แคคตัสหรือกระบองเพชรคืออะไร.......... การปลูกดูแลแคคตัสก็ควร รู้จักที่มาต่างๆก่อน
แคคตั ส (cactus) หรื อ กระบองเพชร ?
แคคตัส คือ พืชที่จัดอยู่ในประเภทพืชลำ�ต้นอวบ
น้ ำ � (Stem succulent) แต่ ก ็ ไ ม่ ไ ด้ ห มายความ ว่ า พื ช อวบน้ ำ � ทั ้ ง หมดจะเป็ น “แคคตั ส ” เสมอ
ไป พืชที่จะจัดอยู่ในตระกูลของแคคตัส จะต้อง ประกอบด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 4 ประการ คือ
เป็นไม้ยืนต้น เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ออกลูกเป็นผล เซลล์เดียว และมีตุ่มหนาม ซึ่งตุ่มหนามนี้จะพบได้ ในพืชตระ
กูลแคคตาซี (cactaceae) หรือ ตระกูล
แคคตัส เท่านั้น ลักษณะพิเศษที่สำ�คัญอีกประการ
หนึ่งคือ แคคตัสแทบทุกชนิดจะไม่มีใบหรือลดรูป
ใบกลาย เป็นหนามหรือขน และแม้ว่าพืชวงศ์อื่น
จะมีการลดรูปใบและมีหนาม เช่น กันอย่างเช่น
พวก ยูโฟเบีย(Euphorbia)แต่ก็จะยังมีใบเล็กๆ ให้เห็นเป็นส่วนใหญ่เพียงแต่อาจหลุดร่วงเร็วไม่ ได้หายไปเลย
Mammillaria schumannii แ ม ม ชู แ ม น นิ อ า ย เ ป็ น แ ม ม ที่ ไ ด้ ดู ดอกตั้งแต่ต้นยังเล็กผิวลำ�ต้นสีเทา อมฟ้า ขณะยังเล็กอยู่มีลำ� ต้ นเดี่ ย ว และเมื่ อ อายุ ม ากจะเป็ น กอมี ห นาม กลางปลายโค้ ง เป็ น ขอทั้ ง หนาม ข้างและหนามกลางตรงปลายมี ส ี น้ ำ � ตาล มี ด อกขนาดใหญ่
ส่วนต่างๆของแคคตัส
อุปกรณ์และเครื่องปลูก อุปกรณ์และเครื่องปลูกนั่นมีความสำ�คัญ
มาก สำ�หรับแคคตัสที่อิงอาศัย เช่น สกุนอิพิ
ไฟลัม (Epiphyllum) ริปซาลิส (Rhipsa-
lis) และซูโดริปซาลิส (Pseudorhipsalis) เครื่องปลูกที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือ กาบ มะพร้าว เปลือกสน หรือปลูกเกาะขอนไม้
แต่ถ้าเป็นแคคตัสกลุ่มอื่น เครื่องปลูกที่เห มาะสมคืดินผสมสำ�เร็จมีหลายสูตร ส่วน
ผสมแตกต่างกันไป หาซื้อได้ทั่วไปตามร้าน
จำ � หน่ า ยแคคตั ส หรื อ อุ ป กรณ์ ก ารเกษตร เหมาะสำ � หรั บ ผู ้ ป ลู ก เลี ้ ย งไม่ ม าก ช่ ว ย ประหยัดเวลาและต้นทุนได้
ดิ นปลู ก แคคตั ส ที ่ ดี ต ้ องโปร่ ง ระบายน้ ำ � ได้ เ ร็ ว มี เ นื ้ อ ดิ น ที ่ อุ ดมไปด้ วยธาตุ อาหารไม่ อ มความื ้ น มากเกิ น ไป แต่
ไม่ เปียกตลอดเวลาทรากจะเติบโตแผ่รับธาตุอาหาร ได้มากที่สุด
ดินผสม
ดินร่วน 2 ส่วน/ทราย หยาบ 3 ส่วน/ถ่านป่น 1 ส่วน/ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
ดินรองพื้น หินภูเขาไฟ เบอร์ 2
วิธีจับแคคตัสมีหนาม
วิธีง่ายๆ คือ ใช้หนังสือพิมพ์พันรอบต้นเพื่อไม่
