PRIN: Annual Report 2007

Page 1




สรุปข้อมูลทางการเงิน

จุดเด่นทางการเงิน (หน่วย : ล้านบาท)

ปี 2548

ปี 2549

ปี 2550

ฐานะทางการเงิน / Financial Position

สินทรัพย์รวม / Total Assets

3,196.99

4,395.97

5,848.52

หนี้สินรวม / Total Liabilities

1,748.09

2,589.84

3,620.93

ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม / Total Equity

1,448.91

1,806.13

2,227.58

ผลการดำเนินงาน / Operator Result

รายได้รวม / Total Revenue

2,325.34

2,960.52

2,611.24

รายได้จากการขาย / Revenue

2,312.40

2,948.73

2,585.46

ต้นทุนขาย / Cost of Good Sold

1,612.19

2,001.62

1,989.93

กำไรขั้นต้น / Gross Profit

700.21

947.10

595.53

กำไรสุทธิ / Net Profit

304.75

447.80

77.98

อัตราส่วนทางการเงิน / Financial Ratios

2.60

3.36

2.44

อัตรากำไรขั้นต้น (%) / Gross Profit Margin (%)

30.28

32.12

23.03

อัตราส่วนกำไรสุทธิ (%) / Net Profit Margin (%)

13.11

15.13

2.99

อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (%) / Return on Equity (%)

27.23

27.51

3.87

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (%) / Return on Assets (%)

11.45

11.80

1.52

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) / Debt on Equity (Times)

1.21

1.43

1.63

กำไรสุทธิต่อหุ้น (บาท) / Earning per Share (Baht)

0.56

0.67

0.09

มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น / Book Valuse per Share (Baht)

2.68

2.70

2.49

เงินปันผลจ่ายต่อหุ้น (บาท) / Devidend per Share (Baht)

0.18

0.27

*0.03

อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) / Current Ratio (Times)

หมายเหตุ : * เป็นอัตราเงินปันผลจ่ายต่อหุ้น โดยผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 มีมติ ให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2550 และให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2551 เพื่อขออนุมัติต่อไป

รายงานประจำปี 2550


สรุปข้อมูลทางการเงิน (ล้านบาท)

รายได้รวม

อัตรากำไรขั้นต้น (%)

รายงานประจำปี 2550


สรุปข้อมูลทางการเงิน กำไรสุทธิ (ล้านบาท)

สินทรัพย์รวม, หนี้สินรวม และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (ล้านบาท)

รายงานประจำปี 2550


สรุปข้อมูลทางการเงิน อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า)

อัตราตอบแทนจากสินทรัพย์ (%)

รายงานประจำปี 2550


สรุปข้อมูลทางการเงิน อัตราตอบแทนผู้ถือหุ้น (%)

เงินปันผลจ่ายต่อหุ้น (บาท)

รายงานประจำปี 2550



สาส์นจากคณะกรรมการบริษัท

รายงานประจำปี 2550

10


สาส์นจากคณะกรรมการบริษัท ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัท “เรามุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างมั่นคง เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีธรรมาภิบาล และเป็นบริษัทที่ ประสบความสำเร็จในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสินค้าภายใต้ชื่อของ ปริญสิริ ได้รับการ ยอมรับและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าอย่างมีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของลูกค้า ให้ความสุขกับทุก ๆ คนในครอบครัวและผู้มาเยือน อย่างไรก็ดี ในปี 2550 ที่ผ่านมา ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากความ ผันผวนและไม่แน่นอนในทางการเมืองภายในประเทศ ตลอดจนภาวะวิกฤตสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ ( SubPrime Mortgage Crisis ) ของสหรัฐอเมริกา ก่อให้เกิดการชะลอตัวในภาคการเงินและการบริโภคภายในประเทศ อันเป็น ผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมนี้โดยตรง และบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากสภาวะดังกล่าวเช่น เดียวกัน ซึ่งส่งผลให้ในปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 2,611.24 ล้านบาทลดลงจากปี 2549 เป็นจำนวนเงิน 349.28 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ บริษัทยังคงมีความ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีเจตนารมย์ในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีธรรมาภิบาล และประสบความสำเร็จในธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ท้ายที่สุดนี้ คณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน สถาบันการ เงิน สื่อมวลชน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ที่เชื่อมั่นและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทด้วยดีเสมอมา บริษัทขอสัญญาว่าจะ พัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และจะก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสียต่อไป นายมงคล เปาอินทร์ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการ ประธานกรรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ

11 รายงานประจำปี 2550




คณะกรรมการและคณะผู้บริหาร

รายงานประจำปี 2550

14


คณะกรรมการและคณะผู้บริหาร คณะกรรมการบริษัท 1. นายมงคล เปาอินทร์ 2. นายสุรพล ขวัญใจธัญญา 3. ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ 4. นางมุกดา อาริยวัฒน์ 5. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย 6. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย 7. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล 8. นายนำชัย วนาภานุเบศ 9. นายสกล เปาอินทร์

ประธานกรรมการ/กรรมการอิสระ กรรมการอิสระ/ประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการอิสระ/กรรมการตรวจสอบ กรรมการอิสระ/กรรมการตรวจสอบ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ/เลขานุการคณะกรรมการบริษัท

คณะผู้บริหาร 1. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย 2. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย 3. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล 4. นายนำชัย วนาภานุเบศ 5. นายสกล เปาอินทร์ 6. นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง

15 รายงานประจำปี 2550

กรรมการผู้จัดการ รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการสายงานบริหารกลุ่มโครงการ รักษาการสายงานขายและการตลาด ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานลูกค้าสัมพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชี การเงิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานอำนวยการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาองค์กร




รายงานคณะกรรมการตรวจสอบ

รายงานประจำปี 2550

18


รายงานคณะกรรมการตรวจสอบ เรียน ท่านผู้ถือหุ้น บริษัทปริญสิริ จำกัด (มหาชน)

คณะกรรมการตรวจสอบได้รับการแต่งตั้งขึ้น ตามมติคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2547 ประกอบด้วย กรรมการอิสระ 3 ท่าน คือ นายสุรพล ขวัญใจธัญญา เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ร้อยตำรวจโท ศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ เป็นกรรมการตรวจสอบ และ นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ เป็นกรรมการตรวจสอบ โดยมี นายสกล เปาอินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานอำนวยการของบริษัทเป็นเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ อนึ่ง นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการตรวจสอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550 เนื่องจากภารกิจของงานส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้น และคณะกรรมการบริษัทได้มีมติแต่งตั้ง นางมุกดา อาริยวัฒน์ เป็นกรรมการ ตรวจสอบแทนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2550 ในปี 2550 คณะกรรมการตรวจสอบจัดให้มีการประชุมทั้งสิ้น 5 ครั้ง มีการพิจารณาเรื่องสำคัญ สรุปได้ดังนี้ 1. สอบทานงบการเงินรายไตรมาสและประจำปี ก่อนเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาว่า ได้มีการปฏิบัติถูก ต้องตามมาตรฐานการบัญชี และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการระหว่างกัน รายการที่เกี่ยวโยงกัน รวมทั้ง รายการทีอ่ าจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์และได้มกี ารประชุมหารือกับผูส้ อบบัญชีโดยเฉพาะ จึงเห็นว่า มีการปฏิบตั งิ านอย่างอิสระและผลการตรวจสอบของผูส้ อบบัญชีเป็นไปตามหลักการบัญชีทรี่ บั รองทัว่ ไป 2. สอบทานระบบควบคุมภายในและการติดตามการแก้ไขข้อบกพร่องของระบบฯโดยส่วนงานตรวจสอบภายใน และพบว่าฝ่ายบริหารได้ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงมีความเห็นว่า บริษัทฯมีระบบควบคุมภายในที่เพียงพอ รวมทั้งได้กำกับดูแลการตรวจสอบภายในว่า เป็นไปตามแผนที่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงขององค์กร กับ ได้ติดตาม ผลการตรวจสอบและการพัฒนางานในด้านการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น 3. สอบทานรายงานผลการบริหารความเสี่ยงให้มีความเพียงพอและเหมาะสมโดยฝ่ายบริหารได้จัดตั้งคณะ กรรมการบริหารความเสี่ยงและได้รับการยืนยันว่า กระบวนการบริหารความเสี่ยงมีความเพียงพอและมีการ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 4. สอบทานให้บริษัทฯ ถือปฏิบัติตามข้อพึงปฏิบัติที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนดของทางการ 5. สอบทานและให้ความเห็นต่อการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ รวมทั้งพิจารณาการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องดังกล่าวให้มีความถูกต้องครบถ้วน 6. ประเมินความเป็นอิสระของผู้สอบบัญชี พิจารณาเสนอแต่งตั้งและเสนอค่าตอบแทนผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ 7. คณะกรรมการตรวจสอบได้มีการประเมินผลการดำเนินงานของตนเองสำหรับปี 2550 ผลของการประเมินอยู่ ในระดับที่พอใจและได้รายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบแล้ว

19 รายงานประจำปี 2550


รายงานคณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบสามารถขอข้อมูลได้โเพียงพอและสามารถปรึกษาหารือเป็นการเฉพาะกับฝ่ายจัดการ สำนักตรวจสอบและควบคุมภายใน ผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาภายนอก คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่า งบการเงิน ของบริษัทฯ ได้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป มีการเปิดเผยข้อมูล การทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน อย่างถูกต้องครบถ้วน มีการปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนดของทางการและมีระบบควบคุมภายในที่เพียงพอสำหรับระบบงาน ที่ได้มีการประเมินประสิทธิผลของการควบคุมภายในไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี อย่างต่อเนื่อง สำหรับปี 2550 คณะกรรมการตรวจสอบ พอใจกับผลการประเมินความเป็นอิสระของผู้สอบบัญชี และได้เสนอ ต่อคณะกรรมการบริษัท ให้แต่งตั้ง นางสุวิมล กฤตยาเกียรณ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขทะเบียน 2982 หรือ นางสาว สมจินตนา พลหิรัญรัตน์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขทะเบียน 5599 แทน นางวิไลรัตน์ โรจน์นครินทร์ ผู้สอบบัญชีรับ อนุญาต เลขทะเบียน 3104 ทีค่ รบวาระเป็นผูส้ อบบัญชี 5 รอบปีบญ ั ชี จากสำนักงานสอบบัญชี ดี ไอ เอ เป็นผูส้ อบบัญชีขอ งบริษัทฯ ต่อไปอีกหนึ่งวาระสำหรับปี 2551 เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติต่อไป (นายสุรพล ขวัญใจธัญญา) ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ 15 กุมภาพันธ์ 2551 ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ นางมุกดา อาริยวัฒน์ กรรมการตรวจสอบ กรรมการตรวจสอบ

รายงานประจำปี 2550

20



ข้อมูลทั่วไปของบริษัท

รายงานประจำปี 2550

22


ข้อมูลทั่วไปของบริษัท

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท

ชื่อบริษัท : ชื่อย่อหลักทรัพย์ : ประเภทธุรกิจ : ที่ตั้งสำนักงาน : ทะเบียนเลขที่ : โฮมเพจบริษัท : โทรศัพท์ : โทรสาร : หลักทรัพย์ของบริษัท :

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) PRIN พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 123 อาคารซันทาวเวอร์ส ชั้น 12 อาคารเอ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 0107574700320 www.prinsiri.com 0-2617-6900 0-2617-6910-1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ทุนจดทะเบียน 1,340,000,000 บาท ประกอบด้วยหุน้ สามัญจำนวน 1,340,000,000 หุน้ มูลค่าทีต่ ราไว้หนุ้ ละ 1 บาท ทุนที่ออกและชำระแล้ว 1,005,000,000 บาท ประกอบด้วยหุน้ สามัญจำนวน 1,005,000,000 หุน้ มูลค่าทีต่ ราไว้หนุ้ ละ 1 บาท

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทย่อย

ชื่อบริษัทย่อย : ประเภทธุรกิจ : ที่ตั้งสำนักงาน : ทะเบียนเลขที่ : โทรศัพท์ : โทรสาร : หลักทรัพย์ของบริษัทย่อย :

23 รายงานประจำปี 2550

บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 123 อาคารซันทาวเวอร์ส ชั้น 12 อาคารเอ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 0105548055398 0-2255-9401 0-2201-3370-1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 10,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทุนที่ออกและชำระแล้ว 100,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 100,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท


ข้อมูลทั่วไปของบริษัท ชื่อบริษัทย่อย : ประเภทธุรกิจ : ที่ตั้งสำนักงาน : ทะเบียนเลขที่ : โทรศัพท์ : โทรสาร : หลักทรัพย์ของบริษัทย่อย :

ชื่อบริษัทย่อย

: ประเภทธุรกิจ : ที่ตั้งสำนักงาน : ทะเบียนเลขที่ : โทรศัพท์ : โทรสาร : หลักทรัพย์ของบริษัทย่อย :

บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด รับเหมาก่อสร้าง และจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 609/154 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230 0105545057390 0-2933-9822-5 0-2933-6768 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ทุนที่ออกและชำระแล้ว 10,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่รอการพัฒนา 123 อาคารซันทาวเวอร์ส ชั้น 12 อาคารเอ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 0105550062410 0-2617-6900 0-2617-6910-1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 20,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ทุนที่ออกและชำระแล้ว 2,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 20,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท

ข้อมูลบุคคลอ้างอิง

ชื่อนายทะเบียนหุ้น : ที่ตั้งสำนักงาน : โทรศัพท์ : โทรสาร : ชื่อผู้สอบบัญชี : ที่ตั้งสำนักงาน : โทรศัพท์ : โทรสาร :

บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด 62 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 0-2569-6309 0-2832-4994-5 สำนักงานสอบบัญชี ดี ไอ เอ 316/32 ซอยสุขุมวิท 22 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 0-2259-5300 0-2260-1553

รายงานประจำปี 2550

24



ลักษณะการประกอบธุรกิจ

รายงานประจำปี 2550

26


ลักษณะการประกอบธุรกิจ ลักษณะการประกอบธุรกิจ

ประวัติความเป็นมา

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2543 ด้วยทุน

จดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 5 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และประเภท อาคารชุดพักอาศัย บริษัทได้รับรางวัลการออกแบบบ้านดีเด่น “Awards of Merit” ในปี 2544 และ ปี 2547 จากงาน PCBC (Pacific Coast Builders Conference) ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับรางวัลชมเชย “บ้านจัดสรรอนุรักษ์ พลังงาน ปี 2550” จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ในปี 2550 บริษัทมีทุนจด ทะเบียนชำระแล้ว 1,005 ล้านบาท

พัฒนาการที่สำคัญ

ปี 2549

• บริษทั ทำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และขาย ประเภทอาคารชุดพักอาศัย ชือ่ โครง การเดอะพัลซ์ คอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 44 เป็นโครงการแรก • บริษัทและบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) เพิ่มเงินลงทุนในบริษัท ปริญเวน เจอร์ จำกัด “บริษัทย่อย” อีก 2 ครั้ง เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ ทำให้บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 76.25 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมี สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51.00 • บริษัทให้เงินกู้กับบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด “บริษัทย่อย” ตามสัดส่วนการ ถือหุ้น เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทมียอดการให้เงินกู้รวม 248.28 ล้านบาท

ปี 2550

• บริษทั ทำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และขาย ประเภทอาคารชุดพักอาศัย โดยสร้าง ตราสินค้าเพิม่ ภายใต้ชอื่ “เดอะคอมพลีท” และ “สมาร์ทคอนโด” • บริษัททำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และขาย ประเภทบ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น โดยสร้างตราสินค้าเพิ่มภายใต้ชื่อ “ปริญญดา ไลท์”, “ปริญลักษณ์ ไลท์” ตามลำดับ • บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 335 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคา เสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,340 ล้านบาท และมี ทุนชำระแล้ว 1,005 ล้านบาท • บริษัทจัดตั้ง บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจค้า อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.97 และมีทุนจดทะเบียน ชำระแล้ว 2 ล้านบาท • บริษทั ให้เงินกูก้ บั บริษทั ปริญเวนเจอร์ จำกัด “บริษทั ย่อย” ตามสัดส่วนการถือหุน้ เพือ่ นำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษทั มียอดการ ให้เงินกูร้ วม 255.00 ล้านบาท • บริษัทให้เงินกู้กับบริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด “บริษัทย่อย” เพื่อ นำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมียอดการให้ เงินกู้รวม 56.00 ล้านบาท • บริษัทได้รับรางวัลชมเชย “บ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน ปี 2550” จากกรม พัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน

27 รายงานประจำปี 2550


ลักษณะการประกอบธุรกิจ ภาพรวมการประกอบธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) “บริษัท” และบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด “บริษัทย่อย” ประกอบธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และประเภทอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้พัฒนาโครงการและเป็นเจ้าของ โครงการ โดยเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวความคิด “เสน่ห์ของบ้าน...ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ” ในปี 2550 บริษัทมีสัดส่วนการขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทหมู่บ้านจัดสรรร้อยละ 96.65 ของรายได้รวม โดยในปี 2550 บริษัทไม่มี สัดส่วนการขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพักอาศัยเนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนา ปัจจุบันถือได้ว่าบริษัท เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับ และความไว้วางใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากภายใต้แบรนด์ “ปริญสิริ” ไม่ว่า จะเป็น ด้านทำเลที่ตั้งโครงการที่ดี ด้านผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม และด้านบริการหลังการขายที่ดี บริษัทได้มี การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของลูกค้ามาก ที่สุด เช่น การออกแบบรูปแบบโครงการ ผังโครงการ รูปแบบบ้าน ประโยชน์ใช้สอย ทำเลที่ตั้งโครงการ การคัดสรรวัสดุ ก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งที่มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในแต่ละโครงการ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทยังได้รับรางวัล การออกแบบบ้านดีเด่น “Awards of Merit” ในปี 2544 และปี 2547 จากงาน PCBC (Pacific Coast Builders Conference) ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับรางวัลชมเชย “บ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน ปี 2550” จากกรมพัฒนา พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน บริษัท และบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด “บริษัทย่อย” มีนโยบายในการดำเนินงานที่แยกกันอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะ มีประเภทของผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันก็ตาม ซึ่งที่ดินที่นำมาพัฒนาโครงการของบริษัทนั้น บริษัทจะเป็นผู้จัดหาและตัดสินใจใน การซื้อที่ดินเอง ส่วนที่ดินที่นำมาพัฒนาโครงการของบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ที่ดินที่นำมาพัฒนาจะมาจากบริษัท ยูนิเวน เจอร์ จำกัด (มหาชน) “ผู้ร่วมทุน” (โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ร้อยละ 49.00 ของทุนจด ทะเบียนชำระแล้ว) จะเป็นผู้จัดหาและนำมาเสนอเพื่อตัดสินใจในการซื้อที่ดินร่วมกัน โดยบริษัทจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ ดำเนินการก่อสร้าง และรับผิดชอบด้านการขายให้แก่บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด โดยมีค่าตอบแทนในการดำเนินการดังกล่าว อีกทั้งโครงการของบริษัทและบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด จะใช้ชื่อของโครงการในแต่ละผลิตภัณฑ์ที่ต่างกันอีกด้วย บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด “บริษัทย่อย” ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และจำหน่ายวัสดุก่อสร้างประเภท ปูน, สี, เหล็ก และไม้ เป็นต้น ให้กับบริษัทและผู้รับเหมาก่อสร้างของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ ในปี 2550 มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง และจำหน่ายวัสดุก่อสร้างประมาณร้อยละ 81.11 และร้อยละ 18.57 ตามลำดับ บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด “บริษัทย่อย” ประกอบธุรกิจค้าและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยส่วน ใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดิน และจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 โดยในปี 2550 บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังไม่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,005.00 ล้านบาท “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” 99.99 % 99.97 % 51.00 % บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100.00 ล้านบาท “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์”

ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 10.00 ล้านบาท “รับเหมาก่อสร้างและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง”

ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2.00 ล้านบาท “ค้าและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์”

รายงานประจำปี 2550

28


ลักษณะการประกอบธุรกิจ โครงสร้างรายได้ของบริษัท

โครงสร้างรายได้ของบริษัท และบริษัทย่อย รายได้ บ้านเดี่ยวตลาดบน

ผู้ดำเนินการ

2548 งบการเงินรวม ล้านบาท ร้อยละ

2549 งบการเงินรวม ล้านบาท ร้อยละ

2550 งบการเงินรวม ล้านบาท ร้อยละ

ปริญสิริ

428.38

18.42

127.36

4.30

121.22

4.64

บ้านเดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝด

ปริญสิริ/ปริญเวนเจอร์

1,312.46

56.44

1,526.09

51.55

1,321.88

50.62

ทาวน์เฮ้าส์/โฮมออฟฟิศ

ปริญสิริ/ปริญเวนเจอร์

419.80

18.05

890.65

30.08

1,080.74

41.39

-

-

318.56

10.76

-

-

80.38

3.46

-

-

-

-

2,241.02

96.37

2,862.66

96.69

2,523.84

96.65

อาคารชุดพักอาศัย

ปริญสิริ

ที่ดินเปล่า

ปริญสิริ/ซีเอ็น เอสพีอาร์

รวมรายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์

ปริญสิริ/ปริญเวนเจอร์

รายได้จากการขายสินค้า

โกรโยธากรุ๊ป

71.39

3.07

86.07

2.91

61.62

2.36

บริษัท/บริษัทย่อย

12.94

0.56

11.79

0.40

25.78

0.99

2,325.35 รวมรายได้ทั้งสิ้น หมายเหตุ: บ้านเดี่ยวตลาดบน ราคาขายตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป บ้านเดี่ยวตลาดกลาง ราคาขายตั้งแต่ 3 – 7 ล้านบาท

100.00

2,960.52

100.00

2,611.24

100.00

รายได้อื่น

บริษัท มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 มีสัดส่วนรายได้ จากการขายอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 96.37, 96.69 และ 96.65 ของรายได้รวม ทั้งนี้เป็นรายได้ที่มาจากการขาย บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 74.86, 55.85 และ 55.26 ของรายได้รวมตามลำดับ รองลงมาเป็น ทาวน์เฮ้าส์และโฮมออฟฟิศ คิดเป็นร้อยละ 18.05, 30.08 และ 41.39 ของรายได้รวมตามลำดับ ในส่วนของอาคารชุดพักอาศัย (Condominium) บริษัทเริ่มมีรายได้ในปี 2549 โดยมีรายได้จากการขายอาคารชุด พักอาศัยซึ่งเป็นโครงการแรก ชื่อโครงการเดอะพัลซ์ คอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 44 จำนวน 318.56 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 10.76 ของรายได้รวม ส่วนในปี 2550 ไม่มีรายได้จากการขายอาคารชุดพักอาศัย เนื่องจากบริษัทเริ่มเปิดขาย โครงการอาคารชุดพักอาศัยใหม่และอยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง ทั้งนี้มีจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ เดอะคอมพลีท นราธิวาส, เดอะคอมพลีท ราชปรารภ, เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37 และ สมาร์ทคอนโด พระราม 2 ส่วนบริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด (บริษัทย่อย) เริ่มมีรายได้จากการขายวัสดุก่อสร้างในปี 2548 จากการจำหน่าย วัสดุก่อสร้างประเภท ปูน, สี, เหล็ก และ ไม้ เป็นต้น โดยในปี 2548, ปี 2549 และ ปี 2550 มีสัดส่วนการขายสินค้า ร้อยละ 3.07, 2.91 และ 2.36 ของรายได้รวมตามลำดับ สำหรับรายได้อื่น ส่วนใหญ่มาจากเงินค่าจองบ้านที่ลูกค้าที่ไม่มาทำสัญญาเมื่อถึงกำหนดเวลา ค่างวดผ่อนชำระที่ ลูกค้าชำระมาระยะหนึ่งแล้วหยุดชำระโดยไม่มาติดต่อบริษัท และค่าปรับงานก่อสร้างล่าช้าจากผู้รับเหมาของบริษัท

29 รายงานประจำปี 2550


ลักษณะการประกอบธุรกิจ เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท จากการมุ่งเน้นความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย รวมทั้งการทำให้ได้การยอมรับและความไว้วางใจ จากผู้บริโภคภายใต้ตราสินค้า “ปริญสิริ” บริษัทจึงมุ่งเน้น การคัดเลือกที่ดินในทำเลที่ดีมีความโดดเด่น การพัฒนาและ ปรับปรุงรูปแบบโครงการ, แบบบ้าน และคุณภาพของงานก่อสร้าง รวมไปถึงการคัดสรรวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในงานก่อสร้าง ที่มีคุณภาพดีเหมาะสมในแต่ละโครงการ อีกทั้งยังมุ่งเน้นการบริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย บริษัทมีเป้าหมายในการขยาย โครงการในอนาคต โดยยังคงเน้นการพัฒนาโครงการประเภทหมู่บ้านจัดสรร และโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัย เพือ่ สามารถเข้าถึงและครอบคลุมลูกค้ากลุม่ เป้าหมายได้อย่างทัว่ ถึง บริษทั ตัง้ เป้าหมายการจัดซือ้ ทีด่ นิ ปีละประมาณ 8-12 โครงการ เพื่อนำมาพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในแต่ละปี ซึ่งในปี 2550 บริษัทได้จัดซื้อที่ดินทั้งสิ้นจำนวน 10 โครงการ ในด้านการตลาดบริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้างการรับรู้ในตราสินค้า (Brand Awareness) ที่เป็น Corporate Brand ใน ชื่อ “ปริญสิริ” และ Product Brand ในชื่อ “สิริทาวารา”, “ปริญญดา”, “ปริญลักษณ์”, “ปริญญดา ไลท์”, “ปริญ ลักษณ์ ไลท์”, “เดอะพัลซ์”, “เดอะคอมพลีท” และ “สมาร์ทคอนโด” ให้มากขึ้น โดยเน้นให้ผู้บริโภครับรู้ถึง บ้านของปริญ สิริที่เป็นคำว่า “บ้าน” อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นศูนย์รวมของครอบครัว และความอบอุ่น ภายใต้ แนวความคิด “เสนห์ของ บ้าน...ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ” โดยผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุ, นิตยสาร, หนังสือพิมพ์, ป้ายโฆษณา และแผ่นพับ เป็นต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างความต้องการของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ของบริษัท ลักษณะผลิตภัณฑ์ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และประเภทอาคาร ชุดพักอาศัย เพื่อจำหน่าย โดยบริษัทจะเป็นผู้พัฒนาโครงการและเป็นเจ้าของโครงการ สำหรับทำเลที่ตั้งโครงการที่เลือกนำมา พัฒนานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งชุมชนที่มีระบบสาธารณูปโภคและ สาธารณูปการต่าง ๆ ไว้รองรับการพัฒนาอย่างครบครัน ทั้งระบบไฟฟ้า ระบบประปา การสื่อสาร การคมนาคมขนส่งที่ สะดวก ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่บริษัททำการพัฒนาจะใช้ตราสินค้า “ปริญสิริ” ภายใต้แนวความคิด “เสน่ห์ของบ้าน...ที่เป็น มิตรกับธรรมชาติ” รูปตราสินค้าของบริษัท บริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าเป็นอย่างมาก โดยผสานทุกรายละเอียด ทุกความประณีต ด้วยวัสดุคุณภาพที่ คัดสรรด้วยความตั้งใจในทุกองค์ประกอบของบ้าน อีกทั้งยังมีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในทุก ๆ ขั้นตอน รวมทั้งมี การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ปัจจุบันการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท จะให้ชำระเงินจอง เงินดาวน์ และเงินทำสัญญา จากลูกค้ารวมทั้งสิ้นประมาณ ร้อยละ 10 – 30 ของราคาขาย สำหรับระยะเวลาการผ่อนชำระเงินดาวน์ประมาณ 3 – 8 งวด ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการ ก่อสร้างและการตกลงกันระหว่างลูกค้ากับบริษัท การส่งมอบบ้านและการโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้กับลูกค้าจะกำหนดในวันทำ สัญญาและจะระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมของลูกค้าแต่ละรายด้วย รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภทมีดังนี้

รายงานประจำปี 2550

30


ลักษณะการประกอบธุรกิจ 1. ประเภทหมู่บ้านจัดสรร การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทหมู่บ้านจัดสรรเพื่อจำหน่ายของบริษัทนั้น เป็นการพัฒนาโครงการในลักษณะ แนวราบ ซึ่งตัวผลิตภัณฑ์จะมีลักษณะเป็นบ้านหรืออาคารที่สูงไม่เกิน 4 ชั้น โดยรูปแบบบ้านหรืออาคาร และรูปแบบ โครงการ ในแต่ละโครงการจะแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของสถานที่ตั้งของโครงการและความต้องการของลูกค้า ซึ่งในแต่ละโครงการที่บริษัทพัฒนานั้นจะมีสาธารณูปโภคโครงการอย่างครบครัน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกและการรักษา ความปลอดภัย เช่น สโมสร สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ทั้งนี้โครงการประเภทหมู่บ้าน จัดสรรของบริษัทยังแบ่งออกเป็นแต่ละเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม โดยจะใช้ชื่อโครงการที่ต่างกัน ออกไป ซึ่งแบ่งออกได้อีกดังนี้ (1) บ้านเดี่ยว (Single Detached Home) (1.1) บ้านเดี่ยวตลาดบน

ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : ระดับราคา : กลุ่มลูกค้า :

สิริทาวารา 7.0 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง

รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์บ้านเดี่ยวตลาดบน

31 รายงานประจำปี 2550


ลักษณะการประกอบธุรกิจ (1.2) บ้านเดี่ยวตลาดกลาง ตราสัญลักษณ์โครงการ: ชื่อโครงการ: ปริญญดา ระดับราคา: 3.0 – 7.0 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างสูง รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์บ้านเดี่ยวตลาดกลาง

(2) บ้านแฝด (Semi Detached Home) ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : ปริญญดา ไลท์ ระดับราคา : 2.00 – 4.00 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์บ้านแฝด

รายงานประจำปี 2550

32


ลักษณะการประกอบธุรกิจ (3) ทาวน์เฮ้าส์และโฮมออฟฟิศ (Town House & Home Office) (3.1) ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : ปริญลักษณ์ ระดับราคา : 1.5 – 3.0 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น

(3.2)

33 รายงานประจำปี 2550

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : ปริญลักษณ์ ไลท์ ระดับราคา : 1.00 – 2.50 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง


ลักษณะการประกอบธุรกิจ รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น

(3.3) โฮมออฟฟิศ ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : ปริญลักษณ์, ปริญลักษณ์ ไลท์ ระดับราคา : 2.00 – 4.00 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์โฮมออฟฟิศ

รายงานประจำปี 2550

34


ลักษณะการประกอบธุรกิจ 2.ประเภทอาคารชุดพักอาศัย การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพักอาศัยเพื่อจำหน่ายของบริษัทนั้น เป็นการพัฒนาโครงการใน ลักษณะแนวสูง ซึ่งตัวผลิตภัณฑ์จะมีลักษณะเป็นอาคารชุดพักอาศัยที่สูง 8 ชั้นขึ้นไป โดยรูปแบบอาคารชุดพักอาศัย และรูป แบบโครงการ ในแต่ละโครงการจะแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของสถานที่ตั้งของโครงการและความต้องการของ ลูกค้า ซึ่งในแต่ละโครงการที่บริษัทพัฒนานั้นจะมีสาธารณูปโภคโครงการอย่างครบครัน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกและการ รักษาความปลอดภัย เช่น สระว่ายน้ำล้อมด้วยสวนสวย ลิฟท์ ระบบจานดาวเทียม ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัยของบริษัทยังแบ่งออกเป็นแต่ละลักษณะของผลิตภัณฑ์ โดยจะใช้ชื่อโครงการที่ต่างกัน ออกไป ซึ่งแบ่งออกได้อีกดังนี้ (1) อาคารชุดพักอาศัยประเภทระดับความสูงของอาคารไม่เกิน 9 ชั้น (Low Rise) ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : เดอะพัลซ์ ระดับราคา : 1.29 – 3.60 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุม่ ลูกค้าทีม่ รี ายได้ปานกลาง ถึงรายได้คอ่ นข้างสูง รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาคารชุดพักอาศัยไม่เกิน 9 ชั้น (เดอะพัลซ์)

35 รายงานประจำปี 2550


ลักษณะการประกอบธุรกิจ

ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : สมาร์ทคอนโด ระดับราคา : 0.69 - 1.00 ล้านบาท กลุ่มลูกค้า : กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง

รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาคารชุดพักอาศัยไม่เกิน 9 ชั้น (สมาร์ทคอนโด)

รายงานประจำปี 2550

36


ลักษณะการประกอบธุรกิจ (2) อาคารชุดพักอาศัยประเภทระดับความสูงของอาคารเกิน 9 ชั้น (High Rise) ตราสัญลักษณ์โครงการ : ชื่อโครงการ : เดอะคอมพลีท ระดับราคา : 1.79 – 12.00 ล้านบาท กลุม่ ลูกค้าทีม่ รี ายได้ปานกลาง ถึงรายได้คอ่ นข้างสูง กลุ่มลูกค้า : รูปตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาคารชุดพักอาศัยเกิน 9 ชั้น (เดอะคอมพลีท)

37 รายงานประจำปี 2550


ลักษณะการประกอบธุรกิจ การตลาด

จากกลยุทธ์ระดับธุรกิจ (Business Strategy) ที่บริษัทใช้กลยุทธ์การมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างให้ กับผลิตภัณฑ์และบริการ (Differentiation-base Focus) ทั้งยังมุ่งเน้นให้เกิดความเชื่อมั่นในบริษัทและผลิตภัณฑ์กับผู้บริโภค ดังนั้นในด้านการตลาดของบริษัทจึงมีกลยุทธ์การแข่งขันโดยแบ่งออกได้ดังนี้ (1) ด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทให้ความสำคัญอย่างมากในกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างในตัว ผลิตภัณฑ์ภายใต้สโลแกน “เสน่ห์ของบ้าน...ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ” เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความต้องการที่แตก ต่างกัน เช่น ทำเลที่ตั้งโครงการ รูปแบบโครงการ รูปแบบบ้าน ขนาดพื้นที่ใช้สอย เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้แยกผลิตภัณฑ์ภายใต้ ชื่อโครงการที่แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อที่อยู่อาศัยได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด เพื่อตอบสนองความพึง พอใจและรองรับความต้องการขอลูกค้าให้ได้สูงสุด จากการควบคุมการทำงานในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลที่ตั้งใน การซื้อที่ดิน การออกแบบบ้าน การออกแบบโครงการและสภาพแวดล้อม การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสินค้า และการ ก่อสร้าง รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจาก ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นแบบบ้านที่สวยงาม ความลงตัวของพื้นที่ใช้สอย รูปแบบโครงการและสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น ความปราณีต ในการก่อสร้าง การเลือกใช้วัสดุที่ดีได้มาตรฐาน (2) การกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ บริษทั มีนโยบายในการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับราคาตลาด และสามารถแข่งขันกับคูแ่ ข่งขัน ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงการอื่น ๆ บนทำเลเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับโครงการของบริษัท ทั้งนี้ยังคำนึงถึงคุณภาพ สินค้า และต้นทุนโครงการ เช่น ค่าที่ดิน ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายทางการตลาด เป็นต้น (3) การส่งเสริมการตลาด กลยุทธ์ในการส่งเสริมการตลาด เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ และนำมาใช้แข่งขันกับ คู่แข่งขัน เพื่อสร้างการรับรู้ต่อตราสินค้าของบริษัท (Brand Awareness) โดยใช้เพื่อจูงใจให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ เพื่อเตือนความทรงจำในสินค้า อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทอีกด้วย บริษัท ได้นำเครื่องมือการส่งเสริมการตลาดที่สำคัญมาใช้ดังนี้ การโฆษณา, การขายโดยใช้พนักงานขาย, การส่งเสริมการขาย, การตลาดทางตรง และการตลาดทางอ้อม สำหรับในรอบปี 2550 บริษัททำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า เป้าหมายของบริษัทมากที่สุด ซี่งมีรายละเอียดดังนี้ กลยุทธ์ Above the line - โฆษณาผ่านสือ่ วิทยุ ด้วยแนวความคิด “Prinsiri Angle” เพือ่ ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กบั บริษทั และสือ่ ถึงความอบอุน่ ของครอบครัวในทุก ๆ โครงการของบริษทั - โฆษณาผ่านสือ่ โทรทัศน์ ด้วยภาพยนต์โฆษณาชุด “สมาร์ทคอนโด พระราม 2” เพือ่ ถ่ายทอด มุมมองความแตกต่างในหลาย ๆ ด้านของอาคารชุดพักอาศัยทีบ่ ริษทั เป็นผูพ้ ฒ ั นา - โฆษณาผ่านนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ - จัดส่ง SMS ข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการใหม่ รวมไปถึงรายการส่งเสริม การขาย ที่มีในขณะนั้น ไปยังโทรศัพท์มือถือของลูกค้า

รายงานประจำปี 2550

38


ลักษณะการประกอบธุรกิจ

กลยุทธ์ Below the line - โฆษณาผ่านสื่อป้ายโฆษณา (Cut Out) โดยเลือกขึ้นป้ายตามถนนสายสำคัญที่อยู่โดยรอบ บริเวณโครงการของบริษทั เพือ่ ใช้ในการดึงลูกค้ากลุม่ เป้าหมายเข้าเยีย่ มชมโครงการของบริษทั - โฆษณาผ่านสื่อเว็ปไซด์ www.prinsiri.com - กิจกรรม Road Show โดยใช้ Mascot Teddy Bear Family ที่จัดทำขึ้นเป็นแบบเฉพาะ ของปริญสิริ ออกประชาสัมพันธ์แนะนำโครงการต่าง ๆ และให้ข้อมูลแก่ลูกค้า - จัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัท และเชิญลูกค้าเป้าหมายเข้า ร่วมกิจกรรมด้วย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท - จัดบู๊ธออกงาน ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น งานมหกรรมบ้านและคอนโด, ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการต่าง ๆ ของบริษัทให้กับลูกค้า ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทยังสร้างตราสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นและทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ ง่ายต่อการจดจำผลิตภัณฑ์ของบริษัทอีก 4 ตราสินค้า ได้แก่ตราสินค้าประเภทอาคารชุดพักอาศัย โดยสร้างตราสินค้าเพิ่ม ภายใต้ชอื่ “เดอะคอมพลีท” และ “สมาร์ทคอนโด” ตราสินค้าประเภทบ้านแฝด โดยสร้างตราสินค้าเพิม่ ภายใต้ชอื่ “ปริญญดา ไลท์” และตราสินค้าประเภททาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น โดยสร้างตราสินค้าเพิ่มภายใต้ชื่อ “ปริญลักษณ์ ไลท์” (4) ต้นทุนผลิตภัณฑ์ บริษัทมีการบริหารต้นทุนผลิตภัณฑ์ ที่มุ่งเน้นในการควบคุมราคาต้นทุนในการพัฒนาโครงการ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและเพื่อให้ราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ โดย เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกที่ดินและจัดซื้อที่ดินให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม การวิจัยและพัฒนาในการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างและ อุปกรณ์ตกแต่ง ที่มีคุณภาพดีและได้มาตรฐานโดยมีต้นทุนไม่เกินจากที่ได้กำหนดไว้ การพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีในการ ก่อสร้างเพื่อควบคุมต้นทุนในการก่อสร้าง ทั้งนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้นอีกด้วย (5) การบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจซื้อ ผลิตภัณฑ์ บริษัทจึงมีการบริการหลังการขายสำหรับผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังนี้ - รับประกันคุณภาพของบ้านระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า สำหรับ ความบกพร่องที่เกิดจากการก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่ง - ทำประกันการโจรกรรมให้กับลูกค้าที่ซื้อบ้านของบริษัทเป็นระยะเวลา 1 ปี การจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการ การก่อสร้างโครงการของบริษัทในทุก ๆ โครงการ บริษัทจะเป็นผู้พัฒนาโครงการและเป็นเจ้าของโครงการ โดย เริ่มตั้งแต่การจัดซื้อที่ดิน การออกแบบบ้านและโครงการ การยื่นขออนุญาตจัดสรร การยื่นขออนุญาตก่อสร้าง การดำเนิน การก่อสร้าง การควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบคุณภาพ จนถึงการขาย การดำเนินการก่อสร้างในแต่ละโครงการจะใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของโครงการ ขนาด รูปแบบ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามระยะเวลาในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆ มีระยะเวลาในการก่อสร้างดังนี้ การก่อสร้างบ้านแต่ละหลังจะใช้เวลาประมาณ 6 – 7 เดือน การก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์ และโฮมออฟฟิศแต่ละแถวจะใช้เวลา ประมาณ 7 - 8 เดือน การก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยจะใช้เวลาประมาณ 11 – 24 เดือน

39 รายงานประจำปี 2550


ลักษณะการประกอบธุรกิจ นโยบายการผลิต บริษัทมีนโยบายการผลิตในการเพิ่มหรือลดกำลังการผลิตตามความสอดคล้องกับความต้องการที่อยู่ อาศัยของผู้บริโภคในแต่ละโครงการ ทั้งนี้การดำเนินการก่อสร้างบริษัทจะว่าจ้างผู้รับเหมาเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้นหากในขณะ ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละโครงการเพิ่มขึ้น บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตโดยการจ้างผู้รับเหมาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ สัมพันธ์กับความต้องการของลูกค้าได้ และเพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพในการก่อสร้างให้มีคุณภาพที่ดีในระดับมาตรฐาน เดียวกัน บริษัทจึงมีนโยบายในการควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบคุณภาพ ดังนี้ (1) กำหนดมาตรฐานการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ให้กับผู้รับเหมา (2) จัดการประชุมแผนการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาก่อนเริ่มงาน (3) จัดให้มีวิศวกรโครงการ และหัวหน้าผู้ควบคุมงานประจำแต่ละโครงการ เพื่อควบคุมแผนการ ก่อสร้างและตรวจรับงานของผู้รับเหมา (4) จัดให้มีฝ่ายควบคุมคุณภาพ โดยจะเข้าทำการตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้างทั้งหมด ให้ตรงตาม มาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ การจัดซื้อที่ดิน ที่ดินนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการนำมาพัฒนาและก่อสร้างโครงการ โดยค่าที่ดินคิดเป็นประมาณ ร้อยละ 40 – 50 ของต้นทุนรวมผลิตภัณฑ์ บริษัทจึงมีนโยบายในการจัดซื้อที่ดิน โดยมุ่งเน้นที่ดินที่มีศักยภาพและสามารถนำมาพัฒนาได้ทันที โดยมี ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อที่ดิน เช่น ศักยภาพในทำเลที่ตั้งของที่ดิน ราคาที่ดิน ผังเมือง ข้อจำกัดทางกฏหมาย ทิศ ทางการเติบโตของแหล่งที่อยู่อาศัย เส้นทางการพัฒนาและการขยายตัวของเขตเมือง คู่แข่ง เป็นต้น สำหรับที่ดินที่บริษัทจัด ซื้อนั้นมาจากช่องทางต่าง ๆ คือ นายหน้าค้าที่ดิน เจ้าของที่ดิน และพนักงานของบริษัท เพื่อให้การจัดซื้อที่ดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนการซื้อที่ดินทุกครั้งบริษัทจะทำการศึกษาถึงความ เป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) โดยจัดทำเป็นรายงานเพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาของคณะกรรมการ บริหาร ในการอนุมัติจัดซื้อที่ดินที่จะจัดซื้อดังกล่าว การคัดเลือกและว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง การดำเนินการงานก่อสร้าง บริษัทจะว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้ดำเนินการ โดยบริษัทจะจัดวิศวกร โครงการและหัวหน้าผู้ควบคุมงานซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทเข้าประจำตามโครงการต่าง ๆ เพื่อคอยดูแลและควบคุมงานของ ผู้รับเหมาก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนและมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้ การคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหม่ บริษัทจะพิจารณาจากประสบการณ์ ผลงานและคุณภาพงานใน อดีต ฐานะทางการเงิน เป็นต้น สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างที่เคยรับเหมาก่อสร้างกับบริษัทแล้ว บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของผู้รับเหมาไว้เป็นฐานข้อมูล เช่น ข้อมูลการทำงาน ข้อมูลการประเมินผลงาน เป็นต้น เพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณา ว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการใหม่ ๆ ต่อไป ปัจจุบันบริษัทมีผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 200 ราย ทำให้บริษัทมี ความมั่นใจว่าผู้รับเหมาก่อสร้างมีมากพอสำหรับการดำเนินการงานก่อสร้างของบริษัท รวมทั้งยังสามารถรองรับงานก่อสร้าง ที่มีมากขึ้นของบริษัทในอนาคตได้อีกด้วย

รายงานประจำปี 2550

40


ลักษณะการประกอบธุรกิจ ตารางสัดส่วนมูลค่างานก่อสร้าง ของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ต่อยอดมูลค่างานก่อสร้างและซื้อสินค้ารวม รายการ

2548

2549

2550

สัดส่วนมูลค่างานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ (ร้อยละ)

-

-

14.29

จำนวนผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ (ราย)

-

-

1

หมายเหตุ : ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ หมายถึง ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีสัดส่วนมูลค่างานก่อสร้างเกินร้อยละ 10 ของยอดมูลค่างานก่อสร้างและ ซื้อสินค้ารวม

ในปี 2550 มีสัดส่วนมูลค่างานก่อสร้างของผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งเกินร้อยละ 10 ของยอดมูลค่า งานก่อสร้างและซื้อสินค้ารวม จำนวน 1 ราย เนื่องจากเป็นผู้รับเหมางานอาคารชุดพักอาศัย โครงการ เดอะคอมพลีท ราชปรารภ ที่บริษัทเปิดขายโครงการและดำเนินงานก่อสร้างในปี 2550 ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่าโครงการสูงจึงทำให้มี สัดส่วนมูลค่างานก่อสร้างเกินร้อยละ 10 ของยอดมูลค่างานก่อสร้างและซื้อสินค้ารวม การจัดซื้อวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่ง บริษัทให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก ดังนั้นการคัดสรรวัสดุก่อสร้างและ อุปกรณ์ตกแต่งให้เหมาะสมสอดคล้อง มีคุณภาพดีและได้มาตรฐาน จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาสั่งซื้อ ส่วน ราคาจะเป็นปัจจัยที่บริษัทใช้พิจารณาประกอบ ทั้งนี้วัสดุก่อสร้างที่สำคัญ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ เหล็ก โครงหลังคา กระเบื้องมุง หลังคา กระเบื้องเซรามิค แผ่นยิบซั่ม อิฐ แผ่นพื้น และเสาเข็มเจาะ สำหรับการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ (1) วัสดุก่อสร้างที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้รับผิดชอบและจัดหา เนื่องจากบริษัทว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ดังนั้นวัสดุก่อสร้างบาง รายการในแต่ละประเภทของงานที่รับดำเนินการในการรับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเป็นผู้จัดหาและจัดซื้อเอง ซึ่งราย ละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับรายการวัสดุและคุณสมบัติของวัสดุ จะต้องได้คุณภาพและตรงกับที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้างของบริษัท ที่ได้กำหนดไว้ (2) วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งที่บริษัทเป็นผู้จัดหา วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งที่บริษัทเป็นผู้จัดหาเอง ส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุและอุปกรณ์ ตกแต่งที่ต้องใช้เป็นจำนวนมาก หรือต้องสั่งซื้อกับผู้จัดจำหน่ายเฉพาะรายซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อ ทั้งนี้การดำเนิน การดังกล่าวยังทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการก่อสร้างอยู่ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งเพื่อเป็นการลดภาระของผู้รับเหมา ก่อสร้างในการจัดหาและจัดซื้อเอง ปัจจุบันบริษัทมีการสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งในประเทศ ทั้งหมดประมาณ 150 ราย สำหรับการสั่งซื้อวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งในแต่ละประเภท บริษัทจะทำการประเมินปริมาณ การใช้รวมทั้งโครงการก่อน และจะสั่งซื้อวัสดุและอุปกรณ์ดังกล่าวตามปริมาณที่ได้ประเมินไว้ แต่ทั้งนี้บริษัทจะให้ผู้จัดจำหน่าย ทยอยจัดส่งสินค้าและเรียกเก็บเงินตามความต้องการที่ใช้จริง ในปี 2548 – 2550 ไม่มีสัดส่วนการซื้อวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งของผู้จัดจำหน่าย รายใหญ่รายใดรายหนึ่งเกินกว่าร้อยละ 10 ของยอดมูลค่างานก่อสร้างและซื้อสินค้ารวม

41 รายงานประจำปี 2550




ปัจจัยความเสี่ยง

รายงานประจำปี 2550

44


ปัจจัยความเสี่ยง บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจของ บริษัท ทั้งนี้จึงได้กำหนดเป็นนโยบายการบริหารความเสี่ยงในทุกฝ่ายงานของบริษัทซึ่ง คณะกรรมการบริหาร คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งบริษัทยังได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงในภาพรวมของบริษัท โดยมีฝ่ายตรวจสอบภายในทำการตรวจสอบประเมินผลการ ควบคุมของบริษัทในทุก ๆ ไตรมาส และรายงานตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถ บรรลุวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สำหรับปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2550 ของบริษัทนั้น เป็นปัจจัย ความเสี่ยงที่ประเมินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้อาจมีความเสี่ยงอื่น ๆ ที่บริษัทไม่อาจทราบได้ในปัจจุบัน หรือเป็นความ เสี่ยงที่บริษัทพิจารณาว่าในปัจจุบันไม่มีผลกระทบในสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมทั้งความเสี่ยงที่อ้างอิงถึง สภาพเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาล เป็นข้อมูลที่ได้มาจากหน่วยงานของรัฐและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เชื่อถือได้ซึ่งบริษัทไม่ ได้ตรวจทานข้อมูลดังกล่าว ดังนั้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทผู้ลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ปัจจัยความเสี่ยงของบริษัท มีดังนี้ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในการพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ราคาวัสดุก่อสร้างดังกล่าวจะมีความ ผันแปรไปตามภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนราคาวัสดุในการก่อสร้างที่เชื่อมโยงกับปิโตรเลียมที่มีการ ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยผ่านค่าขนส่ง ในขณะที่บริษัทไม่สามารถปรับราคาขายได้ในทันที หรือหากบริษัทสามารถปรับราคาขายได้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนการขายที่อยู่อาศัยของบริษัท ดังนั้นความผันผวนของ ราคาวัสดุก่อสร้างอาจส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของ บริษัท อย่างไรก็ตามสำหรับวัสดุก่อสร้างที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้รับผิดชอบและจัดหานั้น จะถูกกำหนดราคาการรับเหมา ก่อสร้างพร้อมกับราคาวัสดุก่อสร้างไว้ในสัญญาว่าจ้างของบริษัทไว้แล้ว สำหรับวัสดุก่อสร้างที่บริษัทเป็นผู้จัดหานั้น เนื่องจาก บริษัทมีอำนาจในการต่อรองกับผู้ค้าวัสดุก่อสร้างค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนของวัสดุก่อสร้างอยู่ใน ระดับที่เหมาะสมได้ โดยบริษัทจะวางแผนการก่อสร้างและทำการประเมินปริมาณการใช้วัสดุแต่ละประเภทรวมทั้งโครงการ ก่อน และจะสั่งซื้อวัสดุดังกล่าวตามปริมาณที่ได้ประเมินไว้โดยผ่านบริษัทย่อยของบริษัท ความเสี่ยงจากการสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายในการพัฒนาโครงการประเภทหมู่บ้านจัดสรร โดยสร้างบ้านเสร็จก่อน ขายเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้รวมไปถึงพัฒนาโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัย โดยจะสามารถโอนได้เมื่อดำเนินการก่อสร้าง เสร็จเรียบร้อยทั้งโครงการแล้ว เนื่องจากจะไม่ได้รับเงินจากลูกค้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในระหว่างการก่อสร้าง ประกอบกับ หากมีปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท อาจทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจาก การสร้างบ้านเสร็จก่อนขายแล้วยังไม่สามารถขายได้ หรือขายได้ช้าลง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีภาระต้นทุนสินค้าคงเหลือใน ปริมาณที่สูง และส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องรวมทั้งความสามารถในการทำกำไรของบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทได้ มีนโยบายเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว โดยทำการวิจัยและศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคก่อนการพัฒนาโครงการ และบริษัทมี การวางแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับประมาณการการขาย โดยแบ่งการพัฒนาโครงการออกเป็นรายเฟส และโครงการที่ เปิดขายในแต่ละโครงการจะมีทงั้ บ้านพร้อมอยู่ (Pre-Built) และบ้านทีอ่ ยูร่ ะหว่างการก่อสร้าง (Semi Pre-Built) ประกอบกับมี การส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจได้ว่าสามารถลดผลกระทบดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง

45 รายงานประจำปี 2550


ปัจจัยความเสี่ยง ความเสี่ยงจากนโยบายการจัดซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการในอนาคต บริษัทมีนโยบายในการจัดซื้อที่ดิน โดยมุ่งเน้นที่ดินที่มีศักยภาพและสามารถนำมาพัฒนาได้ทันที ซึ่งจะไม่มีนโยบาย ในการซื้อที่ดินสะสมไว้เป็นจำนวนมาก ๆ สำหรับการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ในอนาคต เนื่องจากไม่ต้องการแบกภาระต้นทุน ทางการเงิน การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้จากมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มี การแข่งขันการซื้อที่ดินในทำเลที่ดีในระหว่างผู้ประกอบการ อาจทำให้ บริษัทมีความเสี่ยงจากการราคาที่ดินที่มีการปรับตัวสูง ขึ้น หรือไม่สามารถซื้อที่ดินในทำเลที่ต้องการได้ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการของบริษัทสูงขึ้น หรือไม่มีที่ดินในทำเล ที่ดีในการพัฒนา อย่างไรก็ตามบริษัท มีการจัดทำแผนการจัดหาและจัดซื้อที่ดินล่วงหน้าให้สอดคล้องกับการนำไปพัฒนาโครงการ ของบริษัทในแต่ละปี ดังนั้นบริษัทจะยังคงมีเวลาเพียงพอที่จะจัดหาที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการในอนาคตของบริษัท และ สามารถควบคุมราคาต้นทุนที่ดินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ อีกทั้งบริษัทมีนายหน้าค้าที่ดินเป็นจำนวนมากที่ดินที่ติดต่อกับ บริษัทมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายหน้าค้าที่ดินดังกล่าว ซึ่งจะคอยคัดเลือกที่ดินในทำเลที่ดี และราคาที่เหมาะสมมานำเสนอให้กับบริษัทเพื่อพิจารณามาโดยตลอด ความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่มากกว่าร้อยละ 75 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งได้แก่ กลุ่มตระกูลโกวิทจินดาชัย ซึ่งถือหุ้นในบริษัท จำนวน 754,551,871 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 75.08 ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งสัดส่วนการถือหุ้นที่มีมากกว่า 3 ใน 4 ดังกล่าว ทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวมีอำนาจในการควบคุมบริษัท และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของบริษัทในทุก เรื่องที่ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ดังนั้นผู้ถือหุ้นรายอื่นของบริษัทจึงมีความเสี่ยงจากการไม่สามารถรวบรวมคะแนน เสียงเพื่อตรวจสอบ และถ่วงดุลเรื่องที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณา นอกจากนี้การถือหุ้นในลักษณะกระจุก ตัวโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายนี้ยังทำให้โอกาสที่บริษัทจะถูกครอบงำกิจการ (Takeover) โดยบุคคลอื่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดย ปราศจากการยินยอมของผู้ถือหุ้นรายใหญ่นี้ แม้ว่าผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่นจะเห็นโอกาสที่จะทำให้มูลค่าของกิจการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แต่งตั้งบุคคลภายนอก 4 ท่าน เข้าเป็นกรรมการอิสระของบริษัท และจัดให้มีคณะ กรรมการตรวจสอบ จึงเป็นการถ่วงดุลอำนาจของการบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง

รายงานประจำปี 2550

46



ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์

รายงานประจำปี 2550

48


ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาวะอุตสาหกรรม

ตลอดช่วงปี 2550 ที่ผ่านมาท่ามกลางภาวะทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง การชลอตัวของ เศรษฐกิจ ปัญหาราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมดในปี 2550 ประมาณ 83,828 ยูนิต รวมมูลค่าสูงถึง 208,313 ล้านบาท ซึ่งภาคที่อยู่อาศัยเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทสำคัญที่มีการเปิดตัวใหม่มากที่สุดถึง 81,364 ยูนิต รวมมูลค่าสูงถึง 186,250 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 94 ของจำนวนอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งหากเทียบ เป็นมูลค่านั้นจะเท่ากับร้อยละ 89 ของมูลค่ารวมที่มีการพัฒนาในปี 2550 การที่อสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ส่วนใหญ่เป็นภาคที่อยู่อาศัยนั้น เนื่องจากเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีปริมาณความ ต้องการสูงกว่า และเป็นภาคสำคัญที่สุดของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

แผนภูมิแสดงจำนวนที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่มขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย

49 รายงานประจำปี 2550


ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการเติบโตมา อย่างต่อเนื่องโดยปี 2545 – 2549 โดยมีจำนวน 34,035 ยูนิต, 50,594 ยูนิต, 62,796 ยูนิต, 67,829 ยูนิต และ 78,116 ยูนิต ตามลำดับ ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย (CAGR) คิดเป็นร้อยละ 23.08 ต่อปี ถึงแม้ว่าในปี 2550 ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในภาคที่อยู่อาศัยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลาย ด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนราคาวัสดุในการก่อสร้างที่เชื่อมโยงกับปิโตรเลียมมีการ ปรับตัวสูงขึ้น และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ก็ปรับตัวสูงขึ้นโดยผ่านค่าขนส่ง รวมไปถึงความผันผวนของสถานการณ์ทางการเมือง อย่างรุนแรง และสถานการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ประกอบกับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้ซื้อ ที่อยู่อาศัยโดยตรง คืออัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นระยะ แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2550 ถึงแม้จะไม่มีการขยายตัว แต่ก็ลดลงเล็กน้อยจากปี 2549 โดยจะเห็นได้จากในปี 2550 จำนวนที่อยู่อาศัย จดทะเบียนเพิ่มขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลลดลงเมื่อเทียบกับปี 2549 เพียงร้อยละ 1.40 จากจำนวนที่อยู่ อาศัยที่จดทะเบียน 78,116 ยูนิตในปี 2549 ลดลงเหลือ 77,019 ยูนิตในปี 2550 ซึ่งลดลงเพียง 1,097 ยูนิตเท่านั้น

แผนภูมิเปรียบเทียบประเภทที่อยู่อาศัยในโครงการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ปี 2549 จำนวนที่อยู่อาศัยรวม 66,118 ยูนิต ที่มา :

ปี 2550 จำนวนที่อยู่อาศัยรวม 81,364 ยูนิต

บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)

รายงานประจำปี 2550

50


ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับด้านอุปทาน (Supply) จากการข้อมูลรายงานการสำรวจวิจัยของ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียวเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) พบว่าในปี 2549 มีโครงการที่อยู่อาศัยซึ่งเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 66,118 ยูนิต โดยมีประเภทที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนสูงสุดเป็นอาคารชุดร้อยละ 45 รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ร้อยละ 27, บ้านเดี่ยวร้อยละ 20, บ้านแฝดร้อยละ 5, อาคารพาณิชย์และที่ดินจัดสรรร้อยละ 3, ตามลำดับ โดยมีมูลค่าโครงการ รวมทั้งสิ้นประมาณ 186,886 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาเฉลี่ย 2.827 ล้าน บาท ในปี 2550 โครงการที่อยู่อาศัยซึ่งเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 81,364 ยูนิต โดยมี ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนสูงสุดเป็นอาคารชุดร้อยละ 55 รองลงมาเป็นทาวเฮาส์ร้อยละ 22, บ้านเดี่ยวร้อยละ 14, บ้านแฝดร้อยละ 7 และอาคารพาณิชย์ร้อยละ 2 โดยมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 186,250 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมี ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาเฉลี่ย 2.289 ล้านบาท

ตารางที่อยู่อาศัยในโครงการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปี 2550 แยกตามระดับราคา

(หน่วย : ยูนิต)

ระดับราคา (บาท)

บ้านเดียว

บ้านแฝด

ที่ดินจัดสรร

รวม

น้อยกว่า 500,001

-

-

-

-

-

-

-

500,001 - 1,000,000

25

476

6,388

90

9,918

-

16,897

1,000,001 - 2,000,000

2,538

1,730

7,680

657

17,930

6

30,541

2,000,001 - 3,000,000

2,490

2,838

2,593

267

8,014

-

16,202

3,000,001 - 5,000,000

5,158

569

1,153

573

6,166

-

13,619

5,000,001 - 10,000,000

1,146

21

62

67

2,118

34

3,448

10,000,001 - 20,000,000

27

-

26

-

464

-

517

ÁÒ¡Çè20,000,000

-

-

-

-

140

-

140

รวม

11,384

5,634

17,902

1,654

44,750

40

81,364

ที่มา :

ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ อาคารชุด

บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)

51 รายงานประจำปี 2550


ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลระดับราคาที่อยู่อาศัย ในโครงการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปี 2550 นั้นจะเห็น ได้ว่าระดับราคาบ้านเดี่ยวที่มีการเปิดตัวขายมากที่สุดราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป – 5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.31 ของ โครงการบ้านเดี่ยวที่เปิดตัวใหม่ รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป – 2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.29 ของโครงการบ้านเดี่ยวที่เปิดตัวใหม่ ในส่วนของบ้านแฝดระดับราคาที่มีการเปิดตัวขายมากที่สุดราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป – 3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.37 ของโครงการบ้านแฝดที่เปิดตัวใหม่ รองลงมาเป็นบ้านแฝดระดับราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป – 2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 30.71 ของโครงการบ้านแฝดที่เปิดตัวใหม่ ในส่วนของทาวน์เฮาส์ระดับราคาที่มีการเปิดตัวขาย มากที่สุดราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป – 2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.90 ของโครงการทาวน์เฮาส์ที่เปิดตัวใหม่ รองลงมาเป็น ทาวน์เฮาส์ระดับราคา 0.50 ล้านบาทขึ้นไป – 1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.68 ของโครงการทาวน์เฮาส์ที่เปิดตัวใหม่ ใน ส่วนของอาคารพาณิชย์ระดับราคาที่มีการเปิดตัวขายมากที่สุดราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป – 2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.72 ของโครงการอาคารพาณิชย์ที่เปิดตัวใหม่ รองลงมาเป็นอาคารพาณิชย์ระดับราคา 3 ล้านบาท – 5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.64 ของโครงการอาคารพาณิชย์ที่เปิดตัวใหม่ ในส่วนของอาคารชุดระดับราคาที่มีการเปิดตัวขายมากที่สุดราคา 1 ล้าน บาทขึ้นไป – 2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40.97 ของโครงการอาคารชุดที่เปิดตัวใหม่ รองลงมาเป็นอาคารชุดระดับราคา 0.50 ล้านบาทขึ้นไป – 1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.16 ของโครงการอาคารชุดที่เปิดตัวใหม่ และในส่วนของที่ดินจัดสรร ระดับราคาที่มีการเปิดตัวขายมากที่สุดราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป – 10 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 85.00 ของโครงการที่ดิน จัดสรร รองลงมาเป็นที่ดินจัดสรรระดับราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป – 2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.00 ของโครงการที่ดิน จัดสรร

แผนภูมิจำนวนที่อยู่อาศัยที่จำหน่ายได้ของที่อยู่อาศัยในโครงการเปิดตัวใหม่ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปี 2550 จำนวนที่อยู่อาศัยรวม 66,039 ยูนิต

ที่มา :

บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) รายงานประจำปี 2550

52


ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับด้านอุปสงค์ (Demand) จากข้อมูลรายงานการสำรวจวิจัยของ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) พบว่าในปี 2550 มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่จำหน่ายได้ของที่อยู่อาศัยในโครงการที่เปิดตัวใหม่ในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 66,039 ยูนิต คิดเป็นร้อยละ 81.16 ของจำนวนที่อยู่อาศัยซึ่งเปิดตัวใหม่ในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในปีเดียวกัน โดยมีประเภทที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนในการจำหน่ายได้สูงสุดเป็นอาคารชุดร้อยละ 60 รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยวร้อยละ 18, ทาวน์เฮ้าส์ร้อยละ 16, บ้านแฝดร้อยละ 3, อาคารพาณิชย์ร้อยละ 2 และที่ดิน จัดสรรร้อยละ 1 ตามลำดับ การแข่งขัน ปั จ จุ บั นธุ ร กิ จ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ มี ก ารแข่ ง ขั นกั น สู ง ขึ้ น ดั ง จะเห็ น ได้ จ ากมี ก ารเปิ ด ตั ว โครงการใหม่ ๆ ในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เพิ่มมากขึ้น และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มี ขนาด และราคา ที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ จากรายงานการสำรวจวิจัยของ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) พบว่าในปี 2550 มีจำนวนโครงการที่เปิดตัวใหม่ทั้งหมด 356 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายทั้งหมด 81,364 หน่วย ซึ่งมีจำนวนหน่วยขายเพิ่ม ขึ้นจากปี 2549 ประมาณร้อยละ 23.06 และมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 186,250 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าโครงการลดลง จากปี 2549 ประมาณร้อยละ 0.34 จากจำนวนหน่วยขายที่เพิ่มขึ้นแต่มีมูลค่าโครงการลดลงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการ ปรับตัวของราคาที่อยู่อาศัย ที่เน้นการผลิตที่อยู่อาศัยราคาถูกลง เพื่อตอบสนองกำลังซื้อของผู้บริโภค ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยขายต่อ หน่วยของที่อยู่อาศัยในปี 2550 อยู่ที่ 2.289 ล้านบาท ซึ่งมีราคาต่ำกว่าปี 2548 ที่ 2.827 ล้านบาท

ตารางแสดงรายชื่อบริษัทที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยในโครงการที่เปิดตัวใหม่สูงสุด 10 อันดับแรก ของปี 2550 ลำดับที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

ที่มา :

ชื่อบริษัท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พลัส พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)

53 รายงานประจำปี 2550

จำนวนโครงการ (โครงการ)

จำนวนที่อยู่อาศัย (ยูนิต)

26 5 13 8 8 11 10 4 6 6

10,208 8,564 5,460 3,159 3,109 2,840 2,375 2,014 1,485 1,317


ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์

ตารางแสดงรายชื่อบริษัทที่มีมูลค่าโครงการประเภทที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่สูงสุด 10 อันดับแรก ของปี 2550 ลำดับที่

ชื่อบริษัท

1 2 3

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

4 5 6 7 8 9 10

บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไรมอนด์แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

ที่มา :

จำนวนโครงการ (โครงการ) 26 13 5

มูลค่าโครงการ (ล้านบาท) 14,173 12,349 8,202

11 8 1 6 6 6 4

7,272 6,333 5,952 5,400 4,723 4,387 3,898

บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)

แนวโน้มอุตสาหกรรมและการแข่งขันในอนาคต

จากสถานการณ์ต่าง ๆ ในประเทศที่เริ่มคลี่คลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม รวม ไปถึงความเชื่อมั่นของนานาประเทศต่อประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นจากการได้รัฐบาลภายหลังจากการเลือกตั้ง ทำให้โดยภาพรวมมอง ว่าแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจในปี 2551 จะเริ่มดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นหากเกิดความผันผวนก็อาจ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจซบเซาลง และส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมและตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย ทั้งนี้แนวโน้ม อุตสาหกรรมและการแข่งขันของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 สามารถสรุปได้ดังนี้ (1) การลงทุนในโครงการเม็กกะโปรเจ็กต์ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เป็นปัจจัยบวกสำคัญในภาพ รวม และยังส่งผลต่อการขยายตัวของชุมชนเมือง และการขยายตัวของที่อยู่อาศัย (2) ปริมาณอุปทานคงค้างของที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2548 ทำให้ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ที่ผู้ประกอบ การจำเป็นที่ต้องพิจารณาในเรื่องทำเล และระดับราคาเป็นอย่างมาก (3) ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมีเนียม ยังมีแนวโน้มที่ดีจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็น ปัจจัยเสริมให้การซื้อคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองจะน่าสนใจมากขึ้น (4) ด้านผู้ประกอบการจะมีการแข่งขันกันสูงขึ้น และปัญหาต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบ การรายใหญ่ได้เปรียบเนื่องจากควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างได้ดีกว่า ผู้ประกอบการรายย่อยอาจแข่งขันได้ยากขึ้น รายงานประจำปี 2550

54



โครงการในอนาคต

รายงานประจำปี 2550

56


โครงการในอนาคต โครงการในอนาคต

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทและบริษัทย่อยอยู่ระหว่างการเปิดขายโครงการทั้งสิ้น 23 โครงการ มูลค่า รวมประมาณ 15,031.27 ล้ า นบาท โดยมี มู ล ค่ า ที่ ข ายแล้ ว รวมประมาณ 10,386.24 ล้ า นบาท และ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดเวลาจะเปิดขายในปี 2551 ซึ่งมีโครงการทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่ารวม ประมาณ 10,907.90 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

โครงการในส่วนของบริษัท

โครงการ ปริญญดา สามัคคี ปริญลักษณ์ ไลท์ สามัคคี ปริญญดา ไลท์ วงแหวน-บางบอน คอนโดมิเนียม พัทยาสาย 2 ปริญลักษณ์ ไลท์ (เฟส A) วัชรพล ปริญลักษณ์ ไลท์ (เฟส B) วัชรพล ปริญลักษณ์ ไลท์ (เฟส C) วัชรพล ปริญลักษณ์ ไลท์ (เฟส D) วัชรพล ปริญลักษณ์ ไลท์ (เฟส E) วัชรพล ปริญญดา ไลท์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ปริญลักษณ์ ไลท์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ คอนโดมิเนียม ปิ่นเกล้า

ลักษณะโครงการ/ พื้นที่ (ไร่)

สถานที่ตั้ง

ยูนิต

มูลค่าโครงการ โดยประมาณ (ล้านบาท)

กำหนดการ เปิดโครงการโดยประมาณ

บ้านเดี่ยว 24-2-20 ไร่

ถนนสามัคคี

119

580.45

ไตรมาสที่ 1

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 17-2-52 ไร่

ถนนสามัคคี

207

555.04

ไตรมาสที่ 1

บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 41-1-40.24 ไร่ คอนโดมิเนียม 2-1-2 ไร่ ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 18-2-9.10 ไร่

ถนนกาญจนาภิเษก (บางบอน) ถนนพัทยาสาย 2 (จังหวัดชลบุรี)

207

1,124.26

ไตรมาสที่ 2

189

552.80

ไตรมาสที่ 2

ซอยวัชรพล

193

532.18

ไตรมาสที่ 3

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 7-2-39.90 ไร่

ซอยวัชรพล

73

211.73

ไตรมาสที่ 3

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 11-2-21.50 ไร่

ซอยวัชรพล

116

308.80

ไตรมาสที่ 3

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 11-0-55.90 ไร่

ซอยวัชรพล

119

302.32

ไตรมาสที่ 3

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 18-3-37.80 ไร่

ซอยวัชรพล

206

531.38

ไตรมาสที่ 3

บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 45-0-0 ไร่

ถนนราชพฤกษ์

300

776.41

ไตรมาสที่ 4

ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 45-0-0 ไร่

ถนนราชพฤกษ์

500

932.53

ไตรมาสที่ 4

คอนโดมิเนียม 12-3-88.70 ไร่

ถนนบรมราชชนนี

2,259

4,400.00

ไตรมาสที่ 4

4,488

10,807.90

รวม

57 รายงานประจำปี 2550


โครงการในอนาคต

โครงการในส่วนของบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด โครงการ นอร์เทอร์น เอ็กคูซีฟ รังสิต

ลักษณะโครงการ/ พื้นที่ (ไร่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 10-0-18.60 ไร่ รวม

สถานที่ตั้ง

ยูนิต

มูลค่าโครงการ โดยประมาณ (ล้านบาท)

กำหนดการ เปิดโครงการโดยประมาณ

ถ. วิภาวดีรังสิต

20

100.00

ไตรมาสที่ 2

20

100.00

หมายเหตุ : โครงการเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด บริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนชำระแล้ว

นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินว่างเปล่าที่รอการพัฒนา โดยเป็นทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งอยู่ระหว่างการ พิจารณาความเหมาะสมในการพัฒนาต่อไป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ณ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีที่ดินว่างเปล่าบริเวณถนนเลียบชายหาด อ. ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 18-3-3 ไร่ มูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 69.53 ล้านบาท โดยมีราคาประเมินเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2549 เท่ากับ 95.31 ล้านบาท บริษัทย่อยมีที่ดินว่างเปล่าบริเวณซอยพัทยา-นาเกลือ 12 จ.ชลบุรี พื้นที่ 10-3-24.60 ไร่ มูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 57.00 ล้านบาท โดยยังไม่ได้ทำการประเมินราคา บริษัทยังคงมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และมีแผนในการซื้อที่ดินเปล่าเพื่อนำมาพัฒนา โครงการ ปีละ 8 – 12 แปลง เพื่อให้บริษัทมีการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทไม่มีนโยบายในการซื้อ ที่ดินเพื่อรอการพัฒนาเป็นระยะเวลานาน (Land Bank)

รายงานประจำปี 2550

58



โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

รายงานประจำปี 2550

60


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ โครงสร้างการถือหุ้น

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,340,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 1,340,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทุนที่ออกและชำระแล้ว 1,005,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ จำนวน 1,005,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ผู้ถือหุ้นของบริษัท

รายชื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550

รายชื่อผู้ถือหุ้น 1. กลุ่มตระกูลโกวิทจินดาชัย 2. บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผู้ฝาก 3. ผู้ถือหุ้นอื่นๆ รวม

จำนวนหุ้นที่ถือ (หุ้น) 754,551,871 249,943,823 504,306 1,005,000,000

หมายเหตุ : กลุ่มผู้ถือหุ้นกลุ่มตระกูลโกวิทจินดาชัยที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันและออกเสียงไปในทางเดียวกัน ได้แก่

1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20.

61 รายงานประจำปี 2550

ชื่อ-นามสกุล นายสันติ โกวิทจินดาชัย นายปริญญา โกวิทจินดาชัย นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย นางกิมลั้ง โกวิทจินดาชัย นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย นายว่องไว โกวิทจินดาชัย นายชาไว โกวิทจินดาชัย นายพิษณุ โกวิทจินดาชัย นางสาวสุดารัตน์ โกวิทจินดาชัย นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง นางสาวศุภรัตน์ โกวิทจินดาชัย เด็กชายธนิน โกวิทจินดาชัย นางสาวบุษยรัตน์ โกวิทจินดาชัย นางสาววรรัตน์ โกวิทจินดาชัย นายชัยวุฒิ โกวิทจินดาชัย นางสาวละอองดาว ทรงสัตย์ นางสาวพัชรี โกวิทจินดาชัย นายชัฐ โกวิทจินดาชัย นายชัยโย โกวิทจินดาชัย นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล

จำนวนหุ้นที่ถือ (หุ้น) 142,621,922 140,000,000 233,592,196 120,102,669 9,075,000 7,900,000 7,836,744 7,806,668 7,806,668 7,800,000 7,800,000 7,800,000 7,800,000 7,800,000 7,806,668 300,000 7,806,668 7,800,000 7,800,000 7,030,000

ร้อยละ 14.19 13.93 23.24 11.95 0.90 0.81 0.79 0.78 0.78 0.78 0.78 0.78 0.78 0.78 0.78 0.03 0.78 0.78 0.78 0.70

ร้อยละ 75.08 24.87 0.05 100.00


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

นโยบายการจ่ายเงินปันผล

บริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ นิติบุคคล ทั้งนี้อัตราการจ่ายปันผลในแต่ละปีอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ แผนการขยายธุรกิจ สภาพ คล่อง ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่น ๆ โดยให้อำนาจคณะกรรมการของบริษัทพิจารณา และการดำเนินการดังกล่าวจะ ต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น สำหรับบริษัทย่อยของบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเช่นเดียว กับบริษัท และเป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท

รายงานประจำปี 2550

62


63 รายงานประจำปี 2550 ฝ่ายงบประมาณโครงการ ฝ่ายควบคุมคุณภาพ

ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายควบคุมรักษาความปลอดภัย

ฝ่ายพัฒนาโครงการ

ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์

ฝ่ายประสานงานโครงการ

สำนักกรรมการผู้จัดการ

ฝ่ายการตลาด

ฝ่ายพัฒนาชุมชน

ฝ่ายบริหารกลุ่มโครงการ

สายงานบริหารกลุ่มโครงการ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย(ร.ก.)

ฝ่ายรัฐกิจ

ฝ่ายขาย

สายงานขายและการตลาด นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย(ร.ก.)

ฝ่ายการเงิน

ฝ่ายบริการหลังการขาย

สายงานลูกค้าสัมพันธ์ นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล

สำนักตรวจสอบและควบคุมภายใน Internal Audit

คณะกรรมการตรวจสอบ Audit Committee

ฝ่ายกฏหมาย

สายอำนวยการ นายสกล เปาอินทร์

รองกรรมการผู้จัดการ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย

กรรมการผู้จัดการ นางสาว สิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย (MD)

คณะกรรมการบริหาร Excutive Committee

คณะกรรมการ Board of Directors

รูปแผนผังโครงสร้างการจัดการของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550

ฝ่ายบัญชี

สายงานบัญชีและการเงิน นายนำชัย วนาภานเบศ

คณะกรรมการบริ หารความเสี่ยง Risk Manegement Committee

โครงสร้างการจัดการ

ฝ่ายจัดซื้อ

ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และธุรการ

ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ

สายงานพัฒนาองค์กร นางสาววนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง

โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ บริษัทมีคณะกรรมการต่าง ๆ ได้แก่ คณะกรรมการบริษัท และมีคณะกรรมการเฉพาะเรื่องอีกจำนวน 2 คณะ ใน การช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญ ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยคณะ กรรมการและผู้บริหารของบริษัทประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ. 2535 และตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ. 12/2543 เรื่องการขอ อนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ฉบับลงวันที่ 22 มีนาคม 2543 ทุกประการ โดยคณะกรรมการต่าง ๆ ของบริษัทมีดังต่อไปนี้

คณะกรรมการบริษัท

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 คณะกรรมการของบริษัทมีจำนวน 9 ท่าน ดังนี้ 1. นายมงคล เปาอินทร์ ประธานกรรมการ/กรรมการอิสระ 2. นายสุรพล ขวัญใจธัญญา กรรมการอิสระ/ประธานกรรมการตรวจสอบ 3. ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ กรรมการอิสระ/กรรมการตรวจสอบ 4. นางมุกดา อาริยวัฒน์ กรรมการอิสระ/กรรมการตรวจสอบ 5. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย กรรมการ 6. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย กรรมการ 7. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล กรรมการ 8. นายนำชัย วนาภานุเบศ กรรมการ 9. นายสกล เปาอินทร์ กรรมการ/เลขานุการคณะกรรมการบริษัท

หมายเหตุ : นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550

กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท โดยมีดังนี้ (1) นายมงคล เปาอินทร์ ลงลายมือชื่อร่วมกับ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย รวมเป็นสองคนและ ประทับตราสำคัญของบริษัท หรือ คนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกับ นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล หรือ นาย ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท (2) การขออนุญาตจัดสรร การขออนุญาตค้าที่ดิน การขออนุญาตปลูกสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ทุกประเภท การขออนุญาตตรวจ รวม หรือแบ่งโฉนดที่ดิน การขออนุญาตแบ่งกรรมสิทธิ์รวม การจดทะเบียนจำนอง การ ปลอดจำนอง และการไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การขออนุญาตให้มีหมายเลขประจำบ้าน การขออนุญาตใช้และ โอนไฟฟ้าและน้ำประปา การเช่าสิทธิ การใช้หมายเลขโทรศัพท์ การยื่นคำร้องทั่วไปเกี่ยวกับโทรศัพท์ การขออนุญาตเชื่อมทาง และท่อระบายน้ำ การขออนุญาตตัดคันหิน การชี้ระวางและรับรองแนวเขตที่ดิน การขอรังวัดแบ่งแยกที่ดิน การขอจด ทะเบียนอาคารชุด การขอจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด การขอจดทะเบียนนิติบุคคลบ้านจัดสรร การขออนุญาตเปิดการใช้ อาคาร การยินยอมให้ใช้สถานที่ประกอบการค้า การให้ถ้อยคำตลอดจนยื่นและรับเอกสารเกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร ดำเนิน การฟ้องคดีและยื่นคำให้การทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา การร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงาน สอบสวนแทนการร้องทุกข์ ประนีประนอมยอมความ ให้ถ้อยคำ ตลอดจนส่งและรับคืนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี และการขอ อนุญาตต่าง ๆ ต่อหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ การรับรองสำเนาเอกสารต่าง ๆ ให้ นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล, นาย ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย, นายนำชัย วนาภานุเบศ และนายสกล เปาอินทร์ กรรมการสองในสี่คนลงลายมือชื่อร่วมกันและ ประทับตราสำคัญของบริษัท อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท 1. บริหารจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัท ตลอดจนมติของที่ ประชุมผู้ถือหุ้นที่ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และระมัดระวัง รักษาผลประโยชน์ของบริษัท

รายงานประจำปี 2550

64


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ 2. กำหนดเป้าหมาย แนวทาง นโยบาย แผนงานและงบประมาณบริษัท ควบคุมกำกับดูแลการบริหาร และการจัดการของคณะกรรมการจัดการและผู้บริหาร ให้เป็นไปตามแนวนโยบายที่ได้รับมอบหมายและตามข้อบังคับของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 3. คณะกรรมการอาจแต่งตั้งกรรมการ และ/หรือ ผู้บริหารจำนวนหนึ่งตามที่เห็นสมควร ให้เป็นคณะ กรรมการบริหารโดยให้มีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการบริษัทตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทก็ได้ เว้นแต่อำนาจในการดำเนินการดังต่อไปนี้ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อน ทั้งนี้กำหนดให้รายการที่กรรมการหรือบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง มีส่วนได้เสีย หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อื่นใด กับบริษัท ให้กรรมการซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องนั้นไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น - เรื่องที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น - การทำรายการที่มีกรรมการมีส่วนได้เสียและอยู่ในข่ายที่กฎหมาย หรือข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ระบุให้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในปี 2550 บริษัทจัดประชุมคณะกรรมการบริษัททั้งสิ้น 6 ครั้ง กรรมการแต่ละท่านได้เข้าร่วมการ ประชุม ดังนี ้ ลำดับที่ ชื่อ-นามสกุล ปี 2549 ปี 2550 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

นายมงคล เปาอินทร์ นายสุรพล ขวัญใจธัญญา ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล นางมุกดา อาริยวัฒน์ นายนำชัย วนาภานุเบศ นายสกล เปาอินทร์

4/4 4/4 4/4 3/4 4/4 4/4 4/4 4/4 4/4 4/4

6/6 6/6 6/6 4/6 5/6 6/6 6/6 5/6 6/6 6/6

หมายเหตุ : นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550

คณะกรรมการตรวจสอบ

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทมีจำนวน 3 ท่าน ดังนี้ 1. นายสุรพล ขวัญใจธัญญา ประธานกรรมการตรวจสอบ 2. ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ กรรมการตรวจสอบ 3. นางมุกดา อาริยวัฒน์ กรรมการตรวจสอบ

หมายเหตุ : * นางมุกดา อาริยวัฒน์ ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการเป็นคณะกรรมการตรวจสอบแทนนายอำนาจ งามสุริยโรจน์ ซึ่งได้ลาออกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550

65 รายงานประจำปี 2550


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ 1. สอบทานให้บริษัทมีการรายงานทางการเงินอย่างถูกต้อง และเปิดเผยอย่างเพียงพอ โดยการ ประสานงานกับผู้สอบบัญชี และผู้บริหารที่รับผิดชอบจัดทำรายงานทางการเงินทั้งรายไตรมาสและประจำปี คณะกรรมการ ตรวจสอบอาจเสนอแนะให้ผู้สอบบัญชี สอบทานหรือตรวจสอบรายการใด ๆ ที่เห็นว่าจำเป็น และเป็นเรื่องสำคัญในระหว่าง การตรวจสอบบัญชีของบริษัทก็ได้ 2. สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิผล โดยสอบทานร่วมกับผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายใน 3. ปรึกษาหารือ และพิจารณาถึงขอบเขตการตรวจสอบ และแผนการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบภายใน และผูส้ อบบัญชีให้มคี วามสัมพันธ์และเกือ้ กูลกันในส่วนทีเ่ กีย่ วกับการตรวจสอบด้านการเงิน (Financial Auditing) 4. สอบทานงบการเงินระหว่างปีร่วมกับผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายในก่อนที่จะนำส่งให้หน่วยงานที่ มีหน้าที่กำกับดูแล (Regulators) 5. พิจารณาคัดเลือกและเสนอแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัทต่อคณะกรรมการบริษัท รวมถึงพิจารณา ค่าตอบแทนของผู้สอบบัญชี เพื่อขอรับการแต่งตั้งจากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น 6. สอบทานการปฏิบตั ขิ องบริษทั ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนด ของตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้องกับธุรกิจของบริษทั 7. พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกรณีที่เกิดรายการเกี่ยวโยงหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้ง ทางผลประโยชน์ให้มีความถูกต้องและครบถ้วน 8. จัดทำรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบโดยเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท ซึ่งรายงาน ดังกล่าวลงนามโดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบ 9. สอบทานและเสนอแนะการแก้ไขกฎบัตรต่อคณะกรรมการบริษทั เพือ่ ให้ทนั สมัย และเหมาะสมกับสภาพ แวดล้อมในการดำเนินธุรกิจของบริษัท 10. ปฏิบตั กิ ารอืน่ ใดตามทีค่ ณะกรรมการบริษทั มอบหมายและคณะกรรมการตรวจสอบเห็นชอบด้วย ในปี 2550 บริษัทจัดประชุมคณะกรรมการตรวจสอบทั้งสิ้น 5 ครั้ง กรรมการตรวจสอบแต่ละท่านได้ เข้าร่วมการประชุม ดังนี้ ลำดับที่ ชื่อ-นามสกุล ปี 2549 ปี 2550 1 นายสุรพล ขวัญใจธัญญา 4/4 5/5 2 ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ 4/4 5/5 3 นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ 4/4 2/5 4 นางมุกดา อาริยวัฒน์ - 3/5 หมายเหตุ : นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550 บริษัทได้ แต่งตั้งนางมุกดา อาริยวัฒน์ ขึ้นเป็นกรรมการตรวจสอบแทน

รายงานประจำปี 2550

66


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัทมีจำนวน 4 ท่าน ดังนี้ 1. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง 2. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล กรรมการ 3. นายนำชัย วนาภานุเบศ กรรมการ 4. นายสกล เปาอินทร์ กรรมการ ทั้งนี้มีนายสกล เปาอินทร์ เป็นเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง 1. พิจารณา และอนุมัตินโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยง 2. ติดตามการพัฒนากรอบการบริหารความเสี่ยง 3. ติดตามกระบวนการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยง 4. ประเมินและอนุมัติแผนการจัดการความเสี่ยง 5. รายงานต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับความเสี่ยง และการจัดการความเสี่ยง 6. สื่อสารกับคณะกรรมการตรวจสอบ เกี่ยวกับความเสี่ยงที่สำคัญ บริษัทจัดให้มีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงในปี 2550 และในปีเดียวกันบริษัทจัดประชุม คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงทั้งสิ้น 4 ครั้ง กรรมการบริหารความเสี่ยงแต่ละท่านได้เข้าร่วมการประชุมทุกครั้ง

คณะกรรมการบริหาร

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 คณะกรรมการบริหารของบริษัทมีจำนวน 5 ท่าน ดังนี้ 1. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหาร 2. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย กรรมการบริหาร 3. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล กรรมการบริหาร 4. นายนำชัย วนาภานุเบศ กรรมการบริหาร 5. นายสกล เปาอินทร์ กรรมการบริหาร อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร 1. พิจารณานโยบาย ทิศทาง กลยุทธ์ และโครงสร้างการบริหารจัดการ หลักในการดำเนิน ธุรกิจของบริษัท ที่ได้กำหนดให้สอดคล้องและสนับสนุนต่อสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันตามที่ฝ่ายบริหารเสนอ ก่อนที่จะนำ เสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ 2. เสนอแผนธุรกิจ งบประมาณ และอำนาจการบริหารต่างๆ ของบริษัท ต่อคณะกรรมการ บริษัท เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งพิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบประมาณประจำปี การแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือ เพิ่มเติมงบประมาณประจำปีในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน และให้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อทราบต่อไป 3. ตรวจสอบ ติดตามการดำเนินนโยบายและแนวทางการบริหารงานด้านต่างๆ ของบริษัท ที่กำหนดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เอื้อต่อสภาพการดำเนินธุรกิจ 4. ตรวจสอบติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทที่กำหนดให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่ได้รับ อนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท 5. พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการลงทุนของบริษัทที่เป็นไปตามแผนธุรกิจ 6. มีอำนาจแต่งตัง้ ถอดถอน เจ้าหน้าทีข่ องบริษทั ในตำแหน่งทีต่ ำ่ กว่าตำแหน่งกรรมการผูจ้ ดั การ

67 รายงานประจำปี 2550


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ 7. ดำเนินการจัดทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงินในการเปิดบัญชี กู้ยืม จำนำ จำนอง ค้ำประกันและการอื่นๆ รวมถึงการซื้อขายและจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินใดๆ ตามวัตถุประสงค์ เพื่อประโยชน์ในการ ดำเนินกิจการของบริษัท 8. พิจารณาจัดสรรเงินบำเหน็จรางวัล โบนัส หรือค่าตอบแทนซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะ กรรมการบริษัทแล้วให้แก่พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัท หรือบุคคลใดๆ ที่กระทำกิจการให้แก่บริษัท 9. พิจารณาอนุมัติการซื้อขายอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ตลอดจน ก่อสร้าง หรือซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารสำนักงาน 10. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย การมอบอำนาจของคณะกรรมการบริษัท ให้แก่คณะกรรมการบริหารตามขอบเขตอำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการบริหารที่กล่าวมาข้างต้น ไม่รวมถึงลักษณะการมอบอำนาจ หรือมอบอำนาจช่วงที่ทำให้คณะ กรรมการบริหาร หรือผู้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการบริหาร สามารถอนุมัติรายการที่ตนหรือบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง มีส่วนได้เสีย หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อื่นใด (เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ ประกาศกำหนด) ทำกับบริษัท หรือบริษัทย่อย เว้นแต่เป็นการอนุมัติรายการที่เป็นไปตามนโยบายและหลัก เกณฑ์ที่คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติไว้แล้ว

คณะผู้บริหาร

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 คณะผู้บริหารของบริษัทมีจำนวน 7 ท่าน ดังนี้ 1. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย กรรมการผู้จัดการ 2. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการสายงานขายและการตลาด รักษาการสายงานบริหารกลุ่มโครงการ 3. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานลูกค้าสัมพันธ์ 4. นายนำชัย วนาภานุเบศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชี การเงิน 5. นายสกล เปาอินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานอำนวยการ 6. นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาองค์กร อำนาจหน้าที่ของกรรมการผู้จัดการ 1. ดำเนินการและบริหารจัดการการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท 2. ดำเนินการและบริหารจัดการการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เป็นไปตามนโยบายธุรกิจ แผน ธุรกิจ และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแล้ว 3. มอบอำนาจหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นใด ที่กรรมการผู้จัดการเห็นสมควรทำหน้าที่ ประธานในเรื่องที่จำเป็นและสมควร โดยให้อยู่ในดุลพินิจของประธานกรรมการ ซึ่งอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมาย และกฎ ระเบียบข้อบังคับของบริษัท 4. ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทในแต่ละคราว 5. ดำเนินการและอนุมัติการเข้ารับว่าจ้าง รับทำงาน การตกลงผูกพันในการดำเนินธุรกิจ ปกติของบริษัท โดยมีวงเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบอำนาจอนุมัติและดำเนินการของบริษัท ซึ่งผ่านการพิจารณาจาก คณะกรรมการบริษัทแล้ว ทั้งนี้วงเงินดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะ กรรมการบริษัท

รายงานประจำปี 2550

68


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ ทั้งนี้การมอบอำนาจดังกล่าวข้างต้น ให้แก่กรรมการผู้จัดการนั้น ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ ของกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับของบริษัท และในกรณีที่การดำเนินการใดที่มีหรืออาจมีผลประโยชน์หรือส่วนได้ส่วน เสียของกรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง กรรมการผู้จัดการไม่มีอำนาจอนุมัติการดำเนินการดังกล่าว โดย กรรมการผู้จัดการจะต้องนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ในกรณีที่การทำรายการใดเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการเกี่ยวกับการได้ มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทหรือบริษัทย่อย แล้วแต่กรณี การทำรายการดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากที่ ประชุมผู้ถือหุ้น และ/หรือ การปฏิบัติอื่นใดตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่ประกาศดังกล่าวกำหนดไว้ในเรื่องนั้น ๆ ด้วย เพื่อ ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องดังกล่าว

การสรรหากรรมการและผู้บริหาร

การคัดเลือกกรรมการของบริษัท บริษัทยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อคัดเลือกบุคคลที่จะดำรง ตำแหน่งกรรมการของบริษัท อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาคัดสรรบุคคลผู้มีคุณวุฒิ ความรู้ ความ สามารถ มีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องและมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติ บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อ ประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ

คณะกรรมการบริษัท

ในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัทจะกระทำโดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้ 1. ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง 2. ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะต้องใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตาม 1) ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการ เป็นรายบุคคล คราวละคนหรือคราวละหลายคน รวมกันเป็นคณะ หรือด้วยวิธีการอื่นใดก็ได้ตามแต่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะเห็น สมควร แต่ในการลงมติแต่ละครั้ง ผู้ถือหุ้นจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดหรือคณะใดมากน้อยเพียงใดไม่ได้ 3. การออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการให้ใช้เสียงข้างมาก หากมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ผู้เป็น ประธานที่ประชุมเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด บริษัทจัดให้มีคณะกรรมการบริษัทไม่น้อยกว่า 5 คน โดยกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน กรรมการทั้งหมดต้องมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร กรรมการบริษัทจะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชน จำกัดและกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด ในการประชุมสามัญประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่ง 1 ใน 3 ถ้าจำนวนกรรมการที่จะ แบ่งออกให้ตรงเป็นสามส่วนไม่ได้ ให้ออกโดยจำนวนใกล้ที่สุดกับส่วน 1 ใน 3 โดยกรรมการที่จะต้องออกจากตำแหน่งในปี แรกและปีที่สอง ภายหลังจดทะเบียนบริษัทนั้นให้ใช้วิธีจับสลากกันว่าผู้ใดจะออก ส่วนปีหลังๆ ต่อไปให้กรรมการคนที่อยู่ใน ตำแหน่งนานที่สุดนั้นเป็นผู้ออกจากตำแหน่ง กรรมการที่จะออกตามวาระนี้อาจถูกเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ก็ได้ ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงคราวออกตามวาระให้คณะกรรมการเลือก บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดเข้าเป็นกรรมการแทน ในการประชุม คณะกรรมการคราวถัดไป เว้นแต่วาระของกรรมการจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน โดยบุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทน จะอยู่ใน ตำแหน่งกรรมการได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน มติของคณะกรรมการในการเลือกกรรมการที่ดำรง ตำแหน่งแทนต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการที่ยังเหลืออยู่ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจลงมติให้กรรมการคนใด ออกจากตำแหน่งก่อนถึงคราวออกตามวาระได้ด้วย คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นสามัญรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือ โดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

69 รายงานประจำปี 2550


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ คณะกรรมการตรวจสอบ

คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบ โดยพิจารณาคุณสมบัติของกรรมการตรวจสอบ ตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด โดยเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นผู้แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบโดยให้มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี โดยกรรมการตรวจสอบซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจจะได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง

คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยให้มีอำนาจหน้าที่บริหารความเสี่ยง ของบริษัทตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย

คณะกรรมการบริหาร

คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการบริหาร โดยให้มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของบริษัท ตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย

รายงานประจำปี 2550

70


71 รายงานประจำปี 2550

นายมงคล เปาอินทร์ ประธานกรรมการบริษัท / กรรมการอิสระ

นายสุรพล ขวัญใจธัญญา ประธานกรรมการตรวจสอบ / กรรมการอิสระ

2.

ชื่อ-สกุล

1.

ลำดับ

56

78

อายุ

ปริญญาโท บริหารธุรกิจด้านการเงิน(MBA) โดยทุนมหาวิทยาลัย University of Washington, USA ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขาวิศวกรรม อุตสาหการ(BSIE) โดยทุนมหาวิทยาลัย ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า(BSEE) University of Washington, USA เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่นที่ 14 วันที่ 17 พฤษภาคม 2547 DCP รุ่นที่ 44 วันที่ 16 พฤษภาคม - 18 มิถุนายน 2547

นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบณั ฑิต จากสำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติ บัณฑิตยสภา

วุฒิการศึกษา

ไม่มี

ไม่มี

สัดส่วน การถือหุ้น (ร้อยละ)

ไม่มี

เป็นลุงของ นายสกล เปาอินทร์

ความสัมพันธ์ทาง ครอบครัวระหว่างผู้ บริหาร

2548-ปัจจุบัน 2547- ปัจจุบัน 2546-ปัจจุบัน 2540-2545 2538-2540 2536-2538

2547-ปัจจุบัน 2536-2540 2531-2535 2532-2533 2527-2530

ช่วงเวลา ประธานกรรมการบริษัท ตุลาการรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบในวงราชการ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 (นครราชสีมา) ประธานกรรมการตรวจสอบ ประธานกรรมการตรวจสอบ ประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการผู้จัดการ President President

ตำแหน่ง

บริษัท บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ศาลรัฐธรรมนูญ สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม บริษัท หลักทรัพย์ แอ๊คคินซัน จำกัด(มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) Tycoons Worldwide Group (Thailand) PLC. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย บริษัทเงินทุน วชิรธนทุน จำกัด บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สยามซิตี้ ซินดิเคท จำกัด

ประสบการณ์ทำงานย้อนหลัง

รายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริหารและผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550

โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ


นายศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ กรรมการตรวจสอบ / กรรมการอิสระ

นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย กรรมการ / ประธานกรรมการบริหาร / กรรมการผู้จัดการ

นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล กรรมการ / กรรมการบริหาร / ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานลูกค้าสัมพันธ์

4.

5.

ชื่อ-สกุล

3.

ลำดับ

46

58

56

อายุ

ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 0.70 วิทยาลัยช่างกลเทคนิคสยาม ประสบการณ์ดา้ นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 15 ปี เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่ นที่ 20 เมื่ อ วั นที่ 8 กรกฎาคม 2547

ไม่มี ประกาศนียบัตรทางบัญชี UCLA, California, USA ประกาศนียบัตรด้านภาษี H&R BLOCK TAX SCHOOL Pasadena, California, USA ปริญญาโท Master of Arts in Public Administration, Minnesota State University ปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่นที่ 14 วันที่ 17 พฤษภาคม 2547 DCP รุ่นที่ 44 วันที่ 16 พฤษภาคม - 18 มิถุนายน 2547 ประสบการณ์ดา้ นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 15 ปี 23.24 เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่ นที่ 20 เมื่ อ วั นที่ 8 กรกฎาคม 2547

วุฒิการศึกษา

สัดส่วน การถือหุ้น (ร้อยละ)

เป็นน้องของ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย / เป็นอา ของนายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย

เป็นพี่สาวของ นายขวัญชาย มงคลกิจ ทวี ผ ล / เป็ น ป้ า ของ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย

ความสัมพันธ์ทาง ครอบครัวระหว่างผู้ บริหาร ไม่มี

2548-ปัจจุบัน 2543 – 2548 2539 – 2542 2536 – 2538

2543 – ปัจจุบัน 2538 – 2547 2536 – 2545

2547- ปัจจุบัน 2547- ปัจจุบัน 2544- 2547 2543-2544 2542-2543 2539-2541 2537-2539 2535-2539

ช่วงเวลา

ประธานคณะกรรมการบริหารและ กรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการและ กรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการและ กรรมการผู้จัดการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานลูกค้าสัมพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารการตลาด ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด

กรรมการตรวจสอบ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วน งานตรวจสอบภายใน ผู้ อ ำนวยการสำนั ก ตรวจสอบ ภายใน รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้าน การเงิน ผู้จัดการสำนักตรวจสอบภายใน ผู้จัดการสำนักการเงินและบัญชี ผู้ อ ำนวยการสำนั ก ตรวจสอบ ภายในและพัฒนาระบบ หัวหน้าสำนักบัญชี เขต Los Angeles

ตำแหน่ง

บริษัท

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท จินดาพงษ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท ไทยจินดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท จินดาพงษ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท ไทยจินดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) Digital Phone Co., Ltd. บริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) บมจ. ชินวัตร อินเตอร์เนชั่นแนล บมจ. STA กรุ๊ป Borg-Werner รัฐ California, USA

ประสบการณ์ทำงานย้อนหลัง

โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

รายงานประจำปี 2550

72


นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย กรรมการ / กรรมการบริหาร / รองกรรมการผู้จัดการ

นายสกล เปาอินทร์ กรรมการ / กรรมการบริหาร / ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานอำนวยการ

นางมุกดา อาริยวัฒน์ กรรมการ / กรรมการอิสระ

7.

8.

ชื่อ-สกุล

6.

ลำดับ

73 รายงานประจำปี 2550

54

44

39

อายุ

ปริญญาโท มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ปริ ญ ญาตรี บั ญ ชี บั ณ ฑิ ต (เกี ย รติ นิ ย ม อันดับ 2) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่นที่ 12 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2547 Audit Committee Program เมื่อวันที่ 9 10 ส.ค. 2547 รุ่น 1/2004

ไม่มี

ปริ ญ ญาโท สาขาบริ ห าร มหาวิ ท ยาลั ย 0.90 รามคำแหง ปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่ นที่ 20 เมื่ อ วั นที่ 8 กรกฎาคม 2547 0.10 ปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศนี ย บั ต ร เนติ บั ณ ฑิ ต ไทย เนติ บัณฑิตยสภา เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่ นที่ 20 เมื่ อ วั นที่ 8 กรกฎาคม 2547

วุฒิการศึกษา

สัดส่วน การถือหุ้น (ร้อยละ)

ไม่มี

เป็นหลานของ นายมงคล เปาอินทร์

ความสัมพันธ์ทาง ครอบครัวระหว่างผู้ บริหาร เป็นหลานของ นางสาว สิริลักษณ์ โกวิทจินดา ชัย และนายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล / เป็น สามีของนางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง

2550-ปัจจุบัน 2547-ปัจจุบัน 2546-2547 2540-2546 2538-2540

2546-ปัจจุบัน 2542-ปัจจุบัน 2538-2541 2535-2538 2532-2534 2528-2531

2548-ปัจจุบัน 2543-ปัจจุบัน 2539-2542 2536-2538

ช่วงเวลา

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท สำนักบังคับคดี ธีรคุปต์ จำกัด บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอกพัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอกธนา จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน)

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานอำนวยการ กรรมการผู้จัดการ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย ผู้จัดการ ฝ่ายกฎหมาย รองผู้จัดการ ฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ 7 ฝ่ายกำกับ หนี้สิ้น กรรมการตรวจสอบ กรรมการอิ ส ระและกรรมการ ตรวจสอบ กรรมการอิสระ กรรมการอิ ส ระและกรรมการ ตรวจสอบ ผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท จี เอ็ม มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) บริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็ม ซี แอล แมเนจเม้น เซอร์วิส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์วชิระซีเคียวริตี้ จำกัด

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท จินดาพงษ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท ไทยจินดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

บริษัท

รองกรรมการผู้จัดการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานก่อสร้าง ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้าง

ตำแหน่ง

ประสบการณ์ทำงานย้อนหลัง

โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ


นายนำชัย วนาภานุเบศ กรรมการ / กรรมการบริหาร / ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน

นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาองค์กร

10.

ชื่อ-สกุล

9.

ลำดับ

39

50

อายุ

ไม่มี ปริญญาโท บริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ ปริ ญ ญาตรี บั ญ ชี บั ณฑิ ต มหาวิ ท ยาลั ย ธรรมศาสตร์ เข้ารับการอบรมหลักสูตร DAP รุ่ นที่ 45 เมื่ อ วั นที่ 27 กั น ยายน 2548 ปริญญาโท บริหารธุรกิจ 0.78 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์ เคมี มหาวิทยาลัยรามคำแหง

วุฒิการศึกษา

สัดส่วน การถือหุ้น (ร้อยละ)

เป็นภรรยา ของนายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย

ความสัมพันธ์ทาง ครอบครัวระหว่างผู้ บริหาร ไม่มี

2549-ปัจจุบัน 2547-2549 2545-2547 2544-2545 2539-2543 2536-2538

2548-ปัจจุบัน 2542-ปัจจุบัน 2542-ปัจจุบัน 2542-ปัจจุบัน

ช่วงเวลา

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาองค์กร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทรัพยากร มนุษย์และธุรการ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน กรรมการ ที่ปรึกษาทางการเงิน รองกรรมการผู้จัดการ

ตำแหน่ง

บริษัท

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจส่วนตัว บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท จินดาพงษ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท ไทยจินดาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซี แอนด์ เอ็ม วิศวกรรม จำกัด บริษัท ฤทธิ์ทวีแลนด์ จำกัด บริษัท ส่งเสริมการค้า เอส เอ็ม อี จำกัด

ประสบการณ์ทำงานย้อนหลัง

โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

รายงานประจำปี 2550

74


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ หมายเหตุ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทได้แก่ ลำดับที่ 1, 5, 6, 7, 8 และ 10 โดยมีดังนี้ (1) นายมงคล เปาอินทร์ ลงลายมือชื่อร่วมกับ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย รวมเป็นสองคนและประทับตรา สำคัญของบริษัท หรือ คนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกับ นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล หรือ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท (2) การขออนุญาตจัดสรร การขออนุญาตค้าที่ดิน การขออนุญาตปลูกสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างทุกประเภท การขออนุญาตตรวจ รวม หรือแบ่งโฉนดที่ดิน การขออนุญาตแบ่งกรรมสิทธิ์รวม การจดทะเบียนจำนอง การปลอดจำนอง และการไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การขออนุญาตให้มีหมายเลขประจำบ้าน การขออนุญาตใช้และโอนไฟฟ้าและน้ำ ประปา การเช่าสิทธิ การใช้หมายเลขโทรศัพท์ การยื่นคำร้องทั่วไปเกี่ยวกับโทรศัพท์ การขออนุญาตเชื่อมทางและท่อระบาย น้ำ การขออนุญาตตัดคันหิน การชี้ระวางและรับรองแนวเขตที่ดิน การขอรังวัดแบ่งแยกที่ดิน การขอจดทะเบียนอาคารชุด การขอจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด การขอจดทะเบียนนิติบุคคลบ้านจัดสรร การขออนุญาตเปิดการใช้อาคาร การยินยอม ให้ใช้สถานที่ประกอบการค้า การให้ถ้อยคำตลอดจนยื่นและรับเอกสารเกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร ดำเนินการฟ้องคดีและยื่น คำให้การทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา การร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวนแทนการร้อง ทุกข์ ประนีประนอมยอมความ ให้ถ้อยคำ ตลอดจนส่งและรับคืนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี และการขออนุญาตต่าง ๆ ต่อ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ การรับรองสำเนาเอกสารต่าง ๆ ให้ นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล, นายชัยวัฒน์ โกวิท จินดาชัย, นายนำชัย วนาภานุเบศ และนายสกล เปาอินทร์ กรรมการสองในสี่คนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญ ของบริษัท

75 รายงานประจำปี 2550


รายชื่อ

, , , , , , , / / ,

/ / / / / / /

X , @ $ , @ $ , @ // , O // , O // , O // , O , @ // , O O

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)

/ = กรรมการ X = ประธานกรรมการ

นายมงคล เปาอินทร์ นายสุรพล ขวัญใจธัญญา นายศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย นายสกล เปาอินทร์ นางมุกดา อาริยวัฒน์ นายนำชัย วนาภานุเบศ นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง

หมายเหตุ :

/ / /

บริษัท ปริญเวน เจอร์ จำกัด

// = กรรมการบริหาร O = ผู้บริหาร

/

บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด

บริษัทย่อย

/

@ = กรรมการอิสระ

/

บริษัท ซี แอนด์ เอ็ม วิศวกรรม จำกัด

บริษัทที่เกี่ยวข้อง บริษัท สำนักบังคับคดี ธีรคุปต์ จำกัด

$ = กรรมการตรวจสอบ

O

บมจ. ชิน แซทเทิลไลท์

รายละเอียดเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารและผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550

O

บริษัท ส่งเสริมการค้า เอส เอ็ม อี จำกัด

โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

รายงานประจำปี 2550

76


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

รายละเอียดเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารและผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 รายชื่อ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย นายนำชัย วนาภานุเบศ นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง นางอรฤดี ณ ระนอง นายธนพล ศิริธนชัย นายชัฐ โกวิทจินดาชัย นางไพลิน วิเชษฐวิชัย นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย

บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด / , // / /

บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด / , // / , // / / , // / , // / , //

หมายเหตุ : / = กรรมการ // = กรรมการบริหาร ค่าตอบแทนผู้บริหาร ค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน ค่าตอบแทนคณะกรรมการบริษัท ค่าตอบแทนคณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วย ค่าเบี้ยประชุม และค่าบำเหน็จกรรมการ ในปี 2549 และปี 2550 บริษัทมีค่าตอบแทนคณะกรรมการบริษัทจำนวน 2,080,000 บาท และ 1,847,500 บาท ตามลำดับ โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายชื่อ 1. นายมงคล เปาอินทร์ 2. นายสุรพล ขวัญใจธัญญา 3. ร้อยตำรวจโทศิวะรักษ์ พินิจารมณ์ 4. นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ 5. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย 6. นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย 7. นายขวัญชาย มงคลกิจทวีผล 8. นางมุกดา อาริยวัฒน์ 9. นายนำชัย วนาภานุเบศ 10. นายสกล เปาอินทร์ รวม

ปี 2549 ค่าเบี้ยประชุม บำเหน็จกรรมการ 100,000 200,000 200,000 200,000 200,000 125,000 200,000 125,000 10,000 50,000 10,000 50,000 10,000 50,000 100,000 100,000 10,000 50,000 10,000 50,000 850,000 1,000,000

ปี 2550 ค่าเบี้ยประชุม บำเหน็จกรรมการ 120,000 200,000 245,000 200,000 245,000 125,000 120,000 - 7,500 50,000 10,000 50,000 10,000 50,000 170,000 125,000 10,000 50,000 10,000 50,000 947,500 900,000

หมายเหตุ : นายอำนาจ งามสุริยโรจน์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550

77 รายงานประจำปี 2550


โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการ

ค่าตอบแทนผู้บริหาร ปี 2549 จำนวนราย ค่าตอบแทน (บาท) 6 8,640,000 6 2,000,000 6 10,640,000

ค่าตอบแทน เงินเดือนรวม โบนัสรวม รวม

ปี 2550 จำนวนราย ค่าตอบแทน (บาท) 7 13,580,000 6 2,770,000 16,350,000 7

ค่าตอบแทนอื่น -ไม่มี-

บุคลากร

จำนวนบุคลากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีพนักงานทั้งสิ้น 316 คน ซึ่งไม่รวมกรรมการ และผู้บริหาร โดยแบ่งจำนวนพนักงานตามสายงานได้ดังนี้ สายงาน จำนวน (คน) สายงานอำนวยการ สายงานขายและการตลาด สายงานบริหารกลุ่มโครงการ สายงานบัญชีและการเงิน สายงานลูกค้าสัมพันธ์ สายงานพัฒนาองค์กร

15 88 141 21 26 25

รวม

316

ทั้งนี้ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทไม่มีข้อพิพาทด้านแรงงานใด ๆ ค่าตอบแทนพนักงาน ค่าตอบแทนรวมของพนักงานซึ่งรวมค่าตอบแทนที่เข้าออกระหว่างปี โดยบริษัทมีการจ่ายค่าตอบแทนใน รูปของเงินเดือน ค่าจ้าง และโบนัส สำหรับปี 2549 มีพนักงานทั้งสิ้นจำนวน 240 คน จำนวนประมาณ 102.94 ล้านบาท และสำหรับปี 2550 มีพนักงานทั้งสิ้นจำนวน 421 คน จำนวนประมาณ 102.94 ล้านบาท นโยบายการพัฒนาบุคลากร บริษัทมีนโยบายการพัฒนาบุคลากร โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรในด้านความรู้ความสามารถใน การปฏิบัติงาน และรักษาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทำงานกับบริษัทในระยะยาว มีความก้าวหน้าในอาชีพ โดยได้มีการ จัดอบรมทั้งในและนอกสถานที่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัทมีการจัดทำแผนการฝึกอบรมขึ้นทุกปีโดยจะสำรวจความต้องการใน การฝึกอบรมของบุคลากรทุกระดับในแต่ละฝ่าย และจะคำนึงถึงการจัดการฝึกอบรมให้เหมาะสมกับงานในแต่ละสายงาน โดย จะมีการฝึกอบรมในหลักสูตรปกติและโครงการพิเศษสำหรับพนักงานทั่วไปและผู้บริหาร

รายงานประจำปี 2550

78



การกำกับดูแลกิจการที่ดี

รายงานประจำปี 2550

80


การกำกับดูแลกิจการที่ดี บริ ษั ท มี เจตนารมณ์ ที่ มุ่ ง มั่ น ในการดำเนิ นธุ ร กิ จ ภายใต้ ห ลั ก การกำกั บ ดู แ ลกิ จ การที่ ดี (Good Corporate Governance) หรือบรรษัทภิบาล ตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดี ระเบียบข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทยและระเบียบข้อบังคับของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่ง ขันนำไปสู่ความเจริญเติบโตและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอื่น จากความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มมูลค่า และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน ของบริษัท โดยแสดงให้เห็นถึงการมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและ ความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย บริษัทจึงได้กำหนดเป็นนโยบาย และประกาศใช้เมื่อ วันที่ 3 เมษายน 2547 อีกทั้งได้จัดทำเป็นเอกสารคู่มือหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเอกสารคู่มือจรรยาบรรณ เพื่อใช้ เป็นแนวทางในการปฏิบัติของทุกคนในองค์กร สำหรับการดำเนินการด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท สามารถสรุปได้ดังนี้ 1. เป้าหมายของนโยบายการกำกับดูแลกิจการ คณะกรรมการบริษัท ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ เฉพาะเรื่องอีกจำนวน 2 คณะ ในการช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญภายใต้หลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดี ได้แก่ คณะ กรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยคณะกรรมการเฉพาะเรื่องในทุกคณะประกอบด้วยผู้ทรงคุณ วุฒิที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ. 2535 และตามประกาศคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ. 12/2543 และมีการกำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบไว้อย่าง ชัดเจนในทุกคณะ ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบรับผิดชอบในการดำเนินการเกี่ยวกับการ กำกับดูแลกิจการที่ดีด้วย โดยมีขอบข่ายในการดำเนินงานดังนี้ 1. เสนอแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี ต่อคณะกรรมการบริษัท 2. ให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการบริษัท ในเรื่องเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3. กำกับดูแลการปฏิบัติงานของกรรมการและฝ่ายจัดการของ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการ กำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท 4. ทบทวนแนวทางหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท โดยเปรียบเทียบกับแนวปฏิบัติ ของหลักสากล และเสนอแนะต่อคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริษัท ได้กำหนดเป้าหมายของนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท ไว้ดังนี้ “บริษัทมุ่งเน้นให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง มีความโปร่งใสและเป็น ธรรม รวมทั้งให้ความสำคัญต่อระบบการตรวจสอบและควบคุมภายในการบริหารความเสี่ยง และการเปิดเผยข้อมูลอย่าง เพียงพออันจะส่งผลให้กิจการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และเป็นการเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ เสียภายใต้กรอบของกฎหมายและจริยธรรมทางธุรกิจ” นอกจากนี้ บริษัทได้มีการรณรงค์ส่งเสริมความสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ตามหลักการกำกับดูแล กิจการที่ดีอย่างจริงจัง โดยมีการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์นโยบายและความรู้เกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท ผ่านเอกสารคู่มือหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเอกสารคู่มือจรรยาบรรณ ทั้งนี้บริษัทยังทำการประชาสัมพันธ์ผ่าน Intranet และ Web Site ของบริษัทเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พนักงานทุกคนในองค์กร และเป็นการเผยแพร่ให้กับผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อนำไปใช้ประโยชน์หรือนำไปใช้อ้างอิง ได้ 2. สิทธิและความเท่าเทียมของผู้ถือหุ้น บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญถึงสิทธิและความเท่าเทียมของผู้ถือหุ้น โดยการดำเนินการและส่ง

81 รายงานประจำปี 2550


การกำกับดูแลกิจการที่ดี เสริมให้ผู้ถือหุ้นได้ใช้สิทธิของตน อีกทั้งยังคอยกำกับดูแลให้ผู้ถือหุ้นได้รับการปฏิบัติและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม กันด้วย การประชุ ม สามั ญ ผู้ ถื อ หุ้ น บริ ษั ท กำหนดให้ มี ก ารประชุ ม ปี ล ะครั้ ง ภายในเวลาไม่ เ กิ น 4 เดื อ น

นับแต่วันสิ้นสุดรอบปีบัญชีของบริษัท ในกรณีที่มีเรื่องสำคัญเร่งด่วน ที่ต้องได้รับการพิจารณาจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทก็ อาจจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเป็นกรณีไป ซึ่งในการจัดประชุมผู้ถือหุ้นนั้น บริษัทจะจัดส่งเอกสารเชิญประชุมที่มีราย ละเอียดวาระการประชุม พร้อมทั้งเอกสารประกอบการประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันประชุมผู้ถือ หุ้น และทำการลงประกาศเชิญประชุมผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์รายวัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 3 วัน ทั้งฉบับภาษา ไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ 1 ฉบับ ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเชิญ ประชุมที่มีรายละเอียดวาระการประชุม พร้อมทั้งเอกสารประกอบการประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นการล่วงหน้าก่อนที่จะจัดส่ง เอกสาร เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีเวลาศึกษาข้อมูลประกอบการประชุมล่วงหน้าอย่างเพียงพอก่อนได้รับข้อมูลในรูปแบบ เอกสารจากบริษัท บริษัทจึงจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไว้ในเว็ปไซด์ (Web Site) ของบริษัทในส่วนของนักลงทุน สัมพันธ์ (Investor Relations) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ผู้ ถือหุ้นยังสามารถเสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุมผ่านช่องทางเว็ปไซด์ Web Site ของบริษัทได้ด้วย สำหรับในวันที่จัดการประชุมผู้ ถือหุ้น บริษัทจัดให้มีการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกันทุกราย และมีการเปิดรับลงทะเบียนก่อนเวลา ประชุม 2 ชั่วโมง และคำนึงถึงสถานที่ และเวลา ที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้นที่มาร่วมประชุมด้วย ในการดำเนินการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท บริษัทจะคอยดูแลและให้โอกาสผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกันทุก ราย โดยก่อนเริ่มการประชุม ประธานที่ประชุมจะชี้แจงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการประชุม ขั้นตอนการออกเสียงลงมติ อย่าง ชัดเจน ในขณะที่มีการประชุมประธานที่ประชุมจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกรายแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ถาม คำถามในแต่ละวาระ โดยให้เวลาในการอภิปรายอย่างเพียงพอและเหมาะสม ในการชี้แจงและการตอบคำถาม ประธานที่ ประชุมและผู้บริหารจะให้ความสำคัญในทุกประเด็นโดยตอบข้อซักถามอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา สำหรับการลงมติ บริษัทจัดให้มีวิธีการตามแนวทางสากลและเน้นความโปร่งใส โดยมีผู้สอบบัญชีเป็นพยานในการนับคะแนน มีการบันทึกการ ประชุมอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งได้จัดเก็บรายงานการประชุมอย่างเป็นระเบียบเพื่อ ง่ายและสะดวกต่อการตรวจสอบ นอกจากนี้บริษัทมีหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเปิด เผยข้อมูลและสารสนเทศของบริษัทต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุน นักวิเคราะห์ ผู้สื่อข่าว และประชาชนทั่วไปที่สนใจในหลักทรัพย์ของ บริษัท อย่างถูกต้อง ครบถ้วน สม่ำเสมอ ทันเวลา โปร่งใส และเท่าเทียมกัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับข้อมูล และสารสนเทศของบริษัท เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท งบการเงิน รายงานประจำปี หนังสือเชิญประชุม สารสนเทศที่บริษัท แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และกิจกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์เป็นต้น บริษัทจึงได้เผยแพร่ไว้ในเว็ปไซด์ (Web Site) ของบริษัท ในส่วนของนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นและผู้ที่สนใจข่าวสารทั่วไปยัง สามารถติดต่อกับหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) ได้โดยตรงที่ (02)617-6900 หรือผ่านทางเว็ปไซด์ (Web Site) ของบริษัทได้อีกด้วย 3. สิทธิและความเท่าเทียมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ บริษัทจะให้ความสำคัญและเคารพต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินกิจการ เช่น ลูกค้า พนักงาน คู่ค้า คู่แข่ง เจ้าหนี้ และชุมชน เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้กำหนดเป็นนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ ดี และจรรยาบรรณของบริษัทไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทุกคนในองค์กรยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงาน โดยสามารถ สรุปความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้ - พนักงาน : บริษัทได้ปฏิบัติกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกัน และให้ผลตอบแทนที่ เป็นธรรมและเหมาะสม

รายงานประจำปี 2550

82


การกำกับดูแลกิจการที่ดี - คู่ค้าและเจ้าหนี้ : บริษัทปฏิบัติต่อคู่ค้าและเจ้าหนี้อย่างเป็นธรรม และเป็นไปตาม เงื่อนไขทางการค้า ตามสัญญาที่ตกลงทำร่วมกัน - ลูกค้า : บริษัทเอาใส่และรับผิดชอบต่อลูกค้า โดยผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเน้นให้ความสำคัญถึงคุณภาพสินค้า การบริการ และราคาที่เหมาะสม - คู่แข่งขัน : บริษัทปฏิบัติตามกรอกกติกาการแข่งขันที่ดี เพื่อรักษาบรรทัดฐาน ของข้อพึงปฏิบัติในการแข่งขัน - ชุมชน : บริษทั ให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากกับการรักษาสิง่ แวดล้อม โดยรับผิดชอบ และดูแลมิให้มผี ลกระทบต่อสิง่ แวดล้อมของชุมชนและสังคม 4. การประชุมผู้ถือหุ้น การประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในปี 2550 ที่ผ่านมา มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้น 1 ครั้ง โดยเป็นการ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2550 ประจำปี 2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ในการประชุมครั้งนี้บริษัท ได้จัดส่ง หนังสือเชิญประชุมที่มีรายละเอียดวาระการประชุม ความเห็นของคณะกรรมการ รายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา รายงาน ประจำปี เอกสารประกอบการประชุม (เปิดเผยใน web site ก่อนการประชุม 30 วัน) เอกสารที่ต้องใช้ในการมอบฉันทะและ ระบุวิธีการไว้ชัดเจน โดยจัดส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นเกิน 7 วัน ซึ่งบริษัทได้จัดส่งให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท และทำการลงประกาศเชิญประชุมผู้ถือ หุ้นในหนังสือพิมพ์รายวัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 3 วัน ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ 1 ฉบับ ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วัน รวมทั้งได้แต่งตั้งกรรมการอิสระเป็นผู้รับมอบฉันทะแทนผู้ถือหุ้นในกรณีที่ผู้ถือหุ้นประสงค์จะมอบ ฉันทะให้กรรมการอิสระเป็นผู้เข้าประชุมแทน ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นสามารถเลือกมอบฉันทะให้บุคคลอื่นใด หรือจะเป็นกรรมการอิสระ ตามที่ได้รับแต่งตั้งเข้าประชุมแทนได้ สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2551 บริษัทจะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเชิญประชุมที่ มีรายละเอียดวาระการประชุม พร้อมทั้งเอกสารประกอบการประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นการล่วงหน้าก่อนที่จะจัดส่งเอกสาร ผ่านทางเว็ปไซด์ (Web Site) ของบริษัทในส่วนของนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น และดำเนินการเปิดให้ผู้ถือหุ้นสามารถเสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุมผ่านช่อง ทางเว็ปไซด์ Web Site ของบริษัทได้อีกด้วย ในการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2550 ที่ผ่านมา มีกรรมการเข้าร่วมประชุมรวมทั้งสิ้น 10 ท่าน ประกอบ ด้วยคณะกรรมการบริษัททั้งหมด โดยประธานกรรมการบริษัททำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งได้แจ้งรายละเอียด ขององค์ประชุม อธิบายวิธีการ คะแนน การนับคะแนน การใช้บัตรลงคะแนน และเปิดเผยผลการนับคะแนนแต่ละวาระอย่าง ชัดเจน โปร่งใส รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าประชุมซักถาม แสดงความคิดเห็น โดยให้เวลาอย่างเหมาะสมและเพียงพอ สำหรับ การตอบคำถามของกรรมการและผู้บริหารมีความชัดเจนตรงประเด็น ทั้งนี้การดำเนินการประชุมเป็นไปอย่างครบถ้วนและถูก ต้องตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีการเปิดรับลงทะเบียนก่อนเวลาประชุม 2 ชั่วโมง และต่อเนื่องไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการประชุม มีการจัดของว่างเพื่อเลี้ยงรับรองผู้ถือหุ้น ใช้เวลาประชุมประมาณ 1.30 ชั่วโมง มีการบันทึกการประชุมอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งได้จัดเก็บรายงานการ ประชุมอย่างเป็นระเบียบเพื่อง่ายและสะดวกต่อการตรวจสอบ ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นสามารถเข้าดูรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นได้จากทางเว็ปไซด์ (Web Site) ของบริษัทในส่วนของนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) ภายใน 14 วัน

83 รายงานประจำปี 2550


การกำกับดูแลกิจการที่ดี 5. ภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ คณะกรรมการบริษัท ประกอบไปด้วยผู้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ ในการ ดำเนินการของคณะกรรมการบริษัทจะยึดหลักการตามกฏหมาย ข้อบังคับ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น และตั้งอยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต ความมีจรรยาบรรณและจริยธรรม คณะกรรมการของบริษัทมีบทบาทสำคัญในการกำหนด วิสัยทัศน์ ภารกิจ และพิจารณาให้ความเห็น ชอบ ทิศทางการดำเนินธุรกิจ นโยบาย กลยุทธ์ เป้าหมาย เพื่อให้ฝ่ายบริหารนำไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนธุรกิจ แผนงบ ประมาณประจำปี และกำกับดูแลให้การบริหารงานของฝ่ายจัดการเป็นไปตามนโยบาย เป้าหมาย แผนธุรกิจที่กำหนดไว้ เพื่อ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กรและผู้ถือหุ้น ในปีที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารได้นำเสนอแผนธุรกิจประจำปี และงบ ประมาณประจำปี ต่อคณะกรรมการบริษัทโดยมีการอภิปรายและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้ พิจารณาให้ข้อคิดเห็นเพื่อการปรับปรุงและได้พิจารณาอนุมัติแล้ว 6. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัทให้ความสำคัญในนโยบายเกี่ยวกับความขัดแย้งทางประโยชน์ โดยได้กำหนดนโยบายที่ห้ามมิให้ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของบริษัท ทั้งนี้บริษัทยังได้กำหนด เป็นส่วนหนึ่งในจรรยาบรรณที่สำคัญให้ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด คณะกรรมการได้ดูแลเรื่องรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างรอบคอบ รวมทั้งการดูแล เรื่องการใช้ข้อมูลภายในของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัวดังนี้ 1. รายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ คณะกรรมการได้ทราบถึงรายการที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ในการทำรายกายที่อาจมีความ ขัดแย้งทางผลประโยชน์ คณะกรรมการจะพิจารณาความเหมาะสมอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็น หลัก โดยหากบริษัทมีรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยขน์ บริษัทจะนำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อ พิจารณาให้ความเห็นรายการดังกล่าว และนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้บริษัทจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด 2. การดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน บริษัทได้มีนโยบายห้ามมิให้กรรมการและผู้บริหารของบริษัท นำข้อมูลของบริษัทไปใช้ไม่ว่าทางตรงหรือ โดยทางอ้อมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตามรายละเอียดในข้อ 9.5 ในการประชุมคณะกรรมการบริษัททุกครั้ง ประธานกรรมการจะแจ้งต่อที่ประชุมให้ปฏิบัติตามนโยบาย เกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยในระเบียบวาระใดที่กรรมการเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย ขอให้กรรมการ แจ้งต่อที่ประชุมเพื่องดออกเสียงหรือให้ความเห็นใด ๆ คณะกรรมการตรวจสอบจะพิจารณาความเหมาะสม ความสมเหตุสมผลของรายการที่เกี่ยวโยงกัน รายการที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อย่างรอบคอบ ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ โดย กำหนดในรายงานและเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในทุก ๆ ไตรมาส รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลไว้ในรายงานประจำปี และแบบ แสดงรายการข้อมูลประจำปี

รายงานประจำปี 2550

84


การกำกับดูแลกิจการที่ดี 7. จริยธรรมธุรกิจ บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างระบบคุณธรรม และจริยธรรมอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน จึงได้ จัดให้มีการจัดทำจรรยาบรรณของบริษัทขึ้น ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2547 เพื่อใช้เป็นข้อพึงปฏิบัติสำหรับ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานในการปฏิบัติตนและปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นการสร้างความ เติบโตที่ยั่งยืนให้แก่องค์กร โดยจรรยาบรรณดังกล่าวนี้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนจะต้องยึดถือและปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด อีกทั้งบริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ปรึกษา และคู่ค้า เป็นต้น นำจรรยา บรรเหล่านี้ไปใช้อย่างกว้างขวางเช่นกัน บริษัทได้นำจรรยาบรรณของบริษัทที่จัดจำขึ้นเผยแพร่ให้กับ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน อย่างทั่ว ถึง ทั้งยังได้เผยแพร่ผ่านระบบ Intranet และเว็ปไซด์ (Web Site) ของบริษัทในส่วนของนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) ด้วย 8. การถ่วงดุลกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร บริษัทมีการถ่วงดุลกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร โดยไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดมีอำนาจในการตัดสินใจ แต่งเพียงบุคคลเดียวหรือกลุ่มเดียว เพื่อเป็นการสร้างกลไกการถ่วงดุลและให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดย บริษัทมีคณะกรรมการทั้งสิ้นจำนวน 9 ท่าน รายละเอียดเป็นดังนี้ - กรรมการที่เป็นผู้บริหาร 5 ท่าน - กรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 4 ท่าน บริษัทมีกรรมการอิสระทั้งหมด 4 ท่าน และเป็นกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น

ร้อยละ 50 ของกรรมการทั้งหมด โดยกรรมการอิสระสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนของผู้ถือหุ้นได้อย่างเป็นอิสระ ซึ่ง ถือได้ว่ามีการถ่วงดุลที่เหมาะสม ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีถึงกลางปี บริษัทมีกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 5 ท่าน และในวันที่ 30 มิถุนายน 2550 มีกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 1 ท่านลาออก ทำให้ปัจจุบันมีกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 4 ท่าน 9. การรวมหรือแยกตำแหน่ง บริษัทมีการแยกอำนาจหน้าที่และตำแหน่งของผู้บริหารอย่างชัดเจน โดยประธานกรรมการและประธาน คณะกรรมการบริหารมิได้เป็นบุคคลคนเดียวกัน มีการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีอำนาจโดยไม่จำกัด 10. ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร บริษัทได้กำหนดนโยบายค่าตอบแทนกรรมการของบริษัทไว้อย่างชัดเจน และโปร่งใสโดยค่าตอบแทนอยู่ ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอุตสาหกรรม รวมทั้งอยู่ในระดับที่เพียงพอที่จะดึงดูดและรักษากรรมการที่มีคุณสมบัติที่ ต้องการได้ และต้องผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ค่าตอบแทนผู้บริหาร บริษัทจัดให้เป็นไปตามหลักการและนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด ซึ่ง เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานของบริษัทและผลการดำเนินงานของผู้บริหารแต่ละท่าน ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีคณะอนุกรรมการ กำหนดค่าตอบแทน แต่มีกระบวนการพิจารณาค่าตอบแทนที่เหมาะสมโดยใช้ข้อมูลค่าตอบแทนของบริษัทในอุตสาหกรรม เดียวกันและมีขนาดใกล้เคียงกัน รวมทั้งใช้ผลประกอบการของบริษัทมาประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทได้กำหนดค่าตอบแทนกรรมการของบริษัทซึ่งผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือ หุ้น โดยเป็นค่าเบี้ยประชุมและบำเหน็จกรรมการ รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 2,480,000 บาท ในส่วนของกรรมการที่ เป็นผู้บริหารจะมีสิทธิได้รับผลตอบแทนในฐานะผู้บริหารในรูปของเงินเดือน และโบนัสอีกส่วนหนึ่งด้วย รายละเอียดค่า ตอบแทนกรรมการและผู้บริหารโปรดดูในข้อ 9.3 เรื่องค่าตอบแทนผู้บริหาร

85 รายงานประจำปี 2550


การกำกับดูแลกิจการที่ดี 11. การประชุมคณะกรรมการ คณะกรรมการบริษัทมีการประชุมกันอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง โดยมีการกำหนดวาระ อย่างชัดเจน และมีวาระพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานเป็นประจำ บริษัทจะออกหนังสือเชิญประชุมพร้อมระเบียบวาระ การประชุมและเอกสารก่อนการประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อให้คณะกรรมการได้มีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอ ก่อนเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัท จะแจ้งการนัดประชุมโดยวิธีอื่น และกำหนดวันประชุมให้เร็วกว่านั้น การประชุมแต่ละครั้งจะใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 2 ชั่วโมง โดยในการประชุมจะเปิดโอกาสให้กรรมการ ทุกคนอภิปราย แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยและเสรี โดยมีประธานคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้ประมวลความเห็นและข้อ สรุปที่ได้จากที่ประชุม ในกรณีที่กรรมการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องที่กำลังพิจารณาจะต้องออกจากที่ประชุมในเรื่องนั้น ๆ มี การจัดทำบันทึกการประชุมทุกครั้งภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม และมีการจัดเก็บรายงานการประชุมที่ผ่านการรับรองแล้ว จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้กรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องสะดวกและง่ายต่อการตรวจสอบ ในปี 2550 คณะกรรมการบริษัท มีการประชุมวาระปกติจำนวน 6 ครั้ง รายละเอียดการเข้าร่วม ประชุมของกรรมการแต่ละท่านโปรดดูในข้อ 9.1 เรื่องโครงสร้างการจัดการ 12. คณะอนุกรรมการ เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งคณะกรรมการ เฉพาะเรื่องอีกจำนวน 2 คณะ เพื่อช่วยกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญ ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการ บริหารความเสี่ยง โดยมีอำนาจหน้าที่ตามรายละเอียดในข้อ 9.1.2 เรื่องคณะกรรมการตรวจสอบ และในข้อ 9.1.3 เรื่อง คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบ ดูแลในเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดี ของบริษัทด้วย โดยมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้ 1. เสนอแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีต่อคณะกรรมการบริษัท 2. ให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการบริษัทในเรื่องเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3. กำกำดูแลการปฏิบัติงานของกรรมการ และฝ่ายจัดการเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับ ดูแลกิจการที่ดี 4. ทบทวนหลักการและแนวทางในการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท โดยเปรียบเทียบกับ แนวปฏิบัติของสากล เพื่อการพัฒนาและปรับปรุง โดยเสนอแนะต่อคณะกรรมการบริษัท 13. ระบบการควบคุม การตรวจสอบภายในและการบริหารความเสี่ยง บริ ษั ท ให้ ค วามสำคั ญ ต่ อ ระบบควบคุ ม ภายในทั้ ง ในระดั บ บริ ห าร และระดั บ ปฏิ บั ติ ง านเพื่ อ ให้ มี ประสิ ท ธิ ภ าพ ทั้ ง นี้ ไ ด้ ก ำหนดภาระหน้ า ที่ อำนาจการดำเนิ นการของผู้ ป ฏิ บั ติ ง าน คณะกรรมการ คณะผู้ บ ริ ห าร

ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน มีการควบคุมดูแลการใช้ทรัพย์สินของบริษัทให้เกิดประโยชน์ และมีการแบ่งแยกหน้าที่ผู้ ปฏิบัติงานผู้ติดตามควบคุมและประเมินผลออกจากกัน เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบระหว่างกันอย่างเหมาะสม จัดให้ มีระบบการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพและระบบการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและครอบคลุมทุกด้านไม่ ว่าจะเป็นด้าน การบริหาร (Management Control), การเงิน (Financial Control) และการปฏิบัติการ (Operational Control) พร้อมทั้งมีการติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ความมั่นใจว่าระบบที่วางไว้สามารถดำเนินไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบทำหน้าที่สอบทานในการปฏิบัติตามระบบควบคุมภายใน บริษัทได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยมีบทบาทหน้าที่บริหารความเสี่ยงในภาพรวมของทั้ง องค์กร ประเมินความเสี่ยง และวางรูปแบบโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ทั้งนี้เพื่อจัดการความเสี่ยงให้อยู่ใน

รายงานประจำปี 2550

86


การกำกับดูแลกิจการที่ดี ระดับที่สามารถยอมรับได้และเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risks), ความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน (Operation Risks), ความเสี่ยงในธุรกิจ (Business Risks) และความเสี่ยงในเหตุการณ์ (Event Risks) เป็นต้น รวมทั้งมี การจัดทำการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแนวโน้มซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัททั้งภายในและภายนอก และจัดให้ มีการจัดทำรายงานประเมินผลความเสี่ยง (Risk Management Report) เสนอต่อคณะกรรมการบริษัท บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจัง คณะกรรมการบริษัทได้ประกาศนโยบายการ บริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้จัดทำคู่มือการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรขึ้น เพื่อ ให้ทุกหน่วยงานของบริษัทใช้เป็นแนวทางในการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง และในปี 2550 บริษัทมีการจัดอบรม ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงให้กับพนักงานทุกคนของบริษัทด้วย บริษัทมีสำนักตรวจสอบภายใน โดยว่าจ้างผู้ตรวจสอบภายในอิสระ (Out Source) เป็นผู้ดำเนินการทำ หน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติงานหลัก และกิจกรรมทางการเงินที่สำคัญของบริษัทได้ดำเนินการตามแนวทางที่ กำหนดและมีประสิทธิภาพ รวมถึงตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และเพื่อให้หน่วย งานตรวจสอบภายในมีความเป็นอิสระสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลได้อย่างเต็มที่ คณะกรรมการจึงกำหนดให้ฝ่าย ตรวจสอบภายในรายงานผลการตรวจสอบโดยตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ และได้รับการประเมินผลงานจากคณะ กรรมการตรวจสอบด้วย สำนักตรวจสอบภายในรวมทั้งสำนักงานสอบบัญชี ดี ไอ เอ ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบงบการเงินประจำปี 2550 ได้ให้ ความเห็นว่า ไม่พบข้อบกพร่องที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับระบบการเก็บเอกสารสำคัญและระบบควบคุมภายในของบริษัทฯ แต่ อย่างใด 14. รายงานของคณะกรรมการ คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบต่องบการเงินของบริษัท และสารสนเทศทางการเงินที่ปรากฏใน รายงานประจำปีของบริษัท ทั้งนี้งบการเงินดังกล่าวจัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีที่ได้รับการรับรองทั่วไปในประเทศไทย โดย เลือกใช้นโยบายที่เหมาะสมและถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และใช้ดุลยพินิจอย่างระมัดระวัง รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลที่ สำคัญอย่างเพียงพอในหมายเหตุประกอบงบการเงิน คณะกรรมการบริษัทได้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อทำหน้าที่สอบทานให้บริษัทมีรายงานทางการ เงินอย่างถูกต้องและเพียงพอ มีระบบการควบคุมภายใน และการตรวจสอบอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยคณะ กรรมการตรวจสอบประกอบด้วยกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับคุณภาพของรายงานทางการเงิน และระบบควบคุมภายใน คณะกรรมการมีความเห็นว่าระบบควบคุมภายในของบริษัทโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และสามารถ สร้างความเชื่อมั่นอย่างมีเหตุผลต่อความเชื่อถือได้ของงบการเงินของบริษัท 15. ความสัมพันธ์กับผู้ลงทุน คณะกรรมการบริษัทตระหนักดีว่าข้อมูลของบริษทั ทัง้ ทีเ่ กีย่ วกับการเงินและทีไ่ ม่ใช่การเงิน ล้วนมีผลกระทบ ต่อกระบวนการตัดสินใจของผูล้ งทุนและผูม้ สี ว่ นได้สว่ นเสียของบริษัท บริษัทจึงมีนโยบายให้ฝ่ายบริหารดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยว กับการเปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วน ตรงต่อความเป็นจริง เชื่อถือได้ สม่ำเสมอ ทันต่อเวลา และเป็นไปตามกฏหมาย ระเบียบ ข้อ บังคับที่เกี่ยวกับการเปิดเผยของมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ซึ่งฝ่ายบริหารของบริษัทได้ให้ความสำคัญและจะยึดถือปฏิบัติ นอกเหนือจากการเปิดเผยข้อมูลตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว บริษัทได้จัดตั้งหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์(Investor Relations) ขึ้น โดยเป็นศูนย์กลางเพื่อดูแลเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทกับ ผู้ถือหุ้น นักลงทุน นักวิเคราะห์ ผู้สื่อข่าว และ ประชาชนทั่วไปที่สนใจในหลักทรัพย์ของบริษัท 87 รายงานประจำปี 2550


การกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยในปี 2550 บริษัทมีกิจกรรมในการนำเสนอข้อมูลของบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้ การนำ เสนอข้อมูลแก่นักลงทุน (Road Show) ภายในประเทศจำนวน 3 ครั้ง ต่างประเทศ 1 ครั้ง การประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) จำนวน 8 ครั้ง นักลงทุนรายย่อยขอเข้าพบผู้บริหารและรับฟังข้อมูลบริษัท จำนวน 3 ครั้ง การเยี่ยม ชมกิจการ (Site Visit) จำนวน 3 ครั้ง จัดนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนของตลาด หลักทรัพย์ฯ (Opportunity Day) จำนวน 2 ครั้ง เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ (Press Releases) และสัมภาษณ์ออก รายการโทรทัศน์ เป็นครั้งคราวในกรณีที่บริษัทมีกิจกรรมการลงทุนหรือกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญ ตลอดจนให้ข้อมูลและตอบ ข้อซักถามนักลงทุนและสื่อมวลชนที่ติดต่อทางอีเมลล์ (E-mail) และโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้บริษัทมีบริการข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลการดำเนินงาน งบการเงิน ข่าวบริษัท ข้อมูลหลัก ทรัพย์ กิจกรรมหลักทรัพย์ รายงานประจำปี หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น รายงานการประชุม และข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทาง เว็ปไซด์ (Web Site) www.prinsiri.com ในส่วนของนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) โดยมีการปรับปรุงข้อมูลให้มี ความทันสมัยอยู่ตลอด

รายงานประจำปี 2550

88



การดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน

รายงานประจำปี 2550

90


การดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน บริษัทมีนโยบายห้ามกรรมการ ผู้บริหาร และบุคคลากรของบริษัท ใช้ข้อมูลภายในที่มีสาระสำคัญของบริษัท ซึ่ง ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่น รวมถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยมีวิธีการป้องกัน การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ของผู้บริหารและบุคลากรของบริษัท ดังนี้ 1. ดำเนินการแจ้งให้กรรมการ และผู้บริหาร ที่มีหน้าที่ในการรายงานการถือหลักทรัพย์ในบริษัทตาม มาตรา 59 เพื่อให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ สจ.14/2540 เรื่องการจัดทำและเปิดเผยรายงาน การถือหลักทรัพย์ และบทกำหนดโทษตามมาตรา 275 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 2. ดำเนินการส่งหนังสือเวียนแจ้งให้ผู้บริหารทราบว่า ผู้บริหารของบริษัทที่ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นสาระ สำคัญ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหลักทรัพย์ ต้องไม่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลก่อนที่จะเปิดเผยสู่สาธารณชน โดยกำหนดให้ ผู้บริหารห้ามทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นระยะเวลา 1 เดือน ก่อนที่งบการเงินหรือข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญจะเปิด เผยสู่สาธารณชน และห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญนั้นต่อบุคคลอื่น 3. บริษัทกำหนดให้มีการป้องกันการนำข้อมูลของบริษัทไปใช้ โดยกำหนดให้ไม่ให้หน่วยงานที่รู้ข้อมูลนำ ไปเปิดเผยยังหน่วยงานหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการควบคุมดูแลและตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าว บริษัทมีนโยบายให้กรรมการ และผู้บริหาร ที่ มีหน้าที่จัดทำรายงานการถือครองและการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ตามมาตรา 59 แจ้งให้คณะกรรมการบริหารของ บริษัททราบ ในวันเดียวกับที่ส่งรายงานถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมิได้กำหนด บทลงโทษในกรณีที่ผู้บริหารไม่รายงานการถือครองหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แจ้งให้ผู้บริหารทราบถึงบทลงโทษ ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรณีที่ฝ่าฝืนหรือไม่นำส่งรายงานการถือ หลักทรัพย์ ทั้งนี้บริษัทยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลการใช้ข้อมูลภายใน โดยได้กำหนดเป็นส่วนหนึ่งของจรรยาบรรณที่ สำคัญให้ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

91 รายงานประจำปี 2550




การควบคุมภายใน

รายงานประจำปี 2550

94


การควบคุมภายใน บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของระบบการควบคุมภายในเป็นอย่างมาก คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้ คณะกรรมการตรวจสอบ สอบทานการประเมินระบบการควบคุมภายใน โดยมุ่งเน้นระบบการควบคุมภายในที่มีความเพียงพอ และเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน รวมทั้งการใช้ทรัพยากร การดูแลรักษา ทรัพย์สิน การป้องกัน หรือลดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล การสิ้นเปลือง การทุจริต สร้างความเชื่อมั่นในระบบ บัญชี และรายงานทางการเงินที่มีความถูกต้องเชื่อถือได้ รวมทั้งการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการ ดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทมีฝ่ายตรวจสอบภายใน โดยว่าจ้างผู้ตรวจสอบภายในอิสระ (Out Source) เป็นผู้ดำเนินการทำหน้าที่ตรวจ สอบเพื่อประเมินการควบคุมของบริษัทเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายได้ โดยหน่วยงานตรวจสอบ ภายในมีความเป็นอิสระสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งคณะกรรมการได้กำหนดให้ฝ่ายตรวจ สอบภายในรายงานผลการตรวจสอบโดยตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ในปี 2550 คณะกรรมการตรวจสอบได้สอบทานการประเมินการควบคุมภายใน ซึ่งจัดทำโดยฝ่ายตรวจสอบ ภายใน ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ 1. องค์กรและสภาพแวดล้อมของการควบคุม ผู้บริหารและบุคคลากรมีทัศนคติที่ดีและเอื้อต่อการควบคุมภายใน ผู้บริหารให้ความสำคัญรูปแบบ การทำงานของผู้บริหารกับการมีจริยธรรม จรรยาบรรณ และความซื่อสัตย์ มีการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ โครงสร้างองค์กรนโยบายด้านการบริหารบุคลากรเหมาะสมในการจูงใจและสนับสนุนผู้ปฏิบัติงาน โดยภาพรวมองค์กรตาม สภาพแวดล้อมของบริษัทเหมาะสม และมีส่วนทำให้การควบคุมภายในมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 2. การประเมินความเสี่ยง บริษัทได้กำหนดนโยบายและแนวทางในการประเมินความเสี่ยง ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัย ภายนอกที่มีผลต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัท การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบตามหลักการสากล โดยมีคณะ กรรมการบริหารความเสี่ยงทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงของบริษัทในภาพรวมทั่วทั้งองค์กร ครอบคลุมความเสี่ยงด้านต่าง ๆ อาทิ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategy Risk) ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risk) ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ (Compliance Risk) เป็นต้น คณะกรรมการ บริหารความเสี่ยงได้ระบุความเสี่ยงในระดับองค์กรและครอบคลุมทุกกิจกรรมที่สำคัญ และได้จัดทำแผนการบริหารความ เสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบได้สอบทานการบริหารความเสี่ยงในทุก ๆ ไตรมาส เพื่อกำกับดูแล การบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น หรือการเสียโอกาสทางธุรกิจ 3. กิจกรรมการควบคุม บริษัทมีกิจกรรมการควบคุมการปฏิบัติการที่เหมาะสม เพียงพอ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดย กำหนดให้มีนโยบายระเบียบปฏิบัติที่เป็นลายลักษณ์อักษร ระบุการดำเนินงานในส่วนที่มีความเสี่ยงที่สำคัญ และกำหนดกลไก ในการควบคุมเพื่อป้องกันและลดข้อผิดพลาด มีการสอบทานผลการดำเนินงานโดยฝ่ายบริหาร และมีดัชนีวัดผลการดำเนิน งาน กิจกรรมการควบคุมภายในที่สำคัญของบริษัท เช่น การบริหาร การเงิน การบัญชี การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นต้น 4. สารสนเทศและการสื่อสาร บริษัทมีระบบข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารที่เชื่อมโยงกับการปฏิบัติงาน การรายงานทางการเงิน และการดำเนินงาน การปฏิบัติตามนโยบายและระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลสารสนเทศที่ได้จากภายนอกองค์กรมีการ สื่อสารไปยังผู้บริหาร และผู้ใช้ภายในองค์กรในรูปแบบที่ช่วยให้ผู้รับข้อมูลสารสนเทศปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล ซึ่งระบบสารสนเทศและการสื่อสารของบริษัทมีความเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ

95 รายงานประจำปี 2550


การควบคุมภายใน 5. การติดตามประเมินผล บริษัทมีการติดตามประเมินผลการควบคุมภายใน และประเมินคุณภาพการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง โดยให้ทุกสายงานรายงานผลการดำเนินตามแผน รวมทั้งวัดผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ปฏิบัติงานตามปกติของฝ่ายบริหาร ผู้ควบคุมงานและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งมีการประเมินผลโดยสำนักตรวจสอบภายใน ตามแผนการตรวจสอบประจำไตรมาสและประจำปี นอกจากนี้ได้มีคำแนะนำจากการตรวจสอบงบการเงินโดยผู้สอบบัญชีของ บริษัท และคณะกรรมการตรวจสอบได้สอบทานผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ กรณีพบข้อที่ ควรปรับปรุง ได้มีกำหนดวิธีปฏิบัติและติดตามเพื่อให้ความมั่นใจว่าข้อตรวจสอบจากการตรวจสอบได้รับการแก้ไข คณะกรรมการตรวจสอบได้สอบทานระบบการควบคุมภายใน ซึ่งประเมินโดยฝ่ายตรวจสอบภายใน ไม่พบประเด็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เป็นสาระสำคัญ สอดคล้องกับความเห็นของผู้สอบบัญชีของบริษัท ระบบการควบคุม ภายในของบริษัทมีความเพียงพอ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2550 ปี 2550 คณะกรรมการบริษัทได้ประเมินความ เพียงพอของระบบควบคุมภายใน คณะกรรมการมีมติเห็นชอบว่า บริษัทมีระบบการควบคุมภายในที่เพียงพอ กล่าวคือบริษัท มีระบบการควบคุมภายในเรื่องการทำธุรกรรมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการ ผู้บริหาร และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดัง กล่าวอย่างเพียงพอและรัดกุม ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทไม่พบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับระบบการควบคุมภายในแต่ อย่างใด ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า บริษัทมีระบบการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพและได้รับการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ ของผู้ตรวจสอบภายในอิสระ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ในการบริหารงานของบริษัท

รายงานประจำปี 2550

96



รายการระหว่างกัน

รายงานประจำปี 2550

98


รายการระหว่างกัน มูลค่าและยอดคงค้างของรายการระหว่างกันกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งกัน บุคคล/นิติบุคคล ที่อาจมีความขัดแย้ง

1. บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ประกอบกิจการรับเหมา ก่อสร้างและจำหน่าย วัสดุก่อสร้าง

ความสัมพันธ์

เป็นบริษัทย่อย ปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนจด ทะเบียนชำระแล้ว

99 รายงานประจำปี 2550

ลักษณะของ รายการระหว่างกัน

(1.1) บริษัทฯ - ซื้อ (วัสดุก่อสร้าง) - ซื้อ (รับเหมาก่อสร้าง) - เจ้าหนี้การค้า - เงินประกันผลงานรับ - ค้ำประกันวงเงินเบิก เกินบัญชี

มูลค่ารายการระหว่างกัน ยอดคงค้า (ล้านบาท) (ล้านบาท) ณ 31 ธันวาคม 2549

2550

91.45 42.41 - - -

137.42 31.02 - - -

2549

2550

- - 9.14 6.45 5.00

- - 11.17 4.95 5.00

ความสมเหตุสมผลของ รายการระหว่างกัน

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เข้าถือหุ้นในบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะให้บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด เป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของบริษัท ในการ ควบคุ ม ต้ น ทุ น ค่ า วั ส ดุ ก่ อ สร้ า ง สำหรั บ การพั ฒ นา โครงการของบริษัท และเพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ทั้ ง นี้ บ ริ ษั ท ซื้ อ วั ส ดุ ก่ อ สร้ า งประเภท ปู น บานประตู

ไม้บันใด เหล็ก แผ่นพื้น เป็นต้น และว่าจ้างงานรับเหม ก่อสร้างกับบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด โดยราคาที่ซื้อ ขายและราคารับเหมาก่อสร้าง เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับที่ บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ขายให้ผู้รับเหมารายอื่น ๆ ของบริษัท ทั้งนี้สำหรับวัสดุก่อสร้างบางประเภทที่ขายให้ กับบริษัท จะเป็นราคาที่ต่ำกว่าที่ขายให้กับผู้รับเหมาราย อื่น ๆ ของบริษัทเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็น บริษัทย่อยของบริษัท ในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีการซื้อ สินค้าอยู่ เจ้าหนี้การค้าดังกล่าวเกิดจากการซื้อตามรายการข้างต้น โดยบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ได้ให้ระยะเวลาในการ ชำระค่าสินค้าภายในประมาณ 30 – 60 วัน ซึ่งเป็น เงื่อนไขการชำระเงินค่าสินค้าตามการค้าปกติ เงินประกันผลงานดังกล่าวเกิดจากการว่าจ้างให้บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ดำเนินงานก่อสร้าง เช่น งานมุง กระเบี้องหลังคา เป็นต้น ซึ่งเป็นเงินประกันที่บริษัทรับไว้ ตามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา และเป็นอัตราปกติที่บริษัท รับไว้ตามสัญญา เหมือนกับผู้รับเหมารายอื่น ๆ ทั่วไป ของบริษัท เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทย่อยของ บริษทั ในอนาคตคาดว่าจงคงจะยังคงมีรายการดังกล่าวอยู ่ คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารายการ ซื้อ เจ้าหนี้การค้า และเงินประกันผลงานรับ ดังกล่าว เป็นการค้าปกติของบริษัท อีกทั้งบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทย่อยของบริษัทอีกด้ว การค้ำประกันวงเงินเบิกเกินบัญชี เป็นรายการที่เกิดขี้น ในปี 2549 โดยบริษัทนำที่ดินบริเวณซอยแจ่มจันทร์ เนื้อที่ดิน 247 ตารางวา (ปัจจุบันใช้เป็นศูนย์บัญชาการ บริการหลังการขายของบริษัท) ไปค้ำประกันวงเงินเบิก เกิ น บั ญ ชี ให้ กั บ บริ ษั ท โกร โยธา กรุ๊ ป จำกั ด เพื่ อ เป็นการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ประกอบกับ บริ ษั ท ย่ อ ยดั ง กล่ า วไม่ มี สิ นทรั พ ย์ ที่ จ ะนำไปค้ ำ ประกั น วงเงินเบิกเกินบัญชีได้ บริษัทจึงนำที่ดินดังกล่าวเข้าค้ำ ประกันให้กับบริษัทย่อยของบริษัท และเนื่องจากบริษัท ดังกล่าวเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีรายการดังกล่าวอยู่


รายการระหว่างกัน บุคคล/นิติบุคคล ที่อาจมีความขัดแย้ง

2. บริษัท ไทยจินดา ผ้าม่าน จำกัด ประกอบธุรกิจำหน่ายผ้า ม่าน มูลวี่ อลเปเปอร์ ชุด เครือ่ งเรือน เฟอร์นเิ จอร์

ความสัมพันธ์

คุณสันติ โกวิทจินดาชัย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ลงนามในบริษัท ไทย จินดา ผ้าม่าน จำกัด ซึ่ง เป็นพี่ชายของ คุณสิริลักษณ์ และเป็น ผู้ถือหุ้นของบริษัทปัจจุบัน ถือหุ้นของบริษัท ร้อยละ 14.18 ของทุนจด ทะเบียนชำระแล้ว

ลักษณะของ รายการระหว่างกัน

มูลค่ารายการระหว่างกัน ยอดคงค้า (ล้านบาท) (ล้านบาท) ณ 31 ธันวาคม 2549

2550

(1.2) บริษทั ปริญเวนเจอร์ จำกัด - ซื้อ (วัสดุก่อสร้าง) - ซื้อ (รับเหมาก่อสร้าง) - เจ้าหนี้การค้า - เงินประกันผลงานรับ

33.21 9.20 - -

(2.1) บริษัทฯ - ซื้อ - เจ้าหนี้การค้า - เงินประกันผลงานรับ

20.75 - -

ความสมเหตุสมผลของ รายการระหว่างกัน

2549

2550

35.50 22.69 - -

- - 4.63 0.46

- - 1.02 1.25

7.56 - -

- 2.09 -

- บริษัทซื้อผ้าม่าน มูลี่ วอลเปเปอร์ จากบริษัท ไทยจินดา 1.19 ผ้าม่าน จำกัด โดยราคาที่ซื้อเป็นราคาใกล้เคียงกับที่ 0.14 บริษัทซื้อจากผู้ขายรายอื่นทั่วไป และเนื่องจากบริษัทดัง กล่าวมีการติดต่อซื้อขายกันมานาน สินค้ามีคุณภาพดี โดยเฉพาะสินค้าผ้าม่านจะมีความปราณีตในการตัดเย็บ เป็นอย่างมาก มีการจัดส่งที่ตรงเวลา ดังนั้นในอนาคต คาดว่าจะยังคงมีการซื้อสินค้าอยู่ เจ้าหนี้การค้าดังกล่าวเกิดจากการซื้อตามรายการข้างต้น โดยบริษัท ไทยจินดา ผ้าม่าน จำกัด ได้ให้ระยะเวลาใน การชำระค่าสินค้าภายในประมาณ 30 – 60 วัน ซึ่งเป็น เงื่อนไขการชำระเงินค่าสินค้าตามการค้าปกติ เงินประกันผลงานดังกล่าวเกิดจากการว่าจ้างให้ บริษัท ไทยจินดา ผ้าม่าน จำกัด ดำเนินงานผลิตและติดตั้งผ้า ม่าน ซึ่งเป็นเงินประกันที่บริษัทรับไว้ตามสัญญาว่าจ้าง ผู้รับเหมา และเป็นอัตราปกติที่บริษัทรับไว้ตามสัญญา เหมือนกับผู้รับเหมารายอื่น ๆ ทั่วไปของบริษัท เนื่องจาก ราคาที่ซื้อเป็นราคาใกล้เคียงกับที่บริษัทซื้อจาก ผู้ขายรายอื่นทั่วไป และบริษัทดังกล่าวมีการติดต่อซื้อขาย กันมานาน สินค้ามีคุณภาพดี โดยเฉพาะสินค้าผ้าม่านจะ มีความปราณีตในการตัดเย็บเป็นอย่างมาก มีการจัดส่งที่ ตรงเวลา ดังนั้นในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีการซื้อสินค้า อยู่ จึงทำมีรายการเงินประกันผลงานรับด้วย คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารายการ ซื้อ เจ้าหนี้การค้ และเงินประกันผลงานรับ เป็นการค้า ปกติของบริษัท

คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายการ ค้ำประกันวงเงินเบิกเกินบัญชีให้กับบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด นั้น เป็นการช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับ บริ ษั ท ย่ อ ย ซึ่ ง บริ ษั ท ย่ อ ยไม่ มี สิ นทรั พ ย์ ที่ จ ะนำไปค้ ำ ประกันเองได้ ประกอบกับ บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด เป็นบริัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 อีก ด้วย เหตุผลและการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบ เหมือนกับในข้อ (1.1) ในส่วนของการซื้อวัสดุก่อสร้าง ว่าจ้างรับเหมาก่อสร้าง เจ้าหนี้การค้า และเงินประกันผล งานรับ ทั้งนี้เนื่องจากบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด เป็นบริษัทย่อยของบริษัท ในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีการซื้อสินค้าอยู่

รายงานประจำปี 2550

100


รายการระหว่างกัน บุคคล/นิติบุคคล ที่อาจมีความขัดแย้ง

3. บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ประกอบธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และประเภทอาคารชุด พักอาศัย

ความสัมพันธ์

เป็นบริษัทย่อย ปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นร้อยละ 51.00 ของทุนจด ทะเบียนชำระแล้ว

101 รายงานประจำปี 2550

ลักษณะของ รายการระหว่างกัน

(3.1) บริษัทฯ - ให้กู้ยืมเงินระยะสั้น - ดอกเบี้ยค้างรับ - ดอกเบี้ยรับ - รายได้ค่าบริหาร - รายได้อื่น - ค้ำประกันวงเงินกู้ยืม

มูลค่ารายการระหว่างกัน ยอดคงค้า (ล้านบาท) (ล้านบาท) ณ 31 ธันวาคม 2549

2550

2549

208.38 - 14.08 10.47 - -

6.72 248.28 255.00 - 15.88 39.08 23.62 - - 26.41 - - 0.26 - - - 510.73 349.12

ความสมเหตุสมผลของ รายการระหว่างกัน

2550 บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51.00 ต่อ 49.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามลำดับ สำหรับ การให้กยู้ มื เงินระยะสัน้ ของบริษทั กับบริษทั ปริญเวนเจอร์ จำกัด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินกิจการให้กับ บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งไปตามเงื่อนไขในสัญญา ร่วมทุน โดยบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด สามารถกู้ยืม เงินจากผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในวงเงินกู้ยืมไม่เกิน 500 ล้านบาท และคิดอัตรา ดอกเบี้ ย เงิ นกู้ ยื ม ในอั ต รา MLR+2 ต่ อ ปี เนื่ อ งจาก จำนวนเงินการให้กู้ยืมเงินระยะสั้นยังไม่เกินวงเงินในการกู้ ยืมตามสัญญา ดังนั้นในอนาคตจะยังคงมีรายการดัง กล่าวอยู่ ดอกเบี้ยค้างรับ และดอกเบี้ยรับ เกิดจากให้กู้ยืมเงิน ระยะสั้นตามรายการข้างต้น โดยเป็นไปตามเงื่อนไขใน สัญญาร่วมทุน คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารายการ ให้กู้ยืมเงินระยะสั้น ดอกเบี้ยค้างรับ และดอกเบี้ยรับ เป็ นการให้ กู้ ยื ม ตามสั ด ส่ ว นการถื อ หุ้ นซึ่ ง เป็ น ไปตาม เงื่อนไขของสัญญาร่วมทุ และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ กับบริษัทย่อย ประกอบกับบริษัทคิดดอกเบี้ยตามราคา ตลาด จึ ง เป็ น รายการที่ ส มเหตุ ส มผล และก่ อ ให้ เ กิ ด ประโยชน์กับบริษัทและบริษัทย่อย รายได้ค่าบริหารของบริษัท เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญา ร่วมทุน โดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือน ๆ ละ 350,000 บาทต่อโครงการ และค่าบริหารงานขายในอัตราร้อยละ 2 ของยอดขาย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทย่อย ของบริษทั ในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีรายการดังกล่าวอยู ่ รายได้อื่นของบริษัท เป็นรายได้จากการรับจัดสวนให้กับ บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด โดยเป็นราคาปกติที่ใกล้ เคียงกับผู้รับเหมาทั่วไป เนื่องจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ที่มากของทีมงานในการจัดสวนของ บริษัท ทำให้จัดสวนได้ประณีต และถูกต้องตรงตามรูป แบบโครงการที่ได้วางไว้ ประกอบกับบริษัทดังกล่าวเป็น บริษัทย่อยของบริษัท ในอนาคตคาดว่าจะคงยังมีรายการ ดังกล่าวอยู่


รายการระหว่างกัน บุคคล/นิติบุคคล ที่อาจมีความขัดแย้ง

ลักษณะของ รายการระหว่างกัน

ความสัมพันธ์

4. นายสันติ โกวิทจินดาชัย

คุณสันติ โกวิทจินดาชัย ซึ่งเป็นพี่ชายของ คุณสิริลักษณ์ และเป็น ผู้ถือหุ้นของบริษัท ปัจจุบันถือหุ้นของบริษัท ร้อยละ 14.18 ของทุน จดทะเบียนชำระแล้ว

(4.1) บริษัทฯ - เงินกู้ยืมระยะสั้น - ดอกเบี้ยจ่าย

มูลค่ารายการระหว่างกัน ยอดคงค้า (ล้านบาท) (ล้านบาท) ณ 31 ธันวาคม 2549

2550

2549

2550

20.00 0.70

- 0.28

20.00 -

ความสมเหตุสมผลของ รายการระหว่างกัน

คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายได้ค่า บริหา เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาร่วมทุ และรายได้อื่น เป็นการค้าปกติโดยเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด จึง เป็นรายการที่สมเหตุสมผล และก่อให้เกิดประโยชน์กับ บริษัทและบริษัทย่อย การค้ำประกันวงเงินกู้ยืม เป็นรายการที่เกิดขี้นตั้งแต่ปี 2548 โดยป็นการค้ำประกันวงเงินเบิกเกินบัญชี วงเงิน อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน เงินกู้ยืมระยะยาว และวงเงิน หนังสือค้ำประกัน เป็นการค้ำประกันตามสัดส่วนการถือ หุ้น ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมทุน และเพื่อนำ เงินไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ในอนาคต คาดว่าจะยังคงมีรายการดังกล่าวอยู่ คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายการ ค้ำประกันวงเงินกู้ยืม เป็นการค้ำประกันตามสัดส่วนการ ถือหุ้นซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมทุน เพื่อนำเงิน ไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทย่อย จึงเป็นรายการ ที่สมเหตุสมผล และก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทและ บริษัทย่อย

