ธรรมกายหมายเลข ๑
เผยประวัติเหลําบรรดาลูกศิษย๑ผู๎ทรงฤทธิ์อภิญญาที่หาญกล๎าปราบมาร ของ “ หลวงพํอสดวัดปากน้ําภาษีเจริญ ” กับเรื่องราวอภินิหารสุดอัศจรรย๑
อ.การุณย๑ บุญมานุช แมํชีปุก มุ๎ยประเสริฐ แมํชีญาณี ศิริโวหาร
ครูฉลวย สมบัติสุข
ครูตรีธา เนียมขํา
โดย....บรรพชา บุณยรัตพันธุ๑
แมํชีถนอม อาสไวย๑ แมํชีทองสุก สําแดงปั้น
คานา ในแวดวง “ธรรมกาย “ นั้นมีเรื่องราวมากมายสารพันล๎วนแล๎วแตํสําคัญทั้งสิ้น เรียนรู๎ เทําไรก็ไมํมีวันหมดครับไมํวําจะเป็นภาคทฤษฏีสูํวิถีปฏิบัติ ขึ้นชื่อวํา “วิชชาธรรมกาย ” แล๎วไมํมี อะไรงํายครับ พญามารเขาขวางนักขวางหนาไมํให๎เราบรรลุผลสําเร็จ หน๎าที่ของเขาคือการสอด ละเอียดให๎ลํมสลายอยูํร่ําไป และกระทําทุกวิถีทางให๎วิชชาธรรมกายนี้ดับสูญ รวมถึงการสกัดกั้น มรรคผลนิพพาน , การทําให๎เราหลงผิดหรือหลงตัวเอง เขาจะกํากับทางเดินของเราอยูํเบื้องหลัง โดยที่เราไมํรู๎ตัวเลย วิธีที่มารเขาทํานั้นก็คือการปิดรู๎บังญาณ , หลอกรู๎ลวงญาณ , พารู๎พาญาณแล๎ว ก็บังคับรู๎บังคับญาณสุดท๎ายก็จูงรู๎จูงญาณของเราไปตามความปรารถนาของเขา ให๎เรามีความรู๎ ความเข๎าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และหลุดออกไปจากธรรมภาคขาวได๎ในที่สุด บุคคล ตํางๆ ที่ได๎นํามาเสนอในหนังสือเลํมนี้หาเป็นเชํนนั้นไมํครับ เพราะทํานเป็นศิษย๑คนสําคัญชั้นหัว กะทิแถวหน๎าของหลวงพํอสดวัดปากน้ําภาษีเจริญ ที่ทรงฤทธิ์อภิญญาเกํงกาจสามารถทําวิชา ปราบมารได๎ เป็นขุนพลกล๎าแหํงกองทัพธรรมที่รํวมเป็นรํวมตายเคียงบําเคียงไหลํไปกับทําน ประดุจเป็น “ ธรรมกายหมายเลขหนึ่ง ” ผู๎เปี่ยมล๎นบารมีที่เราทํานทั้งหลาย นําจะศึกษาเรียนรู๎ ปฏิปทาของทํานกันไว๎เป็นแบบอยํางในการก๎าวยํางสูํหนทางแหํงอารยะชนผู๎พ๎นทุกข๑พบสุขที่ แท๎จริง รวมถึงความลับที่ถูกปกปิดมานานจนหลวงพํอสดทํานนํามาเปิดเผย เหลําบรรดาคณะ ศิษย๑ได๎จดบันทึกเรียบเรียงแล๎วนํามาเผยแพรํตํอจนกลายมาเป็นมรดกธรรมอันล้ําคําตกทอดมาถึง อนุชนรุํนหลังจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ พวกเรานับวําโชคดีมีวาสนาบารมีธรรมไมํน๎อยที่ได๎มา สัมผัสกับธรรมะละเอียดลึกซึ้งที่ทรงคุณคํายิ่งนี้ ดังคําที่หลวงพํอทํานกลําวไว๎เป็นปริศนาวํา “ เกิด มาวําจะมาหาแก๎ว พบแล๎วไมํกําจะเกิดมาทําอะไร ” ใชํครับจะเกิดมาทําอะไร ถ๎าไมํหาสาระแกํน สารใด ๆ ให๎กับชีวิตตนเอง
รวมถึงการสร๎างบารมีที่เรานี้อาจมองข๎ามไปได๎อยํางไมํนําเชื่อ บรรพชา บุณยรัตพันธุ๑
สารบัญ 1.
ธรรมกายสายประวัติศาสตร๑
5
– ธรรมกายในศิลาจารึก
8
2.
ราชโอรสรัชกาลที่ 4 ทรงนิพนธ๑เรื่อง “ ธรรมกาย ”
11
3.
ธรรมกายในความหมายของหลวงพํอสดวัดปากน้ํา
13
4.
หลวงพํอสดไมํเคยเลิกฝึกวิชชาธรรมกาย
15
5.
ธรรมกายหมายเลข ๑ (ศิษย๑เอกคนสําคัญ )
17
- แมํชีอาจารย๑ปุก
มุ๎ยประเสริฐ
18
- แมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร
22
- แมํชีอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุข
25
- แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑
26
- แมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปั้น
40
- แมํชีอาจารย๑ละมัย
49
- อาจารย๑ตรีธา
ชูวงศ๑วุฒิ เนียมขํา
50
- อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช
57
6.
หลวงพํอในความทรงจําของคณะศิษย๑
72
7.
เรื่องแปลกมหัศจรรย๑สมัยหลวงพํอสดวัดปากน้ํา
95
8.
เรื่องเดํนประเด็นลับ
96
- ธาตุธรรม 3 ฝ่าย (จากการบันทึกของพระครูวินัยธรหรือหลวงปู่ชั้ว โอภาโส ) 96
9.
- ปริศนาแหํงดวงแก๎ว
112
- องค๑ความรู๎เรื่อง “แก๎วกายสิทธิ์-แก๎วจักรพรรดิ”
115
- นัยสําคัญของจักรพรรดิ – กายสิทธิ์
117
- สิทธิและอํานาจ
121
- การแสวงหาสิทธิในทางธรรม
121
ธรรมสากัจฉา ( การสนทนาในทางธรรม ) ที่นําสนใจ
123
- การเผยแพรํธรรมของหลวงพํอวัดปากน้ํา
123
- การเรียนวิชชาธรรมกายและการเผยแพรํธรรมของอาจารย๑การุณย๑
124
- ความรู๎วิชชาธรรมกายจากแมํชีถนอม อาสไวย๑
125
- ขี่หลังเสือ
127
- กรรมฐานมาร
128
- หลักอริยมรรค 8
128
- การทรงเจ๎าเข๎าผี
129
- ทางอบาย 3 อยําง
130
- เสนํห๑ยาแฝด
130
- ความรู๎วิชชาธรรมกาย
131
- การตรวจสอบญาณทัสสนะ
131
- ถือศีล / กินเจ
131
- ขํายรู๎ / ขํายญาณ
131
- การปราบมาร
132
- ผลงานทางวิชชาธรรมกาย
132
- เรื่องของกายธรรม
132
- คําชี้แจงเรื่อง “ หลวงพํอวัดปากน้ําไมํได๎อยูํสวรรค๑ชั้นดุสิต ”
133
- การเห็นที่ตรงกัน
134
- อานาปานัสสติ / วิชชาธรรมกาย
135
- เรื่องของแผํนฌาน
136
- สิ่งที่ต๎องเรียนรู๎และจดจําไว๎
137
ธรรมกายสายประวัติศาสตร๑ ถ๎าเอํยถึงคําวํา “ วิชชาธรรมกาย ” แนํนอนครับผู๎คนทั้งหลายก็ต๎องนึกถึง “ หลวงพํอ สดวัดปากน้ํา ” กํอนเป็นอันดับแรก และเมื่อใดก็ตามที่มีการสนทนากันถึงหลวงพํอสดกับการ บรรลุธรรมและอภินิหารของทําน ก็ต๎องหนีไมํพ๎นเรื่องของวิชชาธรรมกาย ประดุจเป็นเรื่อง เดียวกันที่แยกกันไมํออกครับ และจุดเริ่มต๎นของวิชชานี้ยกเว๎นองค๑พระสัมมาสัมพุทธเจ๎าที่เป็น เจ๎าของวิชชาแล๎วทุกคนตํางจับจ๎องมองมาที่หลวงพํอสดกันทั้งสิ้นในฐานะเป็นผู๎ค๎นพบวิชชา ธรรมกายที่สูญหายมานานนับพันปี แตํแท๎ที่จริงแล๎วชํวงรอยตํอตั้งแตํหลังพระพุทธองค๑ ดับ ขันธปรินิพพานไปได๎ไมํนาน ( ประมาณ 500 ปี ) จนมาถึงหลวงพํอสดวัดปากน้ํานั้นก็มีหลักฐาน จารึกไว๎ในที่ตําง ๆ อยูํเหมือนกันครับ โอกาสนี้เราจะมาสืบค๎นรํอยรอยทางประวัติศาสตร๑ถึงที่มา ของวิชชาธรรมกายกันวําเป็นอยํางไรผมขออนุญาตนําข๎อมูลของคุณ “สมถะ” (ผู๎เชี่ยวชาญวิชชา ธรรมกายคนหนึ่ง) จากเว็บไซด๑ www.kyadham.org
ที่ได๎เรียบเรียงเรื่องราวอันนี้ไว๎ได๎อยํางดี
เยี่ยม ซึ่งมีใจความนําสนใจดังนี้ครับวํา “ เมื่อ 70ปี ที่แล๎ว ภายหลังที่หลวงพํอวัดปากน้ําค๎นพบ วิชชาธรรมกายแล๎วเริ่มเผยแพรํวิชชานี้สูํประชาชน ก็ถูกวิพากษ๑วิจารณ๑ตําง ๆ นานา บ๎างก็ติวํา หลวงพํอวัดปากน้ํานึกเอง บ๎างก็วําทํานอวดอุตริมนุษยธรรม บ๎างก็วําเป็นความเห็นที่งมงาย แม๎ กระนั้นถึงจะถูกกลําวโจมตีอยํางหนักก็ตาม สิ่งซึ่งนําประหลาดอยูํอยํางหนึ่งในการเทศนาของ หลวงพํอ วัดปากน้ําตลอดมาก็คือ ทํานไมํเคยเปลี่ยนจุดยืนที่วํา ธรรมกายนั้นมีจริงไมํใชํของใหมํ หากแตํเป็นของดั้งเดิมของบรรพบุรุษชาวพุทธ หลวงพํอวัดปากน้ําได๎ค๎นพบวําการทําสมาธิตาม แนววิชชานี้ครั้งหนึ่งเคยมีปรากฏอยูํในโลกนี้ แตํได๎สูญหายไปเมื่อพุทธศาสนาอายุได๎ราว 500 ปี หลังจากนั้นก็ไมํเคยมีใครเข๎าถึงธรรมกายอีกเลย คํากลําวของทํานทําให๎พระอาจารย๑หลาย ๆ ทําน กลําวเพํงโทษหลวงพํอวัดปากน้ํา ธรรมอะไรที่เป็นดวงได๎ ? ทําไมศีลเป็นดวงได๎ ? สมาธิเป็นดวง ได๎ ? ปัญญาเป็นดวงได๎ ? ที่ไหนมีอยํางนั้นบ๎าง ธรรมะก็คือคําสอนของพระพุทธเจ๎าเทํานั้น แล๎วโจมตีหลวงพํอวัดปากน้ําในประเด็นตําง ๆ มากมาย การศึกษาธรรมะในเมืองไทยเรายังแคบ อยูํ พวกเราพากันเชื่อวําวําพระไตรปิฎกที่มีอยูํจํานวน
45 เลํม และก็ถือวําธรรมะของพระ
สัมมาสัมพุทธเจ๎ามีอยูํเทํานี้ไมํมีนอกจากนี้
โดยที่เราไมํเคยไปศึกษาดูประวัติการสังคายนา
พระไตรปิฎก กํอนที่จะมีมาถึงปัจจุบันนั้นในแตํละครั้งละหนมีปัญหามากมาย แม๎คนภายนอก ทั่วไปก็ไมํอาจทราบวําการสังคายนาของไทยเราเองแตํละครั้งมีระเบียบที่รัดกุมหรือไมํ แล๎วเราก็ ไปยึดถือตําราจนสุดโตํง พุทธศาสนาแตํละนิกายนั้นจะมีความเชื่อเหมือนกันอยูํอยํางหนึ่งคือ เชื่อวํานิกายของตนนั้นถูกต๎องที่สุด ธรรมในนิกายของตนนั้นประเสริฐที่สุดเครํงครัดที่สุด ไมํมี นิกายใดดีกวําของตนอีกแล๎ว ขอย๎อนดูพระไตรปิฎกของเราสักนิดหนึ่งวําในพระไตรปิฎกของเรา นั้นไมํมีตรงไหน ตอนไหน ตอนใด ตอนหนึ่งเลยที่พระพุทธเจ๎าทรงบอกวํา คําสั่งสอนของ พระองค๑นั้นมีอยูํเพียงเทํานี้ นอกจากนี้ไปแล๎วไมํมี พระองค๑ไมํเคยบอกเลยวําที่เทศน๑ครั้งนี้ สําหรับคัมภีร๑ของนิกายเถรวาทหมวดนั้นหมวดนี้ หรือของมหายานนิกายนั้นนิกายนี้ ชื่อสูตรนั้น สูตรนี้ คําสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ๎านั้นพระองค๑ทํานให๎หลักไว๎มากมายแตํหลักสําคัญคือ “ มหาปเทส 4 ” กํอนที่จะเลําเรื่องวิชชาธรรมกายนั้นจะขอกลําวถึงการแบํงนิกายกํอน การแบํง นิกายนั้นเป็นการที่พระ 2 กลุํม แบํงกันเองโดยถือเอาเงื่อนไขวํา “ ข๎าเครํงกวําเอ็ง ” เชํน พระกลุํม หนึ่งอาจจะบอกวําโกนคิ้วดี โกนคิ้วถูก อีกกลุํมวําไมํโกนคิ้วถึงจะถูก อีกกลุํมหนึ่งอาจจะบอกวํา หํมผ๎าหมุนซ๎ายถูกต๎อง หํมผ๎าหมุนขวาไมํถูก หรือวําทะเลาะกันเรื่องสีของจีวรวําสีของจีวรอันนี้ ดีกวําอันนั้น อันนั้นเครํงกวําอันนี้ อันนั้นถูกอันนี้ไมํถูก การทะเลาะกันในเรื่องของสิกขาบท เล็กน๎อยเหลํานี้แหละเป็นจุดเริ่มต๎นของการแบํงนิกาย แตํถ๎าคํานึงถึงประโยชน๑สํวนรวมก็จะไมํมี การแบํงแยก เมื่อใดที่พระภิกษุกลุํมหนึ่งบอกวําข๎าเครํงกวําเอ็งแล๎วก็แยกไมํยอมลงโบสถ๑ ไมํยอม ทําสังฆกรรมรํวมกันปรากฏอยํางนั้นเรียกวําการแบํงนิกายได๎พบวําพุทธศาสนาเกือบทุกนิกาย บันทึกตรงกันวําหลังจากพุทธปรินิพพานแล๎ว 3 เดือน มีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 1 ที่ กรุงราชคฤห๑ หลังจากนั้นอีกประมาณ 100 ปี ซึ่งก็เป็นเพียงตัวเลขกะครําว ๆ มีการสังคายนา ครั้งที่ 2 สําหรับเถรวาทเราก็มีการสังคายนาครั้งที่ 3 โดยมีพระเจ๎าอโศกทรงเป็นผู๎สนับสนุนในการ ทําสังคายนาที่กรุงเวสาลี
เป็นที่นําประหลาดใจวําในพุทธศาสนานิกายอื่นนั้นไมํมีเรื่องการทํา
สังคายนาครั้งที่ 3 เลย แตํมีการทําสังคายนาอีกครั้งหนึ่งในแคว๎นแคชเมียร๑ซึ่งอยูํทางตะวันตก
เฉียงเหนือของอินเดีย ผู๎สนับสนุนการทําสังคายนาครั้งนั้นก็คือพระเจ๎ากนิษกะ เมื่อประมาณ 2,000 กวําปีมาแล๎ว กํอนที่จะมีปรัชญามหายานเกิดขึ้น มีพุทธศาสนานิกายหนึ่งซึ่งเกําแกํมาก ปัจจุบันสูญหายไปแล๎ว พุทธศาสนานิกายนี้เรียกตัวเองวําสรฺวาสติวาท( สันสกฤต ) หรือ สพฺพตฺถิ กวาท ( บาลี ) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งวํา ไวภาษิกซึ่งเป็นนิกายยํอยของเถรวาท มีหลักฐานวําเป็น ผู๎เขียนคัมภีร๑พระอภิธรรมปิฎกชุดแรกไว๎ ตามตํานานของสรฺวาสติวาทกลําวไว๎วําในการสังคายนา พระไตรปิฎกของพระเจ๎ากนิษกะที่แคชเมียร๑ ( อยูํในประเทศปากีสถาน ) นั้น พระภิกษุสงฆ๑จาก นิกายตํางๆ
หลายร๎อยรูปทั้งจากแคว๎นอินเดียตอนเหนือและตอนใต๎ได๎รํวมกันสังคายนา
พระไตรปิฎกในครั้งนี้โดยบันทึกเป็นภาษาสันสกฤตนําเสียดายวําตํอมาพระไตรปิฎกที่เกิดขึ้นจาก การสังคายนาครั้งนั้นสูญหายไปเกือบหมดมีเหลืออยูํบ๎างในภาษาจีนซึ่งพระภิกษุชาวจีนที่เข๎ารํวม การสังคายนาครั้งนั้นได๎นํามาแปลเป็นภาษาจีนอยูํมากมาย เมื่อประมาณ
60 ปีกํอนได๎มีการ
ค๎นพบหลักฐานชิ้นสําคัญที่ภูเขากิลกิตในประเทศปากีสถานเป็นภูเขาที่รกร๎าง บนเขามีสถูปเกําแกํ ที่ชํารุดแตกออก ภายในสถูปมีคัมภีร๑เกําแกํอยูํหลายเลํม มีอยูํเลํมหนึ่งเป็นเลํมแรกของคัมภีร๑พระ อภิธรรมปิฎกของสรฺวาสติวาทคัมภีร๑เลํมนี้ชื่อวํา ธรฺมสกนฺธะ ซึ่งบันทึกด๎วยภาษาสันสกฤต พระ อภิธรรมในคัมภีร๑นี้ถึงแม๎วําจะไมํครบความแตํก็สรุปได๎วํา คําวํา “ธรรมะ” ในสมัยนั้นมีลักษณะ ที่เหมือนกับการค๎นพบของหลวงพํอวัดปากน้ําทุกประการคือ ธรรมะเป็นของที่เกือบจะเป็นเนื้อ เป็นหนังเป็นกลุํมก๎อนที่จับต๎องได๎ ยิ่งกวํานั้นพวกไวภาษิกก็มีความเชื่อวํา ธรรฺมกาย นั้น คือพระ พุทธองค๑ตัวจริง พระพุทธเจ๎าตัวจริงเป็นกายประกอบด๎วยธาตุอันบริสุทธิ์เป็นกลุํมก๎อนของธาตุ อันบริสุทธิ์ รูปก็ดี เวทนาก็ดี สัญญา สังขาร และวิญญาณของธรรมกายนั้นประกอบขึ้นด๎วย ธาตุอันบริสุทธิ์ไมํมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเจือปน นอกจากนั้นก็ยังมีความเชื่ออีกวํา พระพุทธเจ๎ามีอยูํ
2
กาย อันที่หนึ่งคือรูปกายหรือกายเนื้ออยํางหนึ่ง อีกอันหนึ่งคือธรรมกายในพระไตรปิฎกของจีนก็ มีการกลําวถึงธรรมกาย มีบางสํวนตรงกันกับพระสูตรของทิเบตสูตรหนึ่งคือ ตถาคตครฺภะสูตร มีความตอนหนึ่งวํา
“ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ๎าทรงตรวจดูสัตว๑โลกด๎วยทิพยจักษุทรงเห็นวํา
สรรพสัตว๑ทั้งหลาย แม๎วําจะถูกครอบงําด๎วยกิเลสราคะ โทสะ โมหะ แตํก็มีพุทธปัญญา พุทธ
จักขุ และพุทธกายนั่งขัดสมาธิบัลลังก๑มั่นคงภายใน เพราะเหตุนั้นสัตว๑ทั้งหลายแม๎จะมีกิเลส ครอบงําอยูํยังต๎องเวียนวํายในคติตําง ๆ สัตว๑ทั้งหลายเหลํานั้นก็มีสาระแหํงความเป็นตถาคตอยูํ บริสุทธิ์บริบูรณ๑ด๎วยคุณธรรมไมํแตกตํางไปจากเราตถาคตเลย เมื่อทรงทราบดังนี้แล๎วพระตถาคต เจ๎าจึงประกาศธรรมะเพื่อกําจัดเสียซึ่งกิเลส
และยังพุทธภาวะภายในนั้นให๎ประจักษ๑ตํอสัตว๑
ทั้งหลาย ” คําวํา ตถาคตครฺภะ เป็นคําซึ่งไมํมีในคัมภีร๑บาลีของเรา คําวํา “ ตถาคตะ ” ก็มาจาก คําวํา ตถาคต หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ๎า สํวนคําวํา “ครฺภ” เป็นคําสันสกฤตในบาลีตรงกับ คําวํา “ คภฺพ ” ซึ่งมีความหมายได๎วําเป็นครรภ๑ ครรภ๑มารดาก็ได๎ หรือแปลวําตัวอํอนที่อยูํใน ครรภ๑ก็ได๎ ถ๎าแปลเป็นภาษาไทยให๎ถูกต๎องก็แปลวําหนํอเนื้อพุทธางกูร หรือเป็นภาษาอังกฤษ เรียกวํา Buddha Nature หรือ Buddha Essense หรือ Buddha Embryo ทั้ง 3 ความหมาย นั้นตรงกันกับของวิชชาธรรมกายแล๎วก็ยังมีความหมายอธิบายขยายความตํอไปอีกวํา ตถาคตครฺ ภะ อีกนัยหนึ่งก็คือธรรมกายนั่นเอง
ยังมีคัมภีร๑ของมหายานอีกเลํมหนึ่งชื่อวํา คัมภีร๑ศรีมาลา
เทวี สีหนาทสูตร สูตรนี้เป็นพระสูตรที่เกําแกํเชื่อกันวําเป็นของมหาสังฆิกะ มหาสังฆิกะนั้นเป็น สงฆ๑หมูํใหญํในอินเดีย กํอนการเกิดขึ้นของปรัชญามหายาน ขอเรียนให๎ทราบอยํางหนึ่งวํา ประวัติพุทธศาสนาที่สอนกันในประเทศไทยที่บอกวํามหาสังฆิกะนั้นอีกนัยหนึ่งก็คือมหายาน นั่นเอง หรือระบุวํามหาสังฆิกะเป็นสาเหตุของการเกิดขึ้นของมหายาน ความจริงแล๎วไมํได๎เป็น เชํนนั้นเลย มหาสังฆิกะแปลวํา สงฆ๑หมูํใหญํ ซึ่งหมายถึง สงฆ๑ทั่วไปในแคว๎นอินเดียตอนเหนือ สงฆ๑กลุํมนี้ไมํมีความเลื่อมใสมหายานเลย มหายานไมํใชํนิกายใหมํเป็นเพียงปรัชญาหนึ่งที่ได๎รับ ความเชื่อถืออยํางกว๎างขวางจนครอบคลุมพุทธศาสนานิกายตําง ๆ ทั่วประเทศอินเดียตอนเหนือ ขณะที่ปรัชญามหายานทรงอิทธิพลมากขึ้นนี้คัมภีร๑ของมหาสังฆิกะก็ถูกเปลี่ยน ถูกนําเข๎ามาอยูํใน รํมไม๎ชายคาของมหายานในคัมภีร๑ศรีมาลาเทวี สีหนาทสูตร เลํมนี้ก็เชํนเดียวกัน ในตอนหนึ่งมี ใจความวํา “ บุคคลใดไมํมีความสงสัยวําตถาคตเจ๎าได๎หลุดพ๎นจากกิเลสทั้งปวงแล๎วและธรรมกาย นั้นยํอมไมํมีการเกิด,ไมํมีการแกํ,ไมํมีการเจ็บ,ไมํมีการตายคงที่แนํนอนสงบตลอดกาลบริสุทธิ์ บริบูรณ๑ปราศจากกิเลสเครื่องเศร๎าหมองทั้งปวงถึงพร๎อมด๎วยพุทธคุณทั้งปวง จะนับจะประมาณ
มิได๎ ประหนึ่งเม็ดทรายในท๎องพระแมํคงคาฉะนั้น สมบูรณ๑ไปด๎วยวิมุตติญาณทัสสนะแตํไมํ ปรากฏตํอสายตาของคนทั้งปวงธรรมกายของพระตถาคตเจ๎า เมื่อยังไมํพ๎นจากกิเลสยํอมถูก กลําวถึงในนามของตถาคตครฺภะ ” อีกตอนหนึ่งในคัมภีร๑เดียวกันนี้เองกลําววํา “ ธรรมกายนั้น ยํอมเที่ยงแท๎แนํนอนที่สุด เป็นสุขล๎วน ๆ เป็นตัวตนคือ เป็นอัตตาที่แท๎จริงบริสุทธิ์ที่สุด ผู๎ใดได๎ เห็นธรรมกายของตถาคตในลักษณะนี้แล๎วยํอมถือวําเห็นถูก ” นี่ก็เป็นคําสอนในคัมภีร๑มหายาน สํวนหนึ่งซึ่งอธิบายเกี่ยวกับเรื่องธรรมกายไว๎อยํางมากมาย และเป็นคัมภีร๑สํวนหนึ่ง
ธรรมกายในความหมายของหลวงพํอสดวัดปากน้ํา ธรรมกายในความหมายของหลวงพํอสดวัดปากน้ํานั้น ทํานได๎บอกเอาไว๎อยํางนี้ครับวํา “ พระพุทธเจ๎าก็คือธรรมกาย หรือธรรมกายก็คือพระตถาคตเจ๎านั่นเอง ” แตํก็มีความหมายอีก หลายอยํางหรือหลายนัยซึ่งหลวงพํอวัดปากน้ําพูดถึงเทําที่ค๎นพบมีดังนี้ครับ 1.ธรรมกายเป็นกายในกายที่สุดละเอียดของมนุษย๑หรือสัตว๑โลกทั้งหลายอันประมวลความบริสุทธิ์ 3 ประการเข๎าไว๎คือ กายและหัวใจเป็นเนื้อหนังที่แท๎จริงรวบยอดกลั่นออกมาจากพระวินัยปิฎก เป็นปฐมมรรค ดวงจิตเป็นเนื้อหนังที่แท๎จริงรวบยอดกลั่นออกมาจากพระสุตตันตปิฎกเป็นมรรค จิตดวงปัญญาเป็นเนื้อหนังที่แท๎จริงรวบยอดกลั่นออกมาจากพระอภิธรรมหรือปรมัตถปิฎกเป็น มรรคปัญญา 2.ธรรมกาย เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ๎าเป็นต๎นตรัสรู๎หรือพระอรหันต๑บรรลุถึง ดูจากข๎อความวํา ความอุบัติเป็น “ เดํน ” ขึ้นของ “ ธรรมกาย ” ในแตํละสัตว๑โลก เป็นเรื่องที่สัตว๑โลกมีได๎ด๎วยยาก แตํก็มิใชํจะเหลือวิสัยที่สัตว๑โลกจะทําได๎ เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ๎าก็ดี พระปัจเจกพุทธ เจ๎าก็ดี หรือพระอรหันต๑ทั้งหลายก็ดี กํอนจะตรัสรู๎ ได๎บรรลุพระอรหัตผลหรือพระสัมมาสัมโพธิ ญาณด๎วย “ พระธรรมกาย ” นั้น การเกิดขึ้นดังกลําวเป็นการเกิดขึ้นของธรรมกาย หลังจากการ
เกิดขึ้นของรูปกายดังกลําวคําวํา “ความอุบัติขึ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ๎า ด๎วยรูปกาย อุบัติและธรรมกายอุบัติ ” พระนิพนธ๑ของสมเด็จพระสังฆราชปุสฺสเทว ชําระโดยสมเด็จพระมหา สมณ-เจ๎ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสวํา “ แม๎พระองค๑พระตถาคตอังคีรสศักยมุนีโคดมสัมพุทธ เจ๎านี้ ซึ่งมีความปรากฏในโลกอันสัตว๑ได๎ด๎วยยากดังนี้พระองค๑ก็ได๎อุบัติขึ้นแล๎วในโลก ด๎วยรูป กายอุบัติและธรรมกายอุบัติทั้ง 2 ประการ พร๎อมด๎วยอัจฉริยะอัพภูตธรรมดาธรรมชาตินิยมโดย พุทธธรรมดานี้เป็นเอกสารหลักฐานซึ่งแสดงถึงความอุบัติขึ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ๎าใน ฐานะรูปกายอุบัติและธรรมกายอุบัติและเฉพาะ“ธรรมกาย” อุบัตินั้นก็คือเมื่อ“ ตรัสรู๎ ” พระ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งครอบคลุมถึงความตรัสรู๎ในพระอริยสัจทั้ง 4 เชํนเดียวกับ
พระ
อรหันต๑ทั้งหลายอีกด๎วย 3.ธรรมกาย เป็นพระนามหนึ่งของพระตถาคตหรือพระพุทธเจ๎า หลวงพํอวัดปากน้ําได๎อธิบายวํา ธรรมกายนี้ก็คือ พระตถาคตเจ๎าและวําพระพุทธเจ๎าก็คือตัวธรรมกาย ถึงธรรมกายก็เหมือนถึง พระธรรมเจ๎า และเป็นกายธรรมเรียกวํา พระพุทธเจ๎า อัคคัญญสูตรพระไตรปิฎกเลํมที่ 11 วําเรา ตถาคตคือ ธรรมกาย ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ พระตถาคตเจ๎าคือ ธรรมกาย ชื่อธรรมกายมีคํา รับรองวํา “ ดูกํอนวาเสฏฐโคตรทั้งหลาย คําวํา ธรรมกาย เป็นตถาคตโดยแท๎ ” นอกจากนั้นมี การอธิบายโดยได๎อ๎างถึงเรื่อง วักกลิสูตร ดังที่กลําวในบทวําด๎วยพระไตรปิฎกและขยายคําวํา “ ผู๎ใดเป็นธรรม ” หมายถึงธรรมที่ทําให๎เป็นพระพุทธเจ๎าคือ “ ธรรมกาย ” 4.ธรรมกาย เป็น “ อสังขตธาตุ อสังขตธรรม” อันผู๎มีปัญญาพึงปฏิบัติให๎เข๎าถึงพึงรู๎เห็น และเป็น ตามรอยบาทพระพุทธองค๑ ธรรมกายเป็นธรรมซึ่งแปลวํา “ ทรง ” เมื่อเพํงตามอาการแล๎วก็มีทรง อยูํ 2 อยํางคือ ทรงอยูํอยํางนั้นไมํแปรผันเปลี่ยนแปลงเป็นอยํางอื่นซึ่งเรียกวํา อสังขตธรรม ธรรมที่ไมํมีปัจจัยปรุงแตํงหรืออมตะธรรม ธรรมที่ไมํตายอยํางหนึ่ง คําวํา “ ธรรมกาย” ในที่นี้ เข๎าใจวําหมายเอาอสังขตธรรมหรือ อมตะธรรมที่เป็นสํวนโลกุตรธาตุหรือโลกุตรธรรมไมํใชํโลกิย ธาตุหรือโลกิยธรรม
5.ธรรมกาย หมายถึงสิ่งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ๎า , พระปัจเจกพุทธเจ๎า , พระอรหันต ขีณาสพทั้งหลายเป็นเพราะทํานเป็น “ ธรรมกาย ” ด๎วยกันทั้งนั้น 6.ธรรมกาย เป็นชื่อของกายหนึ่งในกาย 18 กาย คือคําสอนของหลวงพํอวัดปากน้ําได๎แบํงกาย ออกเป็น 18 กาย เมื่อพ๎นจากกายโลกิยะ ( 8 กายข๎างต๎น ) แล๎วก็จะถึงกายธรรมหรือ “ ธรรมกาย ” เป็นกายที่ 9 – 10 ตั้งแตํกายที่ 9 – 10 ไปเป็นกายโลกุตระซึ่งจะมีกายในกายตํอไปจนสุดละเอียด และในแตํละกายสุดหยาบสุดละเอียดนี้ยังเป็นที่ตั้งของธาตุธรรมเห็นจําคิดรู๎ ขยายสํวนหยาบ เจริญเติบโตออกมาเป็นกาย ใจ , จิต ,วิญญาณ ( กรณีกายโลกิยะ ) หรือ ญาณะ ( กรณีกายธรรม ) ของแตํละกายที่ซ๎อนกันอยูํเป็นชั้น ๆ สุดกายหยาบและกายละเอียดนั้นเองด๎วย และยังมีกายภาคผู๎ เลี้ยง ( จักรพรรดิ ) , ภาคผู๎สอด ( วิชชาหรืออวิชชา แล๎วแตํกรณีวําเป็นธาตุธรรมฝ่ายพระหรือ ฝ่ายมาร ) , ภาคผู๎สํง , ภาคผู๎สั่ง , ภาคผู๎บังคับ , ภาคผู๎ปกครอง ( ซึ่งมีทั้งภาคผู๎ปกครองยํอยของแตํ ละกาย) และรวมยํอยหมดทั่วทุกกายของมนุษย๑หรือสัตว๑แตํละตัวตน และทั้งผู๎ปกครองใหญํ ประจําภพคือ ภาคกามภพ , รูปภพและอรูปภพ รวมใหญํหมดทั้งภพและจักรวาลตํอ ๆ ไปจนสุด ละเอียด แล๎วก็จะเป็นองค๑ต๎นธาตุต๎นธรรมใน “ อายตนนิพพานเป็น” 7.ธรรมกาย หมายถึง สัทธรรมแท๎ ๆ ดังประโยควํา
“ นี่สํวนธรรมกาย ดวงสัทธรรมที่เป็น
ธรรมกายนั่นแหละ ดวงนั้นแหละเป็นสัทธรรมแท๎ ๆ ” 8.ธรรมกาย หมายถึงกายที่คงที่ไมํเปลี่ยนแปลง ดูจากข๎อความวําความอุบัติโดยธรรมกายนั้นก็ มิใชํการเกิดตามสายปฏิจจสมุปบาท ธรรมโดยมีอวิชชาเป็นมูลรากฝ่ายเกิดแตํประการใด แตํเป็น ความอุบัติขึ้นด๎วยความบริสุทธิ์อันประมวลเข๎าไว๎ดังที่ได๎กลําวแล๎วจึงมิใชํนามรูป มิใชํนิมิตอัน เกิดแตํอวิชาหรือกิเลสตัณหาใด ๆ แตํเป็น
“ ธรรมกาย ” ที่บริสุทธิ์ หรือ “ พรหมกาย ” ที่
ประเสริฐเป็นกายที่ยั่งยืนของพระพุทธเจ๎า และพระอรหันต๑ทั้งหลาย ดังผู๎ปฏิบัติภาวนาตามแนว วิชชาธรรมกายได๎เห็นปรากฏวําที่อยูํในอายตนนิพพานนับประมาณจํานวนองค๑ไมํถ๎วนอยูํแล๎ว
9.ธรรมกาย เป็นชื่อวิชชาอยํางหนึ่งที่สําคัญโดยใช๎คําวํา “ วิชชาธรรมกาย ” ในหลาย ๆ แหํง เชํน วิธีการเจริญภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายนั้นมีสติปัฏฐาน 4 อยูํในตัวพร๎อมเสร็จ แนวทาง ปฏิบัติภาวนาธรรมตามแนววิชชาธรรมกายรวมใจหยุดในหยุดกลางของหยุดในหยุด ผํานกาย , เวทนา , จิต , และธรรม แล๎วทํานิโรธ 10.ธรรมกาย เป็นธาตุล๎วนธรรมล๎วนที่อยูํเหนือความปรุงแตํงด๎วยบาปอกุศล ( อกุศลาธัมมา ) และแม๎ด๎วยบุญกุศล ( กุศลาธัมมา ) ในระดับโลกียธรรม กลําวคือเป็นความดีสูงที่สุดจนเป็นธาตุ ธรรมที่บริสุทธิ์ทั้งองค๑ เป็นวิสุทธิขันธ๑ หรือ วิสุทธิสัตว๑แท๎ ๆ เป็นกายที่เที่ยงแท๎ยั่งยืน พระพุทธ องค๑จึงได๎ทรงเรียกธรรมกายบ๎าง พรหมกายบ๎าง แทนคําวํา “ ตถาคต ” โดยนัยนี้ธรรมกายจึงไมํ ต๎องตกอยูํในอาณัติแหํงพระไตรลักษณ๑คือ ความเป็นอนิจจัง , ทุกขัง, และอนัตตา คําวําธาตุล๎วน ธรรมล๎วน หมายถึงธาตุที่มีตั้งอยูํแล๎วธรรมที่มีตั้งอยูํแล๎ว ในคําวํา จิตาวสาธาตุ ธมฺมฏจิตตา ธาตุแบํงเป็นสังขตธาตุ , อสังขตธาตุ , ราคธาตุ , วิราคธาตุ สํวนธรรมก็คือ
สังขตธรรม ,
อสังขตธรรม, ราคธรรม , วิราคธรรม ซึ่งวิราคธาตุวิราคธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐเลิศกวํา สังขต ธาตุ สังขตธรรม อสังขตธาตุ และอสังขตธรรม 11.ธรรมกาย คือสิ่งที่จะนําไปสูํพระนิพพาน ดูจากข๎อความวํา ธรรมกายนี้มีความสําคัญและ รักษาชีวิตไว๎เป็นอยูํด๎วยดวงธรรมที่ทําให๎เป็นกายมนุษย๑ถ๎าไมํมีก็ดับ หลวงพํอวัดปากน้ําทําน กลําววํา พระตถาคตเจ๎าไมํได๎สอนอยํางนั้นสอนให๎เห็นธรรมกายเทํานั้นให๎เดินทางศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ 12.ธรรมกาย หมายถึงกายของนิพพาน ดังที่หลวงพํอวัดปากน้ําได๎กลําววํา “ นิพพานมีขันธ๑ของ นิพพาน เข๎าถึงได๎ด๎วยกายพระอรหัตละเอียดเรียกวําธรรมขันธ๑ หรือ ธรรมธาตุก( ธรรมกาย ) ” 13.ธรรมกาย เป็นปรมัตถธรรมที่ไมํใชํนามรูป ดังที่พระมหาเสริมชัยกลําววํา ธรรมกาย ไมํมี นามรูปเพราะวิญญาณดับแล๎ว เป็นธรรมกายไมํใชํนามไมํใชํรูปเป็นปรมัตถธรรม จากนัยของ ความหมายครอบคลุมตั้งแตํกายมนุษย๑ละเอียดถึงกายของนิพพานหมายถึงธรรมทั้งปวงก็ได๎
หมายถึงพระนามหนึ่งของพระพุทธเจ๎าก็ได๎ หมายถึงสังขตธรรม ( กายโลกีย๑ ) หรืออสังขตธรรม ( กายโลกุตระ ) เป็นต๎นธาตุต๎นธรรม ก็เป็นธาตุล๎วนธรรมล๎วนก็ได๎ เป็นผู๎เข๎านิพพานได๎ เป็น วิชชาอยํางหนึ่งที่เรียกวํา วิชชาธรรมกายก็ได๎รวมถึงที่เรียกวําปรมัตถธรรมก็ได๎ และหลวงพํอสด ทํานได๎กลําวคําสอนเอาไว๎ให๎พวกเราได๎คิดอีกด๎วยวํา “ ถ๎ามนุษย๑ได๎เห็นธรรมกาย มนุษย๑คนนั้น ตื่นขึ้นแล๎ว...ไมํหลับแล๎ว ถ๎ามนุษย๑ใดยังไมํเห็นธรรมกายยังไมํเป็นธรรมกาย มนุษย๑นั้นยังหลับ อยูํ มารมันยังกดหลับอยูํยังไมํตื่นเลย บางทีตายเสียชาติหนึ่งยังไมํตื่นเลยหลับเรื่อยไปเสียทีเดียว บางคนเห็นปรากฏตื่นทีเดียวมีธรรมกาย บางคนไมํเดียงสา มีธรรมกายใหญํโตมโหฬารเชํนนี้ แล๎ว มาถึงรัตนะอันเลิศประเสริฐเชํนนี้แล๎วกลับไปวางเสียก็มี แปลกประหลาดนักลืมตาขึ้นแล๎ว กลับไปตาบอดก็มี อยํางนี้นําอัศจรรย๑นัก ”
หลวงพํอสดไมํเคยเลิกฝึกวิชชาธรรมกาย มีเสียงวิพากษ๑วิจารณ๑กันมากเกี่ยวกับกรณีที่วํา หลวงพํอสดวัดปากน้ําเลิกปฏิบัติวิชชาธรรมกาย แล๎วหันไปฝึกกรรมฐานแบบอื่นเพื่อเจริญวิปัสสนาญาณให๎ปรากฏเป็นลําดับไป แตํคณะศิษย๑วงใน ที่อยูํใกล๎หลวงพํอ ตํางทราบกันดีครับวํา เรื่องนี้ไมํมีทางเป็นไปได๎คนที่นําเรื่องนี้มากลําว หาสมภูมิ แหํงความเป็นผู๎รู๎ที่เข๎าถึงธรรมกายไมํ ในลําดับตํอไปนี้ผมมีความคิดเห็นของผู๎ใช๎นามปากกาวํา “ นายมหา ” เอามาฝากคุณผู๎อํานให๎ได๎พิจารณากันครับ โดยมีเนื้อหาสาระดังนี้วํา “ ในชํวงปีพ.ศ. 2490 – พ.ศ. 2497 ชื่อเสียงของหลวงพํอวัดปากน้ําซึ่งมิได๎มีเปรียญธรรมชั้นใด แตํกลับมีผู๎คน ศรัทธากราบไหว๎มากกวําพระมหาเถระรูปใด ๆ ในประเทศไทย เวลานั้นคนที่อิจฉาทํานก็ออกมา โจมตีวําทํานสอนผิด ทั้งๆยังมีขําวลืออกุศลวําที่วัดมีแมํชีมากและไปทําวิชชากัน เขาก็ลือกันไป ในทางเสียหาย แม๎แตํพระสังฆราชในเวลานั้นถ๎าจําไมํผิดคือ กรมหลวงวชิรญาณวัดบวร ฯ ทําน ได๎ขําวอกุศลนี้เชํนกันจึงได๎นิมนต๑ให๎พระอริยคุณาธาร ( เส็ง ปุณโส ) ซึ่งเป็นพระมหาเถระผู๎ใหญํ ลูกศิษย๑รุํนแรก ๆ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเชี่ยวชาญทั้งปริยัติและปฏิบัติเป็นสปายไปสืบเรื่อง หลวงพํอวัดปากน้ํา ตํอมาทํานก็ได๎ตระหนักถึงบุญบารมีของหลวงพํอสดทํานวําเป็นนักสมาธิจริง
