The Important person in announcing autonomy of ASEAN country. บุคคลสาคัญในการประกาศเอกราชของ แต่ละประเทศในอาเซียน
ประเทศอินโดนีเซีย : ซูการ์โน (Sukarno) เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1901 ซูการ์โนเป็นประธานาธิบดีคนแรก ของอินโดนีเซีย หลังจากที่อินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ ในวัยเด็กซูการ์โนได้เรียนในรร.ของชาวฮอลันดา เมื่อเติบโตขึ้นเขาได้ พบกับบุคคลสาคัญของกลุ่มชาตินิยมหลายคนเป็นเหตุให้เขาได้เข้าร่วมเป็น ส่วนหนึ่งในการจัดตั้ง "พรรคชาตินิมยมอินโดนเซีย" และกลายมาเป็นผู้ที่มี บทบาทโดดเด่นในกลุ่ม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ญี่ปุ่นได้เริ่มเข้ามาในอินโดนีเซีย จนทาให้ เกิดการต่อสู้กับเนเธอแลน สุดท้ายญี่ปุ่นได้รับชับชนะ ทาให้เเธอแลนด์ต้อง ออกจากอินโดนีเซียไป ญี่ปุ่นเริ่มเข้าแทรกแซงการปกครองของอินโดนีเซีย โดยการตกลงทางานร่วมกับกลุ่มนักชาตินิยมในอินโดนีเซียโดยชูประเด็น ต่อต้านนักล่าอาณานิคมตะวันตก แต่ทว่าเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ลงญี่ปุ่นได้รับความพ่ายแพ้ อินโดนีเซียจึงพ้น จากการตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ซูการ์โน่ ได้อ่านคาประกาศอิสรภาพต่อหน้าเหล่าทหารอาสา จากการประกาศเอกราชครา นั้นทาให้ซูการ์โนได้กลายเป็นผู้นาอินโดนีเซียอย่างแท้จริง ซูการ์โนได้ปกครองประเทศอย่างเต็มที่ มีการดาเนินนโยบายด้านการ ต่างประเทศที่โดเด่น ติดต่อกับผู้นาประเทศต่างๆมากมาย ซูการ์โนได้ใช้ “ระบอบ ประชาธิปไตยแบบชี้นา” ในการปกครองยุบสภาผู้แทนราษฎร หันมาใช้รัฐสภาที่มี ตัวแทนจากหลายสาขาอาชีพ ตั้งรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนพรรคการเมือง ยุบพรรค การเมืองหลายพรรค และเพิ่มอานาจให้ตนเอง ผลที่ตามมาคือ บทบาทของ กองทัพมีมากขึ้น และแล้วอานาจของซูการ์โนก็ลดลง เมื่อมีการพยายามทารัฐประหารที่เรียกว่า"เกสตาปู" เกิดขึ้น แต่การ กระทาครั้งนั้นก็ไม่สาเร็จเพราะถูกปราบโดยนายพลซูฮาร์โต นายพลซูฮาร์โตเริ่มเป็นที่รู้จักและมีบทบาทโดดเด่นขึ้น ละก้าวเข้าสู่อานาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทาให้ซูการ์โนถูกบีบให้ลาออก จากตาแหน่งในปี 1968 ซูการ์โนดารงตาแหน่งเป็นเวลา 22 ปี โดนที่นายพลซูฮาร์โตขึ้นมาเป็นปธน.คนที่2 แทน ซูการ์โนเสียชีวิตด้วยวัย 69 ปี ประชาชนชาวอินโดนีเซีย จดจาเขาในฐานะวีรบุรุษ บิดาแห่งเอกราช เป็นบุคคลสาคัญคน หนึ่งของโลก จนถูกนามาปั้นเป็นหุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ่
ฟิลปิ ปินส์ : โฮเซ รีซลั (Jose Rizal) เกิดเมื่อ 19 มิ.ย. 1861 รีซัลได้ชื่อว่าเป็น บิดาแห่งการ ปฏิวัติ เขาได้รับการศึกษาที่ดี เป็นคนที่มีความสนใจใฝ่รู่เรื่องราว รอบตัว ทาให้เขามีความเชี่ยวชาญในหลายๆด้าน เมื่อรีซัลอายุ 21 ปี เขาได้ถูกส่งไปเรียนต่อด้านการแพทย์ ที่ สเปน ทาให้โลกทัศน์ของเขาได้เปิดกว้างขึ้น รีซัลได้เริ่มต่อต้านระบบ อาณานิคมของสเปน และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองใน ฟิลิปปินส์ผ่านงานเขียนต่างๆ เขาได้เขียนเรื่องราวที่สะท้อนเหตุการณ์ จริงในสังคมฟิลิปปินส์ผ่านนิยาย ทาให้เจ้าอาณานิคมอย่างสเปนใน ขณะนั้นห้ามไม่ให้หนังสือถูกเผยแผ่ในฟิลิปปินส์ รีซัลถูกกดดันอย่าง หนักจนถูกเนรเทศให้ไปอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ แต่เขาก็ไม่ยอม แพ้ เริ่มเขียนหนังสือสะท้อนสังคมต่อมาอีกหลายชิ้น