัน มันบรรจงวางร่างของกับตันหนุ่มน้อยลงบนพื้นเรือ ลูกเรือต่างตกใจ ตื่นเต้น และหวาดกลัว จนทำ�อะไรไม่ถูก มันเอาจมูกดุนๆซิริอุส 2-3 ครั้งจนเห็นว่าเขาไอสำ�ลักน้ำ�ออกมามันจึงดำ�น้ำ�หายไป ท่ามกลางความหวาดกลัวและงุนงงของเหล่าลูกเรือ
เวลาผ่านไปจากจันทร์เต็มดวงกลายเป็นจันทร์เสี้ยว การเดินเรือในคืนเดือนหงายนับว่า เป็นเรื่องยากลำ�บากมากจากแสงจั นทร์ ที่ส่อ งมารบกวนการเดิ นเรื อ ต้ อ งเชื่ อ งช้ า ลงและหยุ ดพั ก ตามเกาะต่างๆในคืนจันทร์เพ็ญ เวลานี้จันทร์เสี้ยวส่องแสงนวลตาพอที่จะเห็นว่ามีหมู่เกาะขวาง อยู่เบื้องหน้าเรือสเตลล่า ซิริอุสนำ�เรือเทียบท่าอีกครั้ง เอเคร็กซ์ได้บอกกับเขาว่าชิ้นส่วนของ วงแหวนสุริยันต์ถูกฝังอยู่ร่วมกับสมบัติจำ�นวนมากของพวกไพรเวเทียร์รุ่นก่อน ทว่าท่ามกลาง หมู่เกาะน้อยใหญ่เหล่านี้ พวกมันกลับจำ�ไม่ได้ว่าฝังไว้ตรงไหน เขาเริ่มหาเกาะแล้วเกาะเล่า ใน ที่สุดก็มาถึงเกาะแห่งหนึ่งที่มีภูมิทัศน์แปลกตากว่าที่อื่น มันมีบรรยากาศที่น่ากลัวเกินกว่าจะ กล้าเข้าไปคนเดียว ซิริอุสสั่งลูกเรือให้แบ่งออกกันเป็นกลุ่มๆเพื่อหาสมบัติ เขาไม่ได้เล่าเรื่อง วงแหวนสุริยันต์หรืออะไรให้ใครฟัง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ กลุ่มของซิริอุสกำ�ลังเดิน ลึกเข้าไปในป่า เขาพบถ้ำ�แห่งหนึ่งอยู่ที่นั่น มันมีแสงไฟสลัวๆลอดออกมา ต้องมีคนอยู่ใน นั้นแน่ เขาค่อยๆซ่อนตัวตามเงามืดแล้วโขดหินเข้าไป ที่นี่มันไม่ใช่ถ้ำ�ธรรมดา แต่มันคือคุก!!
“ไรเจล!” ซิริอุสถึงกับตาค้างเมื่อเห็นคนที่อยู่ในนั้นเป็นพี่ชายของตน เขารีบวิ่งไปหาพี่ชาย โดยไม่ทันระวังว่ามีคนคุมอยู่เลย ดีที่เดบบ์ตามเขามาด้วย
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
“พี่ไม่ต้องถาม ไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะช่วยท่าน รีบไปกันเถอะ ข้ารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว”
“ซิริอุส ฟังนะข้าเห็นพวกมันพูดกันว่ามันจะไปตามหาชิ้นส่วนที่เกาะจระเข้ เจ้า ได้วงแหวนมาแล้วใช่มั๊ย รีบไปที่เกาะจระเข้แล้วชิงชิ้นส่วนมาให้ได้ ตอนนี้เอิร์ลวิน เซนต์มันจะได้ชิ้นส่วนที่สองแล้ว สิ่งนั้นจะทำ�ให้ฤดูการแปรปรวน มิติเวลาจะบิดเบี้ยว” “แต่...” ซิริอุสไม่ยอมรับข้อเสนอของพี่ชาย เขาต้องการช่วยไรเจลออกจากที่นี่ “ไม่มีแต่ ซิริอุสฟังข้า ไม่ต้องห่วงข้า ข้าหาทางเอาตัวรอดได้ ตราบใดที่มันยังไม่รู้ว่าข้าเอา วงแหวนสุริยันต์ไปซ่อนไว้ที่ไหนมันไม่มีทางทำ�อะไรข้าหรอก