ยาปฏิชีวนะ Classes of Antibiotics Antibiotics[1] Class
Generic Name Brand Names Common Uses Side Effects
Aminoglycosides
อะมิกาซิน (Amikacin)
Infections Hearing loss caused Vertigo by GramKidney damage negative bacteria, such as Escherichia coli and Klebs iella
เจนตาม ัยซิน (Gentamicin) กานาม ัยซิน (Kanamycin) นีโอม ัยซิน (Neomycin) เนติลม ัยซิน (Netilmicin) สเตรปโตม ัยซิน (Streptomycin ) โทบราม ัยซิน (Tobramycin) Cephalosporins เซฟาคลอร์ (Cefaclor) เซฟาดรอกซิล (Cefadroxil) เซฟาโซลิน (Cefazolin) เซฟิ กซิม (Cefixime) เซโฟเพอราโซน (Cefoperazon e) เซฟโฟแทกซิม (Cefotaxime) เซโฟตีแทน (Cefotetan)
Wide range of Gastrointestinal upset and infections diarrhea Nausea (if alcohol taken concurrently) Allergic reactions
เซโฟซิตน ิ (Cefoxitin) เซฟตาซิดม ิ (Ceftazidime) เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) เซฟูรอกซิม (Cefuroxime) เซฟาเลกซิน (Cefalexin) เซฟาโลติน (Cephalothin) ลอราคาร์เบฟ (Loracarbef) Macrolides Streptococcal infections, sy philis, respirat Zithromax ory Azithromycin ("Zmax") and infections, my Sumamed coplasmal infections, Ly me disease
Nausea, vomiting, and diarrhea (especially at higher doses) Jaundice
Clarithromyci n Erythromycin Troleandomyc in Penicillins
Amoxicillin
Ampicillin Azlocillin Carbenicillin Cloxacillin Flucloxacillin Mezlocillin
Wide range of infections; penicillin used for streptococ Novamox™ cal (Cipla, India) infections, sy philis, and Lyme disease
Gastrointestinal upset and diarrhea Allergy with serious anaphylactic reactions Brain and kidney damage (rare)
Nafcillin Penicillin Piperacillin Ticarcillin Polypeptides
Bacitracin
Eye, ear or bladder infections; usually applied directly to the eye or inhaled into the lungs; rarely given by injection
Colistin Polymyxin B Quinolones Urinary tract infections, ba cterial Ciplox™ Ciprofloxacin postatitis, bac (Cipla, India) terial diarrhea, gon orrhea Enoxacin Levofloxacin Norfloxacin Ofloxacin Sulfonamides
Mafenide
Sulfacetamide Sulfamethizol e
Urinary tract infections (except sulfacetamide and mafenide) ; mafenide is used topically for burns
Nausea, vomiting, and diarrhea Allergy (including skin rashes) Crystals in urine Kidney failure Decrease in white blood cell count Sensitivity to sunlight Nausea (rare)
Sulfamethoxa zole Sulfasalazine Sulfisoxazole Trimethoprim Sulfamethoxa zole Tetracyclines Syphilis, chla mydial infections, Ly me disease, myco plasmal infections, ric kettsial infections