ให้หนามทิ่มแทงนิ้วมือแล้วค่อยๆเคาะกระถางให้ ต้นแยกออกจากภาชนะเดิม
การเลือกกระถางปลูกแคคตัส กระถางที่เหมาะ ในท้องตลาดมีกระถางที่ทำ�จาก
วัตถุดิบหลายอย่าง เช่น พลาสติก ดินเผา กระเบื้อง ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็ใช้ปลูกต้นไม้ได้ทั้งนั้น แต่กระถางแต่ละ อย่างก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่าง
กระถางที่เหมาะ ในท้อง
ตลาดมี ก ระถางที่ ทำ � จาก
วั ต ถุ ด ิ บ หลายอย่ า ง เช่ น
พลาสติก ดินเผา กระเบื้อง ฯลฯ
กระถางพลาสติก มีสีสันสวยงาม
น้ำ�หนักเบา ราคาไม่แพง เก็บความชื้นได้ ดีเพราะน้ำ�ระบายและอากาศออกได้แค่
ทางก้นกระถาง รากจึงเจริญอยู่เฉพาะ
ตรงกลางกระถาง ไม่แผ่ออกไปรอบๆ กระถางดินเผา
ด้วย
และอาจทำ�ให้ความร้อนสะสม
ลั ก ษณะกระถางที่ ทำ � จาก ดิ น แล้ ว เผาด้ ว ยความร้ อ น เ นื้ อ ก ร ะ ถ า ง จึ ง มี รู พ รุ น
ทำ � ให้ ร ะบายน้ำ � และอากาศ
ได้ดี วัสดุปลูกจึงไม่ชื้นแฉะ
ทำ � ใ ห้ ต้ น ไ ม้ เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ดี แต่ก็มีข ้อเสียคือ เมื ่ อใส่ วั ส ดุ ป ลู ก แ ล้ ว ทำ � ใ ห้ ห นั ก
ยกย้ายไปไหนยาก แตกหัก
ได้ถ้าหล่นลงพื้น แต่ถ้าเรา ปลูกต้นเล็กๆ ก็ใช้ได้ดี
กระถางเซรามิก ทำ�
จากดิ น เผาแต่ เ คลื อ บด้ ว ย
กระถาง
วัสดุทำ�ให้เนื้อกระถางไม่มีร ู
พรุ น การระบายน้ ำ � และ
อากาศเช่นเดียวกับกระถาง พลาสติก
ควรเลื อ กให้
เหมาะกั บ ต้ น ไม้ แ ม้
รู ป แบบและดี ไ ซน์ จ ะมี ส่ ว นทำ � ให้
เลือกใช้กระถางนั้นๆ
5 ขั้น 1. เตรียมแคคตัสที่จะปลูกลงใน กระถาง
2. ใส่ถ่านหรือหินภูเขาไฟประมาณ
ใน 3 หรือ1 ใน 4 ตามความลึกของ กระถ่าง
3. ตามด้วยเครื่องปลูกวางต้นไม้
ที่ต้องการปลูกลงในกระถาง
ในการปลูกแคคตัส 4. ใส่หินโรยหน้า
ใช้กรวดหรือดินญีปุ่น โรยหน้า
5. อย่าเพิ่ง
รดน้ำ�ทันที ควร
เว้นระยะสัก 5–7
วัน และวางในที่แดดรำ�ไร
การนำ�ไม้ขีดไฟจิ้มลงไปใน
ดิน แล้วถ้าจุดไฟไม่ติดแสดงว่า
ดินยังชื้นอยุ่หรือใช้ไม้จิ้มฟันจิ้ม
ลงไปในดินถ้าดึงขึ้นมาแล้วมีดิน ชื ้ น ๆติ ด มา ก็ ย ั ง ไม่ ต ้ อ งรดน้ ำ � ครับ
แม้แคคตัสจะทนแล้งได้ดี
ช่วงที่กำ�ลังเติบโตซึ่งก็คือช่วงฤดูฝนที่มี
ปัญหาที่เรามักพบบ่อยๆ ในหมู่
พั ก ตั ว แคคตั ส จะต้ อ งการน้ำ � น้ อ ยมาก
นานๆ รดน้ำ�ทีก็ยังเติบโตได้แต่ นักเล่นแคคตัสหน้าใหม่ก็คือ ให้ น้ำ � มากเกิ น ไปตามปกติ แ คตตั ส ต้องการน้ำ� เฉพาะ ใน