มันกำ�ลังจะทำ�พิธีในอีกไม่ช้าไพร่พล ของพวกมันกำ�ลังเดินทางมารวมตัวกันที่นี่ ก่อนที่มันจะเดินทางไปเกาะจระเข้หลังพิธี เจ้าจะต้อง ไปให้ถึงที่นั่นก่อน ถ้าเจ้าเอาชิ้นส่วนนั่นประกอบเข้ากับวงแหวนสุริยันต์ การประกอบพิธีที่นี่ก็จะ เป็นศูนย์” ยังไม่ทันจะพูดทุกอย่างจบลงก็มีเสียงฝีเท้าคนนับสิบมายังที่นี่ อีวานและเดวิดรีบดึงตัวซิ ริอุสออกจากที่นั่นในทันที
“เข็มทิศ เก็บเข็มทิศไว้ให้ดี มันเป็นสมบัติของท่านพ่อ” ไรเจลตะโกนไล่หลังซิริอุส ก่อนที่
พวกเขาจะพ้นสายตาไป
ซิริอุสเรียกรวมพลเหล่าลูกเรือของ เขาและรีบขึ้นเรือในทันที เขาจับทิศทาง ลม สั่งกางใบเรือ และรีบออกจากที่นี่ ตามที่พี่ชายเขาบอก เขาออกจากหมู่เกาะ ดังกล่าวมาได้ไม่นาน ก็เห็นเงาตะคุ่มใกล้ เรือเข้ามาทุกที ไม่ผิดแน่ นั่นคือฝูงเรือ ของพวกไพรเวเทียร์ที่ไรเจลบอก เพียงไม่ นานเขาก็ถูกล้อมด้วยพวกมัน เรือทุกลำ� ที่ล้อมรอบเรือเสตลล่ากำ�ลังชักธง
“กั ป ตั น ..พวกมั น ชั ก ธงสี ดำ � ขึ้ น พวกมันกำ�ลังบีบให้เราสละเรือ” อีวาน พูดขึ้น
พอลลักซ์และคาสเตอร์ลอยเด่นอยู่บนฟ้าตรงหน้าเขา
“เรือและสมบัติ ซึ่งรวมถึงวงแหวนสุ ริยันต์” เดวิดเสริม กัปตันหนุ่มหายใจ อย่างยากเย็น เหงื่อค่อยๆผุดออกตาม ใบหน้าและผ่ามือ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า
“ทุกคนประจำ�หน้าที่” ซิริอุสออกคำ�สั่งอย่างเด็ดขาดและชัดเจนก่อนจะหันไปพูดกับเดบบ์ “เตรียมอาวุธของท่านให้พร้อม เดบบ์ ครั้งนี้เราอาจต้องพึ่งฝีมือของท่านแล้ว”
“ข้าพร้อมตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วกัปตัน” วานก่อนจะวิ่งไปประจำ�เรือ
เดบบ์ตอบพลางหันมายิ้มทะเล้นให้ซิริอุสกับอี
“เตรียมชักธง.. หันข้างเรือ กระชับอาวุธ” อีวานออกคำ�สั่งด้วยเสียงกังวาน ธงสีแดงถูกชัก ขึ้นสู่เสาในขณะที่เรือหันข้างให้กับศัตรูตรงหน้า เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นทั่วคุ้งน้ำ� ไพรเวเทียร์ หลายลำ�ไม่ทันตั้งตัวถูกกระสุนปืนใหญ่เข้าอย่างยังและจมลงสู่ผืนน้ำ� ไม่มีใครคิดว่าเรือสเตลล่าจะ ชักธงสีแดงขึ้นสู่ยอดเสา พวกเขาจะไม่ยอมมอบเรือและสมบัติต่างๆให้พวกมัน จะไม่ยอมรับความ ปราณีใดๆ เรือสเตล่าจะสู้จนตายไปข้างนึง