Demeclocycli ne
Gastroitestinal upset Sensitivity to sunlight Staining of teeth Potential toxicity to mother and fetus during pregnancy
Doxycycline Minocycline Oxytetracycli ne Tetracycline Others Aztreonam Chloramphenicol Clindamycin Metronidazole Nitrofurantoin Pyrazinamide Quinupristin/Dalf opristin Rifampin Spectinomycin Vancomycin Class
Generic Name
Brand Names
Common Uses
Side Effects
Gram negative bacteria / แบคทีเรียแกรมลบ gramnegativebacteria หรือแบคทีเรียแกรมลบ คือ แบคทีเรีย (bacteria) ทีย ่ อ ้ มแกรม (gram staining) ติดสีแดงของ safranin ส่วน แบคทีเรียแกรมบวก (gram positive bacteria) จะย้อมแกรม เป็นสีมว ่ ง ไม่ตด ิ สีแดงของ safranin
http://pathmicro.med.sc.edu/fox/gram-st.jpg แบคทีเรียแกรมลบ
แบคทีเรียแกรมบวก
Gram negative bacteria
Gram positive bacteria
ผน ังเซลบาง
ผน ังเซลหนา
•
ั้ ั้ ชนในเป ็ นชนบางของ
peptidoglycan •
ั้ ั้ ชนนอกเป ็ นชนไขม ัน
ภายนอกเซล มี lipopolysacharide ซึง่ เป็นสารพิษ endotoxin
ั้ เป็นชนหนาของ pepticoglycan ั ้ ชนเดียว • •
ั้ ไม่มช ี นไขม ัน
ไม่ม ี lipopolysacharide ไม่ม ี endotoxin
•
ไม่ทนร้อน
•
ทนร้อนมากกว่า
•
ไม่ทนแรงด ัน
•
ทนแรงด ันมากกว่า
•
ไม่ทนเกลือสูง
•
ทนการฉายร ังสี (food
•
ไม่ทนต่อการฉายร ังสี
irraditaion) มากกว่า
•
ไม่ทนสารเคมี
•
ทนสารเคมีมากกว่า
ต ัวอย่างของแบคทีเรียแกรมลบ
ต ัวอย่างของแบคทีเรียแกรมบวก
เป็นสาเหตุให้อาหารเน่าเสีย (microbial spoilage)
แบคทีเรียทีส ่ ร้างกรดแลคติก (Lactic acid bacteria)
•
Pseudomonas
•
Lactobacillus
•
Enterobacter
•
Streptococcus
•
Serratia
•
Leuconostoc
•
Proteus
•
Pediococcus
•
Erwinia
•
Lactococcus
•
Acetic acid bacteria
เช่น Acetobacter ก่อให้เกิดโรค (pathogen) •
Salmonella
•
Shigella
•
Vibrio
•
Yersinia เช่น Yersinia
enterocolitica •
แบคทีเรียทีส ่ ร้างสปอร์ (spore forming bacteria) •
Clostridium ได้แก่
Clostridium botulinum Clostridium perfringens •
Bacillus
แบคทีเรียก่อโรค
Campylobacter jejuni
•
Listeria
โคลิฟอร์ม (coliform bacteria)
•
Staphylococcus aureus
•
Citrobacter
(coliformbacteria) •
Escherichia (coliformbacteria
) •
Hafnia (coliformbacteria)
•
Klebsiella (coliformbacteria)
•
Serratia (coliformbacteria)
•
Escherichia : เช่น Escherichia
coli (fecal coliformbacteria)
้ เมือ ่ เอ่ยถึงยาแอนตีไ้ บโอติก หรือยาปฏิชวี นะ ในการร ับรูข ้ องคนทวไปในปั ่ั จจุบ ัน เราจะนึกถึงยาฆ่าเชือ ้ และยาแก้อ ักเสบ แต่จริงๆแล้ว ยาประเภทนีค ้ อ ื ยาฆ่าเชือ ยาจำาพวกแอนตีไ้ บโอติก หรือยาปฏิชวี นะได้ร ับการค้นพบโดยหลุยส์ ปลาสเตอร์-น ักวิทยาศาสตร์ชาว ฝรง่ ั เศสในทศวรรษที่ 1940 เป็นสารทีส ่ ร้างขึน ้ และแยกได้จากจุลชีพชนิดหนึง่ และออกฤทธิย ์ ับยงการ ั้ ้ จุลชีพอีกกลุม ้ โรคนนๆ ้ รา เจริญเติบโตหรือทำาลายเชือ ่ หนึง่ จุลชีพหรือเชือ ั้ ได้แก่ แบคทีเรีย ไวร ัส เชือ ้ ปรสิต ยาต ัวแรกทีม ิ น และเชือ ่ ก ี ารนำามาใช้คอ ื เพนนิซล ิ โดย 150 หล ังจากนนก็ ั้ มก ี ารพ ัฒนาต ัวยามาอีก หลายขนานด้วยก ัน เราสามารถแบ่งประเภทของยาแอนตีไ้ บโอติกตามการออกฤทธิข ์ องยา คือ
้ ม ักมีกลไกการออกฤทธิต แบบฆ่าหรือทำาลายเชือ ์ อ ่ ผน ังเซลล์ และต่อเมมเบรนของแบคทีเรีย ้ ม ักมีกลไกในการออกฤทธิย แบบย ับยงการเจริ ั้ ญเติบโตของเชือ ์ ับยงการสร้ ั้ างโปรตีน ด ังนนจึ ั้ ง ต้องการระบบภูมค ิ ม ุ ้ ก ันมาเก็บเซลล์เม็ดเลือดกิน โดยปกติหมอจะพิจารณาเลือกการใช้ยาแอนตีไ้ บโอติกเพือ ่ ให้เกิดประสิทธิภาพในการร ักษา ด้วยปัจจ ัย 3 อย่างนีค ้ อ ื ้ โรคทีเ่ ป็นสาเหตุของโรคและอาการนนๆ ้ อะไร สมควรใช้ • เชือ ั้ ต้องค้นหาให้แน่ช ัดว่าเกิดจากเชือ ยาแอนตีไ้ บโอติกหรือไม่ ความเข้มข้นระด ับใด แต่แพทย์บางสถานพยาบาลซึง่ ขาดอุปกรณ์ทาง ้ ตามสถิตท ห้องปฏิบ ัติการอาจใช้การคาดคะเนชนิดของเชือ ิ พ ี่ บ • ต ัวยาแอนตีไ้ บโอติก โดยต้องรูว้ า่ ยานนๆ ั้ มีการดูดซึม กระจายต ัว การเปลีย ่ นสภาพของยา และ ้ ต้องมีเชือ ้ สูงพอทีย การขจ ัดยาอย่างไร แพทย์จะต้องรูว้ า่ บริเวณทีต ่ ด ิ เชือ ่ าจะออกฤทธิเ์ พือ ่ ้ ความไวของเชือ ้ โรคประเภทนนๆ ่ ารจ ัดขนาดยา ความถีห ทำาลายเชือ ั้ นำาไปสูก ่ า่ งในการให้ยา และระยะเวลาการให้ยาทีเ่ หมาะสม • ต ัวคนไข้ แพทย์ผส ู ้ ง่ ั ยาต้องรูส ้ ภาวะร่างกายของผูป ้ ่ วย เพราะยาแอนตีไ้ บโอติกต้องขจ ัดออกที่ ไตและเปลีย ่ นสภาพทีต ่ ับ ซึง่ ว ัยทารกนนต ั้ ับไตย ังทำางานได้ไม่สมบูรณ์ ส่วนผูส ้ ูงอายุนน ั้ กลไกด ัง ่ มประสิทธิภาพลง แพทย์ตอ กล่าวม ักเสือ ้ งพิจารณาปร ับขนานยา "เวลาป่วยด้วยอาการอืน ่ ๆ ทีร่ น ุ แรงน้อยกว่า แบบทีเ่ วลาเราไปหาหมอตามคลินก ิ หมอตรวจอาการเราและ ่ั มนใจว่ ่ั าคนไข้จะดีขน ึ้ ภายใน 3 ว ัน อาจสงให้ กน ิ ยาแอนตีไ้ บโอติกส ัก 5 ว ัน คือกินต่อไปอีกส ัก 2-3 ว ัน หล ังจากอาการดีขน ึ้ จริงๆการใช้ยาแอนตีไ้ บโอติกนน ั้ ถ้าใช้นอ ้ ยไปก็ ไม่ได้ผล ถ้ามากไปก็ เป็นอ ันตราย ต่อร่างกายได้" จำาเป็นแค่ไหนต้องใช้ยาแอนตีไ้ บโอติก • •
ำ ้ ได้หลายสาเหตุ อาจจะด้วยภูมค "ความจริงเกิดการติดเชือ ิ ม ุ ้ ก ันเราต่าลง และเกิดจากบาดแผลทำาให้ตด ิ ้ ได้" เชือ ้ โรคก็แพร่กระจายได้ด ี แม้จะได้ยา ภูมค ิ ม ุ ้ ก ัน ซึง่ เป็นส่วนหนึง่ ของอิมมูนซิสเต็ม เมือ ่ อิมมูนซิสเต็มตก เชือ แอนตีไ้ บโอติกทีไ่ ด้จะถูกขนานถูกขนาด ในระยะเวลาทีแ ่ ม่นยำาขนาดไหนก็ตาม ทำาให้อาการทุเลาลง ้ ดือ ่ งช้า และโอกาสทีเ่ ชือ ้ ยาแอนตีไ้ บโอติกจึงมีไม่นอ อย่างเชือ ้ ย และการกินยาแอนตีไ้ บโอติกไปนานๆก็ม ี ผลกระทบต่อต ับและไตในระยะยาวได้ สเตียรอยด์...ยาครอบจ ักรวาล สเตียรอยด์เป็นฮอร์โมนสำาค ัญซึง่ ผลิตจากต่อมหมวกไต และตอนนีม ้ บ ี ทบาทในการใช้ร ักษาโรคอย่าง กว้างขวาง โดยจุดประสงค์หล ักๆ ของแพทย์ทใี่ ช้ยาประเภทนีค ้ อ ื ำ • เพือ ่ ทดแทนระด ับฮอร์โมนในร่างกายทีล ่ ดต่าลง เนือ ่ งจากต่อมพิทอ ุ ท ิ ารีแ ่ ละหมวกไตทำางานผิด ปกติ • เพือ ่ หว ังผลในการออกฤทธิต ์ า้ นอาการอ ักเสบในขณะทำาการร ักษา (เสริมฤทธิข ์ องยาแอนตีไ้ บโอ ติกทีด ่ อ ื้ ยา) ไม่ได้เป็นการร ักษาทีส ่ าเหตุของโรค จึงต้องใช้ปริมาณสูงและติดต่อก ันเป็นเวลานาน "ยาสเตียรอยด์จะเข้าไปยงสารที ั้ ก ่ อ ่ ให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน จึงเท่าก ับเป็นยาแก้ทป ี่ ลายเหตุของ ่ ยบรรเทาความเจ็บปวดจากโรคนน อาการเจ็บปวดทงหมด ั้ หรือถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ชว ่ ั เอง" เวลาเราไปหา ่ั คุณหมอแผนปัจจุบ ัน เขาจึงม ักจะสงยาสเตี ยรอยด์ให้คนไข้ในกรณีทป ี่ ่ วยเป็น โรคภูมแ ิ พ้นานาประเภท โรคทีเ่ กิดจากความผิดปกติของระบบเลือด ภาวะสมองบวม (Cerebral Edema) โรคความผิดปกติของ ้ เยือ เนือ ่ คอลลาเจน (Collagen Disorders) โรคผิวหน ัง โรคข้ออ ักเสบชนิดรูมาตอยด์ โรคต ับ โรคไต ้ ใน โรคของระบบทางเดินหายใจ โรคตา โรคทีเ่ กีย ่ วก ับความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนือ ภาวะช็ อค ใช้ลดระด ับแคลเซียมในเลือด ใช้เพือ ่ ทดแทนการขาดฮอร์โมนชนิดนี้ ด้วยเพราะไม่ได้ร ักษาต้นเหตุ แต่ครอบคลุมนานาอาการ จึงทำาให้สเตียรอยด์กลายเป็นยาทีเ่ รียกว่า "ครอ บจ ักรวาล" และมีเจือปนอยูใ่ นยาชุด ยาลูกกลอน ยาสมุนไพรอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะปัจจุบ ันสเตีย ้ ขาย คนทวไปจะซื ้ ได้โดยมีใบสง่ ั ยา รอยด์เป็นยาทีก ่ ระทรวงสาธารณสุขออกกฎหมายควบคุมการซือ ่ั อ จากแพทย์เท่านน ั้ อย่างไรก็ตามทงั้ 14 โรคทีก ่ ล่าวมานน ั้ หลายโรคในระยะทีย ่ ังไม่ป่วยมาก อาจไม่จำาเป็นต้องกินยาสเตีย ่ ลอง รอยด์ แค่ปร ับเปลีย ่ นชีวต ิ เพือ ่ เพิม ่ อิมมูนซิสเต็มตามแนวทางชีวจิต อาการก็จะค่อยๆ ดีขน ึ้ เอง ไม่เชือ ติดตามอ่านประสบการณ์ของผูป ้ ่ วย ข้อมูลต่างๆ ในนิตยสารชีวจิตได้ สเตียรอยด์...ทำาลายทุกระบบ ำ ึ่ ต่อปริมาณน้าและ ยาประเภทนี้ มีผลต่อระบบต่างๆในร่างกายมากมายคือ ต่อขบวนการเมตาบอลิซม
เกลือแร่ ต่อระบบหมุนเวียนของเลือด ต่อระบบเม็ดเลือด ต่อ ้ โดยหากใช้ไป ระบบประสาทส่วนกลาง ต่อระบบกล้ามเนือ นานๆ จะมีอาการข้างเคียงคือ ้ เพราะสเตียรอยด์ขนาดสูงมีผลต่อระบบ • การติดเชือ ำ อิมมูนซิสเต็ม นอกจากทำาให้อม ิ มูนซิสเต็มต่าลงแล้ ว ้ ย ังบดบ ังอาการทีเ่ กิดจากการติดเชือบางอย่าง ซึง่ มี ความเป็นไปได้งา่ ยกว่าปกติ จึงม ักพบโรคเมือ ่ อาการรุนแรงแล้ว • กดการทำางานของระบบทีค ่ วบคุมการหลง่ ั ฮอร์โมน การใช้ยาขนาดสูงเป็นเวลานาน จะทำาให้ ระบบนีไ้ ม่สามารถทำางานปกติได้ เมือ ่ ถึงคราวต้อง หยุดยา • เกิดแผลในกระเพาะอาหาร เพราะยาประเภทนีท ้ ำาให้ เยือ ่ บุกระเพาะอาหารบางลงและย ับยงการส้ ั้ ราง ้ เยือ เนือ ่ ใหม่มาทดแทน คนไข้ทใี่ ช้สเตียรอยด์อาจ กระเพาะทะลุ มีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร ึ เจ็บปวดเลยก็ได้ โดยไม่รส ู้ ก ึ เป็นสุขและติดการใช้ยาได้ หรือ • มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ยาขนาดสูงอาจทำาให้คนไข้รส ู้ ก ตรงก ันข้าม บางรายอาจนอนไม่หล ับ กระส ับกระส่าย หงุดหงิด • กระดูกผุ (Osteoporoxis) ต้องระว ังมากในการใช้ก ับผูส ้ ูงว ัย • ย ับยงการเจริ ั้ ญเติบโตของร่างกาย การใช้ยาประเภทนีใ้ นเด็กจะทำาให้เจ้าต ัวน้อยไม่เติบโตสมว ัย ำ • อาการบวม สเตียรอยด์ชนิดส ังเคราะห์ทำาให้เกิดภาวะคงน้ ่ ั าและเกลื อแร่ขน ึ้ ำ • ทำาให้ระด ับโปแตสเซียมในเลือดต่า เพราะระหว่างกินยา จะทำาให้เสียเกลือโปแตสเซียมทาง ้ ไม่มแ ปัสสาวะมาก ในรายทีต ่ ามากอาจทำ ่ำ าให้มอ ี าการอ่อนเพลีย กล้ามเนือ ี รง และห ัวใจเต้นผิด จ ังหวะ หรือหยุดเต้นได้ ้ เปลีย • ทำาให้กล้ามเนือ ้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ บริเวณต้นขาและต้นแขน • มีผลต่อดวงตา ในกรณีทใี่ ช้สเตียรอยด์ในรูปของยาหลอดตา จะทำาให้ความด ันลูกตาสูง มีโอกาส ้ ง่าย ติดเชือ • มีผลต่อผิวหน ัง ส่วนในรูปของยาทาภายนอก จะทำาให้ผวิ หน ังบาง เป็นรอยแตก บางรายทำาให้ เกิดสิวได้ดว้ ย • เกิดอาการไม่พงึ ประสงค์อน ื่ ๆ เช่น ใบหน้าอ้วนกลม มีไขม ันบริเวณห ัวไหล่ล ักษณะเป็นหนอก ำ ปวดหรือเวียนศีรษะ ความด ันสูง ต ับโต ไขม ันและน้าตาลในเลื อดสูง
Step one, you say we need to talk He walks you say sit down it's just a talk He smiles politely back at you You stare politely right on through Some sort of window to your right As he goes left and you stay right Between the lines of fear and blame You begin to wonder why you came CHORUS:
Where did I go wrong, I lost a friend Somewhere along in the bitterness And I would have stayed up with you all night Had I known how to save a life Let him know that you know best 'Cause after all you do know best Try to slip past his defense Without granting innocence Lay down a list of what is wrong The things you've told him all along And pray to God he hears you And I pray to God he hears you CHORUS