ๆ มีความสนใจเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงนําความไปกราบทูลพระสังฆราช ขําวอกุศลก็ ดับไป ตํอมาพระพิมลธรรม ( อาจ อาสภเถระ ) อธิบดีสงฆ๑วัดมหาธาตุซึ่งกําลังสนใจเรื่อง อภิธรรมใหมํที่ได๎รับจากพระพมํา อีกทั้งทํานยังเป็นเจ๎าคณะพระนครคุมวัดปากน้ําด๎วย ทําน ต๎องการให๎พระในสังกัดทํานสนใจเรียนอภิธรรมเพื่อให๎วิชาอภิธรรมแพรํหลาย จึงไปกราบ อาราธนาหลวงพํอวัดปากน้ําให๎มาฝึกวิชานี้ด๎วย อันหลวงพํอวัดปากน้ําเป็นผู๎มีนิสัยใฝ่ศึกษามาแตํ ครั้งยังเยาว๑ และทํานก็เคยเรียนสมาธิในทางอื่นมากํอนทั้ง “ พุทโธ ” และ “ สติปัฏฐาน ” ทํานก็ ให๎ความนับถือเจ๎าคุณวัดมหาธาตุดี เคยไปเทศน๑ให๎วัดมหาธาตุตามที่ทํานเจ๎าคุณอาราธนาอยูํ บํอยครั้งจึงรับที่จะเรียนวิชายุบหนอพองหนอ ทํานเจ๎าคุณอาสภะให๎ทํานเจ๎าคุณโชดกมาสอนวิชา ยุบหนอกับหลวงพํอ ทํานก็เรียนอยูํราว 2 สัปดาห๑ ภายหลังเมื่อเรียนแล๎วทํานก็ให๎ความนับถือวิชา ยุบหนอของวัดมหาธาตุเชํนกัน ทํานอาจารย๑โชดกได๎ขอให๎หลวงพํอเขียนวิจารณ๑สิ่งที่ทํานได๎เรียน หลวงพํอก็เขียนจดหมายสั้น ๆ ดูเหมือนจะมีภาพหลวงพํอด๎วยวําวิชาที่เรียนตรงกับหลักสติปัฏ ฐานทุกประการ เรื่องก็มีเทํานี้แตํผมไมํเข๎าใจวําสํานักวัดมหาธาตุ ทั้งศิษยานุศิษย๑สายนี้เขามี เจตนาอยํางไรแนํ จึงนําหนังสือที่หลวงพํอเขียนรับรองมาลงพิมพ๑ รวมทั้งที่หน๎าวัดอัมพวันของ หลวงพํอจรัลก็เอาภาพนี้มาติดไว๎ด๎วย ภาพนี้อํานดูอยํางไรก็ไมํสามารถแปลความได๎วํา หลวงพํอ วัดปากน้ําได๎เลิกวิชชาธรรมกาย หรือแปลวํายุบหนอเหนือกวําวิชชาธรรมกาย ตามที่ฝ่ายผู๎เรียน วิชายุบหนอพองหนอพยายามจะกลําวอ๎างและบิดเบือนข๎อเท็จจริงอยํางนําเกลียด อันที่จริงพระ พิมลธรรมทํานก็เป็นพระแท๎มีความเครํงครัดในพระธรรมวินัย แตํความเครํงครัดนํามาซึ่งพระ เดช การใช๎อํานาจตํอพระอริยะสงฆ๑อยํางหลวงพํอวัดปากน้ําทั้งที่พระพิมลธรรมเป็นเด็ก แตํได๎ เปรียญธรรมก็เป็นเรื่องที่ไมํถูกไมํควร ความดีและไมํดีของทํานก็เป็นกรรมที่สนองทํานเองใน เวลาตํอมา วันที่ 21 เมษายน 2505 ทํานถูกใสํร๎ายและถูกจอมพลสฤษดิ์ฯ สั่งให๎จับกุมคุมขังและ จับทํานสึกหาลาเพศ แตํทํานไมํยอมเปลํงวาจาสึกทํานต๎องโทษทัณฑ๑จากทางการอยูํ 10 ปี ใน ที่สุดศาลฏีกาได๎มีคําพิพากษาให๎ทํานพ๎นผิด โดยในคดีนั้นปรากฏวํามีความอิจฉาริษยาในหมูํสงฆ๑ และพระสังฆราชพระองค๑หนึ่งมีความเกี่ยวข๎องกับคดีนี้เชํนกัน ศาลได๎กลําวในตอนหนึ่งวํา กรรม
ที่ทํานถูกใสํร๎ายก็ขอให๎เป็นอโหสิกรรมแกํกัน เมื่อพระพิมลธรรมพ๎นโทษแล๎วก็ได๎รับสมณศักดิ์ คืน จนได๎เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย๑ วัดมหาธาตุ อันที่จริงทํานนําจะได๎เป็นพระสังฆราชแตํ แล๎วทํานก็ไมํได๎เป็น ตําแหนํงพระสังฆราชมาตกแกํ พระญาณสังวร โดยที่ทํานอาสภะเถระได๎ ขอถอนตัวเพื่อเห็นแกํความสามัคคีแหํงสังฆมณฑล เมื่อใกล๎มรณภาพเลขาของทํานยังต๎องคดี ปาราชิกทําให๎ตํารวจมาค๎นกุฏิทําน แตํก็ไมํได๎พบอะไรที่ผิดปกติ แนํนอนชื่อของทํานก็มามี มลทินเพราะพระเลขาสมีเจี๊ยบแท๎ ๆ ตราบจนทํานมรณภาพไป ตัวอยํางชีวิตของทํานเป็น ตัวอยํางพระที่มีทั้งสุขและทุกข๑โคจรมา สําหรับหลวงพํอจรัลก็เคยไปฝึกวิชชาธรรมกายกับหลวง พํอวัดปากน้ํา แตํไมํถูกอัธยาศัย จึงเปลี่ยนมาฝึกยุบหนอพองหนอซึ่งทํานก็ได๎รับผลสําเร็จตาม สํวนแหํงธรรม หลวงพํอวัดปากน้ําเป็นผู๎มีเมตตาอัธยาศัยดีและใจกว๎างมาก ศิษย๑หลายคนได๎ เปลี่ยนไปเรียนกับครูทํานอื่นอาทิเชํน แมํชีกบิล วรมัยกบิลสิงห๑ ได๎ย๎ายไปเรียนวิชาที่วัดโสมนัส แล๎วคิดวําตนเองบรรลุธรรมจึงมากราบเรียนแนะนําหลวงพํอ หลวงพํอฟังโดยสงบและกลําวสั้น ๆ วํา “เอ็งยังเห็นดวงธรรมในท๎องหรือเปลํา ” แมํชีบอกวํา “ เห็น ” หลวงพํอก็พูดวํา “ เออดีแล๎ว ขอให๎เห็นดวงธรรมในท๎อง เอ็งจะไปเรียนวิชาอะไรก็ชํางเถอะ ” หลวงพํอฤาษีลิงดําและหลวงพํอ จรัล 2 ทํานนี้ล๎วนเคยเรียนวิชากับทํานมาแล๎วทั้งนั้น ภายหลังไปเรียนวิชาอื่นทํานก็ไมํวํากลําวใคร คุณเคยได๎ยินชื่อหลวงพํอบุดดา ถาวโร วัดศรีประจันต๑ จ.สิงห๑บุรีหรือไมํ ผู๎คนทั้งหลายลือกันวํา หลวงปู่เป็นพระอรหันต๑แล๎ว เมื่อหลวงปู่มรณภาพคนเขาไปรื้อยํามทําน มีพระอยูํองค๑หนึ่งคือ พระของขวัญวัดปากน้ํารุํน 1 ครับ นี่คือข๎อคิดมุมมองของ “ คุณมหา ” ที่นําเสนอบทความท๎วงติงในความเป็นจริงแหํงวิถี ปฏิบัติของหลวงพํอ อํานแล๎วโดนใจผมเสียเหลือเกิน จึงขออนุญาตนํามาเสนอให๎ได๎พิจารณากัน แตํถ๎าหากอยากจะรู๎วําจริงเท็จแคํไหนแบบร๎อยเปอร๑เซ็นต๑เต็มแล๎วลํะก็ คุณต๎องฝึกปฏิบัติให๎เข๎าถึง ธรรมกายจนสามารถเดินวิชาได๎ จากนั้นก็พัฒนาผลการปฏิบัติให๎เจริญก๎าวหน๎ายิ่งๆขึ้นไป จนถึง ขั้นทําวิชาสะสางธาตุธรรมได๎ในที่สุด แล๎วสิ่งตํางๆที่เราสงสัยบรรดามีเหลํานี้ก็จะพลันมลาย หายไปสิ้น ความรู๎แจ๎งจะบังเกิดขึ้นแกํใจของเราเอง โดยที่ไมํต๎องมานั่งเถียงกันให๎เมื่อยและที่
สําคัญผู๎ที่บรรลุธรรมกายชั้นสูงนั้น เขาเข๎านิโรธไปถามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ๎าในอาย ตนนิพพานจนสิ้นสงสัยกันหมดไปตั้งนานแล๎วครับ ไมํมัวมาใสํใจกับเรื่องไร๎สาระแบบนี้ เอาเวลา ไปปราบมารเสียยังจะเข๎าทํากวํากันเยอะครับ
ธรรมกายหมายเลข 1(ศิษย๑เอกคนสําคัญ) และแล๎วเราก็มาถึงเรื่องเอกในหนังสือเลํมนี้ คุณผู๎อํานเชื่อหรือไมํครับวํา กวําผมจะรวบรวม เรื่องราวศิษย๑เอกของหลวงพํอวัดปากน้ําได๎ไมํใชํเรื่องงํายเลยครับ คือผมมีความคิดมานานแล๎วที่ จะทําเรื่องนี้เพื่อสะดวกในการศึกษาของอนุชนรุํนหลังตํอไป คือสามารถหยิบหนังสือเลํมนี้ขึ้นมา แล๎วเปิดออกดูก็จะรู๎ที่มาที่ไปของแมํชีอาจารย๑ยุคต๎น ๆ ที่ทําวิชาปราบมารกับหลวงพํอและ เหตุการณ๑สําคัญตําง ๆ ได๎เลย เป็นการสรุปรวม-รวบยอดอยํางเป็นทางการเสียที เพราะเรื่องราว ของแตํละทํานอยูํกระจัดกระจายไปคนละแหํง พอเอาเข๎าจริงแหลํงข๎อมูลที่เฝ้าเพียรพยายามหา จนแล๎วจนรอดก็ได๎ไมํครบครับ ทีแรกมีเพื่อนๆสหายธรรมเห็นดีเห็นงามกับผมวําจะอาสาชํวยกัน ค๎นหาข๎อมูลและชํวยกันเรียบเรียงจนกวําจะสําเร็จ พอเวลานั้นมาถึงคํากลําวอ๎างวําไมํมีเวลาบ๎าง.. กําลังยุํง ๆ อยูํบ๎าง ก็หลุดออกมาจากปากของผู๎ที่ได๎เคยปวารณาวําอยากได๎บุญในจุดนี้ ผมให๎รู๎สึก แปลกใจเป็นยิ่งนัก เพราะแตํละคนนั้นเทําที่คบกันมานาน รู๎นิสัยกันดีไมํเคยมีพฤติกรรมเชํนนี้มา กํอน ทําให๎ผมต๎องลุยคนเดียวแบบชนิดเหลียวซ๎ายแลขวาไมํเห็นหน๎าใครสักคน อดนึกในใจไมํได๎ วํา มารมันจับแยกยํอยแล๎วสอดละเอียดให๎ทุกคนไมํต๎องสนใจในเรื่องนี้ที่ทําอยูํก็เป็นได๎ ทําให๎ผม อดคิดที่จะโยงเหตุการณ๑ในสมัยหลวงพํอวัดปากน้ํายังมีชีวิตอยูํไมํได๎ครับ คือลูกศิษย๑ชั้นหัวกะทิ แถวหน๎าที่ทรงฤทธิ์อภิญญามีวิชาเชี่ยวๆ ไมํเคยอยูํพร๎อมหน๎าพร๎อมตากันครบเลยสักครั้งเดียว ต๎องมีเหตุให๎แตํละทํานนั้นมีเรื่องต๎องออกไปทําข๎างนอกจนได๎ มารมันไมํยอมหรอกครับ ขืนให๎ผู๎ ที่บรรลุธรรมชั้นสูงรวมจิตกันได๎และทําวิชารบไปพร๎อม ๆ กัน เขาก็แยํสิครับโดนดับกันพอดี ดั่งที่ หมออู๏ด กฤษณานุวัตร เคยถามหลวงพํอสดทํานวํา “ หลวงพํอครับ...เมื่อไรงานปราบมารของ หลวงพํอจะแล๎วเสร็จ? ” หลวงพํอตอบวํา “ มันจะเสร็จไปได๎อยํางไร พวกธรรมกายไมํเคยอยูํ
พร๎อมกันเลย ” เหตุการณ๑ก็เป็นเชํนนี้มาโดยตลอดครับ คนโน๎นอยูํคนนี้ไมํอยูํ แม๎หลวงพํอจะตั้ง กฎกติกาอยํางไร คณะทําวิชาก็ไมํอยูํพร๎อมหน๎ากันอยูํดีที่เป็นอยํางนี้เพราะมารเขาชักใยอยูํหลัง ฉากนั้นเอง ยิ่งวาระสุดท๎ายของแมํทัพใหญํมาถึงหลวงพํอวัดปากน้ําทํานมรณภาพ เหลําขุนพล กล๎าแมํทัพนายกองที่รองลงมา ตํางก็แยกย๎ายกันไปคนละทิศคนละทาง มารสบชํองจับแยกยํอย ระเบิดการรวมกลุํมเพื่อสร๎างบารมีได๎ไมํมีเหลือ แตํถึงอยํางนั้นก็ตามเหลํา “ ธรรมกายหมายเลข หนึ่ง ” ของหลวงพํอก็ยังคงเป็นหนึ่งวันยังค่ําไมํมีวันเปลี่ยนแปลง ทุกคนตํางทําหน๎าที่ในการ เผยแพรํวิชชาธรรมกายในสํวนของตนออกไปได๎อยํางกว๎างขวาง จนมีผู๎ที่สนใจเข๎ารับการปฏิบัติ แล๎วบังเกิดผลเป็นที่นําพอใจได๎อยํางนําอัศจรรย๑กันหลายทํานทีเดียว และเรื่องราวตํอไปนี้คุณ ผู๎อํานจะได๎สัมผัสกับอริยบุคคลที่ฝึกฝนอบรมตนจนบรรลุธรรมกาย สุดท๎ายได๎มาเป็นสํวนหนึ่ง ของกองทัพธรรมรํวมไปกับพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพํอสดวัดปากน้ําของ เราครับ
แมํชีอาจารย๑ปุก มุ๎ยประเสริฐ แมํชีอาจารย๑ปุก มุ๎ยประเสริฐ อายุ 100 ปี ได๎เข๎ารํวมทําวิชชาธรรมกายขั้นสูงเคียงคูํกับหลวง พํอวัดปากน้ําเรื่อยมา จนได๎รับความไว๎วางใจจากทํานให๎เป็นครูสอนและเป็นหัวหน๎าเวรคุมการ ทําวิชาเบื้องสูงในโรงงานทําวิชาของวัดปากน้ําครับ ในสมัยหลวงพํอมีชีวิตอยูํ แมํชีอาจารย๑ปุก เป็นผู๎บรรลุธรรมขั้นแกํกล๎าที่มีสติมั่นคงสงบหนักแนํน มีญาณละเอียดอํอน และละเอียดยิ่งขึ้นใน ขั้นฝ่ายบุญภาคปราบ อันหาศิษย๑อื่น ๆ มาทัดเทียมได๎ยากอีกทํานหนึ่ง แมํชีอาจารย๑ปุก มุ๎ยประเสริฐ ทํานได๎เลําสรุปบันทึกของทํานเกี่ยวกับหลวงพํอเอาไว๎ดังนี้ครับวํา ปีพ.ศ. 2427 – หลวงพํอสดวัดปากน้ําเกิด ปีพ.ศ. 2449 – บวช ปีพ.ศ. 2460 – บรรลุธรรม
ปีพ.ศ. 2461 – มาอยูํวัดปากน้ํา ปีพ.ศ. 2474 – ตั้งโรงงานทําวิชชาปราบมาร ปีพ.ศ. 2485 – ควบคุมดูแลการทําวิชาอยูํ 17 ปี ทําวิชาไมํครบกําหนดที่ต๎นธาตุต๎นธรรมให๎มา 25 ปี ขาดไป
8 ปี เหตุนี้นี่เองที่ทําให๎หลวงพํอทํานไมํสามารถคํานวณข๎ามเข๎าสูํถิ่นยุคกาขาวชาว
ศิวิไลซ๑ได๎ แตํเก็บภัยสงครามโลกครั้งที่ 3 และภัยคอมมิวนิสต๑ในประเทศไทยได๎สําเร็จ ปีพ.ศ. 2488 – ออกธุดงค๑สูํต๎นน้ํา ปีพ.ศ. 2493 – สร๎างพระของขวัญรุํน 1 ปีพ.ศ. 2498 – ปลงอายุวําอีก 5 ปีข๎างหน๎าจะมรณภาพ ปีพ.ศ. 2499 – เริ่มอาพาธ ปีพ.ศ. 2502 – มรณภาพเมื่อ 3 กุมภาพันธ๑ ครบ 5 ปีตามคําทํานาย ( สิริอายุได๎ 75 ปี )
แมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร หากมีการจัดอันดับศิษย๑เอกของหลวงพํอสดวัดปากน้ําที่มีญาณทัสสนะแกํกล๎า และบรรลุธรรม ชั้นสูงแล๎วหนึ่งในนั้นต๎องมีชื่อของแมํชีอาจารย๑ทํานนี้ครับที่มีประวัติไมํธรรมดาเลยแมํชีอาจารย๑ ญาณี ศิริโวหารทํานเกิดที่ ต. โสธร อ. เมือง จ. ฉะเชิงเทรา เมื่อวันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ปีมะโรง เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายจ๎อยและนางเจียม ศิริโวหาร เมื่อเยาว๑วัยทํานได๎อยูํใน ความอุปการะของคุณยายบุญมี ซึ่งเป็นคหบดีของจังหวัดและตํอมาคุณยายทิพย๑ ผู๎บวชเป็นแมํชี อยูํที่วัดปากน้ําได๎ขอทํานไปอุปการะตํอ ครั้นทํานอายุได๎ 20 ปีแล๎ว ก็ได๎ขออนุญาตแมํชีทิพย๑ผู๎มี อุปการคุณแกํทํานวํามีความประสงค๑จะบวชเป็นแมํชี แมํชีทิพย๑ก็อนุโมทนาในกุศลจิตนั้น และได๎ พาทํานไปกราบขออนุญาตกับพระเดชพระคุณหลวงพํอวัดปากน้ํา ทํานจึงได๎จัดการบวชให๎เมื่อ วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2477 ตํอมาได๎ขอให๎หลวงพํอสดทํานตั้งชื่อให๎ใหมํ หลังจากทํานได๎
ตรวจดูธาตุธรรมแล๎วก็ทราบวําแมํชีอาจารย๑ญาณีนี้ เป็นบุคคลที่มีญาณดีเยี่ยม จึงได๎ตั้งชื่อให๎ใหมํ วํา “ ญาณี ” ที่ตรงบุคลิกอุปนิสัยใจคอของทํานเอง ทํานบวชด๎วยศรัทธาและได๎ปฏิบัติตามโอวาท คําแนะนําของผู๎ใหญํและเคารพในการปกครองเป็นอยํางยิ่ง อีกทั้งตั้งใจปฏิบัติธรรมโดยเครํงครัด และขยันหมั่นเพียรไมํทอดธุระ ปฏิบัติตามคําสั่งสอนของหลวงพํอทุกประการ ด๎วยบุญบารมีเดิม ในอดีตซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญอีกประการหนึ่ง ที่ชํวยเกื้อกูลให๎แมํชีอาจารย๑ญาณีได๎บรรลุวิชชา ธรรมกาย แล๎วก็ได๎ใช๎ความเพียรพยายามปฏิบัติหนักขึ้นไมํท๎อถอย ยิ่งปฏิบัติยิ่งแจํมแจ๎งและ ได๎รับรสธรรมะซาบซึ้งในจิตใจ เมื่อบวชได๎ 5 พรรษา หลวงพํอเริ่มให๎เป็นครูสอนธรรมแกํแมํชี และผู๎มาปฏิบัติธรรมในวัดปากน้ําเป็นประจําตั้งแตํนั้นมา ใครมีทุกข๑ทางใจมาหาก็ชํวยบําบัดทุกข๑ นั้นด๎วยการปฏิบัติธรรม ใครมีโรคภัยไข๎เจ็บก็นั่งสมาธิรักษาโรคด๎วยวิชชาธรรมกาย นอกจากนี้ ( ทํานยังได๎รับคํายกยํองวําเกํงมากจากแมํชีอาจารย๑รัมภา และแมํชีอาจารย๑ทวีพร )แมํชีอาจารย๑ ญาณีนั้นทํานมีพรสวรรค๑อยํางหนึ่งคือ สามารถค๎นคว๎าธรรมหาเหตุผลในวิชชาธรรมกายได๎อยําง ละเอียดถี่ถ๎วน จนเป็นที่เชื่อถือและไว๎วางใจของหลวงพํอสดเป็นอยํางมากครับ ในวัดปากน้ํานั้น จะมีสถานที่ซึ่งจัดไว๎ปฏิบัติธรรมอยํางจริงจังตลอด 24 ชั่วโมง ปฏิบัติติดตํอโดยมิให๎ขาดที่เรียก กันวําโรงงานทําวิชา ซึ่งบุคคลภายนอกที่ไมํเข๎าใจ ฟังดูแล๎วพากันวิจารณ๑ไปในแงํตําง ๆ ดีบ๎างไมํ ดีบ๎าง แท๎จริงแล๎วก็คือเป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานวิชชาธรรมกายตลอดวันตลอดคืนของผู๎บรรลุ ธรรมกายชั้นสูงแล๎ว หลวงพํอได๎จัดตั้งโรงงานค๎นคว๎าวิปัสสนานี้ขึ้น และได๎นําลูกศิษย๑ชั้นหัวกะทิ แถวหน๎าที่มีอภิญญาบรรลุธรรมชั้นสูงมารวมกลุํมกัน เพื่อค๎นเข๎าไปในธรรมะปฏิบัติที่เป็นหลัก วิชาของหลวงพํอ แล๎วทํานจะถามวําพบอะไรบ๎าง เรื่องนี้ก็แล๎วแตํบุญบารมีหรือญาณทัสสนะของ แตํละคน ใครได๎ญาณละเอียดก็ค๎นวิชาลึกซึ้งให๎หลวงพํอ ใครทําผิดทําถูก ใครหยาบใครละเอียด หลวงพํอรู๎ตลอด เพราะทํานควบคุมดูแลการปฏิบัติอยูํตลอดเวลา แมํชีอาจารย๑ญาณีก็เป็นผู๎หนึ่ง ที่ได๎รับความไว๎วางใจอยํางสูงจากหลวงพํอสดครับ โดยได๎รับมอบหมายให๎เป็นหัวหน๎าเวรคุมการ ทําวิชาขั้นสูงภายในโรงงานทําวิชา ทํานได๎ชํวยเหลือรักษาทุกข๑ทางกายและใจแกํผู๎มาขอความ อนุเคราะห๑ให๎หายหรือผํอนคลายลง
อันเป็นบุญกุศลแกํทุกฝ่าย นอกจากนี้ทํานยังเป็นผู๎ที่มี
ความมานะพากเพียรสนใจศึกษาพระปริยัติธรรมอีกด๎วย คือได๎เข๎าสอบหลักสูตรธรรมะศึกษา โดยการศึกษาด๎วยตนเอง ในสมัยนั้นทั้งครูผู๎สอนและเวลาเพื่อการศึกษาอีกทั้งตําราก็หายากมาก ครับ ทํานจึงต๎องใช๎เวลานานถึง 9 ปี จึงสอบได๎ธรรมศึกษาชั้นเอก อันเป็นชั้นสูงสุดด๎านธรรม ศึกษา ซึ่งหากทุกอยํางอํานวยก็อาจสอบได๎ภายในเวลา 3 ปี ความเพียรพยายามไมํยํอท๎อตํอ อุปสรรคของทํานนี้เป็นที่พอใจของหลวงพํอ ถึงขนาดยกทํานเป็นตัวอยํางชมให๎บรรดาแมํชีที่ เรียนธรรมศึกษารุํนหลัง ๆ ฟังเสมอมา ทํานเป็นผู๎ที่มีคุณธรรมอันเป็นเครื่องอยูํของผู๎ใหญํโดย สมบูรณ๑เชํน มีพรหมวิหาร 4 และเว๎นจากอคติ 4 ประการ พร๎อมทั้งเป็นนักปกครองที่มี ความสามารถเป็นอยํางยิ่ง ดังจะเห็นได๎จากผู๎ที่เคยอยูํในอุปการะการดูแลของทํานเชํน อาจารย๑ กัลยา สหชาติโกสีย๑ เป็นต๎น ที่ได๎ยกยํองและระลึกถึงคุณความดีของทํานอยูํมิรู๎ลืม ความใกล๎ชิด , ความเอาใจใสํทั้งในด๎านความประพฤติ , การศึกษา และการอบรมเพื่อฝึกจิตที่ทํานได๎ให๎ไว๎แกํผู๎ อยูํในความปกครองของทําน สามารถเปลี่ยนอุปนิสัยที่ไมํถูกไมํควรเชํนเป็นคนเจ๎าอารมณ๑ , หยิ่ง , ใจน๎อย , ท๎อถอย ให๎เปลี่ยนเป็นคนมีใจสุขุมเยือกเย็น , องอาจ แตํรู๎จักอํอนน๎อมถํอมตนและ อดทนมีมานะ ทําตนให๎เป็นที่พึ่งของตนได๎ด๎วยความเป็นผู๎นํามีความคิดริเริ่มสร๎างสรรค๑ ด๎วย กําลังใจและแรงกาย ,
ความจริงจังตํอหน๎าที่การงานของทํานเป็นผู๎ทรงคุณงามความดี เกียรติ
ของทํานนี้จึงปรากฏจนเป็นที่เคารพนับถือ และรู๎จักของบุคคลทั่วไป ตลอดจนแรงสนับสนุนที่ แมํชีอาจารย๑ญาณีได๎รับนั้น ทํานก็สามารถตั้งสถาบันแมํชีไทยขึ้นเป็นผลสําเร็จในปีพ.ศ. 2512 และในปีตํอมาทํานก็ได๎รับเลือกให๎เป็นประธานของสถาบันแมํชีไทยติดตํอกันถึง 2 สมัย ทํานได๎ ทุํมเทกําลังกายและกําลังใจปฏิบัติงานให๎แกํสถาบันนั้นอยํางเต็มความสามารถตามปณิธานที่ตั้งไว๎ ตํอมาสุขภาพของทํานทรุดโทรมลงตามอายุขัย ทํานได๎เข๎ารับการรักษาและผําตัดที่โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ๑ในกลางปีพ.ศ.2518สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถทรงทราบ ได๎ทรงพระ กรุณาโปรดเกล๎า ฯ รับทํานเป็นคนไข๎ในพระบรมราชินูปถัมภ๑ จากนั้นทํานได๎กลับมาอยูํวัดปากน้ํา อีกตามปกติ อาการป่วยนั้นมีแตํทรงกับทรุด ตํอมามีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทจึงได๎เข๎ารับการ รักษาที่โรงพยาบาลพญาไท จนถึงวาระสุดท๎ายเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2519 สมเด็จพระนาง
เจ๎าพระบรมราชินีนาถได๎ทรงพระกรุณาโปรดเกล๎า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห๑สวด อภิธรรมเป็นการสํวนพระองค๑ และพระราชทานเพลิงศพแมํชีอาจารย๑ญาณี นับวําเป็นพระมหา กรุณาธิคุณล๎นเกล๎าล๎นกระหมํอมหาที่สุดมิได๎แกํขุนพลกล๎าแหํงกองทัพธรรมนามวํา “ ญาณี ศิริ โวหาร ” ผู๎จากไปแตํกายและยังคงความดีตลอดจนผลงานไว๎ให๎อนุชนรุํนหลังได๎ชื่นชมกัน โดยทั่วไปครับ สรุปข๎อมูลอีกครั้งนะครับ เทําที่ทราบมาแมํชีอาจารย๑ที่คุมวิชาซึ่งเป็นหัวหน๎าเวร ในยุคนั้นมี 6 ทํานครับ ดูแลผลัดละ 4 ชั่วโมง ในการทําวิชาในโรงงานตลอด 24 ชั่วโมงไมํมีหยุด พัก รายชื่อมีดังตํอไปนี้ครับ 1.แมํชีอาจารย๑ปุก มุ๎ยประเสริฐ 2.แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ 3. แมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร 4. แมํชีอาจารย๑ชั้น จอมทอง 6. คุณครูตรีธา เนียมขํา
5. คุณครูฉลวย สมบัติสุข
หัวหน๎าเวรหลวงพํอทํานตั้งเงินเดือนให๎เดือนละ 300 บาท รอง
หัวหน๎าเวร 150 บาท ลูกเวร 70 บาท หลวงพํอสดทํานเลี้ยงได๎หมดครับ ขึ้นชื่อวําแมํชีอาจารย๑ ญาณีแล๎ว ในวัดปากน้ําแล๎วใคร ๆ ก็รู๎จักทําน ในชํวงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทํานเป็นผู๎หนึ่งที่ได๎รับ มอบหมายให๎ทําวิชาป้องกันประเทศ และป้องกันลูกระเบิดไมํให๎ตกลงในบริเวณวัดปากน้ํากับ ประตูน้ําภาษีเจริญรํวมกันกับหลวงพํอสดครับ นี่คือธรรมกายหมายเลขหนึ่งที่เป็นหนึ่งอยูํในใจ ตลอดกาล
แมํชีอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุข แมํทัพธรรมวิชชาธรรมกายที่สําคัญอีกทํานหนึ่งครับ ทํานเป็นผู๎เรียบเรียงคูํมือสมภารที่พิมพ๑ครั้ง แรก ถวายสมเด็จพระสังฆราชเจ๎ากรมหลวงพระวชิรณาณวงศ๑ ครั้งที่ดํารงสมณศักดิ์ที่สมเด็จ พระวชิรญาณวงศ๑เมื่อ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 แมํชีอาจารย๑ฉลวยเกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2466 ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหมํ
ทํานเป็นธิดาของนายโฆษิตและนางเหรียญ สมบัติสุข
ทํานได๎ธรรมกายมากํอนที่จะมาบวชที่วัดปากน้ําครับ
คือได๎เรียนวิชชาธรรมกายครั้งแรกกับ
พระอาจารย๑สมจิต ซึ่งได๎สอนวิชชาธรรมกายที่วัดอุปคุต อ.เมือง จ.เชียงใหมํ ผู๎คนมาเรียนกัน มากจนล๎นวิหารไปจนถึงด๎านหลังและได๎ขยายไปตามกุฏิพระเลยทีเดียวครับ ตํอมามีหลายทําน
ปฏิบัติได๎ธรรมกายกันเป็นจํานวนมาก และอยากไปกราบหลวงพํอสดที่วัดปากน้ําฯกัน ทํานและ คณะจึงได๎มากราบหลวงพํอเพื่อปฏิบัติธรรมกับทํานระยะหนึ่ง แล๎วกลับขึ้นไปเชียงใหมํ ตํอมา แมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปั้น ได๎ขึ้นมาสอนที่เชียงใหมํตํอจากพระอาจารย๑สมจิต แมํชีอาจารย๑ ฉลวยในเวลานั้นอายุได๎ 17 ปี ทํานได๎มาบวชชีอยูํที่วัดปากน้ําเมื่อต๎นปีพ.ศ. 2484 จนถึงปีพ.ศ. 2501 รวมเป็นเวลา 17 ปี ขณะนั้นได๎บรรลุวิชชาธรรมกายขั้นสูงแล๎ว ทํานจึงได๎รับมอบหมาย จากหลวงพํอวัดปากน้ําให๎เป็นหัวหน๎าเวรคุมการปฏิบัติวิชา , บอกวิชชารวมถึงการค๎นวิชา ธรรมกายขั้นสูงในโรงงาน ( ผลัดละ 6 ชั่วโมง ) ทํานเป็นคนดูแลในตอนกลางวัน สํวนแมํชี อาจารย๑ญาณี เป็นผู๎ดูแลตอนกลางคืน พอเดือนธันวาคมเกิดสงครามโลก หลวงพํอสั่งให๎ทําวิชา ป้องกันประเทศจนสงครามเลิก ซึ่งถือวําประเทศไทยของเราไมํแพ๎ไมํชนะ ทํานได๎เลําให๎ฟัง เอาไว๎เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2547 วํา “ สภาพโรงงานทําวิชาในสมัยนั้นเป็นเรือนไม๎ล๎อมรั้ว สังกะสี พระกับแมํชีนั่งอยูํคนละฝั่ง พระขึ้นทางฝั่งหอไตรพวกแมํชีขึ้นทางหน๎าพระวิหาร ขึ้น คนละทางกัน ข๎างบนมีชํองเล็ก ๆ อยูํสูง เวลาหลวงพํอทํานพูดเสียงจะผํานออกมาทางชํองนั้น ตอนแรกสถานที่มีจํากัด ที่นั่งที่นอนของแมํชีอยูํในที่เดียวกัน ตอนหลังจึงแยกออกจากที่ทํา ภาวนาโดยเฉพาะ ใครหมดหน๎าที่ก็ขึ้นไปพักผํอน ครั้งแรกการทําวิชามีเพียง 4 ชุด ตํอมาทําวิชา เพิ่มเป็น 6 ชุด ครั้งละ 4 ชั่วโมง ในชํวงเวลาที่อยูํวัดปากน้ํานั้นได๎มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ๎านที่ จ. เชียงใหมํเป็นบางครั้งบางคราว ๆ ละ 1 – 2 อาทิตย๑ ” ทํานได๎เลําตํอไปวํา “ หลวงพํอวัดปากน้ํา ทํานจะเป็นผู๎คัดเลือกผู๎ที่ได๎วิชชาธรรมกายแล๎วให๎เข๎าไปอยูํในโรงงาน เพื่อทําวิชากับทํานด๎วยตัว ของทํานเอง ” ดังนั้นเชื่อวําบุคคลที่ได๎รับมอบหมายให๎เป็นหัวหน๎าเวรบอกวิชา จึงเป็นผู๎ที่มีความ เป็นเลิศในวิชชาธรรมกายขั้นสูงจนเป็นที่ไว๎วางใจของหลวงพํอ ซึ่งมีความสามารถบอกวิชาได๎ ถูกต๎องไมํผิดพลาด ที่สําคัญต๎องเป็นผู๎ที่นําพาผู๎อื่นไปสูํวิชาในขั้นสูงขึ้นไปได๎เป็นลําดับ แมํชี อาจารย๑ฉลวยทํานมีความคิดวําผู๎ใดที่ได๎ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ๎นหวังบรรลุมรรคผล นิพพานเฉพาะตนนั้น แคํฝึกปฏิบัติจนเดินวิชชา 18 กายได๎ก็เพียงพอแล๎วครับ ไมํจําเป็นต๎อง ทราบวิชชาธรรมกายขั้นสูงที่ปฏิบัติกันในโรงงาน เพราะนั่นมุํงชํวยเหลือสํวนรวมและเพื่อปราบ
มารเป็นสําคัญ สํวนสมุดบันทึกวิชชาธรรมกายขั้นสูงที่ใช๎ปฏิบัติในโรงงานสมัยทํานนั้น กํอน กลับไปอยูํเชียงใหมํ ได๎มอบให๎ทํานเจ๎าคุณพระราชพรหมเถระ( วีระ คณุตตโม ) เพราะเห็นวํา เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและมีความตั้งใจที่จะบวชอุทิศชีวิตนี้เพื่อพระพุทธศาสนา แมํชี อาจารย๑ฉลวยทํานได๎กลับไปอยูํที่บ๎าน จ . เชียงใหมํ เป็นการถาวรตั้งแตํปีพ.ศ. 2502 และยังคง สอนวิชชาธรรมกายที่วัดชัยศรีภูมิ จ. เชียงใหมํ ในวันศุกร๑ – เสาร๑ – อาทิตย๑ ชํวงเวลาบํายโมง – 4 โมงเย็น แมํชีอาจารย๑รัมภา โพธิ์คําฉาย ได๎บอกให๎ทราบเมื่อต๎นเดือนมกราคม พ.ศ. 2457 วํา “ คุณครูฉลวยทํานสอนที่บ๎านด๎วย แม๎วําทํานจะมีอายุมากแล๎วแตํก็ยังลงมาทําบุญที่วัดปากน้ําอยูํ เสมอ ๆ ” เรื่องเลําจากแมํชีอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุข “ หลวงพํอทํานบอกวําต๎องการชํวยคนให๎พ๎นทุกข๑ ทําได๎เทําไรก็เทํานั้น หลวงพํอวัดปากน้ํานี้จะ วําใจดีก็ใจดี จะวําดุก็ดุ และทํานเป็นคนตรง ถ๎าเห็นวําเป็นอยํางนี้ก็ต๎องเป็นอยํางนี้ ขนาดสมเด็จ วัดโพธิ์เป็นหลานของทําน ทํานยังบอกวํา “ เฮ๎ย...ของเรามันถูกอยูํแล๎ว แนํนอนอยูํแล๎ว จะไป กลัวอะไร ” อยํางเรื่องที่ทํานบอกวําสมเด็จวัดโพธิ์จะได๎เป็นพระสังฆราช ไมํมีใครคาดคิดวําจะ เป็นจริง ไมํนําเชื่อวําจะเป็นไปได๎ตามคําที่ทํานกลําว เพราะวําคนที่รอจะขึ้นเป็นพระสังฆราชมี อยูํอีกองค๑คือพระพิมลธรรมวัดมหาธาตุ ถ๎าพระสังฆราชองค๑เกําสิ้น พระวัดมหาธาตุต๎องได๎ขึ้น เป็นกํอนอยํางแนํนอน แตํพอดีมีเรื่องเกิดขึ้นเสียกํอนก็เลยมาเป็นวัดโพธิ์ หลวงพํอทํานจะพูด เฉพาะเรื่องที่จําเป็น ถึงเวลาจริง ๆ คาดไมํถึงวํา จะเป็นไปได๎ตามคําพยากรณ๑ที่ทํานได๎กลําวไว๎ ทุกประการ สมัยที่หลวงพํอมาอยูํวัดปากน้ําใหมํ ๆ ทํานก็ได๎ทําตามความถูกต๎องไมํมีอะไรกับใคร แตํคนที่มาอยูํรุํนกํอนที่เขาอยูํแถวนั้นก็มีบารมีเป็นที่นับถืออาจจะไมํชอบใจ
เวลาหลวงพํอทํา
อะไรลงไปก็จะเป็นขําวโจมตีทํานเสมอ แตํยิ่งวําไมํดีแคํไหนก็ยิ่งดังแคํนั้น ของเรามันดีอยูํแล ้ว้้ ไมํได๎ไปทําความเสียหายอะไร คล๎าย ๆ กับกลองยิ่งตีมันก็ยิ่งดัง แทนที่คนเขาวําจะทําให๎เสื่อมเสีย แตํกลับเป็นตรงกันข๎าม ทํานนําพาปฏิปทาของทํานเข๎าสูํความเจริญได๎อยํางองอาจสงํางาม ” นี่คือเรื่องเลําจากประสบการณ๑ของแมํชีอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุขครับ
แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ หนึ่งในขุนพลกล๎าแหํงวิชชาธรรมกายแถวหน๎าอีกทํานหนึ่งของหลวงพํอสดวัดปากน้ําครับ ทํานได๎รับการยกยํองจากแมํชีอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุข และแมํชีอาจารย๑รัมภา โพธิ์คําฉาย วํา เป็นผู๎ที่ทําวิชาได๎เกํงกาจสามารถเป็นยิ่งนัก มีญาณทัสสนะที่แมํนยํา และคําวํา “ เกํงมาก” ซึ่งเป็น คําชมจากนักรบในโรงงานทําวิชาด๎วยกันได๎มอบเป็นของกํานัลแหํงขวัญและกําลังใจแกํแมํชี อาจารย๑ทํานนี้ ทํานเกิดเมื่อวันเสาร๑เดือน 11 ปีชวด พ.ศ. 2443 ที่
ต. โพสะ อ.เมือง จ.