- บริษัทกู้ยืมเงินจากนายสันติ โกวิทจินดาขัย โดยออกเป็น - ตั๋ ว สั ญ ญาใช้ เงิ น ครบกำหนดเมื่ อ ทวงถาม โดยในปี 2549 และ 2550 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ต่อ ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและสำหรับการซื้อที่ดินของ บริษัท หากในอนาคตการคิดอัตราดอกเบี้ยของ นายสันติ โกวิ ท จิ นดาชั ย ไม่ เ กิ น อั ต ราดอกเบี้ ย ของการออกตั๋ ว สัญญาใช้เงินของรายอื่น ๆ ของบริษัท ในอนาคตจะยัง คงมีรายการดังกล่าวอยู่ ดอกเบี้ยจ่าย เกิดจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นของตั๋วสัญญา ใช้เงิน ตามรายการข้างต้น โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินรายอื่น ๆ ของบริษัท คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายการ เงินกู้ยืมระยะสั้น และดอกเบี้ยจ่าย เป็นการกู้ยืมเงินตาม ปกติ ซึ่งเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ สำหรับการซื้อที่ดินของบริษัท อีกทั้งการคิดอัตราดอก เบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินรายอื่น ๆ ของบริษัท ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บริษัท

รายงานประจำปี 2550

102


รายการระหว่างกัน บุคคล/นิติบุคคล ที่อาจมีความขัดแย้ง

ความสัมพันธ์

ลักษณะของ รายการระหว่างกัน

มูลค่ารายการระหว่างกัน ยอดคงค้า (ล้านบาท) (ล้านบาท) ณ 31 ธันวาคม 2549

2550

2549

ความสมเหตุสมผลของ รายการระหว่างกัน

2550

5. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย

กรรมการ / ประธาน กรรมการบริหาร / กรรมการผู้จัดการ และ เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ปัจจุบันถือหุ้นของบริษัท ร้อยละ 23.22 ของทุน จดทะเบียนชำระแล้ว

(5.1) บริษัท - เงินกู้ยืมระยะสั้น - ดอกเบี้ยจ่าย

- -

50.00 0.12

- -

50.00 บริษัทกู้ยืมเงินจากนางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาขัย โดย - ออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ครบกำหนดเมื่อทวงถาม โดย ในปี 2550 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ต่อปี เพื่อ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและสำหรับการซื้อที่ดินของบริษัท หากในอนาคตการคิดอัตราดอกเบี้ยของ นางสาวสิริ ลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยของการออก ตั๋วสัญญาใช้เงินของรายอื่น ๆ ของบริษัท ในอนาคตจะ ยังคงมีรายการดังกล่าวอยู่ ดอกเบี้ยจ่าย เกิดจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นของตั๋วสัญญา ใช้เงิน ตามรายการข้างต้น โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินรายอื่น ๆ ของบริษัท คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายการ เงินกู้ยืมระยะสั้น และดอกเบี้ยจ่าย เป็นการกู้ยืมเงินตาม ปกติ ซึ่งเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ สำหรับการซื้อที่ดินของบริษัท อีกทั้งการคิดอัตราดอก เบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินรายอื่น ๆ ของบริษัท ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บริษัท

6. นายสกล เปาอินทร์

กรรมการ / กรรมการ บริหาร / ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการสายงานอำนวย การ แลเป็ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ปัจจุบันถือหุ้นของ บริษัท ร้อยละ 0.19 ของทุนจดทะเบียนชำระ แล้ว

(6.1) บริษัทฯ - ขาย (อาคารชุดพัก อาศัย)

2.65

-

-

- บริษัทขายอาคารชุดพักอาศัย โครงการเดอะพัลซ์ ซอย ลาดพร้าว 44 จำนวน 2 ยูนิต ให้กับคุณสกล เปาอินทร์ สำหรับการขายอาคารชุดดังกล่าวในครั้งนี้เป็นการขายใน ราคา เงื่อนไขปกติ โดยได้รับส่วนลดเหมือนกับลูกค้า พิเศษ (VIP) ของบริษัท เช่น เจ้าหน้าธนาคารพาณิชย์ที่ ปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท เจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการที่ บริษัทติดต่อด้วย เป็นต้น คณะกรรมการตรวจสอบได้ พิ จ ารณาแล้ ว เห็ น ว่ า รายการขายอาคารชุดพักอาศัยของบริษัทดังกล่าว เป็นการขายในราคา และเงื่อนไขปกติ โดยได้รับ ส่วนลดเท่ากับลูกค้าพิเศษ (VIP) ทั่วไปของบริษัท

103 รายงานประจำปี 2550


รายการระหว่างกัน บุคคล/นิติบุคคล ที่อาจมีความขัดแย้ง

ความสัมพันธ์

ลักษณะของ รายการระหว่างกัน

มูลค่ารายการระหว่างกัน ยอดคงค้า (ล้านบาท) (ล้านบาท) ณ 31 ธันวาคม 2549

2550

7. บริษัท ซีเอ็น เอส พีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.97 ของทุนจด ทะเบียนชำระแล้ว

(7.1) บริษัท - เงินกู้ยืมระยะสั้น - ดอกเบี้ยค้างรับ - ดอกเบี้ยรับ

- - -

56.00 - 2.08

8. นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาองค์กร และเป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท ปัจจุบันถือหุ้นของ บริษัท ร้อยละ 0.78 ของทุนจดทะเบียนชำระ แล้ว

(8.1) บริษัท - เงินทดรองรับ - เงินทดรองจ่าย

- -

18.76 18.76

2549

ความสมเหตุสมผลของ รายการระหว่างกัน

2550

- 56.00 บริษทั ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) จัดตัง้ บริษทั ซีเอ็น - 2.08 เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยวัตถุประสงค์ที่ - - จะให้บริษทั ซีเอ็น เอสพีอาร์ จำกัด เป็นหน่วยธุรกิจ หนึง่ ของบริษทั ในการค้าอสังหาริมทรัพย์ และให้เช่า อสังหาริมทรัพย์ อีกทัง้ เพือ่ เสริมศักยภาพในการแข่ง ขัน สำหรับการให้กู้ยืมเงินระยะสั้นของบริษัทกับ บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อ ใช้ เ ป็ น เงิ น ทุ น หมุ น เวี ย นและสำหรั บ การซื้ อ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ ข อง บริ ษั ท ซี เ อ็ น เอสพี อ าร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยคิดอัตราดอกเบีย้ เงินกูย้ มื ในอัตรา MLR ต่อปี เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็น บริษัทย่อยของบริษัท ในอนาคตคาดว่าจะยังคงมี รายการดังกล่าวอยู ่ ดอกเบี้ยค้างรับ และดอกเบี้ยรับ เกิดจากให้กู้ยืม เงินระยะสั้นตามรายการข้างต้น โดยเป็นไปตาม เงื่อนไขการกู้ยืมเงินปกติ คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารายการ ให้กู้ยืมเงินระยะสั้น ดอกเบี้ยค้างรับ และดอกเบี้ยรับ เป็นการให้กู้ยืมตามปกติ และเป็นการกู้ยืมเพื่อใช้เป็นเงิน ทุนหมุนเวียน และสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง เป็ นการดำเนิ นธุ ร กิ จ ของบริ ษั ท ย่ อ ยและเป็ น ไปตาม วั ต ถุ ป ระสงค์ ใ นการจั ด ตั้ ง หน่ ว ยธุ ร กิ จ ของบริ ษั ท ประกอบกับบริษัทคิดดอกเบี้ยตามราคาตลาด จึงเป็น รายการที่สมเหตุสมผล และก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัท และบริษัทย่อย - - ในปี 2550 บริษัทรับและคืนเงินทดรองจ่ายกับคุณนิภา - - อภิรัตนรุ่งเรือง ซึ่งเป็นค่ามัดจำในการซื้อที่ดินของบริษัท ที่คุณนิภา ได้สำรองจ่ายล่วงหน้าให้กับบริษัท เนื่องจาก ต้องวางเงินมัดจำค่าที่ดินเป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งบริษัทได้คืน เงินจำนวนดังกล่าวให้กับคุณนิภา เรียบร้อยแล้วในระยะ เวลาอันสั้น ทั้งนี้ในอนาคตอาจจะยังคงมีรายการอยู่ตาม กรณีและความจำเป็น คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายการ เงินทดรองจ่ายดังกล่าว เป็นการคืนเงินที่ได้สำรองจ่าย ล่วงหน้าให้กับบริษัทตามปกติ โดยไม่ได้คิดค่าตอบแทน หรืออัตราดอกเบี้ย และก่อให้เกิดความคล่องตัวในการ ดำเนินการจัดซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน ของบริษัท

รายงานประจำปี 2550

104


รายการระหว่างกัน มาตรการหรือขั้นตอนการอนุมัติการทำรายการระหว่างกัน

สำหรับรายการระหว่างกันคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการตรวจสอบ เป็นผู้อนุมัติการทำธุรกรรมดัง กล่าว ทั้งนี้การทำธุรกรรมนั้นต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท โดยทำธุรกรรมในราคาตลาด ซึ่งเป็นราคาที่สามารถ เปรียบเทียบกับราคาของบุคคลภายนอกได้ มีเงื่อนไขทางการค้าปกติ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นเสนอราคาแข่ง ขันโดยเท่าเทียมกัน ทั้งนี้บริษัทยังปฏิบัติตามกฏหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทอย่าง เคร่งครัด โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการทำรายการดังกล่าวจะไม่มีสิทธิออกเสียงในเรื่องนั้น ๆ และให้รายงานต่อคณะ กรรมการเพื่อทราบต่อไป

นโยบายหรือแนวโน้มการทำรายการระหว่างกันในอนาคต

บริษัทมีนโยบายในการเข้าทำรายการระหว่างกันในกรณีการค้าปกติ ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นตามปกติและต่อเนื่อง โดยจะมี การกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เป็นไปตามลักษณะการดำเนินการค้าในราคาตลาด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับราคาที่เกิดขึ้น กับบุคคลภายนอก และเป็นไปตามราคาที่ยุติธรรม สมเหตุสมผลและสามารถตรวจสอบได้ โดยนำเสนอให้คณะกรรมการ ตรวจสอบเป็นผู้พิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางในการปฏิบัติดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทจะให้กรรมการตรวจสอบของบริษัทหรือผู้ เชี่ยวชาญอิสระ พิจารณาตรวจสอบและให้ความเห็นถึงความเหมาะสมของราคา และความสมเหตุสมผลของการทำรายการ ด้วย สำหรับรายการระหว่างกันในอนาคต เช่น การซื้อผ้าม่าน มูลี่ วอลเปเปอร์ กับบริษัท ไทยจินดา ผ้าม่าน จำกัด เป็นต้น ขึ้นอยู่กับเหตุผลและความจำเป็นของบริษัท ซึ่งการรับและการจ่ายค่าตอบแทนระหว่างกันจะเป็นไปตามราคาตลาด และยุติธรรม ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบจะเป็นผู้ให้ความเห็นต่อรายการดังกล่าว โดยคณะกรรมการตรวจสอบจะนำราคา ตลาดของผู้อื่นมาเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้หากมีรายการระหว่างกันเกิดขึ้นกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือมีส่วนได้เสีย บริษัทมีนโย บายให้คณะกรรมการตรวจสอบเป็นผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับราคา อัตราค่าตอบแทน รวมทั้งความจำเป็นและความเหมาะสมต่อ รายการนั้น โดยในการออกเสียงในที่ประชุมนั้น ๆ กรรมการซึ่งมีส่วนได้เสียจะไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

มาตรการคุ้มครองผู้ลงทุน

เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ลงทุน ในอนาคตถ้ามีรายการระหว่างกันของบริษัทเกิดขึ้นกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งทาง ผลประโยชน์ มีส่วนได้ส่วนเสีย หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในอนาคต บริษัทจะจัดให้ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการ ที่มีกรรมการตรวจสอบเข้าร่วมประชุม เพื่อดูแลให้รายการระหว่างกันเป็นไปอย่างยุติธรรมและมีนโยบายการกำหนดราคาที่ เหมาะสม ในกรณีที่กรรมการตรวจสอบไม่มีความชำนาญในการพิจารณารายการระหว่างกันที่อาจเกิดขึ้น บริษัทจะให้ผู้ เชี่ยวชาญอิสระหรือผู้สอบบัญชีของบริษัท เป็นผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายการระหว่างกันดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ประกอบการ ตัดสินใจของคณะกรรมการหรือผู้ถือหุ้นตามแต่กรณี โดยคณะกรรมการบริษัทจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวม ตลอดถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และการได้มาหรือจำหน่ายทรัพย์ สินที่สำคัญของบริษัท ทั้งนี้ยกเว้นรายการระหว่างกันที่เป็นรายการปกติธุรกิจ และมีนโยบายในการกำหนดราคาและเงื่อนไข ซึ่งเป็นราคาตลาดหรือไม่ต่างจากบุคคลภายนอก บริษัทจะเปิดเผยรายการระหว่างกันไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีของ บริษัท โดยบริษัทมีนโยบายเข้าทำรายการระหว่างกันเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีคณะ กรรมการตรวจสอบ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบรายการระหว่างกันรวมถึงระบบควบคุมภายในของบริษัท เพื่อความโปร่งใสและ เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังได้ยึดหลักการลดความเสี่ยงทุกชนิดของธุรกิจ โดยให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงสอด ส่องดูแลอีกทางหนึ่งด้วย 105 รายงานประจำปี 2550




การวิเคราะห์ฐานะการเงิน และผลการดำเนินงาน

รายงานประจำปี 2550

108


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ภาพรวมของผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สำหรับในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมาท่ามกลางภาวะทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง การชลอตัวของ เศรษฐกิจ ปัญหาราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังและชลอการใช้จ่ายด้วย จากปัจจัย ต่าง ๆ ข้างต้นล้วนส่งผลต่อภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมชะลอตัวลงเช่นกัน ทำให้การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคที่อยู่อาศัยรุนแรงขึ้น จะเห็นได้จากผู้ประกอบการหลาย ๆ ราย มีการตั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ ในปี 2550 ในระดับที่ต่ำกว่าในปี 2549 เนื่องจากผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ลดลง และเพื่อเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ ในภาวะที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัว จากปัจจัยผลกระทบต่าง ๆ ประกอบกับการเพิ่มสูงขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2550 บริษัทในฐานะผู้ประกอบ การรายหนึ่งในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน รายได้หลักของบริษัทมากกว่าร้อยละ 95 มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2548 – ปี 2549 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 2,241.01 ล้านบาท และ 2,862.65 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 2549 เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 27.74 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 30.92 และร้อยละ 32.70 ตามลำดับ จากผล กระทบในปี 2550 ประกอบกับการเข้มงวดในการตรวจสอบควบคุมคุณภาพสินค้า ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 2,523.84 ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 ร้อยละ 11.84 และมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 23.32 ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทไม่มีรายได้จากการขายอาคารชุดพักอาศัย เนื่องจากบริษัทเริ่มเปิดขายโครงการอาคารชุดพักอาศัย ใหม่และอยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง ทั้งนี้มีจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ เดอะคอมพลีท นราธิวาส, เดอะคอมพลีท ราชปรารภ, เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37 และ สมาร์ทคอนโด พระราม 2 สำหรับด้านอัตราส่วนกำไรสุทธิในปี 2550 ของ บริษัทมีอัตราส่วนร้อยละ 2.99 จากอัตราส่วนร้อยละ 15.13 ในปี 2549 การปรับตัวลดลงของอัตราส่วนกำไรสุทธิ เนื่องจาก บริษัทเริ่มเปิดขายโครงการใหม่ใน ปี 2550 เป็นจำนวนมากคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,350 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 80.00 จากปี 2549 ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวบริษัทไม่สามารถ นำไปรับรู้พร้อมกับรายได้ที่จะรับรู้ในอนาคตได้ตามนโยบายการบัญชี ทำให้อัตราส่วนกำไรสุทธิของบริษัทลดลงมากเมื่อเปรียบ เทียบกับปี 2549 ในปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยเปิดขายโครงการใหม่ทั้งสิ้น 11 โครงการ ทำให้มีโครงการที่เปิดขายอยู่ทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน 23 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการที่รวมเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีไว้จำหน่ายในปี 2550 จำนวน 12,350.02 ล้านบาท และมีมูลค่าซื้อขายที่ได้ทำสัญญาแล้วในปี 2550 ทั้งสิ้น 6,671.97 ล้านบาท คิด เป็นร้อยละ 54.02 ของมูลค่าโครงการที่รวมเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีไว้จำหน่าย

รายได้

รายได้หลักของบริษัทบริษัทและบริษัทย่อยมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และ ประเภทอาคารชุดพักอาศัย ประมาณร้อยละ 96.00 – 97.00 ของรายได้รวม ในปี 2548, ปี 2549 และ ปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 2,241.01 ล้านบาท, 2,862.65 ล้านบาท และ 2,523.84 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.74 และลดลงร้อยละ 11.84 ตามลำดับ โดยรายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์ในปี 2549 เพิ่มขึ้นเนื่องจาก อุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคที่อยู่อาศัย มีการเติบโตมาอย่าง ต่อเนื่องแม้ในช่วงดังกล่าวจะมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม ซึ่งก็น่าจะเป็นการส่ง ผลมาจากความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ที่ยังมีอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างสูงและต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทและบริษัท ย่อยมีการเปิดขายโครงการเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งบริษัทมีการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ และควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเน้นรูปแบบที่ตอบ สนองประโยชน์การใช้สอยของที่อยู่อาศัย ความทันสมัย คุณภาพ และมาตรฐาน จนได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจาก

109 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ลูกค้า สำหรับการลดลงในปี 2550 นั้นเนื่องจากภาวะทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง การชะลอตัวของ เศรษฐกิจ ปัญหาราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังและชะลอการใช้จ่ายด้วย ซึ่งส่งผลต่อ ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมชะลอตัวลง ประกอบกับการเข้มงวดในการตรวจสอบควบคุมคุณภาพสินค้าของบริษัท บริษัทและบริษัทย่อย มีนโยบายการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เมื่อส่งมอบสินค้าแล้ว (เมื่อโอน กรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า) การดำเนินการก่อสร้างในแต่ละโครงการจะใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของ โครงการ ขนาด รูปแบบ เป็นต้น สำหรับการก่อสร้างบ้านแต่ละหลังจะใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน การก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์ และโฮมออฟฟิศแต่ละแถวจะใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือน การก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยจะใช้เวลาประมาณ 11-24 เดือน ดังนั้นรายได้รายไตรมาสอาจมีความผันผวนในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับประเภทของโครงการที่บริษัทจะทำการพัฒนา โดยในช่วงปี 2548 ถึง 2550 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มาจากการขายบ้านเดี่ยว โดยเฉพาะ บ้านเดี่ยวตลาดกลางที่มีรายได้มากที่สุดในช่วงปีดังกล่าว โดยโครงสร้างรายได้ของการขายอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภท มี ดังนี้ รายได้

ผู้ดำเนินการ

2548

428.38

บ้านเดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝด

ปริญสิริ/ปริญเวนเจอร์

1,312.46

ทาวน์เฮ้าส์/โฮมออฟฟิศ

ปริญสิริ/ปริญเวนเจอร์

อาคารชุดพักอาศัย

ปริญสิริ

2550

ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ

ปริญสิริ

บ้านเดี่ยวตลาดบน

2549

18.42

127.36

4.30

121.22

4.64

56.44 1,526.09

51.55 1,321.88

50.62

419.80

18.05

890.65

30.08 1,080.74

41.39

-

-

318.56

10.76

-

-

3.46

-

-

-

-

96.69 2,523.84

96.65

ที่ดินเปล่า

ปริญสิริ/ซีเอ็น เอสพีอาร์

80.38

รวมรายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์

ปริญสิริ/ปริญเวนเจอร์

2,241.02

รายได้จากการขายสินค้า

โกร โยธา กรุ๊ป

71.39

3.07

86.07

2.91

61.62

2.36

รายได้อื่น

บริษัท/บริษัทย่อย

12.94

0.56

11.79

0.40

25.78

0.99

รวมรายได้ทั้งสิ้น

96.37 2,862.66

2,325.35 100.00 2,960.52 100.00 2,611.24 100.00

บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านเดี่ยวตลาดบนในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 เท่ากับ 428.38 ล้านบาท, 127.36 ล้านบาท และ 121.22 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 70.27 และร้อยละ 4.82 ตาม ลำดับ เนื่องจากในช่วงระยะเวลาดังกล่าวบริษัทได้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวตลาดบนเพียงโครงการเดียวคือ โครงการสิริทาวา รา ออเรนทอล เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) เป็น โครงการขนาด 30-2-44 ไร่ จำนวน 59 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,144.83 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมียอดโอนแล้ว 38 ยูนิต มูลค่า 671.16 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวขายอยู่ที่ระดับราคา 13.00 – 40.00 ล้านบาทต่อหลัง บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านเดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝด ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 เท่ากับ 1,312.46 ล้านบาท, 1,526.09 ล้านบาท และ 1,321.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.28 และลดลงร้อยละ 13.38 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายบ้านเดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝดในปี 2549 เป็นไปตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะภาคที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ประเภทบ้าน เดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝดในปี 2549 เติบโตขึ้นด้วย สำหรับในปี 2550 รายได้จากการขายบ้านเดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝด ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังและชะลอการใช้จ่าย จากภาวะทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลง

รายงานประจำปี 2550

110


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน อย่างรุนแรง การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ปัญหาราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับ เปลี่ยนไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำลง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภททาวน์เฮ้าส์/โฮมออฟฟิศ ซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ ประเภทบ้านเดี่ยวตลาดกลาง/บ้านแฝด ด้านรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภททาวน์เฮ้าส์/โฮมออฟฟิศ ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 เท่ากับ 419.80 ล้านบาท, 890.65 ล้านบาท และ 1,080.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.16 และร้อยละ 21.34 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายทาวน์เฮ้าส์/โฮมออฟฟิศ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับราคาที่ผู้บริโภค ส่วนใหญ่มีความสนใจเป็นอย่างมาก และเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทเริ่มมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดพักอาศัยในปี 2549 เป็นครั้งแรก เนื่องจากผู้ บริโภคเริ่มมีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดพักอาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการประเภท อาคารชุดพักอาศัยขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว โดยในปี 2549 ผลิตภัณฑ์ประเภทอาคารชุดพักอาศัย ที่ บริษัทเปิดขายมี 1 โครงการและเป็นโครงการแรกภายใต้ชื่อโครงการเดอะพัลซ์ คอนโดมิเนียม ลาดพร้าว 44 เป็นโครงการ อาคารชุดพักอาศัยสูง 9 ชั้น ตั้งอยู่ที่ซอยลาดพร้าวซอย 44 บนเนื้อที่ 1-2-0 ไร่ จำนวน 202 ยูนิต มูลค่าโครงการ ประมาณ 324.64 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่สร้างเสร็จก่อนขาย ทำให้ในปี 2549 ที่บริษัทเริ่มเปิดขาย โครงการดังกล่าวสามารถโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ในปีเดียวกัน สำหรับในปี 2550 บริษัทไม่มีรายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดพักอาศัยเลย เนื่องจากโครงการเดอะพัลซ์ คอนโดมิเนียม ลาดพร้าว 44 มีการโอน กรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ในปี 2549 เกือบทั้งหมดแล้ว ประกอบกับบริษัทเริ่มเปิดขายโครงการอาคารชุดพักอาศัยใหม่และ อยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง ทั้งนี้มีจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ เดอะคอมพลีท นราธิวาส, เดอะคอมพลีท ราชปรารภ, เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37 และ สมาร์ทคอนโด พระราม 2 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง โดยผ่านบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของบริษัท โดยเป็นการขายให้กับบริษัทและผู้รับเหมาของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 3.00 ของ รายได้รวม โดยในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 71.39 ล้าน บาท 86.07 ล้านบาท และ 61.62 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.56 และลดลงร้อยละ 28.41 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นในปี 2549 เนื่องจากบริษัททำการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้บริษัทย่อยสามารถขายวัสดุก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาของบริษัทได้เพิ่มขึ้น สำหรับการลดลงในปี 2550 เนื่องจากผลของ การจัดทำงบการเงินรวม โดยในปี 2550 ส่วนใหญ่ บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด มีการขายวัสดุก่อสร้างให้กับบริษัทและ บริษัทย่อย นอกจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้จากการขายสินค้าแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จาก ค่าจองบ้านที่ลูกค้าไม่มาทำสัญญาเมื่อถึงกำหนดเวลา, ค่างวดผ่อนชำระที่ลูกค้าชำระมาระยะหนึ่งแล้วหยุดชำระโดยไม่มา ติดต่อบริษัท และค่าปรับงานล่าช้าจากผู้รับเหมาของบริษัท ทั้งนี้รายได้ดังกล่าวไม่ใช่รายได้หลักของบริษัทและบริษัทย่อย

ต้นทุนขาย

ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ประกอบด้วย ที่ดิน ค่าพัฒนาที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และ ดอกเบี้ยจ่าย โดยในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 1,548.09 ล้านบาท, 1,926.62 ล้านบาท และ 1,935.38 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 69.08, ร้อยละ 67.30 และร้อยละ 76.68 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ ในปี 2549 อัตราส่วนต้นทุนขาย อสังหาริมทรัพย์ต่อรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงจากปี 2548 เนื่องจาก (1) ที่ดินที่ซื้อเพื่อนำมาพัฒนาโครงการมีศักยภาพและมีราคาที่เหมาะสม เนื่องจากที่ดินนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการนำมาพัฒนาและก่อสร้างโครงการ โดยค่าที่ดินคิดเป็น ประมาณร้อยละ 40 – 50 ของต้นทุนรวมผลิตภัณฑ์ จากการที่บริษัทมีนโยบายในการจัดซื้อที่ดิน โดยมุ่งเน้นที่ดินที่มี

111 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ศักยภาพและสามารถนำมาพัฒนาได้ทันที โดยมีปัจจัยในการพิจาณาเลือกซื้อที่ดิน เช่น ศักยภาพในทำเลที่ตั้งของที่ดิน ราคา ที่ดิน ผังเมือง ข้อจำกัดทางกฏหมาย ทิศทางการเติบโตของแหล่งที่อยู่อาศัย เส้นทางการพัฒนาและการขยายตัวของเขต เมือง คู่แข่ง เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนการซื้อที่ดินทุกครั้งบริษัทจะทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาในการจัดซื้อที่ดินเพื่อให้ได้ที่ดินที่มีศักยภาพในราคาที่เหมาะสม (2) การบริหารควบคุมต้นทุนในการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ บริษัทมีการบริหารควบคุมต้นทุนโดยมีการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีการก่อสร้าง การมีบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด (เป็นบริษัทย่อยของบริษัท) เป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของบริษัท ในการควบคุมต้นทุนค่าวัสดุ ก่อสร้างสำหรับการพัฒนาโครงการของบริษัท โดยเป็นผู้รับเหมาและผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างให้กับบริษัทรวมทั้งผู้รับเหมาของ บริษัทด้วย แม้ในปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยจะยังคงสามารถควบคุม ราคาที่ดิน ค่าพัฒนาที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายที่ เกี่ยวข้องกับโครงการ และดอกเบี้ยจ่าย ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและใกล้เคียงกับปี 2548 และปี 2549 แล้วก็ตาม การ ชะลอตัวของภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 ส่งผลให้การแข่งขันภายในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาค ที่อยู่อาศัยรุนแรงขึ้น โดยผู้ประกอบการหลาย ๆ ราย มีการตั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ในปี 2550 ในระดับที่ต่ำกว่าในปี 2549 เนื่องจากผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ลดลง และเพื่อเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ในภาวะที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัว ทำให้ บริษัทและบริษัทย่อยตั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ในปี 2550 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในปี 2549 เช่นกัน จึงส่งผลให้บริษัทและบริษัท ย่อย มีอัตราส่วนต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ต่อรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 เพิ่มขึ้นด้วย สำหรับต้นทุนขายสินค้า เกิดจากบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยเป็นการจำหน่าย วัสดุก่อสร้าง โดยยอดที่เกิดขึ้นเป็นการจำหน่ายให้กับผู้รับเหมาของบริษัททั้งหมด ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าเท่ากับ 64.10 ล้านบาท, 75.00 ล้านบาท และ 54.55 ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 89.78, ร้อย ละ 87.14 และร้อยละ 88.52 ของรายได้จากการขายสินค้า ตามลำดับ อัตราส่วนต้นทุนขายสินค้าต่อรายได้จากการขาย สินค้าปรับลดลงในปี 2549 และปรับเพิ่มขึ้นในปี 2550 เล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีปริมาณโครงการที่จะดำเนินการพัฒนา เป็นจำนวนมากและต่อเนื่อง ทำให้บริษัทย่อยของบริษัทมีอำนาจในการต่อรองราคากับผู้ค้าวัสดุก่อสร้างค่อนข้างสูง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 262.31 ล้านบาท, 356.69 ล้านบาท และ 461.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.98 และร้อยละ 29.34 ตามลำดับ สาเหตุที่ค่า ใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นในแต่ละปีนั้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายหลัก ๆ คือ ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่ง เสริมการขายเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีการเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ โครงการให้แก่ผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มมากขึ้นด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนพนักงาน และโบนัสเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น ผลมาจากการรับพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริการหลังการขายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น ผลมาจากการที่บริษัทและบริษัทย่อยมีโครงการใหม่เพิ่มขึ้น หากเปรียบเทียบสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ รวมแล้ว จะเห็นว่าในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 มีสัดส่วนร้อยละ 11.28, ร้อยละ 12.05 และร้อยละ 17.67 ของรายได้รวม จากสัดส่วนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในปี 2548 – 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารต่อรายได้รวมอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ใกล้เคียงกัน โดยมาปรับเพิ่มสูงขึ้นในปี 2550 ประมาณร้อยละ 5.62 จากปี 2549 เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยเริ่มเปิดขายโครงการใหม่ใน ปี 2550 เป็นจำนวนมากคิดเป็นมูลค่า 12,350 ล้าน บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 80.00 จากปี 2549 ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าว บริษัทไม่สามารถนำไปรับรู้พร้อมกับรายได้ที่จะรับรู้ในอนาคตได้ตามนโยบายการบัญชี รายงานประจำปี 2550

112


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน กำไร

ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริ ษั ท และบริ ษั ท ย่ อ ยมี อั ต รากำไรขั้ น ต้ น ร้ อ ยละ 30.28, ร้อยละ 32.12 และร้อยละ 23.03 ตามลำดับ ในปี 2548 และปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ส่งผลจากการลดลงของต้นทุนขาย ตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ ข. เรื่องต้นทุนขาย และในปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมี อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ส่งผลมาจากการตั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ในปี 2550 ในระดับที่ต่ำกว่าในปี 2549 ตามที่ได้กล่าวไว้ ในหัวข้อ ข. เรื่องต้นทุนขาย ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานร้อยละ 19.41, ร้อย ละ 20.36 และร้อยละ 6.12 สาเหตุของการเพิ่มขึ้นและลดลงของอัตรากำไรจากการดำเนินงานตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ ค. เรื่องค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 304.75 ล้านบาท, 447.80 ล้านบาท และ 77.98 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนกำไรสุทธิร้อยละ 13.11, ร้อยละ 15.13 และร้อยละ 2.99 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นและลดลงของอัตราส่วนกำไรสุทธิ มีสาเหตุตามข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ ก. เรื่องรายได้, ข้อ ข. เรื่องต้นทุน ขาย และข้อ ค. เรื่องค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น

ในปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 27.23, ร้อย ละ 27.51 และร้อยละ 3.87 โดยในปี 2548 และปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราผลตอบแทนเติบโตขึ้นมาโดย ตลอด เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นลด ลงอย่างมากเนื่องจาก ในปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้และกำไรลดลง ตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ ก. เรื่องรายได้ และข้อ ง. เรื่องกำไร ประกอบกับในปี 2550 บริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 355 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท ทำให้ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 670 ล้านบาท

การวิเคราะห์ฐานะการเงิน

สินทรัพย์

สินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 มีมูลค่าเท่ากับ 3,196.99 ล้านบาท, 4,395.97 ล้านบาท และ 5,848.52 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 สินทรัพย์รวมของบริษัทและ บริษัทย่อย ประกอบด้วยสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเท่ากับ 5,577.31 ล้านบาท และ 271.21 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 95.36 และร้อยละ 4.64 ของสินทรัพย์รวม ตามลำดับ โดยสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นสินค้าคงเหลือ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินค้าคงเหลือเท่ากับ 4,809.34 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82.23 ของสินทรัพย์รวม เงินลงทุนชั่วคราว เงินลงทุนชั่วคราวทั้งหมดของบริษัทและบริษัทย่อย เป็นการลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้ เนื่องจากในบางขณะ บริษัทมีสภาพคล่องมากเกินไปจึงได้นำเงินไปลงทุนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 มี เงินลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้เท่ากับ 139.14 ล้านบาท, 26.98 ล้านบาท และ 43.06 ล้านบาท ตามลำดับ โดย ณ

113 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน 31 ธันวาคม 2549 มีการลดเงินลงทุนลงจากปี 2548 จำนวน 112.16 ล้านบาท คิดเป็นการลดลงร้อยละ 80.61 เนื่องจากในปี 2549 บริษัทได้ทำการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ หลายโครงการจึงต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาโครงการ ประกอบ กับบริษัทลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อย และให้บริษัทย่อยกู้ยืมเงินเพื่อนำไปพัฒนาโครงการ บริษัทจึงมีการขายเงินลงทุนดังกล่าว สำหรับในปี 2550 ยอดเงินลงทุนชั่วคราวเป็นการลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้ของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด (บริษัท ย่อย) ทั้งจำนวน ลูกหนี้การค้า-สุทธิ ณ สิ้นปี 2548 และปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีลูกหนี้การค้าสุทธิเท่ากับ 26.16 ล้านบาท และ 30.27 ตามลำดับ ลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกหนี้อายุระหว่าง 181 – 360 วัน โดยส่วนใหญ่เป็นลูก หนี้การค้าของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างของบริษัทและบริษัท ย่อย ส่วน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีลูกหนี้การค้าสุทธิเท่ากับ 16.17 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าที่ ลดลงส่วนใหญ่เป็นการลดลงในกลุ่มลูกหนี้ที่อยู่ในกำหนด และอายุระหว่าง 1-90 วัน โดยลดลงจากสิ้นปี 2549 ร้อยละ 46.58 โดยส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้การค้าของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด สำหรับการลดลงอย่างมากในปี 2550 เนื่องจาก บริษัทได้มีการปรับปรุงระบบการชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด โดยหากผู้รับเหมาที่สั่งซื้อวัสดุ ก่อสร้างนั้นเป็นผู้รับเหมาของบริษัทด้วย บริษัทสามารถหักเงินค่างวดของงานก่อสร้างเพื่อชำระหนี้ให้กับบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ได้ โดยผู้รับเหมาได้จัดทำหนังสือยินยอมการหักเงินค่าวัสดุก่อสร้างไว้กับบริษัท อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นด้วย จึงส่งผลให้ลูกหนี้การค้า-สุทธิ ดังกล่าวลด ลง โดยมีรายละเอียดของลูกหนี้การค้า ณ สิ้นปี 2547, ปี 2548 และปี 2549 ดังแสดงในตาราง (หน่วย : บาท) รายละเอียดลูกหนี้ ในกำหนด

ณ 31 ธันวาคม 2548

ณ 31 ธันวาคม 2549

ณ 31 ธันวาคม 2550

7,325,404.90

8,279,672.96

1,689,212.32

15,506,931.13

9,369,217.56

3,040,645.17

อายุระหว่าง 91 – 180 วัน

2,976,951.13

3,859,471.33

5,652,479.51

อายุระหว่าง 181 – 360 วัน

612,629.15

8,762,210.80

6,697,043.82

2,571,065.57

3,332,119.87

7,030,590.20

28,992,981.88

33,602,692.52

24,109,971.02

2,836,097.26

3,332,119.87

7,935,593.11

26,156,884.62

30,270,572.65

16,174,377.91

อายุระหว่าง 1 – 90 วัน

เกินกว่า 360 วัน รวม หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ลูกหนี้การค้า-สุทธิ

รายงานประจำปี 2550

114


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยประเมินจากลูกหนี้ที่บริษัทและบริษัทย่อยคาด ว่าจะเรียกเก็บเงินไม่ได้ ประกอบกับประวัติการจ่ายชำระหนี้ที่ผ่านมาในอดีตมาร่วมในการพิจารณา ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 2.84 ล้านบาท, 3.33 ล้านบาท และ 7.94 ล้าน บาท ตามลำดับ โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งฝ่ายบริหารให้ความสำคัญในการติดตามลูกหนี้การค้าดังกล่าว ดังจะเห็นได้จากในปี 2550 บริษัทได้มีการปรับปรุงระบบการชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น และในกรณีที่ลูกหนี้รายใดคาดว่าจะมีปัญหา บริษัทจะดำเนินการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัญจะสูญเพื่อให้งบการเงินแสดงมูลค่าที่แท้ จริง ทั้งนี้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญดังกล่าวถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวมของบริษัท โดย ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 มีสัดส่วนร้อยละ 0.12, ร้อยละ 0.11 และร้อยละ 0.30 ตามลำดับ ทั้งนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีลูกหนี้เกินกว่า 360 วัน ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 เท่ากับ 2.57 ล้านบาท, 3.33 ล้านบาท และ 7.03 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเป็นลูกหนี้ค้าวัสดุก่อสร้างของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งปัจจุบันฝ่ายบริหารได้ให้ความสำคัญในการบริหารลูกหนี้ โดยมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยว กับการกำหนดวงเงิน อายุหนี้ และการดำเนินการฟ้องร้องเพื่อให้ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวชำระหนี้ รวมไปถึงการปรับปรุงเงื่อนไข การจ่ายเงินค่างวดงานในการก่อสร้างของผู้รับเหมา โดยบริษัทสามารถนำค่าวัสดุก่อสร้างที่ บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด จำหน่ายให้กับผู้รับเหมาไปหักออกจากค่างวดงานในการก่อสร้างที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้รับเหมาได้ การชำระเงินของโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีเงินที่ถึงกำหนดชำระจากลูกหนี้สะสมตามวิธีค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเท่ากับ 8,218.46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.52 ของมูลค่าโครงการที่ขายแล้ว ในจำนวนนี้มียอดเงินที่ชำระแล้วสะสมจำนวน 8,215.86 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.50 ของเงินที่ถึงกำหนดชำระสะสม โดยมียอดเงินที่ค้างชำระสะสมจำนวน 2.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.02 ของเงินที่ถึงกำหนดชำระสะสม และมียอดคงเหลือที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระจำนวน 4,926.83 ล้านบาท คิดเป็น 37.48 ของมูลค่าโครงการที่ขายแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้

115 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ตารางรายละเอียดการชำระเงินของโครงการที่ดำเนินการอยู่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550

(หน่วย : ล้านบาท)

เงินที่ถึงกำหนดชำระ สะสม ชื่อโครงการ

ปริญสิริ นวมินทร์ ปริญสิริ นวลจันทร์ ปริญญดา แจ่มจันทร์ สิริทาวารา ออเรนทอล ปริญญดา เทพารักษ์ เฟส 1 ปริญญดา เทพารักษ์ เฟส 2 ปริญญดา วงแหวนสาทร ปริญลักษณ์ พระราม 2 ปริญลักษณ์ เอ็กซ์คลูชีฟ ปริญญดา พระราม 2 ปริญลักษณ์ อินทราลักษณ์ เดอะพัลซ์ ลาดพร้าว 44 ปริญญดา เกษตรนวมินทร์ ปริญลักษณ์ วงแหวนสาทร ปริญลักษณ์ เพชรเกษม 69 ปริญญดา กาญจนาภิเษก ปริญลักษณ์ เอกชัย-บางบอน เดอะคอมพลีท ราชปรารภ เดอะคอมพลีท นราธิวาสฯ เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37 ปริญลักษณ์ ไลท์ วงแหวนสาทร ปริญลักษณ์ ไลท์ พระราม 5 ปริญญดา ไลท์ พระราม 5 สมาร์ทคอนโด พระราม 2 ยูโรไพร์ม ยูโรโนวา นอร์ทเทิร์นไพร์ม (เฟส 1) นอร์ทเทิร์นโนวา (เฟส 2) นอร์ทเทิร์นไพร์ม (เฟส 3) รวม

มูลค่าที่ขาย แล้ว

697.32 398.09 148.64 687.16 282.89 301.44 1,035.48 532.79 210.44 472.79 193.25 320.85 737.20 402.44 428.41 207.74 328.61 1,529.79 449.75 600.67 220.74 400.80 266.52 914.86 233.08 364.70 395.90 241.55 141.39 13,145.29

เงินที่ชำระแล้วสะสม

เงินที่ค้างชำระสะสม

คงเหลือจำนวนที่ยังไม่ ถึงกำหนดชำระ

จำนวนเงิน

ร้อยละ ของ มูลค่าที่ ขาย แล้ว

ร้อยละ ของเงินที่ จำนวนเงิน ถึงกำหนด ชำระ สะสม

ร้อยละ ของเงินที่ จำนวนเงิน ถึงกำหนด ชำระ สะสม

ร้อยละ ของ จำนวนเงิน มูลค่าที่ ขาย แล้ว

697.32 398.09 148.64 676.16 279.04 301.44 1,035.48 532.79 210.44 472.79 193.25 318.58 667.60 402.44 264.57 175.58 211.99 105.71 26.95 41.47 23.82 10.11 7.61 22.03 209.81 218.87 378.66 183.37 3.85 8,218.46

100.00 100.00 100.00 98.40 98.64 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 99.29 90.56 100.00 61.76 84.52 64.51 6.91 5.99 6.90 10.79 2.52 2.86 2.41 90.02 60.01 95.65 75.91 2.72 62.52

697.32 398.09 148.24 678.16 279.04 301.44 1,035.48 532.79 210.44 472.79 193.25 318.58 667.17 402.44 264.46 175.58 209.95 105.70 26.43 41.30 23.81 9.78 7.23 22.05 209.41 218.92 378.73 187.37 3.91 8,215.86

100.00 100.00 99.73 98.69 98.64 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 99.29 90.50 100.00 61.73 84.52 63.89 6.91 5.88 6.88 10.79 2.44 2.71 2.41 89.84 60.03 95.66 75.91 2.77 62.50

- - 0.40 -2.00 - - - - - - - - 0.43 - 0.11 - 2.04 0.01 0.52 0.17 0.01 0.33 0.38 -0.02 0.40 -0.05 -0.07 - -0.06 2.60

- - - - 0.27 - -0.29 11.00 - 3.85 - - - - - - - - - - - - - 2.27 0.06 69.60 - - 0.03 163.84 - 32.16 0.62 116.62 0.00 1,424.08 0.12 422.80 0.03 559.20 0.00 196.92 0.08 390.69 0.14 258.91 0.00 892.83 0.17 23.27 -0.01 145.83 -0.02 17.24 - 58.18 -0.04 137.54 0.02 4,926.83

- - - 1.60 1.36 - - - - - - 0.71 9.44 - 38.24 15.48 35.49 93.09 94.01 93.10 89.21 97.48 97.14 97.59 9.98 39.99 4.35 24.09 91.28 37.48

รายงานประจำปี 2550

116


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ตารางรายละเอียดเงินค้างชำระสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 (หน่วย : ล้านบาท) ค้างชำระ ค้าชำระ ค้างชำระ ค้างชำระมากกว่า 1-30 วัน 31-60 วัน 61-90 วัน 90 วันขึ้นไป จำนวน จำนวน จำนวน จำนวน จำนวน จำนวนเงิน จำนวนเงิน จำนวนเงิน จำนวนเงิน จำนวนเงิน ราย ราย ราย ราย ราย 1 0.40 - - - - - - 1 0.40 เงินค้าชำระสะสม

ชื่อโครงการ ปริญญดา แจ่มจันทร์ ปริญญดา เกษตรนวมินทร์

2

0.43

1

0.21

1

0.22

-

-

-

-

ปริญลักษณ์ เพชรเกษม 69

2

0.11

1

0.03

1

0.07

-

-

-

-

ปริญลักษณ์ เอกชัย-บางบอน

7

2.04

5

1.80

2

0.24

-

-

-

-

เดอะคอมพลีท ราชปรารภ

1

0.01

1

0.01

-

-

-

-

-

-

เดอะคอมพลีท นราธิวาสฯ

13

0.52

7

0.23

2

0.07

2

0.09

2

0.14

เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37

5

0.17

5

0.17

-

-

-

-

-

-

ปริญลักษณ์ ไลท์ พระราม 5

9

0.33

6

0.14

3

0.19

-

-

-

-

ปริญญดา ไลท์ พระราม 5

7

0.38

3

0.12

4

0.26

-

-

-

-

ยูโรไพร์ม

1

0.04

-

-

-

-

-

-

1

0.04

48

4.79

29

2.71

13

1.05

2

0.09

4

0.94

รวม

หมายเหตุ เก็บข้อมูลโดยวิธีค่างวดที่ครบกำหนดชำระ โดยบริษัทยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกหนี้ โดยยอดเงินค้างชำระที่ปรากฏในตารางข้างต้นจะแตกต่าง จากลูกหนี้ค้างชำระในหมายเหตุประกอบงบการเงิน เนื่องจากบันทึกโดยใช้วิธีรับรู้เมื่องานเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อแล้ว การเก็บตัวเลขด้วยวิธีที่ต่างกันนี้ ทำให้ยอดลูกหนี้ค้างชำระในตารางข้างต้นมียอดสูงกว่าเงินค้างชำระในงบการเงิน

สินค้าคงเหลือ

ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินค้าคงเหลือเท่ากับ 2,617.64 ล้านบาท, 3,873.10 ล้านบาท และ 4,809.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.96 และร้อยละ 24.17ตามลำดับ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่ม ขึ้นตามโครงการของบริษัทและบริษัทย่อยที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับจากนโยบายการสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย และการรับรู้ รายได้เมื่อโอน ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดของสินค้าคงเหลือ ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 ดังแสดงในตาราง (หน่วย : บาท) รายละเอียด

ณ 31 ธันวาคม 2548

ณ 31 ธันวาคม 2549

ณ 31 ธันวาคม 2550

- 489,623.55

46,164,934.34 1,389,115.17

78,829,263.90 1,416,865.78

1,714,309,008.96

2,426,041,071.82

2,283,053,469.24

820,923,615.16

1,274,716,316.12

2,237,706,065.25

ค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับโครงการ

18,726,872.77

26,709,676.52

34,850,218.74

ดอกเบี้ยรอการตัดบัญชี

63,186,201.80

98,082,011.27

172,481,184.38

2,617,635,322.24

3,873,103,125.24

4,809,337,067.29

สินค้าสำเร็จรูป - บ้านเพื่อขาย - วัสดุก่อสร้าง ที่ดินและค่าพัฒนาที่ดิน งานระหว่างก่อสร้าง

รวม

117 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน สินค้าคงเหลือในส่วนของสินค้าสำเร็จรูปของบริษัทและบริษัทย่อย แบ่งออกเป็นบ้านเพื่อขาย และวัสดุ ก่อสร้าง สำหรับบ้านเพื่อขายนั้นบริษัทและบริษัทย่อยเริ่มมีสินค้าสำเร็จรูป ณ สิ้นปี 2549 จำนวน 46.16 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายในการสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย ประกอบกับ ณ สิ้นปีดังกล่าวยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าหรือยังขาย ไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเพื่อขายในโครงการที่เปิดขายมานาน เช่น ปริญสิรินวลจันทร์, ปริญสิรินวมินทร์, ปริญญดา แจ่มจันทร์ และปริญญดา เทพารักษ์ สำหรับ ณ สิ้นปี 2550 เพิ่มขึ้นจากปี 2549 คิดเป็นร้อยละ 70.76 เนื่องจากบริษัท ดำเนินการก่อสร้างและเปิดขายโครงการใหม่ ในปี 2550 เป็นจำนวนมากคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,350 ล้านบาท ซึ่งเพิ่ม ขึ้นร้อยละ 80.00 จากปี 2549 สินค้าคงเหลือในส่วนของที่ดินและค่าพัฒนาที่ดิน นับได้ว่ามีสัดส่วนมากที่สุดของยอดสินค้าคงเหลือรวม เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการนำมาพัฒนาและก่อสร้างโครงการ โดยค่าที่ดินและค่าพัฒนาที่ดินคิดเป็นประมาณ ร้อยละ 40 – 50 ของต้นทุนรวมผลิตภัณฑ์ ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 มีสัดส่วนร้อยละ 65.49, ร้อยละ 62.64 และร้อยละ 47.47 ของมูลค่าสินค้าคงเหลือรวม การลดลงของสัดส่วนดังกล่าวเนื่องจาก นโยบายในการจัดซื้อที่ดิน ของบริษัทโดยมุ่งเน้นที่ดินที่มีศักยภาพและสามารถนำมาพัฒนาได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่หลังจากที่บริษัทจัดซื้อที่ดินแล้วจะนำมา พัฒนาเลย จะไม่มีนโยบายในการซื้อที่ดินเก็บไว้ในระยะนาน ๆ เพื่อรอทำการพัฒนา (Land Bank) ส่งผลให้มีสินค้าสำเร็จรูป และงานระหว่างก่อสร้างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในปี 2550 บริษัทเริ่มเปิดขายโครงการอาคารชุดพักอาศัยใหม่และอยู่ในระหว่าง การดำเนินงานก่อสร้าง โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่ เดอะคอมพลีท นราธิวาส, เดอะคอมพลีท ราชปรารภ, เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37 และ สมาร์ทคอนโด พระราม 2 ส่งผลให้งานระหว่างก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงทำให้สัดส่วน ดังกล่าวลดลง สินค้าคงเหลือในส่วนของงานระหว่างก่อสร้าง ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 เท่ากับ 820.92 ล้านบาท, 1,274.71 ล้านบาท และ 2,237.71 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.28 และร้อยละ 75.55 ตามลำดับ โดยเหตุผลในการเพิ่มขึ้นของงานระหว่างก่อสร้างตามที่อธิบายในส่วนของที่ดินและค่าพัฒนาที่ดิน บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องตั้งสำรองการด้อยค่าของทรัพย์สิน เนื่องจากบริษัทได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคา อิสระ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำการประเมิน ราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้เพื่อขายของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งผลการประเมินราคาทรัพย์สินมีมูลค่าสูงกว่าราคาทุน เดิม ทั้งนี้โปรดดูรายละเอียดประกอบในข้อ 5.1 เรื่องทรัพย์สินของบริษัท ที่ดินและอุปกรณ์-สุทธิ ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีที่ดินและอุปกรณ์สุทธิ จำนวน 29.94 ล้านบาท, 36.43 ล้านบาท และ 40.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.67 และ 11.98 ตามลำดับ ทั้งนี้การเพิ่ม ขึ้นของที่ดินและอุปกรณ์สุทธิ เป็นการเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินกิจการ และไปตาม การขยายตัวของบริษัท โดยบริษัท และบริษัทย่อยเปิดขายโครงการใหม่ในปี 2549 จำนวน 9 โครงการ และในปี 2550 จำนวน 11 โครงการ ทำให้มี โครงการที่เปิดขายอยู่ทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน 23 โครงการ ซึ่งในปี 2549 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการ เพิ่มขึ้นในส่วนของเครื่องใช้สำนักงาน ทั้งนี้ในปี 2549 เพิ่มขึ้นจากปี 2548 เท่ากับร้อยละ 37.61 สำหรับในปี 2550 โดย ส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเดิมรายการคอมพิวเตอร์ดังกล่าวอยู่ในรายการเครื่องใช้สำนักงานซึ่งในปัจจุบัน รายการคอมพิวเตอร์มีจำนวนที่สูงมาก เพื่อความชัดเจนในการจัดประเภทบัญชีของคอมพิวเตอร์ จึงมีการจัดประเภทบัญชี ของคอมพิวเตอร์ใหม่ในปี 2550 โดยได้โอนออกจากรายการเครื่องใช้สำนักงานและโดนเข้ารายการคอมพิวเตอร์ จำนวน 14.75 ล้านบาท และมีการซื้อเพิ่มระหว่างปีเท่ากับ 8.05 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.55 ของมูลค่ารายการที่โอนเข้าและ โอนออกเกี่ยวกับรายการคอมพิวเตอร์

รายงานประจำปี 2550

118


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน (หน่วย : บาท) รายละเอียด ที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ เครื่องตกแต่งสำนักงาน เครื่องใช้สำนักงาน คอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ รวม ค่าเสื่อมราคาสะสม ที่ดินและอุปกรณ์-สุทธิ

ณ 31 ธันวาคม 2548

ณ 31 ธันวาคม 2549

ณ 31 ธันวาคม 2550

- - 3,346,838.00 6,628,121.05 21,478,707.06 - 22,236,410.81 53,690,076.92 23,749,101.32 29,940,975.60

3,279,342.43 - 4,015,004.24 8,062,698.78 29,556,573.49 - 25,669,335.81 70,582,954.75 34,154,300.36 36,428,654.39

3,279,342.43 2,196,710.00 2,370,059.66 8,062,698.78 19,121,782.14 22,801,301.59 27,779,622.81 85,611,517.41 44,818,402.31 40,793,115.10

สำหรับในปี 2549 บริษัทมีที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวน 3.28 ล้านบาท โดยเป็นที่ดินบริเวณซอยแจ่มจันทร์ พื้นที่ 247 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณใกล้เคียงกับโครงการปริญญดาแจ่มจันทร์ โดยแต่เดิมเป็นที่ดินผืนเดียวกัน แต่ต่อมา มีถนนตัดผ่านทำให้ที่ดินถูกแยกออกจากกัน ปัจจุบันใช้เป็นศูนย์บัญชาการบริการหลังการขาย และเนื่องจากที่ดินดังกล่าวมี ขนาดเล็กบริษัทจึงยังไม่มีนโยบายที่จะนำที่ดินดังกล่าวไปพัฒนาเป็นโครงการ สำหรับในปี 2550 บริษัทมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นจำนวน 2.20 ล้านบาท โดยเป็นสำนักงาน ขายและบ้านตัวอย่าง ซึ่งโครงสร้างและส่วนประกอบอื่น ๆ ส่วนใหญ่ สามารถถอดประกอบและย้ายสถานที่ติดตั้งได้ ปัจจุบัน ติดตั้งอยู่ที่โครงการปริญญดา ไลท์ พระราม 5 เป็นโครงการแรก อีกทั้งบริษัทยังมีคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นจำนวน 22.80 ล้าน บาท โดยเป็นการจัดประเภทบัญชีของคอมพิวเตอร์ใหม่ในปี 2550 ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ที่ดินรอการพัฒนา ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีที่ดินรอการพัฒนาเท่ากับ 70.24 ล้านบาท, 69.53 ล้านบาท และ 126.53 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.01 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.98 ตามลำดับ ในปี 2549 ลดลง เล็กน้อยเนื่องจาก การย้ายรายการที่ดินบริเวณซอยแจ่มจันทร์ เนื้อที่ 247 ตารางวาซึ่งเดิมอยู่ในรายการที่ดินรอการพัฒนา ไปเป็นรายการที่ดินอาคารและอุปกรณ์ ประกอบกับได้มีการปรับปรุงที่ดินโดยการถมที่ดินเพื่อรอการพัฒนาในอนาคต เนื่องจากมีการโอนรายการที่ดินที่ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 16-0-89 ไร่ สำหรับในปี 2550 เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากบริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทย่อย) ซื้อที่ดินบริเวณ ซอยพัทยา-นา เกลือ 12 ถนนพัทยา-นาเกลือ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 10-2-56.50 ไร่ ซึ่งปัจจุบันรอที่จะ ทำการพัฒนา เงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพัน ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันเท่ากับ 88.37 ล้านบาท, 92.09 ล้านบาท และ 91.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.21 และลดลงร้อยละ 0.49 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น เล็กน้อยในปี 2549 เนื่องจากมียอดเงินจากการเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางจากลูกค้าเพิ่มขึ้นจากการขายโครงการ ของบริษัทและบริษัทย่อย ทั้งนี้เงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันเกิดจากการที่บริษัทและบริษัทย่อยมีเงินฝากออมทรัพย์และเงิน ฝากประจำบางส่วน ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคารพาณิชย์เพื่อการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินและการออกหนังสือค้ำ ประกัน สำหรับ ณ สิ้นปี 2549 จากตัวเลขยอดเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันของบริษัทและบริษัทย่อย ในจำนวนนี้เป็นเงิน ฝากจากการเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางจากลูกค้าจำนวน 55.82 ล้านบาท การลดเล็กน้อยในปี 2550 เนื่องจาก

119 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน บริษัทได้ถอนเงินฝากที่ไม่ติดค้ำประกันออก เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท ณ สิ้นปี 2550 จากตัวเลขยอดเงิน ฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันของบริษัทและบริษัทย่อย ในจำนวนนี้เป็นเงินฝากจากการเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลาง จากลูกค้าจำนวน 74.53 ล้านบาท ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่ต้องโอนส่งมอบเงินดังกล่าว เมื่อได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการหมู่บ้านแต่ละโครงการเรียบร้อยแล้ว

สภาพคล่อง

กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดใช้ไปจากกิจกรรมดำเนินงานเท่ากับ 10.65 ล้านบาท โดยบริษัท และบริษัทย่อยได้รับกระแสเงินสดดังกล่าวจากกำไรสุทธิ 304.75 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 9.22 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของ เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย 101.12 ล้านบาท เงินค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ 25.27 ล้านบาท หนี้สินหมุนเวียนอื่น 37.45 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 28.49 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือ 409.96 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 97.69 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจ่าย ชำระค่ามัดจำที่ดินและลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ 3.86 ล้านบาท ปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดใช้ไปจากกิจกรรมดำเนินงานเท่ากับ 880.41 ล้านบาท โดยบริษัท และบริษัทย่อยได้รับกระแสเงินสดดังกล่าวจากกำไรสุทธิ 447.80 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 10.97 ล้านบาท หนี้สูญ 2.00 ล้านบาท การลดลงของสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 14.39 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย 3.32 ล้าน บาท หนี้สินหมุนเวียน 46.88 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 2.95 ล้านบาท สำหรับกระแสเงินสดจากการ ดำเนินงานลดลงเนื่องจาก การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือ 1,091.30 ล้านบาท เจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงิน 257.50 ล้านบาท ค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ 48.40 ล้านบาท และลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ 6.61 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนน้อย 4.89 ล้านบาท ปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดใช้ไปจากกิจกรรมดำเนินงานเท่ากับ 1,073.26 ล้านบาท โดย บริษัทและบริษัทย่อยได้รับกระแสเงินสดดังกล่าวจากกำไรสุทธิ 77.99 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 12.47 ล้านบาท หนี้สงสัย จะสูญ 6.97 ล้านบาท หนี้สูญ 2.22 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 9.94 ล้านบาท การลดลงของลูกหนี้การค้าและ ตั๋วเงินรับ 7.28 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย 19.89 ล้านบาท ค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ 186.69 ล้านบาท หนี้สินหมุนเวียน 78.15 ล้านบาท สำหรับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงเนื่องจาก การโอนกลับ หนี้สงสัยจะสูญ 2.37 ล้านบาท รายได้อื่น 12.01 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือ 884.55 ล้านบาท สินทรัพย์ หมุนเวียนอื่น 444.98 ล้านบาท สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 6.38 ล้านบาท เจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงิน 64.17 ล้าน บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 57.69 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการลงทุน ปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดใช้ไปในการลงทุนสุทธิเท่ากับ 206.96 ล้านบาท โดยบริษัทได้จ่าย เงินซื้อกองทุนเปิดตราสารหนี้ 159.00 ล้านบาท เนื่องจากในขณะนั้นบริษัทมีสภาพคล่องมาก จึงได้นำไปลงทุนเพื่อก่อให้เกิด ประโยชน์ เงินสดจ่ายเพื่อซื้อบริษัทย่อย 22.52 ล้านบาท โดยบริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ดำเนิน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน เพื่อเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ บริษัทในการควบคุมต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้าง สำหรับการพัฒนาโครงการของบริษัท และเพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ซื้อ อุปกรณ์และเครื่องใช้สำนักงาน 13.33 ล้านบาท เพื่อใช้ในกิจการและการขยายตัวของบริษัท และการเพิ่มขึ้นของเงินฝาก ประจำมีภาระผูกพัน 33.88 ล้านบาท เนื่องจากนำเงินฝากประจำเพื่อค้ำประกันเจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดได้มาในการลงทุนสุทธิเท่ากับ 107.31 ล้านบาท

รายงานประจำปี 2550

120


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน โดยขายกองทุนเปิดตราสารหนี้จำนวน 145.60 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ทำการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ หลายโครงการ จึงต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาโครงการ ประกอบกับการลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อย และให้บริษัทย่อยกู้ยืมเงินเพื่อนำไปพัฒนา โครงการ บริษัทจึงมีการขายเงินลงทุนดังกล่าวออก และการลดลงของเงินฝากประจำมีภาระผูกพันจำนวน 11.70 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งมอบเงินฝากจากการเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางจากลูกค้าให้กับคณะกรรมการหมู่บ้านที่มีการจัด ตั้งเรียบร้อยแล้ว ปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดใช้ไปในการลงทุนสุทธิเท่ากับ 63.04 ล้านบาท โดยบริษัทได้จ่าย เงินซื้ออุปกรณ์และเครื่องใช้สำนักงาน 12.23 ล้านบาท และที่ดินรอพัฒนา 57.00 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน ในปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดหาเงินสุทธิเท่ากับ 265.56 ล้านบาท ซึ่งมี กระแสเงินสดได้มาจากเงินสดจากการเพิ่มทุนจำนวน 424.71 ล้านบาท จากเงินเบิกเกินบัญชีและกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบัน การเงิน 219.27 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะสั้น 44.10 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีกระแสเงินสดใช้ไปจากการจ่ายเงินปันผล จำนวน 72.10 ล้านบาท และการใช้คืนเงินกู้ยืมระยะยาว 351.86 ล้านบาท ในปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดหาเงินสุทธิเท่ากับ 805.42 ล้านบาท ซึ่ง กระแสเงินสดได้มาจากเงินกู้ยืมระยะยาว 635.41 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะสั้น 194.45 ล้านบาท เงินเบิกเกินบัญชีและกู้ ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 61.25 ล้านบาท และรับเงินค่าหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 34.91 ล้านบาท ขณะ เดียวกันมีกระแสเงินสดใช้ไปจากการจ่ายเงินปันผลจำนวน 120.60 ล้านบาท ในปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดหาเงินสุทธิเท่ากับ 1,138.36 ล้านบาท ซึ่ง กระแสเงินสดได้มาจากเงินกู้ยืมระยะยาว 735.73 ล้านบาท เงินเบิกเกินบัญชีและกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 105.97 ล้านบาท รับเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุน 502.50 ล้านบาท และรับเงินค่าหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 11.64 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีกระแสเงินสดใช้ไปจากการจ่ายเงินปันผลจำนวน 180.90 ล้านบาท กระแสเงินสดสุทธิ โดยสรุป ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อย มีกระแสเงินสดสุทธิเท่ากับ 78.83 ล้านบาท, 111.14 ล้านบาท และ 113.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.00 และร้อยละ 1.85 ตามลำดับ อัตราส่วนสภาพคล่อง ในปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อย มีอัตราส่วนสภาพคล่อง และมีอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วเท่ากับ 2.60 เท่า และ 0.21 เท่า ตามลำดับ ในปี 2549 มีอัตราส่วนสภาพคล่อง และมีอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วเท่ากับ 3.36 เท่า และ 0.14 เท่า ตามลำดับ และในปี 2550 มีอัตราส่วนสภาพคล่อง และมีอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วเท่ากับ 2.44 เท่า และ 0.08 เท่า ตามลำดับ อัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ในระดับปกติของการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามอัตราส่วนสภาพคล่อง หมุนเร็วมีค่าค่อนข้างต่ำ เนื่องจากสินทรัพย์หมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นสินค้าคงเหลือ สำหรับการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือ เป็นการเพิ่มขึ้นตามมูลค่าขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับจากนโยบายการสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย และการรับรู้รายได้เมื่อโอน อีก ทั้งพัฒนาโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัย ต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาโครงการไปก่อนซึ่งมีมูลค่าการลงทุนที่สูง แต่ไม่ สามารถทยอยโอนหรือรับรู้รายได้ได้เนื่องจากการพัฒนาโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัยจะต้องโอนหรือรับรู้รายได้ เมื่อ ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยทั้งโครงการ รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือโปรดอ่านในข้อ 12.2.2 เรื่องการวิเคราะห์ ฐานะการเงิน ในส่วนของสินค้าคงเหลือ

121 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน รายจ่ายลงทุน

ในปี 2548 และปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายจ่ายลงทุนจำนวน 173.69 ล้านบาท และ 63.32 ล้าน บาท โดยในปี 2548 บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและจำหน่ายวัสดุ ก่อสร้าง ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน เพื่อเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของบริษัท ในการควบคุมต้นทุนค่าวัสดุ ก่อสร้าง สำหรับการพัฒนาโครงการของบริษัท และเพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน จำนวน 32.00 ล้านบาท อีกทั้งลงทุน ในกองทุนเปิดตราสารหนี้ ซึ่งในขณะนั้นบริษัทมีสภาพคล่องมาก จึงได้นำเงินไปลงทุนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ใน ระหว่างปีมีการซื้อและขายสุทธิ 139.14 ล้านบาท และร่วมทุนกับบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสัดส่วนร้อยละ 51.00 ของทุนจดทะเบียน ในปีดังกล่าว ลงทุนในบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ทั้งสิ้น 2.55 ล้านบาท ในปี 2549 บริษัทชำระทุนจดทะเบียนในบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 36.34 ล้านบาท และมีเงิน ลงทุนชั่วคราว โดยบริษัทและบริษัทย่อยได้นำเงินไปลงทุนในกองทุนเปิด-ตราสารหนี้ ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนของ บริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ในระหว่างปีมีการซื้อและขายสุทธิของเงินลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้เท่ากับ 26.98 ล้าน บาท สำหรับปี 2550 บริษัทชำระทุนจดทะเบียนในบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ตามสัดส่วนการถือหุ้น เพิ่มอีก จำนวน 12.11 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด เรียกชำระค่าหุ้นครบตามจำนวนทุนจด ทะเบียนที่ระบุไว้จำนวน 100.00 ล้านบาท และบริษัทได้จัดตั้ง บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนิน ธุรกิจค้าและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.97 และมีทุนจดทะเบียนชำระเต็มมูลค่าหุ้น 2 ล้านบาท และมีเงินลงทุนชั่วคราว โดยบริษัทและบริษัทย่อยได้นำเงินไปลงทุนในกองทุนเปิด-ตราสารหนี้ ซึ่งเงินลงทุนส่วน ใหญ่เป็นเงินลงทุนของบริษัท โกร โยธา กรุ๊ป จำกัด ในระหว่างปีมีการซื้อและขายสุทธิของเงินลงทุนในกองทุนเปิดตราสาร หนี้เท่ากับ 43.06 ล้านบาท ทั้งนี้ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ได้ให้แก้ไขมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 เรื่องงบการเงินรวมและการบัญชี สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อย และฉบับที่ 45 เรื่องการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งกำหนดให้บริษัทที่มีเงินลงทุน ในบริษัทย่อยต้องเปลี่ยนนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อย จากเดิมที่ใช้วิธีส่วนได้เสียมาเป็นวิธีราคาทุนในงบ การเงินเฉพาะกิจการ บริษัทจึงได้เปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อยตามประกาศดังกล่าว รายละเอียดโปรด อ่านในหมายเหตุประกอบงบการเงินในหัวข้อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย

แหล่งที่มาของเงินทุน

หนี้สิน ณ สิ้ น ปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริ ษั ท และบริ ษั ท ย่ อ ยมี ห นี้ สิ น มู ล ค่ า 1,748.09 ล้ า นบาท, 2,589.84 ล้านบาท และ 3,620.93 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.15 และร้อยละ 39.81 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของหนี้สินรวมในปี 2548 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินหมุนเวียนซึ่งได้แก่ เงินเบิกเกิน บัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจาก 47.16 ล้านบาท เป็น 226.42 ล้านบาท, เงินกู้ยืมระยะสั้น-ตั๋วสัญญาใช้ เงินจาก 92.00 ล้านบาท เป็น 136.10 ล้านบาท, เจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเป็น 257.50 ล้าน บาท, เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่ายจาก 97.91 ล้านบาท เป็น 214.16 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของหนี้สินดังกล่าวบริษัท นำไปใช้ในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของบริษัทและบริษัทย่อยเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้ในปีเดียวกันบริษัทและบริษัท ย่อยได้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยาวจาก 904.45 ล้านบาท ลดลงเหลือ 552.59 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการจ่ายคืนเงินกู้ตาม เงื่อนไขของสัญญากู้ยืม โดยจ่ายคืนเมื่อมีการโอนขายบ้านในสัดส่วนร้อยละ 70 – 80 ของราคาขาย สำหรับการเพิ่มขึ้นของหนี้สินรวมในปี 2549 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้น ทั้งด้านหนี้สินหมุนเวียนและหนี้สิน ไม่หมุนเวียน ได้แก่ เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 61.25 ล้านบาท, เงินกู้ยืมระยะสั้น-ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 194.45 ล้านบาท, เจ้าหนี้การค้าและตั๋ว รายงานประจำปี 2550

122


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน เงินจ่ายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 27.15 ล้านบาท, เจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงินระยะยาวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 100.00 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 635.41 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของหนี้สินดังกล่าว บริษัทนำไปใช้ในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของบริษัทและบริษัทย่อยเพื่อจำหน่ายเหมือนปีก่อน อย่างไรก็ตามใน ปีเดียวกันบริษัทและบริษัทย่อย มีค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ลดลงจากปีก่อนจำนวน 48.40 ล้านบาท เนื่องจากมีการโอน กรรมสิทธิ์ และส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก และเจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงินลดลงจากปีก่อนจำนวน 193.33 ล้านบาท เนื่องจากการจ่ายคืนเจ้าหนี้การค้าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงินที่คอยกำหนดชำระตามสัญญา สำหรับการเพิ่มขึ้นของหนี้สินรวมในปี 2550 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินหมุนเวียน ได้แก่ เงิน เบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 105.97 ล้านบาท, เจ้าหนี้การค้าและตั๋ว เงินจ่ายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 7.88 ล้านบาท, ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 764.20 ล้านบาท, ค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 186.67 ล้านบาท, เงินประกันผลงาน ผู้รับเหมาเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 30.08 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 87.30 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของหนี้สินดังกล่าว บริษัทนำไปใช้ในการซื้อที่ดิน และพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของบริษัทและบริษัทย่อยเพื่อจำหน่ายเหมือนปีก่อน อย่างไรก็ตามใน ปีเดียวกันบริษัทและบริษัทย่อย การจ่ายคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น-ตั๋วสัญญาใช้เงินลดลงจากปีก่อนจำนวน 35.55 ล้านบาท, จ่าย เงินให้กับเจ้าหนี้ค่าที่ดิน-ตั๋วสัญญาใช้เงินลดลงจากปีก่อนจำนวน 12.48 ล้านบาท, จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายลดลง จากปีก่อนจำนวน 57.69 ล้านบาท จ่ายคืนหนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ ลดลงจากปีก่อนจำนวน 39.17 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 1,448.91 ล้านบาท, 1,806.13 ล้านบาท และ 2,227.58 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.65 และร้อยละ 23.33ตามลำดับ โดยในปี 2548 บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 155 ล้านหุ้น ต่อประชาชน เมื่อวันที่ 25 -27 ตุลาคม 2548 มูลค่าที่เสนอขายหุ้นละ 2.80 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 434 ล้านบาท การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อนำเงินไปใช้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการของบริษัท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วครบทั้ง จำนวน 670 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปีเดียวกัน โดยผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2548 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2548 มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2547 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท รวมเป็น จำนวนเงิน 72.10 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรเพิ่มขึ้น 304.75 ล้านบาท ในปี 2549 บริษัทมีการจ่ายเงินปันผล โดยผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2549 มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2548 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 120.60 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2549 อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรเพิ่มขึ้น 447.80 ล้านบาท สำหรับในปี 2550 บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 335 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อผู้ถือ หุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 505.50 ล้าน บาท การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมดังกล่าว เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นเงินทุนในการพัฒนา โครงการของบริษัท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,340 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้ว 1,005 ล้านบาท และมีการจ่าย เงินปันผลในปีเดียวกัน โดยผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 มีมติให้จ่าย เงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.27 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 180.90 ล้านบาท ซึ่งได้ จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2550 อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรเพิ่มขึ้น 77.98 ล้านบาท ความเหมาะสมของโครงสร้างเงินทุน

123 รายงานประจำปี 2550


การวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.21 เท่า, 1.43 เท่า และ 1.63 เท่า ตามลำดับ โดยในปี 2549 เพิ่มขึ้นจากปี 2548 เนื่องจากการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นเงิน ทุนในการพัฒนาโครงการของบริษัทและบริษัทย่อย โดยเฉพาะโครงการของบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทย่อยกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและยังไม่ได้เปิดขาย จึงทำให้มียอดเงินการกู้ยืมเงินเพื่อนำมา พัฒนาโครงการมีมูลค่าที่ยังสูง อีกทั้งบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นด้วย สำหรับในปี 2550 เพิ่มขึ้นจากปี 2549 เนื่องจากการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการของบริษัทและบริษัทย่อย ประกอบกับบริษัทดำเนินการก่อสร้าง และเปิดขายโครงการใหม่ในปี 2550 เป็นจำนวนมาก อีกทั้งการพัฒนาโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัยที่บริษัทเริ่มเปิด ขายโครงการและอยู่ในระหว่างก่อสร้างทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ เดอะคอมพลีท นราธิวาส, เดอะคอมพลีท ราชปรารภ, เดอะพัลซ์ พหลโยธิน 37 และ สมาร์ทคอนโด พระราม 2 ต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาโครงการไปก่อนซึ่งมีมูลค่าการลงทุนที่ สูง แต่ไม่สามารถทยอยโอนหรือรับรู้รายได้ได้เนื่องจากการพัฒนาโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัยจะต้องโอนหรือรับรู้ราย ได้ เมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยทั้งโครงการ สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นโดยเฉลี่ยของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีอัตราส่วนที่เหมาะสม ไม่เกิน 1.00 เท่า ดังนั้นอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจึงเกินเกณฑ์ค่าเฉลี่ยของบริษัทในอุตสาหกรรม เดียวกัน อย่างไรก็ตามโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินการพัฒนาอยู่ หากเริ่มทำการเปิดขายและมีการโอน กรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยจะดำเนินการทยอยคืนวงเงินกู้ยืมดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนดังกล่าว ลดลง

ปัจจัยและอิทธิพลที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต ความต้องการของผู้บริโภคต่อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป

จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะทางการเมือง การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ปัญหาราคาน้ำมัน อัตราดอก เบี้ยปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อความต้องการที่อยู่อาศัย และการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ดังนั้นหากมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระทบต่อผู้บริโภคอาจทำให้ความต้องการของผู้บริโภคต่อที่อยู่อาศัยนั้นเปลี่ยนแปลงไป อาจ ทำให้บริษัทไม่สามารถขายสินค้าได้ หรือขายสินค้าได้ช้าลง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีภาระต้นทุนสินค้าคงเหลือในปริมาณที่สูง และส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง รวมทั้งความสามารถในการทำกำไรของบริษัท อย่างไรก็ตามจากการมุ่งเน้นความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์และบริการ ภายใต้สโลแกน “เสน่ห์ของบ้าน...ที่เป็นมิตร รกับธรรมชาติ” จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากลูกค้าภายใต้ตราสินค้า “ปริญสิริ” ทั้งนี้ บริษัทมีการลดผลกระทบดังกล่าวด้วยการทำวิจัยและศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคก่อนการพัฒนาโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ประกอบกับการวางแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับประมาณ การขาย โดยแบ่งการพัฒนาโครงการออกเป็นรายเฟส ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถขายสินค้าได้หรือขายสินค้าได้ช้าลง บริษัทก็ สามารถชะลอหรือหยุดงานก่อสร้างไว้ชั่วคราวได้ อีกทั้งบริษัทยังทำการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ต่อ ตราสินค้าของบริษัท เพื่อจูงใจให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ และเพื่อเตือนความทรงจำในสินค้า ซึ่งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่น ในตัวผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท ค่าตอบแทนของผู้สอบบัญชี บริษัทและบริษัทย่อยจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้สอบบัญชีในรอบบัญชีปี 2548, ปี 2549 และปี 2550 จำนวน 1.00 ล้านบาท, 1.18 ล้านบาท และ 1.35 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทและบริษัทย่อยไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนอื่นที่ ไม่ใช่ค่าสอบบัญชี

รายงานประจำปี 2550

124



บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

รายงานประจำปี 2550

126


รายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เสนอ ผู้ถือหุ้น บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (1) ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบงบดุลรวมและงบดุลเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549งบกำไร ขาดทุนรวมและงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นรวมและงบแสดงการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะกิจการและงบกระแสเงินสดรวมและงบกระแสเงินสดเฉพาะกิจการ สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของ แต่ละปีของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และของเฉพาะบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้บริหาร ของกิจการเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลในงบการเงินเหล่านี้ ส่วนข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการ แสดงความเห็นต่องบการเงินดังกล่าวจากผลการตรวจสอบของข้าพเจ้า (2) ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป ซึ่งกำหนดให้ข้าพเจ้าต้องวางแผน และปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ความเชื่อมั่นอย่างมีเหตุผลว่า งบการเงินแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญหรือไม่ การตรวจสอบรวมถึงการใช้วิธีการทดสอบหลักฐานประกอบรายการทั้งที่เป็นจำนวนเงินและการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน การประเมินความเหมาะสมของหลักการบัญชีที่กิจการใช้ และประมาณการเกี่ยวกับรายการทางการเงินที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่ง ผู้บริหารเป็นผู้จัดทำขึ้น ตลอดจนการประเมินถึงความเหมาะสมของการแสดงรายการที่นำเสนอในงบการเงินโดยรวม ข้าพเจ้า เชื่อว่าการตรวจสอบดังกล่าวให้ข้อสรุปที่เป็นเกณฑ์อย่างเหมาะสมในการแสดงความเห็นของข้าพเจ้า (3) ข้าพเจ้าเห็นว่างบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการข้างต้นนี้ แสดงฐานะการเงินรวมและฐานะการเงิน เฉพาะกิจการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 ผลการดำเนินงานรวมและผลการดำเนินงานเฉพาะกิจการและ กระแสเงินสดรวมและกระแสเงินสดเฉพาะกิจการ สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และเฉพาะของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่ รับรองทั่วไป (4) โดยมิได้เป็นการแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขต่องบการเงิน ข้าพเจ้าขอให้สังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ 33 ณ วันที่ 1 มกราคม 2550 บริษัทได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยจากวิธีส่วนได้เสีย มาเป็นวิธีราคาทุนในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชีและได้มีการปรับย้อนหลัง งบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 สำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดัง กล่าว ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบรายการปรับปรุงที่ใช้ในการจัดทำงบการเงินเฉพาะกิจการ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ขึ้นใหม่ ข้าพเจ้าเห็นว่ารายการปรับปรุงดังกล่าวมีความเหมาะสมและได้นำไปปรับปรุงงบการเงินเฉพาะกิจการตาม สมควรแล้ว สำนักงานสอบบัญชี ดี ไอ เอ (นางวิไลรัตน์ โรจน์นครินทร์) ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขทะเบียน 3104 วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551

127 รายงานประจำปี 2550



งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

สินทรัพย์หมุนเวียน

2550

2549

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

งบการเงินรวม (บาท)

หมายเหตุ

สินทรัพย์

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2550

2549

(ปรับปรุงใหม่)

6

113,204,772.53

111,144,891.32

84,966,180.35

93,431,155.45

เงินลงทุนชั่วคราว

7

43,058,418.70

26,984,289.43

0.00

428,455.12

ลูกหนี้การค้า - สุทธิ

8

16,174,377.91

30,270,572.65

3,686,008.00

1,277,310.84

เงินให้กู้ยืมบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน

9

0.00

0.00 311,000,000.00

248,283,300.00

10

สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

เงินมัดจำค่าสินค้า

95,929,802.79

53,054,195.59

93,126,064.47

49,923,683.25

เงินมัดจำค่าที่ดิน

474,153,650.27

61,811,088.75 462,553,650.27

61,811,088.75

อื่น ๆ

25,455,590.88

35,692,363.70

45,655,976.49

11

0.00

0.00

85,000,000.00

70,887,500.00

ที่ดินและอุปกรณ์ - สุทธิ

12

40,793,115.10

36,428,654.39

38,290,256.92

33,975,654.66

ที่ดินรอการพัฒนา

13

126,533,625.00

69,533,625.00

69,533,625.00

69,533,625.00

เงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพัน

14

91,635,965.90

92,091,339.56

80,614,048.44

85,854,654.10

- ตั๋วสัญญาใช้เงิน สินค้าคงเหลือ

รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เงินลงทุนในบริษัทย่อย

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น

4,809,337,067.29 3,873,103,125.24 3,933,359,016.83 2,680,016,781.10

53,648,035.12

5,577,313,680.37 4,192,060,526.68 4,942,338,955.04 3,180,827,751.00

เงินมัดจำและเงินประกัน

8,459,559.42

5,860,147.09

7,488,329.42

5,328,947.09

ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่ายปีก่อน

3,783,425.38

0.00

0.00

0.00

271,205,690.80

203,913,766.04 280,926,259.78

265,580,380.85

รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

รวมสินทรัพย์

5,848,519,371.17 4,395,974,292.72 5,223,265,214.82 3,446,408,131.85

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

129 รายงานประจำปี 2550


งบการเงิน

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุล (ต่อ) ณ วันที่ 31 ธั นวาคม 2550 และ 2549

หนี้สินหมุนเวียน

งบการเงินรวม (บาท)

หมายเหตุ

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

2550

2549

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2550

2549

(ปรับปรุงใหม่)

เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้น

จากสถาบันการเงิน

15

433,639,648.93

327,672,687.09

เงินกู้ยืมระยะสั้น - ตั๋วสัญญาใช้เงิน

16

295,000,000.00

330,546,700.00

50,000,000.00

92,000,000.00

เจ้าหนี้ค่าที่ดิน - ตั๋วสัญญาใช้เงิน

17

51,686,000.00

64,167,000.00

51,686,000.00

64,167,000.00

เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย

18

249,188,836.27

241,308,633.44

264,673,170.00

77,987,900.00

252,252,070.00

60,937,500.00

19

764,196,995.92

0.00

664,077,826.56

0.00

ค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้

หนี้สินระยะยาวที่ครบกำหนดใน 1 ปี

392,663,387.03 326,744,373.50

208,180,050.04 201,364,704.97

หนี้สินหมุนเวียนอื่น

ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย

18,808,858.91

76,496,386.63

15,054,846.11

72,911,839.90

เงินประกันผลงานผู้รับเหมา

110,646,681.26

80,566,316.23

88,704,623.41

68,870,934.00

ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย

87,297,374.69

39,931,852.14

46,800,178.30

22,577,916.18

อื่น ๆ

8,112,676.09

7,350,358.95

6,286,211.37

5,138,676.84

2,283,250,242.07

1,246,027,834.48

หนี้สินไม่หมุนเวียน

เจ้าหนี้ค่าที่ดิน

รวมหนี้สินหมุนเวียน

- ตัว๋ สัญญาใช้เงินระยะยาว-สุทธิ 20

1,775,705,192.82 914,712,945.39

0.00

100,000,000.00

0.00

0.00

1,966,933.12

0.00

หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน

21

2,116,879.52

0.00

เงินกู้ยืมระยะยาว-สุทธิ

22

1,261,038,603.22

1,188,000,279.72

เจ้าหนี้อื่น

14

74,529,096.41

55,815,897.95

1,220,882,633.22 714,546,200.72 65,941,342.99

55,377,597.95

รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน

1,337,684,579.15

1,343,816,177.67

1,288,790,909.33 769,923,798.67

รวมหนี้สิน

3,620,934,821.22

2,589,844,012.15

3,064,496,102.15 1,684,636,744.06

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

รายงานประจำปี 2550

130


งบการเงิน

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุล (ต่อ) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

งบการเงินรวม (บาท)

หมายเหตุ

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น (ต่อ)

2550

2549

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2550

2549

ส่วนของผู้ถือหุ้น

(ปรับปรุงใหม่)

ทุนเรือนหุ้น

ทุนจดทะเบียน

หุ้นสามัญ 1,340,000,000 หุ้น

มูลค่าหุ้นละ 1 บาท

23

1,340,000,000.00

1,340,000,000.00

หุ้นสามัญ 670,000,000 หุ้น

มูลค่าหุ้นละ 1 บาท

670,000,000.00

670,000,000.00

ทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว

หุ้นสามัญ 1,005,000,000 หุ้น

23

1,005,000,000.00

1,005,000,000.00

670,000,000.00

กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง

295,423.25

0.00

0.00

0.00

สำรองตามกฎหมาย

24

58,240,000.00

54,340,000.00

58,240,000.00

54,340,000.00

ยังไม่ได้จัดสรร

670,409,426.89 777,226,249.89 655,316,712.67 764,718,987.79

รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ

2,174,157,250.14 1,774,278,649.89 2,158,769,112.67 1,761,771,387.79

ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

รวมส่วนของผู้ถือหุ้น

2,227,584,549.95 1,806,130,280.57 2,158,769,112.67 1,761,771,387.79

รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

5,848,519,371.17 4,395,974,292.72 5,223,265,214.82 3,446,408,131.85

มูลค่าหุ้นละ 1 บาท

หุ้นสามัญ 670,000,000 หุ้น

มูลค่าหุ้นละ 1 บาท ส่วนเกินมูลค่าหุ้น มูลค่าเงินลงทุน กำไรสะสม จัดสรรแล้ว

670,000,000.00

440,212,400.00 272,712,400.00 440,212,400.00 272,712,400.00

53,427,299.81

31,851,630.68

0.00

0.00

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

131 รายงานประจำปี 2550


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกำไรขาดทุน สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

หมายเหตุ

รายได้

รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์

รายได้จากการขายสินค้า

รายได้ค่าปรับงานล่าช้า

รายได้ค่าบริหารงาน

งบการเงินรวม (บาท) 2550

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

2550

2549 (ปรับปรุงใหม่)

2,523,843,310.00

2,862,654,200.00

61,621,220.48

86,071,577.45

0.00

0.00

12,011,485.54

0.00

12,011,485.54

0.00

0.00

0.00

26,405,626.75

10,472,878.51

ดอกเบี้ยรับ

3,447,516.20

1,080,717.72

26,606,654.77

14,586,262.65

รายได้อื่น

10,317,642.25

10,708,622.66

21,028,729.91

10,456,244.72

รวมรายได้

2,611,241,174.47

2,960,515,117.83

ค่าใช้จ่าย

30.4.3

1,583,605,246.00 2,821,106,200.00

1,669,657,742.97 2,856,621,585.88

ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์

1,935,379,992.84

1,926,620,854.04

ต้นทุนขายสินค้า

54,548,294.34

75,003,399.83

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

461,359,239.37

356,690,843.97

ค่าตอบแทนกรรมการ

1,847,500.00

1,850,000.00

2,453,135,026.55

2,360,165,097.84

1,523,928,917.12 2,251,376,210.62

กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล

158,106,147.92

600,350,019.99

145,728,825.85 605,245,375.26

6,693,928.24

6,408,405.09

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

63,490,465.28

151,030,155.89

47,609,975.74 143,204,664.37

กำไรก่อนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

87,921,754.40

442,911,459.01

75,397,724.88 444,699,132.89

(กำไร)ขาดทุนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

(9,938,577.40)

4,887,990.24

กำไรสุทธิ

77,983,177.00

447,799,449.25

กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน

0.09

0.67

0.08

0.66

จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก

895,780,822

670,000,000

895,780,822

670,000,000

ดอกเบี้ยจ่าย

รวมค่าใช้จ่าย

กำไรสุทธิ

1,144,183,412.15 1,918,414,518.25 0.00

0.00

377,898,004.97 331,111,692.37 1,847,500.00

1,850,000.00

22,721,125.23

17,341,578.00

0.00

0.00

75,397,724.88 444,699,132.89

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

รายงานประจำปี 2550

132


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

หมายเหตุ

ทุนเรือนหุ้น ที่ออกและ ชำระแล้ว

ยอดยกมา ณ วันที่ 1 มกราคม 2549

กำไร(ขาดทุน)สะสม ส่วนของผู้ถือหุ้น กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลง จัดสรรแล้ว ส่วนน้อย ยังไม่ได้จัดสรร มูลค่าเงินลงทุน สำรองตามกฎหมาย

ส่วนเกิน มูลค่าหุ้น

670,000,000.00 272,712,400.00

จัดสรรระหว่างงวด -

งบการเงินรวม (บาท)

0.00

24

0.00

0.00

0.00

31,940,000.00 472,426,800.64 1,827,120.92 1,448,906,321.56

0.00

22,400,000.00 (22,400,000.00)

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00 (120,600,000.00)

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00 447,799,449.25

ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

เพิ่ม(ลด) สำหรับปี

0.00

0.00

0.00

0.00

ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549

670,000,000.00 272,712,400.00

0.00

เพิ่มทุนระหว่างงวด

335,000,000.00 167,500,000.00

0.00

0.00

0.00

จัดสรรระหว่างงวด -

0.00

0.00

สำรองตามกฎหมาย

รวม

จ่ายเงินปันผลระหว่างงวด รับชำระค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อย กำไรสุทธิ

0.00 (120,600,000.00)

0.00 34,912,500.00 34,912,500.00 0.00 447,799,449.25

0.00 (4,887,990.24) (4,887,990.24)

54,340,000.00 777,226,249.89 31,851,630.68 1,806,130,280.57 0.00 502,500,000.00

24

0.00

0.00

0.00

3,900,000.00 (3,900,000.00)

จ่ายเงินปันผลระหว่างงวด

0.00

0.00

0.00

0.00 (180,900,000.00)

จ่ายเงินปันผลระหว่างงวด -

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

(426.00)

(426.00)

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00 11,637,500.00 11,637,500.00

0.00

0.00

0.00

0.00 77,983,177.00

สำรองตามกฎหมาย

ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย รับชำระค่าหุ้นจาก ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย กำไรสุทธิ

0.00 (180,900,000.00)

0.00 77,983,177.00

กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการ เปลี่ยนแปลงมูลค่าเงินลงทุน

0.00

0.00

295,423.25

0.00

0.00

17.73

295,440.98

ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเพิ่ม(ลด)สำหรับปี

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00 9,938,577.40

9,938,577.40

1,005,000,000.00 440,212,400.00

295,423.25

ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550

58,240,000.00 670,409,426.89 53,427,299.81 2,227,584,549.95

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

133 รายงานประจำปี 2550


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

หมายเหตุ

ทุนเรือนหุ้น ที่ออกและ ชำระแล้ว

33

ส่วนเกิน มูลค่าหุ้น

จัดสรรแล้ว ยังไม่ได้จัดสรร สำรองตามกฎหมาย

0.00

0.00

รวม

31,940,000.00 472,426,800.64 1,447,079,200.64

0.00 (9,406,945.74)

(9,406,945.74)

670,000,000.00 272,712,400.00

(ปรับปรุงใหม่)

กำไร(ขาดทุน)สะสม

ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 1 มกราคม จัดสรรระหว่างงวด -

670,000,000.00 272,712,400.00

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง

2549 (หลังปรับปรุง)

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

ยอดยกมา ณ วันที่ 1 มกราคม 2549 นโยบายบัญชี

31,940,000.00 463,019,854.90 1,437,672,254.90

24

0.00

0.00

จ่ายเงินปันผลระหว่างงวด

0.00

0.00

0.00 (120,600,000.00) (120,600,000.00)

กำไรสุทธิ สำหรับปี

0.00

0.00

0.00 444,699,132.89 444,699,132.89

สำรองตามกฎหมาย

ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549

ยอดยกมา ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 นโยบายบัญชี

33

0.00

0.00

ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 1 มกราคม 2549 (หลังปรับปรุง)

จัดสรรระหว่างงวด -

สำรองตามกฎหมาย จ่ายเงินปันผลระหว่างงวด

54,340,000.00 777,226,249.89 1,774,278,649.89

0.00 (12,507,262.10) (12,507,262.10)

54,340,000.00 764,718,987.79 1,761,771,387.79

335,000,000.00 167,500,000.00

0.00

0.00 502,500,000.00

24

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00 (180,900,000.00) (180,900,000.00)

0.00

0.00

0.00 75,397,724.88

0.00

ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550

22,400,000.00 (22,400,000.00)

670,000,000.00 272,712,400.00

เพิ่มทุนระหว่างงวด

กำไรสุทธิ สำหรับปี

54,340,000.00 764,718,987.79 1,761,771,387.79

670,000,000.00 272,712,400.00

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง

670,000,000.00 272,712,400.00

(หลังปรับปรุง)

1,005,000,000.00 440,212,400.00

3,900,000.00 (3,900,000.00)

0.00 75,397,724.88

58,240,000.00 655,316,712.67 2,158,769,112.67

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

รายงานประจำปี 2550

134


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกระแสเงินสด สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

งบการเงินรวม (บาท)

2550

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน กำไรสุทธิ

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

2550

2549

(ปรับปรุงใหม่)

77,983,177.00

447,799,449.25

ค่าเสื่อมราคา

12,472,473.93

10,974,487.53

11,811,993.51

10,672,396.22

โอนกลับหนี้สงสัยจะสูญ

(2,370,095.72)

0.00

0.00

0.00

หนี้สงสัยจะสูญ

6,973,568.96

496,022.61

0.00

0.00

หนี้สูญ

2,215,042.71

2,003,020.61

0.00

0.00

(1,403,872.93)

(1,134.58)

(1,401,868.16)

(883.56)

100,567.61

233,776.64

100,567.61

230,781.56

(1,398,445.80)

(300,677.58)

(786,302.39)

(270,796.64)

0.00

(141,696.31)

0.00

(15,742.94)

(12,011,485.54)

0.00

(12,011,485.54)

0.00

9,938,577.40

(4,887,990.24)

0.00

0.00

การเปลี่ยนแปลงในส่วนประกอบของสินทรัพย์

ดำเนินงาน(เพิ่มขึ้น)ลดลง

7,277,678.79

(6,612,731.25)

(2,408,697.16)

(902,810.84)

รายการปรับกระทบกำไรสุทธิเป็นเงินสดรับ (จ่าย) จากกิจกรรมดำเนินงาน

(กำไร)จากการขายทรัพย์สิน ขาดทุนจากการเลิกใช้ทรัพย์สิน (กำไร)จากการจำหน่ายเงินลงทุนชั่วคราว (กำไร)จากการปรับมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว รายได้อื่น - ค่าปรับงานล่าช้า ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

ลูกหนี้การค้า

75,397,724.88 444,699,132.89

สินค้าคงเหลือ

(884,547,942.05) (1,091,300,803.00) (1,201,656,235.73) (255,212,691.47)

สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

(444,981,395.90)

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น

14,394,923.04 (451,937,001.37) (10,841,535.20)

(6,382,837.71)

(319,896.17)

(2,159,382.33)

(101,196.17)

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

135 รายงานประจำปี 2550


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกระแสเงินสด (ต่อ) สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

การเปลี่ยนแปลงในส่วนประกอบของหนี้สิน ดำเนินงานเพิ่มขึ้น(ลดลง) เจ้าหนี้ค่าที่ดิน - ตั๋วสัญญาใช้เงิน

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2550

2549

2549

(ปรับปรุงใหม่)

(64,167,000.00) (257,501,500.00)

เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย

งบการเงินรวม (บาท) 2550

(64,167,000.00) (257,501,500.00)

19,891,688.37

3,323,850.24

18,826,830.61 (15,402,691.47)

เงินค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้

186,685,270.00

(48,403,900.00)

191,314,570.00 (65,454,300.00)

ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย

(57,687,527.72)

2,949,469.41

(57,856,993.79)

3,456,850.65

78,154,204.72

46,883,096.00

45,203,486.06

17,336,608.53

หนี้สินหมุนเวียนอื่น เงินสดสุทธิได้มา(ใช้ไป)ในกิจกรรมดำเนินงาน

(1,073,258,353.88) (880,412,233.80) (1,451,729,793.80) (129,308,378.44)

กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน

เงินสดจ่ายซื้อเงินลงทุนชั่วคราว - กองทุน

(33,000,000.00) (403,359,500.00)

0.00

เปิดตราสารหนี้

(550,659,500.00)

เงินสดรับจากการขายเงินลงทุนชั่วคราว -

536,279,257.51

145,600,000.00

404,574,257.51 139,000,000.00

เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย(เพิ่มขึ้น)

0.00

0.00

(62,716,700.00) (202,383,300.00)

เงินฝากประจำมีภาระผูกพันลดลง

19,168,572.12

11,695,653.33

0.00

0.00

(12,229,406.08)

(14,480,657.54)

1,401,869.16

65,191.59

1,401,869.16

8,000.00

ที่ดินรอการพัฒนา(เพิ่มขึ้น)

(57,000,000.00)

(2,568,000.00)

0.00

(2,568,000.00)

เงินสดสุทธิได้มา(ใช้ไป) ในกิจกรรมลงทุน

(63,039,207.29)

107,312,187.38

กองทุนเปิดตราสารหนี้

เงินสดจ่ายเพื่อซื้อเงินลงทุนในบริษัทย่อย เงินสดจ่ายซื้ออุปกรณ์และเครื่องใช้

สำนักงาน

เงินสดรับจากการขายอุปกรณ์และ

เครื่องใช้สำนักงาน

15,804,350.70

13,451,841.04

(14,112,500.00) (36,337,500.00)

(11,945,527.86) (12,006,194.48)

(70,353,750.49) (100,835,153.44)

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

รายงานประจำปี 2550

136


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกระแสเงินสด (ต่อ) สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

งบการเงินรวม (บาท)

2550

กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน จ่ายเงินปันผล

2550

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

2549

(ปรับปรุงใหม่)

(180,900,426.00) (120,600,000.00) (180,900,000.00) (120,600,000.00)

เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจาก

สถาบันการเงินเพิ่มขึ้น (ลดลง)

เงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้น(ลดลง)

105,966,961.84

61,250,813.32

65,919,013.53 68,694,425.52

(35,546,700.00) 194,446,700.00 (42,000,000.00)

จ่ายคืนเจ้าหนี้เช่าซื้อทรัพย์สิน

(1,029,407.10)

0.00

0.00

(928,066.98)

0.00

เงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น(ลดลง)

735,729,513.64 635,407,973.22 1,169,027,622.64 317,477,094.22

เงินสดรับค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุน

502,500,000.00 11,637,500.00

เงินสดรับค่าหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อย เงินสดสุทธิได้มา(ใช้ไป)จากกิจกรรมจัดหาเงิน

34,912,500.00

0.00

0.00

0.00

1,138,357,442.38 805,417,986.54 1,513,618,569.19 265,571,519.74

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) สุทธิ

0.00 502,500,000.00

2,059,881.21

32,317,940.12

111,144,891.32

78,826,951.20

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ ณ วันที่ 1 มกราคม เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ

(8,464,975.10) 35,427,987.86

ข้อมูลกระแสเงินสดเปิดเผยเพิ่มเติม 1. เงินสดจ่ายในระหว่างงวด

93,431,155.45 58,003,167.59

113,204,772.53 111,144,891.32

ณ วันที่ 31 ธันวาคม

84,966,180.35 93,431,155.45

82,390,785.85

ดอกเบี้ยจ่าย

123,641,532.88

96,255,184.99 60,862,235.08

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

131,824,826.81 151,864,111.86 105,466,969.53 139,747,813.72

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

137 รายงานประจำปี 2550


งบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกระแสเงินสด (ต่อ) สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

2. รายการไม่กระทบเงินสด 2.1 ในปี 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อย บันทึกเงินฝากประจำที่มีภาระผูกพัน จำนวน 18.71 ล้านบาท และจำนวน 15.41 ล้านบาท ตามลำดับ และเจ้าหนี้อื่นด้วยจำนวนเดียวกัน ตามหมายเหตุข้อ 14 (เฉพาะบริษัทฯ จำนวน 14.72 ล้านบาท และจำนวน 14.97 ล้านบาท ตามลำดับ) 2.2 ในปี 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการ จำนวน 51.69 ล้านบาท และจำนวน 164.17 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ จำนวน 51.69 ล้านบาท และจำนวน 64.17 ล้านบาทตามลำดับ) 2.3 ในปี 2550 บริษทั ฯ และบริษทั ย่อยซือ้ สินทรัพย์โดยการทำสัญญาเช่าการเงิน จำนวน 4.65 ล้านบาท (เฉพาะบริษทั ฯ จำนวน 4.28 ล้านบาท) 2.4 ในปี 2549 บริษัทฯ โอนที่ดินรอการพัฒนาไปเป็นที่ดินและอุปกรณ์ จำนวน 3.28 ล้านบาท

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี ้

รายงานประจำปี 2550

138



หมายเหตุประกอบงบการเงิน

รายงานประจำปี 2550

140


หมายเหตุประกอบงบการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หมายเหตุประกอบงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549

1. ข้อมูลทั่วไป 1.1 บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ตามกฎหมายไทย ทะเบียนเลขที่ 0107547000320 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 ตั้งอยู่เลขที่ 123 อาคารซันทาวเวอร์ส ชั้น 12 อาคาร เอ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 1.2 บริษัทฯ ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 1.3 บริษัทฯ มีข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานดังนี้ งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะกิจการ 2550 2549 2550 2549 จำนวนพนักงานถัวเฉลี่ย (คน) 308 247 288 225 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน (ล้านบาท) 126.34 99.00 120.85 93.94 2.เกณฑ์ในการจัดทำงบการเงิน งบการเงินนี้แสดงรายการตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่ 14 กันยายน 2544 เรื่องกำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงินของบริษัทมหาชนจำกัด และได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ภายใต้พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 งบการเงินของบริษัทฯและบริษัทย่อยได้จัดทำขึ้นโดยใช้เกณฑ์ราคาทุนเดิมในการวัดมูลค่าขององค์ประกอบของ รายการ ในงบการเงิน ยกเว้นรายการที่เปิดเผยไว้ในนโยบายการบัญชีที่เกี่ยวข้อง ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 26/2549 และ 32/2549 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2549 และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 ตามลำดับ ได้ให้แก้ไขมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 เรื่องงบการเงินรวมและการบัญชีสำหรับเงิน ลงทุนในบริษัทย่อย และ ฉบับที่ 45 เรื่องการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งกำหนดให้บริษัทฯ ที่มีเงินลงทุนใน บริษัทย่อยต้องเปลี่ยนนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อย จากเดิมที่ใช้วิธีส่วนได้เสียมาเป็นวิธีราคาทุนในงบ การเงินเฉพาะกิจการฯ ดังนั้นในไตรมาส 1 ของปี 2550 จึงได้ทำการเปลี่ยนนโยบายการบัญชีดังกล่าว โดยนำผลสะสมที่ คำนวณขึ้นเสมือนว่า บริษัทฯ ใช้วิธีราคาทุนมาโดยตลอดมาปรับปรุงกำไรสะสมต้นงวดของปี 2550 และปรับย้อนหลังงบ การเงินเฉพาะกิจการของปี 2549 ใหม่ ตามที่ได้กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 33 3. เกณฑ์ในการจัดทำงบการเงินรวม 3.1 ในการจัดทำงบการเงินรวมถือหลักเกณฑ์การรวมเฉพาะบริษัท ซึ่งบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) มีอำนาจ ควบคุม ในบริษัทเหล่านั้น หลังจากได้ตัดยอดคงเหลือและรายการระหว่างกันแล้ว โดยบริษัทฯ ได้นำบริษัทย่อยเข้ามาจัดทำ งบการเงินรวมตั้งแต่วันที่มีอำนาจควบคุม 3.2 การตัดบัญชีรายการระหว่างบริษัทในบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย กับส่วนของผู้ถือหุ้นโดยถือหลักการตัด บัญชีเป็น เงินลงทุนร้อยละ 100 ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นรายอื่น แสดงเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 3.3 ส่วนของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัทย่อยที่เกินกว่าราคาที่จ่ายซื้อสุทธิ (ค่าความนิยมติดลบ) บริษัทฯ ได้รับ รู้เป็น รายได้ ทั้งจำนวนในระหว่างงวด โดยแสดงเป็นรายได้อื่นในงบกำไรขาดทุน

141 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 3.4 งบการเงินรวมนี้จัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานรวมของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย เท่านั้น การใช้ข้อมูลตามงบการเงินเพื่อวัตถุประสงค์อื่น อาจมีข้อจำกัดด้าน ลักษณะธุรกิจที่ค่อนข้างแตกต่างกันในบรรดาบริษัทต่าง ๆ ที่นำงบการเงินมาประกอบเป็นงบการเงินรวม 3.5 งบการเงินรวมประกอบด้วยงบการเงินของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่และงบการเงิน บริษทั ย่อย ซึง่ บริษทั ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เข้าถือหุน้ หรือมีอำนาจควบคุมอย่างเป็นสาระสำคัญในบริษทั ย่อยดังนี ้ อัตราการถือหุ้นร้อยละ ประเภทธุรกิจ ความสัมพันธ์ ร้อยละ 2550 2549 99.99 99.99 บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด ขายสินค้าและรับเหมาก่อสร้าง บริษัทย่อย 51.00 51.00 บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย บริษัทย่อย บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ 99.97 0.00 ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์หรือซื้อขาย บริษัทย่อย (ประเทศไทย) จำกัด อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่าง รอการพัฒนา 4. การประกาศใช้มาตรฐานการบัญชีใหม่ สภาวิชาชีพบัญชีได้ออกประกาศสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 9/2550 ฉบับที่ 38/2550 และฉบับที่ 62/2550 เกี่ยวกับมาตรฐาน การบัญชีซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยให้ใช้มาตรฐานการบัญชีฉบับปรับปรุงใหม่ปี 2550 ดังต่อไปนี้แทนมาตรฐานการบัญชีฉบับเดิมที่ยกเลิกไป 4.1 มาตรฐานการบัญชีฉบับปรับปรุงใหม่ที่มีผลบังคับใช้ในปีปัจจุบัน ฉบับที่ 44 งบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ ฉบับที่ 45 เงินลงทุนในบริษัทร่วม ฉบับที่ 46 ส่วนได้เสียในการร่วมค้า มาตรฐานการบัญชีทั้งสามฉบับข้างต้นให้ถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2550 เป็นต้นไป และในวันที่ 1 มกราคม 2550 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึก เงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะกิจการ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 ฉบับปรับปรุงใหม่ ตามที่ กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 33 4.2 มาตรฐานการบัญชีฉบับปรับปรุงใหม่ที่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในปีปัจจุบัน ฉบับที่ 25 งบกระแสเงินสด ฉบับที่ 29 สัญญาเช่า ฉบับที่ 31 สินค้าคงเหลือ ฉบับที่ 33 ต้นทุนการกู้ยืม ฉบับที่ 35 การนำเสนองบการเงิน ฉบับที่ 39 นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด ฉบับที่ 41 งบการเงินระหว่างกาล ฉบับที่ 43 การรวมธุรกิจ ฉบับที่ 49 สัญญาก่อสร้าง ฉบับที่ 51 สินทรัพย์ไม่มีตัวตน

รายงานประจำปี 2550

142


หมายเหตุประกอบงบการเงิน มาตรฐานการบัญชีทั้งสิบฉบับข้างต้นให้ถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ได้ประเมินแล้วเห็นว่ามาตรฐานการบัญชีฉบับดังกล่าวจะไม่มีผล กระทบอย่างเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินสำหรับปีที่เริ่มใช้มาตรฐานการบัญชีฉบับดังกล่าว 5. สรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ 5.1 การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่าย 5.1.1 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รับรู้เป็นรายได้เมื่องานก่อสร้างเสร็จตามสัญญา และมีการ โอนกรรมสิทธิ์ แก่ผู้ซื้อ เรียบร้อยแล้ว 5.1.2 รายได้จากการขายสินค้า รับรู้รายได้เมื่อมีการส่งมอบและได้โอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ เป็นสาระสำคัญของความเป็นเจ้าของสินค้าให้กับผู้ซื้อแล้ว 5.1.3 รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง รับรู้ตามส่วนของงานเสร็จ ซึ่งคำนวณตามอัตราส่วนต้นทุนของ งานที่เกิดขึ้นแล้ว กับต้นทุนทั้งหมดที่ประมาณว่าจะใช้ในการก่อสร้าง รายได้ที่รับรู้แล้วแต่ยังไม่ถึงกำหนดเรียกชำระตาม สัญญาแสดงไว้เป็น “มูลค่างานเสร็จที่ยังไม่ได้เรียกเก็บ” 5.1.4 รายได้อื่นและค่าใช้จ่ายรับรู้ตามเกณฑ์คงค้าง 5.2 เงินลงทุนชั่วคราว เงิ น ลงทุ น ในหลั ก ทรั พ ย์ เ ผื่ อ ขาย แสดงด้ ว ยราคายุ ติ ธ รรม ผลต่ า งจากการเปลี่ ย นแปลงมู ล ค่ า บั นทึ ก ไว้ เป็ น กำไร(ขาดทุน) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในส่วนของผู้ถือหุ้น 5.3 การบันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยประมาณการจากลูกหนี้ที่คาดว่าจะเก็บเงินไม่ได้และ อาศัย ประสบการณ์ในการเก็บหนี้ที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์ 5.4 การตีราคาสินค้าคงเหลือ บริษัทฯ และบริษัทย่อยตีราคาสินค้าคงเหลือ - อสังหาริมทรัพย์รอการขาย ตามราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า ราคาทุนของสินค้าคงเหลือ - อสังหาริมทรัพย์รอการขายของแต่ละโครงการประกอบด้วยต้นทุนใน การได้มา ซึ่งที่ดิน ค่าพัฒนาที่ดิน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงการและดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกี่ยวข้องกับการได้มาของ ที่ดินและ การก่อสร้างจะบันทึกเป็นต้นทุนสินค้า เมื่อเริ่มมีการพัฒนาโครงการ และจะหยุดบันทึกเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือหยุดพัฒนาโครงการ โดยจะตัดจ่ายเป็นต้นทุนขายตามสัดส่วนของที่ดินที่โอนขาย บริษัทย่อยตีราคาสินค้าคงเหลือ - วัสดุก่อสร้างตามราคาทุน โดยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักหรือมูลค่าสุทธิ ที่จะได้รับแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า 5.5 เงินลงทุนระยะยาว เงินลงทุนในบริษัทย่อย แสดงด้วยวิธีราคาทุน (Cost Method) หักด้วยค่าเผื่อการด้อยค่า (ถ้ามี) 5.6 ที่ดินและอุปกรณ์ บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกราคาสินทรัพย์ในราคาทุนหักด้วยค่าเสื่อมราคาสะสม บริษัทฯ และบริษัทย่อยตัดค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์และเครื่องใช้สำนักงาน โดยวิธีเส้นตรงตามอายุการใช้งานโดย ประมาณ ของสินทรัพย์เป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปี 5.7 ที่ดินรอการพัฒนา ที่ดินรอการพัฒนาหมายถึง ที่ดินที่บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะถือไว้เพื่อประโยชน์ในอนาคตและบันทึกไว้เป็นสินทรัพย์ ไม่หมุนเวียน โดยแสดงตามราคาทุนซึ่งอาจปรับด้วยค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ ราคาทุนประกอบด้วย ค่าที่ดินและค่าใช้ จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดิน รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่เกี่ยวข้องที่เกิดในระหว่างการพัฒนาที่ดิน เฉพาะในขณะที่มีการ พัฒนาที่ดินนั้น บริษัทฯ จะหยุดรวมต้นทุนกู้ยืมในระหว่างที่กิจกรรมในการพัฒนาที่ดินหยุดลงหรือเมื่อการพัฒนาเสร็จสิ้น

143 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 5.8 การด้อยค่าของสินทรัพย์ บริษัทฯ และบริษัทย่อย พิจารณาการด้อยค่าของสินทรัพย์ประเภท ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ เงินลงทุน ที่ดิน และต้นทุนโครงการรอพัฒนาและสินทรัพย์ไม่มีตัวตนต่างๆ เมื่อมีข้อบ่งชี้ว่า สินทรัพย์จะเกิดการด้อยค่า โดยพิจารณาจาก มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของสินทรัพย์หากมีราคาต่ำกว่าราคาตามบัญชี ถือว่าสินทรัพย์นั้นเกิดการด้อยค่า ซึ่งจะรับรู้ผล ขาดทุนจากการด้อยค่าดังกล่าวในงบกำไรขาดทุน และบริษัทฯ จะบันทึกกลับรายการจากการด้อยค่า ต่อเมื่อมีข้อบ่งชี้ว่าการ ด้อยค่านั้น ไม่มีอยู่อีกต่อไป หรือยังคงมีอยู่แต่เป็นไปในทางที่ลดลง มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของสินทรัพย์ หมายถึง ราคาขายสุทธิหรือมูลค่าจากการใช้สนิ ทรัพย์ แล้วแต่ราคาใดจะสูง กว่า และจะประมาณจากสินทรัพย์แต่ละรายการ หรือหน่วยสินทรัพย์ทกี่ อ่ ให้เกิดเงินสดแล้วแต่กรณี 5.9 ภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องจ่ายในแต่ละปี เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงวดนั้น และ คำนวณภาษีเงินได้ตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร ซึ่งกำหนดให้รับรู้รายได้ตามวิธีค่างวดที่ครบกำหนดชำระ 5.10 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด หมายถึง เงินสดในมือและเงินฝากธนาคารทุกประเภทแต่ไม่รวมเงินฝาก ประเภทที่ต้องจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาที่กำหนด 5.11 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน กำไร(ขาดทุน)ต่อหุ้นที่แสดงไว้ในงบกำไรขาดทุนเป็นกำไร(ขาดทุน)ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน ซึ่งคำนวณโดยการหารยอด กำไร(ขาดทุน)สุทธิ สำหรับปีด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้วถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 5.12 ประมาณการทางบัญชี การจัดทำงบการเงินเป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ฝ่ายบริหารต้องใช้ประมาณการและการตั้งข้อ สมมติฐานบางประการ ซึ่งมีผลกระทบต่อจำนวนเงินที่แสดงไว้ในงบการเงินและการเปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจริงภายหลังอาจแตกต่างไปจากจำนวนเงินที่ประมาณไว้ 5.13 ประมาณการหนี้สิน บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะบันทึกประมาณการหนี้สินเมื่อมีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ของการเกิดภาระผูกพันใน ปัจจุบันตามกฎหมายหรือจากการอนุมานอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ในอดีต ภาระผูกพันดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ สูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจเพื่อจ่ายชำระภาระผูกพันและจำนวนที่ต้องจ่ายสามารถประมาณการได้อย่างน่า เชื่อถือ หากบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับคืนรายจ่ายที่จ่ายชำระไปตามประมาณการหนี้สินทั้งหมดหรือบางส่วนอย่างแน่นอน บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะรับรู้รายจ่ายที่ได้รับคืนเป็นสินทรัพย์แยกต่างหากแต่ต้องไม่เกินจำนวนประมาณการหนี้สินที่ เกี่ยวข้อง 6. เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ประกอบด้วย งบการเงินรวม (บาท) งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 2550 2549 1,118,222.52 823,736.72 918,154.52 745,789.72 เงินสด 45,471,594.00 50,388,450.00 44,531,594.00 46,438,250.00 เช็คฝากระหว่างทาง 15,909,645.85 4,395,911.49 14,912,242.86 2,691,064.68 เงินฝากกระแสรายวัน 50,705,310.16 55,536,793.11 24,604,188.97 43,556,051.05 เงินฝากออมทรัพย์

รวม

113,204,772.53 111,144,891.32 84,966,180.35 93,431,155.45

รายงานประจำปี 2550

144


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 7. เงินลงทุนชั่วคราว กองทุนเปิด - ตราสารหนี้ รวม

8. ลูกหนี้การค้า-สุทธิ

งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

43,058,418.70 26,984,289.43

0.00

428,455.12

43,058,418.70 26,984,289.43

0.00

428,455.12

หมายเหตุ

งบการเงินรวม (บาท) 2550

2549

0.00 3,686,008.00 1,277,310.84

33,602,692.52

395,000.00

395,000.00

33,602,692.52 4,081,008.00 1,672,310.84

(3,332,119.87) (395,000.00) (395,000.00) 30,270,572.65 3,686,008.00 1,277,310.84

งบการเงินรวม (บาท)

2550

2550

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

ลูกหนี้การค้า 28.1 0.00 - บริษัทที่เกี่ยวข้อง 24,109,971.02 - อื่น 24,109,971.02 รวม หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ - (7,935,593.11) ลูกหนี้การค้าอื่น 16,174,377.91 รวม ยอดลูกหนี้การค้าแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระได้ดังนี ้

ในกำหนด อายุระหว่าง 1 - 90 วัน อายุระหว่าง 91 - 180 วัน อายุระหว่าง 181 - 360 วัน เกินกว่า 360 วัน รวม

2549

ง บการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2550

2549

1,689,212.32 8,279,672.96 3,686,008.00 1,277,310.84

3,040,645.17 9,369,217.56

0.00

0.00

5,652,479.51 3,859,471.33

0.00

0.00

6,697,043.82 8,762,210.80

0.00

0.00

7,030,590.20 3,332,119.87 395,000.00 395,000.00 24,109,971.02 33,602,692.52 4,081,008.00 1,672,310.84

9. เงินให้กู้ยืมบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - ตั๋วสัญญาใช้เงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ ให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทย่อย 2 แห่ง และ 1 แห่ง ตามลำดับ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 311.00 ล้านบาท และจำนวน 248.28 ล้านบาท ตามลำดับ ครบกำหนดเมื่อทวงถาม อัตรา ดอกเบี้ยร้อยละ MLR, MLR+2 ต่อปี ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยการให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย 1 แห่ง เป็นไปตามเงื่อนไขที่ กำหนดในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น

145 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 10. สินค้าคงเหลือ ประกอบด้วย

งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 79,829,263.90 46,164,934.34 1,416,865.78 1,389,115.17 2,283,053,469.24 2,426,041,071.82 2,237,706,065.25 1,274,716,316.12 34,850,218.74 26,709,676.52 172,481,184.38 98,082,011.27 4,809,337,067.29 3,873,103,125.24

สินค้าสำเร็จรูป - บ้านเพื่อขาย - วัสดุก่อสร้าง ที่ดินและค่าพัฒนาที่ดิน งานระหว่างก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับโครงการ ดอกเบี้ยรอการตัดบัญชี รวม

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 79,829,263.90 46,164,934.34 0.00 0.00 1,857,536,326.59 1,755,096,654.80 1,864,953,155.28 811,857,288.13 29,615,919.83 20,549,679.31 101,424,351.23 46,348,224.52 3,933,359,016.83 2,680,016,781.10

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแต่ละโครงการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ส่วนใหญ่ จำนวน 4,668.72 ล้านบาท และจำนวน 3,589.95 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ จำนวน 3,853.71 ล้านบาท และจำนวน 2,398.25 ล้านบาท ตามลำดับ) ได้นำไปจดจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินเบิกเกินบัญชีและ เงินกู้ยืมระยะสัน้ จากสถาบันการเงิน วงเงินอาวัลตัว๋ สัญญาใช้เงิน และเงินกูย้ มื ระยะยาว ตามหมายเหตุ 15, 17, 20 และ 22 ตามลำดับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกดอกเบี้ยจ่ายเป็นต้นทุนโครงการ จำนวน 153.94 ล้านบาท และจำนวน 93.61 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 81.44 ล้านบาท และ จำนวน 45.73 ล้านบาท ตามลำดับ) 11. เงินลงทุนในบริษัทย่อย

งบการเงินรวม (บาท)

อัตรา

การถือหุ้น

2550 วิธีราคาทุน

2549

วิธีส่วนได้เสีย

เงินปันผลรับ

วิธีราคาทุน

วิธีส่วนได้เสีย

เงินปันผลรับ

บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด

99.99

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

51.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00 0.00

0.00 0.00

0.00 0.00

0.00 0.00

0.00 0.00

บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

99.97

รวม

อัตรา

การถือหุ้น

0.00 0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550

2549 (ปรับปรุงใหม่)

วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เงินปันผลรับ

วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย

เงินปันผลรับ

บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด

99.99

32,000,000.00

0.00 7,099,574.00 32,000,000.00

0.00

0.00

บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

51.00

51,000,000.00

0.00

0.00

0.00

99.97

2,000,000.00

0.00

0.00

0.00

0.00

0.00

85,000,000.00

0.00 7,099,574.00 70,887,500.00

0.00

0.00

บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์

(ประเทศไทย) จำกัด รวม

0.00 38,887,500.00

รายงานประจำปี 2550

146


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 12. ที่ดินและอุปกรณ์ - สุทธิ

งบการเงินรวม (บาท) ลดลง

2549 เพิ่มขึ้น โอนเข้า (โอนออก) 2550 ราคาทุน :ที่ดิน 3,279,342.43 0.00 0.00 0.00 3,279,342.43 อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 0.00 2,196,710.00 0.00 0.00 2,196,710.00 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 4,015,004.24 45,655.42 (1,690,600.00) 0.00 2,370,059.66 คอมพิวเตอร์ 0.00 8,048,186.82 0.00 14,753,114.77 22,801,301.59 เครื่องตกแต่งสำนักงาน 8,062,698.78 0.00 0.00 0.00 8,062,698.78 เครื่องใช้สำนักงาน 29,556,573.49 4,549,659.24 (231,335.82) (14,753,114.77) 19,121,782.14 ยานพาหนะ 25,669,335.81 2,110,287.00 0.00 0.00 27,779,622.81 รวม 70,582,954.75 16,950,498.48 (1,921,935.82) 0.00 85,611,517.41 ค่าเสื่อมราคาสะสม : อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 0.00 110,617.12 0.00 0.00 110,617.12 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 2,775,244.36 421,539.53 (1,690,599.00) 0.00 1,506,184.89 คอมพิวเตอร์ 0.00 3,762,233.26 0.00 5,254,272.44 9,016,505.70 เครื่องตกแต่งสำนักงาน 4,255,878.40 1,611,986.16 0.00 0.00 5,867,864.56 เครื่องใช้สำนักงาน 11,385,519.06 2,603,343.25 (117,772.98) (5,254,272.44) 8,616,816.89 ยานพาหนะ 15,737,658.54 3,962,754.61 0.00 0.00 19,700,413.15 รวม 34,154,300.36 12,472,473.93 (1,808,371.98) 0.00 44,818,402.31 ที่ดินและอุปกรณ์ - สุทธิ 36,428,654.39 40,793,115.10 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์ถาวรที่คิดค่าเสื่อมราคาเต็มราคามูลค่าแล้ว แต่ยังใช้ งานอยู่ คิดเป็นมูลค่าต้นทุน 10.99 ล้านบาท และ 7.11 ล้านบาท ตามลำดับ ค่าเสือ่ มราคาสำหรับปี สิน้ สุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 จำนวน 12.47 ล้านบาท และจำนวน 10.97 ล้านบาท ตามลำดับ งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2549 เพิ่มขึ้น ลดลง โอนเข้า (โอนออก) 2550 ราคาทุน :ที่ดิน 3,279,342.43 0.00 0.00 0.00 3,279,342.43 อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 0.00 2,196,710.00 0.00 0.00 2,196,710.00 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 4,013,204.24 39,590.00 (1,690,600.00) 0.00 2,362,194.24 คอมพิวเตอร์ 0.00 7,677,730.94 0.00 14,753,114.77 22,430,845.71 เครื่องตกแต่งสำนักงาน 6,647,691.98 0.00 0.00 0.00 6,647,691.98 เครื่องใช้สำนักงาน 28,087,794.29 4,202,846.44 (186,335.82) (14,753,114.77) 17,351,190.14 25,640,831.14 2,110,287.00 0.00 0.00 27,751,118.14 ยานพาหนะ รวม 67,668,864.08 16,227,164.38 (1,876,935.82) 0.00 82,019,092.64 ค่าเสื่อมราคาสะสม :อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 0.00 110,617.12 0.00 0.00 110,617.12 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 2,773,860.36 420,352.32 (1,690,599.00) 0.00 1,503,613.68 คอมพิวเตอร์ 0.00 3,706,411.16 0.00 5,254,272.44 8,960,683.60 เครื่องตกแต่งสำนักงาน 4,167,832.41 1,329,493.81 0.00 0.00 5,497,326.22 เครื่องใช้สำนักงาน 11,037,676.23 2,287,050.04 (85,768.21) (5,254,272.44) 7,984,685.62 15,713,840.42 3,958,069.06 0.00 0.00 19,671,909.48 ยานพาหนะ รวม 33,693,209.42 11,811,993.51 (1,776,367.21) 0.00 43,728,835.72 33,975,654.66 38,290,256.92 ที่ดินและอุปกรณ์ - สุทธิ

147 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ถาวรที่คิดค่าเสื่อมราคาเต็มราคามูลค่าแล้ว แต่ยัง ใช้งานอยู่คิดเป็นมูลค่าต้นทุน 10.99 ล้านบาท และจำนวน 7.11 ล้านบาท ตามลำดับ ค่าเสื่อมราคาสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 จำนวน 11.81 ล้านบาท และจำนวน 10.67 ล้านบาท ตามลำดับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษทั ฯ นำทีด่ นิ ไปจดจำนองกับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึง่ เป็นหลักทรัพย์ ค้ำประกันวงเงินเบิกเกินบัญชีของบริษทั ย่อยแห่งหนึง่ ตามหมายเหตุ 15 13. ที่ดินรอการพัฒนา งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549

ที่ดินและค่าพัฒนาที่ดิน

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

126,533,625.00 69,533,625.00 69,533,625.00 69,533,625.00 126,533,625.00 69,533,625.00 69,533,625.00 69,533,625.00

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 ที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทฯ จำนวน 69.53 ล้านบาท ได้นำ ไปจดจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร ตามหมายเหตุ 15 14. เงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำ จำนวน 91.64 ล้านบาท และจำนวน 92.09 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 80.61 ล้านบาท และจำนวน 85.85 ล้านบาท ตามลำดับ) โดยเงินฝากออมทรัพย์บางส่วน จำนวน 74.53 ล้านบาท และจำนวน 55.82 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 65.94 ล้านบาท และจำนวน 55.38 ล้านบาท ตามลำดับ) เป็นเงินฝากจากการเรียก เก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางจากลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่ต้องโอนส่งมอบเงินดังกล่าว เมื่อได้มีการ จัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านแต่ละโครงการเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยได้บันทึกหนี้สินดังกล่าวเป็นเจ้าหนี้อื่นใน งบการเงิน ส่วนที่เหลือนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินและใช้ในการให้ธนาคารออกหนังสือค้ำ ประกัน ตามหมายเหตุ 17, 30.1 และ 30.2 15. เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ประกอบด้วย งบการเงินรวม (บาท) งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 2550 2549 15,176,749.53 946,094.06 13,038,218.26 17,780.47 เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร 199,615,168.77 246,726,593.03 199,615,168.77 246,726,593.03 ตั๋วแลกเงิน - สถาบันการเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน - ธนาคารพาณิชย์ 180,000,000.00 80,000,000.00 180,000,000.00 80,000,000.00 38,847,730.63 0.00 10,000.00 0.00 เงินกู้ยืมระยะสั้น - ธนาคารพาณิชย์ 433,639,648.93 327,672,687.09 392,663,387.03 326,744,373.50 รวม

รายงานประจำปี 2550

148


หมายเหตุประกอบงบการเงิน เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน - ตั๋วแลกเงิน ประกอบด้วย งบการเงินรวม (บาท) 2550

ตั๋วแลกเงิน หัก ส่วนลดดอกเบี้ยจ่าย ตั๋วแลกเงิน - สุทธิ

2549

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550

2549

200,000,000.00

250,000,000.00

200,000,000.00

250,000,000.00

(384,831.23)

(3,273,406.97)

(384,831.23)

(3,273,406.97)

199,615,168.77

246,726,593.03

199,615,168.77

246,726,593.03

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีวงเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร จำนวน 100.00 ล้านบาท และจำนวน 80.00 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 80.00 ล้านบาท และจำนวน 60.00 ล้านบาท ตามลำดับ) ค้ำประกัน โดยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการ ที่ดินและอุปกรณ์-สุทธิ ที่ดินรอการพัฒนา และค้ำประกันโดยบริษัทฯ ตามหมายเหตุ 10,12, 13 และ 30.3 ตามลำดับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ ออกตั๋วแลกเงินกับสถาบันการเงิน จำนวน 200.00 ล้านบาท และจำนวน 250.00 ล้านบาท ตามลำดับ ครบกำหนดชำระในปี 2551 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.60 - 5.8 ต่อปี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง จำนวน 180 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 - 4.90 ต่อปี ครบกำหนดชำระในปี 2551 ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทฯ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง จำนวน 80.00 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR - 1.25 ต่อปี ค้ำประกันโดยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการและที่ดินของบุคคลที่เกี่ยวข้องตาม หมายเหตุ 10 และ 28.16 ตามลำดับ ในเดือนมิถุนายน 2550 บริษัทฯ จ่ายคืนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวทั้งจำนวน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ มีเงินกู้ยืมระยะสั้นกับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งจำนวน 10,000.00 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR - 0.5 ต่อปี ค้ำประกันโดยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการตามหมายเหตุ 10 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีเงินกู้ยืมระยะสั้นกับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง จำนวน 38.85 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวมีวงเงิน 170 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR - 0.75 ชำระดอกเบี้ยทุกเดือน และชำระเงินต้นตามการปลดจำนอง อสังหาริมทรัพย์รอการขายในสัดส่วนร้อยละ 70 ของราคาขาย เงินกู้ยืมดังกล่าวค้ำ ประกันโดยการจดจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโครงการที่เสนอกู้ ตามหมายเหตุ 10 และค้ำประกันโดยบริษัทฯ ตาม สัดส่วนการถือหุ้นในวงเงิน 86.70 ล้านบาท ตามหมายเหตุ 30.3 16. เงินกู้ยืมระยะสั้น - ตั๋วสัญญาใช้เงิน ประกอบด้วย หมายเหตุ งบการเงินรวม (บาท) งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 2550 2549 0.00 72,000,000.00 0.00 72,000,000.00 บุคคลอื่น 28.6.1 0.00 20,000,000.00 0.00 20,000,000.00 บุคคลใกล้ชิด 28.6.2 245,000,000.00 238,546,700.00 0.00 0.00 บริษัทที่เกี่ยวข้อง 28.6.3 50,000,000.00 0.00 50,000,000.00 0.00 กรรมการ 295,000,000.00 330,546,700.00 50,000,000.00 92,000,000.00 รวม

149 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ประเภทครบกำหนดเมื่อ ทวงถาม มีอัตรา ดอกเบี้ยร้อยละ MLR+2 ต่อปี ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การกู้ยืมเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา ระหว่างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินกับกรรมการท่านหนึ่งจำนวน 50.00 ล้านบาท ครบ กำหนดชำระใน เดือนมิถุนายน 2551 มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทฯ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินกับบุคคลอื่นและบุคคลใกล้ชิด จำนวน 92.00 ล้าน บาท ประเภทครบกำหนดเมื่อทวงถาม มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ต่อปี ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในเดือนเมษายน 2550 บริษัทฯ จ่ายคืนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวทั้งจำนวน 17. เจ้าหนี้ค่าที่ดิน - ตั๋วสัญญาใช้เงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษทั ฯ มีเจ้าหนีค้ า่ ทีด่ นิ - ตัว๋ สัญญาใช้เงิน จำนวน 51.69 ล้านบาท และ 64.17 ล้านบาท ตามลำดับ อาวัลโดยธนาคารพาณิชย์วงเงินอาวัลดังกล่าวค้ำประกันโดยที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โครงการ และเงินฝาก ธนาคารที่มีภาระผูกพัน ตามหมายเหตุ 10 และ 14 ตามลำดับ 18. เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย หมายเหตุ

งบการเงินรวม (บาท) 2550

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

2550

2549

เจ้าหนี้การค้า - บริษัทที่เกี่ยวข้อง

28.7

- อื่น ตั๋วเงินจ่าย รวม

1,186,744.63

0.00

12,361,305.08

11,230,614.03

224,944,928.63

235,803,139.15

172,973,428.55

188,452,536.55

23,057,163.01

5,505,494.29

22,845,316.41

1,681,554.39

249,188,836.27

241,308,633.44

208,180,050.04

201,364,704.97

19. หนี้สินระยะยาวที่ครบกำหนดใน 1 ปี หมายเหตุ

งบการเงินรวม (บาท) 2550

ยอดยกมา

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

2550

2549

0.00

0.00

0.00

0.00

20

100,000,000.00

0.00

0.00

0.00

บวก หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน

21

1,505,805.78

0.00

1,386,636.42

0.00

เงินกู้ยืมระยะยาว

22

662,691,190.14

0.00

662,691,190.14

0.00

764,196,995.92

0.00

664,077,826.56

0.00

บวก เจ้าหนี้ค่าที่ดินตั๋วสัญญาใช้เงิน ระยะยาว

รวม

รายงานประจำปี 2550

150


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 20. เจ้าหนี้ค่าที่ดิน - ตั๋วสัญญาใช้เงินระยะยาว - สุทธิ หมายเหตุ

งบการเงินรวม (บาท) 2550

เจ้าหนี้ค่าที่ดิน - ตั๋วสัญญาใช้เงิน หัก ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ครบ กำหนดชำระใน 1 ปี รวม

19

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

2549

2550

2549

100,000,000.00 100,000,000.00

0.00

0.00

(100,000,000.00) 0.00 0.00 100,000,000.00

0.00 0.00

0.00 0.00

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อซื้อที่ดินจำนวน 100.00 ล้านบาท อาวัลโดยธนาคารพาณิชย์ วงเงินอาวัลดังกล่าวค้ำประกันโดยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการและค้ำประกันโดยบริษัทฯ ตาม หมายเหตุ 10 และ 30.3 ตามลำดับ ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวครบกำหนดชำระในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 จึงได้โอนเป็นหนี้สินระยะยาวที่ครบกำหนด ชำระใน 1 ปี ทั้งจำนวน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินครบกำหนด บริษัทย่อยสามารถเบิกเงินจากวงเงินกู้ยืมระยะ ยาวกับธนาคารพาณิชย์ ผู้อาวัลได้ โดยเงื่อนไขการจ่ายชำระเงินต้นตามการปลดจำนองอสังหาริมทรัพย์รอการขาย ตาม หมายเหตุ 22 21. หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน - สุทธิ รายละเอียดเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่เช่าตามสัญญาเช่าการเงินมีดังนี้ งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 คอมพิวเตอร์ หัก ค่าเสื่อมราคาสะสม ราคาตามบัญชี-สุทธิ

4,652,092.40 (580,008.53) 4,072,083.87

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 0.00 0.00 0.00

4,281,636.52 (524,186.43) 3,757,450.09

0.00 0.00 0.00

จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องจ่ายสำหรับสัญญาเช่าการเงินข้างต้นมีดังนี้ งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 ภายใน 1 ปี เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี หัก ดอกเบี้ยจ่ายในอนาคตของ สัญญาเช่าการเงิน มูลค่าปัจจุบันของหนี้สินตาม สัญญาเช่าการเงิน

151 รายงานประจำปี 2550

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

1,712,470.80 2,216,609.86 3,929,080.66

0.00 0.00 0.00

1,578,690.84 2,060,981.57 3,639,672.41

0.00 0.00 0.00

(306,395.36)

0.00

(286,102.87)

0.00

3,622,685.30

0.00

3,353,569.54

0.00


หมายเหตุประกอบงบการเงิน หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายในอนาคต มีดังนี้ หมายเหตุ หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน หัก หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน ที่ครบกำหนดภายใน 1 ปี หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน-สุทธิ

19

งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 3,622,685.30 0.00 (1,505,805.78) 2,116,879.52

0.00 0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 3,353,569.54 0.00 (1,386,636.42) 1,966,933.12

22. เงินกู้ยืมระยะยาว - สุทธิ งบการเงินรวม (บาท) หมายเหตุ

2550

2549

0.00 0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550

2549

เงินกู้ยืมระยะยาว - ธนาคารพาณิชย์

1,923,729,793.36 1,188,000,279.72 1,883,573,823.36 714,546,200.72

รวม

1,923,729,793.36 1,188,000,279.72 1,883,573,823.36 714,546,200.72

หัก ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ ครบกำหนดชำระใน 1 ปี รวม

19

(662,691,190.14)

0.00 (662,691,190.14)

0.00

1,261,038,603.22 1,188,000,279.72 1,220,882,633.22 714,546,200.72

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศและสถาบันการเงิน รวม 5 แห่ง มีวงเงินรวม จำนวน 4,954.06 ล้านบาท และจำนวน 3,001.00 ล้านบาท ตามลำดับ มีอัตราดอกเบี้ย ระหว่างร้อยละ MLR - 1.75 ถึง MLR ต่อปี และอัตราร้อยละ MOR ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ยทุกเดือนและชำระเงินต้น ตามการปลดจำนอง อสังหาริมทรัพย์รอการขาย ในสัดส่วนร้อยละ 70 - 80 ของราคาขาย บริษัทฯ ต้องชำระคืนเงินกู้ให้ ครบทั้งจำนวน ในปี 2551 - ปี 2553 เงินกู้ยืมดังกล่าวค้ำประกันโดยการจดจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของแต่ละ โครงการที่เสนอกู้ ตามหมายเหตุ 10 ค้ำประกันโดยที่ดินของบุคคลที่เกี่ยวข้องตามหมายเหตุ 28.16 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ 1 แห่ง มีวงเงินกู้ ยืมจำนวน 684.54 ล้านบาท และ 1,001.44 ล้านบาท ตามลำดับ มีอัตราดอกเบี้ยระหว่างร้อยละ MLR - 0.5 ถึง MLR ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ยทุกเดือน และชำระเงินต้นตามการปลดจำนองอสังหาริมทรัพย์รอการขายในสัดส่วนร้อยละ 70 - 75 ของราคาขาย โดยต้องชำระคืนเงินกู้ให้ครบทั้งจำนวนในปี 2554 เงินกู้ยืมดังกล่าวค้ำประกันโดยการจดจำนอง ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโครงการที่เสนอกู้ ตามหมายเหตุ 10 และค้ำประกันโดยบริษัทฯ ในวงเงิน 349.12 ล้านบาท และ 510.73 ล้านบาท ตามหมายเหตุ 30.3

รายงานประจำปี 2550

152


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 23. ทุนจดทะเบียน 23.1 ตามรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ครั้งที่ 3/2550 และครั้งที่ 4/2550 เมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม 2550 และวันที่ 14 กันยายน 2550 ตามลำดับ มีมติพิเศษให้เพิ่มทุนจดทะเบียน จากจำนวน 0.01 ล้านหุ้น เป็น 0.02 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100.00 บาท เป็นผลให้บริษัทย่อยมีทุนจดทะเบียน จากเดิมจำนวน 1.00 ล้านบาท เป็นจำนวน 2.00 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นสามัญทั้งจำนวน และเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนเต็มมูลค่า เป็นจำนวน 1.00 ล้านบาท บริษัทย่อย ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่เรียกชำระแล้ว กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 23.2 ตามรายงานการประชุมคณะกรรมการและการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 และวันที่ 26 มีนาคม 2550 ตามลำดับ อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 670 ล้านหุ้น เป็น 1,340 ล้านหุน้ มูลค่าหุน้ ทีต่ ราไว้ หุน้ ละ 1 บาท เพือ่ เสนอขายให้แก่ผถู้ อื หุน้ เดิมและประชาชนทัว่ ไป ดังนี ้ - เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 335 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 335 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือ หุ้น สามัญของบริษัทฯ เฉพาะรายที่ปรากฎชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันปิดสมุดพักการโอนหุ้นในวันที่ 5 เมษายน 2550 เวลา 12.00 น. ตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราการจองซื้อ 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาขายหุ้นละ 1.50 บาท ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นสามารถแสดงความประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิของตนได้โดยแสดงความจำนง ในแบบจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนที่เหลือจากการที่ผู้ถือหุ้นสละสิทธิ หรือไม่ได้จองซื้อภายในระยะเวลาที่ กำหนด หรือจองซื้อไม่เต็มจำนวนตามสิทธิ จะถูกนำไปจัดสรรให้แก่ผู้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิโดยให้จัดสรร จำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยจัดสรรให้แก่ผู้จองซื้อหุ้นสามัญเกินกว่าสิทธิที่ แสดงความจำนงในการซื้อหุ้นดังกล่าว ตาม อัตราส่วนการถือหุ้นสามัญเดิมทั้งหมดของผู้จองซื้อหุ้นสามัญเกินกว่าสิทธิดังกล่าวก่อนการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในย่อหน้าก่อนใน อัตราการจองซือ้ 2 หุน้ สามัญเดิม ต่อ 1 หุน้ สามัญใหม่จนกว่าหุน้ เพิม่ ทุนส่วนทีเ่ หลือจะหมดทัง้ จำนวน หากมีเศษหุน้ ไม่เพียงพอ แก่การจัดสรรตามอัตราส่วนดังกล่าว ให้คณะกรรมการบริหารเป็นผูพ้ จิ ารณาการจัดสรรเศษหุน้ ดังกล่าวตามสมควร - เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 335 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 335 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ ประชาชนทั่วไป ตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ. 12/2543 เรื่อง การขออนุญาต และการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ในราคาขายไม่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และไม่ต่ำกว่าร้อยละเก้าสิบของ ราคาตลาด ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณากำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดในการเสนอขายต่าง ๆ รวมถึงการ พิจารณากำหนดราคาให้สอดคล้องกับประกาศดังกล่าวข้างต้น โดยบริษัทฯ ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่เรียกชำระแล้ว กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2550 23.3 ตามรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ครั้งที่ 3/2549 และครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2549 และวันที่ 20 มีนาคม 2549 ตามลำดับ มีมติพิเศษให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 0.50 ล้านหุ้น เป็น 10 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10.00 บาท เป็นผลให้บริษัทย่อยมีทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 5.00 ล้านบาท เป็นจำนวน 100.00 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นสามัญทั้งจำนวน และเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนหุ้นละ 7.50 บาท เป็นจำนวน 71.25 ล้านบาท บริษัทย่อยได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่เรียกชำระแล้ว กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2549 24. สำรองตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทฯ ต้องจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรองตามกฎหมายไม่ น้อยกว่าร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิหลังจากหักยอดขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าทุนสำรองนี้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน สำรองตามกฎหมายดังกล่าวจะนำไปจ่ายเงินปันผลไม่ได้

153 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 25. เงินปันผลจ่าย ตามรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2550 และรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 และวันที่ 26 มีนาคม 2550 ตามลำดับ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการ ดำเนินงานประจำ ปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.27 บาท เป็นจำนวนเงิน 180.90 ล้านบาท ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2550 ตามรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2549 และรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 เมื่อ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 และวันที่ 24 เมษายน 2549 ตามลำดับ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการ ดำเนินงานประจำปี 2548 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท เป็นจำนวนเงิน 120.60 ล้านบาท ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2549 26. การจ่ายค่าตอบแทนกรรมการ ตามรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 กำหนดจ่ายค่าตอบแทน กรรมการ รวมค่าเบี้ยประชุมและบำเหน็จกรรมการ สำหรับปี 2550 เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 2.48 ล้านบาท ตามรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2549 และอนุมัติเพิ่มโดยที่ ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 กำหนดจ่ายค่าตอบแทนกรรมการบริษัทที่ปฏิบัติงาน เพิ่มเติม โดย กรรมการของบริษัทฯ ที่มิใช่ กรรมการตรวจสอบให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายปีเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน ไม่เกิน 0.60 ล้านบาท ทั้งนี้อาจได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมในรูปบำเหน็จกรรมการ สำหรับกรรมการตรวจสอบและอิสระ ของบริษัทฯ ให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายปีเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนไม่เกิน 2.48 ล้านบาท ทั้งนี้อาจได้รับค่าตอบแทน เพิ่มเติมในรูปบำเหน็จกรรมการ 27. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน บริษัทฯ และพนักงานร่วมกันจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 และพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 โดยจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2547 และ มอบหมายให้ผู้จัดการรับอนุญาตเป็นผู้จัดการกองทุนนี้ โดยหักจากเงินเดือนพนักงานส่วนหนึ่งและบริษัทฯ จ่ายสมทบส่วน หนึ่ง และจะจ่ายให้พนักงานในกรณีที่ออกจากงานตามระเบียบการที่กำหนด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทและบริษัทย่อยจ่ายเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน จำนวน 2.56 ล้านบาท และจำนวน 1.83 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทจำนวน 2.43 ล้านบาท และจำนวน 1.74 ล้านบาท ตามลำดับ) 28. รายการกับบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน ลำดับ

บุคคลหรือกิจการ

1. นายสันติ โกวิทจินดาชัย

ลักษณะความสัมพันธ์

ลักษณะรายการ

นโยบายราคา

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

มีเงินให้กู้ยืมกับบริษัทฯ

เงินกู้ยืมครบกำหนดเมื่อทวงถาม อัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกัน ร้อยละ 5.00 ต่อปี จ่ายชำระ ดอกเบี้ยทุกเดือน

นำที่ดินค้ำประกันวงเงิน กู้ยืมให้บริษัทฯ 2. บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด

บริษัทย่อย

ให้บริการรับเหมาก่อสร้าง และขายสินค้า บริษัทฯนำที่ดินค้ำประกัน วงเงินเบิกเกินบัญชี

ราคาใกล้เคียงกับท้องตลาด

รายงานประจำปี 2550

154


หมายเหตุประกอบงบการเงิน ลำดับ

บุคคลหรือกิจการ

3. บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

ลักษณะความสัมพันธ์

ลักษณะรายการ

นโยบายราคา

บริษัทย่อย

มีเงินกู้ยืมจากบริษัทฯ ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงิน

เงินกู้ยืมครบกำหนดเมื่อทวงถาม อัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกัน ร้อยละ MLR+2 ต่อปี จ่ายชำระ ดอกเบี้ยพร้อมเงินต้น เข้าค้ำประกันตามสัดส่วนการถือหุ้น

บริษัทฯ เข้าค้ำประกันทุก วงเงินที่เกี่ยวกับที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างโครงการ ว่าจ้างบริษัทฯ จัดการและ บริหารโครงการ ว่าจ้างบริษัทฯ บริหารงาน ขายโครงการ ว่าจ้างบริษัทฯ ดูแลสวนและ ส่วนกลาง ว่าจ้างบริษัทฯ จัดสวน

ค่าจ้างตามอัตราที่ตกลงกันเดือนละ 0.35 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าจ้างตามอัตราทีต่ กลงกัน ร้อยละ 2 ของยอดขาย ค่าจ้างตามอัตราที่ตกลงกันเดือนละ 0.08 ล้านบาท ค่าจ้างตามอัตราที่ตกลงกัน

4. บริษทั ยูนเิ วนเจอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อย แห่งหนึ่ง ในสัดส่วนร้อยละ 49

มีเงินให้กยู้ มื แก่บริษทั ย่อยแห่งหนึง่ เงินกู้ยืมครบกำหนดเมื่อทวงถาม ในรูปตัว๋ สัญญา ใช้เงิน อัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกัน ร้อยละ MLR+2 ต่อปี จ่ายชำระ ดอกเบี้ยพร้อมเงินต้น เข้าค้ำประกันตามสัดส่วนการถือหุ้น บริษัท ยูนิฯ เข้าค้ำประกันทุก วงเงินที่เกี่ยวกับที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างโครงการของ บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ค่าจ้างตามอัตราที่ตกลงกัน เดือนละ แก่บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง 0.09 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

5. นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง

เป็นกรรมการในบริษัย่อย ทั้ง 2 แห่ง และเป็นผู้บริหารของ บริษัทฯ

มีเงินทดรองจ่ายเพื่อใช้ในการ ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และมีการจ่ายคืนในระยะ เวลาอันสั้น

ไม่มีการคิดดอกเบี้ยระหว่างกัน

6. บริษัท ไทยจินดาผ้าม่าน จำกัด

กรรมการบางท่านเป็นผูถ้ อื หุน้ รายใหญ่ของบริษัทฯ

ขายและติดตั้งวัสดุตกแต่ง ให้บริษัทฯ

ราคาและค่าบริการเป็นไปตามปกติธรุ กิจ

7. บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทย่อย

มีเงินกู้ยืมจากบริษัทฯ ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงิน

เงินกู้ยืมครบกำหนดเมื่อทวงถาม อัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกัน ร้อยละ MLR จ่ายชำระดอกเบี้ย พร้อมเงินต้น

มีเงินให้กู้ยืมกับบริษัทฯ ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงิน

เงินกู้ยืมครบกำหนด 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 5.00 ต่อปี จ่ายชำระดอกเบี้ยทุกเดือน

8. นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย กรรมการบริษัทฯ

155 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน รายการและจำนวนเงินกับบุคคลและกิจการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เป็นดังนี้ 28.1 ลูกหนี้การค้า งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ลูกหนี้การค้า - ค่าบริหารงาน ลูกหนี้การค้า - ค่าบริหารงานขาย ลูกหนี้การค้า - อื่น รวม

0.00 0.00 0.00 0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 0.00 0.00 0.00 0.00

749,000.00 2,857,008.00 80,000.00 3,686,008.00

749,000.00 528,310.84 0.00 1,277,310.84

28.2 สินค้าคงเหลือ งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ดอกเบี้ยจ่ายโครงการรอตัดจ่าย

37,984,533.25

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

15,312,417.06

0.00

0.00

28.3 เงินให้กู้ยืมระยะสั้น - ตั๋วสัญญาใช้เงิน - บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549

บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ยอดยกมา รับเงินกู้ยืมเพิ่มระหว่างงวด คืนเงินกู้ยืมระหว่างงวด ยอดคงเหลือปลายงวด บริษัท ซี เอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ยอดยกมา รับเงินกู้ยืมเพิ่มระหว่างงวด ยอดคงเหลือปลายงวด รวม

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

0.00 0.00

0.00 248,283,300.00 45,900,000.00 0.00 114,999,200.00 202,383,300.00

0.00

0.00 (108,282,500.00)

0.00

0.00 255,000,000.00 248,283,300.00

0.00 0.00 0.00 0.00

0.00 0.00 0.00 0.00 56,000,000.00 0.00 0.00 56,000,000.00 0.00 0.00 311,000,000.00 248,283,300.00

28.4 เงินทดรองจ่ายจากกรรมการบริษัทย่อยและผู้บริหารบริษัทฯ งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549

นางสาวนิภา อภิรัตนรุ่งเรือง ยอดยกมา รับเงินทดรองจ่ายเพิ่มระหว่างงวด จ่ายคืนเงินทดรองจ่าย ยอดคงเหลือปลายงวด

0.00 18,757,500.00 (18,757,500.00) 0.00

0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

0.00 0.00 0.00 18,757,500.00 0.00 (18,757,500.00) 0.00 0.00

0.00 0.00 0.00 0.00

รายงานประจำปี 2550

156


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 28.5 ดอกเบี้ยค้างรับ - เงินให้กู้ยืมระยะสั้น-ตั๋วสัญญาใช้เงิน บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด บริษัท ซี เอ็น เอสพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด รวม

งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 0.00 0.00 0.00 0.00

0.00 0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 39,079,685.44 15,881,907.55 2,084,082.19 41,163,767.63

0.00 15,881,907.55

28.6 เงินกู้ยืมระยะสั้น - ตั๋วสัญญาใช้เงิน งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 28.6.1 นายสันติ โกวิทจินดาชัย ยอดยกมา 20,000,000.00 รับเงินกู้ยืมเพิ่มระหว่างงวด 0.00 (20,000,000.00) จ่ายชำระเงินกู้ยืมระหว่างงวด ยอดคงเหลือปลายงวด 0.00

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

20,000,000.00 20,000,000.00 0.00 0.00 0.00 (20,000,000.00) 20,000,000.00 0.00

20,000,000.00 0.00 0.00 20,000,000.00

28.6.2 บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด(มหาชน) ยอดยกมา รับเงินกู้ยืมเพิ่มระหว่างงวด จ่ายชำระเงินกู้ยืมระหว่างงวด ยอดคงเหลือปลายงวด

238,546,700.00 44,100,000.00 86,117,500.00 194,446,700.00 (79,664,200.00) 0.00 245,000,000.00 238,546,700.00

0.00 0.00 0.00 0.00

0.00 0.00 0.00 0.00

0.00 50,000,000.00 0.00 50,000,000.00 50,000,000.00

0.00 0.00 0.00 0.00 20,000,000.00

28.6.3 นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ยอดยกมา รับเงินกู้ยืมเพิ่มระหว่างงวด จ่ายชำระเงินกู้ยืมระหว่างงวด ยอดคงเหลือปลายงวด รวม

0.00 0.00 50,000,000.00 0.00 0.00 0.00 50,000,000.00 0.00 295,000,000.00 258,546,700.00

28.7 เจ้าหนี้การค้า งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด เจ้าหนี้การค้า - ผู้รับเหมา,ค่าสินค้า บริษัท ไทยจินดาผ้าม่าน จำกัด เจ้าหนี้การค้า - ค่าตกแต่ง รวม

157 รายงานประจำปี 2550

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

0.00

0.00

11,174,560.45

9,144,029.20

1,186,744.63 1,186,744.63

2,086,584.83 2,086,584.83

1,186,744.63 12,361,305.08

2,086,584.83 11,230,614.03


หมายเหตุประกอบงบการเงิน

28.8 เงินประกันผลงาน งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549

บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด เงินประกันผลงาน - ค่าจ้างก่อสร้าง บริษัท ไทยจินดาผ้าม่าน จำกัด เงินประกันผลงาน - ค่าจ้างก่อสร้าง รวม

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549

0.00

0.00

4,948,858.33

6,445,816.70

138,399.00 138,399.00

0.00 0.00

138,399.00 5,087,257.33

0.00 6,445,816.70

28.9 ดอกเบี้ยค้างจ่าย - เงินกู้ยืมระยะสั้น-ตั๋วสัญญาใช้เงิน

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน)

งบการเงินรวม (บาท) 2550 2549 37,592,624.71 15,312,417.06

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) 2550 2549 0.00 0.00

28.10 ดอกเบี้ยรับ - เงินให้กู้ยืมระยะสั้น-ตั๋วสัญญาใช้เงิน งบการเงินรวม (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด

วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

0.00

0.00

23,621,271.01

14,078,638.34

บริษัท ซีเอ็น เอสพีอาร์(ประเทศไทย) จำกัด

0.00

0.00

2,084,082.19

0.00

0.00

0.00

25,705,353.20

14,078,638.34

รวม

28.11 รายได้ค่าบริหารงาน งบการเงินรวม (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด

วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

0.00

0.00

8,400,000.00

7,700,000.00

28.12 รายได้ค่าบริหารงานขาย

งบการเงินรวม (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท)

สำหรับปี สิ้นสุด

สำหรับปี สิ้นสุด

สำหรับปี สิ้นสุด

วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

0.00

0.00

18,005,626.75

2,772,878.51

รายงานประจำปี 2550

158


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 28.13 รายได้ค่าบริการอื่น

งบการเงินรวม (บาท) งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 0.00 0.00 260,419.50 0.00

บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด

28.14 ต้นทุนขาย งบการเงินรวม (บาท) งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัท โกรโยธา กรุ๊ป จำกัด - ค่าจ้างรับเหมา - ค่าซื้อวัสดุ บริษัท ไทยจินดาผ้าม่าน จำกัด - ค่าจ้างตกแต่ง รวม

0.00 0.00 0.00

0.00 0.00 0.00

31,020,241.61 137,417,641.86 168,437,883.47

42,414,020.78 91,945,917.61 134,359,938.39

7,563,622.28 7,563,622.28 7,563,622.28

20,747,085.64 20,747,085.64 20,747,085.64

7,563,622.28 7,563,622.28 176,001,505.75

20,747,085.64 20,747,085.64 155,107,024.03

28.15 ดอกเบี้ยจ่าย งบการเงินรวม (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด

งบการเงินเฉพาะกิจการ (บาท) สำหรับปี สิ้นสุด สำหรับปี สิ้นสุด

วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 วันที่ 31 ธันวาคม 2550 วันที่ 31 ธันวาคม 2549 นายสันติ โกวิทจินดาชัย นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย รวม

276,712.34 123,287.67 400,000.01

775,616.43 0.00 775,616.43

276,712.34 123,287.67 400,000.01

775,616.43 0.00 775,616.43

28.16 การเข้าค้ำประกัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯได้นำที่ดินของ นายสันติ โกวิทจินดาชัย จำนวน 1 โฉนด เนื้อที่รวม 339.50 ตารางวา เป็นส่วนหนึ่งของหลักทรัพย์ค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงิน ตามหมายเหตุ 15 29. ภาระผูกพัน 29.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายชำระค่าที่ดิน ตามสัญญาจะซื้อจะขาย จำนวน 2,130.78 ล้านบาท และ 489.67 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 2,084.38 ล้านบาท และ 489.67 ล้านบาท ตามลำดับ) 29.2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายค่าเช่าจาก การทำสัญญาเช่าอาคารระยะยาวจนครบกำหนดตามสัญญาจำนวน 4.31 ล้านบาท และ 9.34 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 2.21 ล้านบาท และ 6.64 ล้านบาท ตามลำดับ)

159 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 29.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายชำระผู้รับ เหมาจากการทำสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างแต่ละโครงการจนครบตามสัญญา เป็นจำนวนเงิน1,080.16 ล้านบาท และจำนวน 1,068.57 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 909.87 ล้านบาทและ 834.88 ล้านบาท ตามลำดับ) 29.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายค่าเช่าป้าย โฆษณาให้ครบกำหนดตามสัญญาเช่า เป็นจำนวนเงิน 9.32 ล้านบาท และ 7.33 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มี จำนวน 7.67 ล้านบาท และ 6.58 ล้านบาท ตามลำดับ) 29.5 ภาระจากการพัฒนาโครงการที่ดำเนินการอยู่ งบการเงินรวม จำนวนโครงการที่ดำเนินการอยู่ต้นงวด จำนวนโครงการที่ปิดแล้ว จำนวนโครงการที่เปิดใหม่ จำนวนโครงการที่ดำเนินการอยู่สิ้นงวด มูลค่าโครงการที่เปิดดำเนินการ(ล้านบาท) มูลค่าซื้อขายที่ได้ทำสัญญาแล้วทั้งสิ้น(ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละของยอดขายรวมของ โครงการที่เปิดดำเนินการอยู่

2550 17 (5) 11 23 12,350.02 6,671.97

2549 8 0 9 17 6,860.56 3,621.39

54.02

52.79

งบการเงินเฉพาะกิจการ 2550 2549 15 8 (5) 0 8 7 18 15 10,172.45 5,929.40 5,437.31 3,353.70 53.45

56.56

30. หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น 30.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันเพื่อการพัฒนาโครงการ จำนวน 237.29 ล้านบาท และจำนวน 192.75 ล้านบาท ตาม ลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ มีจำนวน 182.79 ล้านบาทและจำนวน 168.29 ล้านบาท ตามลำดับ) 30.2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ธนาคารออก หนังสือค้ำประกันการสั่งซื้อสินค้าจำนวน 2.00 ล้านบาท และจำนวน 5.00 ล้านบาท ตามลำดับ 30.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ มีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในการค้ำประกันวงเงินเบิกเกิน บัญชี วงเงินกู้ยืมระยะสั้น วงเงินอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน เงินกู้ยืมระยะยาวและวงเงินหนังสือค้ำประกันให้แก่บริษัทย่อย บริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด จำนวน 443.47 ล้านบาท และจำนวน 544.12 ล้านบาท ตามลำดับ 30.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 บริษัทฯ ถูกฟ้องในคดีแพ่ง 3 คดี ดังนี้ 30.4.1 บริ ษั ท ฯ บอกเลิ ก สั ญ ญาจะซื้ อ จะขายและริ บ เงิ น มั ด จำจากลู ก ค้ า รายหนึ่ ง จำนวน 800,000.00 บาท จากการที่ ลู ก ค้ า รายดั ง กล่ า วผิ ด นั ด ชำระหนี้ ศาลชั้ นต้ น พิ พ ากษาให้ บ ริ ษั ท ฯ ชำระเงิ นจำนวน 296,000.00 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 148,000.00 บาท นับจากวันที่15 กันยายน 2546 ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2546 และของต้นเงินจำนวน 296,000.00 บาท นับจากวันที่ 15 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป ปัจจุบันคดี ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ 30.4.2 ในปี 2548 บริษัทฯ ถูกฟ้องร้องฐานความผิดจ้างทำของ ให้ชำระหนี้ ทุนทรัพย์จำนวน 6.50 ล้านบาท ศาลชั้นต้น ได้พิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550

รายงานประจำปี 2550

160


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 30.4.3 ในปี 2549 บริษัทฯ ถูกฟ้องร้องฐานความผิดสัญญาจ้างก่อสร้าง เรียกค่าจ้าง ค่าเสียหาย ค่าขาดประโยชน์ และเรียกเงินคืน จำนวนทุนทรัพย์ 170.77 ล้านบาท บริษัทฯ ให้การว่าผู้รับจ้างเป็นฝ่ายผิดสัญญา เนื่องจากก่อสร้างงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้บันทึกหนี้สินเป็นเจ้าหนี้การค้าไว้ แล้ว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 52.15 ล้านบาท ต่อมาผู้รับจ้างยอมรับว่าผิดสัญญาและยินยอมจ่ายค่าปรับ งานก่อสร้างล่าช้า บริษัทฯ และผู้รับจ้างจึงได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาให้ปฏิบัติตามสัญญา ดังกล่าว เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2550 โดยบริษัทฯ ต้องจ่ายชำระให้ผู้รับจ้างภายหลังหักค่าปรับงานก่อสร้างล่าช้าสุทธิเป็น จำนวน 40.14 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนต่ำกว่าหนี้สินที่บริษัทฯ ได้บันทึกเป็นเจ้าหนี้การค้าไว้แล้วจำนวน 12.01 ล้านบาท บริษัทฯ ได้จ่ายชำระแก่ผู้รับจ้างเสร็จสิ้นตามคำสั่งศาล เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 และบริษัทฯ บันทึกลดยอดหนี้สินที่ ไม่ต้องจ่ายชำระเป็นรายได้อื่นในงบกำไรขาดทุนจำนวน 12.01 ล้านบาท 30.5 ในปี 2547 บริษัทฯ และกรรมการท่านหนึ่งของบริษัทฯ ถูกฟ้องร้องในคดีอาญาในข้อหาโกงเจ้า หนี้เกี่ยวกับการ ซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ซึ่งที่ดินดังกล่าวผู้ขายได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้กับผู้ซื้ออีก รายหนึ่ง เมื่อบริษัทฯ ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากผู้ขายแล้ว ผู้ซื้อรายดังกล่าวจึงทำการฟ้องร้องต่อบริษัทฯ และกรรมการ ของบริษัทฯ ศาลจังหวัดมีนบุรีได้พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2549 คดีอยู่ในระหว่างการ พิจารณาของศาลอุทธรณ์ 31. ข้อมูลจำแนกตามส่วนงาน บริษัทฯ และบริษัทย่อย ประกอบกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ และขายวัสดุก่อสร้าง และมียอดขายวัสดุก่อสร้าง ในสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 10 ของยอดรายได้ จึงไม่มีนัยสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลจำแนกตามส่วนงาน 32. การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน 32.1 นโยบายการบัญชี รายละเอียดของนโยบายการบัญชีที่สำคัญ วิธีการที่ใช้ซึ่งรวมถึงเกณฑ์ในการรับรู้และวัดมูลค่าที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ และหนี้สินทางการเงินแต่ละประเภท ได้เปิดเผยไว้แล้วในหมายเหตุประกอบงบการเงิน 5 32.2 ความเสี่ยงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ซึ่งมีผลกระทบต่อผลการ ดำเนินงานและกระแสเงินสด รายการทางการเงินของบริษัท ฯ และบริษัทย่อยโดยส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นลงตาม อัตราตลาด 32.3 ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญา ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัทฯและบริษัทย่อย ฝ่าย บริหารมีการบริหารจัดการธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยใช้นโยบายทางบัญชีในการรับรู้รายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าต่อ เมื่อได้รับชำระเต็มจำนวนแล้ว สำหรับบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง ฝ่ายบริหารใช้นโยบายในการ พิจารณา ความน่าเชื่อถือของลูกค้า โดยการกำหนดวงเงินการให้สินเชื่อและตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา 32.4 ราคายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงิน สินทรัพย์ทางการเงินที่แสดงในงบดุลประกอบด้วยเงินสด เงินฝากธนาคาร เงินลงทุนชั่วคราว ลูกหนี้การค้า ตั๋วเงิน รับและตั๋วสัญญาใช้เงิน หนี้สินทางการเงินที่แสดงในงบดุลประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้ยืมระยะสั้น จากสถาบันการ เงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน เจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้ค่าทรัพย์สินและเงินกู้ยืมระยะยาว ราคาตามบัญชีขอสินทรัพย์และหนี้สินทางการเงินที่แสดงในงบดุล มีมูลค่าใกล้เคียงกับมูลค่ายุติธรรมโดยประมาณ

161 รายงานประจำปี 2550


หมายเหตุประกอบงบการเงิน 33. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย ตามที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อยใน งบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียมาเป็นวิธีราคาทุน โดยนำผลสะสมที่คำนวณขึ้นเสมือนว่าบริษัทฯ ใช้วิธีราคาทุนมา โดยตลอดมาปรับปรุงกำไรสะสมต้นงวดของปี 2550 และปรับย้อนหลังงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2549 ใหม่ ผลจาก การเปลี่ยนวิธีการบัญชีดังกล่าวทำให้งบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 มีกำไรสะสมต้นงวดลดลง 12.51 ล้านบาท และเงินลงทุนในบริษัทย่อย ลดลงด้วยจำนวนเดียวกัน และทำให้งบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2549 มี การเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เงินลงทุนในบริษัทย่อย กำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรร - ต้นงวด กำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรร - ปลายงวด

งบดุลเฉพาะกิจการ (บาท) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ก่อนปรับ หลังปรับ ผลต่าง 83,394,762.10 70,887,500.00 12,507,262.10 472,426,800.64 463,019,854.90 9,406,945.74 777,226,249.89 764,718,987.79 12,507,262.10

ก่อนปรับ ส่วนกำไรในผลการดำเนินงานสุทธิของบริษัทย่อย ตามวิธีส่วนได้เสีย ส่วน(ขาดทุน)ในผลการดำเนินงานสุทธิของบริษัทย่อย ตามวิธีส่วนได้เสีย รวม กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน กำไรสุทธิ

งบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการ (บาท) สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 หลังปรับ

ผลต่าง

12,345,805.74

0.00

12,345,805.74

(9,245,489.38) 3,100,316.36

0.00 0.00

(9,245,489.38) 3,100,316.36

447,799,449.25

444,699,132.89

3,100,316.36

0.67

0.66

0.01

34. การอนุมัติงบการเงิน งบการเงินนี้ได้รับการอนุมัติให้ออกงบการเงินโดยคณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551

รายงานประจำปี 2550

162



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.