ความชื้ น สู ง ส่ ว นช่ ว งฤดู ห นาวเป็ น ช่ ว ง ดังนั้นการรดน้ำ�ในฤดูฝนจึงทำ�สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนในฤดูหนาวก็ให้ลดลง พอ ถึงช่วงฤดูร้อนจึงค่อยให้น้ำ�มากขึ้น
การรดน้ำ�นั้นมีวีธีรดอยู่ 2 รูปแบบ 1. รดจากปากกระถาง เหมือนการรดน้ำ�ต้นไม้ทั่วๆ ไป 2. การให้ น ้ ำ � จากก้ น กระถาง โดยการนำ� กระถางไป แช่ ใ นกะละมั ง ให้ น้ำ � ไหลย้ อ นไปจากรู ก้ น กระถาง
การต่อยอด (Grafting) หรือการกราฟต์
คือวิธีการที่นำ�หัวแคคตัสมาต่อบน
ตอเพื่ อ วั ต ถุ ป ระสงค์ ใ นการที่ จ ะเร่ ง การเจริญเติบโตของแคคตั ส ให้ เ ร็ ว ยิ่ ง
ขึ้นซึ่งถ้าเทียบกับการเลี้ยงแคคตัสแบบ ธรรมดาแล้ ว นั้ น ถ้ า ให้ นั บ เวลาตั้ ง แต่
ที่ เ ราเริ่ ม เพาะเมล็ ด ไปจนกระทั่ ง โตจน
พร้ อ มที่ จ ะออกดอกจะต้ อ งใช้ เ วลา
ตั้งแต่ 2-3 ปี ขึ้นไป แต่ถ้าเรานำ�ต้นอ่อน หรื อ หน่ อ แคคตั ส มาต่ อ บนตออาจจะ
เวลาเพียงแค่ 1 ปี หรืออาจจะน้อยกว่า
แคคตั ส ก็ ส ามารถที่ จ ะโตจน พร้อมจะมีดอกได้แล้วล่ะครับ เรี ย กได้ ว่ า การกราฟนั้ น จะ ช่วยร่นระยะเวลาในการเจริญ
เติบโตให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลาย เท่า
การกราฟต์แคคตัส
1. ใ ช้ ม ี ดส ะ อ าดป า ด ย อ ด ต ้ น ต อ ให้ แ ผลเรี ย บ เฉื ื อ นมุ ม ให้ เ ป็ น แนว ล า ด เอี ย งเพื่ อ ไม่ ใ ห้ นำ้ � ขั ง บริ เ วณ รอยต่อและหนามตำ�มือ
2. ปาดโคนต้ นพั นธุ ์ อ อกโดยไม่ ใ ห้ บาดแผลซ้ ำ �
3. นำ � ต้ น พั น ธุ ์ ว างบนต้ น ตอที ่ เตรียมไว้
4. ใช้ด้ายหรือเทใสพันต้นตอและ ต้นพันธุ์เข้าด้วยกัน
การผสมเกสรแคคตัส การผสมเกสรเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลิตลูกไม้ที่แตกต่างจากต้น เดิมหรือต้องการขยายพันธุ์แคคตัสที่ไม่แตกหน่อ สิ่งสำ�คัญที่ผู้เลี้ยง ควรรู้ก่อนเริ่มลงมือปฏิบัติ
หลังจากผสมเกสร ประมาณ 3 -5 วัน ถ้าก้านดอกที่เราผสมไว้ มีลักษณะ พองขึ้น ไม่เหี่ยว ลองเอามือเขี่ยเบาๆ แล้วหลุดเลย
ระยะเวลาขึ้นอยู่กับสาย
พั น ธุ ์ ความสมบู ร ณ์ สภาพ
อ า ก า ศ แ ล ะ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม
ว่ า เอื้ออำ�นวยกับการสุกของฝั ก ขน า ด ไ ห น
ซ ึ ่ ง ร ะยะ เ วลาโดย
ประมาณ คือ 3-8 สัปดาห์
ใช้แหนบดึงปลายเกสรตัวผู้ บริเวณอับ
ละอองเลณูอย่างระมัดระวัง แล้วนำ�ไปใส่
ใส่ในยอดเกสรตัวเมีย หรือจะใช้เป็นพู่กัน สำ � ลี ป ั ่ น หู ปั ่ น เอาแค่ ล ะอองเกสรตั ว ผู ้ ไปปั่นใส่ในยอดเกสรตัวเมีย
ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้แล้ว
แต่ ความถนัดและความ เ ห ม า ะ ส ม อ ย่ า ง ใ น กรณี ที่ เ ป็ น สกุ ล แมม มิ ล ล า เ รี ย ที่ มี ด อ ก เล็ก การใช้แหนบดึง เกสรอาจจะทำ � ให้ เกิ ด ความเสี ย หาย กั บ ดอกได้ ใช้ เ ป็ น
พู ่ กั น ป ล า ย เ ล็ ก ๆ
ปั ่ น เกสรจะสะดวก
กว่ า ในดอก 1 ดอกนั ้ น
เ ก ส ร ตั ว ผู ้ จ ะ มี จำ � น ว น มาก แต่ เ กสรตั ว เมี ย มี 1 ก้ า น
การเพาะเมล็ดแคคตัส การเพาะเมล็ด (Seedling) ทำ�ได้
โดยเก็ บ เมล็ ต ที่ สุ ก จากต้ น มาล้ า งเอาเนื้ อ
ออก และเก็บเฉพาะเมล็ดสีดำ�ขนาดเล็ก
ที่อยู่ภายใน ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม นำ�เมล็ด ที่ ไ ด้ จ ากฝั ก มาล้ า งเอาเมื อ กใสๆออกให้ หมดแล้วนำ�มาตากแดดหรือพึ่งลมให้แห้ง ก่อนประมาณ 1-3 วันเป็นอย่างน้อย จะมี อัตรางอกสูงกว่าเมล็ตที่นำ�มาเพาะทันที
แคคตัสแต่ละสกุล มีเวลาบานของ
ดอกที่แตกต่างกันไป และระยะเวลาในการ
บานนั้นก็ไม่เท่ากัน บางสกุล บานวันเดียว
แล้วฝ่อ หรือบาน 2-3 วัน และเวลาบาน
มีทั้งบานตอนกลางคืน เช้า กลางวัน ช่วง บ่าย
ความสมบูรณ์ของเกสรมีส่วน
สำ�คัญที่จะทำ�ให้ติดฝักหากยอดเกสรตัว เมียที่แห้งมาก ไม่ ม ี น ้ ำ � เมื อ กที ่ เ ป็ น ตั ว จั บ
เกสรตั ว ผู ้ อ าจจะทำ � ให้ โ อกาสติ ด น้ อ ย ลง ละอองเกสรตัวผู้ที่เยอะยิ่งเป็นผลดี
การเพาะเมล็ดแคคตัสนั้น สามารถ
ทำ�ได้ 2 รูปแบบคือ ระบบเปิด และ
ระบบปิด แต่ที่นิยมคือ ระบบปิด เพราะ
ง่ายต่อการดูแล ไม่ต้องรดน้ำ�บ่อยๆ
และก็อัตราการรอดก็ค่อนข้างสูงกว่า ระบบเปิ ด ที ่ อ าจจะมี ก ารฝ่ อ หรื อ ยุ บ ตั ว ในกรณี ที่ ค วามชื้ น ไม่ เ พี ย งพอ
หรื อ อาจจะโดนรบกวนจากแมลงหรือ สัตว์ต่างๆ
ความชื้นในกล่อง หากดินแห้งเกินไป
ให้สเปรย์น้ำ�เพิ่มความชื้น ควรรักษา
ความชื้นของดินให้เหมาะสมและต่อ
เนื่อง แต่ถ้าหากเรากะปริมาณน้ำ�ให้ พอดีตั้งแต่การเพาะ ไม่จำ�เป็นต้อง เปิดฝาเติมน้ำ�อีกเลย
หลังจากเพาะเมล็ด ประมาณ 5-10 วัน
ก็จะมีต้นอ่อนงอกออกจากเมล็ด อัตรา การงอกจะมีปริมาณมากน้อย นั้นก็ขี้นอยู่ กับความสมบูรณ์ของตัวเมล็ดเอง
แคคตัสเป็นต้นไม้ที่กำ�ลังได้รับความ
นิยมอย่างมากในไทย ด้วยความสวย
และแปลกตา แถมยั ง เลี ้ ย งดู ง ่ า ยไม่
ต้ อ งดู แ ลมาก ถ้ า ใครเลี ้ ย งแคคตั ส อย่างถูกวิธีก็จะมีดอกสวยๆ เรามีแค
คตัส 6 สกุลที่เลี้ยงง่ายทนและส่วย เหมาะสำ�หลับผู้เริ่มต้นหัดเลี้ยง
แคคตัสเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ในวงศ์ Cactaceae มีถิ่นกำ�เนิดในทรีปอเมริกา
เหนือและอเมริกาใต้ มีจำ�นวน 1,210 ชนิด 118 สกุล ลักษณะเด่น คือเป็นไม้ที่
มีหนามตามลำ�ต้น และไม่มีใบ แต่จริงๆ แล้วกระบองเพชรก็มีใบเหมือนต้นไม้
อื่นๆ แต่ต้องปรับตัวกับอากาศที่มีความร้อนสูง จึงทำ�ให้แคคตัสสะสมน้ำ�เอาไว้
ที่ลำ�ต้น จึงเหลือแค่หนามเอาไว้ เพื่อความอยู่รอดในทะเลทรายที่แห้งแล้ง และ เป็นการป้องกันตัวเองจากศัตรูไปในตัวด้วย
แคคตัสสกุล Gymnocalycium แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากว่า 120
ชนิดและอี ก หลายสายพั น ธุ์ ชื่ อ สกุ ล
Gymnocalycium มาจากภาษากรีก หมายถึง ตาเปลือย ( naked bud ) แคคตั ส ในสกุ ล นี้ เ ป็ น สกุ ล ที่ น่ า สนใจ
เพราะมีลักษณะรูปทรงแตกต่างกัน ออกไปและมี ด อกที่ มี สี สั น สวยงาม
ลางชนิ ด อาจมี ข นาดเล็ ก ขนาดเส้ น ผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 7.5 เซนติเมตร
เช่น Gymnocalycium baldianum แต่บางชนิดก็อาจจะมีขนาดใหญ่
มี ข า น ด เ ส้ น ผ่ า ศู น ย์ ก ล า ง ถึ ง
20เซนติ เ มตร เช่ น Gymnoca-
lycium spegazzinii ชนิ ด ที ่ ม ี ต ้ น ขนาดเล็กมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
ส่วนชนิดที่มีขนาดใหญ่มักจะพบ
แคคตัสในสกุล
ขึ้ น อยู่ เ ป็ น ต้ น เดี่ ย วๆสี ข องต้ น มี ตั้ ง แต่
Gymnocalycium มี ถ ิ ่ น
คล้ายหินชนวน ลำ�ต้นเป็นสันประมาณ
ของประเทศอาร์ เ จนติ น า
คาง ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลมหรือ
รุกวัย พบได้ในหลายพื้นที่
เหลือง ในต้นที่มีขนาดเล็กตุ่มหนามจะ
3500 เมตร ในทุ ่ ง หญ้ า
นั ้ น ตุ ่ ม หนามจะอยู ่ ห ่ า งกั น ตุ ่ ม หนาม
ที่มีรูปร่างอ้วน กลม
กระจายแยกออกจากกันแนบกับลำ�ต้น
ทรายตลอดฤดู ร ้ อ น แค
สี เ ขี ย วถึ ง สี น้ำ � ตาลแดงหรื อ เป็ น สี เ ทา
กำ � เนิ ด อยู่ ใ นหลายๆพื้ น ที่
6 – 20 สัน มีลักษณะยื่นออกมาคล้าย
โบลิเวีย ปารากวัย และอุ
รู ป ไข่ ปกคลุ ม ด้ ว ยปุ ย สี ข าวหรื อ สี
ทั้ ง ใน ที่ มี ร ะดั บ ค ว าม สู ง
อยู่ชิดติดกัน ส่วนในต้นที่มีขนาดใหญ่
หิ น ดิ น ทราย ลางชนิ ด
ประกอบไปด้ ว ยหนามข้ า งที่ ล ะเอี ย ด
นั ้ น เคยพบว่าถูกฝังอยู่ใน
มี อ ยู ่ ป ระมาณ 2 – 12 อั น และยาว
คตั ส ในสกุลนี้ลูกเลี้ยงง่าย
ประมาณ 1 – 6 เซนติ เ มตร ส่ ว นหนามกลางจะยาว กว่าหนามข้างเล็ก
แคคตัสสกุล Echinopsis
ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก 2 คำ � คื อ
echinos แปลว่ า เม่ น และ opsis แปลว่ า คล้ า ยรวมหมายถึ ง คล้ า ย
เม่ น มี ถ ิ ่ น กำ � เนิ ด ในทวี ป อเมริ ก าใต้ แถบโบลิ เ วี ย เปรู อาร์เจนตินา บราซิล พบขึ้นตามซอกหินหรือบริเวณที่เป็น ดินปนทราย ระบายน้ำ�ได้ดี เป็นแค คคตัสที่สามารถผสม้ามได้หลาย สกุ ล เช่ น สกุ ล Chamaecereus, Echinocereus, Lobivia, Matucana และ Trichocereus
อิชินอปซิส (Echinopsis)
เป็ น พั น ธุ ์ “กอ” ดอกของต้ น
กระบองเพชรชนิ ด นี้ จ ะเป็ น สี ขาวถ้าอยากจะเห็นดอกของอิ
ชินอปซิสต้องรอเพราะว่าพันธุ์ นี้ จ ะบานสะพรั่ ง สวยงามแค่ ตอนเที่ยงคืน จนถึง 8 โมงเช้า
ลักษณะทั่วไป ต้นทรงกลมแป้น เมื่ออายุมาก
ขึ้นอาจเป็นทรงกระบอก บางชนิ ต เป็ นไม้ ลำ �
สูงพบทั้งเป็นต้นเดี่ยวและแตกกอ ลำ�ต้นเป็น สัน ดอกรูปแตร ก้านยาว บานเพียงวันเดียว มี
หลายสี ส่วนใหญ่ชนิตที่มีดอกสีขาวหรือชมพู อ่อนจะบานตอนกลางคืนและโรยตอนเช้าของ รุ่งขึ้น ส่วนชนิตที่มีสีสดจะบานตอนกลางวัน
แคคตัสสกุล Opuntia
แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากมายกว่า
400 ชนิ ด และอี ก หลากหลายสาย พั น ธุ ์ ชื ่ อ สกุ ล Opuntia มาจากชื ่ อ
เมื อ ง Opuntia ในประเทศกรี ซ แค
คตั ส ในสกุ ล นี้ มี ห ลากหลายลั ก ษณะ มีทั้งต้นเล็ก เป็นทรางกลมต่อๆ กัน
จนถึ ง ชนิ ด ที ่ ม ี ข นาดใหญ่ เป็ น ทรง กระบอกต่อกัน และสูงกว่า 2 เมตร และบางครั้ ง ก็ พ บว่ า มี ลั ก ษณะสู ง
ใหญ่เหมือนไม้ยืนต้นส่วนหนามก็มีทั้ง แบบแข็ง ยาว และ เป็นอันตราย
เช่น Opuntia bigelovii หรือเป็ น
แบบอ่ อ นคล้ า ยการะดาษ เช่ น Opuntia platyacantha ดอกของ
แคคตั ส ใสสกุ ล นี ้ ไ ม่ ม ี ท ่ อ ดอก แต่ ส่วนรังไข่มีขนาดใหญ่ปกคลุมด้วย หนาม ดอกมีหลายสี
เช่น
สีขาว สีเหลือง สีน้ม สีแดง และ สี
ม่ ว งแดง มั ก จะออกดอกดกและ สวยงามมาก ส่วนผลมีลักษณะทรง กลมหรือรูปไข่ เมื่อแก่จะมีสีเหลือง
ถึ ง สี แ ดง ขนาดเส็ น ผ่ า ศู น ย์ ก ลาง ประมาณ 2.5 - 7.5 เซนติเมตร แค
คตัสในสกุลนี้หลายชนิดสามารถผสม ตั ว เองจนเกิ ด ผลและร่ ว งหล่ น จน
งอกเป็นต้นใหม่เองได้เช่น Opuntia fulgida แคครัสสกุลนี้มีถิ่นกำ�เนิด อยู่ ท างตอนเหนื อ สุ ด ของประเทศ แคนาดา
ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา
แม็กซิโก อเมริกากลางตะวันตกของ หมู่เกาะเวสต์อินดีสเกาะกาลาปาโกส
และใต้ สุ ด ของเที ย ราเดลฟิ ว โกในพา ทาโกเนี ย พบได้ ม ากในที ่ ท ี ่ ม ี ร ะดั บ ความสูง 3700 เมตร
แคคตัสสกุล Astrophytum แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด และอีก
หลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Astrophytum มา
จากภาษากรีก แปลว่าพืชดาว ลำ�ต้นอ้วน
กลม หรือเป็นทรงการบอก บางชนิดอาจ
มีความสูงถึง 1 เมตร เช่น Astorphytum ornatum ลำ�ต้นแข็ง บางชนิดจะมีปุยหรือ เกล็ดสีขาวปกคลุมอยู่ บริเวณลำ�ต้น มีสันต้น 5- 9 สัน อาจมีหนามหรือ
ไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ตุ่มหนาม มี ลั ก ษณะเป็ น ปุ ย สี ข าวคล้ า ยสำ � ลี
หนามกลางและหนามข้ า งมี ข นาด ใกล้
เคี ย งกั น จึ ง ไม่ ส ามารถแยกได้ ชั ด เจนนั ก หนามมี ข นาดยาว
ประมาณ3–10 เซนติเมตร แคคตั ส สกุ ล นี้ อ อกดอกเป็ น รู ป
กรวยตรงบริ เ วณตอนกลาง ด้านบนของต้น
สีของดอกส่วนมาก จะอยู่ในโทนสีเหลือง แต่อาจ
จะมีสีอื่นๆผสมอยู่ในดอกเดียวกัน เช่น กลีบอกสี
เหลือง บริเวณโคนกลีบและกลางดอกอาจจะเป็น สีส้มหรือสีแดง เป็นต้น ลักษณะผลเป็นทรงกลม มีขนาด 2.5 เซนติเมตร บางชนิดผลจะมีหนาม
ปกคลุมคล้ายกับต้น เมื่อผลแก่เต็มที่จะแตกออก ทางด้านโคน ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แคคตัส
สกุล Astophytum มีถิ่นกำ�เนิดแถบตอนกลาง ตอนเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศ
เม็กซิโก ยกเว้น Astrophytum asterias
ซึ่ ง มี ถิ่ น กำ � เนิ ด มาจากแถบตะวั น ตกเฉี ย ง ใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา แคคตัสสกุล
นี้สามารถเจริญเติบโตได้ที่ระดับความสูง
กว่า 2100 เมตร และเจริญเติบโตได้หลาย
พื้นที่
แคคตัสสกุล Mammillaria
รอยต่ อ ของเนิ น หนามมั ก จะมี ขนปกคลุมอยู่ หนามก็มีหลายสี
แคคตัสในสกุลนี้มีมากมายกว่า 400 ชนิด
และอีกหลากหลายสายพันธุ์ชื่อสกุลMam-
millariaมาจากภาษาละตินว่า Mammilla
( nipple ) หมายถึง โครงสร้างที่เป็นเนิน หนามขนาดเล็กของพืช ชื่อสกุลนี้ตั้งโดยนัก พฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ E.H. Haworth
แคคตั ส ในสกุ ล นี้ มี รู ป ทรงแตกต่ า งกั น ออก ไปมากมาย มีทั้งที่เป็นทรงกลมแป้นและทรง กระบอก อาจจะขึ ้ น เป็ น ต้ น เดี ่ ย วๆ หรื อ เป็ น กลุ ่ ม
ในแต่ ล ะกลุ ่ ม ก็ จ ะ
ประกอบด้วยหัวที่มีรูปร่างและขนาด
แตกต่างกันออกไป ใน 1 หัวจะประกอบ ไ ป ด้ ว ย เ นิ น
หนาม ซึ่ง
ระหว่ า ง
หลายขนาด ลักษณะเป็นขนแข็ง หรือตะขอ
ดอกมีลักษณะเป็นทรงระฆังหรือทรงกรวย มีขนาดเล็ก ผลิตเป็นวงตรงยอดต้น และ มักจะมีท่อดอกสั้น ยกเว้นเพียงไม่กี่ชนิด
ที่จะมีท่อดอกขนาดยาวเช่น Mammillaria saboae fa. Haudenan ส่วนผลมีขนาด
ค่อนข้างเล็กเป็นรูปไข่ยื่นยาวและเรียวเล็ก ผิวเกลี้ยงเรียบ มีหลายสี เช่น สีเขียว สีชมพู
หรื อ สี แ ดงเมื่ อ แก่ เ ต็ ม ที่ แ ล้ ว แคคตั ส สกุ ล Mammillaria มี ถ ิ ่ น กำ � เนิ ด อยุ ่ ใ นประเทศ เม็ ก ซิ โ กแต่ บ างชนิ ด ก็ อ าจจะพบได้ ใ นแถบ
ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา
แถบตะวันตกของหมู่เกราะเวสต์อินดีส และ
แถบอเมริกาใต้ แคคตัสในสกุลนี้ส ามารถ
ปลูกเลี้ยงและออกดอกได้ง่ายในดินที่มีการ ระบายน้ำ�ดี
แคคตัสสกุล Melocactus
ลำ�ต้นสูงประมาณ 10 – 20
ชนิด ชื่อสกุล Melecactus มาจากภาษา
ไข่ ข นาด 2.5 เซนติ เ มตร
ทรงของต้ น ที่ เ ป็ น ทรงกลมแป้ น หรื อ ทรง
ลักษณะโค้งงอ
เซนติเมตร ลำ�ต้นมีลักษณะ ตั ้ ง ตรง เป็ น สั น ประมาณ
แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากมายกว่า 60
9 – 20 สั น มี ต ุ ่ ม หนามรู ป
กรีกว่า Melos ( Melon ) หมายถึง รูป
ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มี
การะบอก มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรือ ชึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อต้นเจริญ เติบโตเต็มที่จนถึงระยะผลิตดอก ออกผลจะเกิดปุยนุ่มที่เรียกว่า cephalium ที ่ บ ริ เ วณ ยอดของต้ น ซึ ่ ง ดอก
แ ล ะ ผ ล ก็ จ ะ เ กิ ด ขึ้ น ใ น
บริเวณนี้ด้วย แคคตัสใน สกุลนี้มีลำ�ต้น
แนบขนานไปกับนำ�ต้น ประมาณ 8 – 15 อัน แต่ละอันยาว
ประมาณ 1.25 7.5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางยื่นตรงออกมา จากลำ�ต้น มีอยู่ประมาณ 1 – 5 อัน และยาว 2 – 9 เซนติเมตร ทั ้ ง หนามกลางและหนามข้ า งแข็ ง แรงมาก ยกเว้ น ชนิ ด ที ่ มี ห นามสั ้ น ซึ ่ ง หนามมั ก อ่ อ นและละเอี ย ด สี ห นามมี ห ลาย
สี เช่น สีขาว น้ำ�ตาลออกแดงเข้ม และดำ� บริเวณ cepha-
lium ประกอบด้วยขนสีขาวหรือสีอื่นๆ และอาจมีหนามแข็ง สีต่างๆ ได้ด้วยดอกมีสีออกโทนม่วงแดง มักออกเป็นวงและ ฝั่งจมอยู่ใน cephalium มีขนาดยาวประมาณ 1.25 – 3.75
เซนติเมตร โดยความยาวของดอกซ่อนอยู่ใน cephalium ผล มีลักษณะยาวเป็นทรงไม่พลอง ยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร
เมื่อแก่จะมีสีชมพูถึงสีแดงแจ่มจ้า แคคตัสสกุล Melocactus
พบมากที่สุดในบริเวณตอนใต้ของหมุ่เกาะเวสต์อินดีส ทาง ตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก