ของดี เมืองหนองคาย
คานา หนังสือเล่ มนีจ้ ัดทำขึน้ เพื่อแนะนำสถำนที่ ท่ องเที่ยวในจังหวัดหนองคำยเพื่อให้ คนไทยทุก ๆ คน และชำวต่ ำงชำติได้ ทรำบถึงสถำนที่ ท่ องเที่ยวของจังหวัดหนองคำยว่ ำมีท่ ีใดบ้ ำงและ อื่นๆอีกมำกมำยเพื่อเป็ นประโยชน์ แก่ ผ้ ูอ่ำน
สารบัญ หนองคาย ประวัติศาสตร์ และความเป็ นมา ปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค ประเพณีและวัฒนธรรม อาหารขึน้ ชื่ อ สถานที่ท่องเที่ยว
หน้ า 1-2 3 4 5-8 9-10 11-12
1
หนองคาย เป็ นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อตอนบนตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร และอยู่ ใ นกลุ่ ม จัง หวัด ภาคตะวัน ออกเฉี ย งเหนื อ ตอนบน 1 เป็ นจัง หวัด ชายแดนและเป็ นจังหวัดที่เงียบสงบ น่าอยู่และน่าท่องเที่ยว มีพ้ืนที่ส่วนใหญ่ ติดฝั่งแม่น้ าโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว มีพ้นื ที่แคบแต่ยาว มีชื่อเสี ยงด้านการ ท่ องเที่ ยว โดยเฉพาะการชมบั้ง ไฟพญานาคในวันออกพรรษา สั ญลักษณ์ ประจาจังหวัด คือ พญานาคหรื องูใหญ่ อักษรย่อชื่อจังหวัด คือ นค คาขวัญประจาจังหวัด คื อ วีรกรรมปราบฮ่ อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทยลาว ตราประจ าจั ง หวัด คื อ รู ป กอไผ่ริ ม หนองน้ า มี ภู เ ขาหัว น้ า อุ่ น อยู่เ บื้ อ งหลัง เพราะที่ต้ งั เมืองหนองคายนี้ เดิม ชื่อบ้านไผ่เพราะมีกอไผ่อยู่ทวั่ ไป จึงมีกอไผ่ ประกอบในตราประจ าจัง หวัด และมี ห นองน้ า ใหญ่ ซ่ ึ งชาวบ้า นเรี ย กว่ า "หนองคาย" เดิ มหนองคายถูกเรี ยกเพี้ยนมาจากคาว่า "หนองค่ าย" ในช่ วง รัชกาลที่ 5 จึงมีการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็ นหนองคายตั้งแต่น้ นั มาถึงปั จจุบนั ตรา ประจาจังหวัดหนองคาย ออกแบบโดย กรมศิลปากร ซึ่ งได้เริ่ มใช้เมื่ อ พ.ศ. 2483 เป็ นต้นมา ต้ นไม้ ประจำจังหวัด คือ ต้ นชิงชัน ((Dalbergia oliveri) ดอกไม้ ประจำจังหวัด คือ ดอกชิงชัน สัตว์ นำ้ ประจำจังหวัด คือ ปลำยี่สก (Probarbus jullieni)
2
ภาษา คือ ประชากรส่ วนใหญ่ในจังหวัดหนองคายจะใช้ภาษาไทยอีสานใน การสื่ อสาร คนหนองคายจะนิยมใช้คาว่า "หวา" หรื อ "ฮะหวา" ลงท้าย ประโยคคาถามถือว่าเป็ นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่ งคาว่า "หวา" นั้นมีความหมายว่า "หรอ,หรื อ,จริ งหรื อ,อย่างนั้นหรื อ" ตัวอย่างประโยค เช่น "เจ้ามี้ลูกซ้ายสองค้นหวา" (เขียนตามการออกสาเนียงของคนหนองคาย) ซึ่ ง แปลได้วา่ "คุณมีลูกชายสองคนหรื อ" ซึ่ งคาว่า "หวา" นี้ได้รับอิทธิ พลมาจาก ภาษาลาว เนื่องจากในอดีตมีการอพยพถิ่นฐานของชาวลาวเวียงจันทน์เข้า มายังฝั่งจังหวัดหนองคายเป็ นจานวนมากและยังมีความสัมพันธ์กนั มาช้านาน ตั้งแต่อดีตจึงทาให้ได้รับอิทธิ พลทางด้านภาษามาด้วยซึ่ งถ้าเป็ นสาเนียงภาษา หนองคายแท้ๆจะพูดภาษาไทยอีสานสาเนียงเหน่อคล้ายจะออกเป็ นสาเนียง ภาษาลาวเวียงจันทน์ แต่เมื่อฟังดีๆแล้วจะไม่ใช่ภาษาลาวเวียงจันทน์แต่เป็ น ภาษาไทยอีสาน และจะใช้ภาษาไทยกลางสื่ อสารกันในเมือง เพลงประจาจังหวัด อันจังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองคาย อยูช่ ายแดน ตามภูมิแผนที่ต้ งั ริ มฝั่ง โขง ภาคอีสานเรื องอร่ ามเรื องอร่ ามงามจรรโลง เกียรติดงั โด่ง เป็ นเมืองด่าน บานประตู ชาวหนองคาย หนองคาย พี่นอ้ งผองไทยกาจ ล้วนสามารถแสดง ประจักษ์เป็ นนักสู ้ เคยชิงชัยห้าวหาญต้านศัตรู มิให้จู่โจมบุกรุ กแดนไทย อันพี่ น้องหนองคายชายก็ชาญ หญิงสะคราญหมดจดสวยสดใส ทุกคนเอื้ออารี มีนา ใจ ถึงอยูไ่ กลไมตรี สนิท เป็ นมิตรเอย
ประวัติศาสตร์ และความเป็ นมา
3
ใน ปี พ.ศ. 2369 สมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุ งรัตนโกสิ นทร์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเมือง เวียงจันทน์กบฏ ไม่ยอมขึ้นกับไทยอีก และได้ยกกองทัพมากวาดต้อนผูค้ นใน เขตแดนไทยกลับไป ในการปราบกบฏดังกล่าว ท้าวสุ วอธรรมาได้ยกทัพจาก เมืองยโสธรมาช่วยกองทัพที่ยกไปจากกรุ งเทพฯ จนสามารถมีชยั เหนือเจ้า อนุวงศ์และจับกุมตัวลงมากรุ งเทพฯ ได้สาเร็ จ รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทาน บาเหน็จให้ทา้ วสุ วอธรรมาเลือกทาเลที่จะสร้างเมืองขึ้นรวม 4 แห่ง ซึ่ งในที่สุด ท้าวสุ วอธรรมา ได้เลือกสร้างเมืองที่บา้ นไผ่ เรี ยกชื่อว่าเมืองหนองคาย เมื่อ พ.ศ. 2370 พ.ศ. 2434 เมืองหนองคายได้เป็ นสถานที่ต้ งั มณฑลลาวพรวน จนกระทัง่ พ.ศ. 2436 จึงได้ยา้ ยไปตั้งที่ทาการมณฑลที่บา้ นหมากแข้ง เนื่องจากได้เสี ย ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ าโขงให้กบั ฝรั่งเศส ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 ได้จดั ตั้งมณฑล อุดรขึ้นที่บา้ นหมากแข้ง เมืองหนองคาย จึงมีฐานะเป็ นเมืองหนึ่ งของมณฑล อุดร หลังจากยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลในปี พ.ศ. 2476 จังหวัดหนองคายซึ่ งขึ้นกับ มณฑลอุดรได้แยกตัวออกมาเป็ นจังหวัดหนองคาย ในปั จจุบนั จังหวัดหนองคายเป็ นจังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ ของประเทศไทย ตั้งอยูบ่ ริ เวณฝั่งขวาของแม่น้ าโขง ตรงข้ามกับท่าเดื่อของ สาธารณรัฐประชาธิ ปไตยประชาชนลาว มีพ้นื ที่ประมาณ 7,739.28 ตรกม.
4
ปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค บั้งไฟพญานาค หรื อก่อนปี 2529 เรี ยก บั้งไฟผีเป็ นปรากฏการณ์ที่กล่าวกันว่าเห็น ที่แม่น้ าโขง ลักษณะเป็ นลูกกลมเรื องแสงลอยขึ้นจากน้ าขึ้นไปในอากาศ จานวนลูกไฟมีรายงานระหว่างหลายสิ บถึงหลายพันลูกต่อคืน บั้งไฟพญานาค เกิดช่วงวันออกพรรษาทุกปี
ประเพณีและวัฒนธรรม
5
งานอนุสาวรีย์ปราบฮ่ อ จัดประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี ที่บริเวณอนุสาวรี ย์ปราบฮ่ อ ภายใน งานจะมีการแสดงและการละเล่ น มีการออกร้ านจาหน่ ายสิ นค้ าราคาถูก
6
7
ประเพณีและวัฒนธรรม
ลอยเรื อไฟบูชาพญานาค บั้งไฟพญานาคแม้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติตามลาน้ าโขงมานานหลายปี แล้วตามคาร่ าลือของชาวบ้าน แต่เพิ่งจะได้รับส่ งเสริ มให้เป็ นส่ วนหนึ่ง ของการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคายไม่กี่ปีมานี้เอง บั้งไฟพญานาค เป็ นลูกไฟที่พงุ่ ขึ้นมาจากใต้แม่น้ าโขง พุง่ ลอยขึ้นสู่ อากาศ ประมาณ 20 - 30 เมตร แล้วก็หายไป ลูกไฟไม่จากัดบริ เวณที่เกิดและเกิดไม่ค่อยซ้ าที่ บริ เวณนั้น ขนาดของลูกไฟก็มีหลายขนาด เช่น ขนาดโตเท่าผลส้ม ขนาดกลางเท่าไข่ไก่ ขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ เวลาที่เกิดขึ้นไม่แน่นอน แต่ตอ้ งมืดค่าแล้ว บางทีเกิดตั้งแต่หวั ค่า ประมาณ 6 โมงเย็น บางปี เริ่ ม เกิด 2 - 3 ทุ่ม และจะเกิดไปอีกประมาณ 3 - 4 ชัว่ โมง จึงจะค่อยๆ หมด ลง จานวนลูกไฟที่เกิดขึ้นบริ เวณหนึ่งๆ มีจานวนไม่แน่นอน สถานที่ เกิดนั้นจะอยูใ่ นท้องที่อาเภอโพนพิสยั อาเภอรัตนวาปี บั้งไฟพญานาค จะเกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ เดือน 11 หรื อแรม 1 ค่า เดือน 11 ของทุกปี และทางจังหวัดได้จดั งานลอยเรื อไฟบูชาพญานาค ณ บริ เวณริ มฝั่ง แม่น้ าโขงใกล้วดั สิ ริมหากัจจายน์ (วัดธาตุ) อาเภอเมือง โดยจัดเป็ น ประเพณี ทุกปี
8
9
อาหารขึน้ ชื่ อ แดง แหนมเนือง เป็ นร้ ำนที่ขึ ้นชื่อของจังหวัดเพรำะขำยแต่อำหำรเวียดนำม แท้ ๆและยังมีอำหำรเวียดนำมแบบต้ นตำหรับอีกมำกมำย
10
11
สถานที่ท่องเที่ยว ผำตำกเสือ้ ช่วงหน้ ำหนำว เป็ นช่วงเวลำที่จะสำมำรถชมทะเลหมอกได้ อย่ำงสวยงำมอลังกำร ซึง่ ในเมืองไทยก็มีจดุ ชมวิวทะเลหมอกให้ ได้ ไปยลมำกมำยหลำกหลำย สถำนที่ แต่วนั นี ้เรำจะขอนำเสนอสถำนที่ชมทะเลหมอกสุดอลังกำรในภำค อีสำน อย่ำงทะเลหมอก วัดผำตำกเสื ้อ อยู่ที่ ตำบล ผำตัง้ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคำย
12