‘By Gemini’ คือประโยคที่ซิริอุสและลูกเรือหลายคนพูดพูดก่อนกระชับอาวุธในมือเตรียม ออกไปสู้ พวกเขากำ�ลังขอให้พอลลักซ์และคาสเตอร์อวยพรให้กับเขา เทพเจ้าที่คอยคุ้มกันภัยให้ กับเหล่าทหารและชาวเรือ กลุ่มดาวคนคู่ที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้า ทอแสงระยิบระยับแข่งกับดาวคาเพล ล่าในกลุ่มดาวสารถีและดาวโพรซิออนในกลุ่มดาวสุนัขเล็ก เสียงปืนใหญ่เป็นระยับกับเสียงเซ็งแซ่ ของฝีดาบที่ประทะกันสลับกัน
เมฆก่อตัวมืดครึ้ม ลมเริ่มพัดแรงขึ้นจนหมุนวนเหนือผืนน้ำ�แรงขึ้น แรง ขึ้น แรงจนแถบจะฉีกเรือทุกลำ�ออกเป็นชิ้นๆ แสงสว่างสาดลงมาจากท้องฟ้าจนแสบ ตา มันคือแสงอาทิตย์ ตอนนี้ไม่ว่าจะดวงตาของใครก็ตามไม่อาจสู้แสงได้เพราะทุกคน ได้ใช้ชีวิตแบบปราศจากดวงอาทิตย์มาเป็นเดือนแล้ว แสงที่เคยอุ่นกลับรู้สึกร้อนกว่า ปกติ และเพียงชั่วนาทีเท่านั้น เมฆครึ้มดำ�เข้าปกคลุมอีกครั้ง ฝนกระหน่ำ�ลงสู่ห้วง มหาสมุทรที่ ไม่มีใครคิดจะสู้กับใคร ทุกคนคิดเพียงว่าต้องทำ�ให้เรืออยู่ได้โดยไม่ล่ม สถานการณ์สงบลงซิริอุสพบเพียงว่าลมพายุได้พัดเขาออกมาจากวงล้อมเสียแล้ว เขา สังเกตเห็นราวกับมีตัวอะไรกำ�ลังว่ายวนเวียนอยู่ใกล้เรือของเขา เขารู้สึกได้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ ในวงล้อมของพวกไพรเวเทียร์แล้ว ‘อาจจะเป็นฉลามก็ได้’ เขาให้คำ�ตอบตัวเองในใจ พวก ไพรเวเทียร์บางส่วนที่ติดค้างอยู่บนเรือเสตลล่าและถูกจับเป็นเชลย ซิริอุสมอบหน้าที่ดูแล เชลยให้แก่เดบบ์ เขาจับพวกมันไปขังไว้ท้องเรือใต้ระดับน้ำ�ทะเลที่มืด ชื้นและเหม็นอับ การรอดมาได้ครั้งนี้ของเรือสเตลล่า ไม่ว่าจะเป็นเพราะพรจากพอลลักซ์และคาสเตอร์หรือไม่ ก็ตาม กัปตันหนุ่มก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ เขาเงยหน้าเพื่อมองหากลุ่มดาวคนคู่ (Gemeni) แต่สิ่งที่ เขาพบกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ดวงจันทร์โคจรรอบโลกอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อระดับน้ำ�ทะเลที่ขึ้น และลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มดาวบนท้องฟ้าเคลื่อนที่อย่างผิดวิสัย
“พวกมันหักหลังกันเองเดบบ์พูดขึ้นลอยๆ
“เจ้าหมายความว่าไง” อีวานหันไปถามเดบบ์เด็กหนุ่มผมแดงที่ดูจะแก่กว่าซิริอุสสัก 3- 4 ปี เด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้
“ ถ้าเป็นไปตามที่ไรเจลบอก พวกมันจะมารวมตัวกันที่เกาะที่เราเพิ่งออกมา และเริ่มทำ�พิธี แต่นี่มันทำ�พิธีทั้งๆที่พวกของมันกำ�ลังมุ่งหน้าไปยังเกาะ” เดบบ์ตอบ “ และก็หมายความว่า เป้าหมายต่อไปของพวกมันคือเกาะจระเข้ และที่สำ�คัญไปกว่านั้นเมื่อ พวกมันแตกคอกันแล้ว เท่ากับมีคนที่คิดจะช่วงชิงชิ้นส่วนของวงแหวนมากขึ้น” ซิริอุสพูดขึ้น บ้าง