ชาวฟิลิปปินส์หลังจากอ่านงานเขียนของเขาก็เริ่มที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับสเปนมาก ยิ่งขึ้น การต่อสู้อย่างจริงจังของชาวฟิลิปปินส์เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะหลังจากที่ รีซัลถูกผู้ปกครองชาวสเปนจับกุมด้วยข้อหา 'ปลุกระดม' ในขณะที่เขาอายุ 35 ปี และ ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า การเสียชีวิตของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวฟิลิปปินส์ลกขึ้นต่อสู้กับ สเปน จากนั้น 2 ปีต่อมา ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ก็ได้ชัยชนะจน
ฟิลปิ ปินส์ : รามอน แมกไซไซ (Ramon del Fierro Magsaysay) เกิดวันที่ 31 สิงหาคม 1907 ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของฟิลิปปินส์ ในสมัยที่ฟิลิปปินส์ในสมัยเป็นอาณา นิคมของสหรัฐอเมริกา เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองระเบิดขึ้นในฟิลิปปินส์ แมกไซไซได้เข้าร่วมในกองทัพ จนกระทั่งสงครามสงบ อเมริกาคืนเอกราชให้ฟิลิปปินส์และแต่งตั้งให้ แมกไซไซเป็นผู้ว่าราชการแห่งเมืองแซมบาเลสและแมกไซไซเริ่มเขยิบ ตาแหน่งทางการเมืองขึ่นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เป็นปธน.คนที่3 แมกไซไซเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราช และอุทิศ ตนช่วยเหลือผู้ยากไร้ในประเทศ เหล่าประชาชนจึงยกย่องให้เขาเป็นวีรบุรุษ มีการจัดตั้ง “มูลนิธิรางวัลรามอน แมกไซไซ Ramon Magsaysay Award Foundation” เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นเกียรติแก่นายรามอน ซึ่งต่อมาก็มีการ มอบรางวัล “แมกไซไซ” ให้แก่ผู้ที่ทาคุณประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งรางวัลนี้ก็ เปรียบได้กับรางวัลโนเบลแห่งเอเชีย
มาเลเซีย : ตนกู อับดุล ราห์มาน (Tunku Abdul Rahman) เป็นผู้ที่นามาเลเซียไปสู่เอกราชและเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของ ประเทศ เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1903 ช่วงเวลาที่ตนกูเกิดนั้น มาเลเซีย ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ หลักจากที่ตนกูได้จบชั้นประถม เขาได้เดินทางมาศึกษาต่อชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ร่วมกับพี่ชายอีก 3 คน โดยศึกษาอยู่เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับไปศึกษาที่เกาะปีนัง จนในที่สุดตนกูก็ได้เป็นนักเรียน คนแรกที่ได้รับทุนจากรัฐบาลรัฐเคดาห์ ให้ไปศึกษาต่อทางศิลปศาสตร์ ที่ ประเทศอังกฤษ และภายหลังเขาได้ศึกษาต่อทางด้านกฎหมาย หลังจบการศึกษา ตนกูได้กลับมารับราชการที่สางานนักกฎหมาย เมืองอลอร์สตาร์บ้านเกิด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัยการ และได้ย้ายไปรับ ราชการที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยดารงตาแหน่งประธานศาล ในระหว่างที่ตนกูรับราชการในกัวลาลัมเปอร์ ได้เกิดเหตุการณ์การ ต่อต้านเจ้าอาณานิคมอังกฤษขึ้น ตนกูได้ตัดสินใจเข้าสู่แวดวงทางการเมือง โดยดารงตาแหน่งหัวหน้าสาขาพรรคแนวร่วมสหพันธ์มลายา หรือพรรคอัมโน ที่รัฐเคดาห์ จนกระทั่งปี1951 ตนกูได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งประธาน พรรคอัมโน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย และต่อมาในปี 1954 ตนกูได้เป็นตัวแทนในคณะเจรจาขอเอกราชคืนจากอังกฤษ ในปีถัดมาตนกูได้รับการเลือกตั้งให้ดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ประเทศมาเลเซีย และได้รณรงค์เรียกร้องเอกราชมาอย่างต่อเนื่อง จน ประเทศมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษในที่สุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1957
