เคมีพนื้ ฐานของสิ่ งมีชีวติ 1
สารชีวโมเลกลุ
2
สารชีวโมเลกุล คือ สารประกอบขนาดใหญ่ (macromolecules) ในสิ่ งมีชีวติ จัดเป็ น 4 กลุ่มตามลักษณะโครงสร้ างของโมเลกุล ได้ แก่ Carbohydrate ประกอบด้ วยธาตุ
C, H, O
Protein
“
C, H, O, N
Lipid
“
C, H, O
Nucleic acid
“
C, H, O, N, P 3
Building models to study the structure of macromolecules
Linus Pauling (1901-1994)
Today, scientists use computer
4
ปฏิกริ ิยาเคมีของ macromolecules ได้ แก่ Condensation เป็ นปฏิกริ ิยาสังเคราะห์ macromolecules จาก monomers เล็กๆเป็ น จำานวนมาก และได้ ผลผลิต H2O ด้ วย ดังนัน้ อาจเรี ยก ว่ า ปฏิกริ ิยา dehydration Hydrolysis เป็ นปฏิกริ ิยาย่ อยสลาย macromolecules ให้ เล็กลง เพื่อให้ สามารถนำา ผ่ านเยื่อหุ้มเซลล์ เข้ าสู่เซลล์ ได้ หรือย่ อยสลาย macromolecules ที่ไม่ ใช้ แล้ วภายในเซลล์ 5
The synthesis of a polymer
6
The Breakdown of a polymer
7
Carbohydrates Carbohydrates เป็ นสารประกอบจำาพวก น้ำ าตาล และ polymer ของน้ำ าตาล แบ่ งกลุ่ม carbohydrates ได้ เป็ น 3 กลุ่ม ตาม จำานวนโมเลกุลของน้ำ าตาลที่เป็ นองค์ ประกอบ ได้ แก่ Monosaccharide Disaccharide Polysaccharide
8
Monosaccharide เป็ นน้ำ าตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่ประกอบด้ วย C, O และ H มีสูตรคือ (CH2O)n โดยมีอะตอมของ C ต่ อกันเป็ นสาย และมี Carbonyl group และ hydroxy group ต่ อ กับอะตอมของ C Carbonyl group aldehydes
ketones 9
The structure and classification of some monosaccharides
10
Linear and ring forms of glucose
11
น้ำ าตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharides) เกิดจาก การรวมตัวของน้ำ าตาลโมเลกุลเดี่ยว 2 โมเลกุล โดย ปฏิกริ ิยา condensation Covalent bond ที่เกิดขึน้ เรียกว่ า Glycosidic linkage
12
Examples of disaccharides synthesis
13
Polysaccharide เป็ น carbohydrate ที่มี ขนาดใหญ่ มาก ประกอบด้ วย monosaccharides จำานวนมากต่ อกันด้ วย glycosidic linkage ชนิดของ polysaccharide ขึน้ อยู่กับ 1. ชนิดของ monosaccharide 2. ชนิดของ Glycosidic linkage ตัวอย่ าง polysaccharide ได้ แก่ starch, glycogen, cellulose และ chitin 14
Storage polysaccharides
15
Starch: 1-4 linkage of Îą glucose monomers
Cellulose: 1-4 linkage of β glucose monomers 16
Cellulose มี glucose เป็ นองค์ ประกอบเช่ น เดียวกับ แป้ง แต่ มีพนั ธะแบบ 1-4 glycosidic linkage ผนังเซลล์ ของพืชประกอบด้ วย cellulose เป็ นจำานวนมาก
17
The arrangement of cellulose in plant cell walls
18
Chitin, a structural polysaccharide
Chitin forms the exoskeleton of Arthropods
Chitin is used to make a strong and flexible surgical thread 19