อํางทอง เป็นธิดานายริ้ว – นางทองคํา บรรยงค๑ และได๎สมรสกับหมื่นศรีสวัสดิ์ อาสไวย๑
(
คุณตาทบ ) ซึ่งเป็นนายทหารองครักษ๑ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล๎าเจ๎าอยูํหัวรัชกาลที่ 6 มี บุตรด๎วยกัน
7 คน ตระกูลของทํานมีชื่อเสียงในการทําผัดไทที่อรํอยมากๆครับ ลูกหลานทําน
ผัดขายที่บ๎านริมฝั่งซ๎ายของแมํน้ําเจ๎าพระยาข๎างวัดท๎องคุ๎ง จ. อํางทอง คุณตาทบ ( หมื่นศรี สวัสดิ์ ) ได๎พาทํานมาฝึกปฏิบัติวิชชาธรรมกายกับ หลวงพํอวัดปากน้ําและได๎บรรลุธรรมตั้งแตํปี แรกที่มาเลยครับ รวมเวลาถึง 15 ปี พอคุณตาทบ ( หมื่นศรีสวัสดิ์ )ถึงแกํกรรมและลูก ๆก็ ตั้งตัว ได๎แล๎ว แมํชีอาจารย๑ถนอมทํานจึงได๎ย๎ายออกจากวังสระประทุมมาบวชชีอยูํที่วัดปากน้ําเมื่อปี พ.ศ. 2487 ( ขณะนั้นมีอายุประมาณ 45 ปี ) ด๎วยทํานได๎วิชชาธรรมกายขั้นสูงมากํอนบวชชีถึง 15 ปี หลวงพํอจึงได๎มอบหมายให๎ทําน เป็นหัวหน๎าเวรปฏิบัติกรรมฐานค๎นคว๎าวิชชาธรรมกายขั้นสูง และบอกวิชาธรรมกายให๎คณะธรรมกายในโรงงาน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทํานได๎รับ มอบหมายให๎ทําวิชาธรรมกายเพื่อ ชํวยเหลือประเทศทั้งยามปกติและยามสงครามเชํนเดียวกับ ทํานอื่นๆ ทํานได๎ชํวยแก๎ทุกข๑ทางเศรษฐกิจ , ทุกข๑ทางกายและทุกข๑ทางใจให๎กับผู๎คนที่มาขอพึ่ง บารมีของหลวงพํอสด แมํชีอาจารย๑ถนอมทํานได๎เคยเลําเรื่องรํางทรงพญามารที่ได๎บุกขึ้นมาบน ศาลาวัดปากน้ํา เพื่อจะมายึดศาลาหลังนี้ไป หลวงพํอได๎สั่งให๎ทํานขึ้นไปบนศาลาเพื่อจัดการ ปราบพญามารตนนั้น ทํานก็ได๎ขึ้นไปนั่งบนศาลาดังกลําว แล๎วทําวิชาเก็บฤทธิ์พญามารแบบตัว ตํอตัวครับ เมื่อพญามารเจอคนจริงอยํางทํานเข๎าจึงต๎องยอมแพ๎ถอยกลับไป วีรกรรมครั้งนั้นของ แมํชีอาจารย๑ถนอมได๎รับคําชมอยํางมากจากหลวงพํอตํอหน๎าศิษย๑คนอื่น ๆ ( มีรายละเอียดเกี่ยวกับ
เรื่องนี้ในหัวข๎อถัดไปซึ่งเลําโดย อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุชครับ )บางครั้งหลวงพํอได๎สํงทํานกับ แมํชีอาจารย๑ทองสุกไปแก๎โรคให๎ผู๎ป่วยตามสถานที่ตําง ๆ เชํน โรงพยาบาลบ๎าง หรือแม๎แตํตาม บ๎านผู๎ป่วยบ๎าง มีเรื่องเลํากันมาวําครั้งหนึ่งทํานได๎รับรักษาผู๎ป่วยคนหนึ่งที่เป็นโรคประหลาดคือ เดี๋ยวท๎องโตเหมือนคนท๎องจริง ๆ และเดี๋ยวท๎องแฟบลงเหมือนคนคลอดลูกแล๎ว ทําให๎คนป่วย รู๎สึกทรมานมาก แมํชีอาจารย๑ถนอมได๎ไปนั่งเข๎าที่แก๎โรคตํอหน๎าผู๎ป่วย แล๎วทําวิชาเก็บฤทธิ์วิชา มารในรํางของผู๎หญิงคนนั้น สักพักใหญํคนป่วยก็หายเป็นปกติ หลังจากหลวงพํอสดมรณภาพ ทํานได๎ย๎ายไปเปิดสอนธรรมปฏิบัติที่ จ. อํางทอง นับวําเป็นศิษย๑ธรรมกายคนแรกที่ได๎ไปตั้งสํานัก ปฏิบัติธรรมนอกวัดปากน้ํา โดยตั้งที่ข๎างวัดท๎องคุ๎ง ต. โพสะ อ.เมือง จ.อํางทอง บนที่ดิน สํวนตัวของทําน แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ถึงแกํกรรมเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2528 สิริอายุได๎ 85 ปี ปัจจุบันแมํชีอภิญญา นาคทรงแก๎ว ได๎เป็นหัวหน๎าสํานักปฏิบัติธรรมของแมํชีอาจารย๑ ถนอมแทน และได๎กํอสร๎างอาคารปฏิบัติธรรมใหมํแทนหลังเดิม แมํชีอภิญญาลูกศิษย๑ทํานก็ยัง แวะมาวัดปากน้ําเสมอ ได๎เลําให๎ฟังวํากํอนที่ทํานพุทธทาสจะมรณภาพประมาณ 2 – 3 ปี ตัวของ ทํานแมํชีอาจารย๑ถนอมเองได๎ไปกราบนมัสการทํานพุทธทาสที่สวนโมกข๑และได๎สนทนากัน ทําน พุทธทาสได๎กลําวชมปฏิปทาหลวงพํอสดตํอหน๎าแมํชีอาจารย๑ถนอมวํา “ พระดีอยําหลวงพํอสด นั้นหายาก ” แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ ได๎รับเลือกเป็นหัวหน๎าเวร ทํานได๎รับการแตํงตั้งจากหลวงพํอสดวัดปากน้ําให๎เป็นหัวหน๎าเวร เรื่องของเรื่องมีอยูํวําวันหนึ่ง หลวงพํอสดได๎เรียกประชุมหัวหน๎าเวรทํานอื่น ๆ แล๎วให๎ทําวิชชาเข๎าธรรมกายไปถาม พระพุทธเจ๎าในนิพพานนับอสงไขยพระองค๑ไมํถ๎วน จากนั้นให๎เอาคําตอบมาบอกหลวงพํอด๎วยวํา ใครสมควรจะได๎รับเลือกเป็นหัวหน๎าเวร แมํชีอาจารย๑ปุกก็ตอบวํา “ให๎แมํชีถนอม” คุณครูฉลวยก็ ตอบเชํนเดียวกัน อีกทั้งหัวเวรคนอื่น ๆ ก็ลงความเห็นให๎แมํชีอาจารย๑ถนอมกันทั้งนั้น เมื่อมติเป็น เอกฉันท๑เชํนนี้หลวงพํอสดทํานจึงแตํงตั้งแมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ เป็นหัวหน๎าเวรคนที่ 6 ตั้งแตํนั้นมา หากคุณผู๎อํานถามวํา คุณยายอาจารย๑อุบาสิกาจันทร๑ ขนนกยูง ทํานอยูํในเหตุการณ๑
ตอนนั้นไหม ขอตอบวํา อยูํครับ และเป็นผู๎ทําวิชชาอยูํในโรงงานมากํอนแมํชีถนอมหลายปี ทีเดียว แตํทํานไมํได๎รับเลือกให๎เป็นหัวหน๎าเวร ได๎เป็นแคํผู๎ชํวยเทํานั้นเองครับ แมํชีอาจารย๑ ถนอม อาสไวย๑ ทํานเลําด๎วยความภาคภูมิใจวํา
“ หลวงพํอเป็นแบบอยํางที่ดีทุกเรื่อง ทํา
วัตรเย็นทําวัตรเช๎าและให๎โอวาทพระเณร ทํานไมํเคยขาดแม๎แตํวันเดียว กํอนเข๎าอุโบสถต๎องปลง อาบัติทุกครั้งแล๎วเทศน๑ หลวงพํอคุมวิชาพวกเรากวดขันจนพวกเรากระดิกตัวไมํได๎เลย เอาจริง เอาจังตลอดเวลา ใครทําวิชาได๎ดีทํานก็ชมเชย หากใครตอบวิชาไมํได๎ จะให๎แก๎ตัวถึง 3 ครั้ง แล๎ว ยังไมํได๎อีกทํานจะถามคนตํอไป
ทํานเคยถามป้าปุกเรื่องต๎นหว๎ารักษาชมพูทวีป ป้าปุกตอบ
ไมํได๎ บังเอิญหลวงพํอมาถามฉัน ฉันก็ตอบทํานตามที่ฉันเห็น ฉันเห็นอยํางไรฉันก็พูดอยํางนั้น บังเอิญแท๎ ๆ ที่ตอบถูก ทํานชอบใจ พอพวกเรารู๎วําทํานบันเทิงอารมณ๑ศิษย๑ทั้งหลายมาขอเงินกัน ใหญํ หลวงพํอเซ็นให๎ทั้งนั้น เอาลายเซ็นไปเบิกเงินจากไวยาวัจกรคือโยมประยูร สุนทารา วัน นั้นโยมประยูรจํายเงินไมํน๎อย หากตอบความรู๎วิชชาธรรมกายถูกแล๎ววันนั้นต๎องได๎เงินใช๎ หาก ตอบความรู๎ไมํได๎แล๎วหลวงพํออารมณ๑ไมํบันเทิงไมํพอใจในความพากเพียรของลูกศิษย๑ ” อาจารย๑การุณย๑บุญมานุชเอํยถึงเรื่องเลําของแมํชีอาจารย๑ถนอม แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ เลําให๎อาจารย๑การุณย๑ฟังวํา “ การทําวิชาในโรงงานทําวิชาของหลวง พํอทํากันเป็นเวร เวรนี้หน๎าที่ใคร ,มีหัวหน๎าเวร , รองหัวหน๎าเวรและพลรบ ขณะที่กําลังทําวิชชา อยูํนั้นหลวงพํอทํานเดินแตํอยูํกันคนละห๎องของห๎องทําวิชา ( หลวงพํอทํานเรียกวําโรงงาน ) “วันนี้เวรของถนอมหรือ ? ” “ แมํชีตอบ ” “ เจ๎าคํะ ” “ ข๎างหลังของถนอมนั้นเป็นใคร ? ” “ เป็นหญิงอายุสัก 15 ปีเจ๎าคํะ ” “ ใครฝึกมา ? ” แมํชีถนอมตอบวํา “ ครูเป็นคนฝึกเจ๎าคํะ ” “ ไมํใชํ วิชาของเรา วิชาของเขาจะทันถนอมอยูํแล๎วรู๎ไหม ทําวิชารํวมกับพวกเราไมํได๎ เดี๋ยวพวกเราจะ ระส่ําระสํายกันหมดรู๎ไหม มารเขาปลอมแปลงเข๎ามา ” รุํงขึ้นแมํชีก็ต๎องชํวยกันในทุกอยํางเพื่อให๎ คุณหนูนั้นไปมีที่อยูํใหมํชํวยกันหาเงินให๎ไป แตํคุณหนูนั้นก็ไมํรู๎ตัวเอง
เพราะธรรมกายที่เธอ
เห็นนั้นไมํขาว เป็นเพราะครูผู๎ฝึกไมํแก๎ให๎ดีเสียกํอนเห็นวําเธอเห็นธรรมก็สํงไปเดินวิชาในกุฏิทํา วิชา เพื่อพวกเราจะได๎มีกําลังรบมากขึ้น เราคิดอยํางนั้นแตํเราคาดการณ๑ผิด ตามเรื่องจริงที่
นํามาเลํานี้เพื่อเราจะได๎ใครํครวญพิจารณาวํา การทําวิชาขั้นสูงนั้นควรฝึกกับครูอาจารย๑จึงจะเกิด ผลดี เพราะอาจารย๑จะได๎แก๎ไขตามความรู๎ทางวิชชาธรรมกาย เพื่อให๎ธาตุธรรมของเราสะอาดขึ้น หากไมํสะอาดแล๎วมารเขาได๎ชํองเอาเราเป็นฐานทัพทันทีโดยที่เราไมํรู๎ตัว ถามวําทํานอําน เนื้อความข๎างบนนี้แล๎วทํานจะวําอยํางไร นี่ขนาดอยูํใกล๎ชิดครูอาจารย๑ยังมีพลาด อาจเป็นพระ ครูอาจารย๑ทํานไมํได๎ตรวจสอบละเอียดเห็นวําเป็นวิชาก็รีบร๎อนนํามาฝึกวิชาชั้นสูงเลย แปลวําเรา ต๎องหมั่นสํารวจตัวเองด๎วยไมํใชํพึ่งแตํครูอาจารย๑ยิ่งในยุคนี้ทํานจะหาครูอาจารย๑ที่ละเอียด รอบคอบในการสอนความรู๎ได๎หรือไมํ ตัวทํานเองควรต๎องมีหลักในการพิจารณาความก๎าวหน๎า ของวิชาพื้นฐานอันได๎แกํ วิชา 18 กายด๎วย ผมได๎นําเสนอไว๎แล๎วบางสํวน ขอให๎ทํานนําข๎อมูล เหลํานี้ไปพิจารณาตนเอง กํอนที่ทํานจะรีบร๎อนไปฝึกวิชาชั้นสูงเถิด สําหรับผู๎ที่จะฝึกสมาธิแบบ ธรรมกายต๎องหาครูที่ดีที่ไว๎ใจได๎ สํวนผมไปฝึกกับหลวงป๋า ( อาจารย๑เสริมชัย สมัยที่ยังไมํได๎ บวช ) แล๎วสํงไปตํอวิชากับหลวงปู่ราชพรหมเถระ ( ถึงเวลาต๎องได๎ตํอวิชชา ) ตํอมาก็ที่วัดหลวง พํอสดที่หลวงป๋าเป็นเจ๎าอาวาสถือวําโชคดี แล๎วคนอื่นลํะไมํได๎โจมตีใครนะครับ แบบวําครูดีมี มากหลายแล๎วจะรู๎ได๎อยํางไรวําใครคือครูที่ดี ดังนั้นใครจะฝึกสมาธิแบบธรรมกายต๎องอยูํใกล๎ครู แล๎วครูต๎องดีด๎วย ( ผมฟังมาทั้ง 3 กลุํม แตํละกลุํมก็โจมตีกันในแบบข๎อปลีกยํอยซึ่งผมเห็นวํา ไมํใชํสาระสําคัญ ทั้ง 3 กลุํมนําจะมาคุยกันได๎แล๎วโดยเฉพาะในกลุํมหลานศิษย๑ทั้งหลาย ) ซึ่งตรงนี้ เป็นชํองทางของมารเหมือนกันที่ทําให๎เกิดการแตกแยกในหมูํศิษย๑ แสดงวํามารทําวิชายํอยแยก ได๎ผล ผมมานั่งแปลกใจวํา ทําไมกลุํมที่ฝึกสมาธิมาด๎วยกันเมื่อปีพ.ศ. 2525 - พ.ศ.2527 หายไป ไหนกันหมดนําแปลกใจจัง บางคนหายไปเลย แตํบางคนก็ยังมีโอกาสได๎เดินทางไปเยี่ยมไป พูดคุย ที่จริงเหลําบรรดาลูกศิษย๑ , หลานศิษย๑นําจะได๎พูดคุยกัน เพราะพวกเราก็ยังเป็นปุถุชนอยูํ ยังไมํบรรลุ ใครบ๎างจะไมํผิด ใครบ๎างจะไมํพลาดนําจะชํวย ๆ กันประคับประคองกันไป เพราะฉะนั้นเวลานั่งสมาธิชํวยกันเก็บวิชายํอยแยกของมารด๎วยครับ พวกเราจะได๎รวมกันติด มารทําวิชายํอยแยกสําเร็จในหมูํศิษย๑ที่ฝึกธรรมกาย (ทําให๎แตํละคนมีทิฐิคิดวําตัวเองแนํ ที่จริง
นําจะรู๎วําแตํละคนเกํงคนละแบบ) ตํอมามันก็ทําวิชายํอยแยกซ้ําลงไปอีกทําให๎ประชาชนไมํมี ความสามัคคีดั่งที่เราได๎เห็นจากเหตุการณ๑ในบ๎านเมืองอยูํในขณะนี้” ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากเรื่องนี้ จริงอยํางที่อาจารย๑การุณย๑ทํานวําครับ เราแตกแยกไมํสามัคคีกันเลยโดยเฉพาะบรรดาสํานักฝึก ตําง ๆ หรือแม๎แตํในสํานักเดียวกันก็ตามทีก็แตกตํางทางความคิดและแตกกลุํมกันไปมาก ทั้งนี้ เพราะเราหลงโลกธรรมมากจนเกินไปอีกทั้งยังมีทิฐิมานะมองแตํข๎อผิดพลาดของกันและกัน ทุก คนก็มีขาดมีเกินกันได๎ครับ เราต๎องยอมรับกันกํอนแตํการยอมรับไมํใชํเรื่องเสียหายหรือเสียหน๎า แตํเป็นการรู๎จักพิจารณาตนเองเพื่อแก๎ไขให๎ดีขึ้นตํางหาก ที่นี้การคุยกันในเรื่องวิชชาธรรมกาย ทํานผู๎รู๎อยํางเชํนคุณสมถะก็ยังกลําวเอาไว๎เลยครับวํา “ ให๎เอาความรู๎ออกหน๎า อยําเอาความเชื่อ ออกหน๎า ” แคํเอาเกณฑ๑นี้วัดก็พอจับจุดได๎แล๎ววําใครมีพื้นฐานการเรียนรู๎มาอยํางไร เอาความรู๎ ออกหน๎าก็คือต๎องรู๎หลักรู๎เกณฑ๑ , รู๎ความสําคัญของวิชา , รู๎พื้นฐานให๎ชัดเจนแล๎วความรู๎ระดับอื่น ๆ ก็จะคุยได๎งํายขึ้น ถ๎าเรื่องพื้นฐานยังไมํประสีประสา เรื่องความรู๎ชั้นสูงควรงดเว๎นเพราะทําน จะไมํมีทางเข๎าใจความรู๎ระดับอื่นได๎เลย หากตราบใดที่พื้นฐานทํานไมํดีพอ นี่คือข๎อควรคิดอยํา เอาความเชื่อออกหน๎าครับ บางทํานใช๎จินตนาการในการเรียนรู๎มากจนเกินไป คิดมากกวําทํา คิด นําจนปฏิบัติเขวหรือคิดฟุ้งซํานจนจับพื้นฐานทางวิชาไมํได๎ ที่สําคัญไมํเคยปฏิบัติมาอยําง ตํอเนื่อง ไมํเคยเข๎าหาผู๎รู๎เพื่อรับการแก๎ไขผสมด๎วยมานะทิฐิเข๎าไปอีกก็ยิ่งไปกันใหญํแก๎ไขอะไร ไมํได๎
ความรู๎ที่ปนเป็นนั้นมักเกิดมาจากความคิดที่ฟุ้งซําน การปนเป็นทางวิชชานั้นมีหลาย
รูปแบบ ถ๎าเราไมํแยกธาตุแยกธรรมให๎ออกเพราะจับหลักความรู๎ไมํได๎ บวกกับความคิด จินตนาการมากเกินไป ความฟุ้งซํานยํอมเกิด นั่นคือฐานชั้นดีให๎ธรรมภาคอื่นเข๎ามาปนเป็นใน เห็นจําคิดรู๎ของเรา สุดท๎ายความรู๎ความคิดอยํางนั้นก็เข๎าหลักปนเป็น แล๎วเราจะแก๎ไขหรือแก๎ลํา กลับลําตัวเองได๎อยํางไรต๎องล๎มกระดานแล๎วเริ่มต๎นด๎วยการเรียนรู๎ใหมํทีละขั้น แก๎ไขทุกอยํางไป ทีละเรื่อง และต๎องอยูํในการควบคุมดูแลของอาจารย๑ผู๎ทรงความรู๎จริง ๆ เรื่องยากก็คือไมํมีใคร ยอมทําเชํนนั้นเพราะเขายํอมเห็นวําตนเองไมํมีอะไรผิด และเมื่อไมํเคยเพํงโทษตนเองได๎เลยก็
แปลวําคน ๆ นั้นจะพัฒนาตนเองได๎ยากยิ่ง เราต๎องยอมรับตนเองกํอนวํา เราทุกคนตํางเคยมีข๎อดี และข๎อเสีย , ตํางเคยปฏิบัติถูกบ๎างพลาดบ๎างแตํเราต๎องใช๎ประสบการณ๑สอนตัวเราเองให๎ได๎ ยอมรับความจริงแล๎วแก๎ไขให๎ถูกทาง สําหรับการที่แตํละสํานักไมํสามารถรวมตัวกันได๎นั้นมี สาเหตุมาจากหลายปัจจัย วิธีแก๎ไขก็คือสร๎างความเป็นหนึ่งเดียวโดยเห็นแกํความรู๎ทางวิชาที่ ถูกต๎องเป็นหลักคือเราต๎องยกความรู๎หลักวิชานําหน๎ายอมรับกันที่ความรู๎ไมํใชํเรื่องอื่น ในวิชชา ธรรมกายผิดอะไรพอจะผิดได๎ แตํวิชาความรู๎ผิดธาตุธรรมภาคขาวทํานไมํเอาด๎วย ดังนั้นเราควร หันหน๎าเข๎าหากันแล๎วมาชํวยกันศึกษา และรักษาอีกทั้งพัฒนาความรู๎ทางวิชาให๎ถูกหลักถูกเกณฑ๑ การเห็นเป็นเหตุให๎เกิดการคิด
การคิดเป็นเหตุให๎เกิดการเห็น
คิดดีกเ็ ป็นทางเย็น
คิดเป็นก็เย็นสบาย
ทางมรรคผลของธรรมภาคขาว ผูท๎ ่ีเข๎ามาเรียนวิชชาธรรมกายมีหลายคติแตกตํางกันออกไปครับ บ๎างก็ศรัทธา , บ๎างก็มา เพราะปัญหาชีวิตต๎องการหาที่พึ่ง , บ๎างก็เข๎ามาเพื่อปรารถนาจะได๎ฤทธิ์อภิญญา เรื่องของการหนี ร๎อนมาพึ่งเย็นนั้นอยําได๎ดูเบาไปครับ ศิษย๑ของหลวงพํอวัดปากน้ําหลายทํานก็เข๎ามาสูํวัดด๎วย เหตุผลทางครอบครัวและการทํากินก็มี เชํน แมํชีอาจารย๑ทองสุกทํานทํามาค๎าขายหลายอยํางก็ไมํ ประสบความสําเร็จ มาหาหลวงพํอวัดปากน้ําทํานก็วํา “ เขาไมํได๎ให๎เอ็งมาเกิดเพื่อทําอยํางนั้น” สุดท๎ายแมํชีอาจารย๑ทองสุกก็ต๎องมาอยูํกับหลวงพํอวัดปากน้ําเพื่อชํวยงานการเผยแพรํวิชา และ เป็นครูสอนภาวนาไปด๎วย สํวนแมํชีอาจารย๑ถนอมก็เชํนกัน สามีของทํานเสียชีวิต ทํานขาดที่พึ่ง จึงมาหาหลวงพํอ จนได๎เป็นหัวหน๎าเวรทําวิชาในโรงงาน ไมํเว๎นแม๎แตํคุณยายอาจารย๑มหารัตน อุบาสิกาจันทร๑ ขนนกยูง ผู๎อยูํเบื้องหลังความสําเร็จของวัดพระธรรมกาย ที่มีแรงกระตุ๎นเตือน ให๎ตามหาพํอเพื่อขออโหสิกรรม จึงเข๎ามาเรียนธรรมกายกับแมํชีอาจารย๑ทองสุก ในที่สุดก็เข๎าทีม ในโรงงานทําวิชา แตํละทํานล๎วนมีเหตุที่มาประหนึ่งเหมือนกับวําธาตุธรรมทํานจัดสรรเส๎นทาง เดินเอาไว๎ไมํผิด การเรียนวิชชาธรรมกายชั้นครูเหลํานี้เป็นไปเพื่อการกําจัดทุกข๑ , กําจัดโรค , กําจัดภัย การเรียนของทํานจึงเข๎มข๎น , ตรึงเครียด และต๎องใช๎วิชาสูงทั้งสิ้น คุณผู๎อํานอาจจะถาม
ย๎อนกลับมาวํา ที่วําวิชาสูง....สูงแคํไหน ก็ต๎องขอตอบวํา สูงขนาดแก๎โรคได๎ , เรียกลมเรียกฝนได๎ ไปจนถึงกําจัดมารและดับมารได๎ในที่สุด สูงขนาดนั้นลูกศิษย๑ของหลวงพํอสดชั้นครูเหลํานี้ทําได๎ ครับ เพราะหลวงพํอทํานกํากับกวดขันดูแลอยํางใกล๎ชิดทีเดียว ไมํเกํงไมํได๎เพราะทํานไมํยอม ต๎องเกํงต๎องทําได๎ทุกคน นี่คือการเรียนในยุคของหลวงพํอ เราจะพบวําศิษย๑ของหลวงพํอเกิดมา เพื่อสิ่งเหลํานี้ ไมํได๎มาเพื่อทําหน๎าที่อื่นใดเลย บารมีของทํานทั้งหลายมีพร๎อมในการทําวิชาตามที่ หลวงพํอกํากับเพื่อปราบมารนั่นเอง ความผิดเพี้ยนจึงมีน๎อย ถ๎าหากมีเพี้ยนหรือผิดปกติอยําง หนึ่งอยํางใดทางวิชา หลวงพํอทํานก็จะแก๎ไขให๎แบบนี้ก็รอดตัวไป นี่คือข๎อคิดมุมมองที่อยากฝาก เอาไว๎ครับ เหตุการณ๑สําคัญที่เกิดขึ้นแกํหลวงพํอสดวัดปากน้ํา แมํชีอาจารย๑ถนอมได๎เลําเรือ่ งมารเข๎าทรงมาสูห๎ ลวงพํอถึงวัดให๎อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช ฟัง ซึ่งมีเรื่องราวดังตํอไปนี้ “วันนั้นหลวงพํอขึ้นศาลาการเปรียญเพื่อเทศน๑ตามปกติของทําน ขณะที่นั่งอยูํบนธรรมาสน๑เพื่อจะเทศน๑ ปรากฏวํามีคนจีนคณะหนึ่งเดินทางมาพบหลวงพํอ เขา เข๎าทรงมาแล๎วคนหัวหน๎าใสํหมวกเจ๏กก็เดินเข๎ามาใกล๎ทํานแล๎วถามวํา “ จะให๎เขานั่งตรงไหน ” หลวงพํอตอบวํา “ เลือกเอา ” เพียงเทํานั้นเองหัวหน๎าของเขาก็ขึ้นนั่งบนธรรมาสน๑เคียงข๎างหลวง พํอทันที ทํานจึงได๎กระซิบกับไวยาวัจกร ( โยมประยูร สุนทารา ) วํา “ ให๎ไปตามพวกเราใน โรงงานทําวิชามาทั้งหมด” วันนี้มารเขาขนกําลังมาสู๎กับเรา คณะทําวิชามาถึงศาลากันพร๎อมแล๎ว ได๎เห็นเหตุการณ๑วํา มารเขาขนกําลังมาสู๎หลวงพํอจึงทําวิชาสู๎กันทันที แตํพวกเราไมํได๎นั่งสมาธิ เพียงแตํยืนเดินวิชา ทําให๎วิชาไมํละเอียดพอ แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ ได๎เลําไว๎วํา “ พอฉัน เห็นคนที่เป็นหัวหน๎านั่งประจันหน๎ากับหลวงพํอ ฉันก็จํารูปรํางของเขาได๎ จึงรีบนั่งหลับตา เข๎าสมาธิทําวิชาทันที ละลายและระเบิดสถานเดียวเข๎านิพพานได๎ไมํฟังเสียงอะไรอีกแล๎ว ข๎าจะ ละลายเจ๎าสถานเดียว” เวลาผํานไปครูํหนึ่งตัวหัวหน๎าที่นั่งบนธรรมาสน๑ชี้มือมาที่แมํชีอาจารย๑ ถนอม อาสไวย๑ แล๎วพูดวํา “ ทั้งหมดนี้มีจริงอยูํคนเดียวคือ แมํชีคนนี้ ” เขากลําวจบก็พาพรรค พวกกลับไป แล๎วกลําวทิ้งท๎ายวําวันหลังจะมาสู๎ใหมํ เมื่อพวกมารได๎กลับไปแล๎วหลวงพํอสดวัด
ปากน้ําพูดกับคณะทําวิชาวํา “ วันนี้วิชาไมํละเอียดเพราะพวกเราลืมตาทําวิชา ไมํนั่งหลับตาไมํรู๎ที่ เป็นที่ตายกันหรืออยํางไร เดินวิชาอยํางนั้นเป็นการประมาทรู๎ไหม มารมันเอาวัดของเราไปทิ้ง ทะเลก็ได๎ ดีแตํวําหนอมชํวยไว๎ได๎ ถ๎าไมํได๎ หนอมวันนี้เราไมํรู๎วําจะเกิดเหตุร๎ายอะไรขึ้น ” แล๎ว ทํานก็กลําวตํอไปอีกวํา “ หนอม...เอ็งนํะคุ๎มข๎าวสุกวัดแล๎ว ” ( หลวงพํอวัดปากน้ําเรียกแมํชี อาจารย๑ถนอมวํา “ หนอม ” คําเดียวเฉย ๆ ) อาจารย๑การุณย๑ได๎นําเรื่องนี้มาถํายทอดตํอแกํลูกศิษย๑ ของทํานและได๎แสดงข๎อคิดเห็นเอาไว๎วํา “ เหตุการณ๑ครั้งนี้เราได๎ความรู๎สําคัญจากหลวงพํอที่บอก วํามารมันมีอานุภาพถึงกับเอาวัดไปทิ้งทะเลได๎คือ มารมันทําอะไรก็ได๎ทั้งนั้น อยํางพวกเราที่เป็น มนุษย๑ มารเขาทําให๎เราแกํ , เจ็บ , ตาย ก็ได๎ ทําให๎แตกแยกกันก็ได๎ เชํน เกาหลี , เวียดนาม , เยอรมัน มารเขาทําให๎เป็น 2 ประเทศได๎ นิกายของสงฆ๑มารเขาก็ทําให๎เป็น 2 นิกายได๎ สรุปแล๎ว มารทําได๎ทั้งนั้น ” ดับตัวละครที่หลวงพํอต๎องการ การกลําวถึงเรื่องนี้จะพูดละเอียดไมํได๎ เพราะไมํกล๎าคงพูดได๎อยํางพอเข๎าใจโดยสังเขปเทํานั้น เรื่องก็มีอยูํวํา แมํชีถนอม อาสไวย๑ พูดให๎ฟังแตํครั้งข๎าพเจ๎าเป็นศึกษาธิการ อ. ป่าโมกข๑ จ. อํางทอง พ.ศ. 2514 – 2523 ระหวํางนั้นเรียนวิชาธรรมกายกับทําน เพราะบ๎านของทํานเป็นสํานัก วิปัสสนา อยูํข๎างวัดทองคุ๎ง อ. เมือง จ. อํางทอง การไปราชการในจังหวัดรถประจําทางจะต๎อง ผํานหน๎าบ๎านแมํชี ดังนั้นแมํชีกับข๎าพเจ๎าอยูํไมํไกลกัน รถยนต๑วิ่งผํานเพียง 5 นาทีก็ถึง แมํชีเลํา วําหลวงพํอลงมาเกิดคราวนี้มีวัตถุประสงค๑สําคัญอยํางเดียวคือมาจับตัวละครที่วํานี้
ถือวําเป็น
ตัวละครสําคัญของธรรมภาคมาร ทําวิชาเทําไรก็ยังไมํพบตัวละครที่วํานี้สักที บัดนี้หลวงพํอของ เราก็มรณภาพไปแล๎วนักรบชั้นหัวกะทิคือศิษย๑เอกของหลวงพํอก็แยกกันไปตํางคนตํางไปที่อยูํวัด ปากน้ําจนวาระสุดท๎ายก็คือแมํชีญาณี ศิริโวหารและแมํชีปุก มุ๎ยประเสริฐ แมํชีถนอมเลําวําตัว ละครสําคัญที่หลวงพํอต๎องการยังคงไมํพบตราบเทําทุกวันนี้ ข๎าพเจ๎าได๎แตํฟัง ฟังแล๎วก็ไมํเชื่อ เมื่อไมํเชื่อแล๎วก็ไมํสนใจลืมเรื่องราวไปเลย เรื่องนี้รู๎กันในหมูํศิษย๑ธรรมกายระดับแกํกล๎าของ หลวงพํอ เพราะทํานทําวิชาด๎วยกัน ทํานต๎องทราบตรงกัน แตํคนภายนอกไมํทราบยิ่งหางแถว
อยํางข๎าพเจ๎ายิ่งไมํรู๎เอาทีเดียว ถึงแมํชีถนอมพูดเรายังไมํเชื่อมันจะเป็นเพราะอะไรข๎าพเจ๎าไมํ ทราบ การทําวิชาของข๎าพเจ๎าเกิดมาพบตัวละครสําคัญเข๎าให๎ เป็นเหตุการณ๑จําได๎ติดตา ( ไมํ ทราบวําไปบันทึกเหตุการณ๑ไว๎ในเลํมใด ) อยูํบนนิพพานนั่นเองไมํได๎อยูํที่ไหนอยูํในวํางนั้น คํานวณให๎ละเอียดเข๎าไป พอวํางหยาบขึ้นมาพบทันที เมื่อพบข๎าพเจ๎าไมํรีรอให๎เสียเวลาทําวิชา ดับทันที เขาไมํสู๎ข๎าพเจ๎าและดับลงอยํางงํายดายไปถามหลวงพํอวํา
“ ทําไมเขาไมํสู๎ผม ”
หลวงพํอตอบวํา “ สู๎ศึกษา ฯ ได๎อยํางไร เพราะศึกษา ฯ มีบารมีมากกวําเขา ” ข๎าพเจ๎าดีใจวํา ตํอไปนี้เราหมดหน๎าที่แล๎วขอเที่ยวเลํนกับเพื่อนฝูงบ๎าง ที่วําดีใจไมํได๎หมายความวําข๎าพเจ๎าไมํเกํง ที่สามารถดับตัวละครสําคัญได๎ ดีใจเพราะเราจะเลิกทําวิชาปราบมารเพราะตรากตรํามานานแล๎ว ไมํได๎หลับไมํได๎นอนมัวแตํเข๎านิโรธค๎นหามารไมํต๎องทําอะไรทั้งนั้น เอาแตํนั่งหลับตาสถานเดียว งานการไมํได๎ทํากับเขา ภรรยาเขาทําคนเดียวเราเอาแตํนั่งหลับตา ตํอไปนี้เราหมดหน๎าที่แล๎ว เรา จะได๎สบายแล๎ว คิดอยํางนี้ ที่ไหนได๎ดีใจชั่วไกํกระพือปีกยังไมํทันได๎เที่ยวเพียงแตํนอนพักผํอน เทํานั้น พอตื่นขึ้นมาพบมารรุํนใหมํอีกแล๎วก็ต๎องทําวิชารบตํอไปอีก ตั้งแตํวันนั้นจนถึงวันนี้ยัง ไมํได๎หยุดเลยแม๎แตํวันเดียว การที่หลวงพํอวัดปากน้ํามาเกิดคราวนี้ต๎องการพบตัวละครทํานนี้ ถือวําเป็นงานใหญํของธาตุธรรมเป็นหัวใจของงาน แตํหลวงพํอมาองค๑เดียวหรือต๎องพูดวํามากัน หมดนครทีเดียวเรียกวําเป็นทัพสหชาติโยธา ทุกคนมีหน๎าที่ , ทุกคนมีบทบาท , ทุกคนมีงานทํา แตํเป็นงานทางวิชาธรรมกาย หลวงพํอมีลูกศิษย๑ทั่วโลกก็แปลวําคนทั้งโลกต๎องมายุํงกับงานของ หลวงพํอ ทั้งหมดนี่คือข๎อมูลที่เราทํานปฏิเสธไมํได๎ บัดนี้หลวงพํอกลับไปแล๎ว นักปราชญ๑สําคัญ กลับเกือบหมดแล๎วทิ้งไว๎แตํศิษย๑ปลายแถวคือข๎าพเจ๎า ให๎ข๎าพเจ๎ารบคนเดียว , ให๎ข๎าพเจ๎า รับผิดชอบคนเดียว , ให๎ข๎าพเจ๎าทํางานยาก ๆ ตลอดเวลาที่รบอยูํไมํเคยมีใครให๎กําลังใจ ไมํคิดก็ดี ไปอยําง ถ๎าคิดขึ้นมามันนําช้ําใจ นี่คือชะตาชีวิตของนายการุณย๑ บุญมานุช ขนานแท๎ดั้งเดิม ความน๎อยเนื้อต่ําใจอยํางนี้เกิดมีแกํข๎าพเจ๎าหลายครั้ง งานปราบมารเป็นงานใหญํเป็นงานสํวนรวม เป็นภาระแกํข๎าพเจ๎า ข๎าพเจ๎าพูดไมํออกบอกไมํได๎จําต๎องก๎มหน๎าสู๎ตํอไป บางครั้งเกิดความท๎อแท๎ เอามาก ๆ รู๎กันหมดทั่วธาตุทั่วธรรม , ทิพย๑ , พรหม , อรูปพรหม , จักรพรรดิ , กายสิทธิ์ รู๎กันหมด
แตํโลกนี้ไมํมีใครรู๎เลย , ไมํมีใครเห็นความสําคัญ , ไมํมีใครชํวย , ไมํมีใครอุปถัมภ๑ แตํมาคิดวํา ความเป็นเอกราชของธาตุธรรมอยูํเหนือสิ่งอื่นใด ใครไมํรู๎แตํพระศาสดารู๎ ทิพย๑ , พรหม , อรูป พรหม เขารู๎ ความน๎อยเนื้อต่ําใจก็หมดไป
ดูแตํทํานเจ๎าคุณพระราชสาครมุนี เจ๎าคณะจังหวัด
สมุทรสาคร ทํานเป็นธรรมกาย ซึ่งเป็นพวกของเราแท๎ ๆ บอกวําไมํรู๎เรื่องของศึกษา ฯ มารู๎เอา ตอนตายนี้เอง หากเพื่อนคนอื่นพูดอยํางนี้บ๎างมารู๎เอาตอนตายขอโทษตํอศึกษา ฯ ด๎วยที่ไมํได๎ ชํวยงานอะไรของศึกษา ฯ เลย ไมํรู๎เรื่องของศึกษา ฯ เลยจริง ๆ แล๎วเราจะวําอยํางไร ตามสะดวก เถิดทํานเอ๐ยไมํได๎วําอะไร แตํวันนั้นจะต๎องได๎อายกันบ๎าง วันนั้นคงมีการเสียใจกันบ๎าง กลับมา พูดเรื่องสําคัญสุดยอดกันดีกวํา ตัวละครที่ถูกดับไปนั้นถือวําหมดภารกิจของหลวงพํอแล๎ว ถือวํา เสร็จงานปราบมารของหลวงพํอแล๎ว เมื่อดับต๎นภาคมารกายมนุษย๑ได๎แล๎วต๎องถือวําจบเรื่อง เอา เข๎าจริงเรื่องยุติเพียงนั้นไมํได๎ เกินรู๎เกินญาณทัสสนะของหลวงพํอ เกินความรู๎ของธาตุธรรมทําน แล๎ว อยําได๎ไปโกรธทํานเลยมารยังมีอีกมากนัก แตํมันละเอียดเกินความรู๎ที่พระศาสดาจะบอกเรา แล๎ว หากเราเลิกทําวิชามันจะเอาธาตุธรรมที่เราไมํรู๎ไมํเห็นมาปกครอง เราจะหมดหนทางแก๎ด๎วย ประการทั้งปวง นี่คือเรื่องหนักใจ ได๎ถามหลวงพํอวํา “ หลวงพํอครับ เทําที่รบมาเครื่องมือมาร คือ ทุคติภูมิ เราก็จัดการไปแล๎ว ดวงบุญที่มารมาระเบิดเอาไปเราก็ตามมาแล๎ว ตัวละครสําคัญคือ ต๎นบาปกายมนุษย๑ เราก็ดับไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ งานปราบมารนํายุติ ” หลวงพํอทํานตอบอยํางนี้ครับ “ ศึกษา ฯ พูดมานี้ถูกต๎องแล๎ว แตํเรายังไมํรู๎วําไอ๎ที่ละเอียด ๆ นั้น มันซํอนตัวอยูํที่ไหน ขอบขําย มีเพียงไรเรายังไมํรู๎ ” หลวงพํอทํานวํามาอยํางนี้ เราก็รู๎ทันทีวําเราต๎องรบตํอยังหยุดไมํได๎ แตํ หลวงพํอทํานยืนยันวํา “ ทุกเรื่องต๎องเสร็จในยุคของศึกษา ฯ ” หากเป็นจริงอยํางหลวงพํอวํา เรา ก็โชคดีร๎อยชั่งทีเดียว ทํานอยําเพิ่งดีใจ นั้นเป็นความเห็นของหลวงพํอ ที่ทํานมีความเชื่ออยําง นั้น “ เออ ! ศึกษา ฯ ต๎องแก๎ศพของหลวงพํอให๎ฟื้นด๎วย ” เราได๎ยินคํานี้เราก็หน๎ามืดแล๎ว คือ หลวงพํอทํานเหมาให๎เราหมดทุกเรื่อง แตํหลวงพํอทํานมีวิธีใช๎คน คือ ให๎ยาหอมเราอยูํเรื่อย การ รบคราวหนึ่งต๎องเปิดดูบันทึกวําอยูํเลํมใด พอรบชนะธรรมกายของหลวงพํอยืนขึ้นประกาศก๎อง ทีเดียว “ เราเป็นหนี้ศึกษา ฯ กันทั้งหมด ” อีกคราวหนึ่ง “ ที่เรารบชนะงวดนี้ได๎ จะให๎รางวัลเป็น
เงินกี่ฟ้าครอบก็ไมํคุ๎ม ” หากทํานสนใจโปรดไปดูบันทึก ข๎าพเจ๎าจดไว๎เป็นสมุดเบอร๑ 2 ถึงเลํมที่ 13 แล๎ว ยาหอมทั้งปวงข๎าพเจ๎าไมํสนใจทราบวําหลวงพํอทํานหลอกใช๎ ทํานให๎กําลังใจเราก็รบ ตํอไป แตํมาคิดถึงคราวนั้นที่วํา “
เป็นหนี้ศึกษา ฯ กันทั้งหมด ” ข๎าพเจ๎าไมํสบายใจจึงเข๎า
ธรรมกายไปถามแมํชีถนอม อาสไวย๑ ( แมํชีตายไปแล๎ว ขณะนี้อยูํชั้นดุสิต ) ถามแมํชีวําทําไม ธาตุธรรมทํานวําอยํางนั้น แมํชีตอบวํา “ ก็ถูกละซี เป็นหนี้บุญคุณแกํศึกษา ฯ กันทั้งนั้น รวมถึง ฉันด๎วย ถ๎าศึกษา ฯ ดับมารรุํนนี้ไมํลง ไมํรู๎มันจะอาละวาดไปแคํไหน ธาตุธรรมทํานทราบดีกวํา เรา ” แมํชีพูดอยํางนั้น หนี้ที่วํานี้ได๎แกํอะไร คนอื่นเราจะไมํวําอะไร แตํเกจิอาจารย๑ไมํรู๎จัก ข๎าพเจ๎าวําข๎าพเจ๎าทํางานอะไร หากทํานถามข๎าพเจ๎ามีความคิดอยํางไร ข๎าพเจ๎าขอตอบวําเราทํา วิชาถวายพระพุทธองค๑อยูํแล๎ว เราชํวยทิพย๑ , พรหม , อรูปพรหม อยูํแล๎ว จักรพรรดิ และ กายสิทธิ์ เราชํวยอยูํแล๎ว มนุษยโลกเทํานั้นที่เขาไมํรู๎ เราไปวําเขาก็ไมํถูกเพราะวิชาของเราไปถึง หมดทุกภพทุกจักรวาลไมํเว๎นเลย วิชาปกครองทั่วไปไมํเว๎นใครถือวําอยูํในปกครองของเราทั้งนั้น ธาตุธรรมทํานตัดสิน ข๎าพเจ๎าไมํได๎ตัดสิน อีกใจหนึ่งก็อยากให๎เกจิอาจารย๑พูดเหตุขัดข๎องให๎ฟัง งานดับตัวละครสําคัญผํานไปแล๎ว แตํการบ๎านที่ข๎าพเจ๎าคิดไมํเลิกคืออะไร ตัวละครทํานนี้ ข๎าพเจ๎าออกชื่อไมํได๎ ข๎าพเจ๎าไมํเชื่อแตํมันเป็นไปแล๎ว ดังนั้นใครที่มีลักษณะเดียวกันนี้จะทํา อยํางไรกันตํอไป นี่คือการบ๎านที่เราคิดไมํตก ใครที่สร๎างบารมีคาบลูกคาบดอกอันตรายมาก เพราะจะต๎องถูกมารพลิกธาตุธรรมกลับไปเป็นธรรมภาคมารแนํ ๆ แล๎วเราจะต๎องมาปราบกันอยูํ อยํางนี้จะมีวันจบสิ้นหรือ อาจารย๑ดัง ๆ ในประเทศของเรานี้ทําไมเรียนวิชาอยํางนั้น , ทําไมสอน กันอยํางนั้น , ทําไมได๎เงินมาอยํางนั้น ถ๎ามารหนุนใครเขาผู๎นั้นรวยทันทีรวยอยําบอกใคร ดัง เดี๋ยวนี้โดํงเดี๋ยวนี้ มีศิษย๑มาสูํไมํขาดระยะทําอะไรขลังทั้งนั้น แตํกํอนเราไมํทราบ มาทราบเอาใน ตอนที่เราทําวิชาปราบมารนี่เอง มารมันทําได๎สารพัดมันเกํงถึงขนาดนั้นทีเดียว ระยะนี้อาจารย๑ดัง ๆ ตายกันมาก พอตายไปแล๎วจะทราบเรื่องทั้งหมด เรื่องตํางๆจะเปิดเผยกันหมด ทํานที่คาบลูก คาบดอกจะหนาวๆร๎อนๆ ทํานที่เป็นสัมมาทิฏฐิสบายใจทุกสถาน กลําวถึงเกจิอาจารย๑ที่วิชาไมํเป็น สัมมาทิฏฐิอยํางนี้ไมํมีปัญหา ตัดสินงําย ประเภทคาบลูกคาบดอกนั้นยากมาก พระพุทธองค๑จะ