ตนกู อับดุล ราห์มัน เป็นนายกรัฐมนตรีของ สหพันธ์มลายาและมาเลเซียรวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 13 ปี เขาได้เสียชีวิตด้วยวัย 87 ปี แต่ประชาชนยังคงยกย่อง ให้เขาเป็นบิดาของประเทศ มิเสื่อมคลาย
สิงคโปร์ : ลี กวนยู (Lee Kuan Yew) นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ดารงตาแหน่ง นายกรัฐมนตรีนานถึง 31 ปี นายลี กวน ยูเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี 1923 เขาเติบโตขึ้นท่ามกลางวัฒนธรรมที่เป็น แบบอังกฤษ และที่สาคัญปู่ของเขาก็ส่งเสริมลูกๆให้เรียน ในโรงเรียนแบบอังกฤษ วัยเด็กลี กวนยูได้เข้าเรียนใน โรงเรียนประถมที่เตอโละกูเรา หลังจากนั้นก็เข้าเรียนต่อในวิทยาลัยรัฟเฟิ้ล การ เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของเขาต้องช้าลงไป เพราะเหตุสงครามโลกครั้งที่สองและการบุกเข้ายึดสิงค์โปร ของญี่ปุ่น หลังสงครามสงบลงญี่ปุ่นพ่ายแพ้ทาให้ต้องออกจากสิงคโปรไปและอังกฤษก็เข้ามาปกครองสิงคโปร์ดังเดิม และหลังจากนั้นนายลี กวนยูก็ได้กลับไปศึกษาต่อทางด้านกฎหมายที่วิทยาลัยฟิทซวิลเลี่ยม แคมบริด์จ ประเทศอังกฤษ ซึ่งที่นั้นเขาได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งสองดาวและยังได้เข้าเรียนใน london school of economic ในช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับสู่สิงค์โปรในปี 1949 นายลี กวนยูเริ่มมีประสปการณ์ด้านการเมืองครั้งแรกโดยการเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งให้กับเจ้านายของ เขาคือจอห์น เลย์คอก ภายใต้ร่มเงาของพรรคก้าวหน้าที่มีแนวคิดสนับสนุนอังกฤษ แต่ในขณะนั้น เมื่อสิงคโปร์เห็น มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ นายลี ก็ได้เริ่มการรณรงค์แนวคิดให้สิงคโปร์ผนวกกับมาเลเซีย จนในวันที่ 16 กันยายน ปี 1963 สิงค์โปรก็เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์รัฐมาเลเซีย แต่กระนั้นก็มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น สุดท้ายพรรคกิจประชาชนของสิงคโปร์ได้ประกาศให้ สิงคโปร์เป็นเอกราชแยกจากมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965 ตั้งแต่บัดนั้นมาในชื่อ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อแยกตัวออกมาแล้วพรรคกิจ ประชาชนก็ครองประเทศมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ เพราะมีชัยชนะในการ เลือกตั้งเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งซ่อม นายลี กวนยูเป็นผู้เปิดประเทศทาให้ประเทศสิงคโปร์มี ความทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ ด้วยเหตุนี้ ลี กวนยูจึงเป็นบุคคลที่มี อิทธิพลอย่างมากต่อประเทศสิงคโปร์