“เรื่องนี้มันไม่จบลงง่ายๆแน่ แล้วเจ้าน่ะ เจ้าหมา เลิกมองแต่ท้องฟ้าได้แล้ว มันเป็นไปอีกสัก พักใหญ่ๆเลยล่ะ ตอนนี้ เราต้องมาเตรียมตัวรับมือกันแล้ว” อีวานพูดขึ้นและหันมาปรามกัปตันที่ เอาแต่มองท้องฟ้าและหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขาลากซิริอุสไปที่ดาดฟ้าเรือ ตอนนี้มันกลายเป็น ห้องเรียนของซิริอุสไปเสียแล้ว “เจ้าจะมาด้วยก็ได้นะ เดบบ์” อีวานหันหลังกลับไปชวนเดวิด แม้เขาจะปากเสียและวู่วามไปบ้าง แต่อย่างน้อยเดบบ์ก็มีฝีมือ และเชื่อใจได้ การมีเดบบ์อยู่ข้างเดียวกับซิริอุสนั้นเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว หากบนเรือคิดจะปฏิวัติ อย่างน้อยซิริอุสก็จะมีเดบบ์คอยหนุนหลังให้เขา
“ทีนี้เราต้องมาตีความกันใหม่แล้ว
ตามที่เอเคร็กซ์บอกให้เราเดินทางไปยังกระบวยน้ำ�บน
hapter 05 ท้องฟ้า ภาพที่เจ้าเห็นจากแผนที่ และสิ่งที่ไรเจลบอก” อีวานพูดพร้อมชี้ไปยังแผนที่ทางหมู่ เกาะต่างๆ
“กระบวยน้ำ�.. จระเข้.. ดาวเหนือ..” ซิริอุสพูดทวนอีกครั้ง แน่นอนว่าเกาะจระเข้ที่ไรเจล ได้ยินไม่ใช่ชื่อเกาะ แต่เป็นรหัสลับของพวกมัน
“เดี๋ยวนะอีวาน..ท่าช่วยวาดกลุ่มดาวที่อยู่บริเวณดาวเหนือให้ข้าดูหน่อยได้มั๊ย”
“กระบวยน้ำ�นี่” เดบบ์พูดขึ้นบ้าง
“ได้สิกัปตัน” และเมื่ออีวานวาดเสร็จ ซิริอุสนำ�มันมาลองหมุนและพลิกดู เขาค่อยหยิย แท่งถ่านที่ตกอยู่บนพื้นใกล้ๆตัวเขาลองลากเส้นดู “ใช่ แล้วถ้าเราลองต่อหัวให้มันก็จะเป็น... จระเข้ไงล่ะ” อีวานเผลอเอามือทุบโต๊ะเสียงดัง อย่างได้ใจ เขาดีใจที่ไขปริศนาออก “มีใครพอจะนึกออกมั๊ยว่ามีเกาะอะไรบ้างที่มีชื่อเกี่ยวกับจระเข้ ชุกชุมบ้าง” ซิริอุสถามต่อ
หรือมีจระเข้อาศัยอยู่
“อืม.. เกี่ยวกับจระเข้ จระเข้น้ำ�เค็ม จระเข้น้ำ�จืด จระเข้เครแมน เกาะเครแมนไงล่ะ” เดบบ์ตอบ
“งั้นแสดงว่าก่อนหน้านี้ราเดิน เรือไปผิดทิศเลยสินะ ข้าขอโทษ ในฐานะต้นหนเรือที่นำ�ทางผิดและ ทำ�ให้พวกเราเกือบตาย” อีวานพูด ขึ้น “อย่างน้อยก็ทำ�ให้ข้าได้เจอกับ ไรเจล” กัปตันตัวน้อยพูดปลอบ อาจารย์ของตนแบบอ้อมพร้อมยกนิ้ว โป้งทั้งสองมือขึ้นและทำ�หน้าทะเล้น
พวกเขามัวแต่คิดเรื่องเกาะจน ไม่ ทั น สั ง เกตกลุ่ ม ดาวเลยว่ า ตอนนี้ มันได้หยุดหมุนลงแล้ว สามเหลี่ยม ฤดู ร้ อ นปรากฏชั ด บนท้ อ งฟ้ า ดาวหางหงส์(Deneb) วีก้า(Vega) และ ตานกอินทรีย์(Altair) ซิริอุสพยาม หากลุ่มดาวเดิมที่ตนรู้จัก แต่ช้ากลับ ไม่พบ ทั่วทั้งท้องฟ้ามีแต่กลุ่มดาวที่ เขาไม่รู้จักเต็มไปหมด