ให๎ดวงบารมีหรือไมํ ถ๎าให๎ไปเดี๋ยวมารก็กลืนธาตุธรรม แล๎วเราก็ต๎องมาปราบกันอยูํอยํางนี้ ยังจํา ได๎ไมํลืม วันที่ดับตัวละครสําคัญแมํชีถนอม อาสไวย๑ ทํานพูดวํา“ ศึกษาฯเราปราบพวกเดียวกัน เสียแล๎ว ” ข๎าพเจ๎าจําไมํลืม นี่แหละทํานทั้งหลาย จะเรียนวิชาก็ต๎องพิจารณา จะสร๎างบารมีก็ต๎อง เรียนรู๎ มีเงินแล๎วก็ทุํมเข๎าไป ทํานก็คิดวําทํานได๎บุญ แตํแล๎วเหตุการณ๑เป็นอยํางนี้ ทีเราขอแคํ หมื่นบาทเพื่อนขัดข๎อง แตํอาจารย๑อยํางนั้นปรารภ เพื่อนทุํมให๎เป็นล๎าน เรื่องดับตัวละครสําคัญ ขอจบแคํนี้กํอน เลําเรื่องในอดีตของแมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ ( โดยอาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช ) ทํานอาจารย๑การุณย๑ได๎เอํยเลําถึงเรื่องราวของแมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ เอาไว๎ในหนังสือปราบ มารภาค 4 หน๎าที่ 20 ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งดังนี้ครับ “เรื่องมีอยูํวํามีคนมาขอให๎หลวงพํอชํวย แก๎ไขเรื่องอะไรจําไมํได๎แล๎ว หลวงพํอทํานก็สั่งให๎แมํชีถนอม อาสไวย๑ ไปแก๎ไข แตํผู๎นําพาไมํเอา แมํชีถนอมกลับไปเอาพวกของตน พอกลับมาหลวงพํอทํานก็ถามเหตุผล ปรากฏวําตอบหลวงพํอ ไมํได๎เลย หลวงพํอก็นิ่งไมํวําอะไร หลวงพํอไมํกล๎าค๎านเพราะผู๎นําพาเป็นผู๎อุปการะวัด หลวงพํอ เกิดความเกรงใจ นี่คือความหลังที่ข๎าพเจ๎านํามาเลําไมํทราบวําแมํชีถนอม อาสไวย๑ ทํานมีความรู๎ ดีอะไรหลวงพํอทํานใช๎ตลอดเวลา เมื่อมีงานที่ต๎องใช๎วิชาธรรมกายแก๎ไข หลวงพํอจะเรียกแมํชี ถนอมกํอนเสมอ ถ๎าแมํชีถนอมไมํอยูํหลวงพํอจะไมํพอใจ บางครั้งทํานก็พูดเอาแรง ๆ จะให๎ดีต๎อง ให๎แมํชีญาณี ศิริโวหาร ทํานเลําความหลัง บังเอิญแมํชีญาณี ศิริโวหาร ตายไปแล๎วเราก็เลยไมํได๎ ฟังเรื่องดี ๆ เทําที่ข๎าพเจ๎าฟังดูก็เป็นเรื่องของแมํชีถนอม อาสไวย๑ ทั้งนั้น สรุปวําแมํชีถนอมมีธุระ ไปไหนไมได๎เพราะหลวงพํอทํานเรียกใช๎ตลอดเวลา เมื่อมีแขกมาหาหลวงพํอก็มักมีปัญหามาให๎ หลวงพํอชํวย หลวงพํอรับทราบปัญหาก็จะเรียกแมํชีถนอมแล๎วก็สั่งงาน
“ หนอมชํวยตํออายุ
ให๎เขาด๎วย ” “ หนอมแก๎โรคให๎คนนี้หนํอย” “ หนอมชํวยตรวจดูให๎หนํอย คนนี้เขาตายไปแล๎ว ขณะนี้เขาอยูํที่ไหน ” เป็นต๎น คนอื่นหลวงพํอทํานไมํคํอยเรียกใช๎ ข๎าพเจ๎าดวงดีที่เกิดมาพบแมํชี ถนอม อาสไวย๑ ทํานสอนวิชาให๎จนข๎าพเจ๎าแก๎โรคได๎ , ปราบมารได๎ , สอนได๎ , ทําได๎สารพัด ความรู๎ที่เคยเรียนมาจากแมํชีทองสุก สําแดงปั้น ทํานสั่งแก๎ไขหมดรวมความวําความรู๎ของ
ข๎าพเจ๎ายกเครื่องใหมํหมดเลย เป็นอานิสงส๑ทันตาเห็น ข๎าพเจ๎าแก๎โรคได๎มีคนมาให๎ข๎าพเจ๎าแก๎โรค จํานวนมาก บางคนเขานึกถึงบุญคุณเขาเอาเงินมาให๎ ข๎าพเจ๎านําเงินนั้นไปพัฒนาสํานักของทําน ทั้งหมด สร๎างห๎องน้ํา , ตํอครัว เป็นต๎น พอข๎าพเจ๎าย๎ายราชการการไปมาหาสูํไมํเป็นปกติแล๎วไป มาหาสูํกันยากขึ้นเพราะอยูํกันคนละจังหวัด สุดท๎ายแมํชีมาพักอยูํวัดปากน้ํา ข๎าพเจ๎าก็ไปเป็น ผู๎ชํวยศึกษาธิการที่ จ.จันทบุรี แมํชีป่วยและถึงแกํกรรมที่วัดปากน้ํา ทุกวันนี้ข๎าพเจ๎าเสียใจที่ อุปถัมภ๑ทํานได๎ไมํเต็มมือเพราะความขาดแคลนของข๎าพเจ๎านั่นเอง แม๎วําทํานตายไปแล๎วแตํก็ยัง ดูแลวิชาของข๎าพเจ๎าอยูํ พรรคพวกของข๎าพเจ๎าตายไปข๎าพเจ๎าก็เอาไปฝากทํานไว๎ทํานก็รับดูแลให๎ ทุกวันนี้คิดเสมอวําถ๎าไมํมีแมํชีถนอมเพียงคนเดียว งานปราบมารมีขึ้นไมํได๎ ความรู๎อยํางนี้ไมํมี ใครบอกเราได๎ มีแตํแมํชีถนอม อาสไวย๑ เทํานั้น ที่จะตอบปัญหาให๎เราได๎เป็นธรรมกาย เหมือนกันแตํไมํเหมือนกัน ฝีมืออยํางแมํชีถนอมเราจะไปหาที่ไหนถ๎าแมํชีถนอมไมํอยูํ ทําไมหลวง พํอโกรธนัก ข๎าพเจ๎าจึงเข๎าใจความหมายของหลวงพํอ ทําไมหลวงพํอไมํเรียกใช๎เรา เราเองก็เป็น ธรรมกายก็เพราะ ไมํถึงขั้น หลวงพํอจึงไมํเรียกใช๎คือ ฝีมือของเราใช๎การไมํได๎ หลวงพํอทํานจึง ไมํใช๎นั่นเอง ” สํวนอีกเรื่องหนึ่งที่อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช ได๎พูดถึงแมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ ซึ่งผมได๎ ไปค๎นเจอในหน๎าที่ 68 ของหนังสือปราบมารภาค 4 ทํานได๎เลําเอาไว๎อยํางนี้ครับวํา “ ระลึกถึงแมํชี ถนอม อาสไวย๑ แตํครั้งที่ทํานยังไมํตาย วันหนึ่งข๎าพเจ๎าไปพบทําน ทํานเลําให๎ฟังวําเมื่อคืนฝัน เห็นหลวงพํอ ในความฝันนั้นหลวงพํอพูดวํา “ อยากให๎แมํหนอมรวมพวกเราขึ้นมาใหมํ จะได๎ รวมตัวกันทําวิชาสู๎มาร หากได๎ฉลวยมาคนหนึ่งคงจะได๎สนุกกันอีก ” แมํชีเลําวําพอตื่นขึ้นฉันก็ นึกถึงคุณฉลวยเขา ตั้งแตํหลวงพํอของงเราตายไปแล๎ว ตํางคนตํางไปตํางคนตํางอยูํไมํพบคุณ ฉลวยเลยอยากพบเขาเหลือเกิน เมื่อข๎าพเจ๎าได๎ยินดังนั้น ข๎าพเจ๎าขานรับทันที “ หากคุณฉลวยมา อยูํกับแมํครู ผมจะเป็นผู๎สร๎างกุฏิให๎ขอให๎มาอยํางเดียว คําใช๎จํายทั้งปวงผมจะเป็นผู๎รับผิดชอบ ” เหตุการณ๑ผํานไปทําอยํางไรก็ไมํได๎ขําวคราวจากคุณฉลวย ไมํทราบวําคุณฉลวยอยูํที่ใดสืบถาม เทําไรก็ไมํมีใครรู๎ มันเรื่องอะไรที่มารมันจะยอมให๎คนเกํงกับคนเกํงมาเจอกัน ถึงเราจะพบกันก็
เป็นแบบเยี่ยมเยียนกันเทํานั้น ประเด็นที่จะอยูํรํวมกันทําวิชานั้นเลิกคิดได๎ ถึงอยํางไรมารมันก็ไมํ ยอม วิธีที่เขาทําก็คือสอดละเอียด สักวันหนึ่งเราอาจขัดใจด๎วยเรื่องไม๎จิ้มฟันอันเดียวก็ได๎ ซึ่ง มารเขาทําได๎ทั้งนั้นหากทํานได๎ทราบเรื่องราวการปราบมารในยุคของหลวงพํอ ทํานจะสงสาร หลวงพํอเป็นที่สุด ในระหวํางที่ทําวิชานั้นความไมํราบรื่นเกิดขึ้นเสมอ อุปสรรคซึ่งขัดขวาง เกิดขึ้นเสมอ ปัญหาทั้งปวงเข๎ามาจนเราไมํมีเวลาคิดวิชา ที่เป็นเชํนนี้ก็เพราะภาคมารเขาชักใยอยูํ เบื้องหลัง ” แมํชีอาจารย๑ถนอม กลําวถึงเรื่องธาตุธรรม แมํชีถนอม อาสไวย๑ กลําวแกํข๎าพเจ๎าตอนที่ทํานยังมีชีวิตอยูํทํานพูดวํา “ ศึกษา ฯ ฉันนี้ธาตุ ธรรมทํานเลี้ยง ผ๎าเมตรหนึ่งไมํเคยซื้อ ข๎าวสารลิตรหนึ่งไมํเคยซื้อ ทําวิชาไปวัน ๆ หนึ่งเทํานั้น จะคุ๎มข๎าวสุกหรือเปลํา หากตายไปจะอยํางไร ยังไมํรู๎มันเสียวสันหลัง ” นี่คือคํากลําวของแมํชี ความหมายของคํากลําวคืออยํางไร ทํานอยากทราบก็คือวําชุดธรรมกายที่ธาตุธรรมทํานสํงมาเกิด จะต๎องทําวิชา ธาตุธรรมทํานเลี้ยงข๎าวไมํต๎องซื้อ , เสื้อผ๎าไมํต๎องซื้อมีคนนํามาให๎กินให๎ใช๎ โดย ธาตุธรรมทํานกํากับอยูํข๎างหลัง หากงานของเราไมํเข๎าเป้าธาตุธรรมทํานลงโทษทั้งนั้น แตํแมํชี ถนอมทํานมักน๎อยไมํร่ํารวยอะไร ทํานทําวิชาของทํานไปจนหมดอายุ ทํานตายเมื่อปีพ.ศ. 2528 ซึ่งตรงกับชํวงเวลาที่ข๎าพเจ๎าทําวิชาปราบมารแล๎ว พอแมํชีตายลงข๎าพเจ๎าเข๎าปกป้องทันที ไมํให๎มี การกระทบกระทั่งทําน ขอให๎เป็นสุขสถานเดียว เพราะทํานเป็นอาจารย๑ของข๎าพเจ๎า เรื่องแคํนี้ ชํวยทํานไมํได๎ก็อยําคบกันเลย โชคดีที่แมํชีตายกํอนข๎าพเจ๎า หากข๎าพเจ๎าตายกํอนทําน ก็ไมํทราบ วําเหตุการณ๑จะเป็นอยํางไรเหมือนกัน แตํความรู๎ที่จะชํวยครูอาจารย๑ทํานต๎องเรียนมาก ๆ ยากที่ จะทําและก็ทํายากด๎วย ( ในเรื่องนี้ขอให๎ทํานไปอํานปราบมารภาค 1 , ภาค 2 ทํานคงทราบ ) ตลอดเวลาที่ทําวิชาปราบมารตั้งแตํต๎นจวบจนปัจจุบันไมํมีใครชํวยไมํมีใครอุปถัมภ๑ทํามาคนเดียว อดทนทํามาด๎วยความจําใจ แตํมีความเพียรไปไถเงินเขามาพิมพ๑ตําราแจก แจกฟรีตลอดงานแจก ฟรีทุกเรื่อง
ไมํเคยได๎เงินตอบแทนด๎วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น ที่เป็นเชํนนี้ก็เพราะมารเขา
ขัดขวางทุกรูปแบบเพราะเขากับเราต๎องรบกันเราระเบิดเขา เขาก็ตัดสมบัติเรา เมื่อเราสู๎กับเขา
แล๎วเราจะอ๎างปัญหาอะไรไมํได๎ต๎องสู๎สถานเดียว สู๎ได๎ก็สู๎ สู๎ไมํได๎ก็ต๎องสู๎ การเดินวิชานั้นทําได๎ ยาก มารเขาปิดรู๎บังญาณทัสสนะตลอดเวลา จะรู๎เห็นอะไรได๎แตํละอยํางต๎องเอาชีวิตเข๎าแลก ทั้งนั้น ต๎องชนะจึงจะรู๎จึงจะเห็นได๎ ไปได๎คติมาจากอุบาสิกาถนอม อาสไวย๑ สมัยที่ข๎าพเจ๎าเป็น ศึกษาธิการอําเภอหนุํม ๆ ตอนนั้นเรายังไมํเป็นวิชาทํานเลําให๎ฟังวํา “ สมัยที่ฉันทําวิชา หลวงพํอ ทํานตั้งเวร ๆ ละ3 ชั่วโมง คืนนั้นเป็นเวรของฉัน ฉันออกเวรเมื่อเวลาตี 3 บอกวิชาเวรตํอไปแล๎ว ฉันก็กลับไปนอนพอจะล๎มตัวนอนหลวงพํอใช๎ให๎คนมาตาม ฉันก็รีบไปหาหลวงพํอในยามดึกนั้น หลวงพํอถามวํา “ กํอนที่เอ็งจะไปนอนเอ็งบอกวิชาแกํหัวหน๎าเวรใหมํหรือเปลํา ” แมํชีตอบวํา “ บอกเจ๎าข๎า ” “ เอ็งบอกเขาไปอยํางไร เอ็งลองวําให๎หลวงพํอฟังเดี๋ยวนี้ ” ฉันก็เลําเรื่องของวิชาวํา ไปเห็นอะไรอยํางไร พอกลําวจบหลวงพํอทํานกลําวดังนี้ “ หนอมมันก็บอกถูก รู๎ไหมวิชานี้ค๎นถึง 2,000 ปีทีเดียว กวําจะพบได๎จําวิชาเอาไปทํากัน ” เสร็จแล๎วหัวหน๎าเวรใหมํก็จําวิชาไปทําตามที่ หลวงพํอสั่ง ตามที่กลําวมานี้เราจะทราบวํา
ความรู๎บางความรู๎กวําจะพบได๎ใช๎เวลาค๎นคว๎านาน
เพียงใด เมื่อได๎มาแล๎วทําไมไมํนําความรู๎มาเรียนกันมันค๎นคว๎างํายอยูํหรือ มันเห็นงํายอยูํหรือ ข๎าพเจ๎าได๎คติมาจากุบาสิกาถนอม อาสไวย๑ จึงนําความรู๎วิชาปราบมารออกเผยแพรํ แม๎จะไมํมี อะไรตอบแทนแตํก็ทําตามอุดมคติ , ทําตามอุดมการณ๑ , ทําตามเหตุผล เพราะวิชาปราบมารมี ความยากเหลือเกิน,ยากที่จะเป็น , ยากที่จะรู๎ , ยากที่จะทํา , ยากที่จะอธิบายไมํใชํความรู๎ธรรมดา ข๎าพเจ๎าพิมพ๑ตําราออกมาได๎แปลวําข๎าพเจ๎าชนะไปขั้นหนึ่ง กวําจะพิมพ๑เสร็จแตํละเลํมมีปัญหา ร๎อยแปดสารพัดที่จะกลําวมารเขาไมํยอมทําเดียว แตํเราฝืนไว๎อดทนไว๎ ทํานผู๎รู๎จะคิดอยํางไรจะ วิจารณ๑อยํางไรไมํใชํเรื่องที่ข๎าพเจ๎าจะสนใจ หมดหน๎าที่ของข๎าพเจ๎าแล๎ว บัดนี้ตําราอยํางนี้เกิดขึ้น แล๎วในโลก ทํานที่มีบารมีธรรมพบเข๎ายํอมเกิดความสนใจใฝ่รู๎ เพราะเป็นบารมีของทํานที่จะ เรียนรู๎ สํวนทํานที่วิจารณ๑ก็ต๎องมาดูวําความรู๎ที่นํามากลําวนั้นเป็นความรู๎ระดับใดอยูํในหลักของ นักปราชญ๑หรือเปลํา เราทําได๎หรือไมํ ทําได๎หรือเปลํา ความคิดของเราเป็นสัมมาทิฎฐิหรือเปลํา นี่เป็นเรื่องความรู๎ชั้นสูง โปรดเข๎าใจวําเราปราบมาร ไมํควรไปเถียงแทนมาร อยําให๎ความเห็น ของเราเป็นมารโดยที่เกิดความเป็นหํวง จึงขอพูดไว๎หากทํานต๎องการรู๎ต๎องการเข๎าใจ ข๎าพเจ๎าก็
ยินดีต๎อนรับจะอธิบายความรู๎ให๎ฟังตลอดปลอดโปรํง ขอให๎ทํานต๎องการเรียนอยํางจริงจังก็แล๎ว กัน เรื่องก็งํายเพราะบันทึกไว๎หมด ใครจะอธิบายอะไรเพียงแตํเปิดอํานบันทึกเราจะลําดับความได๎ ทันที โปรดเข๎าใจวําข๎าพเจ๎าไมํได๎ประโยชน๑ใด ๆ เลย มีแตํเสียประโยชน๑คือไปไถเงินเพื่อนฝูงมา พิมพ๑ เมื่อพิมพ๑เสร็จแล๎วก็แจกฟรีไมํต๎องการชื่อเสียงจะหวังเอาชื่อเอาเสียงไปทําอะไร เพราะเป็น ฆราวาสใครเขาจะให๎คํานิยมคํานิยมไปอยูํกับพระสงฆ๑ พระสงฆ๑ตํางหากที่สังคมให๎คํานิยม ฆราวาสอยํางข๎าพเจ๎าใครเขาจะเชื่อ ข๎าพเจ๎าไมํได๎อาศัยศาสนาแตํข๎าพเจ๎าศึกษาเลําเรียนในศาสนา วําวิชาในศาสนายังมีอีกมากที่เรายังเข๎าไมํถึง อะไรที่เราพบจะเข๎าถึงก็ควรนํามาเรียนรู๎กัน เรื่องก็ มีเทํานี้ มีหลายทํานเดินทางไปพบข๎าพเจ๎าบอกวําอํานตําราที่ข๎าพเจ๎าเขียนแล๎วเกิดศรัทธาอยากมา พบตัวจริง ครั้นพบกันแล๎วทํานก็ศึกษาเรียนรู๎วิชา ,ชีวิตของข๎าพเจ๎า มีบ๎านชํองอยํางไร , มีหน๎าที่ ราชการอะไร , ทําไมจึงนําเงินมาพิมพ๑ตําราแจกฟรี ๆ ขอทราบเบื้องหน๎าเบื้องหลัง , มีประวัติ ศึกษาธรรมกายมาอยํางไร , ทําไมจึงนํามาเขียนตําราอยํางนี้ , มีประโยชน๑รายได๎อะไรหรือ , มี ผลงานในการเขียนวิชาธรรมกายอะไรบ๎าง ขอพิสูจน๑ทั้งหมดเอาหนังสือไปวิเคราะห๑เจาะลึกทุก เลํมจะถามอะไรก็ถามได๎สารพัด สุดท๎ายทํานให๎ความนับถือข๎าพเจ๎า ทํานจะนับถือหรือไมํนับถือ ไมํใชํหน๎าที่ที่ข๎าพเจ๎าสนใจเลย เพราะข๎าพเจ๎าไมํได๎หวังอะไรจากทํานไมํต๎องการอะไรทั้งนั้น แตํ ถ๎าทํานเห็นวําคนที่มีแนวคิดและมีความรู๎อยํางนายการุณย๑ บุญมานุช ควรจะนําผลงานมาตีพิมพ๑ เผยแพรํไปทั่วโลก หากทํานคิดอยํางนั้นเรามาเป็นเพื่อนในธรรมกันได๎ หากทํานศึกษาข๎าเจ๎า ตามที่กลําวนี้ข๎าพเจ๎าพอใจมาก หากจะถามทํานวําทํานเรียนรู๎วิชาธรรมกายได๎แคํไหนแล๎ว หลักสูตรคูํมือสมภารทํานเรียนแล๎วหรือยัง , หลักสูตรวิชชามรรคผลพิสดารทํานเรียนหรือยัง , วิชาปราบมารทํานได๎อํานแล๎วหรือยัง ทํานจะตอบอยํางไร ยังไมํรู๎เรื่องเลยยังไมํได๎ความอะไร ทั้งนั้น ลืมไปวําเราใกล๎ตายแล๎วยังไมํได๎งานอะไรเลย เคยมาเป็นเจ๎าภาพพิมพ๑หนังสือเผยแพรํ วิชาธรรมกายบ๎างหรือเปลํา เปลําทั้งนั้น ลืมคําพูดของหลวงพํอเราแล๎วหรือหลวงพํอพูดวํา “ ไอ๎ ทางโลกก็เหลวไอ๎ทางธรรมก็เหลก เหมือนแบกบอน เหลือแตํกิน นอน เที่ยว สามอันเทํานั้นเอย ” ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยที่หลวงพํออาพาธแตํอาการไข๎ยังไมํรุนแรงเป็นเหตุการณ๑ใกล๎ที่
หลวงพํอจะมรณภาพแล๎วเรื่องมีอยูํวํา ในหมูํทํานที่ทําวิชาด๎วยกันคิดอยํางไรไมํทราบมีขําววํา หลวงพํอทํานให๎อุบาสิกาถนอม อาสไวย๑ พ๎นไปจากกหน๎าที่ทําวิชา มีการพูดกันไปพูดกันมา ขําว นี้ทราบถึงแมํชีถนอม ในครั้งนั้นเป็นที่ทราบกันทั่ววําแมํชีถนอม อาสไวย๑เป็นคนเกํงทําวิชาได๎ เหตุได๎ผล เป็นที่ยกยํองกันทั่วไป แมํชีถนอมทํานเลําให๎ข๎าพเจ๎าฟังวํา “ ฉันก็อยากทราบวําขําวที่ จะให๎ฉันพ๎นหน๎าที่ทําวิชาเป็นจริงหรือไมํและอยํางไร เพราะฉันก็มีบ๎านของฉันอยูํที่ จ. อํางทอง มีแตํคนมาถามเรื่องราวฉันคอยหาจังหวะอยูํ เมื่อไรจะได๎จังหวะเข๎าไปกราบหลวงพํอ จะได๎ถาม เรื่องราวได๎ชัด แมํชีทํานเลําอยํางนั้น วันหนึ่งเป็นจังหวะดีหลวงพํอกําลังฉันอาหาร ผู๎คนทั้งปวง คอยฟังอยูํเขาอยากฟังขําวจึงมากันมาก พอฉันไปถึงกราบหลวงพํอกํอนหลวงพํอเห็นฉันก็รับสั่ง วํา เออ ! “หนอม คอยหลวงพํอกํอนให๎หลวงพํอฉันของหวานกํอน แล๎วหลวงพํอก็ฉันของหวาน แบบรีบฉันเพื่อจะได๎พูดกับฉัน พอหลวงพํอฉันอาหารเสร็จทํานก็พูดวํา “เออ ! หนอมมาก็ดีแล๎ว หลวงพํอจะสั่งวิชา (แล๎วทํานก็สั่งวิชานั้นให๎ทําอยํางนั้นวิชานี้ให๎ทําอยํางนี้ ) รีบไปทําวิชานะลูก, รีบทํานะลูกนะ” แล๎วแมํชีถนอมก็ก๎มกราบหลวงพํอ คนทั้งหลายก็พากันกลับ หลวงพํอไมํได๎ รับสั่งให๎พ๎นจากการทําวิชาตามขําวที่ใคร ๆ เขาพูดกัน ไมํทราบเอาขําวนี้มาอยํางไร แมํชีจะ กลับไปอยูํบ๎านสํวนตัวที่ จ . อํางทองก็กลับไมได๎เพราะหลวงพํอทํานสั่งให๎ทําวิชา มีแตํงานทําวิชา เพิ่มขึ้น หลวงพํอสั่งเพิ่มขึ้นอีกใคร ๆ ก็ได๎ยินกันวําหลวงพํอสั่งอยํางไร หลวงพํอทํานมีรู๎มีญาณ หยั่งรู๎ทันมารจะเอาคนเกํงพ๎นไปจากหมูํพวกทําวิชาได๎อยํางไร หลวงพํอทํานทราบดี ตัวอยํางนี้ เขาเรียกวํา มารทําแผนผังระเบิด เพื่อให๎คนเกํงพ๎นไปทีละคน เมื่อเราหมดคนเกํงแล๎วเราจะได๎ใคร ไปสู๎มาร คนสู๎ต๎องเกํงพอสมควร มีมากคนก็จริงอยูํ แตํไมํถึงขั้นเกํงอยํางนี้แพ๎เขาวันยังค่ํา คน ทําวิชาชั้นสูง นอกจากจะมีความรู๎ดีแล๎วต๎องหนักแนํนต๎องมักน๎อยต๎องหูหนัก ก็เห็นแตํ หลวงพํอ ของเราเทํานั้นที่จะทําได๎ ตามที่เลํามานี้เป็นตัวอยํางที่เราต๎องใครํครวญและพิจารณาวํางานปราบ มารนั้นทํายากต๎องประกอบด๎วยปัจจัยหลายอยําง เรามีแตํจะหาคนเกํงมาชํวยแตํกลับจะเอาคน เกํงหนีไปจากเรา เราจะทํางานใหญํคืองานปราบมาร เราต๎องหาธาตุธรรมนักรบเข๎าไว๎ในกองทัพ จะเสียอะไรไมํวําขอให๎ได๎ผู๎มีบุญนั้นเถิด เพื่อจะได๎มาเป็นกําลังในงานปราบมารยิ่งเกํงกวําเรายิ่งดี
ขอให๎เกํงกวําเราเถิด , ขอให๎เขาเข๎าถึงวิชามากกวําเราเถิด, ขอให๎เขาเป็นวิชามากกวําเราเถิด เรา ปรารถนาถึงเขาผู๎นั้นจะเสียอะไรเทําไรไมํวําเลย ขอให๎เราได๎พบคนเกํง นี่คือความปรารถนาของ หลวงพํอ ดังนั้นขอให๎เราเรียนเรื่องราวของหลวงพํอไว๎ให๎มาก เพื่อเป็นคติเตือนใจแกํเรา ที่ ข๎าพเจ๎านํามาเลํานี้ก็เพื่อให๎เราได๎ยินได๎ฟังอะไรที่จะเป็นประโยชน๑ตํอผู๎มีบารมีธรรม ไมํวําอะไร อยําเพิ่งดํวนตัดสินใจต๎องใครํครวญให๎ดีกํอน ” แมํชีถนอมพบกายต๎นหนุํมของหลวงพํอ กายต๎นหนุํมของหลวงพํอคือกายมนุษย๑พิเศษที่หลวงพํอพิสดารไว๎ โดยแมํชีอาจารย๑ถนอม ทํานเป็นผู๎ไปพบเข๎าทํานไปเห็นอยูํในวํางของนิพพานนั้นจึงนําเรื่องมารายงานตํอหลวงพํอวัด ปากน้ํา พอแมํชีอาจารย๑ถนอมเลําจบลงหลวงพํอทํานดีใจมากถึงกับกลําววาจาออกมาวํา “ เออ... กายนี้หลวงพํอตามหามา 10 พรรษาแล๎วไมํพบ ” แล๎วหลวงพํอก็เดินวิชาเข๎านิพพานอาราธนากาย นี้มาซ๎อนไว๎ในกายของทําน ตํอมาทํานอาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช มารู๎เรื่องเข๎าจึงคุยกับทํานถาม ทํานวํา “ จะให๎เรียกพระองค๑วําอยํางไร เรียกต๎นหนุํมได๎ไหม ” ทรงรับสั่งวํา “ ได๎ ”เวลานี้กายนี้ อยูํกับศพของหลวงพํอทําน แตํยังขึ้น ๆ ลง ๆ กับกายธรรมด๎วยเป็นกายพระสงฆ๑ อายุประมาณ 15 เทํานั้น ยังเป็นหนุํมรุํนกระทงทีเดียว นี่แสดงให๎เห็นวําญาณทัสสนะของแมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ นั้นลุํมลึกและกว๎างไกล ทํานประสบความสําเร็จในการทําวิชาปราบมารและเป็นอีกหนึ่ง แหํงขุนพลแก๎วของพระมงคลเทพมุนี หลวงพํอสดวัดปากน้ํา ที่ทํานยอมรับโดยดุษฎีวําลูกศิษย๑ ของทํานคนนี้ไมํธรรมดาเลยจริง ๆ และเรื่องสุดท๎ายผมขอเลําเองบ๎างครับเกี่ยวกับธรรมกาย หมายเลข 1 ทํานนี้ “ แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ ” เรื่องของเรื่องมีอยูํวําวันหนึ่งหลวงพํอสดวัด ปากน้ํา ฯ ทํานได๎ถามอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุขวํา “ ฉลวยรู๎ไหมพระพุทธเจ๎ากับจักรพรรดิใครมีเด ชานุภาพกวํากัน ” อาจารย๑ฉลวยตอบวํา “พระพุทธเจ๎า” จากนั้นหลวงพํอก็หันมาถามแมํชีถนอม อาสไวย๑วํา “แล๎วหนอมเลําเห็นวําอยํางไร ” แมํชีอาจารย๑ถนอมตอบวํา “ จักรพรรดิซีคํะ ” หลวง พํอได๎ยินดังนั้นก็ถามย้ําเข๎าไปอีกวํา “ เอ็งวําอยํางไรไหนตอบให๎ชัดซิ ” “ ก็จักรพรรดิซีคํะ เวลา พระองค๑จะทําอะไรก็ต๎องยกดวงจักรพรรดิขึ้นอาราธนา ไมํทําอยํางนี้จักรพรรดิเขาไมํทํางานให๎ ”
แมํชีอาจารย๑ถนอมทํานได๎เรียนตอบหลวงพํอสดวัดปากน้ํา ฯ ไปอยํางนี้ เรื่องนี้แมํชีอาจารย๑ถนอม เป็นผู๎เลําให๎อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุชฟังโดยทํานกลําววํา “ นี่ศึกษา ฯ บัดนี้หลวงพํอของเราตาย ไปหลายปีแล๎ว ยังไมํมีใครชี้ขาดวําคําตอบของใครผิดคําตอบของใครถูก ” พอแมํชีอาจารย๑ถนอม เลํามาถึงตรงนี้ทําให๎ อ. การุณย๑เข๎านิโรธไปถามกายธรรมของหลวงพํอวํา “ หลวงพํอครับทําไม จักรพรรดิบารมีมากกวําพระพุทธเจ๎า ” หลวงพํอตอบวํา “ มากกวําซี เพราะจักรพรรดิต๎องดูแล พระพุทธองค๑ ” จากเรื่องนี้นี่เองทําให๎ อ. การุณย๑ ถึงกับเขียนขยายความเอาไว๎ในหนังสือปราบมาร ภาค 3 หน๎า 60 โดยทํานได๎ขยายความเอาไว๎วํา “ จากคําตอบของหลวงพํอที่ตอบแบบนี้เราทราบวํา พระสมณโคดมทรงมีบารมี 4 อสงไขยกวํา ๆ แตํจักรพรรดิที่เราถอนถอยออกมาแตํละวัน ล๎วน บารมีมาก ๆ ทั้งนั้น หาก 100 อสงไขยเป็นเกณฑ๑ต๎นยํอยต๎อง 84,000 อสงไขยจึงเป็นต๎นแท๎หรือ ต๎นใหญํ อยํางนี้มีพระนามวํา “ ภาค ” ตามที่กลําวนั้นคือต๎นใหญํหรือต๎นแท๎ทั้งนั้น เห็นไหม... มารเอาไปได๎ทั้งนั้นนําเหงื่อแตกไหมมีใครรู๎เห็นเรื่องนี้บ๎าง ” คุณผู๎อํานครับจากรเรื่องนี้ทําให๎เรา ทราบความจริงอยูํเรื่องหนึ่งที่ไมํอาจปฏิเสธได๎ก็คือญาณทัสสนะในการหยั่งรู๎เรื่องราวตําง ๆ ของ ศิษย๑เอกหลวงพํอสดวัดปากน้ํา ฯ คือแมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑นั้นลุํมลึกและกว๎างไกล สามารถ รับใช๎งานหลวงพํอทํานได๎เป็นอยํางดี โดยเฉพาะเรื่องจักรพรรดิและพระพุทธเจ๎าทํานก็ตอบ คําถามหลวงพํอได๎ถูกต๎องสมกับคํากลําวชื่นชมที่หลวงพํอสดวัดปากน้ํา ฯได๎ให๎ไว๎ครั้งหนึ่งวํา “ หนอมเอ็งนํะคุ๎มข๎าวสุกของวัดแล๎ว” ที่นี้เรามาทําความรู๎จักเกี่ยวกับประวัติของธรรมกาย หมายเลข ๑ ซึ่งเป็นลูกศิษย๑ของหลวงพํอสดวัดปากน้ําระดับแถวหน๎าอีกทํานหนึ่งคืออุบาสิกาทอง สุก สําแดงปั้น ครับ
ข๎อมูลนี้ได๎ถูกรวบรวมและเรียบเรียงไว๎โดยคุณพัฒนะและคุณสุนีรัตน๑มี
ใจความดังนี้ครับวํา
แมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปั้น แมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปัน้ ทํานคือวิปัสสนาจารย๑ท่ีมีชือ่ เสียงมากทํานหนึ่ง เกิดเมื่อวัน พุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2443 ปีชวด ที่บ๎านสะพานเหลือง เขตบางรัก กทม. เป็นบุตรคนที่ 3 ของ
นายรํมและนางวัน ทํานกําพร๎าบิดามารดาตั้งแตํเด็กจึงได๎มาอยูํในความอุปการะของคุณลุงและ คุณอา ทํานได๎สมรสกับคุณหมอชื้น สําแดงปั้น ศัลยแพทย๑โรงพยาบาลจุฬา ฯ มีบุตรด๎วยกัน 2 คน ตํอมาไมํนานคุณหมอชื้นผู๎เป็นสามีก็มาถึงแกํกรรม ทํานได๎ประกอบอาชีพค๎าขายเลี้ยงบุตรสืบ มา พออายุได๎ 30 ปีเริ่มศึกษาสมถวิปัสสนาแนววิชชาธรรมกายที่วัดปากน้ําภาษีเจริญกับหลวงพํอ สดที่สอนเอาไว๎วํา “ ไมํวําจะยืน , เดิน , นั่ง , นอนอยําให๎ใจคลอนได๎ ให๎หยุดนิ่งอยูํที่ศูนย๑กลางกาย โดยบริกรรมภาวนาวํา “ สัมมาอะระหัง ” อยูํเสมอ ” วันหนึ่งขณะที่เดินไปซื้ออาหารที่ตลาด ประตูน้ําใกล๎วัด ใจของทํานก็ตรึกนิ่งจรดที่ศูนย๑กลางกายตามคําสอนของหลวงพํอระหวํางที่เดิน อยูํนั้นทํานก็เห็นดวงธรรม ดวงใสสะอาดอยูํที่ศูนย๑กลางกาย มองครั้งใดก็เห็นสวํางไปหมด ทําน จึงรีบกลับวัดมากราบเรียนหลวงพํอให๎ทราบ ทํานได๎ธรรมกายตอนอายุ 35 ปี และมีศรัทธาออก บวชเป็นชีที่วัดปากน้ํานั้นเมื่ออายุได๎ 40 ปี เมื่อศึกษาจนความรู๎มั่นคงแล๎ว หลวงพํอวัดปากน้ําได๎ สํงทํานออกไปเผยแพรํวิชชาธรรมกายในหลาย ๆ พื้นที่ และได๎ประสบผลสําเร็จทุกประการ แมํชี อาจารย๑ทองสุกมีวิธีการสอนที่ละเอียดลออโดยเน๎นและทบทวนธรรมที่สอนอยูํเสมอ ไมํเห็นแกํ ความเหนื่อยยาก ทํานได๎ทุํมเทแรงกายแรงใจให๎ศิษย๑ที่เข๎ารับการปฏิบัติสามารถรู๎จําได๎เข๎าใจจริง จนมีประสบการณ๑ความสําเร็จสมกับที่หลวงพํอไว๎วางใจให๎เป็นครูสอน อีกอยํางหนึ่งการสอน ของทํานนั้นโดดเดํนมาก เมื่อถามก็ตอบได๎อยํางสิ้นสงสัยในปัญหาที่ถามมา ที่สําคัญทํานยัง สามารถแนะนําแก๎ไขข๎อขัดข๎องรวมถึงอุปสรรคตําง ๆ ให๎แกํศิษย๑ด๎วยความเมตตา หลักการที่ทําน สอนมีอยูํวํา “ อยําเกร็งตัว...อยํากดลูกนัยน๑ตา กําหนดบริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนาเรื่อยไป กําหนดใจไว๎ที่ศูนย๑กลางกาย รู๎เพียงเทํานี้กํอน ไมํต๎องร๎อนใจ ทําใจเฉย ๆ เรื่อยๆ ตัดความอยากรู๎ อยากเห็นเร็วๆนั้นเสีย ตัดความกังวลยังไมํเห็นก็อยําเสียใจ ขอให๎ทําให๎ถูกต๎องและมีความเพียรเถิด ธรรมะเป็นของจริงถึงเวลาแล๎วเห็นเอง เมื่อเห็นแล๎วก็อยําดีใจจนเกินไป เพราะจะทําให๎นิมิตนั้น หายได๎ ” นี่คือ
คําสอนของทําน ที่ขณะสอนทํานจะเรียงถ๎อยคําลําดับเหตุลําดับผล จัดวาง
ความยากงํายอยํางเหมาะสมกับศิษย๑ จนเข๎าถึงแกํน และการนําเรื่องเปรียบเทียบที่ให๎ความ กระจํางแจ๎งแกํเนื้อหา ดังเชํนคําสอนของทํานที่วํา “ ใจของเราเป็นของละเอียดไมํใชํของหยาบ
ถึงแม๎ใจของเราจะไมํวอกแวกไปไหนตํอไหนแล๎วก็ตาม แตํหากจะบังคับให๎หยุดทันทีก็ยังลําบาก เราต๎องใช๎วิธีตะลํอมใจทีละเล็กทีละน๎อย ใจเราก็จะยอมหยุดเอง อุปมาเหมือนเราจะจับไกํเข๎าเล๎า หากใช๎วิธีวิ่งพรวดพราดเข๎าไปจับ ไกํจะหนีไปจับตัวไว๎ไมํได๎ แตํหากใช๎วิธีคํอย ๆ ตะลํอมเข๎าหา ไกํเรียกไกํเข๎ามา ไกํนั้นจะเชื่องยอมให๎เราจับได๎โดยงําย จึงเปรียบเหมือนเราเมื่อเพํงแรงเกินไปใจก็ จะไมํยอมหยุด ถ๎าหากคํอย ๆภาวนาประคับประคองนิมิตให๎เห็นบ๎าง..ไมํเห็นบ๎าง ในที่สุดใจนั้นก็ จะเชื่องหยุดในที่ตั้งของใจคือที่ศูนย๑กลางกายนั่นเอง ” ทํานกับแมํชีอาจารย๑เธียร ธีรสวัสดิ์ ได๎ จาริกเผยแพรํวิชชาธรรมกายตามบัญชาของหลวงพํอวัดปากน้ําในสถานที่หลาย ๆ แหํง แตํละแหํง ก็อยูํสอนนานบ๎างไมํนานบ๎างเชํน วัดปากน้ําบางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา , จ. ชลบุรี ( บ๎านบึง , พนัส นิคม ) , พนมสารคาม , ปราจีนบุรี , ทําเรือ , ทําประชุม , หาดยาง , ระแหง , นครปฐม , ราชบุรี , สิงห๑บุรี , นครสวรรค๑ , พิจิตร ( ตะพานหิน ) , พิษณุโลก , เชียงใหมํ เป็นต๎น ทํานจึงมีลูกศิษย๑ลูก หามากมายโดยเฉพาะที่เข๎าถึงธรรมกายก็มีเป็นจํานวนนับพันคน แมํชีอาจารย๑ทองสุกนั้นมิได๎ละ หน๎าที่ในการเป็นพระอาจารย๑ของทํานที่ได๎รับมอบหมายมาจากหลวงพํอวัดปากน้ํา จวบวาระ สุดท๎ายของชีวิตและถึงแกํกรรมด๎วยอาการสงบเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ๑ พ.ศ. 2506 เวลา 19.35 น. ในที่พักวัดปากน้ําทํามกลางญาติมิตรและศิษยานุศิษย๑ทั้งหลาย สิริรวมอายุยําง 63 ปี อยูํในเพศผู๎ ทรงศีลประมาณ 23 ปี ผมมีเรือ่ งสนุก ๆ ที่เป็นเรือ่ งจริงไมํได๎องิ นิยายของอุบาสิกาทองสุก มาฝากคุณผูอ๎ าํ นด๎วยนะ ครับ เรื่องแรกคือ “ ทํองเมืองนรก เปิดบัญชีบุญ –บาป ” เรื่องนี้เหลําบรรดาลูกศิษย๑ลูกหาของ ทํานตํางซาบซึ้งกันดี และได๎เลําขานสืบตํอกันมาจากรุํนสูํรุํน เรื่องนี้ทํานได๎บันทึกเอาไว๎ดังนี้ครับ วํา “ ตั้งแตํรู๎ขําวหลวงพํอวัดปากน้ําภาษีเจริญทํานได๎ไปเทศน๑โปรดสัตว๑นรกและรู๎ชํองทางที่จะไป แล๎ว ก็เริ่มทําสมาธิและฝึกหัดใช๎ “ ม๎าแก๎ว ”ให๎คลํองแคลํวอยูํทุกวัน รอโอกาสที่จะหนีหลวงพํอไป นรกบ๎าง วันหนึ่งสบโอกาสเหมาะหลวงพํอไมํอยูํเพราะทํานถูกนิมนต๑เข๎ากรุงเทพ ฯ เลยสั่งเพื่อน ในห๎องฝึกหัดกรรมฐานวํา “ อยําให๎ใครมายุํงกับรํางของฉันนะ ” แล๎วก็เข๎าที่ทํา สัมมาอะระหัง เดินฌานจนดิ่งเงียบสงบดีแล๎วจึงได๎อธิษฐานขอไปเที่ยวเมืองนรก แล๎วก็ขึ้นขี่ม๎าแก๎วห๎อออกไป
จากวัด พริบตาเดียวเทํานั้นถึงเมืองนรกนี้ไมํไกลเลย รูปรํางของเมืองมองเห็นกําแพงแตํไกล เป็น กําแพงเกํา ๆ มีคนเฝ้าอยูํ แตํม๎าแก๎วห๎อเร็วเหลือเกิน พอคนอ๎าปากถามเทํานั้นยังไมํทันตอบวํา กระไร ม๎าแก๎วก็กระโดดพรึบไปแล๎ว ภายในกําแพงมองเห็นบ๎านเรือน 2 – 3 หลัง แตํเป็นหลัง ใหญํ ๆ ในนั้นมีผู๎คนทั้งชายและหญิงรูปรํางหน๎าตาเหมือนมนุษย๑เราดี ๆ นี่เอง แตํไมํมีเสื้อผ๎าสัก ชิ้นหนึ่งติดตัว เลยบํนกับม๎าแก๎วดัง ๆ วํา “ พวกนี้บัดสีจริง ๆ ดูสิเดินแก๎ผ๎าลํอนจ๎อนไมํอับอายใคร บ๎างเลย แนํะ ! วําแล๎วยังหันมามองทําตาโตอยูํอีกไมํรู๎จักอายจริง ๆ เห็นไหมมันวิ่งมากันใหญํ แล๎ว ”
ม๎าแก๎วร๎องวํา “ หนีเถอะ ๆ ” “ ไปหนีทําไม ” “ ประเดี๋ยวมันจะจับเราแก๎ผ๎าบ๎างนะ
แมํชีอาจารย๑ บอกไมํเชื่อหนีเถอะนํา ” ม๎าแก๎วร๎องเตือน พอดีพวกในเมืองนรกก็วิ่งกรูกันเข๎ามา จวนจะถึง ตํางคนเข๎าล๎อมหน๎าล๎อมหลัง อีก 4 – 5 คน เข๎าจับม๎าแก๎วไว๎ สํวนที่เหลืออีก 5 คน ฉุด กระชากลากแขนให๎ลงจากหลังม๎า เราก็ไมํยอมลง พวกเขาก็พากันออกแรงอุ๎มให๎ลง นึกโมโห ขึ้นมากะจะใช๎จักรแก๎วขว๎างมัน ๆ ก็จับมือเอาไว๎ ม๎าก็ดิ้นทั้งเตะทั้งโขกจึงสู๎พวกเมืองนรกไมํไหว เขาพากันฉุดลากผํานไปตามบ๎านเกํา ๆ โกโรโกโสเหมือนกระทํอมจวนจะพังหลายหลัง ก็แอบมอง เข๎าไปในกระทํอมเหลํานั้นบางแหํงก็แลเห็นผู๎หญิงเปลือยกายอยูํกับสุนัขตัวผู๎ บางแหํงก็แลเห็น คนผู๎ชายเปลือยกายอยูํกับสุนัขพันธุ๑ใหญํตัวเมีย ในสภาพที่นอนอยูํในที่เดียวกันเหมือนสามี ภรรยา และบางแหํงก็แลเห็นคนอยูํกับหมู , ม๎า , แพะ , แกะ , โค , กระบือ มองเห็นแล๎วก็ให๎นึก แปลกใจและตกใจไปด๎วยจึงถามพวกนรกที่ฉุดไปวํา “ ทําไมพวกนั้นจึงอยูํกับหมาเหมือนเป็น ครอบครัวเดียวกัน ” สัตว๑นรกตอบวํา “ มันชอบของมันอยํางนั้นก็ต๎องตามใจมัน ” เลยถาม ตํอไปอีกวํา “ แล๎วนี่พวกแกจะจับกุมฉันไปไหน ” เขาตอบวํา “ นายสั่งให๎จับไปให๎นาย ” จึงออก อุบายวํา “ ไมํต๎องจับมือถือแขนดอก ปลํอยเถอะฉันเดินไปเอง ฉันนึกออกแล๎วนายของพวกเธอ ชื่อ ยมบาล เป็นเพื่อนสนิทกับหลวงพํอฉันเอง ฉันตั้งใจมาเยี่ยม..ปลํอยฉันเถอะ” พวกสัตว๑นรก ยอมฟังแล๎วก็ปลํอยมือจึงได๎เดินตามไปตรงเรือนหลังใหญํทําทางโอํโถงกวําทุก ๆ แหํงที่ผํานมา มองเห็นทหารถือขวานเลํมใหญํเทําหมอนอิง ยืนทําทางขึงขังอยูํหน๎า 2 คน ข๎างในมีโต๏ะตัวใหญํมี คนนั่งอยูํ 3 คน คนกลางอายุประมาณ 50เศษ ๆ หวีผมตั้ง อ๎วนล่ํา ตัวใหญํโต ผิวดําเป็นประกาย
หน๎าผากกว๎าง จมูกแบนใหญํไมํสวมเสื้อ แตํนุํงผ๎าอยํางดี คนนั่งข๎างขวากําลังเปิดบัญชีเลํมใหญํ ได๎ยินเสียงบอกวันเกิดวันตายของผู๎ที่ถูกจับมา เขาตะโกนบอกดัง ๆ พอได๎ยินแล๎วก็อยากรู๎เรื่อง ของพวกนั้นจึงได๎กลําวไปวํา “ ยมบาลไมํวํางฉันจะนั่งข๎าง ๆ ศาลนี่แหละ ไว๎ทํานวํางแล๎วฉันจึงจะ เข๎าไปหา พวกแกไปทําอะไรกํอนก็ไปเถอะฉันไมํหนีหรอก เพราะฉันไมํได๎ถูกจับเข๎ามา” พวก นั้นก็เชื่อจึงปลํอยมือ ก็เลยเข๎าไปนั่งแอบข๎างประตูเพื่อจะดูวําเหตุการณ๑ตํอไปจะเป็นอยํางไร สักครูํหนึ่งก็เห็นพวกทหารผีจับผู๎ชายคนหนึ่งไปมัดมือด๎วยโซํ...ที่คอก็มีโซํเส๎นใหญํสวมอยูํเขาถูก ครึ่งลากครึ่งจูงเข๎ามาที่หน๎าบัลลังก๑ เสมียนคนนั่งทางขวามือถามชื่อและวันเกิดแล๎วถามยมบาลวํา ใชํตัวจริงไหม ยมบาลพยักหน๎า เสมียนที่นั่งทางซ๎ายมือก็ถามขึ้นวํา “ แกประพฤติตัวเลวทราม มาก ขํมขืนผู๎หญิงใชํไหม ” นักโทษตอบวํา “ เปลํา ” ในทันใดนั้นเองก็มีผู๎หญิงสาว 2 คน วิ่งมา จากห๎องทางด๎านหลัง มาชี้หน๎าผู๎ชายที่ถูกจับมาแล๎วร๎องวํา “ แกโกหก.....ตํอหน๎ายมบาลแกยังกล๎า โกหกอีกหรือ ” แล๎วผู๎หญิงคนนั้นก็หันมาฟ้องยมบาลวํา “ ทํานเจ๎าคะไอ๎คนนี้แหละที่บังคับหนูกิน ยาเม็ดไป 4 – 5 เม็ด แล๎วบังคับหนูนอน อีกทั้งยังทําร๎ายหนูอีกเจ๎าคํะ ” แล๎วผู๎หญิงคนนั้นก็ ร๎องไห๎รําพันวํา “โธํ...หนูอุตสําห๑ยอมลําบากมา ทนเป็นลูกจ๎างมันเพื่อจะเอาเงินไปให๎แมํซื้อยา รักษาตัวมันยังทําหนูได๎ ” พอชายคนนั้นจะเถียงอีกเขาก็สะดุ๎งขึ้นจนสุดตัวเหมือนถูกทําร๎ายจน ร๎องโอ๏ยเสียงดังลั่น และในทันใดนั้นปากของเขาก็ฉีกออกไป ลักษณะของแผลเหมือนถูกเสือ ตะปบ เลือดออกทํวมปากทันที เสียงเขาร๎องครวญครางอยํางเจ็บปวดแล๎วกลําววํา “ ผมทําผิดไป แล๎วขอโทษด๎วย ๆ ” ยมบาลร๎องสั่งทันทีวํา “เอาไปเอามันไปปากแข็งนักทําผิดแล๎วยังไมํยอมรับ กลางวันให๎เอาหอกแทงปากทะลุถึงท๎อง กลางคืนให๎นอนกับหมาป่า ” แล๎วยมบาลก็หันมาพูดกับ หญิงสาวอยํางมีเมตตาวํา “ เจ๎าเป็นคนดี มีความกตัญ๒ูตํอพํอแมํ แตํมีกรรมเกํามาตามทัน จึง ต๎องมาเสียชีวิตกํอนอายุขัย เราจะให๎เจ๎าไปพักที่ปราสาทกํอน รอกําหนดที่จะจุติไปชั้นดาวดึงส๑ ไปเถิดไปสูํที่เป็นสุข ” พอยมบาลให๎พรเสร็จเทํานั้นแทบไมํนําเชื่อต๎องกระพริบตาดูใหมํอีกทีวํา จะใชํผู๎หญิงคนนั้นหรือไมํ เพราะรูปรํางหน๎าตาก็คล๎าย ๆ กันกับคนเกํา แตํทุกอยํางสวยขึ้น ละเอียดขึ้น เสื้อผ๎าหยาบ ๆ ที่ผู๎หญิงคนนั้นสวมมาแตํแรกก็กลับเป็นใหมํและสวยงามขึ้นหลายสิบ
เทํา แตํการตัดเย็บเป็นแบบเกําเทํานั้นเอง แลดูสวยงามขึ้นมาก แล๎วก็มีผู๎หญิงสวย ๆ มาต๎อนรับ เชื้อเชิญให๎ไปอยูํด๎วยกัน พอเขาไปกันแล๎วก็นึกในใจวํา ไปเป็นสุข ๆ เถอะแมํคุณ คนมีคนกตัญ๒ู เลี้ยงพํอแมํ รักษาพํอแมํ ตายแล๎วจะได๎ไปเกิดเป็นนางฟ้า จะให๎เขาเขียนลงหนังสือด๎วย คนอื่น ๆ จะได๎รู๎เรื่องนี้โดยทั่วกันจะได๎ทําความดีตํอพํอแมํด๎วย สักประเดี๋ยวหนึ่งก็มีทหารของยมบาล 4 คน ฉุดกระชากลากชายหนุํมหญิงสาวคูํหนึ่งเข๎ามา เสมียนก็บอกความผิดวํา คนทั้งสองนี้หนีพํอ แมํไปทําความผิดด๎วยกัน พํอแมํวํากลําวก็เลยกินยาตายทั้งคูํ เสียงยมบาลถามวํา “ ทําไมจึงกินยา ฆําตัวตายพร๎อมกัน ” เขาตอบวํา “ เรารักกันมากครับ พํอแมํไมํยอมเราจึงกินยาฆําตัวตายพร๎อม กันคิดวําจะได๎มาอยูํด๎วยกันในเมืองนี้ ” “ สัตว๑ผู๎โงํเขลา” ยมบาลดุเสียงดังแล๎วกลําวตํอไปอีกวํา “ เจ๎าคิดวําเจ๎าทําความชั่วจะได๎มาอยูํด๎วยกันอยํางสบายในเมืองเรา เจ๎าเป็นคนไมํมีความกตัญ๒ู ทํา ให๎พํอแมํทุกข๑โศก บาปของเจ๎าไมํเสมอกันเจ๎าจะอยูํภูมิเดียวกันอยํางไรได๎ ” ยมบาลวําแล๎วก็หัน ไปถามเสมียนวํา “ บาปของมันตํางกันอยํางไรบ๎าง ” เสมียนก๎มหน๎าลงอํานในสมุดเลํมใหญํแล๎ว บอกวํา “ คนผู๎ชายนั้นขโมยเงินพํอแมํและสูบยาเสพติดด๎วย ไมํเคยทําบุญทําทานเลย สํวน ผู๎หญิงนั้นเวลาแมํวําก็ดําแมํและกระทืบเท๎า ไมํคํอยทําบุญ แมํเรียกให๎ลุกขึ้นหุงข๎าวใสํบาตรก็ไมํ ยอมทําให๎ แตํเคยชํวยคนแกํที่เป็นลมโดยให๎ยาและพาสํงให๎หมอรักษาจนหาย ” ยมบาลสั่งเสียง ดังวํา “ แยกมันไปคนละขุม ” พวกทหารก็ตรงเข๎ากระชากมือออกจากกันแล๎วลากไปโดยเร็ว เสียงคนทั้งสองร๎องเรียกหากันอยํางโหยหวน พอยมบาลลุกขึ้นจะกลับเข๎าข๎างในก็สั่งทหารที่เฝ้า หน๎าศาลวํา “ ลูกศิษย๑หลวงพํอวัดปากน้ําภาษีเจริญมาแอบดูอยูํคนหนึ่งจงอนุญาตให๎แกดู เพื่อจํา ไปบอกเลําแกํชาวมนุษย๑จะได๎ไมํกล๎าทําบาปหยาบช๎า นรกกี่ขุม ๆ ก็เต็มล๎นหมดแล๎ว เพราะคนใจ บาปมากเหลือเกิน ” สั่งแล๎วก็เข๎าไป ทหารก็ให๎ผู๎หญิงคนหนึ่งทําทางจัดจ๎านเหมือนเป็นเจ๎าหน๎าที่ ในเมืองนรกมาพาไปแล๎วบอกวํา “ ไปเที่ยวดูขุมตํางๆ กันเถิด” เราอยากดูอยูํแล๎วก็รีบลุกขึ้นตาม เขาไปอยํางวํางําย เขาพาเดินมาถึงห๎องขังที่มีคนอยูํกับหมาจึงถามเขาวํา “ ทําไมจึงเอาคนไปไว๎ กับหมา ” เขาตอบวํา “ คนเหลํานี้มีโทษในเรื่องขืนใจหมา คือหมาบางตัวก็มีจิตใจดี ซื่อตรงตํอ สามีหรือภรรยาของมัน แตํคนต๎องการอยากจะได๎ลูกไว๎ขายก็บังคับหรือลํอให๎มันกินยาเพิ่มความ
กําหนัด แล๎วบังคับให๎มันผสมพันธุ๑กับตัวอื่น ๆ ที่มันไมํรัก ทําให๎มันได๎รับความเจ็บปวด ครั้น เวลามันตายมันก็มาฟ้อง จึงต๎องจับขังไว๎กับหมา หมามันจะกัดทุกวันและทุกเวลาที่จะนอนหลับ ” ฟังแล๎วก็ตกใจ มองไปก็แลเห็นคนที่ถูกจับขังอยูํกับหมานั้นต๎องเที่ยวหลบเขี้ยวหมาอยูํอยําง วุํนวาย เพราะหมาตัวใหญํเกือบเทําลูกม๎าและดุร๎ายมาก มันจะกัดตามใบหน๎าและลําคอ เห็นแล๎ว มีความกลัวจึงถามวํา “ หมาตัวนี้หรือที่ถูกขํมเหง ” ผู๎หญิงผู๎คุมตอบวํา “ ไมํใชํ...นี่เป็นหมาของ ยมบาลมีไว๎สําหรับลงโทษผู๎กระทําผิด ไมํใชํหมาคูํเวรคูํกรรม ” ฟังแล๎วก็นึกในใจวํา “เมื่อเขาพา มาถึงกรงขังเห็นคนอยูํกับหมาบ๎าง , แพะบ๎าง สัตว๑ตํางๆ บ๎าง ถ๎าจะมีกรรมเพราะขืนใจมันก็เป็น อาชีพที่ทุจริตเหมือนกัน แล๎วก็เดินตามเจ๎าหน๎าที่ตํอไป พอถึงทางเลี้ยวจะออกไปทางเกําก็ปะทะ เข๎ากับคนกลุํมใหญํจนตกตลึง มองดูคนกลุํมนั้นเห็นหัวแตกก็มี , แขนหัก , ขาหัก , อกทะลุ , ไม๎ ปักอกก็มี อีกคนหนึ่งมีอะไรวงกลม ๆ ทับอยูํเห็นกระแทกติดอยูํที่หน๎าอก เลือดโชกไปหมดทั้งตัว เสียงเจ๎าหน๎าที่ถามวํา “ อะไรกันทําไมจับมาพร๎อมกันมากมาย ” เสียงทหารผีตอบวํา “ มันไป เที่ยวสํามะเลเทเมา รถคว่ําตายเลยจับมาเป็นหมูํใหญํ” เสียงผู๎คุมหญิงพูดวํา “ ดีเหมือนกันไมํต๎อง จับทีละคน ”
เมื่อพวกทหารผีของยมบาลจับพวกรถคว่ํามามากมายแล๎วแตํละคนก็หัวแตก ,
แขนหัก , อกทะลุ ร๎องโอดโอยโวยวายจนเรารู๎สึกตกใจกลัว จึงบอกเจ๎าหน๎าที่ผู๎หญิงซึ่งยมบาลสั่ง ให๎พาเที่ยวดูสัตว๑นรกนั้นวํา “ แหม..นํากลัวจริง ๆ ตายเป็นหมูํ ๆ อยํางนี้เขามีบาปหนักอะไรบ๎าง ” เจ๎าหน๎าที่ผู๎หญิงคนนั้นเขาก็ตอบวํา “ เดินเลี้ยวไปทางซ๎ายมือเดี๋ยวก็รู๎ เพราะเมืองนี้เป็นวงกลม เดินอ๎อมไปประเดี๋ยวก็พบศาลตัดสินผู๎ที่ถูกจับมาใหมํเหมือนที่แมํชีเข๎ามา ” เจ๎าหน๎าที่พาเดินผําน ไปหลายแหํง พอมาถึงหน๎าศาลก็หยุดมองไปในศาล แลเห็นทุกสิ่งทุกอยํางเปลี่ยนแปลงไปหมด บัลลังก๑ก็สวยงามใหญํโตเป็นสงํา เสมียนซ๎ายขวาแตํงตัวเหมือนข๎าราชการนายทหารผู๎ใหญํ นั่ง วางทําสงําหนวดโง๎ง ทหารรักษาประตูมีเป็นกองร๎อยล๎วนเข็มแข็งในมือถืออาวุธ ยมบาลแตํงตัว เหมือนพระเจ๎าแผํนดินสวยงามมากแลดูสงํานําเกรงขาม ทุกสิ่งทุกอยํางเปลี่ยนแปลงไปหมด จึง ถามเจ๎าหน๎าที่วํา “ นี่เป็นศาลใหมํหรือ ” เขาตอบวํา “ เป็นศาลเกํา แตํวันนี้สัตว๑ผู๎ถูกจับมาใหมํคง จะเป็นเจ๎านายใหญํโตทางเมืองมนุษย๑ ยมบาลจึงเนรมิตทุกสิ่งทุกอยํางในศาลให๎ดูนําสะพรึงกลัว
ใหญํโตเต็มไปด๎วยอํานาจราชศักดิ์และเกียรติศักดิ์ เพื่อให๎ผู๎ถูกจับมาจะได๎เกรงขาม ยมบาลทําน แปลงกายเพื่อให๎เข๎ากับธรรมชาติก็ได๎ ให๎แปลกประหลาดพิสดารก็ได๎ ถ๎าจับคนใจร๎ายดุดันเป็น จอมโจรมา ทํานก็แปลงกายทําหน๎าตาเป็นคนดุร๎ายเหมือนยักษ๑วางอํานาจตวาดและกระทืบบาท ดังสนั่นหวั่นไหวให๎ดูนํากลัวยิ่งกวําจอมโจรนั้น ๆ หลายพันเทํา ” ทั้งนี้เพื่อเป็นการปราบพยศสัตว๑ ตําง ๆ เสียแตํแรก มนุษย๑ทุกคนเมื่อไปสูํเมืองยมบาลแล๎วแม๎จะเคยใหญํโตมาแคํไหนก็ตาม ยมบาลหรือเจ๎าหน๎าที่ในเมืองนั้นก็เรียกวํา “ สัตว๑นรก ” ทั้งนั้น และการลงโทษก็ไมํเห็นแกํหน๎ากัน ถึงเป็นญาติกันมากํอนก็ไมํผํอนผัน ทุกคนต๎องได๎รับโทษไปตามกรรมที่ได๎ทํามาเมื่อครั้งที่ยังเป็น มนุษย๑ ” ฟังเจ๎าหน๎าที่เขาอธิบายแล๎วจึงวํา “ เธอจะไปไหนก็ไปเถิด ฉันจะดูยมบาลทํานตัดสิน พวกรถคว่ํากํอนถึงจะกลับ ” แล๎วก็คํอย ๆ เดินกลับไปนั่งที่เกํา สักครูํหนึ่งก็เลยเห็นยมทูตพาพวก ที่ตายเพราะรถคว่ําเข๎ามาเป็นแถว เสมียนซ๎ายขวาก็เปิดบัญชีถามชื่อและสถานที่อยูํ เพื่อ ตรวจสอบดูวําจะใชํตัวคนที่หมดอายุขัยจริงหรือไมํ คนแรกมีไม๎กลม ๆ ดูตั้งนานจึงรู๎วําเป็น พวงมาลัยอัดแนํนติดกับหน๎าอกเลือดหยดมาเป็นทาง ยมบาลสอบถามได๎วํา เขาเป็นคนมียศใหญํ ในเมืองมนุษย๑ขับรถสํวนตัวพาเพื่อน ๆ ไปหานางโลม และกินเหล๎าเมาจึงขับรถชนคนอื่น ตัวเขา เองถูกพวงมาลัยกระแทกเข๎ากับอกจึงตาย เสมียนเปิดบัญชีแล๎วกลําววํา “ อาชีพของเขารับราชการ ก็ไมํสุจริตมีการโกงกินกับพํอค๎าคือค๎าอาวุธประหัตประหาร แอบขายปืนเถื่อนทําให๎ผู๎ร๎ายชุกชุม ตัวเขาเองเคยสั่งลูกน๎องให๎แอบฆําคนแล๎วยังไมํได๎รับโทษทางเมืองมนุษย๑เลย ” ยมบาลทรงพิโรธ ตวาดวํา “เจ๎าสัตว๑ผู๎มัวเมา เจ๎ากระทําความผิดอยํางมากมาย เจ๎าจะแก๎ตัววําอยํางไร ข๎าเห็นเจ๎าอ๎า ปากอยูํตลอด ” ชายคนนั้นตอบวํา “ ผมไมํได๎ทําผิด ถ๎าทําผิดจริงศาลทางเมืองมนุษย๑เขาก็ตัดสิน ลงโทษไปแล๎ว ” เสมียนตอบวํา “ แกต๎องมีความผิดแนํ เพราะผู๎ตรวจสอบความประพฤติของ มนุษย๑มารายงานทุกครั้ง ” แตํชายผู๎นั้นก็ยังปฏิเสธอยูํนั่นเอง เสมียนจึงสั่งให๎เจ๎าหน๎าที่อีกพวก หนึ่งไปตามโจทก๑มา คราวนี้มีคนมากลุํมใหญํและมีผู๎หญิงชี้หน๎าวําชายผู๎นั้นลํอลวงมาวําจะให๎ ทํางานมีเงินเดือนใช๎ ผลสุดท๎ายก็ทําลายความบริสุทธิ์ แคํนี้ยังไมํพอยังสั่งลูกน๎องให๎นําตัวไปขาย ตํอที่ซํองเพื่อหาเงินตํอไป อีกคนหนึ่งเป็นผู๎หญิงสวยมากเข๎ามายืนยันวําชายผู๎นั้นหลอกลวงวํา จะ
เอาไปให๎เจ๎านายแตํแล๎วก็ทําลายเสียกํอนจะนําไปสํงให๎ ได๎รับความทารุณจนต๎องกินยาตาย พวก ผู๎ชายก็มายืนยันวํา ชายคนนี้มีการค๎าของผิดกฎหมายและแอบฆําเขา เพื่อเป็นการปิดปาก เมื่อมี โจทก๑มายืนยันมากมายแบบนี้ ชายคนนั้นก็เถียงไมํออก ยมบาลจึงให๎ไปลงขุมซึ่งมีไฟนรกไหม๎อยูํ ตลอดวันตลอดคืน ” คุณผูอ๎ าํ นครับยังมีคําสอนของอุบาสิกาทองสุก สําแดงปัน้ อีกเรือ่ งหนึ่งครับที่นับวํา ทรงคุณคําและนําสนใจเป็นอยํางมากคือเรื่อง“ ตาบอดคลําช๎าง ” เรามารํวมเรียนรู๎คําสอนของทําน ไปด๎วยกันนะครับ เรื่องตาบอดคลําช๎างนี้ทํานได๎กลําวสอนเอาไว๎วํา ” เรื่องนี้อยากให๎นําไป พิจารณาจนถึงขั้นเป็นมหาพิจารณาวําจงอยําทําตนเป็นตาบอดคลําช๎าง เราต๎องฝึกปฏิบัติถึงขั้นดู กามภพ , รูปภพให๎ชัดเจนจนได๎ เรามองดูได๎ชัดดีแล๎วเราก็หัดพูดกับพระพุทธเจ๎าให๎คลํองแคลํว เชียว แรก ๆ ก็ยังจะพูดกับพระองค๑ทํานได๎ไมํคํอยถนัดนักเหมือนเด็กไร๎เดียงสารู๎เรื่องบ๎างไมํรู๎ เรื่องบ๎าง หัดอยูํอยํางนั้นทุกวันและเดินฌานสมาบัติให๎ได๎ตลอด เมื่อเข๎านิโรธได๎แล๎วเราก็หัดพูด กับพระพุทธองค๑ทุกวันจนกวําเราจะรู๎เรื่อง หูทิพย๑ของเราก็จะได๎ยินถนัดชัดเจนยิ่งขึ้น ให๎ใช๎การ หยุดตรึกนิโรธ หยุดนิ่งให๎หนักเข๎าขึ้นบนพระนิพพานไปหัดทําวิชาบนนั้น ฝึกสนทนากับ พระพุทธเจ๎าจนคลํองแล๎วก็ลองหัดไปพูดกับผีกับเปรตดูบ๎าง ฝึกพูดให๎รู๎เรื่องรู๎ภาษาของเขาให๎ หมด ไมํเว๎นแม๎กระทั่งกับมดกับปลวกหรือแม๎แตํนกที่บินอยูํในอากาศ เราต๎องหัดให๎รู๎จักภาษา สัตว๑ให๎ได๎โดยการตรัสรู๎ สมมุติวําเราไปเจอสัตว๑สักฝูงหนึ่ง สัตว๑ตัวนั้นมีบารมีเทําใดถึงมาเกิด ใช๎กรรมอยํางนี้เป็นโพธิสัตว๑หรือไมํใชํโพธิสัตว๑ จะเป็นเทพบุตรเทพยาดาชั้นไหนลงมาใช๎ชาติให๎ เรารู๎ ตรัสรู๎ , ผุดในรู๎ , บอกให๎เรารู๎เรื่องหมด หรือเราจะเจอคนสัก 100 คน เดินมาต๎องใช๎วิชาดู ออกวํา คนนั้นเมื่อตายไปแล๎วจะต๎องไปตกนรกอยูํชั้นไหน หรือไปอยูํสวรรค๑ชั้นไหนให๎รู๎ให๎หมด เชียว เพื่อเราจะได๎ดูได๎งํายต๎องใช๎การดูด๎วยญาณนั่ง , นอน , ยืน , เดิน, ตรึกไว๎ทุกอิริยาบถ คน บาปนํะจะมีหํวงคอติดอยูํที่กายเนื้อ คนบาปมากทําความชั่วมามากหํวงมันก็ติด แตํตาเนื้อมอง ไมํเห็นเขาเรียกลักษณะนี้วํา “ ตาบอดคลําช๎าง ” มันไมํเห็นนะ แตํมันอยูํในโลกมันโตเต็มเมือง มันมาเกิดในโลกมันก็โตเต็มเมือง มันทําความชั่วครั้งหนึ่งก็เทํากับมันลงโทษมันเอง ทุกคน
เหมือนกันหมดไมํวําใครทั้งนั้น เราไมํรู๎หรอกวําความชั่วของเรามีมากน๎อยเทําใด แตํวําไอ๎หํวงคอ มันมีติดอยูํในตัวเรา เราเห็นมันลาง ๆ เราก็รู๎แล๎ววําอ๎ายคนนั้นทําความชั่วมามาก หํวงคอมันใหญํ นักมันเป็นเหล็ก เครื่องหมายมันมีอยูํอยํางนี้ ไอ๎พวกนี้จะตายตอนเวทนามันเกิด เวลาเขามาเก็บ วิญญาณจะใช๎วิธีฉุดกระชากลากเอาไปไมํปราณีปราศัย คนที่มาเด็ดเอาวิญญาณนั้นเขาจะเฆี่ยนตี ไปตลอดทาง เรื่องนี้เราต๎องดูต๎องให๎เห็นชัดเจนเลยสําหรับพวกบาปที่ได๎รับกรรม สํวนพวกบุญ ลํะเป็นอยํางไร พวกนี้จะมีราชรถมารับจากวิมานของเขาเองมาลอยคอยทําอยูํ คนพูดนี่ ( หมายถึงแมํชีอาจารย๑ทองสุก ) ได๎ตรวจสอบเสร็จเป็นอยํางดีแล๎วถึงกล๎าพูดอยํางเต็มปากวําเวลา เจ๎าของได๎ละจากโลกมนุษย๑ไปแล๎วราชรถก็จะมาคอยรับอยํางแนํนอน แม๎เวลาตายไปจิตออกจาก รํางแตํของหยาบที่เป็นผ๎าจะหลุดจะลุํยอยํางไรก็ชํางมันก็ไมํเกี่ยวกัน ราชรถเขาสวยงามก็นั่งไป จนเทียบวิมานของตัวจึงก๎าวลงจากรถ แล๎วขึ้นไปเหยียบที่วิมานนั้นทันที แตํเนื่องจากวํายังติด นิสัยในความเป็นมนุษย๑อยูํจิตยังไมํขาดจากโลกมันยังเกาะอยูํในโลก ( เกาะผัว , เกาะเมีย , เกาะ พํอ-เกาะแมํ , เกาะสมบัติ , เกาะลูก , เกาะหลาน ) อยูํ ทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมด ไอ๎จิตนี้ตัวดี มันชอบเกาะทําให๎นึกถึงบุญบ๎าง , บาปบ๎างไปตามหน๎าที่ของมัน จุดนี้นี่เองในชํวงที่นั่งราชรถอยูํ จึงไมํรู๎วําเขาจะพาไปไหน และวิมานที่เห็นเป็นของใคร แตํที่แท๎เป็นของตัว วิมานนี้สวยนักมี หน๎ามุข 4 ทิศเหมือนกันหมด อาณาเขตสวรรค๑นั้นก็กว๎างขวางพออยูํ ถ๎าบุญมากก็มีบริวารแหํ ล๎อมรอบมาก มีเครื่องดนตรีดีด , สี , ตี , เป่า ครบครัน ถ๎าใครมีบุญมากสมบัติและบริวารก็มาก มีเครื่องประดับประดาวิมานได๎สวยงามปราณีตวิจิตรพิสดาร มนุษย๑ชั้นเลิศแคํไหนก็ตามหากไป เปรียบเทียบกับชาวสวรรค๑ชั้นต่ําสุดก็ยังหํางไกลกันมากเทียบกันไมํได๎ ชาวสวรรค๑ดีกวํามนุษย๑ มากมายกํายกองนัก ผู๎ที่ตายจากโลกไปแล๎วและเพิ่งมาอุบัติขึ้นในเทวโลกใหมํ ๆ จิตมันยังไมํคุ๎นยัง ไมํขาดจากจุดที่จากมา แตํวําบุญที่ทําไว๎ไมํวําจะเป็นสิ่งของเครื่องใช๎อะไรก็ตามที่เป็นของหยาบ ถ๎าหากทําประณีตมันก็ขึ้นไปประณีตอยูํบนสวรรค๑ด๎วย หากมีลูกหลานทําบุญอุทิศสํวนกุศลไปให๎ ก็รับรู๎ได๎และอนุโมทนาอวยพรกลับมาให๎เชํนกัน เพราะได๎รับสํวนบุญเร็วที่สุด สํวนลูกหลานไมํรู๎ หรอกเป็นตาบอดคลําช๎างไปเสียแล๎ว พอครบ 7 วัน ก็ลืมเรื่องราวทางโลกจนสิ้นจิตตัดขาดกับ
เรื่องราวหนกํอน บันเทิงอยูํในโลกทิพย๑สถานเดียว จิตลืมโลกขาดจากโลกไปหมดสิ้น แตํบางที่ จิตก็ตวัดนึกขึ้นได๎วําลูกหลานทําบุญอุทิศมาให๎เขาก็ให๎ศีลให๎พรกลับมา แตํพวกเปรตอสูรกายนี่สิ เห็นลูกหลานทําบุญก็เฮโลพากันมารอรับสํวนกุศลจนล๎นวัดไปหมดด๎วยความหิวโหย มารวมกลุํม กันชะเง๎อคอยลูกหลานพี่น๎องวงศ๑ตระกูลของตนวําจะกรวดน้ําอุทิศให๎บ๎างหรือไมํ หากเปรตอสูร กายตนใดได๎รับสํวนกุศลนั้นมันก็ดีอกดีใจทีเดียวที่ได๎กินอิ่ม สํวนพวกไหนที่ไมํได๎มันก็บํนโวยวาย แถมสาปแชํงลูกหลานสํงไปอีก เพราะโกรธแค๎นที่ไมํทําบุญให๎มัน เดินกลับไปด๎วยความหิวโหย ทุกข๑ทรมานตามเดิม เวลามีงานที่วัดหรือตอนพระสวดมนต๑ต๎องเดินวิชาตรวจสอบให๎หมด ให๎รู๎ ความเป็นไปของพวกปีศาจพวกเปรตเหลํานี้อยํางละเอียด แม๎แตํเรื่องใสํบาตรทําบุญตอนเช๎าหรือ ใครเขาสวดมนต๑ไหว๎พระแล๎วเป็นอยํางไรก็ต๎องไปดูไปรู๎ไปเห็นให๎ชัดแจ๎งวําได๎บุญแคํไหน หากถึง ธรรมกายแล๎วจะเห็นเลยวําในงานวัดเจ๎าพวกผีเปรตทั้งหลายมันก็มากันนะ ยืนชะเง๎อรอบศาลา เชียว บางตัวก็ขึ้นไปดูในงานบ๎าง คนมองไมํเห็นก็เดินไปเหยียบโดนมือโดนเท๎าของมันเข๎า มันก็ ดุเอา แตํเราไมํรู๎เทํานั้นเอง แตํแปลกตรงที่วํามันก็เจ็บเป็นเหมือนกัน เพราะเราเป็นไอ๎บอดคลํา ช๎างมันมองไมํเห็น พอพระทํานสวดมนต๑เสร็จมันก็รับอนุโมทนาพร๎อมกันเชียว ชํวงพระทําน วางตาลปัตรมันก็ไปเหมือนกันมันไปดูละคร เดินเที่ยวงานรํวมกันกับคน นี่ผู๎พูด
( หมายถึง
แมํชีอาจารย๑ทองสุก ) ได๎สอบได๎ดูมันมาเหมือนกัน อยากจะเลําตํอวําพอพระคว๎าตาลปัตรจะสวด มนต๑มันก็ชวนกันอีกแล๎วมันบอกวํา มาเถอะพระจะสวดมนต๑แล๎ว เราจะได๎รับสํวนกุศลกัน สักพัก ก็มาออกันอยูํเพื่อหวังจะได๎กุศลผลบุญจากตรงจุดนี้ สํวนพวกเปรตหรือปีศาจในพื้นมนุษย๑แตํละ ตัวล๎วนอดอยากเหลือเกิน หมาเนําตายลอยน้ํามามันก็ลากเอามากิน อะไรตายที่ไหนมันเอามากิน ทั้งนั้น แล๎วมันยังเคยเรียกผู๎พูดไปกินหมาเนํากับมันด๎วยมันเห็นเรานะเสลดน้ําลาย , ขี้หมู ,ขี้หมา ไอ๎พวกเปรตที่พื้นมนุษย๑นี่เก็บกินเกลี้ยง มันลามกนักดูแล๎วนําทุเรศแตํก็อดสงสารมันไมํได๎ เรา ต๎องพิจารณาและหัดสังเกตดูสัตว๑จําพวกนี้ อีกทั้งพินิจวิเคราะห๑ถึงได๎บอกย้ําอยูํเสมอวําแม๎จะนั่ง , นอน , ยืน , เดิน ให๎คอยตรึกธรรมะตลอดแล๎วจะได๎เห็นสิ่งละเอียดทั้งด๎านดีและร๎ายได๎อยําง ชัดเจน”
เรือ่ งเกี่ยวกับแมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปัน้ ในอีกข๎อมูลหนึ่งที่ค๎นเจอคือเรือ่ ง “ คุณยาย ทองสุกจับขโมย ” จากหนังสือกัลยาณมิตรปีที่ 11 ฉบับที่ 139 กรกฎาคม ปี 2540 โดยผู๎ใช๎นามวํา ทันต๑จิตต๑ เป็นผู๎รจนาไว๎มีเนื้อหาที่นําสนใจดังนี้ครับวํา “อภิญญาเป็นความรู๎พิเศษของผู๎มีสมาธิ และเป็นความรู๎ยิ่งอันไร๎ขอบเขตที่มีอยูํจริงในพระพุทธศาสนา คุณยายทองสุก สําแดงปั้น วีระ สตรีเอกยอดนักเผยแผํของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี ( หลวงพํอวัดปากน้ําภาษีเจริญ ) เป็นหนึ่งในศิษย๑จํานวนมากที่ทรงอภิญญา มีความแตกฉานในวิชชาธรรมกาย วิชชาอันบริสุทธิ์ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ๎า คุณยายทองสุกได๎ใช๎อภิญญาจิต ชํวยเพื่อนมนุษย๑มากมาย บางคราวก็ ต๎องผสมผสานกับปฏิภาณเฉพาะตัวประกอบเข๎าไปด๎วยดังเรื่องตํอไปนี้ จักรยานหาย ย๎อนอดีตไปเกือบ 40 ปี มีตํารวจยศหมูํนายหนึ่งมาหาคุณยายทองสุก วันที่มาหาคุณยายนั้น ทํานแตํงตัวสบาย ๆ ไมํได๎ใสํชุดตํารวจมา แล๎วก็ปรับทุกข๑กับคุณยายวํา “ คุณยายครับตอนนี้ผมมี เรื่องกลุ๎มใจอยูํเรื่องหนึ่งคือ จักรยานที่ผมใช๎อยูํทุกวันนี้มีคนขโมยไปเลยไมํมีรถขี่ไปทํางาน อยากจะรบกวนคุณยายชํวยนั่งเข๎าที่ดูสิวําคนที่ขโมยรถไปนั้นหน๎าตาเป็นอยํางไร ทําไมกล๎ามา ล๎วงคองูเหํา ” คุณยายทองสุกฟังตํารวจทํานนี้อยํางตั้งใจแล๎วคิดในใจวํา “ เอ...ถ๎าเราบอกไปตรง ๆ เจ๎าคนร๎ายก็ต๎องติดคุก แล๎วเราจะบาปไหมหนอ ” คิดแล๎วยังไมํตกลงใจจึงพูดกับตํารวจทํานนั้น วํา “ ตอนนี้ยังไมํวํางแล๎วจะดูให๎ตอนดึก ๆ พรุํงนี้คํอยมาฟังผลก็แล๎วกัน ” แล๎วเขาก็ลากลับไป ตรวจขโมยคืนนั้นคุณยายทองสุกนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อหลวงพํอวัดปากน้ํา “ สั่งงาน ” และทํา สําเร็จเรียบร๎อยแล๎วมีเวลาเหลืออีกจึงนั่งสมาธิตํอไป เพื่อชํวยตรวจดูวําใครขโมยรถจักรยานไป ( สมัยกํอนไมํได๎เรียกคุณยายแตํเรียกวํา คุณแมํบ๎านบ๎าง , แมํอาจารย๑บ๎าง ) คุณยายทองสุกตรวจ ไปราว ๆ 1 ชั่วโมง จึงได๎เห็นหน๎าตาของขโมย เห็นครั้งแรกก็ตกใจเพราะเจ๎าขโมยมีหน๎าตา เหมือนกับชายเจ๎าของรถ คุณยายก็ไมํเอาเริ่มต๎นนั่งใหมํ เพราะคิดวําจิตไมํนิ่งพอ ( การฝึกให๎ดู อยํางนี้ได๎ต๎องฝึกแล๎วฝึกอีก ต๎องใกล๎ชิดครูบาอาจารย๑เป็นอยํางมากเทํานั้นจึงจะทําได๎ถูกต๎องไมํ ผิดเพี้ยน ) คุณยายลองทําใหมํ ๆ ก็เห็นเหมือนเดิมเป็นอยํางนี้ 3 ครั้ง จึงมั่นใจแล๎วบํนออกมาวํา
“ ชะ ๆ ตัวมันเป็นขโมยเอง แล๎วยังทําสะเออะหน๎ามาลองดูอีก...ดีลํะพรุํงนี้มาเถอะฉันจะตอก หน๎าให๎หงายกลับไปเลย ”วันรุํงขึ้นก็มีคนมาจริง ๆ ชายคนนั้นพอไหว๎คุณยายทองสุกแล๎วจึงถาม วํา “ พี่หมูํให๎ผมมาถามวํา คนร๎ายหน๎าตาเป็นยังครับ ” คุณยายทองสุกหันหน๎าไปเจอคนร๎ายใน นิมิต ก็ชี้นิ้วออกไปพร๎อม ๆ กับพูดวํา “ หน๎าเหมือนแกอยํางนี้แหละ แกอยํามาลองดีนะ ” ชาย คนนั้นทําทําตกใจแล๎วนั่งยอง ๆ ยกมือพนมพลางพูดวํา “ คุณยายอยําฆําผม... อยําฆําผม ” คุณ ยายทองสุกพูดสวนออกไปวํา “ ฉันไปฆําอะไรแก ” ชายที่นั่งยอง ๆ คนนั้นตอบวํา “ ก็คุณยายมา วําผมเป็นขโมยนี่ครับ ” “ ก็อยากมาหน๎าเหมือนกันทําไมลํะ ” คุณยายตอบ “ หน๎าเหมือนขโมย แล๎วต๎องเป็นขโมยหรือครับ ” ชายผู๎นั้นยังตํอปากตํอคําไมํหยุด “ ก็ต๎องเป็นนะสิดูตั้ง 3 หน หน๎า มันก็เหมือนกันอยํางนี้นี่แหละ ” ชายผู๎นั้นพนมมือไหว๎อีกครั้งพลางพูดเสียงอํอย ๆ วํา “ ถ๎าพี่หมูํ เขามา คุณยายอยําบอกวําคนร๎ายหน๎าตาเหมือนผมนะครับ ” คุณยายทองสุกหยุดมองอยํางสงสัย แล๎วพูดวํา “ อ๎าวไมํใชํแกหรอกหรือที่มาหาฉันเมื่อวานนํะ ” “ ไมํใชํครับ คนที่มาเมื่อวานนี้เป็น พี่ชายผม เขาเป็นตํารวจหน๎าตาเหมือนกันครับ คุณยายอยําไปบอกเขานะครับ ” “ แล๎วเราเอา จักรยานเขาไปใชํไหม ” เขารับคํอย ๆ วํา “ใชํครับ ” “ เราเป็นน๎องเขาใชํไหมลํะ ”
“ ใชํครับ ”
เจ๎าขโมยพูดเบา ๆ “ ใชํแล๎วเอาของเขาไปทําไมลํะ ” “ มันจําเป็นครับ โธํคุณยาย ๆ ไมํรู๎ ” “ ถ๎า จําเป็นจริงทําไมไมํขอเขาลํะ ” “ ขอก็ไมํให๎ครับ พี่เขาขี้เหนียวจะตายไป คุณยายกรุณาชํวยผม เถอะครับอยําบอกพี่หมูํวํา ผมเอารถเขาไปขาย ผมจําเป็นจริง ๆ ครับ โธํ.....นึกวําสงสารผมเถอะ ผมไหว๎ลํะ ” “ จําเป็นยังไงถึงจะต๎องขโมย ” “ โธํคุณยายครับ เมียผมออกลูกครับ ” “ หา...เมีย ออกลูกเหรอ แล๎วออกหรือยังลํะ ” “ ออกแล๎วครับ เงินจะให๎หมอตําแยก็ไมํมีจะซื้อของใช๎ก็ไมํมี เลยสักแดงเดียว ” “โถ....แกเลยต๎องขโมยงั้นเหรอ”“ครับไมํขโมยก็ไมํมีเงินให๎หมอไมํมีเงินซื้อยา ขับเลือด” ชํวยขโมย คุณยายทองสุกนั่งงงกําลังคิดวําจะทําอยํางไรดีกบั เหตุการณ๑น้ี พอดีกม็ เี สียงคนเดินมาคุณ ยายจึงชะโงกหน๎าไปนอกหน๎าตํางจึงเห็นตํารวจคนเมื่อวานกําลังเดินมา แตํวันนี้เขาแตํงชุดตํารวจ
มา คุณยายทองสุกรีบบอกขโมยวํา “ พี่ชายแกมา แกนั่งเฉย ๆ นํะ ” พอพูดเสร็จตํารวจคนนั้นก็ เข๎ามาพอดี เขาถอดหมวกออกแล๎วยกมือไหว๎คุณยาย เมื่อเห็นน๎องชายอยูํจึงถามน๎องชายวํา “ แก มาทําไม ” น๎องชายก็อึ้งอยูํ คุณยายทองสุกจึงรีบตอบแทนวํา “ เขากําลังเลําให๎ฟังวําเมียกําลัง ออกลูก ” คุณยายตอบเลี่ยง ๆ พอคุณยายตอบเสร็จ คนร๎ายดูหน๎าตาคํอยมีเลือดขึ้นมาหนํอยแล๎ว สักครูํเจ๎าขโมยจึงลากลับไป ติดตามเรื่องรถหาย ตํารวจก็ถามเรื่องที่ฝากไว๎เมื่อวาน “ คุณยายนั่งสมาธิแล๎วเห็นคนร๎ายหน๎าตาเป็นยังไงครับ ” “ ฉันบอกไมํได๎หรอกเดี๋ยวเขาถูกจับไปติดคุก ฉันจะพลอยบาปไปด๎วย ” คุณยายทองสุกตอบ ทําทางจริงจัง “ คนใกล๎หรือคนไกลครับ ” คุณยายนิ่งไมํตอบ “ คนดําหรือคนขาวครับ ” คุณ ยายนิ่งเชํนเคย “ รถจักรยานนี้ผมจะได๎คืนไหมครับ ” เขาถามอีก “ ถ๎าอโหสิกรรมก็อาจจะได๎ คืน ” “ เมื่อไหรํครับ ” “ เห็นจะราว ๆ 3 เดือน แตํต๎องอโหสิกรรมกํอน ” “ อโหสิกรรมต๎องทํา ยังไงครับ ” คุณยายทองสุกชี้มือไปที่โต๏ะหมูํบูชา “ ก็จุดธูปเทียนไหว๎พระแล๎วกลําวดัง ๆ วํา ข๎าพเจ๎าขออโหสิกรรมให๎แกํผู๎ขโมยรถจักรยานของข๎าพเจ๎า ข๎าพเจ๎ายกโทษให๎แล๎วขอให๎หลวงพํอ ( วัดปากน้ํา ) ชํวยให๎ข๎าพเจ๎าได๎รถคืนเร็ว ๆ ด๎วย ” เจ๎าของรถทําตามทุกอยําง คุณยายทองสุกจึง บอกวํา “ เอออยํางนี้ได๎คืนแนํคงได๎ราว ๆ เดือนเดียวแหละ อ๎อ...ชํวงนี้ถ๎ามีญาติพี่น๎องมาขอยืม เงินบ๎าง ก็เอื้อเฟื้อบ๎างนะจะได๎บุญ ” ตํารวจทํานนั้นรับคําอยํางวํางําย สักครูํก็ลาไปโรงพัก พอ พี่ชายไปแล๎วน๎องชายก็เข๎ามากราบคุณยายทองสุกแล๎วพูดวํา“ขอบคุณคุณยายเหลือเกินผมจะ พยายามเอารถไปคืนพี่หมูํในเร็วๆนี้”
ได๎
จักรยานคืน ประมาณ 10 วันตํอมาเจ๎าของรถก็มาหาคุณยายทองสุก มีดอกไม๎ธูปเทียนและลูกเงาะอีก 1 ถุง ติดมือมาด๎วย “ คุณยายครับผมได๎รถคืนแล๎ว จริงอยํางคุณยายวําเชียวครับ พอเงินเดือนผมออก ไอ๎น๎องชายผมคนที่เมียออกลูกนั่นแหละครับก็มาอ๎อนวอนขอยืมเงิน 150 บาท ผมวําจะไมํให๎แล๎ว เชียว พอดีนึกได๎วําคุณยายสอนให๎เอื้อเฟื้อตํอญาติบ๎างผมก็เลยให๎มันยืมไป รุํงขึ้นอีก 2 วัน
รถจักรยานของผมก็มาตั้งอยูํที่เกํา แปลกจริง ๆ ครับขอบพระคุณ คุณยายมากครับ”คุณยายทอง สุกทําทําเขินไมํรู๎จะพูดอะไรดี นี่คือเรื่องราวในห๎วงหนึ่งของแมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปั้น ที่แสดงให๎เห็นเป็นที่ประจักษ๑ ในด๎านของความมีเมตตา และใช๎อภิญญาจิตชํวยเหลือตรวจสอบข๎อเท็จจริงที่เกิดขึ้นของผู๎ยากไร๎ ที่มาขอความชํวยเหลือได๎เป็นอยํางดีผมจึงขอรํวมเป็นสํวนหนึ่งในการถํายทอดเรื่องนี้ตํออีกครั้ง หนึ่งครับ และขอเสริมเกร็ดความรู๎เล็ก ๆ น๎อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาโปรด ทํานหลายครั้ง และแก๎วกายสิทธิ์ที่เสด็จมาอยูํด๎วยซึ่งมีลักษณะยาวรีคล๎ายไขํเตํามีสีคล๎ายหยก เขียวอํอนจาง ๆ ตํอมาทํานได๎มอบให๎แมํชีอาจารย๑เธียร ธีระสวัสดิ์ไว๎ติดตัว เพื่อเป็นกําลังใจใน การปฏิบัติและเผยแพรํวิชชาธรรมกาย บางทํานอาจจะสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่นําเสนอแตํถ๎าทําน ปฏิบัติธรรมเข๎าถึงธรรมกายแล๎วทํานจะรู๎ และเข๎าใจอยํางแจํมแจ๎งด๎วยตัวของทํานเองครับ
แมํชีอาจารย๑ละมัย ชูวงศ๑วุฒิ ศิษย๑เอกคนสําคัญคนหนึ่งของหลวงพํอสดวัดปากน้าํ ที่ได๎มาบวชชีหลังแมํชีอาจารย๑ปุก มุ๎ยประเสริฐ เล็กน๎อย แตํวํามากํอนแมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร ( จากคําบอกเลําของแมํชี อาจารย๑รัมภา โพธิ์คําฉาย เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ) ทํานมีความศรัทธาในตัวหลวงพํอวัด ปากน้ํามากจึงขออนุญาตสามีเพื่อบวชชี สามีทํานก็ยินดีอนุญาตจึงได๎มาบวชที่วัดปากน้ําเมื่อปี พ.ศ. 2476 แล๎วได๎บรรลุธรรมกายในเวลาตํอมา ทํานเป็นแมํทัพธรรม 1 ใน 6 ที่ได๎รับมองหมาย จากหลวงพํอให๎เป็นหัวหน๎าเวรคุมการปฏิบัติวิชชาธรรมกายค๎นวิชาขั้นสูง สอนวิชชาธรรมกาย แกํแมํชีและผู๎มาปฏิบัติธรรมในวัดปากน้ํา , ชํวยแก๎ทุกข๑ทางใจ , ชํวยแก๎โรคด๎วยวิชชาธรรมกาย ในระหวํางสงครามโลกครั้งที่ 2 ทํานเป็นผู๎หนึ่งที่ได๎รับมอบหมายจากหลวงพํอให๎ทําวิชาชํวยเหลือ ป้องกันประเทศ และป้องกันไมํให๎ลูกระเบิดตกในเขตวัดปากน้ําและประตูน้ําภาษีเจริญ เหมือนกับแมํชีอื่น ๆ ที่อยูํวัดปากน้ํา ทํานเป็นศิษย๑ 1 ใน 5 ทํานที่ได๎รับเกียรติให๎ทําพิธีบรรจุ กายสิทธิ์ของหลวงพํอ 3 ดวง ขนาดเส๎นผําศูนย๑กลางประมาณ 3 นิ้ว ไว๎ในศูนย๑กลางกายของรูป
หลํอเหมือนหลวงพํอยืนเต็มองค๑ ที่ประดิษฐานหน๎าหีบศพหลวงพํอบนหอสังเวชนีย๑มงคลเทพ นิรมิตเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 หลังจากหลวงพํอทํานมรณภาพไปแล๎ว 90 วัน ศิษย๑ของ หลวงพํอที่ได๎รํวมกันบรรจุดวงแก๎วกายสิทธิ์ครั้งนั้นมี 5 ทํานครับคือ 1. นายประยูร สุนทารา 2. นางเชื้อ ปุรณเสวี 3. แมํชีอาจารย๑ละมัย ชูวงศ๑วุฒิ 4. น.ส.ประยูร นาคบุญเที่ยง 5. อาจารย๑ตรีธา เนียมขํา หลังจากหลวงพํอมรณภาพแมํชีอาจารย๑ละมัยก็ได๎ลาจากศีลชีออกไป พักอยูํกับหลานที่บางบัวทอง จ. นนทบุรี ระหวํางที่อยูํกับหลานทํานก็ยังทําหน๎าที่ชํวยแก๎ทุกข๑ ทางใจ และแก๎โรคด๎วยวิชชาธรรมกายแกํผู๎ที่ได๎ไปให๎ทํานชํวยเหลือด๎วยความเมตตา ตํอมาทํานได๎ ถึงแกํกรรมเมื่อหลายปีที่แล๎วครับ
อาจารย๑ตรีธา เนียมขํา ( นายกสมาคมศิษย๑หลวงพํอวัดปากน้ําม.ส.จ. ) ประวัติโดยยํออาจารย๑ตรีธา เนียมขํา ทํานเป็นบุตรของนายดวง – นางพุํม เนียมขํา ภูมิลําเนา อยูํบ๎านเลขที่ 30 หมูํที่ 3 ต. บางบํอ อ. บางบํอ จ. สมุทรปราการ เกิดเมื่อวันเสาร๑ ขึ้น 14 เดือน 5 ค่ําปีขาลตรงกับวันที่27มีนาคมพ.ศ.2469 การศึกษา จบการศึกษามัธยมปีที่ 3 และเปรียญธรรมเอก นอกจากนี้ทํานยังได๎รับปริญญาพุทธ ศาสตร๑ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาสังคมสงเคราะห๑ศาสตร๑จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ๑ราช วิทยาลัย สถานภาพ ได๎เข๎ามาอยูํวัดปากน้ําเมื่ออายุได๎ 13 ปี ( ปีพ.ศ. 2482 ) ภายใต๎บารมีธรรม ของหลวงพํอ พออายุได๎ 14 ปีก็บวชเป็นแมํชีเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมและบําเพ็ญภาวนาตาม แนววิชชาธรรมกาย จนสามารถรับใช๎สนองงานที่ทํานได๎รับมอบหมายได๎ ทํานได๎ลาศีลจากแมํชี เมื่อปีพ.ศ. 2494 ในขณะนั้นมีอายุได๎ 26 ปี แตํก็ยังอยูํปฏิบัติธรรมรับใช๎หลวงพํอตลอดมา ผลงาน
ได๎ชํวยแบํงเบาภาระของทํานเจ๎าคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย๑ เจ๎าอาวาสวัด
ปากน้ําองค๑ปัจจุบัน ในการดําเนินงานตามโครงการตําง ๆ ที่หลวงพํอสดได๎วางไว๎ อีกทั้งยังเป็นผู๎ ริเริ่มดําเนินการในด๎านการศึกษา , การปฏิบัติธรรม , การกํอสร๎างเสนาสนะและถาวรวัตถุรวมถึง
ด๎านอาหารบิณฑบาต ตลอดจนควบคุมการปฏิบัติธรรมภายในโรงงานทําวิชานอกจากนี้ทํานยังมี ผลงานในด๎านตํางๆพอสรุปได๎ดังนี้ครับ 1. ได๎เป็นเจ๎าภาพและประธานเอกในการถวายผ๎าพระกฐินพระราชทานวัดปากน้ําตั้งแตํปีพ.ศ. 2504 จนถึงปัจจุบัน 2. เป็นนายกสมาคมศิษย๑หลวงพํอวัดปากน้ํา ม.ส.จ. เมื่อปีพ.ศ.2520จนถึงปัจจุบัน 3. กํอสร๎างหอเจริญวิปัสสนาและกํอสร๎างและบรรจุพระผงธรรมขันธ๑ รวมถึงพระรุํน 5 จําวน 2 ล๎านองค๑ ณ หอ
เจริญวิปัสสนา
4 . สอนภาวนาในวันเสาร๑–อาทิตย๑และวันหยุดราชการ ณ หอเจริญวิปัสสนา 5. ไถํชีวิตโคกระบือและนําไปมอบให๎กรมปศุสัตว๑ เพื่อแจกจํายให๎แกํเกษตรกรผู๎ยากไร๎ ในการ ยกระดับความ
เป็นอยูํให๎ดีขึ้นตามโครงการธนาคารโคกระบือตามพระราชดําริใน
พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ตั้งแตํปีพ.ศ. 2524 – 2551 เป็นเวลา 28 ปี จํานวน 101 ครั้ง ได๎ไถํ ชีวิตโคกระบือไปแล๎ว 28,855 ตัว 6. หลํอพระพุทธรูปและรูปเหมือนหลวงพํอวัดปากน้ําถวายไปยังวัดและองค๑กรตําง ๆ ทั้งในและ ตํางประเทศ เป็นพระพุทธรูป 1,002 องค๑ พระอัครสาวก 34 คูํ , พระอรหัตสาวก 7 องค๑ , เจ๎าแมํ กวนอิมนั่งขนาด 69 นิ้ว 1 องค๑ , รูปเหมือนหลวงพํอวัดปากน้ําขนาดเทําองค๑จริง 196 องค๑ 7. สร๎างพระของขวัญรุํน 6 จํานวน 3,370,660 องค๑ และได๎มอบถวายให๎ทางวัดนําออกมามอบเป็น ของขวัญให๎แกํผู๎ที่บริจาคทรัพย๑รํวมสร๎างพระไตรปิฎกหินอํอน 8. สร๎างพระของขวัญรุํน 7 จํานวน 5,640,000 องค๑ และมอบถวายให๎ทางวัดปากน้ํานําออกมา มอบให๎แกํผู๎ที่บริจาคทรัพย๑รํวมสร๎างหอสมุดแหํงพระพุทธศาสนา ณ พุทธมณฑล
9. สร๎างพระพุทธรูปทองคําสัมฤทธิ์ปางธรรมกาย หน๎าตักกว๎าง 9 เมตร 9 เซนติเมตร สูง 14 เมตร 39 เซนติเมตรประดิษฐานอยูํ ณ วัดพุทธาธิวาส อ. เบตง จ. ยะลา โดยได๎มอบหมายให๎นาย ประยูร – นางเกศินี พณิชยานนท๑ เป็นผู๎ดําเนินการสร๎าง และมีพระนามวํา “ พระพุทธธรรมกาย มงคลปยูรเกศานนท๑สุพพิธาน ” 10. สร๎างอาคารเรียน 3 ชั้น 18 ห๎อง พร๎อมเขื่อนและรั้วยาว 100 เมตร
มอบให๎โรงเรียนวัด
บางบํอ ต.บางบํอ จ.สมุทรปราการ เมื่อปีพ.ศ. 2541 พร๎อมโต๏ะ , เก๎าอี้นักเรียน-ครู และอุปกรณ๑ การสอน , ถมที่ปลูกหญ๎าสนามโรงเรียนอีก 3 ไรํครึ่ง รวมเป็นเงิน 10.8 ล๎านบาท 11. ตั้งโรงทานสร๎างศาสนสมบัติและสาธารณกุศลอื่น ๆ อีกเป็นจํานวนมาก เกี่ยวกับปาฏิหาริย๑หลวงพํอวัดปากน้าํ ที่อาจารย๑ตรีธา เนียมขํา ทํานประสบมาโดยตรงใน สํวนของทําน หากจะตั้งชื่อแล๎วก็นําจะเป็นวํา “ มะรืนนี้พํอเอ็งจะมา” ทํานได๎เลําให๎ฟังเอาไว๎ อยํางนี้ครับวํา “ เมื่อข๎าพเจ๎า
( คุณครูตรีธา เนียมขํา ) ตอนอายุประมาณ 15 – 16 ปี เกิด
คิดถึงบ๎านและคิดถึงพํอแมํพี่น๎องมาก เลยขออนุญาตหลวงพํอขอกลับไปเยี่ยมบ๎าน แตํหลวงพํอ ทํานไมํให๎ไป ทํานบอกวํา “ มะรืนนี้พํอเอ็งจะมา ” ข๎าพเจ๎าไมํแนํใจคิดวําหลวงพํอทํานต๎อง หลอกข๎าพเจ๎าแนํ ๆ จึงย๎อนถามทํานเพื่อความแนํใจวํา “ พํอได๎บอกหลวงพํอไว๎หรือเจ๎าคะวําพํอ จะมามะรืนนี้ ” หลวงพํอทํานตอบวํา “ พํอเอ็งไมํได๎บอกหรอก แตํเอ็งคอยดูซีนํา มะรืนนี้พํอเอ็ง ต๎องมา ” ตอนนั้นด๎วยความเป็นเด็กยังไมํมีความคิด ข๎าพเจ๎าก็คิดวําถ๎ามะรืนนี้พํอไมํมาจะต๎อง ตํอวําหลวงพํอเสียหนํอย แตํพอวันนั้นมาถึงพํอของข๎าพเจ๎าก็เยี่ยมจริง ๆ ข๎าพเจ๎ารีบถามพํอวํา “ พํอได๎บอกหลวงพํอไว๎หรือเปลําวําพํอจะมาในวันนี้ ” พํอของข๎าพเจ๎าตอบวํา “ เปลํา ” เรื่องเลําจากประสบการณ๑ของอาจารย๑ตรีธา เนียมขํา กิตติศัพท๑เรือ่ งหลวงพํอสดวัดปากน้าํ ภาษีเจริญ ในสมัยนั้นสามารถรักษาคนป่วยด๎วยโรค ร๎ายที่สังคมรังเกียจให๎หายได๎แพรํกระจายไปอยํางรวดเร็ว ทําให๎ต๎องเดินทางมาวัดปากน้ําหวังขอ พึ่งบารมีของหลวงพํอ เพื่อรักษาโรคให๎มารดาหายเป็นปกตินั้น ถ๎าเราเจ็บไข๎ได๎ป่วยก็จะไปหา
แพทย๑ผู๎เชี่ยวชาญโรคนั้น แตํหลวงพํอทํานเป็นแพทย๑ผู๎เชี่ยวชาญการรักษาทุกโรค ถ๎าจะนําเรื่อง ความทุกข๑ความเดือดร๎อนของคนที่มาหาหลวงพํอมาเรียงลําดับเนื้อเรื่องกันแล๎วก็จะได๎ตั้งแตํเกิด จนตายเลยทีเดียว เชํน ถ๎าเป็นผู๎ที่กําลังจะแตํงงานกันก็มักจะมาขอให๎หลวงพํอชํวยตรวจดูให๎วําผู๎ ที่ตนจะแตํงงานด๎วยนั้นเป็นอยํางไร จะอยูํด๎วยกันยืนยาวมีความสุขความเจริญหรือไมํ ? , บางคูํ ที่แตํงงานกันไปแล๎วและยังไมํมีบุตรก็มักจะมาขอบุตรกับหลวงพํอให๎ทํานชํวยใช๎วิชชาธรรมกาย เลือกสรรวิญญาณดี ๆ มาจุติ บางคนมีลูกหลานแล๎วเลี้ยงยากแถมขี้โรคอีกก็มายกให๎เป็นลูกหลวง พํอ หรือถ๎าลูกหลานวํายาก , ดื้อ , ซน , ไมํฉลาดในการศึกษาเลําเรียนก็มาขอบารมีหลวงพํอ , เมื่อ ลูกหลานจะเข๎าสอบไมํวําจะสอบในวิชาที่เลําเรียนหรือสอบแขํงขันเข๎าทํางานก็มาขอให๎หลวงพํอ ทํานชํวย, เมื่อมีปัญหาในการประกอบอาชีพการงานก็มาปรับทุกข๑กับหลวงพํอ , พวกที่เป็น เกษตรกรถ๎าประสบภาวะฝนแล๎งก็มาขอให๎หลวงพํอชํวยทําให๎ฝนตก หลวงพํอทํานก็สั่งพวกที่ บรรลุธรรมกายให๎ชํวยเกณฑ๑ฝนให๎ตกในพื้นที่ ๆ เขาต๎องการ สํวนเกษตรกรบางพวกที่เจอฝนตก หนักน้ําทํวม ทําให๎พืชผักผลไม๎เสียหายก็มากราบกรานหลวงพํอ ขอให๎ทํานชํวยบําบัดทุกข๑ให๎ ทํานก็สั่งพวกที่ได๎ธรรมกายให๎ชํวยกันเก็บฝนเสีย , บางคนจะจัดการงานใดที่บ๎านในหน๎าฝนกลัว ฝนตกก็มาขอให๎หลวงพํอชํวยอยําให๎ฝนตก ทํานก็ชํวยทุกคนไปจนกิตติศัพท๑ลือเลื่องไปทั่ววํา หลวงพํอสดวัดปากน้ํารักษาโรคได๎ , ขอฝนได๎ , เก็บฝนได๎ แม๎ปัจจุบันนี้ทํานมรณภาพไปแล๎วก็ยัง มีคนเป็นจํานวนมากมาขอพึ่งบารมีของทํานในเรื่องตําง ๆ ทุกเรื่องเหมือนสมัยที่ทํานยังมีชีวิตอยูํ บางคนก็มิใชํขอธรรมดาแตํยังบนบานศาลกลําวด๎วย ในสมัยหลวงพํอทํานยังอยูํนั้นคนที่มาขอพึ่ง บารมีให๎ชํวยมิใชํจะให๎ชํวยแตํเฉพาะคนเป็นก็หาไมํ แม๎ญาติพี่น๎องของคนที่ตายไปแล๎วก็ยังมา ขอให๎ชํวยตรวจดูให๎วําวิญญาณไปอยูํที่ไหน สุขทุกข๑อยํางไรจะทําบุญอะไรไปให๎จึงจะเหมาะจะ ควร มีลูกศิษย๑ของหลวงพํอมากมายหลายคนที่ได๎สั่งลูกหลานของตนไว๎วํา ถ๎าตนสิ้นชีวิตลงแล๎ว ให๎นําศพมาตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดปากน้ําทั้ง ๆ ที่วัดปากน้ําไมํมีศาลาตั้งศพและไมํมีเมรุเผาศพ มีแตํศาลาการเปรียญหลังเกํา ๆ เป็นศาลาเอนกประสงค๑สําหรับใช๎เป็นที่ฉันภัตตาหารของพระภิกษุ สามเณร สํวนกลางคืนเป็นที่พักของแมํชี และเป็นที่ตั้งศพด๎วย คืนใดที่มีการสวด พระอภิธรรม
หลวงพํอทํานจะสั่งให๎ผู๎ที่ได๎ธรรมกายออกไปรํวมฟังสวดด๎วยอยํางน๎อย 3 คน
เพื่อนั่งเจริญ
ภาวนาเชิญชวนวิญญาณของผู๎ตายมารับสํวนบุญกุศล ไมํวําวิญญาณนั้นไปสิงสถิตอยูํ ณ ที่ใดก็ ตามจะอยูํในสวรรค๑หรือไปเป็นเปรตอสุรกาย , สัตว๑นรก , สัตว๑เดรัจฉาน จะเชิญวิญญาณกํอน อาราธนาศีล หลวงพํอทํานจะให๎จัดอาสนะปูเตรียมไว๎ให๎วิญญาณของผู๎ตายนั่งหลังจากที่ พระสงฆ๑สวดอภิธรรม , สวดสังคหะหรือสวดพระมาลัยเสร็จจบที่ 1 หลังจากนั้นจะถามพวกที่ได๎ ธรรมกายวํา “ วิญญาณของผู๎ตายมาหรือเปลํา ” พวกที่ได๎ธรรมกายทั้ง 3 คน จะต๎องรู๎เห็นและ ตอบตรงกัน ถ๎าตอบไมํตรงก็จะให๎นั่งตรวจดูใหมํ ทํานต๎องการให๎วิญญาณของผู๎ตายได๎มา สมาทานศีลและฟังสวดพระอภิธรรมด๎วย เมื่อพระสงฆ๑สวดจบแตํละจบหลวงพํอจะถามย้ําทุก ครั้ง ในสมัยที่ข๎าพเจ๎ายังเป็นแมํชีเล็ก ๆ เคยถูกถามโดยใช๎ให๎ไปทําหน๎าที่เชํนนี้หลายครั้ง ทุกครั้งที่ หลวงพํอถาม ข๎าพเจ๎าจะรู๎สึกกระดากอายไมํอยากตอบให๎ใครได๎ยิน เพราะตอนนั้นยังเด็กมาก เกรงวําตอบไปแล๎วจะไมํมีใครเชื่อ แตํเมื่อทํานใช๎ก็จําเป็นต๎องทํา เนื่องด๎วยกลัวหลวงพํอ ข๎าพเจ๎าจึงไมํอยากให๎มีใครตายเพราะไมํอยากออกไปนั่งเชิญวิญญาณ หลวงพํอวัดปากน้ําทําน ชี้แจงวําการรักษาโรคนั้นถ๎าได๎ประกอบกันทั้ง 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายผู๎รักษาโรคและผู๎ป่วยมีความเชื่อมั่น ตรงกัน มีกระแสจิตเชื่อมถึงกัน เปรียบเสมือนเครื่องรับวิทยุและเครื่องสํงต๎องมีเคลื่อนตรงกันจึง จะมีหวังหายมาก วันหนึ่ง ๆ มีผู๎มารักษาโรคกับหลวงพํอวัดปากน้ําเป็นจํานวนมาก เพราะหลวง พํอทํานรักษาโรคทุกชนิดทั้งโรคมะเร็ง , วัณโรค , อัมพาต , โรคประสาท เมื่อสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง หลวงพํอต๎องรักษาคนที่เป็นโรคประสาทนับร๎อย ๆ คน เพราะความตรึงเครียด , ความทุกข๑ยากเดือดร๎อน จากภัยสงคราม บางคนก็นอนไมํหลับคิดมาก ใจคอหงุดหงิด แตํบาง คนก็มีอาการหนักไร๎สติสัมปชัญญะ สําหรับคนที่อาการหนักหลวงพํอทํานจะสั่งญาติพี่น๎องให๎ กลับไปและมอบคนป่วยไว๎กับทําน ญาติพี่น๎องไมํต๎องเป็นหํวง หลวงพํอจะสั่งให๎กรอก “ ยาผง บาดจิต ” ซึ่งทํานสั่งให๎ลูกศิษย๑ผสมเตรียมไว๎และแก๎ด๎วยวิชชาธรรมกายไมํนานคนป่วยก็หาย ญาติพี่น๎องพากลับบ๎านได๎ ยาผงบาตจิตนี้คณะศิษย๑ของหลวงพํอในปัจจุบันยังคงผสมตามตํารา ของทํานไว๎แจกแกํคนทั่วไปอยูํ เป็นยาที่รักษาได๎หลายโรค ไมํเพียงแตํโรคประสาทเทํานั้น คนที่
ผอมแห๎งแรงน๎อยรับประทานอาหารไมํได๎ นอนไมํหลับ ใจคอหงุดหงิดคิดมาก ก็รับประทานได๎ ทํานผู๎สนใจสามารถติดตํอขอได๎ที่วัดปากน้ําภาษีเจริญ ในยุคนั้นหลวงพํอวัดปากน้ําทํานให๎ตั้งตู๎ รับใบอาการของโรคไว๎ที่หน๎ากุฎิของทําน การเขียนใบอาการโรคต๎องแจ๎งชื่อ – สกุล , ที่อยูํ , วัน , เดือน , ปีเกิด และอาการโรคที่ปรากฏอยํางละเอียด การสํงใบอาการโรคมี 4 เวลาคือ เช๎า กลางวัน บําย เย็น หลวงพํอทํานจะสั่งให๎คนมาไขตู๎ตามเวลานั้น แล๎วนําใบอาการโรคแจกจํายแกํพวกที่ได๎ วิชชาธรรมกายเพื่อแก๎โรค ถ๎าผู๎เป็นลูกมาสํงใบอาการโรคของพํอแมํ หลวงพํอทํานมักจะถามวํา อยากให๎พํอแมํหายป่วยหรือไมํ ถ๎าอยากให๎พํอแมํหายป่วยก็ทําสมาธิเข๎า ถ๎าได๎สมาธิก็จะได๎ชํวยแก๎ โรคภัยไข๎เจ็บของพํอแมํได๎ ข๎าพเจ๎าได๎ประสบเรื่องนี้ด๎วยตัวเองคือ ในสมัยที่ข๎าพเจ๎ามีอายุได๎ ประมาณ 13 ปีนั้น มีผู๎แนะนําให๎แมํซึ่งป่วยหนักมานานถึง 12 ปีแล๎ว ให๎มารักษากับหลวงพํอ แมํ ของข๎าพเจ๎านั้นป่วยด๎วยโรคซึ่งหมอไมํทราบสาเหตุ ผอมแห๎ง รับประทานอาหารไมํได๎ พยายาม หาหมอรักษามานานนับ 10 ปี อาการก็ไมํดีขึ้น มีแตํทรงกับทรุดไมํวําใครจะแนะนําหมอดี ๆ ที่ ไหนพํอของข๎าพเจ๎าเป็นต๎องพามารักษาทุกหนทุกแหํง ตํอมามีผู๎แนะนําให๎มารักษากับหลวงพํอ พํอก็จึงได๎นําแมํของข๎าพเจ๎าลงเรือและนําข๎าพเจ๎ามาด๎วยเพื่อให๎มาอยูํปรนนิบัติแมํ ก็ได๎มาจอดเรือ ที่หน๎าวัดแล๎วขึ้นไปขอบารมีให๎หลวงพํอชํวยรักษาโรค สํวนแมํของข๎าพเจ๎ายังคงนอนพักอยูํใน เรือ สํวนตัวข๎าพเจ๎าเองมีหน๎าที่เขียนใบอาการโรคสํงให๎แกํหลวงพํอเป็นประจํา ทํานก็ถามวํา “ เอ็งอยากให๎แมํหายไหม ” ตอนนั้นข๎าพเจ๎านึกในใจวําหลวงพํอก็ถามมาได๎ ใครจะไมํอยากให๎แมํ หาย ถ๎าหลวงพํอจะสั่งให๎ทําอะไรก็จะทําทุกอยําง ขอให๎แมํหายป่วยเป็นทําทั้งนั้น หลวงพํอบอก ตํอไปวํา “ ถ๎าอยากให๎แมํหายเอ็งก็ต๎องขึ้นมานั่งภาวนา ถ๎านั่งได๎ก็จะได๎ชํวยแก๎โรคให๎แมํ แมํเอ็ง จะได๎มีอายุยืนยาวตํอไป ” ตั้งแตํบัดนั้นข๎าพเจ๎าได๎ตั้งใจวําจะต๎องนั่งภาวนาให๎ได๎ เพื่อจะได๎ชํวย แก๎โรคให๎แมํได๎ เพราะการเขียนใบอาการโรคสํงทุกวันก็เหมือนกับยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไฉนจะ คลํองเหมือนจมูกของเราเอง วันแรกที่ข๎าพเจ๎ามาฝึกนั่งภาวนา ก็ได๎ซื้อดอกไม๎ธูปเทียนข๎าวตอกมา จากแมํชี 1 ถาด ข๎าพเจ๎ากะนั่งให๎ได๎กึ่งกลางศาลาพอดี โดยกะศูนย๑กลางจากธรรมาสน๑ไปยังประตู ด๎านทิศตะวันออก แล๎วกะด๎วยสายตาจากอาสนสงฆ๑ไปยังศาลาด๎านใต๎ ( ธรรมาสน๑นี้ยังคงอยูํชั้น
บนของศาลาการเปรียญสด ) แล๎วคอยจ๎องวําเมื่อไรหลวงพํอจะมา วันนั้นทํานเดินขึ้นมาทางด๎าน หลังของศาลาทางทิศตะวันตก ข๎าพเจ๎าก็เห็นรํางหลวงพํอที่กําลังขึ้นมานั้นสวํางไสวสวยงามไป หมดทั้งรําง สีจีวรก็เหลืองอรํามสุกใส ตามปกติก็จะเห็นทํานหํมจีวรสีเหลืองธรรมดา แตํ ผิวพรรณของทํานนั้นขาวผํองมีราศีสวยงามจับตาอยูํแล๎ว แตํวันนั้นเห็นทํานมีรัศมีสวํางไสวจับ ตามากเป็นพิเศษกวําที่เคยเห็นมา ก็เลยมองทํานตลอดเวลาไมํให๎คลาดสายตาเลย จนทํานขึ้นมา นั่งบนอาสนสงฆ๑ กราบพระพุทธรูปเสร็จแล๎วก็กลําวทักทายปราศรัยถามไถํเรื่องการปฏิบัติธรรม ของบรรดาลูกศิษย๑ที่มาศึกษากับทํานเป็นประจํา ตํอจากนั้นทํานจึงนํากราบพระ สวดมนต๑แล๎ว อธิบายวิธีการนั่งภาวนา เมื่อถึงเวลาเลิกนั่งทํานก็นํากราบพระพร๎อมกัน พอเสร็จแล๎วก็ได๎เรียกผู๎ ที่นั่งภาวนาบางคนเข๎าไปถามวําได๎รู๎เห็นอะไรบ๎าง และแล๎วทํานก็ชี้มาที่ข๎าพเจ๎าทํานเรียกวํา “ ไอ๎ เล็กมานี่ ” ข๎าพเจ๎าได๎คลานเข๎าไปหาทําน แล๎วทํานก็พูดตํอไปวํา “ เอ็งเห็นแล๎วใชํไหม ” ข๎าพเจ๎า ให๎รู๎สึกแปลกใจ ตกใจ และประหลาดใจ พร๎อมกันวําทําไมทํานจึงทราบ หลวงพํอทํานพูดตํอไปอีก วํา “ เอ็งได๎แล๎ว แมํเอ็งจะได๎ไมํตายแล๎ว เอ็งไปตํอวิชากับเขา ” ทํานจัดการให๎ข๎าพเจ๎าไปตํอวิชา ในขั้นสูงจนได๎ธรรมกายกับแมํชีบุญชํวย หลังจากนั้นแมํชีบุญชํวยก็ถึงแกํกรรม และข๎าพเจ๎าได๎ เรียนตํอวิชากับแมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร ในที่สุดแมํของข๎าพเจ๎าซึ่งป่วยหนักมานานถึง 12 ปี ไมํมีแพทย๑คนใดสามารถรักษาให๎หายได๎ แตํมารักษากับหลวงพํอเพียงแคํ 13 เดือนก็หายป่วย อยํางนําอัศจรรย๑ มีรํางกายแข็งแรงเป็นปกติ โดยมิต๎องรับประทานยาใด ๆ เลย ก็สามารถ ประกอบกิจการตําง ๆ ได๎เหมือนสมัยที่ยังมิได๎ป่วยและมีอายุยืนยาวนาน อีก 24 ปีจึงงถึงแกํกรรม สําหรับตัวข๎าพเจ๎านั้น เรื่องความเพียรก็ไมํมีมากเทําใดเพราะตอนนั้นยังเป็นเด็กยังไมํคํอยรู๎เรื่อง เกี่ยวกับธรรมะ และเป็นเด็กมาจากบ๎านนอกด๎วย แตํก็มีความตั้งใจอยากจะได๎อยากจะเป็น อยากจะเห็น เพราะอยากให๎แมํหายป่วย จึงได๎พยายามตั้งใจปฏิบัติตามที่หลวงพํอทํานสอน เมื่อ ได๎ธรรมกายแล๎วจึงทราบวําการที่เห็นหลวงพํองดงามสวํางไสวไปทั้งองค๑นั้นเป็นเพราะอายตนะที่ ดึงดูดใจเปิดรับแล๎ว จิตของคนทุกคนจะต๎องมีอายตนะประจํา ตามีอายตนะสําหรับดึงดูดรูป , หู มีอายตนะสําหรับดึงดูดเสียง , จมูกมีอายตนะสําหรับดึงดูดกลิ่น , ลิ้นมีอายตนะสําหรับดึงดูดรส ,
กายมีอายตนะสําหรับดึงดูดสัมผัส , ใจมีอายตนะสําหรับดึงดูดธรรมารมณ๑ ถ๎าจะเปรียบเทียบแล๎ว ก็เหมือนดอกบัวที่รอสัมผัสแสงอาทิตย๑ พร๎อมที่จะบานรับอรุณทันที ดังนั้นพอสิ้นคําสอนของ หลวงพํอข๎าพเจ๎าจึงเห็นดวงแก๎วกลมใสปรากฏขึ้นที่ฐานที่ 7 กลางดวงธรรม ที่ทําให๎เป็นกาย มนุษย๑ทันที เพราะเวลานั้นจิตมีศรัทธาเต็มที่ ตํอมาก็ได๎ใช๎วิชชาธรรมกายชํวยแก๎โรคของแมํให๎ หายป่วยได๎ เป็นที่นําสังเกตวําลูกหลานคนป่วยซึ่งได๎ธรรมกายจะมีความสามารถในการรักษาโรค ได๎เป็นพิเศษดังนี้ เพราะจิตมุํงมั่นไปทางเดียวจึงมีพลังมากเสมือนสายน้ําที่ไหลพุํงไปทิศทาง เดียว ยํอมมีกําลังแรงกวําน้ําที่แตกแยกเป็นลําธารสายเล็กสายน๎อยฉันนั้น”
ในหนังสือ “ ตรีธา
เลําเรื่องหลวงพํอวัดปากน้ํา ” ซึ่งมีพันเอกหญิงทัศนศรี ไตรยคุณ เป็นผู๎บันทึกและเรียบเรียงสํวน พระศรีศาสนวงศ๑ ( สุชาติ ธมมตโน ป.ธ. 9 ) เป็นผู๎ตรวจทานภาษาบาลีนั้น มีเรื่องเลําที่นําสนใจ เกี่ยวกับการหยั่งรู๎เหตุการณ๑ในอนาคตของหลวงพํอวัดปากน้ํา ขอน๎อมอัญเชิญมาถํายทอดตํอดังนี้ ครับ บอกเวลามรณภาพ กํอนที่พระเดชพระคุณหลวงพํอของเราทํานจะมรณภาพประมาณ 5 ปี ทํานได๎เรียกประชุม คณะศิษย๑ทั้งในและนอกวัดเป็นกรณีพิเศษที่ศาลาการเปรียญ เพื่อแจ๎งให๎ทุกคนทราบวําทํานจะถึง กาลมรณภาพในอีก 5 ปีข๎างหน๎านี้ กิจการใดที่ทํานได๎ดําเนินไว๎แล๎วขอให๎ชํวยกันทํากิจการนั้น ๆ อยําทอดทิ้ง ขอให๎ทําไปเถิดไมํตกต่ํามีแตํความเจริญยิ่งขึ้น และทํานยังได๎แถลงโครงการพัฒนา วัดปากน้ําให๎คณะศิษย๑ชํวยกันดําเนินการตํอไปให๎สําเร็จและทํานบอกวําตํอไปวัดปากน้ําจะ เจริญรุํงเรืองใหญํโต แม๎วําทํานจะมรณภาพไปแล๎วก็ตาม แตํก็มีโอกาสชํวยวัดได๎มากกวําตอนมี ชีวิตอยูํ มีศิษย๑หลายคนได๎อาราธนาขอไมํให๎ทํานมรณภาพ ทํานตอบวํา “ ไมํได๎ อีก 5 ปี ทํานจะ ไมํอยูํแนํ ๆ แล๎ว ” คณะศิษย๑รุํนเกําจึงซาบซึ้งดีวําหลวงพํอทํานมีความหํวงใยและผูกพันตํอวัด ปากน้ํา , ตํอวิชชาธรรมกาย และ
ศิษยานุศิษย๑ทุกคน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตมากเพียงใด
มิฉะนั้นแล๎วหลวงพํอทํานคงไมํเอํยปากฝากฝังโครงการของทํานในเรื่องการสอนและเผยแพรํ วิชชาธรรมกาย , เรื่องการเลี้ยงพระ , การศึกษาพระปริยัติธรรมและการกํอสร๎างปฏิสังขรณ๑
เสนาสนะตําง ๆ โดยเฉพาะอยํางยิ่งเรื่องการเผยแพรํวิชชาธรรมกาย ซึ่งทํานเห็นเป็นเรื่องสําคัญ และเป็นประโยชน๑ยิ่งกวําเรื่องอื่นใด ทํานที่เคยมาวัดปากน้ําเมื่อหลายปีกํอนจะทราบดีวํา วัด ปากน้ําในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นมีความแตกตํางกันมากจนเกือบไมํเหลือสภาพเดิมเลย ที่เป็นดังนี้ เพราะบรรดาคณะศิษย๑ทั้งหลายในพระเดชพระคุณหลวงพํอได๎ปฏิบัติตามโครงการตาม เจตนารมณ๑ของหลวงพํอทํานจนหมดแทบทุกโครงการแล๎ว พยากรณ๑เจ๎าอาวาสวัดปากน้ําในอนาคต นอกจากจะพยากรณ๑วําสมเด็จป๋าจะได๎เป็นใหญํในหมูํสงฆ๑คือ เป็นสมเด็จพระสังฆราชใน อนาคตแล๎ว หลวงพํอทํานยังได๎พยากรณ๑ทํานเจ๎าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย๑ เจ๎า อาวาสวัดปากน้ําองค๑ปัจจุบันในสมัยที่ทํานเป็นสามเณรวํา “องค๑นี้แหละจะได๎เป็นเจ๎าอาวาสวัด ปากน้ําองค๑ตํอไป ” ในปีพ.ศ. 2493 หลวงพํอได๎พาทํานเจ๎าประคุณสมเด็จ ฯ ครั้งยังเป็นพระมหา ชํวง วรปุญโญ ป.ธ. 7 ไปฝากเรียนป.ธ. 8 และป.ธ. 9 กับเจ๎าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคต ญาณสมเด็จพระสังฆราช ( ปลด กิตฺติโสภโณ มหาเถระ ) วัดเบญจมบพิตร ครั้งดํารงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต สมเด็จพระสังฆราชทรงเคยเลําประทานสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย๑วัดสาม พระยา ครั้งดํารงสมณศักดิ์ที่พระธรรมปัญญาบดีวํา “ ทํานวัดปากน้ํานํามาฝากบอกวํา จะเอาไว๎ แทนตัว เมื่อเรียนจบแล๎วก็จะขอนํากลับไปวัดปากน้ํา” ในสมัยนั้นพระภิกษุสามเณรที่จะเข๎ารับ การศึกษาพระปริยัติธรรมที่สํานักวัดเบญจมบพิตรจะต๎องได๎รับการคัดเลือกอยํางมาก มิใชํวําจะ เข๎าศึกษาได๎ทุกรูป สมเด็จพระสังฆราช ( ปลด กิตฺติโณ ) ทํานทรงคัดเลือกเอง ทรงพิจารณา ทํวงทีกิริยาบุคลิกภาพ ถ๎าไมํดีพอไมํเป็นที่ถูกพระทัยทําน ๆ ก็ไมํทรงรับไว๎ แตํรายนี้ทํานเจ๎า คุณธรรมปัญญาบดีรูปนี้มีบุคลิกภาพเป็นที่ต๎องพระทัยทําน ประกอบกับความศรัทธาเลื่อมใสใน หลวงพํอสดด๎วย สมเด็จพระสังฆราชทํานจึงทรงรับไว๎ด๎วยความยินดี หลังจากที่ทํานเจ๎า คุณธรรมปัญญาบดีสําเร็จการศึกษาประโยค 9 แล๎ว ได๎ดํารงตําแหนํงเลขานุการในพระองค๑ทําน อยูํระยะหนึ่งแล๎วจึงกลับมาชํวยหลวงพํอพัฒนาวัดปากน้ํา โดยดํารงตําแหนํงอาจารย๑ใหญํ โรงเรียนพระปริยัติธรรมเมื่อปีพ.ศ. 2498 และได๎รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระศรีวิสุทธิโมลี
ตํอมาทางคณะศิษย๑เห็นวํากุฏิของหลวงพํอสดนั้นเกําทรุดโทรมมาก อยากให๎หลวงพํอทํานมีที่อยูํ ที่สะดวกสบายจึงได๎รํวมทุนกันสร๎างตึกถวายทําน คือตึกมงคลจันทสร ระหวํางกําลังดําเนินการ กํอสร๎างอยูํนั้นทํานมักจะออกมานั่งดูอยูํเสมอ ๆ เมื่อมีผู๎ถามทํานถึงตึกหลังนี้ทํานมักจะบอกวํา “ ตึกหลังนี้สร๎างให๎ชํวงเขาอยูํ ” และปัจจุบันนี้ตึกมงคลจันทสรเป็นกุฏิของทํานเจ๎าประคุณสมเด็จ พระมหารัชมังคลาจารย๑ เจ๎าอาวาสวัดปากน้ําองค๑ปัจจุบันตรงตามคําพยากรณ๑ของหลวงพํอสดมิ ผิดเพี้ยน และในปีพ.ศ. 2508 คําพยากรณ๑ของหลวงพํอก็เป็นความจริง พระราชเวทีซึ่งได๎เลื่อน สมณศักดิ์มาจากพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระศรีวิสุทธิโมลีได๎ตําแหนํงเจ๎าอาวาสวัดปากน้ําและ เจ๎าคณะภาค 3 ( ปัจจุบันนี้เป็นเจ๎าคณะภาค 7 ) แทนสมเด็จพระวันรัตวัดพระเชตุพน ฯ ซึ่ง รักษาการเจ๎าอาวาสอยูํตั้งแตํหลวงพํอมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ๑ พ.ศ. 2502 รถยนต๑จะเข๎าถึงวัด สมัยที่หลวงพํอยังอยูํนั้นยังไมํมีถนนตัดผํานเข๎าถึงวัด ผู๎ที่จะมาวัดปากน้ํานั้นจะต๎องมาทางเรือ หรือเดินเท๎า ถนนในวัดจึงเป็นเพียงทางแคบ ๆ แตํหลวงพํอทํานได๎สั่งให๎ตัดถนนผํานคณะ เนกขัมม๑ มีความกว๎างขนาดรถยนต๑แลํนได๎ ในสมัยนั้นถนนสายนี้จึงเป็นถนนที่ใหญํที่สุดในวัด ทําให๎ผู๎คนพากันประหลาดใจวํา ทําไมทํานจึงให๎ตัดถนนใหญํโตเชํนนั้น แล๎วทํานก็ตอบไปวํา “ ตํอไปรถยนต๑จะเข๎าถึงวัด ” มีหลายคนที่ไมํเชื่อคําพูดของหลวงพํอ บางคนถึงกับพูดวําอีกร๎อยปี รถยนต๑ก็ยังเข๎าไมํถึงวัด แตํแล๎วหลังจากที่หลวงพํอมรณภาพไปเพียงแคํ 2 ปี รถยนต๑ก็แลํนเข๎า มาจอดถึงในวัดได๎ตามที่หลวงพํอได๎พยากรณ๑ไปกํอนแล๎ว
อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช ในบรรดาศิษย๑เอกของหลวงพํอสดวัดปากน้าํ ถ๎าไมํเอํยนามของมหาบุรุษทํานนีเ้ ห็นทีจะ ไมํได๎ครับ เพราะทํานได๎ทําวิชาปราบมารมารํวม 20 ปี ปัจจุบันปีพ.ศ. 2552 ทํานก็ยังทําวิชาปราบ มารอยูํ มีลูกศิษย๑ลูกหามากมายที่เรียกกันวํา “ กองทัพวิทยากร ” ที่สอนให๎ผู๎ที่เข๎ารับการปฏิบัติ ได๎เข๎าถึงธรรมได๎อยํางนําอัศจรรย๑ ทํานได๎จัดทําตําราวิชชาธรรมกายเอาไว๎ครบทุกหลักสูตร
โดยเฉพาะวิชชาธรรมกายชั้นสูง คือ หนังสือปราบมารเลํม 1 – 6 ที่ทํานถึงกับกลําวคํานี้ออกมาเลย วํา “ ตําราอยํางนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ความรู๎อยํางนี้ไมํเคยปรากฏที่ใดมากํอน มารเขา ขัดขวางไมํให๎ข๎าพเจ๎าเปิดเผย แตํข๎าพเจ๎าจะเปิดเผยเพื่อชาวโลกจะได๎รู๎ของจริงกันเสียที ” ใคร อยากจะทราบวําทํานปราบมารอยํางไรก็ไปหาอํานเพิ่มเติมได๎ในจุดนี้ครับ ( ที่ติดตํอมีอยูํท๎ายเลํม ครับ ) เพราะมีเนื้อหาสาระเรื่องราวที่เป็นเรื่องละเอียดมากมายนําสนใจเป็นอยํางยิ่ง ผลงานใน การสร๎างบารมีที่ยอดเยี่ยมตลอดมาในชีวิตของทํานโดยเฉพาะเรื่องปราบมารนั้น ถึงขนาดหลวง พํอวัดปากน้ําอดที่จะออกปากชมทํานไมํได๎วํา “ ศึกษาฯนี้มันผิดตําราเกํงกวําครูบาอาจารย๑ ( หลวงพํอวัดปากน้ําเรียกอาจารย๑การุณย๑วําศึกษา ) ”
หรืออีกคําพูดหนึ่งที่วํา “ศึกษาฯ ระวัง
อยําให๎แพ๎ ถ๎าศึกษาฯ ชนะก็ชนะกันหมด ถ๎าศึกษาฯ แพ๎ก็แพ๎กันหมด ความหวังของหลวงพํออยูํ ที่ศึกษาฯ คนเดียว ” และคําพยากรณ๑ของหลวงพํอสดที่ทํานให๎ไว๎กับทํานอาจารย๑การุณย๑ก็คือ “ ทุกเรื่องต๎องสําเร็จในยุคของศึกษาฯ ” และธาตุธรรมยังทรงชมเชยอาจารย๑การุณย๑ถึงกับทรง รับสั่งวํา “ ในที่สุดก็ได๎พึ่งศึกษา ฯ คนนี้เป็นผู๎ดับทุกข๑ให๎ในทุกเรื่อง ” รวมถึงต๎นใหญํที่ทรงตรัส ชมอาจารย๑การุณย๑เชํนกันวํา “ศึกษา ฯ คนนี้ใช๎ได๎” นับวําไมํธรรมดาครับ เรามารับรู๎เรื่องราวของ ทํานกันสักนิดหนึ่งนะครับเอาแบบยํอ ๆ ถึงที่มาที่ไปของทํานผู๎ปราบมารที่เป็นหนึ่งเดียวในยุคนี้ อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุชครับ โดยทํานได๎เลําประวัติการสร๎างบารมีของทํานดังนี้ครับวํา “ ปี พ.ศ. 2496 ผมเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และได๎มาเรียนวิชาครูที่กรุงเทพ ฯ คือเรียนวิชาครู ปป. ที่โรงเรียนฝึกหัดครูพระนคร วังจันทร๑เกษม เรียน 3 ปี จึงได๎วุฒิ ปป. เรียนจบเมื่อปีพ.ศ. 2499 ก็ได๎บรรจุเป็นครูโรงเรียนโยธินบูรณะในปีพ.ศ. 2499 ในขณะนั้นนั่นเอง
ระหวํางศึกษา
วิชาครู 3 ปี เป็นโอกาสดีที่ได๎ไปฝึกวิชชาธรรมกายที่วัดปากน้ําได๎บํอย แตํทําไมํเป็นและยังไมํเห็น ธรรมกาย พอโรงเรียนปิดเทอมผมไมํได๎กลับบ๎าน ได๎ไปอาศัยอยูํกับพระมหาประเสริฐที่วัด ปากน้ํา ( เป็นคนบ๎านเดียวกัน ) กลางวันไปทําความเพียรอยูํในโบสถ๑ ตอนเย็นไปฝึกกับแมํชี อาจารย๑ญาณี
ศิริโวหาร บ๎านพักของทํานอยูํข๎างศาลาทําบุญหลังเกํา เวลา 6 โมงเย็น – 1 ทุํม
ทํานสอนวิชาเบื้องต๎นให๎โดยมีแมํชีและฆราวาสไปฝึกกันหลายคน ชํวงเวลานี้ผมกับหลวงพี่
สายบัวไปรับการฝึกด๎วย ( ตอนนี้ไมํทราบวําหลวงพี่สายบัวได๎ลาสิกขาแล๎วทํานไปอยูํที่ไหน ) ทํา อยูํอยํางนี้ระหวํางปิดภาคเรียนอยูํถึง 3 ปีก็ยังไมํเห็นธรรม มีอยูํวันนึ่งเป็นเวลาบํายได๎ไปทําความ เพียรอยูํในอุโบสถ นั่งทําภาวนาจนเกิดความเมื่อยล๎าจึงได๎เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนภาวนาบ๎าง เผลอแล๎วก็หลับไปพอตื่นขึ้นมาเห็นพระประธานในโบสถ๑ยิ้มให๎ ยังจําเหตุการณ๑ได๎ติดตามาจนถึง วันนี้ สรุปแล๎วชํวงเวลา 3 ปีที่เรียนวิชาครูในกรุงเทพ ฯ นั้น พากเพียรเทําไร ๆ ก็ยังไมํเห็นธรรม อยูํดี การฝึกภาวนาระยะเวลาที่รับราชการในกรุงเทพ ฯ เป็นเวลา 10 ปี คือผมรับราชการเป็นครู โรงเรียนโยธินบูรณะตั้งแตํปีพ.ศ. 2499 – 2500 และปีพ.ศ. 2501 – 2509 เป็นครูโรงเรียนวัดบวร นิเวศ ชํวงเวลานี้ได๎ไปศึกษาวิชชาธรรมกายที่วัดปากน้ําตลอดก็ได๎มาฝึกวิชากับแมํชีอาจารย๑ ญาณี ศิริโวหาร แล๎วก็ได๎มารู๎จักกับแมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปั้น
รู๎จักกับทําน เจ๎าคุณ
ภาวนาโกศลเถระตั้งแตํครั้งที่ทํานยังไมํได๎สมณศักดิ์ เดิมทํานเจ๎าคุณภาวนา ฯ ( พระอาจารย๑วีระ ) อยูํศาลาแมํแม๎นบนลานอุโบสถ ตํอมาทํานได๎มาอยูํที่กุฏิโรงงานคือ ตึกที่ทํานประจําอยูํทุกวันนี้ เมื่อรู๎จักกับแมํชีอาจารย๑ทองสุกก็เรียนกับทํานมาโดยตลอด จวบจนทํานได๎ถึงแกํกรรมเมื่อปีพ.ศ. 2506 สํวนอาจารย๑ไชยบูลย๑ ธัมมชโย เพิ่งเข๎าวัดตอนตั้งศพแมํชีอาจารย๑ทองสุกนี้เอง ขอกลําวถึง ทํานแมํชีอาจารย๑ทองสุกวําทํานเป็นอาจารย๑ของผมซึ่งได๎อบรมสั่งสอนผมเป็นเวลายาวนาน เพื่อน คูํหูของทํานคือ อุบาสิกาลูกจันทร๑ ขนนกยูง ทํานอยูํรํวมกันที่บ๎านพักข๎างศาลาทําบุญ ครั้งนั้น บ๎านหลังนี้ผมและลูกศิษย๑คนอื่น ๆ ได๎ไปฝึกวิชากับทําน แมํชีอาจารย๑ทองสุกมีหน๎าที่เผยแพรํ สํวนอุบาสิกาลูกจันทร๑ทําวิชาอยูํในโรงงาน แมํชีอาจารย๑ทองสุกทํานมีวาทศิลป์ , ลักษณะทําทางดี มากใครเห็นเป็นต๎องชอบ , เชื่อมั่นในความรู๎ทางธรรมเป็นอยํางสูง , มีลูกศิษย๑มาก สํวนอุบาสิกา ลูกจันทร๑ไมํได๎ทําหน๎าที่เผยแพรํ แตํทําวิชาอยูํในโรงงานจึงไมํคํอยจะรู๎จักใคร เมื่อทํานได๎ถึงแกํ กรรมลง อุบาสิกาลูกจันทร๑ก็ว๎าเหวํพอสมควร ผมได๎ทําหน๎าที่ประสานงานอยูํระยะหนึ่ง และได๎ สร๎างบ๎านหลังใหมํให๎ทํานได๎ทําภาวนา จากนั้นผมก็ไปรับราชการตํางจังหวัด เปลี่ยนตําแหนํง หน๎าที่ทางราชการจากครูเป็นศึกษาธิการอําเภอตั้งแตํปีพ.ศ. 2509 ผมไมํได๎ติดตํอกับอุบาสิกาลูก จันทร๑อีกเลย สํวนแมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร เมื่อสมัยผมเป็นนักเรียนฝึกหัดครูได๎รับการฝึก
วิชาเบื้องต๎นจากทําน และเมื่อผมรับราชการเป็นครูอยูํในกรุงเทพ ฯ อยูํ 10 ปีนั้นเคยติดตํอกับทําน วิชาของทํานสูงมากใครติดขัดอะไร ทํานจะเป็นผู๎ชี้ขาด หลวงพํอมอบหมายให๎เป็นหัวหน๎าเวรทํา วิชาปราบมาร นอกจากจะเกํงทางวิชชาธรรมกายแล๎วทํานยังได๎นักธรรมเอกและเครํงครัด สิกขาบทอีกด๎วย เวลาบอกวิชาทํานเป็นผู๎ที่ละเอียดในการใช๎ถ๎อยคําภาษาในการถํายทอดเป็นยิ่ง นัก สําหรับอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุข ก็เป็นผู๎เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกาย และทําหน๎าที่หัวหน๎าเวร ในสมัยหลวงพํอยังมีชีวิตอยูํทํานไมํได๎อยูํในเพศอุบาสิกา มีบุคลิกลักษณะงดงาม พูดไพเราะ ผม เคยไปขอร๎องให๎ทํานแก๎โรคและให๎ชํวยทําวิชชาอื่นด๎วย มีกิตติศัพท๑เลําลือวําเกํงมาก อุบาสิกา ถนอม อาสไวย๑เคยเลําให๎ฟังวํา “ คุณฉลวยมีบุญฤทธิ์มากทําให๎ฟ้าร๎องได๎ , ทําให๎นาฬิกาหยุดเดินก็ ได๎ เรื่องการบอกวิชาแล๎วยอมรับวําบอกได๎ละเอียดลออดีนัก ” ไมํได๎พบทํานมานานแล๎ว ทราบ วํากลับไปอยูํเชียงใหมํ เมื่อครั้งผมเป็นศึกษาธิการอําเภออยูํอํางทอง เคยมีวัดทางเชียงใหมํเชิญให๎ ไปสอนแตํแล๎วก็ไมํได๎ไป นึกอยูํในใจวําถ๎าได๎ไปจะไปเยี่ยมคุณฉลวย ทราบวําทํานประกอบอาชีพ สํวนตัว สํวนทํานเจ๎าคุณภาวนาโกศลเถระ ( พระมหาเจียก ) เมื่อปีพ.ศ. 2502 หลวงพํอมรณภาพ ผมและน๎องชายบวชเณรถวายหลวงพํอ 7 วัน บวชเสร็จแล๎วไมํรู๎จะไปอยูํกุฏิไหน เพราะวัด ปากน้ํามีพระเณรมากเหลือเกิน แมํชีทองสุกบอกวําให๎อธิษฐานใจวํา หลวงพํอรักพระรูปใดมาก ขอให๎รูปนั้นชวนไปอยูํด๎วย ได๎ผลทันตาเห็น ทํานเจ๎าคุณ ฯ ชวนไปพักอยูํกุฏิตึกเหลือง ทํา หน๎าที่เป็นพระพี่เลี้ยงจึงได๎รู๎จักกับทํานมาตั้งแตํครั้งนั้น แมํชีทองสุกเลําวํา ทํานเจ๎าคุณ ฯ เป็น ธรรมกายตั้งแตํเป็นสามเณรน๎อย เกํงในทางแก๎โรคและเกํงอยํางอื่นหลายอยําง เลําลือกันวํา ใคร ขัดข๎องทางวิชชาธรรมกายต๎องไปถามทําน เมื่อชี้ขาดแล๎วเป็นอันยุติ ทํานเป็นผู๎ที่พูดน๎อยใครวํา อะไรทํานมักจะคล๎อยตาม เป็นการเอาใจเพื่อน เมื่อหลวงพํออาพาธหลวงพํอมอบหมายให๎ทําน เจ๎าคุณ ฯ ประสิทธิ์ประสาทพระของขวัญแทน เสียใจที่อายุสั้นเหลือเกิน ความรู๎วิชชาธรรมกาย อยูํกับทํานมากทีเดียว ชํวงเวลาที่ผมบวชเณรพักอยูํกับทําน ตอนนั้นทํานยังไมํได๎เป็นเจ๎าคุณ ฯ และอีกทํานหนึ่งคือ เจ๎าคุณภาวนาโกศลเถระ ( พระอาจารย๑วีระ ) รู๎จักกับทํานมานานแล๎วตั้งแตํ ครั้งผมบวชเณรถวายหลวงพํอเมื่อปีพ.ศ. 2502
ได๎ไปฝึกภาวนาอยูํกับทํานที่กุฏิศาลาแมํแม๎น
บนลานอุโบสถ และเมื่อทํานมาอยูํที่กุฏิโรงงาน ผมได๎มาอาศัยฝึกวิชาอยูํกับทํานอีก ค๎างอยูํกับ ทํานด๎วย จึงได๎ยินได๎ฟังวําโรงงานเขาทําวิชาอะไรกัน ถึงฟังตอนนั้นก็ไมํรู๎อะไรกับเขา มารู๎เรื่อง เอาตอนที่ทําวิชาปราบมารด๎วยตนเอง ทํานเจ๎าคุณภาวนา ฯ หรือที่เราเรียกวําเจ๎าคุณวีระนี้สนใจ การเรียนวิชชาธรรมกายมากที่สุด เหตุที่บวชก็เพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายเป็นสําคัญ กํอนบวชทําน ทํางานกับฝรั่ง ฐานะทางการเงินดีมาก ตํอมาได๎เป็นธรรมกายมาจากหลวงพํอ เกิดความศรัทธา อยากศึกษาจึงสละทางโลกทั้งหมด ถือบวชและศึกษาวิชชาธรรมกายเรื่อยมาก ศึกษาอยํางผู๎รู๎ เรียนเป็นประโยชน๑ตํอพระศาสนา ตํอมาทางการสงฆ๑เลื่อนทํานเป็นเจ๎าคุณ นําอนุโมทนาจริง ๆ ทางวัดได๎ตั้งให๎ทํานเป็นอาจารย๑ใหญํฝ่ายวิปัสสนา ถูกใจผมเหลือเกินตําราวําด๎วยวิชชาธรรมกาย ที่ได๎จัดพิมพ๑เผยแพรํไปนั้นนับวําประเสริฐเลิศล๎น ไมํวําจะเป็นเนื้อหาวิชาหรือภาษาหนังสือ เรียบร๎อยดีเหลือเกิน ผมนับถือทํานเป็นอาจารย๑และถ๎าผมไมํได๎ตําราที่ทํานเจ๎าคุณ ฯ พิมพ๑ เผยแพรํไว๎ผมก็คงทําวิชาปราบมารไมํได๎ เรื่องของตํารายํอมมีความละเอียดดีกวําการจําจากการ บอกเลําแนํ ๆ การเผยแพรํวิชชาธรรมกายของผมหากพระเถระผู๎ใหญํทําได๎ผมมักจะพามาคารวะ ทํานเจ๎าคุณ ฯ เสมอ อยํางน๎อยทํานก็ดีใจเพราะเป็นการมาพบอาจารย๑ใหญํ การเผยแพรํในสายตา ของผมไมํเป็นที่รังเกียจของทํานเจ๎าคุณ ฯ เลย เพราะผมยกยํองวําทํานเป็นพระอาจารย๑ แตํการ ที่ผมทําวิชาปราบมารได๎นั้นเป็นการคิดค๎นคว๎าของผม เป็นความก๎าวหน๎าทางวิชชาธรรมกายของ ผม อยํางนี้ทํานเจ๎าคุณ ฯ ดีใจแนํ ๆ วิชชาธรรมกายเกิดแกํผู๎มีใจบริสุทธิ์ ผมไมํมีนอกไมํมีในกับ ใคร จึงเข๎าถึงวิชชาได๎จนถึงขั้นปราบมาร อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช กับการสร๎างบารมีที่สําคัญ “ หลวงปู่ต๎องการสร๎างบารมีเป็นพุทธภูมิ ถ๎าหลวงปู่ตายไปหลวงปู่จะรีบมาเกิดเพื่อสร๎าง บารมีเพิ่มเติม เพราะยังมีศาสนาอยูํ ไอ๎ครูคอยดูหลวงปู่ด๎วยนะ ” คําวําไอ๎ครูหมายถึงผู๎เขียน ทํานเรียกผมวําไอ๎ครู เพราะตอนนั้นผมเป็นครูโรงเรียน ฟังแล๎วก็ไมํได๎ใสํใจผมไมํรู๎เรื่องอะไร ทั้งนั้น ยิ่งใช๎คําวําพุทธภูมิ ยิ่งไมํรู๎กันใหญํฟังไปอยํางนั้นเอง เหตุการณ๑ผํานมาหลายปีจนถึงปีที่ ผมทําวิชาปราบมาร เรื่องราวที่หลวงปู่ชั้ว โอภาโส พูดไว๎ดังก๎องแกํใจผม
ผมนึกถึงหลวงปู่
อีกครั้งหนึ่งระลึกถึงความหลังครั้งผมเป็นครูหนุํม ๆ เหตุใดหลวงปู่จึงบอกให๎เราดูแลทําน หลวง ปู่ต๎องเป็นธรรมกายระดับแกํกล๎าจึงกล๎ากลําววาจาเชํนนั้นแกํผม แปลวํารู๎การณ๑ข๎างหน๎า การทํา วิชาปราบมารวิชาถึงกันหมดไมํวําที่ใด ๆ วิชาเราไปถึงทั้งนั้นไมํวําใครอยูํที่ไหน เราต๎องไปพบได๎ ทั้งหมด หลวงปู่ฉลาดมากเป็นภาระที่เราต๎องดูแลทํานตลอดไป เพราะทํานได๎ขอร๎องไว๎ตั้งแตํครั้ง อยูํในโลก ไมํมีใครปรารภแกํเราอยํางนี้ แม๎แตํแมํชีถนอม อาสไวย๑อาจารย๑ของผมก็ยังไมํปรารภ อยํางนี้ และไมํเคยมีใครปรารภแกํผมทั้งนั้น มีหลวงปู่ชั้วปรารถนาไว๎รูปเดียวเทํานั้นเป็นภาระที่ เราต๎องดูแลทํานตลอดไป เพราะทํานได๎บอกแกํเราไว๎แล๎ว สํวนเหตุการณ๑กํอนทําวิชาปราบมาร ของผมไปอีกแนวหนึ่ง ไมํมีมารมาตกลงอะไร ไมํเหมือนเหตุการณ๑ของหลวงพํอกํอนจะรู๎ตัววํา ปราบมาร เกิดความร๎อนรนใจ ใจคอดหงุดหงิด อยากเลิกเรียนวิชชาธรรมกายและประกาศปิด สํานักเรียนหยุดสอนชั่วคราว เพราะความไมํสบายใจ คนที่เคยมาเรียนกับผมเขาก็หยุดไปวัน หนึ่งมาคิดวํา การบอกปิดสํานักนั้นไมํชอบด๎วยเหตุผล ผู๎คนที่เขามาเรียนล๎วนแตํเป็นกําลังในการ เผยแพรํวิชชาธรรมกาย ชํวยหาเงินพิมพ๑หนังสือและเป็นอุปการะเรื่องอื่น ๆ เมื่อเราปิดสํานักแล๎ว เขาจะไปเรียนที่ไหน จึงเปิดสํานักใหมํคนก็มาเรียนตามเดิม การทําวิชาคราวนี้แปลกกวําทุกคราว เรื่องที่เราไมํเคยเห็นเราก็ได๎เห็นวิชาที่เราไมํรู๎ก็รู๎วันนี้
โดยเฉพาะรู๎เรื่องการปราบมารวําเป็น
อยํางไรมาอยํางไรแตํก็ไมํได๎ตัดสินใจ เพราะยังโต๎แย๎งกันอยูํ ผมปฏิเสธเสียงแข็งเสนอวําผู๎ปราบ มารควรเป็นแมํชีถนอม อาสไวย๑ อาจารย๑ของผมขณะนั้นยังมีชีวิตอยูํ แตํแยกกันอยูํผมไปเป็น ผู๎ชํวยศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี แมํชีอยูํที่จ.อํางทอง และเสนอผู๎อื่นอีกหลายทําน ธาตุธรรมไมํ ทรงฟังผมเลยจะรวบหัวรวบท๎ายเอาแตํผมสถานเดียว ผมได๎แตํน้ําตาไหลเสียใจเป็นกําลัง เพราะ เราไมํรู๎อะไรกับเขา เป็นวิชาแบบงู ๆ ปลา ๆ เป็นนักปฏิบัติสมัครเลํนไมํใชํผู๎ทรงศีล มีกิเลสร๎อย แปดไมํเห็นมีอะไรดีสักอยําง ฐานะความเป็นอยูํและอะไรทั้งหลายไมํได๎เรื่องทั้งนั้น
จะกราบ
เรียนเทําไรธาตุธรรมไมํทรงรับฟัง ผมไมํรับคําเพียงแตํลองเดินวิชาดูกํอน นับแตํวันเข๎าพรรษาปี พ.ศ. 2527 ติดตํอมาจนบัดนี้การทําวิชาปราบมารไมํได๎หยุดเลย ผมจึงมีความเห็นวําการทําวิชา ปราบมารควรทําให๎เป็นหลาย ๆ คน จึงได๎เขียนหนังสือเลํมนี้ขึ้น เรื่องกําหนดเวลาทําวิชาปราบ
มาร ตามที่หลวงปู่เลําบอกวําทํา 25 ปีจะชนะแท๎จริง แล๎วหลวงพํอทําวิชารบมากกวํา 30 ปี จนกระทั่งหลวงพํอมรณภาพ งานปราบมารจึงยังค๎างอยูํ การฝึกภาวนาระยะที่ทํางานอยูํ ตํางจังหวัด เมื่อปีพ.ศ.2509 ผมเปลี่ยนตําแหนํงหน๎าที่ราชการจากครูเป็นศึกษาธิการอําเภอทําใหมํ จ.จันทบุรี ( เมื่อปีพ.ศ. 2509 – พ.ศ. 2514 ) ฝึกฝนวิชาเฉพาะตนเป็นวิชาเบื้องต๎นชั้นสัมมาอะ ระหัง เพียงตั้งดวงปฐมมรรคแบบเห็น ๆ หาย ๆ เห็นธรรมกายบ๎างไมํเห็นบ๎าง แตํญาณทัสสนะมี บ๎างแล๎วถูกบ๎างผิดบ๎าง พอถึงปีพ.ศ. 2514 ชีวิตราชการของผมก็ย๎ายไปเป็นศึกษาธิการอําเภอป่า โมก จ.อํางทอง ไปพบอุบาสิกาถนอม อาสไวย๑
ศิษย๑เอกของหลวงพํอตั้งสํานักวิปัสสนาอยูํ
ข๎างวัดท๎องคุ๎ง อ.เมือง จ.อํางทอง เมื่อไปติดตํอราชการที่จังหวัด รถยนต๑จะผํานหน๎าบ๎านของ ทําน ผมเห็นป้ายชื่อสํานักจึงเข๎าไปดูพบแมํชีถนอมทันที นึกในใจวําเหตุใดชีวิตของผมจะต๎อง ย๎ายมาคลุกคลีกับเรื่องธรรมกายเข๎าอีก ไมํนึกวําจะมาพบแมํชีผู๎เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกายอยํางแมํ ชีถนอม แตํก็มาพบกันโดยไมํคาดคิด เมื่อพบทําน ๆ ถามวําเคยเรียนวิชชาธรรมกายมาอยํางไร ผมเรียนไปวําได๎เรียนเรื่องฌานมา ทํานบอกวําไมํได๎ต๎องตั้งดวงปฐมมรรคกํอนทํานวําของทําน อยํางนั้น ผมทําตามสถานเดียวก็คือทําวิชา 18 กายนั่นเอง จากนั้นก็เรียนเรื่อย ๆ เรียนไปเทําไร พยายามโน๎ตวิชาไว๎ ผมเรียนตั้งแตํปีพ.ศ. 2514
– พ.ศ. 2523 จึงย๎ายไปเป็นผู๎ชํวยศึกษาธิการ
จังหวัดปทุมธานีอยูํ 6 เดือน , ย๎ายไปเป็นผู๎ชํวยศึกษา ฯ จังหวัดสมุทรสาคร ชํวงนั้นได๎เผยแพรํ วิชชาธรรมกายที่วัดเจษฎาราม
อันเป็นวัดของทํานเจ๎าคุณราชสาครมุนีเจ๎าคณะจังหวัด เป็นเจ๎า
อาวาส เมื่อทํานเจ๎าคุณราชสาครมุนีเป็นธรรมกายแล๎วทํานได๎เผยแพรํตํอ ในขณะเดียวกันนั้นผม ก็ไมํได๎ไปมาหาสูํกับแมํชีถนอมอีกเลย เมื่อหํางครูบาอาจารย๑ก็ลองมาอํานตําราที่ทํานเจ๎าคุณ ภาวนาโกศลเถระได๎พิมพ๑เผยแพรํ แตํไหนแตํไรมาไมํเคยอํานตําราเกรงวําจะรู๎ตามตํารา เรื่องของ การฝึกใจกับตํารามันควรอํานให๎น๎อยแตํฝึกให๎มากถือคติอยํางนี้จึงไมํอํานตํารามาแตํไหนแตํไร ครู เขาสอนอยํางไรก็ทําอยํางนั้น สอนแคํไหนก็ทําแคํนั้น การเผยแพรํของผมเป็นเรื่องปฏิบัติล๎วนๆ อ๎างตําราแตํน๎อย ครั้นมาอํานตําราของทํานเจ๎าคุณภาวนา ฯ เข๎า มีความเข๎าใจโดยตลอด กํอนนี้ เรียนจากครูอาจารย๑แบบมุขปาฐะคือ แบบปากตํอปาก บัดนี้ไมํมีครูอาจารย๑ก็เลยลองอํานตําราดูก็
รู๎เรื่องและรู๎อยํางดี สามารถแยกเรื่องและหาประเด็นสําคัญได๎ พอดีผมย๎ายไปเป็นผู๎ชํวย ศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรีเมื่อปีพ.ศ. 2525 ทําให๎เจ๎าคุณเจ๎าคณะจังหวัดสมุทรสาครว๎าเหวํ เพราะ ทํานต๎องเผยแพรํแตํผู๎เดียวตั้งแตํปีพ.ศ. 2525 จนบัดนี้ ผมทําราชการอยูํที่จ.จันทบุรีตลอด อยูํ จันทบุรีเผยแพรํด๎วยการเขียนตําราก็กะวําจะยุติแคํนี้ เห็นวําสมควรแกํอัตภาพแล๎วแตํเรื่องราว กลับยาวความไปอีกถึงปีพ.ศ. 2527 ได๎ทําวิชาปราบมารมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องเกี่ยวกับแมํชี ถนอม อาสไวย๑ ที่ผมจะได๎กลําวถึงไว๎บ๎างเป็นที่เลําลือกันวํา เป็นผู๎เชี่ยวชาญในเรื่องวิชชา ธรรมกาย ใคร ๆ ก็พูดกันอยํางนี้เคยทําวิชาในโรงงานตั้งแตํครั้งหลวงพํอมีชีวิตอยูํ ครั้นหลวงพํอ มรณภาพแล๎วได๎ออกจากวัดไปอยูํบ๎านสํวนตัว แตํยังรักษาการเป็นอุบาสิกาอยูํใช๎บ๎านของทํานเป็น สํานักสอน ทํานได๎เลําอะไร ๆ ให๎ผมฟังหลายเรื่อง มีอยูํเรื่องหนึ่งทํานเลําให๎ฟังวํา เมื่อครั้งเป็น หัวหน๎าเวรทําวิชาในโรงงานนั้น หลวงพํอได๎กําชับแมํชีวําไมํให๎ปิดวิชาใคร
สั่งไว๎อยํางนี้ปีละ
1 ครั้ง รวม 3 ครั้ง ตั้งแตํออกจากวัดปากน้ําไปอยูํบ๎านสํวนตัวไมํเห็นใครมาเรียนจริงจังเห็นก็มีแตํ ศึกษา ฯ คนนี้ แมํชีถนอมพูดอยํางนี้ ผมฟังไปอยํางนั้นไมํได๎คิดอะไร ความคิดที่วําจะทําวิชา ปราบมารนั้นไมํได๎อยูํในสมองเลย แม๎แตํคิดยังไมํเคย พูดถึงความรู๎ของแมํชีผู๎นี้ ทํานเป็นผู๎รู๎เห็น จริง , เข๎าใจวิชาจริง , เข๎าถึงจริง อยํางผมเรียกวําไมํจริง ไมํวําจะพูดวิชาอะไรมักพูดถึงหลักกํอน แล๎วจึงจะแจกแจงปลีกยํอย โดยเฉพาะเรื่องเครื่องทํานเข๎าใจเป็นอันดี แก๎โรคเกํงมาก พูดอยํางเรา ก็วําการไปอยูํบ๎านนอกมีแตํจะอดตายใครเขาจะให๎กินให๎ใช๎ บ๎านนอกมีแตํความขัดสนสารพัด แตํ แมํชีถนอมอยูํได๎ มีคนเอาปิ่นโตไปถวายทุกวัน ถามดูได๎ความวําที่เอาปิ่นโตมาให๎เพราะแมํชีชํวย แก๎โรคให๎ หากแมํชีทําความศักดิ์สิทธิ์อะไรไมํได๎ใครเขาจะให๎กินให๎ใช๎ ผมมีประสบการณ๑พบผู๎ ทรงวิชชาธรรกมายมามาก ยอมรับวําแมํชีถนอมยอดเยี่ยม ผมเป็นวิชาก็เพราะแมํชีคนนี้ ชี้เหตุชี้ ผลทางวิชาจนผมเองแก๎โรคได๎ ใครบนแก๎โรคผมรับทันทีและได๎กัลปนาผลโดยสร๎างห๎องน้ําและ ขยายครัวให๎ทํานมาแล๎ว พูดอยํางเราก็คือจะได๎อะไรมาแตํละอยํางต๎องแสดงวิชา ไมํใชํชํวยกัน โฆษณาพอให๎พ๎นตัวไปวัน ๆ หนึ่งพูดมาถึงเรื่องนี้ผมรู๎สึกเสียวมาจนบัดนี้ ผมเป็นฆราวาสแตํไป ถวายความรู๎แกํพระสงฆ๑ มันนําอันตรายจริง ๆ แตํผมก็ไปสอนมาเจ็ดคุ๎งน้ําแล๎ว แมํชีชอบใจมาก
การปราบมารแดนพุทธภูมิ ( ประเทศอินเดีย ) อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช ทํานได๎เลําถึงประสบการณ๑ในการปราบมารในตํางแดนของทํานไว๎ ในหนังสือปราบมารภาค 1 ( วิชาธรรมกายชั้นสูง ) มีใจความตอนหนึ่งวํา “ไมํมีเหตุจะไปประเทศ อินเดียแม๎แตํคิดก็ไมํเคย ในการทําวิชาปราบมารนั้นมีอยูํวันหนึ่งหลวงพํอวัดปากน้ําสั่งวํา “ศึกษา ฯต๎องไปปราบมารในอินเดีย” พูดลอย ๆ ออกมาไมํได๎ใสํใจ เพราะการทําวิชาปราบมารเราเชื่อ อะไรไมํได๎ทั้งนั้น มารเขาหลอกเราสารพัด เขาสอดละเอียดเรา เราสอดละเอียดไปจึงเชื่ออะไรได๎ ยาก มาทูลถามพระองค๑ ( พระสมณโคดม ) ทรงรับสั่งคล๎าย ๆ กันแตํแล๎วก็ไมํได๎ใสํใจแล๎วก็ลืม เหตุการณ๑นั้น อีกประมาณ 2 เดือนตํอมา พระครูพิศิษฐปัญญาคุณเจ๎าอาวาสวัดใหมํเมืองจันทร๑ ( รองเจ๎าคณะจังหวัดจันทบุรี ) บอกวํารัฐบาลอินเดียมีหนังสือเชิญให๎ไปรับต๎นพระศรีมหาโพธิ์ที่ ประเทศอินเดีย ด๎วยรัฐบาลอินเดียรํวมฉลองพระชนมพรรษาครบ 5 รอบของพระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยูํหัว จึงได๎จัดต๎น
พระศรีมหาโพธิ์จํานวนหนึ่งมอบแกํรัฐบาลไทย ผู๎ไปรับต๎น
พระศรีมหาโพธิ์นามของรัฐบาลไทยคือ รองอธิบดีกรมศาสนา ( คุณแจ๎ง สุขเกื้อ ) ในการนี้ได๎มี หนังสือเชิญรองเจ๎าคณะจังหวัดจันทบุรีด๎วย รองเจ๎าคณะจังหวัด ฯ ได๎ชวนผมให๎รํวมคณะไป อินเดียด๎วยกัน ผมปฏิเสธด๎วยความขัดข๎องแตํได๎ปรารภไปวํา “ ถ๎าไปอินเดียก็ต๎องไปปราบมาร ” จะไปเที่ยวเลํนได๎อยํางไร พูดเป็นทีเลํนทีจริงไปอยํางนั้น ตํอมาคุณวิชัย สมิทธิกรกุล ( คหบดี จันทบุรี ) ได๎ชวนผมไปคุยกับรองเจ๎าคณะ ฯ อันเป็นปกติประจําคือทานน้ําชาและคุยกัน เพราะ วัดใหมํเมืองจันท๑เป็นวัดที่ผมเผยแพรํวิชชาธรรมกาย จึงมีเรื่องคุยกันตลอดมา สําหรับคราวนี้ รองเจ๎าคณะฯ ได๎เอํยปากชวนอีกครั้ง ผมก็ปฏิเสธเชํนคราวกํอน แตํรองฯ สําทับมาวํา อาจารย๑ ใหญํฝ่ายวิปัสสนาต๎องไป แล๎วคุณวิชัย สมิทธิกรกุล ก็ตัดสินใจไปวํา
“ ผู๎ชํวยศึกษา ฯ ต๎อง
ไป จะจัดการเรื่องคําใช๎จํายให๎” ดังนั้นผมไปอินเดียด๎วยอุปการะของคุณวิชัย จึงหวนรําลึกถึงคํา ที่หลวงพํอวัดปากน้ําเคยสั่งอีกครั้งหนึ่ง เป็นจริงอยํางหลวงพํอทํานวํา เดินทางเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน2530กลับเมื่อวันที่21พฤศจิกายน2530 จุดหมายที่ทําวิชาปราบมาร
1. คันธกุฏี คือ กุฏิพระพุทธเจ๎าบนเขาคิชฌกูฏ
2. สถานที่ตรัสรู๎ 3. สถานที่แสดง
ธรรมจักร 4. สถานที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข๑ 5.สถานที่ปรินิพพาน-สถานที่ประชุมเพลิง 6.สถานที่ประสูติ ภารกิจของสงฆ๑ที่สังเวชนียสถาน เมื่อถึงสังเวชนียสถานพระสงฆ๑และคณะจะสวดมนต๑และทําวัตรและเวียนเทียน จากนั้นทําสมาธิ แบบตํางคนตํางทํา
เมื่อพอสมควรแกํเวลาผู๎นําทัศนะศึกษาจะชวนขึ้นรถเพื่อเดินทางตํอไป
ภาระกิจในรถยนต๑ก็คือ ฟังผู๎นําเที่ยวอธิบาย บางตอนสวดอิติปิโสด๎วย เกี่ยวกับตัวผมพอถึง จุดหมายคือสังเวชนียสถานไมํได๎เวียนเทียน ไมํได๎สวดมนต๑ทําวัตร รีบเข๎าวิชชาธรรมกายทําวิชา รบทันที รีบทําอยํางเร็วช๎าไมํได๎ เพราะคณะเขาจะไปทัศนะศึกษาที่อื่นตํอไป จุดรบที่ยากที่สุดคือ สถานที่ตรัสรู๎และคันธกุฏีบนเขาคิชฌกูฎเดินวิชาไมํตลอดต๎องมาตั้งต๎นใหมํ วิชาวกวน มารเขา ออกสู๎เต็มที่ จุดที่ทําวิชาสะดวกคือ สถานที่แสดงธรรมจักรและสถานที่ประสูติ สําหรับสถานที่ แสดงธรรมจักรนั้นอารมณ๑แจํมใสได๎เหตุได๎ผล มีเวลาทูลถามพระองค๑ ทูลถามวํา ใคร ๆ มาไหว๎ สังเวชนียสถานพระองค๑ให๎บารมีเขาอยํางไร ไมํทันตอบคําถามทรงเลํนงานผมกํอน ไมํบังคับก็ไมํ มาใชํไหม กราบทูลไปวํา ไมํมีเงิน รับสั่งตํอไปวํา พระองค๑เข๎าบังคับคุณวิชัยให๎เขาออกคํา เครื่องบินให๎ พูดถึงบารมีทรงบอกวํา ให๎ทุกคนแม๎แตํเด็กน๎อยที่แมํอุ๎มมาก็ได๎ด๎วย ไมํวําจะเป็นชน ชาติใด ถ๎ามาสังเวชนียสถานแล๎วเป็นต๎องได๎บารมีทุกคน เมื่อผู๎คนเขามาสังเวชนียสถานนั้น พระองค๑เสด็จลงมาจากพระนิพพานหรือเปลํา สํวนใหญํไมํมา เพราะมารเขาขวางกั้น ได๎แตํตํอ ญาณทัสสะมาดูแล๎วให๎บารมีเขา มีใครมาทําวิชาปราบมารถวายบ๎าง ทรงตอบวําไมํมี มีแตํศึกษา ฯ นี่แหละที่มาทําให๎ อีกจุดหนึ่งคือสถานที่ประสูติอารมณ๑ของผมแจํมใส ได๎กราบทูลออก ความเห็นไปวํา หลักประสูติปักไมํถูก ทรงสวนมาวํา ที่ถูกนั้นคืออยํางไร จะต๎องเลื่อนเสาเข๎าไป ใกล๎ศาลาศิริมหามายาอีก 1 วา ทรงตอบกลับไปวํา ก็แถว ๆ นี้แหละ ขอเลําเพียงแคํนี้ ผมไมํได๎ สนุกกับเขา พอไปถึงอินเดียถูกมารปราบกํอนถํายท๎องหลายครั้ง ไข๎ขึ้น ทานอะไรไมํได๎ตั้งแตํ 2 ทุํมถึงตี 5 นอนซมแตํไมํหลับ ทําวิชาตลอด ชนะเมื่อตอนตี 5 ดีแตํวําภรรยาจัดหายาเตรียมไป
ให๎อาศัยยาที่เตรียมไปชํวยได๎มาก เพื่อนเขามาคุยกันแตํเราสนุกด๎วยไมํได๎ ทําปราบมารก็อยํางนี้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร๎าย สถานที่ตรัสรู๎นี้ร๎ายนักผํานจุดนี้ไปได๎ ไปเจอสถานที่ประสูติอีก รถยนต๑ไฟดับ จําต๎องวิ่งมามืด ๆ อยํางนั้น จากหลักประสูติมายังโรงแรมที่พักเป็นระยะทาง 100 กวํากิโลเมตร เมื่อคับขันเชํนนี้ต๎องทําวิชาตลอด ใกล๎จะถึงโรงแรมที่พักรถยนต๑คันของเราเกือบชนเกวียนวัว หํางกันเพียงฝ่ามือเดียวเทํานั้น พ๎นจากเกวียนมาได๎แล๎ว รถยนต๑ของเราเขาสูํความสวําง รองเจ๎า คณะจังหวัดจันทบุรีคงลืมตัวลุกขึ้นหยิบไมโครโฟนขึ้นพูดวํา “ ผู๎ชํวยศึกษา ฯ ชนะมารแล๎ว กํอน มาอินเดียผู๎ชํวย ฯ บอกวําจะมาปราบมาร ” ทํานเจ๎าคุณกิตติวุฑโฒ และทํานเจ๎าคณะจังหวัด นครราชสีมารํวมไปกับขบวนรถคันของผมด๎วย และรวมทั้งเพื่อนสหธรรมมิกอีกมากมายได๎ยิน ประกาศของรองเจ๎าคณะจังหวัดจันทบุรีกันทั่ว ครั้นรถยนต๑ของเราเข๎าสูํความสวํางแล๎วพวกเรา ตํางโลํงใจที่รอดตายมาด๎วยกัน ผู๎จัดการบริษัทเอ็นซีทัวร๑ กลําวในรถทัศนะศึกษาวํา จัดนําเที่ยว อินเดียเป็นเวลากวํา 14 ปี ไมํมีครั้งใดและไมํมีเที่ยวไหนที่เกิดอุปสรรคมากมายเหมือนเที่ยวนี้ ผม ได๎ยินแตํก็นึกในใจ อุปสรรคมีเพราะมารเขามาสู๎กับผม ถ๎าผมไมํทําวิชาปราบมารอุปสรรคก็ไมํมี รถทัศนะศึกษาของเรามีอุปสรรคทุกวันเชํน ยางแตก และอะไรตําง ๆ ทุกวัน พลอยที่เราจะเร็วขึ้น กลับเป็นช๎า ไมํมีวันใดราบรื่นได๎เลย นี่คือมารเขาทําให๎เป็นไป เมื่อทําวิชาปราบมารครบ จุดสําคัญในแดนพุทธภูมิแล๎วตํอไปพระพุทธศาสนาจะเจริญขึ้นอีก ความรู๎สึกสํวนตัวตํอการปราบมารในแดนพุทธภูมิ กํอนเดินทางกลับมีชํวงเวลาหนึ่งเกิดความโปรํงใสทางอารมณ๑ ความคิดหนึ่งเกิดขึน้ แกํใจ เรานี้เกิดมาไมํพบ พระพุทธองค๑เป็นกรรมอยํางหนึ่งของเรา พบแตํคําสอนและสังเวชนียสถาน ของพระองค๑ เคราะห๑ดีอยูํอยํางหนึ่งที่ได๎พบหลวงพํอวัดปากน้ํา หลวงพํอทํานสอนจนเป็นวิชชา ธรรมกาย ธรรมกายคือตถาคตและตถาคตคือธรรมกาย การเข๎าถึงธรรมกายเป็นการเข๎าถึงพระ พุทธองค๑แล๎ว บัดนี้ได๎ทําภารกิจสําคัญลํวงไปแล๎วคือ ปราบมารในแดนของพระองค๑ การไปมา แสนยากแทบเอาชีวิตไปทิ้ง เครื่องบินขึ้นลงแตํละครั้งใจหายปิดทองพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ กุสินาราอธิษฐานวําปิดแทนภรรยาและลูก ปิดแทนญาติทุกคนและปิดแทนเพื่อนสหธรรมมิกทุก
คน ถือวําผมเป็นผู๎แทนทั้งหมด เกิดปีติและปลื้มใจขอให๎กระผมและคุณวิชัย ปราศจากซึ่งอาบัติ ทั้งปวงเถิด แล๎วหันไปดู
คุณวิชัยเห็นเขาถํายวีดีโอ ถํายเอาไว๎ ๆ ต๎องการรวบรวมภาพมาดูกันที่
เมืองไทย วิชาปราบมารในอินเดียยังไมํเสร็จเพียงนั้น นับแตํวันนั้นมางานทําวิชาปราบมารใน อินเดีย ยังทําสืบตํอมาจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2530
( บันทึกสํวนตัว เลํม 11 หน๎า
7 ) หากจะทราบรายละเอียดเปิดอํานบันทึกก็พอจะนึกได๎ ” เรื่องเลําที่สําคัญของทํานอาจารย๑การุณย๑ งานพิจารณาทุคติภูมิ เป็นผลงานตั้งแตํปราบมารภาค 1 วันนี้จะเลําให๎ฟังบ๎าง แตํเปิดเผยมาก ไมํได๎เอาเพียงแคํพอลําดับความได๎ดังนี้ ทุคติภูมิก็คือภูมิแหํงทุคติคือภูมิหรือภพที่ให๎ความทุกข๑ สถานเดียว หาความสุขสักนิดไมํได๎เลย ที่มาของเรื่องก็คือเวลาบูชาข๎าพระ จําคําของแมํชีทองสุก สําแดงปั้น ไว๎ทํานเคยเลําวําทํานชอบไปเที่ยวนรก เรื่องนี้ระลึกจําขึ้นได๎ใคร ๆ ก็นึกได๎แตํไมํมี ปัญญาไปพิจารณา เพราะเราไมํมีความรู๎ได๎แตํฟังคําของแมํชีไว๎เทํานั้น -
เรื่องการระลึกถึงผู๎มีอุปการคุณเป็นเหตุสําคัญ ใครจะอยํางไรข๎าพเจ๎าไมํทราบแตํข๎าพเจ๎า
ระลึกถึงผู๎มีพระคุณอยํางเนือง ๆ ระลึกถึงเพื่อนที่ให๎ข๎าพเจ๎าดูเลขคณิต เพราะทําเลขไมํได๎ครูเขา จะตีเพื่อนเขาให๎ดูทุกข๎อเรารอดจากการถูกตีเพื่อนคนนั้นตายไปเสียแล๎ว ระลึกถึงเพื่อนสาวเธอ สวยเราชอบไปจุ๎นจ๎านตํอเธอ บัดนี้เธอตายไปแล๎ว ระลึกถึงผู๎มีอุปการคุณที่ชํวยให๎เราอยูํรอด มาถึงวันนี้มันคิดไปเองโดยเราไมํตั้งใจ เมื่อเราบูชาข๎าวพระเสร็จก็ลองไปทํองนรก , อเวจี , โล กันต๑ แตํแรกมองไมํเห็นเมื่อไมํเห็นก็ไมํเจออะไรเพียรทําอยูํอยํางนั้นเป็นเดือนและเป็นปี ภูมิ เหลํานั้นมีชื่อเป็นบาลีเราจําไมํได๎ แตํหลวงพํอทํานจําได๎หมด ตํอมาญาณทัสสนะดีขึ้นพอที่จะเห็น อะไรบ๎างเพียรตามหาคนของเรา ไปพบในขุมตําง ๆ สํวนใหญํอยูํขุมตื้น ๆ ก็นํากายเขามาอยูํ สวรรค๑ชั้น 1 สอนให๎ทําภาวนา อีก 2 วันไปดูใหมํ เพื่อนตกไปที่เดิมอีกแล๎วเราก็ชํวยขึ้นมาอีกกวํา จะสําเร็จแตํละรายดูวํามันเหนื่อยอํอนและยากเย็นไมํอยากทําแตํอดนึกถึงเขาเหลํานั้นไมํได๎ กาล
ตํอมาเราเกํงขึ้นแก๎กายของเขาให๎เสียกํอนแล๎วบังคับให๎ทําภาวนาคราวนี้งํายขึ้น นําอาหารไปจําย เขาได๎กิน เราต๎องคุมจนกวําเขาจะอิ่มไปอิ่มหนึ่งแล๎วเราก็กลับ -
ไปทูลถามต๎นใหญํวําภูมิทุคตินั้นมีมาอยํางไร ชํวงที่ไปทูลถามต๎นใหญํนั้นปราบมารได๎มาก
แล๎วถึงขั้นชํานาญแตํยังไมํรู๎เรื่องนรก , อเวจี , โลกันต๑ เรารู๎เรื่องเพียงงู ๆ ปลา ๆ เทํานั้นแตํการชํวย ผู๎มีอุปการคุณจําได๎วําทําได๎มากแล๎วโดยพระมหาเถรอุปคุตมาชํวยด๎วย จําได๎วําทูลถามพระองค๑วํา “ แตํครั้งพระองค๑ไปตรัสรู๎เป็นสัพพัญ๒ูในโลกนั้นเรื่องทุคติภูมิมีอยูํอยํางไร ” ทรงตอบวํา “ เห็น มีอยูํอยํางนั้น ” ทูลถามตํอไปวํา “ มีใครไปแตะต๎องบ๎างไหม” ทรงตอบวํา “ ไมํมี เห็นหลวงพํอ ทํานคิดอยูํแตํไมํทันทําอะไรก็มรณภาพเสียกํอนจะมาถามทําไมมันเรื่องของศึกษา ฯ ” วําแล๎วเชียว เราถามอะไรเป็นโดนกระนาบทุกทีเลย ไปถามวิชาก็ทรงตอบวําไปคิดเอง ทําอะไรไมํสําเร็จจะ ทรงกริ้วและไลํเบี้ยเราทันทีเป็นเวรกรรมของข๎าพเจ๎าแท๎ ๆ มารับใช๎ทางธรรมก็ถูกธาตุธรรมบังคับ เพราะทรงถือวําเป็นผู๎สั่งให๎เรามาเกิดพูดอยํางนักเลงก็วําทรงเป็นลูกพี่เราอยํามาดื้อตํอฉันหนํอย เลย ขืนดื้อเดี๋ยวเจอดี จําได๎วําเมื่อวันแรกที่สั่งให๎ทําวิชาปราบมาร ข๎าพเจ๎าปฏิเสธแม๎หลวงพํอมา สั่งเองข๎าพเจ๎าก็ไมํรับคํา เหตุการณ๑มาถึงครูอาจารย๑ของข๎าพเจ๎ามากันหมด เราดีใจวําครูของเรา ต๎องมาชํวยเรา เพราะเราวิชาอํอนทํานต๎องมาชํวยคัดค๎าน เพราะทํานก็รู๎วําเราไมํเป็นวิชาเราเรียน เพียงสมัครเลํนเทํานั้นที่ไหนได๎เราคาดการณ๑ผิด ครูของข๎าพเจ๎าที่ตายไปแล๎วทํานมาชํวยธาตุ ธรรมสนับสนุนไมํได๎มาค๎าน เราเคืองและเสียใจร๎องไห๎ในนิโรธ เพียงเทํานั้นต๎นใหญํเสด็จมาตอน นั้นเรายังไมํรู๎วําต๎นใหญํสั่งเรามาเกิดเรายังไมํรู๎อะไรทั้งนั้นทรงรับสั่งรุนแรงมาก “ เมื่อธาตุธรรม อยูํไมํได๎ศึกษา ฯ ก็อยูํไมํได๎เหมือนกันเงียบกันหมดเหตุการณ๑ไมํดีเสียแล๎ว เพราะเราคนเดียวหรือ นี่ข๎าพเจ๎าได๎แตํเสียใจและร๎องไห๎ เพราะเรารู๎อยูํแกํใจวํามีใครชนะมารบ๎าง ไมํมี และยังไมํมีใคร ชนะมารเลย ข๎าพเจ๎าเกํงแคํไหนถึงได๎มารับอาสาธาตุธรรมปราบมาร นี่คือเหตุผลของข๎าพเจ๎า ไมํใชํเราดื้อ ต๎นใหญํองค๑นี้แหละสําคัญที่สุดทรงเป็นผู๎ปกครองใหญํ
เลําเรื่องนรกตํอไปดีกวํา
เรื่องของต๎นใหญํยังมีอีกมากมายเกี่ยวข๎องตอนใดจะเลําให๎ฟัง ความคิดที่เราจะไปแตะต๎องภูมิ เหลํานั้นเราไมํเคยคิดเพราะเกินปัญญาเสียแล๎ว ที่ไปทูลถามธาตุธรรมก็เป็นเรื่องที่เราอยากรู๎
เทํานั้น เหตุการณ๑ผํานมาเป็นปี วันหนึ่งเกิดระลึกรู๎ขึ้นมาอยํางไรไมํทราบ ภูมิเหลํานั้นเป็น เครื่องมือมารเป็นที่คุมขังพวกเรา ทําไมจะต๎องให๎มารมาปกครองเราเมื่อเราประพฤติผิดศีลผิด ธรรม ทําไมพวกสัมมาทิฏฐิไมํลงโทษกันเองไปให๎มารมันเกี่ยวข๎องกับเราทําไม ภูมิเหลํานั้นหาก เราไปสูํจะด๎วยเหตุใดโอกาสเกิดแทบไมํมีเลย เขาจึงพูดกันวําแผํนดินยังพูดไมํได๎ตราบใดเราก็ยัง มาเกิดไมํได๎ตราบนั้น ทําให๎สัตว๑โลกเนิ่นช๎ามรรคผลนิพพาน การชํวยสมาชิกในภูมินั้นข๎าพเจ๎าทํา มาตลอดไมํเลิกกิจการนี้ เป็นเดือนเป็นปีโชคดีที่ไมํมีใครขัดขวางไมํทราบเป็นเพราะอะไร แม๎จน บัดนี้ก็ยังไมํทราบเหตุผล เหตุใดจึงไมํมีใครขัดขวางข๎าพเจ๎า วันอะไรจําไมํได๎เสียแล๎วต๎องเปิด อํานบันทึกวําอยูํเลํมใด วันนั้นมันกล๎าขึ้นมาอยํางไรไมํทราบเราตั้งเครื่องเข๎าเอาเครื่องของเรานี้ แหละแลบลั่นเข๎าไป มันดับงํายดายยังประหลาดใจจวบจนทุกวันนี้ จับตัวละครผู๎ปกครองเครื่อง มาดับให๎หมด เมื่อผู๎ปกครองเครื่องถูกดับเครื่องของภพทํางานไมํมีประสิทธิภาพ เรื่องมีเทํานี้เอง มันยากตรงเรื่องของสมาชิกที่อยูํในภพนั้นวําเราจะทําอยํางไรตํอไปปัญหาอยูํตรงนี้ ต๎นใหญํและ หลวงพํอทรงดีพระทัยมากรับสั่งวํา “ ศึกษา ฯ คนนี้ใช๎ได๎ ” -
พระพุทธองค๑ทรงบอกวําเรียนผูกแล๎วต๎องเรียนแก๎ เหตุการณ๑ความวุํนวายนั้นอยูํในความ
ทรงจําของข๎าพเจ๎าจําไมํลืม พอเสร็จงานแล๎วเราเหนื่อยพักนิโรธเสียทีได๎ให๎ลูกสาวคือ ลูกกล๎วย ( น.ส. วิลาวัลย๑ บุญมานุช ขณะนี้เป็นนักศึกษาปีที่ 4 มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาพยาบาล ) ปีนั้น เธอยังเป็นเด็กเล็ก ให๎ไปเฝ้าพระพุทธองค๑ และให๎ไปหาแมํชีถนอม ( ตอนนั้นแมํชีถนอมตายแล๎ว ) เพื่อถามเรื่องราว ลูกกล๎วยกลับมาบอกวําไปหาพระพุทธองค๑แล๎วทรงรับสั่งให๎พํอรีบแก๎ไขเรียน ผูกแล๎วต๎องเรียนแก๎ให๎ไปดูแลเดี๋ยวนี้ และแมํชีถนอมก็บอกแกํลูกกล๎วยไปวํา ให๎พํอรีบไปแก๎ไข เพราะมันวุํนวายมากแล๎ว ที่วําวุํนวายก็คือเรื่องสมาชิกในภพนรก , สมาชิกในภพอเวจีและสมาชิก ในภพโลกันต๑จะเอาเขาเหลํานั้นไปไว๎ที่ไหนและจะทําอยํางไรตํอไป จัดระบบปกครองกันอยํางไร ตํอไป ข๎าพเจ๎าไปดูเหตุการณ๑ก็ยุติวําเอาเขาทั้งหมดเหลํานี้ไปไว๎ตีนเขาพระสุเมรุทั้งหมด สมาชิก นรกมอบให๎สวรรค๑ดูแล , สมาชิกอเวจีมอบให๎พรหมดูแล และสมาชิกโลกันต๑มอบให๎อรูปพรหม
ดูแล จากนั้นเขาก็ทําโทษลงทัณฑ๑กันตามโทษานุโทษ แตํวําพวกเราลงโทษกันเองไมํใชํให๎มารมัน มาปกครองอยํางที่เคยเป็นมาแล๎ว -
จากนี้ไปพวกเราตายไปแล๎วไปรายงานตัวที่ไหน นับแตํวันนั้นจวบจนวันนี้ข๎าพเจ๎าไมํได๎ไป
ดูแลอีกเลยเพราะไมํวํางนั่นเอง แตํกํอนนี้เมื่อพวกเราตายเราจะต๎องไปพบยมบาลเขามีหน๎าที่มา ไตํสวนผู๎ตาย เมื่อทํานอยูํในมนุษย๑โลกนั้นทํานสร๎างกุศลผลบุญอะไรบ๎าง ทํานสร๎างบาปกรรมอัน ใดบ๎าง แล๎วเขาก็ตัดสินแล๎วเขาก็โยนเราลงในนรก , บางทํานไปอเวจี , บางทํานไปถึงโลกันต๑ นั่น เป็นเรื่องของมารเขา ใครทําดีพระปกครอง ใครทําผิดคําสอนของพระ มารเขาปกครองวิธี ปกครองก็คือนําไปลงนรกนั่นเอง
บัดนี้ไมํมีอยํางนั้นแล๎วทํานต๎องไปพบพนักงานของภาค
สัมมาทิฏฐิ เขาก็ตัดสินเขาก็ลงโทษคือพวกเราลงโทษกันเอง เขาอาจถามทํานวํารู๎จัก “
นาย
การุณย๑ บุญมานุช หรือไมํ ” ทํานตอบวํา “ ไมํรู๎จัก” ประมาทมากที่ไมํรู๎จักผู๎ปฏิวัติควรเพิ่มโทษ หากตอบวํา “ รู๎จัก” เขาคงถามตํอไปวํา “ ได๎ชํวยอุปการะหรือชํวยกิจการของนายการุณย๑ บุญมา นุช บ๎างหรือไมํ ” หากตอบวํา ไมํเคยแปลวํา งดเว๎นสิ่งไมํควรเว๎นเขาจะพิจารณาอยํางไรข๎าพเจ๎า ไมํทราบ สุดแตํเขาเถิดข๎าพเจ๎าไมํรู๎ด๎วยแล๎ว แตํทํานที่ชํวยกิจการของข๎าพเจ๎าเขารู๎กันทั้งนั้น ทําน อาจโชคดี และข๎าพเจ๎าเชื่อวําทํานโชคดีแนํนอน โชคดีสถานเดียวสํวนรายที่ข๎าพเจ๎าต๎องยุํงด๎วย เกี่ยวกับการมรณภาพของทํานเจ๎าคุณพระราชสาครมุนี เจ๎าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ข๎าพเจ๎าต๎อง ยุํงด๎วย เพราะทํานชํวยข๎าพเจ๎าเผยแพรํวิชาธรรมกายตลอด เวลาที่พระเดชพระคุณมีชีวิตอยูํใน โลก กลําวถึงทํานทั้งหลายที่ชํวยอาจารย๑อื่นเผยแพรํวิชาธรรมกายก็ขอให๎อาจารย๑ทํานนั้นพิจารณา อยําให๎ข๎าพเจ๎าไปยุํงด๎วยเลย เพราะไมํรู๎จักกันเลยและข๎าพเจ๎าไมํทราบวําทํานตายเมื่อไรด๎วย จะ ให๎ข๎าพเจ๎ารับผิดชอบนั้นก็ยากที่จะกลําว ทางที่ดีควรรู๎จักกันตอนกํอนตาย ข๎าพเจ๎าจะได๎จําทําน ได๎ไมํวําทํานจะไปทําความดีที่ไหนข๎าพเจ๎าชํวยทั้งนั้น ไมํจําเป็นต๎องเจาะจงแกํข๎าพเจ๎า ศาสนา ของพระพุทธองค๑อยูํที่ใดการเผยแพรํวิชาธรรมกายมีที่ไหน ข๎าพเจ๎าอนุโมทนาทั้งนั้น ข๎าพเจ๎า ชํวยทั้งนั้นไมํเว๎นแม๎แตํคนเดียว แตํขอกลําวไว๎สักคําเถิดเรื่องการชํวยคนตายให๎ไปสูํสุคติภูมินั้น มันไมํงําย มันยากและยากมากด๎วย ข๎าพเจ๎ากลําวคํานี้ออกมาได๎ข๎าพเจ๎าสบายใจมาก จะได๎ไมํตํอ
วําตํอขานเมื่อตายไปแล๎ว ขอจบผลงานพิจารณาทุคติภูมิไว๎แคํนี้ อยําให๎มากไปกวํานี้เลยถ๎า กลําวถึงเพียงนี้ก็วํามากแล๎ว นี่คือผลงานปราบมาร กลําวไว๎ในหนังสือปราบมาร 1 ซึ่งพิมพ๑ แจกจํายไปนานแล๎วโปรดค๎นหาอํานกันเถิด -
พิจารณาสวรรค๑ชั้น 5 และชั้น 6 ผลงานนี้ได๎กลําวไว๎แล๎วในหนังสือปราบมารภาค 1 แตํยัง
ไมํได๎อธิบายวันนี้จะอธิบายอีกที เมื่อเสร็จงานทุคติภูมิก็มาพบวําเหตุใดสมัยกํอนพมํากับไทยรบ รากันอยูํเรื่อย ทราบขึ้นมาอยํางไรไมํทราบได๎ก็ทราบวําแอบแฝงตัวมาพักอยูํสวรรค๑ชั้น 5 และชั้น 6 นี่เอง จะวํามารก็ไมํใชํจะวําพระก็ไมํเชิงขืนเอาไว๎จะสร๎างปัญหาหนหลัง....จึงทําวิชาดับทั้งหมด ยังจําเหตุการณ๑ได๎บ๎างคราวนั้นลูกกล๎วยยังเล็กอยูํให๎เข๎าธรรมกายไปถามหลวงพํอวําเมื่อคืนนี้มี เหตุการณ๑อะไร หลวงพํอตอบแกํลูกวํา “ เมื่อคืนนี้พํอเขาดับเทวดา ” ลูกก็มารายงานอยํางที่หลวง พํอทํานวํา แปลวําถูกต๎อง ต๎องตรวจสอบความถูกต๎องทุกคราวไป ลูกสาวของข๎าพเจ๎าสันทัดเรื่อง ญาณทัสสนะ กํอนที่อุบาสิกาถนอม อาสไวย๑ จะวายชนม๑ได๎พาไปให๎แมํชีตรวจสอบ แมํชียืนยัน วํามีญาณทัสสนะเทียมแมํชีทีเดียว ตอนนั้นเธอยังเล็กตอนนี้โตเป็นสาวแล๎วปีหน๎าก็เรียนจบ ปริญญา และจะทําราชการปีหน๎านี้ ญาณทัสสนะอยํางลูกกล๎วยนี้เราสอนมาตั้งแตํหนุํมจนแกํก็ เพิ่งพบเธอคนนี้ แตํอยํางอื่นไมํเป็นเลยไมํเอาใจใสํ , ไมํเรียน , จะเรียนก็ต๎องจ๎าง ครั้งเป็นเด็ก อยํางไรโตเป็นสาวแล๎วก็อยํางนั้นทุกครั้งต๎องมีรางวัล ไปฟ้องหลวงพํอหลายครั้งแล๎วขอให๎เรียน เสียทีเถิด เธอก็ยังไมํเอาใจใสํอยูํดี เข๎าธรรมกายไปฟังประชุมจะนําเรื่องราวมาบอกอยํางละเอียด แม๎พระพุทธองค๑ทรงนินทาเรา ยังนําเรื่องมาบอกเราได๎ เข๎าธรรมกายไปนิพพานไปถามต๎นใหญํ , ต๎นนิพพานเป็น อยํางนี้เธอชํานาญอยํางอื่นไมํรู๎เรื่องทําไมํได๎ เพราะไมํเรียนเธอเกิดมาไมํพบ หลวงพํอไมํเคยเห็นหลวงพํอ แตํเวลาจะสอบโทรทางไกลมาบอกให๎เราบอกหลวงพํอด๎วยทุกปี งานปราบมารที่เป็นไปได๎เธอมีสํวนอยูํมากในเรื่องสืบรู๎สืบญาณทัสสนะ หากไมํมีเธอเราไมํรู๎จะทํา อยํางไรเหมือนกัน
เพราะการวินิจฉัยบางเรื่องต๎องให๎ได๎ความแนํชัดจากธาตุธรรมกํอนเสมอไป
เราทําตามลําพังคนเดียวไมํได๎จะมาฟังรู๎ฟังญาณทัสสนะของเราคนเดียวไมํได๎ เวลาคํานวณบารมี เธอเอาด๎วย ไมํได๎ก็ไปโวยวายธาตุธรรม หนูต๎องได๎ด๎วยถึงหนูไมํได๎ทําวิชา แตํพํอก็มาใช๎หนูให๎
หนูมาหาพระองค๑ ให๎หนูถามเรื่องราวจากพระองค๑แล๎วไปบอกพํอ ถ๎าหนูไมํได๎บารมีด๎วยวันหลัง หนูจะไมํชํวยพํอบูชาข๎าวพระ หลวงพํอจะได๎อด เออ..หลวงพํอจะให๎ ดูมันเถียงหลวงพํอ มันจะ เอาชนะหลวงพํอให๎ได๎ ไอ๎พํอกับไอ๎ลูกมันพอกัน ก็มันพํอลูกกันนํามาเลําได๎หมด วันหนึ่งจําไมํได๎ แล๎วไมํทราบวําปีไหนเราคํารามไปวํา กล๎วยเข๎าธรรมกายไปหาหลวงพํอ เธอไมํได๎ทําวิชานานแล๎ว อารมณ๑ฟุ้งหมดเราวําไปอยํางนั้น ทําไมวันนั้นชํางดีใจหาย เธอเข๎าธรรมกายไปหาหลวงพํอ กลับมารายงานวํา พํอใช๎ให๎มากราบหลวงพํอ เออ.... เอ็งมาก็ดีแล๎ว หนูไมํรู๎หรือพํอเขาจะแก๎ให๎ ศพหลวงพํอฟื้น ทําทําจะฟื้นหลายหนแล๎ว มันขบเหลี่ยมอะไรอยูํไมํรู๎ แล๎วหนูก็ไปหาต๎นใหญํ ทูลตํอต๎นใหญํวํา”แอบหลวงพํอมาไมํให๎หลวงพํอรู๎จะมาถามพระองค๑วําเรื่องของพํอที่แก๎ศพ หลวงพํอนั้นเป็นไปได๎อยํางไรมันฝืนธรรมชาติ” “หนูรู๎ไหม.....หลวงพํอทํานมีความรู๎ทางธรรมมี ทางเป็นไปได๎ ถ๎าเราไปทําแกํคนที่ไมํมีความรู๎อยํางนั้นอยําไปทําเลยมันฝืนธรรมชาติอยํางที่หนู วํา” แล๎วเธอก็นําเรื่องมาเลําตามที่บรรยายมานี้ เราอยําเชื่อเป็นอันขาดเราต๎องเข๎าธรรมกายไป ถามพระองค๑ทันทีวําทรงรับสั่งไปกับลูกอยํางนั้นใชํหรือไมํ หากยืนยันเราจึงฟัง ความรู๎เด็กอยํา เชื่อมารมันหลอกได๎ไมํวําใครเราต๎องคุม จะให๎เขาทําอะไรเราต๎องคุม ขนาดเราคุมมารมันยัง หลอกได๎ เด็กเป็นธรรมกายงํายร๎อยทั้งร๎อยแตํเราต๎องคุม เพราะเด็กไมํมีเรื่องคิดมากเหมือน ผู๎ใหญํ อารมณ๑เด็กดัดงํายกวําผู๎ใหญํ แตํเด็กไมํรู๎คําวิชาเหมือนไกํได๎พลอย ดังนั้นการสอนเด็ก ต๎องใช๎ความพยายามมาก ต๎องเลี้ยงต๎อยจากเด็กจนกระทั่งเป็นผู๎ใหญํ ธรรมจึงจะทรงตัวไมํหาย ไมํเลือน บางคนไปสอนวิชาสูงแกํเด็กเป็นเรื่องไมํสมควรอยํางยิ่ง อยํางมากแคํ 18 กาย ให๎ทํา อนุโลมปฏิโลมไปแคํนั้นพอแล๎ว อยําได๎ไปเชื่อรู๎เชื่อญาณเด็กเพราะมารมันพาไปได๎ กลับมาพูด เรื่องดับเทวดาชั้น 5 ชั้น 6 กันตํอ เพราะเรื่องมันโยงกัน ถามวําเชื่อมโยงกันอยํางไร เอาไว๎พูดกัน ตอนที่ดับตัวละครสําคัญของหลวงพํอต๎องประสงค๑จะดีกวํา สาระสําคัญก็คือวําใครก็ตามที่บารมี คาบลูกคาบดอกจะเป็นมารก็ไมํใชํจะเป็นพระก็ไมํเชิง เป็นปัญหาใหญํอีกปัญหาหนึ่ง ขอจบเรื่อง พิจารณาสวรรค๑ชั้น 5 ชั้น 6 แคํนี้
ข๎อสังเกตของผู๎จะเรืองนามวิชาธรรมกาย (ในทัศนะของอาจารย๑การุณย๑) ข๎าพเจ๎าได๎รู๎จักผู๎เรืองนามวิชชาธรรมกายมากมาย มีข๎อสังเกตวําบัณฑิตเหลํานั้น มักมีประวัติเคย ทําวิชชาธรรมกายแก๎ปัญหาให๎ประจักษ๑มาแล๎วในหมูํนักทําวิชชาธรรมกายด๎วยกัน บํงบอกวําทําน ผู๎นั้นตํอไปภายหน๎าจะต๎องมีอะไรพิเศษ อยํางแมํชีถนอม อาสไวย๑ ทําวิชาได๎ขลังหลายเรื่อง เรา เห็นเข๎าต๎องยอมรับในความสามารถ โดยเฉพาะการแก๎โรคทํานเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ความรู๎ใน เรื่องปราบมารเลําให๎ผมฟังไมํรู๎จบ ไมํใชํข๎าพเจ๎าอยากฟัง ทํานเลําของทํานเอง จะไมํฟังดูจะเสีย มารยาท ฟังไปอยํางนั้นยิ่งฟังยิ่งไมํรู๎เรื่อง ครั้งนั้นข๎าพเจ๎าไมํเป็นวิชา เราไมํรู๎อะไรกับเขาทั้งนั้น ฟังไปจะได๎ประโยชน๑อะไร แถมยังเลําเรื่องพิลึกกึกกือให๎ฟังเสียด๎วย ล๎วนแตํเป็นเรื่องรบกับมาร ทั้งนั้น เราถามอะไรทํานตอบได๎ทั้งนั้น ล๎วนแตํเป็นหลักวิชาเป็นเหตุเป็นผล เราเป็นข๎าราชการ ฉะนั้นเรื่องเหตุผลเราสันทัด จึงถกกันด๎วยความรู๎ทางเหตุผล ปรากฏวําทํานไมํจนแต๎มเราเลย เรา เสียอีกเป็นฝ่ายจนแต๎ม มาทราบเรื่องที่แมํชีเลําถึงการปราบมารทีหลังวํา ธาตุธรรมทํานบังคับให๎ แมํชีเลําเป็นการถํายทอดงาน เพราะตํอไปข๎าพเจ๎าจะเป็นผู๎ปราบมาร จําต๎องรับทราบอะไรไว๎บ๎าง เป็นพื้นฐาน ครั้นข๎าพเจ๎าทําวิชาปราบมารเข๎าจริง กลับไมํเดินวิชาอยํางที่แมํชีถนอมสอน ทําไมจึง เป็นเชํนนั้นก็ไมํทราบ เมื่อเดินวิชารบไปนาน ๆเข๎า แนววิชาเกิดมาตรงกับวิธีทําพระของขวัญของ หลวงพํอ มาตรงกันได๎อยํางไรก็ตอบไมํได๎อีกเชํนกัน บัดนี้แมํชีวายชนม๑ไปแล๎ว แตํก็ยังชํวยงาน ปราบมารที่ข๎าพเจ๎าทําอยูํ ไมํชอบใจอยูํก็ตอนที่ทํานตายไปนี่เอง ติดขัดเวลาทําวิชาไปถามไถํอะไร ทํานก็บอกมาให๎เราคิดเอง ดวงชะตาของข๎าพเจ๎ามักจะขัดใจกับอาจารย๑ตอนที่ทํานตายไปแล๎วนั้น เราทําวิชาปราบมารต๎องใช๎ความรู๎สูงทํา ๆ ไปเกิดติดขัดเข๎านิโรธไปถามทําน ทํานก็โยนมาให๎เราคิด เองแทบทั้งนั้น เราโกรธวําตอนมีชีวิตอยูํในโลกทํานสอนได๎สอนดี เมื่อไมํได๎ความรู๎จําต๎องใช๎วิชา เกํา จนกวําจะได๎วิชาใหมํโดยอัตโนมัติ เมื่อมารรุํนนั้นดับไปทํานก็มาบอกวําศึกษาฯ ยังไมํได๎ คํานวณบริวารให๎ฉัน ข๎าพเจ๎าแก๎ลําให๎บ๎างคือทําเป็นไมํได๎ยิน อีกกี่เดือนก็ไมํทําให๎ อาจารย๑ของ เราเกํงกวําเราบารมีก็มากกวําเรา เวลาธาตุธรรมรับสั่งขอความเห็นมักจะรวมกันชี้ความเห็นมาแตํ ที่ข๎าพเจ๎า ทีเวลางานชี้มาที่เราอ๎างความเป็นครูอาจารย๑กันใช๎กันได๎ขอร๎องกันได๎ คราวนี้เป็นจังหวะ
ของเราบ๎างแล๎วก็คือเราไมํทําบริวารให๎อาจารย๑ของเรา เพราะเราก็โกรธอาจารย๑ของเราเป็น เหมือนกัน แตํแล๎วเราก็เคืองอาจารย๑ของเราไมํนานก็ทําวิชาคํานวณบริวารให๎ทําน ตามที่ทํานร๎อง ขอเราไว๎ ข๎าพเจ๎าทําให๎ทั้งนั้น ที่มีความดีตํอข๎าพเจ๎าครั้งเป็นมนุษย๑อยูํในโลกข๎าพเจ๎าไมํลืมใครเลย ทําให๎ทํานทั้งนั้น แตํวําทํายากไมํใชํของงําย ใช๎วิชาสูงใช๎บารมีสูงจะกลําววิชาไว๎ให๎ฟังไมํได๎เพราะ เป็นของยาก พูดได๎แตํวําจะทําอะไรให๎ใคร ต๎องดูบารมีของเราและดูบารมีของเขาประกอบกัน บารมีของเราสําคัญที่สุด บารมีของเขาสําคัญเป็นรอง หากฝ่ายที่เราจะให๎ไมํมีความดีอะไร ทั้งที่เรา อยากจะทําให๎ใจจะขาดเราทําอะไรไมํได๎ทั้งนั้น เพราะนิโรธไมํเกิด ตรัสรู๎ก็ไมํเกิด ไมํรู๎จะทําอยํางไร เหมือนพายเรืออยูํในอําง ข๎อเท็จจริงเป็นอยํางนี้ สํวนครูอาจารย๑ของข๎าพเจ๎าทุกทําน ข๎าพเจ๎าทํา ให๎สารพัด เพราะข๎าพเจ๎ามีบารมีปราบมาร ทีมารเรายังดับได๎เรื่องแคํนี้ถ๎าทําถวายทํานไมํได๎นับวํา แยํมาก อาจารย๑ของเราทํานก็ฉลาดทํานรู๎วําเราทําได๎ทํานจึงขอร๎องมา ทํานผู๎ศึกษาอาจข๎องใจวํา ทําไมทํานจึงไมํทําของทํานเอง เพราะทํานก็เป็นเอกในวิชชาธรรมกายเหมือนกัน อันนี้นําพูดกัน ข๎อแรกเมื่อกายมนุษย๑ดับฤทธิ์ของเราหมดลงทันที ถึงหลงเหลืออยูํบ๎างก็เล็กน๎อยยํอมทําอะไรยาก ข๎อสองบารมีธรรมของทํานก็มากมายอยูํแล๎ว บริวารของทํานได๎อยูํแล๎วตามขีดขั้นแหํงบารมีของ ทําน บริวารก็ดี, วิมารก็ดี , มีรองรับเราไว๎สําหรับผู๎เป็นวิชชาธรรมกายอยูํแล๎วคือ มีรองรับไว๎แล๎ว ตามธรรมชาติ หากเราพอแคํนั้นเรื่องก็ยุติแคํนั้น ข๎าพเจ๎าไมํต๎องไปยุํงกับทําน แตํแมํชีเห็นวํา ทํานเป็นอาจารย๑ของผู๎ทําวิชาปราบมารมันต๎องให๎อะไรภูมิฐานขึ้น คราวนี้เราต๎องทําให๎ทําน เพราะเกินขีดความสามารถของทํานแล๎วตามที่บรรยายมานี้ เป็นเรื่องเกร็ดเล็ก ๆ น๎อย ๆ พูดกันแตํ วิชาการดูจะเบื่อ ขอสรุปวําทํานที่จะเรืองนามในทางวิชชาธรรมกายนั้น จะต๎องมีประวัติแสดงถึง บุญญาภินิหารมาให๎ประจักษ๑ จําต๎องมีเรื่องเลําขานเกือบทุกทําน จบเรื่องแมํชีถนอม อาสไวย๑ ขอขึ้นแมํชีทองสุข สําแดงปั้นบ๎าง แมํชีทองสุข สําแดงปั้นเป็นอาจารย๑ของผม เห็นธรรมใน อิริยาบถเดิน เป็นนักพูดมีวาทศิลป์คูํหูของทํานคือแมํชีลูกจันทร๑ ขนนกยูง ผมติดสอยห๎อยตาม ทํานมาตลอดคุยนําฟังพิลึก ผมติดทํานเป็นแตงเมทีเดียวทํานมีหลานอยูํกับทําน 2 คน คนหนึ่ง เป็นหญิงชื่อหมู คนหนึ่งเป็นชายชื่อกาง เดี๋ยวนี้ไมํทราบวําคุณหมูและคุณกางเป็นหนุํมเป็นสาวไป
แคํไหนแล๎วไมํพบนานแล๎ว แมํชีอาจารย๑ทองสุขมีความสามารถทําให๎ผมเรียนภาวนาได๎ แคํนี้ผมก็ นับถือ 100 ครั้งแล๎ว พยายามทุกสถานจะให๎ผมเห็นธรรม จนแล๎วจนรอดผมก็ไมํเห็น สอนเทําไร ก็รับ ฝึกเทําไรก็เชื่อ แตํก็ไมํเห็นกับเขา คนมาเรียนทีหลังผม เขาเห็นธรรมกันหมด เหลือแตํผม เทํานั้นที่ไมํได๎เรื่องจริง ๆ อภินิหารของทํานก็คือดุดําวําใครถึงขนาดฟ้าร๎องเอาทีเดียว พูดอะไร ๆ ใครก็เชื่อ คงจะโดยเหตุนี้ หลวงพํอจึงมอบหมายให๎ทําหน๎าที่เผยแพรํมีลูกศิษย๑ลูกหามากมี บุคลิกลักษณะนําเกรงขาม ทําไมทํานเกิดมาเป็นผู๎หญิงก็ไมํรู๎ ผมถามก็เพราะความเจ๎าชู๎ของเรา นั่นเองจึงเกิดมาเป็นสตรีทํานวําอยํางนั้น ทํานเลําให๎ฟังวําวันหนึ่งเกิดอยากลองของขึ้นมา เหตุใด จึงเป็นหญิงจะลองทําหญิงให๎เป็นชาย ทํานเลําวําพยายามเดินเครื่องจะให๎เป็นชายทําอยูํ 6 เดือน โดยวิชชาธรรมกายของทําน ปรากฏวําเพศหญิงเปลี่ยนเป็นเพศชาย ทําวิชาได๎ผลตอนกลางคืน ขณะที่เพศเป็นชายนั้นอยากสูบบุหรี่ อยากแสดงอะไร ๆ เหมือนชาย แตํมาคิดวํา ทํองมนต๑ไมํได๎ สวดมนต๑ไมํเป็น หากความเหลํานี้รู๎ถึงหลวงพํอ ก็จะต๎องเชิญนายแพทย๑มาพิสูจน๑ และจะต๎องให๎ บวชเป็นพระสงฆ๑ เรื่องราวจะไปกันใหญํ ตัดความยุํงยากทั้งหลาย คือเดินวิชาใหมํคือเดินเครื่อง ถอยหลัง ประเดี๋ยวเดียวเทํานั้น เพศชายก็กลับเป็นเพศหญิงตามเดิม ตั้งแตํบัดนั้นมาแมํชีทองสุข สูบบุหรี่มาจากเหตุการณ๑เปลี่ยนเพศตามวิชชาธรรมกายของทํานนั่นเอง ปลายชีวิตของทําน ทําน ป่วยเป็นโรคอะไรก็ไมํทราบข๎าพเจ๎าไปมาหาสูํทํานทุกวัน เสียใจที่ตัวเองตอนนั้นฐานะทางการเงิน ไมํดี ทําราชการเป็นครูเล็ก ๆอยูํ แตํได๎ดูแลทํานตามสมควร ข๎อที่เราควรพูดกันก็คือทํานมีอภินิหาร คือตาย 3 ครั้ง ครั้งแรกกับครั้งที่ 2 เป็นการตายเลํน ๆ พอข๎าพเจ๎ามาถึงทํานก็เลําความ ข๎าพเจ๎าก็ รับทราบ แตํอีกครั้งหนึ่งทํานตายจริงๆ แม๎จะตายยังแสดงฤทธิ์ผมกลัวทํานเหลือเกิน ศิษย๑ของ หลวงพํอวัดปากน้ําทุกทําน ล๎วนแตํมีบุญญาภินิหารกันทั้งนั้น ข๎าพเจ๎าไมํอาจและมิบังอาจแตํไหน แตํไรมาแล๎ว หากเรามีธุระหน๎าที่ไมํเป็นไร ครั้นหมดธุระแล๎ว ต๎องถวายบังคมลาทันทีบอกได๎คํา เดียววํา กลัวรู๎สึกอยํางนี้มาแตํไหนแตํไร หลวงพํอทํานลงมาค๎นวิชาปราบมาร ศิษย๑ของหลวงพํอ ไมํวําใครมีบารมีระดับฮํองเต๎ทั้งนั้น ไมํควรที่เราจะไปยุํงหากเราไมํทําประโยชน๑ งานปราบมาร เป็นงานช๎างเป็นงานใหญํ ระดมสรรพกําลังทุกสถาน ไมํใชํของทํางํายทํายากนัก ต๎องเกี่ยวข๎องด๎วย
อะไรมากมาย ขอเลําเรื่องแมํชีทองสุขตํออีกนิดหนึ่ง เมื่อแมํชีทองสุขวายชนม๑ลง คนที่เสียใจมาก คงได๎แกํแมํชีลูกจันทร๑ ขนนกยูงเพราะทํานอยูํด๎วยกันและทุกข๑ยากกันมานาน คนที่เสียใจ รองลงมาคงได๎แกํข๎าพเจ๎าเป็นแนํแท๎ รวมทั้งศิษย๑คนอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งข๎าพเจ๎าพอจะเดาใจได๎ จากนั้นก็เป็นเรื่องการบําเพ็ญกุศล ขอสรุปวําแมํชีทองสุข สําแดงปั้นมีอะไรหลายอยํางบํงชี้วํา ทํานจะต๎องจําเริญตํอไปในวิชชาธรรมกาย เป็นอันจบภาคพื้นดินระหวํางข๎าพเจ๎ากับแมํชีอาจารย๑ ทองสุข ทํานผู๎ศึกษายังอยากทราบวําภาคสวรรค๑ไมํกลําวบ๎างหรือ กลําวถึงแมํชีถนอม อาสไวย๑ เทํานั้นหรือ เรื่องเกร็ดคือเรื่องเบาสมอง ระหวํางข๎าพเจ๎ากับแมํชีทองสุขไมํมีเอาเสียเลย ไมํทราบ จะกลําวอยํางไร แมํชีทํานทราบวําข๎าพเจ๎าทําวิชาปราบมาร เรื่องราวของข๎าพเจ๎าทํานทราบดี ทําน มีสํวนรู๎เห็นงานที่ข๎าพเจ๎าทํา รู๎ความยากความลําบากที่ข๎าพเจ๎าประจันอยูํในเรื่องการปราบมาร ได๎แตํเอาใจชํวย เรื่องกัลปนาผลแกํอาจารย๑ของข๎าพเจ๎าจัดอยํางไร ทํานอยากทราบกันทั้งนั้น ขึ้น ชื่อวําครูอาจารย๑ของข๎าพเจ๎า ข๎าพเจ๎าจัดให๎ทั้งหมดไมํเว๎นใครเลย แตํวําการได๎รับนั้นมีกฎเกณฑ๑อยูํ ไมํใชํทําได๎ตามอําเภอใจหากทํานอยากทราบอยากเรียนรู๎ ต๎องทําวิชาปราบมารหากไมํทําวิชาปราบ มารเราจะได๎บารมีมาจากไหน บารมีอยํางอื่นทําอะไรไมํได๎มาก ทํานอยากสงเคราะห๑พรรคพวก ของทํานเมื่อเขาวายชนม๑ ทํานมีสิทธิ์คิดแตํวําทํานทําไมํได๎ ถามวําทํานจะใช๎บารมีอะไรทําให๎เขา ตอบวําบวชพระสร๎างพระเผยแพรํธรรมฟังดูเข๎าที แตํพอเดินวิชาแล๎วทําอะไรไมํได๎ทั้งนั้น บารมีที่ ทํานอ๎างไมํพอกัน มีเงินล๎านเดียวจะให๎ได๎งานร๎อยล๎านยํอมเป็นไปไมํได๎ แตํวําทํานมีสิทธิ์อุทิศกุศล มีสิทธิ์ทําอะไรให๎ไป อนุโมทนาไปเรามีสิทธิ์ทํา แตํวําจะให๎ได๎อยํางที่ข๎าพเจ๎ากลําวนั้นยํอมไมํได๎ ข๎าพเจ๎าเลําเรื่องของอุบาสิกาถนอม อาสไวย๑ และอุบาสิกาทองสุข สําแดงปั้น ได๎ยาวหนํอย เป็น เพราะทํานทั้งสองเป็นอาจารย๑ของข๎าพเจ๎า ได๎รู๎ได๎เห็นกันมาก จึงมีเรื่องเลํากันมาก และเมื่อเขียน เสร็จพิมพ๑เป็นเลํมแล๎ว จะต๎องเข๎าธรรมกายไปให๎ ทํานอํานที่ชั้นดุสิตด๎วย เพราะทํานทั้งสองวาย ชนม๑ไปแล๎ว ทํานคงอยากทราบวําข๎าพเจ๎าเลําถึงทํานอยํางไรบ๎าง คงได๎หัวเราะกันลั่นวิมานเป็นแนํ แท๎
เกจิอาจารย๑เอตทัคคะทางวิชาธรรมกายอีกรูปหนึ่งที่ข๎าพเจ๎าเคารพมาก คืออาจารย๑เจ๎าคุณ
ภาวนาโกศลเถร (อาจารย๑วีระ อาจารย๑ใหญํฝ่ายวิปัสสนาวัดปากน้ําปัจจุบัน) ข๎าพเจ๎ามีสํวนรู๎เห็น
อยูํบ๎าง ตั้งแตํครั้งเป็นหนุํม เคยไปอาศัยกุฏิของทํานพักเพื่อเรียนวิชชาธรรมกาย ทํานสอนวิชชา ธรรมกายเบื้องต๎นให๎ด๎วย พระเดชพระคุณบําเพ็ญข๎าพเจ๎าก็บําเพ็ญด๎วย เห็นพระเดชพระคุณค๎น ทั้งด๎านปฏิบัติและค๎นพระไตรปิฎกควบคูํกันไป ถามถึงวิชาความรู๎ธรรมกายทํานมักพูด หลักเกณฑ๑ออกมากํอน ไมํพูดตามที่เขาวํา ไมํวําจะเรื่องอะไรทํานมักยึดหลักกํอนเสมอ แล๎วตาม ด๎วยบาลีเป็นการอ๎างที่มาที่ไป ป้องกันการโต๎แย๎ง เมื่อยกบาลีขึ้นวําแล๎วเป็นอันยุติ แปลกใจที่วํา ทํานไมํได๎เรียนบาลีแตํอ๎างบาลีได๎ถูกต๎อง แมํชีถนอม อาสไวย๑ เลําถึงทํานเจ๎าคุณภาวนาฯ วํา ทําน เจ๎าคุณฯเป็นชวเลข แมํชีพูดวิชชาธรรมกายยาว ๆ แตํทํานเจ๎าคุณฯ ขีดกระดาษนิดเดียวก็จําได๎ หมด ครั้งที่ทํานเจ๎าคุณฯ เป็นวิชาใหมํ ๆ คงจะนึกสนุกขึ้นมาอยํางไรไมํทราบ จะไปขุดหาดวงแก๎ว กายสิทธิ์ มารเลํนงานทําน ทํานจึงเจ็บป่วย แมํชีถนอม อาสไวย๑ต๎องมาแก๎โรคให๎ เป็นวิชาใหมํๆ จะ ซุกซนและสนุกอยํางนั้นไมํได๎ แมํชีถนอมเลําไปหัวเราะไป แมํชีถนอมเลําไว๎ ข๎าพเจ๎าจึงรวมเรื่อง ไว๎ นักปราชญ๑สําคัญมักจะมีเรื่องตลก ๆ เชํนนี้แทบทั้งนั้น ศิษย๑ของหลวงพํอผู๎คงแกํเรียนทั้งหลาย ถึงคราวที่ทํานเจ๎าคุณ ฯ จะรวบรวมวิชชาธรรมกาย ทํานเหลํานั้นมักจะมาเลําความรู๎ให๎ทํานเจ๎า คุณฯฟัง ทํานเจ๎าคุณฯสามารถรวบรวมความรู๎วิชชาธรรมกายถึงขั้นบริบูรณ๑ทีเดียว บัดนี้วิชชา ธรรมกายรวบรวมเป็นเลํมได๎อยํางอัศจรรย๑ ข๎าพเจ๎านึกถึงเรื่องนี้ทีไร เป็นต๎องขอบคุณทํานเจ๎าคุณ ฯ ร๎อยครั้ง การรวบรวมวิชชาธรรมกายได๎เป็นชิ้นเป็นอันอยํางนี้ ก็คืองมเข็มในมหาสมุทรดี ๆ นี่เอง ศิษย๑ของหลวงพํออีกทํานหนึ่ง เป็นผู๎คงแกํเรียนวิชชาธรรมกายมาแตํไหนแตํไร บัดนี้ทําน เสียชีวิตแล๎ว จะเป็นด๎วยเหตุผลกลใดไมํทราบ กับข๎าพเจ๎านี้หลบกันไปหลีกกันมา ทั้งที่รู๎จักทํานมา นานแตํไมํเคยธรรมสากัจฉาความรู๎ทางธรรมกายกันเลย ทํานผู๎นี้คือคุณตรีธา เนียมขํา ข๎าพเจ๎า รู๎จักศิษย๑ของหลวงพํอที่เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกายเกือบทั้งหมด แตํเหตุใดเราไมํเคยเสวนาวิชชา ธรรมกายกับทํานเลย ตั้งแตํสมัยหลวงพํอมีชีวิตอยูํ จนกระทั่งหลวงพํอมรณภาพ และสืบมาจน บัดนี้ ผลงานแตํละอยํางของทําน ล๎วนแตํเกินกําลังที่เราจะไขวํคว๎า เป็นศูนย๑รวมของศิษย๑หลวง พํอตามที่บรรยายมานี้ แสดงให๎เห็นวํา ผู๎ที่จะเรืองนามในวิชาธรรมกายนั้น ยํอมมีอะไรบํง
บอกให๎เป็นที่สะดุดตามาตั้งแตํต๎นเสมอ สรุปแล๎ว เทวดาให๎พวกเรามารํวมกันพัฒนาวิชชา ธรรมกายนั่นเอง รายนามครูอาจารย๑ที่เคยให๎ความรู๎แกํ อ. การุณย๑ บุญมานุช 1. แมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร 2. คุณฉลวย สมบัติสุข 3. แมํชีอาจารย๑ทองสุก สําแดงปั้น 4.ทํานเจ๎าคุณภาวนาโกศลเถระ(พระอาจารย๑วีระอาจารย๑ใหญํฝ่ายวิปัสสนาวัดปากน้ําปัจจุบัน) 5.หลวงปู่ชั้ว โอภาโส 6. แมํชีอาจารย๑ถนอม อาสไวย๑ สรุปข๎อมูลของอุบาสิกาซึ่งเป็นธรรมกายหมายเลข1(ศิษย๑เอกของหลวงพํอวัดปากน้ํา) อุบาสิกาที่หลวงพํอสดวัดปากน้ําภาษีเจริญแตํงตั้งให๎เป็นหัวหน๎าเวรมี 6 ทํานคือ อุบาสิกาปุก
มุ๎ยประเสริฐ ( มาอยูํวัดพ.ศ. 2464 )
อุบาสิกาละมัย ชูวงศ๑วุฒิ ( พ.ศ. 2476 ลาสิกขากลับบ๎านแถวบางบัวทอง ) อุบาสิกาญาณี ศิริโวหาร ( พ.ศ. 2477 ) อุบาสิกาตรีธา เนียมขํา ( พ.ศ. 2482 ) อุบาสิกาฉลวย สมบัตสิ ุข ( พ.ศ. 2484 ลาสิกขากลับไปอยูํบ๎านที่ จ.เชียงใหมํ ) อุบาสิกาถนอม อาสไวย๑ ( พ.ศ. 2487 ทํานย๎ายไปอยูํ อ. อํางทอง ) ขอกราบคราวะขอบคุณสําหรับข๎อมูลนี้ ที่คุณยายอาจารย๑อุบาสิการัมภา โพธิ์คําฉาย ทํานได๎ ทําไว๎ครับ
“องค๑พระผู๎ปราบมาร” พระมงคลเทพมุนี ( สด จันทสโร )
อีกอิริยาบถหนึ่งของหลวงพํอวัดปากน้ํา
ภาพถํายในอดีตของหลวงพํอสดวัดปากน้ํากับคณะศิษย๑
รูปเหมือนหุ๎นขี้ผึ้งของหลวงพํอสดวัดปากน้ํา
หลวงพํอกําลังสอนวิชชาธรรมกาย
หลวงปู่ชั้ว โอภาโส
หลวงพํอสดกับพระฝรั่ง
( ผู๎เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกาย )
รูปหลํอทองคําหลวงพํอวัดปากน้ํา
หลวงพํอสดกําลังแสดงพระธรรมเทศนา
พระผู๎เป็นที่พึ่งและเนื้อนาบุญอันประเสริฐ
หลวงพํอสดวัดปากน้ํา กับการสงเคราะห๑ญาติโยมโดยเสมอหน๎ากัน
หลวงพํอวัดปากน้ํากําลังบิณฑบาตโปรดญาติโยม
รูปปั้นเหมือนองค๑จริงของหลวงพํอสดวัดปากน้ํา
รวมภาพธรรมกายหมายเลข ๑ ( ศิษย๑เอกหลวงพํอวัดปากน้ํา )
แมํชีอาจารย๑ปุก มุ๎ยประเสริฐ
อาจารย๑ฉลวย สมบัติสุขและญาติมิตร
อุบาสิกาทองสุข สําแดงปั้น
แมํชีอาจารย๑ญาณี ศิริโวหาร
อาจารย๑ตรีธา เนียมขํา
อุบาสิกาถนอม อาสไวย๑
ภาพถํายครูสอนธรรมกายที่หลวงพํอวัดปากน้ํา แตํงตั้ง เมื่อปี 2497 แมํชีอาจารย๑คุมวิชชาที่เป็นหัวหน๎าเวรในยุคนั้นมี 6 ทําน ดูแลผลัดละ 4 ชั่วโมงในการทําวิชชาในโรงงาน ตลอด 24 ชั่วโมงไมํมีหยุดพักเลยรายชื่อมีดังนี้ 1. อาจารย๑แมํชี ปุก มุ๎ยประเสริฐ 2. อาจารย๑แมํชีถนอม อาส ไวย๑ 3. อาจารย๑แมํชี ญาณี ศิริโวหาร 4. อาจารย๑แมํชีชั้น จอมทอง 5. คุณครูฉลวยสมบัติสุข 6. คุณครู ตรีธา เนียมขํา หัวหน๎าเวรมีเงินเดือนให๎ หลวงพํอวัดปากน้ําตั้งให๎หัวหน๎าเวรเดือนละ 300 บาท , รอง หัวหน๎าเวร 150 บาท , ลูกเวร 70 บาท หลวงพํอของเราเลี้ยงได๎หมดนี่เป็นครูฝ่ายแมํชีอุบาสิกา สมัยนั้น หัวหน๎าเวรผู๎ที่จะได๎รับการแตํงตั้งนั้นพระเดชพระคุณหลวงพํอสดวัดปากน้ําจะเป็นผู๎ตรวจสอบและแตํงตั้ง เวรมีอยูํ 6 เวร เวรละ 4 ชั่วโมง มีหัวหน๎าเวรอยูํ 5 ทํานวางอยูํคือ 1. คือคุณยายอาจารย๑แมํชีปุก มุ๎ยประเสริฐ ผู๎ได๎รับการชมเชยวําเป็นรัตตัญ๒ูแหํงวัดปากน้ํา 2. คุณยายอาจารย๑แมํชี ญาณี ศิริโวหาร 3. คุณยายอาจารย๑แมํชีชั้น จอมทอง 4. คุณยายอาจารย๑ฉลวย สมบัติสุข
5. คุณยายอาจารย๑ตรีธา เนียมขํา อยูํวัดปากน้ําในปัจจุบัน ที่วําวํางอยูํเพราะวํางอยูํนานจนมีผู๎เหมาะสมมา ปฏิบัติธรรมนั่นคือคุณยายอาจารย๑แมํชีถนอม อาสไวย๑
อาจารย๑การุณย๑ บุญมานุช ( วิปัสสนาจารย๑ผู๎ทําวิชาปราบมาร )
ดวงกายสิทธิ์ ( ต๎นปราบ ) ดวงแก๎วกายสิทธิ์นี้เป็นที่อยูํของ “ ต๎นปราบ ” แมํทัพปราบมารพร๎อมด๎วยจักรพรรดิสําคัญคือ “ ตรีภพ ” และ “ หยกชมพู ” และจักรพรรดิทั้งปวงนับอสงไขยไมํถ๎วน และเมื่อทํานมีปัญหาใดเกิดขึ้นโปรดตั้งใจบนตํอ “ ต๎นปราบ” แล๎วทํานจะพ๎นภัย
เรียนทํานผู๎อํานที่เคารพ หากทํานต๎องการที่จะอํานเรื่องราวธรรมกายหมายเลขหนึ่งในหนังสือเลํมนี้จนจบ ซึ่งยังมีเนื้อหา อีกมากมาย สามารถดื่มด่ําธรรมกายหมายเลขหนึ่งได๎เพิ่มเติมในราคาลิงค๑ละ99บาทได๎ที่นี่ครับ
บรรพชา บุณยรัตพันธุ๑ E-mail: BB-BLACK@windowslive.com
เบอร๑โทร: 084-5050607
ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนศรีอุตรา ประเภทออมทรัพย๑ หมายเลขบัญชี 297-0-00803-3