พม่า : นายพล ออง ซาน (Aung San) หรือ อู อองซาน (U Aung San) เป็นนักปฏิวัติ ผู้นาในการเรียกร้องเอกราชของพม่า ได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งประเทศพม่าในยุค ปัจจุบัน หรือ "วีรบุรุษเพื่ออิสรภาพของประเทศพม่า" นายพลออง ซาน หรือ อู อองซาน เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1915 เขาเกิดในครอบครัวที่ต่อต้านการ ปกครองของสหราชอาณาจักร ซึ่งในช่วงนั้นพม่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดียที่เป็นอาณานิคมของสหราช อาณาจักร ออง ซานเข้าเรียนวิชาวรรณคดีอังกฤษ ประวัติศาสตร์ และการเมืองจากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ระหว่างที่เรียนอยู่นั้นได้รับเลือกให้เป็นผู้นาขบวนการ เคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง หลังจากนั้นเขาก็เข้าร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหวทาง การเมืองระดับชาติ ขับไล่จักรวรรดินิยมอังกฤษ และ เรียกร้องเอกราชให้เมียนมาร์ โดยร่วมก่อตั้ง "พรรค คอมมิวนิสต์พม่า” พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นก็ได้ให้การสนับสนุนทั้งการเงินและอาวุธในการก่อตั้ง "กองกาลัง ปลดปล่อยพม่า” ญี่ปุ่นก็สามารถยึดพม่าจากสหราชอาณาจักรได้ ญี่ปุ่นได้ประกาศว่าพม่าเป็นประเทศเอกราช และ ตั้งออง ซานเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อออง ซานพบว่าเอกราชที่ญี่ปุ่นสัญญาไว้ไม่เป็นความจริง ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 อองซาน จึงได้กลับไปเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อขับไล่ญี่ปุ่นออกไปจากพม่า อองซานเซ็นสัญญากับสหราชอาณาจักรว่า จะมอบเอกราชให้กับพม่าภายในหนึ่งปี แต่ระหว่างการประชุมสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 1947ออง ซานถูกลอบ สังหารพร้อมกับสมาชิกสภาอีก 6 คน นายพลออง ซาน เสียชีวิตเมื่อมีอายุแค่ เพียง 32 ปี และยังไม่ทันเห็นเอกราชของพม่าใน วันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1948 ภายหลังจากออง ซานเสียชีวิต ลูกสาวคือ ออง ซาน ซูจี ก็ได้เดิน ตามรอยเท้าพ่อ ปัจจุบัน นางออง ซาน ซูจี บุตรสาวของออง ซานเป็นผู้นาในการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จ การทหารของพม่า
เวียดนาม : โฮจิมนิ ห์ (Ho Chi Minh) นักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม เป็นผู้นาการต่อต้านการยึดครองของฝรั่งเศสและเรียกร้องเอกราชให้กับ ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ยังเป็นผู้รวมเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1890 ที่หมู่บ้านฮอง ตรู จังหวัดเงอัน ที่อยู่ตอนบนของประเทศ เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มโฮจิมินห์ ได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวในประเทศฝรั่งเศส ประเทศซึ่ง เป็นเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณะนั้น และได้ศึกษาเรียนต่อที่ นั่น ต่อมาโฮจิมินห์ก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ตามลาดับ ในปี 1918 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สงบลง โฮจิมินห์ ได้ยื่นข้อเสนอต่อที่ประชุมแวร์ซายส์ เรียกร้องให้เวียดนามมีสิทธิ์ใน การปกครองตนเอง แต่ไม่มีใครสนใจ เขาผิดหวังมาก จึงแยกตัวออกมาและได้เข้าร่วมจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ฝรั่งเศส จากนั้นโอจิมินห์ก็ได้ไปศึกษาการเมืองที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย ปลายปี 1924 เขาเดินทางไปมณฑล กวางโจว ประเทศจีน เริ่มรวบรวมชาวเวียดนามในจีน ก่อตั้ง พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ในปี ค.