Chitin มีโครงสร้ างคล้ ายกับ Cellulose ต่ างกันที่ว่า หน่ วยย่ อยเป็ น N-acetylglucosamine ต่ อกันเป็ น โมเลกุลสายยาว
20
หน้ าที่ของ carbohydrate Sugars : ทำาหน้ าที่ให้ พลังงานและเป็ นแหล่ งคาร์ บอนแก่ ส่ ิงมีชีวิต ribose และ deoxyribose เป็ นองค์ ประกอบของ nucleic acid Polysaccharide : เป็ นแหล่ งสะสมพลังงานของสิ่งมีชีวิต โดยพืชเก็บสะสม พลังงานในรู ปของ starch ส่ วนสัตว์ เก็บสะสมพลังงานในรู ป ของ glycogen Cellulose และ chitin เป็ นโครงสร้ างของพืชและสัต21ว์
Lipids Diverse Hydrophobic molecules ำ นเป็ นสำรประกอบ ไขมันและน้ำมั เอสเทอร์ที่เกิดจำกกรดไขมันกับ แอลกอฮอล์บำงชนิด ที่ 25°C • ของแข็ง เรี ยกว่ำ ไขมัน ำ น • ของเหลว เรี ยกว่ำ น้ำมั 22
Lipids เป็ นสารที่ไม่ เป็ น polymer Lipids ไม่ ละลายน้ำ า เนื่องจากโครงสร้ างของ lipids ประกอบด้ วย nonpolar covalent bonds เป็ นส่ วนมาก Lipids ได้ แก่ ไขมัน (Fat) Phospholipid Steroid ขีผ้ งึ ้ (Wax) 23
Fats : เป็ นแหล่ งสะสมพลังงาน Fats ถึงแม้ จะไม่ เป็ น polymer แต่ เป็ นสารที่มีโมเลกุล ขนาดใหญ่ ประกอบด้ วยสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กกว่ ามาต่ อกัน ด้ วยปฏิกิริยา Dehydration Fats ประกอบด้ วย Glycerol และ กรดไขมัน (Fatty acid)
24
ส่ วน “tail” ของ fatty acid ที่เป็ น hydrocarbon ที่มักมี อะตอมคาร์ บอนต่ อกันประมาณ 16-18 อะตอม เป็ นส่ วนที่ทาำ ให้ fats ไม่ ละลายน้ำ า (hydrophobic) 25
Triglycerol ไขมัน 1 โมเลกุล ประกอบด้ วย Glycerol 1 โมเลกุล และ กรดไขมัน 3 โมเลกุล
26
โครงสร้ างของไขมันและน้ำ ามัน
(Triglyceride)
27
กรดไขมันแบ่ งออกเป็ น 2 กลุ่ม ได้ แก่ Saturated fatty acid (กรดไขมันชนิดอิ่มตัว) Unsaturated fatty acid (กรดไขมันชนิดไม่ อ่ มิ ตัว) ไขมันที่ได้ จากสัตว์ เช่ น เนย มี saturated fatty acid เป็ น องค์ ประกอบ มีลักษณะเป็ นของแข็งที่อุณหภูมหิ ้ อง ไขมันจากพืช มี unsaturated fatty acid เป็ นองค์ ประกอบ มีลักษณะเป็ นของเหลวที่อุณหภูมหิ ้ อง
28
Saturated fat and fatty acid
Unsaturated fat and fatty acid
29
กรดไขมัน
30
สมบัตขิ องกรดไขมัน • โมเลกุลของกรดไขมันในธรรมชำติส่วนใหญ่จะมีจำำ นวนอะตอม ของคำร์บอนเป็ นเลขคู่ท้ งั ชนิดอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว • จุดหลอมเหลวของกรดไขมันจะสูงขึ้นเมื่อมวลโมเลกุลเพิ่มขึ้น • กรดไขมันอิ่มตัวจะมีจุดหลอมเหลวสูงกว่ำกรดไขมันไม่อิ่มตัวเมื่อ โมเลกุลมีจำำ นวนอะตอมของคำร์บอนเท่ำกัน • จุดหลอมเหลวของกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีจำำ นวนอะตอมของ คำร์บอนเท่ำกันจะลดลงเมื่อจำำนวนพันธะคู่เพิ่มขึ้น 31
Phospholipids เป็ นองค์ ประกอบหลักของ cell membrane ประกอบด้ วย glycerol 1 โมเลกุล fatty acid 2 โมเลกุล และ phosphate group (phosphate group มีประจุ -) มีส่วนหัวที่มีประจุ และเป็ นส่ วนที่ชอบน้ำ า (hydrophilic) และส่ วนหางที่ไม่ ชอบน้ำ า (hydrophobic) 32
The structure of phospholipid
33
Phospolipid in aqueous environments เมื่อเติม phospholipids ลงในน้ำ า phospholipids จะรวมตัวกัน โดยเอาส่ วนหางเข้ าหา กัน และส่ วนหัวหันออกทางด้ านนอก กลายเป็ นหยดเล็กๆ เรียกว่ า micelle Micelle
34
ที่ cell membrane ของสิ่งมีชีวติ Phospholipids จะเรียงตัวเป็ น 2 ชัน้ โดย hydrophilic head จะหันออกทางด้ านนอก เข้ าหากัน ส่ วน hydrophobic tail อยู่ตรงกลาง Phospholipid bilayer
35
Steroids เป็ น lipids ประกอบด้ วย คาร์ บอนเรียงตัวเป็ น วงแหวน 4 วง Steroids ชนิดต่ างๆ มีหมู่ functional group ที่ต่อกับวงแหวนแตกต่ างกัน Cholesterol เป็ น steroid ที่เป็ นองค์ ประกอบ ของ cell membrane 36
Cholesterol, a steroid Cholesterol ยังเป็ น precusor สำาหรั บการ สังเคราะห์ steroid อื่นๆหลายชนิด เช่ น hormones 37
Steroid
Testosterone
38
Protein เป็ น polypeptide ของ amino acid ที่ต่อกันเป็ น ลำาดับเฉพาะตัวสำาหรับโปรตีนแต่ ละชนิด โปรตีนสามารถทำางานได้ ต้ องมีรูปร่ าง (conformation) ที่เป็ นลักษณะเฉพาะตัว มนุษย์ มีโปรตีนมากกว่ า 10,000 ชนิด แต่ ละชนิดมี โครงสร้ างและหน้ าที่แตกต่ างกัน 39
Amino acid เป็ นสารอินทรี ย์ท่ มี ีหมู่ carboxyl และหมู่ amino ต่ อกับอะตอมคาร์ บอนที่เป็ นศูนย์ กลาง อะตอมที่เป็ นศูนย์ กลางยังต่ อกับอะตอม hydrogen และหมู่ R group 1 หมู่ท่ แี ตกต่ างกัน
H
H N H Amino group
C R
O C OH Carboxyl group 40
Amino acid แบ่ งออกเป็ นกลุ่มตามคุณสมบัตขิ อง R group R group ที่แตกต่ างกันนี ้ ทำาให้ เกิด amino acid แตกต่ างกัน 20 ชนิด แต่ ละชนิดมีคุณสมบัตทิ าง เคมีและชีววิทยาแตกต่ างกัน
41
Amino acid กลุ่ม Nonpolar
42
กลุ่ม Polar
43
กลุ่ม Electrically charged
44
45
Making a polypeptide chain
Amino acid ต่ อกันเป็ นสายยาวด้ วย covalent bond เรี ยกว่ า peptide bond
46
ปลายที่มีหมู่ amino เรียกว่ า N-terminus ปลายที่มีหมู่ carboxyl เรียกว่ า C-terminus 47
โมเลกุลเพปไทด์ โมเลกุลเพปไทด์
จำำนวนโมเลกุลของกรดอะมิโน
Dipeptide
2
Tripeptide
3
Tetrapeptide
4
Polypeptide
5 – 35
Protein คือ Polypeptide ที่มีมวลโมเลกุลมำกกว่ำ 5000
ที่มำ : ชีวเคมีเบื้องต้น, รศ.เรื องลักขณำ จำมิกรณ์ มหำวิทยำลัยรำมคำำแหง 48
สาย polypeptide ประกอบด้ วย amino acid ทัง้ 20 ชนิด เรียงต่ อกันเป็ นอิสระ สาย polypeptide จึงสามารถมีรูปแบบที่ไม่ เหมือนกันนับ หมื่นชนิดได้
49
โปรตีนสามารถทำางานได้ ต้องมีรูปร่ าง (conformation) ที่เป็ นลักษณะเฉพาะตัว โปรตีนที่ทาำ งานได้ ประกอบด้ วย polypeptide 1 สาย หรือมากกว่ า ซึ่งม้ วนพับไปมาตามแรงยึดเหนี่ยวระหว่ าง side chain ของ amino acid รู ปร่ างของโปรตีนจึงขึน้ อยู่กับลำาดับของ amino acid ที่เรียงกันอยู่
50
A protein’s function depends on its specific conformation
Ribbon model
Space filling model
51
โครงสร้ างของโปรตีนถูกแบ่ งออกเป็ น Primary structure Secondary structure Tertiary structure Quaternary structure สำาหรั บโปรตีนที่ ประกอบด้ วย polypeptide มากกว่ า 1 สาย 52
โครงสร้ างของโปรตีน โครงสร้ำงปฐมภูมิ
โครงสร้ำงทุติยภูมิ
(primary structure)
(secondary structure)
โครงสร้ำงจตุรภูมิ
โครงสร้ำงตติยภูมิ
(quarternary structure)
(tertiary structure)
53
โครงสร้ างของโปรตีน
http://courses.cm.utexas.edu/jrobertus/ch339k/overheads-1/ch5-16.JPG 54
The four levels of protein structure
55
The primary structure of a protein Primary structure คือ ลำาดับของ amino acid ที่ ประกอบขึน้ เป็ นโปรตีน Primary structure ถูก กำาหนดโดยข้ อมูลทางพันธุกรรม (DNA) 56
การเปลี่ยนแปลงลำาดับ amino acid ในโปรตีน อาจมีผลให้ รูปร่ างของโปรตีนเปลี่ยนไป และอาจมีผลต่ อ การทำางานของโปรตีนชนิดนัน้ ๆ ตัวอย่ างเช่ น โรค sickle-cell anemia
57
A single amino acid substitution in a protein causes sickle-cell disease
58
The secondary structure of a protein Secondary structure เป็ น โครงสร้ างที่เกิดขึน้ จาก H-bond ระหว่ างหมู่ carboxylและหมู่ amino Secondary structure ที่พบบ่ อยใน ธรรมชาติได้ แก่ Helix และ Pleated sheet
59
ตัวอย่ างเช่ น เส้ นใยแมงมุม มีโครงสร้ างแบบ Pleated sheet ทำาให้ เส้ นใยแมงมุมมีความแข็งแรงมาก Spider silk: a structural protein
60
Tertiary structure of a protein
61
Tertiary structure เป็ นรูปร่ างของ polypeptide สาย หนึ่งตลอดสาย ซึ่งการม้ วนพบไปมาขึน้ อยู่กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่ าง R group ด้ วยกันเอง หรือ R group กับโครงสร้ างหลัก แรงยึดเหนี่ยวหมายถึง H-bond ionic bond Hydrophobic interaction Van der Waals interaction นอกจากนีบ้ างตอนยึดติดกันด้ วย covalent bond ที่แข็ง แรง เรียกว่ า disulfide bridges ระหว่ างหมู่ sulhydryl (SH) ของกรดอะมิโน cysteine ที่อยู่ใกล้ กัน 62
The Quaternary structure of proteins เป็ นโครงสร้ างของโปรตีนที่ประกอบด้ วย polypeptide มากกว่ า 1 สายเท่ านัน้ เกิดจาก tertiary structure ของ polypeptide แต่ ละสายมารวมกัน ตัวอย่ างเช่ น :
Polypeptide Collagen เป็ น fibrous chain
protein ประกอบด้ วย polypeptide 3 สายพันกันอยู่ ซึ่งทำาให้ โปรตีนชนิดนีม้ ีความแข็ง แรงและพบใน connective tissue 63
Hemoglobin ประกอบด้ วย polypeptide 4 สาย รวมกันกลายเป็ นโปรตีนที่มีรูปร่ างเป็ นก้ อน
64
รู ปร่ างของโปรตีนบางชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ าสภาพ แวดล้ อมของโปรตีนเปลี่ยนไป เช่ น pH อุณหภูมิ ตัวทำาลาย เป็ นต้ น เนื่องจากแรงยึดเหนี่ยวต่ างๆระหว่ าง amino acid ในสาย polypeptide ถูกทำาลาย การเปลี่ยนแปลงนีเ้ รียกว่ า Denaturation โปรตีนบางชนิดเมื่อเกิด denaturation แล้ ว ยังสามารถกลับ คืนสู่สภาพเดิมได้ เรี ยกว่ า Renaturation
65
หน้ าที่ของโปรตีน เป็ นโครงสร้ างเยื่อหุ้มเซลล์ และเยื่อหุ้ม oganelles เป็ นโครงสร้ างสำาคัญของสิ่งมีชีวติ เช่ น keratin เป็ นองค์ ประกอบของ เล็บ ผม เป็ นต้ น Haemoglobin ทำาหน้ าที่ขนส่ งออกซิเจน Hormones ต่ างๆ ทำาหน้ าที่ควบคุมการทำางานของร่ างกาย Acin และ myosin ในกล้ ามเนือ้ ทำาหน้ าที่เกี่ยวกับการ เคลื่อนไหว Enzymes ทำาหน้ าที่เป็ นตัวเร่ งปฏิกิริยาเคมีต่างๆ
ฯลฯ
66
ประเภทของโปรตีน
โปรตีนเส้ นใย(fibrous protein) โปรตีนก้ อนกลม(globular protein) (การจัดตัวในโครงสร้ าง 3 มิติ) http://courses.cm.utexas.edu/jrobertus/ch339k/overheads-1/ch6_collagen.jpg
67
ประเภทของโปรตีน โปรตีนก้ อนกลม • เกิดจำกสำยพอลิเพปไทด์รวมตัว ม้วนพับพันกันและอัดแน่นเป็ น ก้อนกลม ำ ดี • ละลำยน้ำได้ • ทำำหน้ำที่เกี่ยวกับกระบวนกำรเม ทำบอลิซึมต่ำงๆ ที่เกิดขึ้นภำยใน เซลล์
โปรตีนเส้ นใย
• เกิดจำกสำยพอลิเพปไทด์พนั กันใน ลักษณะเหมือนเส้นใยยำวๆ ำ นอ้ ย • ละลำยน้ำได้ • ทำำหน้ำที่เป็ นโปรตีนโครงสร้ำง มี ควำมแข็งแรงและยืดหยุน่ สูง
68
ตัวอย่ างโปรตีนเส้ นใย
Silk Keratin 69
ตัวอย่ างโปรตีนก้ อนกลม
Casein
Albumin Enzyme
70
ประเภทของโปรตีน ประเภทของโปรตีน หน้ าที่ โปรตีนเร่ งปฏิกิริยำ เร่ งปฏิกิริยำในเซลล์สิ่งมีชีวติ โปรตีนขนส่ ง ขนส่ งสำรไปสู่ ส่วนต่ำงๆ ของร่ ำงกำย โปรตีนโครงสร้ำง ให้ควำมแข็งแรงและช่วยคง รู ปร่ ำงโครงสร้ำงต่ำง ๆของ ร่ ำงกำร โปรตีนสะสม สะสมธำตุต่ำง ๆ
ตัวอย่ าง เอ็นไซม์ ฮีโมโกลบิน คอลลำเจน เครำติน เฟอริ ทิน
71
ประเภทของโปรตีน ประเภทของโปรตีน หน้ าที่ โปรตีนป้ องกัน ป้ องกันและกำำจัดสิ่ งแปลก ปลอมที่เข้ำมำในเซลล์ โปรตีนฮอร์โมน แตกต่ำงกันตำมชนิดของ ฮอร์โมนนั้นๆ
ตัวอย่ าง แอนติบอดี
ควบคุมกำรเจริ ญเติบโต
Growth hormone
ควบคุมกำรเผำผลำญ
Insulin
คำร์โบไฮเดรต 72
ปัจจัยทีม่ ผี ลต่ อการแปรสภาพของโปรตีน • • • • •
ควำมร้อนและรังสี อลั ตรำไวโอเลต ตัวทำำละลำยอินทรี ย ์ เช่น เอทำนอล แอซิโตน ควำมเป็ นกรด หรื อเป็ นเบส กำรฉำยรังสี เอกซ์(X – ray) กำรเขย่ำหรื อเหวีย่ งแรงๆ ทำำให้ตกตะกอน 73
เอ็นไซม์ (Enzyme) • เอ็นไซม์ เป็ นโปรตีนที่ทำำ หน้ำที่เป็ นตัวเร่ งปฏิกิริยำในเซลล์ สิ่ งมีชีวติ
74
ปัจจัยทีม่ ีผลต่ อการทำางานของเอนไซม์ • • • • • •
ชนิดของสำรตั้งต้น ควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น ควำมเข้มข้นของเอนไซม์ ควำมเป็ นกรด-เบสของสำรละลำย อุณหภูมิ สำรยับยั้ง สำรกระตุน้ 75
Nucleic acid (Informational polymer)
76
1. Nucleic acid เป็ นแหล่ งเก็บข้ อมูลทาง พันธุกรรมและถ่ ายทอดลักษณะของสิ่งมีชีวติ Nucleic acid มี 2 ชนิด ได้ แก่ Ribonucleic acid (RNA) Deoxyribonucleic acid (DNA)
77
DNA ถูกใช้ เป็ นแม่ แบบในการสังเคราะห์ mRNA ซึ่งถูกใช้ เป็ นตัวกำาหนดในการสังเคราะห์ โปรตีนอีกทอดหนึ่ง
DNA
RNA
protein 78
สิ่งมีชีวติ ได้ รับการถ่ ายทอด DNA จากรุ่ นพ่ อแม่ โมเลกุลของ DNA เป็ นสายยาวมียีนเป็ นจำานวนมากเป็ น องค์ ประกอบ DNA อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากสาเหตุต่างๆ เช่ น ฤทธิ์ของสารเคมี หรื อ รังสีจากสารกัมมันตรั งสี การเปลี่ยนลำาดับ nucleotide ใน DNA อาจมีผลให้ สิ่งมีชีวิตมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ การเปลี่ยนแลงลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่มีผลมาจากการ เปลี่ยนแปลงลำาดับ nucleotide สามารถถ่ ายทอดต่ อไปยัง รุ่ นลูกได้ 79
2. สายของ nucleic acid ประกอบด้ วย polymer ของ nucleotides แต่ ละ nucleotide ประกอบด้ วย 3 ส่ วน ได้ แก่ Nitrogen base Pentose sugar Phosphate group 80
Nitrogen base แบ่ งออกเป็ น 2 กลุ่ม ตามโครงสร้ างทางเคมี ได้ แก่
Pyrimidines
Purines 81
ใน DNA และ RNA มีเบสอยู่ 4 ชนิดเท่ านัน้ DNA มีเบส A, G, C, T RNA มีเบส A, G, C, U
82
น้ำ าตาล pentose ใน RNA คือ ribose ใน DNA คือ deoxyribose
83
ตรงตำาแหน่ งอะตอมคาร์ บอนที่ 5 (5’) ของน้ำ าตาล pentose มี หมู่ phosphate group มาต่ อ รวมเรียก pentose + nitrogen base + phosphate group ว่ า nucleotide
84
The components of nucleic acids
85
Nucleotide หลายโมเลกุลมาเชื่อม ต่ อกัน ได้ สายยาวของ polynucleotide ที่มีหมู่ phosphate และ pentose เรี ยงต่ อกันเป็ นสาย โดย nitrogen base ยื่นออกมาจากส่ วนยาวของ nucleic acid Bond ที่มาเชื่อมต่ อระหว่ าง nucleotide 2 โมเลกุล เรียกว่ า Phosphodiester linkage 86
ลำาดับของ nitrogen base บนสาย DNA หรื อ mRNA มีลักษณะเฉพาะตัว ลำาดับของ base ในยีนจะเป็ นตัวกำาหนดลำาดับของ amino acid ของ polypeptide ของโปรตีน
87
3. การถ่ ายทอดลักษณะทางกรรมพันธุ์เกิดขึน้ เนื่องจาก DNA มีการจำาลองตัวเอง RNA ประกอบด้ วยสาย polynucleotide เพียงสาย เดียว DNA ประกอบด้ วยสาย polynucleotide 2 สาย เรียงต่ อขนานกัน และมีโครงสร้ างเป็ นเกลียว เรี ยกว่ า double helix
88
สายทัง้ สองของ DNA มีการเรี ยง ตัวสลับปลายกัน คือ ปลายด้ าน 5’ ของ DNA สายหนึ่งจะเข้ าคู่กับปลาย ด้ าน 3’ ของอีกสายหนึ่ง โดยยึดติดกัน ด้ วย H-bond ระหว่ าง A กับ T และ G กับ C (ดังรู ป) ลักษณะการเข้ าคู่กันของ base เรียกว่ า complementary 89
The DNA double helix and its replication
เมื่อเซลล์ จะมีการแบ่ งตัว DNA จะจำาลองตัวเอง และถ่ ายทอดต่ อไปให้ เซลล์ ใหม่ การสร้ าง DNA โมเลกุลใหม่ เรี ยกว่ า DNA replication
90
ปั จจุบนั นักวิทยาศาสตร์ พยายามเปรี ยบเทียบลำาดับ nucleotide ของยีนชนิดเดียวกันจากสิ่งมีชีวติ ต่ างๆ เพื่อใช้ ในการจำาแนกกลุ่มของสิ่งมีชีวิต และศึกษาเรื่อง วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดต่ างๆ
91