“ตกใจอะไรเจ้าหมา ตอนนี้พก มันได้ประกอบชิ้นส่วนที่สองของวงแหวนดาริกาไปแล้วไง หากให้ข้าเดา มันก็ส่งผลให้โลกโคจร รอบดวงอาทิตย์เร็วขึ้น ซึ่งถ้าจะดูจากกลุ่มดาว กลุ่มดาวที่เจ้าเห็นก็เป็นกลุ่มดาวของต้นเดือนกรกฎาฯ น่าจะประมาณนั้นแหละ”
“แสดงว่าข้าต้องเริ่มใหม่อีกแล้วสินะ เฮ้อ..” ซิริอุสบ่นอุบทิ้งท้ายก่อนจะเริ่มต้นทำ�ความรู้จักกับ ใหม่ในฟากฟ้าฝั่งฤดูร้อน เขาต้องรีบจำ�กลุ่มดาวชุดใหม่นี้ให้ได้ ในระยะเวลาสั้นๆนี้เองซิริอุสต้อง เจอกับเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องราวของวงแหวนสุริยันต์ การอยู่ในวงล้อมของพวกไพรเวเทียร์ หรือแม้แต่การต้องเอาตัวรอดจากพายุและคลื่นยักษ์ในทะเล หนำ�ซ้ำ�กลุ่มดาวบนฟ้ายังต้องมาเปลี่ยน ตำ�แหน่งกระทันหันเพราะวงแหวนดาริกา ถึงเขาจะอัจฉริยะแต่เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอันสั้นนี้ ย่อมทำ�ให้เขาเกิดความสับสนจนสมองประมวลผลช้ากว่าปกติ
หลังเลิกเรียนรู้กลุ่มดาวกับอีวาน ซิริอุสแอบหลบมุมไปผูกเปลอยู่หัวเรือคนเดียวขณะที่เหล่าลูก เรือกำ�ลังอิ่มหนำ�กับมืออาหาร ซิริอุสเพียงแค่มาทบทวนบทเรียนในวันนี้เท่านั้น เขาชี้ไปยังกลุ่มดาว
ต่างๆบนท้องฟ้า
“นั่นกลุ่มดาวแมงป่อง(Scopio) เจ้านี่แหละที่กัดนายพรานโอไรออน เทพซีอุสก็เลยเอามันมาไว้ คนจะฟากฟ้ากับโอไรออน”
“นั่นก็เฮอร์คิวลิส (Heracles) เทพบุตรจอมพลัง”
“แล้วนี่ก็ดาวเดเนป ดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวหงษ์ (Cygnus)” ซิริอุสยื่นมืออกไปด้านหน้า กางนิ้วชี้กับนิ้วก้อยออกมา เขาต่อมือกันสามครั้งเห็นจะได้ “อืม 15 15 15 อืม..ห่างกันเดเนป(Deneb) 45 องศาสินะ ดาวอัลแตร์(Altar)” ซิริอุสลากนิ้วต่อ จากดาวอัลแตร์หรือดาวตานกอินทรีย์ที่มีสีแสงอมส้มลงมาดาวขาวสว่างอีกดวงหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “ส่วนนี่ก็วีก้า อยู่ในกลุ่มดาวพิณ(Lyra) นี่ไงพิณ ทำ�ไมต้องมาอยู่ใกล้กับหงส์และนกอินทรีย์ (Aquila) ด้วยนะ ยังกะพวกมันเล่นดนตรีเป็นงั้นแหละ” เขาพูดพลางลากมือเป็นรูปพิณ
“แล้วก็นี่ นี่ นี่...” เขาลากมือจากตาวเดเนปไปสู่อัลแตร์ จากอัลแตร์ไปสู่วีก้า และจากวีก้ากลับ มาที่เดเนปดังเดิม
“สามเหลี่ยมฤดูร้อนยังไงล่ะ ฮ้า..เมื่อไหร่ข้าจะจำ�ดาวที่เหลือได้หมดนะ” ซิริอุสบ่นลอยๆ ก่อน หย่อนเท้าลงพื้นเพื่อไกวเปลที่นอนอยู่ เอานอนกินลมชมวิวได้เพียงครู่เดียว จู่ๆเขาก็นึกขึ้นอะไรได้ เขาล้วงมือใบในเสื้อแล้วหยิบลูกแก้วแผนที่ออกมา มันถูกเรียกว่าลูกแก้วดาราจักร ที่เขารู้เพราะดัน ไปอ่านเจอในบันทึกของไรเจลที่ถูกซ่อนไว้ในห้องของเขา เขาหยิบมันมาส่องดู และลองหาวิธีเปิด แผนที่ออกมา เขาเอานิ้วถูๆที่ลูกแก้วเมื่อเห็นว่ามันมีคราบจางๆเลอะอยู่ ซิริอุสสังเกตเห็นว่าจุดๆที่เป็นประกายคล้ายดาวที่อยู่ในลูกแก้วมันขยับไปตามมือของเขา เขา ลองสังเกตุลูกแก้วดีๆอีกครั้ง เขาต้องตื่นเต้นเพิ่มมากกว่าเดิมเมื่อพบว่า จุดระยิบระยับในลูกแก้วถูก เรียงตามลักษณ์ทรงกลมท้องฟ้า หรือจะพูดให้ง่ายก็คือ มันเหมือนกับเป็นแผนที่ดาวที่ล้อมรอบ โลกของเราอยู่ เขาหมุนมันไปรอบๆ ลองหากลุ่มดาวที่รู้จัก และเขาก็พบมัน
“นี่ไง ไหนลองดูสิ” ซิริอุสลองลากนิ้วไปตามกลุ่มดาวบนลูกแก้ว ทันใดนั้นลูกแก้วก็เปล่ง แสงออกมา ลอยตัวขึ้นจากมือของซิริอุส มันฉายภาพกลุ่มดาวบนท้องฟ้าอยู่รอบตัวเขาก่อนที่ดวงดาว จะค่อยๆแยกออกจากกลุ่มดาวและเคลื่อนตัวกันจับกลุ่มอีกครั้ง คราวนี้มันรวมตัวกันเป็นรูปแผนที่ รอบตัวกัปตันหนุ่มเกิดสายลมพัดหมุนวนราวกับจะเชื้อเชิญให้เขาหันหน้าไปอีกทาง ซิริอุสหันตาม ทิศที่ลมต้องการให้เขาหันไปก่อนที่มันจะสงบลง ภาพหมู่เกาะแห่งหนึ่งดูคุ้นตาส่องแสงสว่างเข้มอยู่ ตรงหน้า ซิริอุสลองเอื้อมมือไปหวังจะสัมผัสแสงนั่น ทว่า เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาสัมผัสโดนมันกุ่ม ดาวที่รวมตัวกันเป็นแผนที่ก็แตกออกเป็นกลุ่มดาวดังเดิมและค่อยๆดับแสงราวกับเขาไปกดสวิตซ์
ปิดไฟเหล่านี้ลง
กัปตันหนุ่มดีใจมากที่ตนสามารถเปิดแผนที่ได้ เขารีบวิ่งลงไปยังห้องเก็บเสบียงใต้ท้อง เรืออย่างตื่นเต้น เขารู้ดีว่าเวลาเช่นนี้ต้นหนของเขาต้องมาแอบขโมยไวน์มาดื่มเล่นและคงเมาแอ๋อยู่ แถวนั้น อีวานต้องตื่นเต้นไม่แพ้เขาแน่ เมื่อรู้ว่าแผนที่อันกุมความลับและอานุภาพของวงแหวนทั้ง สองนี้ได้ถูกเปิดออกโดยตัวเขา
“อีวาน ข้าเปิดแผนที่ได้แล้ว น..” ซิริอุสยังไม่ทันพูดจบ เขากลับต้องหยุดพูดดพลางเก็บ ลูกแก้วเข้าไปในเสื้อ กัปตันหนุ่มเอื้อมมือกระชับดาบและมีดสั้นในมือ อีวานค่อยๆเดินออกมา จากความมืดด้วยสีหน้าละอายใจ ที่คอของเขามีอาวุธคมกริบวาววับทาบอยู่ ชายร่างผอมสูงผมสี แดงเพลิงได้จับตัวต้นหนของเขาไว้เสียแล้ว
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเปิดแผนที่ได้แล้ว...” ชายร่างสูงเอ่ยถามกัปตันหนุ่ม
To be continued . . .