ศ. 1941 โฮจิมินห์เดินทางกลับมาเวียดนามอีกครั้งในฐานะผู้นาฝ่ายเวียดมินห์ เตรียมแผนที่จะ ประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้ประชาชนชาวเวียดนาม และในที่สุดก็ประกาศเอกราชให้กับเวียดนามได้สาเร็จและ ก่อตั้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามขึ้น (Democratic Republic of Vietnam) เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1946 แต่สงครามระหว่างฝรั่งเศสกับฝ่ายเวียดมินห์ยังคงเกิดขึ้นยืดยื้อต่อมา อีกเกือบ 9 ปี จนในที่สุด กองทัพเวียดนามมีชัยเหนือฝรั่งเศสในสมรภูมิเดียน เบียนฟู มีการเจรจาสงบศึก โดยลงนามใน สนธิสัญญาเจนิวา (Geneva Conference) เมื่อปี1954 และได้กาหนดให้เส้นรุ้งที่ 17 เป็นเส้นแบ่งพรมแดน ระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ โอจิมินห์ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยเวียดนาม (เวียดนามเหนือ) และพยายามจะรวบรวมเวียดนาม ให้เป็นหนึ่งเดียว แต่แล้วเวียดนามใต้ก็ได้ประกาศตนเป็นสาธารณรัฐขึ้น โดย การสนับสนุนของสหรัฐอเมริกา จนเกิดเป็น สงครามเวียดนามขึ้น (Vietnam War ปี 1959-1975) ซึ่งกินเวลายืดเยื้อยาวนานกว่าสิบปี ก่อนจะจบลงพร้อม กับความพ่ายแพ้ของอเมริกา และเวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะ
จากนั้นเวียดนามทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โฮจิมินห์ไม่ได้อยู่ถึงการชื่นชมชัย ชนะ ด้วยเหตุที่ว่าเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1969 ที่บ้านพักในกรุงฮานอย โฮจิมินห์ เป็นผู้นาที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และเป็นนักอุดมคติที่ไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูง ใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ มั่นคง ในอุดมการณ์ ด้วยเหตุนี้ ชาวเวียดนามจึงรักและศรัทธา เขาอย่างมาก และได้ยกย่องเขาให้เป็น “บิดาแห่งเวียดนาม” องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้โฮจิมินห์เป็นบุคคล สาคัญของโลก ทุกวันนี้ชาวเวียดนามและคนจากทั่วโลก ยังคงไปเคารพสุสานแและพิพิธภัณฑ์โฮ จิ มินห์อย่างไม่ ขาดสายและต่อมาก็ได้มีการกาหนดให้วันเสียชีวิตของโฮจิ มินห์ คือวันที่ 2 กันยายนของทุกปีเป็น วันชาติของ เวียดนาม และเปลี่ยนชื่อเมือง ไซ่ง่อน (Saigon) เป็น โฮ จิ มินห์ ซิตี้ (Ho Chi Minh City) เพื่อเป็นเกียรติแก่โฮจิมินห์ด้วย
กัมพูชา : สมเด็จพระนโรดม สีหนุ (Norodom Sihanouk) สมเด็จพระนโรดม สีหนุเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 เดือนตุลาคมปี 1922 ที่กรุงพนมเปญ ทรงขึ้น ครองราชสมบัติเมื่อเดือนเมษายนปี 1941 ในช่วงค.ศ. 1863 กัมพูชาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส จนกระทั่ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปนุ่ ได้เข้า ยึดครองกัมพูชาไว้ แล้วปลดผู้ปกครองกัมพูชาที่เป็นชาวฝรั่งเศสและผู้นิยมฝรั่งเศสออกไป เมื่อสงครามโลกครั่งที่ 2 ยุติลง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทาให้กัมพูชาต้องตกเป็นของฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่ง และ ในช่วงนั้นสมเด็จพระนโรดม สีหนุในนามแห่งของกษัตริย์กัมพูชา ทรงเรียกร้องความเป็นเอกราชจากประเทศ ฝรั่งเศสหลายครั้งแต่ก็ไม่สาเร็จ จนกระทั้งฝรั่งเศสแพ้เวียดมินท์ ในการทา สงครามที่เบียนเดียนฟู จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทาให้เวียดนามได้เอกราชจากฝรั่งเศส ส่งผลให้ลาวและกัมพูชาพลอยได้รับเอกราชไปด้วย กัมพูชาเป็นประเทศ เอกราชอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 9 พฤศจิกายนปี 1953 สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงเป็นกษัตริย์แห่งกัมพูชา ประมุขแห่ง รัฐกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาหลายสมัยก่อนจะสละราช บัลลังก์ให้แก่พระราชโอรสนโรดมสีหมุนี ซึ่งกินเนสส์บุ๊กบันทึกว่า
