สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอิตาลี

Page 1

โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอิตาลี โดย นายณัฐ อภิวฒ ั นลังการ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6/7 นายอภิวชิ ญ์ ยงชูยศ

ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6/7

ครูที่ปรึกษา นายเนรมิตร โคคา

รายงานฉบับนีเ้ ป็ นส่ วนประกอบ ของโครงงานคอมพิวเตอร์ ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สั งกัดสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ


สถานทีท่ ่องเทีย่ วในประเทศอิตาลี 1. โคลอสเซียม(Colloseum) เที่ยวชมโคลอสเซียม 1ใน7 สิ่ งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

ภาพที่ 1-1 แสดงโคลอสเซียม

ภาพที่ 1-2 แสดงโคลอสเซียม โคลอสเซียม (Colloseum) เป็ นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ต้ งั อยูใ่ จกลางกรุ งโรม เริ่ ม สร้างขึ้น ในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซี ยนแห่งอาณาจักรโรมันและสร้างเสร็ จ ในสมัยของจักรพรรดิติตสั ใน คริ สตศตวรรษที่ 1 หรื อประมาณปี ค .ศ.80อัฒจันทร์ เป็ นรู ปวงกลมก่อด้วยอิฐและหิ นทรายวัดโดยรอบได้ ประมาณ 527เมตร สู ง 57เมตร สามารถจุผชู้ มได้ประมาณ 50,000 คนมีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดย


สร้างให้สนามกีฬามีลกั ษณะเป็ นรู ปวงรี เพื่อให้ผชู ้ มรู ้สึกเข้าใกล้นกั กีฬาและมีการออกแบบทางระบายน้ าเพื่อ ไม่ให้น้ าท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็ นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปั จจุบนั ในบางครั้งจะมีการ เรี ยกชื่อโคลิเซียม (Coliseum)7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็ น 1ในเจ็ดสิ่ งมหัศจรรย์ ของโลกยุคใหม่ 2. พระราชวังวาติกนั (Vatican Palace) เดินชมศิลปะต่างๆภายนพระราชวัง

ภาพที่ 2-1 แสดงพระราชวังวาติกนั

ภาพที่ 2-2 แสดงพระราชวังวาติกนั


พระราชวังวาติกนั (Vatican Palace) ตั้งอยูใ่ นกรุ งโรม ประเทศอิตาลี เป็ นศูนย์กลางการ ปกครองของศาสนาคริ สต์เเละ ยังเป็ นที่ประทับของสมเด็จพระสันตปาปาประมุขฝ่ ายศาสนาคริ สต์ เป็ น พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกใช้ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาต่างๆเป็ นงานสถาปั ตยกรรมที่งดงามลวดลาย วิจิตรด้วยฝี มือศิลปิ นชาวอิตาลีหลายคนหลายยุคสมัยกว้าง 289 ฟุต ยาว 486 ฟุต สู ง 354 ฟุต มียอดปราสาท มากถึง 135 ยอด เเละห้องต่างๆมากถึงสี่ พนั ห้องนับเป็ นงานก่อสร้างที่งดงามเเละมหัศจรรย์อีกเเห่งหนึ่งของ โลก ภายในจะมีจุดสนใจของผูท้ ี่มาท่องเที่ยวก็คือ รู ปภาพ ปิ เอต้า (Pieta) สร้างสรรค์โดย ไมเคิลแองเจโล่ เป็ นศิลปะ สมัยยุดเรนาชองต์ ประดิษฐาน ขึ้นที่ มหาวิหารวิหารเซ็นต์ ปี เตอร์ในศตวรรษที่ 18 โดยเป็ นภาพ ของพระแม่มารี ย ์ ทรงโอบอุม้ พระเยซูก่อนที่ท่านจะสิ้ นใจนอกจากนั้นยังมีศิลปะหลายแขนง ให้เลือกชม มากมาย 3. น้ าพุเทรวี่ (Trevi fountain) ชมน้ าพุที่สวยงามและมีชื่อเสี ยงที่สุดในโลก หากใครที่ได้โยนเหรี ยญ ลงไปในน้ า เขาหรื อเธอผูน้ ้ นั จะได้กลับมาเยือนอีกในสักวัน

ภาพที่ 3-1 แสดงนา้ พุเทรวี่

ภาพที่ 3-2 แสดงนา้ พุเทรวี่


น้ าพุเทรวี่ (Trevi fountain)เป็ นน้ าพุที่สวยงามและมีชื่อเสี ยงมากที่สุดในโลก ชื่อ “เทรวี่ ” นั้นมาจากคาว่า“ตรี วอิ ุม” หมายถึงพบกันของถนนสามสาย เป็ นอนุสรณ์สไตล์บารอค ออกแบบและก่อสร้าง โดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปา ครี เมนต์ที่ 12ได้มอบหมายให้สร้างขึ้นในปี 1732 การก่อสร้าง ดาเนินเรื่ อยมาจนกระทัง่ ภายหลังการสิ้ นพระชนม์สมเด็จสันตะปาปาที่ เออร์ บนั ที่ 8ได้หยุดชะงักลง และ ดาเนินการสร้างต่อมาจนแล้ วเสร็ จในปี 1762 รวม ใช้เวลาทั้งสิ้ น 30ปี ทางระบายน้ า เวอร์ โก้ บริ เวณลาน ด้านหน้านั้นก่อสร้างมากว่า 2000ปี ครั้งสมัยโรมโบราณซึ่ งปกครองโดยจักรพรรดิออกัสตัส ซึ่ ง ตรงเวลา 19 ปี ก่อนคริ สตศักราช รู ปปั้ นแกะสลักที่เลิศหรู อลังการที่อวดโฉมให้ผไู ้ ปเยือนได้ยลนั้นได้แน วคิดจากความ ยิง่ ใหญ่ของเทพเจ้าเนปจูน “เทพแห่งท้องทะเล ”ว่ากันว่า หากใครที่ได้โยนเหรี ยญลงไปในน้ า เขาหรื อเธอผู ้ นั้นจะได้กลับมาเยือนอีกในสักวัน 4. บันไดสเปน (Piazza di spagna ) ผูค้ นจะมานัง่ พักผ่อนพบปะกั นเต็ม ย่านชอปปิ้ งที่หรู หราที่สุ ด ของเมือง มีซอยเล็ก ซอยน้อย ที่ท่านจะได้เดินเที่ยวชมและช้อปปิ้ งเพลิดเพลิน

ภาพที่ 4-1 แสดงบันไดสเปน


ภาพที่ 4-2 แสดงบันไดสเปน บันไดสเปน (Piazza di spagna )หนึ่งในจุดที่สวยในกรุ งโรมบ่ายๆ ผูค้ นจะมานัง่ พักผ่อน พบปะกันเต็ม ย่านชอปปิ้ งที่หรู หราที่สุดของเมือง มีซอย เล็ก ซอยน้อย ที่ท่านจะได้เดินเที่ยวชมและช้อปปิ้ ง เพลิดเพลิน 5. วิหารดูโอโม่ (Duomo Cathedral) ชมโบสถ์ศิลปะสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สวยงามที่สุดใน อิตาลีและใหญ่เป็ นอันดับ 2 ของโลก

ภาพที่ 5-1 แสดงวิหารดูโอโม่


วิหารดูโอโม่ (Duomo Cathedral)ตั้งอยูท่ ี่จตุรัสกลางเมืองมิลานโบสถ์แห่งนี้เป็ นศิลปะ สถาปั ตยกรรมแบบโกธิ คที่ยงิ่ ใหญ่สวยงามที่สุดในอิตาลีและใหญ่เป็ นอันดับ 2 ของโลก โดยที่ไม่นบั วิหาร เซ็นต์ปีเตอร์ความยาว ประมาณ 157 เมตร สามารถจุคนได้ประมาณ ถึง 40,000 คนซึ่งใช้ระยะเวลาการ ก่อสร้างยาวนานกว่า 500 ปี ( ค.ศ.1386 – 188)เป็ นสิ่ งก่อสร้างในยุคอาณาจักรโรมันรุ่ งเรื อง 6. โบสถ์ซานตามาเรี ย เดอ กราซี (Santa Maria delle Grazie) เที่ยวชมโบสถ์ศิลปะแบบโกธิค ลอมบาร์ค

ภาพที่ 6-1 แสดงโบสถ์ ซานตามาเรีย เดอ กราซี

ภาพที่ 6-2 แสดงโบสถ์ ซานตามาเรีย เดอ กราซี


โบสถ์ซานตามาเรี ย เดอ กราซี (Santa Maria delle Grazie) โบสถ์ซานตา มาเรี ย เดล กราซี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1465 และ 1482 ออกแบบโดย กิลฟอร์ ท โครงสร้างโบสถ์แต่ด้ งั เดิมนั้นปั จจุบนั เหลือ เพียงรู ปแบบของแท่นบูชาห้องโถงกว้าง จากหน้าประตู และ ทางเดิน ซึ่ งได้ใช้ศิลปะแบบโกธิ ค ลอมบาร์ ค เป็ นต้นแบบ นับแต่ปี ค.ศ.1490 เรื่ อยมา ลูโดวิโก้ สโฟซ่า ได้ให้มีการปรับเปลี่ยน รู ปแบบสถาปั ตยกรรม เพื่อ ใช้เป็ นสุ สาน สาหรับครอบครัวของเขา ดยุคได้เล็งเห็นถึงความตั้งใจของเขาใน ซานตา มาเรี ย เดอ กราซี และ เรี ยกงานของเขาว่าเป็ นศิลปะที่ยงิ่ ใหญ่ที่สุด โดยเขาได้มอบหมายใ ห้ บรามันเต้ เป็ นผูส้ ร้าง หน้ามุข ขึ้น แทนที่ แท่นบูชา ล๊โอนาโด ได้รับมอบหมาย ให้วาดภาพอาหารมื้อสุ ดท้าย ขณะเดียวกัน คริ สโตโฟโร โซลา รี่ ได้ให้มอบหมายให้แกะสลักฝาหลุมฝังศพของลูวโิ ก้และแบทริ สภรรยาของเขาโดยให้อยูเ่ ป็ นศูนย์กลาง ของบริ เวณที่ขณะคณะขับร้องยืนภายในโบ สถ์ทุกวันนี้สถานที่แห่งนี้จดั เป็ นสุ ดยอดของงานและความ อลังการของศิลปะยุคเรอเนอซองส์ ของมิลาน แม้จะถูกปรับเปลี่ยนและถูกทาลาย 7. โบสถ์ วหิ าร ดูโอโม่ เมืองฟลอเรนซ์ (Ponte di Vecchio ) เดินขึ้นบันไดชมวิวราว 414 ขั้น

ภาพที่ 7-1 แสดงโบสถ์ วหิ าร ดูโอโม่


โบสถ์วหิ าร ดูโอโม่ เมืองฟลอเรนซ์ (Ponte di Vecchio ) เป็ นสถาปั ตยกรรมที่สวยงาม แห่ง หนึ่ง ในอิตาลี ผสมความลงตัวของศิลปะ ยุค ไมเคิลแองเจลโล อีกทั้งยังได้มีหอระฆังขนาดยักษ์ เคียงคู่ หอคอย ในโบสถ์ดว้ ย มีบนั ไดขึ้นไปชมวิวราว 414 ขั้น เพื่อให้ได้จุดที่สวย ชมวิวที่เหมาะสมกว่า เหมาะ สาหรับผูท้ ี่มีความอดทนเท่านั้น 8. โบสถ์ เมดิ ซี (Medici Chapel) ชมความงดงามภายในโบสถ์และวิหาร

ภาพที่ 8-1 แสดงโบสถ์ เมดิ ซี โบสถ์เมดิ ซี (Medici Chapel) โบสถ์ เมดิซี เป็ นส่ วนหนึ่งของวิหาร เดอ ซาน โลเรนโซ่ เดอ ฟี ราเซ่ ในนครฟลอเรนซ์ ประเทศ อิตาลี ส่ วนหน้าไม่เคยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามก็ไม่อาจปฏิเสธความงดงาม ภายในวิหารและโบสถ์เมดิซีได้ วิหารแห่งนี้เป็ นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในนครฟลอเรนซ์และอยูใ่ จกลางเมือง วิหาร เดอ ซานโลเรนโซ่ ได้รับการเสกในปี ค.ศ.393 และ 300 ปี ต่อมาได้รับการสถาปนาให้เ ป็ นโบสถ์กลาง เมือง และเป็ นที่ประทับของบิชอบผูน้ าศาสนา วิหารนี้ยงั เป็ นโบสถ์ทอ้ งถิ่นของตระกูลเมดิซี หนึ่งในตระกูล ของผูม้ ีอานาจในช่วงราวศตวรรษที่ 13 และ 17 ทั้งนี้ตระกูลเมดิซี เป็ นตระกูลที่มีอิทธิ พลต่อวัฒนธรรมในยุค ศิลปะเฟื่ องฟู และยืนยันถึงความรุ่ งเรื องของศิลป ะ ดนตรี ของสังคมในยุคเรอเนอซองส์ ของอิตาลี กล่าวได้ ว่าตระกูลเมดิซี มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้ นกับประวัติศาสตร์ ของฟลอเรนซ์ โดยมีโบสถ์ เมดิซี เป็ นดัง พินยั กรรมตกทอดความสัมพันธ์จวบจนทุกวันนี้


9. เวนิส(Venice) นัง่ เรื อชมความงามตอนกลางคืนภายในเมือง

ภาพที่ 9-1 แสดงเมืองเวนิส

ภาพที่ 9-2 แสดงเมืองเวนิส เวนิส (Venice) เวนิส เป็ นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากร 271,663 คน เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรี ยตริ ก เมืองแห่งสายน้ า เมืองแห่งสะพาน และ เมืองแห่ง แสงสว่างเมืองเวนิส ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จานวนมากเข้าด้วยกันในบริ เวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่ งเป็ นส่ วนหนึ่งของทะเลอาเดรี ยตริ ก ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ าเค็มนี้ต้ งั อยูบ่ ริ เวณชายฝั่ง ระหว่างปากแม่น้ าโปกับแม่น้ าพลาวิ มีผอู ้ ยูอ่ าศัยโดยประมาณ 272,000 คน ซึ่งนับรวมหมดทั้งเวนิส โดยมี 62,000 คนในบริ เวณเมืองเก่า 176,000 คนในเทอร์ราเฟอร์มา) และ 31,000 คนในเกาะอื่นๆ ในทะเลสาบ


10. หอเอนปิ ซา (Pisa Leaning Tower) เป็ นสถานที่เที่ยวที่พลาดไม่ได้ สามารถขึ้นไปบนยอดหอได้ และเปิ ดให้เที่ยวชม ศึกษาซากฟอสซิลของมนุษย์ได้ที่นี่

ภาพที่ 10-1 แสดงหอเอนปิ ซ่ า หอเอนปิ ซา (Pisa Leaning Tower) หอเอนปิ ซา ตั้งอยูท่ ี่เมืองปิ ชา ประเทศอิตาลี ซึ่ งสร้าง ด้วยหิ นอ่อน สู ง 181 ฟุต มี 8 ชั้น โดยเริ่ มสร้างเมื่อ ค .ศ. 1174 เสร็ จเมื่อปี ค.ศ.1350 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 176 ปี สาหรับหอเอนปิ ชานี้ ภายในมีเสาหิ นอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝี มือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคที่สลักลวดลาย ไว้สวยงามมาก ส่ วนสาเหตุที่เอียงนั้นเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสร้างเสร้จแล้ว ฐานได้ทรุ ดไปข้างหนึ่ง เมื่อวัดดู ปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 14 ฟุต แต่ก็ยงั ไม่ลม้ ยังคงเอียงอยูเ่ ช่นทุกวัน นี้ ณ ที่หอเอนปิ ซา แห่งนี้เป็ นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทาการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก หอเอนปิ ซา The Leaning Tower of Pisa เป็ นหอระฆังที่มีลกั ษณะเอียงเหมือนกับจะโค่นล้มภูเขาไฟวีสุเวียส ปอมเปอี ต้ งั อยูใ่ น ประเทศอิตาลี ใกล้กบั เมืองนาโปลี(เนเปิ ลส์) เหนืออ่าวเนเปิ ลส์ เป็ นภูเขาไฟที่ยงั ไม่ดบั เพียงแห่งเดียวในทวีป ยุโรปแผ่นดินใหญ่ มีความสู ง 1,281 เมตรปากปล่องมีเส้นรอบวง 1,400 เมตร ลึก 216 เมตร การระเบิดครั้ง สาคัญที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 24 สิ งหาคม ปี พ.ศ. 622 (ค.ศ. 79)เถ้าถ่านได้ทบั ถมเมืองปอมเปอีท้ งั เมืองแต่ การ ระเบิดครั้งสุ ดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944)เปิ ดให้เที่ยวชม ศึกษาซากฟอสซิลของมนุษย์ได้ที่นี่


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.