HK trip with Am Kingdom

Page 1


04.07.56 / 4.22 น. สนามบินดอนเมือง InternationalTerminal ประตู1 เมื่อคืนแป้มกะชุมานอนที่บ้านกับ เรา กว่าชุจะมาตั้ง 4 ทุ่มกว่า กว่าจะหลับก็เกือบเที่ยงคืน แต่วันนี้ตื่นเช้ามาก ตื่นตั้งแต่ตี2ครึ่ง พ่อจิมารับที่บ้านตอนตี 3.15 มาถึงดอนเมือง เจอน้องธิปประมาณตี4 ทุกคนมาพร้อม แต่หัวหน้าทัวร์ยังไม่มาจ้า~ ระหว่างรอหัวหน้าทัวร์ เราก็ ได้คิดค้นกิจกรรมบนเครื่องบิน ระหว่างเดินทาง นั่นก็คือ “ห้องหนูอยู่ไหน??” ******************************




10.55 น. (ต่อไปนี้จะเป็นเวลาฮ่องกง) บนเครื่องบิน Air Asia FD2540 หลังจากกินอาหารเช้าที่แมคฯ ก็ขึ้นเครื่อง และพร้อมเริ่มกิจกรรม “ห้องหนูอยู่ไหน??” จับฉลากเลือกห้องนอน เพราะห้องที่เราจองเป็น ห้อง 3 คน 1 ห้อง (เตียงคู่) ห้อง 4 คนอีก 1 ห้อง (เตียง 2 ชั้น) สรุปผล ห้อง 4 คน มีกมล น้องธิป จิ ก้ามปู ส่วนห้องเราได้ห้อง 3 คน กับ แป้ม ชุ (ดวงสมพงษ์กันมาก ตั้งแต่นอนค้างด้วยกันเมื่อคืน เลขที่นั่งบนเครื่องก็ติดกัน แถมจับฉลากได้ห้องเดียวกันอีก บ้าไปแล้ว) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชมก็แลนดิ้ง สนามบินมาเก๊ารันเวย์ริมทะเลเลย สวยๆ เห็นแล้วนึกถึงตอนเกาะเจจู รันเวย์เลียบชายฝั่งทะเลเหมือนกัน ไฟลท์ ที่ ไปตอนนั้นเครื่องแลนดิ้งตอนพระอาทิตย์ตกพอดี สวยมากไม่เคยลืม เมื่อไหร่จะได้ ไปอีกครั้งนะ ?


กลับ เข้าเรื่อง หลังจากผ่านตม. ก็เดินไปออกประตูทางเหนือ จะมีที่จอดรถ Hotel Shuttle Bus เราขึ้นรถของเวเนเชี่ยนมา ได้เลย ฟรีไม่เสียเงินจ้า... นั่งไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงเวเนเชี่ยนละ เข้าประตูมาจะมีที่ฝากกระเป๋า ฟรี(อันนี้สำ�คัญ ฮ่าๆ)อยู่ทางขวามือ บอกเค้าว่า จะได้รับกระเป๋าฝั่ง west เค้าก็จะเขียนไปรับฝากกระเป๋าให้เราใบนึงเอามายื่นให้เค้า ตอนมารับกระเป๋า Tip ! แต่ถ้าเราจะเที่ยวมาเก๊าแล้วกลับสนามบิน ต้องบอกเค้าว่ากลับมารับกระเป๋าฝั่ง east นะจ๊ะ ************************** 11.56 น. เดินเล่นเวเนเชี่ยน กินทาร์ตไข่ร้าน lord stow’s bakery ชิ้นละ 8 mok อร่อยดี แต่แป้มบอกว่ารสชาตเหมือนกับ ทาร์ตไข่ชิ้นเล็กของร้าน Kanom ไว้กลับไทยต้องลองๆ **************************





18.45 น. บนเรือเฟอรี่จากมาเก๊าไปเกาะฮ่องกง ที่นั่ง #49H หลังจากชิมทาร์ตไข่อันลือชื่อ ก็เดินเล่น ถ่ายรูปกันในเวเนเชี่ยน กมล น้องทิป แป้ม ชุ ลงไปดูคาสิโน เล่น slot ได้มา 50 เซน 555 ถ่ายรูปกันจนจุ ใจแล้วเก็เดินมาออกจากเวเนเชี่ยนทางด้าน west lobby เพื่อขึ้นรถฟรีของโรงแรมไปยังท่าเรือ Macau ferry ต่อรถโรงแรม Lissbua เพื่อเข้ามาในเมือง (ทริปเราฟรีตลอด) แต่เค้าบอกว่าขากลับไปท่าเรือต้องมีบัตร จากโรงแรม เราเลยต้องหาทางกลับกันใหม่ ดีที่หยิบ แผนที่มาจากสนามบิน ตอนนี้เที่ยวก่อน ตอนกลับค่อยว่ากัน ลงจากรถที่ โรงแรม Lissbua แล้วเดินต่อมายัง จตุรัส senado เราจะมากินข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารชื่อดัง Wong Chi Kei แต่ระหว่างเดิน(หลง)ทางไปเจอร้านทาร์ตไข่มากาเรต ที่กมลบอกว่า เป็นร้านของสามีหรือภรรยากะร้านที่ ไปกินกันมาเมื่อเช้า ไหนๆผ่านแล้ว มีหรือกมลจะพลาด ชิมดูแล้วเราว่าแป้งพายเมื่อเช้าอร่อยกว่า แต่ไส้รสชาตเหมือนกัน หลงทางซักพักก็เดินทางมาถึง Wong Chi Kei มีเบอร์เกอร์ Pork Chop ที่ขึ้นชื่อ โจ๊กอร่อย เกี๊ยวกุ้งน้ำ�แกงอร่อยมาก หมี่กรอบหมูเส้นคล้ายราดหน้า หมี่กรอบบ้านเราเลย อร่อยมาก



หลังกินเสร็จก็เดินไปซากโบสถ์เซนต์ปอล แดดร้อนมาก แต่สองข้างทางมีร้านขายของฝากและของทั่วไป เสื้อผ้าเครื่องสำ�อางเยอะ บรรยากาศเลยคึกคักมาก สังเกตนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นคนจีนทั้งนั้นเลย แต่จีนอะไรไม่รู้นะ ฮ่าๆ ที่ โบสถ์เซนต์ปอลเป็นโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์เก่า ตัวอาคารทำ�ด้วยไม้ แต่โดนไฟไหม้ครั้งใหญ่ทำ�ให้ปัจจุบันเหลือแค ่ประตูทางเข้า ที่เหมือนจะทำ�ด้วยอิฐ/ปูน เดินขึ้นไปด้านบนที่ทางเข้าจะมีทางลงเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ(มาก) แสดงของใช้ที่หลงเหลืออยู่ พอเข้าไปในพิพิธภัณฑ์รู้สึกได้ถึงความขลัง และศักดิ์สิทธิ์มากๆ ของที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นรูปปั้น นัดบวช/เทวรูปของศาสนาคริสต์ แต่มีเหลือน้อยมากๆ ออกจากโบสถ์ก็เข้าร้านซื้อของฝาก ได้มาถุงใหญ่เลย คุ๊กกี้ที่นี่อร่อย ชอบ คาดว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนเคยเป็นเมืองขึ้น ของโปรตุเกสเลยได้รับวัฒนธรรมทำ�ขนมมา อร่อยมาก


หลังจากนั้นก็ถึงเวลาเดินมาหาทางกลับไปเอากระเป๋าที่เวเนเชี่ย แต่ประเด็นคือต้องหาทางกลับ เอง ไม่มีรถฟรีละ โชคดีที่มีแผนที่ที่หยิบมาจาก สนามบิน ดูแล้วมีรถเมลไปถึงท่าเรือ ซึ่งจากท่าเรือมีรถฟรีไปเวเนเชี่ยน (บอกแล้วว่าทริปเราฟรีตลอด) เราเลยเดินถามทางหาป้ายรถเมลกัน สรุปว่าต้องขึ้นป้ายรถเมลฝั่งเดียวกับจตุรัสเซนาโด้ โดยเดินมาทางขวามือ จะมีป้ายรถเมลค่อนข้างใหญ่อยู่ (ลืมดูมาว่ารอบข้างมีจุดสังเกตอะไรบ้าง - -”) ค่ารถเมลคนละ 3.2 HKD ถ้าจ่ายไม่พอดีจะไม่มีการทอน ขึ้นสายอะไรมาจำ�ไม่ได้แล้ว จำ�ได้ว่าถามคนขับว่าผ่านท่าเรือเฟอรี่มั๊ย เค้าพยักหน้าก็รีบขึ้นเลย แล้วก็อ่านป้ายเส้นทางที่ติดไว้ข้างรถ นั่งไปก็ลุ้นไปว่า เราจะไปกันถูกมั๊ย สนุกดี ฮ่าๆ สรุปว่า กลับมาถึงท่าเฟอรี่ โดยสวัสดิภาพ พวกเราตัดสินใจไปซื้อตั๋วเฟอรี่กันก่อน ได้รอบ1ทุ่ม แล้วก็รีบกลับไปเอากระเป๋า ที่เวเนเชี่ยนฝั่ง west lobby แล้วนั่งรถบัสฟรีของรร. จากทางออกเดียวกัน กลับมาท่าเรือ ตอนขึ้นรถโดนแซงคิวด้วยอ่ะ ตอนที่กำ�ลังเอากระเป๋าใส่ ใต้ท้องรถกัน มีคนขึ้นไปนั่งแซงคิว ที่นั่งไม่พอ แถมไม่ยอมลุกออกด้วย พวกเราเลยต้องยอมลงและรอคันต่อไป แต่ก็ยังดีที่พนักงานรร. กันให้เราได้ ขึ้นก่อนตอนคันต่อไปมา แต่...รอนานมากกกกกก กว่าคันใหม่จะมา ลุ้นก็ลุ้นว่าจะขึ้นเรือทันมั๊ย ซื้อตั๋วไว้แล้วด้วย



แต่ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือประมาณ6โมงนิดๆ ต้องผ่านตม.ที่ท่าเรือ แล้วก็งงๆกันว่าไปทางไหนต่อละเนี่ย เอาตั๋วยื่นให้เค้าดู เค้าบอกให้ขึ้นรอบ 6.30 ได้เลย พนักงานเค้าจะเอาสติ๊กเกอร์เบอร์ที่นั่งติดที่ตั๋วให้แล้วขึ้นเรือได้เลย ในเรือที่นั่งสบายมาก เหมือนที่นั่งเครื่องบินเลย แต่ไม่อึดอัด สามารถวางกระเป๋าหิ้วที่ขาได้ ส่วนกระเป๋าใหญ่มีที่ฝากท้ายเรือ แต่ไม่มีล็อกเกอร์นะ เป็นชั้นวางเฉยๆ โดยรวมแล้ว สะดวงสบายดีมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. จะถึงฮ่องกง ลงเรือ และจะต้องผ่านตม. เข้าฮ่องกงอีกรอบนึง แล้วเราแพลนกันว่าจะไปดู Symphony Of Light ตอน 2ทุ่มเลย เพราะใกล้ท่าเรือ ส่วนที่พ ักของเรา ก็สามารถเดินไปจากท่าเรือได้ ไกลหน่อยแต่ยังเดิน ได้อยู่ หลังจากเช็คอินเสร็จ ค่อยออกไปข้าวเย็นกินกันแถวถนนนาธาน และอาจจะไปช้อปปิ้งต่อตามแต่กำ�ลังขาจะรับไหว 555 ตอนนี้เพื่อนๆหลับกันหมดเลย555 งั้นเรานอนมั่งดีกว่า เจอกันใหม่ที่ฮ่องกง


ถึงฮ่องกงแล้วจ้า... หลังจากออกมาจากท่าเรือ เวลาเหลือน้อยน่าจะเดินไปดู Symphony Of Light ไม่ท ัน เลยยกเลิกโปรแกรม เปลี่ยนเป็นไปเช็คอินที่ โรงแรมแล้วกินข้าวเย็นเลยดีกว่า แต่เดินวนหาโรงแรมอยู่นานมาก ถามคนไม่มีคนรู้จ ักเลย แต่ก็เดินมาเจอจนได้ พอมาถึงเช็คอินแล้วก็ออกไปกินข้าว แต่ร้านที่อยากไปไม่แน่ใจว่าปิดกี่ โมงเลยกินฟาสฟู้ดตรงข้ามโรงแรม มีอาหารให้เลือกเยอะพอสมควรเลย มีเป็นเซ็ทพร้อมน้ำ� เป็นพวก ข้าวหมูแดง เป็ดย่าง เสต็ก ข้าวผัดฯลฯ ราคาโอเค รสชาตก็ โอเคนะ สะดวกและเร็วดี หลังจากกินเสร็จก็ ไปเดินเล่นที่ temple street night market ของส่วนใหญ่เหมือนสำ�เพ็งมากแต่ราคาแพงกว่า เดินๆดูแต่ไม่ได้ซื้ออะไร กลับมาโรงแรมประมาณ 5 ทุ่ม อาบน้ำ� จัดเสื้อผ้า จัดกระเป๋า จัดที่นอน กว่าจะได้เวลานอนตี1 พอดี ******************************


...



05.07.56 / 8.36 น. บนรถไฟใต้ดินสายสีแดง เช้าวันนี้ ตื่น6โมง อาบน้ำ�แต่งตัว ออกจากโรงแรม 7โมงเช้า ขึ้นรถใต้ดินไปลง mongkok เพื่อกินโจ๊กเจ้าอร่อย เป็นธรรมเนียมของเราที่ ไปเที่ยวไหนต้องซื้อบัตรเดินทางเก็บไว้ ใช้ และเป็นที่ระลึก บัตรเดินทางของฮ่องกงเรียกว่า บัตรปลาหมึก สามารถใช้ ได้กับรถไฟใต้ดิน รถเมล และร้านสะดวกซื้อต่างๆ เหมือน T-Money ของเกาหลีเลย ค่าออกบัตร 150 HKD จะมีเงินในบัตร 100 HKD และถ้า Refund จะถูกหักค่าบัตร 9 HKD ที่ Mongkok st. Exit D2 เดินตรงไปประมาณ 50เมตร จะมีร้านโจ๊กทางซ้ายมือ มีปาท่องโก๋ ขนมปังไว้กินกับโจ๊ก แต่ขนาดใหญ่มว๊ากกกก มีก๋วยเตี๋ยวหลอดด้วย ตอนมาถึงคนในร้านก็ เยอะแล้ว มีเดินเข้าเดินออกตลอด แต่โจ๊กร้านนี้อร่อยมากจริงๆ หลังกินเสร็จก็เดินกลับมาลงใต้ดิน ขึ้นสายสีแดง ไปลง Tungchung เพื่อขึ้นกระเช้าไปนองปิง Tip! Mongkok > lai king เปลี่ยนเป็นสายสีเหลือง > Tungchung


หลังจากถึงสถานี tungchung เดินออกมาจากสถานี จะเจอห้าง outlet เลี้ยวซ้ายจะเจอทางขึ้นกระเช้า และป้ายรถบัสไปนองปิง ถ้าไปรถบัสใช้เวลา 45นาที(และเปิดเช้ากว่า) แต่ทางขึ้นเขาตลอดอาจเมาได้ เลยเลือกที่จะไปกระเช้าแทน ใช้เวลาประมาณ15-20นาที (แต่รอคิวอีกกี่นาทีไม่รู้ ฮ่า) ตอนไปถึงกระเช้ายังไม่เปิด แต่มีคนต่อคิวรอแล้ว เราก็เลยต่อบ้าง จะได้ ไม่ต้องรอนาน เข้าคิวไปคุยกันไปแป๊บ เดียวก็ ได้ขึ้นไปซื้อตั๋วแล้ว เรามีบัตรลด10%ที่ปริ้นมาจากเว็บไซต์ ได้ลดไปเกือบ100$แน่ะ ตอนขึ้นกระเช้า เค้าเอานักท่องเที่ยวผู้ชายอีกคนที่มาคนเดียว มาใส่กระเช้าพวกเรา น่าสงสารมาก 55555 ทางขึ้นกระเช้ามีทะเล ภูเขา น้ำ�ตก เห็นสนามบินฮ่องกงด้วย สวยมากๆ




พอถึงนองปิง เดินออกมาจะผ่านหมู่บ้านนองปิงมีร้านขายอาหาร กะของที่ระลึก เดินต่ออีกนิดก็ถึงพระองค์ ใหญ่ มีจุดให้ ไหว้ตรงกลาง พูดแล้วจะได้ยินเสียงก้องกลับมาด้วย ไหว้เสร็จก็เดินขึ้นไปที่องค์พระ ร้อนและเหนื่อยสุดๆ หลังจากลงมาก็ ได้ซื้อโปสการ์ด เอาไปเขียนส่งให้ตัวเองกับส้มมี่ สแตมป์ส่งมาไทย 2.4 HKD ส่งไปญี่ปุ่น 3 HKD ตู้ ไปรษณีย์ที่นี่เป็นสีเขียวนะไม่ใช่สีแดง แหวกแนวมาก เพิ่งเคยเจอประเทศแรกที่ ไม่ใช่สีแดง หลังจากส่งโปสการ์ดเสร็จ ก็ขึ้นไปกินข้าวเที่ยงที่food republic ค่อนข้างแพงแต่โอเคอยู่ กินเสร็จประมาณบ่ายโมงนิดๆ พวกเราต้องรีบออกเดินทางไป ดิสนีย์แลนด์ แล้วล่ะ!!!!!!


วิธีเดินทางไปDisney Land Tungchung > sunny bay > เปลี่ยเป็นสายสีชมพู > ดิสนีย์แลนด์ รถไฟน่ารักมาก ทุกอย่างในรถไฟเป็นดิสนีย์ อยากมาขึ้นรถไฟขบวนนี้ทุกวันเลย วันนี้อากาศร้อนมา เดินไปที่เล่นแต่ละจุดแทบละลาย สิ่งที่เล่นกันไปทั้งหมดวันนี้ก็มี Stich Interactive Toystory ที่เป็นมนุษย์อวกาศยิงเป๋า Symphony Mickey 4D โชว์ The Lion king Small world Mystic point ครบรึเปล่า จำ�ไม่ได้แล้ว แต่อดดูโกลเด้นมิกกี้กะหมีพูห์อ่ะ เสียใจ ฮืออออออ ต้องมาอีกๆๆ ตอนดึกออกมารอดูพลุที่ปราสาทดิสนีย์ เป็นครั้งแรกที่ ได้ดู สวยมากก กก ไม่อยากกลับ เลย อยากอยู่ในนี้ท ั้งวันทั้งคืน ฮ่าๆๆๆ See u very soon Disney!!!!




...


06.07.56 วันนี้ตื่น6โมงเช้า ตกลงกันว่าจะกินข้าวที่ โรงแรม เพื่อความรวดเร็ว เรากินมาม่าคัพฮ่องกง กะขนมจีบ เซเว่น อร่อยดี พอกินข้าวเสร็จก็ออกเดินทางไปหวังต้าเซียน วิธีเดินทาง ลงสถานี wangtasian ออกทาง B เดินขึ้นข้างบน จะเจอวัดอยู่ทางซ้ายมือ ข้างในวัดนี้จุดธูป 9 ดอก จุดธูปตรง12นักษัตร แล้วเดินวนขึ้นมา ไหว้หวังต้าเซียนตรงกลางก่อน จะมีลานเสี่ยงเซียมซีอยู่ คนมาเสี่ยงกันเยอะ มาก เสร็จแล้วก็เดินไปวิหารข้างๆ และศาลาข้างหลังตามลูกศร มีทางเดินไปชม สวนข้างหลังด้วยสวยดี แต่เดินได้นิดเดียวเพราะฝนตก เลยตัดสินใจกลับมา ที่ รถใต้ดินกันดีกว่า เดินทางต่อไปวัดนางชี สถานี Dimon hill station ทางออก C เดินผ่านห้าง Planet Hollywood ไปทางขวา ข้ามถนนมาทางขวา จะเจอทางเข้า Nanlian garden เดินผ่านสวนญี่ปุ่นจนสุดทางจะเจอทางเข้าวัดนางชี ด้านในวัด ดูเงียบสงบมาก คนน้อย เป็นแนวสไตล์ญี่ปุ่นๆ วิหารด้านในห้ามถ่ายรูปองค์พระ



หลังจากที่เราไหว้พระกันเสร็จก็เดินกลับมาที่รถไฟ ข้างๆมีห้าง Planet Hollywood กมลขอช้อปปิ้ง เราก็เลยเข้าไปเดินเล่นรอ แล้วก็กินข้าวที่ food republic เหมือนเดิม เพราะเหมือนจะถูกสุดในห้างละ พอกินเสร็จทุกคนขอช้อปต่ออีกนิด เราเดินเจอไวไฟ เลยต่อเนตเพื่อดูว่า เพื่อนๆ แคท โด้ บีนี จองบัตรคอนเสิร์ต Super Show5 ให้ ได้มั๊ย เปิดไลน์ปุ๊บจิตตกเลยจ้ะ เนตล่มตั้งแต่เปิดจอง เราเลยเริ่มถอดใจ แต่ไหนๆมีเนตก็เลยลองกดดู กมล แป้ม ชุก็ลองช่วยๆกันกดดู แต่พอล็อกอิน ก็ค้างหมด ก็เลยยอมแพ้ ทำ�ใจเผื่อไว้แล้ว ขอบคุณเพื่อนทุกคนมากๆ เดินทางต่อไป The Peak พร้อมจิตใจอันห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเดิน วิธีเดินทางมี 2 วิธี 1. ลงสถานี central ออก A ข้ามถนนไป exchange tower นั่งสาย15 ลง The Peak 2.ลงสถานี central ทางออก J2 เดินไปที่Lower station หรือถ้าขี้เกียจเดินให้ออกทางออก A ข้ามถนนไป exchange tower นั่งรถสาย15c ไปที่Lower station บอกแล้วว่าทริปเราฟรีตลอด เพราะฉะนั้น เดินอย่างเดียว


พอเดินมาถึง Lower station ต่อแถวขึ้นรถรางทรมานพีคมาก แถมไม่เป็นแถวดีด ี ให้เดินไปเป็นแผง ต้องคอยกันไม่ให้คนมาแทรก ร้อนมากกก แต่ด ีแล้วที่ตัดสินใจไปบ่าย เพราะเข้าคิวประมาณครึ่งชม. ก็ ได้ขึ้น รถรางเอียงมากอ่ะ แทบจะนอนเลยเวลารถขึ้นเขา ทางออกรถรางจะต่อกะตึกเดอะพีค ออกมาจะเจอร้านของฝาก มีโปสการ์ดและมีไปรษณีย์เลยซื้อมา1ใบ พอเดินไปหาไปรษณีย์ ปรากฏว่ามันปิด แต่มีตู้กดแสตมป์หน้าร้าน เจ๋งอ่ะ !!! เพิ่งเคยเจอเป็นประเทศแรกเท่าที่เคยไปมา เยี่ยมมาก ถ้าจำ�ไม่ผ ิดตรงนองปิงก็มีตู้แบบนี้ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันคือ ตู้อะไร 55 วันนี้ก็เลยใช้บริการซะเลย จุดชมวิวอยู่ชั้นบนสุด ต้องขึ้นบันไดเลื่อนวนขึ้นไปเรื่อยๆ วิวสวยมากฟ้าใส แต่พอถ่ายรูปซักพักเมฆดำ�เริ่มมา แล้วฝนก็ตก อีกแล้วจ้ะ วันนี้ ได้รับน้ำ�มนต์ท ั้งวันเลยจ้ะ ออกมาตึกข้างๆ เดอะพีคมีจุดชมวิวฟรี ชื่อ the peak galleria observation desk เตี้ยกว่าเดอะพีค คนน้อยกว่า แต่ก็ โอเคนะ ไม่เสียเงิน ฮ่าๆ พอดูว ิวเสร็จก็ลงมาที่จอดรถเมล์ ใต้ตึก



เราสามารถนั่งรถรางขึ้น-ลง The Peak ได้ หรือขึ้นรถบัสใต้ตึกที่มจี ุดชมวิวฟรี สาย15 ไปลงที่หน้าตึก exchange tower หรือลงที่ท่าเรือเฟอรี่ข้ามฟากได้เลย(สุดสาย) ราคาเดียวตลอดสาย รถเมลที่นี่เป็นรถเมล2ชั้น ขับลงเขาได้รวดเร็วและหักโค้งได้หวาดเสียวมาก หัวโขกกระจกไปหลายรอบ 555 พวกเรานั่งรถบัสมาลงที่ท่าเรือเพื่อข้ามฝั่งมายังจิมซาจุ่ย วิธีเดินทาง ลงเรือที่ท่า7 จากเซ็นทรัลเพื่อข้ามมา จิมซาจุ่ย เรือข้ามฟากจะมี2ชั้น upper class /lower class ราคาไม่เท่ากัน ชั้นบนแพงกว่าแต่วิวดีกว่า และเรือข้ามฝากก็สามารถใช้บัตรปลาหมึก จ่ายค่าตั๋วได้ สะดวกมาก เรือค่อนข้างใหญ่ ที่นั่งเยอะ วิวสวย แต่นั่งแป๊บ เดียวก็ถึงแล้ว ลงจากเรือมาจะเจอห้าง harbor ทางซ้ายมือ ซึ่งก็คือห้างที่มีร้านTotoro ที่เพิ่ง มาเปิด กรี๊ด ดดดดดดดดด น่ารักมาก ช่วงนี้เพิ่งเปิดเลยมี exhibition เล็กๆ ถ่ายรูปมาเพียบเลย ^^ แต่แถวที่ต่อรอเข้าช้อปยาวมาก แล้วเพื่อนๆเหมือนจะหิวกันเลยยอมแพ้ ไม่เข้าก็ ได้ ออกจากห้างมา ก็เดินตามหาร้านติ่มซำ�เจ้าอร่อย ดราก้อนการ์เด้น พอเดินไปถึงร้าน ดี ใจได้ ไม่นาน พนักงานบอกว่ามีงานแต่งงาน ร้านเต็ม ฮือออออ ผิดหวังไปตามๆกัน


ระหว่างเดินทางร้านเห็นว่าในตึกมีป้ายWi-fi Zone เลยไปนั่งเปิดเนต หาร้านกินกัน เพราะทุกคนอยากกินติ่มซำ� สมาร์ทโฟนเป็นปัจจัย5 สำ�หรับการใช้ช ีว ิตในยุคนี้จริงๆ ตอนที่เพื่อนๆกำ�ลังนั่งหาร้านกันอย่างจริงจัง แอบรู้สึกผิดนิดๆ ที่เราไม่ได้ช่วยหา แต่เข้าไปเช็คไลน์ ยังข้องใจเรื่องบัตรคอน แล้วปรากฏว่า จองบัตรคอนได้แล้วเย้!!!!!! เท่าที่อ่านสรุปความได้ว่าระบบล่มตั้งแต่เปิดจอง ที่ช้อปก็ซื้อไม่ได้เลย เลื่อนเปิดขายมาเป็นบ่ายโมง แล้วเพื่อนก็นั่งรอเฝ้ากดให้เราจนได้ 5000 แถวหลังสุดมา2ที่ โด้จองได้ แล้วแคทฝ่าพายุไปจ่ายเงินให้เรา โด้คอนเช็คสถานะจ่ายเงินให้ เหยยยยย ขอบคุณเพื่อนมากๆ เหตุการณ์วันนี้ทำ�ให้รู้เรามีเพื่อนที่ด ีขนาดไหน ขอบคุณมากๆอ่ะ ชั้นรักพวกแกทุกคน หลังจากหาร้านได้สรุปกลับไป mongkok กินติ่มซำ� ร้าน Majestry seafood พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้งงมากอ่ะ ตอนแรกนึกว่า โดนหลอก เค้าแนะนำ�ให้สั่งเป็ดปักกิ่ง ราคาแค่ 58 HKD ทุกคนก็ ไม่มั่นใจแต่ก็สั่งๆไปจานนึง ชิมดู ไม่อร่อยอ่ะ ตอนเช็คบิลงงมาก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าเช็คบิล ลุ้นก็ลุ้นว่าตกลงโดนหลอกมั๊ย สรุปราคานั้นจริง ก็ โอเคอ่ะ แต่มิชชั่นไม่คอมพลีท อาหารไม่เวิร์ค พรุ่งนี้ขอนัดซ่อม Jade Garden !!!


กินข้าวเย็นเสร็จ ก็ออกมาช้อปกันที่ mongkok เดินไปซักพัก ก็ตัดสินใจแยกกัน เราแป้ม ชุ เดินกลับโรงแรม หาซื้อของฝากกับมาร์กหน้า ตอนแรกก็ถามกันว่าจะนั่งรถใต้ดินกลับโรงแรมมั๊ย แต่ช ุบอกให้เดินไปเถอะ ใกล้ๆ 2 สถานีเอง แต่เดินไปเดินมา เท้าเจ็บ จนด้านชา นานมากกกกกไม่ถึงซักที เดินไปแวะร้านเครื่องสำ�อางค์ เช็คราคาไป เมื่อยสุดๆ สรุปเดินประมาณชั่วโมงครึ่ง กว่าจะถึงรร. หมดสภาพมาก ตลกมากระหว่างเดินกลับ ชุเป็นคนนำ�ทางและถือแผนที่ เรากับ แป้มก็ถามว่าอีกไกลมั๊ย ชุจะบอกตลอดว่า ใกล้ถึงแล้วๆ พอเรากับ แป้มถามว่าเหลืออีกกี่บล็อก ชุก็กางแผนที่ออกมา แล้วก็เริ่มนับ “1..2......3” ค่อยเริ่มดี ใจ “....4...5...” เดี๋ยวนะๆ ยังไม่หมดอีกหรอ “.....6....7.....” เอ่อะ !!! พอละไม่ต้องนับละชุ เดินๆไปเหอะเดี๋ยวก็ถึง จำ�ได้ว่าระหว่างที่เราสามคนเดินกันไป มีแต่เสียงคุยกัน แล้วก็เสียงหัวเราะ สำ�หรับ เราเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก แม้จะเป็นช่วง เวลาที่ร้อน เหนื่อย เมื่อย และเจ็บขาสุดพลัง แต่จะไม่ลืมช่วงเวลานี้เลย ^^ พรุ่งนี้ช ุกลับไฟล์ทเช้า เรากับ แป้มนัดกันว่าจะตื่นไปส่งชุ ที่สถานีรถใต้ดินล่ะ



...



07.07.56 / 13.42 น. ห้างHarbor ชั้น3 ระหว่างต่อคิวเข้า Donguri Shop วันนี้ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า อาบน้ำ�แต่งตัว เก็บกระเป๋า แล้วเดินไปส่งชุที่รถใต้ดิน วันนี้ฝนตกอีกแล้วจ้ะ ตกหนักด้วย แต่พอชุลงไปใต้ดินปุ๊บ ฝนก็เริ่มหยุด ฮ่าๆ ส่งชุเสร็จ ก็กลับมากินข้าวเช้าร้านเหลือง (ร้านฟาสฟู้ดตรงข้ามโรงแรม จำ�ชื่อไม่ได้แต่ป้ายร้ายสีเหลือง ฮ่าๆ) มีเมนูอาหารเช้าแบบABF อร่อยดี ถูกด้วย หลังจากกินเสร็จก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋า แล้วลงมาเช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋า แล้วออกเดินทางไป Repulse bay วิธีเดินทาง นั่งรถใต้ดินลงสถานี Central ออกทางออก A เดินไปใต้ตึก Exchange tower ขึ้นรถสาย 6 หรือ 6x(เร็วกว่า) พอเห็นป้ายชื่อถนน Repulse bay road ก็ลง แล้วเดินเลียบชายหาดไปถึงวัด


ที่วัดเจอทัวร์คนไทยเยอะมากกกกกกก วัดนี้มีสถานที่ ให้ทำ�พิธีกรมเยอะทั้งลูบ แบงค์ที่เทพเจ้าโชคลาภ ข้ามสะพานต่ออายุ โยนเหรียญเข้าปากกปลามังกร ฯลฯ หลังจากทำ�พิธีกรรมกันเสร็จ ก็มานั่งพักแป๊บนึง เพราะแดดร้อนสุดๆ แล้วค่อยเดินกลับมาขึ้นรถบัสที่เดิม(ฝั่งตรงข้าม) สายเดิม และลงที่เดิม แป้มอยากจะซื้อทาร์ตไข่เป็นของฝาก เลยเดินไปซื้อร้านอร่อย อยู่แถวบันไดทางเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลก แต่มันยาวมาก ไม่ใช่ตรงที่รันนิ่งแมนมาถ่ายอ่ะ เสียใจเล็กๆ ทาร์ตไข่ที่นี่ด้วยมันเป็นขนมปังป่นอัดเป็นถ้วย ไม่ใช่แป้งพายแบบที่มาเก๊า ไส้รสหวานกว่า ไม่ค่อยถูกปาก อันนี้ขอบาย ******************************



17.24 น. City gate หลังจากได้ทาร์ตไข่ของฝากเรียบร้อย ก็นั่งรถใต้ดินมาจิมซาจุ่ย เพราะวันนี้เรามีนัดซ่อมติ่มซำ�ที่เจดการ์เด้น ตอนเดินไปก็ลุ้นกันว่าจะมีที่นั่งมั๊ย? สรุปว่า มีที่นั่ง ได้กินสมใจอยากแล้วจ้า สั่งกันมา 9 อย่าง อร่อย !!! แต่สำ�หรับ เรารู้สึกว่าไม่ได้อร่อยมากแบบว่า หากินที่ ไหนไม่ได้ต้องกินที่นี่ที่เดียวอ่ะ แต่โอเค มิชชั่นคอมพลีท !!



กินเสร็จยังเหลือเวลา เรา แป้ม และก้ามปูก็รีบไปต่อแถวเข้า ร้านDonguri Shop แถวสั้นกว่าเมื่อวานนิดนึง แต่ถือว่าได้เข้าเร็วมากกกกก ยืนรอประมาณ 10 นาที มีการแจกบัตรคิว กันคนแซงให้ด้วย ดีจ ัง ของในร้านดูแล้วราคาไม่แพง ได้ของฝาก(ตัวเอง) กลับมาเยอะเลย หลังจากแยกย้ายช้อปปิ้งเสร็จ ก็มารอที่จุดนัดเจอกัน แต่พอเราจะออกจากห้าง harbor ฝนตกหนักมาก!!!!! 4คน มีร่มแค่2คัน แถมยังมีทาร์ตไข่ และร้องเท้ากมลที่ ไม่อยากให้เปียกแม้กระทั่งกล่องหรือถุงหิ้ว -*เลยพยายามห่อของให้ ได้เท่าที่ทำ�ได้ แล้วอุ้มของที่ ไม่อยากเปียก กางร่มฝ่าฝนไปกัน กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมทุลักทุเล และเปียกมากที่สุด ที่เปียกเนี่ยอ่ะ ตัวเปียก ของไม่เปียก 555 มาถึงโรงแรม ก็ขอถุงพลาสติกใบใหญ่มาห่อกระเป๋า จัดกระเป๋าใหม่ให้เหลือน้อยที่สุด ต่อจากนี้ต้องฝ่าฝนไปสนามบินต่อ


แต่ตอนไปขึ้นรถใต้ดิน คนเยอะและเบียดมากต้องแยกประตูกันเข้า มีเรา แป้ม น้องทิป อยู่ด้วยกัน จิ ก้ามปู ไปกับกมล แต่รถคนแน่นมาก ประตูหนีบกระเป๋าเป้แป้ม (เห็นแป้มบอกว่าโดนปีะตูหนีบหลังด้วย) แต่พอดีเราจับมันไปแล้วดึงมันเข้ามาได้ แต่ในรถแน่นมาก ซักพักคนเริ่มลง คนเริ่มน้อย มองไปเห็นกมลอยูโ่ บกี้ข้างๆ แต่พอลงที่ Lai king เพื่อเปลี่ยนสาย อ้าวเห้ย!!! จิกับก้ามปูไปไหนอ่ะ!!!! กมล บอกว่า ตามมาขบวนถัดไป เข้าไม่ได้ เราก็ตกใจหมด พอเจอกันครบทีมก็เดินทางไป city gate ยังพอมีเวลาเลยแวะช้อปปิ้ง อีก1ชม. เราไม่ซื้ออะไรแล้วเลยนั่งเฝ้าของรอเพื่อนๆกลับมากัน ****************************** หลังจากช้อปปิ้งทิ้งทวนเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมพร้อมไปสนามบิน วิธีเดินทาง ขึ้นรถบัสไป Airport ที่ตึก city gate พอลงจากรถก็เดินไปหาเคาน์เตอร์เช็คอิน แต่งงมาก มันมีหลายตึกแล้วต้องเดินไปเดินมา งงได้อีก


ตอนเช็คอิน ชั่งน้ำ�หนักกระเป๋าลุ้นมาก ปรากฏว่าน้ำ�หนักเกินตามคาด นั่งรื้อของกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ จนได้น้ำ�หนักเกินมานิดนึง เค้าหยวนๆให้ ฮ่าๆๆๆ เช็คอินเรียบร้อยก็เข้าไปตม. แถวยาวสุดพลัง กว่าจะผ่านมาได้เสียเวลาไปเยอะมาก หลังจากผ่านตม.เลยแยกย้าย ใครจะซื้อของกินข้าวอะไรก็ ไปทำ� แล้วไปเจอกันที่เกทเลย ขากลับได้ที่นั่งติดกับ แป้มอีกแล้ว (ทั้งๆที่คนอื่นโดนแยกเกือบหมด) คาดว่าถ้าชุไม่กลับก่อนคงได้นั่งติดกันเรียง 3 คนอีกแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ และแล้วก็เป็นไปตามคาด ทนกลิ่นอันหอมหวลของอาหารบนเครื่องไม่ไหว หลับก็หลับไม่ลง ต้องเสียเงินกับแป้มซื้อข้าวคนละกล่อง หลังจากหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หลับสนิทจนถึงสุวรรณภูมิ


ตลอด 4 วันที่ผ ่านมา มีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นเยอะมาก แต่เราจะเก็บ เรื่องราวทั้งหมดไว้ ในความทรงจำ� แล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่ว่าจะกี่ปี เมื่อเราได้เจอกัน เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอด 4 วันนี้ คงจะถูกหยิบมาพูดถึงอีกนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อเตือนความทรงจำ�ไม่ให้มันหายไป เหมือนกับที่เรายังคงนึกถึง และคุยกันเรื่องสมัยที่เรียนด้วยกัน เรื่องที่เล่นด้วยกัน เรื่องที่ ไปเที่ยวด้วยกัน วนซ้ำ�ไปซ้ำ�มาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ขอบคุณได้ ใช้เวลาดีด ีร่วมกัน .. รักพวกแกทุกคน .



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.