พระองค์ทรงเป็นนักการเมืองที่ดารงตาแหน่งทางการเมืองมากที่สุดในโลก(the world's greatest variety of political offices) พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระมหาวีรกษัตริย์ เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการพระหทัยวาย ณ กรุง ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2012 สิริรวมพระชนมายุได้ 89 พรรษา
ลาว : เจ้าสุภานุวงศ์ (Prince Souphanouvong) หรือ รู้จักในชื่อของ “เจ้าชายแดง (The Red Prince)” ผู้ซึ่ง เป็นที่รักของชาวลาว เป็นผู้นาในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจาก ฝรั่งเศสและเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการคอมมิวนิสต์ประเทศลาว ภายหลัง ได้รับเลือกเป็นประธานประเทศ และประธานประชาชนสูงสุดคนแรก จึงได้สละฐานันดรศักดิ์ในระบอบเก่า เจ้าสุภานุวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1909 ทรง ได้รับการศึกษาจากพระอาจารย์ชาวฝรั่งเศสในหลวงพระบาง แล้ว เสด็จไปศึกษาต่อที่สถาบัลีเซอัลแบร์ซาโร ที่ฮานอย ทาให้พระองค์มี ความสัมพันธ์อย่างแน้นแฟ้นกับเวียดนามไปตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ตรัสภาษาฝรั่งเศส ภาษาเวียดนาม และภาษาอังกฤษได้ดี เยี่ยม
หลังจากที่โฮจิมินห์ได้ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนเมื่อ 1937 เจ้าสุภานุวงค์ก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรค และเป็นผู้นาประชาชนลาวในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส ในปี 1946 ทรงก่อตั้งกองทัพปลดปล่อยประชาชนลาวในพื้นที่ซาเหนือ ภายใต้การสนับสนุนของโฮจิมินห์ ซึ่งต่อมาเป็นขบวนการคอมมิวนิสต์ประเทศลาว 2ปีถัดมา
ขบวนการประเทศลาวก็สามารถครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศได้ และตั้งฐานที่มั่นที่ยากแก่การทาลายในถ้า หินปูนที่แขวงหัวพันกับพงสาลี ปี ค.ศ.1953 ฝรั่งเศสได้จัดตั้งรัฐบาลลาวขึ้น อยู่ภายใต้การนาของนายกรัฐมนตรีหลายท่านที่เป็นพวก อนุรักษนิยม ส่วนพระองค์นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์จนได้สมญานามว่า "เจ้าชายแดง" ในปี 1974 พระองค์เสด็จคืน เวียงจันทน์ ทรงดารงตาแหน่งประธานสภา ที่ปรึกษาแห่งชาติอยู่ 18 เดือน จนสถาปนา ประเทศเป็น "สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว" พระองค์ได้รับเลือกเป็น ประธานประเทศ และประธานสภา ประชาชนสูงสุดคนแรก พร้อมกันนั้น พระองค์ได้สละฐานันดรศักดิ์ทั้งปวงในสมัย ระบอบเก่า เจ้าสุภานุวงศ์เป็นที่รักของ ประชาชนชาวลาว จนเรียกขานกันว่า "ลุงประธาน" ทรงดารงตาแหน่งประธานประเทศมาจนถึง 1986 จึงลาออก เพราะประชวร พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 มกราคม 1995 ที่นครเวียงจันทน์ รวมพระชนมายุได้ 86 พรรษา
ลาว : ไกสอน พมวิหาน (Kaysone Phomvihane) เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนลาว ซึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นเลขาธิการใหญ่คนแรกของพรรคปฏิวัติประชาชนลาว และเป็นผู้นาในการต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศสและระบอบ กษัตริย์ จนสามารถปลดปล่อยประเทศได้เมื่อ 1975 เขาเกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1920 เมื่ออายุ 7 ปี ได้เข้า เรียนโรงเรียนประถมภาษาลาวที่บ้านเหนือ ต่อมาเข้าเรียนโรงเรียน ประถมภาษาฝรั่งเศสที่บ้านใต้ เมื่อเรียนจบชั้นประถมเมื่อปี 1934 ได้เข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนวิทยาลัยโปรเต็กโตรา กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเรียนจบวิทยาลัยในปี 1942 ได้สอบเข้าเรียน มหาวิทยาลัยในสาขาวิชาแพทย์ตามคาแนะนาของพ่อ
แต่เมื่อได้เรียนแล้วรู้สึกไม่ชอบ ท่านจึงได้เปลี่ยนมาเรียนวิชากฎหมายแทนการเรียนวิชากฎหมาย ทาให้ ท่านได้เรียนรู้เกี่ยวกับขบวนการต่อสู้ของนักเรียนนักศึกษาที่ รักชาติต้านลัทธิล่าเมืองขึ้น ในช่วงนั้น ขบวนการเวียดมินห์ ภายใต้การนาพาของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน โดยประธาน โฮจิมินห์ ท่านไกสอนได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมวัยหนุ่มกู้ ชาติเวียดมินห์ และได้เดินทางกลับลาว เพื่อต่อสู้กับฝรั่งเศส จนกระทั่งในวันที่ 2 ธันวาคม 1954 ลาวก็ได้รับเอกราชคืน จากฝรั่งเศส และได้ถือเอาวันที่ 2 ธันวาคม เป็นวันชาติของ ตน ประธานไกสอน ในยุคต่อสู้กับฝรั่งเศสนั้น ร่วมกับ ผู้นาท่านอื่นๆ เช่น เจ้าสุภานุวงศ์ ประธานหนูฮัก เป็นต้น ประธานไกสอนเป็นผู้นาในการต่อสู้ทางการทหารเข้ามาใน ภารกิจปลดปล่อยชาติ โดยใช้ยุทธวิธี "บัวไม่ให้ช้า น้าไม่ให้ ขุ่น" สร้างตั้งพรรคประชาชนลาว โดยท่านเป็นเลขาธิการใหญ่ พรรคคนแรก โดยในช่วงนั้นพรรคดาเนินงานอย่างปิดลับ โดยแนวลาวฮักซาดเป็นตัวแทนให้กับพรรค จนสามารถ ปลดปล่อยประเทศชาติได้อย่างสมบูรณ์ จนประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อ1975 พรรคจึงดาเนินงานอย่างเปิดเผย ท่านดารงตาแหน่งนี้จนถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปี 1992
บูรไน : สมเด็จพระราชาธิปดีฮจั ญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอชิ ซัดดิน วัด เดาเลาะห์ (His Majesty Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu'izzaddin Waddaulah) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1946 พระองค์เสด็จ ขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1968 ทรงเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทรงสาเร็จการศึกษาจากวิทยาลัย การทหารแซนด์เฮิร์สต์ ประเทศอังกฤษ หลังจากที่บูรไนตกอยู่ภายใต้การอารักขาของอังกฤษมาถึง 95 ปี บรูไนก็ได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1984 ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยของ พระองค์ พระองค์ถือเป็นบุคคลสาคัญที่พลิกโฉมการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่ง ทาให้บรูไนมีรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล
E-book "The important person in ASEAN" เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของเรื่อง "Colonization in ASEAN" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 2726415 PROJ STUD COMP ED การศึกษาโครงการคอมพิวเตอร์เพือ่ การศึกษา สาขาเทคโนโลยีการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทาโดย นางสาวอัยณี รอมาลี รหัสนิสิต 5343922427 วิชาเเอก คอมพิวเตอร์-สังคมศึกษา สาขาเทคโนโลยีการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย