อภินันทนาการจาก
..................................................................................................... ..................................................................................................... .....................................................................................................
ขอมอบธรรมะของพระพุทธองค์ เป็นธรรมบรรณาการแด่
..................................................................................................... ..................................................................................................... .....................................................................................................
หนังสือ อริ ยปุ วาท เล่ม ๑ ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่ ผู้เขียน บ.สยังวสี เจ้าของ เจโตวสีภิกขุ ออกแบบปก : หนุ่มเมืองดอกบัว จัดรูปเล่ม & ภาพประกอบ : ธรรมสี หนาท พิสูจน์อักษร : สมัย ดงไธสง & รักชนก จิตรจันทร์,จิราภรณ์ ธัญญพานิชย์ ที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ : สมบัติ ปามั่น เว็ปมาสเตอร์ : ผดุงศักดิ์ กล้าหาญ อานวยความสะดวกสถานที่ : ศรีสวัสดิ์ นุราช และครอบครัว, ปรกรณ์พิทย์ (เล็ก) Albright อุบาสก อุบาสิกาวัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส สนับสนุนการพิมพ์เป็นธรรมทาน : ชมรมคนรักธรรมะและสุขภาพ พิมพ์ที่ : วัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส 1396 Oahu Street, Las Vegas, NV 89104
พิมพ์ครั้งที่ ๑๖ จานวน ๑๐๙ เล่ม ข้อมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ ISBN : 967-616-591-0
ต้นฉบับนี้ได้รบั การสงวนไว้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ แต่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการจัดทาจากต้นฉบับเพื่อเผยแผ่ในทุกกรณี เพื่อรักษาความถูกต้องของข้อมูลในการจัดทาหรือเผยแผ่ โปรดใช้ความระวังและรอบคอบ หากต้องการขอคาปรึกษาชีแ้ นะด้านข้อมูลในการจัดทาเพือ่ เผยแผ่
กรุณาติดต่อสอบถาม
วัดโพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส
1396 Oahu Street, Las Vegas, NV 89104 Tel. (702) 405-0126, (702) 750-6434
Website : www.bddmc.org
E-Mail : dhammafeelgood@yahoo.com,
sombat_2@hotmail.com
คำนำ
ในสังคมยุคปัจจุบัน มีการแข่งขันกันสูงมากในเรื่องการประกอบ อาชีพ ทาธุรกิจเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ หรือใน เมืองใหญ่ๆ ทาให้เกิดช่องว่างภายในครอบครัว พ่อแม่ไม่มีเวลาอบรมสั่ง สอนลูกหลาน อีกทั้งสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เพื่อนไม่ดี สื่อพิมพ์ต่างๆที่เข้า ข่ายยั่วยวนทางเพศ หลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน หรือใน มหาวิทยาลัยไม่ได้สอนเน้นเรื่องศีลธรรม พระคุณของพ่อแม่ หรือเรื่องกฎ แห่งกรรมมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น สื่อทางทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ เกมและเครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงแหล่งบันเทิงทั้งหลาย ซึ่ง เป็นที่มาของการกระตุ้น การยั่วยุมอมเมาให้เด็กใจแตก ก้าวร้าว หลงผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่รู้จักบุญคุณของพ่อแม่ ด้วยความจาเป็นและเร่งรีบในการทามาหาเลี้ยงครอบครัว พ่อแม่ ไม่มีเวลาให้กับลูก จึงเกิดช่องว่างระหว่างพ่อแม่และลูก เมื่อลูกไม่เข้าใจ ในภารกิจหน้าที่ของพ่อแม่ มักจะเกิดมีปากเสียง โต้เถียง พูดล่วงเกินผู้ บังเกิดเกล้า ซึ่งผู้เป็นลูกไม่รู้ตัวว่า การกระทาเช่นนั้น เป็นการล่วงเกินผู้มี พระคุณเข้าแล้ว และคิดไม่ถึงว่า ผลกรรมจากการล่วงเกินเพียงแค่นี้ จะ มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์ สามารถส่งผลให้ชีวิตพลิกผัน และผิดพลาดใน อนาคตอย่างไม่คาดคิด อาจจะรู้เพียงแค่ว่า “คงเป็นบาปกรรมเล็กน้อย” แต่เพราะไม่รู้ซึ้งในพระคุณอันใหญ่หลวง และโทษภัยอันตรายจากการ ล่วงเกิน ก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้โกรธเคือง หรือห้ามไม่ให้มีปากเสียง เมื่อ โดนพ่อแม่ว่ากล่าวตักเตือน ความจริง ไม่ใช่เพียงแค่การด่าว่าพ่อ แม่เท่านั้นที่เป็นบาปมหันต์ให้ผลทันตา การพูดตาหนิพระอริยเจ้าทั้งหลาย เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกทาคามี พระโสดาบัน ก็มีโทษมากเป็นบาปมหันต์เช่นกัน รวมถึงการ
(๒)
ล่วงเกินภิกษุสามเณร แม่ชี หรือนักบวชทั้งหลาย แม้ท่านเหล่านั้น ยังเป็น ปุถุชนอยู่ก็ตาม แต่ท่านเป็นผู้มีศีล ปฏิบัติธรรมเพื่อละกิเลส การพูดตาหนิ ติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ท่านในทางลบเสียหาย ก็เข้าข่ายเป็นอริยุปวาทได้ เช่นเดียวกัน ส่วนการพูดล่วงเกินผู้ที่มีพระคุณทั้งหลาย เช่น ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ครูอาจารย์ก็เป็นบาป แต่อาจจะไม่บาปหนักเท่าทากับพ่อแม่ผู้ บังเกิดเกล้า ในหนังสือเล่มนี ้ ผู้เขียน ได้เน้นเฉพาะผลกรรมจากการ พูดล่วงเกินพ่อแม่เป็นหลัก เนื่องจากในยุคปั จจุบนั คุณลูกทังหลาย ้ โดยเฉพาะวัยรุ่น เยาวชน หนุ่มสาว ได้สร้างบาปกรรมกับผูบ้ ังเกิดเกล้า เป็นประจาเกือบทุกวันโดยไม่รู้ตัว เช่น น้อยใจ ไม่พอใจ โกรธเคือง พูดไม่ดี ไม่งาม และชอบเถียงพ่อแม่ เมื่อเขาเหล่านันมี ้ โอกาสได้ อา่ นธรรมะเล่มนี ้ แล้ ว จะได้ ฉกุ คิดถึงเรื่ องราวเหตุการณ์อนั เลวร้ ายที่ไม่พงึ ปรารถนาซึง่ ได้ ประสพพบมาหรื อที่กาลังเผชิญหน้ าอยูว่ า่ “สาเหตุที่ทาให้ชีวิตติดขัด มีปัญหาสารพัดเรื่องนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะเหตุอื่นใด แต่เป็นเพราะวิบาก กรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้านั่นเอง” ผู้เขียนมีความเชื่อว่า ถ้ าหากลูกคนใดได้ เข้ าใจในพระคุณอัน ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่และวิบากกรรมจากล่วงเกินท่านอย่างสุดซึ ้งโดยไม่ สงสัยแล้ ว ลูกคนนัน้ จะไม่กล้ าบังอาจ ทาอวดดี มีทิฏฐิ ดื ้อรัน้ พูด ล่วงเกินผู้บงั เกิดเกล้ าอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพราะวิบากกรรมที่จะเกิดขึ้น ตามมานั้น มีผลร้ายแรงเกินกว่าจะคาดคิด และสามารถพลิกผันชีวิตให้มี อันเป็นไปอย่างไม่น่าเชื่อ ซึง่ เป็ นสิ่งที่ผ้ เู ป็ นลูกทังหลาย ้ ไม่ ควรมองข้ าม และพึงสังวรระวังเอาไว้ ให้ มาก ก่อนที่มนั จะสายเกิน บ. สยังวสี โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕
(๓)
คำนำ (ฉบับปรับปรุง)
ข้าพเจ้าได้เขียนหนังสือ อริยุปวาท เล่ม ๑ เสร็จลงเมื่อท้ายปี ๒๕๕๕ และมีเจ้าภาพนาไปพิมพ์แจกเป็นธรรมทานประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าเล่ม เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว มีญาติธรรมหลายท่าน มาบอกเล่า ให้ฟังว่า ได้เกิดความซาบซึ้งในพระคุณของมารดาบิดาและเห็นโทษของ การล่วงเกินผู้บังเกิดเกล้าตรงตามพุทธพจน์ พร้อมทั้งเกิดความเข้าใจใน กฎแห่งกรรมที่ทาผิดต่อพ่อแม่อย่างลึกซึ้งแจ่มแจ้ง จนทาให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงชีวติ อย่างมหัศจรรย์ในทางที่ดีขึ้น พอได้ฟังเช่นนั้นแล้ว ยิ่งทา ให้ผู้เขียน เพิ่มความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในสัพพัญญุต ญาณของพระพุทธองค์มากยิ่งขึ้น จึงได้เสียสละเวลาปรับปรุงเนื้อหาของ หนังสือเล่มนี้ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น กว่าเดิมโดยนาเอาพุทธพจน์ และกรณีตัวอย่างมาอ้างอิงเพิม่ เติม เพื่อง่ายต่อการสืบค้นแหล่งที่มา และ เพื่อเป็นการเคารพธรรมตามหลักพุทธพจน์ที่ว่า “พระธรรมและวินัย คือ พระพุทธเจ้า” เมื่อพระไตรปิฎกเป็นคัมภีร์บันทึกคาสอนของพระศาสดา โดยตรง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการถ่ายทอดคาสอนและเคารพต่อ พระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของแห่งธรรม จึงจาเป็นต้องอ้างพุทธพจน์ เพื่อ ป้องกันอริยุปวาทในการกล่าวตู่ บิดเบือน คาสอนของพระศาสดา ผู้เขียนหวังว่า ผู้อ่านทุกท่าน คงได้รับสาระประโยชน์จากหนังสือ อริยุปวาท เล่ม ๑ ฉบับปรับปรุงนีเ้ พิ่มมากขึ้น ด้วยความปรารถนาดี บ. สยังวสี โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘
(๔)
คำอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้มีคุณ
ขออุทิศคุณงามความดีทั้งหลายทั้งปวงแห่งพลังธรรมทาน อันสืบ เนื่องมาจากหนังสือ “อริยุปวาท เล่ม ๑ ” นี ้ ขอน้ อมบูชาพระคุณอัน ใหญ่หลวง ซึง่ ยากจะหาใดเปรี ยบ แด่โยมพ่อพรหม และ โยมแม่นาง สายสมบัติ ซึ่งเป็นผู้ให้ชีวิต เป็นผู้บังเกิดเกล้าของผู้เขียน และขออุทิศส่วน กุศลผลบุญที่เกิดจากธรรมทานในครั้งนี้ ไปให้แก่ปู่ทวด ย่าทวด ตาทวด และยายทวด, ปู่ย่า-ตายาย คือ นายสี นางตา สายสมบัติ, นายเสาร์ นาง หมาคา โนนจันทร์, นายวัชรพงษ์ ก้อนคา (หลานชาย)ตลอดทั้งญาติ ทั้งหลายของข้าพเจ้ามี นายผ่องแสน จิตรจันทร์, นางคาบุ นนท์ศิริ,นาย พิณ-อานาง-นางหนูหนิง สายสมบัติ อีกทั้งผู้ที่เคยช่วยเหลือข้าพเจ้ามี แม่ ชีปิ่น งามสะอาด, นายนพ ญาติของอาจารย์แม่อุบลวรรณา(โอปปาติกะ) นางบุญรอง สุทธิประภานายสมัย นนท์ศิรินายประยงค์ จิตต์จันทร์และนาย สุวรรณ จิตรจันทร์ พ่อใหญ่สีจั๊ด สุทธิรัตน์, แม่ใหญ่จอม นางเลี่ยม วงศ์ ขันธ์ นางทอง นายเลี่ยม กาลังงาม นางหนู-นางสา-นางจันทร์ นนท์ศิริ, นางเพ็ญศรี ผลรักษ์, นายลา-นางมี คูณดีแห่งบ้านหนองมะเกลือ ขอให้ท่านทั้งสองและบุคคลเหล่านั้น พึงร่วมอนุโมทนาบุญในธรรม ทานครั้งนี้ ขอให้ได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ มีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม จากเหล่ากัลยาณมิตร มีความซาบซึ้งในพระคุณของพ่อแม่ ครูอาจารย์และ เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัย ได้มีสติปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในธรรม โดยเร็วพลันเทอญฯ บ. สยังวสี โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
(๕)
คำอุทิศส่วนกุศลเป็นกรณีพเิ ศษ
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้ น้อมบูชา พุทธการกธรรมอันยิ่งใหญ่สงู สุดของพระเมตไตย สัพพัญญูโพธิสัตว์ ผู้เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร ได้บาเพ็ญมาดีแล้วตลอด ๑๖ อสงไขยและ หนึ่งแสนกัป ซึ่งจะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าภายในภัทรกัปนี้ น้อมบูชาเมล็ดพันธุ์แห่งสัมมาสัมโพธิญาณที่ท่านหลวงพ่อ เสือ วิรุฬหผล นิยตโพธิสัตว์ ผู้มีคุณธรรมอันประเสริฐ ซึ่งได้สั่งสมบ่ม เพาะไว้ดีแล้วตลอด ๕๐ กัปและจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าถัดจาก เมตตรัยพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ขอน้อมบูชาเมล็ดพันธุ์แห่งสัมมาสัมโพธิญาณที่ท่านหลวงพ่อ ดา พระมหาเถระแห่งเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ผู้ทรงไว้ซึ่งอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ และจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึง่ ในกาลข้างหน้า ถัดจากท่านหลวงพ่อเสือ ขอน้อมบูชาเมล็ดพันธุ์แห่งสัมมาสัมโพธิ ญาณที่พระโพธิสัตว์เจ้าทัง้ หลายทั้งปวงผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ซึ่งกาลัง สถิตอยู่ในตุสิตาเทวโลกสวรรค์ที่ ๑๑ ทุกท่าน ขอน้อมอุทิศส่วนบุญแห่งธรรมทานนีถ้ วายแด่ สมเด็จพระ ญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปริณายก และอดีตสมเด็จพระสังฆราชไทยทุกพระองค์ และน้อมถวายเป็นพระ ราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ และ สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงคุณธรรมอัน ประเสริฐ ขอให้พระองค์ทา่ นเหล่านั้น พึงเป็นผู้มีสว่ นแห่งกุศลที่ ข้าพเจ้าอุทิศถวายแล้วนี้
(๖)
ขอน้อมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ถวายแด่บูรพมหากษัตริย์ ไทยมีพ่อขุนผาเมือง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามคาแหง สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช สมเด็จพระปิยมหาราช สมเด็จพระศรีสรุ ิโยทัย พระนางเจ้า จามเทวี พระนางสุพรรณกัลยา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวฒ ั นา และแด่ราชวงศ์พระร่วง ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์ สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง ราชวงศ์บ้านพลู หลวง ตลอดถึงบูรพมหากษัตริย์ไทย สมัยรัตนโกสินทร์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้า เจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พร้อมทั้งพระบรม วงศานุวงศ์ทุกท่าน ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ พระศาสนา พสกนิกรทุกหมู่เหล่า รวมถึงบุคคลผู้ที่มีพระคุณต่อแผ่นดินไทยทุก ท่าน พร้อมทัง้ วีรชนแห่งค่ายบางระจัน มีอาจารย์ธรรมโชติเป็นต้น วีรบุรุษ วีรสตรีทงั้ หลายทัง้ ปวง มีท้าวสุรนารี ท้าวเทพกระษัตรี ท้าว ศรีสุนทร เป็นต้นผู้เคยเสียสละชีวิต เลือดเนื้อ เพื่อปกป้องประเทศชาติ และผืนแผ่นดินไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอน้อมอุทิศส่วนบุญอันเกิดจากธรรมทานในครัง้ นี้ ไปให้แก่ครู อาจารย์ทงั้ หลาย ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้า ได้ก้าวย่างในเส้นทาง ธรรมอย่างหนักแน่นและมั่นคงมี พระเจ้าอโศกมหาราช, สมเด็จพุฒา จารย์(โต) พรหมรังสี, พระพุทธโฆษาจารย์, อาจารย์พร รัตนสุวรรณ,
(๗)
อาจารย์แม่อบุ ลวรรณา โอปปาติกะ, พระอาจารย์บุญมี เมธางกูร, อาจารย์เทพวิชิต ธรรมรังษี, เทพลาเจียกและเทพแสวง (ผู้เคยเป็น มารดาบิดาของท่านหลวงพ่อเสือ),หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล,อาจารย์มน ทิพย์,อาจารย์น้าทิพย์, อาจารย์เสถียร โพธินันทะ, หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญพระมหาอัมพร อินทปัญโญ, ท่านเจ้าคุณนรฯ พระธรรมธีร ราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ) หลวงพ่อเจ้าคุณกิตติวุฑโฒ, หลวงปู่ คาคนิง จุลมณี, เทพเจ้าทั้งหลายผู้สถิตย์อยู่ ณ ตุสิตาเทวโลกทุกชั้นภูมิ เทพเจ้าในพรหมโลกทุกชั้นภูม,ิ ท้าวปรนิมมิตวัสสวดี,ท้าวนิมมานรดี, ท่านท้าวยามา, ท้าวสักกเทวาธิราช, ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔, เทพเจ้า โอปปาติกะทั้งหลายผู้เคยช่วยงานของหลวงพ่อเสือ พร้อมทั้งเหล่าเทพ โอปปาติกะทั้งปวงที่เคยให้คาแนะนา ตักเตือนช่วยเหลือข้าพเจ้าตั้งแต่ อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน และขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ เพื่อเป็นสื่อ สะพานบุญไปให้แก่พระครูสุตสุนทรวัตร(ชาลี) ท่านศรีปราชญ์, พระสุนทร โวหาร (สุนทรภู่), เจ้าคาผงแห่งเมืองอุบลราชธานีฯ, ท้าวธรรมกิติยา (จูม มณี) แห่งเมืองพิบูลมังสารหาร, อาจารย์เหม เวชกร, พระมหาเถรคันฉ่อง เทพเจ้ากวนอู, เทพเจ้าเปาปุ้นจิ้น พร้อมทั้งองค์รักษ์ ตลอดทั้งโอปปาติกะ ทั้งหลายที่ทาหน้าที่ดูแลคุ้มครองประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเมือง Las Vegas รัฐเนวด้า ขอให้ท่านทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญกุศลที่ข้าพเจ้า อุทิศให้แล้วนี้ ขอจงได้มีความปลาบปลื้ม เกิดปีติปราโมทย์รื่นเริงในธรรม และมีความสุขในสุคติโลกสวรรค์ยิ่งๆขึ้นไป ตลอดกาลนานเทอญฯ
(๘)
คำอธิษฐำนเพื่อบ่มเพำะ เมล็ดพันธุ์แห่งสัมมาสัมโพธิญาณ ข้าพเจ้า มีความศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่ง ในพระธรรมคาสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ าในเรื่ องกฎแห่งกรรมและเชื่อมัน่ แห่งพลังธรรมทาน จึงได้ ทุ่มเทกาลังกายใจศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ เกี่ยวกับ “อริยุปวาท เล่ม ๑ ” ผลกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่จาก คัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถา ได้วิเคราะห์ วิจัย ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ด้วยโยนิโสมนสิการ อธิบายความ เชื่อมโยงผลกรรมจาก การฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ให้สอดรับกับพุทธพจน์ที่ปรากฏในพระสูตร และอรรถกถา แล้วรวบรวมและเรียบเรียงด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ให้อยู่ ในเล่มเดียวกัน ด้วยความอุตสาหะวิริยะอย่างมาก เพื่อน้อมถวายเป็น รัตนตรัยบูชา โพธิสัตว์บูชา และแบ่งปันเป็นธรรมทานแก่ท่านผู้สนใจ ใฝ่ธรรมทัง้ หลาย ด้วยพลังอานิสงส์แห่งธรรมทานในครัง้ นี้ ไม่วา่ จะเกิดในภพ ชาติใด ขอให้ข้าพเจ้า จงมีจิตใจศรัทธาเลื่อมใสยิ่งในพระรัตนตรัย ยินดี ในธรรมทีพ่ ระอริยเจ้าประกาศแล้วทุกเมื่อ มีปัญญาสามารถที่จะสัง่ สม เมล็ดพันธุ์แห่งสัมมาสัมโพธิญาณให้สุกงอมเต็มเปี่ยมบริบูรณ์อย่าได้ ถอยกลับ พึงได้รับการอนุเคราะห์ ช่วยเหลือจากเหล่านิยตโพธิสัตว์ สัพพัญญูโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าทั้งปวงที่อุบัติขึ้นในอนาคต พระอริย เจ้าทั้งหลาย ตลอดทั้งผู้มีคณ ุ ธรรมอันประเสริฐทั้งปวงในกาลทุกเมื่อ
(๙)
ขอให้มีสติปัญญาแตกฉานในธรรม ฉลาดในกรรม และวิบาก กรรมยิ่งๆขึน้ ไปโดยลาดับ อย่าได้ มีจิตใจชื่นชมยินดีพอใจในการฆ่า และเบียดเบียนสัตว์ในทุกภพชาติที่เกิด แม้ หากว่า เกิดความ ประมาทพลังพลาดไป ้ เพราะความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ เพราะขาด สติสมั ปชัญญะ ขอให้ มีกลั ยาณมิตรทังหลาย ้ พึงได้ มาให้ คาชี ้แนะ และแก้ ไขได้ ทนั ท่วงที คาว่า สะดุ้งกลัว ตกใจ หวั่นไหวในลัทธิ อัญญเดียรถีย์ผ้ เู ป็ นมิจฉาทิฏฐิ ทงหลาย ั้ อย่าได้ มีแก่ข้าพเจ้ าใน ทุกๆภพชาติที่เกิด ขอให้จิตใจของข้าพเจ้า จงตั้งมั่นในพุทธการกธรรม ดาเนิน ตามทางแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วยความยินดีพอใจและหนักแน่น มั่นคงไม่หวัน่ ไหว พึงมีโอกาสใกล้ชิดและศึกษาพระสัทธรรมอย่าง ถูกต้องจากกัลยาณมิตรครูบาอาจารย์ทั้งหลาย มีท่านหลวงพ่อเสือ เป็นต้น ผู้เป็นนิยตโพธิสัตว์ มีความรู้ลกึ ซึ้งแตกฉานในสมถะและ วิปัสสนา พึงมีสติปญ ั ญาสามารถจดจาพุทธพจน์ได้อย่างแม่นยา ประกาศพุทธธรรมได้อย่างอาจหาญดังสีหนาท พร้อมทัง้ เกิดมาเพื่อรับ ใช้พระพุทธศาสนา มีส่วนในการช่วยเหลืองานท่านหลวงพ่อเสือทุก ภพทุกชาติตลอดไป ด้วยความศรัทธาในสัมมาสัมโพธิญาณ บ. สยังวสี โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
(๑๐)
ธรรมทำน
การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา การถวายหนังสือธรรมะ ชื่อว่า เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการ เผยแผ่พุทธธรรม การเผยแผ่ธรรมะ คือ การให้ธรรมทาน การให้ธรรมะ เป็นการให้สิ่งล้าค่า ให้สิ่งทีป่ ระเสริฐสูงสุดกว่าการให้อื่นใด ชื่อว่าเป็นการ ให้เมล็ดพันธุ์แห่งศีล สมาธิและปัญญา การให้เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ ผู้ให้เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธธรรม ย่อมมีส่วนแห่งการตรัสรู้ธรรม มีส่วนแห่ง มรรคผลและนิพพาน เหมือนบุคคลปลูกพืชชนิดใด ย่อมได้ผลชนิดนั้น ดังนั้น บุคคลผู้ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธิปัญญา เมล็ดพันธุ์ แห่งความรู้ตื่นเบิกบาน เมล็ดพันธุ์แห่งความสะอาด สงบ สว่าง เมล็ด พันธุ์แห่งความโชคดีมีชัย โดยการให้ธรรมทานแก่ผู้อื่นตรงตามพุทธพจน์ ครั้นถึงเวลาที่เมล็ดพันธุแ์ ห่งบุญนี้เจริญงอกงาม เติบโต แผ่กงิ่ ก้านสาขา ผลิดอกออกผลเป็นต้นบุญ ย่อมอ้านวยผลเป็นความสุขอันเลิศล้้า ทัง้ ใน ชาตินี้ชาติหน้าและภพชาติตอ่ ๆไป เป็นเหตุปัจจัยน้าไปสู่ความเป็นผู้ ยิ่งใหญ่และล้้าเลิศทัง้ ในมนุษย์และเทวดา พร้อมทั้งเป็นอุปนิสยั แห่งการ บรรลุธรรม ซึง่ เป็นผลอันล้้าเลิศประเสริฐสูงสุดในทุกภพชาติที่เกิด ขอให้บุคคลผู้มีสว่ นแห่งธรรมทานในครั้งนี้ จงเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก และทางธรรม ฉลาดในเรื่องกรรมและวิบากกรรม ได้ดวงตาเห็นธรรมโดยถ้วน หน้ากัน ขอผู้แสวงบุญและใฝ่ธรรมทุกท่าน จงเกิดความปลาบปลื้ม ดื่มด่า่ เกิด ความปีติ ความปราโมทย์ ความรื่นเริงบันเทิงใจในธรรมที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ประกาศแล้ว ทุกเมื่อเทอญฯ เทียบเคียงจาก ทานสูตร ขุ.อิติ. (แปล) ๒๕/๔๗๓ เรื่องท้ าวสักกเทวราช ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๑๔๔
คำอุทิศส่วนกุศลเป็นกรณีพิเศษ ด้วยความเมตตา กรุณาอันยิ่งใหญ่ซงึ่ ไม่มีสิ่งใดเปรียบปาน ของคณะครูบาอาจารย์เบื้องบน ผู้เป็นเทพเจ้าชั้นสูง ผู้มีคุณธรรมอัน ประเสริฐ มีท่านหลวงพ่อเสือ (วิรุฬหผลนิยตโพธิสัตว์) เป็นต้น ทาให้ ข้าพเจ้า บ.สยังวสี ได้เพิ่มความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในตถาคตโพธิศรัทธา มีความเลื่อมใสอย่างลึกซึ้งในคุณพระรัตนตรัย มีความเชื่อมั่นอย่าง แรงกล้าในอานุภาพแห่งธรรมทาน ตามพระพุทธพจน์ที่พระตถาคต เจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว และเกิดความเลื่อมใส และสานึกในอุปการคุณอัน ยิ่งใหญ่แห่ง พระเจ้าสุทโธทนะ พระนางสิริมหามายาผู้เป็นพุทธบิดา พุทธมารดา ซึ่งบัดนี้ ได้ไปอุบัติขึ้นในสวรรค์ชั้นดุสิตที่ ๙ เป็นเทพบุตร ผู้มีฤทธิ์ มีบุญญานุภาพมาก ขอน้อมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแห่งธรรม ทานอันเกิดจากหนังสือชื่อเรื่องว่า “อริยุปวาท เล่ ม ๑” (ผลกรรม จากการล่วงเกินพ่อแม่) ซึ่งถูกต้องตามพุทธพจน์ทกุ ประการอันครู อาจารย์เบื้องสูง มีท่านหลวงพ่อเสือ และท่านโทณพราหมณ์รับรอง แล้วนี้ น้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สุทโธทนเทพบุตรและสิริมหา มายาเทพบุตร ผู้เคยเป็นพุทธบิดาและพุทธมารดา ขอให้พระองค์ทั้ง สองพึงมีความสุขกาย สุขใจ มีความปลาบปลื้มดื่มด่าในธรรมทีพ่ ระ อริยเจ้าประกาศแล้ว ในกาลทุกเมื่อ เสวยผลแห่งบุญกุศลและมีความ รื่นเริงบันเทิงในสุคติโลกสวรรค์ตลอดกาลนานเทอญฯ ขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ น้อมบูชาอรหัตตคุณของ ท่านโทณพราหมณ์ ผู้เคยเห็นรอยพระบาทอันประกอบด้วยธรรมจักร ๘ ประการอันพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอนุเคราะห์ และ
(๒)
ท่านฆฏิการพรหม ผู้เคยเป็นพุทธอุปัฏฐาก พระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะและเคยเป็นสหายของท่านโชติปาละในสมัยนั้น ซึ่งเป็นพระ อรหันตสาวก สถิตอยู่ในพรหมโลกชั้นอกนิฏฐา และเทพเจ้าผู้เป็น อริยสาวกทั้งหลายในสุทธาวาสพรหมโลกทุกชั้นภูมิ ขอให้ท่านทั้ง สองและอริยสาวกทั้งหลายเหล่านั้น พึงมีความสุขกาย สุขใจ มีปีติใน ธรรมที่ทา่ นได้เห็นแล้ว พึงสถิตมั่นในพรหมโลก เพื่อเป็นแสงสว่างแห่ง ปัญญาเพื่อมวลมนุษย์และเทพเจ้าทั้งหลายตลอดทั้งสรรพสัตว์ทั้งปวง สิ้นกาลยาวนานเทอญ ขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ไปให้แก่ พระเจ้าพิมพิสาร และ พระนางเวเทหิ ผู้เป็นพระราชบิดาและพระราชมารดาของท่าน พระอชิตะหรือพระเมตไตรยโพธิสัตว์ ขอให้พระองค์ทั้งสองพึงมี ความสุขกาย สุขใจ มีปีตใิ นธรรมที่พระอริยเจ้าประกาศแล้วในกาลทุก เมื่อ เสวยผลแห่งบุญกุศลและมีความรื่นเริงบันเทิงในสุคติโลกสวรรค์ ตลอดกาลนานเทอญฯ ขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ น้อมบูชาเมล็ดพันธุแ์ ห่ง พุทธการกธรรมทีพ่ ระโพธิสัตว์เหล่านี้ ได้สั่งสมบาเพ็ญไว้ดีแล้วตลอด กาลยาวนาน มีท่านพระอานนท์ ผู้เป็นพุทธอนุชา เป็นเลิศในด้าน ความจดจาพุทธพจน์ เป็นขุนคลังแห่งพุทธธรรม เป็นพุทธอุปัฏฐาก และเป็นผู้มีอุปการคุณอันยิง่ ใหญ่ต่อพระพุทธศาสนา ในคราวการทา ปฐมสังคยนาพระธรรมวินัย ท่านอาจารย์หมอชีวก โกมารภัจจ์ ผู้เป็น ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์ เคยถวายการรักษาแด่พระพุทธองค์ เคย ถวายสวนมะม่วงเป็นสังฆาราม เป็นหมอผู้มีความอัจฉริยะเป็นเลิศใน การรักษาเยียวยาภิกษุสงฆ์และบุคคลทั้งชายหญิง, พระเจ้าปัสเสนทิ
(๓)
โกศล มหาราชแห่งกรุงสาวัตถี แคว้นโกสลผู้ปกครองทวยราษฏร์โดย ธรรม, ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เคยถวายเชตวันมหาวิหารเป็น สังฆาราม และเป็นผู้มีอุปการคุณอันยิ่งใหญ่ต่อภิกษุ-ภิกษุณีสงฆ์และ ต่อพระพุทธศาสนา ในการให้ความสนับสนุนบารุงด้านปัจจัย๔ อาจารย์แม่อบุ ลวรรณา โอปปาติกะผู้มีพระคุณอย่างยิง่ ต่อ ข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและท่านอาจารย์บัวเฮียว ลูกศิษย์ ท่านหลวงพ่อดาแห่งแคว้นมคธ ท่านที่เอ่ยนามมาทั้งหมดนี้ ได้ยินได้ฟังมาว่า ท่านได้ ปรารถนาพุทธภูมซิ งึ่ เป็นญาณยิ่งใหญ่ประเสริฐสูงสุด เพื่อมวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้ท่านพระโพธิสัตว์เหล่านี้ พึงมีส่วนแห่ง กุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศให้แล้ว พึงมีความสุขกายสุขใจ ได้รับการ อนุเคราะห์จากนิยตโพธิสัตว์ สัพพัญญูโพธิสัตว์ตลอดกาลทุกเมื่อ ขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ไปให้แก่ นางสุชาดา พร้อม ทั้งครอบครัว พ่อแม่ ญาติพนี่ ้อง ผู้ได้มีโอกาสถวายข้าวมธุปายาสอัน เลิศรสแด่พระสัพพัญญูโพธิสตั ว์ และได้ถวายอาหารแด่พระสัพพัญญู พุทธเจ้าเป็นคนแรก อีกทั้งนายตปุสสะ นายภัลลิกะ ผู้ได้ถวายข้าวสัต ตุผง-ก้อนแด่พระพุทธองค์ ขอน้อมอุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ น้อมถวายเป็นพระราช กุศลแด่พระราชา พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้ซึ่งมีความศรัทธา ตั้งมั่นในสัมมาทิฏฐิ เลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างไม่หวัน่ ไหว ผู้เคย เป็นศาสนูปถัมภ์ ให้การส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือ ทนุบารุง พระพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวดในครั้งพุทธกาล มีพระเจ้าอชาตศัตรู เจ้าชายอภัยราชกุมาร เจ้าหญิงจุนทีราชกุมารี เป็นต้น แห่งนครรา
(๔)
ชคฤห์ แคว้นมคธ พระเจ้าจัณฑปัชโชติแห่งเมืองอุชเชนี พระนาง มัลลิกา พระนางวาสภขัตติยา เจ้าชายเชตราชกุมาร เจ้าหญิงสุมนา เจ้าหญิงวัชรี เป็นต้นแห่งเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล พระเจ้าสุกโกทนะ และพระนางกีสาโคตมี, ท่านมหาปชาบดี โคตมีเถรี, ท่านภัททกัจจานาเถรี(พิมพา)พระนางอมิตาเทวี, พระเจ้า มหานามะ และเจ้าศากยะทัง้ หลาย พระนามว่า วัปปะ, สรกานิ,กาล เขมกะ เป็นอาทิ ผู้เป็นพระประยูรญาติของพระพุทธองค์แห่งนคร กบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ, พระนางสุปปวาสา และพระสวามีแห่งเมือง โกลิยะ, พระเจ้าอุเทน พระนางสามาวดี พร้อมทั้งบริวาร แห่งนคร โกสัมพี แคว้นวังสะ, ท่านพันธุลเสนาบดี พระนางมัลลิกา พร้อมทั้ง พระโอรสทั้งหลายและผู้ที่เคยเป็นสะใภ้ทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ไปให้แก่อุบาสก อุบาสิกา ผู้ มีศรัทธาตัง้ มั่นในพระรัตนตรัย เคยมีพระคุณต่อพระศาสนาในการ อุปถัมภ์ภิกษุ-ภิกษุณีสงฆ์ ตลอดทั้งสามเณร-สามเณรีทงั้ หลาย มีนาง สารีพราหมณี ท่านวังคันตพราหมณ์ นางโมคคัลลีและท่านพราหมณ์ ผู้เป็นมารดาบิดาท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโมคคัลลานะพร้อม ทั้งพี่น้องครอบครัวทุกคน, ท่านปุณณะเศรษฐี นางอุตตราผู้เป็น ภรรยา นางอุตตราผู้เป็นบุตรสาวผู้เคยถวายท่านแด่ท่านพระสารีบุตร นางสิริมา น้องสาวของท่านหมอชีวก นางกาฬกุรรฆริกา อุบาสิกา, ท่านอุบาลี คหบดีแห่งเมืองนาลันทา พร้อมทั้งครอบครัวญาติพี่น้อง วิ สาขอุบาสก นายสุมนมาลาการ นายตัมพทาฐิกะ (โจรเคราแดง ผู้
(๕)
เคยถวายอาหารบิณฑบาตแก่ท่านพระสารีบุตร) แห่งนครราชคฤห์ นางสุปปิยาแห่งนครพาราณสี นางบุญญลักษณาเทวี ภรรยาของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ผู้สร้างวัดเชตวันมหาวิหาร นายกาละ นางสุภัททา นางจุลสุภัททา และนางสุมนาพร้อมทั้งญาติพี่น้อง ลูกหลานทุกคน ท่านมณฑกเศรษฐี นางจันทปทุมา, ท่านธนัญชัยเศรษฐี นางสุมนาเทวี และนางวิสาขา มหาอุบาสิกา ผู้สร้างวัดบุพพาราม พร้อมทั้งบริวารและลูกหลาน เหลนทุกคน และ ฉัตตปาณิอุบาสกแห่ง เมืองสาวัตถี ท่านโฆษกเศรษฐี,ศรีภรรยา และลูกหลาน ผู้สร้างโฆสิตาราม กุกกุฏเศรษฐี,ภรรยาและลูกหลาน ผู้สร้างกุกกฏาราม และปาวาริก เศรษฐี,ภรรยาและลูกหลาน ผู้สร้างปาวาริการาม นางขุชชุตตราผู้เคย ให้ธรรมทานแก่พระนางสามาวดี พร้อมด้วยบริวารแห่งนครโกสัมพี แคว้นวังสะ, โสเรยยเศรษฐีบุตรแห่งโสเรยยนคร, ท่านปุกกุสาติแห่ง นครตักกศิลา, ท่านพระสุธรรม, ท่านพระอุปกะแห่งเมืองราชคฤห์, ท่านจิตตคหบดีแห่งเมืองมิจฉิกาสัณฑ์, สูรัมพัฏฐอุบาสก, ท่านอุคค คหบดีและท่านสีหเสนาบดีแห่งเมืองเวสาลี, นกุลปิตา-นกุลมารดาแห่ง เมืองสุงสุมารคิรี แคว้นภัคคะ,นางกาติยานี นางกาฬีกรุ รฆริกา, หัตถก อุบาสกแห่งกรุงอาฬวี แคว้นอาฬวี, ปิงคิยมานพแห่งนครสาวัตถี, นายจุนทะ ผู้ถวายอาหารบิณฑบาตมื้อสุดท้ายแด่พระพุทธองค์ พร้อม ด้วยครอบครัวแห่งนครปาวา แคว้นมัลละ, นางปทุมวดีผู้เคยเป็น มารดาของพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ และท่านดาบสผู้เป็นเลี้ยง
(๖)
ดูนาง, ท่านมหาทุคคตะผู้เคยถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระพุทธเจ้า กัสสปะพร้อมด้วยครอบครัว และมารดาบิดาของนายมิตตวินทุกะและ ลูกชายคนนั้น, ท่านอนาคาริกธรรมปาละแห่งเมืองโคลัมโบเปตตาห์ ข้าพเจ้าเกิดความเลื่อมใส และสานึกในอุปการคุณแห่งพระ มหาเถระทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลแห่งธรรมทานนี้ไปให้แก่ ผู้มี รายนามต่อไปนี้ พระมหานามเถระ พระอัสสชิเถระ พระเถระทั้งหลายที่เคย เป็นสหายกับท่านพระยสะ พวกภิกษุภัททวัคคีย์ทงั้ หลาย พระนาลก เถระ พระอุรุเวลกัสสปเถระ พระนทีกัสสปเถระ พระคยากัสสปเถระ และพระเถระทัง้ หลายที่เคยเป็นเพื่อนสหธรรมิกกัน พระมหาจุนทะ พระกังขาเรวตเถระ พระนันทกเถระ พระนันทเถรศากยะ พระภัททิย เถรศากยราชา พระสีวลีเถระ พระอุปเสนเถระ พระขทิรวนิยเรวตเถระ พระปุณณมันตานีบุตรเถระ พระปุณณเถระ พระโสณกุฏิกัณณเถระ พระโสณโกฬิวิสเถระ พระราธเถระ พระสุภูติเถระ พระกาฬุทายีเถระ พระปิลินทวัจฉเถระ พระโสภิตเถระ พระรัฐบาลเถระ พระวังคีสเถระ พระสภิยเถระ พระเสลเถระ พระอุปวาณเถระ พระเมฆิยเถระ พระ สาคตเถระพระนาคิตเถระ พระลกุณฑกภัททิยเถระ พระปิณโฑลภาร ทวาชเถระพระมหาปันถกเถระ พระจูฬปันถกเถระ พระกุณฑธานเถระ พระยโสชเถระ พระอชิตเถระ พระติสสเมตเตยยเถระ พระปุณณกเถระ พระเมตตคูเถระ พระโธตกเถระ พระอุปสีวเถระ พระนันทะ พระเหมกะ พระโตเทยยะ พระกัปปะ พระชตุกัณณี พระภัทราวุธ พระอุทยะ พระ โปสาละ พระโมฆราช พระปิงคิยะ พระภัคคุเถระ พระกิมพิลเถระ พระ
(๗)
พากุลเถระ พระมหากัปปินะ พระมหาอุทายีเถระ พระวักกลิเถระ และ ท่านพระมหาเถระทั้งหลายทัง้ ปวงผู้มีอุปการคุณต่อพระศาสนาทัง้ ใน สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบันที่ไม่ปรากฏนาม ภิกษุณที มี่ รี ายชือ่ ต่อไปนี้ พระปฏาจาราเถรี พระนันทาเถรี พระธรรมทินนาเถรี พระโสณาเถรี พระสกุลาเถรี พระภัททากุณฑลเกสาเถรี พระภัทท กาปิลานีเถรี พระภัททากัจจานาเถรี พระกีสาโคตมีเถรี พระสิงคาล มาตาเถรี และภิกษุณีทา่ นอื่นๆทั้งหลายทัง้ ปวงผู้มีอุปการคุณต่อพระ ศาสนาทัง้ ในสมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบันที่ไม่ปรากฏนาม สามเณรทัง้ หลายทีม่ รี ายนามต่อไปนี้ สามเณรสังกิจจะ สามเณรอธิมุตตะ สามเณรบัณฑิต สามเณรสุมนะ สามเณรโสปากะ สามเณรนิโครธและสามเณรท่าน อื่นๆทั้งหลายทัง้ ปวงผู้มีอุปการคุณต่อพระศาสนาทัง้ ในสมัยพุทธกาล จนถึงปัจจุบันที่ไม่ปรากฏนาม ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น พึงได้รับหนังสือเล่มนี้ และได้พบ กัลยาณมิตร ได้รับการอนุเคราะห์จากพระโพธิสัตว์เจ้าทัง้ หลาย ได้ฟัง ธรรม ฉลาดในกรรมและวิบากกรรม มีปีติปราโมทย์ บันเทิงในธรรมที่ พระอริยเจ้าประกาศแล้ว ในกาลทุกเมื่อ ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ รื่นเริงในสุคติภูมแิ ละไปบังเกิดในเทวโลกสวรรค์ชั้นสูงยิง่ ๆขึ้นไปตลอด กาลนานเทอญฯ
(๘)
พระพุทธเจ้าเป็นอจินไตย พระธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นอจินไตย พระอริยสงฆ์สาวกเป็นอจินไตย พระพุทธเจ้าเป็นผู้ล้าเลิศประเสริฐสุดด้วยศีล สมาธิและปัญญา เป็นพระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทังหลาย เป็นผู้ทรงไว้ ซึ่งสัพพัญญุตญาณ ทสพลญาณ เวสารัชญาณและพระจักษุทงั ๕ ด้วยสัจจวาจานี้ ด้วยความจริงนี้ ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสนี้ ขอ ความสุขสวัสดี พึงบังเกิดขึน บังเกิดมีแก่เทพเจ้าทังหลายผู้มตี ถาคตโพธิ ศรัทธาอย่างหนักแน่นไม่คลอนแคลน มีความเลื่อมใสยิ่งในพระรัตนตรัย มี จิตใจตังมั่นในสัมมาทิฏฐิ ขอความสุขสวัสดี พึงบังเกิดขึน บังเกิดมีแก่ โอปปาติกะทังมวลที่เคยมีอุปการคุณต่อพระศาสนา ดังที่ขา้ พเจ้าได้กล่าว นามมาแล้วนัน ด้วยความปรารถนาดีแด่ผู้ใฝ่ธรรมทุกท่าน บ.สยังวสี
โพธิธรรมสิกขาลัย ลาสเวกัส ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
อักษรย่อชื่อคัมภีร์
ที่ใช้ในหนังสืออริยุปวาท เล่ม ๑
พระสุตตันตปิฎก คำย่อ ที.สี. ที.ปา. ม.มู. ม.อุ. ม.ม. สัง.ม. สัง.ส. สัง.สฬา. สัง.นิ. อัง.เอก. อัง.ติก. อัง.จตุก. อัง.ปัญจ. อัง.สัตต. อัง.อัฏฐ. ขุ.เปต. ขุ.เปต. ขุ.อิติ. ขุ.ชา.
หมายถึง
” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ” ”
คำเต็ม ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค มัชฌิมนิกายมูลปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ สังยุตตนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ขุททกนิกาย เปตวัตถุ ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ขุททกนิกาย อิตวิ ุตตกะ ขุททกนิกาย ชาดก
หมายเหตุ : พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย (มจร.แปล) พิมพ์ที่ โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ ๒๕๓๙ เลขหน้าบอกเล่ม เลขหลังบอกหน้า เช่น สัง.ส. (แปล) ๑๕/๑๓๗ มัลลิกาสูตร หมายถึง พระไตรปิฎกฉบับ มจร.แปล เล่มที่ ๑๕ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค หน้า ๑๓๗ มัลลิกาสูตร
พระไตรปิฎกและอรรถกถา แปล ฉบับมหำมกุฏรำชวิทยำลัย คำย่อ คำเต็ม อ.วิ.มหา. หมายถึง อรรถกถา วินัยปิฎก มหาวิภังค์ เลขหน้าบอก ภาคและเล่ม เลขหลังบอกหน้า เช่น อ.วิ.มหา.๑/๑/๒๘๐ หมายถึง อรรถกถา วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ เล่ม ๑ หน้า ๒๘๐
พระธัมมปัฏฐกถำ แปล คณะกรรมกำรแผนกตำรำ มหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ คำย่อ คำเต็ม ธ.ป. หมายถึง พระธัมมปัฏฐกถา แปล เลขหน้าบอก ภาค เลขหลังบอกหน้า เช่น ป.ธ. (แปล) ๔/๒๑๖-๒๒๒ เรื่องนาง กิสาโคตมี หมายถึง พระธัมมปัฏฐกถา แปล ภาค ๔ หน้า ๒๑๖-๒๒๒ เรื่องนางกิสาโคตมี
การปฏิบัติผิดต่อพ่อแม่ บาปแท้จริ งเอย “ภิกษุทั้งหลาย คนพาลผู้ไม่เฉียบแหลม เป็นอสัตบุรุษ ปฏิบัติผิดในมารดา... ปฏิบัติผิดในบิดา... ย่อมบริหารตนให้ถูกกาจัด ถูกทาลาย มีความเสียหาย ถูกผู้รู้ติเตียน และประสพสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมาก” ทุติยขตสู ตร อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๖
อริยุปวาทกับพ่อแม่
ชีวิตนี้วิบัติแท้..แน่นอน ๑.ความเจริญก้าวหน้าทุกอย่างหยุดชะงัก ๒.เกิดความเสื่อม พินาศหายนะในชีวิต ครอบครัวความรัก ตาแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง หน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง และ สุขภาพ ๓.ทาให้ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องสาคัญๆในชีวิต ๔. เกิดความสาคัญตัวเองผิดๆ หลงตัวเองในทางที่ผิดในเรื่อง รูปร่างหน้าตา สติปัญญาความรู้ ความสามารถทั้งๆที่ตนเองไม่มี คุณลักษณะหรือคุณสมบัติเช่นนั้น ๕.ไม่อยากทาความดี มีใจเบื่อหน่ายท้อแท้ในการทาบุญกุศล ความดีงามทัง้ หลาย ๖.มีเหตุให้ทาผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง ๗. เกิดความผิดปกติขึ้นกับร่างกายและจิตใจ ๘. เกิดโรคร้ายแรง เรื้อรังและรักษายาก ๙. เป็นใบ้ เป็นบ้า วิกลจริต มีอาการผิดปกติทางสมอง ๑๐. คิดฆ่าตัวตาย ทาร้ายตัวเอง มีชีวิตอยู่อย่างลาบาก ทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทัง้ เป็น ถอดความจาก
อักโกสกสูตร อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๑๙๙,อัง.ปัญจก. (แปล) ๒๒/๓๕๔ พยสนสูตร อัง.เอกาทส. (แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘
กรรมทำผิดต่อมำรดำบิดำ
ชีวิต...จะตกต่ำอำภัพอับจน บุตรที่มารดา...บิดาเลี้ยงดูมาแล้วด้วยความลาบากอย่างนี้ ไม่บารุงเลี้ยงดูมารดา...บิดา บุตรคนนั้นชื่อว่าประพฤติผิดในมารดา...บิดา ย่อมเข้าถึงนรก แม้ทรัพย์ที่เกิดขึ้นแก่บุตรทั้งหลาย ผู้มีความต้องการ ทรัพย์ ก็พินาศไปบ้าง บุตรนั้น ย่อมถึงฐานะอันลาบากบ้าง เพราะ ไม่บารุงมารดา...บิดา ..ความเพลิดเพลินยินดี ความรื่นเริงบันเทิงใจ และการหัวเราะเล่นหัวกันในกาลทุกเมื่อนั้น บัณฑิตผู้รู้แจ้ง(ลูกที่ฉลาดมี ปัญญาดี) จะพึงได้ เพราะบารุงเลี้ยงดูมารดา...บิดา โสณนันทชำดก
ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๘๓-๘๕ อัง.ทุก.(แปล) ๒๐/๗๗ สมจิตตวรรค
กำรเลี้ยงดูมำรดำบิดำ
เป็นบุญเอนกอนันต์..มีอำนิสงส์มหำศำล ผู้ใดแสวงหาภิกษาโดยชอบแล้ ว เลี ้ยงมารดาและบิดา ผู้นนย่ ั ้ อมได้ บญ ุ เป็ นอันมาก...บุคคลใดเลี ้ยงมารดาและบิดาโดยชอบ เพราะการบารุงมารดาและบิดานัน่ แล บัณฑิตย่อมสรรเสริญบุคคล นันในโลกนี ้ ้ทีเดียว บุคคลนันละไปจากโลกนี ้ ้แล้ วย่อมบันเทิงในสวรรค์ มาตุโปสกสูตร สัง.ส.(แปล) ๑๕/๒๙๗
แม่และพ่อ ถือว่า เป็นบุคคลที่ต้องห้ามล่วงเกิน ลูกคนใดที่ชอบพูดดุดา่ ว่า พูดตาหนิติเตียน ทาบังอาจกับพ่อแม่ ชีวิตของลูกคนนั้น มีแต่จะตกต่า ย่าแย่ เอาดีได้ยาก จะตกระกาลาบากไปอีกนาน
กฎแห่งวจีกรรม
ทีคุณมองข้ำมและไม่คำดคิดว่ำ จะมีผลร้ำยต่อชีวิตรุนแรงถึงเพียงนี้
ผลกรรมจากการคิดไม่ดี พูดด่าว่ามารดาบิดา ชื่อว่า มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์ คุณจะเชื่อหรือไม่ เห็นด้วยหรือเปล่านั้น เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าอยากรู้ว่า เป็นจริงอย่างไร โปรดอ่านหลายๆรอบ เทียบเคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ตัวคุณ คนใกล้ชิด เพื่อนสนิทและคนรู้จัก และพิจารณา ไตร่ตรองด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วคุณจะเห็นตามเป็นจริงที่ว่า
ทุกถ้อยคำที่ออกมำจำกพระโอษฐ์ ของพระตถำคตนั้น เป็นจริงแท้แน่นอน ไม่ผิดพลำดแม้แต่คำเดียว
สารบัญ พ่อแม่...ผู้มีพระคุณสูงสุด พ่อแม่..บุคคลที่ต้องห้ามล่วงเกิน พูดตาหนิด่าว่าพ่อแม่..บาปแท้แน่นอน
๑ ๙ ๑๗
กรรมล่วงเกินพ่อแม่ บาปมหันต์ให้ผลทันตา
๔๕ ๔๘ ๕๒
อนันตริยกรรม อริยุปวาทมีโทษมากเท่าอนันตริยกรรม ปฏิบัติผิดต่อพ่อแม่วิบตั ิแท้จริงเอย ติพระอริยเจ้าผู้ควรสรรเสริญมีโทษมาก ด่าพระโสดาบันชีวติ บรรลัย
๑.ความเจริ ญก้าวหน้าทางโลก-ธรรมหยุดชะงัก ๒.เกิดความเสื่ อม วิบตั ิหายนะ
เกิดความเสื่อมทางโลก
เสื่อมลาภ เสียลาภ เสื่อมยศ สูญเสียตาแหน่ง เสื่อมจากสรรเสริญ เสื่อมจากความสุข
เกิดความเสื่อมทางธรรม เสื่อมในด้านสมาธิ เสื่อมในด้านอภิญญา
๓.ตัดสิ นใจผิดพลาดในทางโลก-ธรรม ๔.เกิดความสาคัญผิด ๔.๑ สำคัญผิดเรื่องควำมรู้ ๔.๒ สำคัญผิดเรื่องควำมชั่ว-ดี เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดี
๕๗ ๖๒
(๒) เห็นคนดีเป็นคนชั่ว เห็นถูกเป็นผิด ละอายในสิ่งไม่ควรละอาย กล้าในสิ่งทีไ่ ม่ควรกล้า เห็นสิ่งที่เป็นสิริมงคลว่าเป็นอัปปมงคล เห็นสิ่งสัปดนว่า “เป็นสิ่งที่ควรพูด ควรทา” เห็นบาปเป็นบุญ เห็นสิ่งที่เป็นคุณเป็นโทษ เห็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์วา่ “มีประโยชน์ สาคัญผิดเรื่องความรัก สาคัญผิดเรื่องอาชีพ สาคัญผิดในเรื่องทั่วไป
๔.๓ เกิดควำมสำคัญผิดในทำงธรรม ๕.เบื่อหน่ายท้อแท้ไม่อยากทาดี ๖.ทาผิดศีลธรรมอย่างรุ นแรง ๗.เกิดความผิดปกติทางกายและใจ ๘.เป็ นโรคร้ายที่เรื้ อรังและรักษายาก ๙.เป็ นบ้า ใบ้ เสี ยประสาท วิกลจริ ต ๑๐.คิดฆ่าตัวตาย หรื อ ทาร้ายตัวเอง
๑๐๓ ๑๐๔ ๑๑๐ ๑๑๓ ๑๑๙ ๑๒๐
(๓)
กรรมวาไรตี้ มโนกรรม
๑.กรรมคิดจับผิดพ่อแม่ ๒.กรรมคิดตาหนิ วา่
กรรมคิดไม่ดีกับพ่อแม่
“พ่อแม่ไม่เลี้ยงดู ไม่รู้จักรับผิดชอบ”
๓.กรรมโกรธ..เกลียดพ่อ(แม่) ๔.กรรมคิดน้อยใจพ่อแม่ ๕. กรรมไม่ถกู โฉลกกับพ่อแม่
๑๓๑ ๑๓๓ ๑๓๔ ๑๓๘ ๑๓๙
วจีกรรม
กรรมพูดไม่ดีกับพ่อแม่
๑.กรรมโต้เถียงพ่อแม่ ๒.กรรมด่าพ่อแม่อย่างรุ นแรง ๓.กรรมสาปแช่งพ่อแม่ ๔.กรรมด่าพ่อแม่วา่ “โง่” ๕.กรรมพูดไล่พอ่ แม่ออกจากบ้าน ๖.กรรมไม่พดู กับพ่อแม่ ๗.กรรมตาหนิพอ่ แม่วา่ สอนลูก-หลานไม่เป็ น
๑๔๕ ๑๔๖ ๑๔๘ ๑๕๐ ๑๕๒ ๑๕๓ ๑๕๔
(๔)
กรรมทาผิดต่อพ่อแม่(ทั่วไป)
๑.กรรมโกงสมบัติพอ่ แม่ ๒.กรรมไม่ได้เลี้ยงดูพอ่ แม่ ๓.กรรมให้พอ่ แม่ตามใจ ๔.กรรมใช้พอ่ แม่เลี้ยงลูก ๕.กรรมใช้พอ่ แม่
ซักเสื้อผ้ำ..ทำอำหำร..ทำงำนบ้ำน
กรณีตัวอย่าง กรรมใช้พระอรหันต์ ๖.กรรมทาให้พอ่ แม่นอ้ ยใจ และไม่ภูมิใจในตัวผูบ้ งั เกิดเกล้า ๗.กรรมทาประชดพ่อแม่ เตะสำรับกับข้ำว..ถีบฝำ..กระทืบเท้ำ ปิดประตู
๘.กรรมทาให้พอ่ แม่อบั อาย ๙.กรรมทวงหนี้พอ่ แม่ ๑๐.กรรมเก็บค่าเช่าพ่อแม่ ๑๑.กรรมทาร้ายพ่อแม่ กรณีตัวอย่างนายมิตตวินทุกะ ๑๒.กรรมกีดกันความรักของพ่อแม่ ๑๓. กรรมแต่งงานพ่อแม่ไม่เห็นด้วย ๑๔. กรรมกักขังพ่อแม่ ๑๕. กรรมโกหกพ่อแม่ ๑๖. กรรมทาให้พอ่ แม่เป็ นห่วง
๑๕๘ ๑๕๙ ๑๗๐ ๑๗๑ ๑๗๓ ๑๗๕ ๑๘๑ ๑๘๒ ๑๘๔ ๑๘๖ ๑๘๗ ๑๘๙ ๑๙๕ ๒๑๒ ๒๑๓ ๒๑๔ ๒๑๕ ๒๑๖
(๕)
๑๗. กรรมไม่เคารพพ่อแม่ ๑๘. กรรมไม่ได้ยกย่องเชิดชูพอ่ แม่ ๑๙. กรรมไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ๒๐. กรรมไม่ได้ติดต่อพ่อแม่ สรุปผลกรรมทำผิดต่อพ่อแม่ วิบำกกรรมเป็นอจินไตย บุคคลทีส่ ุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินพ่อแม่ พุทธวิธีห้ามจิต หยุดคิดอกุศลกับพ่อแม่
๒๑๗ ๒๑๘ ๒๑๙ ๒๒๐ ๒๒๓ ๒๒๗ ๒๓๑ ๒๓๗
วิธีขอขมากรรมกราบขอขมาโทษพ่อแม่ สิ่งของที่ใช้ในการขอขมาโทษ ตัวอย่าง คากล่าวขอขมาโทษ
๒๔๓ ๒๔๘ ๒๔๙
เกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งหาได้ยาก ชีวิตนี้มีค่ามาก พระคุณพ่อแม่ตอบแทนไม่หมด ล่วงเกินพ่อแม่บาปมหันต์
กรณีตัวอย่ างการขอขมาโทษ ภรรยำเศรษฐีขอขมำโทษท่ำนพระมหำกัจจำยนะ ภิกษุรูปหนึ่งขอขมำโทษท่ำนพระสำรีบุตร
หลังขอขมาโทษ ชีวิตจะรุ่งโรจน์สดใส ขอขมาโทษแล้ว แต่ชีวิตไม่รุ่งโรจน์จะโทษใคร สร้างภูมคิ ุ้มกันใจด้วยธรรมะ วิธีตอบแทนพระคุณพ่อแม่ บทสรุปผลกรรมการพูดล่วงเกินพ่อแม่
๒๕๒ ๒๕๙ ๒๖๕ ๒๖๙ ๒๗๓ ๒๘๑ ๒๙๓
(๖)
พ่อพระ แม่พระในบ้าน บุคคลที่มีพระคุณสูงสุด คือ พ่อกับแม่ทั้งสอง ท่านนี้ ถ้าหากผู้ใดปฏิบัติดีต่อท่าน จะเกิดสิริมงคลแก่ ชีวิต เป็นบุญเอนกอนันต์ มีผลอานิสงส์มหาศาล เกิด ปาฏิหาริย์อย่างมหัศจรรย์
ในทางตรงข้าม แต่ถ้าหากลูกคนใดปฏิบตั ิ ผิดต่อท่าน ก็จะเกิดความวิบตั ิ อุปัทวันตราย เกิดความฉิบหายในทางโลกและความเสื่อมถอย ในทางธรรม ได้รับผลกรรมอย่างฉับพลันทันตา มี อันเป็นไปทันที และชีวิตหลังตาย ก็ต้องไปเกิดใน อบายภูมิ นรกอย่างสุดแสนทรมาน ทัง้ นีน้ ั้น เพราะว่า พ่อกับแม่นี้ มีพระคุณต่อลูกใหญ่หลวง นัก โดยให้ชีวิต ให้กาเนิดและเลี้ยงดูด้วยความ ยากลาบากเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ถอดควำมจำก ทุติยขตสูตร
อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๖
มนุษย์ทกุ คนที่ได้ มีโอกาสถือกาเนิดเกิดมาบนโลกใบนี ้ จะต้ องอาศัยเหตุปัจจัยและเงื่อนไขหลายประการ ไม่ได้ เกิดมาเอง ด้ วยตัวคนเดียว แต่ต้องอาศัยพึง่ พามารดาบิดาเป็ นผู้ให้ กาเนิด โดยเฉพาะผู้เป็ นแม่ต้องอุ้มท้ องด้ วยความอึดอัด ทนทุกข์ทรมาน อยู่นานถึง ๙-๑๐ เดือน ก่อนจะคลอด ลองคิดดูวา่ การที่แม่อุ้มท้อง ลูกแต่ละคน ก่อนจะคลอดออกมานั้น เป็นภาระที่หนักเพียงใด ต้องใช้ ความอดทนมากแค่ไหน ถ้ าท่านไม่มีความรัก ไม่หวังดี ไม่ปรารถนา ดีตอ่ ลูกด้ วยความบริสทุ ธิ์ใจแล้ ว จะทาได้ หรื อไม่ เพราะเหตุนี ้ มารดาบิดา จึงชื่อว่า เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้บังเกิดเกล้ำ เป็นผู้ให้ ชีวิตแก่ลูก ซึง่ เป็ นสิ่งที่มีคา่ มหัศจรรย์อนั ยิ่งใหญ่ ควรแก่การยกย่อง เทิดทูน บูชาสักการะเหนือเศียรเกล้ า เมื่อเราได้ เกิดมาเป็ นมนุษย์ และมีโอกาสได้ ลืมตาดูโลกอัน สวยงามในชาตินี ้ พร้ อมทังมี ้ ตา หู จมูก ลิ ้น ร่างกาย สมอง มีอวัยวะ แขนขาครบถ้ วนสมบูรณ์ ไม่บกพร่อง ไม่วิกลพิการ มีดวงตาสาหรับ ไว้ ดู ได้ เห็นสิ่งที่สวยงาม มีหสู าหรับฟั งเสียงเพลง เสียงดนตรีที่ ไพเราะ มีจมูกสาหรับไว้ ดมกลิน่ ที่หอมชื่นใจ มีลิ ้นสาหรับไว้ ลิ ้ม รสชาติอาหารที่อร่อย มีร่างกายตังแต่ ้ ศีรษะจรดเท้ า มีประสาทกาย
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒
รับรู้สมั ผัสที่น่าพึงพอใจ มีความสุขสบายได้ จนถึงปั จจุบนั โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ มีโอกาสศึกษาปฏิบตั ิธรรมจนได้ ร้ ูแจ้ งสัจ ธรรมแห่งชีวิตทังหมดทั ้ งปวงนั ้ น้ เพราะเราได้ เกิดมาเป็ นมนุษย์มี ชีวิตยืนยาวและได้ อาศัยร่างกายอันนี ้ที่พอ่ แม่ให้ มา เพราะฉะนัน้ การที่เกิดมามีอตั ภาพเป็ นมนุษย์ และมีชีวิต รอดมาได้ จนถึงปั จจุบนั ถือว่า เป็ นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่ง เพราะการ มีชีวิต มีร่างกายอย่างนี ้ มีคณ ุ ค่ามากมายยิ่งนัก หำกจะประเมินค่ำ ตีรำคำอวัยวะร่ำงกำยเป็นทรัพย์สินเงินทอง โดยสมมติวา่ มีคนมา ขอซื ้อดวงตา ๒ ข้ าง ในราคาร้ อยล้ าน พันล้ าน หมื่นล้ านหรื อแสน ล้ าน ก็คงไม่ มีผ้ ใู ดยอมขายแน่ นอน ทังนี ้ ้ เพราะว่า แม้ จะมีเงิน ทองมากมายแค่ไหน แต่เมื่อไม่มดี วงตำมองเห็น เงินทองก็ไร้ค่ำ หมดควำมหมำย ข้ ออุปมาเปรี ยบเทียบนี ้ ชี ้ให้ เห็นชัดว่า “ชีวิตและ ร่างกายที่เรามีอยู่ขณะนี้ มีคา่ มาก หาประมาณมิได้” ถามว่า “ร่างกายอันเป็นทีร่ กั และหวงแหนมากที่สุดนี้ ท่าน ได้แต่ใดมา…ชีวิตที่มีอยู่ขณะนี้ ใครเป็นผู้มอบให้คุณมา” ทุกคนต้ อง ตอบเป็ นเสียงเดียวกันว่า “มำรดำและบิดำนั้น ท่ำนเป็นผู้ให้เรำมำ” เมื่อพ่อแม่เป็นผู้ให้กาเนิด ให้ชีวิต ให้ร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด ถ้ ามีคนถามว่า “เรารักใครมากที่สดุ ในชีวิตนี้” คาตอบที่ถกู ต้ อง คือ รั กตัวเราเองมาก ที่สุด แม้ บางคนจะแย้ งว่า รักพ่อแม่หรือรักลูกมากที่สดุ ก็ตาม ถึงกระนัน้ ก็ยงั น้ อยกว่ารัก ตัวเอง เพราะเรารักตัวเองมากต่างหาก เราจึงไม่อยากให้ คนที่เรารักเป็ นทุกข์ หรือ มีอนั เป็ นไปต่างๆ มีพระพุทธพจน์กล่าวยืนยันไว้ วา่ “นัตถิ อัตตะสะมัง เปมัง” แปลว่า “ไม่มีความ รักอื่นใด จะยิ่งไปกว่ารักตัวเอง” สัง.ส.(แปล) ๑๕/๑๓๗ มัลลิกาสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓
แก่ลูก จึงควรเรียกท่านทังสองว่ ้ า “ผู้มีพระคุณสูงสุด” ด้ วยเหตุนี ้ มารดาบิดา จึงได้ ชื่อว่า เป็ นผู้มีอปุ การคุณสูงสุดของบุตร และ พระคุณอันใหญ่หลวงนี ้ ไม่สามารถจะอ้ างเอ่ยพรรณนาให้ หมดสิ ้น ได้ วา่ มีมากเพียงใด ในฐานะมารดาบิดาเป็ นผู้ที่ให้ กาเนิด ให้ ชีวิตแก่ลกู เลี ้ยงดู จนเติบใหญ่ และเป็ นผู้แนะนาสัง่ สอน พร้ อมทังมอบความรั ้ กอัน บริ สทุ ธิ์ตอ่ ลูก พระพุทธเจ้ า ผู้เป็ นพระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ทังหลาย ้ ผู้เป็ นสัพพัญญู เป็ นโลกวิทรู ้ ูแจ้ งโลกและสรรพสิ่ง ได้ ทรง ยกย่องมารดาบิดาไว้ ในฐานะที่ยิ่งใหญ่ ๓ ประการ คือ๑ ๑. เป็ นพรหมของลูก มารดาบิดา ชื่อว่า เป็ นผู้ให้ กาเนิดลูก ให้ โอกาสแก่ลกู ได้ ถือ กาเนิดเกิดมาลืมตาดูโลก เลี ้ยงดูจนเติบใหญ่ด้วยความรักและ ความปรารถนาดีเปรียบเสมือนพระพรหม ซึง่ เป็ นเทพเจ้ าชันสู ้ งใน พรหมโลก มีพรหมวิหารธรรมประจาใจ แม้ พ่อแม่นนก็ ั ้ เช่นกัน มี พรหมวิหารธรรม ๔ ประการ คือ เมตตำ กรุณำ มุทิตำ และอุเบกขำ ต่อลูก เป็ นผู้ที่มีความรัก ความหวังดี ความปรารถนาดีที่บริ สทุ ธิ์ จริ งใจต่อลูกทุกคน อย่างไม่มีใครเสมอเหมือน จึงยากที่จะมีใครรัก เราเท่ากับพ่อแม่รัก ความรักที่บริ สทุ ธิ์ของพ่อแม่ที่มีตอ่ ลูก จึง ๑
อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๑๐๗ พรหมสูตรและอรรถกถา, อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๑๘๓ สพรหมกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔
เปรี ยบเสมือนความเมตตาปราณีของพระพรหมที่มีตอ่ สัตว์โลกทุก หมู่เหล่าเสมอเหมือนกันหมด โดยไม่มีอคติลาเอียงใดๆ เมื่อคราลูกเจ็บป่ วย ไม่สบาย เป็ นทุกข์ มีปัญหา หัวใจของ ผู้ที่เป็ นพ่อแม่ ย่อมเต็มไปด้ วยความห่วงหาอาทร ทนไม่ได้ ที่จะไม่ สงสารเห็นใจ คิดหาทางช่วยเหลือ ปลดเปลื ้องความทุกข์ให้ กบั ลูก แม้ ลกู จะโตเป็ นผู้ใหญ่มีครอบครัวไปแล้ ว หรื อต่อให้ มีตาแหน่ง ใหญ่โตแค่ไหน แต่ในสายตาพ่อกับแม่ ลูกก็ยังเป็นลูกเหมือนเดิม ขณะที่เห็นลูกได้ ดี มีความสุข ประสบความสาเร็จในหน้ าที่การงาน ครอบครัว ความรัก ตาแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง พ่อแม่ก็ดีใจ มี ความปลาบปลื ้มในตัวลูก และเวลาที่ลกู อยู่ดีมีความสุข พึง่ พา ตัวเองได้ พ่อแม่ ก็เบาใจ คลายกังวล คอยเฝ้ าดูอยู่ห่างๆ ไม่เข้ าไป แทรกแซง เพราะเหตุนี ้ พ่อแม่ จึงได้ ชื่อว่าเป็ นพรหมของลูก ๒. เป็ นครู คนแรก พ่อแม่ ชื่อว่า เป็นบุรพำจำรย์ หรื อครูคนแรกของลูกก่อนครู คนอื่น เพราะได้ ทาหน้ าที่ของครู/อาจารย์ คือ สอนลูกให้ ร้ ูจกั การ นัง่ การยืน การเดิน การนอน การกิน การดื่ม การพูด การนุ่งห่ม การล้ างหน้ าแปรงฟั น การศึกษาเล่าเรียนเบื ้องต้ น และสอนให้ ร้ ูจกั ตัวเอง การเข้ าสังคม โดยเฉพาะสอนให้ ลกู เป็ นคนดีมีคณ ุ ธรรม คือ ห้ ามปรามไม่ให้ ลกู ทาความผิด ทาความชัว่ มัว่ อบายมุข เล่นการ พนัน เสพสุรายาเสพติดที่ให้ โทษทังหลาย ้ ตักเตือนพร่ าสอน ฝึ กอบรมให้ ลกู ดารงตนอยู่ในศีลธรรมความดี ให้ มีการศึกษา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕
ส่งเสริ มให้ ลกู มีศลิ ปะวิทยาที่สามารถเลี ้ยงตัวได้ พร้ อมทังให้ ้ คาแนะนาชี ้แนะในการเลือกคูค่ รองที่เหมาะสม และมอบทรัพย์ สมบัติให้ ในเมื่อถึงโอกาสอันควร๒ พ่อแม่ได้ ทาหน้ าที่อบรมสัง่ สอน ลูกอย่างนี ้ จึงได้ ชื่อว่าเป็ นครูคนแรกที่ใจดีและจริ งใจต่อลูกทุกคน ๓.เป็ นผู้ควรตอบแทนคุณ พ่อแม่เป็ นอาหุไนยบุคคล คือ เป็ นผู้ที่ลกู ทังหลายจะต้ ้ อง ตอบแทนพระคุณ ด้ วยการปรนนิบตั ิเลี ้ยงดูอย่างดี ด้ วยการจัดหา ข้ าวปลาอาหารให้ รับประทาน ซื ้อเครื่ องนุ่งห่มเสื ้อผ้ าอาภรณ์ให้ คอยรับใช้ เมื่อท่านต้ องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะตอนที่พ่อแม่ แก่เฒ่าชรา พึง่ พาตัวเองลาบาก ถ้ าลูกทอดทิ ้ง ไม่ดแู ลปรนนิบตั ิรับ ใช้ ให้ ความช่วยเหลือ ชื่อว่า ได้ ทาผิดต่อท่านทังสอง ้ การเลี ้ยงดูพ่อแม่ ไม่ใช่เป็ นเพียงแค่หน้ าที่ซงึ่ ลูกจะต้ องทา เพื่อตอบแทนพระคุณของท่านเท่านัน้ แต่มีอานิสงส์ผลบุญสะท้ อน กลับมาแก่ผ้ ทู าอย่างมากมายมหาศาลด้ วย เหมือนอย่างว่า พระอริยสงฆ์สาวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอรหันต์ ได้ ชื่อว่า เป็ น เนื ้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของชาวโลก เพราะเป็ นที่มาแห่งอานิสงส์ ผลบุญมากมายเกินกว่าที่จะนับได้ ฉันใด มำรดำบิดำ ก็ชื่อว่า เป็น เนื้อนำบุญอันสูงสุดของลูกเหมือนกันฉันนั้น๓ เพราะฉะนั้น การ ปรนนิบัติเลี้ยงดูท่านทั้งสองด้วยความรัก เคารพนับถือ เชิดชูบูชา ๒ ๓
ที.ปา. (แปล) ๑๑/๒๑๒ สิงคาลกสูตร อัง.จตุกก.(แปล)๒๑/๖ ทุตยิ ขตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖
ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งบุญอันยิง่ ใหญ่ อันนามาซึ่งความสุขกายสบายใจ เจริญรุง่ เรืองทัง้ ทางโลกและทางธรรมตลอดกาลนาน เมื่อพ่อและแม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ให้กาเนิดชีวิตและเลี้ยงดูลูก จนเติบใหญ่ เป็นครูคนแรกทีใ่ ห้คาแนะนาพร่าสอนให้ลูกเป็นคนดีของ สังคมและโดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ท่ำน คือ พระแท้ในบ้ำน ซึ่งมีความรัก ความหวังดี ความปรารถนาดีตอ่ ลูกอย่างบริ สทุ ธิ์ใจ ไม่หวัง ผลตอบแทน พ่อแม่นนั ้ จึงได้ ชื่อว่า เป็ นผู้มีอปุ การคุณสูงสุดสาหรับ ลูก เพราะได้ มอบหนีพ้ ระคุณอันนีใ้ ห้ แก่ ลูกทัง้ หลาย ซึง่ ลูกทุก คนจะต้ องสานึกและตอบแทนพระคุณอันนี ้ หนีพ้ ระคุณอันนี ้ เป็ นหนีก้ รรมอันใหญ่ หลวงและหนักหน่ วงมาก ยากที่จะตอบ แทนให้ หมดสิ ้นได้ ภายในชาตินี ้ พระพุทธองค์ทรงอุปมาเปรียบเทียบไว้ วา่ ถึงลูกจะเลี ้ยงดู พ่อแม่ดีมากแค่ไหน แม้นว่า จะให้พ่อและแม่นั่งนอนบนบ่าทั้งสองข้าง แล้วปรนนิบัติเลี้ยงดูโดยให้ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ กิน ดื่ม อาบ อบ นวด ทากิจต่างๆอย่างดีตลอด ๑๐๐ ปีบนบ่าของเรา หรือว่า เราเกิดเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ มีรัตนะทัง้ ๗ ประการ๔ แล้วยกมอบสมบัติอัน พระเจ้ าจักรพรรดิพระนามว่าทัฬหเนมิ ผู้ทรงธรรม ครองราชย์โดยธรรม ทรงเป็ นใหญ่ใน แผ่นดินมีมหาสมุทรทังสี ้ ่เป็ นขอบเขต ทรงได้ รับชัยชนะ มีราชอาณาจักรมัน่ คง สมบูรณ์ด้วย แก้ ว ๗ ประการได้ แก่ (๑) จักรแก้ ว (๒) ช้ างแก้ ว (๓) ม้ าแก้ ว (๔) มณีแก้ ว (๕) นางแก้ ว(๖) คหบดีแก้ ว (๗) ปริณายกแก้ ว มีพระราชโอรสมากกว่า ๑,๐๐๐ องค์ ซึง่ ล้ วนแต่กล้ าหาญ มี รูปทรงสมเป็ นวีรกษัตริย์ สามารถย่ายีราชศัตรูได้ พระองค์ทรงชนะโดยธรรม ไม่ต้องใช้ อาชญา ไม่ต้องใช้ ศสั ตรา ครอบครองแผ่นดินนี ้มีสาครเป็ นขอบเขต ที.ปา.(แปล) ๑๑/๕๙-๘๒ จักกวัตติสูตร ๔
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗
ยิ่งใหญ่เหล่านั้นให้ทา่ นครอบครองเป็นเจ้าของก็ตาม การกระทาดังว่า มานี้ ก็ไม่อาจตอบแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของพ่อแม่ให้หมดสิ้นได้๕ ไม่ต้องพูดถึงการเลี ้ยงดูที่คณ ุ ลูกทังหลายท ้ ากันโดยทัว่ ไป เช่น การ ทาอาหารให้ รับประทาน การซื ้อเสื ้อผ้ าให้ การให้ เงินทองใช้ หรื อ การรับใช้ บริ การอื่นๆ ซึง่ ถือว่ าเป็ นการตอบแทนพระคุณเพียง เล็กน้ อย เมื่อเปรียบเทียบกับพระคุณของพ่อแม่ที่มีตอ่ เรา เพราะเหตุนี ้ ลูกทุกคน จึงชื่อว่า ได้ติดหนี้บุญคุณของพ่อและ แม่มาแล้วตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน และหนี้พระคุณอันนี้๖ ยังตอบแทน ไม่หมด ซึ่งจะเป็นหนี้บุญคุณที่ยังติดค้ำงกันต่อไป โดยไม่มีวนั จะใช้ หมด เว้นเสียแต่ว่ำ ลูกคนนั้น สามารถทาให้พ่อและแม่ได้เกิดในทาง ธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นโสดำบัน บุญคุณของท่านอันใหญ่หลวง นั้น ถึงจะชดใช้หมด คือว่า “เป็นกำรตอบแทนค่ำน้ำนมได้หมดสิ้น” ไม่เหลือติดค้ าง ไม่ติดหนี ้บุญคุณกันอีกต่อไป บุคคลที่ไม่ตระหนัก และสานึกในพระคุณของพ่อแม่อนั ยิ่งใหญ่นี ้ ไม่ใส่ใจดูแลปรนนิบตั ิเลี ้ยงดูท่านให้ ดี ชื่อว่า ได้ ทาผิดต่อ ท่านทังสอง ้ เข้ าข่ายเป็ นลูกอกตัญญู ไม่ ร้ ู จกั ตอบแทนคุณ เป็ น
อัง.ทุก. (แปล) ๒๐/๗๗ สมจิตตวรรคและอรรถกถา ผู้ที่พอ่ แม่เลี ้ยงดูมาด้ วยความยากลาบาก แต่ไม่ได้ ตอบแทนพระคุณของท่าน ชื่อว่า ได้ ทา ผิดต่อผู้บงั เกิดเกล้ า การทาผิดเช่นนี ้ เป็ นบาปอกุศล เป็ นทุจริต ชื่อว่า ติดหนี ้บาปไว้ กบั ท่าน ทังสอง ้ ในอริยวินยั เรียกว่า “หนีก้ รรม” หากยังใช้ หนี ้ไม่หมด ย่อมมีบาปติดตัว เทียบเคียงจาก อัง.ปั ญจก.(แปล) ๒๒/๕๐๗-๕๑๑ อิณสูตร ๕ ๖
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘
ลูกไม่ ดี เป็ นลูกทรพี อัปรี ย์จญ ั ไร ไม่ควรแก่การคบหาสมาคม ของพระอริ ยเจ้ าหรื อบัณฑิตทังหลาย ้ ลูกที่ไม่ได้ เลี ้ยงดูพ่อแม่ในชาตินี ้ จะหาความสุข ความ เจริ ญรุ่งเรื องในชีวิต ในหน้ าที่การงาน มีเกียรติยศ ชื่อเสียงหรื อมี เงินทองได้ ยาก จะก้ าวไปถึงจุดหมายสูงสุดทังทางโลกและทาง ้ ธรรมที่ตนเองตังไว้ ้ ไม่ได้ แม้ ที่เคยประสบความสาเร็จ เจริ ญรุ่งเรื อง มาแล้ ว ก็ต้องเกิดความผิดพลาด ถึงความวิบตั ิมีอนั เป็ นไปแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผลกรรมจากการพูดตาหนิ ด่าว่าพ่อแม่วา่ “จะเป็น บาปมากแค่ไหน จะมีสิ่งอันไม่พึงปรารถนาติดตามมามากเพียงใด” ทังนี ้ ้ เพราะพ่อแม่มีอปุ การคุณอันยิ่งใหญ่ซงึ่ เป็ นผู้ที่ลกู ทุกคนต้ อง ตอบแทนคุณให้ ได้ และต้ องทาให้ ดีที่สดุ ตามที่ควรจะเป็ น หากว่า ผู้ใดไม่ได้ มีโอกาสทดแทนบุญคุณหรื อได้ ตอบแทนพระคุณท่าน บ้ างนิดหน่อย ลูกคนนัน้ ชื่อว่า ยังมีหนี้บุญคุณอันนี้ติดตัว มีหนี้ กรรมกับพ่อแม่ติดตำม วันใด เมื่อกรรมนี ้มีโอกาสส่งผล วันนัน้ ท่าน จะถูกทวงหนี ้กรรมอันนี ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่สามารถจะ ปฏิเสธการชดใช้ หนี ้กรรมนี ้ได้
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙
มารดา…บิดา
บุคคลที่ต้องห้าม(ล่วงเกิน)สาหรับลูก ชาวพุทธโดยทัว่ ไป ย่อมได้ รับการอบรมปลูกฝั งความเชื่อ เรื่ องกฎแห่งกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กฎแห่งกรรมมีจริง การ ฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต การเบียดเบียนทรมานสัตว์ การลักขโมย การผิด ลูก-เมีย-สามีคนอื่น หรื อว่า การโกหกหลอกลวงคนอืน่ ให้ เสียหาย นันเป็ ้ นบาป เป็ นสิ่งที่ไม่ควรกระทา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่ องการด่า ว่า พูดตาหนิติเตียน การโต้ เถียงพ่อแม่ผ้ ใู ห้ กาเนิดนัน้ ถือว่าเป็ น บาปร้ ายแรง แต่เพราะความโง่เขลาเบาปั ญญา ไม่เข้ าใจเรื่ องกรรมและ วิบากกรรมอย่างลึกซึ ้ง ไม่ได้ เรี ยนรู้ ทาความเข้ าใจในรายละเอียด ของผลกรรมที่เกิดขึ ้นตามมา เมื่อมารดาบิดาบอกกล่าวตักเตือน ด้ วยความรักและหวังดี เพื่อให้ ลกู ได้ คิด เกิดสติปัญญา แต่บางครัง้ ผู้ที่เป็ นลูก กลับเข้ าใจผิดคิดว่า พ่อแม่มาต่อว่า ซ ้าเติม จึงเกิดความ น้ อยใจ ไม่พอใจ โกรธเกลียดท่านผู้หวังดีหนักเข้ าไปอีก ทังนี ้ ้ เพราะ ขาดจิตสานึก ไม่รู้ซงึ้ ในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านทีม่ ีตอ่ เรา และไม่ เข้ำใจชัดเจนแจ่มแจ้งในผลกรรมจำกกำรคิด หรือ พูดล่วงเกินผู้ บังเกิดเกล้ำ จึงทาให้ ผ้ เู ป็ นลูกส่วนใหญ่ เผลอสติ พลาดพลัง้ ล่วงเกินพ่อแม่ไปด้ วยความไม่ได้ ตงใจ ั ้ หรื อรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ เข้ า
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐
ข่ายเป็ นอริยุปวาท ซึง่ เป็ นกรรมหนัก มีโทษมาก เป็ นบาปมหันต์ มี ผลทาให้ ลกู เหล่านันมี ้ อนั เป็ นไปอย่างไม่คาดคิด คาว่า “อริ ยปุ วาท” ที่ใช้ สื่อความหมายในหนังสือนี ้ หมายถึง การด่าว่า การโต้ เถียง การพูดสบประมาท การพูด สาปแช่ง การพูดประชดประชัน การพูดตาหนิติเตียน และรวมถึง การคิดน้ อยใจ คิดลบหลู่ คิดไม่พอใจ ผูกโกรธ อาฆาตพยาบาท เกลียดชัง อคติลาเอียง หรือการคิดตาหนิ คิดจับผิด คิดเพ่งโทษ๗ มารดาบิดาในใจด้ วย ทังโดยรู ้ ้ ตวั หรื อรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ผู้เขียน ขอแยกประเด็นให้ เห็นในรายละเอียด ดังนี ้ ๑. การคิดไม่ดีกบั พ่อแม่ (มโนกรรมฝ่ายอกุศล) ผู้ที่มีมโนกรรมติดลบ มีความคิดไม่ดี หรื อ มีอคติลาเอียง กับพ่อแม่ในทางอกุศล เช่น คิดน้อยใจ คิดจับผิดพ่อแม่ในเรื่องต่างๆ คิดว่า พ่อแม่เกลียดชัง ไม่รักตัวเอง หรือคิดว่า พ่อแม่มีอคติ ลาเอียง รักลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน ในนัยตามตัวอักษร คาว่า อริยุปวาท หมายถึง การเข้ าไปกล่าวร้ ายด้ วยคาไม่จริง หรือ พูดตาหนิติเตียน ดูถกู พูดดูหมิ่นเหยียดหยามกดให้ ต่าลง กล่าวคาสบประมาท พูดจาคา เสียดสีเหน็บแนมพระอริยเจ้ าทังหลาย ้ เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระปั จเจกพุทธเจ้ า และ พระอริยสงฆ์สาวก ทังฝ่้ ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ ไม่วา่ จะเป็ นพระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกทาคามี และพระโสดาบัน หรื อว่า พระอริยบุคคลผู้ดารงอยู่ในโสดาปั ตติมรรค แต่ใน หนังสือเล่มนี้ ขอใช้ สื่อความหมายในการคิดหรือพูดล่วงเกินพ่อแม่ผ้ ใู ห้ กาเนิด ซึง่ มีโทษ มาก เป็ นบาปมหันต์เหมือนการพูดตาหนิพระอริยเจ้ า ฉะนัน-ผู ้ ้ เขียน ๗ อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๒๐๖ โกกาลิกสูตร,วิ.มหา.อ. (แปล) ๑/๑/๒๘๐-๒๘๑
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑
คิดตาหนิพ่อแม่อยู่ในใจว่า พ่อแม่เป็นคนใจดาอามหิต ใจคอ โหดเหี้ยม ไร้ความเมตตาปราณี เฆี่ยนตี ลงโทษลูกอย่างหนัก ทา อนาจารลวนลาม-ข่มขืนลูกในไส้ตัวเอง ไม่สมกับความเป็นพ่อ หรือ บางกรณี แม่เป็นชู้ ได้เสียกับแฟน(สามี)ของตนเอง ทาให้เกิดภาวะ ขัดแย้ง เข้ากับแม่ไม่ได้ และฝังใจในเรื่องนีแ้ บบลืมไม่ลง ปลงไม่ตก แกะไม่ออก ค้างคาอยู่ในใจ คิดตาหนิว่า พ่อ/แม่เป็นคนเจ้าชู้ ขี้เหล้าเมายา เป็นนักเลง ติดอบายมุขการพนัน ไม่รู้จักรับผิดชอบต่อครอบครัว คิดไม่พอใจ โกรธ เกลียดพ่อแม่คิดว่า ท่านทอดทิ้ง ไม่ได้ เลี้ยงดู ไม่ทาหน้าที่ของผู้ให้กาเนิด หรือโกรธไม่พอใจว่าแบ่งสมบัติให้ ลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นต้น ๒.พูดด่าว่าพ่อแม่ (วจีกรรมฝ่ายอกุศล) การพูดกับพ่อหรื อแม่ โดยใช้ คาพูดดุดนั แข็งกร้ าว ด้ วย ผรุสวาจาที่รุนแรง หยาบคาย กระด้ าง แสลงหู ก้ าวร้ าว เชือดเฉือน เผ็ดร้ อน ไม่สภุ าพ ฟั งแล้ วไม่เพราะหู กระตุ้นให้ เกิดโทสะ ทาลาย สมาธิ เป็ นคาพูดที่ขาดความเคารพยาเกรงต่อผู้บงั เกิดเกล้ า ไม่มี สัมมาคารวะ เช่น ทาเสียงดุ ขึ้นปากขึ้นเสียง พูดตวาดใส่พ่อแม่ โดยขาดความ เคารพนับถือ ยาเกรง
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒
พูดด่าว่าด้วยคาไม่สุภาพต่างๆ เช่น “ไอ้เหี้ย..ไอ้ห่ำ..ไอ้สัตว์ ..ไอ้ควำย...” พูดลบหลู่ดูหมิ่นพ่อแม่ขึ้นปากขึ้นเสียงออกมึง กู ไอ้ อี เช่น มึงไม่ใช่พ่อ..แม่กู หรือ กูไม่ยอมรับมึงเป็นพ่อแม่ เป็นต้น พูดแบบประชด กดด่า ทานองที่ว่า โคตรพ่อ โคตรแม่มึง มึง เป็นพ่อ เป็นแม่ประสาอะไร เป็นพ่อ เป็นแม่ห่าอะไร แบบนีเ้ ป็นต้น พูดตาหนิติเตียน นาความไม่ดีต่างๆของพ่อแม่ไปเล่าให้คน อื่นฟังในทานองประจาน ใส่ร้ายป้ายสีทา่ นทั้งต่อหน้าและลับหลัง พูดให้ท่านเจ็บช้าน้าใจ พูดประชดประชัน พูดกระทบกระ เทียบเปรียบเปรยทานองตีววั กระทบคราด พูดแบบโต้เถียง ตะโกนขึ้นเสียงขู่ตะคอกใส่หน้าพ่อแม่ พูด คาเถียงคา เถียงคาไม่ตกฟาก ต่อปากต่อคา พูดเย้ยหยัน พูดจาถากถาง ดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม พูด ประณามพ่อแม่ให้เสียหน้าให้เจ็บช้าน้าใจ พูดหักหาญน้าใจของพ่อแม่ ความหนัก-เบาของกรรมจากการพูดดุ ด่าว่า พูดตาหนิ ติ เตียนพ่อแม่ แบ่งออกเป็ น ๓ ระดับ ดังนี ้ ๑. ขั้นธรรมดา พูดให้ท่านเพียงแค่น้อยใจ เพียงครั้งเดียว หรือนานๆครัง้ ๒.ขั้นกลาง พูดตาหนิ หรือดุด่า จนท่านเสียใจ ร้องไห้
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓
๓.ขั้นรุนแรง พูดดุด่าว่า ตาหนิติเตียนขึ้นเสียง มึง-กู พูด ปฏิเสธไม่ยอมรับนับถือความเป็นพ่อแม่ลูกกัน อาจจะพูดเพียงแค่ครั้ง เดียว หรือบ่อยครั้งก็ได้ แม้ คาพูดอื่นใด อาจจะฟั งดูดีมีเหตุผล แต่คาพูดนันเป็ ้ น เหตุให้ พ่อแม่น้อยใจ เสียน ้าตา กลุ้มใจเป็ นทุกข์ใจ ร้ องไห้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดมากจนฟุ้งซ่าน ถือว่า เป็นคาพูดแสลงหู แสลงใจ เป็นคาพูดที่ลบหลู่ดูหมิ่นผู้บังเกิดเกล้า เข้ าข่ายเป็ นอริ ยปุ วาท คือ พูดล่วงเกินทางวาจาเช่นกัน เพราะฉะนัน้ อริ ยปุ วาทในหนังสือเล่ม นี ้ จึงสื่อความหมายถึง การคิดไม่ดีไม่งาม ไม่ถกู ต้ องเหมาะสม การคิดจับผิดเพ่งโทษ คิดอกุศลในใจ และการพูดด่าว่า พูดตาหนิติ เตียนพ่อแม่ผ้ บู งั เกิดเกล้ าเท่านัน้ ส่วนการทาร้ ายร่างกายพ่อแม่ ก็มีโทษมาก เป็ นบาปหนัก เหมือนกัน แต่ไม่เรียกว่า “อริ ยปุ วาท” เพราะเป็ นบาปอกุศลฝ่ าย กายกรรม ซึ่งไม่สามารถแก้ ไขได้ ด้วยการขอขมาโทษ
ในกรณีลกู บางคน ได้ ทบุ ตี เตะ ชกต่อย ใช้ เท้ าถีบหรือยัน ใช้ ท่อนไม้ อาวุธ ของมีคม หรือ วัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งทาร้ ายร่างกายพ่อหรือแม่จนได้ รับบาดเจ็บ เคล็ดขัดยอกหรือฟกช ้าดา เขียว การแสดงกิริยาอาการไม่สภุ าพ ไม่เคารพ ไม่ให้ เกียรติกบั พ่อแม่ เช่น ยืนพูดในขณะ พ่อแม่นงั่ พูดเสียงกระโชกโฮกฮาก ทาหน้ าบูดบึ ้ง หรือปิ ดประตูใส่ด้วยความโมโห หรือ พฤติกรรมอื่นๆ เช่น ไปเที่ยวกลับบ้ านช้ า กลับบ้ านดึกทาให้ ท่านคิดมาก เป็ นห่วง วิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็ นทุกข์ใจ ก็มโี ทษมำกเป็นบำปหนักเช่นกัน เทียบเคียงจาก มิตตวินทุกชาดก ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๒๑๗-๒๑๘
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔
วิบากกรรมแห่งอริ ยปุ วาทนี ้ สามารถส่งผลได้ ตลอดเวลา หลังจากได้ ลว่ งเกินไปแล้ ว จนกว่าจะสานึกผิด คิดได้ แล้ วกล่าวคา ขอขมาโทษต่อท่านจากใจจริ ง กรรมนั้น ถึงจะกลับมาเป็นปกติ และ ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเจริญก้าวหน้าในทางโลกหรือทางธรรม แม้จะมีเศษกรรมเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่หนักรุนแรงมากนัก ส่วนบาปทางกายกรรม เช่น การทุบ ตี ชกต่อย การทาร้ าย ร่างกาย หรื อ การฆ่าพ่อแม่นนั ้ แม้ ลกู จะสานึกผิด กล่าวคาขอขมา โทษแล้ วก็ตาม ถึงอย่างนัน้ ยังต้ องได้ รับผลกรรมเช่นเดิม หลีกเลีย่ ง ไม่ได้ หนีไม่พ้น เพราะบาปอกุศลทางกายกรรมนัน้ ไม่สามารถแก้ ได้ ด้วยการสักแต่วา่ กล่าวคาขอขมาโทษ เหมือนกรณีของพระเจ้ า อชาตศัตรู มหาราชแห่งแคว้ นมคธ ได้ ทาปิ ตฆุ าต ปลงพระชนม์ พระเจ้ าพิมพิสาร พระราชบิดา ผู้เป็ นอริ ยสาวก แม้ จะขอขมาโทษ สารภาพผิดกับพระพุทธเจ้ าแล้ ว แต่ไม่สำมำรถจะแก้ไขบำปกรรม อันนี้ได้ คือ แม้ฟังธรรมซึ่งควรจะได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นโสดาบัน แต่ ก็บรรลุธรรมไม่ได้ เพราะถูกบาปกรรมนันปิ ้ ดกันขั ้ ดขวางเอาไว้ ทา ให้ จิตใจฟุ้งซ่าน ไม่ตงมั ั ้ น่ พอที่จะเข้ าใจธรรมให้ แจ่มแจ้ งได้ และ หลังจากสิ ้นพระชนม์แล้ ว ยังต้ องไปชดใช้ บาปนี ้อีกในมหานรกชื่อ โลหกุมภี๘ ทังนี ้ ้ เพราะอนันตริ ยกรรมนัน้ เป็ นกรรมประเภทแก้ ไข ไม่ ได้ และไม่สามารถกลับมาเป็ นปกติได้ ด้วยการขอขมาโทษ
๘
ที.สี. (แปล) ๙/๔๘-๘๕ สามัญญผลสูตรและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕
ด้ วยเหตุนี ้ คาพูดตาหนิติเตียนด่าว่า ตวาดขึ ้นปากขึ ้นเสียง เถียงคาไม่ตกฟากจากปากของลูกทังหลายนั ้ น้ จึงเป็ นคาแสลงหู สะเทือนใจของผู้ที่เป็ นพ่อแม่อย่างมาก กล่าวได้ วา่ เป็ นคาพูดที่ รุนแรงอย่างที่สดุ เป็ นเหตุทาให้ ท่านน้ อยอกน้ อยใจ เกิดอารมณ์ โกรธโมโห เสียใจเสียน ้าตา การกระทาหรื อพฤติกรรมของลูก เช่นนัน้ ถือว่า เป็ นการลบหลูค่ ณ ุ เนรคุณ อกตัญญู ไม่ร้ ูคณ ุ ของผู้มี พระคุณ เป็ นการตีเสมอ ยกตนข่มท่าน ไม่ให้ เกียรติ ไม่ให้ ความ เคารพนับถือยาเกรง และเป็ นการดูถกู ดูแคลน มองพ่อแม่ด้อยค่า ไม่อยู่ในสายตา กดท่านให้ ลงต่า ในทางธรรม จัดว่าเป็นกรรมหนัก มีโทษร้ำยแรง เป็นพิษภัยอันตรำยต่อชีวิตลูกผู้ที่ล่วงเกินอย่ำงมำก เพราะฉะนัน้ การคิดไม่ดีและการพูดตาหนิติเตียนล่วงเกิน พ่อแม่ผ้ มู ีคณ ุ อันใหญ่หลวงนัน้ จึงถือว่าเป็ นบาปมาก และผลกรรม ที่จะเกิดขึ ้นตามมา จะทาให้ ลกู คนนัน้ เกิดความวิบตั ิ มีอนั เป็ นไป ต่างๆอย่างคิดไม่ถงึ หากไม่ร้ ูจกั วิธีแก้ ไขเปลีย่ นหนักให้ เป็ นเบา เปลี่ยนร้ ายให้ กลายเป็ นดีได้ ทนั ท่วงที
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖
กฎแห่งกรรม
คือ สิ่งที่ควรศึกษาพิจารณาอยู่เสมอ ภิกษุท้ งั หลาย สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรื อ บรรพชิต ต้องพิจารณาเนือง ๆ ว่า ‘เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกาเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทากรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดี หรือ กรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น’ สัตว์ทั้งหลายมีกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เมื่อเขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนือง ๆ ย่อมละทุจริตได้โดยสิ้นเชิง หรือทาให้เบาบางลงได้... เมื่ออริยสาวกนั้นพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนือง ๆ มรรคย่อมเกิดขึ้น อริยสาวกนั้น ย่อมเสพ เจริญ ทาให้มากซึ่งมรรคนั้น เมื่อเสพ เจริญ ทาให้มากอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้อนุสัยย่อมสิ้นไป ฐานสูตร อัง.ปัญจก.(แปล) ๒๒/๙๙-๑๐๔
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗
การพูดตาหนิ..ด่าว่าพ่อแม่ บาปแท้..แน่นอน
ถามว่ า “การพูดหยอกล้อเล่นหัว หรือพูดจาล้อเลียนพ่อแม่ ในลักษณะที่ไม่สุภาพ หยาบโลน เพื่อความสนุกสนานสร้างบรรยากาศ จะเป็นบาปไหม” ตอบว่ า “เป็นบาปแท้ แน่นอน” ถามว่ า “เพราะอะไร ถึงเป็นบาป” ตอบว่ า “เพราะท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่ลูกควรจะพูดล้อเลียน เช่นนั้น และการพูดกับพ่อแม่ในลักษณะนี้ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการ ล่วงเกินผู้มพี ระคุณโดยไม่รู้ตวั ” ถามว่ า “การพูดดุด่าว่าพ่อแม่ เป็นบาปไหม” ตอบว่ า “เป็นบาป” ถามว่ า “แม้ทา่ น จะไม่ถือโทษ โกรธเคือง ไม่เอาผิดกับลูก จะ ทาให้เรายังเป็นบาปกรรมอีกไหม” ตอบว่ า “ยังเป็นบาปเหมือนเดิม” ถามว่ า “เพราะอะไร ทาไมถึงเป็นเช่นนั้น” ตอบว่ า “เพราะการเป็นบาปนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า พ่อแม่คิด จะให้ลูกเป็นบาปหรือคิดไม่อยากให้เป็น แต่ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยและ เจตนาที่ลูกทาต่างหาก เหมือนกับบุคคลผู้ที่คิดไม่ดี พูดตาหนิพระอริย เจ้า พระอรหันต์ แม้ท่านจะไม่โกรธ ไม่ถือสา ให้อภัยทุกอย่าง หรือ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘
บางครั้งท่านไม่รู้ตัวด้วยซ้าว่า ใครได้ล่วงเกิน แต่การกระทาเช่นนั้น ยัง เกิดโทษ เป็นบาปกรรมแก่บุคคลผู้คิด ผู้พูดอยู่ด”ี ถามว่ า “บุคคลผูท้ ี่พูดด่าว่าล่วงเกินพ่อหรือแม่ โดยที่ไม่รู้ตัว หรือเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะเป็นบาปกรรมไหม” ตอบว่ า “ยังเป็นบาปเช่นกัน”๙ ถามว่ า “บุคคลผูท้ ี่ไม่มีศาสนา ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย หรือ ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องบุญ-บาป แต่เคยคิดไม่ดี พูดตาหนิด่าว่าพ่อแม่ คน ประเภทนี้ เข้าข่ายเป็นอริยุปวาทกับพ่อแม่ไหม” ตอบว่ า “ใช่” ถามว่ า “เพราะเหตุใด ทั้งๆที่เขาผู้นั้นไม่รู้ ไม่มีความเชื่อใน เรื่องบุญ-บาปเลย แต่ยังเป็นบาปกรรมอยู่เหมือนเดิม” ตอบว่ า “ที่ยังเป็นเช่นนั้น เพราะว่า บำปเป็นกฎธรรมชำติ เป็นกฎแห่งเหตุและผล เป็นกฎสะท้อนกลับ เป็นกฎแห่งกำรดึงดูด และผลักดัน ทำงำนและส่งผลตำมเหตุปัจจัย๑๐ ส่วนใครจะรู้หรือไม่ จะเชื่อหรือเปล่านั้นไม่สาคัญ แต่หากได้ทาบาปไปแล้ว ย่อมได้บาปติด ตัวและบาปนั้น จะส่งผล ออกฤทธิ์โดยอัตโนมัติ ไม่ขึ้นตรงต่อใคร ไม่ว่า คนนั้นจะรู้หรือไม่ จะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ตาม เพราะฉะนั้น อริยุปวาท กรรม จึงเปรียบเสมือนข้ออุปมา ดังต่อไปนี้ ดูเทียบเคียงในทางตรงข้ าม ขุ.วิ. (แปล) ๒๖/๙๑-๙๒ ปี ตวิมานและอรรถกถา อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๒๓๙-๒๔๒ เจตนาสูตรและอรรถกถา ๑๐ ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑-๒๘ เทวทหสูตร ๙
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙
เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาด หรือ อัสนีบาตผ่าลงตรงกลาง ศีรษะ ซึ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าที่มีพลังทาลายล้างสูง หากฟ้าผ่าโดนใคร เข้า โอกาสที่จะรอดพ้นจากความตายนั้น มีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก เมือ่ โดนงูพิษฉกกัด บุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตาม จะรูว้ ่าเป็นงู พิษหรือไม่ จะเข้าใจผิดคิดว่า ไม่ใช่งูพิษก็ดี พิษที่อยู่ในร่างกายคนนัน้ ย่อมออกฤทธิ์เหมือนเดิม ทั้งนี้เพราะมันเป็นพิษงู เปรียบเสมือนดื่มน้าหวานที่ผสมยำพิษ คนดื่มจะรู้หรือไม่รู้ ว่ามียาพิษผสมอยู่ข้างในก็ตาม เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว ยาพิษย่อมออกฤทธิ์ แน่นอน ทั้งนี้เพราะมันเป็นยำพิษ เปรียบเสมือนถ่านไฟที่บุคคลเผลอเอามือไปจับหรือเอาเท้า ไปเหยียบ แม้ไม่เห็น ไม่รู้ตัว แต่มันต้องร้อน เผาลน ทาให้ปวดแสบ ปวดร้อนได้ เพราะธรรมชาติของไฟ มันเป็นของร้อน เหมือนไฟฟ้าแรงสูง เมื่อคนเผลอเอามือไปจับ ไปสัมผัส ย่อมถูกดูด โดนซ็อตอย่างรุนแรง เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ทั้งนี้เพราะ มันมีกระแสไฟฟ้า เปรียบเสมือน เศษแก้ว หนาม ตอ ที่คนเดินไปเหยียบ สะดุด ชนเข้า ย่อมทิ่มแทงได้รับความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ฉันใด บาปกรรม ที่เกิดจากการล่วงเกินพ่อแม่ แม้ทาไปแบบไม่รู้ตัว หรือไม่เชื่อว่าจะเป็น บาป เมื่อกรรมนี้ออกฤทธิ์ ส่งผล คนนั้น ต้องมีอันเป็นไป ได้รับความ เจ็บปวดทุกข์ทรมานเหมือนกัน ฉันนัน้
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐
หรือเปรียบเสมือนโรคร้าย เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็ง โรคสมอง เสื่อม เป็นบ้า วิกลจริต หากเกิดขึ้นกับใครแล้ว ย่อมทาให้ภูมิต้านทาน เสื่อม ชีวิตเดือดร้อนสุดแสนจะทรมาน ถามว่ า “ถ้าหากพ่อหรือแม่เป็นฝ่ายผิด ลูกเป็นฝ่ายถูก แต่ผู้ เป็นลูกไปพูดดุด่าว่า พูดตาหนิติเตียนท่าน จะยังเป็นบาปไหม” ตอบว่ า “ยังเป็นบาปเหมือนเดิม” ถามว่ า “เพราะเหตุใด ถึงเป็นบาป” ตอบว่ า“เพราะลูกคนนั้น ทาไปด้วยความโกรธ ไม่พอใจ เกิด โทสะ มีเจตนาลบหลู่ ดูหมิ่นแอบแฝงและเป็นเหตุทาให้ท่านน้อยใจ เสียใจ ทุกข์ทรมานใจ ความโกรธ โทสะ คือ บาปอกุศลที่เผาลนใจให้ เกรียมไหม้ แม้ท่านจะเป็นฝ่ายผิด ก็เป็นเรื่องความบกพร่องของผู้ บังเกิดเกล้าเอง แต่เราผู้เป็นลูก ถ้ายังไม่ขอโอกาสจากท่าน ไม่ได้รับ อนุญาต ไปพูดบังอาจเช่นนั้นกับพ่อแม่ ก็เข้าข่ายล่วงเกินอยู่ดี” ถามว่ า “การกระทาเช่นนั้น เป็นบาปมากไหม” ตอบว่ า “เป็นบาปมาก” ถามว่ า “เป็นบาปหนักแค่ไหน” ตอบว่ า “เป็นบาปหนักเท่ากับอนันตริยกรรม” คาว่า เป็ นบาปในที่นี ้ ไม่ได้ หมาย ถึงโทษ ความผิดในแง่กฎหมายบ้ านเมือง เพราะไปฆ่า พ่อแม่ แต่ เป็ นโทษในทางธรรม เหมือนภิกษุดา่ ว่าภิกษุด้วยกัน แต่ภิกษุที่ถกู ด่านันเป็ ้ น พระอริยเจ้ า โทษจากการด่าในแง่วินยั ก็ผิดอาบัติปาจิตตีย์ซงึ่ เป็ นอาบัติเล็กน้ อย แต่โทษที่ เกิดจากอริยปุ วาทนัน้ กลับรุนแรงเท่ากับอนันตริยกรรม ดูเพิ่มใน ขุ.อิต.ิ (แปล)๒๕/๔๒๗,มิจฉาทิฏฐิกสูตร และอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๑
ถำมว่ำ “อนันตริยกรรม เป็นบาปมากแค่ไหน” ตอบว่ำ “สาหรับอนันตริยกรรมนัน้ เป็นบำปหนักมำก มีโทษ มหันต์ คือ ภายในชาตินั้น ไม่สำมำรถได้ฌำนสมำบัติ ไม่มีโอกำส บรรลุมรรคผลนิพพำนได้ แม้ชีวิตหลังตำย ต้องไปเกิดในนรกสถำน เดียว ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ไม่ได้เลย เรียกว่า ประตูสวรรค์ปิดตาย ประตูอบายเปิดรอท่า ต่อให้ทาบุญให้ทานมากมายแค่ไหน ก็ไม่อาจจะ หยุดยั้ง หรือห้ามวิบากแห่งกรรมนี้ไม่ให้ส่งผลได้ แม้อริยุปวำทกรรมที่เกิดจำกกำรพูดด่ำว่ำล่วงเกินพ่อแม่ ก็ เป็นบำปมำก มีโทษมหันต์เช่นเดียวกันกับอนันตริยกรรมนี้ กล่าวคือ ไม่สามารถได้ฌานสมาบัติ ไม่อาจได้บรรลุมรรคนิพพาน ทาให้เกิด ความวิบัติหายนะทัง้ ทางโลก เสื่อมทั้งทางธรรมภายในชาติปัจจุบัน และชีวิตหลังตาย ต้องไปเกิดในอบายภูมิ อเวจีมหานรก ถ้าหาก แก้ไขไม่ทันตามพุทธวิธี ถำมว่ำ “เราจะมีความเชื่อมั่นและเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งได้ อย่างไรว่า ผลกรรมจากการพูดดุด่าว่า ตาหนิติเตียนพ่อหรือแม่เพียง แค่นั้น มีผลกรรมตามมารุนแรงเท่ากับอนันตริยกรรมจริงๆ” ตอบว่ำ “มีพุทธพจน์และคาอธิบายที่กล่าวไว้ในพระสูตรและ อรรถกถำเป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งมีนัยสอดคล้องกับเรื่องนี้” พุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ในพระสูตรต่างๆ พร้ อมทัง้ คาอธิบายที่กล่าวไว้ ในคัมภีร์อรรถกถาดังต่อไปนี ้ เป็ นหลักฐาน ยืนยันว่า “ผลกรรมจำกกำรพูดดุดำ่ ว่ำ พูดตำหนิติเตียนพ่อแม่นั้น มี
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒
โทษมำก เป็นบำปมหันต์ ให้ผลแบบฉับพลันทันตำ” ซึง่ ไม่ใช่เรื่ อง ล้ อเล่น พูดขูใ่ ห้ กลัว หรือพูดสุม่ เดาเอาเอง แต่มีพุทธพจน์ ยืนยัน อย่างชัดเจน มีรายละเอียด ดังต่อไปนี ้ ๑. อนันตริ ยกรรม อนันตริ ยกรรม หมายถึง กรรมหนัก มีโทษมาก ส่งผลทันที ทั้งชำตินี้และชำติหน้ำ คือ ภายในชาติปัจจุบนั เมื่อกรรมนี ้ส่งผล จะ ปิดกั้นไม่ให้บรรลุโลกุตรธรรมและในชาติหน้ า ชีวิตหลังตาย ต้องไป เกิดในนรกอย่ำงเดียวเท่ำนัน้ โดยไม่มีกศุ ลกรรมอย่างอื่น ที่จะมี พลังอานาจมาต้ านทานขัดขวางในระหว่างได้ ต่อให้ ทาบุญให้ ทาน มากแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะห้ ามวิบากกรรมนี ้ไม่ให้ สง่ ผลได้ อนันตริ ยกรรม แบ่งออกเป็ น ๕ ประการ ตามลาดับแห่งความหนักเบาของวิบากกรรม ดังนี ้ ๑. ทาลายสงฆ์ให้แตกกัน(สังฆเภท) ๒. ทาพระโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อขึ้น(โลหิตุปบาท) ๓. ฆ่าพระอรหันต์(อรหันตฆาต) ๔. ฆ่ำบิดำ(ปิตุฆาต) ๕. ฆ่ำมำรดำ(มาตุฆาต)๑๑
๑๑
อัง.ปั ญจก.(แปล) ๒๒/๒๐๙ ปริกุปปสูตร ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑๖๐- ๑๖๙ พหุธาตุกสูตร และอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓
ในแต่ละหัวข้ อ มีเนื ้อหาสาระและคาอธิบายโดยสังเขป พอ ได้ ใจความ ดังนี ้ สังฆเภท คือ การทาลายสงฆ์หรื อหมู่คณะของเหล่า ภิกษุให้ แตกสามัคคีกนั และโลหิตุปบาท การทาร้ ายพระพุทธเจ้ า จนห้ อโลหิต สองเรื่ องนี ้ มีพระเทวทัตเป็ นผู้กระทา๑๒ เพราะความ มักใหญ่ใฝ่ สูง และถูกลาภสักการะครอบงา เนื่องจากว่า ภิกษุรูปนี ้ ต้ องการปกครองบริ หารหมูส่ งฆ์และอยากเป็ นพระพุทธเจ้ าเสียเอง พระเทวทัตนัน้ ครัน้ ได้ ทาโลหิตปุ บาทและสังฆเภทแล้ วไม่ นาน ก็มีอันเป็นไปทันที โดยได้ ถกู เพื่อนพระด้ วยกันทาร้ ายร่างกาย จนกระอักเลือด หลังจากนัน้ ก็เริ่ มเจ็บป่ วยอย่างหนักถึง ๙ เดือน ต่อมา เมื่อสานึกผิดแล้ ว ได้ เดินทางเพื่อมาเข้ าเฝ้าพระพุทธองค์ ขณะที่กาลังจะถึงประตูทางเข้ าวัดพระเชตวัน ได้ แวะลงข้ างทาง เพื่อจะอาบน ้า ชาระล้ างกายให้ สดชื่น ณ บริ เวณสระโบกขรณี พลังบุญเก่ำที่เคยทำไว้ ก็ออ่ นกำลังลงและหมดสิ้นไป บุญกุศลแม้ เพียงแค่เมล็ดงำหนึ่ง ก็ไม่มีเหลือ๑๓ บุญใหม่ ก็ไม่ได้ทำไว้ เหลือแต่ บาปกรรมอย่างเดียวและเป็ นบาปอันใหญ่หลวงมีกาลังหนักหน่วง อย่างมาก แม้ แผ่นดินใหญ่ ก็รับไม่ไหว จึงแยกออกเป็นช่อง แล้วดูด เอำร่ำงกำยของพระเทวทัตให้จมลงดิ่งลงไปจนมิดศีรษะชั่วพริบตำ วิ.จู. (แปล) ๗/๑๙๐-๑๙๕, ขุ.อิต.ิ (แปล) ๒๕/๓๖๑-๓๖๒ สังฆเภทสูตร ส่วนหมอชีวก ใช้มีดตัดหนังพระบาทตามที่พระองค์ทรงอนุญาต เพื่อเอาเลือดเสียออกไป ทาให้หายจากการอักเสบ ไม่ถือว่าเป็นโลหิตุปบาท แต่เป็นบุญกรรม ซึ่งมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ๑๓ อัง.ฉักก.(แปล) ๒๒/๕๖๔-๕๗๐ ปุริสนิ ทริยญาณสูตร (อุทกสูตร) ๑๒
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔
โดยไม่มีเพื่อนภิกษุด้วยกันช่วยเหลือได้ ทนั แม้ พระพุทธองค์ทรง ทราบในเรื่ องนี ้ดีโดยตลอด เพราะเคยทรงพยากรณ์กรรมของพระ เทวทัตไว้ แล้ วก่อนหน้ านี ้ แต่ถงึ ขนาดนัน้ ก็ไม่สามารถจะช่วยได้ หลังจากมรณภาพแล้ ว พระเทวทัตได้ ไปเกิดในอเวจีมหา นรก เพื่อชดใช้ บาปกรรมนันยาวนานเป็ ้ นเวลา ๑ กัป๑๔ ซึง่ นับไม่ ถ้ วน คานวนไม่ได้ วา่ เป็ นเวลากี่ล้านๆๆๆปี ถึงจะพ้ นจากนรกนี ้ได้ หลังจากพ้ นนรกแล้ ว ยังต้ องได้ รับเศษของกรรมนี ้ไปอีกยาวนาน อรหันตฆาต คือการฆ่าพระอรหันต์ มีกรณีตวั อย่าง ของพวกโจรรั บจ้ างฆ่ าคนที่เหล่านักบวชเดียรถีย์จ้างมาฆ่าท่ าน พระมหาโมคคัลลานะผู้เป็ นอัครสาวกเบื ้องซ้ ายมีคณ ุ ธรรมสูงส่ง แม้ พระเถระจะไม่ได้ ปรินิพพานทันที แต่เพราะการถูกทุบตีนนเป็ ั้ น เปรียบเหมือนภูเขาศิลาแท่งทึบลูกใหญ่ มีความยาว/กว้ าง/สูงอย่างละ ๑๖ ก.ม. ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง บุรุษพึงเอาผ้ าแคว้ นกาสี(เป็ นผ้ าที่ทาจากฝ้ายเนื ้อละเอียดมาก) ลูบภูเขานัน้ ๑๐๐ ปี ต่อครัง้ จนภูเขาศิลาลูกใหญ่นนพึ ั ้ งหมดสิ ้นไป เพราะความพยายามนี ้ ยังเร็วกว่า ส่ วนกัปหนึ่งยังไม่หมดสิ ้นไป กัปนานนักหนาอย่างนี ้ ขุ.อิต.ิ (แปล) ๒๕/๔๕๘-๔๖๐ เทวทัตตสูตร และอรรถกถา, อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๙๐-๙๑ ปฐมอานันทสูตร ส่วนพรรคพวกของพระเทวทัตที่ร่วมกันทาสังฆเภท มีพระโกกาลิกะ พระกฏโมรก ติสสกะ พระขัณฑเทวีบุตร และพระสมุทททัตต์ แม้ ในคัมภีร์ไม่ได้ กล่าวไว้ ใน รายละเอียด แต่กฎแห่ งกรรม ขันอนั ้ นตริยกรรม ต้ องทาให้ บคุ คลเหล่านัน้ มีอนั เป็ นไป อย่างเร็วพลัน กล่าวคือ ถูกแผ่ นดินสูบเหมือนกันพระเทวทัตเช่นกัน-ผู้เขียน เป็ นอนันตริยกรรมเฉพาะมนุษย์ทากับมนุษย์ด้วยกัน ส่วนในกรณี ที่ไม่ใช่มนุษย์ เป็ นนาง ยักษิณีฆ่าพระอรหันต์หรือพระอริยบุคคลชันรองลงมา ้ เช่น พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ไม่ จัดเป็ นอนันตริยกรรม แต่เป็ นกรรมหนัก มีผลรุนแรงเช่นเดียวกับ อนันตริยกรรม ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๑๘๓-๑๘๗ พาหิยสูตรและอรรถกถา ๑๔
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕
เหตุให้ ท่านปริ นิพพานในเวลาต่อมา๑๕ ทังผู ้ ้ ฆา่ และผู้จ้างวานชื่อว่า ได้ ทาอรหันตฆาตไปแล้ ว เมื่อบาปกรรมนี ้ส่งผล ทาให้ กลุม่ โจรพวกนี ้ ถูกทางการจับ ได้ ทังบุ ้ คคลผู้จ้างวานและผู้ลงมือฆ่า ได้ รับผลกรรมทันตา คือถูก ลงโทษทัณฑ์ด้วยการเผาทังเป็ ้ น หลังจากตายแล้ ว ทังหมดต้ ้ องไป เกิดในนรกอเวจีนบั ชาติไม่ถ้วน คานวณไม่ได้ ถึงความวอดวาย หายนะทังในปั ้ จจุบนั ชาติและอนาคตชาติ สอดคล้ องกับพุทธพจน์ ที่ตรัสไว้ วา่ “บุคคลผู้ทาร้ายพระอรหันต์ผู้ไม่มีความผิด จะต้องมีอัน เป็นไปไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ใน ๑๐ อย่าง ดังนี้ ๑. เกิดความเจ็บป่วยอย่างทุกข์ทรมาน ๒. เสื่อมทรัพย์ สูญเสียโภคสมบัติ ๓. ถูกทาร้ายร่างกาย จนสูญเสียอวัยวะ ๔. เป็นโรคอย่างหนัก เรื้อรัง และยากที่จะรักษาเยียวยา ๕. เป็นบ้า ใบ้ วิกลจริต หรือมีอาการผิดปกติทางสมอง ๖. ต้องคดีทางกฎหมายบ้านเมือง ๗. ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง ๘. เสื่อมญาติ ขาดมิตร ไร้ทพี่ ึ่งพิงอาศัย ๙. ทรัพย์สมบัติพินาศย่อยยับ ใช้การไม่ได้
๑๕
ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๙-๖๒ มหาโมคคัลลานเถราปทาน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖
๑๐. บ้านเรือนที่อยู่อาศัยวิบัติเพราะภัยธรรมชาติ เช่น ไฟ ไหม้ น้าท่วม เป็นต้น และชีวิตหลังตาย ต้องไปเกิดในนรก”๑๖ ปิตุฆำต การฆ่าบิดา และมำตุฆำต การฆ่ามารดา ผู้บงั เกิด เกล้า เช่น บุรุษคนหนึง่ (อดีตชาติของท่านพระมหาโมคคัลลานะ)เป็ น คนรักและหลงเชื่อเมียอย่างมาก เชื่อเมียไปเสียทุกเรื่ อง จนเป็ นเหตุ ให้ ทากรรมหนัก คือ ได้ ทาร้ ายทุบตีพ่อแม่ซงึ่ ตาบอดและแก่ชรา จนถึงแก่ ชีวติ ผลกรรมจากการฆ่าพ่อและแม่ทาให้ บรุ ุษคนนัน้ หลังจากตายแล้ ว เกิดในนรกหลายแสนปี หลังพ้ นจากนรกแล้ ว เพราะเศษกรรมที่เหลือ มาเกิดเป็ นมนุษย์ ถูกทุบที่ศรี ษะจนตายถึง ๑๐๐ ชาติ แม้ ในชาติสดุ ท้ าย ถึงแม้ ท่าน ได้ บรรลุธรรมเป็ นพระ อรหันต์แล้ ว๑๗ แต่ยงั ถูกบาปกรรมตามทัน จึงต้ องถูกพวกโจรทุบตี จนร่างกายแหลกเหลวถึงปริ นิพพาน ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๔ เรื่ องพระมหาโมคคัลลานเถระ ผู้ที่เคยทามาตุฆาต อีกท่านหนึ่ง คือ พระธัมมรุ จเิ ถระ ในอดีตชาติเมือ่ ๔ อสงไขยกับ แสนกัปที่ผ่านมา ท่านเคยบวชเป็นดาบสซึ่งเป็นสหายธรรมกับสุเมธดำบส(พระโพธิสัตว์) แต่ เพราะการคบกับบำปมิตร จึงได้หลงผิดฆ่ามารดาตัวเอง ทาบาปอย่างหนัก ตายไปเกิดในอเวจี มหานรกด้วยความทุกข์ทรมานยาวนาน จนถึงกัปนี้ ได้มาเกิดเป็นปลา ตายจากชาตินนั้ แล้ว จึง ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วได้บรรลุธรรม ขุ.อป. ๓๓/๑๕๗-๑๕๙ ธัมมรุ จเิ ถราปทาน ๑๗ กรรมที่ไม่สำมำรถแก้ได้ มีดังนี้ (๑) นิยตมิจฉาทิฏฐิ (๒) อนันตริยกรรม ๕ (๓) อริยุป วาทกรรมอย่างหนัก (๔) กรรม(ทั้งอกุศลและกุศล)ที่จะส่งผลในชาติปัจจุบัน หรือเรียกว่าทิฏฐ ธรรมเวทนียกรรม กรรมประเภทที่ ๔ นี้ แม้อรหัตตมรรค ก็ละไม่ได้ เพราะเหตุนนั้ ท่านพระ มหาโมคคัลลานะ แม้จะเป็นพระอรหันต์แล้ว และเชี่ยวชาญในเรื่องฤทธิ์ แต่ก็หนีไม่พ้น จึงต้อง ได้รับกรรมอันนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ม.มู. (แปล) ๑๒/๒๔๕-๒๖๖ อลคัททูปมสูตรและอรรถกถา ๑๖
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๗
สาหรับพระเจ้ าอชาตศัตรู ได้ ทาปิ ตฆุ าตโดยปลงพระ ชนม์พระเจ้ าพิมพิสาร ผู้เป็ นพระบิดา แม้ ได้ ฟังธรรมเทศนา๑๘จาก พระศาสดา ซึง่ ควรจะได้ ดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาปั ตติผล ในขณะนัน้ แต่กถ็ กู ปิ ตุฆาตกรรมนีป้ ิ ดกัน้ บรรลุโลกุตรธรรม ไม่ได้ แม้ ในเวลาต่อมา ได้ เป็ นอัครราชูปถัมภ์ในการปฐมสังคายนา พระธรรมวินยั ที่ถ ้าสัตบรรณคูหา และได้ บาเพ็ญบุญกุศลให้ ทาน อื่นอีกมากมาย แต่สดุ ท้ าย พระองค์ได้ ถกู อุทัยภัทรราชกุมาร พระโอรสของพระองค์เองปลงพระชนม์ หลังจากสวรรคตแล้ ว ไป เกิดในโลหกุมภีนรกอีก ๖ หมื่นปี บุญกุศลอื่นที่ทามามากมาย ก็ ไม่อาจห้ ามวิบากของกรรมนีไ้ ม่ ให้ ส่งผลได้ บุคคลที่ทาอนันตริยกรรมข้ อใดข้ อหนึง่ ไปแล้ ว คิดว่าจะแก้ กรรมประเภทนี ้ หรื อจะห้ ามกรรมนี ้ ไม่ ให้ ส่งผลเพื่อไม่ ให้ ตนเองไปตกนรก โดยการสร้ างสถูปมหาเจดีย์ทองคาให้ เต็มห้ วง จักรวาล ถวายทานแก่สงฆ์ผ้ นู งั่ เต็มห้ วงจักรวาล หรื อ จับชายผ้ า สังฆาฏิของพระผู้มีพระภาคเจ้ าเดินตามหลังพระองค์ไปก็ตาม อัง.ปั ญจก.(แปล) ๒๒/๒๐๙ ปริกุปปสูตร อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๒๐๑-๒๐๖ โกกาลิกสูตร ๑๘ ที.สี. (แปล) ๙/๔๘-๘๕ สามัญญผลสูตรและอรรถกถา อัง.ฉักก. (แปล) ๒๒/๖๑๐-๖๑๑ อาวรณตาสูตร บุคคลผูท้ าอนันตริยกรรม เช่น พระเจ้าอชาตศัตรู แม้พระองค์จะสานึกได้ หันมาเลื่อมใสในพระ รัตนตรัย ทาบุญให้ทานมากมายทั้งแก่พระพุทธเจ้าและเหล่าอริยสงฆ์สาวกตลอดชีวิต แต่ผล บุญนั้น ก็ได้ไม่เต็มที่ เพราะจิตไม่บริสทุ ธิ์ เนื่องจากถูกบาปกรรมนี้ปิดกัน้ ขัดขวางไว้เหมือนเนื้อ นาดี แต่เมล็ดพันธุ์ไม่สมบูรณ์ ก็ได้ผลผลิตไม่ดี แม้บุคคลผู้ทำอริยุปวำทกับพ่อแม่หรือกับพระ อริยเจ้ำทั้งหลำย ก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้ให้ทาน ย่อมได้อานิสงส์น้อย เพราะจิตไม่บริสุทธิ์
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๘
เมื่อสิ ้นชีวิตแล้ ว ต้ องไปตกนรกอย่างเดียวเท่านัน้ ไม่มีทางหนีพ้น วิบากกรรมนี ้ได้ เพรำะเป็นกรรมที่แก้ไขไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้ า ก็ ช่ วยไม่ ได้ ไม่มีบญ ุ กุศลอื่นใดที่จะมาลบล้ างบาปกรรมนี ้ใน ปั จจุบนั ชาติได้ เรียกว่า เป็ นกรรมหนักเกินกว่ าจะเยียวยา ยาก ที่จะแก้ ไข พระพุทธองค์ตรัสยืนยันไว้ ชดั เจน เพราะทรงมี สัพพัญญุตญาณและมีวาจาเป็ นหนึง่ ไม่มีสอง๑๙ ถูกต้ องเป็ นจริ ง ทุกประการ ไม่เคยตรัสผิดพลาด คลาดเคลื่อนแม้ แต่คาเดียว ฉะนัน้ แม้ วา่ พ่อแม่จะเป็ นปุถชุ นคนธรรมดา ไม่ได้ เป็ นพระ อรหันต์โดยคุณธรรมก็ตาม แต่พระพุทธเจ้ าผู้เป็ นสัพพัญญู รู้แจ้ ง โลก ได้ บญ ั ญัติการฆ่ าบิดาและฆ่ ามารดาทัง้ สอง เป็ นส่ วนหนึ่ง ในอนันตริยกรรม ๕ ประการ แสดงให้ เห็นว่า การฆ่ าผู้ให้ กาเนิดนัน้ มีโทษมาก เป็ นบาปหนักจริ งๆ เพราะเมื่อบาปกรรมนี ้ ส่ งผล ออกฤทธิ์สามารถไปปิ ดกัน้ ขัดขวาง หรือทาลายบุญ กุศลคุณความดี ซึง่ เป็ นฐานแห่งการได้ ฌาน การบรรลุมรรค-ผล นิพพาน และนาไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ของบุคคลนันหมดสิ ้ ้น จน ไม่มีกาลังสติปัญญาเพียงพอที่จะบรรลุโลกุตรธรรมในชาตินนได้ ั้ และชีวิตหลังความตาย ต้ องไปเกิดในนรกสถานเดียว
ดูเทียบ ม.อุ. (แปล) ๑๔/๔๒๗-๔๒๙ ทักขิณาวิภังคสูตร และอรรถกถา ๑๙ ขุ.อิต.ิ ๒๕/๔๙๕ โลกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๙
๒.อริ ยปุ วาท มีโทษมากเหมือนกับอนันตริ ยกรรม ในพยสนสูตรและอักโกสกสูตร พระพุทธองค์ ได้ ตรัสถึง อริ ยปุ วาทกรรม คือ การพูดตาหนิติเตียนด่าว่าพระอริ ยเจ้ าว่า มีโทษ มาก เป็นบาปหนัก ทาให้เกิดความเสื่อมในทางธรรมและทาให้ฉิบหาย ในทางโลก มีใจความดังนี ้ว่า “ภิกษุผู้ทพี่ ูดจาบจ้วง ล่วงเกิน พูดใส่ร้ายป้ายสี พูดติฉินนินทา ว่าร้าย พูดวิพากษ์วิจารณ์ พูดด่าว่า หรือ พูดตาหนิติเตียนเพื่อน สพรหมจารีผู้มศี ีล (เพื่อนพระด้วยกัน) และพระอริยเจ้าทั้งหลาย จะต้องมีอันเป็นไปอย่างใดอย่างหนึง่ แน่นอน คือ ๑.ไม่อาจบรรลุคุณวิเศษขั้นสูงขึ้นไป ๒.เสื่อมจากคุณวิเศษที่เคยได้บรรลุแล้ว ๓.เกิดความเข้าใจธรรมะแบบผิดๆไม่ตรงตามความเป็นจริง ๔.สาคัญผิดคิดว่าตนได้บรรลุคุณวิเศษอย่างใดอย่างหนึง่ ทั้งๆที่ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นจริง ๕.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ ๖.มีเหตุทาให้ต้องอาบัติหนักอย่างใดอย่างหนึง่ (เช่น อาบัติ ปาราชิก หรืออาบัติสังฆาทิเสส) ๗.ไม่สามารถอยู่ในเพศบรรพชิตได้ ต้องสึกออกไปเป็น ฆราวาส มีภิกษุณีอ้วนชื่อติสสาและนันทา เป็ นต้ น เป็ นกรณีตวั อย่างในเรื่องนี ้
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๐
๘. เกิดโรคร้ายแรงที่เรื้อรังและรักษายาก ๙.เป็นบ้า เป็นโรคประสาท หรือเป็นวิกลจริต ๑๐. หลงตาย ตายแล้ว ก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ตายแล้ว ๑๑. หลังตายแล้ว ต้องไปเกิดในนรก หรือ ไปเกิดเป็นสัตว์ เดรัจฉาน๒๐ ผลกรรมจากอริยุปวาทข้างต้นนี้ พระพุทธองค์ ตรัสยืนยัน ชัดเจนอีกว่า ภิกษุใดก็ตามด่าว่าเพื่อน สพรหมจารีทั้งหลาย ว่าร้าย พระอริยะ เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุนั้น จะไม่ถงึ ควำมพินำศอย่างใด อย่างหนึ่งใน ๑๑ อย่างนี้ ในอรรถกถำแห่งมิจฉาทิฏฐิกสูตร พระอรรถกถาจารย์ได้ กล่าวถึงผลกรรมจากการพูดตาหนิติเตียนพระอริยเจ้ า ตังแต่ ้ พระ โสดาบันจนถึงพระอรหันต์วา่ “มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์เหมือนกับ อนันตริ ยกรรม”๒๑ สาหรับตัวอริ ยปุ วาทกรรมเอง ไม่ได้ เป็ นอนันตริ ยกรรม และไม่ได้ เรี ยกว่า อนันตริยกรรม แต่ผลกรรมที่เกิดจากการพูด ตาหนิพระอริ ยเจ้ า หรือ อริยปุ วาทนัน้ มีผลรุ นแรงเท่ ากับ อนันตริยกรรม คือภายในชาตินนั ้ ผู้ทาอริ ยปุ วาท จะไม่มีสิทธิ์ ดูเพิ่มใน สัง.นิ.(แปล) ๑๖/๒๕๓-๒๕๔ อุปัสสยสูตรและอรรถกถา, สัง.นิ. (แปล) ๑๖/๒๕๖-๒๕๘ จีวรสูตรและอรรถกถา ๒๐ อัง.เอกาทส.(แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘ พยสนสูตร และอักโกสกสูตร แต่ในพระสูตรนี ้ ไม่มีข้อที่ ๗ คือ ลาสิกขา ดูหน้ า ๑๙๙ ๒๑ ขุ.อิต.ิ (แปล)๒๕/๔๒๗,มิจฉาทิฏฐิกสูตรและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๑
หรื อ หมดโอกาสที่จะได้ บรรลุมรรคผลนิพพาน และหลังจากตาย จะถูกปิ ดกันการเกิ ้ ดในสุคติโลกสวรรค์ ทุกชัน้ ภูมิ ต้ องไปเกิด ในอบายภูมิ หรื อนรกสถานเดียว ในปริกุปปสูตร พระพุทธเจ้ า ได้ บญ ั ญัติการฆ่ าบิดาหรื อ การฆ่ ามารดาว่าเป็ นอนันตริ ยกรรมมีผลร้ ายแรง รองลงมาจาก การฆ่าพระอรหันต์ ซึง่ เป็ นพระอริ ยเจ้ าผู้บรรลุธรรมขันสู ้ งสุด แต่ พระพุทธองค์ไม่ได้ บญ ั ญัตวิ า่ การฆ่าพระอริยบุคคลขันต ้ ่าเช่น ฆ่า พระอนาคามี พระสกทาคามี หรือ ฆ่าพระโสดาบัน ว่าเป็ น อนันตริ ยกรรม เหตุผลที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเช่นนี ้ แสดงว่า พระคุณของพ่อแม่นั้น มำกล้นเหลือคณำ ซึง่ เปรียบได้ใกล้เคียงกับ คุณของพระอรหันต์ เมื่อมีพทุ ธพจน์ตรัสยืนยันชัดเจนในพยสนสูตรและอักโกสก สูตรว่า การพูดตาหนิตเิ ตียนพระอริ ยเจ้ า หรื อ การทาอริ ยปุ วาท ข้ อสังเกต ในบางกรณีของบุคคลผู้ที่ทาอริยุปวาทกรรมนัน้ ได้ทากับพระอริยเจ้าขั้นต่าหรือ พระอรหันต์กต็ าม แต่ไม่ใช่ขั้นรุนแรงมากเกินไป พร้อมทั้งบุคคลนั้นยังมีบญ ุ เก่าหนุนนา มี อุปนิสัยแห่งมรรคผลด้วย และได้กัลยาณมิตรช่วยเหลือให้คาแนะนา ก็ยังอยู่ในฐานะพอแก้ไข เยียวยาได้ เปลีย่ นแปลงได้ ถ้ามีความสานึกผิด และได้กล่าวคาขอขมาโทษต่อท่านได้ทันท่วงที ส่วนอนันตริยกรรมนั้น ไม่มที ำงแก้ไขอะไรได้เลย สัง.สฬา. (แปล) ๑๘/ ๓๘๗-๓๘๙ นิคัณฐนาฏปุตตสูตร การฆ่าพระอริยเจ้าขั้นต่ากว่าพระอรหันต์ ไม่จัดเป็นอนันตริยกรรม แต่เป็นกรรมหนัก เหมือนกัน เรียกว่า ครุกรรม มีผลตามมาเหมือนกับอนันตริยกรรม อรรถกถา มหาวรรค ภาค ๑ มหาขันธกะ เรื่องห้ำมคนฆ่ำมำรดำมิให้อุปสมบท เป็นต้น ข้อสังเกต ในพระไตรปิฎกและอรรถกา ไม่ปรากฏในคัมภีร์เล่มใดที่กล่าวไว้วา่ บุคคลผู้ที่ ฆ่าพระอริยเจ้า ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน แม้แต่คนเดียว-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๒
นัน้ มีโทษมาก เป็ นบาปหนัก สามารถปิ ดกันการบรรลุ ้ โลกุตรธรรม และปิ ดเส้ นทางที่จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ด้วย และมีพทุ ธพจน์ ในอรรถกถามิจฉาทิฏฐิ กสูตรได้ กล่าวสอดรับกันอีกว่า อริยปุ วำท นั้น มีโทษมำกเหมือนอนันตริยกรรม ฉะนัน้ จึงสรุปความแห่งพุทธ พจน์ในพระสูตรและอรรถกถาเหล่านี ้ว่า อริยุปวำทกรรมและ อนันตริยกรรมนั้น มีโทษมำก เป็นบำปหนักเช่นเดียวกัน ฉะนัน้ จากพุทธพจน์ในพระสูตรและอรรถกถาข้ างต้ นนัน้ จึงมีความเป็ นไปได้ วา่ ลูกที่พดู ดุดา่ ว่า พูดตาหนิติเตียนพ่อแม่นนั ้ มีโทษมาก เป็ นบาปหนักเทียบเท่ำกับกำรพูดติเตียนพระอรหันต์ ซึ่ง มีผลร้ำยแรงเท่ำกับอนันตริยกรรมเช่นกัน กล่าวคือ ผลกรรมจาก การด่าว่าพ่อแม่นั้น สามารถปิดกั้น ขัดขวางไม่ให้ผนู้ ั้น ได้บรรลุ โลกุตรธรรมภายในชาติปัจจุบัน และชีวิตหลังตาย ต้องไปเกิดในนรก ห้ามการเกิดขึ้นในสวรรค์ ทาให้เกิดความวิบัติหายนะในทางโลกและ เสื่อมทั้งทางธรรม ถ้าหากแก้ไขกรรมนี้ไม่ได้ทันท่วงที ๓.ปฏิบตั ิผิดต่อพ่อแม่ วิบตั ิแท้แน่นอน ในทุตยิ ขตสูตร พระพุทธองค์ตรัสถึงการปฏิบตั ิผิดต่อพ่อ แม่เป็ นบาปกรรมอย่างหนักไว้ วา่ “ภิกษุทงั้ หลาย คนพาลผู้ไม่เฉียบแหลม เป็นอสัตบุรุษ ปฏิบัติผิดในมารดา... ปฏิบัติผิดในบิดา... ย่อมบริหารตนให้ถกู กาจัด ถูกทาลาย มีความเสียหาย
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๓
ถูกผูร้ ู้ติเตียน และประสพสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมำก” ๒๒ คาว่า ประสพสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมำกนัน้ หมายถึงลูกที่ อกตัญญู เนรคุณ ทาผิดต่อผู้ควรแก่การเคารพบูชา ด่าว่าพ่อแม่ผ้ ู ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ จะต้ องมีอนั เป็ นไปต่างๆและจะต้ อง ประสพกับผลบาป ความเสื่อม ความหายนะอย่างหนักทังในเรื ้ ่ อง ครอบครัว ความรัก ตาแหน่ง หน้ าที่การงาน เกียรติยศ ชื่อเสียง สุขภาพและการปฏิบตั ิธรรม
๒๒
อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๖ ทุตยิ ขตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๔
โรคเอดส์ มะเร็งทางจิตวิญญาณ
กรรมที่ไม่ดี และไม่มีประโยชน์แก่ตน ทาได้ง่าย ส่วนกรรมที่ดี และมีประโยชน์ ทาได้ยากอย่างยิ่ง ความทุศีลโดยสิ้นเชิง ย่อมรึงรัดอัตภาพของบุคคลผู้ทุศีลไว้ ดุจเถาวัลย์ที่รึงรัดต้นสาละไว้ เขาย่อมทาตนให้วิบัติดุจโจรปรารถนาให้เขาวิบัติ ฉะนั้น บาปที่ตนเองทา เกิดในตน มีตนเป็นแดนเกิด ย่อมทาลายคนมีปญ ั ญาทราม เหมือนเพชรที่เกิดจากหินทาลายแก้วมณี ฉะนัน้
...ผู้มีปัญญาทราม อาศัยทิฏฐิชั่ว คัดค้านคาสอนของพระอริยะ ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้ดารงอยู่โดยธรรม การคัดค้านและทิฏฐิชั่วนั้น เกิดขึ้นมาเพือ่ ทาลายตนเอง เหมือนขุยไผ่ทาลายต้นไผ่ ฉะนั้น” พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๘๒-๘๓
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๕
๔.ติพระอริ ยเจ้าผูค้ วรสรรเสริ ญ มีโทษมาก ในปฐมขตสูตร พระพุทธเจ้ า ได้ ตรัสถึงผลกรรมของ บุคคลที่ไม่ได้ พิจารณาไตร่ตรองให้ รอบคอบ ไปพูดตาหนิติเตียน พระอริยเจ้ าทังหลายผู ้ ้ ควรแก่การสรรเสริ ญว่าเป็ นบาปมากไว้ วา่ “ภิกษุทงั้ หลาย คนพาลผู้ไม่เฉียบแหลม เป็นอสัตบุรุษ ไม่ พิจารณาไตร่ตรอง กล่าวสรรเสริญผู้ควรติเตียน ไม่พิจารณาไตร่ตรอง กล่าวติเตียนผูค้ วรสรรเสริญ ย่อมบริหารตนให้ถกู กาจัด ถูกทาลายมี ความเสียหาย ถูกผู้รตู้ ิเตียน และประสพสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมำก ... ผู้ใดกล่าวสรรเสริญผูค้ วรติเตียน หรือ กล่าวติเตียนผู้ควร สรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่า สัง่ สมความผิดไว้ด้วยปาก ย่อมไม่ประสพ ควำมสุขเพรำะควำมผิดนั้น” ๒๓ พระอริยเจ้ าทังหลาย ้ มีพระพุทธเจ้ าเป็ นต้ น เป็ นผู้ควรแก่ การสรรเสริ ญอย่างเดียว ไม่ควรพูดตาหนิตเิ ตียน ผู้ที่ได้ ประมาท พลาดพลังล่ ้ วงเกินพระอริ ยเจ้ าผู้ไม่มีความผิดและไม่โต้ ตอบ ผล บาปย่อมสะท้ อนกลับรุนแรงหลายเท่า ส่วนผู้ที่มีความศรัทธา เลื่อมใส ให้ การเคารพ พูดยกย่อง สรรเสริ ญบุคคลที่ควรติเตียน อย่างเช่น พระเทวทัตผู้ทาอนันตริ ยกรรม คือ โลหิตปุ บาท และสังฆ เภท แล้ วมีพระมหาโกกาลิกะ ภิกษุณีอ้วนชื่อนันทา และพวก ชาวบ้ านอีก ๕๐๐ ครอบครัวเป็ นต้ น เกิดความศรัทธาเลื่อมใส ยก
๒๓
อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๔ ปฐมขตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๖
ย่องภิกษุรูปนี ้ จึงได้ รับโทษหนักเหมือนทาอริ ยปุ วาทกรรมทังก่ ้ อน ตายและชีวิตหลังตายเช่นกัน แม้ มารดาบิดา ก็ชื่อว่าเป็ นปูชนียบุคคล เป็ นอาหุเนยย บุคคล คือ เป็ นผู้ควรแก่การสรรเสริ ญ ยกย่องเชิดชูบชู าสักการะ นับถือของลูกอย่างเดียว หากผู้เป็ นลูกได้ พดู ตาหนิตเิ ตียนดุดา่ ว่า ท่านด้ วยจิตที่ลบหลูด่ ถู กู จะด้ วยเหตุผลใดก็ตาม ย่อมทาให้ ชีวิต ของผู้นนมี ั ้ อนั เป็ นไป พบกับความหายนะ ไม่สามารถประสพกับ ความเจริ ญรุ่งเรืองในตาแหน่งหน้ าที่การงาน ครอบครัวความรัก เป็ นต้ นได้ เช่นกัน ผู้ที่มองข้ ามพ่อแม่ ไม่ให้ ความเคารพนบนอบ ไม่ได้ ยกย่อง เชิดชูผ้ มู ีพระคุณ ย่อมมีจิตมืดมน หลงผิด มักจะไปศรัทธาเลื่อมใส นิยมชมชอบในบุคคลผิด ผู้เป็ นบาปมิตร หรือในนักบวชผู้มี มิจฉาทิฏฐิ ผู้เป็ นเนื ้อนาบาปที่เคยทาอริ ยปุ วาทกับพ่อแม่หรือกับ พระอริยเจ้ ามาก่อนเช่นกัน ในมหำสีหนำทสูตร๒๔ พระพุทธองค์ตรัสถึงผลกรรมที่เกิด จากอริ ยปุ วาททาให้ ชีวิตหลังตายต้ องไปเกิดในนรกแน่นอนว่า “สารีบุตร เปรียบเหมือนภิกษุผู้ถงึ พร้อมด้วยศีล ถึงพร้อมด้วย สมาธิ ถึงพร้อมด้วยปัญญา พึงได้ลิ้มอรหัตผล ในภพปัจจุบันนี้แล ฉัน ใด สารีบุตร เรากล่าวข้ออุปไมยนี้ ฉันนั้น บุคคลนั้น ไม่ละวำจำนั้น
๒๔
ม.มู. (แปล) ๑๒/๑๔๑-๑๖๔ มหาสีหนาทสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๗
เสีย ไม่ละความคิดนั้นเสีย ไม่สละคืนทิฐิ(มิจฉาทิฐิ)นั้นเสียแล้ว ต้อง ถูกโยนลงในนรกเหมือนถูกนายนิรยบาลนามาโยนลงในนรกฉะนั้น” คาว่า ไม่ ละวาจานัน้ ในที่นี ้ หมายถึง เมื่อบุคคลทา อริ ยปุ วาทแล้ ว ไม่สานึกผิด ไม่ร้ ูจกั วิธีแก้ ไข และไม่กล่าวคาขอขมา โทษต่อพระอริ ยเจ้ าผู้ที่ตนได้ พดู ล่วงเกิน เหมือนกรณีของพราหมณ์ ชื่อ วัสสการะ มหาอามาตย์แห่งแคว้ นมคธที่พดู ตาหนิท่านพระ มหากัจจายนะด้ วยคาพูดเพียงว่า “นั่นอะไร ดูเหมือนลิงจังเลย” แต่เขาไม่ได้ ไปขอขมาโทษต่อพระเถระ ชีวิตหลังตาย จึงไม่ ปลอดภัย เพราะเขาได้ ไปเกิดเป็ นลิงที่สวนเวฬุวนั ตรงตามที่พระ พุทธองค์ตรัสพยากรณ์เอาไว้ ในโกกาลิกสูตร พระพุทธองค์ได้ ตรัสถึงผลกรรมของพระ โกกาลิกะที่ได้ พดู ตาหนิท่านพระสารี บตุ รและท่านพระมหาโมคคัล ลานะพระอัครสาวกทังสองว่ ้ า เป็ นบาปกรรมอย่างหนักยิ่งกว่า การเสียการพนันเป็ นล้ านๆเท่า และชีวิตหลังตายต้ องไปเกิดใน ปทุมนรกอีกหลายล้ านปี ไว้ วา่ “...การปราชัยด้วยทรัพย์ในการเล่นการพนัน จนหมดตัวนี้ เป็นควำมผิดเพียงเล็กน้อย แต่การที่บุคคลมีใจประทุษร้ายในบุคคล ที่ ดาเนินไปดีแล้วนี้เท่านั้น เป็นความผิดมากกว่า บุคคลผู้ตั้งวำจำและ ใจอันชั่ว ติเตียนพระอริยะ ย่อมเข้าถึงนรกสิ้น ๑๓๖,๐๐๐ นิรพั พุท กัป กับอีก ๕ อัพพุทกัป” ๒๕ ๒๕
อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๔ โกกาลิกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๘
การสูญเสียทรัพย์สนิ เงินทอง หรื อ ของมีคา่ จากการเล่น การพนันนัน้ เป็ นการสูญเสียสมบัติภายนอกกายเท่านัน้ หากมี ปั ญญายังมีโอกาสหาใหม่ได้ แต่ถ้าหากสูญเสียปั ญญา อันเป็ น ทรัพย์ภายในเสียแล้ ว ทาให้ จิตใจพร่ามัว มืดบอด หลงผิด พลัง้ ปากพูดตาหนิพระอริ ยเจ้ าด้ วยความโกรธนัน้ กลับมีโทษมาก เป็ น บาปมหันต์ ยิ่งกว่าการสูญเสียการพนันหลายล้ านเท่า เพราะต้ อง ทาให้ สญ ู เสียทังทรั ้ พย์ภายนอกและทรัพย์ภายใน แม้ ชีวิตอันเป็ นที่ รักหวงแหนมากที่สดุ ก็ต้องมีอนั เป็ นไป และชีวิตหลังตายต้ องไป เกิดในนรกอีกยาวนานเป็ นล้ านๆปี จนนับไม่ถ้วน คานวณไม่ได้ วา่ ยาวนานเพียงใด ๕.ด่าพระโสดาบัน ชีวิตต้องบรรลัย ในสุเนตตสูตร พระพุทธองค์ตรัสถึงการพูดตาหนิดา่ ว่า พระโสดาบันคนเดียว มีโทษมากกว่าการด่าว่านักบวช นักพรต ดาบส หรื อฤาษีในลัทธิศาสนาอื่นภายนอกพุทธศาสนาที่เป็ นกรรม วาทีและที่ได้ ฌานอภิญญา มีใจความดังนี ้ว่า คาว่า “กัป” ในที่นี ้ หมายถึงกาหนดระยะเวลาที่ยาวนานมาก จนนับไม่ถ้วน คานวณ ไม่ได้ วา่ กี่ล้านๆๆๆปี กาหนดกันว่าโลกคือสากลจักรวาลประลัยครัง้ หนึ่ง ซึง่ พระพุทธองค์ ทรงยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับภูเขาศิลาแท่งทึบลูกใหญ่ ซึง่ มีความกว้ าง ยาว สูง ด้ านละ ๑๖ กิโลเมตร ทุกๆ ๑๐๐ ปี มีคนเอาผ้ าเนื ้อละเอียด ลูบภูเขานันครั ้ ง้ หนึ่ง จนภูเขาศิลานัน้ สึกหรอหมดสิ ้นไป แต่ระยะเวลากัปหนึ่งยาวนานกว่านัน้ สัง.นิ. (แปล) ๑๖/๒๑๙-๒๒๐ ปั พพตสูตร,สาสปสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓๙
“ภิกษุทงั้ หลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว มีครูชื่อสุเนตตะ...ครูชื่อมูค ปักขะ...ครูชื่ออรเนมิ...ครูชื่อกุททำละ...ครูชื่อหัตถิปำละ...ครูชื่อโชติ ปำละ และครูชื่ออรกะ เป็นเจ้าลัทธิผู้ปราศจากความกาหนัดในกาม ทั้งหลาย มีสาวกหลายร้อยคน ได้แสดงธรรมแก่สาวกทัง้ หลาย เพื่อ เกิดในพรหมโลก สำวกที่ไม่ทำจิตให้เลื่อมใส หลังจำกตำยแล้ว ได้ไป เกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสาวกทีท่ าจิตให้เลื่อมใส หลังจาก ตายแล้ว ได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ บุคคลที่ด่าว่าครูทงั้ ๗ พร้อมทั้งหมู่สาวก จะต้องประสพกับ สิ่งเลวร้ายความพินาศหายนะมากอยู่แล้ว แต่บุคคลผู้ด่ำว่ำพระ โสดำบันแม้เพียงคนเดียว จะต้องประสพสิ่งที่เลวร้ำย หำยนะวอด วำยมำกกว่ำกำรด่ำว่ำครูทั้ง ๗ พร้อมทั้งหมู่สำวกนั้น เพราะไม่มี การขุดโค่นคุณความดีของตนอะไรอย่างอื่น ที่จะมีโทษอันตราย ๒๖ ร้ายแรงเท่ากับกำรด่ำว่ำเพื่อนพรหมจำรีด้วยกัน” จากพุทธพจน์ข้างต้ น การพูดตาหนิดา่ ว่า พวกนักบวช นักพรต ดาบส หรื อพวกฤษีที่บวชภายนอกพระพุทธศาสนา แม้ บุคคลเหล่านันจะเป็ ้ นผู้เชื่อกฎแห่งกรรม และได้ ฌานสมาบัติ มี ฤทธิ์อภิญญามากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ยงั บาปน้ อยกว่าการพูด คาว่า ครู หรือ คุรุ หมายถึงผู้ที่เป็นเจ้าลัทธิของหมู่คณะ ซึ่งทั้ง ๗ ท่านนี้ คือพระโพธิสัตว์ใน อดีตชาติในขณะที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏบาเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ ได้ สั่งสอนผู้คนเพื่อไปเกิดในพรหมโลกเพราะเกิดขึ้นในยุคไม่มีพระพุทธศาสนา-ผู้เขียน ๒๖ อัง.สัตตก. (แปล) ๒๓/๑๖๗ สุเนตตสูตร ส่วนการพูดตาหนิติเตียนด่าว่า พระโพธิสตั ว์ทงหลายผู ั้ ้ ที่ได้ ฌานอภิญญาในยุคที่มี พระพุทธศาสนา มีโทษมาก เป็ นบาปหนักกว่าด่าว่าพ่อแม่-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๐
ตาหนิ ด่าว่าพระโสดาบันที่ไม่ได้ อภิญญาอะไรเลย ทังนี ้ ้เพราะ พระอริยเจ้ าทังหลายมี ้ กิเลสอาสวะเบาบาง มีคณ ุ ธรรม คือ ศีล สมำธิปัญญำที่เป็นอริยะ เป็นโลกุตระ ซึง่ สูงส่งกว่าคุณธรรมของ พวกนักบวช ดาบส ฤาษีเป็ นต้ นเหล่านันอย่ ้ างห่างไกลกันฟ้ากับดิน นามาเปรี ยบเทียบกันไม่ได้ เพื่อความเข้ าใจมากขึ ้นเกี่ยวกับผลกรรมจากการพูดตาหนิ พระอริยเจ้ าที่กล่าวแล้ วข้ างต้ นนัน้ มีพทุ ธพจน์ที่ควรนามา พิจารณาเปรี ยบเทียบ ดังนี ้ ก. การทาบุญกุศล การทาบุญให้ ทานแก่นกั บวชภายนอกพุทธศาสนา ผู้ได้ ฌานอภิญญาประมาณ ๑๐๐ ท่ าน มีอานิสงส์ทาให้ เกิดในสุคติ โลกสวรรค์เป็ นล้ านๆชาติ ถึงกระนัน้ ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าการ ทาบุญให้ ทานแก่พระโสดาบันท่านเดียว๒๗ซึง่ มีอานิสงส์นบั ไม่ถ้วน คานวณไม่ได้ เรื่ องนี ้พระพุทธองค์ได้ ตรัสกับท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี ทรงยืนยันว่า ในสมัยนัน้ พระองค์เคยเกิดเป็นเวลำม พรำหมณ์ ดารงตาแหน่งเป็นปุโรหิตของพวกกษัตริย์ ได้ทาบุญให้ทาน แก่ปถุ ุชนคนทั่วไป ซึ่งคิดคานวณเป็นมูลค่าจานวนวัตถุสิ่งของที่ บริจาคไปในแต่ละวันนั้น ตกวันละร้อยกว่าล้านบาท เป็นระยะเวลา ๗ ปีกับอีก ๗ เดือน แต่มอี านิสงส์น้อยกว่าการให้ทานเพียงแค่ทพั พี เดียวแก่พระโสดาบันท่านเดียว ๒๗
อัง.นวก. ( แปล) ๒๓/๔๗๐-๔๗๓ เวลามสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๑
ถึงแม้ วา่ การให้ ทานแก่พระอริยเจ้ าขันโสดาบั ้ นเพียงคน เดียว มีผลมีอานิสงส์มากมายจนนับไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับการ ให้ ทานแก่ปถุ ชุ นที่เต็มโลกใบนี ้ก็ตาม แต่ยิ่งไปกว่านัน้ การให้ ทาน แก่พระโสดาบัน แม้ หลายร้ อยท่าน มีอานิสงส์น้อยกว่า การให้ ทาน แก่พระอรหันต์เพียงแค่องค์เดียว๒๘ ข. การทาบาปอกุศล ในทางตรงข้ าม สาหรับการทาบาปอกุศล ก็ต้องเป็ น เช่นเดียวกัน กล่าวคือ การพูดตาหนิดา่ ว่าพระโสดาบันหลายร้ อย ท่าน ย่อมเป็ นบาปน้ อยกว่าด่าพระอรหันต์เพียงท่านเดียว ทังนี ้ ้ เพราะว่า พระอรหันต์มีคณ ุ ธรรมสูงกว่าพระโสดาบันหลายร้ อยเท่า เมื่อนาพุทธพจน์ในปริกุปปสูตรที่พระพุทธองค์บญ ั ญัติการฆ่าพ่อ แม่วา่ เป็ นบาปหนัก ระดับอนันตริ ยกรรม มีผลรุนแรงรองลงมาจาก การฆ่าพระอรหันต์ ดังนัน้ จึงมีความเป็นไปได้ว่า การให้ทานหรือ การเลี้ยงดูพ่อ หรือ แม่มีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานแก่พระโสดำบัน พระสกทำคำมี พระอนำคำมี และมีความเป็นไปได้เช่นกันว่า ผู้ที่พูด ตาหนิด่าว่าพ่อแม่แม้เพียงคาเดียว ประโยคเดียว ย่อมมีส่วนที่จะบาป หนักกว่าการพูดตาหนิด่าว่าพระโสดาบันพระสกทาคามี พระอนาคามี หลายเท่า และมีโทษมากเป็นบำปหนักเหมือนด่ำพระอรหันต์
๒๘
ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๒๐๙-๒๑๙ อังกุรเปตวัตถุ ม.อุป. (แปล) ๑๔/๔๒๔-๔๒๙ ทักขิณาวิภังคสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๒
จากพุทธพจน์ที่ปรากฏในพระสูตรต่างๆที่กล่าวแล้ วข้ างต้ น ชี ้ชัดว่า การพูดตาหนิดา่ ว่าพระอริ ยเจ้ านันมี ้ โทษมาก เป็ นบาป หนัก แม้ การพูดด่าว่ามารดาบิดาผู้บงั เกิดเกล้ า ก็เป็ นบาปมหันต์ เช่นเดียวกัน ถึงท่านจะยังเป็นปุถุชนอยู่ตาม แต่สาหรับผู้ที่เป็ นลูก แล้ ว ท่านทั้งสองนั้น ตั้งอยู่ในฐานะผู้มีพระคุณอันสูงสุด และเป็น บุคคลที่ไม่ควรแตะต้องล่วงเกินโดยประกำรทั้งปวง ฉะนัน้ ลูกที่พดู ล่วงเกินพ่อแม่แล้ ว ไม่สานึกผิด ไม่คิดเปลีย่ นแปลงแก้ ไขด้ วยการ ขอขมาโทษ ถึงท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคือง ให้ อภัยไม่ถือสาหา ความ หรื อในเวลาต่อมา ลูกคนนันกลั ้ บมาทาดีกบั ท่านแล้ วก็ตาม แต่ผลแห่งบาปกรรมที่เคยทาไว้ ก่อนหน้ านี ้ ยังสามารถส่งผลออก ฤทธิ์ได้ ทาให้ ลกู นันมี ้ อนั เป็ นไปเหมือนเดิม ทังนี ้ ้เพราะยังไม่ได้ แก้ ไขให้ กลับมาเป็ นปกติ การพูดดุดา่ ว่าพ่อแม่ หากมองทางโลก ผู้ที่เป็ นลูกไม่ได้ ฆา่ พ่อแม่ทางร่างกาย ไม่ได้ ทาผิดต่อท่านมากก็จริ ง แต่มนั เป็ นการฆ่า และทาร้ ายจิตใจท่านแล้ วด้ วยวาจา เพราะทาให้ พ่อแม่ร้องไห้ เจ็บปวดทรมานใจอย่างมาก คงไม่มีความเจ็บปวด คับแค้ นใจอื่น ใดที่จะรุนแรงไปกว่าลูกอันเป็ นสุดที่รักและเลี ้ยงดูมาจนเติบใหญ่ กลับมาทาปี กกล้ าขาแข็ง ทาอวดดี คิดลบหลูด่ หู มิ่น พูดด่าว่า ตนเองในฐานะผู้ให้ กาเนิด เพราะฉะนัน้ คุณลูกทังหลาย ้ ควรจะสังวรระวังความคิด คาพูดใว้ ให้ มากและอย่าได้ พลังปากเผลอพู ้ ดล่วงเกินพ่อแม่อีกเลย
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๓
เพราะผลตามมานัน้ มีโทษมากนัก เป็ นบาปอันใหญ่หลวงอย่างยิ่ง ยากนักหนาที่จะแก้ ไขให้ กลับมาเป็ นปกติได้ ยิ่งถ้ าหากไม่ได้ ศกึ ษา ธรรมะให้ ลกึ ซึ ้งถ่องแท้ ไม่ร้ ูจกั วิธีแก้ ไขอย่างถูกต้ องตามพุทธวิธี ด้ วยแล้ ว ชีวิตนี ้คงเอาดีได้ ยาก ต้ องลาบากไปอีกนาน เพียงแค่ลูก ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่และการเผาพลาญเงินทองของท่านก็บาปหนักอยู่ แล้ว ยิ่งมาพูดตาหนิดา่ ว่าท่านอีก ยิ่งเพิ่มเชื้อบาปให้มีกาลังหนักหลาย เท่าพันทวี
บาป..ไม่ควรทา
อกุศลกรรมไม่ควรก่อ บาปกรรมที่บุคคลทาแล้วยังไม่ให้ผลทันที เหมือนน้านมที่รีดในวันนี้ บาปกรรมนั้นจะค่อย ๆ เผาผลาญคนพาล เหมือนไฟที่ถูกเถ้ากลบไว้ ฉะนั้น พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๔๙,๕๑
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๔
จิตที่ตั้งไว้ผิด
เป็นบาปเรื้อรัง..ฝังรากลึก
“จิตที่ต้ งั ไว้ผิดพึงทาให้ได้รับความเสี ยหาย ยิง่ กว่าความเสี ยหายที่โจรเห็นโจร หรื อผูจ้ องเวรเห็นผูจ้ องเวร จะพึงทาให้แก่กนั ” พุทธพจน์ โคปาลกสูตรและอรรถกถา
ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๒๓๘-๒๓๙
คนที่เป็นศัตรู คู่เวรกัน พึงทาร้าย ทาลายกัน และกัน หรือ เข่นฆ่ากันจนถึงแก่ความตาย ก็เพียง แค่ชาตินี้ชาติเดียว ส่วนจิตที่ตั้งไว้ผิดในบาปกรรม ทั้งหลาย เช่น การฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์..มิจฉาทิฏฐิ การเห็นผิดว่า บาป-บุญไม่มีจริง พระคุณของพ่อหรือ แม่ไม่มี เป็นต้น ย่อมเป็นเหตุทาให้เขาทาบาปกรรม ต่างๆมากมาย แล้วถึงความวอดวายหายนะทั้งใน ปัจจุบันด้วย และทาให้ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเป็นหลายแสนชาติ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๕
กรรมด่าพ่อแม่
บาปมหันต์ ให้ผลทันตา บาปหนักหนา อย่ากล้าทา เมื่อพ่อแม่ เป็ นผู้มีคณ ุ สูงสุด โดยให้ ชีวิตและเลี ้ยงดูลกู จน เติบใหญ่ อยู่ในฐานะผู้ที่เป็ นลูกทังหลายต้ ้ องตอบแทนพระคุณ ด้ วยการเลี ้ยงดูเอาใจใส่ปรนนิบตั ิ เชื่อฟั งอยู่ในโอวาท ให้ ความ เคารพนับถือบูชายกย่องและสรรเสริ ญคุณ แต่ถ้าหากว่า ลูกคนใด ได้ จาบจ้ วงล่วงเกินท่านทังสองด้ ้ วยการคิดไม่ดี หรื อคิดตาหนิในใจ คิดจับผิด คิดเพ่งโทษ เช่นว่า พ่อแม่เป็นคนไม่ดี ขี้เหล้า เจ้าชู้ เป็น นักเลงการพนัน ไม่รู้จักดูแลรับผิดชอบต่อครอบครัว หรื อได้ พูด ประชด โต้เถียง พูดตาหนิด่าว่าให้เจ็บช้าน้าใจ เพราะลืมตัว ขาด สติสมั ปชัญญะ เพราะความโกรธ บันดาลโทสะ อยำกเอำชนะ อยำกแก้แค้น เพราะความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ หรื อเพราะสาเหตุอย่าง ใดอย่างหนึง่ ก็ตาม แม้ วา่ ท่าน จะมีสว่ นผิดอยูบ่ ้ างในเรื่ องนันๆ ้ ผู้เป็ นลูกก็ไม่ อาจใช้ ความผิดนัน้ มาเป็ นเหตุลบหลูพ่ ดู ด่าว่าผู้บงั เกิดเกล้ า เพราะ ถึงท่านจะเป็ นคนเลวแสนเลวอย่างไร จิตใจโหดร้ ายแค่ไหน ทาผิด ต่อลูกคนนันหนั ้ กหนาสาหัสเพียงใด แต่ท่านทังสองนั ้ น้ ยังอยู่ใน ฐานะมารดาบิดาผู้ให้กำเนิด ผู้บังเกิดเกล้ำ จะยกเอำควำมผิดของ ท่ำนเพียงแค่นั้น มำดูถูกเหยียบหยำมประณำมลบล้ำงกับบุญคุณ อันยิ่งใหญ่ที่มีต่อเรำไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะบิดามารดานั้น ถือได้ว่า เป็น
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๖
บุคคลต้องห้ำมสาหรับลูกทังหลาย ้ ซึง่ จะแตะต้ องล่วงเกินไม่ได้ เป็ น อันขาด และไม่มีสิทธิ์ ไม่สำมำรถอ้ำงสิทธิพิเศษใดๆ หรือไม่มกี ฎ ข้อยกเว้นอื่นใดทีล่ ูกเมื่อทำกำรล่วงเกินไปแล้ว จะไม่เกิดโทษเป็น บำปกรรม และเมื่อทาผิดต่อท่านแล้ว ก็ไม่สำมำรถปฏิเสธ หรือ หลีกเลี่ยงผลกรรมนั้นไปได้ ไม่ว่ำจะอ้ำงเหตุผลใดๆก็ตำม ผลแห่ง บาปกรรมที่จะเกิดขึ ้นตามมานัน้ มันเป็ นอันตรายร้ ายแรงต่อชีวิต เป็ นพิษภัยต่อร่างกายและจิตใจอย่างมาก ทังในระยะสั ้ นและระยะ ้ ยาว สุดที่จะคาดเดา สามารถพยากรณ์ผลกรรมก่อนล่วงหน้ าโดย ไม่ผิดพลาดเลยว่า มันไม่คุ้มกับสิ่งที่เรำต้องมำเสียเวลำชดใช้หนี้ บำปกรรมอันนั้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากบุคคลที่มีพระคุณสูงสุด คือ พ่อกับแม่นี ้นัน้ ถ้ำปฏิบัติถูกต้องก็ จะเกิดคุณเอนกอนันต์ เกิด ปำฏิหำริย์ในชีวิตอย่ำงไม่คำดฝัน แต่ถ้ำปฏิบัติผิดต่อท่ำน ก็จะเกิด โทษมหันต์ เป็ นบาปกรรมอย่ างร้ ายแรง ได้ รับผลกรรมในชาตินี ้ แบบฉับพลันทันตา ถึงความวิบตั ิหายนะทันทีไม่ต้องรอถึงชาติหน้ า ในอดีตกาล สมัยที่พระโพธิสตั ว์ เกิดเป็ นจันทกุมาร เป็ นพระโอรสผู้ใหญ่ของพระเจ้ า เอกราช ดารงตาแหน่งเป็ นพระอุปราชในเมืองปุปผวดี ครัง้ หนึ่งได้ ถกู กัณฑหาลปุโรหิต (อดีตชาติของพระเทวทัต) เกิดความโกรธไม่พอใจ เพราะเสียผลประโยชน์บางประการ เมื่อ ได้ โอกาส จึงทูลให้ พระเจ้ าเอกราชจับจันทกุมารพร้ อมทังประชาชนทั ้ งหลายไปฆ่ ้ าเพื่อบูชา ยัญ โดยเชื่อว่าจะได้ ไปสูภ่ พดาวดึงส์ แต่ธรรมะชนะอธรรมเสมอ เมื่อจันทกุมารพ้ นภัย เพราะบุญช่วย แต่ประชาชนบางกลุม่ โกรธแค้ น จึงพากันกรู่เข้ ามาเพื่อจะฆ่ าพระราชา จันทกุมาร ได้ เข้ ามาช่ วยปกป้องและห้ ามปรามไม่ ให้ ทาร้ าย แม้ พระเจ้ าเอกราชจะถูก ประชาชนขับไล่ออกจากวัง และให้ เป็ นคนจัณฑาล แต่จนั ทกุมาร หลังจากได้ เป็ นพระราชา แล้ ว ยังได้ ไปปรนนิบตั ิดแู ลเอาใจใส่เป็ นอย่างดี ไม่เคยคิดร้ ายและทาร้ ายพระบิดา ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๓๓๕-๓๖๒ จันทกุมารชาดกและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๗
เพราะพ่อแม่นนั ้ มีพระคุณอันใหญ่หลวงยิ่งนักเกินกว่าที่ผ้ เู ป็ นลูก จะกล้ าบังอาจ ล่วงเกิน ทาผิดเช่นนันกั ้ บผู้ให้ กาเนิดได้ ดังนัน้ ถ้ าหากประมวลผลกรรมที่เกิดจากการพูดตาหนิติ เตียนพระอริยเจ้ าทังหลายที ้ ่ปรากฏในพยสนสูตร อักโกสกสูตร, ทุตยิ ขตสูตร,โกกาลิกสูตรและพระสูตรอื่นๆ ซึง่ เกี่ยวข้ องกับการ ด่าว่าพระอริ ยเจ้ าดังที่กล่าวแล้ วข้ างต้ น นามาเปรี ยบเทียบ หรือ เทียบเคียงกับผลกรรมที่เกิดจากการด่ าว่ าตาหนิตเิ ตียนพ่ อแม่ ซึง่ เป็ นพระแท้ ในบ้ านนัน้ มีความเป็ นไปได้ สูงอย่ างมากที่จะทา ให้ ลกู คนนันมี ้ อนั เป็ นไป ไม่อย่างใดก็อย่างหนึง่ หรื อหลายอย่างใน หัวข้ อต่างๆ ดังต่อไปนี ้ ๑.ความเจริญก้าวหน้าทุกอย่างหยุดชะงัก ๒.เกิดความเสื่อม พินาศหายนะในชีวิต ครอบครัวความรัก ตาแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง หน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง และ สุขภาพ ๓.ทาให้ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องสาคัญๆในชีวิต ๔. เกิดความสาคัญตัวเองผิดๆ หลงตัวเองในทางทีผ่ ดิ ใน เรื่องรูปร่างหน้าตา สติปัญญาความรู้ ความสามารถทัง้ ๆที่ตนเองไม่มี คุณลักษณะหรือคุณสมบัติเช่นนั้น ๕.ไม่อยากทาความดี มีใจเบื่อหน่ายท้อแท้ในการทาบุญกุศล ความดีงามทัง้ หลาย ๖.มีเหตุให้ทาผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๘
๗. เกิดความผิดปกติขึ้นกับร่างกายและจิตใจ ๘. เกิดโรคร้ายแรง เรื้อรังและรักษายาก ๙. เป็นใบ้ เป็นบ้า วิกลจริต มีอาการผิดปกติทางสมอง ๑๐. คิดฆ่าตัวตาย ทาร้ายตัวเอง มีชีวิตอยู่อย่างลาบาก ทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทัง้ เป็น ในแต่ละหัวข้ อ ผู้เขียนจะได้ อธิบายตามครรลองกฎแห่ง กรรมตามหลักเหตุและผล ให้ สอดคล้ องกับพุทธพจน์ซงึ่ ปรากฏใน พระสูตรและอรรถกถาทังหลาย ้ อันควรแก่การนามาพิจารณา ไตร่ตรองด้ วยโยนิโสมนสิการ ดังนี ้ ๑.ความเจริ ญก้าวหน้าหยุดชะงัก ๑.๑ ความเจริญก้าวหน้าทางโลกหยุดชะงัก ความเจริ ญก้ าวหน้ าทางโลกที่บคุ คลนันก ้ าลังเกี่ยวข้ อง หรื อดาเนินการอยู่ ไม่วา่ จะเป็ นการศึกษาเล่าเรียน อาชีพ ธุรกิจ หน้ าที่การงาน การเลื่อนขัน้ เลื่อนยศตาแหน่ง หรื อแม้ กระทัง่ เรื่ อง ความรัก จะหยุดชะงักกลางคัน จะมีเหตุทาให้ ติดขัดมีปัญหา ไม่ สามารถพัฒนาต่อไปได้ มีแต่จะทรงและทรุ ด จะรุดหน้ าต่อไปได้ ยาก การพัฒนาความรู้ความสามารถในเรื่องนันๆไม่ ้ ก้าวหน้ า หลง วนอยู่ในความผิดพลาดซ ้าๆซากๆ อย่างน่าเบื่อหน่าย และไร้ ทางออก มีเหตุทาให้ ขดั ข้ องเป็ นหมัน ตัวอย่างเช่น
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔๙
อาชีพ, งาน, เอกสารที่สาคัญ วิชาความรู้ ความสามารถสติปัญญาทางโลกในทุกศาสตร์ ทุกสาขาทุกอาชีพ ไม่วา่ จะเป็ นด้ านศิลปะวิทยา ด้ านกีฬา ด้ าน ดนตรี งานฝี มือทังหลาย ้ งานวาด งานเขียนภาพ โครงการต่ างๆ เช่น การฝึ กอบรม การประชุมสัมมนา การเข้ าค่าย ก่อสร้ างอาคาร บ้ าน ห้ างร้ าน ถนน สะพาน เขื่อน ขุดลาคลอง เป็ นต้ นที่กาลังศึกษา หรื อกำลังดำเนินกำรอยู่ จะเกิดมีปัญหำติดขัดกะทันหันอย่ำงไม่ คำดคิด มีเหตุที่ทาให้ เกิดสะดุด ต้ องมีการเปลี่ยนแปลง เลื่อน ยกเลิก หรื อว่าไม่สามารถทาต่อไปอีกได้ เอกสารสาคัญ การ ติดต่อสื่อสาร การศึกษา การยื่นใบสมัครต่างๆ งานเขียน งานแปล หนังสือ วิทยานิพนธ์ สารคดีท่ กี าลังทาอยู่หรื อกาลังยื่นเสนอเพื่อ ขออนุมตั ิ จะเกิดติดขัด ไม่ได้ รับการอนุมตั ิให้ ผ่าน หยุดชะงัก หรื อมี เหตุทาให้ ลา่ ช้ าเสียเวลาแก้ ไข การเงิน ด้ านการเงินจะติดลบ ทาให้ เงินขาดมือ ไม่ พอใช้ จ่าย เงินเดือนคิดว่าจะขึ ้น กลับไม่ขึ ้น เงินโบนัสคิดว่าจะได้ กลับไม่ได้ เงินที่นาไปลงทุน ก็ไม่ทาเงิน อย่างดีก็แค่อยู่ตวั ไม่ได้ ไม่ เสีย หักลบกลบหนี ้ ก็เท่าทุน ไม่เจริ ญรุ่งเรื อง เงินที่ถกู ยืมไปที่คิดว่า จะได้ คืนตามกาหนด ก็มีเหตุติดขัด ทาให้ ไม่ได้ คืน การค้าขาย การค้ าขาย ลงทุนต่างๆที่เคยทาเงิน เคยได้ กาไรมาก เคยรุ่งเรื อง ก็หยุดชะงักติดขัด ซบเซา ค้ าขายไม่ดี ลูกค้ า ไม่มี ทากาไรได้ น้อย สิง่ ของเครื่ องใช้ ตา่ งๆ มีเหตุทาให้ ชารุด
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๐
เสียหาย ใช้ การไม่ได้ กะทันหัน ต้ องเสียเงินค่าซ่อม ค่าเปลี่ยนโดย ไม่จาเป็ น ยศ ตาแหน่ง เกี่ยวกับยศ หรื อ ตาแหน่งมีเหตุทาให้ ไม่ได้ เลื่อนขัน้ เลื่อนขันยาก ้ หรื อล้ าช้ าเกินกว่าเหตุ เพราะเจ้ านายไม่ โปรดปราน ไม่สนับสนุนส่งเสริม มองไม่เห็นความดีของเรา หรื อ เพราะไปมีเรื่องทะเลาะขัดแย้ งกับเจ้ านายก่อน ทาให้ เขาไม่ชอบ พอใจ แล้ วกีดกัน กลัน่ แกล้ ง ความรัก แม้ แต่ความสัมพันธ์ด้านความรักที่กาลัง หวานชื่น กาลังดูดดื่ม มีเหตุเปลี่ยนแปลง หยุดชะงักกลางคัน เพราะมีมือที่สามเข้ ามาทาให้ ทงสองเข้ ั้ าใจกันผิด หรื อถูกกีดกัน ถูก ห้ ามปรามไม่ให้ คบค้ าสมาคม ไม่ให้ ติดต่อกัน ทาให้ ไม่สามารถ ประสานความสัมพันธ์ความรักต่อไปอีกได้ ความรัก จึงไม่ราบรื่ น ผิดหวัง อกหัก ไม่ได้ ดงั ใจปรารถนา สุดท้ าย จบลงด้ วยการพลัด พราก หย่าร้ าง เลิกราเพราะไปด้ วยกันไม่ได้
ผลกรรมจากการล่วงละเมิดสามี-ภรรยา หรือลูกเมียคนอื่น ทาให้อาภัพเรือ่ งความรัก ชีวิตคู่ ไม่ราบรื่นสมหวัง ดูเปรียบเทียบ ขุ.เถรี . (แปล) ๒๖/๖๒๒-๖๒๕ ดู อิสทิ าสีเถรี คาถา ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๓๖๓-๓๙๐ มหานารทกัสสปชาดก แต่ผลกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่นั้น เป็นบาปหนักมากกว่านั้นหลายเท่า
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๑
๑.๒ ความเจริญก้าวหน้าทางธรรมหยุดชะงัก การทาความดี หรื อการปฏิบตั ติ ามหลักศาสนาเพื่อการ พัฒนาจิตให้ สงู ด้ วยคุณธรรม คือ ทาน ศีล ภาวนาเพื่อความ สะอาด สงบ สว่างแห่งดวงจิต เช่น การทาบุญให้ทานด้วยการถวายข้าวปลาอาหาร ดอกไม้ ของหอม ผ้าไตรจีวร ที่อยู่อาศัย เสนาสนะหรือยารักษาโรคกับ พระสงฆ์สามเณรผู้ทรงศีล ก็หยุดชะงักไป ไม่อยากจะทา มีเหตุให้ไป ไม่ได้ ไปไม่ถึง แม้ไปถึงสถานที่ แต่ก็ไม่มีโอกาสให้ทานแก่พระคุณเจ้า เหล่านั้นด้วยมือของตนเอง ถึงได้ให้ทานแก่ท่านเหล่านัน้ ผู้เป็นเนื้อนา บุญ ก็ไม่ได้ผลอานิสงส์อะไร หรือ ได้ผลน้อยมาก เพราะจิตไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากมีอริยุปวาทกรรมติดค้างไว้ ยังไม่ได้แก้ไขให้ถูกต้อง เหมือน เมล็ดพันธุ์ไม่ดีหรือต้นกล้าไม่แข็งแรงสมบูรณ์ แม้จะปลูกในดินดีแค่ ไหน ก็ได้ผลน้อยหรือไม่ได้ผลเลย ฉะนั้น การสวดมนต์ไหว้พระ การรักษาศีล การนั่งสมาธิ หรือ ปฏิบัติธรรมทุกรูปแบบ มีเหตุทาให้ไม่ก้าวหน้า แต่ก่อนอาจจะเคยสวด มนต์ไหว้พระทุกวัน ต่อมาเมื่อกรรมนี้สง่ ผล มีเหตุทาให้ต้องหยุดทา หรือเลิกล้มกลางคัน รักษาศีลไม่ได้ แม้จะพยายามรักษาให้ได้ แต่มักมีเหตุทาให้ ต้องผิดศีล ละเมิดศีลข้อที่เป็นจุดอ่อนนั้นๆเป็นประจา และไม่รู้จัก วิธีแก้ไข เปลี่ยนแปลง จนเกิดความท้อแท้ เบื่อหน่าย แพ้ใจตนเอง แล้วกลายมาเป็นความเคยชินที่แก้ได้ยาก ต้องใช้เวลานาน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๒
แต่ก่อนเคยนั่งสมาธิทาใจสงบได้ดีต่อมาภายหลัง มีเหตุทา ให้เสียสมาธิ จิตใจไม่นิ่งสงบ สภาวธรรมที่เคยได้ก็จะไม่ปรากฏอีก ทา ให้ไม่ก้าวหน้าในด้านสมาธิภาวนา เชาว์ปัญญาที่เกิดจากการศึกษาเล่าเรียนหรือคิดตรึกตรองที่ เคยมี เคยได้ เคยเป็นมาก่อนในเรื่องธรรมะ ก็ไม่ก้าวหน้าเหมือนเดิม หยุดอยู่แค่นั้น ไม่พัฒนา ไม่ก้าวหน้าต่อไป จดจาไม่ได้ หลงลืมหมด นึกไม่ออก แม้จะพยายามฝึกฝนอย่างหนัก ก็สญ ู เปล่า ไร้ ความก้าวหน้า มีแต่ถอยหลัง ฝืนทาเท่าไหร่ ก็สักแต่วา่ ทาไปอย่างนั้น ตามความเคยชิน ตามประเพณีพิธีกรรม แต่ไม่รู้ว่า ทาไปเพื่ออะไร ทาไมต้องฝืนใจทา ๒.เกิดความเสื่ อม ๒.๒ เกิดความเสื่อมทางโลก ๒.๒.๑ เสื่อมลาภ เสียลาภ หลังจากได้ พดู ตาหนิดา่ ว่าล่วงเกินพ่อแม่แล้ ว มักมีเหตุทา ให้ ต้องสูญเสียวัตถุสิ่งของเครื่ องใช้ ตา่ งๆ เช่น สมุด ดินสอ ปากกา รองเท้ า กระเป๋ า นาฬิกา-สร้ อยข้ อมือ แหวนเงิน-ทอง-เพชร ทรัพย์สินเงินทองของมีคา่ โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน ไอแพท คอมพิวเตอร์ ทีวี วิทยุ ตู้เย็น เครื่ องใช้ ไฟฟ้ า รถยนต์ เป็ นต้ น จะถูก ลักขโมย โดนปล้ น จี ้ ชกชิงวิ่งราว โดนยกเค้ า หรื อวัตถุสิ่งของ เครื่ องใช้ เหล่านันที ้ ่ กาลังจะนามาใช้ งาน จะเกิดชารุดเสียหาย ใช้
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๓
การไม่ได้ มีปัญหาติดขัดเรื่ องการเงินในขณะที่กาลังจาเป็ นจะ ต้ องการใช้ ในเรื่ องรี บด่วน แม้ แต่เงินทองที่เคยได้ มาก็มีเหตุต้องใช้ จ่ายโดยไม่จาเป็ น ส่วนที่นาไปลงทุน ก็มกั จะถูกโกง ได้ กาไรน้ อย ขาดทุนหรื อไม่ค้ มุ ค่าเหนื่อย ทาให้ เป็ นหนี ้สิน เมื่อกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่ ส่งผล ร่างกายที่เกิดจาก กุศลกรรมเก่า อันบุญคุ้มครองรักษาไว้ ซึง่ ท่านเป็ นผู้ให้ กาเนิดเกิด มา ยังมีอนั เป็ นไปต่างๆได้ เช่น เกิดเป็ นโรค เกิดอุบตั ิเหตุทาให้ สูญเสียอวัยวะต่างๆได้ แม้ วตั ถุสิ่งของนอกกายเหล่านัน้ ก็เกิดจาก บุญกุศลที่เคยทาไว้ เช่นเดียวกัน เมื่อถูกบาปทาลาย พลังแห่งบุญก็ ลดลงเหลือน้ อย จึงไม่สามารถจะครอบครองเป็ นเจ้ าของสิ่งนันไว้ ้ ได้ อีกต่อไป สุดท้ าย มันต้ องมีอนั เป็ นไปตามกฎแห่งกรรม ๒.๒.๒ เสื่อมยศ สูญเสียตาแหน่ง ขณะที่กรรมนี ้ออกฤทธิ์ ส่งผล จะทาให้ ผ้ นู นตกอยู ั้ ่ในภาวะ ประมาท เผลอสติ พลาดท่าในสิ่งที่คิดไม่ถงึ แล้ วตามมาด้ วยการ สูญเสียเกียรติยศ ตาแหน่ง หน้ าที่การงาน ถูกสกัดดาวรุ่ง โดนไล่ ออก โดนพักงาน ถูกถอดยศ ลดตาแหน่ง๒๙ ถูกหักเงินเดือน หรื อ ทาให้ มีปัญหาขัดข้ องเกี่ยวกับอาชีพสายงาน ผู้ที่ทาให้ พ่อแม่โกรธ โมโหฉุนเฉียว อารมณ์เสียบ่อยๆ มักจะทาให้ เป็ นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย โมโหง่ายเอาแต่ใจ ๒๙
เทียบเคียงจากเรื่ องอชาตศัตรู กุมาร ดูเพิ่ม วิ.จู. (แปล) ๗/๑๘๕-๑๘๘
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๔
ตัวเองเป็ นหลัก เป็ นคนซีเรี ยสเอาจริ งเอาจัง พูดเล่นไม่เป็ น อารมณ์รุนแรง ตรงไปตรงมา พูดจาเสียงดังเกินปกติ มักพูดคำไม่ สุภำพ หยำบคำย ไม่เพรำะหู ตระกูลสัตว์ทั้งหลำยเช่น ไอ้ควำย ไอ้ เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้ห่ำในลักษณะตีเสมอหรือดูถูก บางคนอาจจะเรี ยกชื่อ เอ่ยถึงคนอื่นในลักษณะไม่เคารพ หรื อไม่ให้ เกียรติ เช่นเรี ยกเขา อี ไอ้ มัน เป็ นต้ น ชอบการโต้ แย้ ง ชอบการวิพากษ์ วิจารณ์ ชอบพูดตาหนิคนอื่นว่า “ยังไม่ ดี ไม่ เก่ ง ไม่ ฉลาดพอ โง่ ไม่ ได้ เรื่ อง” ชมคนอื่นไม่คอ่ ยเป็ น ไม่ยอมรับใน ความรู้/สามารถของคนอื่น ไม่คอ่ ยได้ มีโอกาสใกล้ ชิดสนิทสนม คุ้นเคยกับผู้ใหญ่ เจ้ านาย หรื ออาจเจอเจ้ านาย หัวหน้ าที่โง่กว่า ไม่ ฉลาดเท่าตัวเอง ทาให้ เกิดการขัดแย้ งด้ านความรู้ ความคิดเห็นได้ ง่าย ต่อมาทาให้ ไม่เป็ นที่โปรดปราน ชื่นชอบและไม่ได้ รับการ ส่งเสริ มสนับสนุน ไม่มีเสน่ห์ในสายตาเจ้ านายผู้ชาย(ในกรณีที่ ล่วงเกินพ่อ) ส่วนในกรณีที่ลว่ งเกินแม่ ก็จะมีปัญหาทางฝ่ าย เจ้ านาย หัวหน้ าผู้หญิงหรื อเพื่อนหญิงเป็ นหลัก
ข้อสังเกต คนที่พูดเสียงดังเกินปกติ เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรมชอบเถียงพ่อแม่ ผลกรรม ตำมมำ มีแนวโน้มจะเป็น ดังนี้ เป็ นคนร่างกายอ่อนแอขาดความสมดุล ขี ้โรค หรือ มีโรค ประจาตัว อาภัพคูค่ รอง ความรักไม่สมปรารถนา ได้ แฟนไม่ถกู ใจ และเก็บเงินไม่อยู่ มีเรื่ อง ต้ องใช้ จ่ายโดยไม่จาเป็ น-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๕
มีปัญหาเรือ่ งอาชีพ การงาน ผู้ที่มีบาปติดค้ างกับพ่อแม่ แม้ เคยได้ อาชีพหน้ าที่การงานดี ก็มีเหตุทาให้ อยู่ได้ ไม่นาน ติดขัด มีปัญหามีอปุ สรรค มักจะโดน ตาหนิหรื อกดดันจากเจ้ านายว่า “ทางานไม่ ดี ผลงานไม่ ค่อย ถูกใจ” หรื อมีเหตุที่เขาต้ องการเอาคนอืน่ เข้ ามาแทน หรื อโดนกลัน่ แกล้ ง/อิจฉาริ ษยา ใส่ร้ายป้ายสีจากเพื่อนร่วมงานด้ วยกัน ทาให้ อดึ อัด ไม่สบายใจ และทนอยูไ่ ม่ได้ ในที่สดุ ก็ลาออก หรือไม่ ก็ย้ายที่ ทางาน ส่วนเรื่ องยศ ตาแหน่ง หน้ าที่การงานที่ดี เงินทองสิ่งของที่ จะได้ มา มักจะมีเหตุทาให้ ติดขัด มีปัญหา ได้ ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรื อมักมีการเลื่อน เปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ต้ องรอนาน หรื อ สุดท้ าย ก็ไม่ได้ เลื่อนขันต ้ าแหน่งหรื อเพิ่มเงินเดือน ๒.๒.๓ เสื่อมจากสรรเสริญ เมื่อกรรมยังส่งผลต่อเนื่อง มักจะมีเหตุทาให้ ได้ รับการติฉิน นินทา ว่าร้ าย ทาให้ เสียชื่อเสียง ไม่ได้ รับความเคารพนับถือ ความ นิยมชมชอบ หรื อ คายกย่องสรรเสริ ญเหมือนแต่ก่อน จะถูกใส่ร้าย ป้ายสี โดนโจมตี โดนสังคม ประณาม ดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ได้ รับ การต้ อนรับด้ วยดี
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๖
๒.๒.๔ เสื่อมจากความสุข ก่อนที่จะมาพลาดพลังล่ ้ วงเกินพ่อแม่ อาจจะเคยอยู่สขุ สบาย มีคนใช้ คอยบริ การ แต่หลังจากล่วงเกินแล้ วไม่นาน จะต้ องมี ความทุกข์เข้ ามาแทนที่ มักจะมีเหตุทาให้ กลุ้มใจ เดือดเนื ้อร้ อนใจ เศร้ าโศกเสียใจ ชีวิตหักเห ผิดพลาด จากสูงต้ องมาตกต่า จากสุข สบาย ต้ องมาลาบาก รายรับไม่พอกับรายจ่าย มีหนี ้สินท่วมหัว พูด กับคนในครอบครัวไม่ร้ ูเรื่ อง ปรึกษาไหว้ วานอะไรไม่ได้ ทาให้ กิน ไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดมากอันสืบเนื่องมาจากกระทาของคนที่ ตนเองรักและไว้ ใจที่สดุ เช่น แฟน สามี-ภรรยา ลูก หลาน เป็ นต้ น ๒.๒ เกิดความเสื่อมทางธรรม เสื่อมจำกควำมรู้ ความสามารถพิเศษต่างๆที่เคยทาได้ มา กล่าวคือ สติปัญญาความรู้ การคิดอ่าน การศึกษาเล่าเรี ยนธรรมะ ก่อนหน้ านี ้ที่ยงั ไม่ได้ ลว่ งเกิน ยังมีความรู้ความเข้ าใจเรื่ องธรรมะได้ ดี ศึกษาเรี ยนรู้อะไร ก็เข้ าใจง่าย มองเห็นเหตุผลตลอดสายไม่ ติดขัด แต่หลังจากทาผิดต่อพ่อแม่แล้ ว จิตใจเปลี่ยนแปลงไป ทา ให้ สติปัญญาถดถอย ไม่กล้ าคม ความจาไม่ดี ทาให้ ร้ ูครึ่งๆ กลางๆ
ท่ านพระจูฬปันถก บวชมา ๔ เดือน ท่องจาพุทธพจน์เพียงแค่ ๑ คาถาไม่ได้ เพราะถูกวิบาก กรรมเก่าในอดีตชาติที่เคยพูดดูถูกเพื่อนพระด้วยกันทาให้ภิกษุรูปนั้น เกิดความอับอาย จนหยุด ท่องสาธยายพุทธพจน์ไป ดู ธ.ป. (แปล) ๒/๑๑๐-๑๓๑ เรื่ องพระจูฬปั นถกเถระ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๗
ไม่ลกึ ซึ ้ง รู้ผิดๆถูกๆ ไม่แตกฉาน ขาดความชานาญ หมดปฏิภาณ ไหวพริ บ และไม่สามารถนามาใช้ งานได้ จริ งในเชิงปฏิบตั ิการ เสื่อมในด้ำนสมำธิ ฌานหรื อสมาธิที่เคยได้ ก็จะเสื่อม เข้ าสมาธิ/ฌานไม่ได้ เหมือนเดิม สาหรับคนที่เคยมีเวทมนต์ คาถาอาคมขลังศักดิ์สิทธิ์ เสกเป่ าอะไรต่างๆได้ เกิดสัมฤทธิ์ผล เวท มนต์คาถาเหล่านันจะเสื ้ ่อมถอย ไม่มีพลังอานาจ หมดความขลัง ไม่ศกั ดิ์สทิ ธิ์เหมือนเดิม เสื่อมในด้ำนอภิญญำ ผู้ที่เคยได้ อภิญญา ความรู้เหนือ ประสาทสัมผัส เช่น ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ รู้จกั ใจคนอื่นได้ เหาะเหิรเดินอากาศได้ เป็ นต้ น จะทาไม่ได้ เหมือนเดิม หรื อได้ ไม่ดี เท่าเดิม แต่ก่อนในขณะสวดมนต์ไหว้ พระ นัง่ สมาธิ ใจจะสงบ นิ่ง เป็ นสมาธิ แต่หลังจากได้ ลว่ งเกินพ่อแม่ไปแล้ ว จิตใจจะฟุ้งซ่าน ไม่ แน่วแน่ นิ่งสงบเหมือนเดิม ฌานอภิญญาที่ได้ มาจึงเสือ่ มถอย ๓. ตัดสิ นใจผิดพลาด ๓.๑ ติดสินใจผิดพลาดทางโลก ผู้ที่เป็ นนักลงทุน นักวางแผน นักออกแบบ พวกวิศวกร สถาปนิก ช่างฝี มือ หรื อผู้ชานาญการทังหลายในทุ ้ กสาขาอาชีพ แต่ก่อนเคยวางแผนออกแบบไม่เคยผิดพลาด ไม่ต้องกลับมาแก้ ไข แม้ จะต้ องมีการแก้ ไข ก็นิดหน่อย หลังจากได้ ดา่ ว่าตาหนิติเตียน ล่วงเกินพ่อแม่แล้ ว สิ่งที่ไม่เคยพลาด จะเกิดความผิดพลาดขึ ้น
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕๘
อย่างไม่คาดคิด มีเหตุทาให้ งานนันไม่ ้ มีประสิทธิภาพ ผลงานไม่ ผ่าน ฝี มือตก เช่น วิศวกร สถำปนิก ผู้ออกแบบหรือผู้ควบคุมการก่อสร้าง อาคาร สะพาน ตึก บ้านจัดสรร เป็นต้นที่เคยเป็นมืออาชีพมาก่อน แต่ เมื่ออริยุปวาทออกฤทธิ์ ส่งผล ทาให้เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค เป็นผลทาให้อาคาร เป็นต้นเหล่านั้น เกิดความเสียหาย ถล่ม ทรุดตัว แตกร้าว ใช้การไม่ได้ ต้องมาสูญเสียเงินทองมากมายโดยเปล่า ประโยชน์ หมอดู/นักพยำกรณ์ การพยากรณ์ ทานายทายทักที่เคย แม่น จะเกิดการทานายผิดพลาด ไม่แม่นเหมือนเดิม ส่งผลทาให้ขาด คนนิยม ไม่มีคนเชื่อถือ ทาให้ขาดรายได้ ผู้ที่เป็นแพทย์ เคยวินิจฉัยโรค ผ่าตัดหรือให้ยาคนไข้ไม่เคย ผิดพลาด ได้รับคายกย่องชมเชย หลังจากล่วงเกินพ่อแม่แล้ว ต่อมาจะ ทาให้วินิจฉัยโรคผิด ทาการผ่าตัดผิดพลาด เกิดการติดเชื้อ ทาให้คนไข้ ได้รับความเสียหาย หรือถึงแก่ความตาย จะถูกฟ้องล้มละลาย นักมวย/นักกีฬำที่เคยชนะ ต่อมาจะมีเหตุทาให้แพ้ ตกรอบ การสอบแข่งขันชิงทุนการศึกษา หรือการแข่งขันเกมกีฬาทุกประเภท จะทาให้แพ้ตกรอบหรือได้เป็นรอง แม้ในสาขาอาชีพอื่นๆ เช่น นักร้อง นักแสดง สามารถ เทียบเคียงได้ในลักษณะดังกล่าวข้างต้นนี้เช่นกัน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
บาป คือ ความมืด บุญ คือ ความสว่าง “ตนทาบาปกรรมเอง ก็เศร้าหมองเอง ตนไม่ทาบาปกรรมเอง ก็บริสุทธิ์เอง ความบริสุทธิ์ และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน คนอื่นจะทาคนอื่นให้บริสุทธิ์ ไม่ได้... ...ผู้ใดประมาทแล้วในกาลก่อน ภายหลัง ไม่ประมาท ผู้นั้น ย่อมทาโลกนี้ ให้สว่างไสว ดุจดวงจันทร์พ้นจากเมฆ ฉะนั้น” พุทธพจน์ ขุ.ธ. ๒๕/๘๔,๘๖
๕๙
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๐
๓.๒ ตัดสินใจผิดพลาดในทางธรรม แต่ก่อนเคยมีความรู้ความสามารถ แตกฉานเชี่ยวชาญใน ธรรมะ ฉลาดในการใช้ หลักการเหตุผล มีปฏิภาณไหวพริ บดี หรื อมี ความโดดเด่นในเรื่ องการศึกษา แต่หลังจากได้ ดา่ ว่า พูดตาหนิติ เตียนพ่อแม่แล้ ว ความแตกฉานในเรื่ องต่างๆเป็ นต้ นนัน้ จะหายไป ไม่เหมือนเดิม ความคิดเชื่องช้ า ปั ญญาตีบตัน ปฏิภาณไหวพริ บไม่ ทันการณ์ที่จะใช้ ในเวลานันๆ ้ ทาให้ เกิดความผิดพลาดในด้ าน ธรรมะ เข้ าใจในเรื่ องธรรมะไม่ถกู ต้ อง มักตีความหมายผิดพลาด คลาดเคลื่อน บิดเบือนจากความจริ ง แบบกลับขาวเป็ นดา กลับ ง่ายเป็ นยาก กลับถูกเป็ นผิด ไม่ต้องกล่าวถึงธรรมขันสู ้ งขึ ้นไปที่ ตนเองยังไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้ าใจ แม้สิ่งที่เคยรู้ เคยเข้าใจดีมาก่อน ก็กลับหลงลืม คิดไม่ออก สมองมึนงง มืดตื้อ สติสัมปชัญญะไม่ตื่นตัวเต็มที่ มีอาการขีห้ ลงขีล้ ืม สมาธิสั้นความจาเสื่อม จาไม่ได้ เผลอสติใจลอย มีเรื่ องทาให้ เครี ยด คิดมาก ฟุ้งซ่าน เป็ นเหตุทาให้ เข้ าใจผิด จาผิด รับความรู้มาผิดๆ นามาใช้ ผิดๆ ทาให้ คิดผิด พูดผิด ทาผิด รู้ไม่จริ ง ทาให้ วางแผนผิด ดาเนินการผิด บอก สอน แนะนาให้ คาปรึกษาคนอื่นผิดๆ และทา ให้ ผลเสียหายมากมายเกิดขึ ้นตามมา บุคคลผู้ที่ไม่ได้ เลี ้ยงดูพ่อแม่ และเคยพูดตาหนิตเิ ตียนผู้ให้ กาเนิด เมื่อผลกรรม ออกฤทธิ์ จะทาให้ ผ้ นู นมี ั ้ ความนิยมชมชอบ เกิดความศรัทธา เลื่อมใส เชื่อถือในฐานะหรื อบุคคลที่ไม่ควรแก่
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๑
การศรัทธาเลื่อมใส เช่น ไปศรัทธาเลื่อมใสในศาสนา ลัทธิ นิกาย สานัก องค์กร หน่วยงาน สถานบัน ชาวบ้าน-ชาววัด นักบวชที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ หรื อที่สอนธรรมะผิดเพี ้ยนจากหลักพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ ใน พระไตรปิ ฎกและอรรถกถา แม้ จะทุ่มเทกายใจ ส่งเสริม สนับสนุน อุปถัมภ์ ให้ การช่วยเหลือในเรื่ องเงินทอง/วัตถุสิ่งของแก่บคุ คล หรือ นักบวชเป็ นต้ นเหล่านันมากมายแค่ ้ ไหน สุดท้ าย เหนื่อยแรงเปล่า น่าเศร้ าใจ บุญก็ไม่ได้ กาไรหด หมดเนื ้อหมดตัว หรื อได้ ผลบุญน้ อย นิด เพราะถ้ าหากประเมินจากเรื่ องครอบครัว ลูก-หลาน ความรัก หน้ าที่การงาน สุขภาพและการเข้ าใจธรรมะ ทาบุญให้ ทานขนาด นัน้ น่าจะเจริ ญก้ าวหน้ า มีความสุข แต่ชีวิตยังเหมือนเดิม หรือเป็ น ทุกข์ย่าแย่หนักกว่าเดิมด้ วยซ ้า แม้ ช่วงเวลาชีวิตของผู้ให้ การอุปถัมภ์กาลังมีปัญหา มีทกุ ข์ หนัก แต่บคุ คลเหล่านัน้ กลับหนีห่าง ทาตัวหมางเมิน ไม่สามารถ ให้ คาปรึกษาชี ้แนะอะไร ทังนี ้ ้เพราะการตัดสินใจผิด ไปศรัทธำ เลื่อมใส ยกย่องสรรเสริญคนบำป มีมิจฉำทิฏฐิ ผู้ไม่ควรแก่กำร ศรัทธำหรือยกย่องสรรเสริญ จึงมีโทษมำก เป็นบำปหนัก มีผลร้ำย เท่ำกับอริยุปวำทเช่นกัน๓๐ เมื่อทาบุญผิดคน ให้ ทานกับบาปมิตรผู้ เป็ นเนื ้อนาบาป ไม่ใช่เนื ้อนาบุญที่แท้ จริ ง จึงได้ ผลน้ อยเหมือนปลูก ข้ าว ปลูกต้ นไม้ ในดินไม่ดี เสื่อมคุณภาพ ไม่อดุ มสมบูรณ์ ย่อมได้ ผลผลิตน้ อย ฉะนัน้ ๓๐
อัง.จตุกก.(แปล)๒๑/๔ ปฐมขตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๒
แม้ ในสมัยพุทธกาล มีอบุ าสกคนหนึง่ เกิดความศรัทธา เลื่อมใสในพระภิกษุรูปหนึง่ ให้ ความเคารพนับถือในฐานะเป็ นพระ อาจารย์ ลงทุนสร้ างวัดถวายให้ เป็ นเจ้ าอาวาส ต่อมา เกิดความ หลงผิดได้ ไปต่อว่าด่าทอภิกษุสงฆ์วา่ “พวกท่านควรไปกินขี้ ดีกว่า กินข้าวชาวบ้านทีเ่ ขานามาถวาย” เนื่องจากไปหลงเชื่อคายุแหย่ ประจบสอพลอของภิกษุเจ้ าอาวาสรูปนี ้ผู้เต็มไปด้ วยความตระหนี่ และริ ษยา สุดท้ าย ตัวเองอุตส่าห์ทมุ่ เทกายใจเสียสละทรัพย์สร้ าง วัด หวังจะได้ บญ ุ เป็ นกาไร แต่กลับได้ บาปตอบแทน ชีวิตหลังตาย แทนที่จะได้ ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ กลับไปเกิดเป็ นเปรตในหลุม ขี๓๑้ มีอจุ จาระเป็ นอาหาร เพราะไปหลงศรัทธาเลื่อมใสในนักบวช ไม่ดีนนั่ เอง แต่ก่อนจะรู้ความจริ ง มันมักจะสายเกินไปเสียแล้ ว ๔. เกิดความสาคัญผิด ผู้ที่ถกู อริ ยปุ วาทกรรมกับพ่อแม่สง่ ผล ทาให้ จิตพร่ามัว มี ความผิดปกติ เกิดความสาคัญตัวเองผิดในเรื่ องต่างๆ เช่น สาคัญ ผิดในเรื่องความรู้ เรื่องบาป-บุญ เรื่องความชั่ว-ดี เรื่องมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเป็นถูก ละอายในสิ่งไม่ควรละอาย กล้าในสิง่ ที่ไม่ควรกล้า เห็น สิ่งเสนียดจัญไรว่าเป็นสิริมงคล เห็นสิ่งสัปดน แปลกพิกลว่า เป็นสิ่งที่ ควรพูด ควรทา เห็นสิ่งที่เป็นบาปว่าเป็นบุญ เห็นสิ่งที่เป็นคุณว่าเป็น
๓๑
ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๒๙๒-๒๙๓ คูถขาทกเปตวัตถุ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๓
โทษ เห็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ว่ามีประโยชน์ สาคัญผิดเรื่องความรัก เรื่องอาชีพ และสาคัญผิดในเรื่องทั่วไป แต่หวั ข้ อ มีคาอธิบายในรายละเอียด ดังนี ้ ๔.๑ สาคัญผิดเรือ่ งความรู๓๒ ้ พวกที่คิดว่ำตัวเองรู้มำก แม้ จะมีความรู้มากก็จริง แต่ เป็ นเพียงแค่ความรู้ความจาที่ได้ มาจากหนังสือ หรื อจากคนอื่นพูด และความรู้นนั ้ ยังไม่สามารถนามาประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจาวันได้ แม้ มีความรู้ระดับสุตะหรื อจินตะ ความรู้เชาว์ปัญญา แต่ปฏิบตั ิ ตามความรู้นนยั ั ้ งไม่ได้ ยังมีภูมิความรู้ไม่ถึงขั้น พวกที่มีควำมรู้น้อย แต่สาคัญผิดคิดว่า ตัวเองรู้มาก เป็ น พวกอวดรู้ ยึดติดกับความรู้ตวั เองที่ไม่มีอยู่จริ ง แต่กลับคิดว่า ตัวเองรู้มาก รู้จริ ง เข้ าข่ายหลอกตัวเอง พวกที่รู้บำงส่วน แต่สาคัญผิดคิดว่า ตัวเองรู้ทงหมด ั้ ความเข้ าใจผิดแบบนี ้ ย่อมเป็ นอันตราย เมื่อตนเองรู้ไม่จริ ง แต่ชอบ อวดรู้ อวดดี นาความรู้ไปใช้ ผิดพลาด โทษภัยอันตราย ความ หายนะ จึงเกิดขึ ้นตามมา พวกเจ้ าลัทธิ ศาสดา คณาจารย์ทงหลายในสมั ั้ ยพุทธกาล เช่น สัญชัย เวลัฏฐบุตร และ นิครนถ์ นาฏบุตร เป็นต้น เป็นพวกนักตักกี วิมังสี ใช้หลักตรรกะในการหยั่งรูค้ วามจริง ซึ่งทา ให้ได้องค์ความรู้ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเพราะทาอริยุปวาทกรรมกับพระอริยเจ้าทั้งหลาย ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓๐-๕๓๖ จังกีสูตร อัง.ติก.(แปล) ๒๐/๒๕๕-๒๖๓ เกสปุตติสูตร ดูเทียบในพรหมชาลสูตรและอรรถกถา ที.สี. (แปล) ๙/๑-๔๗ ๓๒
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๔
พวกที่รู้ผิด แต่คิดว่ำ รู้ถูก พวกที่โง่แต่คิดว่า ตัวเองฉลาด เมื่ออวดความรู้กบั คนอื่น กลายเป็ นคนโง่แล้ วอวดฉลาด เป็ นเหตุ ทาให้ นกั ปราชญ์ตาหนิเอาได้ ต่างจากผู้ที่โง่แล้ ว แต่ร้ ูตวั เองว่าโง่ ยังดีกว่าพวกที่โง่ แต่ไม่ร้ ูตวั เองว่าโง่ เหมือนพุทธพจน์ที่วา่ “คนพาล ที่รู้ตัวว่าเป็นคนพาล ยังเป็นบัณฑิตได้บ้างแต่คนพาลที่สาคัญตนว่า เป็นบัณฑิต นั่นแหละ เรียกว่า คนพาลแท้” ๓๓ คนโง่ ถ้ ารู้ตวั ว่า “โง่” ยังส่อแววฉลาดและมีโอกาสพัฒนา ความฉลาดได้ บ้าง แต่ถ้าโง่แล้ ว ยังอวดฉลาด ยังไม่ร้ ูตวั ว่าโง่อีก ต้ องโง่ไปอีกนาน หรื อ โง่ดกั ดาน พวกที่รู้ไม่จริง บางคนไม่ร้ ูจริ ง ฟั งมาผิด จามาผิด รู้มา ผิดๆนัน้ เกิดจากกรรมที่เคยคิดดูหมิ่น หรื อพูดตาหนิพ่อแม่วา่ “โง่” พอบาปส่งผล ทาให้ หลงตัดสินใจผิด ตัวเองยังไม่มีความรู้ ความสามารถเพียงพอในการประกอบกิจการนันๆ ้ แต่สาคัญผิด คิดว่า “ตัวเองทาได้” ผลสุดท้ าย ทาให้ งานเกิดความผิดพลาด เสียหายตามมา เช่น คิดว่า “โครงการ กิจการ ธุรกิจเหล่านี้ น่าจะ เจริญรุง่ เรือง ทาเงินได้” แต่พอดาเนินการไปแล้ ว ต่อมาเกิด ผิดพลาดไม่เป็ นไปตามที่คดิ เอาไว้ เกิดความเสียหาย ขาดทุน ล้ มเหลว ไปไม่รอด
๓๓
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๔๖ เรื่ องโจรผู้ทาลายปม
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๕
พวกอวดรู้ กูแน่ ! พวกที่มีนิสยั หยิ่งจองหอง พองลม จมไม่ลงในความรู้ความสามารถของตัวเอง แล้ วยกตนข่มผู้อื่นใน เรื่ องความรู้นนๆ ั ้ และคิดว่าตัวเองเป็ นคนเก่ง เป็ นคนสาคัญ พวกที่ คิดว่า “กูแน่ ” รวมถึงบุคคลพวกชอบโอ้ อวดทังหลาย ้ เช่น อวดรู้ อวดดี อวดฉลำด อวดรวย อวดเบ่ง ทังนี ้ ้ เพราะเศษแห่งบาปกรรม ที่เคยด่าว่าพ่อแม่ ยังไม่หมด จึงยังหลงผิดอยู่ ยังไม่สามารถแก้ นิสยั ความเคยชินเหล่านันได้ ้ ส่วนพวกที่ร้ ูจกั อ่อนน้ อมถ่อมตน รู้จกั สัมมาคารวะต่อพ่อ แม่จากใจจริ ง ไม่มีการเสแสร้ งแกล้ งทา ถือว่า ได้ ผ่านการแก้ ไข อริ ยปุ วาทกรรมที่เคยทากับพ่อแม่แล้ ว พวกถือตัวจัด บางคนพอมีใครพูดวิพากษ์ วิจารณ์ พูด ตาหนิติเตียนนิดหน่อย รับไม่ได้ เป็ นคนประเภทโกรธง่าย ใจน้ อย อารมณ์เสียบ่อย จะโต้ กลับทันที หรื อ ถ้ ายังทาอะไรเขาไม่ได้ ไม่มี โอกาสทา จะผูกอาฆาต พยาบาท จองเวร คิดแก้ แค้ นภายหลัง คน ประเภทนี ้ก่อนจะคิดได้ หรื อได้ คิด ก็คงอีกนาน อาจจะสายเกินการ เพราะบาปกรรมยังปิ ดตา บังใจให้ หลงผิดอยู่
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๖
๔.๒ สาคัญผิดเรือ่ งชั่ว-ดี ๔.๒.๑ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เมื่อวิบากกรรมจากการพูดล่วงเกิน ทาร้ ายร่างกายมารดา ส่งผล ทาให้ นายมิตตวินทุกะ เกิดจิตพร่ามัว มืดบอด เกิดการรับรู้ คลาดเคลื่อนไปจากความเป็ นจริ ง หลงเข้ าไปในมิติแห่งอุสสุทนรก เห็นสัตว์นรกเป็ นเหมือนคนธรรมดาทัว่ ไป และเห็นกงจักรเป็ น ดอกบัวอยากได้ มาประดับศีรษะ จึงร้ องขอกับสัตว์นรกนัน้ เมื่อ นามาประดับที่ศีรษะแล้ ว จึงรู้วา่ มันเป็ นกงจักร ไม่ใช่ดอกบัว ต้ อง ทนทุกข์เจ็บปวดไปอีกนาน ทังนี ้ ้เพราะเกิดภาวะแห่งจิตหลอน โดย ที่ไม่ร้ ูตวั หรื อไม่มีทางรู้วา่ สิ่งไหนจริง สิ่งไหน คือ ภำพลวงตำ ๔.๒.๒ เห็นควำมชั่วเป็นควำมดี การเล่นเกมหนูนาพาโชคตามงานวัดต่างๆในชนบท หรื อ งานประเพณีรื่นเริ ง มีการนาสัตว์ตา่ งๆมาเล่นเป็ นเกมกีฬา เพื่อ เรี ยกร้ องความสนใจ หรื อเพื่อหารายได้ จะใช้ หนูนาที่มีความปราด เปรี ยวมาใส่ในถัง ใช้ วสั ดุล้อมเป็ นวงกลมแล้ วใช้ ไม้ ไผ่ตดั ให้ มีความ ยาวประมาณ ๒๐-๓๐ ซ.ม.ทาเหมือนเป็ นรูหนูอยูร่ อบๆวง แล้ ว เขียนหมายเลขสลับสับเปลีย่ นกัน ให้ ผ้ เู ล่นเกมได้ ซื ้อบัตร เพื่อทาย ผลว่า หนูตวั ที่วิ่งออกจากภาชนะที่ขงั แล้ ว จะวิ่งไปเข้ าในรูกระบอก
ดู ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๓๒๑-๓๒๒ จตุทวารชาดก
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๗
ไม้ ไผ่หมายเลขอะไร ซึง่ ถ้ าเข้ าไปที่เบอร์ ไหน เบอร์ นนจะได้ ั้ รับ รางวัล ซึง่ เกมชนิดนี ้เป็ นการทรมานหรื อทาทารุณกรรมสัตว์ การเล่นสนุกบนความทุกข์ทรมานของผู้อื่น สัตว์อื่น เห็น เป็ นเรื่ องสนุกสนานเพลิดเพลิน เช่น กำรชนวัว-ควำย กำรกัด จิ้งหรีด กำรกัดปลำกัด กำรชนไก่ หรือแม้กระทัง้ กำรชกมวย ทัง้ คน เล่น คนเชียร์ หรือผู้ที่ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อกิจการนั้น ถือว่ำ เป็นกำร ทำบำปในทำงธรรม หรื อมีความเห็นว่า การปล้ นจี ้ การลักขโมย การคดโกง การโกหกหลอกลวง เป็ นต้ น เป็นเรือ่ งตื่นเต้นท้ำทำย คง ไม่เป็ นบาปกรรมอะไรมากมาย แต่สดุ ท้ าย พอบาปกรรมส่งผล เมื่อ ให้ ทกุ ข์แก่ท่าน ทุกข์นนั ้ ต้ องย้ อนคืนสนองตัวผู้ทาเสมอ ๔.๒.๓ เห็นคนดี เป็นคนชั่ว ผู้ที่ได้ เคยคิดน้ อยใจ คิดดูถกู ดูหมิ่น โกรธเคืองในใจ เคยพูด ตาหนิติเตียนพ่อแม่อย่างหนัก เมื่อบาปนี ้ส่งผล จะทาให้ จิตของผู้ นันเกิ ้ ดภาวะฝ้าฟาง พร่ามัว มืดบอด จนถึงบอดสนิท ทาให้ มี ทัศนคติติดลบ ผิดพลาด ดังนี ้ เห็นคนชั่วเป็นคนดี เห็นคนดีเป็นคนชั่ว จะป่วยกล่าวไปใยถึงปุถุชนคนทั่วไปที่ทาบาปเพียงแค่นั้นแล้ว จะไม่ได้รับผลกรรมอย่างคิดไม่ ถึง เพราะแม้แต่พระโพธิสัตว์ของเรา หลังจากได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ยังต้องได้รับเศษ กรรม คือ ปวดหลังและปวดศีรษะ เนื่องจากวิบากกรรมเก่าในอดีตชาติที่ผ่านมาส่งผลเพราะเคย ทาให้นักมวยปล้ำไหล่หลุด และกรรมทีก่ ารเห็นคนอื่นทุบหัวปลาแล้วเกิดความพอใจ สะใจ ขุ.อป.(แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๖ พุทธาปทาน ชื่อปุพพกัมมปิ โลติ และอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๘
เห็นคนพาลเป็นบัณฑิต เห็นบัณฑิตเป็นคนพาล เห็นนักบวชเลวเป็นนักบวชดี เห็นนักบวชดี เป็นนักบวชเลว๓๔ เห็นพระปุถุชน เป็นพระอริยเจ้ำ เห็นพระอริยเจ้าเป็นเพียงแค่พระธรรมดาสามัญ๓๕ เห็นพระหรือคนที่บอกหวย ทาเสน่ห์ไสยศาสตร์ รับสะเดาะ เคราะห์ต่อดวงชะตาแบบงมงาย เป็นพระดี คนดีมีคณ ุ ธรรม เป็น นักบุญ เป็นผู้วิเศษน่าเข้าใกล้ น่าเคารพกราบไหว้ สรรเสริญบูชา สุดท้ายก็ถกู หลอกลวง เสียทั้งเงินและน้าตา เห็นพระบอกทางสวรรค์ ชี้ทางมรรคผลนิพพาน ให้ความรู้ สติปัญญาอย่างถูกต้องตรงตามพุทธพจน์ในพระไตรปิฎก และอรรถ กถา เป็นแค่รู้ปริยัติ รู้เพียงทฤษฎี พูดมากไม่นา่ สนใจ ไม่อยากคบหา เห็นพระที่มมี ิจฉาทิฏฐิในคราบพระกรรมฐานเป็นนักปฏิบัติ ธรรม แต่กลับปฏิเสธปริยัติ ไม่ยอมรับพระไตรปิฎกว่าเป็นพระผู้ปฏิบัติ ดี ปฏิบัติชอบตรงตามพระธรรมวินัย เหมือนกรณีพระโกกาลิกะพูดตาหนิท่านพระสารี บตุ รและท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า เป็ นคนมักมาก ถึงขนาดเดินทางไปทูลฟ้องเรื่องนี ้ต่อหน้ าพระพุทธเจ้ า เมื่อบาปส่งผล เกิด โรคร้ ายถูกธรณีสบู และชีวิตหลังตาย ต้ องไปเกิดในอเวจีนรกนับชาติไม่ถ้วน คานวณไม่ได้ อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๒๐๑-๒๐๖ โกกาลิกสูตร ๓๕ เทียบเคียงกรณีพระสุนักขัตตลิจฉวี ขณะที่เดินตามหลังพระพุทธองค์ กลับมีความเห็น ผิดเพี ้ยนไปว่า “นักบวชเปลือย ชื่อ โกรักขัตติยะ” เป็ นพระอรหันต์ชนดี ั ้ ทังๆที ้ ่เขาเป็ น มิจฉาทิฏฐิ แล้ วกลับเห็นตรงข้ ามว่า พระพุทธเจ้ า ไม่ได้ เป็ นพระอรหันต์ และหวงความเป็ น พระอรหันต์ไว้ คนเดียว ที.ปา.(แปล) ๑๑/๑-๓๔ ปาฎิกสูตรและอรรถกถา ๓๔
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๖๙
เห็นพระที่มีสัมมาทิฏฐิเป็นพระมีมิจฉาทิฏฐิ หรือเห็นพระที่มี มิจฉาทิฏฐิ เป็นพระมีสัมมาทิฏฐิ เห็นพระอริยเจ้าผู้ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ เป็นพระไม่ดี น่าตาหนิติเตียน มีกรณีตวั อย่างของบุคคลในสมัยพุทธกาลที่ได้ ทาบาป อกุศล คือ อริ ยปุ วาทอย่างหนัก เช่น ภิกษุแก่ชื่อสุภัททะ ภิกษุณี อ้วน ชื่อติสสำและชื่อนันทำ มหำอำมำตย์ชื่อวัสสกำระ นำงจิญจำ ปริพพำชิกำ นำงสุนทรี และพระนำงมำคันทิยำ อัครมเหสีของพระ เจ้ าอุเทน เป็ นต้ นที่เคยคิดไม่ดี โกรธเคือง พูดตาหนิตเิ ตียนใส่ร้าย ป้ายสีพระพุทธเจ้ าและเหล่าอริ ยสาวก เมื่อกรรมส่งผล ทาให้ ตา ปั ญญาเกิดภาวะฝ้าฟาง พร่ามัว มืดบอด จนถึงบอดสนิทแบบ เยียวยาไม่ได้ แม้ คนที่มีกรรมเรื่องนี ้กับพ่อแม่มาอย่างหนัก ก็มกั ไป ศรัทธาเลื่อมใส นิยมชมชอบ คบค้ าสมาคม เกี่ยวข้ องกับศาสนา ลัทธิ นิกาย สานัก องค์กร สถาบัน ครูอาจารย์ หรื อบุคคลที่มีวิบาก กรรมอย่างเดียวกันหรื อคล้ ายคลึงกัน
ดูเพิ่ม อริยุปวาท เล่ ม ๒ ผลกรรมจากการล่วงเกินพระอริยเจ้า โดย บ. สยังวสี
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๐
๔.๒.๔ เห็นถูกเป็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) พระพุทธศาสนามีหลักคาสอนว่า ทานมีผล กรรมและผล กรรมมีจริง คุณของพ่อแม่มจี ริง การเวียนว่ายตาย-เกิด สังสารวัฏมี จริง นรก-สวรรค์ ผีสางเทวดาโอปปาติกะมีจริง พระอรหันต์มีจริง๓๖ แต่ผ้ ทู ี่ถกู อริ ยปุ วาทปกปิ ด ทาให้ จิตมืดบอด เกิดความเห็นผิดหนัก เข้ าไปอีก ปฏิเสธเรื่องบุญ-บาป ไม่เชื่อผลของการทาบุญให้ ทาน จึง ห้ ามหรื อกีดกันคนอืน่ ที่เขากาลังจะให้ ทาน๓๗ เพราะคิดว่าเป็ นเรื่ อง สิ ้นเปลือง แม้ ตวั เองให้ น้อย แต่จะเอามาก เป็ นคนตระหนี่ เป็ นคน เห็นแก่ตวั เห็นแก่ได้ ไม่เชื่อเรื่ องกรรมและผลของกรรม ไม่อยาก กราบไหว้ ทาความเคารพพระสงฆ์ อ่อนน้ อมถ่อมตนไม่เป็ น มี กิริยาอาการที่แข็งกระด้ าง พูดจาก้ าวร้ าว มักโอ้ อวดยกตนข่มผู้อื่น ไม่เชื่อเรื่ องนรก-สวรรค์ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ผีสางเทวดา เป็ นคนลบหลูอ่ กตัญญู ไม่สานึกในพระคุณของพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณทังหลาย ้ ไม่เชื่อเรื่ องการบรรลุมรรค-ผล นิพพานว่า มีจริ ง แต่กลับไปนับถือลัทธิศาสนาอื่นที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งไม่สามารถ ตอบคาถามในเรื่องชีวิตให้ชดั เจนได้ ไม่อยากเข้ าวัด ไม่อยากฟั ง เทศน์ฟังธรรมะ ไม่อยากเข้ าใกล้ ครูอาจารย์ ไม่อยากทาบุญตัก บาตร เห็นสิ่งเหล่านี ้เป็ นเรื่องน่าอับอาย ไม่มีความสาคัญ มองไม่ ม.ม.(แปล) ๑๓/๙๕-๑๑๖ อปั ณณกสูตร บุคคลที่ห้ามผู้อื่นให้ ทาน ชื่อว่าทาบาป เพราะ ๑. กีดกันบุญของผู้จะให้ ๒. ขัดขวางลาภ ของผู้จะได้ รับ ๓. แม้ ตวั เอง ก็ไม่ร้ ูจกั อนุโมทนาบุญกับคนอื่นและริ ษยา จึงชื่อว่า ทาลาย ความดีของตนเอง อัง.ติก.(แปล) ๒๐/๒๒๒ วัจฉโคตตสูตร ๓๖
๓๗
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๑
เห็นประโยชน์ เห็นเป็ นเรื่ องน่าราคาญ ไม่สนุกเหมือนการเล่นไพ่ ไฮ-โล การพนัน เป็ นต้ น ขณะที่ตวั เองยังมีความดีไม่พอ แต่สาคัญผิดคิดว่า ตัวเอง ดีแล้ ว จึงไม่คิดทาความดีตอ่ ทาให้ ความดีอนั น้ อยนิดนันฝ่ ้ อหรื อ เป็ นหมันไป ๔.๒.๕ ละอายในสิ่งไม่ควรละอาย บุคคลที่ยงั มีวิบากกรรมนี ้ติดตัว ยังแก้ ไม่ได้ มักจะเขินอาย ในการทาความดีตา่ งๆ เช่น ไม่อยากเข้ าวัดฟั งเทศน์ อายที่จะ ทาบุญตักบาตร สวดมนต์ไหว้ พระ ปฏิบตั ิธรรม กระดากอายที่จะ ถือบวชชีพราหมณ์ แต่สาหรับเรื่องทาบาปกรรมทั้งหลาย กลับไม่มี ความละอายแก่ใจ กล้ าทาผิดศีลธรรมโดยไม่เกรงกลัวต่อผลกรรม ที่จะตามมา เช่น ฆ่าคน/สัตว์ ลักขโมย โกงทุจริตคอรัปชัน่ ปล้นจี้ ฉก ชิงวิ่งราว ทาผิดในบุตร/ภรรยา/สามีคนอื่น ค้ายาบ้า ยาเสพติด ของ ผิดกฎหมาย ของหนีภาษีเป็นต้น ทั้งๆสิง่ เหล่านี้ ควรมีจิตสานึก ควร ละอายและเกรงกลัวต่อบาปกรรม แต่กลับไม่มีความละอายแก่ใจ เพราะจิตเลวทราม ใจมืดบอด มองไม่เห็นแสงแห่งธรรม เนื่องจาก ถูกบาปกรรมประเภทนี ้ยังปิ ดบังเอาไว้ มีกรณีตวั อย่างในสมัย พุทธกาลและยังสืบเนื่องจนถึงปั จจุบนั คือ พวกนักบวชในศาสนา เชนแห่งศาสดามหาวีระ หรื อ นิครนถ์ นาฏบุตร๓๘ ซึง่ เป็ นลัทธิ ๓๘
ม.มู. (แปล) ๑๒/๑๗๗-๑๘๕ จูฬทุกขักขันธสูตร ธ.ป. (แปล) ๓/๙๐-๙๑ เรื่ องนางวิสาขา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๒
มิจฉาทิฏฐิ ประพฤติตนตรงกันข้ ามกับพระอริยเจ้ าทังหลาย ้ เป็น นักบวชประเภทชีเปลือย อเจลกะ ไม่น่งุ ห่มผ้ า โดยอ้ างว่าไม่ยดึ ติด ในสิ่งทังปวง ้ และนักบวชอาชีวกคนหนึง่ ชื่อ ชัมพุกะ๓๙ ตังแต่ ้ เกิด จนถึงโตเป็ นผู้ใหญ่แล้ ว ก็ไม่เคยนุ่งห่มเสื ้อผ้ า ชอบนอนบนดิน กิน อุจจาระเป็ นอาหาร ใช้ แปลงตาลถอนผม เพราะเศษของกรรมเก่าที่ เคยด่าพระอรหันต์ด้วยความริ ษยาในสมัยพระพุทธเจ้ าพระนาม ว่ากัสสปะว่า “ท่านจงเปลือยกายดีกว่าจะนุ่งห่มเสื้อผ้า นอนบนดิน ดีกว่านอนบนเตียง กินขี้ดีกว่ากินข้าว และจงถอนผมด้วยแปลงตาล ดีกว่าใช้มีดโกนที่โยมเขานามาถวาย” ๔.๒.๖ กล้าในสิ่งที่ไม่ควรกล้า กล้าโยนพระพุทธรูปองค์เล็กๆลงไปในถังขยะ กล้าโยนพระพุทธรูปที่ห้อยคอลงบนพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบ กล้าเผา/ทุบ/ทาลายพุทธรูปทิ้ง เพราะคิดว่า เป็นสิ่งไม่ควร แก่การกราบไหว้ เคารพบูชา กล้าใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูปโดยขาดความเคารพ กล้าถ่ายภาพโป๊-เปลือย-นู้ดกับพระพุทธรูป กล้าพูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่ในตนเช่น พูดอวดว่า ได้ฌาน สมาบัติ เข้านิโรธกรรม ได้บรรลุมรรคผล นิพพาน ได้เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระอรหันต์ เป็นต้น ๓๙
ธ.ป. (แปล) ๓/๒๑๙-๒๓๓ เรื่ องชัมพุกาชีวก
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๓
คนที่ทาอริ ยปุ วาทกับพ่อแม่อย่างหนักมีจิตใจมืดบอด มีจิต หยาบกระด้ าง เห็นแก่ได้ ใจคอโหดเหี ้ยมมาก มักมีความกล้ า บ้ าบิ่น กล้ าทาในสิ่งที่ไม่ควรกล้ า คือ กล้ าในทางทาบาปอกุศล เช่น กล้ าฆ่าคนไม่วา่ จะเป็ นนักบวช หรื อผู้มีพระคุณต่อตนเอง กล้าฆ่าเบียดเบียนสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่ กล้าทรมานสัตว์ต่างๆให้ได้รับความ ทุกข์ทรมานเจ็บปวดอย่างไร้ความปราณี กล้าโกหกพูดปดมดเท็จ กล้ำ ทีจ่ ะปั้นน้ำให้เป็นตัว กล้ำทนสำบำน กล้ าพูดคาหยาบคาย ด่าทอ ใส่ร้ายป้ายสีผ้ อู ื่น แบบเอาดีใส่ ตัว เอาชั่วให้ คนอื่น กล้ าทา อาชีพ/ค้ าขายสิ่งผิดศีลธรรม ผิดกฎหมายบ้ านเมือง กล้ าคดโกง ประเทศชาติ ย่ายีพระศาสนา กล้ าดื่ม-ฉีด-เสพของมึนเมาให้ โทษ ทังหลาย ้ ซึง่ เป็ นอันตรายร้ ายแรงต่อชีวิต เป็ นความกล้ าในสิ่งที่เป็ น ภัยอันตรายต่อตัวเองที่บณ ั ฑิตทังหลายไม่ ้ เคยแม้ จะคิด แต่พวกที่ มีจิตมืดบอด กลับกล้ าทา
พระพุทธเจ้ าตรัสสอนท่านสามเณรราหุลว่า “ผู้ที่(กล้ า)พูดโกหกทังๆที ้ ่ร้ ู ย่อมไม่มีคณ ุ ธรรม ที่จะเป็ นนักบวช...จะไม่ทาบาป ทาความชัว่ อย่างอื่นที่หนักกว่านัน้ ย่อมเป็ นไปไม่ได้ ” ม.ม.(แปล) ๑๓/๑๒๒-๑๒๔ จูฬราหุโลวาทสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๔
๔.๒.๗ เห็นสิริมงคลว่าเป็นอัปปมงคล๔๐ ผู้ที่มีจิตมือบอดเพราะอานาจแห่งอริ ยปุ วาทปกปิ ด จะเห็น คนดีเป็นคนไม่ดี เห็นสิริมงคลว่าเป็นอัปปมงคล เห็นสิริเป็นกาลกิณี เป็นสิ่งที่อัปปรีย์จัญไร เห็นสิ่งที่สูงค่า ล้าค่า เป็นสิ่งไร้คา่ ไม่มี ความหมาย เหมือนกรณีตวั อย่างดังต่อไปนี ้ เห็นดาบสดีเป็นคนอัปปรีย์จัญไร ในอดีตกาล ในกุมภวดีนคร แว่นแคว้ นของพระเจ้ าทัณฑกี คือมีหญิงโสเภณีคนหนึง่ และท่ านปุโรหิตท่านหนึง่ ถูกพระราชา ปลดออกจากตาแหน่งในเวลาใกล้ เคียงกัน อยู่ตอ่ มาวันหนึง่ ขณะที่หญิงคนนี ้ไปทาธุระส่วนตัวบางอย่าง ได้ เดินผ่านเข้ าไปใน สวนสาธารณะ ไปเจอดาบสตนหนึง่ ชื่อ กีสวัจฉะ ผู้เป็ นศิษย์ของ พระโพธิสตั ว์ของเรา โดยปกติดาบสตนนี ้ เป็ นผู้มีฌานสมาบัตแิ ก่ กล้ า มีฤทธิ์อภิญญา กาลังนัง่ เข้ าสมาธิอยู่ เมื่อเธอได้ มาพบเจอผู้ ทรงศีลทรงธรรมเช่นนี ้ แทนที่เกิดศรัทธาเลื่อมใส กลับเห็นผิดเป็ น ชอบ เห็นสิริมงคลว่าเป็ นอัปปมงคล คิดว่า “วันนี้ เป็นวันโชคร้ำย วันซวยของเรำแท้ๆ ที่ได้มำเจอคนกำลกิณี” เมื่อคิดจะล้ างซวย แก้ เสนียดจัญไรในสิ่งที่ตนเองเห็นเข้ า โดยไม่ได้ ตงใจ ั้ เธอจึงเคี้ยวไม้สีฟัน แล้วถ่มน้าลายลงบนตัว และ ข้างๆชฎาด้วย อีกทัง้ ได้ทิ้งไม้สีฟันลงบนศีรษะของท่านด้วย แล้วค่อย ๔๐
ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๖๐๒-๖๑๑ เรื่องป่ าทัณฑกี ดูสรภังคชาดกและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๕
เดินไปอาบน้า ชาระร่างกายให้สะอาด เพราะเกรงว่า สิ่งไม่ดีไม่งาม อัน เป็นอัปปมงคลหรือตัวเสนียดจัญไร จะติดตัวไปด้ วย คนที่โง่เขลาเบาปั ญญา งมงาย ใจบอด ทังๆที ้ ่ตนเองกาลัง ทาสิ่งอัปปมงคลอันบาปอย่างใหญ่หลวง ซึง่ จะเป็ นเหตุนาความ หายนะมาสูต่ น กลับคิดว่า กำลังทำสิ่งอันเป็นสิริมงคลอันนามาซึง่ ความสุขและเชื่ออย่างสนิทใจว่า การกระทาเช่นนี้ เป็นการล้างซวย แก้เคล็ดจะได้โชคดีมีชัย แคล้วคลาดปลอดภัย ทังที ้ ่ความจริ งแล้ ว อีก ไม่นาน ความพินาศหายนะกาลังจะมาถึงตัว ในโลกนี ้ ย่อมไม่มีความบังเอิญ แต่เป็ นความประจวบ เหมาะกับผลแห่ งบุญที่เธอเคยทามาแต่ ปางก่ อนส่ งผลพอดี ในวันนัน้ พระราชาได้ พระราชทานตาแหน่งคืนแก่เธอ จึงทาให้ ผู้หญิงคนนี ้เข้ าใจผิดไปว่า “สำเหตุที่ทำให้ได้ตำแหน่งคืนนั้น เกิด จำกกำรถ่มน้ำลำยและไม้สีฟันลงบนตัวและศีรษะของดำบสนั่นเอง” ต่อมาไม่นาน แม้ ท่านปุโรหิต เมื่อถูกพระราชาปลดออก จากตาแหน่ง จึงได้ มาปรึกษากับหญิงโสเภณีคนนีว้ า่ ทาอย่างไร เธอจึงได้ ตาแหน่งคืน หญิงโสเภณี ได้ แนะนาให้ ไปทาทุกอย่าง เหมือนกับที่เธอเคยทามาแล้ ว เหมือนกรณีของอลาตเสนาบดี มีเห็นผิดว่า ผลของบุญ-บาปไม่มี เนื่องจากเขาระลึกได้ ว่า เมื่อชาติที่แล้ ว เกิดเป็ นนายพรานชื่อ ปิ งคละ ได้ ฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตไว้ มากมาย แต่ชาตินี ้ กลับมาเกิดเป็ นเสนาบดี บาปมีจริง แต่ยงั ไม่ได้ สง่ ผล เพราะบุญให้ ผลก่อน จึงทาให้ เข้ าใจ ผิดว่า “ทาบาป แต่กลับได้บุญ ทาชั่ว แต่ได้ด”ี ซึง่ ไม่เป็ นความจริง ดู ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๓๖๓-๓๙๐ มหานารทกัสสปชาดกและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๖
ภายในวันนันเอง ้ พระราชาได้ พระราชทานตาแหน่งคืน ให้ แก่ท่านปุโรหิตเช่นกัน เขาจึงเข้ าใจผิดคิดว่า สิ่งที่ทำให้ได้ ตำแหน่งคืนนั้น เป็นเพรำะได้แก้เคล็ด ล้ำงซวยด้วยกำรถ่มน้ำลำย ลงบนศีรษะของดำบสนั้นเช่นกัน เมื่อสองเหตุการณ์นี ้ผ่านไป ต่อมาอีกไม่นาน พวกโจรได้ ทา โจรกรรม คือ ได้ เข้ าปล้ นหมู่บ้านที่เขตชายแดน พระราชาจะต้ อง ออกไปรบและจับโจร ได้ ปรึกษากับพวกเหล่าเสนามหาอามาตย์ ท่านปุโรหิต จึงกราบทูลว่า “ถ้าหากพระองค์ ปรารถนามีชัยเหนือศัตรู แล้วไซร้ ขอโปรดเสด็จไปถ่มน้าลาย รดศีรษะของดาบสตนหนึ่งใน สวนสาธารณะภายในพระราชอุทยานก่อนเถิด พระเจ้าข้า” พระราชาผู้มีพระทัยมืดบอด เพราะถูกบาปอกุศลปกปิ ด ทาให้ เกิดความหลงผิด ทรงเห็นดีเห็นงามไปด้ วย จึงรับสัง่ ให้ เหล่า เสนาอามาตย์และทหารหาญให้ ไปทาเช่นนันด้ ้ วย ทัว่ เรื อนร่างเนื ้อ ตัวของท่ำนกีสวัจฉดำบส จึงเต็มด้ วยน ้าลายและไม้ สฟี ั น หลังจากออกไปปราบโจร พระราชากลับมาด้ วยชัยชนะ อย่างงดงาม จึงพากันดีใจและทาการเฉลิมฉลองในความสาเร็จ ครัง้ นี ้ ส่วนพวกเทวดาประจาเมืองและเทวดาผู้ค้ มุ ครองรักษา การได้ รับชัยชนะของพระราชานัน้ ไม่ได้ เกิดจากการถ่มน ้าลายรดศีรษะของดาบส แต่เกิด จากความฉลาดในการสู้รบและกุศลกรรมอื่นๆ เหมือนคนในยุคปั จจุบนั ทาบาปอกุศล โดยการทุจริตคอรัปชัน่ ฉ้ อราษฎร์ บงั หลวงแล้ ว แต่กลับเจริญรุ่งเรืองด้ วยลาภ ยศ สรรเสริ ญ สุข เกียรติ คิดว่า “บาปไม่ มีผล” ซึง่ เป็ นความเข้ าใจผิดอย่างร้ ายแรง เพราะอีกไม่นาน ผล แห่งบาปนันจะตามเผาพลาญท ้ าให้ ผ้ นู นมี ั ้ อนั เป็ นไปอย่างไม่น่าเชื่อ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๔๘ เรื่ องพระอุบลวัณณาเถรี
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๗
ดาบสท่านนี ้ ต่างพากันพากันโกรธเคืองไม่ พอใจในการกระทา ของพระราชาและพวกบริ วารอย่างมาก จึงได้ ลงโทษ๔๑พระราชา พร้ อมทังเหล่ ้ าเสนาอามาตย์และทุกคนที่ได้ ลว่ งเกินกีสวัจฉดาบส ให้ ประสบกับความวอดวายหายนะ ถึงแก่ความตายทุกคน เหลือ รอดชีวิตเฉพาะครอบครัวของท่ำนเสนำบดีที่เป็ นผู้ให้ การช่วยเหลือ ท่านดาบสและบุรุษอีกคนหนึง่ ที่เป็ นคนดูแลมารดาเท่านัน้ เพราะ บุคคลเหล่านี ้ ไม่มีบาปอกุศลกับท่านดาบสที่ต้องทาให้ มาสิ ้นชีวิต ในลักษณะเช่นนี ้ เห็นพระดีเป็นตัวกาลกิณี มีนายพรานคนหนึง่ ชื่อโกกะ๔๒ ได้ ถือธนูออกไปป่ าเพื่อล่า สัตว์พร้ อมทังสุ ้ นขั คูใ่ จหลายตัว เผอิญไปเจอพระภิกษุรูปหนึง่ ใน ระหว่างทาง ซึง่ ท่านกาลังออกไปบิณฑบาต แทนที่จะเกิดกุศลจิต ศรัทธาเลื่อมใส กลับคิดไปว่า “เรำเจอคนกำลกิณี ตั้งแต่เช้ำ สงสัย วันนี้ คงไม่ได้อะไรแน่นอน” และในวันนัน้ เขาล่าสัตว์ไม่ได้ สกั ตัว จริ งๆ กลับมาด้ วยความผิดหวัง และหนาซ ้ายังมาเจอภิกษุรูปนี ้เข้ า อีกครัง้ จึงมัน่ ใจว่า สาเหตุที่ซวยทังวั ้ นล่าสัตว์ไม่ได้ สกั ตัว เป็ น เป็ นการประทุษร้ ายด้ วยอานาจแห่งโทสจิตของผู้มีฤทธิ์ เป็ นกรรมเก่าของท่านดาบส (อดีตชาติของท่านพระมหาโมคคัลลานะ) เป็ นกรรมใหม่ของคนพวกนัน้ ดูเปรียบเทียบใน อุปาลิวาทสูตร ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓–๗๖ ๔๒ ต่อมาไม่นาน หลังจากฟั งธรรมจากพระพุทธองค์ ภิกษุรูปนี ้ ได้ บรรลุธรรมเป็ นพระ อรหันต์ ดู ธ.ป. ๕/๔๖-๔๙ เรื่องนายพรานสุนขั ชื่อโกกะ, ธ.ป.๗/๒๐๘ เรื่ องสาวกเดียรถีย์ ๔๑
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๘
เพราะเห็นภิกษุนี ้เอง จึงส่งสัญญาณให้ ฝงู สุนขั ไล่กดั ภิกษุรูปนัน้ ตกใจกลัว จึงรี บขึ ้นต้ นไม้ ไม่สงู หนัก นายพราน จึงเอาลูกธนูแทงพื ้น เท้ าของท่าน เพราะความเจ็บปวดมากเกินจะทนไหว จีวรจึงหลุด ล่วงจากตัว หล่นไปข้ างล่างคลุมตัวนายพรานพอดี ฝูงสุนขั ล่าเนื ้อ เข้ าใจว่าเป็ นภิกษุ จึงวิ่งเข้ ากัดจนนายพรานนันสิ ้ ้นใจตาย ความเป็ นจริ ง การฆ่าและการเบียดเบียนสัตว์ เป็ นบาปใน ตัวอยู่แล้ ว วันที่ฆา่ ได้ มาก ยิ่งบาปมาก วันที่ลา่ ได้ น้อย ก็บาปน้ อย ส่วนวันที่เจอพระนันเป็ ้ นวันดี เป็ นบุญ แต่เพราะจิตมืดบอด จึงเห็น บุญเป็ นบาป เห็นพระเป็ นตัวซวย เห็นสิริเป็ นกาลกิณีไป แล้ วคิดทา ร้ ายสิริ จนตัวตาย เห็นคนดีเป็นคนไม่ดี มีเศรษฐี ท่านหนึง่ ในเมืองโกสัมพีเป็ นคนจิตใจคับแคบ มอง โลกในแง่ร้าย คิดหาอุบายวิธีที่จะฆ่าลูกเลี ้ยงคนหนึง่ ชื่อโฆสกะ เพราะกลัวมาแย่งโภคสมบัติ และพยายามอยู่หลายครัง้ แต่ไม่ สาเร็จ เนื่องจากนายโฆสกะมีบุญเก่าในครั้งที่เกิดเป็นสุนัขได้เคยเห่า พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความรัก ปกป้องคุ้มครองไว้ จนเป็นเหตุ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๗๙
ทาให้ ลกู ชายสุดที่รักของตัวเองถึงแก่ความตาย๔๓ และสุดท้ าย ตัวเองก็มีอนั เป็ นไปด้ วยโรคร้ าย เพราะมองเห็นคนดีเป็ นคนชัว่ คิด ริ ษยาอยากให้ เขามีอนั เป็ นไป แต่เมื่อให้ ทกุ ข์แก่ท่าน ทุกข์นนถึ ั ้ งตัว เห็นหญิงกัลยาณีเป็นหญิงกาลกิณี๔๔ ปิ งคุตรมานพ ในฐานะเป็ นศิษย์ผ้ ใู หญ่ของท่านอาจารย์ ทิศาปาโมกข์แห่งตักกศิลานคร เมื่อร่ าเรี ยนจนสาเร็จหลักสูตรแล้ ว จึงได้ กราบลาเพื่อเดินทางกลับบ้ านเกิดเมืองนอนของตน ท่าน อาจารย์ได้ ยกนางอุทมุ พร ลูกสาวแสนสวย นิสยั ดี มารยาทงามให้ เป็ นภรรยาด้ วย ความจริ งแล้ ว ปิ งคุตตรมานพ ไม่มีความยินดี พอใจในตัวนางเลยแม้ นิดเดียว แต่ไม่กล้ าปฏิเสธ เพราะเกรงใจผู้ เป็ นอาจารย์ ในระหว่างการเดินทาง เขาจึงไม่อยากเข้ าใกล้ นอน ใกล้ ไม่อยากไปสัมผัสเนื ้อตัวของนาง พอใกล้ ถงึ บ้ านเกิด จึงออก ต่อมาเขาได้ เป็ นเศรษฐี ชื่อ โฆสิต มีความศรัทธาเลื่อมใสยิ่งในพระรัตนตรัย ได้ บริจาค ทรัพย์สร้ างโฆสิตาราม และรับนางสามาวดีไว้ เป็ นธิดาบุญธรรม ม.มู.(แปล) ๑๒/๕๒๙-๕๓๖ โกสัมพิยสูตรและอรรถกถา ธ.ป. (แปล) ๒/๑๗-๓๖ เรื่ องพระนางสามาวดี เหมือนกรณีพวกนักบวชชีเปลือย อเจลกะ เคยพูดตาหนินางวิสาขา มหาอุบาสิกาผู้มี ศีลธรรมประจาใจว่าเป็ นคนกาลกิณีตอ่ หน้ ามิคารเศรษฐี ผู้เป็ นพ่อผัว ซึ่งนับถืออรหันต์ชี เปลือย(อเจลกะ)ในวันที่นิมนต์นกั บวชเหล่านี ้มาฉันอาหารที่บ้าน ธ.ป. (แปล) ๓/๙๐-๙๑ เรื่ องนางวิสาขา ๔๔ ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๘๖ สิริกาฬกัณณิชาดก ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๒๗๔-๓๐๔ มโหสถชาดกและอรรถกถา ๔๓
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๐
อุบายให้ นางขึ ้นไปเก็บผลมะเดื่อบนต้ น ตัวเองรีบไปตัดขวาก หนามมาล้ อมเอาไว้ แล้ วหนีไปโดยไม่หวนกลับคืน เพราะไม่ ต้ องการอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนาง ทังนี ้ ้ เป็ นเพราะตัวเองเป็ น กาลกิณี มีบญ ุ น้ อย จึงมองไม่เห็นคุณค่ำของสิริ ส่วนนางเป็ นคนมี บุญมาก คูค่ วรแก่พระราชา ต่อมาอีกไม่นาน นางได้ กลายมาเป็ น อัครมเหสีของพระเจ้ าวิเทหราชแห่งวิเทหนคร เห็นสามีดีเป็นสามีไม่ด๔๕ ี นายสุมนะ ได้ รับส่งดอกมะลิแก่พระเจ้ำพิมพิสำร ราชาแห่ง แคว้นมคธกรุงราชคฤห์ผู้ตงั้ มั่นในศีลธรรม วันละ ๘ ทะนาน ได้ รับ ทรัพย์ ๘ กหาปณะเป็ นเครื่องตอบแทน ในตอนเช้ าของวันนัน้ เขา ได้ พบพระพุทธเจ้ าผู้อนั ภิกษุสงฆ์แวดล้ อม ทรงเปล่งฉัพพัณณรั งสี เสด็จไปบิณฑบาตในพระนครด้ วยพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ ด้ วย พุทธลีลาอันสง่างาม ได้ เกิดความศรัทธาเลื่อมใสอย่างจับใจ จึงคิด จะบูชาพระพุทธองค์ เมื่อหาสิ่งใดไม่ได้ จึงคิดว่า แม้จะถูกพระราชา พระพุทธองค์ตรัสแสดงอานิสงส์แห่งการบูชาดอกมะลิไว้ ว่า “อานนท์ เธออย่าได้คิดว่า ‘การบูชาด้วยดอกไม้ที่นำยมำลำกำรนีก้ ระทาแล้วเป็นของเล็กน้อย เพราะเขาได้สละชีวิตตัวเอง เพื่อบูชาเรา และเขามีจิตศรัทธาเลื่อมใสเราด้วยอาการอย่างนี้ จะไม่ไปสู่ทุคติตลอดแสนกัป จะ เกิดเป็นเทวดาและมนุษย์เท่านัน้ นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้นั้น ภายหลัง เขาจะได้เป็น พระปัจเจกพุทธะ นามว่า สุมนะ” ป.ธ. ๓/๒๐๕-๒๑๓ เรื่ องนายสุมนมาลาการ ๔๕
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๑
ฆ่า กักขัง เนรเทศหรือลงโทษอย่างไรก็ตาม จะขอยอมตายเพื่อบูชา พระพุทธองค์ด้วยดอกมะลิเหล่านี้ให้ได้ จึงใช้ ดอกมะลิเหล่านัน้ ซัด ไปเพื่อเป็ นพุทธบูชา และแล้ ว ก็เกิดปาฏิหาริ ย์ขึ ้นอย่างน่าอัศจรรย์ คือดอกไม้ เหล่านัน้ กลายเป็ นเทริ ดอยู่ข้างบนพระเศียร และห้ อย ระย้ าทังซ้ ้ าย-ขวาของพระศาสดา ผู้คนแตกตื่น ชื่นชม พากันออกมา ดูปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์น้อี ย่างมากมาย เมื่อเขากลับมาถึงบ้ าน ได้ บอกเรื่ องราวทังหมดแก่ ้ ภรรยา ผู้หญิงคนนี ้ ไม่มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย จิตใจมืด บอด เกรงกลัวว่าจะถูกพระราชาลงโทษ จึงด่ำสำมีด้วยควำมไม่ พอใจและบอกเลิกกับเขำไปทันที และตัวเองได้ รีบไปทูลฟ้องต่อ พระราชาว่า เรื่องทังหมดทั ้ งปวงนั ้ นเป็ ้ นความคิดและความผิดของ สามีเพียงคนเดียว ส่วนนางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ต่อมาเมื่อ วิบากแห่งกุศลกรรมนี ้ส่งผล ทาให้ พระเจ้ าพิมพิสารทรงชื่นชม แล้ ว ได้ พระราชทานรางวัล มีหญิงงาม แก้ วแหวนเงินทอง ของมีคา่ พร้ อมทังช้ ้ าง ม้ าอย่างมากมายแก่นายสุมนมาลาการผู้ได้ เสียสละ ชีวิตถวายดอกมะลิเป็ นพุทธบูชา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๒
๔.๒.๘ เห็นสิ่งสัปดนว่า “เป็นสิ่งที่ควรพูด ควรทา” ผู้ที่เป็ นดาวตลกหรือบุคคลผู้ที่ชอบพูดจาลามก พูดตลก โปกฮาแบบสองแง่สามง่าม๔๖แล้ วเกิดความยินดีพอใจเมื่อถูกคน อื่นชมว่า “พูดคุยสนุก ทาให้คลายเครียด” หรื อพวกที่เป็ นโรคจิต มี ความคิดวิตถาร อยากเสพสังวาสกับสัตว์เดรัจฉาน เช่น สุนขั หมู วัว ควาย คิดอยากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับคนรัก แฟน หรื อ อยากทากับพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลานตัวเอง เป็ นต้ น ความคิดอกุศล และพฤติกรรมแปลกๆในลักษณะเช่นนี ้ เกิดจากจิตที่หลงผิด อัน เป็ นผลสืบเนื่องมาจากบาปกรรมที่เคยได้ ลว่ งเกินพ่อแม่เช่นกัน ๔.๒.๙ เห็นบาปเป็นบุญ เห็นว่าการฆ่าสัตว์เลี้ยงพระได้บุญ เห็นว่าการถวายหมากพลู-บุหรี่แก่นกั บวช หรือพระภิกษุสามเณรไม่เป็นบาป เห็นว่าการกิน-เคี้ยวหมาก-สูบบุหรี่ไม่มีโทษ เป็นต้น
การพูดตลกโปกฮา ในหลักธรรมทางพุทธศาสนามองว่า เป็ นบาปอกุศล เพราะเป็ น วาจาเพ้ อเจ้ อ ไร้ สาระ ไม่มีประโยชน์ตอ่ การบรรลุธรรมและเมื่อสัง่ สมมากแล้ ว ย่อมทาให้ ไป เกิดในอบายภูมิได้ และเศษบาปนี ้ จะทาให้ เป็ นคนไม่น่าเชื่อถือ อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒ ทุจจริตวิปากสูตร ดูเทียบเคียงกรณีอดีตชาติของชัมพุกาชีวกที่เคยด่าพระอรหันต์แล้ ว เมื่อพ้ นจากนรกมา เกิดเป็ นมนุษย์ เศษกรรมที่เหลือ ยังต้ องมานอนกลางดิน กินขี ้เป็ นอาหาร เปลือยกายและ ถอนผมด้ วยแปลงตาล เพราะบาปกรรมจากการด่าพระอรหันต์ ดู ธ.ป. (แปล) ๒/๒๑๙-๒๓๓ เรื่องชัมพุกาชีวก ๔๖
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๓
งานบวช งานแต่งงาน งานประเพณีทาบุญต่างๆ ถือว่า เป็ นงานบุญ งานกุศล แต่สว่ นใหญ่ทางฝ่ ายเจ้ าภาพ มักจะมีการ ฆ่าวัว ควาย หมู เป็ ด ไก่ หรื อฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตกุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด เพื่อเป็ นอาหารเลี ้ยงแขก ตามมาด้ วยเหล้ า เบียร์ ไวน์ บุหรี่ หมากพลูพร้ อมเพื่อต้ อนรับแขกที่มาร่วมงาน การฆ่า-เบียดเบียนสัตว์ไม่วา่ จะทาด้ วยเหตุผลหรื อเงื่อนไข ใดๆ เป็ นบาปทังนั ้ น้ ไม่มีข้อยกเว้ น ทังผู ้ ้ ที่ฆา่ เองหรือสัง่ ให้ คนอื่นฆ่า เพราะขณะที่ออกคาสัง่ ว่า “จงไปนาสัตว์ตวั นั้นมา” เป็นบำปครั้งที่ ๑ เวลาที่ลาก ดึง หรื อจูงสัตว์ตวั นันมาสู ้ ท่ ี่ฆา่ เป็นบำปครัง้ ที่ ๒ ขณะ เงื ้ออาวุธหรื อเครื่ องประหารขึ ้นเพื่อจะฆ่า เป็นบำป ครัง้ ที่ ๓ เวลา สัตว์ถกู ฆ่าได้ รับทุกขเวทนาแสนสาหัสอันเกิดจากคมของอาวุธ ก่อนตาย เป็ นบาปครัง้ ที่ ๔ และเมื่อนาเนื ้อสัตว์นนที ั ้ ่ถกู ฆ่าใน ลักษณะเช่นนันมาปรุ ้ งเป็ นอาหาร แล้ วนาไปถวายแก่พระภิกษุ สามเณรหรื อแขกที่มาร่วมในงาน ด้ วยความเชื่อว่า “เมื่อพระสงฆ์ สามเณร ได้ขบฉันอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว เจ้าภาพ ย่อมได้บุญมาก ได้ อานิสงส์แรง” เป็นบาปครัง้ ที่ ๕ การให้ ทานในลักษณะเช่นนี ้ เป็ น บาปไม่ ใช่ เป็ นบุญ และได้ บาปไม่ ใช่ ได้ บุญ แม้ จะลงทุน สูญเสียเงินทองมากมาย ก็ได้ แต่บาปอย่างเดียวเท่านัน้ ไม่ได้ บญ ุ กุศลอะไรสักนิดเลย
ม.ม. (แปล) ๑๓/๔๘-๕๒ ชีวกสูตร, อัง.อัฏฐก.(แปล)๒๓/๒๒๖-๒๓๔ สีหสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๔
แม้ การฆ่าสัตว์เพื่อเป็ นอาหาร ก็เป็ นบาปเหมือนกัน ขึ ้นต้ น ก็เป็ นบาป ท่ามกลางก็บาปและลงท้ ายก็ยงั เป็ นบาปอีก ได้ บาปทัง้ ขาขึ ้นและขาลง ถึงแม้ วา่ เจ้ าภาพอยากจะได้ บญ ุ กุศล แต่เมื่อไม่ รู้จกั บุญที่แท้ จริ ง แม้ คิดว่ากาลังทาบุญ แต่กลับเป็ นการทาบาป คิด ว่าจะได้ บญ ุ แต่กลับได้ บาป เพราะความโง่เขลาเบาปั ญญา หรื อ มิจฉาทิฏฐิ นนั่ เอง ในกรณีการถวายบุหรี่ สิ่งเสพติด เครื่องดองของมึนเมา ทั้งหลายแก่พระสงฆ์สามเณร(หรื อให้ แก่คนทัว่ ไปก็ตาม) เป็ นบาป เหมือนกัน ได้ บาปล้ วนๆ ไม่ได้ กศุ ลผลบุญอะไรเลย สิ่งที่คิดว่าจะได้ บุญ แต่ได้ บาปแทน เพราะสิ่งเหล่านัน้ ไม่ได้ ทาให้ เกิดประโยชน์ตอ่ ร่างกายหรื อจิตใจของผู้ให้ หรื อผู้รับแต่อย่างใด การให้บุหรี่ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ กล่าวคือเป็นตัวทาลาย อายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณแก่ผู้อื่น ในทางวิทยาศาสตร์ได้ พิสูจน์แล้วว่า ภายในบุหรี่ประกอบไปด้วยสารพิษมากกว่า ๔,๐๐๐ ชนิด เช่น สารนิโคติน สารทาร์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไฮโดรเจน ไซยาไนด์ ฯลฯ สารเหล่านีไ้ ม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นสิ่งที่ให้โทษ ทาให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา ผู้ให้สิ่งใด ย่อมมีส่วนแห่งผลกรรมอัน นัน้ เมื่อกรรม คือ การให้สิ่งเสพติด ออกฤทธิ์ ส่งผล สิ่งที่ควรจะได้รับ คือผลแห่งบาป๔๗ กล่าวคือ ทาให้เป็นโรคร้าย เช่น โรคถุงลมโปร่งพอง โรคมะเร็งปอด เป็นต้น ทั้งผู้ให้และผู้เสพ ย่อมได้ผลบาปเหมือนกัน ๔๗
อัง.จตุกก.(แปล) ๒๑/๙๕-๙๖ สุปปวาสาสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๕
แม้ การส่งเสริมสนับสนุนการผสมพันธุ์สตั ว์ตา่ งๆ เพื่อธุรกิจ การค้ าขาย การแจก แลก แถม การให้ ภาพโป๊ เปลือยหรื อ สื่อลามก อนาจารทังหลาย ้ เช่น แผ่นดีวีดี วีซีดีเกี่ยวกับรูปภาพ การ์ ตนู ละคร ภาพยนต์ เป็ นต้ นที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ก่อให้ เกิดความกาหนัด ก็เป็ นบาปเช่นกัน เพราะเมื่อทากรรมด้ วยการส่งเสริม สนับสนุน กระตุ้นให้ คนหรื อสัตว์เกิดกิเลส คือ ราคะ โทสะ โมหะ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ย่อมได้ รับผล คือ ความเดือดร้ อนวุน่ วาย ปั ญหา อุปสรรค โทษภัยอันตรายและชีวิตหลังตาย ย่อมไม่ ปลอดภัยแน่นอน๔๘ เพราะเมื่อให้ เมล็ดบาป ย่อมมีสว่ นแห่งผล บาปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๔๘
สัง.สฬา. (แปล) ๑๘/๓๙๕-๓๙๗ ตาลปุตตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๖
บาป..มีวาระการให้ผล “ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล ตราบนั้น คนชัว่ จะเห็นบาปว่าดี แต่เมื่อใด บาปให้ผล เมื่อนั้น คนชัว่ จะเห็นบาปว่าชัว่ แท้” พุทธพจน์
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๖๘ เรื่องอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ขณะที่ทาบาป...แต่บุญส่งผล
การส่งผลของบุญหรือกุศลกรรม ในบางกรณีมาประจวบ เหมาะกับเวลาที่กาลังทาบาปอกุศลอยู่ ซึ่งทาให้คนหลงเข้าใจผิดคิด ว่า เกิดมาจากการกระทานั้น เช่น เรื่องป่าทัณฑกี กรณีที่เกิดขึ้นกับ หญิงโสเภณีคนหนึ่ง, ท่านปุโรหิต พระราชา,อามาตย์และเหล่าทหาร หาญ หรือ ในกรณีของอลาตเสนาบดีอามาตย์(อดีตชาติของพระ เทวทัต)แห่งวิเทหนคร ในอดีตชาติ เขาเคยเป็นนายพรานชื่อปิงคละ ได้ฆ่าวัว ควาย หมูและแพะมากมาย หลังจากตายแล้ว บาปยังไม่ ส่งผล ได้เกิดมาในตระกูลเสนาบดีที่มั่งคั่งร่ารวย เพราะบุญเก่าที่เคย ถวายดอกอังกาบบูชาพระเจดีย์ของพระพุทธเจ้ากัสสปะ จึงเข้าใจผิด คิดว่า “ผลแห่งบาปไม่มี” ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๖๐๒-๖๑๑ สรภังคชาดก ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๓๖๓-๓๙๐ มหานารทกัสสปชาดก
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๗
๔.๒.๑๐ เห็นสิ่งที่เป็นคุณว่าเป็นโทษ คนที่มีบาปกรรมกับพ่อแม่ติดตัว เพราะไม่ได้ เลี ้ยงดูหรื อ เพราะเคยล่วงเกินท่านมาและยังไม่ได้ แก้ ไขให้ เป็ นปกติ มักจะเป็ น คนมีนิสยั ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่กล้ าทาบุญให้ ทานมาก กลัวจะหมด เกรงว่าจะสิ ้นเปลือง ให้ มากไปก็ไร้ ประโยชน์ ไม่อยากรักษาศีล กลัวจะถูกหาว่า “เป็นคนอ่อนแอ ทามาหากินไม่เป็น” ไม่อยากสวด มนต์ไหว้ พระ ไม่อยากศึกษาธรรมะ ปฏิบตั ิธรรม เพราะกลัวคนอื่น หาว่า “คร่าครึ ล้าสมัย ไม่ทันโลก เป็นการเสียเวลาทามาหากินโดย เปล่าประโยชน์ หรือทาให้วางตัวลาบาก จะทาชั่วไม่เต็มที”่ คนประเภทนี ้ มักมีความคิดว่า การส่งเสีย เลี ้ยงดูพ่อแม่ผ้ มู ี พระคุณนัน้ เป็ นสิ่งยุ่งยาก น่าราคราญ ไม่จาเป็ น เห็นการขอขมา โทษต่อท่าน เป็ นสิ่งน่าละอาย ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถช่วยให้ ชีวิตดีขึ ้นได้ มองเห็นอาหารเพื่อสุขภาพ การทาดีท๊อกซ์-ล้ างพิษตับ ขับนิ่ว เป็ นต้ นซึง่ มีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย กลับมองข้ าม และเห็นว่า เป็ นสิ่งไร้ สาระ ไม่สาคัญ ไม่สามารถส่งเสริ มสุขภาพได้ จริ ง
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๘
บุญ...มีวาระการให้ผล
“ตราบใดที่กรรมดียงั ไม่ให้ผล ตราบนั้น คนดีจะเห็นกรรมดีวา่ ชัว่ แต่เมื่อใด กรรมดีให้ผล เมื่อนั้นคนดีจะเห็นกรรมดีวา่ ดีแท้” พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๖๘
ขณะที่ทาบุญ...แต่บาปส่งผล
การส่งผลของบาปหรืออกุศลกรรม ในบางกรณีมาประจวบ เหมาะกับเวลาที่กาลังทาบุญกุศลอยู่ ซึ่งทาให้คนเข้าใจผิด คิดว่า ผล แห่งบุญไม่มีจริง เช่น ในกรณีที่เกิดขึ้นกับท่ำนพระมหำโมคคัลลำนะ อัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้เลิศในทางฤทธิ์ แต่กลับมาถูกพวกเดียรถีย์ ริษยา จ้างวานพวกโจรไปลอบทุบตีท่านจนถึงแก่ปรินิพพาน
บุรุษเข็ญใจคนหนึ่งชือ่ วีชกะแห่งกรุงมิถิลา ในชาติก่อน เคยเกิดเป็นเศรษฐี ไม่เคยทาชั่วเลยสักครั้ง ทาดีมาตลอดชีวิต แต่มาในชาติปัจจุบัน เขากลับเกิดในครอบครัวยากจน เป็นทาส คนอื่น แม้จะทาความดีด้วยการให้ทานรักษาศีลมาตลอดชีวิต แต่ ยังทุกข์ยากลาบากเรื่อยมา มองไม่เห็นหนทางเลยว่าชีวิตจะมีสุข สบายได้อย่างไร หรือในกรณีของหญิงชาวนาคนหนึ่งในกรุง ราชคฤห์ หลังจากได้ถวายอาหารบิณฑบาตด้วยข้าวตอกแก่ท่าน พระมหากัสสปะผู้เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ขณะเดินกลับ ได้ถูกงู พิษกัด จนถึงแก่ความตาย ม.ม.(แปล) ๑๓/๔๒๑-๔๒๙ อังคุลิมาลสูตร ธ.ป. (แปล) ๕/ ๙-๑๓ เรื่องลาชเทวธิดา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๘๙
๔.๒.๑๑ เห็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ว่า “มีประโยชน์” การเล่นเกมต่างๆในคอมพิวเตอร์ การเล่นไพ่ ไฮ-โล การเล่น การพนันทุกรูปแบบ การเป็นคนเจ้าชู้ การเที่ยวกลางคืนตามไนท์คลับ ดูภาพยนต์-ละครทีวี หรือการร้องเพลง เต้น-ฟ้อนรา เล่นดนตรี เป็น อาทิ สิ่งเหล่านี ้ในทางโลกแม้ จะดูเป็ นเรื่ องสนุกสนาน แก้ เครี ยดแก้ เซ็ง ผ่อนคลายอารมณ์ได้ บ้าง แต่หากมองในทางธรรม สิ่งเหล่านี ้ พระพุทธองค์กลับตรัสว่าเป็ นอบายมุข ทางแห่งความฉิบหาย มี โทษมากกว่าคุณ เป็ นอันตรายต่อศีล สมาธิและปั ญญาในการ พัฒนาจิตวิญญาณให้ สงู ขึ ้นเหมือนพุทธพจน์ที่วา่ “การขับร้อง(ร้องเพลง) คือ การร้องไห้... การฟ้อนรา คือ ความเป็นบ้า... การหัวเราะจนเห็นฟันมากเกินไป คือ ความเป็นเด็ก ในอริยวินัย (ในความรู้สึกของพระอริยเจ้า)”๔๙ ดังนัน้ ผู้ที่มีกรรมล่วงเกินพ่อแม่เอาไว้ และยังไม่ได้ แก้ ไข จึง มีความเป็ นไปได้ อย่างมากว่า จะเห็นตรงข้ามคือ เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ น่าตื่นเต้น ท้าทายไม่มีโทษ เป็ นเรื่ องสนุกสนานเพลิดเพลิน ชวนน่า ติดตาม ปล่อยตัวปล่อยใจ หลงระเริ ง เที่ยวดึกดื่นจนเสียงาน เสีย สุขภาพ เสียการเรียน เสียเวลาอันมีคา่ โดยเฉพาะมีคา่ นิยมผิดๆ หลงเชื่อในคาโฆษณา แบบไม่คิดไตร่ตรองให้ รอบคอบในเรื่ อง อาหารและเครื่ องดื่มที่ทาลายสุขภาพทังหลาย ้ แต่กลับคิดว่า มี ๔๙
อัง.ติก.(แปล) ๒๐/๓๕๑ รุ ณณสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๐
คุณค่า มีประโยชน์ไม่มีโทษต่อร่างกาย เช่น อาหาร/เครื่องดื่มที่มี ส่วนผสมของครีมเทียม เนยเทียม ถั่วเหลือง/ผลิตภัณฑ์จากถัว่ เหลือง ซอยมิลค์ ชา กาแฟชนิดพร้อมชงดื่ม นมสัตว์ทุกยี่ห้อ เครือ่ งดื่มชูกาลัง ทุกชนิด อาหารสาเร็จรูป เช่น มาม่า ปลากระป๋อง ขนมกรุบกรอบ ทั้งหลายที่อร่อยแต่ปาก แต่ทาให้ เสียสุขภาพ หรื อมีความเห็นในสิ่ง ที่เป็ นโทษ ก่อให้ เกิดพิษภัยอันตรายต่อร่างกายและจิตใจอื่นใดว่า เป็ นสิ่งดีงามมีประโยชน์ สุดท้ ายแล้ ว ก็ทาให้ ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่ วย ไม่สบาย เกิดโรคร้ ายต่างๆตามมา ๔.๒.๑๒ สาคัญผิดเรื่ องความรัก/คนรัก รักคนผิด ไปหลงรักคนที่ไม่ควรรัก ไม่รักคนที่ควรรัก ต้องมาเสียใจและเสียดายกับการเลือกคนผิด โดยปกติ คนที่ไม่มีบาปกรรมล่วงเกินพ่อแม่เอาไว้ ก็จะมี ความสุขกาย สบายใจในเรื่ องความรัก คนรักตามสมควรแก่บญ ุ บารมีของตนเอง แต่สาหรับผู้ที่ไม่มีความรัก ไม่มีความภาคภูมิใจ ในพ่อและแม่ มีแต่ความโกรธเกลียด เคียดแค้ นชิงชังท่านเพราะ สาเหตุอย่างใดอย่างหนึง่ ก็ตาม เมื่อเติบโตเป็ นวัยรุ่นหนุ่มสาวแล้ ว จะทำให้ไปหลงรักคนที่ไม่สมควรจะรัก รักคนผิด หรือ แต่งงำนกับ คนที่ไม่เหมำะสมกับตนเองหรือตัวเองไม่ได้รกั เช่น
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๑
ไปแอบชอบ ไปหลงรักสามี/ภรรยา/แฟนของคนอื่นผู้ทเี่ ขามี เจ้าของแล้ว หรือไปหลงรักชอบพอนักบวช ซึ่งเป็นเรื่องผิดศีลธรรม ไม่ถูกต้องเหมาะสมทั้งในทางโลกและทางธรรม เข้ากันได้ยาก หรือ ไปด้วยกันไม่ได้ แม้จะได้มาครอบครอง ก็อยู่ได้ไม่นาน สุดท้าย จะถูก คนอื่นมาแย่งชิงไปเหมือนเดิม เพราะเคยทาไว้กับใครอย่างไร ย่อม ได้รับผลอย่างนั้น เมื่อแย่งของใครเขามา จะต้องถูกแย่งคืนเสมอ ไม่ช้า ก็เร็ว ฉะนั้น การได้อะไรมาโดยไม่ถูกต้อง ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ย่อมไม่ สามารถครอบครองเป็นเจ้าของได้นาน จะต้องมีอันเป็นไป เกิดภัย พิบัติหายนะแน่นอน ไปหลงรักคนที่มีนิสัยแตกต่างกัน รสนิยมไม่เหมือนกัน ความเป็นอยู่แตกต่างกัน มีชาติตระกูล ฐานะการเงินรวยกว่า รูปร่าง หน้าตาดี สวย/หล่อกว่า มีการศึกษาดีกว่า สุดท้าย ก็ไปกันไม่ได้ ผู้หญิง/ชายบางคนมีชาติตระกูล ฐานะทางสังคม เกียรติ การศึกษาดีกว่า สูงกว่า แต่ต้องไปหลงรักชอบพอ หรือไปแต่งงานอยู่ กินด้วยกับคนที่มีชาติตระกูล ฐานะทางสังคม เกียรติ และการศึกษาที่
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๒
ด้อยกว่า ต่ากว่า โดยทางฝ่ายพ่อแม่ พี่น้อง ญาติไม่เห็นดี ด้วย กลายเป็นคู่กรรมคู่เวร นามาซึง่ ความทุกข์ทรมานใจไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้าย ก็ทาให้เตียงหัก ความรักชีวิตคู่ล่มสลาย ต้องเลิกร้าง แยกทาง กันด้วยความเจ็บปวด ผิดหวัง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และต้องมา เสียใจอีกด้วย ผู้หญิงบางคนต้องมาแต่งงาน อยู่กินกับผู้ชายต่างชาติทมี่ ีอายุ แก่หรือน้อยกว่ามาก พูดคนละภาษา มีประเพณีวัฒนธรรม การนับถือ ศาสนาทีแ่ ตกต่างกัน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความจาเป็นด้านการเงิน เกิดการตัง้ ครรภ์ในขณะที่ยังไม่พร้อม หรือเพราะผลประโยชน์ทาง ธุรกิจอื่นใดก็ตาม ซึ่งคิดว่า จะโชคดีและมีความสุขดังที่คาดฝันเอาไว้ แต่ความเป็นจริง กลับมีแต่ความทุกข์ยากลาบากใจ ต้องกล้ากลืนฝืน ทนด้วยความทรมานใจ ลงท้าย ต้องเลิกร้างกันไป
เทียบเคียงจากกรณีสุนัขตัวโปรดของสุภมานพ ซึ่งเคยเป็นบิดาของเขา ชื่อ โตเทยยะ ใน อดีตชาติ ด้วยอานาจของความโลภในสมบัติ ความโกรธและพูดตาหนิพระพุทธเจ้า จึงเกิดมา เป็นสุนัขในบ้านของลูกชาย วันหนึ่ง ขณะที่พระพุทธองค์เสด็จบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน สุนัขตัว นี้ วิ่งออกมาเห่ำพระองค์ด้วยความไม่พอใจแล้ว หลังจากนั้น ก็กลับไปนอนบนกองขี้เถ้ำข้าง เตาไฟ แม้คนในบ้านจะอุ้มไปนอนบนทีน่ อน อันหรูหรามีค่ามากหลายครั้ง แต่มันก็กลับมานอน บนกองขี้เถ้าเช่นเดิม ทั้งนี้ เพราะอานาจบุญกุศล ความดีที่จะได้นอนบนที่นอนอันประณีต ได้ถูก อริยุปวำทกรรมทำลำยหมดแล้ว จิตของสุนัขที่หมดบุญ ไร้วาสนา จึงกลับมายินดี พอใจกับ สิ่งที่เศร้าหมองต่าต้อยด้อยค่า ที.สี. (แปล) ๙/๑๙๗-๒๑๒, สุภสูตรและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๓
๔.๒.๑๓ สาคัญผิดเรือ่ งอาชีพ๕๐ ผู้ที่เคยคิดตาหนิ คิดจับผิด พูดโต้ เถียง พูดจาบจ้ วงล่วงเกิน พ่อแม่ไว้ อย่างรุนแรง มีเหตุปัจจัยต้ องเข้ าไปข้ องเกี่ยวกับอาชีพมืด อาชีพบาปทัง้ หลาย ดังนี ้ อาชีพค้ามนุษย์ มีเหตุให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทาสื่อลามก ทั้งหลาย เช่น หนังสือโป๊ วีดีโอ วีซีดี ดีวีดลี ามก เป็นแม่เล้า แมงดา หรือเป็นหญิงโสเภณี๕๑ ขายบริการทางเพศทัง้ โดยตรงและโดยอ้อม บุคคลผู้ที่ประกอบกิจการเอง ใช้ ให้ คนอื่นทา ยินดีพอใจ หรือยกย่องสรรเสริญ ส่งเสริม สนับสนุนอาชีพมืดเหล่านี ้ ย่อมมีสว่ นแห่งบาปเหมือนกัน อัง.ปั ญจก.(แปล)๒๒/๒๙๕ วณิชชาสูตร,สัง.นิ. (แปล)๑๖/๘๓-๘๕ ปั ญจเวรภยสูตร, ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗ ปุพพกัมมปิ โลติ ๕๑ พระอัมพปาลีเถรี ซึง่ อดีตเคยเป็ นโสเภณี หลังจากได้ เข้ ามาบวชแล้ ว ได้ ทราบบุพกรรม ของตนเองจากพระศาสดาว่า “...เธอเคยเกิดในตระกูลพราหมณ์ในเมืองอรุณ บวชเป็ น ภิกษุณี ในสมัยพระพุทธเจ้ าสิขี (มีพระชนมายุ ๗ หมื่นปี ) วันหนึ่ง ขณะที่ภิกษุณีทงหลายพา ั้ กันเดินทาประทักษิณ(เดินเวียนรอบไปทางข้ างขวา)ไหว้ พระเจดีย์ ภิกษุณีพระอรหันต์องค์ หนึ่งที่เดินอยู่ข้างหน้ า ได้ ถ่มน ้าลาย แต่น ้าลายไปตกที่ลานพระเจดีย์ และพระเถรีไม่ทนั สังเกต จึงเดินไปข้ างหน้ า ส่วนภิกษุณี(อดีตชาติของนางอัมพปาลี)รูปนี ้ที่เดินตามหลังมา มองไปเห็นน ้าลายนัน้ โกรธไม่พอใจ จึงด่าออกไปแบบไม่คิดว่า “อีแพศยาคนไหนที่มันมาถ่ม น้าลายตรงนี้ ไม่มีที่ถ่มน้าลายที่อื่นหรือยังไง บวชเข้ามาแล้ว ยังทาตัวอย่างนี้อยู่ ทาให้ศาสนาแปด เปื้อน” ผลกรรมจากอริยปุ วาท ทาให้ ภิกษุณีรูปนี ้ ไม่ก้าวหน้ าในการปฏิบตั ิธรรม ไม่สามารถ บรรลุมรรคผลนิพพานได้ ภายในชาตินนและเมื ั้ ่อมรณภาพแล้ ว ไปเกิดในนรก พอพ้ นจาก นรก ได้ มีโอกาสเกิดมาเป็ นมนุษย์ อริ ยปุ วาทกรรมนัน้ ยังตามส่งผลให้ มาเป็ นโสเภณีอีก ๖ หมื่นชาติ ขุ.อป.(แปล) ๓๓/๕๔๗-๕๔๙, อัมพปาลีเถริยาปทานและอรรถกถา นางสิริมา น้ องสาวของหมอชีวก เดิมเป็ นหญิงโสเภณีในกรุงราชคฤห์ แคว้ นมคธ ได้ ฟั งธรรมจากพระพุทธเจ้ าจนเข้ าใจเรื่ องกฎแห่งกรรมอย่างแจ่มแจ้ ง พร้ อมทังบริ ้ วาร ๕๐๐ คน แล้ วเลิกอาชีพโสเภณี ถ้ าอาชีพนี ้ปลอดภัยไม่มีโทษ ไม่ เป็ นบาป เพราะเหตุใด นาง ๕๐
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๔
อาชีพค้าขายเนื้อสัตว์๕๒ อาชีพเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้าขาย อาชีพค้าอาวุธ ค้าขายอุปกรณ์ เครื่องมือทุกชนิดสาหรับฆ่า และเบียดเบียนคนและสัตว์ เช่น แห อวน ฉมวก เบ็ดเป็นต้น อาชีพค้าขายยาพิษ๕๓ ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ อาชีพค้าขายสุราเมรัย๕๔ บุหรี่ ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด อาชีพเกี่ยวกับอบายมุข การพนัน เปิดร้านคาราโอเกะ บาร์ ไนท์คลับ บ่อนคาสิโน อาชีพเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ อาชีพเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อขายประกัน สินค้า ต่างๆ ผลิตภัณฑ์ทั้งหลายทัง้ ปวงที่ทาให้คนหลงเชื่อ ถึงเลิกทาไม่เข้ าไปข้ องเกี่ยวอีกเลย และมาตังสลากภั ้ ตร ๘ ที่ ถวายสงฆ์ทกุ วัน ต่อมานาง ป่ วยหนักเสียชีวิตแต่ยงั สาว ได้ ไปเกิดเป็ นเทพธิดาอยู่ในชันนิ ้ มมานรดี ขุ.วิ. (แปล) ๒๖/๒๓ สิริมาวิมานและอรรถกถา, ธ.ป.(แปล) ๕/๑๔๗-๑๕๓ เรื่ องนางสิริมา ๕๒ อัง.ฉักก.(แปล) ๒๒/๔๔๒-๔๔๓ มัจฉพันธสูตร ๕๓ พระเจ้ำวิฑูฑภะ ยกพลไปฆ่าล้ างโคตรพวกเจ้ าศากยะพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้ า แม้ พระพุทธองค์ก็ห้ามไม่ได้ เพราะอานาจแห่งกรรมเก่า คือ เคยโปรยยาพิษลงในแม่น ้า เป็ นเหตุทาให้ คนและสัตว์ตาย ธ.ป. (แปล) ๓/๗-๓๙ เรื่ องพระเจ้ าวิฑูฑภะ มีความเป็ นไปได้ อย่างมากที่พวกเจ้ าศากยะทัง้ หลายเหล่ านี ้ ได้ ทาอริยปุ วาทกับพระ ตถาคตเจ้ าในสมัยที่พระองค์เสด็จมาโปรดพระประยูรญาติพร้ อมกับเหล่าพระอริยสาวกที่ เมืองกบิลพัสตร์ จึงต้ องมีอนั เป็ นไปถึงความวิบตั ิเช่นนี ้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้ วย อานาจของมิจฉาทิฏฐิ และมีมานะจัด - ผู้เขียน ๕๔ การดื่มสุราและเมรัย(ยาเสพติดให้ โทษ)ขนาดหนัก ส่งผลให้ ไปเกิดในนรก,กาเนิดสัตว์ ดิรัจฉาน,เปรตวิสยั ส่วนเศษกรรมนี ้ ส่งผลให้ เป็ นบ้ า วิกลจริต ปั ญญาอ่อน อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒ ทุจจริตวิปากสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๕
อาชีพนักแสดง นายแบบ นางแบบ นักดนตรี หมอลา หาง เครื่องแดนเซอร์ นักร้อง๕๕ หรือผู้ที่มีส่วนส่งเสริม ให้การสนับสนุน เกี่ยวกับอาชีพ กิจกรรมเหล่านี้ อาชีพอื่นใดที่มีส่วนทาให้คนลุ่มหลง เข้าข่ายส่งเสริมกระตุ้น ให้เกิดกิเลสตัณหา เพิ่มราคะ (โลภะ) โทสะ โมหะ โลภ โกรธ หลง
มีนกั ฟ้อนคนหนึ่งชื่อตาลบุตร ได้ ทลู ถามถึงบุคคลผู้ที่ทาให้ ผ้ ชู ม ผู้ฟังได้ หวั เราะ สนุกสนานเพลิดเพลินด้ วยการแสดงท่ามกลางเวที หลังจากตายแล้ ว จะได้ ไปเกิดในสวรรค์ ว่า “จริงหรือไม่” พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า เพราะโดยปกติ คนเรามีกิเลส คือ ราคะ โทสะ โมหะอยู่แล้ ว ยิ่งไปส่งเสริม กระตุ้นให้ คนมีกิเลสเพิ่มขึ ้น ตัวเองก็มืดบอดอยู่แล้ ว และยังทา ให้ คนอื่นมืดบอดตามไปด้ วย หลังตายแล้ ว จึงต้ องไปเกิดในนรก และการเข้ าใจเช่นนัน้ เป็ น ความเห็นผิด เป็ นมิจฉาทิฏฐิ ผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ จะไปเกิดในนรกหรือกาเนิดสัตว์เดรัจฉาน ดู สัง.สฬา. (แปล) ๑๘/๓๙๕-๓๙๗ ตาลปุตตสูตร จะป่ วยกล่าวไปใยถึงอาชีพนักร้ อง นักแสดงว่า เป็ นบาปกรรม แม้ แค่กล่าวสรรเสริญ คุณในความเป็ นคฤหัสถ์ ยังเป็ นบาป เช่น ท่ านพระจิตตหัตถิสารี บตุ ร บวชแล้ วสึก ถึง ๗ ครัง้ จึงได้บรรลุอรหัตผล เพราะกรรมเก่าที่เคยกล่าวสรรเสริญคุณในความเป็นคฤหัสถ์ให้เพื่อน พระรูปหนึ่งในสมัยพระพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ แล้วเป็นเหตุให้ทา่ นลาสิกขามาเป็นคฤหัสถ์ ดู อัง.ฉัก. (แปล) ๒๒/๕๕๔-๕๖๐ หัตถิสารี ปุตตสูตรและอรรถกถา ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ไม่มีปรำกฏว่ำ พระอริยเจ้าขั้นโสดาบันทีเ่ ป็นฆราวาส เคย ร้องเพลง มีเพียงแค่ในอรรถกถาธรรมบทแห่งเดียวและครั้งเดียวเท่านั้นที่อริยสาวกโสดาบัน เคยร้องเพลง เป็นบทเพลงแห่งธรรมะ เพื่อวัตถุประสงค์ให้พญำนำคตนหนึ่งได้รับรู้การอุบัติขึ้น แห่งพระพุทธเจ้าเท่านั้น ธ.ป. (แปล) ๓/๑๐๙-๑๑๑ เรื่ องนางวิสาขา ธ.ป. (แปล) ๖/๑๔๗-๑๕๕ เรื่ องนาคราชชื่อเอรกปั ตตะ ภิกษุผ้ สู วดธรรมด้ วยเสียงขับยาว(แบบคฤหัสถ์ เช่น เทศน์แหล่)มีโทษ ๕ ประการนี ้คือ ๑. แม้ ตนเองก็กาหนัดในเสียงนัน้ ๒. แม้ ผ้ อู ื่นก็กาหนัดในเสียงนัน้ ๓. แม้ คหบดีทงหลายก็ ั้ ตาหนิ ๔. เมื่อภิกษุพอใจการทาเสียง ความเสื่อมแห่งสมาธิย่อมมี ๕. ภิกษุรุ่นหลังจะพากัน ตามอย่าง แต่ทรงอนุญาต สวดเป็ นทานองสรภัญญะ ดู วิ.จู. (แปล) ๗/๑๑-๑๒ ๕๕
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๖
ผู้มีวิบากกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่ติดค้ างเอาไว้ จะ มองเห็นอาชีพเหล่ านีว้ า่ เป็ นอาชีพที่ดี ไม่มีโทษภัยอันตราย ไม่ เป็ นบาปกรรม และเห็นว่าเป็นอาชีพนามาซึ่งเงินทอง เกียรติ ชื่อเสียง แต่อาชีพเหล่านี้ ในทางพระพุทธศาสนา ชื่อว่าเป็นเชื้อชนวน ก่อให้เกิด บำปกรรม เวรภัยอื่นๆตำมมำ ส่งผลทาให้ จิตพร่ามัว ฝ้าฟาง มืด บอดในเส้ นทางสายธรรมทังในชาติ ้ นี ้ชาติหน้ าและชาติตอ่ ๆไป ๔.๒.๑๔ สาคัญผิดในเรือ่ งทั่วไป เรื่องการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เรื่องโหงเฮ้ง รูปร่างหน้าตา เรื่องอาหารบารุงกาลัง ฟิตเปี๊ยะ ผู้ที่ยงั มีเศษกรรมล่วงเกินพ่อแม่เอาไว้ มักจะมีนิสยั เชื่อคน ง่ายแบบงมงาย เชื่อมงคลตื่นข่าว เชื่อเรื่ องโชคลางของขลัง เชื่อ เรื่ องดวงชะตา เชื่อสิ่งศักดิท์ ี่สามารถดลบันดาลได้ เช่น เชื่อว่า คน ที่เกิดวัน-เดือน-ปี นี ้จะเกิดโชคดี โชคร้ าย ถ้ าอยากให้ ดวงชะตาดีขึ ้น จะต้ องเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หรื อบูชาราหูด้วยเครื่ องสังเวย เปลี่ยน ทรงผมอย่างโน้ น-อย่างนี ้ แต่ตามหลักธรรมในทางพุทธศาสนา คนเราจะดีหรื อชัว่ จะโชคดีหรื อโชคร้ าย ไม่ได้ ขึ ้นอยู่กบั ชื่อนามสกุล แต่ขึ ้นอยู่ที่กรรม คือ บุญ-บาปที่ทาไว้ ตา่ งหาก๕๖ เหมือน
๕๖
ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๕๒ นามสิทธิชาดก
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๗
คาพูดที่วา่ ชื่อบุญหลาย แต่เพิ่งตายไปเมื่อวานนี้ ชื่อบุญมี แต่ก็ยัง อยากจน ชื่อเมธี ก็ยังเป็นบ้า เป็ นต้ น นอกจากนี ้ เมื่ออริ ยปุ วาทกับพ่อแม่ยงั ส่งผลต่อเนื่อง มักจะ ทาให้ คนนันเกิ ้ ดภาวะหลงตัวเอง คือ ตัวเองไม่สวย ไม่หล่อ แต่ สาคัญผิดคิดว่าตัวเองสวย หล่ อ แล้ วพูดออกมา ทาให้ คนอื่นเขา คิดหมัน่ ไส้ ชอบกินอาหารที่แปลกพิสดาร ประเภทสดๆคาวๆ ลาบ เลือด สมองลิง อุ้งตีนหมี ดีงู จิ ้งจกเป็ นๆ เนื ้อวัวเนื ้อควายสดๆ หรื อ อาหารประเภทเนื ้อสัตว์ที่ดบิ ๆสุกๆ และเห็นอบายมุข การพนัน บุหรี่ เหล้า ยาเสพติด สิ่งมึนเมาให้โทษเหล่านี้ เป็นสิ่งน่าลิ้มลอง เป็น สิ่งท้าทายเพื่อพิสูจน์ความเป็นแมน เป็ นลูกผู้ชาย เป็นผูก้ ล้า
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๘
พระรัตนตรัย...ที่พึ่งอันสูงสุด พระผูม้ ีพระภาคตรัสคาถานี้แก่อคั คิทตั ตะผูอ้ อกบวช เป็ นฤๅษีและบริ วาร ดังนี้ มนุษย์จานวนมาก ผู้ถูกภัยคุกคาม ต่างถึงภูเขา ป่าไม้ อาราม และรุกขเจดีย์เป็นสรณะ นั่นมิใช่สรณะอันเกษม นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด เพราะผู้อาศัยสรณะเช่นนั้น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง ส่ วนผูท้ ี่ถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็ นสรณะ ย่อมใช้ปัญญาชอบพิจารณาเห็น อริ ยสัจ ๔ ประการ คือ ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และอริ ยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็ นข้อปฏิบตั ิให้ถึงความสงบระงับทุกข์ นัน่ เป็ นสรณะอันเกษม นัน่ เป็ นสรณะอันสู งสุ ด เพราะผูอ้ าศัยสรณะเช่นนั้น ย่อมพ้นจากทุกข์ท้ งั ปวงได้ เรื่องอัคคิทัตตปุโรหิต ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๙๒
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๙๙
๔.๓ เกิดความสาคัญผิด “ในทางธรรม” บุคคลผู้มีบาปกรรมที่ทาไว้ กบั พ่อแม่ซงึ่ ตกค้ างในใจ ยังไม่ คลายออก เมื่อผลบาปนี ้ออกฤทธิ์ จะทาให้ เกิดความหลงผิดต่างๆ เช่น เห็นว่า การทาพุทธพาณิชย์ไม่เป็นบาป การขายหนังสือธรรมะ สื่อธรรมะทั้งหลาย ไม่มีโทษ การตัง้ พระพุทธรูปผิดทิศทาง ไม่เกิดโทษภัยอันตราย การหล่อ การปั น้ การแกะสลักพุทธรูปและการวาดภาพ ของพระพุทธเจ้ าเพื่อการค้ าขายเชิงพาณิชย์ทงหลายทั ั้ งปวงนั ้ น้ ถือ ว่าเป็ นสิ่งที่ไม่ถกู ต้ องเหมาะสม และทาให้ เกิดโทษภัยอันตราย ตามมาแน่นอนทังในชาติ ้ นี ้และชีวิตหลังตาย ส่วนพระสัทธรรมคา สอนของพระพุทธองค์ เป็ นสิ่งที่ตรัสไว้ ถกู ต้ องดีแล้ วทุกประการ สมบูรณ์พร้ อมด้ วยเนื ้อหาและภาษา เป็ นสิ่งที่ล ้าค่า ประเสริ ฐสูงสุด ไม่ควรแก่กำรนำมำเป็นเครือ่ งมือในกำรแสวงหำเงินทอง ตีตราเป็ น สินค้ าเพื่อการค้ าขายแบบหวังผลกาไร เป็ นธัมมพาณิชย์ ขาย ธรรมะหากิน โดยเฉพาะผู้ที่มีเจตนาไม่บริ สทุ ธิ์ มีผลประโยชน์แอบ แฝง เมื่อเข้ ามาศึกษาธรรมะจากพระพุทธเจ้ำผู้เป็นเจ้ำของแห่ง ธรรม แล้ วกลับนาไปโอ้ อวดว่า เรี ยนรู้มาได้ ด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่า นัน้ บางท่านได้ ดดั แปลงแต่งเติมพุทธพจน์ บัญญัติหลักการขึ ้น ใหม่ นาไปเขียนเป็ นบทความ หนังสือ ตารา คัมภีร์ เพื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ตนเอง เพื่อตาแหน่งเกียรติยศ ชื่อเสียง หรื อนามา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๐
เสนอเป็ นสินค้ า วางขายในท้ องตลาดเพื่อแลกกับเงินตรา ไม่วา่ จะ รู้ตวั หรื อรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ก็ตาม ย่อมเข้ าข่ายเป็ นอริ ยปุ วาท๕๗ เพราะในคัมภีร์พระไตรปิ ฎกและอรรถกถา ไม่มีปรากฏว่า พระอริ ย สาวกท่านใดได้ นาพุทธธรรมไปค้ าขายเช่นนัน้ มีแต่พทุ ธพจน์ที่ตรัส ว่า “ทองและเงินไม่สมควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรไม่ยินดี ทองและเงินไม่รับทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วมณีและทอง ปราศจากทองและเงิน...๕๘ ...สาวกทัง้ หลายของเรา ย่อมไม่ละเมิด สิกขาบทที่เราบัญญัติไว้ แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต...๕๙ ส่วนการตังวางพระพุ ้ ทธรูปผิดทิศทาง เช่น หันพระพักตร์ พระพุทธรูปไปในทางทิศเหนือ ทิศตะวันตก หรื อทิศใต้ ย่อมมีโทษ เข้ าข่ายเป็นอริยปุ วำทเช่นกัน เพราะพระสัพพัญญูโพธิสตั ว์ ในชาติ สุดท้ ายในวันที่ตรัสรู้ จะต้ องหันพระพักตร์ ไปทางทิศตะวันออกหรือ ทิศบูรพาเท่านัน้
สัง.นิ. (แปล) ๑๖/๑๔๓-๑๕๔ สุสมิ ปริพพาชกสูตร พระพุทธองค์ได้ ตรัสพยากรณ์สบุ ินนิมิตของพระเจ้ าปั สเสนทิโกศลข้ อ ๑๑ ว่า ใน อนาคตภายหน้ า จะมีภิกษุบางพวก เอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ ดีแล้ ว ซึ่งไปเป็ นเพื่อพระ นิพพาน ไปแสดงเพื่อแลกปั จจัย ๔ และรูปิยะ มีเหรียญกษาปณ์ เหรียญบาท เหรียญมาสก เป็ นต้ น เปรียบเสมือนมหาชนเอาแก่นจันทน์มีราคาตังแสน ้ ไปขายแลกเปรียงเน่า ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๓๒ มหาสุปินชาดก ๕๘ สัง.สฬา. (แปล) ๑๘/๔๑๕ มณิจูฬกสูตร ๕๙ อัง.อัฏฐก.(แปล) ๒๓/๒๔๖-๒๕๑ ปหาราทสูตร ๕๗
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๑
สาหรับการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าทุกครั้ง ทรงหันพระ พักตร์ไปทางทิศตะวันออกเช่นกัน๖๐ ในพระสูตรและอรรถกถา ไม่เคยมี ปรากฎว่า พระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปทิศทางอื่น ผู้ที่ลว่ งเกินพ่อแม่ไว้ อย่างรุนแรง ไม่วา่ จะเป็ นนักบวช ชาว วัดหรื อชาวบ้ าน เมื่อได้ เข้ ามาศึกษาเรี ยนรู้ ปฏิบตั ิธรรมแล้ ว มัก เข้ าใจผิด สาคัญผิดคิดว่า “ตัวเองได้นิมิตโน่นนี่ เห็นแสงสีรศั มีของ พระธาตุ มีพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ที่ปรินพิ พานไปแล้วมาโปรด สาคัญว่า ได้สมาธิ ฌาน สมาบัติขั้นโน้นขั้นนี้ ได้บรรลุมรรค-ผล นิพพานขั้นใดขั้นหนึง่ เช่น เป็นพระโสดาบัน-พระอรหันต์ หรือ สาคัญ ตนเองว่า เป็นเทพอวตารมาเกิด เป็นหมอผี หมอธรรมที่ขมังเวทย์ เป็นร่างทรงของผู้ยิ่งใหญ่มาในอดีต เป็นพระศรีอาริย์เมตไตยมาเกิด เป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก เป็นผู้วิเศษเหนือคน ธรรมดา” นิมิตเหล่านี ้ เป็นภำพลวงตำ ลวงใจ ทำให้หลงผิดคิดว่ำ เป็นของจริง ทั้งๆที่ควำมจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เป็ นเพียงแค่มิจฉา สมาธิ มิจฉาญาณ มิจฉาวิมุตติ๖๑ คิดปรุงแต่ง นึกฝั นไปเอง ว่าได้ บรรลุธรรม เป็ นผู้วเิ ศษ เป็ นพระอริยเจ้ า ด้ วยอานาจแห่งวิบาก กรรมปิ ดบังใจให้ บอดสนิท คิดไม่ออกจนวันตาย แม้ ในสมัย ๖๐
ที.มหา.(แปล)๑๐/๑๑-๑๔ มหาปทานสูตร, ขุ.อุ.(แปล) ๒๕/๓๓๑-๓๓๗ ปาฏลิคามิยสูตร ที.สี. (แปล) ๙/๔๘-๘๕ สามัญญผลสูตร ดู ธ.ป. (แปล) ๒/๒๑๙-๒๓๓ เทียบเคียงกรณีของอาชีวกชื่อชัมพุกะ ๖๑ ม.อุ.(แปล) ๑๔/๑๗๔-๑๘๓ มหาจัตตารี สกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๒
พุทธกาล ก็มีมาแล้ ว เช่น ปูรณะ กัสสปะ, สัญชัย เวลัฏฐบุตร, นิครนถ์ นาฏบุตรและนักบวชเปลือย ชื่อปาฏิกบุตร๖๒ เป็นต้น ผู้เป็น เจ้ าลัทธิทงหลาย ั้ บางคนคิดว่า ตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ หลงเชื่อมัน่ ตัวเองแบบ ผิดๆ แล้ วเป็ นเหตุปัจจัยทาให้ เกิดความผิดพลาดเสียหายในการ ดาเนินชีวิต ไม่ก้าวหน้ าในด้ านตาแหน่งหน้ าที่การงาน พวกที่ สาคัญตัวเองผิดๆทัง้ หลาย มักเกิดจากกรรมนี ้ ทังนี ้ ้ เพราะแต่ ก่อนเคยมีความรู้ ปั ญญา มีความฉลาด เก่งมาก่อน มีคนชม ยก ย่อง ยอมรับ แต่ตอนนี ้ คุณสมบัติเหล่านัน้ เสื่อมหมดแล้ ว ไม่ เหมือนเดิม แต่ตวั เองยังคิดว่า เหมือนเดิม สาคัญตัวเองผิดๆ หลง ตัวเองว่าดี เก่ง ฉลำด มีควำมรู้สำมำรถ มีควำมสำคัญเหนือคนอื่น คนจาพวกนี ้ จึงคิดว่า “ตัวเองเป็นฝ่ายถูก ไม่เคยผิด กูแน่ ไม่เคยขอ โทษ มีศักดิ์ศรีเยอะ ทิฐิมานะจัด ไม่ยอมใคร ขึ้นที่สูงแล้วลงไม่ได้ เพราะกลัวเสียฟอร์ม” คนเราเมื่อสาคัญผิดคิดว่าตัวเองดีแล้ ว ก็จะไม่มีความคิด พัฒนาความรู้ ความสามารถให้ ดียิ่งๆขึ ้นไป ผู้ที่สาคัญผิดคิดว่า ตัวเองเก่งแล้ ว จะไม่พฒ ั นาศักยภาพที่มีอยู่ให้ เก่งยิ่งๆขึ ้นไป คนที่ สาคัญว่าตัวเองฉลาด จะไม่พฒ ั นาเชาว์ปัญญาให้ ตวั เองฉลาด นักบวชเปลือยคนนี ้ ได้ พดู โอ้ อวดท่ามกลางผู้คนในวัชชีคาม เขตกรุงเวสาลีวา่ เขามี ความสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แข่งกับพระสมณโคดมได้ เพราะวิบากกรรมจากการพูด เช่นนั้น ทำให้เขำแพ้ ภัยอย่างไม่เป็ นท่า แม้กระทั่งไม่สามารถมาเผชิญหน้าพระพุทธองค์ด้วย ซ้า ถ้ายังฟืนใจมา จะทาให้มีอันเป็นไป คือ ตายทันที ที.ปา.(แปล) ๑๑/๑-๓๔ ปาฎิกสูตร ๖๒
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๓
ยิ่งๆขึ ้นไป มีแต่ความถือดี อวดดี แข่งดียกตนข่มคนอื่น อ่อนน้ อม ถ่อมตนไม่เป็ น แม้ มีผ้ หู วังดีมาบอก มาเตือนมาให้ คาแนะนา ก็ไม่ รับฟั ง ดื ้อรัน้ ดันทุรังอย่างน่าสงสาร เพราะบาปกรรมยังปกปิ ด ๕.ไม่อยากทาความดี มองไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้รับ ทาไปแล้ว ไม่เห็นผล ทั้งทีร่ ู้ดีว่า ไม่ควรทา แต่อดทาไม่ได้ แพ้ใจตัวเอง ทั้งทีร่ ู้ดีว่า ควรทา แต่ไม่อยากทา เกียจคร้าน อ่อนแอ ท้อแท้ เบื่อหน่าย บุคคลผู้ที่ชอบโต้ เถียง พูดด่าว่าพ่อแม่เป็ นประจา เมื่อ วิบากกรรมนันส่ ้ งผล จะทาให้ เป็ นคนมีนิสยั โกรธง่าย ใจร้ อน เอาแต่ ใจตัวเอง อดทนอะไรไม่ได้ นาน จะออกอาการหงุดหงิด ชอบคิด ฟุ้งซ่านเรื่ อยเปื่ อย มีอารมณ์แปรปรวน สมาธิสนั ้ ขาดความอดทน รออะไรนานไม่ได้ ในขณะทาความดีตา่ ง ๆ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ นัง่ สมาธิ จะมีกเิ ลสมำรมำผจญ คือ ทาให้เกิดภาวะง่วง เหงาหาวนอน ขี้เกียจ หงุดหงิดราคาญ มองไม่เห็นประโยชน์ ไม่อยาก ทาอะไรทัง้ นั้น เกิดภาวะท้อแท้ เบื่อหน่าย เพราะมองไม่เห็นเป้าหมาย ที่จะไปถึง มองไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้รับ แล้ วลงท้ าย ด้ วยการล้ มเลิก ความตังใจในการท ้ าสิ่งนันกลางคั ้ น
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๔
เมื่อจิตขาดคุณธรรมซึง่ เปรียบเสมือนภูมิค้ มุ กัน ใจไร้ ที่พกั พิง ไม่มีความดีให้ ยดึ เหนี่ยว จึงเลื่อนไหลไปทางต่า คือ จะถูกเพื่อน ไม่ดี บาปมิตรและสิ่งแวดล้ อมไม่ดีข้างนอกดูดดึงไปทาชัว่ ทา บาปกรรมได้ งา่ ย ไม่มีสมาธิในการเรี ยนหนังสือ เห็นเป็ นเรื่ อง ยุ่งยาก หนักสมอง น่าเบื่อหน่าย เรี ยนไปก็ไม่ร้ ูเรื่อง เสียเวลาเปล่าๆ ติดนิสยั ขี ้เกียจไม่อยากทางาน ขาดความอดทน อยากอยู่เฉยๆไม่ ต้ องทาอะไร ชอบคิดฟุ้งซ่านไร้ สาระเรื่ อยเปื่ อยในสิ่งที่ไม่สามารถ เป็ นจริ งได้ ไม่อยากรักษาศีล ไม่อยากฝึ กความอดทน ไม่อยาก บังคับตัวเอง กินแล้ วนอน เที่ยวสนุก ชอบทาในสิ่งไร้ สาระ ไม่ สนใจในเรื่ องพัฒนายกระดับจิตใจให้ สงู ขึ ้นด้ วยการศึกษาและ ปฏิบตั ิธรรม เพราะใจไร้ ภมู ิค้ มุ กันเสียแล้ ว ๖.ทาผิดในรูปแบบต่างๆ ทาผิดศีล/วินัย/อาบัติ ทาผิดธรรม-อบายมุข การพนัน ทาผิดกฎหมายบ้านเมือง ทาผิดกฎกติกาอันดีงามของสังคม บุคคลที่ลว่ งเกินพ่อแม่อย่างหนัก จะไม่สนใจใส่ใจเรื่ อง ธรรมะ ไม่ชอบอ่าน ไม่อยากจด เขียนบันทึก ไม่คิดจะท่องบ่น สาธยาย และไม่นาธรรมะมาขบคิดพิจารณาไต่ตรอง ไม่สวดมนต์ ไหว้ พระ ไม่ฝึกสมาธิวิปัสสนา ไม่เข้ าหาไม่เข้ าใกล้ ไตร่ถามผู้ร้ ูครู
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๕
อาจารย์ ความศรัทธาเลื่อมใสในธรรมะเริ่ มเจือจาง อ่อนกาลัง คลอนแคลนไม่มนั่ คง เกิดความเบื่อหน่าย ท้ อแท้ ราคาญ เซ็ง ไม่ อยากคิด ไม่อยากใช้ ปัญญา ชอบปล่ อยใจไปตามแรงดึงดูด รู ป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ขาดการสารวมระวัง เผลอสติ ไม่ควบคุม ตัวเองทังกายและใจ ้ ถูกแรงกิเลสตัณหา ราคะ โทสะ โมหะเข้ า ครอบงา จนบดบังสติปัญญา เมื่อไม่สารวมระวัง ประมาทขาดสติ เป็ นเหตุให้ ทาผิด กฎหมายบ้ านเมือง ละเมิดศีลธรรม เช่น ฆ่าคน ฆ่าสัตว์ เบียดเบียน ทาทารุณกรรมกับสัตว์ ลักทรัพย์ ปล้นจี้ คอรัปชัน่ รับ/ติดสินบน เจ้าหน้าที่ ประพฤติผิดในบุตร ภรรยา-สามีคนอื่น ข่มขืนกระทำชำเรำ เปิดบ่อนการพนัน เปิดซ่องขายบริการทางเพศ ค้าขายยาเสพติด ค้าขายอาวุธเถื่อน ขายของหนีภาษี รับซื้อของโจร ทาให้ เกิดการทา ผิดในเรื่ องของการพูดในรูปแบบต่างๆ เช่น พูดเท็จทังๆที ้ ่ร้ ู ทน สาบานได้ พูดส่อเสียด เป็ นคนขี ้ฟ้อง พูดคาหยาบ พูดตลกคะนอง พูดเล่นหวังให้ คนอื่นหัวเราะ พูดลามก เพ้ อเจ้ อไร้ สาระ เป็ นคนมี นิสยั ชอบตาหนิ วิพากษ์ วิจารณ์คนอื่น ชมใครไม่คอ่ ยเป็ น ยอมรับ คนอื่นยาก ปากร้ าย คาพูดดุดนั รุนแรง เชือดเฉือน ใครฟั งแล้ ว ทา ให้ เสียอารมณ์ ไม่พอใจ ไม่อยากคุยด้ วย
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๖
เมื่อใจมืดสนิท จึงใช้ชีวติ ผิดทาง ร่างกายเป็นสิ่งที่มีค่ามีประโยชน์ แต่กลับมาใช้ในสิ่งที่เกิดโทษต่อตัวเอง
เมื่อวิบากกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่ ออกฤทธิ์ทาลาย ภูมิค้ มุ กันคือ บุญกุศล ความดี หรื อศีล สมาธิปัญญาหมดแล้ ว กิเลสมารทัง้ หลาย ย่อมเข้ าโจมตีและครอบงาใจ ทาให้ จิตเริ่ ม พร่ามัว เศร้ าหมอง ขาดพลัง อ่อนแอ เสื่อมคุณภาพ เสียความ สมดุล จิตเป็ นตัวคุมกาย เมื่อใจมืดบอด ไม่มีแสงสว่างส่องนาทาง ชีวิต ย่อมสัง่ กายให้ ทาผิดพลาดเสียหาย ใช้ อายตนะ/ประสาท สัมผัสไปในทางที่ไม่ถกู ต้ องดีงาม ทาชัว่ ทาบาปซึง่ เป็ นโทษต่อ ตัวเอง คือ ตา : ใช้ตาไม่เป็น ดูแต่สิ่งที่ไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ไม่เหมาะสมกับ วัย/เพศ/สถานะทางสังคมและการศึกษาในช่วงนั้นๆ เช่น วัยเรียน เวลาเรียน กลับไปอ่านหนังสือไร้สาระ เช่น หนังสือการ์ตูน หนังสือ อย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับบทเรียน ไปดูหนัง ดูละคร ดูการชกต่อยมวย ดู การละเล่นรายการบันเทิง เล่นเกมจนเกินขอบเขตทาให้เสียสายตา เสียการเรียน เสียสุขภาพ หู : ใช้หูไม่เป็น ชอบฟังแต่สิ่งไร้สาระ สิ่งบันเทิงทาให้จิตใจลุ่มหลงมากยิ่งขึ้น เช่น เพลงที่ปลุกเร้าอารมณ์ให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๗
อาฆาตพยาบาท เปิดเสียงดังเกินปกติ ทาให้จิตใจฟุ้งซ่าน ความจา เสื่อม ทาให้หูหนวก คุณภาพในการได้ยินเสียงลดลง จมูก : ใช้จมูกไม่เป็น ใช้จมูกไปดมสิ่งไม่ดี สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ดม กาว สูดดมควันบุหรี่ กัญชา ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษต่อร่างกาย ลิ้น /ปาก /ฟัน : ใช้ลิ้น ปาก ฟันไม่เป็น ชอบลิ้มรส ดื่ม หรือรับประทานของแปลกๆ ซึ่งเป็นอันตราย ต่อร่างกายและชีวิต เช่น เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด ของมึนเมา ของสด คาว สิ่งที่ย่อยยาก เนื้อสัตว์ อาหารที่ใส่ผงชูรส เครื่องดื่มประเภท หวานๆมันๆ นิยมรับประทานอาหารที่มีรสจัดจ้านเกินประมาณทาให้ มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย ทาให้มีปัญหาเรื่องเหงือก ฟัน แผลพุพอง ร้อนใน โรคท้องผูก ถ่ายเป็นเลือด รีดสีดวงทวาร ร่ างกาย : ใช้ร่างกายในทางที่ผิด นิยมการสักลายภาพหรือสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ภาพลามก ภาพที่น่ากลัวตามแขน ขา หน้าอก หลัง ไหล่ ห้อยจมูก ซึง่ ถือว่าเป็น ของโก้เก๋ มีเสน่ห์มหานิยม หรือเพื่อให้คนกลัวเกรง จิตใจ : ไม่รู้จักวิธีคิด คิดไม่เป็น จิตฝ่ อ ตีบตัน คิดฟุ้งซ่าน ปล่อยตัว ปล่อยใจ คิดอยากจะ ทาอะไรตามอาเภอใจ ประชดชีวิต ประชดพ่อแม่ ประชดสามีภรรยา พอคิดอยากจะทาชัว่ บาปมิตร หรื อเพื่อนอบายทังหลาย ้ ก็ หลัง่ ไหลเข้ ามาในชีวิตทันที เริ่ มชวนไปทาผิดศีลธรรมต่างๆ แล้ ว
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๘
สาคัญผิดคิดว่า “เป็นสิ่งที่ดี ดูเท่ เป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด มีคนยก ย่องนับถือ เกรงใจ อยากเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ผู้มีอิทธิพล อยากให้คน เรียกลูกพี่ พี่ใหญ่” เพราะสร้ างเหตุไม่ดีเอาไว้ ผลร้ ายย่อมตามมา ทาให้ เกิด เรื่ องเสื่อมเสีย มีปากเสียง ทะเลาะวิวาทกับเจ้ านาย แฟน เพื่อน หรื อคนรอบข้ าง เมื่อดื่มเหล้ า สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด มัว่ สุมใน อบายมุขเป็ นประจา ด้ วยความเพลิดเพลิน ยินดีพอใจ ชอบ ติดใจ แต่ไม่ร้ ูถงึ โทษ พิษภัย อันตรายของมัน จึงเกิดความชะล่าใจ นานๆ เข้ า ก็ลมื ตัว เผลอสติถอนตัวไม่ขึ ้น ฝื นใจตัวเองไม่ได้ สุดท้ าย ก็คิด ผิด ตัดสินใจผิด พูดผิดและทาผิดพลาดในชีวิต ถ้ าอยู่ในวัยเรี ยน จะทาผิดในเรื่องการเรียน เช่น ทุจริตใน การสอบ เรียนไม่จบ สอบตก มีเหตุต้องออกโรงเรียน/มหาวิทยาลัย หรือหยุดกลางคัน บางคนชิงสุกก่อนห่าม ท้องก่อนแต่ง ท้องในวัย เรียน หรือท้องในเวลาที่ยงั ไม่พร้อม บางคนต้องไปเอาเด็กออก ทาให้ พ่อแม่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ สุดท้ายมีเหตุให้ต้องเลิกร้างกันไป ในเวลาอันรวดเร็ว ทาให้เจ็บป่วยไม่สบายในเวลาใกล้สอบ/สัมภาษณ์ งาน หรือมีเหตุไม่สามารถไปสอบได้ เกิดอุบัติเหตุทาให้พิการ ทาให้ เรียนต่อไปไม่ได้ ถ้ำอยู่วัยทำงำน จะทาผิดในเรื่องงาน ไปสมัครงานไม่ทันเวลา ทาให้งานติดขัด มีปัญหาอุปสรรค งานไม่เดิน ไม่ก้าวหน้า ตกงาน โดน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๐๙
พักงาน ถูกไล่ออก เงินทองฝืดเคือง ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นหนี้สิน และ เจ้านาย/หัวหน้า/ผู้บังคับบัญชา ไม่ชอบ ไม่โปรดปรานเข้ากันไม่ได้ ถ้ำอยู่ในระหว่ำงดำเนินกิจนัน้ ๆ เช่น กาลังเล่นไพ่ ไฮ-โล ค้าขายอาวุธเถื่อน ทาทุจริตในเรื่องการสอบ ขายยาเสพติด ลักลอบ ขนไม้เถื่อน ลักลอบนาเข้าหรือขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ไม่เสียภาษี แล้วเกิดความผิดพลาด โดยจะมีผู้พบเห็น มีคนฟ้องร้องหรือจะถูก เจ้าหน้าที่ทางการจับได้ คนที่มีบาปกรรมกับพ่อแม่ติดตัว มักจะเป็ นคนหลงตัวเอง เสมอ คิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ เอาความรู้สติปัญญาของ ตัวเองเป็ นมาตรฐานในการตัดสินคนอื่นด้ วยความอคติลาเอียง ชอบวิพากษ์ วิจารณ์ ชอบตาหนิพ่อแม่ ครูอาจารย์ พระสงฆ์ หรื อ คนทัว่ ไปว่า “ไม่ดี ไม่เก่ง ไม่ฉลำด ใช้ไม่ได้ ไม่เข้ำท่ำ ไม่ได้เรื่อง อย่ำงนั้นอย่ำงนี”้ แล้ วต่อมาไม่นาน เมื่อวาระกรรมส่งผล ก็โดนเข้ า กับตัวเอง เป็ นเหมือนกับคนอื่นที่เคยว่าเขาเอาไว้ เข้ าทานองที่วา่ “พูดแต่ เขาอิเหนาเป็ นเอง” เพราะใครทาไว้ อย่างไร ย่อมได้ รับผล อย่างนัน้ ไม่ช้าก็เร็ว เหมือนโปรยธุลีทวนลม ถ่มน ้าลายรดฟ้า ย่อม ตกรดหน้ าตัวเองแน่นอน หนีไม่พ้น
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๐
๗. มีความคิดผิดปกติ คนที่คิดดูหมิ่น ดูถกู ชอบพูดดุดา่ ว่า โต้ เถียง พูดตวาดขึ ้น เสียงกับพ่อแม่อย่างรุนแรง จะมีเหตุทาให้ เกิดความสะเทือนใจ มี อาการผิดปกติทางด้ านความคิด อารมณ์ พฤติกรรม มีความคิด วิตถาร แปลกๆ แหวกแนว ไม่เป็ นไปตามครรลองครองธรรม เช่น ผู้หญิงบางคน หลังจากผิดหวังเรื่องความรักจากผู้ชาย บ่อยๆ มักเกิดความไม่พอใจในสถานภาพของตัวเอง อยากประชด ชีวิต คิดอยำกเป็นดี้ มีแฟนทอม ผู้หญิง-ผู้ชายบางคน ไม่ยินดีพอใจในเพศ รูปร่างหรือ อวัยวะที่ตนเองมีอยู่ ต้องการไปทาให้ใหญ่กว่าเดิม ให้ดูสวยดูดี กว่าเดิม เมื่อบาปกรรมที่ทาไว้ กบั พ่อแม่ ยังไม่ได้ แก้ ไม่ได้ ขอขมา โทษท่าน ไปทาศัลยกรรมผ่าตัดเพื่อความสวยงาม ณ ส่วนใดส่วน ดูเปรียบเทียบนันทยักษ์ เหาะมากลางอากาศ เห็นท่านพระสารีบตุ รเพิ่งปลงผมใหม่และ กาลังนัง่ เข้ านิโรธสมาบัติอยู่ในที่กลางแจ้ งโดยไม่ได้ ตงใจ ั้ เกิดความคิด อยากจะตีศีรษะ ของพระเถระ เพราะถูกอานาจแห่งอริยปุ วาทในอดีตดลใจ แม้ จะถูกเพื่อนยักษ์ ด้วยกันห้ าม ไว้ ก็ไม่ฟัง ยังดื ้อรัน้ ดันทุรัง ประทุษร้ ายจนได้ ท้ ายที่สดุ ต้ องไปเกิดในอเวจีนรก ขุ.อุ.(แปล) ๒๕/๒๓๙-๒๔๑ เรื่ องนันทยักษ์ แม้ เจ้ าสุปปพุทธะ เกิดความไม่พอใจพระพุทธเจ้ าว่า ทิ ้งพระนางพิมพาผู้เป็ นพระธิดา แล้ วหนีไปบวชและยังเป็ นศัตรูกบั พระเทวทัตซึง่ เป็ นพระโอรส จึงประกาศศักดา ความเป็ น ผู้ยิ่งใหญ่กว่า โดยการสั่งปิ ดถนน แล้ วนัง่ เสวยน ้าจันทน์ขวางทาง เพื่อไม่ให้ พระพุทธองค์ เสด็จไปบิณฑบาต เมื่อได้ ทากรรมหนักเช่นนี ้ จึงถูกธรณีสบู ที่เชิงบันใดแห่งปราสาท แล้ ว ไปเกิดในนรกอเวจี ธ.ป. ๕/๖๒-๖๖ เรื่ องเจ้ าสุปปพุทธะ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๑
หนึง่ ของร่างกาย สิ่งที่พ่อแม่ให้ มานัน้ มักจะเกิดความผิดพลาด เสียหาย ใช้ การไม่ได้ ดี ไม่เข้ ารูปทรง เน่า อักเสบเรื อ้ รังทาให้ เจ็บตัว ฟรี สูญเสียเงินทองโดยเปล่าประโยชน์ ขณะบาปกรรมที่เคยทากับพ่อแม่สง่ ผลอยู่ ทาให้ บคุ คลนัน้ มีอาการผิดปกติทางด้ านจิตใจ อารมณ์ มีความคิดติดลบ มี ความคิดนอกลูน่ อกทาง คิดอกุศลในทางที่จะให้ ตนเองและคนอื่น เกิดความเสียหายเสื่อมพินาศมากขึ ้น เช่น คิดอยากหลอก,แกล้งคน/สัตว์ให้ได้รับความหวาดกลัว หรือ ได้รับความเจ็บปวด เช่น ยัดประทัดใส่ในปากคางคก/หมา แล้วจุดให้ มันระเบิด เป็นต้น มีคู่ครองแล้ว แต่คิดอยากมีกิ๊ก เป็นชู้กับสามี-ภรรยาของ คนอื่นที่มีเจ้าของแล้ว มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ หรือ กับศพ ผู้ชายบางคน ชอบเก็บสะสมกางเกงใน ยกทรงของผูห้ ญิง เพื่อนาไปสูดดม เพื่อสาเร็จความใคร่ เมื่อเกิดภาวะท้องก่อนแต่ง หรือท้องในขณะไม่พร้อม ก็คิด ไม่ดีกับลูก ไม่อยากได้ ไม่อยากเอาไว้ให้เป็นภาระ คิดจะเอาลูกออก คิดจะไปทาแท้ง เป็นนักเรียน แต่คิดอยากจะเป็นนักเลง อยู่ในวัยเรียน แต่ กลับเบื่อหน่ายไม่อยากเรียน ใกล้จะเรียนจบ กลับคิดอยากจะออก กลางคัน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๒
เป็นนักบวช แต่คิดอยากจะเป็นนักเบียด เห็นชีวิต การ แต่งตัว ความเป็นอยู่อย่างฆราวาสดีกว่า ไม่มีความภูมิใจในเพศภาวะ ของตัวเอง หมดความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ประกอบมิจฉา อาชีวะในรูปแบบต่างๆ เพื่อเงินทอง เป็นพสกนิกร แต่กลับคิดดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ขาดความ จงรักภักดี คดโกงประเทศชาติ ปล้นสมบัติของแผ่นดิน พ่อคิดอยากมีเพศสัมพันธ์กับลูกสาว แม่คิดอยากมี เพศสัมพันธ์กับลูกชาย หรือลูกชายลูกสาวอยากมีเพศสัมพันธ์กับพ่อ แม่ หรือกับพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน มีความคิดที่วิตปริตผิดปกติ วิตถารอย่างอื่นๆที่เป็นเหตุทา ให้ชีวิตตัวเองเสื่อมเสีย
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๓
๘. เป็นโรคร้ายแรง ร่างกายนี ้ นอกจากจะอาศัยอาหารเป็ นเครื่ องหล่อเลี ้ยงแล้ ว ยังต้ องอาศัยบุญเป็ นเครื่ องค ้าจุนด้ วย ผู้ที่ทาดีกบั พ่อแม่ ย่อมเป็ น บุญเอนกอนันต์ แต่หากทาผิดต่อท่าน ก็เป็ นบาปมหันต์เช่นกัน บาปกรรมที่ทากับพ่อแม่นนั ้ จะไปทำลำยบุญที่มีอยู่ เหมือนยำพิษ เมื่อเข้ าสูร่ ่างกาย ย่อมไปทาลายภูมิค้ มุ กัน ภูมิต้านทานให้ เสื่อมลง เมื่อบุญที่ค ้าจุนอวัยวะส่วนใด บกพร่อง อวัยวะส่วนนัน้ จะเกิดมี ปั ญหา บกพร่องใช้ การไม่ได้ เกิดโรคร้ ายตามมา ฉะนัน้ ผู้ที่เคยพูดด่าว่า พูดตาหนิติเตียนพ่อแม่เอาไว้ ต่อมาไม่นาน จะทาให้ เกิดโรคร้ ายแรงและเรือ้ รัง ซึง่ รักษาด้ วยยา แผนปั จจุบนั ให้ หายขาดยาก เรียกว่า โรคกรรม ตัวอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับปำก/ริมฝีปำก ทาให้มีกลิ่นปาก หรือ ปากมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ แม้จะแปรง ฟันแล้วก็ตาม ทาให้เกิดการขบเคี้ยวผิดพลาด กัดลิ้นตัวเอง กัดริม ฝีปากหรือกระพุง้ แก้มตัวเอง ชอบรับประทานอาหารสาเร็จรูปทุก ประเภท โดยเฉพาะของหวานๆ มันๆทุกชนิด หรือประเภทชา กาแฟ ขนมปัง คุกกี้ ชอบรับประทานหรือเครื่องดื่มเย็นๆ ซึ่งจะทาให้มีปัญหา เกี่ยวกับริมฝีปาก ทาให้แห้ง แตก เปื่อย เป็นร้อนใน ได้รับอุบัติเหตุทา โรคกรรมนั้น นอกจากจะเกิดจากวจีกรรมเพราะพูดล่วงเกินพ่อแม่แล้ว ยังเกิดจากกำยกรรม คือฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ร่วมถึงการทาแท้งด้วย แม้มโนกรรมที่เป็นบาปอกุศล เช่น ความ โกรธ อาฆาต ก็ทาให้เกิดโรคได้เช่นกัน ม.อุป. (แปล) ๑๔/๓๔๙-๓๕๖ จูฬกัมมวิภังคสูตร ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๑๗๒-๑๗๔ สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๔
ให้ฟันหัก รูปปากไม่สวยงาม ไม่เข้ารูปทรงหรือเสียงแหบ พูดไม่ได้ ลิ้น คับปาก น้าลายฟูมปาก มีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากเป็นประจา ปาก เบี้ยว มีตาหนิ เช่น ไฝ ปาน ขี้แมลงวันบนริมฝีปาก โรคเกี่ยวกับฟัน ฟั นไม่สวย มีเหตุทาให้ฟันเก ฟันซ้อน ไม่ เป็นระเบียบ ฟันห่าง เป็นฟันคุด ฟันผุ มีปัญหาเรื่องฟันบ่อย เจ็บฟัน ปวดฟัน มีเหตุต้องไปถอนฟันบ่อย ผู้ที่ชอบด่ำว่ำพ่อแม่เป็นประจำ หรือเข้ำข่ำยที่รุนแรง มักจะมีเหตุทำให้ฟันด้ำนบนหรือด้ำนล่ำง หัก บิ่น แตก หรือว่า ฟันล่วงหมดปำกก่อนวัยสมควรด้วยสาเหตุอย่างใด อย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานอาหารประเภทของหวานๆ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง กาแฟ น้าอัดลม โค้ก แป๊ปซี่ คุกกี้ เค้ก ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ข้าวเหนียว หรือ เหล้า เบียร์ ไวน์มากเกินไป ทำ ให้น้ำลำยเป็นกรด แล้วไปกัดเซำะฟันให้สึกกร่อน หรืออาจจะเกิด อุบัติเหตุทางรถยนต์ ชกต่อย ตบตีกันก็ได้ สุดท้ายต้องใส่ฟันเทียม ฟัน ปลอม ทาให้ขาดความมั่นใจในเรื่องความสวยงาม และไม่สะดวกใน การขบเคี้ยวอาหารประเภทต้องใช้ฟันกัดเป็นต้น โรคเกี่ยวกับเหงือก เป็นโรคเหงือกบวม อักเสบมี เลือดออก เป็นแผล หรือมีกลิ่นเหม็นไม่พึงปรารถนา โรคเกี่ยวกับลิ้น ทาให้ลิ้นเกิดมีปัญหาเป็นประจา เช่น บวม อักเสบ เป็นแผลร้อนใน รับประทานอาหารไม่อร่อยเต็มที่ ในเวลา เคี้ยวทาให้เกิดการกัดลิ้นตัวเอง เวลาพูดลิ้นพันกัน ลิ้นบวมใหญ่จน คับปาก เป็นโรคบางชนิดทาให้เกิดภาวะลิ้นจุกปาก พูดไม่ได้ พูดไม่
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๕
สะดวก พูดติดอ่าง เสียงไม่น่าฟัง พูดเร็วจนเกินไปทาให้คนอื่นฟังไม่ ถนัด มีปัญหาเรื่องการพูด หรือการใช้เสียง กล่องเสียง เช่น เสียงไม่ ดี แหบแห้ง ไม่มีเสียง เสียงไม่มีเสน่ห์ ไม่ดึงดูดใจคน หรือ ชอบพูด เสียงดังเกินปกติที่คนอื่นเขาพูดกัน ทาให้หนวกหู น่าราคราญไม่มี เสน่ห์ชวนฟัง โรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น รูขุมขนอักเสบ เป็นโรคสะเก็ดเงิน ไฟลามทุ่ง เริม งูสวัด กลาก-เกลื้อน เป็นฝี เป็นเชื้อรา เป็นตุ่ม ผดผื่น คัน ลมพิษ ซึ่งเป็นผลมาจากรับประทานอาหาร/เครือ่ งดื่มประเภท หวานๆ มีส่วนผสมน้าตาลทรายขาว หรือจาพวกแป้งขัดขาว เส้นๆ เป็นต้น เพราะตามใจปาก หลังจากเกิดการทะเลาะโต้ เถียงกับพ่อหรื อแม่ ลูกจะเกิด ความไม่สบายใจ บางทีเกิดความสงสัยว่า จะเป็นบาปกรรมติดตัว หรือไม่ จะมีผลบาปมากน้อยแค่ไหน จะทาอย่างไรถึงจะแก้ได้ จึงเกิด ความกดดัน หวาดกลัว วิตกกังวล คิดมาก ฟุ้งซ่าน จึงทาให้ กิน ไม่ได้ นอนไม่หลับ นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ สุขภาพจิตเสีย สี หน้ าไม่ผ่องใส หมองคล ้า หน้ าดา เริ่มมีสิว เป็ นฝ้า ผิวพรรณ หยาบกร้ าน นานๆเข้ า เกิดมีโรคแทรกซ้ อนหรื อเกิดโรคร้ ายตามมา เช่น เนื้องอกมดลูก รังไข่ มะเร็งมดลูก มีปญ ั หาบริเวณช่องท้องหรือ อวัยวะเพศ เป็นเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรค ภูมิแพ้ ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยบ่อย
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๖
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผู้ที่พูดด่าว่าตาหนิติเตียนพ่อหรือแม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป มักจะมีเหตุทาให้เกิดโรคร้ายแรงอย่างคิดไม่ถงึ เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็ง โรคแพ้ภูมิต้านทานตัวเอง (SLE)หรือโรค เรื อ้ รังประเภทเป็ นแล้ วรักษาไม่หาย หรือรักษาให้ หายขาดยาก เพราะว่า โรคร้ำย ต้องมำจำกบำปกรรมที่รุนแรง ซึง่ มีความ สอดคล้ องกับโรคกรรมในอริ ยปุ วาทกับพ่อแม่นนั่ เอง โรคกรรม หรื อ โรคที่เกิดจากวิบากของบาปอกุศลนัน้ มี ข้ อสังเกต ดังนี ้ เป็นโรคชนิดใดก็ได้ ทั้งโรคร้ายแรงหรือโรคธรรมดา และโรค นั้นอาจจะเกิดที่อวัยวะส่วนไหนของร่างกายก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ กับว่าเคยไปทาบาปกรรมที่จะก่อให้เกิดโรคกับอวัยวะส่วนใหน คือ เคยไปฆ่าคน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและเคยเบียดเบียนทรมานคน/สัตว์ด้วย วิธีไหนมา เช่น ด้วยดิน ท่อนไม้ ไฟ ควันไฟ น้า สารเคมี ยาพิษ ไฟฟ้า กับดัก ลูกดอก มีด อาวุธปืน หรือด้วยอาวุธอื่นใดก็ตาม เพราะเมื่อ กรรมส่งผล จะมีอาการของโรคเป็นไปตามเหตุที่เคยทาไว้ เป็นโรคลึกลับค้นหาสาเหตุไม่เจอ สภาพร่างกายดูเหมือน ปกติ แต่เจ้าตัวมีความรู้สกึ ว่า ไม่ปกติ แม้ไปตรวจด้วยเครื่องอุปกรณ์ ทางการแพทย์แล้วก็ตาม ยังหาสาเหตุไม่เจอ รวมทั้งเหตุปัจจัยอื่นๆ อันที่จริง สาเหตุของโรคนั้นมี แต่อาการกรรมบางอย่างยังไม่ร้ายแรงพอที่ปรากฎทางร่างกาย แพทย์หมอหรือเจ้าตัวในขณะนั้น จึงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง เพราะบาปกรรมปกปิดเอาไว้ ทาให้มี เหตุขัดข้อง หาไม่พบสาเหตุ หรือยังไม่เจอคนรู้จริง-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๗
เช่น ถูกทาคุณไสย ถูกพวกอมุษย์ทาร้ายเบียดเบียนซึ่งไม่สามารถจะ ค้นหาสาเหตุได้ เป็นโรคเรื้อรัง รักษาให้หายขาดยาก แม้จะรักษาด้วยยา แผนปัจจุบันอย่างดีที่สุด หรือดูแลบริหารร่างกาย รับประทานอาหารมี คุณภาพอย่างดี ทำทุกอย่ำงดีหมด แต่ได้แค่บรรเทำ ไม่สำมำรถ รักษำให้หำยขำดได้ คือ เป็นๆ หายๆ หายแล้วก็กลับมาเป็นอีก โรคกรรมเหล่านี ้ ไม่ได้ เกิดมาจากสมุฏฐานอย่างอืน่ เป็ น หลัก เช่น น้าดี (ตับ, ไต) เสลด เสมหะ อาหารสาเร็จรูป อาหาร ปนเปื้อนเคมี อุณหภูมิผิดปกติ แต่เกิดจำกผลของบำปกรรมทั้งที่เคย ทำไว้ในอดีตชำติและชำติปจั จุบันเป็นสมุฏฐำนหลัก คือ การด่าว่า ตาหนิติเตียนพ่อแม่นนั่ เอง มีกรณีตวั อย่างบุคคลผู้ที่เป็ นโรคกรรม ในสมัยพุทธกาล เพื่อเป็ นข้ อสังเกตสาหรับพิจารณา ดังนี ้ นำยสุปปพุทธกุฏฐิ เป็นโรคเรื้อน๖๓ สาเหตุเกิดจาก บาปกรรมที่เคยคิดดูหมิ่นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า ตครสิขี ว่าภิกษุ รูปนี้ดเู หมือนคนเป็นโรคเรื้อน พระโกกำลิกะ เป็นโรคตุม่ แผลพุพองทั่วร่างกาย๖๔ จนถึง แก่มรณภาพ สาเหตุเกิดจากไปพูดตาหนิพระอัครสาวกทั้งสองคือ ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโมคคัลลานะว่าเป็นคนมักมาก
๖๓ ๖๔
ขุ.อุ.(แปล)๒๕/๒๕๕-๒๕๙ สุปปพุทธกุฏฐิสูตร ขุ.สุต.(แปล) ๒๕/๖๕๕ โกกาลิกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๘
นำงขุชชุตตรำ เป็นลูกของพี่เลี้ยงในบ้านของโฆสิตเศรษฐี มีปัญหาเรื่องหลังค่อม เพราะวิบากกรรมเก่าที่เคยพูดและแสดงกิริยา อาการล้อเลียนพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอดีตชาติทผี่ ่านมา ๖๕ เมื่อวิบากแห่งกรรมส่งผล คนต้ องเป็ นไปตามอานาจกรรม ฉะนัน้ คนที่เป็ นโรคกรรมในยุคปั จจุบนั จึงสัมพันธ์กบั เรื่ องการใช้ ชีวิตผิดหลักธรรมชาติ เช่น อั้นอุจจาระ ปัสสาวะ นอนดึกเกินเวลา รับประทานอาหารผิดเวลา อาหารที่มกี ารปนเปื้อนสารเคมี มีการปรุง แต่งมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหาร/เครื่องดื่มประเภทหวานๆ มันๆทุกชนิด เช่น อาหารทีผ่ ่านไมโครเวฟ ผลิตภัณฑ์จากถัว่ เหลือง น้าเต้าหู้ นมถั่วเหลือง กาแฟที่มีส่วนผสมของครีมเทียม เนยเทียม น้าตาลทรายขาว และนมวัว เป็ นต้ น
๖๕
อัง.เอก. (แปล) ๒๐/๓๒, ธ.ป. ๒/๘๘-๙๐ เรื่ องพระนางสามาวดี ข้ อสังเกต การบริโภคสารปรุแต่งเช่น ผงชูรส นม หรือโปรตีนตระกูลถัว่ โดยเฉพาะถั่วลิสง ถั่วเหลือง เช่น น ้าเต้าหู้ น้านมถั่วเหลือง เป็ นต้ น ซึง่ เป็ นโปรตีนที่ย่อยยาก เมื่อบริโภคเกิน หรือต่อเนื่องหลายวัน ทาให้ เกิดของเสีย สารพิษ ท๊ อกซิน ตกค้ างในร่างกายมาก ส่งผลทา ให้ ตบั -ไตทางานหนัก ร่างกายอ่อนล้ า ไม่มีเรี่ยวแรง นอนหลับยาก หรือนอนไม่หลับ มัก สะดุ้งตื่นหลังเที่ยงคืน ปวดเมื่อยตามเนื ้อตัว เจ็บป่ วยง่าย หายช้ า ความจาเสื่อม-ผู้เขียน ดูเพิ่มใน อัง.ปั ญจ. (แปล) ๒๒/๒๐๕-๒๐๖ อนายุสสาสูตร อัง.จตุก.(แปล) ๒๑/๑๔-๑๕ อธัมมิกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑๙
๙. เป็ นบ้า มีอาการผิดปกติทางสมอง๖๖ บุคคลผู้ที่เคยพูดด่า พูดล้ อหรื อกล่าวหาว่าพ่อแม่วา่ พูดจา ไม่ร้ ูเรื่ อง เป็ นบ้ า ประสาท เพี ้ยนไม่ปกติ เมื่อวิบากกรรมออกฤทธิ์ เหมือนยาพิษ ทาลายบุญกุศล คือ สติ สมาธิ ปัญญาให้เสื่อมลง ส่งผล จะทาให้คนนั้น มีเรื่ องทาให้ สะเทือนใจอย่างหนัก เช่น ถูกข่มขืน ล่วง ละเมิดทางเพศ ผิดหวังเรื่องความรักอย่างรุนแรงและบ่อยครั้ง มีเหตุ ทาให้ธุรกิจติดขัดมีปัญหา ขาดทุน ล้มละลายเป็นหนี้สินท่วมหัว ชีวิต พลิกผันคบเพื่อนไม่ดีไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งเสพและขาย ต่อมาได้ ติดยาเสพติดชนิดลงแดง ไม่เสพไม่ได้ จนถึงขนาดว่าหูแว่ว ประสาท หลอน เกิดภาพลวงตา เป็ นต้ น เมื่อถึงคราวตกอับ ชะตาตกต่า ชีวิตย่าแย่เพราะผลกรรม จากล่วงเกินพ่อแม่ตามทัน บางคนเคยเป็ นใหญ่เป็ นโต มีคนนับ หน้ าถือตา เพราะมีเกียรติยศชื่อเสียงมาก่อน แต่ตอนนี ้ไม่ได้ เป็ น ไม่ได้ มีอย่างนันแล้ ้ ว พอโดนคนอื่นมาพูดล่วงเกิน พูดตาหนิ หรื อไม่ มีคนเคารพนับถือเหมือนเดิม เกิดอำกำรจมไม่ลง รับตัวเองไม่ได้ วำงตัวไม่ถูก ทำให้เครียด กลุ้มอกกลุ้มใจ คิดมากประสาทถามหา ๖๖
กรรมที่ทำให้เป็นบ้ำที่ปรากฏในคัมภีรพ์ ระไตรปิฎกและอรรถกถา คือ ๑.ผลกรรมจากการดื่ม สุรายาเสพติด (๒) ผลกรรมจากอริยุปวาท (๓) ผลกรรมจากการทาร้ายพระอริยเจ้า (๔) ผล กรรมจากการพูดเพ้อเจ้อ อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/๓๐๑-๓๐๒ ทุจจริตวิปากสูตร อัง.เอกาทส.(แปล) ๒๔/๑๙๙, ๓๙๗-๓๙๘ อักโกสกสูตร, พยสนสูตร ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๔ เรื่ องพระมหาโมคคัลลานเถระ
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๐
บางคนเจอปั ญหาหลายด้ านทังปั ้ ญหาครอบครัว ความรัก การงาน การเงิน ปั ญหาสุขภาพถาโถมเข้ ามาในเวลาเดียวกัน รับ ไม่ไหว ทาให้ เครี ยดจัด นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อเป็ น หนักเข้ า ไม่มีสติอยู่กบั ตัว ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เป็ นตัวของตัวเอง คิดมาก มีจิตฟุ้งซ่าน ไม่มีสติอยู่กบั เนื ้อกับตัว กลำยเป็นโรค ประสำท เสียสติ วิกลจริต เพราะฉะนัน้ คนที่เป็ นบ้ า มีอาการทางสมองผิดปกติ ประสาทไม่ดี ออกอาการเพี ้ยนๆ เกิดจำกอริยุปวำท คือ กรรมด่ำว่ำ พ่อแม่เป็นสำคัญ แม้ จะมีสาเหตุอื่น เช่น พลัดพรากหรือสูญเสียคน รัก ถูกคุณไสย โดนข่มขืน ผิดหวังเรื่ องใดเรื่ องหนึง่ อย่างรุนแรง หรื อ เป็ นผลพวงจากการดืม่ สุรายาเสพติดจนลงแดง เป็ นต้ นก็ตาม แต่ ถึงกระนัน้ หากไม่มีบาปกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่มาก่อน แม้ จะมีปัญหาชีวิตหนัก ก็ไม่ถงึ ขนาดต้ องทาให้ เป็ นบ้ าได้
บาปตามเผาพลาญคนโง่เขลา
สนิมเกิดขึ้นจากเหล็ก ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ฉันใด กรรมทั้งหลายของตน ย่อมนาคนผู้ประพฤติไร้ปญ ั ญา เครื่องพิจารณาไปสู่ทุคติ ฉันนั้น พุทธพจน์ ขุ.ชา.(แปล) ๒๕/๒๐๗
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๑
๑๐. คิดฆ่าตัวตาย/ทาร้ายตัวเอง ผู้ที่เคยคิดอยากให้ พอ่ แม่ตายเร็วๆ เพื่อจะได้ รับทรัพย์ มรดก เคยทาร้ ายร่างกายผู้บงั เกิดเกล้ า เคยพูดด่าว่าจาบจ้ วง ล่วงเกินทาให้ ท่านเป็ นทุกข์ เจ็บช ้าน ้าใจ เมื่อบาปกรรมนี ้ออกฤทธิ์ จะทาให้ คนนันเป็ ้ นคนมีนิสัยโกรธง่ำย เป็นคนขี้น้อยใจ มักเกิดเรือ่ ง สะเทือนใจจำกคนรักอย่ำงรุนแรง มีเหตุทำให้ต้องคิดฆ่ำตัวตำย พยำยำมฆ่ำตัวตำย หรื อ ทำร้ำยร่ำงกำยตัวเอง เช่น ใช้มีดกรีด ตัวเอง ชกฝำ ชกกำแพง เป็ นต้ น เมื่อมีเรื่ องกลุ้มใจ ไม่สบายใจ คิด ไม่ตก แก้ ปัญหาไม่ได้ มืดแปดด้ าน ไม่มีทางออก ไม่มีทางเลือก แม้ มีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ ความหมาย ไม่มีความสุข คนประเภทนี ้ จะไม่เห็น คุณค่าของตัวเอง มองไม่เห็นคุณค่าของชีวิต จึงมักคิดฆ่าตัวตาย เพราะไม่ร้ ูจะมีชีวิตอยู่ตอ่ ไปเพื่ออะไร เพราะฉะนัน้ คนที่มีกรรมกับพ่อแม่ในลักษณะนี ้ จะเป็ นคน เก็บกด มีความกดดันทางอารมณ์สงู เมื่อเกิดความขัดแย้ งทางด้ าน จิตใจ มีเรื่ องสะเทือนอารมณ์ ไม่คอ่ ยมีเหตุผล จิตใจอ่อนแอ ขาด ความอดทน มักประชดชีวิตด้ วยการดื่มสุรา เสพยาเสพติด เที่ยว กลางคืน ปั ญหาที่มีอยู่ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ ้น จิตใจรุ่มร้ อนมากขึ ้น เกิด ขณะที่อริยุปวำทกรรมส่งผล ย่อมเปิดโอกาสให้กรรมอืน่ ๆที่มีอาการเหมือนกัน เช่น ผลกรรม จากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ซึ่งจะทาให้ร่างกายอ่อนแอ ขี้โรคหรืออายุสนั้ ถูกฆ่าตาย หรือ ฆ่าตัวเองตายเกิดร่วมด้วย เหมือนคนที่มีเชื้อ HIV หรือเอดส์เข้าสู่ร่างกายกายแล้ว ย่อมทาให้ ร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน ไม่มีภูมติ ้านทาน เปิดช่องให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย เหมือนกันฉะนัน้ ดูเพิ่มเติมใน สัง.มหา. (แปล) ๑๙/๔๖๓-๔๖๗ เวสาลีสูตรและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๒
ความคิดวุน่ วายสับสน เจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ไม่มีความสุขใน ชีวิตเหมือนตกนรกทังเป็ ้ น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ชอบพูดตาหนิ พูดด่าว่าขึ ้นปาก เสียงกับพ่อแม่เป็ นประจา ทาให้ ท่านโกรธเคือง น้ อยใจ เสียน ้าตา ร้ องไห้ เป็ นทุกข์ใจ คิดมากกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ชื่อว่า ทาผิดต่อ ผู้ให้ กาเนิดอย่างใหญ่หลวง เมื่อบำปกรรมนี้ส่งผล จะทำให้ชีวิตของ เขำเกิดควำมวิบัติหำยนะมีอันเป็นไป ใช้ ชีวิตผิดพลาด ทาบาปกรรม อื่นๆอีกมากมาย เพราะความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ แม้ ขณะมีชีวิตอยู่ บนโลกใบนี ้ ก็มีแต่ความเดือดร้ อนไม่สบายใจ ไม่มีความสุข เท่าที่ควรจะพึงมีพงึ ได้ หลังจากตายแล้ ว ต้ องไปเกิดในภพภูมิที่ไม่ ปลอดภัย คือ ไปเกิดเป็นสัตว์นรกในนิรยภูมิ ในกำเนิดสัตว์เดรัจฉำน หรือในเปรตวิสัย ภูมิใดภูมิหนึ่งที่สอดคล้องกับบาปกรรมที่เคยทามา ผู้ที่เคยทาอริ ยปุ วาทกรรมกับมารดาบิดา จะได้ รับผลกรรม หนักหรือเบา มากหรื อน้ อย ขึ ้นอยู่กบั เจตนาของผู้ลว่ งเกินเป็ น ประการสาคัญว่า ทาไปด้ วยความรักหวังดีเป็ นที่ตงหรื ั ้ อทาไปเพื่อ ประชดประชัน ทาด้ วยโทสะที่รุนแรงหรื ออ่อนกาลัง ทาเป็ นประจา หรื อนานๆมีครัง้ หนึง่ ทาผิดแล้ ว รี บขอโทษทันที หรือปล่อยไว้ ให้ เนินนานผ่านไป ผลกรรมที่เกิดจากการพูดตาหนิ พูดดุดา่ ว่าพ่อแม่ ทัง้ ๑๐ ประการที่กล่าวข้ างต้ นนัน้ อำจจะไม่ได้เกิดจำกกำรพูดล่วงเกินพ่อ แม่อย่ำงเดียวเท่ำนั้น แต่อำจเกิดจำกกำรพูดด่ำว่ำล่วงเกิน พูด
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๓
วิพำกษ์วิจำรณ์ พูดตำหนิติเตียนผู้มีพระคุณทั้งหลำย เช่น ปู่ย่ำ ตำ ยำย ครูอำจำรย์ หรือพระภิกษุสำมเณร นักบวชผู้มีศีลทั้งหลำย ก็ เป็นได้ แต่ที่เน้ นย ้าผลกรรมที่เกิดจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่นนั ้ เพราะการล่วงเกินผู้ให้ กาเนิดนัน้ มีโทษมาก เป็ นบาปหนักกว่าการ ล่วงเกินคนอืน่ โดยเฉพาะพ่อแม่ เป็นบุคคลพิเศษ เป็นบุคคลสำคัญ เป็นผู้มีพระคุณสูงสุด และเป็นบุคคลที่แตะต้องล่วงเกินไม่ได้ ส่วนการพูดตาหนิลว่ งเกินคนอื่นนัน้ จะมีบาปมากน้ อยแค่ ไหน ก็ขึ ้นอยูก่ บั คุณธรรมของผู้ที่เราไปพูดล่วงเกินนันว่ ้ าท่านมีศีล มากหรื อน้ อย มีสมาธิสงู หรื อต่า มีปัญญาขันโลกิ ้ ยะหรื อโลกุตระ ซึง่ เทียบเคียงได้ ยาก แต่สาหรับพ่อแม่นนั ้ ต่อให้ ท่านเลวแค่ไหน สาหรับลูกผู้ที่ลว่ งเกิน ย่อมเกิดโทษมาก เป็นบาปหนักแน่นอน ไม่ ต้ องพูดถึงการล่วงเกินท่านทังสองผู ้ ้ ที่มีศีล สมาธิ และมีปัญญา จะต้ องเป็ นบาปกรรมเพิ่มอีกหลายเท่าพันทวี คนส่วนใหญ่ที่เคยพูดโต้ เถียง พูดตาหนิลว่ งเกินพ่อแม่ มักจะคิดว่า คงไม่เป็นบำปกรรมอะไรมำกมำย เพรำะเป็นคนกันเอง และท่ำนก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรลูก แม้บางคนอาจจะคิดได้ และรู้ตวั เหมือนกันว่า การพูดเช่นนัน้ เป็ นสิ่งไม่ดี เป็ นบาปกรรม แต่ ยังไม่ร้ ู ไม่เข้ าใจในรายละเอียดว่า เพราะเหตุใดถึงเป็นบำป เป็น บำปหนักแค่ไหน บำปกรรมนี้ จะส่งผลต่อชีวิตอย่ำงไร เมื่อไหร่ ขณะทีอ่ กุศลกรรมนี้ส่งผล จะเกิดปัญหำอะไร และจะแก้ไข บรรเทำ บำปกรรมนี้ให้หมดไปได้อย่ำงไร แต่เนื่องจากยังไม่ได้ รับรู้ข้อมูลที่
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๔
ถูกต้ องจากกัลยาณมิตร ครูอาจารย์ หรื อไม่เคยได้ ศกึ ษาจากพุทธ พจน์ในพระไตรปิ ฎกและอรรถกถา จึงมองข้ าม เกิดความชล่าใจ ไม่รีบแก้ ไขให้ ถกู ต้ องตามพุทธวิธี ผลอันเลวร้ ายที่คิดไม่ถงึ ไม่พงึ ปรารถนา จึงได้ เกิดขึ ้นกับชีวิตอย่างสุดแสนทรมาน เพราะฉะนัน้ คุณลูกทังหลาย ้ พึงตระหนักถึงโทษจากการ ล่วงเกินท่านทังสองให้ ้ มาก มีจิตสานึกในพระคุณของผู้บงั เกิดเกล้ า อย่างสุดซึ ้ง ระวังความคิดและคาพูดกับพ่อแม่ให้ ดี เพราะหาก พลาดพลังเผลอไป ้ จะเป็ นโทษภัยอย่างหนัก เป็ นบาปมหันต์อย่าง ใหญ่หลวงและยังมีผลพวงโยงใยไปถึงครอบครัว สามี-ภรรยา ลูก หลาน เหลน พี่น้องและเครือญาติในทางอ้ อมอีกด้ วย
หน้าที่ของบุตร
ที่พึงปฏิบตั ิต่อมารดาบิดา ๑. ท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ ๒. จักทากิจของท่าน ๓. จักดารงวงศ์ตระกูล ๔. จักประพฤติตนให้เหมาะสมที่จะเป็ นทายาท ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทาบุญอุทิศให้ท่าน สิงคาลกสูตร ที.ปา. (แปล) ๑๑/๒๑๒
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๕
กัลยาณมิตร
เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มี เพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์กึ่งหนึ่ง” พระผูม้ ีพระภาคตรัสว่า “อย่ากล่าวอย่างนั้น อานนท์ ที่ จริง ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ ทั้งหมดทีเดียว อานนท์ ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดีพึงหวัง ข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘...” อุปัฑฒสูตร สัง.มหา. (แปล) ๑๙/๒-๔
บาปมิตร
คือ ศัตรูที่ทาลายพรหมจรรย์ทั้งหมด
“...เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็ นเหตุให้อกุศล ธรรมที่ยงั ไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น หรื อเป็ นเหตุให้กศุ ลธรรมที่เกิดขึ้น แล้วเสื่ อมไปเหมือนความมีปาปมิตร (มิตรชัว่ )นี้ เมื่อมีปาปมิตร อกุศลธรรมที่ยงั ไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เสื่ อมไป...” อัง.เอก.(แปล) ๒๐/๑๒
อริ ยปุ วาท ๑ ผลกรรมจากการด่าว่าพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๖
กัลยาณมิตร
เป็นทั้งหมดของการเจริญกุศล..ละอกุศล เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่ เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น หรือเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่เกิดขึ้น แล้วเสื่อมไปเหมือนความมีกัลยาณมิตร(มิตรดี)นี้ เมื่อมีกัลยาณมิตร กุศลธรรมทีย่ ังไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป อัง.เอก.(แปล) ๒๐/๑๓
ผู้ชี้โทษเหมือนชี้บอกขุมทรัพย์ ...บุคคลพึงเห็นผู้มปี ัญญามักชี้โทษ มักพูดปรามไว้ เหมือนผู้ชี้บอกขุมทรัพย์ (และ) พึงคบผู้ที่เป็นบัณฑิตเช่นนั้น เพราะเมื่อคบคนเช่นนัน้ ย่อมมีแต่ความเจริญ ไม่มีความเสื่อมเลย.. พุทธพจน์ ขุ.ธ.(แปล) ๒๕/๔๙,๕๑
กรรมวาไรตี้
หนี้กรรมที่ทำกับผูบ้ ังเกิดเกล้ำ ท่านผู้อา่ นทังหลาย ้ บาปกรรมที่เกิดจากการคิด การพูด และการกระทาผิดต่อพ่อหรื อแม่ทงมี ั ้ เจตนาโดยตรงและมีเจตนา โดยอ้ อม ทังรู้ ้ ตวั และรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ย่อมส่งผลร้ ายต่อผู้ทาอย่าง แน่นอนตามกฎแห่งกรรม แม้ วา่ พ่อแม่ จะไม่ถือโทษโกรธเคือง ไม่ ถือสาหาความ ไม่เอาผิดต่อลูกก็ตาม ทังนี ้ ้เพราะวิบากกรรม ย่อม ออกฤทธิ์ ทางานโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ ขึ ้นตรงต่อพลังอานาจของท่าน ผู้ใด๑ แต่เป็ นไปตามเหตุและปั จจัยของตัวมันเอง ผู้เขียนได้ เก็บเอาเนื ้อหา สารัตถะสาคัญของพุทธพจน์ เกี่ยวกับกรรมและวิบากกรรมจากพระสูตรและชาดกต่างๆที่ ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิ ฎก เช่น พยสนสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๒๔ อักโกสกสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๒๒ มิจฉาทิฏฐิกสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๒๕ ปริกุปปสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๒๒ ทุติยขตสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๒๑ สุเนตตสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๒๓ มหาโมคคัลลานเถรวัตถุ พระไตรปิฎก เล่ม ๒๕ ๑
ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑-๒๘ เทวทหสูตร,อัง.นวก.(แปล) ๒๓/๔๕๙-๔๖๔ โกฏฐิตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๘
พร้อมทั้งอรรถกถาของพระสูตรนั้นๆ และในโสณนันทชาดก พระไตรปิฎก เล่ม ๒๘ และเรือ่ งพระนางสามาวดี พระธัมมปทัฏฐ กถา แปล ภาค ๒ ทัณฑวรรค เป็ นต้ น พร้ อมทังได้ ้ นาหลักธรรมที่ พระพุทธองค์ตรัสไว้ ในพระสูตรเหล่านี ้ มาเทียบเคียงเชื่อมโยงกับ เหตุการณ์ สถานการณ์ เรื่ องราวของบุคคลต่างๆ ที่ได้ ร้ ูเห็นจาก ญาติพี่น้องและคนใกล้ ชิด อีกทังจากประสบการณ์ ้ จริ งของบุคคล หลากหลายอาชีพ ซึง่ ผู้เขียนได้ มีโอกาสพูดคุย สนทนา และซักถาม สัมภาษณ์ แล้ วนามาเรียบเรียงผ่านบริบทของกฎแห่งกรรมให้สอด รับกับพระสูตร ชาดกต่างๆพร้อมทั้งอรรถกถา เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจ ง่ายยิ่งขึ้นในประเด็นผลกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่ ซึง่ เป็นเรื่องใกล้ ตัวที่คนส่วนใหญ่พากันมองข้าม ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ เชื่อมากน้อยแค่ไหน จะเห็นด้วยหรือ เปล่านั้น สุดแท้แต่กาลังสติปัญญาความคิดอ่านที่เคยรูม้ า แต่ผู้เขียน เชื่อแน่ว่า คุณลูกๆทัง้ หลายที่มีประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริง น่าจะ ยืนยันด้วยตนเองว่า “ผลกรรมจากการล่วงเกินพ่อแม่นนั้ มีโทษมาก เป็นบาปมากรุนแรงหนักหนาสาหัสเพียงใด” เพราะฉะนั้น เพื่อ ประโยชน์สูงสุดที่คุณจะได้รับ โปรดอ่านด้วยความตัง้ ใจและทาความ เข้าใจให้ถูกต้อง พิจารณาให้ถ่องแท้ด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วท่านจะรู้ ซึ้งกับคาพูดที่วา่ พ่อและแม่นั้น ถือว่า เป็นบุคคลที่ต้องห้าม และไม่ ควรแตะต้องล่วงเกินโดยประการทั้งปวงนัน้ ไม่ใช่เพียงแค่คาพูด เล่น หรื อพูดขูใ่ ห้ เด็กกลัว แต่เป็ นคากล่าวที่เป็ นจริ งอย่างยวดยิ่งที่ คุณต้ องอึ ้ง คิดไม่ถงึ จริ งๆ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๒๙
ขอเชิญทุกท่านผู้มีใจใฝ่ ในธรรม ได้ สมั ผัส ศึกษา ใคร่ครวญ ด้ วยโยนิโสมนสิการในเรื่ องวิบากกรรม หรื อ ผลกรรมที่เกิดขึ ้นจาก การล่วงเกินพ่อแม่ทงโดยตรงและโดยอ้ ั้ อม ในมุมมองวิบากกรรม วาไรตี ้ที่คณ ุ อาจจะไม่เคยคิดมาก่อนได้ ณ บัดนี ้
กฎแห่งกรรม..สำหรับพิจำรณำ ...ภิกษุท้ งั หลาย สัตว์ท้ งั หลายเป็ นผูม้ ีกรรมเป็ นของตน เป็ นผูร้ ับผลของกรรม มีกรรมเป็ นกาเนิด มีกรรมเป็ นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็ นที่พ่งึ อาศัย ทากรรมใดไว้ จะเป็ นกรรมดีหรื อกรรมชัว่ ก็ตาม ย่อมเป็ นผูร้ ับผลของกรรมนั้น... ปัพพชิตอภิณหสูตร
อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๑๐๔
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
มโนกรรม
กรรมที่คิดไม่ดี ต่อพ่อและแม่ผู้มีพระคุณ
บ.สยังวสี
๑๓๐
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๑
“มโนกรรม”
เพียงแค่คิด..ก็เป็นบาป ๑.กรรมคิดตำหนิและคิดจับผิดพ่ อแม่ กรรมคิดตาหนิ คิดดูถกู ดูหมิ่นหรือจับผิดพ่อแม่อยู่ในใจ เช่น คิดว่า พ่อหรื อแม่ของเราเป็ นนักเลง เป็ นเจ้ าพ่อ เป็ นเจ้ าแม่ เป็ นแม่เล้ า เป็ นแมงดา เป็ นโจรขโมย เป็ นคนเจ้ าชู้หลายใจ มากชู้ หลายผัว-หลายเมีย เป็ นคนขี ้เหล้ าเมายา ขี ้คุก เป็ นผีการพนัน หรือ เมื่อได้ ยินคนอื่นซุบซิบนินทาว่าร้ าย พูดดูหมิ่นเหยียดหยามพ่อแม่ ของตัวเองแล้ ว แล้ วเกิดความรู้สกึ ไม่พอใจ เพราะคิดว่าท่านทาให้ ตัวเองเสียหน้ า รู้สกึ อับอายแฟน เพื่อนฝูง อายชาวบ้ าน หรื อคิด ตาหนิวา่ พ่อแม่เป็ นต้ นเหตุที่ทาให้ เพื่อนไม่อยากคบค้ าสมาคมกับ ตนเอง ผลกรรมตามมา เมื่อกรรมส่งผล จะทาให้ถูกคนรักหรือคนที่ ตนเองไว้ใจคิดไม่ซื่อ คิดจับผิด คิดเพ่งโทษ หมดความรักศรัทธา ไม่มี ความภาคภูมิใจในตัวเรา ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดผลตามมาทัง้ โดยตรง และโดยอ้อม ดังนี้ มโนกรรม มีโทษมากกว่าวจีกรรมและกายกรรม เพราะมิจฉำทิฏฐิ จิตที่ตงไว้ ั ้ ผิดนัน้ มี ผลร้ ายที่สดุ และเป็ นบ่อเกิดแห่งบาปทังปวง ้ เพราะความเห็นเลวทรามเปรี ยบเสมือนเมล็ด สะเดา เมล็ดบวบขม หรือเมล็ดน ้าเต้ าขม เมล็ดตูมกาขาวที่บคุ คลเพาะไว้ ในดินชุ่มชื ้น รส ดินและรสน ้าที่มนั ดูดซับเอาไว้ ทงหมด ั้ ย่อมเป็ นไปเพื่อความเป็ นของขม เผ็ดร้ อน ไม่อร่อย ฉะนัน้ อัง.เอกก. (แปล) ๒๐/๓๙ เอกธัมมบำลี, ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๒๓๘-๒๓๙ โคปำลกสูตร,ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓ –๗๖ อุปำลิวำทสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๒
ลูกที่เคยคิดตาหนิพ่อหรือแม่ในใจว่า “เป็นคนเจ้าชู้” เมื่อ วิบากกรรมนี้ส่งผล มักจะได้แฟน หรือได้ลูกที่ติดนิสัยเจ้าชู้ หรือว่า ต่อมาภายหลัง ตัวเองจะกลายเป็นคนเจ้าชู้ อาภัพคู่ครอง ลูกที่เคยคิดตาหนิพ่อหรือแม่ในใจว่า “เป็นคนขี้เหล้าเมายา” มักจะได้แฟน คนรัก, สามี-ภรรยา, กิก๊ หรือลูกขี้เหล้า ติดยาเสพติด หรือว่า ต่อมาภายหลัง ตัวเองจะกลายเป็นคนชอบดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ เสพสิ่งเสพติดของมึนเมาให้โทษทุกชนิด ลูกที่เคยคิดตาหนิพ่อหรือแม่ในใจว่า “เป็นผีการพนัน” มักจะได้แฟน(สามี-ภรรยา) หรือได้ลูกที่มีนิสัยชอบเล่น/ติดการพนัน หรือว่า ต่อมาภายหลัง ตัวเองจะชอบเล่น/ติดการพนัน หรือไปทา อาชีพเกี่ยวกับอบายมุข การพนัน ผู้ที่คิดจับผิด คิดเพ่งโทษ คิดตาหนิพ่อแม่ในเรื่องใด เมื่อ กรรมส่งผล จะทาให้ เกิดอาภัพอับโชค ชีวิตตกต่าหรื อมีปัญหา ติดขัดในเรื่ องนันๆ ้ ส่วนผลกรรมที่เกิดขึ ้นตามมาในรายละเอียดนัน้ อาจจะมีผลรุนแรงและส่งผลยาวนานมากน้ อยแค่ไหน เพียงใดนัน้ ขึ ้นอยู่กบั ความเข้ มข้ นหนัก-เบาของเจตนาที่เคยล่วงเกินท่านมา ก่อนหน้ านี ้ และคุณธรรมของพ่อแม่ในเวลานัน้ หรื อเวลาต่อมาเป็ น องค์ประกอบสาคัญ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๓
๒.กรรมคิดตาหนิว่า “พ่อแม่ไม่เลี้ยงดู ไม่รจู้ ักรับผิดชอบ” ลูกบางคน พ่อแม่ไม่ได้ เลี ้ยงเอง แต่เอาไปให้ ปยู่่ า ตายาย หรื อญาติพี่น้องเลี ้ยงดู หรือบางคนเป็ นลูกที่พ่อแม่ทอดทิ ้ง คนอื่น นามาเลี ้ยงดู เมื่อโตขึ ้นรู้เดียงสา พอรู้วา่ ตัวเองว่า ถูกพ่ อแม่ จริง ทอดทิง้ ไม่ ได้ เลีย้ งดู จึงเกิดความน้ อยเนื ้อต่าใจ คิดไม่ดกี บั พ่อ แม่ในลักษณะที่วา่ “ทาไม พ่อแม่ทาให้เราเกิดมาแล้ว กลับทอดทิ้ง ไม่ รู้จักเลี้ยงดู ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้สร้างขึ้นมา พ่อแม่เป็นคนไม่ ดี เป็นคนเลว ใช้ไม่ได้ ไม่สมควรเป็นพ่อแม่เรา” ผลกรรมตามมา : เป็ นคนไม่มีเสน่ห์ในเพศตรงข้ าม มนุษย์ สัมพันธ์ไม่ดี เมื่อมีความรัก จะถูกคนรักทอดทิ้ง ไม่จริงใจ ไม่เลี้ยงดู ไม่ให้ความสาคัญ และชีวิตแสนเศร้า ขาดคนเข้าใจ ผลกรรมในรายละเอียดเพิ่มเติม จะมีแนวโน้ ม ดังนี ้ อาภัพเรื่องความรัก คนรัก จะได้แฟนมีฐานะยากจน มี การเงินฝืดเคือง ทรัพย์/โภคสมบัติน้อย ไม่สามารถเลี้ยงดูเราได้เต็มที่ ถ้าหากได้แฟนรวย จะถูกจากัด-ควบคุมในการใช้จ่าย ไม่มีอิสระในการ ใช้เงินเป็นส่วนตัว หรือว่า เมื่อเราไปอยู่กินกับเขาได้ไม่นาน การเงิน หรือ ธุรกิจของเขา จะมีอันเป็นไป ล้มละลาย เจ๊ง เป็นหนี้สิน หมดเนื้อ หมดตัว เมื่อมีแฟน/คนรัก หากว่า ได้มีอะไรลึกซึ้งกันแล้ว ไม่นานเขา จะเริ่มเอาใจออกห่าง หมางเมิน ไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจต่อเรา ไม่
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๔
รับผิดชอบในสิ่งที่เขาควรจะทา ไม่อยากเลี้ยงดู จะทิง้ เราไปอย่างไม่ สนใจใยดี ไม่มีความสุขในเรื่องครอบครัว ความรัก ชีวิตคู่ หากมีลูก บุคคลเหล่านั้น มักจะมีนิสัยขี้เกียจ ไม่เอาถ่าน ไม่ รู้จักรับผิดชอบในกิจการงานที่ได้รับมอบหมาย ใช้เงินเก่ง ไม่รู้จัก ประหยัด มีแนวโน้ม จะไปเกี่ยวพันในเรื่องอบายมุข การพนัน ยาเสพ ติด ทาให้มีหนี้สินติดตัว ทาผิดกฎหมาย ต้องคดีความ สุดท้าย พ่อแม่ ต้องมารับผิดชอบใช้หนี้ให้ด้วยความระทมขมขื่น
๓.กรรมโกรธเคือง คิดไม่พอใจ..เกลียดพ่อ (หรือแม่) บางครอบครัว พ่อเป็ นนักดืม่ ประเภทคอทองแดง ติดเหล้ า และติดอบายมุขการพนันอย่างหนัก ไม่คอ่ ยรับผิดชอบเรื่ อง ครอบครัว ชอบทาเสียงเอะอะโวยวาย มีปากเสียงกับแม่ พูดจา หยาบคาย ด่าว่า ตบตี ทาร้ ายร่างกายแม่ เมื่อลูกเห็นเหตุการณ์ เช่นนี ้อยูเ่ ป็ นประจา จึงอดสงสารแม่ไม่ได้ ทาให้ คิดไม่ดี คิดตาหนิ พ่อว่า เอาเปรียบแม่ รังแกแม่ที่อ่อนแอกว่า เกิดความรู้สกึ ในแง่ลบ กับพ่อ ในส่วนลึกของจิตใจ เกิดความรู้สกึ ไม่ ชอบพ่ อ เกลียดพ่ อ ผู้หญิงบางคน หลังจากหย่าร้ าง เลิก แยกทางกัน ได้ นา เรื่ องไม่ดีของสามีมาเล่าให้ ลกู ฟั ง หรื อบางคน หนักยิ่งไปกว่านัน้ ได้ เสี ้ยมสอนให้ ลกู มีความอคติลาเอียงกับพ่อเขา ไม่ให้ ติดต่อกับพ่อ ไม่บอกว่าใครเป็ นพ่อ ทาให้ ลกู คิดไม่ดีกบั พ่อ เกลียดพ่อ ไม่มีความ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๕
ภาคภูมิใจในตัวผู้บงั เกิดเกล้ า ไม่อยากคิดถึง ไม่อยากพูดถึง หรือ ไม่มีโอกาสส่งเสียเลี ้ยงดูพอ่ บางครอบครัว เมื่อลูกเห็นพ่อเอาเปรี ยบและรังแกแม่ ตลอดเวลา เกิดความรู้สกึ โกรธ ไม่พอใจพ่อ ไม่รักและไม่ศรัทธา ไม่ มีความภาคภูมิใจในตัวพ่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ถูกพ่ อ บังเกิดเกล้ ำลวนลำม ข่ มขืน ทามิดมี ิร้ายกับตัวเอง มีความคิด รังเกียจพ่ออย่างรุนแรงว่า “พ่อเป็นคนไม่ดี เป็นคนชั่วช้าเลวทราม ข่มขืนได้แม้แต่ลูกในไส้ตัวเอง” เกิดความรู้สกึ ติดลบกับพ่อ เกลียดชัง พ่ออย่างรุนแรง ไม่อยากยอมรับความเป็ นพ่อของตัวเอง ไม่อยาก พูดด้ วย ไม่อยากจะเรียก“พ่อ” ผลกรรมตามมา : เป็นคนอารมณ์ร้อนแรง แข็งกร้าว ดุดัน ซีเรียส หรือเก็บกด พูดน้อยไม่ชอบแสดงออก เมื่อมีคนรัก มีแฟน หรือ มีลูก รูปร่างหน้าตา พฤติกรรม/บุคลิก ลักษณะนิสยั การแสดงออก การพูดจาของคนรักจะไม่ถกู ใจ เชือดเฉือน รุนแรง เผ็ดร้อน เป็น อันตรายต่อจิตใจ ทาลายความรู้สกึ ของตนเองอย่างคิดไม่ถึง ต้องทา ให้ตัวเองเจ็บปวด เคียดแค้น ชิงชัง ทั้งรักและเกลียด ลงท้ายด้วย ความผิดหวัง ผู้ที่มีอกุศลจิตคิดไม่ดีกบั พ่ออย่างรุนแรงเช่นนี ้ มีแนวโน้ ม จะมีบคุ ลิกหน้ าตาไม่คอ่ ยเบิกบาน ออกหน้ าเศร้ าสร้ อยหง่อยเหงา นัยตาแฝงด้ วยความเศร้ า ไม่มีเสน่ห์ดงึ ดูดในสายตาคนทัว่ ไป โดยเฉพาะคนที่ตนเองรัก เมื่อโตเป็ นสาวขึ ้นมา มักมีปัญหาเรื่ อง คูค่ รอง คนรัก ความรัก การแต่งงาน เพราะกรรมจากการเกลียด
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๖
พ่อนี ้ จะผลักดันให้ไปหลงรักคนผิด รักคนเจ้าชู้ รักผู้ชายที่มีเจ้าของ แล้ว/เป็นสามีคนอื่น หรือว่า ไปแต่งงานกับคนที่มรี สนิยม นิสัยไม่ ตรงกัน เนื่องจากเป็นคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม หรือต่าง ศาสนา สุดท้ าย ต้ องลงเอยด้ วยการถูกหลอก โดนสวมเขา โดนเอา เปรี ยบ พอเขาได้ แล้ ว ก็ทอดทิ ้งไปมีคนใหม่ มีแฟนกี่คน จะมีแต่ พวกเจ้ าชู้ไก่แจ้ มีแต่พวกผู้ชายที่มีเมียแล้ วมาหลงรักชอบพอ จึงมัก ตกอยู่ในฐานะเป็ นเมียน้ อย เมียเก็บทังเต็ ้ มใจและจายอม แม้ จะ ทาดีกบั เขาแค่ไหน เขาก็ไม่เห็นความดี ไม่เห็นความสาคัญของ ตัวเอง หนาซ ้ายังถูกเขาพูดและแสดงกิริยาอาการดูหมิ่นเหยียด หยาม ไม่ให้ เกียรติ ไม่ซื่อสัตย์จริ งใจอีกด้ วย จึงทาให้ เกิดการ ทะเลาะ มีปากเสียงกันตลอด เมื่อมีเพศสัมพันธ์ จะมีเหตุทาให้ เกิดความผิดพลาด ทาให้ เกิดเรื่องไม่พงึ ปรารถนา คือท้องก่อนแต่ง หรือท้องในขณะที่ยังไม่ พร้อม และเป็ นเหตุให้ ฝ่ายชายไม่ยอมรับ ปั ดความรับผิดชอบ บอก เลิก ทาให้ ผิดหวัง อกหัก รักร้ าว รักเศร้ า เจ็บปวดทรมานทังกายใจ ้ และสุดท้ าย เพราะเป็ นคนเอาแต่ใจตัวเอง อารมณ์ร้อน เก็บกด ร่างกาย จึงอ่อนแอ เจ็บป่ วยง่าย หายช้ า มักจะตามมาด้ วย โรคมะเร็ง เนื ้องอก ภูมิแพ้ ผู้หญิงบางคน ได้ เก็บความแค้ นนี ้ไว้ แล้ วหาทางแก้ แค้ น ด้ วยการหลอกผู้ชายให้ หลงรักแล้ วตีจาก หรื อประชดชีวิตด้ วยการ ขายตัวมัว่ ผู้ชาย ขณะที่กรรมนี ้ยังส่งผลต่อเนื่อง จะทาให้ ชีวิต เกี่ยวกับความรัก คนรักดาเนินเช่นนี ้ไปเรื่ อยๆ จนกว่าจะคิดได้ วา่
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓๗
เป็ นผลกรรมจำกกำรคิดไม่ ดี เกลียดพ่ อ และคิดหาทางแก้ กรรมว่า ชีวิตที่เป็ นเช่นนี ้มาจากวิบากของกรรมนัน้ สรุปว่า กรรมจากการเกลียดพ่อ(หรื อแม่) จะต้ องทาให้ ลกู คนนันมี ้ อนั เป็ นไป ดังนี ้ เป็นคนไม่มีเสน่ห์ในสายตาแฟนหรือคนรัก จะไปหลงรักคนไม่จริงใจ เบื่อง่าย หน่ายเร็ว ผิดหวังตลอด มีเหตุต้องให้เกลียดผู้ชายที่เป็นแฟน เพราะทาให้เราได้รับ ความเสียหาย เช่น ทาให้เราท้องก่อนแต่ง หรือท้องในขณะที่ไม่พร้อม ไม่อยากรับผิดชอบ บอกให้ไปทาแท้ง เพราะไม่อยากเลี้ยงดู ได้แฟนเจ้าชู้ หรือ ได้ผู้ชายมีเจ้าของแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงจะได้แฟนเป็นเกย์ ถ้าเป็นผู้ชายจะได้แฟนเป็นดี้ ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ เป็นเมียน้อย เมียเก็บ หรือเมียเช่า ต้องเป็นกิ๊กกับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย หายช้า ขี้โรค
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔.กรรมคิดน้อยใจพ่อแม่
๑๓๘
ลูกบางคน มีอกุศลจิต คิดไม่ดีกบั พ่อแม่ในลักษณะที่ว่า “พ่อและแม่ไม่รกั ตัวเอง มีอคติลาเอียง รักลูกไม่เท่ากัน รักลูกคนนั้น มากกว่าคนนี้ แล้วทาให้เกิดภาวะน้อยใจพ่อหรือแม่” ผลกรรมตามมา : เมื่อมีแฟน มีลูก หรือมีคนรัก คนเหล่านั้น จะทาให้เรา เกิดความน้อยเนื้อต่าใจ มีลูกไม่ได้ดังตัว มีผัวไม่ได้ดังใจ มี ชู้ก็ไม่เอาไหน มีคนรักสักกี่คน ก็ทาให้เจ็บช้าใจตลอดกาล คนที่ชอบคิดน้ อยใจพ่อแม่ เมื่อมีคนรัก มีแฟน มักจะมีเหตุ ได้ แต่งงาน หรืออยู่ร่วมที่อยู่อาศัยเดียวกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ไม่ได้ ศรัทธา ไม่ได้ภาคภูมิใจในตัวเขา มีทิฏฐิ ความเห็นไม่ลงรอยกัน มี ความเห็นขัดแย้ งกัน เข้ ากันไม่ได้ ปรับความเข้ าใจกันได้ ยาก ถ้ า หากมีลกู มีแนวโน้ มจะได้ ลกู ที่รูปร่างหน้ าตา นิสยั ใจคอ สติปัญญา ความคิดอ่านไม่ถกู ใจเรา ไม่ภมู ิใจในตัวลูก และเขาจะไม่คอ่ ยสนิท สนมคุ้นเคยกับเรา ไม่รักศรัทธาไม่อยากอยูก่ บั เรา หรื อมักจะพูด หรื อมีพฤติกรรมบางอย่างทาให้ น้อยใจ เสียใจอยู่เป็ นประจา
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๕.กรรมไม่ถูกโฉลกกับพ่อแม่
๑๓๙
ลูกบางคน โดยภาพรวมเป็ นคนนิสยั ดี มีความรัก เคารพ กตัญญูตอ่ พ่อแม่ แต่พออยูใ่ กล้ ชิดกัน มักจะมีความเห็นขัดแย้ งกัน ไม่ตรงกัน เข้ ากันไม่ได้ ไปด้ วยกันได้ ยาก และมักจบลงด้ วยการ โต้ เถียงกันในเรื่องไม่เป็ นเรื่อง ทางฝ่ ายพ่อหรื อแม่เอง ก็ไม่เข้ าใจว่า เพราะเหตุไร ตัวเอง จึงเข้ ากับลูกคนนี ้ไม่ได้ และทาไม ต้ องลงท้ ายด้ วยการขัดแย้ งโต้ เถียงกันและมักจะเป็ นเช่นนี ้เกือบทุกครัง้ ส่วนผู้ที่เป็ นลูก อาจจะ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้ จริ งว่า เพราะสาเหตุใด ชะตาชีวิตของตนเอง จึงไม่ถกู โฉลก เข้ ากับพ่อหรื อแม่ผ้ บู งั เกิดเกล้ าไม่คอ่ ยได้ ทังๆที ้ ่ไม่ ควรจะเป็ นเช่นนัน้ แต่ก็หาคาตอบที่ชดั เจนให้ กบั ตัวเองไม่ได้ พฤติกรรมบ่งชี้วิบากกรรม สาเหตุหลักของบุคคลผู้ที่ไม่ถกู โฉลกกับลูก มีนิสยั แตกต่างกันเข้ ากันไม่คอ่ ยได้ สนิท มีแนวโน้ มเกิดจากกรรม ดังนี ้ ในภพชาติก่อน อาจจะเคยเป็นศัตรูคู่เวรกัน มีนิสัยพูดเสียงดังมากกว่าคนปกติทั่วไป ถนัดข้างซ้ายหรือลายมือตัดฝ่า ยิ้มหรือหัวเราะเห็นเหงือก ไม่ค่อยมีความรัก ความเคารพ ความนับถือหรือความ ภาคภูมิใจในตัวพ่อแม่เท่าไหร่ ไม่ได้ส่งเสีย เลี้ยงดูท่านเท่าที่ควรจะเป็น หรือ ได้ดูแลบ้าง แต่เล็กน้อยมาก
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๐
ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ ไม่มีความผูกพัน ในขณะที่มีลูกคนนั้น ผูท้ ี่เป็นพ่อแม่ ไม่พร้อมที่จะให้เกิด หรือ ท้องในขณะไม่พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นพ่อหรือแม่ คิดไม่ดี กับลูก อยากจะเอาเขาออก ไม่อยากจะให้ลูกคนนี้เกิด อะไรทานอง นี ้ เมื่อเขาเติบใหญ่ เริ่มรู้เดียงสาแล้ ว จะมีเหตุทาให้ ลกู คนนี ้ มีนิสยั ดื ้อรัน้ ไม่เชื่อฟั ง ต่อต้ าน เผาพลาญเงินทอง เอาแต่ใจตัวเอง เกียจ คร้ าน ไม่เอาถ่าน ทาประชดประชันให้ พ่อแม่เสียใจ เสียน ้าตา อึด อัดคัดเคืองและทุกข์ทรมานใจทุกรูปแบบ ส่วนลูกที่มาเกิดในขณะที่พอ่ หรื อแม่ยงั ไม่พร้ อม ยังไม่ ต้ องการที่จะมี เมื่อพ่อหรือแม่คิดร้ าย คิดไม่ซื่อต่อตนเองเช่นนัน้ พลังกรรมแห่งการคิดอกุศลเช่นนี ้ ส่งผลทาให้ เกิดความน้ อยใจ เสียใจ ไม่พอใจ โกรธ เกลียด หรื ออาฆาตพยาบาทต่อพ่อหรือแม่ ภายในจิตส่วนลึก โดยอัตโนมัติซงึ่ เป็ นเองแบบไม่ร้ ูตวั พอเริ่ มจะรู้ เดียงสา มักแสดงปฏิกิริยา ปฏิเสธ ต่อต้ าน อันเป็ นสัญญาณเตือน ให้ ทราบว่า กรรมที่เคยคิดไม่ดีกบั ลูกตังแต่ ้ อยู่ในครรภ์นนั ้ เริ่ม ส่งผลออกฤทธิ์แล้ ว และตัวเด็กเอง จะทาอย่างนี้เฉพาะกับพ่อหรือ แม่ผู้ที่เคยคิดไม่ดีกับเขาเท่านั้น แต่จะไม่ทากิริยาอาการอย่างนี ้กับ คนอื่น การทางานส่งผลของกรรมทังกรรมเก่ ้ าและใหม่ระหว่างพ่อ แม่และลูกในลักษณะเช่นนี ้ จะเป็ นไปเองโดยอัตโนมัติ ถ้ าหากไม่ได้ ศกึ ษาเรี ยนรู้ธรรมะอย่างลึกซึ ้ง ไม่ฉลาดใน เรื่ องกรรมและวิบากกรรมอย่างแจ่มแจ้ ง ถึงแม้ จะมีการศึกษาสูง แค่ไหน จบปริ ญญาหลายใบ ก็ใช่วา่ จะรู้วิธีแก้ ไขปั ญหาชีวิตนี ้ได้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๑
เพราะองค์ความรู้จากตาราเรี ยนทางโลก ไม่สามารถนามาแก้ ไข กาจัด เอาชนะกิเลส กรรมและวิบากกรรมได้ สรุป ในบางครอบครัวที่ขาดความอบอุน่ พ่อแม่มีปัญหา ปากเสียงกัน หัวหน้าครอบครัวไม่เข้มแข็ง และไม่มคี วามรับผิดชอบ มี พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ติดอบายมุข การพนัน หรือ เจ้าชู้ เป็ นต้ น เป็ นเรื่ องยากมากที่จะไม่ให้ ลกู คิดในทางไม่ดีกบั พ่อแม่ได้ แต่เมื่อ นึกถึงบุญอันใหญ่หลวงของท่านแล้ ว ลูกก็ไม่มีสทิ ธิ์คดิ ติดลบ คิด อกุศลกับพ่อแม่เช่นนัน้ ไม่วา่ ในแง่ใดก็ตาม ถือว่า เป็ นสิ่งที่ไม่ ควร คิด ต้ องหยุดคิด และรี บเปลี่ยนความคิดใหม่ในทางบวก มิเช่นนัน้ จะทาให้ มีบาปกรรมกับพ่อแม่ทางใจ เป็ นอุปสรรคอย่างมากต่อ การปฏิบตั ิธรรม ทาให้ จิตฟุ้งซ่าน ไม่ตงมั ั ้ น่ เป็ นสมาธิ และคิดทาสิ่ง ใด มันจะออกมาไม่ประณีตบรรจง ไม่เป็ นที่นิยมชมชอบของคนอื่น เป็ นเหตุให้ คนอื่นตาหนิเอาได้ บางครัง้ หากเห็นพ่อแม่ทาอะไรไม่ ถูกใจ คิดเสียว่า เป็นเรือ่ งของผู้ใหญ่ เราเป็ นเด็กหากยังทาอะไร มากไม่ได้ นิ่งเฉยเอาไว้ ทาหน้ าที่ของตัวเองให้ ดีที่สดุ แล้ วหยุดแค่ นัน้ ค่อยๆใช้ ปัญญาคิดหาทางออกที่ถกู ต้ องเหมาะสมต่อไป
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๒
จิตนี้ สำคัญยิ่งกว่ำสิ่งใดในโลกำ
จะสุขหรือทุกข์นั่นหนา ก็ขึ้นอยู่กับจิตนี้เอง พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทงั้ หลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่ ไม่ได้เจริญแล้วย่อมไม่ควรแก่การใช้งานเหมือนจิตนี้ จิตที่ไม่ได้เจริญแล้ว ย่อมไม่ควรแก่การใช้งาน ... จิตที่ไม่ได้พัฒนา..ไม่ได้ฝึก..ไม่คุ้มครอง.. ไม่ได้รักษา..ไม่ได้สารวมระวังแล้ว ย่อมเป็นไปเพือ่ มิใช่ประโยชน์มาก... อกุศลธรรมทั้งหลายที่เป็นส่วนอกุศล ที่เป็นฝ่ายอกุศลทั้งหมด มีใจเป็นหัวหน้า ใจเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น อกุศลธรรมทั้งหลายเกิดขึ้น ร่วมกันภายหลัง... มโนกรรม มีโทษมากกว่าวจีกรรมและกายกรรม เพราะมิจฉาทิฏฐิ จิตที่ตั้งไว้ผิดนัน้ มีผลร้ายทีส่ ดุ และเป็นบ่อเกิดแห่งบาปทั้งปวง เพราะ ความเห็นเลวทรามเปรียบเสมือนเมล็ดสะเดา เมล็ดบวบขม หรือเมล็ด น้้าเต้าขม เมล็ดตูมกาขาวที่บคุ คลเพาะไว้ในดินชุม่ ชืน้ รสดินและรสน้าที่ มันดูดซับเอาไว้ทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของขม เผ็ดร้อน ไม่ อร่อย ฉะนั้น อัง.เอก.(แปล) ๒๐/๕-๖,๑๐ อัง.เอกก. (แปล) ๒๐/๓๙ เอกธัมมบาลี ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๒๓๘-๒๓๙ โคปาลกสูตร ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓ –๗๖ อุปาลิวาทสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๓
พระพุทธองค์
ทรงสอนพระราหุลให้พิจารณาวจีกรรม ...ราหุล ถ้าเธอปรารถนาจะทากรรมใดทางวาจา เธอพึง พิจารณาวจีกรรมนั้นเสียก่อนว่า ‘วจีกรรมที่เราปรารถนาจะทานี้ เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เป็นไปเพื่อเบียดเบียนทัง้ ๒ ฝ่ายบ้าง วจีกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็น กาไร มีทุกข์เป็นวิบาก’ กรรมทางวาจาเห็นปานนี้ เธออย่าทา
เด็ดขาด... แต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า
‘วจีกรรมที่เรา ปรารถนาจะทานี้ ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อ เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนทัง้ ๒ ฝ่ายบ้าง วจีกรรม นี้เป็นกุศล มีสุขเป็นกาไร มีสขุ เป็นวิบาก’ กรรมทางวาจาเห็นปานนี้
เธอควรทา จูฬราหุโลวาทสูตร ม.ม.(แปล) ๑๓/๑๒๒-๑๒๔
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
วจีกรรม พูดด่ำว่ำพ่อแม่..บำปแท้แน่นอน แม้ไม่ได้ฆ่า
แม้ไม่ได้ฆไม่่าได้ไม่ทาร้ได้าทยพ่ าร้อายพ่ แม่ทางกาย แม่ทอางกาย แต่เป็นการฆ่า และทาร้ายจิตใจของท่านทางวาจา
กฎแห่งวจีกรรม
ที่คุณมองข้ามและไม่คาดคิดว่า จะมีผลร้ายต่อชีวิตรุนแรงถึงเพียงนี้
แม้ไม่ได้ฆ่า ไม่ได้ทาร้ายพ่อแม่ทางกาย
๑๔๔
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑.กรรมพูดโต้เถียงพ่อแม่
๑๔๕
ลูกที่มีนิสยั ชอบเถียง ต่อปากต่อคา พูดขัดใจ พูดยกตนข่ม ท่าน พูดเพื่อเอาชนะพ่อแม่ในเรื่ องต่างๆอยู่เป็ นประจา เป็ นเหตุทา ให้ ท่านโกรธ ไม่พอใจทังแสดงออกต่ ้ อหน้ าหรื อเก็บไว้ ในใจ ผลกรรมที่ตามมา : เมื่อกรรมส่งผล หากมีการออก ความคิดเห็น จะถูกคนอื่นพูดขัดแย้ง พูดขัดคอ พูดปฏิเสธไม่ยอมรับใน ความเห็นนั้น จะถูกแฟน สามี-ภรรยา ลูก หรือเพื่อนคนสนิทชอบพูด ให้เจ็บใจ พูดให้เสียหน้า ไม่ไว้หน้า ไม่ให้เกียรติ ไม่ยอมรับข้อเสนอแนะ ต่างๆที่เราแสดงออกไป ลูกที่ชอบโต้ เถียงพ่อแม่ มักจะมีนิสยั เอาแต่ใจตัวเอง ถือ ตนเองเป็ นใหญ่ อารมณ์ร้อนโมโหง่าย พูดจาเสียงดัง เมื่อมีแฟน มี คนรัก เช่น สามี-ภรรยาหรื อลูก มักจะได้ คนประเภทอารมณ์ร้อน เอาแต่ใจตัวเอง มีทิฏฐิ มานะจัด เชื่อมัน่ ตัวเองสูง ไม่ เคยคิดว่ ำ ตัวเองผิด แม้ เป็ นฝ่ ำยผิด ก็ไม่ เคยเอ่ ยคำขอโทษ พูดจำหยำบ คำยรุ นแรง ไม่คอ่ ยเข้ าใจกัน ทะเลาะ มีปากเสียง พูดกันไม่ร้ ูเรื่ อง มักมีเหตุให้ ขดั ใจกัน มีความเห็นไม่ตรงกัน คิดไปคนละทาง ทาร้ าย จิตใจกันตลอดเวลาและมีแนวโน้มจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิง่ ดังต่อไปนี้ เป็นคนกลัวแฟน ลูกชอบเถียง เจอเจ้านายหรือลูกน้องหัวแข็ง ขณะ ดื่มน้า มักจะเกิดอาการสาลักน้า, อาหาร หรือสาลักน้าลายตนเอง เจ็บ คอ เสียงไม่มีเสน่ห์ ขณะพูดน้าเสียงไม่น่าฟัง มีปัญหาเรือ่ งเสียง เช่น ไม่มีเสียง เสียบแหบแห้ง เป็นต้น
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒.กรรมพูดด่าพ่อแม่อย่างรุนแรง
๑๔๖
เมื่อมีเรื่ องราวทะเลาะวิวาท ขัดแย้ งรุนแรงระหว่างผู้ที่เป็ น พ่อหรื อแม่กบั ลูก บางครัง้ ลูกเกิดความไม่พอใจ ได้ พดู ขึ ้นเสียง ด่า ว่า พูดจาตาหนิติเตียนท่านในเรื่ องนันๆในทางเสี ้ ยหายด้ วยวาจาที่ หยาบคาย ด้วยความโกรธอารมณ์ชั่ววูบ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรื อว่าผู้หญิงบางคนไม่พอใจสามีตนเอง เสี ้ยมสอนให้ ลกู มีอคติ ลาเอียงกับพ่อและได้ ใช้ ให้ ลกู ไปพูดตาหนิดา่ ว่าพ่อแท้ ๆของลูก ทาให้ ผ้ บู งั เกิดเกล้ าเสียใจและเสียน ้าตา หรื อว่าท่านไม่ได้ คิดอะไร มากก็ตามที ก็เป็ นบาปหนักเช่นกัน ผลกรรมที่ตามมา : ด่าพ่อแม่เรื่องไหน เกี่ยวกับอะไร จะโดน กับตัวเองเรื่องนั้น จะถูกคนรัก (แฟน,สามี-ภรรยา-ลูก เจ้านายลูกน้อง หรือคนใช้) พูดประชด พูดตาหนิใส่ร้ายป้ายสี พูดให้เจ็บใจ มีเหตุให้มี ปากเสียงทะเลาะโต้เถียงกันอย่างรุนแรง และเมื่อล่วงเกินพ่อแม่ด้วย เจตนาที่รุนแรง บาปนั้นจะเข้าครอบงาจิต ทาให้จิตใจฝ้าฟาง พร่ามัว มืดบอด จนถึงบอดสนิท เมื่อถึงคราววาระกรรมส่งผล จะผลักดันชีวิตของเขาคนนัน้ ให้ ไปเกี่ยวข้องกับอาชีพมืด หรืออาชีพบาปทั้งหลาย นอกจากนี ้ ยัง ส่งผลทาให้ มีปัญหาเรื่องบริ เวณปากทุกรูปแบบเช่น ฟั นไม่สวย ฟั น บิ่น ฟั นแตก ฟั นหัก ฟั นห่าง ฟั นล่วง ฟั นหลอ ใส่ฟันปลอม (อาจจะ เกิดจากอุบัติเหตุหรือถูกทาร้ายร่างกาย) เหงือกอักเสบ บวม ร้ อนใน กัดลิ ้นตัวเองบ่อย ลิ ้นไก่สนั ้ ลิ ้นใหญ่คบั ปาก พูดไม่ชดั มีกลิน่ ปาก ใบหน้ าไม่สวยมีสิว-ฝ้า หน้ าตาหมองคล ้า ติดนิสยั พูดจาเสียงดัง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๗
กิริยาท่าทางออกนักเลง ชอบดื่มเครื่ องดื่มที่มีสว่ นผสมของ แอลกอฮอล์/คาเฟอีน และรับประทาน อาหารประเภทแป้ง เส้ นขัด ขาว หวานๆ ซึง่ มีผลทาเลือดเหนียว หนึด ข้ น ไหลเวียนไม่สะดวก ไปเลี ้ยงส่วนบนของร่างกายไม่ดีพอ ส่งผลทาให้ เกิดภาวะเส้ นผม เสียสมดุล แตกปลาย งอกเร็วก่อนวัย หลุดร่วงได้ งา่ ย ศีรษะล้ าน ผมบาง ขนคิ ้วบาง เป็ นต้ น สาหรับผู้หญิงที่มีกรรมในลักษณะเช่นนี ้กับพ่อแม่ไม่รุนแรง มากนัก มักจะไปเกี่ยวข้ องกับอำชีพเสริมสวยทุกรูปแบบ ซึง่ เมื่อ กรรมนัน้ ส่งผล ชีวิตของเธอผู้นนั ้ จะมีแนวโน้ ม ดังนี ้ ได้สามี/แฟนเป็นคนนิสัยเจ้าชู้ตลอดกาล แฟน/สามีแอบไปมีชู้ มีกิ๊ก เป็นหม้าย เป็นเมียน้อย เมียเก็บ ถูกสามีถอดทิ้ง หย่าร้าง เลิกลากับคนรัก อาภัพรัก อาภัพคู่ คนได้ไม่ได้รัก คนรักมักไม่ได้ เงินทอง ของมีค่า ทรัพย์สมบัติที่หามาได้จากอาชีพนี้ มักจะ เก็บไม่ได้ มีอันเป็นไป แม้เอาไปลงทุนอย่างอื่น ก็ลงท้ายด้วยการไปไม่ รอด เจ๊ง พินาศขาดทุน
วิบากของวจีกรรมข้ อมุสาวาท พูดเท็จและอริยุปวาท มีความสัมพันธ์กบั ผมและขนบริเวณ ศีรษะ ขนคิ้วและขนใต้ร่มผ้า เมื่อกรรมนี ้ส่งผล ทาให้ ต้องมากินอาหารผิด ประเภทแป้ง เส้ นๆ ของขัดขาว ข้ าวเหนียว ขนมปั ง หรืออาหาร/ผลไม้ /เครื่องดื่มหวานๆทุกชนิด ดูเพิ่มใน ที.ปำ (แปล) ๑๑/๑๕๙-๑๖๕ ลักขณสูตร,อัง.จตุก.(แปล) ๒๑/๑๔-๑๕ อธัมมิกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๘
ดังนัน้ ผู้ที่ดา่ ว่าพ่อแม่อย่างรุนแรงด้ วยวาจาหยาบคาย มี เหตุทาให้ มาข้ องเกี่ยวกับอาชีพมืดเหล่านี ้ทังโดยตรงและโดยอ้ ้ อม ส่วนจะเข้ าไปพัวพันยุ่งเกี่ยวระยะยาวหรือสัน้ ติดยาเสพติดแบบ อาการหนักหรื อเบานัน้ ทาอาชีพเสริ มสวยนานหรื อไม่นนั ้ ขึ ้นอยูก่ บั ว่าได้ ลว่ งเกินท่านมารุนแรงมากน้ อยเพียงใด ได้ สานึกผิด พร้ อมทัง้ ขอขมาโทษถูกต้ องตามพุทธวิธีหรื อไม่
๓.กรรมสาปแช่งพ่อแม่
บางครอบครัว พ่อแม่เป็ นคนมีนิสยั ดุร้าย เจ้ าระเบียบ ชอบ ลงไม้ ลงมือ ตบ ตี เตะ ต่อย เฆี่ยนตีลกู อย่างรุนแรง ทาให้ ลกู หวาดกลัว เจ็บใจแค้ น ไม่พอใจ ลูกที่มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อแม่ จนทาให้ เกิดบันดาลโทสะ โกรธ แค้ นใจกับพ่อหรื อแม่อย่างรุนแรง ทาให้ หลุดปากสาปแช่งพ่อแม่ไปว่า “ขอให้มึงตายโหง ตายห่า ตาย ฟ้าผ่า ได้รับอุบัติเหตุรถชนตาย” หรื อ พูดแช่งพ่อแม่วา่ “ขอให้พ่อ แม่ตายเร็วๆหรือมีอันเป็นไปต่างๆ ขอให้มึง อย่าได้ตายดี” เป็นต้น ผลกรรมที่ตามมา : ชีวิตจะตกต่า จิตใจจะมืดมนเหมือนโดน คาสาปในเรื่องความรัก คนรัก การครองเรือน การดาเนินชีวิต เมื่อมีคนรัก คนนันจะไม่ ้ มีความซื่อสัตย์จริ งใจกับเรา มี แนวโน้ มที่จะนอกใจไปมีคนใหม่ ไม่เคารพให้ เกียรติกบั เราเท่าที่คน รักควรทาต่อกัน จะถูกคนรักทาให้ สะเทือนใจอย่างแรง เจ้ าตัวเคย พูดสาปแช่งพ่อแม่เอาไว้ อย่างไรมักจะถูกตาหนิ ถูกเหยียดหยาม
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๔๙
ประณามสาปแช่ง ด่าทอให้ เจ็บปวดทรมานใจจากคนรักอย่างนัน้ อีกหลายเท่า ผู้ที่มีจิตใจบอบช ้าอย่างหนัก ชีวิตมักหักเห วกวน เลือกเดิน เส้ นทางสายมืด คบเพื่อนไม่ดี ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้ า ไปยุ่งเกี่ยวกับ สิ่งเสพติดให้ โทษ ซึง่ อาจจะทังเป็ ้ นผู้เสพและคนขายเอง สุดท้ าย ต้ องมาพลาด เพราะความประมาทขาดเลินเล่อเผลอสติ ประสบ อุบัตเิ หตุจนต้ องสูญเสียอวัยวะสำคัญ ทาให้ เป็ นคนพิการ เดิน ไม่ได้ ปกติ เป็ นภาระกับคนอื่น ทาให้ คนรักทอดทิ ้ง รังเกียจ รับไม่ได้ ไม่ดแู ลเอาใจใส่ หากโชคร้ ายมากกว่านัน้ อาจจะถูกทาร้ ายร่างกาย ถูกลอบ ฆ่าหรื อประสบอุบตั ิเหตุจนถึงแก่ความตายก่อนวัยอันสมควร หรื อ จะพบจุดจบของชีวิตอย่างปั จจุบนั ทันด่วน พูดภาษาชาวบ้ านว่า “ตายโหง”
กรรมทำให้อำยุสั้น
บุคคลที่เสียชีวิตในลักษณะเช่นนี ้ เป็ นผลสืบเนื่องมาจากกรรม ปั จจุบนั และวิบากกรรมในอดีต ดังนี ้ (๑.)เที่ยวในเวลาไม่สมควร (๒.) ทุศีล ไม่มี ศีล (๓.)มีปาปมิตรเป็ นเพื่อน(คบคนไม่ดี อันธพาล) ๔.ผลกรรมจากการฆ่าสัตว์ (๕.)วิบากกรรมของกาเมสุมจิ ฉาจาร หรื อกรรมของคนมากชู้ หลายรัก มักมาก ในกาม (๖.) และพูดตำหนิพ่อแม่ ผ้ บู ังเกิดเกล้ ำ หรื อพระอริ ยเจ้ า ดู ม.อุ. (แปล) ๑๔/๓๔๙-๓๕๖ จูฬกัมมวิภังคสูตร, อัง.อัฏฐก. (แปล) ๒๓/ ๓๐๑-๓๐๒ ทุจจริตวิปากสูตร, ขุ.ทสก.(แปล) ๒๗/๓๓๘-๓๓๙ มหาธัมมปาลชาดก อัง.ปัญจ. (แปล) ๒๒/๒๐๕-๒๐๖ อนายุสสาสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๔.กรรมด่าพ่อแม่วา่ “โง่”
๑๕๐
ลูกที่ชอบตาหนิดา่ ว่าพ่อแม่ หรื อ เขียนจดหมายไปด่าพ่อ แม่วา่ เป็ นคนโง่เง่าเต่าตุน่ ไม่ฉลาด ไม่มีความรู้ ไร้ การศึกษา เป็ น คนโบราณเต่าล้ านปี ตกยุคไม่ทนั สมัยล้ าหลัง ซึง่ อาจจะไม่ได้ ตงใจ ั้ พูดโดยตรง แต่เพราะความพลังปากก็ ้ ตามที ผลกรรมที่ตามมา : จะทาให้ลูกคนนั้น ต้องมาเสียโง่ในสิ่งที่ ไม่ควรโง่ ตัดสินใจผิดในเรื่องง่ายๆ มาพลาดไม่เรื่องไม่ควรพลาด ไม่ ฉลาดเฉลียวใจในเรื่องสาคัญและชอบพูดตาหนิตัวเอง และมักจะถูก คนรักด่าว่า “โง่” ถ้ าคนที่เคยพูดกับพ่อแม่เช่นนันอยู ้ ่ในวัยเรี ยน จะทาให้ ตัดสินใจเลือกวิชาเอกผิด เลือกคณะเรี ยนผิด คาดเดาวิชาเรี ยนผิด ดูหนังสือไปผิด เข้ าใจผิดในเรื่ องบทเรี ยนสอบตกหรื อได้ คะแนนไม่ เป็ นที่พอใจ เพราะตอบไม่ตรงประเด็น เข้ าใจคาถามผิด หำกอยู่ในวัยรั ก ทาให้ หลงรักคนผิด แต่งงานกับคนผิด เพราะรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมเขา เพราะหลงคารมปาก ถูกหลอกจึง ต้ องตกกระไดพลอยโจน ได้ แฟนโง่ งี่เง่าไม่เอาถ่าน ไม่ฉลาด มี การศึกษาน้ อยต่ากว่าตนเอง ไม่เป็ นที่ภาคภูมิใจ พูดกันไม่คอ่ ยรู้ เรื่ อง มักจะถูกคนรักตาหนิดา่ ว่าโง่ ไม่ฉลาดอยู่เสมอ ถ้ าหากมีบตุ ร มีแนวโน้ มจะได้ ลูกปั ญญำอ่ อน เป็ นคนโง่ ไม่ฉลาด มีอาการผิดปกติทางสมอง เป็ นโรคออทิสติก มีเชาว์ ปั ญญาต่า ไม่เป็ นที่พงึ พอใจของตนเอง หรื อมีลกู -หลานเป็ น ประสาท บ้ า เพี ้ยน ไม่เต็มบาท ไม่สมประกอบ เช่น ปากแหว่ง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๑
เพดานโหว่ พูดไม่ชดั พูดไม่ได้ ซึง่ อาจจะเป็ นมาตังแต่ ้ เกิดหรื อมา เป็ นภายหลังก็ได้ ทาให้ ผ้ เู ป็ นพ่อแม่ไม่ภาคภูมิใจในตัวลูก ถูกคน รอบข้ างนินทา เย้ ยหยัน พูดกระทบกระทัง่ จิตใจ ข้อสังเกต บางครอบครัว พ่อเป็นนายแพทย์ แม่เป็นแพทย์หญิง แต่ลูก คลอดออกมากลับเป็นปัญญาอ่อน เป็นโรคเอ๋อ เป็นออทิสติก ผู้ที่มีลูก ลักษณะเช่นนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากวิบากกรรมและอาหาร ดังนี้ เคยพูดตาหนิด่าว่าหรือทาร้ายร่างกายพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า ของตนเองมาก่อน(อริยุปวาท) วิบากกรรมจากดื่มสุรายาเสพติด เคยประกอบอาชีพค้าขายสุรายาเสพติด ของมึนเมาให้โทษ ทุกชนิด รวมไปถึงขายยาเคมีซึ่งมีผลค้างเคียงต่อผู้บริโภค เคยทาแท้งหรือฆ่าคน/สัตว์ใหญ่มาก่อน เมื่อกรรมเหล่านี ้ ออกฤทธิ์ ส่งผล โดยเฉพาะกรรมจากการ ล่วงเกินพ่อแม่ จะดึงดูดคนที่มีวิบากกรรมแบบเดียวกัน ใกล้ เคียง กันมาเกิดเป็ นลูก หลาน เหลน แล้ วจะมีพฤติกรรม นิสยั ชอบ รับประทานอาหาร และเครื่ องดื่มทังหลายประเภทมี ้ สว่ นปรุงด้ วย น ้าตาลขัดขาว ผลิตภัณฑ์นมสัตว์ทกุ ยี่ห้อ และผลิตภัณฑ์จากถัว่ เหลืองทุกชนิด น ้าเต้ าหู้ หรืออาหาร เครื่ องดื่มที่มีสว่ นผสมของเนย เทียม ครี มเทียม เป็นต้น ดูเพิ่ม อัง.จตุก.(แปล) ๒๑/๑๔-๑๕ อธัมมิกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๒
๕.กรรมพูดไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน
ผู้ชายบางคนหูเบา หลงเชื่อคายุแหย่จากภรรยา ทาให้ ต้อง มาขัดใจกับพ่อแม่ จนถึงขนาดทะเลาะโต้ เถียงกัน ผูกอาฆาต พยาบาท โกรธ เกลียด พูดจาถากถาง กระทบกระทัง่ แสดงความ อึดอัดราคราญ ทาการกลัน่ แกล้ งอยากให้ ท่านออกจากบ้ านเพื่อ ยึดครองเป็ นเจ้ าของบ้ านเอง หรื อลูกบางคน เกิดความไม่พอใจพ่อ แม่ในเรื่ องอื่นใดก็ตาม อึดอัดราคาญ คิดอยากไล่ท่านให้ ออกจาก บ้ านหรื อออกปากไล่ก็ตาม ผลกรรมที่ตามมา : ชีวิตนี้จะไร้ซึ่งความมัน่ คง ระหกระเห เร่ร่อน ย้ายที่อยู่บ่อย ไร้ที่พึ่งพิงพักอาศัย ตั้งตัวได้ยาก เมื่อวิบากกรรมนี ้ส่งผล จะทาให้ มีปัญหาเรื่ องที่อยูอ่ าศัย มี บ้ านแต่ไม่ได้ อยู่ ถูกไล่ที่ ถูกโกงที่ดิน หรื อโดนยึดบ้ าน เมื่อมีคนรัก มีแฟน มีสามี-ภรรยา มีลกู จะมีเหตุขดั แย้ ง ผิดใจกับคนรักและถูก เขากดดัน พูดจาถากถาง ผลักไสไล่สง่ ขับไล่ให้ ออกจากบ้ าน แม้ การมีปัญหาเรื่องที่ มีกรรมสัมพันธ์เกี่ยวกับกำรทำแท้ งด้ วย เพราะการทาแท้ ง ทัง้ โดยตรงและโดยอ้ อม มองในอีกแง่หนึ่ง คือ การไม่ให้ ที่อยู่อาศัยแก่ลกู ไล่ที่อยู่ของเขา ไม่ให้ เขามีที่อยู่อาศัย เมื่อกรรมนี ้ส่งผล จะถูกไล่ที่ ได้ รับความเดือดร้ อนเรื่องที่อยู่อาศัย เปลี่ยน/ โยกย้ ายที่อยู่ หรือที่ทางานบ่อย มีเหตุทาให้ ต้องออกจากงานหรือถูกไล่ออกจากงานบ่อย มี เหตุต้องสูญเสียบ้ าน ไม่มีที่อยู่อาศัย ถูกไล่ที่อยู่อาศัย ถูกไล่ออกจากบ้ านหรือถูกโกงที่ดิน ขายที่ดินไม่ได้ หรือขายได้ แต่ได้ ราคาต่า เหตุเพราะกรรมไล่ที่เขา เราต้ องมาถูกไล่ที่บ้าง -เทียบเคียงจากเรื่ องพระมหำโมคคัลลำนะ วิบากกรรมประทุษร้ ายผู้บริ สทุ ธิ์ และกรรมจากการทิ ้งลูกของนายโกตุหลิกะ ดู ธ.ป. ๒/๑๑-๒๕ เรื่องพระนางสามาวดี
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๓
จะไปขอพักอาศัยกับเพื่อน พี่น้องหรื อญาติคนใดคนหนึง่ จะถูก รังเกียจไม่มีใครอยากต้ อนรับ สงสารเห็นใจ สุดท้ ายก็ไร้ ที่พงึ่ พิง ส่วนมรดกทรัพย์สมบัติ บ้ าน ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ใดที่พ่อแม่แบ่งปั นให้ ด้วยความไม่เต็มใจ แม้ จะได้ มาครอบครอง จะต้ องพินาศเสียหายมีอนั เป็ นไป โดนหลอก ถูกโกง สูญเสียไปกับ อบายมุขการพนัน หรื อถูกลูกซึง่ เป็ นที่รักที่ไว้ ใจมาเผาพลาญไปจน หมด ไม่เหลืออะไรสักอย่าง เมื่อไม่มีบญ ุ พอที่จะครอบครองเป็ นเจ้ าของสิ่งนัน้ มัน จะต้ องมีอนั เป็ นไปทุกรูปแบบ ซึง่ ถือว่า เป็ นกรรมเก่าของพ่อแม่ เป็ นกรรมใหม่ของลูก
๖.กรรมไม่พูดกับพ่อแม่
ลูกบางคน โกรธไม่พอใจพ่อแม่ที่ท่านดุดา่ ว่า ห้ ามทาอะไร บางอย่างที่ไม่สมควร หรือเพราะสาเหตุใดก็ตาม แล้ วผูกใจเจ็บ เก็บความไม่พอใจไว้ ไม่ขอโทษท่าน แม้ เดินสวนทางกันก็ไม่มอง หน้ า ไม่ยอมติดต่อมาหาพ่อแม่ ไม่ถามไถ่ทาเหมือนคนไม่ร้ ูจกั กัน ทาให้ ท่านมีความเครียดและมีความกดดันทางด้ านจิตใจ คิดมาก ฟุ้งซ่าน ถึงขนาดกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้จะมีแต่ความกดดันทั้งโดยตรงและ โดยอ้อมจากคนรัก(สามี-ภรรยา-ลูก) เพื่อนที่ไว้ใจคนใกล้ตัว จาก หัวหน้า ผู้บังคับบัญชา เจ้านายและทาให้สุขภาพไม่ดี
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๔
เมื่อกรรมส่งผล ทาให้ ได้ แฟน/คนรักที่มีนิสยั พูดน้ อย ไม่ ค่อยพูด ต่อมาภายหลัง จะมีเหตุทาให้ โต้ เถียง ทะเลาะเบาะแว้ งมี ปากเสียง ทาให้ เข้ าใจกันผิด แล้ วไม่พดู จากัน ไม่ได้ ติดต่อกัน หรื อมี เหตุทาให้ มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่ องลิ ้น ปาก ฟั น ทาให้ ลิ ้นคับปาก พูด ไม่ได้ พูดลาบาก ถ้ าหากมีลกู มีแนวโน้ มว่า จะพูดช้ า พูดไม่ชดั พูดติดอ่าง หรื อเป็ นใบ้ เมื่อมีเรื่ องทะเลาะกับลูก เขาจะโกรธไม่พอใจ หนีออก จากบ้ าน ไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมพูดกับเรา ก่อให้ เกิดความเจ็บปวด รวดร้ าวหัวใจอย่างมาก ในสถานที่ทางาน จะโดนกดดันจาก เจ้ านาย หัวหน้ าหรื อเพื่อนร่วมงาน ทาให้ เครี ยดคิดมาก นอนไม่ หลับ พูดอะไรไม่ได้ แบบน ้าท่วมปาก เพราะตัวเองตกอยู่ในฝ่ าย เสียเปรี ยบและทาให้ ไม่มีเพื่อน ไร้ ญาติขาดมิตร ไม่มีคนจริ งใจ
๗. กรรมพูดตาหนิพอ่ แม่ ว่าสอนลูก-หลานไม่เป็น พ่อแม่บางครอบครัว เป็ นคนยากจน มีการศึกษาน้ อย ด้ อย สติปัญญาความรู้ มีลกู -หลานหลายคน บางครัง้ ลูกหลาน พูดไม่ เชื่อฟั ง ดื ้อด้ านว่านอนสอนยาก และตัวพ่อแม่เอง อาจจะขาด ศิลปะในการสอนเด็ก ทาให้ บางครัง้ ต้ องพูดเสียงดัง ตะโกนบอก หรื อต้ องบ่นจู้จี ้ตามประสาคนแก่ ลูกบางคนเห็นเหตุการณ์เช่นนี ้ แล้ ว มีความรู้สกึ อึดอัดราคราญ ไม่พอใจ จึงเผลอพูดตาหนิออกไป ว่า “พ่อแม่สอนลูก-หลานไม่เป็น ไม่รู้จักวิธีสอนลูก-หลาน จึงทาให้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๕
เด็กว่านอนสอนยาก ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง ถ้าเป็นเขา จะไม่สอนลูกอย่างนี้ จะไม่ให้ลูกเป็นอย่างนี”้ ด้ วยการพูดตาหนิของลูกเพียงไม่กี่คาใน ลักษณะเช่นนี ้ ทาให้ ท่านเสียใจ น้ อยใจ ร้ องไห้ เสียน ้าตา ผลกรรมที่ตามมา : มีความฉลาด แต่ขาดเฉลียว มี ความสามารถ แต่ขาดความรอบคอบในเรื่องหน้าที่การงาน จะโดน ตาหนิจากเจ้านาย หัวหน้าผู้คุมงาน ไม่มีปฏิภาณไหวพริบในการ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีวาทศิลป์ในการอบรมสัง่ สอนลูกหลาน ลูกน้อง บริวาร ได้สามี-ภรรยา-ลูกโง่ ไม่ฉลาด ไม่ได้ดังใจ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล โดยภาพรวม คนที่มีกรรมกับพ่อแม่ใน ลักษณะนี ้ มักจะได้ แฟน คนรัก สามี-ภรรยา ไม่ถกู ใจ มีนิสยั ทัศนคติ มีความเชื่อ ความเห็นไม่ตรงกันในเรื่ องศาสนา วิธีการ ปฏิบตั ิธรรม เรื่ องการเมือง เป็ นต้ น มีอปุ นิสยั ไม่ถกู โฉลกกัน ทาให้ เกิดช่องว่างระหว่างความเชื่อ-ความเห็น นามาซึง่ การขัดแย้ ง ไม่ลง รอยกัน ทะเลาะมีปากเสียงกันง่าย พอมีลกู หลาน มักจะได้ ลกู ที่มีนิสยั เอาใจแต่ตวั เอง ดื ้อรัน้ ขี ้เกียจ การงานที่พ่อแม่มอบหมายให้ ทา ก็ไม่รับผิดชอบ ปล่อย ปละละเลย ไม่เชื่อฟั งไม่อยู่ในโอวาท บอกสอนเท่าไหร่เขาก็ไม่ทา ตาม ทาให้ ตวั เองต้ องมาทุกข์ใจ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๖
อกุศลกรรม มีผลตาม คือ ความทุกข์ทรมานทั้งในชาตินี้และชาติหน้า “เธออย่าได้กล่าวคาหยาบต่อใคร ๆ คนที่ถกู เธอว่ากล่าว จะกล่าวโต้ตอบเธอ เพราะว่าถ้อยคาที่โต้เถียงกัน ก่อให้เกิดทุกข์ และการทาร้ายโต้ตอบกันจะมาถึงเธอ ถ้าเธอทาตนให้นิ่งเงียบ ได้ เหมือนกังสดาลที่ตดั ขอบปากออกแล้ว เธอก็จะบรรลุ นิพพานได้ การโต้เถียงกันก็จะไม่มีแก่เธอ” “คนพาลมีปัญญาทราม เมื่อทาบาปกรรมย่อมไม่รู้สึกตัว จึงมักเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนคนถูกไฟไหม้ ฉะนั้น” ... ผู้ใดประทุษร้ายคนที่ไม่มีความผิด (และ) คนที่ไม่ประทุษร้าย (ตอบ)ด้วยโทษทัณฑ์ ผู้นั้นย่อมได้รับผลอย่าง ๑ ใน ๑๐ อย่าง คือ (๑) ทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า (๒) เสื่อมทรัพย์ (๓) ถูกทาร้ายร่างกาย (๔) เจ็บป่วยอย่างหนัก (๕) กลายเป็นคนวิกลจริต (๖) ต้องราชภัย (๗) ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง (๘) เสื่อมญาติ (๙) ทรัพย์สมบัติพินาศย่อยยับ (๑๐) บ้านเรือนถูกไฟไหม้ เขาผู้มีปัญญาทราม เมื่อตายไปย่อมตกนรก... พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๓-๗๔
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
กรรมทีท่ ำผิดต่อพ่อแม่ ท่ำให้ชีวิตตกต่ำ ย่ำแย่
ชอกช้าหัวอก ตกนรกทั้งเป็น เอาดีได้ยาก ทุกข์หนักทั้งกายใจ
๑๕๗
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๘
๑.กรรมโกงสมบัตพิ ่อแม่ ลูกบางคนได้ มรดกของพ่อแม่มาโดยไม่บริสทุ ธิ์ คือ ได้ มา เพราะการยักยอก สับเปลีย่ น ปลอมแปลง คดโกงหรื ออ้ างสิทธิ อะไรบางอย่าง แล้ วข่มเหง แย่งชิงได้ มรดกนันมา ้ โดยที่พ่อแม่ไม่ได้ ยินยอมพร้ อมใจ ไม่เต็มใจแบ่งปั นให้ ผลกรรมที่ตามมา : ผู้ครอบครองมรดกบาป มรดกถูกสาปจะ เกิดความพินาศในทรัพย์สินเงินทองของมีคา่ กลายเป็นมรดกเลือด เพราะโลภมาก มักลาภหาย ครอบครองเป็นเจ้าของไม่ได้นาน เมื่อกรรมส่งผล มักจะมีเหตุทาให้ สญ ู เสียทรัพย์สมบัตนิ นๆ ั้ ด้ วยการถูกแย่งชิงคืน ถูกหลอก ถูกโกง หรื อสูญเสียไปกับอบายมุข การพนัน ยาเสพติด ของมึนเมา แม้ จะได้ ครอบครองเป็ นเจ้ าของ แต่สิ่งนันได้ ้ มาแบบไม่บริสทุ ธิ์ ก็ไม่มีโอกาสใช้ อย่างเต็มที่ ต้ องมามี อันเป็ นไปหรือเสียชีวิตก่อนได้ ใช้ สมบัตินนั ้ ถ้ าหากว่ามรดก หรื อทรัพย์สมบัตินนั ้ ตกทอดมาถึงลูก-หลาน เขาเหล่านัน้ จะถูกคน อื่นที่มีกรรมคล้ ายกันเข้ ามาคดโกง ต้ มตุน๋ หล อกลวงอีกทอดหนึง่ หรื อถูกลูกหลานเผาพลาญจนหมดตัว ถูกเพื่อนรักทรยศหักหลัง โดนเจ้ านายโกง สุดท้ ายมรดกบาปที่คดโกงมา ผู้ครอบครองมักมีอาถรรพ์ จะต้ องมีอนั เป็ นไป เกิดภัยพิบตั ิหายนะ เพราะตามธรรมดาของ ร้ อน ของไม่บริสทุ ธิ์ ย่อมครอบครองเป็ นเจ้ าของได้ ไม่นาน ต้ องมี อันเป็ นไปทุกรูปแบบ ไม่ช้าก็เร็ว
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕๙
๒.กรรมที่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ กรรมที่ไม่ได้ เลี ้ยงดูพ่อแม่ คือ ไม่ได้ ส่งเงินให้ ใช้ ไม่ได้ จดั หา ข้ าวปลาอาหารให้ รับประทาน ขาดการดูแลเอาใจใส่ในฐานะที่ผ้ ู เป็ นลูกควรกระทา แต่กลับไม่ทา ไม่สนใจใยดี ปล่อยปละละเลย หน้ าที่ของลูก และไม่เคยทาให้ ท่านได้ หวั เราะ ยิ ้มแย้ มแจ่มใส ไม่ เคยทาให้ ท่านมีความสดชื่นเบิกบาน สบายใจ ภูมิใจในตัวเรา หรื อ ในความดีของเรา การไม่ได้ เลี ้ยงดูพ่อแม่ แบ่งออกเป็ น ๓ ระดับ ดังนี ้ ๑.บางคนไม่ได้เลี้ยงดูเลย อาจจะเป็นพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ ตัวเองยังเป็นเด็ก,พ่อแม่ทิ้งไป ไม่พบเจอพ่อแม่อีก,พลัดพรากจากกัน ติดต่อไม่ได้ หรือไม่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงดูเพราะอยู่ไกลกัน ๒.บางคนเลี้ยงดูบ้างนิดๆหน่อยๆ ๓.บางคนเลี้ยงดูพอประมาณ แต่ไม่ได้ทาเต็มที่ การไม่ได้ สง่ เสีย ไม่ได้ เลี ้ยงดูเอาใจใส่พ่อแม่ ไม่วา่ จะเพราะ เหตุใดก็ตาม เขาผู้นนั ้ ถือว่ ำได้ ตดิ หนีพ้ ระคุณของพ่ อแม่ ไว้ อย่ ำงมำก คุณจะเห็นด้ วยหรื อไม่ จะเชื่อหรื อเปล่า จะยอมรับ หรื อไม่ก็ตาม ยากทีจ่ ะปฏิเสธ หรือ หลีกเลี่ยงการถูกทวงหนี้บุญคุณ ถูกทวงหนี้กรรมเวรอันแสนหนักหน่วงนี ้ไปได้ ผลกรรมที่ตามมา : เมื่อหนี้กรรมมาทวงคืน จะต้องแบก รับภาระหนักตลอดชีวิต ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลาบาก อย่าง แสนน่าเบื่อหน่ายทั้งกายใจ เรื่องทรัพย์สิน เงินทองนัน้ ไซร้ ก็แสน
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๐
ฟืดเคือง หนี้สินก็อีรงุ ตุงนังไม่รู้จักจบสิ้น แม้ คิดจะฝากความหวังและ ชีวิตนี ้ไว้ กบั แฟน สามี ภรรยาหรือลูก จะพึง่ พาอาศัยไม่ได้ จาต้องพึ่ง ตัวเองตลอดรายการด้วยความลาบากแสนเข็ญ และยังต้องมา รับภาระเลี้ยงดูลูก-หลาน-เหลน หรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ เช่น สุนัข แมว เป็นต้นโดยไม่จาเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความจาใจ จายอม ผู้ที่ไม่ได้ เลี ้ยงดู ไม่ได้ เอาใจใส่ ไม่เคยทาให้ พ่อแม่มีความ ภูมิใจในตัวเอง มีแนวโน้ มจะทาให้ ผ้ นู นมี ั ้ นิสยั มีพฤติกรรม มี ปั ญหาอุปสรรค ความขัดข้ องในชีวิต ในหน้ าที่การงาน หรื อใน ครอบครัวความรัก ดังนี ้ ลักษณะนิสยั บุคลิกภาพ เป็ นคนมีบคุ ลิกไม่สง่าผ่าเผย สีหน้ าออกเศร้ าๆ ไม่ร่าเริ ง เบิกบาน ดูไม่สดชื่นแจ่มใสเท่าที่ควรจะเป็ น กิริยาท่าทางไม่องอาจ หาญกล้ าในการปรากฏตัวในสังคม หรื อต่อหน้ าผู้คน เป็ นคนขี ้อาย ไม่คอ่ ยกล้ าแสดงออก ขาดความมัน่ ใจ ชอบเป็ นผู้ตามมากกว่า เป็ นผู้นา เป็ นคนไม่เอาจริ ง ไม่คอ่ ยเอาถ่าน ไม่กระตือรื อร้ น ขวนขวาย ติดนิสยั ขี ้เกียจ ไม่ค่อยมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แบบ เช้าชามเย็นชาม เพื่อความมัน่ คงในชีวิต ครอบครัว หรื อในหน้ าที่ การงาน เรื่องการงาน..การเงิน มักมีปัญหาติดขัดเรื่องการงาน การเงินตลอด ที่หามาได้ ก็ ไม่พอในการใช้ จ่าย รายจ่ายมากกว่ารายรับเสมอ เงินทองขาดมือ เป็นประจา แม้ จะเป็ นคนเก่ง ฉลาดมีความรู้ สามารถหาเงินเก่ง แต่
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๑
มักจะมีเหตุทาให้ เก็บได้ ไม่นาน มีเรื่องที่จะต้ องทาให้ เงินรั่วไหล มี เหตุต้องใช้ จ่ายโดยไม่จาเป็ น เช่น พอจะมีเงินเก็บหน่อย ญาติพี่น้อง หรือ คนในครอบครัว มัก ล้มป่วย เกิดอุบัติเหตุ มีคดีความฟ้องร้อง ต้องให้เสียทรัพย์ หรือ มีเหตุ ทากระเป๋าสตางค์ เอกสารสาคัญ ของมีค่าหล่นหาย สูญเสียหายไป วัตถุสิ่งของเครื่องใช้ ต้องมาชารุดเสียหาย ใช้การไม่ได้ จะต้องเสียเงินค่าซ่อมแซม เปลี่ยนใหม่ หรือถูกขโมย โดนยกเค้า สาหรับเงินทอง โภคสมบัติ มรดก บ้าน ที่ดิน อสังหาริทรัยพ์ ของมีค่าทัง้ หลายทีค่ นอื่นกู้ยมื ไป มักจะถูกคดโกง โดนทรยศหักหลัง เสมอ หากนาไปช่วยเหลือญาติพี่น้องเพื่อประกอบธุรกิจใดๆ เงินทอง เหล่านั้น ก็มักมีเหตุทาให้มีอันเป็นไป สูญหาย ขาดทุน ถูกคดโกง แม้ นาไปทาบุญให้ทาน บริจาคช่วยเหลือกิจกรรมทางศาสนา มักจะไป ศรัทธาเลื่อมใสให้ทานกับสถานที่ องค์กร สถาบัน บุคคล หรือนักบวช ที่ไม่มีคุณธรรม เป็นเนื้อนาบาป เป็นบาปมิตร เป็นเหตุให้ไม่เกิด อานิสงส์ผลบุญหรือได้ผลน้อย ญาติพี่น้องทางฝ่ายสามีหรือภรรยา คนรอบข้าง ใกล้ชิด มัก เห็นแก่ตัว ไม่ซื่อสัตย์ เอาเปรียบกินแรงเสมอ ต้องมีเหตุให้สูญเสียทรัพย์สินเงินทองไปกับอบายมุข การ พนัน บุหรี่ เหล้าของมึนเมา ยาเสพติดให้โทษอย่างหลงมัวเมา โดย หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะแพ้ใจตนเอง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๒
ผู้หญิง มักจะหมดไปกับการซื้อเครื่องสาอาง เครื่องประดับ เสื้อผ้า วัตถุสิ่งของเครื่องใช้เกินจาเป็น แม้ซื้อมาก็ไม่ได้ใช้อย่างคุม้ ค่า เบื่อง่าย เปลี่ยนใจ สุดท้ายก็ทิ้ง เพราะหมดอายุการใช้งาน โครงการ ธุรกิจหรือกิจการต่างๆที่ทุ่มเท ลงทุนไป มักจะมี หุ้นส่วนหรือเพื่อนร่วมงาน คิดคดทรยศ ไม่ซื่อสัตย์จริงใจ ยักยอก คด โกง ต้มตุ๋นหลอกลวงเอาไปตลอด ทาให้ มีปัญหา ติดขัด ขาดทุน เจ๊ ง ดาเนินกิจการต่อไปไม่ได้ อกี หากยังไม่มีเหตุดงั กล่าวเกิดขึ ้น มักจะมีภยั พิบตั ิทาง ธรรมชาติตา่ งๆ มาทวงหนี ้กรรมเวรอันนี ้ เช่น อุทกภัย ถูกน้าท่วม โดนสึนามิเล่นงาน วาตภัย โดนพายุโหมกระหน่า ปฐวีภัย เจอ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ดินทรุด อัคคีภัย ประสบภัยจากไฟไหม้ ไฟฟ้า ลัดวงจร เป็ นต้ น ภัยธรรมชาติเหล่านี ้ จะมาทาลายพืชสวน ไร่นา ข้ าวกล้ า ต้ นไม้ ให้ ได้ รับความเสียหาย ทาให้ เงินทอง วัตถุสิ่งของ และเครื่ องใช้ อนั มีคา่ เอกสารสาคัญ เสื ้อผ้ าอาภรณ์ บ้ าน รถ ตึก อาคาร ที่อยู่อาศัย หรือ แม้ แต่สตั ว์เลี ้ยงต่างๆให้ ได้ รับความ เดือดร้ อน เสียหาย ล้ มตาย ใช้ การไม่ได้ เสียราคา เป็ นเหตุทาให้ เจ้ า ตัว คือ คนที่ไม่ได้ เลี ้ยงดูพอ่ แม่นนั ้ จะต้ องขาดทุน สูญกาไร เป็ น หนี ้สิน ได้ รับความลาบากเดือดร้ อน หากไม่ได้มีหนี้สินเพราะตัวเอง ก็จะมีคนอื่น เช่น สามี-ภรรยา-ลูก-เพื่อนสร้างหนี้สินให้ ด้วยเหตุ อย่างใดอย่างหนึ่ง ทัง้ โดยจายอม จาเป็นหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๓
เรื่องสามี-ภรรยา-ลูก มีแนวโน้ มจะได้ สามี-ภรรยา-ลูก เจ้ าชู้ ติดอบายมุข การ พนัน เกียจคร้ านทางาน ใช้ เงินมือเติบ ใช้ จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่ร้ ูจกั ประหยัดอดออม รสนิยมสูงแต่รายได้ ต่า ได้ แฟนไม่รวย ยากจน มี หนี ้สินติดตัว เป็ นคนไม่มีฐานะ ไม่สามารถนาพาชีวิตของเราให้ อยู่ ดีมีสขุ ขึ ้นได้ และจะต้ องมาเลี ้ยงดูเขาอีก ผู้ที่จะมาเป็ นแฟน คนรัก หรื อคนทีเ่ กิดเป็ นลูกเรา จะมีรูปร่างหน้ าตา ทรวดทรง ลักษณะนิสยั บางอย่างที่เป็ นจุดเสีย จุดด้ อยที่เราไม่ชอบ ไม่พอใจ ที่เราอยากจะ ได้ เขาก็ไม่มี ที่เขามีเป็นอยู่ เราก็ไม่พอใจ ทาให้ ขาดความภูมิใจใน ตัวเขา ซึง่ จะเป็ นชนวนทะเลาะ ง่ายต่อการจับผิดกันและกัน ทาให้ ขาดความอดทน เมื่อเห็นฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ ทาผิดพลาด หรื อทาไม่ ถูกใจ ก่อให้ เกิดมีปากเสียงกันง่าย มีทิฐิมานะต่อกัน ต่างฝ่ ายต่าง ไม่ยอมอ่อนข้ อให้ กนั หากมีโอกาสได้ แต่งงานกับคนรวย จะถูกจากัดในการใช้ เงิน เขาจะไม่ให้ เงินเราใช้ เต็มที่ จะกีดกัน ควบคุมในการใช้ เงินกับ เรา หรือไม่สามารถอยูก่ ินกันได้ นาน มีเหตุต้องให้ เลิกรากันไป สุดท้ าย คนที่ไม่ได้ เลี ้ยงดูพ่อแม่ มีสามีหรื อภรรยา ก็ไม่มี ความสุขกายสบายใจ มีแต่ความระทมขมขื่น แม้ มีลูก ก็ไม่เป็ นโล้ เป็ นพาย พึง่ พาอาศัยไม่ได้ ไม่สามารถฝากผีฝากไข้ ได้ อีกทังยั ้ ง ต้ องมาดูแลเลี ้ยงดูลกู หลานอีกดว้ ย
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๔
เกียรติยศ ชื่อเสียง ไม่คอ่ ยมีหน้ าตา ชื่อเสียงในสังคม ขาดความยอมรับนับถือ จากผู้คน ไร้ เกียรติยศ ตาแหน่ง ถึงแม้ วา่ อยากจะมี เพราะตัวเอง เป็ นคนเก่ง มีสติปัญญา มีความรู้ความสามารถหลายอย่าง มี พรสวรรค์ในด้านการร้องเพลง เป็นนักร้อง นักแสดง นักกีฬา นักเขียน นักพูด เป็นหมอแพทย์ พยาบาล ครู ทหาร ตารวจ ข้าราชการ หรือเป็นนักบวช จะไม่มีคนเห็นความสามารถอันนั้น หรื อมีคนเห็นความสามารถ แต่ไม่มีในฐานะที่พอจะช่วยได้ ทาให้ ขาดคนส่งเสริมสนับสนุน ไร้ ผ้ อู ปุ ถัมภ์ หากมีคนช่วยได้ แต่จะทา ไม่ได้ เต็มที่ เพราะมีคนริ ษยากีดกันกลัน่ แกล้ ง ไม่อยากให้ เกิดใน วงการ มีเหตุต้องโดนสกัดดาวรุ่ง จึงทาให้ ไม่มีชื่อเสียงเกียรติยศ เท่าที่ควรจะได้ รับ หรื อเคยพอมีบ้าง แต่จะได้ ไม่นาน ต้ องมีอนั เป็ นไปเพราะเหตุใดเหตุหนึง่ ผลกรรมที่เกิดขึ ้นตามมานัน้ ใครจะได้ รับมากหรือน้ อย ได้ รับผลช้ าหรื อเร็ว ทังนี ้ ้ ขึ ้นอยู่กบั ความเข้ มข้ น หรื อ หนัก-เบาของ วิบากกรรมที่ไม่ได้ เลี ้ยงดู ไม่ได้ ปรนนิบตั ิเอาใจใส่ท่าน และที่ได้ ชดใช้ ตอบแทนท่านไปแล้ วว่ามีมาก-น้ อยเท่าใด
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๕
สาเหตุแห่งกรรมที่ทาให้ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ผู้ที่ไม่ได้ เลี ้ยงดูพ่อแม่ ไม่มีโอกาสดูแลเทคแคร์ ท่านเลย เมื่อกล่าวโดยสรุป มีเหตุ ดังนี ้ พ่อแม่ตายจากตัง้ แต่ยงั เด็ก หรือ ท่านทั้งสองเสียไปตอนที่ ยังอยู่ในวัยไม่สามารถจะเลี้ยงดูได้ พลัดพรากจากพ่อแม่ หรือถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง แล้วไม่ได้พบ เจอกันอีก พ่อแม่เลิกกัน แยกทางกันอยู่ หรืออยู่ห่างไกลกัน มีคนอื่นขอมาจากพ่อแม่จริง นามาเลี้ยงดูในฐานะเป็นลูก เกิดในครอบครัวที่ผู้เป็นพ่อแม่เอง ท่านก็ไม่ได้เลี้ยงดูปู่-ย่า ตา-ยายเหมือนกัน แม้อยากจะเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถทาได้ เนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางประการ เช่น อยู่ห่างไกลกัน ไปมาหาสู่กัน ลาบาก ติดต่อกันได้ยาก ขัดสนเรื่องเงินทอง และเพราะถูกกรรมเก่า ของพ่อแม่ที่ไม่เคยเลี้ยงปู-่ ย่า ตา-ยายปิดกั้นขัดขวาง
ผลกรรมมองไม่เห็นคุณของพ่อแม่ เคยมีเชื้อมิจฉาทิฏฐิมาก่อนในอดีตชาติ เคยคิด/พูดล่วงเกิน ทาผิดพ่อแม่เอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีกัลยาณมิตร ครูอาจารย์แนะนา สั่งสอน เพราะไปศรัทธาเลื่อมใสในบาปมิตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๖
ไม่ได้ศึกษาธรรมะให้ลกึ ซึ้งในเรื่องพระคุณของพ่อแม่ ไม่มคี วามเชื่อมั่นในเรื่องกรรมและผลแห่งกรรม ไม่ฉลาดคิด ไม่มีโยนิโสมนสิการ สิ่ งที่ทาให้มองข้ามคุณของพ่อแม่ อานาจราคะ กิเลส คือ ราคะ โทสะ และโมหะเหล่านี้ซึ่งเป็นกรรมปัจจุบัน ทาให้จิตพร่ามัว มืดบอด ปัญญาดับ๒ มองไม่เห็นคุณของผู้มีพระคุณ เพราะไปรักแฟน/กิ๊ก หรือ หลงเมีย(สามี)มากเกินไปจนลืมพ่อแม่ ตัวอย่างเช่น อดีตชาติของท่านพระมหาโมคคัลลานะเคยเกิดเป็นชาย หนุ่ม รักเคารพบูชาพ่อแม่มาก ต่อมาภายหลัง ได้แต่งงานมีครอบครัว กลับหูเบาหลงคายุแหย่จากภรรยา จึงคิดทาร้ายและได้ฆ่าพ่อแม่ผู้ตา บอดของตนเอง แม้ในอดีตชาติของท่านพระธรรมรุจ๓ิ ซึ่งเคยเกิดเป็น ชายหนุ่ม บวชเป็นดาบส ชื่อมฆเทพ ต่อมาได้คบกับบาปมิตร หลงคายุ แหย่จากเพื่อนไม่ดี ได้ทามาตุฆาต ฆ่าแม่ของตนเองเช่นกัน อานาจโลภะ เพราะความมักใหญ่ใฝ่สูง ลุม่ หลงในอานาจ ยศ เกียรติ ถึง ขนาดต้องชิงราชบัลลังก์ เช่น พระเจ้าอชาตศัตรู ไปหลงคบค้าสมาคม นิยมชมชอบพระเทวทัตผู้เป็นบาปมิตร คนเลว และเพราะต้องการ ๒ สัง.ส.(แปล) ๓
๑๕/๑๓๐ ปุริสสูตร ขุ.อป. ๓๓/๑๕๗-๑๕๙ ธัมมรุ จเิ ถรำปทำน
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๗
อานาจขึ้นครองราชย์ จนต้องทาปิตุฆาต รับสั่งให้ปลงพระชนม์พระ บิดาเพื่อเป็นใหญ่ในอานาจ อานาจเงินทอง ความลุ่มหลงในเงินตรา เช่น นายมิตตวินทุกะ ซึ่งเป็นลูกไม่ รักดี ไม่เชื่อในเรื่องบุญ-บาป ไม่รู้ซึ้งในพระคุณของพ่อแม่ หลังจากพ่อ ตายแล้ว อยากจะไปค้าขายทางทะเล เพราะต้องการความร่ารวย ไม่ เชื่อฟังคาตักเตือนของมารดา จึงได้ทาร้ายแม่ผู้หวังดี สุดท้ายต้องตก อยู่ในความลาบากและตกนรกทั้งเป็น อานาจเกียรติ ยศ ชื่อเสียง ลาภสักการะ มีสามเณร พระภิกษุหลายท่านที่มีความรู้ การศึกษาดี เป็น มหา สอบได้เปรียญธรรมหลายประโยค (หรือเป็นแม่ชี เป็นนิสิต นักศึกษา) เข้ามาศึกษาในเมืองหลวง ในกรุงเทพฯ เพราะอาศัยความรู้ ความสามารถหลายด้าน เรียนดี เทศน์เก่ง มีวาทศิลป์ในการแสดง ธรรม จนกลายเป็นที่เคารพรัก นับถือของบรรดาญาติโยม หลงในยินดี เพลิดเพลินในลาภ ยศ เกียรติ สรรเสริญ สุข ชื่อเสียง ต่อมา ได้มีโยมอุปัฏฐาก ปวารณาตัวรับใช้ ซึ่งเขามีฐานะ การเงินดี มีเกียรติยศตาแหน่ง ชาติตระกูลสูงศักดิ์ แต่ตัวเองมาจาก ตระกูลต่าต้อย ครอบครัวอยากจน พ่อแม่เป็นเพียงชาวไร่ชาวนาหา
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๘
เช้ากินค่า พอญาติโยมถามถึงฐานะ ความเป็นอยู่ทางบ้าน ก็อายที่จะ เปิดเผย และไม่อยากให้โยมพ่อโยมแม่มาเยี่ยมเยือน นักบวชบางท่าน ไม่ได้ติดต่อทางบ้านมานาน โยมพ่อโยมแม่ เป็นห่วงเป็นใย ต้องการมาเยี่ยมลูกสามเณรหรือพระลูกชายที่เมือง หลวง/กรุงเทพฯ แต่กลับไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากลูกมหา และยัง ถูกตาหนิจากลูกสามเณรหรือพระลูกชายเหล่านั้นต่างๆนานาๆ จน ทาให้โยมพ่อโยมแม่ต้องเสียใจ เสียน้าตา เดินทางกลับบ้านด้วยความ ผิดหวัง ซึ่งเป็นการทาผิดต่อพ่อแม่อย่างมหันต์ สุดท้าย ชีวิตก็ผลิกผัน มีอันเป็นไป เอาดีได้ยาก พ่อแม่มีฐานะทางการเงินดี มีหลายครอบครัวที่ผู้เป็นพ่อแม่มีฐานะ ความเป็นอยู่ดี ไม่ ลาบากมากนัก เห็นว่า ลูกตัวเอง มีความเป็นอยู่ลาบาก เงินเดือนน้อย และเพราะความรักเป็นห่วงลูกมากเกินไปด้วย จึงปฏิเสธรับการส่งเสีย เลี้ยงดูจากลูก เกรงว่า ลูกจะลาบากเดือดร้อน สุดท้าย จึงทาให้ลูกไม่ มีโอกาสเลี้ยงดู ตอบแทนคุณของผู้บังเกิดเกล้า อาจจะเป็นเพราะลูก ยังมีบญ ุ น้อย ไม่มีปัญญาฉลาดพอที่จะพูดให้พ่อแม่ยอมรับการตอบ แทนคุณ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตนเอง และเพราะพ่อแม่ไม่มี ปัญญาทางธรรมที่จะส่งเสริมสนับสนุนลูกให้มีจิตสานึกในการตอบ แทนคุณของมารดาบิดาในฐานะเนื้อนาบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล ชีวิตของลูกหลาน
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖๙
กรรมไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ บาปแท้จริงเอย
“แม้ทรัพย์ที่เกิดขึ้นแก่บุตรทั้งหลาย ผู้มีความต้องการทรัพย์ ก็พินาศไปบ้าง บุตรนัน้ ย่อมถึงฐานะอันลาบากบ้าง เพราะไม่บารุงเลี้ยงดูมารดา...บิดา” โสณนันทชำดก
ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๘๕
เมื่อติดหนี้บุญคุณของพ่อแม่ แต่กลับไม่เคยใช้หนี้อันนี้ เมื่อถึงวาระ กรรมส่งผล ย่อมถูกทวงหนี้กรรมอันนี้ผ่านบุคคลทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิตเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน กิ๊ก เจ้านาย อาจารย์ ลูกน้อง สามี-ภรรยา ลูก หลาน เหลน หรือบุคคลอื่นใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่เรารัก เคารพ นับถือ มาก ตั้งความหวังกับเขาไว้มาก มีความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้ว บุคคลเหล่านั้น จะทาให้เราผิดหวัง เจ็บปวด เสียใจ คับ แค้นใจ สุดแสนจะทรมาน เพราะความเกียจคร้าน ไม่เอาถ่าน ความไม่ซื่อสัตย์ จริงใจ เห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบ ลักขโมยคดโกง ยักยอก ทรยศหักหลัง ทา ให้เราต้องมาสูญเสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย หากไม่ประสพเหตุเช่นนี้ ก็จะ โดนภัยธรรมชาติอันโหดร้าย เช่น ไฟไหม้ ไฟฟ้าช็อต น้าท่วม แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด-เลื่อน พายุโหมกระหน่า เป็นเหตุทาให้วัตถุสิ่งของเครื่องใช้ ทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่า ที่อยู่อาศัย เป็นต้น ได้รับความเสียหาย วอดวาย อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๓.กรรมทาให้พ่อแม่ตามใจ
๑๗๐
กรรมที่ทาให้ พ่อแม่ ต้ องมาเอาอกเอาใจตัวเองมากเกินไป ทังโดยตรงและโดยอ้ ้ อม เช่น บางคนเป็ นลูกบังเกิดเกล้ า เป็ นลูก พิเศษ เป็ นลูกคนเล็ก หรื อ เป็ นลูกคนเดียวในครอบครัว ซึง่ พ่อแม่รัก มาก ต้ องมาเอาอกเอาใจสารพัด ไม่เคยขัดใจ และถ้ าหากโดนขัด ใจ จะต้ องอารมณ์เสีย แสดงอาการไม่พอใจทุกครัง้ ลูกอยากได้ อะไร อยากทาอะไร แม้ บางครัง้ ผู้ที่เป็ นพ่อ-แม่ อาจจะไม่ได้ เต็มใจ สักเท่าใด แต่ไม่อยากขัดใจลูก ทาให้ ตวั เองเกิดความรู้สกึ อึดอัดใจ ราคราญ เพราะความรักที่มีตอ่ ลูก จึงต้ องกล ้ากลืนฝื นทน ทา ตามใจลูกตลอดเรื่ อยมา ผลกรรมตามมา : กรรมขัดใจ ฝืนใจพ่อแม่ จะเป็นคนเอาแต่ ใจตนเอง ไม่เกรงใจใคร กลายเป็นคนอ่อนแอ เบื่อง่ายใจเสาะ ทาอะไร ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และมักจะถูกคนซึ่งเป็นทีร่ กั ทั้งหลายข่มเหงรังแก แข็งข้อ ขัดใจไม่ทาตาม ผู้ที่ชอบให้พ่อแม่ตามใจนั้น จะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ไม่รู้จัก เอาใจคนอื่น ไม่รู้จักเกรงใจใคร เมื่อมีคนรัก มีครอบครัว จะทาให้เกิด ปัญหาขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทกันง่าย และเราจะต้องเป็นฝ่ายยอมคนรัก ด้วยความกล้ากลืนฝืนทน ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขา ต้องเป็นฝ่ายง้อ งอนเขาด้วยความเจ็บปวดใจ ต้องตามใจเขามากกว่าเขาจะตามใจเรา จะถูกคนรักพูดให้เจ็บช้าน้าใจ แฟนหรือ คนรัก ไม่ค่อยเห็น ความสาคัญของตัวเอง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๑
เมื่อมีลูก มักจะเลี้ยงยากเอาใจยาก ขัดใจไม่ได้ ต้องทาให้เขา โกรธเสียอารมณ์ คนรัก กล่าวคือ สามี ภรรยาหรือลูก มักจะทาให้อึด อัด ราคราญใจ และในท้ายที่สุด เราต้องเป็นฝ่ายยอมเสมอและ เสียเปรียบเขาตลอดเวลา เป็นกรรมเก่าพ่อแม่ เป็นกรรมใหม่ลูก หาก ไม่รู้จักพุทธวิธีในการแก้กรรมนี้ จะต้องเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงไปถึง หลาน-เหลนไม่มีจบสิ้น ตามหลักกัมมพันธุ คือ คนเรามีกรรมเชื่อมโยง เกี่ยวพันดังญาติพี่น้อง
๔.กรรมใช้พ่อแม่เลี้ยงลูก
ด้ วยความเขลา และรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ในเรื่ องกฎแห่งกรรม บางคนเอาลูกมาฝากให้ พ่อแม่ช่วยเลี ้ยงดู เข้ าข่ายเป็ นการใช้ ให้ พ่อ แม่เลี ้ยงลูก ส่วนตัวเองหนีไปแสวงหาความสุขที่อื่น หรือมีข้อแก้ ตวั ว่าจะต้ องไปทางานหาเงินเพื่อมาส่งเสียเลี ้ยงดูลกู ไม่สนใจใยดีวา่ พ่อแม่จะมีความอึดอัด ราคราญ ยุ่งยากลาบากใจอย่างไร ไม่สนใจ ความรู้สกึ ของท่าน แม้ บางครอบครัว พ่อแม่มีความเต็มใจที่จะเลี ้ยงหลาน เพื่อ แก้ เหงาบ้ างหรื อเอาใจลูกบ้ าง เพื่อผ่อนเบาภารกิจการงานของลูก ตัวเองบ้ าง ทังๆที ้ ่ร้ ูวา่ “การกระทาเช่นนี้ไม่ถกู ต้องเหมาะสม เป็นการ ใช้พ่อแม่ทางอ้อม” แต่ไม่กล้ าพูด ไม่อยากขัดใจพ่อแม่ เกรงว่าท่าน จะน้ อยใจ เสียใจ จึงปล่อยเลยตามเลย
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๒
ผลกรรมตามมา : การไหว้วานจากคนรอบข้าง ความ รับผิดชอบ ภาระหน้าที่อย่างหนักอึ้ง จะถาโถมเข้ามา ทาให้ชีวิตหนัก ไม่มีเวลาหยุดพักเต็มที่ ต้องมาเป็นขี้ข้าม้าใช้คนอื่นอีกยาวนาน ผู้ที่ใช้ พ่อแม่เลี ้ยงดูลกู ทังโดยตรงและโดยอ้ ้ อม คือ ท่านจะ เต็มใจหรื อไม่ก็ตาม หลังจากนันไม่ ้ นาน จะมีภาระหน้ าที่อย่างหนัก อึ ้งเข้ ามาในชีวิต โดยที่ตวั เองก็ปฏิเสธไม่ได้ จาเป็ นต้ องอดทนฝื นใจ ในภาระอันนัน้ เช่น เรื่ องงาน มีแนวโน้ มว่า จะได้ทางานหนัก แต่ ค่าตอบแทนน้อย ไม่คุ้มกับค่าเหนื่อย เจ้านายชอบดุด่าว่า ตาหนิ จิก หัวใช้ ไม่เกรงใจ เอาเปรียบและไม่เห็นคุณค่าของเรา จะมีคนมาไหว้ วานขอความช่วยเหลือจากเรา มาฝากสิ่งของต่างๆกับเราให้รับเป็น ภาระหน้าที่นาไปส่งให้ โดยที่เราก็ไม่อยากปฏิเสธ หรือปฏิเสธไม่ได้ พ่อหรื อแม่รับภาระหนักและเหนื่อยอย่างไร เราจะต้ อง เหนื่อยและหนักมากกว่านันหลายเท่ ้ า ด้ วยการต้ องเป็ นขี ้ข้ า เป็ น คนใช้ ของคนรัก แฟน ลูก หลาน เหลนหรือคนอื่นๆอีกมากมายไม่มี ที่สิ ้นสุด เช่น ลูกของเรา จะเอาหลานมาให้ เลี ้ยงดูเป็ นภาระเพิ่ม มากขึ ้น โดยหลีกเลีย่ งไม่ได้ ตกอยู่ในภาวะที่จายอม เป็ นกงกรรม กงเกวียนหมุนเวียนอยูเ่ ช่นนี ้ไปอีกนาน
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๓
๕.กรรมใช้พ่อแม่ ซักเสื้อผ้า..ทาอาหาร..ทางานบ้าน บางคนใช้ พ่อแม่ซกั เสื ้อผ้ า ทางานบ้ าน ปั ดกวาดเช็ดถูบ้าน เมื่อลูกเติบโตเป็ นผู้ใหญ่ ช่วยเหลือตัวเองได้ แล้ ว แต่ยงั ใช้ พ่อแม่ ทาอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ของกินของเคี ้ยวเพื่อตัวเองหรื อเพื่อเลี ้ยง เพื่อนที่มาร่วมในงานปาร์ ตี ้ต่างๆก็ตาม บางคนเป็ นเจ้ าของกิจการ ร้ านขายเสื ้อผ้ า ร้ านอาหาร ร้ านขายอุปกรณ์เครื่ องใช้ ตา่ งๆ ธุรกิจ ธุรกรรมทังหลายทั ้ งปวง ้ โดยใช้ พ่อแม่มาเฝ้าร้ าน มาช่วยขายของ หรื อใช้ พ่อแม่มาเป็ นคนทาอาหารในครัว โดยอ้ างว่าจะให้ คา่ จ้ าง ให้ ผลประโยชน์อื่นใดก็ตาม แม้ ในกรณีที่พ่อแม่เต็มใจอยากจะช่วยเหลือลูกเอง เพราะ สงสารลูก อยากให้ กิจการของลูกเจริ ญรุ่งเรื อง โดยที่ลกู ไม่ได้ ไหว้ วานหรื อขอร้ องให้ มาช่วย แต่ถงึ กระนัน้ การกระทาเช่นนี ้ ยังถือว่า เข้ ำข่ ำยใช้ พ่อแม่ เหมือนกัน ผลกรรมที่ตามมา : ชีวิตนี้จะถูกใช้ ทางานหนักตลอดกาล ต้องกลายมาเป็นคนรับใช้ ถูกคนเอาเปรียบกินแรงเสมอ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล เมื่อโตเป็ นผู้ใหญ่ มักจะมีเหตุทาให้ ถกู เอารัดเปรียบ ถูกกดขีข่ ม่ เหง ทาอะไรมักเสียเปรี ยบคนอื่น เป็ นสอง รองเขา เป็ นคนใช้ ของคนอืน่ พอมีครอบครัว มีสามี-ภรรยา หรื อมี ลูก จะได้ คนมีนิสยั ขี ้เกียจ ขาดความรับผิดชอบ ติดสบาย ทาอะไร ไม่เป็ น ไม่รับผิดชอบ ไม่ได้ ใส่ใจเรื่ องงานบ้ าน ทาอาหารไม่เป็ น ทุก
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๔
อย่างต้ องตกมาเป็ นภาระหน้ าที่ของเรา จะต้ องทาเอง และจะต้ อง เอาใจ ตามใจและต้ องมารับใช้ บคุ คลเหล่านันอย่ ้ างหลีกเลีย่ งได้ ยาก และผลกรรมเชื่อมโยงจากการถูกลูกใช้ จะทาให้ ชีวิตเขา อาภัพตกต่า ลาบาก อาชีพการงานมีอปุ สรรคไม่ราบรื่ น เงินทอง ฟื ดเคือง มีหนี ้สินติดตัวอย่างไม่ร้ ูจกั จบสิ ้น
ผลบาป
ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีเจตนำทำบำป
“หากที่ฝ่ามือไม่มีแผล บุคคลก็ใช้ฝ่ามือนายาพิษไปได้ เพราะยาพิษจะไม่ซึมเข้าไปยังฝ่ามือที่ไม่มีแผล เหมือนบาปไม่มีแก่ผู้ไม่ทาบาป ฉะนั้น” พุทธพจน์
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๐
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๕
กรณีตัวอย่าง
กรรมใช้พระอรหันต์ : ทาให้เกิดเป็นคนใช้๔
นางขุชชุตตรำ เป็ นลูกสาวของพี่เลี ้ยงในบ้ านของโฆสิต เศรษฐีแห่งโกสัมพีนคร ท่านโฆสิตเศรษฐี ในฐานะพ่อบุญธรรม ของนำงสำมำวดี ได้ มอบนางทูลเกล้ าถวายให้ เป็ นนางสนมแด่ พระเจ้ ำอุเทน ซึง่ ต่อมา องค์พระราชาได้ แต่งตังไว้ ้ ในตาแหน่งพระ อัครมเหสีของพระองค์ นางขุชชุตตรา ได้ มาเป็ นคนรับใช้ ของพระนางสามาวดีใน ตาหนักพระเจ้ าอุเทน ซึง่ ในเวลาต่อมา นางได้ ฟังธรรมเทสนาจาก พระพุทธองค์ในครัง้ ไปร่วมในงานถวายภัตตาหารของนำยสุมน มำลำกำร มีความรู้ธรรมจนแตกฉาน เชี่ยวชาญชานาญ และได้ รับ การยกย่องว่าเป็ นเลิศในทางพหูสูต เป็ นผู้ได้ ยินได้ ฟังมาก มีครัง้ หนึง่ พวกภิกษุจงึ ได้ ทลู ถามพระพุทธองค์วา่ “ข้าแต่ พระองค์ผเู้ จริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตรา เกิดมาเป็นคนใช้ ของคนอื่น พระเจ้าข้า” พระพุทธเจ้ า ตรัสเล่ากรรมเก่าของนางให้ ภิกษุทงหลายฟั ั้ ง มีเนื ้อหาโดยสรุป ดังนี ้
อัง.เอก.(แปล) ๒๐/๓๒ และอรรถกถา เรื่ องพระนำงสำมำวดี ดูเพิ่มใน อุรคชำดกและอรรถกถา ๔
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๖
ในยุคศาสนาของพระพุทธเจ้ า พระนามว่า กัสสปะ๕ ลูกสาว เศรษฐี ในกรุงพาราณสีคนหนึง่ จับแว่ นนั่งแต่ งตัวอยู่ในตอนบ่าย ช่วงเวลานัน้ นำงภิกษุณีผ้ เู ป็ นพระอรหันต์ ขีณำสพองค์ หนึ่ง ซึง่ เป็ นผู้ค้ นุ เคยกัน ได้ เดินทางมาเยี่ยม แม้ จะได้ บรรลุธรรมขันสู ้ งสุด แล้ ว แต่ยงั ต้ องการมาเยี่ยมตระกูลอุปัฏฐากในตอนเย็นเพื่อการ อนุเคราะห์บางประการ๖ เวลานัน้ คนใช้ ของนางไม่อยู่ ลูกสาว เศรษฐี คนนี ้ ต้ องการกระเช้ าเครื่ องประดับ ซึง่ ถูกวางอยู่ใกล้ กบั ภิกษุณีรูปนัน้ เพราะเป็นคุณหนูติดนิสัยชอบใช้ และเพราะความ รู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ไม่ร้ ูวา่ จะเป็ นบาปกรรม จึงพูดกับท่านว่า “ดิฉัน ขอไหว้หละเจ้าข้า โปรดหยิบกระเช้าเครื่องประดับที่วางอยู่ตรงนั้น มาให้แก่ดิฉันหน่อย” พระเถรี รูปนัน้ คิดว่า “ถ้าหากว่า เราไม่หยิบให้ นางจะโกรธ ไม่พอใจ เพราะผลกรรมนี้ หลังจากตายแล้ว นางจะไปบังเกิดในนรก แต่ถ้าหากเราหยิบส่งให้ เพราะผลของกรรมนี้ นางจะเกิดเป็นหญิงรับ ใช้ของคนอื่น แต่ว่า การเกิดเป็นคนใช้ ยังดีกว่าการตกนรก” เพราะอาศัยความเมตตาสงสารนาง พร ะเถรี จึงได้ หยิบ กระเช้ าเครื่ องประดับนันแล้ ้ ว ยื่นส่งให้ นาง เพราะบาปกรรมจาก การใช้พระอรหันต์ผู้มีคุณธรรมสูงส่งนั้น จึงทาให้นาง เกิดมาเป็นคน ๕
พระกัสสปพุทธเจ้ า มีพระชนมายุ ๒ หมื่นปี ทรงบาเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน จึงได้ บรรลุพระ โพธิญาณ ขุ.พุทธ. (แปล) ๓๓/๗๑๑-๗๑๗ กัสสปพุทธวงศ์ ๖ พระอรหันต์ทงหลาย ั้ เมื่อจะไปโปรด แสดงธรรม เข้ าไปเกี่ยวข้ อง หรือเพื่ออนุเคราะห์ ย่อม เข้ าไปหาผู้มีศรัทธาเลื่อมใสก่อน อัง.สัตตก.(แปล) ๒๓/๑๐๙-๑๑๒ สีหเสนำปติสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๗
รับใช้ของคนอื่น ถึง ๑๐๐ ชาติ แต่ชาตินี ้เป็ นชาติที่๑๐๐ พอดี หลังจากได้ หนั ชีวิตมาทางธรรมแล้ ว เศษแห่งกรรมนัน้ ได้ จาง คลายหายไปด้ วยกุศลกรรม คือ ศีล สมาธิ ปั ญญา๗ ซึง่ เป็ นกรรม ไม่ดาไม่ขาว มีวิบากไม่ดาไม่ขาว อันเป็ นไปเพื่อการสิ ้นกรรม
ข้อคิด..คติธรรม ๑.ใช้ผู้มีคุณธรรมสูงกว่า “เป็นบาปอย่างหนัก” ธิดาเศรษฐี คนนี ้ ไม่ได้ ร้ ูเลยสักนิดว่า ภิกษุณีที่เธอกาลัง พูดคุยอยู่นั้น เป็นพระอริยเจ้าที่หมดอาสวกิเลสแล้ว และมีคุณธรรม สูงส่ง กลับคิดว่า เป็ นเพียงภิกษุณีธรรมดาทัว่ ไป จึงได้ พดู และถือ วิสาสะไหว้ วาน ให้ ช่วยหยิบกระเช้ าเครื่องประดับยื่นให้ โดยไม่ได้ คิดว่าจะเป็ นบาปกรรมอะไรมากมาย หรื ออาจจะรู้วา่ พระเถรีรูป นันเป็ ้ นพระอรหันต์ แต่ไม่คิดว่าจะเป็ นบาปกรรมอะไรมากมาย ขนาดนี ้ เพราะไม่เข้ าใจในกรรมและวิบากกรรมอย่างถูกต้ องนี่เอง จึงมาพลาดทาบาปหนัก ด้ วยความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ คือใช้พระ อรหันต์หยิบของให้ แม้ กระเช้ าเครื่ องประดับ จะมีน ้าหนักไม่มาก และพระเถรีก็เต็มใจหยิบให้ แต่ เจตนำ คือ กรรม เมื่อมีความจงใจ มีเจตนาใช้ คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนนันเป็ ้ นพระอริ ยเจ้ าผู้ไม่ ๗
ดูเพิ่มเติมใน สัง.มหำ.(แปล) ๑๙/๘๓ กุมภสูตร, มรรคกรรม หรือ อรหัตตมรรค ทาให้ อกุศลกรรมและกุศลกรรมทังหลายทั ้ งปวงสิ ้ ้นไป ดูเพิ่มใน อัง.ฉักก.(แปล) ๒๒/๕๐๒-๕๐๖ มิคสำลำสูตรและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๘
ควรแก่การไหว้ วานใช้ หยิบของส่งให้ ควรแก่การเคารพกราบไหว้ อย่างเดียว ผลสะท้ อนกลับ จึงมีโทษมาก เป็ นบาปอย่างหนัก นัน่ คือ ต้ องเกิดมาเป็ นคนรับใช้ คนอื่นถึง ๑๐๐ ชาติ เพราะฉะนัน้ เมื่อเธอได้ ใช้ พระอรหันต์ที่ไม่ควรใช้ จึงเท่ากับ ได้ บม่ เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเป็ นคนใช้ ไว้ ในจิตสันดาน เมื่อ กรรมนี ้ส่งผล จึงต้ องเกิดมาเป็ นคนใช้ เขาอย่างยาวนานหลายภพ ชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้การใช้หรือไหว้วานให้ภิกษุสามเณร แม่ชี นักบวช หรือบุคคล อื่นใดที่มีคุณธรรม คือ ศีล สมาธิและปัญญาสูงกว่า มากกว่าตนเองทาโน่น ทานี่ให้ แม้ท่านจะเต็มใจก็ตาม ก็เข้าข่ายกรรมใช้ผู้มีคุณธรรมสูงกว่า ย่อม มีส่วนแห่งบาป เมื่อกรรมนี้ส่งผล ย่อมทาให้คนนั้น ต้องตกในสถานการณ์ที่ เสียเปรียบคนอื่น ถูกเขาเอาเปรียบกินแรง หรือกลายมาเป็นขี้ข้าม้าใช้คน อื่นทั้งชาตินี้ ชาติหน้า และชาติต่อๆไป บัณฑิตผู้ฉลาดในกรรมและวิบาก กรรม พึงสังวรระวังเรื่องนี้ไว้ด้วย มิเช่นนั้น อาจจะเผลอทาบาปโดยไม่รู้ตัว ต้องเสียเวลาชดใช้โดยไม่จาเป็น
๒. ใช้พ่อแม่ เป็นบาปแท้แน่นอน พ่อแม่ ได้ ชื่อว่าเป็ นพระแท้ ในบ้ าน เป็ นอาหุเนยยะ คือผู้ ควรแก่การเคารพกราบไหว้ สาหรับลูก เมื่อท่านได้ เลี ้ยงดูลกู จนเติบ ใหญ่ จนพึง่ พาตนเองได้ แล้ ว แต่ลกู บางคนติดนิสยั ใช้ พ่อแม่หยิบ โน่น-นี่ให้ หรื อทาสิ่งโน้ นสิ่งนี ้ให้ หรื อใช้ ให้ ท่านเลี ้ยงดูลกู ทาอาหาร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗๙
ให้ รับประทาน ซักเสื ้อผ้ า เฝ้าร้ าน ฯลฯ บางครัง้ ลูกไม่ได้ ออกปากใช้ ไหว้ วานโดยตรง แต่พ่อแม่เต็มใจทาให้ ก็เข้ าข่ายว่าใช้ พ่อแม่ ทางอ้ อม ย่อมหลีกหนีไม่พ้นกรรมใช้ พ่อแม่เช่นกัน ผลกรรมตามมา ทาให้ คนนันต้ ้ องเสียเปรียบคนอื่นตลอด ตกอยู่ในภาวะเป็ นรอง เป็ นขี ้ข้ าม้ าใช้ คนอื่น มีภาระหน้ าที่การงาน ต้ องรับผิดชอบอย่างหนัก แต่ได้ คา่ ตอบแทนน้ อย ไม่ค้ มุ ค่าเหนื่อย ค่าแรงงาน ต้ องจายอมหรื อกล ้ากลืนฝื นทน จนกว่าเศษกรรมนี ้จะ ลดเจือจางและหมดไป
กรรมทาร้ายผู้บริสุทธิ์
ย่อมสะท้อนกลับหาผู้นั้นอย่างรุนแรง “บุคคลใดประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษร้าย เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน บาปย่อมกลับมาถึงบุคคลนั้นซึ่งเป็นคนโง่เขลาอย่างแน่แท้ ดุจผงธุลีที่บุคคลซัดไปทวนลม ฉะนั้น” พุทธพจน์
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๖๗
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๐
บิดา..มารดา คือ ผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวง
ภิกษุทั้งหลาย บุตรของสกุลใดบูชาบิดามารดาในเรือนตน สกุลนั้นชื่อว่ามีพรหม บุตรของสกุลใดบูชาบิดามารดาในเรือนตน สกุลนั้น ชื่อว่า มีบุรพาจารย์ บุตรของสกุลใด บูชาบิดามารดาใน เรือนตน สกุลนั้น ชื่อว่า มีอาหุไนยบุคคล คาว่า พรหม..บุรพาจารย์.. อาหุไนยบุคคล นี้เป็นชื่อของ บิดามารดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะบิดามารดามีอุปการะมาก บารุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตร บิดามารดาผู้อนุเคราะห์ลูก ท่าน เรียกว่า พรหม บุรพาจารย์ และอาหุไนยบุคคลของบุตร เพราะเหตุนนั้ ลูกที่ฉลาด เป็นบัณฑิต พึงนมัสการและ สักการะบิดามารดานัน้ ด้วยข้าว น้า ผ้า ที่นอนการอบกลิ่น การให้ อาบน้า และการล้างเท้า เพราะการปรนนิบตั ิบิดามารดานั้น บัณฑิต จึงสรรเสริญในโลกนี้เอง เขาตายไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์ สพรหมกสูตร อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๑๘๓
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๑
๖.กรรมทาให้พ่อแม่น้อยใจ และไม่ภาคภูมิใจในผู้บังเกิดเกล้า ลูกบางคนพูดจาไม่ระมัดระวัง พลังปาก ้ พูดพล่อยๆ พูด กระทบกระเทือนใจพ่อแม่ ทาให้ ท่านน้ อยใจทังมี ้ เจตนาโดยตรง และโดยอ้ อมทังรู้ ้ ตวั และรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ลูกบางคนไม่ภมู ิใจในตัว พ่อแม่ เพราะคิดว่า ท่านมีฐานะยากจน ไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ ความสามารถ โง่ ไม่ฉลาด ไม่มีเกียรติ ยศ ชื่อเสียง ตาแหน่ง หรื อ พ่อแม่มีพฤติกรรมไม่ดีไม่งามบางอย่าง ทาให้ ผ้ เู ป็ นลูก ไม่มีความ ภาคภูมิใจในตัวท่าน ผลกรรมตามมา : ลูกทั้งหลายผู้ที่ไม่ภูมิใจ ชื่นชมยินดี ในตัวพ่อแม่ จะเป็นคนมีบุคลิกภาพไม่สง่าผ่าเผย ดูหงอยๆ เศร้าๆ ไม่ ร่าเริงเบิกบาน ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ขาดเสน่ห์ จิตใจอ่อนไหวง่าย เปราะบาง โดนอะไรกระทบกระเทือนใจไม่ได้ ขาดความมัน่ ใจในตัวเอง ในการแสดงออก เมื่อมีคนรัก แฟนหรื อลูก กฎแห่งกรรมอันนี ้ จะดึงดูดบุคคล ที่จะทาให้ เราน้ อยใจและไม่ภาคภูมิใจเข้ ามาในชีวิต คือ บุคคล เหล่านัน้ จะไม่ได้ ดงั ใจตัวเอง มีนิสยั ไม่ดีบางที่เข้ ากันไม่ได้ หรื อเขา มีพฤติกรรมไม่ดีบางอย่าง เช่น ติดบุหรี่ เหล้ า การพนัน อบายมุข ยาเสพติด ขี ้เกียจ ไม่เอาถ่าน หรื อมีรูปร่างหน้ าตาไม่ถกู ใจ เช่น อวัยวะบางส่วนพิการ หรื อใช้ การไม่ได้ ดี ตาบอด หูหนวก ปาก เบี ้ยว ปากแหว่ง หัวล้ าน ฟั นไม่สวย รูปปากไม่ถกู ใจ ขี ้โรค มีกลิ่น ตัวแรง อ้ วนลงพุง นอนกรนเสียงดังมาก กิริยาอาการไม่เรี ยบร้ อย
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๒
ไม่ถกู ใจตนเอง เป็ นอาทิ เป็ นเหตุทาให้ เราน้ อยอกน้ อยใจใน โชคชะตาวาสนา ไม่เกิดความเคารพ ศรัทธา ไม่มีความภาคภูมิใจ ไม่ปลื ้มใจในบุคคลที่เป็ นคนรักเหล่านัน้
๗.กรรมทาประชดพ่อแม่ เตะสารับกับข้าว..ถีบฝา..กระทืบเท้า..ปิดประตูเสียงดัง พ่อแม่บางคน ไม่ร้ ูจกั กาลเทศะในการอบรม สัง่ สอน ว่า กล่าวตักเตือนลูก ไปสอนลูกในขณะที่รับประทานอาหาร เช่นว่า อยากให้ ลกู ตังใจเรี ้ ยนหนังสือ ห้ ามหนีเรี ยน ห้ ามคบกับเพื่อนไม่ดี ห้ ามไปติดยาเสพติด หรื อห้ ามไม่ให้ ไปเที่ยว..ไปดูคอนเสิร์ต ไปดู หนังภาพยนตร์ ห้ ามทาโน่น-นี่ ทาให้ ลกู อึดอัด เหมือนขาดอิสรภาพ เกิดความน้ อยใจ ฉุนเฉียวเกรี ย้ วกราด ควบคุมตัวเองไม่ได้ จึง ประชดด้ วยการเตะสารับกับข้ าวใส่หน้ าพ่อแม่ บางเวลา ลูกบางคนขอเงินพ่อแม่เพื่อนาไปใช้ จ่ายซื ้อ สิ่งของหรื อทากิจกรรมอื่นใด แต่ท่านปฏิเสธไม่ให้ จะด้ วยเหตุผล อะไรก็ตาม บางกรณี ลูกชายดื่มเหล้ าจนเมาได้ ที่ กลับมาถึงบ้ าน พ่อแม่ ได้ วา่ กล่าวตักเตือนด้ วยความรักและหวังดี แต่ลกู ไม่พอใจ แสดงอาการโกรธ โมโหฉุนเฉียว จึงได้ ทาประชดด้ วยการใช้ เท้ าถีบ ข้ างฝาบ้ าง กระทืบเท้ าบ้ าง หรื อ ปิ ดประตูใส่หน้ าพ่อแม่ด้วยความ ไม่พอใจ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๓
ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้จะถูกคนรักทา เจ้านาย หัวหน้า ประชดและกดดัน ไม่ให้เกียรติ ทาให้รู้สกึ ว่า ถูกลบหลูด่ ูหมิ่น หยาม ศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะทาสิง่ ใดที่คดิ ว่าดีที่สุดแล้ว แต่สุดท้าย มักจะถูกตาหนิ ว่าไม่ดีพอ ใช้ไม่ได้ จนทาให้เกิดความน้อยเนื้อต่าใจ ท้อแท้ เบื่อหน่าย สิ้นหวังในการทางานหรือกิจกรรมทั้งหลายทั้งปวง เมื่อกรรมนี ้ส่งผล จะทาให้ ลกู คนนัน้ ประสพกับเหตุการณ์ อันไม่พงึ ปรารถนา ดังนี ้ มีเหตุทาให้มีปัญหาเกี่ยวกับขา เท้า หรือ แขนข้างที่ใช้ทานั้น เช่น เหยียบหนาม ตะปู โดนของแหลมคมทิ่มแทง หรือมีเหตุทาให้มือ แขน ขาเคล็ดขัดยอก อักเสบ ฟกช้า หัก พิการ อัมพาต เป็นต้น ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทาให้ขา แขน มือ นิ้วมือ ขาด หัก งอ พิการ ต้องตัดขาทิ้ง ทาให้สูญเสียอวัยวะสาคัญไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ว่าได้ใช้อวัยวะข้างไหนทาประชดพ่อแม่ ถ้าเป็นผู้หญิง ก็มักตกเป็นทาสรับใช้สามี ต้องยอมเขาแทบ ทุกอย่าง หรือตกเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัว ถ้าเป็นผู้ชาย จะมีเหตุทาให้ เป็นคนกลัวเมีย มักไปหลงรัก ติดพัน หรือแต่งงานกับผูห้ ญิงประเภท สาวแก่แม่หม้ายลูกติด หรือ ผู้หญิงที่เคยทาอาชีพขายบริการทางเพศ เคยเป็นแม่เล้า สาวบาร์ ไนท์คลับ ติดอบายมุข และการพนันอย่าง หนักมาก่อน บุคคลที่มีกรรมอย่างนี ้ มักจะไปหลงรักหลงชอบ คนที่มี รูปร่างหน้ าตาดี ร่ ารวยมีเงินทอง และมีสถานภาพทางสังคมดีกว่า ตนเอง จึงตกอยู่ในสภาพที่ต้องยอมเสียเปรี ยบเขามากกว่า และมัก
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๔
มีเหตุสะเทือนใจ ทาให้ เขาดูถกู หยามเกียรติ หมิ่นศักดิ์ศรี เมื่อมี เรื่ องขัดใจ เข้ าใจกันผิด ทะเลาะมีปากเสียงกัน เขาจะพูดหรื อทา ประชดใส่เรา ทาให้ เจ็บและแค้ นใจ พร้ อมกันนี ้ เราจะต้ องเป็ นฝ่ าย ง้ องอนก่อนเสมอ
๘.กรรมทาให้พ่อแม่อบั อาย
บางคนทาให้ พ่อแม่ได้ รับความอับอาย ขายหน้ า เสีย ชื่อเสียง เช่น มีท้องก่อนแต่ง ตังท้ ้ องแบบหาพ่อมารับผิดชอบไม่ได้ เป็ นคนขี ้เหล้ าเมายา ติดยาเสพติด ติดอบายมุขการพนัน ติดคุก ตาราง เป็ นคนขี ้ลักขโมย เป็ นคนมากชู้หลายผัว-เมีย หรื อเป็ นคนขี ้ เกียจสันหลังยาวไม่เอาถ่าน การงานไม่เอาไหน ทาให้ พ่อแม่เกิด ความรู้สกึ ราคราญ อึดอัดใจและอับอายคนรอบข้ างว่า มีลูกไม่เอา ถ่าน เกียจคร้าน ไม่เอาไหน หรือเกิดความอับอาย เพราะมีลกู เป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว เป็นกะเทย เป็นทอม เป็นดี้ เป็นเกย์ เป็นต้น ผลกรรมตามมา : ชีวิตตกต่าอาภัพอับเฉา จิตใจเศร้าซึม หงอยเหงา ห่อเหี่ยวท้อแท้ ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง เจอแต่คนเห็น แก่ตัว พบแต่ความผิดหวัง และถูกคนเยาะเย้ยดูหมิ่น ไร้คนเห็นใจ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล จะทาให้ เป็ นคนเหนียมอาย ขาดความ เชื่อมัน่ ตัวเอง ไม่กล้ าแสดงออกในสิ่งที่ควรกล้ า พอจะมีชื่อเสียงมี คนนับหน้ าถือตา จะถูกโดนกีดกันกลัน่ แกล้ งทาให้ เสียชื่อ ขาดคน นิยมชมชอบ พอเข้ าสังคม จะถูกคนอืน่ หวาดระแวงและคอยจ้ อง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๕
จับผิด ถูกล้ อเลียน ถูกซุบซิบนินทา ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคนรอบข้ าง ทาให้ ได้ รับความอับอายอยู่เสมอ เมื่อมีคนรัก มีสามี-ภรรยา มีลูก หรือมีกิ๊ก ประวัติศาสตร์ มักจะซ้ารอยเดิมเสมอ คือ ทาให้ พลาดเรื่องเพศสัมพันธ์ ทาให้ แฟน ท้ องก่อนแต่ง เป็ นเหตุให้ พอ่ แม่ตวั เองต้ องอึดอัดใจ ทาให้ พ่อแม่ ฝ่ ายหญิงเสียหน้ า เสียเกียรติ ได้ รับความอับอาย เมื่อมีลกู ชาย มักจะทาให้ ลกู สาวคนอืน่ ท้ องก่อนแต่งเช่นกัน หากมีลกู สาว มี แนวโน้ มจะพลาดท่าเสียที เกิดมีท้องก่อนแต่งเหมือนแม่ในอดีต ในเวลาเติบโตเป็ นหนุม่ สาว แต่งงานมีครอบครัว มีสามีภรรยาหรื อมีลกู จะมีเหตุทาให้ เราเสียหน้ า ได้ รับความอับอาย เหมือนที่ตวั เองเคยทาให้ พอ่ แม่ได้ รับความอับอาย คือ ได้ สามี ภรรยาหรื อมีลกู ติดยาเสพติด ติดอบายมุขการพนัน ฯลฯ ซึง่ ทาให้ ได้ รับความเจ็บปวดใจ อับอาย เสียชื่อเสียง ถูกคนนินทาว่าร้ าย เพราะพฤติกรรมอันรังเกียจของคนที่ตนรัก ถ้ าคนนันเป็ ้ นครูอาจารย์ เป็ นหัวหน้ าเจ้ านาย จะมีลกู ศิษย์ ลูกน้ องนิสยั ไม่ดี เป็ นอันพาลทาให้ ได้ รับความอับอาย ขายหน้ า เสียเกียรติไม่เรื่ องใดก็เรื่ องหนึง่ แล้ วเป็ นเหตุทาให้ บณ ั ฑิตหรื อคน ทัว่ ไปพูดตาหนิติเตียนเอาได้ ในกรณีพ่อแม่บางคนมีลกู เป็ นตุ๊ด กะเทย เกย์ หรือ ทอม ถ้าเข้าใจและยอมรับในตัวลูกได้ จะไม่เกิดปัญหาอะไรมากมาย แต่ บางครอบครัวผู้ที่เป็ นพ่ อมักทำใจยอมรั บไม่ ได้ หรือไม่ มีควำม ภูมใิ จในตัวลูก มีอคติลาเอียงและมีท่าทีกบั ลูกไม่ดี พูดดุดา่ ว่า
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๖
เฆี่ยนตีลกู ทาลูกน้ อยใจ เสียใจ ร้ องไห้ ผูกเจ็บใจ เกลียดพ่อ(แม่) ไม่รักพ่อ ไม่ยอมรับพ่อในฐานะผู้บงั เกิดเกล้ า เมื่อลูกคนนันเติ ้ บโตขึ ้นมาเป็ นวัยรุ่น เป็ นผู้ใหญ่ จะอาภัพ เรื่องความรัก ชีวิตคู่ จะหารักแท้ไม่เจอ จะพบแต่คนหลอกลวงไม่ จริงใจ จะถูกคนรักทรยศ หักหลัง ไม่ซื่อสัตย์ ถูกเขารังเกียจ เอา เปรี ยบ เราต้ องเป็ นฝ่ ายง้ อและเสียเปรียบเขาตลอด ทังนี ้ ้ เพราะไม่ รัก/ปฏิเสธ ไม่ยอมรับพ่อในความเป็ นพ่อ และเกลียดพ่อนัน่ เอง ผลกรรมจะเบาบางจางไป ต่อเมื่อสานึกผิด รู้กรรมตาม เป็ นจริ ง เปลี่ยนความคิดใหม่ เริ่มให้ ความรัก เคารพ ยอมรับนับถือ ในความเป็ นพ่อผู้ให้ กาเนิด กล้ ากล่าวคาขอขมาโทษ ทาให้ พ่อแม่ ยอมรับในตัวเราได้ อย่างสนิทใจ ทาให้ ท่านมีหน้ ามีตา มีเกียรติไม่ อายใครที่มีลกู อย่างเรา กู้หน้ าตาศักดิ์ศรี ของท่านกลับคืนมา และ ทาให้ ท่านมีความภาคภูมิใจในตัวเราให้ ได้ มากที่สดุ
๙.กรรมทวงหนี้พ่อแม่
ในกรณีที่พ่อหรื อแม่ขอยืมเงินจากลูก ต่อมาลูกคนนันมา ้ ทวงหนี ้ที่ติดค้ างไว้ แต่ทางฝ่ ายพ่อหรือแม่ยงั ไม่มีเงินใช้ คืน ขอ เลื่อนไปก่อน ลูกเกิดความไม่พอใจ คิดว่า พ่อหรื อแม่จะคดโกง จึง ได้ ตอ่ ว่าพูดจาเสียดสี เหน็บแนม กระทบกระทัง่ หรื อนาเรื่ องนันไป ้ โพนทนาให้ คนอื่นฟั งว่า พ่อแม่เสียสัจจะ คิดจะโกงเงินตัวเอง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๗
ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้ จะมีเรื่องให้ถกู ต่อว่า ถูกทวงคืน เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินเงินทอง หรือหนี้บุญคุณจากคนที่คุณรัก เมื่อ ทวงหนี้พ่อแม่เรื่องใด จะติดขัดเรื่องนั้น ขณะที่วิบากกรรมนี ้ ส่งผล มักมีเหตุทาให้ เกิดความ ผิดพลาดเสียหายเรื่ องการเงิน ถ้ าให้ คนกู้ยืมเงิน พอถึงเวลา กาหนด เจ้ าหนี ้ไม่ให้ คืน จะต้ องไปตามทวงหนี ้ สุดท้ ายก็ถกู โกง แม้ เขาไม่โกงโดยตรง แต่อาจจะโกงทางอ้ อม เพราะไม่มีเงินใช้ คืน เมื่อมีปัญหาเรื่ องการเงิน บาปกรรมนี ้ จะผลักดันให้ ต้องไป กู้หนี ้ยืมสินคนอื่น พอถึงเวลากาหนดใช้ หนี ้ ไม่มีเงินให้ เขา จะถูก เจ้ าหนี ้พูดเหยียบย่าซ ้าเติมอย่างหนัก หรื อถูกสามี-ภรรยากีดกัน จากัดเรื่ องการใช้ เงิน ถูกทวงค่าขนม หรื อเรื่ องอืน่ ๆ จากลูก จากคน รักเสมอ ในกรณีทมี่ ีเหตุจาเป็ นต้ องหยิบยืมวัตถุสิ่งของเครื่ องใช้ คน อื่น พอเราเอาไปคืนเจ้ าของช้ าเกินกาหนด จะถูกทวงถาม ทาให้ เกิดความราคราญ ไม่พอใจ ทาลายมิตรภาพให้ คลอนแคลน
๑๐.กรรมเก็บค่าเช่าพ่อแม่
สาหรับคนในเมืองหลวง ในกรณีพ่อหรื อแม่ย้ายเข้ ามาอยู่ ในบ้ านเดียวกันกับลูก และผู้เป็ นลูกได้ เก็บค่าเช่าบ้ านจากพ่อหรือ แม่ หรื อบางกรณี ท่านเต็มใจให้ หรื อไม่ได้ เต็มใจก็ตาม ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้ มักจะมีเรื่องทาให้เศร้าใจ ทุกข์ ทรมานใจเกี่ยวกับการเงิน แม้จะหามาได้มาก แต่ก็เก็บได้ไม่นาน มักจะมีปัญหาเรื่องค่าเช่าเป็นประจา ทาคุณกับคนไม่ขนึ้ ถูกทรยศหัก
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘๘
หลังจากคนที่ไว้ใจเสมอ เนื่องจากเขามองไม่เห็นคุณของเรา เพราะ เรามองข้ามพระคุณของพ่อแม่ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล มักมีปัญหาเรื่ องค่าเช่าสารพัดรูปแบบ ถ้ ามีกิจการบ้ านเช่า อาคาร หอเช่า จะไม่มีลกู ค้ าเข้ ามาเช่า หรื อมี คนเข้ ามาเช่า แต่จะมีปัญหาตอนเก็บค่าเช่า เพราะเขาจะเบี ้ยวไม่ ยอมจ่าย พลัดวันประกันพรุ่ง ทาให้ ธรุ กิจเรื่ องการเช่า มีปัญหา ติดขัด รายได้ น้อย ขาดทุนสูญกาไร เป็ นหนี ้สูญ บางคนผู้ยงั มีกรรมนี ้ติดตัว ถึงเราจะทาดี หรื อมีพระคุณกับ ใครมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เขาจะไม่เห็นบุญคุณของเรา ลืม พระคุณที่เราเคยได้ ช่วยเหลือ ปฏิเสธบุญคุณที่เราเคยมีให้ หรื อว่า ต่อมาภายหลัง ทังสองฝ่ ้ าย จะมีเรื่ องไม่เข้ าใจกัน เข้ าใจกันผิด ขัด ใจกัน ทาให้ ต้องเลิกคบกัน เมื่อกรรมทวงหนี ้พ่อหรือแม่ออกฤทธิ์ ต่อเนื่อง คนที่เราเคยช่วยเหลือเกื ้อกูล เขาจะมองไม่เห็นบุญคุณ ของเรา มองข้ ามหัวเราไป เห็นเราเป็ นคนไม่สาคัญ ไม่เห็นเราใน สายตาเหมือนสานวนที่วา่ “ทาคุณแก่ใครเหมือนไฟตกน้า”
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๑.กรรมทาร้ายร่างกายพ่อแม่
๑๘๙
ลูกที่ทาร้ ายร่างกายของพ่อแม่ด้วยการชก ต่อย ตบ ตี ทุบ เตะ ถีบ ฟาดเป็ นต้ น เป็ นเหตุให้ พ่อแม่ได้ รับความเจ็บปวด อักเสบ เคล็ดขัดยอก บอบช ้า พิการ หรื อเกิดความเสียใจอย่างหนัก ผลกรรมตามมา : เมื่อกรรมนี ้ส่งผล จะทาให้ ลกู คนนัน้ มี อันเป็ นไปอย่างใดอย่างหนึง่ ในเรื่ องดังต่อไปนี ้ ๑. ได้รับทุกขเวทนาอย่างหนัก คือ ได้รับความเจ็บปวดอย่าง หนักอันเกิดจากโรคร้าย พิษจากบาดแผล โดนยาพิษ โดนไฟไหม้ น้า ร้อนลวก โดนยิง แทง ถูกทาร้ายร่างกาย หรือเกิดเคล็ดขัดยอกอันเกิด จากอุบัติเหตุต่างๆ ตกเลือด เสียเลือดมาก เพราะไปทาแท้งกับพวก หมอเถื่อน ทาให้แผลติดเชื้อ อักเสบเรื้อรัง ๒.เสื่อมทรัพย์สมบัติ คือ ประสพกับความพินาศแห่งโภค สมบัติ เช่น ธุรกิจมีปัญหา ค้าขายขาดทุน โดนโกง โดนภัยพิบัติทาง ธรรมชาติ เช่น น้าท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น ทาให้ข้าวของเครื่องใช้ เสียหาย ใช้การไม่ได้ต้องเสียเวลา เสียเงินมาซ่อมใหม่ ๓.ถูกทาร้ายร่างกาย จนทาให้สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ใช้อวัยวะส่วนไหน ข้างไหนทาร้ายท่าน มักจะเกิดอุบัติเหตุกับอวัยวะ ส่วนนัน้ ทาให้ถลอก เคล็ด ขัดยอก ฟกช้า อักเสบ ฉีกขาด หัก พิการ หรือ อวัยวะส่วนนั้นๆ เป็นโรคร้ายจนถึงขนาดต้องตัดทิง้ เมื่อมีเรื่อง ทะเลาะวิวาทกันกับคูก่ รณีหรือคนรัก เช่น แฟน หรือลูก เป็นต้น เขา เทียบเคียงจากเรื่ องพระมหำโมคคัลลำนเถระ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๔
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๐
มาทาร้ายร่างกายหรือทาให้ได้รับบาดเจ็บทั้งมีเจตนาโดยตรงและโดย อ้อม หรือในกรณีถูกรุมทาร้ายร่างกาย โดนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ สาหัส จะไม่ได้รับความยุติธรรมจากคู่กรณี ทาให้เจ็บตัวฟรี ช้าใจ เปล่า โดยที่ไม่สามารถทาอะไรเขาได้เลย ๔. เจ็บป่วยอย่างหนัก คือ เกิดการล้มป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ไม่ สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น เป็นโรคเบาหวาน เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตเป็นระยะเวลายาวนานหรือตลอดชีวิต หรือทาให้เกิดโรค ร้ายแรง เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็ง เนื้องอก ภูมิแพ้ เป็นต้นทาให้ สูญเสียเงินทองมากมายในการรักษา หรือเป็นโรคเรื้อรังถึงขนาดต้อง ตัดอวัยวะบางส่วนทิ้งไป ๕. มีเหตุทาให้ต้องกลายเป็นคนวิกลจริต คือ มีจิตฟุ้งซ่าน มี อาการทางสมอง จิตไม่ปกติ เป็นบ้า เป็นโรคประสาท เป็นคนไม่เต็ม บาท ขี้หลง ขี้ลืม กลายเป็นคนคิดมาก มีเรื่องทาให้ต้องวิตกกังวล เครียดจัด ควบคุมตัวเองไม่ได้ มีอาการประสาทเพี้ยนจนถึงขนาดพูด หรือหัวเราะอยู่คนเดียว ๖.ต้องราชภัย คือ ถูกถอดยศ ลดตาแหน่ง หักเงินเดือน มี เหตุขัดแย้ง ขัดใจกับผู้ใหญ่ เจ้านาย หัวหน้า หรือผู้บังคับบัญชา ถูกไล่ ออกหรือโดนให้พักงาน โดนรัฐบาลยึดทรัพย์สนิ เงินทองของมีคา่ ถูกเจ้าหน้าที่ตารวจ-ทหารออกหมายจับกุม เป็นแพะรับบาป ถูกไล่ล่า จากเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย เช่น ตารวจ ทหาร เจ้าพ่อ นักเลง หรือถูกลงประชาทัณฑ์
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๑
๗. ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง คือ ถูกใส่รา้ ยป้ายสี โดนซุบซิบ นินทา กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง โดน เจ้านาย/เพื่อน/ลูกน้องจับผิดทั้งๆที่ไม่ได้ทาผิด โดนกลั่นแกล้ง มีคดี ความ ถูกฟ้องร้องทัง้ ที่ตนเองไม่ได้ทาความผิด ๘.เสื่อมญาติ คือ เครือญาติมีอันเป็นไปต่างๆ เช่น เป็นโรค ร้าย ล้มป่วยไม่สบาย เกิดอุบัติเหตุทาให้เสียชีวิต หรือ สูญเสียอวัยวะ สาคัญ จนถึงพิการ หรือญาติพี่น้องเกลียดชัง เอือมระอาไม่คบค้า สมาคมด้วย ปฏิเสธให้การช่วยเหลือ ไม่ส่งเสริมสนับสนุนเหมือนเดิม ๙.ทรัพย์สมบัติพินาศย่อยยับ คือ โภคทรัพย์ฉิบหาย ใช้การ ไม่ได้ เช่น ข้าวกล้า ผักพืช ต้นไม้ ต้นกล้าโดนน้าท่วม ข้าวเปลือกเน่า ของมีค่า เช่น สร้อย แหวน นาฬิกา หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิด แตกร้าว หัก ชารุด ใช้การไม่ได้ สัตว์เลี้ยงต่างๆ เกิดโรคระบาด เป็น โรคห่า ไข้หวัดนก ล้มตาย ซึ่งต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายสูงมากในการดูแล รักษา ฟื้นฟูดูแล ๑๐. บ้านเรือนที่อยู่อาศัยถูกไฟไหม้ คือ เกิดไฟไหม้บ้าน โดน วางเพลิง ไฟฟ้าลัดวงจร มีเหตุทาให้ถูกไฟไหม้บา้ น ร้านหรือสถานที่ อยู่อาศัย ทาให้สูญเสียทรัพย์สิน หรือ ของมีคา่ และหลังตายแล้ว จะต้องไปเกิดในอบายภูมิ นรก หรือ กาเนิดสัตว์เดรัจฉาน
เทียบเคียงจากเรื่องนางกิสาโคตมี ทองกลำยเป็ นถ่ ำน ป.ธ. (แปล) ๔/๒๑๖-๒๒๒
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๒
ผลกรรมที่เกิดจากการทาร้ ายร่างกายพ่อ-แม่ ทัง้ ๑๐ ประการเหล่านี ้ ผู้เขียนได้ วเิ คราะห์และเทียบเคียงจากผลกรรมจาก การประทุษร้ ายพระอริ ยเจ้ าผู้บริ สทุ ธิ์ ซึง่ พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ ปรารภเหตุการณ์ที่ท่านพระมหาโมคคัลลานะถูกโจรลอบทาร้ าย ด้ วยการทุบตี จนต้ องปริ นิพพานในเวลาต่อมา สาหรับตัวกรรม ไม่ได้เป็นอจินไตย แต่การให้ผลของกรรม นั้นเป็นอจินไตย และเป็ นวิสยั ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าหรื อพระ อริ ยสาวกทังหลายผู ้ ้ ที่มีปรีชาญาณหยัง่ รู้เรื่ องนี ้โดยไม่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน แบบครบวงจรตลอดสาย ส่วนปุถชุ นแม้ ได้ ฌาน สมาบัติมีญาณหยั่งรู้บ้าง ก็รู้ได้เพียงบางส่วนอาจจะผิดบ้าง ถูกบ้าง เพราะเครื่องมือในการหยัง่ รู้ ตรวจสอบไม่มีคุณภาพเพียงพอ๘ เพราะฉะนัน้ ถ้ าใครคิดว่า จะพยายามรู้เรื่ องวิบากกรรม หรื อการให้ ผลของกรรมด้ วยการคิดนึกสุม่ เดาเอา หรื อด้ วยเชาว์ ปั ญญา พระพุทธองค์จงึ ตรัสว่า จะทาให้เป็นบ้า ฟุง้ ซ่านเสียเวลา เปล่า เพราะค้นหาในสิ่งที่เกินกาลังความสามารถของตนเอง
ดูเพิ่มเติมใน ม.อุ. (แปล) ๑๔/๓๕๖-๓๖๗ มหำกัมมวิภังคสูตร โดยปกติพวกฤาษี ดาบส นักบวชในลัทธิศาสนาอื่น แม้ ได้ ฌานสมาบัติ ก็ระลึกชาติของ ตัวเองหรือคนอื่นได้ ไม่ เกิน ๔๐ กัป สาหรับพระโพธิสตั ว์ที่ได้ ฌานอภิญญาที่เกิดขึ ้นใน สมัยไม่มีพทุ ธศาสนา ระลึกชาติของตนเอง/ผู้อื่น ก็ไม่ เกิน ๘๐ กัป ส่วนพระพุทธเจ้ า สามารถทาได้ ไม่มีขอบขีดจากัด ครบวงจรตลอดสาย ที.สี.(แปล) ๙/๑-๔๗ พรหมชำลสูตรและอรรถกถา, ธ.ป. (แปล) ๑/๕๖-๖๑ เรื่องติสสเถระ ๘
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๓
ถึงกระนัน้ แม้ เราท่านทังหลาย ้ จะยังเป็ นปุถชุ นและไม่มี ญาณหยัง่ รู้เรื่ องนี ้โดยตรงก็ตามที แต่เมื่อได้ อาศัยการศึกษาเรี ยนรู้ พุทธธรรมตามนัยจากพระสูตรและอรรถกถา และมัน่ สังเกตจดจา จากสิ่งที่เกิดขึ ้นกับตัวเองและคนอื่นด้ วยใจที่เป็ นกลาง ย่อมทาให้ เราฉลาด แตกฉาน รู้เข้ าใจลึกซึ ้งและได้ ประโยชน์ในเรื่องกรรมและ วิบากอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งจะเป็นพื้นฐานทาให้เชื่อมั่นในกฏแห่ง กรรมและเพิม่ พูนความเลื่อมใสศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ มากขึ้น
เมื่อบำปกรรมส่งผล
คนต้องเป็นไปตามกรรม
ตราบใดที่กรรมดียังไม่ให้ผล ตราบนั้น คนดีจะเห็นกรรมดีว่าชั่ว แต่เมื่อใด กรรมดีให้ผล เมื่อนั้นคนดีจะเห็นกรรมดีว่าดีแท้ “คนทาบาป ถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะดาลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึ่งที่คนทาบาปยืนอยู่แล้ว จะพ้นจากบาปกรรมได้” พุทธพจน์
ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๖๘
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๔
อำชีพ เป็นกรรม ผู้ฉลำดในเรื่องกฎแห่งกรรม..ชีวิต จะรุ่งเรือง บุคคลเป็นพราหมณ์ก็เพราะกรรมหรือไม่เป็นพราหมณ์ก็เพราะกรรม บุคคลเป็นชาวนาก็เพราะกรรม เป็นช่างศิลปะก็เพราะกรรม เป็นพ่อค้าก็เพราะกรรม เป็นผู้รับใช้ก็เพราะกรรม บุคคลแม้เป็นโจรก็เพราะกรรม เป็นทหารอาชีพก็เพราะกรรม เป็นปุโรหิตก็เพราะกรรม แม้เป็นพระราชา ก็เพราะกรรมทั้งนั้น บัณฑิตทังหลายผู ้ ้ มีปกติเห็นปฏิจจสมุปบาทมีควำมรู้ควำมเข้ ำใจ ในกรรมและผลของกรรม ย่อมพิจารณาเห็นกรรม ตามความ เป็ นจริ งอย่างนี ้ สัตว์ โลกย่ อมเป็ นไปตำมกรรม หมู่สัตว์ เป็ นไป ตำมกรรม สัตว์ทงหลายมี ั้ กรรมเป็ นเครื่ องผูกพัน เปรียบเหมือนรถ มีหมุดเป็ นเครื่ องตรึงไว้ แล่ นไปอยู่ บุคคลเป็ นพราหมณ์ได้ (พระ อรหันต์) เพราะกรรมนี ้คือ ตบะ(มีธดุ งค์เป็ นต้ น) พรหมจรรย์ (งด เว้ นจากเมถุนธรรม) สัญญมะ(ศีล) ทมะ(การฝึ กตน)นี ้ เป็ น คุณธรรมสูงสุดของพราหมณ์ วาเสฏฐสูตร ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๗๒-๕๘๒
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๕
กรณีตัวอย่าง : กรรมทาร้ายแม่ เรื่องนำยมิตตวินทุกะ ลูกอกตัญญู๙ ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้ ำ ณ เมืองพาราณสี มี ครอบครัวหนึง่ เป็ นคนมีฐานะร่ ารวยระดับเศรษฐีและเป็ นคนใจ บุญ ทังสองสามี ้ ภรรยา เป็ นคนดีมีศีลธรรมประจาใจ มีลกู ชายคน เดียว ชื่อ มิตตวินทุกะ ซึง่ เป็ นคนไม่เอาถ่าน ขี ้เกียจ ชอบทาอะไร ตามใจตนเอง ไม่รักดี ไม่มีศีลธรรม มักมีปากเสียงกับแม่เสมอไม่ ชอบเข้าวัดฟังธรรม มีมิจฉาทิฏฐิ ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษและ ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย หลังจากผู้เป็ นบิดาได้ ถงึ แก่กรรมลง ฝ่ าย มารดามีความต้ องการให้ เขาครอบครองสมบัติของตระกูลต่อไป แต่เขานันไม่ ้ ต้องการ อยากจะไปทาการค้ าขายทางเรื อมากกว่า ถึง แม่จะห้ ามอย่างไร เขาก็ไม่เชื่อฟั ง ยังจะฝื นไปให้ ได้ วันหนึง่ ในขณะที่เขากาลังจะออกเดินทางไปค้ าขายทาง ทะเลกับพรรคพวกประมาณ ๑,๕๐๐ คน แม่เดินมาห้ ามและ ขวางทางไว้ จับมือลูกชำยเพื่อห้ ามไม่ให้ เขาไป เขาได้ สลัดมือแม่ ขุ.ชำ. (แปล) ๒๗/๒๑๗-๒๑๘ มิตตวินทกชำดก, ขุ.ชำ. (แปล) ๒๗/๓๒๑-๓๒๓ จตุทวำรชำดก เหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นกับนายมิตตวินทุกะนี ้คล้ ายๆกับเรื่องพระธุดงค์บิณฑบาตกับ นางไม้ หรือรุกขเทวดา หรือเรื่องผีคาชะโนด จังหวัดอุดรธานีที่มาจ้ างภาพยนตร์ ไปแสดง และเรื่องคนถูกผีซอ่ น ปิ ดเอาไว้ อานุภาพแห่งเทวดา แล้ วหาไม่เจอ พอครบกาหนด ก็เดิน ออกมาจากพุม่ ไม้ กลับไปบ้ านอย่างนี ้ เป็ นต้ น ดูเทียบ ที.ปำ. (แปล) ๑๑/๒๔๗-๒๖๐ สังคีตสิ ูตรและอรรถกถา ขุ.เปต.(แปล) ๒๖/๑๖๗ เขตตูปมเปตวัตถุและอรรถกถา ๙
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๖
ออก เอำมือทัง้ สองข้ ำงผลักหน้ ำอกแม่ ให้ ล้มลง แล้ วเดินข้ ำม ศีรษะของแม่ ไป ในฐานะแม่ซงึ่ เป็ นคนใจดี มีคณ ุ ธรรม ย่อมรู้เรื่ องกรรมและ วิบากกรมเป็ นอย่างดี เมื่อลูกได้ ทาผิดต่อตนเอง ย่อมมีปัญญา ญาณหยัง่ รู้วา่ ลูกจะได้ ประสพกับเครำะห์ กรรมอะไรบ้ ำง แต่ เมื่อไม่สามารถห้ ามได้ จึงได้ แต่พดู ตามหลังเพื่อเป็ นเครื่ องเตือนใจ ว่า “ลูกมิตตวินทุกะเอย เมื่อเจ้าทาเช่นนี้กับแม่ อย่าคิดนะว่า การ เดินทางครั้งนี้ จะราบรื่นและปลอดภัย” แต่ผ้ เู ป็ นลูก กลับไม่ใส่ใจ ไม่ได้ สนใจกับคาพูดของแม่ผ้ ู หวังดี รี บก้ าวเดินและมุ่งหน้ าไปลงเรื อกับพรรคพวกที่ไปด้ วยกัน สิริกับกาลกิณีไปด้วยกันไม่ได้ ในวันที่ ๗ เรื อสาเภาที่เคยแล่นบนท้ องทะเลปกติ แต่วนั นัน้ กลับไม่มีลม ทุกอย่างนิ่งเงียบสงบ เรื อไม่เคลื่อนไหว แล่นต่อไป ไม่ได้ เนื่องจากผลแห่งบาปกรรมที่นายมิตตวินทุกะ ทาไว้กับแม่ ก่อนจะออกเดินทางเริ่มส่งผล เพื่อจะค้ นหาสาเหตุวา่ สถานการณ์ ที่เป็ นเช่นนี ้เกิดจากอะไรหรือเกิดเพราะใคร เนื่องจากคนในยุคสมัย นัน้ มีความเชื่อเรื่องโชคลาง ผู้ที่เป็ นหัวหน้ าเรื อ จึงได้ ทาสลากขึ ้น แล้ วนามาแจกให้ ลกู เรื อแต่ละคนจับ เพื่อจะพิสจู น์วา่ ใครเป็ นสิริ ใครเป็ นคนกาลกิณี ผลปรากฏว่า นายมิตตวินทุกะจับได้ฉลากที่เป็น เครื่องหมายกาลกิณีถึง ๓ ครั้ง ซึง่ ไม่ใช่เรื่ องบังเอิญ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๗
ชายผู้ที่เป็ นหัวหน้ าเรือ จะต้ องตัดสินใจเอาอย่างใดอย่าง หนึง่ ระหว่างชีวิตของนายมิตตวินทุกะคนเดียวกับอีกหลายชีวิต จึง สัง่ ให้ ผกู แพ แล้ วจับเขาโยนลงทะเล เพราะไม่ต้องการให้ คนอื่นต้ อง มาตายในกลางทะเลเพราะเขาเพียงคนเดียว แล้ วทันใดนัน้ ลมก็ โชยพัดมำ เรื อสำเภำ จึงแล่ นไปได้ เป็ นปกติ เมื่อบุญส่งผล...คนจึงประสพโชคดี แพน้ อยของนายมิตตวินทุกะคนล่วงเกินแม่ ได้ ลอ่ งลอยไป ตามกระแสคลื่น เขาได้ หลงพัดเข้ าไปในโลกอีกมิตหิ นึ่งในท้ อง ทะเลอันกว้ างใหญ่ คือ เขาได้ มาเจอเกาะน้ อยแห่งหนึง่ บนเกาะ แห่งนี้ เขาได้ พบกับนำงเทพธิดำ ๔ นำง ซึง่ เป็ นเวมำนิกเปรต อยู่ในวิมานแก้ วผลึก เมื่อยามพระจันทร์ข้างแรม นางฟ้าเหล่านี ้ จะต้ องไปรับทุกขเวทนาเป็ นเปรต อันเกิดจากผลของบาปกรรม กลายมาเป็ นนางชะนีเปรต ๗ วัน พอพระจันทร์ ข้างขึ ้น ถึงจะได้ รับ ความสุขซึง่ เกิดจากผลบุญอีก ๗ วัน จากนางชะนีเปรต ก็กลับกลาย ร่างมาเป็นนางฟ้า มีรูปร่างโสภา ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์งดงาม รับประทาน อาหารอร่อย หมุนเวียนสลับกันอยู่เช่นนี้ นายมิตตวินทุกะ ได้ เสวยทิพยสมบัติอยู่กบั นางเวมานิก เปรตเหล่านี ้ ๗ วัน ในวันและเวลาที่พวกเธอกลายร่างมาเป็ น นางฟ้า ครัน้ ถึงวาระที่จะกลายร่างมาเป็ นเปรต นางทัง้ ๔ ได้ สงั่ ไว้ ดูเพิ่ม เรื่องนำงเวมำนิกเปรตที่มีแต่ผม แต่ไม่มีเสื ้อผ้ าใส่ เพราะวิบากกรรมเคยลักขโมย เสื ้อผ้ าของคนขี ้เมาคนหนึ่ง ขุ.เปต.(แปล) ๒๖/๑๗๗ ขัลลำฏิยเปติวัตถุและอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๘
ว่า “อีก ๗ วัน เดี๋ยวพวกฉันจะมาใหม่ ท่านพี่ โปรดจงรออยู่ที่นี่ อย่าได้ไปไหน จนกว่าพวกฉันจะกลับมา” นายมิตตวินทุกะ คนมีบาปกับแม่ติดตัว ในใจมีแต่ความโลภ อยากได้ทรัพย์สมบัติและนางฟ้ามากกว่านี้ เพราะเป็นคนโลภมากไม่ รู้จักพอ เนื่องจากถูกบาปกรรมที่ทากับแม่ปกปิดเอาไว้ คิดอยู่ในใจ ตลอดเวลาว่า เราจะต้องเจอทรัพย์สมบัติมากกว่านี้แน่ๆ จึงล่องแพ เรื่ อยไป จนมาถึงเกาะน้ อยอีกแห่งหนึง่ ได้ มาพบกับนำงเวมำนิก เปรตอีก ๘ นำงในวิมำนเงิน ยิ่งทาให้ เชื่อมัน่ ขึ ้นไปอีกว่า เขาช่าง เป็นคนโชคดีอะไรขนาดนี้ และแล้ วเหตุการณ์ สถานการณ์ทกุ อย่าง ได้ ดาเนินไปเหมือนกับครัง้ แรกทุกประการ หลังจาก ๗ วันผ่านไป นายมิตตวินทุกะ ไม่ได้ สนใจเชื่อฟั ง คาของพวกนางเวมานิกเปรตสัง่ เอาไว้ จึงได้ ลอ่ งแพเรื่อยไปแบบไร้ จุดหมาย จนในที่สดุ ได้ ลอ่ งมามาถึงอีกเกาะหนึง่ ที่เกาะแห่งนี ้ เขา ได้ พบนางเวมานิกเปรตอีก ๑๖ นำง ในวิมานแก้ วมณี และอีก ๗ วันต่อมา ครัง้ สุดท้ าย เขาได้ มาพบนำงเวมำนิกเปรตอีก ๓๒ นำงในวิมำนทองบนเกาะอีกแห่งหนึง่ เขาได้ รับความสุขที่เหล่า นางเวมานิกเปรตมอบให้ และแล้ วเขา ก็จากพวกเธอไปเช่นเดิม เพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๙๙
เมื่อบุญหมด...บาปกรรมจึงตามทัน แพน้ อยของเขา ได้ ลอยล่องเรื่ อยไป จนมาถึงเมืองหนึง่ ซึง่ มีกาแพงล้ อมรอบ มีประตู ๔ ด้ าน ซึง่ เป็ นอุสสทนรก๑๐ เมืองนรก แห่งนี ้เป็ นที่อยูช่ ดใช้ กรรมของพวกสัตว์ นรกที่ได้ ล่วงเกิน ทำ ผิดต่ อพ่ อแม่ มำโดยเฉพำะ แต่เพราะอานาจบาปกรรมปิ ดตา บัง ใจ ทาให้ นายมิตตวินทุกะ มองเห็นเป็ นเหมือนเมืองแมนแดน สวรรค์ ท่ ีประดับตกแต่ งไว้ อย่ ำงงดงำม เขาคิดฝั นหวานเอาไว้ วา่ “จะเข้าไปเป็นพระราชาในเมืองนี้” พอเข้ าไปแล้ ว ได้ เห็นสัตว์ นรกตนหนึ่ง ที่กาลังถูกจักรเหล็กมี ปลำยแหลมคมพัดหมุนบดขยี ้ศีรษะด้ วยความเจ็บปวด แต่นาย มิตตวินทุกะคนมีบาป ถูกบาปกรรมนันบั ้ งตา จึงมองเห็นจักรนั้น เป็นเหมือนกับดอกบัว มองเห็นเครื่องจองจา ๕ แห่ง (ที่อก ที่มือ สองข้ างและเท้ าสองข้ าง)เหมือนสังวาล เครือ่ งประดับทรวงอก มองเห็นเลือดที่ไหลจากศีรษะเหมือนจันทน์แดงเครือ่ งประเทืองผิว มหำนรกมีทงหมด ั้ ๘ ขุม คือ ๑. สัญชีวนรก นรกที่ตายแล้ วฟื น้ ๒. กำฬสุตตนรก นรก สายบรรทัดเหล็ก ๓. สังฆำฏนรก นรกที่ถกู บดหรือหนีบ ๔. ชำลโรรุ วนรก (โรรุวนรก) นรกที่สตั ว์ร้องไห้ เพราะเปลวไฟ ๕. ธูมโรรุ วนรก(มหาโรรุวนรก) นรกที่สตั ว์ร้องไห้ เพราะ ควันไฟ ๖. ตำปนนรก นรกที่ทาให้ ร้อน ๗. ปตำปนนรก นรกที่ทาให้ ร้อนมาก ๘. อเวจี มหำนรก นรกที่มีแต่เปลวไฟตลอดเวลา มหานรกทัง้ ๘ ขุมนี ้ แต่ละขุมมีประตู ๔ ด้ าน ประตูหนึ่งๆ มีอุสสุทนรก (นรกบริวาร) ด้ านละ ๔ มหานรกขุมหนึ่งๆ จึงมีอุสสทนรก ๑๖ แห่ ง มหานรก ๘ ขุมมีอสุ สทนรก ๑๒๘ รวมกับมหานรก ๘ เป็ น ๑๓๖ ขุม ดู ขุ.ชำ. (แปล) ๒๘/๔๕-๕๔ สังกิจจชำดกและอรรถกถา ๑๐
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๐
ได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดและทรมานของสัตว์นรก เหมือนเสียงเพลงที่ไพเราะเพราะพริ้ง นายมิตตวินทุกะจึงเดินเข้ าไปหาสัตว์นรกตัวนัน้ แล้ วพูด เป็ นทานองขอร้ องว่า “ท่านได้ทัดทรงดอกบัวนี้มานานแล้ว ขอจง ให้แก่ข้าพเจ้าบ้างเถิด” สัตว์นรก ได้ ตอบเขาไปว่า “สหายเอย นีม้ นั ไม่ใช่ดอกบัวอย่างที่ท่านพูดนะ มันเป็นจักรเหล็กที่น่ากลัวมาก” เพราะอานาจแห่งกรรมปิ ดตา บังใจเขาไว้ จึงเชื่อในสิ่งที่ตน มองเห็นกับตา เขาคิดว่า บุรุษคนนันคงหวงแหนดอกบั ้ วนี ้ไม่อยาก ให้ เราเป็ นเจ้ าของครอบครอง จึงได้ พดู เป็ นเชิงต่อว่าออกไปว่า “ท่านพูดเช่นนี้ เพราะไม่อยากจะให้แก่ข้าพเจ้าใช่ไหมล่ะ” สัตว์นรกตนนี ้ จึงได้ คิดว่า “บาปของเราคงหมดสิ้นแล้ว ชาย คนนี้ คงจะล่วงเกิน ทุบตี ทาผิดต่อมารดามาแล้วเช่นกัน เราจะให้ จักรเหล็กนี้แก่มัน” แล้ วจึงพูดว่า “ สหายเอย เชิญท่านเดินเข้า มาใกล้ๆ มารับดอกบัวนี้ไป” แล้วขว้ างจักรไปบนศีรษะของนาย มิตตวินทุกะ จักรได้ตกลงสวมบนศีรษะเขา แล้วหมุนด้วยกาลังแห่ง กรรมประหนึง่ ว่าจะบดขยี้ศีรษะให้แหลกละเอียดเหมือนเครื่ องบดที่ บดเมล็ดงา เป็ นเช่นเดียวกับสัตว์นรกตนนันที ้ ่เคยได้ รับความทุกข์ ทรมานมาก่อนนี ้ โดยทีเ่ ขาก็ไม่สามารถจะยกออกไปจากศีรษะได้ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี ้ นายมิตตวินทุกะจึงได้ ร้ ูวา่ ดอกบัว นี้ ไม่ใช่ดอกบัวจริงๆ แต่มันเป็นจักรเหล็กที่น่ากลัวมาก แต่กว่าจะ มารู้ความจริ ง มันก็สายไปเสียแล้ ว เขาจึงได้ รับทุกขเวทนาแสน
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๑
สาหัส ร้ องไห้ คร่ าครวญว่า “เชิญท่านมาเอาจักรนี้ไปเถิด ข้าพเจ้าไม่ ต้องการมันแล้ว มันไม่ใช่ดอกบัวดังที่ข้าพเจ้าเห็น” ในขณะนัน้ สัตว์นรกผู้มีบาปกรรมที่ทาไว้ กบั พ่อแม่หมดสิ ้น แล้ ว ได้ จตุ ิเคลื่อนย้ ายหายตัวไป คือ ตายแล้ วไปเกิดในภพภูมิอื่น
เมื่อกรรมบังตำ จึงได้มำ เห็นกงจักร..เป็นดอกบัว นายมิตตวินทกะถามรุ กขเทวดาโพธิสตั ว์วา่ “เมืองนี้มี ๔ ประตู มีกาแพงเหล็กมั่นคง ข้าพเจ้าได้ทากรรมชั่ว อะไร จึงถูกกักขังไว้ ประตูทุกบานได้ถูกปิดไว้ ข้าพเจ้าถูกขังเหมือนกับนก ...เทพผูค้ วรบูชา เหตุอะไรหนอ ข้าพเจ้าจึงถูกจักรบดขยี้... จักรบนศีรษะ ของข้าพเจ้า จะอยู่นานสักเท่าไรเล่าหนอ กี่พันปี...ข้าพเจ้าถามแล้ว ขอท่าน จงบอกเรื่องนั้นแก่ข้าพเจ้า” รุ กขเทวดาตอบว่า “มิตตวินทกะ ท่านจงฟังข้าพเจ้า เจ้าต้องระลึกถึงให้มาก ตระหนักไว้โดยยิ่ง จักรยังคงพัดผันอยู่บนศีรษะของเจ้า เมื่อเจ้ามีชวี ิตอยู่ ก็ จะไม่พ้นมันหรอก...” จตุทวำรชำดก ขุ.ชำ.(แปล) ๒๗/๓๒๑-๓๒๒
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๒
ในเวลานัน้ เทพบุตรโพธิสัตว์เกิดเป็นรุกขเทวดา๑๑ ไปเที่ยวดูอุสสท นรกกับพวกบริ วาร จนถึงสถานที่ซงึ่ นายมิตตวินทุกะอยู่ พอเขา มองเห็นเทพบุตรองค์นี ้ จึงถามว่า “เมืองนี้มีประตู ๔ ด้าน มีกาแพง แข็งแรงทาด้วยเหล็กแดง ข้าพเจ้าได้ทาบาปอะไรไว้ จึงถูกกักขังไว้ เหมือนนก ประตูทั้งหมด จึงปิดแน่นหนา ข้าแต่เทพยดา เพราะเหตุใด ข้าพเจ้าจึงถูกกรงจักรพัดหมุนบนศีรษะเช่นนี้” เทพบุตร ตอบเขาไปว่า “เจ้าได้ทรัพย์มากมายถึงสองล้าน แล้ว แต่ไม่เชื่อฟังคาของมารดาผู้หวังดี พากันไปลงเรือ ออกแล่นเรือ ไปในทะเลกว้างเพื่อค้าขาย ได้เจอนางเวมานิกเปรตทัง้ หมด ๖๐ นาง แต่ยังปรารถนาได้มากยิ่งไปกว่านั้น จึงได้มาถูกกรงจักรนี้พัดหมุนบน ศีรษะ เพราะความอยากไม่รู้จักพอ เจ้าเคยสมาทานรักษาอุโบสถศีล วันหนึ่ง แล้วมารดาได้ให้ทรัพย์พันหนึ่ง ในขณะทาการค้าขาย มีทรัพย์ พันหนึ่งเป็นต้นทุน และได้กาไรเพิ่มอีกถึงหนึง่ แสนสองหมื่น แต่ไม่ พอใจ ยังต้องการเพิ่มอีก หวังจะทาการค้าขายทางเรือ แม้แม่ห้ามไว้ ก็ไม่ฟัง ไม่เชื่อคาของแม่ แถมยังทาร้ายแม่ผู้มีพระคุณ แล้วหนีมา ค้าขายทางเรือ ในขณะที่เรือไม่สามารถจะแล่นต่อไปอีกได้ หยุดนิ่งกลางทะเล เพราะบาปกรรมที่เจ้าทาไว้กบั มารดา จึงถูกลอยแพไปตามท้องทะเล มาเจอพวกนางเวมานิกเปรต เพราะอานิสงส์ที่เคยรักษาอุโบสถศีล ในวันหนึ่ง แต่เจ้าก็ไม่รู้จักพอเพียง โลภมากไม่รู้จักประมาณ เมื่อบุญ เทพบุตรองค์ นี ้ คือ อดีตชาติของพระพุทธเจ้ าองค์ปัจจุบนั ซึง่ มีพระนามว่า โคดม ใน สมัยที่พระองค์เคยเกิดเป็ นรุ กขเทวดำ มาตรวจดูอสุ สทนรกกับพวกบริวาร-ผู้เขียน ๑๑
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๓
กุศลเก่าอันเกิดจากการรักษาอุโบสถศีลหมดแล้ว บาปกรรมที่เคยด่า ว่ามารดาและใช้มือผลักแม่ให้ล้มลง เดินข้ามศีรษะแม่ จึงได้มาเจอนรก ชื่ออุสสทะ แล้วถูกกรงจักรนีพ้ ัดหมุนบนศีรษะอย่างนี้ ” นายมิตตวินทุกะ พอได้ ฟังเรื่ องราวของตนเองดังนันแล้ ้ ว คิดว่า “เทวบุตรองค์นี้ ล่วงรู้กรรมที่เราทาไว้อย่างชัดแจ้ง ท่านคงจะรู้ ว่า เราจะพ้นจากบาปกรรมเมื่อไหร่” จึงได้ ถามต่อไปอีกว่า “ข้าแต่ เทพยดา กรงจักรจะหมุนศีรษะของข้าพเจ้าอย่างนี้ไปอีกกี่พันปี ถึงจะ หยุด” เทวดาที่เป็ นพระโพธิสตั ว์ ตอบว่า “เจ้าจงฟังให้ดี เจ้าจะต้อง ทนทุกข์ทรมานเจ็บปวดอย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน ไม่มีเวลากาหนด กรรมและผลของกรรมเป็นเรื่องยากที่ใครจะรู้ได้ ตราบใดที่เจ้ายังไม่ ตายและบาปกรรมที่เจ้าเคยทาไว้ยังไม่หมด ตราบนั้น จักรก็จะพัดหมุน บนศีรษะของเจ้าอยู่อย่างนี้ตลอดไป” ขณะที่นายมิตตวินทุกะฟั งคาตอบจบลง แม้ อยากจะถาม คาถามกับเทพบุตรองค์นนเพิ ั ้ ่มอีก แต่บาปกรรมก็ไม่เปิ ดโอกาสให้ เขาได้ ซกั ถามต่อไป จักรเหล็กได้ พดั หมุนเอาศีรษะเขาอย่างแรงจน ทนไม่ได้ ทางฝ่ ายเทพบุตรพร้ อมทังบริ ้ วาร เมื่อทาธุระเสร็จแล้ ว ได้ จากที่นนไป ั้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๔
ข้อคิด..คติธรรม สาหรับเรื่ องของนายมิตตวินทุกะนี ้ ถ้ าคนที่ได้ ศกึ ษาเรียนรู้ พุทธธรรมมาน้ อย มีหลักวิชาธรรมะไม่เพียงพอ แถมยังไม่มี ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่ องผีสางเทวดามาพอสมควร ยากที่จะเชื่อ ว่าเป็ นเรื่ องจริ ง แต่เรื่ องนี ้ อย่าลืมว่า พระพุทธองค์เป็ นผู้ตรัสเล่าเอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นครัง้ นัน้ ทรงยืนยันว่า ได้ เกิดเป็ นรุกขเทวดา ด้ วย เพราะฉะนัน้ ชาดกเรื่ องนี ้ จึงเป็ นเรื่ องที่ควรแก่การศึกษา วิเคราะห์ วิจยั ใช้ พิจารณญาณเพื่อให้ ได้ สาระประโยชน์จากกฎ แห่งกรรมที่เกิดจากการทาผิดต่อมารดา ถำมว่ ำ เพราะบาปกรรมอะไร คือ สาเหตุที่ทาให้ นายมิตต วินทุกะมีจิตใจพร่ามัว มืดบอด เลือกเดินทางผิด ตัดสินใจพลาด ประมาทในการใช้ ชีวิต เดินทำงทะลุมติ เิ ข้ ำไปในอีกโลกหนึ่ง ที่ เรี ยกว่า “อุสสทนรก” ทังที ้ ่ยงั ไม่ได้ ตายในรูปแบบของกำยเนือ้ แล้ วมองเห็น ได้ ยินและรับรู้สิ่งรอบข้ างผิดพลาดคลาดเคลื่อนจาก ความจริ งไปหมด คือ จิตใจเกิดภาวะพร่ามัว ฝ้าฟาง มืดบอด ไม่เชื่อฟังคาแนะนา ตักเตือนของมารดา มองไม่เห็นความหวังดี ปรารถนาดีของผู้มพี ระคุณ ดื้อรั้นดันทุรังจะต้องไปให้ได้ ทาร้ายร่างกายมารดา แล้วไม่สานึกผิด ไม่ได้ขอขมาโทษ ก่อนจากไป ตัดสินใจผิดอย่างใหญ่หลวงในการเดินทาง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๕
การเดินทางสะดุด ติดขัด เกิดปัญหา จับได้ฉลากกาลกิณถี ึง ๓ ครั้งซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถูกจับลอยแพ โดยไม่สามารถขัดขืนได้ ทุนหาย กาไรหด ชีวิตจิตใจระทดระทวย เผชิญภัยในทะเลอย่างโดดเดี่ยว ไม่ฟังคาตักเตือนด้วยความหวังดีของพวกเวมานิกเปรต เกิดความสาคัญผิดคิดว่า จะต้องพบเจอสิ่งที่ดีมากกว่านี้ มองเห็นเมืองนรกเป็นเมืองสวรรค์ เห็นสัตว์นรกเหมือนคนปกติธรรมดาทัว่ ไป มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว มองเห็นเครื่องจองจาเหมือนสังวาลย์เครื่องประดับ มองเห็นเลือดที่อาบไหลย้อยจากศีรษะของสัตว์นรกเหมือน จันทน์แดงเครื่องประเทืองผิว ได้ยินเสียงครวญคราง ด้วยความเจ็บปวดทรมานของสัตว์ นรกทีก่ าลังถูกจักรบดขยี้เหมือนเสียงดนตรีที่ไพเราะเพราะพริ้ง คำตอบ คือ เพราะผลกรรมจากการล่วงเกินทาผิดต่อแม่ผ้ ู มีพระคุณ คือ ไม่เชื่อฟั งในคาตักเตือนของมารดา พูดตาหนิและทา ให้ ท่านหกล้ ม โดยการเตะ แล้ วผลักให้ ล้มลงและเดินข้ ามร่างกาย ของท่านไปโดยขาดความเคารพยาเกรง ไม่สานึกผิดและไม่ขอโทษ แม้ สกั คาเดียว จากเหตุการณ์ดงั กล่าวข้ างต้ น นายมิตตวินทุกะ จึงชื่อว่า ได้ ทำผิดต่ อแม่ อย่ ำงหนัก ๒ กระทงด้ วยกัน คือ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๖
๑. ทาผิดต่อมารดาในฐานะผู้ให้กาเนิดและเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ การล่วงเกินในฐานะนี้ จัดเป็นบาปหนักอยู่แล้ว ๒. ทาผิดต่อมารดา ในฐานะที่เป็นคนดีมีศีลธรรมประจาใจ การล่วงเกินผู้มีคุณธรรมระดับนี้ ยิ่งเป็นบาปหนักเข้าไปอีกเพิ่มเป็น หลายเท่าพันทวี ผลกรรมจากการทาผิดต่อมารดาผู้ให้ กาเนิดและผู้ปฏิบตั ิ ธรรมตามอริ ยมรรคมีองค์ ๘ ด้ วยการพูดตาหนิ ด่าทอนัน้ มีโทษ มากกว่าการด่าว่านักบวช นักพรต ดาบส ฤาษี(ซึง่ ได้ ฌานอภิญญา ที่นบั ถือลัทธิศาสนาอืน่ ) ถึง ๗ ท่ ำนพร้ อมทังสาวกอี ้ กหลายร้ อย และมีโทษมากกว่าพูดตาหนิดา่ ว่าพระโสดำบัน พระสกทำคำมี พระอนำคำมีอีกด้ วย เพราะว่า มารดามีอปุ การคุณต่อลูกอย่าง มาก การด่าว่าและการล่วงเกินมารดาโดยการผลักให้ ล้มลงไปบน พื ้น แล้ วเดินข้ ามไปโดยขาดความเคารพ แม้ แม่เอง จะไม่ถือโทษ โกรธเคือง ไม่ได้ เอาผิด ไม่ได้ สาปแช่งลูกก็ตาม แต่ถงึ อย่างนัน้ มัน ก็ยงั เป็ นบำปเหมือนเดิม และเป็ นบาปหนักอีกด้ วย บาปนี้ไม่ใช่ แม่หยิบยื่นให้ ไม่ใช่แม่อยากให้เกิดขึ้นกับลูก แต่บาปนี ้เกิดจากการ กระทาของเขาเอง เมื่อเขาทากรรมใด เขาจะต้ องเป็ นผู้ได้ รับผล กรรมนันอย่ ้ างหลีกเลีย่ งไม่ได้ ดังนัน้ ขณะที่บาปกรรมนี ้เริ่มส่งผล ทาให้จิตของเขาพร่ามัว ฝ้าฟาง ความคิดอ่าน การรับรู้ผิดพลาดคลาดเคลือ่ น เมื่อใจพร่ามัว อ้ างแล้ ว ดูหน้ า ๓๘-๔๐
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๗
มืดบอด การรับรู้ทางอวัยวะนันๆ ้ เช่น ตาและหู เป็ นต้ นซึง่ ต้ องขึ ้น ตรงต่อใจ ย่อมผิดพลาดไปด้ วย เพราะเหตุนี ้เอง นายมิตตวินทุกะ จึงเห็นผิดเป็ นถูก เห็นชั่วเป็ นดี เห็นควำมวิบตั หิ ำยนะเป็ น ควำมสำเร็จ คิดว่า จะไปทาการค้าแสวงหาความร่ารวยเพื่ออนาคต อันสดใส แต่สุดท้าย ยังไปไม่ถึงดวงดาว เพียงแค่ ๗ วัน เมื่อบาปเริ่ม ส่งผล เขาก็ไปไม่รอด ถูกจับลอยแพกลางทะเล มีโอกาสได้ เสวยผล บุญจากการรักษาศีลอุโบสถกับนางเวมานิกเปรตชัว่ ระยะหนึง่ แต่ เพราะพลังบุญนันน้ ้ อย พลังบาปมากกว่า จึงทาให้ หลงผิด คิดว่า คงจะได้ เจอสิ่งดีๆมากกว่านี ้ เมื่อบุญเก่าหมดกาลังส่งผล บุญใหม่ก็ไม่เคยทาไว้ เลย ต้ องมาเจอกับความวิบตั ิ คือ เห็นเมืองนรกเป็นเมืองสวรรค์ เห็น กงจักรเป็นดอกบัว เห็นเครือ่ งจองจาเป็นสังวาลย์เครื่องประดับ เห็น เลือดที่อาบไหลย้อยจากศีรษะเป็นเหมือนจันทน์แดง สาหรับประเทือง ผิว ได้ยินเสียงครวญครางของสัตว์นรกทีก่ าลังถูกจักรบดขยี้ เหมือนเสียงดนตรีที่ไพเราะเพราะพริ้ง การรับรู้สมั ผัสของเขา คือ การเห็น การได้ ยินและการรับรู้ ต่างๆ เกิดผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปหมด เพราะบาปกรรมบดบัง จิตใจ และสุดท้ าย จึงต้ องมาถูกจักรพัดหมุนบนศีรษะทาให้ ได้ รับ ทุกข์ทรมานแสนสาหัส ขณะที่กรรมส่งผล แม้ เทวดำ จะมีฤทธำนุ ภำพแค่ ไหน ก็ช่วยอะไรไม่ ได้ เพราะไม่มีใครเก่งเกินกรรม เขา ต้ องทนทุกข์ไปอีกนานแสนนานโดยไม่มีเวลากาหนด ถึงจะหลุด พ้ นจากบาปกรรมอันหนักนี ้ได้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๘
จากเนื ้อหาของชาดกในเรื่ องนี ้ ชาวพุทธผู้ที่เชื่อมัน่ ในการ ตรัสรู้(ตถาคตโพธิศรัทธา)ความเป็ นสัพพัญญูของพระพุทธองค์ ฉลาดในเรื่ องกรรมและวิบากกรรม พึงมองให้ เห็นเป็ นธรรมะว่าเหตุ กับผลย่อมสอดคล้ องกัน ผลย่อมมาจากเหตุ ทาเหตุไว้ อย่างไร ย่อมก่อให้ เกิดผลอย่างนัน้ และเชื่อมัน่ ว่า ผู้ที่ลว่ งเกินทาผิดต่อพ่อ แม่อย่างหนัก มีแนวโน้ มที่เป็ นไปได้ อย่างมากว่า จิตใจของบุคคล เหล่านั้น จะเกิดอาการพร่ามัว ฝ้าฟาง มืดบอดจนถึงบอดสนิท แล้ว มองเห็นผิด เป็นถูก เห็นชั่วเป็นดี เห็นสิ่งอัปปรีย์ว่าเป็นสิริมงคล เห็น บาปเป็นบุญ มองเห็นเหล้า เบียร์ ไวน์ ยาบ้า ยาเสพติด ของมึนเมา ให้โทษทุกชนิดเป็นสิง่ ที่น่าลิ้มลอง มองเห็นแหล่งบันเทิงทั้งหลาย เหมือนเมืองสวรรค์ มองเห็นอาหารขยะ อาหารสาเร็จรูปทั้งหลาย เครื่องดื่มชูกาลัง เป็นของน่าเอร็ดอร่อยชวนชิม ฉะนัน้ ผู้ที่ติดยาเสพติดชนิดลงแดง ขณะที่ยาออกฤทธิ์ทา ให้ ผ้ เู สพเกิดอาการหูแว่ว ประสาทหลอน เห็นภาพไปเองทังๆที ้ ่สิ่ง เหล่านันไม่ ้ มีอยู่จริ ง แต่เขาก็เห็น ได้ยินเหมือนของจริง ฉันใด ผู้ที่ ล่วงเกินพ่อแม่ด้วยการคิดไม่พอใจ โกรธ เกลียดพ่อแม่ หรื อพูด ตาหนิติเตียน ดุดา่ ว่า พูดโต้ เถียง ทาร้ ายร่างกาย ชกต่อย ทุบตีท่าน เมื่อถึงคราวกรรมออกฤทธิ์ ส่งผล ย่อมทาให้ คนนัน้ มีอำกำร ผิดปกติทำงจิต คือ จิตเกิดอำกำรพร่ ำมัว มืดบอด คิดผิด เข้ ำใจผิด ทาให้ เกิดการรับรู้ผิด คลาดเคลื่อนจากความจริ ง ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่ องดังต่อไปนี ้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๐๙
การศึกษาเล่าเรียน เรื่องความรัก การแต่งงาน การเลือกคู่ชวี ิต การลงทุนในธุรกิจต่างๆ หน้าที่การงาน การศึกษาและปฏิบัติธรรม พร้อมทั้งการดาเนินชีวิตในทาง ที่ไม่ถกู ต้องเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิง่ จะมีเหตุชักจูง ผลักดันไปพัวพัน สนุกสนานเพลิดเพลินหลงระเริงกับอาชีพบาป อาชีพมืดทั้งหลาย เปลี่ยนชีวิตจากขาวเป็นดา กลายมาเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่มาเฟีย เป็น หัวหน้าแก๊ง เป็นแม่เล้า แมงดาคุมซ่อง ค้าของเถื่อนผิดกฎหมาย ค้าขายมนุษย์ ค้าน้ากาม ขายบริการทางเพศ มีเหตุผลักดันให้ไป เกี่ยวข้องกับอบายมุข การพนันทุกประเภท แหล่งสถานบันเทิง เริงรมย์ บ่อนคาสิโน ไนท์คลับ ผับ บาร์ ร้านคาราโอเกะ เห็นสิ่งเหล่านี ้ เหมือนสวรรค์ที่จะอานวยความสุขให้ ตนได้ เหมือนแมลงเม่ ำบิน เข้ ำกองไฟ๑๒ มีความรู้สกึ คึกคะนอง อยากจะลองสิ่งเสพติดให้ โทษทังหลาย ้ เช่น เหล้า วิสกี้ เบียร์ ไวน์ ยาบ้า โคเคน เฮโรอีน ฟิ่น บุหรี่ กัญชา กาว เป็นต้น เห็นเป็ นสิ่งที่น่าลิ ้มลอง ท้ าทาย เห็นเป็ น ของโก้ เก๋ อยากจะรับประทานอาหารประเภทอร่อยแต่ปาก แต่ทา ให้เสียสุขภาพ ก่อให้ เกิดโรคภัยไข้ เจ็บ เช่น ชอบกินแบบเปิ ปพิศดาร รับประทานอาหารที่ย่อยยาก เนื้อสัตว์ ของสดคาว อาหาร ๑๒
ขุ.อุ.(แปล) ๒๕/๓๐๖ อุปำติธำวันติสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๑๐
สาเร็จรูปทุกชนิด พิชซ่า คุกกี้ อาหารประเภทขัดขาว เส้นๆที่มีการ ปรุงแต่งสูง รสจัด ของหวานๆมันๆ กาแฟ ไอศกรีม น้าอัดลม เครื่องดื่มชูกาลังทั้งหลาย ส่วนอาหารที่มีประโยชน์ตอ่ สุขภาพ ร่างกาย จะเกิดอาการไม่อร่อย ไม่ถกู ปาก ไม่อยากรับประทาน สุดท้าย ผู้ที่ทาผิดต่อพ่อแม่สว่ นมาก มักจบชีวิตลงด้วยถูก ทรยศหักหลัง เพราะขัดแย้งผลประโยชน์ ทาให้อายุสนั้ ถูกวิสามัญ ฆาตกรรม ถูกข้อหาค้ายาเสพติดของผิดกฎหมาย บางราย มีบาปหนัก เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ทาให้ติดโรคเอดส์ เป็นโรคมะเร็ง เป็นโรคหัวใจ อัม พฤกษ์ อัมพาต ไขมันอุดตันเส้นเลือด หัวใจวายเฉียบพลัน เป็นโรค ไหลตาย เป็นทาสของสุรายาเสพติด ถึงขนาดลงแดง ครอบครัว แตกแยก ความรักเป็นพิษ เครียดจัดประสาทเสีย เป็นบ้า วิกลจริต ชีวิตตกอับ เหมือนตกนรกทัง้ เป็ น ทังนี ้ ้ เป็ นผลสืบเนื่องมาจาก บาปกรรมที่คิดตาหนิและพูดด่าว่าล่วงเกิน ทาผิดต่อพ่อแม่นนั่ เอง เพราะว่า ความคิด ทัศนคติ ค่านิยม นิสยั ความเคยชิน และ พฤติกรรมในการดาเนินชีวติ ของบุคคลนัน้ ย่อมเป็ นไปตามสิ่งที่แต่ ละบุคคล ได้ เคยสัง่ สม บ่มเพาะเอาไว้ ภายในจิตใจนัน่ เอง เมื่อเขาเพำะเมล็ดพันธุ์บำป อกุศลกรรมเอาไว้ พอถึง เวลาที่มนั งอก ผลิใบเจริ ญเติบโตขึ ้นมา ก็จะได้ รับดอก-ผลเช่นนัน้ เหมือนพุทธพจน์ที่วา่ “ปลูกพืชเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น๑๓ ผู้ทา ๑๓
สัง.สคำ.(แปล) ๑๕/๓๗๓-๓๗๔ สมุททกสูตร อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๑๐๔ ปั พพชิตอภิณหสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๑๑
บาปกรรม ย่อมได้รับผลเป็นทุกข์..เพราะกรรม(กุศลกรรม,อกุศลกรรม) เป็นเหตุทาให้สัตว์ดีหรือเลวแตกต่างกันไป ไม่มอี านาจอะไรอื่น นอกจากนี”้ สาหรับคนที่ไม่ได้ ลว่ งเกินพ่อแม่หรื อล่วงเกินบ้ าง แต่น้อย ไม่ได้ ทามาก อาจจะเหตุให้ เข้ าไปเกี่ยวข้ องกับอบายมุข การพนัน ยาเสพติด เป็ นต้ นบ้ าง แต่ ไม่ ตดิ ใจ ไม่ ตดิ นำน กลับตัวกลับใจ ได้ เร็ว ไม่ ถงึ ขนำดทำให้ เสียหำยมำกมำย ปั ญหาชีวิตเหล่านี ้ บางคนอาจจะคิดว่า เกิดจากอานาจมนต์ดา ไสยศาสตร์ หรื อภูตผี ปี ศาจก็เป็ นได้ ถ้ าเป็ นจริ งเช่นนัน้ เพราะบาปอกุศลที่เขาเคยทาไว้ ดึงดูดสิ่งเลวร้ ายเข้ ามาในชีวิต ที่จะต้ องทาให้ เขาเป็ นไปเช่นนัน้ หากไม่มีบาปกรรมเก่าเป็ นตัวชักนา ย่อมไม่มีอานาจลึกลับอะไรใน โลกนี ้ ทาอันตรายแก่ใครได้ เพราะขณะที่บาปกรรมส่งผล แม้ แต่ตวั เขาเอง ก็ไม่ร้ ู ไม่เข้ าใจว่า “เพราะเหตุใด เขาต้องมาเป็นอย่างนี”้ และ ก่อนที่เขาจะรู้ตวั สานึกได้ วา่ สาเหตุทชี่ ีวิตเขาต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ เกิดจากกรรมที่เคยล่วงเกินพ่อแม่เอาไว้ อาจจะใช้ เวลานานหลายปี หรื อสาหรับคนที่กรรมหนัก อาจจะไม่มีโอกาสสานึกเลย จนถึงวัน ตาย แม้ จะมีคนที่หวังดีมาให้ คาชี ้แนะหรื อตักเตือน อาจไม่รับฟั ง ไม่เชื่อเรื่ องเหล่านี ้ ซึง่ เป็ นสิ่งที่น่าสลดสังเวชใจอย่างยิ่ง เหมือน พุทธพจน์ที่วา่ “กัมมุนา วัตตะตี โลโกฯ สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม”๑๔ ๑๔
ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๗๒-๕๘๒ วำเสฏฐสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๑๒
๑๒. กรรมกีดกันคนรักพ่อแม่ ในกรณีบางครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน ต่อมาพ่อหรือแม่ ต้ องการแต่งงานใหม่ จึงนาเรื่ องนี ้ไปปรึกษาพวกลูก แต่ลกู บางคน ไม่เห็นด้ วย ปฏิเสธคนรักใหม่ของผู้บงั เกิดเกล้ า พูดกีดกันเพราะคิด ว่ากลัวคนนันจะมาหลอกแม่ ้ /พ่อ หรื อเกรงว่า เขาจะมาแย่งมรดกก็ ตามที ซึง่ ทาให้ ท่านอึดอัดทรมานใจหรื ออดมีคนรักใหม่เพราะ เกรงใจลูก ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้จะถูกกีดกัน กลั่นแกล้ง โดนแย่งชิง ความรัก คนรัก มีปัญหาเรื่องความรักไม่ลงตัว แม้ หนุ่มสาวจะรักกันจริ ง แต่จะมีเหตุทาให้ พอ่ แม่ หรื อ ญาติพี่น้องของเขาฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ ไม่เห็นด้ วย กีดกันและกลัน่ แกล้ งเนื่องจากฐานะทางการเงิน สังคม การศึกษาแตกต่างกัน มี ช่องว่างระหว่างนับถือศาสนาไม่เหมือนกัน หรื อเกิดเรื่ องราวแบบ รักสามเส้ า หญิงหนึง่ ชายสอง หรือชายสองหญิงหนึง่ เป็ นความรัก ที่ไม่ลงตัวผสมกับความอึดอัดทรมานใจ สุดท้ าย ทาให้ ความรักไม่ สมหวัง ไม่สมปรารถนา อกหัก ฝั นสลายเพราะกรรมทาให้ พ่อหรื อ แม่อดึ อัดใจเรื่ องความรัก/คนรัก
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๓.กรรมแต่งงานที่พอ่ แม่ไม่เห็นด้วย
๒๑๓
หนุ่มสาวบางคูร่ ักกัน แต่พ่อกับแม่ไม่เห็นด้ วยกับการคบ กัน หรื อไม่เห็นด้ วยกับการแต่งงานของลูก แต่ทางฝ่ ายลูกยังฝื นคบ กันอยู่ตอ่ ไป และบางคนหนักไปกว่านัน้ ฝื นแต่งงานกันทังๆที ้ ่ทาง ฝ่ ายพ่อแม่ไม่เห็นด้ วย ในบางกรณี การแต่งงานของลูกที่พอ่ แม่ไม่เห็นด้ วย แต่ฝืน ใจยอมให้ แต่งเพราะสงสารและเห็นใจ เนื่องจากว่า เด็กได้ เสียกัน จนท้ องก่อนแต่ง หนีตามผู้ชาย หรื อไม่ได้ คา่ สินสอดตามที่ผ้ ใู หญ่ ตกลงกันไว้ เมื่อเรื่ องมาถึงขนาดนี ้ จึงจาใจให้ แต่ง แต่ในใจส่วน ลึกๆของผู้เป็ นพ่อแม่นนั ้ ไม่ถกู ใจ ไม่พอใจ ไม่สบายใจ ผลกรรมตามมา : รักมีกรรม ชีวิตคู่ การแต่งงาน การครอง รักเกิดขัดข้อง ไปไม่รอด จะลงท้ายด้วยการหย่าร้าง แตกหัก เลิกลา เมื่อกรรมส่งผล จะทาให้ ความรักติดขัด คนรักขัดใจ ความเห็นขัดแย้ ง อาจถึงขนาดเตียงหัก รักร้ าว ชีวิตคูต่ ้ องอับเฉา โรยรา ทาให้ ครอบครัวความรักติดขัดมีปัญหา มีปากเสียงทะเลาะ วิวาทกัน สุดท้ าย ก็ไปกันไม่รอด ต้องเลิกรากันไป เพราะสุดจะทน ถ้า หากแม้นฝืนทนอยู่กินกันไป ก็มีแต่จะทรมานใจทั้งสองฝ่าย มีแต่เสีย กับเสีย และต่างฝ่ ายก็ยากที่จะปรับตัวเข้ าหากันได้ อยู่กินกันอย่าง เจ็บปวดทรมาน หน้ าชื่นอกตรม ระทมขมขื่น เมื่อมีลูกด้วยกัน จะทาให้เลีย้ งยาก พอโตขึ้นมา มักจะมีนิสัย ดื้อรั้น ก้าวร้าว เผาพลาญเงินทองพ่อแม่ บอกสอนไม่ได้ ไม่เชื่อฟัง ชอบเที่ยวสนุก ก็ไม่รู้จักรับผิดชอบ ขี้เกียจ เล่นเกม ไม่สนใจ ไม่เอาใจ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๑๔
ใส่ต่อการศึกษาเล่าเรียน หนีเรียน มีปัญหาเรื่องการเรียน ชอบไป เกี่ยวข้องกับอบายมุข การพนัน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มั่วสุมกับเพื่อนที่ไม่ ดี เสพสิ่งเสพติดให้โทษ แม้ พ่อแม่ให้ คาแนะนาสัง่ สอน ก็ไม่ฟัง ไม่ให้ ความเคารพ บอกสอนไม่ได้ ไม่สนใจไม่ใส่ใจ จะต่อต้ านโต้ เถียง ต่อปากต่อคา ใช้ คาพูดรุนแรง เถียงคาไม่ตกฟาก พูดคาเถียงคา ว่านอนสอนยาก ชอบขัดใจพ่อแม่อยู่เสมอ
๑๔. กรรมกักขังพ่อแม่
ลูกบางคนได้ กกั ขังพ่อหรื อแม่ซงึ่ แก่เฒ่าชราไว้ ในบ้ าน ใน รถ หรื อในสถานที่อื่นใดก็ตาม เพราะไม่มีคนดูแล ทาให้ พ่อแม่ไม่ได้ รับอิสรภาพ เดินทางไปไหนไม่สะดวก อึดอัดใจ หายใจไม่ได้ เพราะ ขาดอากาศ ได้ รับความยุ่งยากลาบากทังกายและใจ ้ ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้จะมีแต่เรื่องคับแค้นแน่นหัวอก อึด อัดน่าราคราญ แต่กแ็ ก้ไม่หลุด จะถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ไร้ซึ่ง อิสรภาพ เมื่อกรรมส่งผล จะทาให้ ชีวิตของเขาคนนัน้ ขาดอิสรภาพ บุคคลิกไม่สง่าผ่าเผย จิตใจอมทุกข์ ไม่สดชื่นเบิกบาน มีแต่เรื่อง วุน่ วายไม่ร้ ูจกั จบสิ ้น ทามาหากินไม่เจริ ญรุ่งเรื อง มีเหตุทาให้ เข้ าคุก ตาราง ถูกกักขังบริ เวณ เดินทางไปไหนไม่สะดวก หรือมีเหตุทาให้ ต้ องมาตายในรถ หรื อสถานที่คบั แคบ เพราะขาดอากาศหายใจ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๕. กรรมโกหกพ่อแม่
๒๑๕
ลูกบางคนชอบปกปิ ดและโกหกพ่อแม่เรื่องความรัก คนรัก เรื่ องเงิน เรื่ องการเรียนการศึกษา เพราะกลัวท่านเสียใจ หรื อด้ วย เหตุผลใดก็ตาม จะมีผลกรรม ดังนี ้ ผลกรรมตามมา : จะถูกหลอกเป็ นประจา จะเจ็บปวด ช้า ชอกใจ เพราะถูกคนรักโกหก ไม่ซื่อสัตย์จริงใจทั้งๆที่เราคิดจริงจัง เมื่อกรรมส่งผล พูดโดยภาพรวม โกหกพ่อแม่เรื่องอะไร จะ ทาให้ มีปัญหาติดขัดในเรื่ องนันๆ ้ หรื อจะถูกคนรัก เช่น แฟน สามีภรรยา หรือลูกโกหก คดโกง หลอกลวง ปกปิ ดซ่อนเร้ นอะไร บางอย่าง เมื่อมารู้ความจริงภายหลัง ทาให้ เราเจ็บช ้าใจ หรื อมักจะ ถูกเพื่อนรัก ทรยศ หักหลัง ไม่ซื่อสัตย์ คดโกงเงินทอง ในกรณีมีคน มาขอยืมเงินแล้ ว จะถูกชักดาบ ตุกติกคดโกง ไม่ใช้ คืน หรื อหากไม่ คดโกงโดยตรง แต่เขาก็ไม่มีเงินใช้ คืน ไม่อยากใช้ คืน จนเราไม่ อยากจะทวงถาม เพราะยิ่งทวง ยิ่งเจ็บใจ เพราะกรรมโกหกพ่อแม่ ชีวิต จึงย่าแย่ตกต่า ต้ องมาเสียสัจจะที่สญ ั ญาไว้ กบั คนอื่น มาผิด คาพูดที่ให้ ไว้ กบั ตัวเอง กลายเป็ นคนไม่เด็ดขาด ชอบลังเลใจใน เรื่ องต้ องเอาจริ ง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๖. กรรมทาให้พ่อแม่เป็นห่วง
๒๑๖
ชีวิตของคนวัยรุ่นหนุ่มสาว เป็ นวัยกาลังอยากเรียนรู้ ชอบ ความตื่นเต้ น สนุกสนาน ติดเพื่อน ชอบการกินเลี ้ยงปาร์ ตี ้ เล่น เที่ยวจนเกินขอบเขต ไม่โทรมาบอกพ่อแม่ กลับบ้ านดึก หรื อไม่ กลับบ้ านเลย เป็ นเหตุทาให้ พ่อแม่เป็ นห่วง วิตกกังวล กินไม่ได้ นอน ไม่หลับ คิดมากจนจิตใจฟุ้งซ่าน เครียดกับพฤติกรรมของลูก ซึง่ ลูกๆจะรู้ตวั หรือไม่ก็ตาม มีแนวโน้ มจะได้ รับผลกรรม ดังนี ้ ผลกรรมตามมา : เมื่อกรรมส่งผล ชีวิตจะวกวน สับสน วุ่นวาย จิตใจฟุ้งซ่าน สมาธิสั้น มีเรื่องทาให้กลุ้มใจ คิดไม่ตก ปลงไม่ได้ ขาดความมัน่ ใจ ตัดสินใจทาอะไรไม่เด็ดขาด ผิดนัดตลอดกาล ไปไม่ ทันเวลาที่กาหนด เมื่อมีคนรัก จะได้ แฟนขี ้หึง ชอบเอาแต่ใจตัวเอง ทาตามใจ ตัวเอง ไม่สนใจความรู้สกึ จิตใจของเรา และมักมีพฤติกรรม บางอย่างที่ไม่น่าไว้ วางใจ ส่อพิรุธที่ทาให้ เราต้ องมาติดตาม สืบ เสาะหาความจริ ง และอดเป็ นห่วงไม่ได้ จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทุกข์ทรมานใจ หรื อต้ องมาหึงหวงเกินกว่าเหตุ จนน่าอึดอัดรา คราญ ถ้ าหากมีลกู เขาจะมีพฤติกรรมบางอย่างเหมือนที่เราเคยทา มากับพ่อแม่ แล้ วจะต้ องทาให้ เราเป็ นห่วง กลุ้มใจกับการกระทา ของลูก และอาจจะต้ องเผชิญกับพฤติกรรมของคนรักเช่นนี ้ไปอีก นาน จนกว่าจะรู้ กรรมตามเป็ นจริ ง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๗. กรรมไม่เคารพพ่อแม่
๒๑๗
บุคคลผู้ที่แสดงกิริยาอาการไม่สภุ าพ ไม่เคารพ ไม่ยาเกรง ไม่ให้ เกียรติกบั พ่อแม่ เช่น ยืนพูดในขณะพ่อแม่นงั่ พูดเสียง กระโชกโฮกฮาก ทาหน้ าบูดบึ ้ง พูดกระทบกระเทียบเปรี ยบเปรย ทานองประชดประชัน พูดหักหาญน ้าใจพ่อแม่ ผลกรรมตามมา : จะได้คนรักไม่ถกู ใจ นิสัยไม่ดี แข็งกระด้าง ไม่นุ่มนวลสุภาพ ได้ลูกที่รูปร่างหน้าตาไม่สวย ไม่ถูกใจ นิสัยไม่เข้าท่า มารยาทไม่งาม หรือลูกน้องบริวารที่มาเกี่ยวข้องมักมีนสิ ัยดื้อรั้น ดัน ทุรัง เกเร อันธพาล นักเลง พูดจาไม่น่าฟัง แสลงหู ไม่เชื่อฟัง และมี เหตุทาให้ชกต่อยทะเลาะวิวาท นาปัญหาความเดือดร้อนวุ่นวายใจมา ให้เสมอ คนที่เรารัก เช่น แฟน สามี –ภรรยา ลูก พูดแสดงออกกับเรา อย่างไร เป็ นสัญญาณบอกให้ ร้ ูวา่ เราเคยพูดและทากับพ่อแม่ อย่างนันมาก่ ้ อน บัดนี ้มันย้ อนกลับมาทาร้ ายเราเอง เพราะกรรม คือ กฎแห่งการสะท้ อนกลับ หากรับมือไม่เป็ น ไม่ร้ ูเท่าทันเกมกรรม อาจจะทาให้ เสียน ้าตา เสียใจไปอีกนาน
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๑๘. กรรมไม่ได้ยกย่องเชิดชูพ่อแม่
๒๑๘
ลูกบางคน ไม่ได้ ยกย่องเชิดชูพ่อแม่ของตนเองเท่าที่ควรจะ เป็ น เพราะอยูห่ า่ งไกลกัน ไม่สนใจไร้ ความผูกพัน หรื อคิดว่า พ่อแม่ ยากจน แต่งตัวไม่สวย ไม่มีเกียรติศกั ดิ์ศรี ทาให้ อายเพื่อน อาย แฟน อายคนอื่น จึงทาตัวเหินห่าง มองข้ ามพ่อแม่ เมื่อตนเองได้ สาเร็จการศึกษา หรื อได้ รับเลื่อนขัน้ ยศ ตาแหน่งหน้ าที่การงาน ก็ ไม่เอาพ่อแม่มาออกงาน ไม่อยากให้ แฟน คนในครอบครัวของแฟน หรื อเพื่อนรู้วา่ พ่อแม่มีฐานะยากจน ทาให้ ท่านเกิดความน้ อยเนื ้อ ต่าใจในพฤติกรรมของลูก ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้กา้ วหน้าได้ยาก เลื่อนยศ เลื่อนขั้น ตาแหน่งหน้าทีก่ ารงานลาบาก มีดวงสกัดดาวรุง่ แม้เป็นคนเก่ง มี ความรู้ความสามารถดี แต่ขาดคนช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุน มีแฟน ก็โชว์ไม่ได้ เปิดเผยต่อสาธารณชนไม่สะดวก ไม่กล้าเอาออกหน้า ต้อง หลบๆซ่อนๆไม่สง่างามตามที่ควรจะเป็น ผู้ที่มีพฤติกรรมกับพ่อแม่ดงั กล่าวข้ างต้ น จะเป็ นคนมีนิสยั เย่อหยิ่ง ถือตัว ไม่ร้ ูจกั เอาใจคนอื่น พูดจาไม่ไพเราะ มีพฤติกรรม บางอย่างที่สอ่ พิรุธไปในทางไม่ดีงาม และจะไม่ได้ รับการยอมรับ แรงสนับสนุนจากพี่น้อง ญาติมิตร เพื่อนฝูง หรือคนรอบข้ าง เท่าที่ควร จะเจริ ญก้ าวหน้ าในตาแหน่งหน้ าที่การงานได้ ยาก ไร้ เกียรติ ไม่มียศศักดิ์ ไม่มีชื่อเสียง แม้ จะมีความรู้ความสามารถ เก่งกาจแค่ไหน ก็ก้าวไปไม่ถงึ เส้ นชัยได้ ต้ องหกล้ ม มีเหตุให้ ชีวิต
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๑๙
สะดุด หรื อหยุดกลางคัน เพราะไม่มีผ้ ใู หญ่สง่ เสริ มสนับสนุน ขาด คนอุปถัมภ์ ไม่มีทนุ ช่วยเหลือ ถ้ ามีความรัก คนรักและครอบครัว ความรักจะไม่สมหวังได้ ดังใจ คนที่ตวั เองได้ มา ก็ไม่ได้ รัก ไม่ได้ ภมู ิใจเท่าที่ควร ส่วนคนที่ ตัวเองรักจริ งๆ เขาก็ไม่รักเรา ไม่สนใจใยดีกบั เรา ไม่ได้ การยอมรับ จากคนรัก จะถูกคนรักปฏิเสธ หรื อไม่ยอมรับในความเป็ นสามีภรรยา หัวหน้ าครอบครัวหรื อในฐานะที่เป็ นพ่อแม่
๑๙.กรรมไม่เคารพเชือ่ ฟังพ่อแม่
ผู้ที่ยงั หาเงินใช้ เองไม่เป็ น ยังต้ องรบกวนเงินของพ่อแม่อยู่ เมื่อต้ องการซื ้อเครื่ องประดับ เช่น นาฬิกา สร้ อย แหวน หรือ โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน ไอแพด คอมพิวเตอร์ จักรยาน รถ มอเตอร์ ไซค์ รถยนต์ หรื อเครื่ องเล่นต่างๆ เป็ นต้ น ทางฝ่ ายพ่อหรื อ แม่ยงั ไม่เห็นด้ วย ไม่พร้ อมที่จะซื ้อให้ แต่ลกู อยากจะได้ มารบเร้ า แกมบังคับซื ้อให้ โดยที่ท่านเองไม่เต็มใจซื ้อให้ ผลกรรมที่ตามมา : ทาให้ เก็บเงินไม่อยู่ พอมีเงิน มักมีเรื่ อง ต้ องใช้ จ่ายโดยไม่จาเป็ น เมื่อมีแฟน มีคนรัก มีลกู มักจะเป็ นคนมี นิสยั ใช้ เงินแบบไม่ร้ ูจกั ประหยัด และจะมีเหตุทาให้ คนมาขอหยิบ ยืมเงินเสมอ ทาให้ เงินขาดมือตลอด วัตถุสิ่งของเครื่ องใช้ ที่ได้ มาโดยพ่อแม่ไม่เห็นด้ วย ไม่เต็มใจ ซื ้อให้ สิ่งของเหล่านัน้ จะใช้ งานไม่ได้ นาน มักจะมีเหตุทาให้ ชารุด เสียหาย ต้ องซ่อมบ่อย ถูกลักขโมย สูญหาย เพราะหลงลืมที่ไว้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๐
หรื อได้ รับอุบตั ิเหตุ ทาให้ ได้ รับบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะสาคัญ หรือ พิการอันเกิดจากรถคันที่ได้ มาโดยพ่อแม่ไม่ได้ เต็มใจซื ้อให้ นนั ้
๒๐. กรรมไม่ได้ติดต่อพ่อแม่
ลูกบางคนไม่ได้ ให้ ความสาคัญต่อพ่อแม่ ไม่ซึ ้งในหัวอก ความเป็ นพ่อแม่ อายที่มีพอ่ แม่ยากจน ไม่มีเกียรติศกั ดิ์ศรี ไม่สง่ ข่าวให้ พ่อแม่ได้ รับรู้ ปกปิ ดฐานะทางบ้ านไม่ให้ แฟนรู้ ขาดการ ติดต่อสื่อสาร ทาให้ พอ่ แม่คิดถึง เป็ นห่วง หรื อน้ อยใจที่ลกู ไม่ติดต่อ มา พ่อแม่บางคน รักและคิดถึงเป็ นห่วงลูกมาก จนต้ องออก ติดตามถามข่าวด้ วยความลาบากยุ่งยากนานัปประการ ผลกรรมตามมา : ชีวิตนี้ จะมีแต่เรื่องกลุ้มใจ วิตกกังวลกับ คนรัก แฟน หรือลูกเสมอ ถูกกีดกันกลั่นแกล้งไม่ให้อยู่ด้วยกัน อยู่ ห่างไกลกัน พลัดพรากจากกัน สุดท้าย ต้องมาโดดเดี่ยว เหงาว้าเหว่ เมื่อกรรมนี ้ส่งผล มีเหตุจะต้ องไปรักคนที่มีดเี หนือตัวเอง หลายอย่าง ทาให้ คนรัก ไม่ภมู ิใจ ไม่รักเรา และไม่แคร์ ความรู้สกึ จิตใจของเรา ทุกครัง้ ที่มีเรื่องขัดใจกัน เราจะต้ องเป็ นฝ่ ายง้ องอน ก่อนเสมอ หากมีเรื่ องทะเลาะกัน เขาจะเป็ นฝ่ ายขอบอกเลิกก่อน โดยที่ไม่สนใจความรู้สกึ ของเราว่า จะเจ็บปวดอย่างไรบ้ าง บางคน เมื่อมีคนรัก จะต้ องมีเหตุทาให้ อยู่ห่างไกลกัน ทา ให้ การติดต่อสื่อสารไม่สะดวก ตังตารอคอยรั ้ บโทรศัพท์ จดหมาย
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๑
หรื อข่าวคราวจากคนรัก จากลูก แต่กเ็ งียบหาย ไร้ วี่แวว ทาให้ ใจห่อ เหี่ยว ไร้ ความหวังสิ ้นกาลังใจ เพราะทาให้ พ่อแม่เป็ นห่วงกังวล ส่วนบางคนเคยทาให้ พ่อแม่เป็ นห่วงมาก จนถึงต้ องออกติดตาม ถามข่าว เมื่อกรรมส่งผล ตัวเองแต่งงานมีครอบครัว มีลกู สาวลูก ชาย ประวัติศาสตร์ ย่อมกลับมาซ ้ารอยเสมอ จะต้ องมาเป็ นห่วง กังวลทนทุกข์ทรมานกับพฤติกรรมของลูกที่เกเร ไม่เชื่อฟั ง ดื ้อรัน้ ดันทุรัง ไม่เอาถ่าน เกียจคร้ าน ไม่ร้ ูจกั รับผิดชอบต่อหน้ าที่ที่พ่อแม่ มอบหมายให้ เพราะลูกหนีเรี ยนบ้ าง ติดเพื่อน ติดเกม ติดอบายมุข การพนัน ยาเสพติดบ้ าง เคยทาให้ พ่อแม่ทกุ ข์ทรมานลาบากใจแค่ ไหน เราจะต้ องได้ รับผลกรรมนันเป็ ้ นร้ อยเท่าพันทวี และผลแห่ง กรรมนี ้ ยังต้ องเกี่ยวโยงไปถึงลูก หลาน เหลนอีกด้ วย อย่างไม่มีวนั สิ ้นสุด จนกว่าจะมาศึกษาเรี ยนรู้ธรรมะ รู้ซึ ้งถึงพระคุณของพ่อแม่ แล้ วแก้ กรรมตามพุทธวิธีอย่างถูกต้ อง
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๒
ปัญญา
คือ แสงสว่างที่แท้จริง สัตว์พวกหนึ่ง ย่อมเกิดในครรภ์ พวกที่ทาบาปกรรมย่อมไปนรก พวกที่ทาความดียอ่ มไปสวรรค์ ส่วนผูท้ ี่ไม่มีอาสวะย่อมนิพพาน “เมื่อโลกลุกเป็นไฟ (โลกคือหมู่สัตว์ถูกไฟ ๑๑ กอง คือ ราคะ โทสะ โมหะ ชาติ ชรามรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส แผดเผา) อยู่เป็นนิตย์ ทาไม จึงมัวหัวเราะร่าเริงกันอยู่เล่า เธอทั้งหลายถูกความมืดปกคลุม ไฉนไม่แสวงหาดวงประทีป(คือปัญญาญาณ)กันเล่า” พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๐, ๗๗
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๓
สรุปผลกรรมจำกกำรทำผิดต่อพ่อแม่ มารดาบิดา เป็ นบุคคลที่มีพระคุณใหญ่หลวงนัก หากผู้ใด เคยคิดไม่ดี พูดตาหนิดา่ ว่าหรื อทาร้ ายร่างกายท่านทังสอง ้ บุคคล นัน้ ชื่อว่าได้ ทาผิดต่อผู้มีพระคุณอย่างใหญ่หลวง เมื่อบาปกรรมนี ้ ส่งผล ออกฤทธิ์ ย่อมทาให้ ผ้ นู นั ้ จะต้ องมีอนั เป็ นไปไม่อย่างใดก็ อย่างหนึง่ หรื อ หลายอย่าง ดังนี ้ ๑. ทาให้ความเจริญทางโลกและทางธรรม หยุดชะงัก ไม่ สามารถเจริญก้าวหน้าได้อีกต่อไป มีแต่จะทรงกับทรุดเท่านั้น ๒.สิ่งที่เคยประสพความสาเร็จหรือเคยเจริญรุ่งเรืองมาแล้ว ทั้งทางโลกและทางธรรม จะเกิดภาวะเสื่อมถอย พินาศ ประสพกับ ความหายนะแห่งโภคสมบัติ เช่น ธุรกิจมีปัญหา ค้าขายขาดทุน โดน โกง ได้รับความวิบัติจากภัยธรรมชาติ เกิดไฟไหม้บ้าน โดนวางเพลิง ไฟฟ้าลัดวงจร มีเหตุทาให้ถูกไฟไหม้บ้าน ร้านหรือสถานที่อยู่อาศัย ทาให้สูญเสียทรัพย์สิน ของมีค่า พืชพันธุ์ธญ ั ญาหารต่างๆ ข้าวกล้า โดนน้าท่วม ข้าวเปลือกเน่า ของมีค่าต่างๆ เช่น สร้อย แหวน นาฬิกา หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ า มีเหตุทาให้เกิดแตกร้าว หัก ชารุด ใช้การ ไม่ได้ รวมถึงสัตว์เลี้ยงต่างๆ จะเกิดโรคระบาด เป็นโรคห่า ไข้หวัดนก ล้มตาย เสื่อมทางธรรม คือมีเหตุทาให้จิตใจตกต่า ทาให้เสียศีล สมาธิ เสื่อมถอย และปัญญาอับเฉา หรือความรู้ ความคิดอ่านที่เคยฉลาด ปราดเปรื่องในเรื่องธรรมะ ก็กลับมามืดมนอนธนาการ เสื่อมถอย แม้
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๔
เวทย์มนต์ คาถาที่เคยขลังศักดิ์สิทธิ์ และฌานสมาบัติ ฤทธิ์อภิญญา ต่างๆเสื่อมถอยด้อยคุณภาพ ทาไม่ได้อีกเหมือนเดิม ๓.ตัดสินใจผิด และทาให้เกิดความผิดพลาดเสียหายในเรื่อง การศึกษาเล่าเรียน ความรัก คนรัก การแต่งงาน การลงทุน สุขภาพ และการดาเนินชีวิต ๔.เกิดความหลงตัวเองว่าเป็นคนสาคัญ หากเป็นนักบวช จะ เกิดหลงเข้าใจผิดคิดว่า ในนิมิตต่างๆ หรือสาคัญว่า ตนเองได้บรรลุ ธรรม ได้สาเร็จมรรคผลนิพพานขั้นใดขั้นหนึ่งทัง้ ๆที่ไม่ใช่ ๕.ขยันแทบตาย ทาดีมาตลอด แต่ไม่เจริญก้าวหน้า ความดี เป็นหมันไม่ผลิดอกออกผล และคนอื่นมองไม่เห็นความดีอันนั้น ทาให้ ท้อแท้เบื่อหน่ายต่อการทาดี จึงประชดชีวิตด้วยการทาชั่วสารพัดอย่าง ๖. ถูกล่วงเกินทางเพศ ถูกข่มขืนกระทาชาเรา ทาให้ท้องก่อน แต่ง หรือท้องในขณะไม่พร้อม จนต้องตัดสินใจทาแท้ง หรือว่ามีเหตุทา ให้ผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างร้ายแรง และมีเหตุ ผลักดันให้ไปเกี่ยวข้องกับอาชีพมืด อาชีพบาปทั้งหลาย เช่น ค้าขาย ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าน้ากาม ค้าอาวุธ ยาพิษ สุรายาเสพติด ของ มึนเมาให้โทษ รับจ้างทาแท้งเถื่อน รับสินบน ทุจริตคอรัปชั่น ต่อมาถูก ทางการจับได้ จนถึงขนาดถูกจับเข้าคุกตาราง ถูกถอดยศ ลดตาแหน่ง หักเงินเดือน ถูกไล่ออกหรือโดนให้พักงาน ๗. ถูกใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องไม่จริง โดนเจ้านาย เพื่อน หรือ ลูกน้องจับผิดทั้งๆที่ไม่ได้ทาผิด ต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๕
๘.ถูกทาร้ายร่างกาย จนทาให้สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือได้รับความเจ็บปวดอย่างหนัก ซึ่งอาจจะเกิดจาก พิษจาก บาดแผลผ่าตัด ศัลยกรรมเป็นพิษเพราะทาผิดพลาด โดนสารเคมีที่มี พิษเข้าตา โดนไฟไหม้ น้าร้อนลวก หรือเกิดเคล็ดขัดยอก ตกเลือด เนื่องจากเสียเลือดมากเพราะไปทาแท้งกับพวกหมอเถื่อน ทาให้แผล ติดเชื้อ อักเสบเรื้อรัง หรือ เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคเอดส์ หรือว่า เป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารปนเปื้อนสารเคมี อาหารจาน ด่วน อาหารที่อร่อยแต่ปาก แต่มีโทษมากผ่านการขัดขาว ฟอกสี แต่ง กลิ่น แต่งรส ประเภทหวานๆ มันๆ เครื่องดื่มชูกาลังต่างๆ แล้วทาให้ เกิดโรคความเสื่อม เป็นโรคมะเร็ง เนื้องอก เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดัน เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น ส่วนจะมี อาการหนักหรือเบามากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของ บาปกรรมที่ทากับไว้พ่อแม่วา่ มากหรือน้อย ๙.ทาให้สมาธิสั้น ความจาเลอะเลือน จดจาอะไรไม่ได้นาน เรียนหนังสือไม่ได้ ความจาสัน้ ขี้หลงขี้ลืม จิตใจเม่อลอย คิดเลื่อยปื่อย ไม่มีจุดหมาย มีอาการผิดปกติทางสมอง ประสาทหลอน เป็นโรค ประสาท เป็นคนไม่เต็มบาท ปัญญาอ่อน เป็นบ้า วิกลจริต ๑๐.คนผู้เป็นที่รกั ทั้งหลาย เช่น พ่อแม่ พี่น้อง สามี-ภรรยา บุตร-ธิดาและเครือญาติ มีอันเป็นไปต่างๆ เช่น เป็นโรคร้าย ล้มป่วย ไม่สบาย เกิดอุบัติเหตุทาให้เสียชีวิต หรือ พิการ ต้องมาสูญเสียเงิน ทองมากมายเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือว่า ทาให้ญาติพี่น้อง ไม่
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๖
พอใจ โกรธเคืองเอือมระอาไม่คบค้าสมาคมด้วย ไม่ให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ๑๑. ทาให้อายุสั้น ตายโหง มีเหตุทาให้เสียชีวิตก่อนวัยอัน สมควร และหลังตายแล้ว จะต้องไปเกิดในอบายภูมิ นรก หรือ กาเนิด สัตว์เดรัจฉาน ผลกรรมที่เกิดกับบุคคลผู้ได้ คิดหรื อพูดตาหนิติเตียนด่าว่า พ่อแม่ดงั ที่กล่าวข้ างต้ นนัน้ ย่อมเป็ นไปเองตามเหตุปัจจัยครรลอง กฎแห่งกรรมที่แต่ละคนได้ ทาไว้ ในอดีต ไม่มีอานาจสัง่ การของ บุคคลอื่นใดที่บงั คับบัญชาการให้ เป็ นเช่นนันได้ ้ นอกจากผลของ กรรม กล่าวคือ กฎแห่งการสะท้ อนกลับ
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
กรรมวิบำก..เป็นอจินไตย
๒๒๗
บางคนยังไม่มีความเชื่อมัน่ ในพุทธธรรม อาจจะสงสัยว่า เพราะเหตุใด การคิดไม่ดี พูดตาหนิติเตียนด่าว่าพ่อแม่เพียงแค่นั้น จะมีวิบากกรรมตามมามากมายขนาดนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร เรื่ อง กรรมวิบากหรื อผลของกรรมนี ้ ชื่อว่า เป็ นสิ่งที่ละเอียดอ่อนลึกซึ ้ง ยากที่ปถุ ชุ นคนทัว่ ไป จะศึกษาทาความเข้ าใจให้ แจ่มแจ้ งได้ ใน ระยะเวลาอันสัน้ เพราะเป็ นอจินไตย คือ เป็ นสิ่งที่ไม่สามารถจะ เข้ าใจได้ เพียงแค่คิดนึกตรึกตรองเอาเองด้ วยเชาว์ปัญญา๑๕ แต่ เป็ นความรู้เหนือประสาทสัมผัส เป็ นวิสยั ของพระอริยเจ้าทั้งหลายผู้ ฉลาดในเรื่องกรรมและวิบากกรรมเท่านั้น๑๖ที่จะเข้ าใจแจ่มแจ้ งแทง ตลอดได้ จงดูตวั อย่างจากเมล็ดข้ ำวเปลือก ๑ เมล็ดที่นาไปปลูก ในดินที่อดุ มสมบูรณ์ ชุม่ ด้ วยน ้า มันจะงอกเป็ นต้ นข้ าวหลายสิบต้ น แต่ละต้ น จะออกรวงหลายสิบเมล็ด เมื่อเมล็ดข้ าวแก่สกุ งอม ล่วง หล่นบนพื ้นดิน ก่อให้ เกิดเป็ นต้ นข้ าวอีกมากมาย ไม่มีที่สิ ้นสุด เหมือนกับโครงสร้ างและหน้ าที่ของอวัยวะต่ ำงๆภายในร่างกาย ของเรา เช่น สมอง หัวใจ เม็ดเลือดขำว ตับ-ถุงน ้าดี ไต-กระเพาะ ปั สสาวะ ม้ าม-กระเพาะอาหาร ลาไส้ เล็ก และลาไส้ ใหญ่ เป็ นต้ น ผู้ ที่ไม่มีความรู้การศึกษาดี ย่อมไม่ทราบถึงหน้ าที่การทางานของมัน แม้ หากเกิดโรคร้ าย อาการผิดปกติกบั อวัยวะเหล่านี ้ ยากที่จะรู้ สาเหตุและวิธีการรักษาเยียวยาอย่างถูกต้ องปลอดภัย เรี ยกว่า มัน ๑๕ ๑๖
อัง.จตุก.(แปล) ๒๑/๑๒๒ อจินเตยยสูตร ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๗๒-๕๘๒ วำเสฏฐสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๘
เกินวิสยั เป็ นอจินไตยสาหรับคนธรรมดาทัว่ ไป แต่ไม่ได้ เป็ น อจินไตยสาหรับผู้ที่เป็ นแพทย์/หมอ หรื ออุปมาเหมือนการ ประดิษฐ์ เครื่ องยนต์ ทีวี คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ไอโพน ไอ แพท เป็ นต้ น ไม่ใช่วิสยั ของตาสีตาสา ยายมียายมา คนไม่ร้ ูหนังสือ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะสร้ างมันขึ ้นมาได้ แต่เป็ นวิสยั ความสามารถของพวกวิศวกร สถาปนิก และพวกผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเชี่ยวชาญในด้ านนี ้โดยเฉพาะ ฉันใดก็ฉนั นัน้ แม้ ท่านพระสารี บตุ รและท่านพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกทัง้ สอง สามารถระลึกชาติได้ แค่เพียง ๑ อสงไขยกับอีกแสนกัป เกิน กว่านัน้ ไม่อาจทาได้ ส่วนพระปั จเจกพุทธเจ้ า สามารถระลึกชาติได้ ๒ อสงไขยกับอีกแสนกัป เกินกว่านันก็ ้ ไม่อาจทาได้ เช่นกัน เพราะ เกินความรู้ความสามารถหรื อเกินวิสยั ของตนเอง สาหรับพระ สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีขอบขีดจากัด เพราะทรงมีสพั พัญญุตญาณ มีกัมมวิปำกญำณ๑๗ ไม่ติดขัด แบบ ครบวงจรตลอดสายทังอดี ้ ตปั จจุบนั และอนาคต เพราะเหตุนนั ้ พระองค์จงึ สามารถหยัง่ รู้กฎแห่งกรรมของสัตว์โลกทังหลายตาม ้ เป็ นจริ ง ไม่มีผิดพลาดคลาดเคลื่อน เมื่อพระองค์ทรงมีปรี ชาญาณเช่นนัน้ และทรงยืนยันความ จริ งอย่างนัน้ เราท่านทังหลายในฐานะเป็ ้ นชาวพุทธ เป็ นผู้ปฏิบตั ิ ตามจะเชื่อหรื อไม่เชื่อพระองค์ ก็ขึ ้นอยู่กบั กาลังสติปัญญา บุญ ๑๗
อัง.ทสก.(แปล) ๒๔/๔๓-๔๗ สีหนำทสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๒๙
บารมีของแต่ละบุคคล แต่สาหรับผู้ที่เป็ นอริ ยสาวก ตังแต่ ้ พระ ๑๘ โสดำบันขึ ้นไป ผู้มีตถำคตโพธิศรั ทธำอย่างหนักแน่นมัน่ คงไม่ หวัน่ ไหว ย่อมเชื่อทุกอย่างที่พระศาสดาตรัสสอนไว้ โดยที่ไม่มี ความลังเลสงสัยว่าจะไม่เป็ นจริ ง
ทุกอย่าง...สาคัญที่ใจ “ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สาเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทาอยู่ก็ดี ความสุขย่อมไปตามเขา เหมือนเงาไปตามตัว ฉะนั้น” พุทธพจน์ ธ.ป. (แปล) ๑/๓๕-๕๒
๑๘
อัง. สัตตก. (แปล) ๒๓/๑๐๙-๑๑๑ สีหเสนำปติสูตร อัง.สัตตก.(แปล) ๒๓/๑๓๒-๒๓๕ สัตตสุริยสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ กรรมวาไรตี้ ผลกรรมจากการทาผิดต่อพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๐
ในโลกนี้ไม่มีใคร...เก่งเกินกรรม บุคคลควรละเว้นบาปทัง้ หลาย ดุจพ่อค้าทีม่ ีทรัพย์ มาก แต่มีพวกน้อย หลีกเลี่ยงทางที่มีภยั และดุจคนรักชีวิต หลีกเลีย่ งยาพิษ ฉะนั้น “บุคคลใดประทุษร้ำยต่อคนผู้ไม่ประทุษร้ำย เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน บำปย่อมกลับมำถึงบุคคลนั้นซึงเป็นคนพำลอย่ำงแน่แท้ ดุจผงธุลีอันละเอียดทีบุคคลซัดไปทวนลม ฉะนั้น คนทาบาป ถึงจะเหาะขึน้ ไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจาก บาปกรรมถึงจะดาลงไปกลางทะเล ก็ไม่พน้ จากบาปกรรม ถึงจะ เข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดิน สักส่วนหนึ่งที่คนทาบาปยืนอยู่แล้ว จะพ้นจากบาปกรรมได้ พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๐, ๗๑
บุคคลผูท้ ี่สุ่มเสี่ยง ต่อการล่วงเกินทาผิดต่อพ่อแม่
ในสังคมยุคปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงอย่างมากถึง ๙๙ เปอร์เซ็นต์ของคนไทยชาวพุทธ หรือผู้คนทั่วโลก ไม่วา่ ครอบครัวของ ผู้ดีมีจน ตระกูลสูงหรือว่าตระกูลต่า่ นับตั้งแต่พระราชามหากษัตริย์ จนถึงยาจกวนิกพก คนรวยหรือคนจน คนฉลาดหรือคนโง่ คนมี การศึกษามากหรือมีการศึกษาน้อย ส่วนมากล้วนแล้วแต่เคยคิด น้อยใจ โกรธเคือง หรือเคยพูดต่าหนิติเตียนด่าว่าพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า มาด้วยกันทัง้ นั้น ส่วนใครจะล่วงเกินมากหรือน้อย ท่าบ่อยหรือนานๆ ครั้ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่เคยล่วงเกินบิดำมำรดำเลย แม้กระทั่งควำมคิด คงหำได้ยำกในโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ เกิดมาและอยู่อาศัยในครอบครัวที่มพี ฤติกรรม มีลักษณะนิสัย ดังต่อไปนี้ มีความสุ่มเสี่ยงอย่างมากต่อการล่วงเกินพ่อและแม่ผู้ บังเกิดเกล้า คือ ๑.คนที่เป็นก่าพร้ามาตั้งแต่เกิด เนื่องจากพ่อหรือแม่ตายจาก พลัดพราก ถูกทอดทิ้ง ต่อมามีคนอื่นน่าไปเลี้ยงดู อยู่ในฐานะเป็น ลูกบุญธรรมของคนอื่น
ยกเว้นบางคนที่มีคุณธรรมแก่กล้า เช่น ผู้มีอุปนิสัยบรรลุมรรคนิพพานในชาตินี้ บุคคล ประเภทนิยตโพธิสัตว์ หรือผู้ได้ท่าบุญไว้ดีแล้วในชาติปางก่อนพร้อมทั้งได้กัลยาณมิตรที่ดีคอย ชี้แนะ อาจจะไม่ผิดพลาดในการล่วงเกินพ่อแม่ แต่คงมีน้อยมาก-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑ ผู้สุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๒
๒.คนที่มีพ่อแม่หย่าร้าง เลิกรากัน แยกทางกันไม่ได้อยู่ ด้วยกัน ต่างคนต่างอยู่คนละทิศละทาง ท่าให้ลกู ไม่มีโอกาสปรนนิบัติ เลี้ยงดู ส่งเสียพ่อหรือแม่อย่างเต็มที่ ๓.คนที่เกิดมาเป็นบัณเฑาะก์ เช่น กะเทย (ตุ๊ด) เกย์ ทอม ดี้ เลสเบี้ยน คนที่มีเพศก่ากวมหรือมีสองเพศ กล่าวคือ มีทั้งเพศหญิง เพศชายในคนเดียวกัน(อุภโตพยัญชนก) ท่าให้พ่อหรือแม่ไม่พอใจ ไม่ ภาคภูมิใจ ยอมรับไม่ได้ ก่อให้เกิดการขัดแย้ง มีปากเสียง แล้วล่วงเกิน พ่อแม่ได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อ เพราะพ่อมักจะมีอคติล่าเอียง ไม่ ภูมิใจ ไม่พอใจกับลูกประเภทนี้ ๔.ผู้หญิงทีถ่ ูกพ่อบังเกิดเกล้า ได้ลวนลามทางเพศ ข่มขืน กระท่าช่าเรา ๕.แม่ที่ได้เสีย มีเพศสัมพันธ์กับลูกเขย ไม่ว่าจะเพราะเหตุผล ใดก็ตาม ท่าให้ผู้ที่เป็นลูกสาวท่าใจยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ อดคิด อกุศลกับแม่ไม่ได้ ห้ามที่จะไม่พูดต่าหนิต่อว่าแม่ได้ยาก เพราะเป็นเรื่อง สะเทือนใจอย่างแรง ๖.คนที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ปู่ย่าตายาย หรือป้าลุง น้าอา พีน่ ้อง หรือญาติคนใดคนหนึ่งเอาไปเลี้ยงเป็นลูก เป็นต้น ๗.คนที่มีพ่อแม่ที่เป็นคนเจ้าระเบียบ เข้มงวดกวดขัน จริงจัง กับลูกมากเกินไป อารมณ์รอ้ น โมโหร้าย ปากจัด เอาแต่ใจตนเองไม่มี เหตุผล ชอบพูดค่าหยาบ พูดดุ ด่า พูดจาสาปแช่งลูกอยู่เป็นประจ่า
อริ ยปุ วาท ๑ ผู้สุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๓
๘.คนที่พ่อหรือแม่ทา่ โทษ โดยใช้ความรุนแรงกับลูก เช่น ทุบ ตี ท่าร้ายร่างกาย หรือเฆี่ยนตีลูกจนได้รับความบอบช้่า บาดเจ็บ ๙.ผู้ที่มีพ่อแม่เป็นคนเจ้าชู้ มั่วสุมอบายมุข ติดการพนัน เสพ และติดสุรายาเสพติด บุหรีห่ รือเครื่องดองของเมา ไม่รับผิดชอบต่อ ครอบครัว หรือเป็นผู้ค้ายาเสพติด ๑๐.ผู้ที่มีพ่อแม่(สามี-ภรรยา) ชอบมีปากเสียง ทะเลาะวิวาท ตบตี ชกต่อยกันให้ลูกเห็นอยู่เสมอ ท่าให้ลูกคิดไม่ดี คิดดูหมิ่น พูด ต่าหนิพ่อแม่ ๑๑.ผู้ที่พ่อหรือแม่ไม่ฉลาดในการแบ่งทรัพย์มรดก หรือแบ่ง ให้ลูกไม่เท่ากัน ท่าให้ลูกบางคนไม่เข้าใจ ริษยาพี่น้องที่ได้มากกว่าตน ท่าให้คิดไม่ดีกับพ่อแม่วา่ มีอคติล่าเอียงรักลูกไม่เท่ากัน แล้วเป็นเหตุ โกรธเคือง พูดต่าหนิติเตียนนินทาท่านทัง้ ต่อหน้าหรือลับหลัง ๑๒. พ่อแม่ที่กีดกัน ปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับลูกในเรื่องคนรัก การคบเพื่อนชาย-หญิง การแต่งงาน หรือหนีตามผู้ชาย ต่อมาท่าให้ ท้องก่อนแต่ง เป็นต้น ซึ่งเป็นชนวนท่าให้ลูกเกิดความไม่พอใจ โกรธ คิดไม่ดีกับพ่อแม่ ๑๓.ลูกที่ไม่เอาถ่าน เกียจคร้านท่าการงาน เจ้าชู้ ติด อบายมุข การพนัน ดื่มสุรายาเสพติด ท่าให้พ่อแม่ เกิดความระอา ต้อง บ่น ดุด่าว่า ก่อให้เกิดความไม่พอใจ ๑๔.ลูกที่พ่อหรือแม่หนีออกจากครอบครัวตัง้ แต่เด็กจนโต แล้วไม่ได้กลับดูแลปู่-ย่า ตา-ยาย
อริ ยปุ วาท ๑ ผู้สุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๔
๑๕.ลูกทีพ่ ่อแม่แต่งงานกันโดยที่ทางฝ่ายปู่-ย่า ตา-ยาย ไม่ได้ ยินยอมพร้อมใจเต็มที่ หรือลูกที่แม่ท้องก่อนแต่ง/ท้องในขณะไม่พร้อม ไม่อยากเอาไว้ คิดหรือพยายามจะเอาออก ท่าแท้ง แต่เปลี่ยนใจใหม่ ๑๖. ผู้ที่เกิดในครอบครัวพ่อแม่ยากจน ด้อยการศึกษา ต่อมา ตนเอง ได้มีโอกาสไปเล่าเรียนในเมืองใหญ่จนมีความรู้ จบปริญญา ได้ เลื่อนยศ ต่าแหน่ง มีหน้าทีก่ ารงานดี ชื่อเสียงโด่งดัง เช่น ข้าราชการ ครู ทหาร ต่ารวจ นักธุรกิจ นักกีฬา นักร้อง นักแสดง หรือนักบวชที่ ได้ต่าแหน่งเจ้าคุณ พระครู เปรียญธรรมทั้งหลาย เป็นต้น แต่ลืมชาติ ก่าเนิดของตนเอง คิด/พูดลบหลู่คุณของผู้ให้กา่ เนิด ๑๗.ผู้ที่เกิดในตระกูล ครอบครัวมิจฉาทิฏฐิทงั้ หลาย จิตใจ มืดบอด ไม่รู้ ไม่เข้าใจและไม่ซาบซึ้งในพระคุณของพ่อแม่ ย่อมสุ่มเสี่ยง ต่อการล่วงเกิน ท่าผิดต่อท่านได้ง่าย บุคคลที่อยู่ในครอบครัว สิง่ แวดล้ อม สถานการณ์และตก อยู่ในสภาพการณ์อย่างนี ้ มีน้อยคนที่จะเข้ าใจและยอมรับได้ แต่ ส่วนใหญ่ จะอดคิดตาหนิติเตียนพ่อแม่ไม่ได้ ดังนัน้ โอกาสที่จะมี มโนกรรมฝ่ ายอกุศล ด้ วยการคิดน้ อยใจ คิดโกรธเกลียดเคียดแค้ น ไม่พอใจ หรื อพูดจาล่วงเกินพ่อหรื อแม่ จึงเป็ นไปได้ สงู อย่างมาก ซึง่ เข้ าข่ายเป็ นกรรมหนักเป็ นอริ ยปุ วาทกรรม อีกทังไม่ ้ มีโอกาสได้ ตอบบุญแทนคุณผู้ให้ กาเนิดเหล่านันอย่ ้ างเต็มที่เท่าที่ลกู ควรจะทา ได้ หรื อมากพอควร
อริ ยปุ วาท ๑ ผู้สุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๕
เพราะฉะนัน้ เมื่อฐานบุญจากการเลี ้ยงดูบิดามารดาไม่มี หรื อมีน้อยมาก ผนวกกับกรรมล่วงเกินท่านอีก ชีวิตการเป็ นอยู่ใน ปั จจุบนั ไม่วา่ จะอยู่ในวัยเด็ก วัยรุ่น หนุม่ สาว หรื อวัยสูงอายุ เป็ น ผู้ใหญ่ ทังหญิ ้ งและชาย ผู้ที่ติดกรรมกับพ่อแม่เหล่านี ้ จึงยังต้ อง ติดขัดสารพัดเรื่อง ทาให้ ชีวิตโดยภาพรวมตกต่าย่าแย่ เพราะไม่ เข้ าใจซึ ้งในบุญคุณของบิดามารดา ไม่ได้ เลี ้ยงดูเอาใจใส่ให้ ดี แถม ยังได้ ลว่ งเกินท่านเข้ าไปอีก ทังนี ้ ้ทังนั ้ น้ เพราะความเขลาเบา ปั ญญาไม่ร้ ูเท่าทัน ไม่ฉลาดในกรรมและวิบากกรรมเรื่องอริ ยปุ วาท นี่เอง หากลูกคนใดรู้ตวั ว่ายังมีความน้ อยใจ หรื อไม่พอใจ โกรธ เคืองพ่อแม่ อย่าได้ เก็บกิเลส เชื ้อบาปเหล่านี ้ไว้ ในใจเด็ดขาดเพราะ มันเป็ นเสมือนยาพิษชนิดร้ ายแรง สามารถออกฤทธิ์ทาอันตราย ต่อชีวิตของเราได้
รวมไปถึงผู้ที่เคยล่วงเกินพ่อแม่มาก่อนหน้านี้ ต่อมา ได้เข้ามาบวชเป็นภิกษุสามเณร หรือแม่ ชีก็ตาม หากยังขอขมาโทษไม่ถูกต้องตามพุทธวิธี วิบากกรรมนั้นยังไม่คลายไปจากใจ ชื่อว่า ยัง ติดหนี้กรรมอันนี้อยู่ ท่าให้มีอุปสวรรคในการปฏิบัติธรรมได้-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑ ผู้สุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๖
คนทำชั่ว ไม่รักดี ย่อมมีภัย เป็ นไปไม่ได้เลยที่บุคคลผูป้ ระกอบกายทุจริ ต..วจี ทุจริ ต..มโนทุจริ ต... หลังจากตายแล้วจะไปเกิดในสุคติโลก สวรรค์ เพราะความประกอบกายทุจริ ตเป็ นเหตุเป็ นปัจจัย แต่ เป็ นไป ได้ที่บุคคลผูป้ ระกอบกายทุจริ ต..วจีทุจริ ต..มโนทุจริ ต... ลัง จากตายแล้วจะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะความ ประกอบกายทุจริ ตเป็ นเหตุเป็ นปัจจัย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็ นเหตุให้กศุ ล ธรรมที่ยงั ไม่เกิดขึ้น ก็ไม่เกิดขึ้น หรื อที่เกิดขึ้นแล้วก็เสื่ อมไป เหมือนมิจฉาทิฏฐิน้ ี เมื่อเป็ นมิจฉาทิฏฐิ กุศลธรรมที่ยงั ไม่ เกิดขึ้นก็ไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วก็เสื่ อมไป เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นเหตุให้มิจฉาทิฏฐิที่ ยังไม่เกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วก็เจริญยิง่ ขึ้นเหมือนอ โยนิโสมนสิการ เมื่อมนสิการโดยไม่แยบคาย มิจฉาทิฏฐิที่ยังไม่ เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วก็เจริญยิง่ ขึ้น พุทธพจน์ อัง.เอก. (แปล) ๒๐/๓๖,๓๘ เอกธัมมบาลี
พุทธวิธี ห้ามจิต..หยุดคิดอกุศลกับพ่อแม่ บุคคลผู้ที่เคยคิดไม่ดีไม่งาม คิดอกุศล คิดจับผิด คิดเพ่ง โทษพ่อแม่มาก่อน เมื่อได้ ศกึ ษาเรี ยนรู้ธรรมะ ซาบซึ ้งในพระคุณ ของมารดาบิดา ตระหนักถึงโทษจากการล่วงเกิน เข้ าใจในกฎแห่ง กรรมอย่างแจ่มแจ้ งแล้ ว อย่าได้ เก็บเชื ้อบาป เมล็ดพันธุ์อกุศลนัน้ ไว้ ในจิตใจอีกต่อไป พึงทาลายเชื ้อบาปอกุศลนันโดยเร็ ้ ว อย่าได้ รอช้ า รี บเปลีย่ นความคิดอกุศลให้ เป็ นกุศลด้ วยพุทธวิธี ดังนี ้ ๑.เกิดเป็ นมนุษย์เป็ นสิ่ งหาได้ยาก สัตว์ทงหลายในโลกในจั ั้ กรวาลนี ้มีมากมายหลายกาเนิด หลายเผ่าพันธุ์ ตามวิบากกรรมที่ทามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาเนิด แห่งสัตว์เดรัจฉาน การที่ได้ โอกาสเกิดเป็ นมนุษย์ในชาตินี ้นัน้ พระ พุทธองค์ตรัสว่า เป็ นสิ่งที่หาได้ ยาก๑ เพราะต้ องอาศัยพลังบุญ กุศลในอดีตที่มีกาลังหนุนนามากพอผลักดัน จึงได้ มาเกิดในโลกนี ้ ได้ สัตว์ทงหลาย ั้ จึงมีจานวนน้ อยมากที่จะมีโอกาสเกิดเป็ นมนุษย์ และการเกิดมาเป็ นมนุษย์นนั ้ เราไม่สามารถเกิดมาโดยลาพัง ตนเองได้ แต่ต้องอาศัยพ่อแม่เป็ นผู้ให้ กาเนิด เพราะฉะนัน้ พึง ๑
ม.ม. (แปล) ๑๔/๒๙๐ –๓๐๘ พาลปั ณฑิตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ธรรมวิธีห้ามจิต หยุดคิดไม่มีดีกบั พ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๘
ภูมิใจเสียเถิดว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น ไม่ใช่ของง่าย และเป็ น สัตว์ที่สามารถฝึ กฝนตัวเองให้ ถงึ จุดสูงสุด คือ บรรลุธรรมเป็ นพระ อรหันต์ได้ ดังนัน้ พึงรี บสัง่ สมบุญกุศลความดีไว้ ให้ มาก เพื่อภพ ชาติหน้ าจะได้ มีโอกาสเกิดเป็ นมนุษย์อีก อย่าได้ คิดทาบาปกรรม อีกต่อไปเลย โดยเฉพาะบาปหนัก คือ ล่วงเกินพ่อแม่ ๒. ชีวิตนี้มีค่ามาก มนุษย์หากได้ ฝึกฝนตนเองแล้ วด้ วยพุทธธรรมแล้ ว ย่อม กลายเป็ นสัตว์ที่ประเสริ ฐสูงสุด๒ ชีวิตพร้ อมทังร่้ างกายที่พ่อแม่ มอบให้ มานี ้ จึงถือว่า เป็ นสิง่ ที่มีคา่ มาก เพราะเพียงแค่ตา ๒ ข้ าง ก็ ไม่สามารถจะตีคา่ ราคาได้ วา่ กี่หมื่นกี่แสนล้ านบาท ไม่ต้องพูดถึง หู จมูก ลิ ้น ร่างกาย แขน ขา อวัยวะภายใน-นอกตังแต่ ้ ศีรษะจรด เท้ าว่า มีค่ามหาศาลเพียงใด ถามว่ า ใครเป็ นผู้กล้ ามอบชีวิตและร่างกายอันล ้าค่านี ้ ให้ แก่เรา ภาระในการอุ้มท้ องและให้ กาเนิดลูกนัน้ เป็ นงานหนักแค่ ไหน และลาบากเพียงใด เพราะเหตุใด ถึงมีความรัก ความหวังดี ปรารถนาดีกบั เราถึงขนาดนี ้และไม่มีเสื่อมคลายตราบจนวันตาย และได้ ชื่อว่าเป็ นผู้มีพระคุณสูงสุดต่อชีวิตเราเหลือประมาณ คนผู้ นัน้ เป็ นใครกันแน่ คาตอบ คือ พ่อกับแม่ของเราเอง
๒
ที.ปา.(แปล)๑๑/๘๓-๑๐๒ อัคคัญญสูตร, ที.สี. (แปล) ๙/๒๗๗/๙๙
อริ ยปุ วาท ๑ ธรรมวิธีห้ามจิต หยุดคิดไม่มีดีกบั พ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๓๙
ถ้ าหากพ่อแม่ มีพระคุณกับลูกยิ่งใหญ่ขนาดนี ้แล้ ว ใครเล่า ช่างกล้ าบังอาจคิดลบหลูอ่ กตัญญูเนรคุณต่อท่านได้ ช่างกล้ าพูด ตาหนิติเตียน ด่าว่าบุคคลผู้ให้ กาเนิดชีวิตของตนเองได้ เช่นนัน้ ไม่ ต้ องพูดถึง ลูกที่ทบุ ตีทาร้ ายร่างกายของท่านให้ เจ็บช ้าว่า จะเป็ น การกระทาอันต่าช้ าสามาลย์เพียงใด ลูกคนนัน้ ช่างไม่จิตสานึก ไม่ รู้สกึ ละอายแก่ใจตนเองบ้ างเลย ทาไมถึงมีจิตใจมืดบอดขนาดนี ้ ช่างเป็ นคนอัปรี ย์จญ ั ไรขนานแท้ เหตุไฉน ไม่นกึ ถึงพระคุณอันใหญ่ หลวงที่ท่านมีตอ่ เรา พึงดูกรณีตวั อย่างของพระโพธิสตั ว์ในครัง้ เกิด เป็ นจันทกุมาร๓ แม้ จะถูกพระราชบิดาสัง่ ฆ่า แต่ก็ไม่เคยคิดร้ าย และทาร้ ายผู้ให้ กาเนิดเลยแม้ แต่น้อย ผู้ใฝ่ ความเจริ ญทังหลาย ้ อย่าลืมว่า ร่างกายที่ท่านมอบให้ มานี ้ หากคิดไม่ดี พูดไม่งาม ทาไม่ถกู ต่อท่าน ย่อมพังพินาศ มีอนั เป็ นไปทันที ชีวีจะสันไม่ ้ ยืนนาน แล้ วท่านไม่นกึ เสียดายชีวิตและ ร่างกายอันมีคา่ นี ้บ้ างหรื อ ทาไมต้ องมาทาชีวิตให้ ตกต่า ทาลาย อนาคตอันสดใสด้ วยการคิดไม่ดีกบั ผู้มีพระคุณเช่นนี ้ ๓. พระคุณพ่อแม่ตอบแทนไม่หมด๔ เมื่อพ่อแม่ มีพระคุณต่อลูกใหญ่หลวง โดยการให้ กาเนิด และเลี ้ยงดู การตอบแทนพระคุณของท่านด้ วยการเลี ้ยงดู เอาใจใส่ อย่างเต็มที่ ต่อให้ ทาดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทน ชดใช้ พระคุณ ๓ ๔
ดูรายละเอียดใน ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๓๓๕-๓๖๒ จันทกุมารชาดก อัง.ทุก.(แปล) ๒๐/๗๗
อริ ยปุ วาท ๑ ธรรมวิธีห้ามจิต หยุดคิดไม่มีดีกบั พ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๐
อันใหญ่หลวงนี ้ให้ หมดสิ ้นได้ เพราะพระคุณของพ่อแม่นนมี ั้ มากมายใหญ่หลวงนัก ซึง่ ยากที่จะทดแทนได้ หมด ด้ วยสักแต่วา่ ทาการบารุงเลี ้ยงดูเท่านัน้ ยิ่งหากลูกคนใดมาคิดลบหลูด่ หู มิ่น พูดด่าว่าล่วงเกินพ่อ หรื อแม่ด้วยแล้ ว จะถูกผู้คนตราหน้ าว่า เป็นลูกไม่ดี อัปปรีย์จัญไร อกตัญญู เนรคุณ จะหาความสุข ความเจริญในชีวิตนี้ได้ยาก และผู้ที่ อกตัญญูตอ่ ผู้มีคณ ุ ย่อมหาโอกาสตอบแทนพระคุณท่านได้ ยาก เมื่อไม่ได้ ตอบแทนพระคุณท่านทังสอง ้ ชื่อว่าได้ ทาผิดต่อผู้ให้ กาเนิด จะต้ องประสพกับความยุ่งยากลาบาก เดือดร้ อนในชีวิต อย่างไม่มีที่สิ ้นสุดเหมือนตกนรกทังเป็ ้ น เอาดีไม่ได้ เพราะฉะนัน้ ถ้ าหากไม่รีบเปลี่ยนความคิดที่ติดลบกับผู้มี พระคุณ ย่อมจะเกิดผลเสียหาย เป็ นภัยอันตรายร้ ายแรง เป็ น อุปสรรคต่อความเจริ ญก้ าวหน้ าในชีวิตทุกด้ าน ๔. ล่วงเกินพ่อแม่ เป็ นบาปมหันต์ ผู้ที่คิดลบหลู่ คิดเนรคุณบิดามารดา พูดตาหนิติเตียนด่าว่า ผู้ให้ กาเนิดนัน้ ชื่อว่า ทาผิดต่อพ่อแม่อย่างมาก และกรรมนี ้หนักแท้ มีโทษมาก เป็ นบาปมหันต์๕ สามารถให้ ผลทันตา ทาให้ ผ้ นู นมี ั ้ อนั เป็ นไปทันที ไม่ต้องรอถึงชาติหน้ า
๕
อัง.จตุกก. (แปล) ๒๑/๖ ทุตยิ ขตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ ธรรมวิธีห้ามจิต หยุดคิดไม่มีดีกบั พ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๑
ถ้ าหากว่า ผู้ใดเคยคิดน้ อยใจ ไม่พอใจ หรื อโกรธ เคือง หรื อ มีความรู้สกึ ชิงชังต่อพ่อแม่ ด้ วยสาเหตุใดก็ตาม หรื อว่ากาลัง เผชิญหน้ ากับความรู้สกึ อกุศลนี ้อยู่ เมือ่ เราคิดถึงพระคุณอันใหญ่ หลวงที่ท่านให้ชีวิตและเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ พร้อมทั้งโทษในการ คิดตาหนิ คิดลบหลู่และพูดล่วงเกินนั้น ย่อมทาให้เราลดความ เข้มข้นของอกุศลจิตกับพ่อแม่ได้ หรือไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีไม่งามอีก ต่อไป เพราะมันเป็นบาปหนัก มีโทษมหันต์ ทาให้ ชีวิตอันเป็ นที่รักยิ่ง ของเราที่ท่านมอบให้ มานันมี ้ อนั เป็ นไปทันที บัณฑิตผู้ฉลาด เมื่อเข้ าใจซึ ้งถึงพระคุณอันใหญ่หลวงของ พ่อแม่ พร้ อมทังมองเห็ ้ นโทษภัยอันตรายจากการล่วงเกินท่าน อย่างถูกต้ องตามเป็ นจริ งด้ วยปั ญญาแล้ ว พึงเปลี่ยนความคิดไม่ดี กับพ่อแม่จากลบเป็ นบวก จากอกุศลเป็ นกุศลให้ มากที่สดุ เท่าที่จะ มากได้ เพราะนัน่ คือ พลังแห่งบุญอันยิ่งใหญ่ที่จะทาให้ เรามีโอกาส ตอบแทนพระคุณท่านได้ บ้าง
บุญกุศล คือ มิตรแท้ บุคคลควรรีบเร่งทาบุญ ควรห้ามจิตจากบาป เพราะเมื่อทาบุญช้า ไป ใจจะยินดีในบาป หากบุคคลทาบุญ ก็ควรทาบุญนั้นบ่อย ๆ ควรทาความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนาสุขมาให้ พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๖๗
อริ ยปุ วาท ๑ ธรรมวิธีห้ามจิต หยุดคิดไม่มีดีกบั พ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๒
การขอขมาโทษ
เป็ นความเจริ ญในอริ ยวินยั นายขมังธนูที่ถูกพระเทวทัตส่งไปเพื่อลอบปลงพระ ชนม์พระศาสดา เมื่อไม่สามารถทาร้ายพระองค์ได้ จึงได้ก้ม ลงกราบแทบพระบาท แล้วทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา มิได้รู้จักคุณของพระองค์ จึง ได้มาเพื่อปลงพระชนมชีพของพระองค์ ตามคาสั่งของพระเทวทัตผู้ เป็นอันธพาล ขอพระองค์ จงยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด” เมื่อพระพุทธองค์ ทรงยกโทษให้นายขมังธนูแล้ว เขา ได้นั่งฟังธรรม เมื่อจบการแสดงธรรม นายขมังธนู ได้สานึกได้ เข้าใจเรื่องบุญบาป กฎแห่งกรรมอย่างถูกต้อง จากอรรถกถา จันทกุมารชาดก
แม้พวกทาสและกรรมกรที่พระนางมาคันทิยาส่งไปด่า เพื่อขับไล่พระพุทธองค์และท่านพระอานนท์ให้หนีไปเมืองอื่น นั้น หลังจากพระองค์แสดงธรรมให้ฟัง พวกเขาเหล่านั้น ก็ได้ขอ ขมาโทษ และได้สานึกเรื่ องบุญบาป และตั้งใจว่าจะไม่ทา เช่นนั้นอีกตลอดไป เรื่องพระนางสามาวดี ธ.ป. (แปล) ๒/๑-๙๖
วิธีขอขมากรรม
กราบขอขมาโทษพ่อแม่
ท่านผู้อา่ นทังหลาย ้ โปรดนึกย้ อนดูเหตุการณ์ที่ผ่านมา หยุดคิด พิจารณาไตร่ตรองมองย้ อนหลังไปดูวา่ ถ้ าหากว่า เราเป็น คนดีแล้ว แต่ทาไม ชีวิตถึงยังตกอับ ความรักไม่สมหวัง ครอบครัวไม่ อบอุ่น อาชีพการงานยังติดขัดมีปัญหา สุขภาพยาแย่ ศึกษาธรรมะไม่ เคยลึกซึ้งแตกฉาน การปฏิบัติธรรมไม่กา้ วหน้า ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุใด บางครัง้ เรา อาจจะตอบคาถามในประเด็นปั ญหาของตัวเองไม่ได้ เหมือนกับเส้ นผมบังภูเขาที่เราลืมสนิท คิดไม่ถงึ นึกไม่ออก บอก ไม่ได้ วา่ ทาไม เป็ นไปได้ ไหมว่า ที่เป็ นเช่นนัน้ สาเหตุหลักมาจาก ผลกรรมที่เคยพูดดุดา่ ว่า ตาหนิติเตียนล่วงเกินพ่อแม่ปกปิ ดเอาไว้ หรื อเปล่า เพราะถ้ ากินยาไม่ถกู โรค มันก็ไม่หาย แก้ กรรมไม่ถกู หลัก ชีวิตก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ มีผ้ หู วังดีมาบอกกล่าวตักเตือนว่า ขอให้ ไปขอขมาโทษ พ่อแม่แล้ วชีวิตจะดีขึ ้น แต่ก็ไม่สนใจ เอาหูทวนลม ไม่เชื่อ ไม่ ดูเพิ่มใน ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๓๓๕-๓๖๒ จันทกุมารชาดกและอรรถกถา ป.ธ. (แปล) ๔/๓๖-๔๕ เรื่ องนายพรานกุกุกฏมิตร
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๔
ยอมรับไม่อยากทาตาม ผู้ที่มีพฤติกรรมเช่นนี ้แสดงให้ ร้ ูวา่ คนนั้น ได้ด่าว่าพ่อแม่มาแล้วอย่างหนัก ทาบ่อยและเป็นเวลานาน มีความ เข้มข้นเกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ตอนนี้กรรมนั้น กาลังส่งผล อย่างเข้มข้นอยู่ จึงครอบงาปิ ดบังจิตใจเอาไว้ ทาให้ พร่ามัว มืดบอด ทาให้ เห็นดอกบัวเป็นกงจักร เห็นบุญเป็นบาป เห็นดีเป็นชั่ว เห็น ถูก เป็นผิด คาแนะนาที่ดีกลับมองเห็นว่า ไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ ไม่ อยากสนใจแก้ ไขและมองไม่เห็นโทษภัยอันตรายที่จะตามมา บางคน แม้ คิดอยากจะทาการขอขมา แต่ยงั กระดากอาย ใจไม่หาญกล้ าพอ สุดท้ ายก็เลยไม่ได้ ทา เพราะถูกกรรมปกปิ ด ขวางกันบั ้ งคับให้ ทาไม่ได้ เพราะว่า กรรมหนัก ใช่ว่าจะแก้ไขได้ ง่ายๆ เหมือนโรคทีอาการหนัก เป็นเรื้อรังมานาน การจะรักษา เยียวยาต้องใช้เวลานานเช่นกัน คราบสกปรกที่ติดเกรอะกรังมานาน จะใช้ การชาระล้ างขัดถูแบบใช้ น ้าธรรมดา คงล้ างคราบออกให้ หมดได้ ยาก จาเป็ นต้ องใช้ น ้ายาชนิดรุนแรงมีประสิทธิภาพสูง ถึง จะล้ างออกได้ ฉันใดก็ฉนั นัน้ ผู้ที่พดู ดุดา่ ว่าตาหนิติเตียนพ่อแม่แล้ ว แต่ยงั ไม่ขอขมาโทษ หรื อขอขมาโทษแล้ ว แต่ไม่ทาด้ วยใจบริ สทุ ธิ์ ไม่ได้ เต็มใจทา ไม่เห็น ความผิดตามเป็ นจริ ง สักแต่วา่ ทาไปตามประเพณีพิธีกรรม ทา เหมือนกรณีของวัสสการพราหมณ์ ได้ พดู ตาหนิท่านพระมหากัจจายนะว่า “เหมือนลิง” พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนาให้ ไปขอขมาโทษกับพระเถระ แล้ วกรรมนัน้ จะกลับเป็ นปกติ มิเช่นนัน้ จะตายไปเกิดเป็ นลิง แม้ เขาจะเชื่อว่า พระองค์ทรงรู้จริง แต่ในที่สดุ เขาก็ไม่ได้ ทา ตาม เพราะทรามปั ญญา หลังจากตาย เขาจึงไปเกิดเป็ นลิงที่วดั เชตวันตามพุทธพยากรณ์ ม.อุ (แปล)๑๔/๘๕-๙๕ โคปกโมคคัลลานสูตร และอรรถกถา
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๕
เพราะโดนบังคับ๑ หรื อเพราะเกรงใจคนอื่น ไม่ได้ ทาเพราะเข้ าใจ ชีวิตอาจจะดีขึ ้นมาบ้ าง แต่โดยรวมยังติดขัด มีปัญหาเหมือนเดิม เพราะวิบากกรรมยังส่งผลออกฤทธิ์อยู่ เพราะฉะนัน้ เมื่อได้ ประมาทพลาดพลัง้ เคยพูดด่าว่า ตาหนิติเตียนพ่อแม่ไปแล้ ว เพื่อให้ บาปกรรมนี ้ กลับมาเป็ น ปกติ คือ ไม่เป็ นโทษ อันตรายต่อชีวิต ไม่เป็ นอุปสรรคในการ ปฏิบตั ิธรรม หรื อไม่ปิดกันในการบรรลุ ้ มรรคผลนิพพาน ต้ องแก้ ไข บาปกรรมนี ้ให้ ถกู ต้ องตรงตามพุทธวิธีที่ตรัสเอาไว้ ในพระไตรปิ ฎก และอรรถกถา เพราะวจีกรรมในแง่อริยุปวาทนี ้สามารถแก้ ได้ ทา ให้ กลับมาเป็ นปกติได้ ด้วยการสานึกผิด รู้บาปกรรมตามเป็ นจริ ง คือ รู้ความผิดว่าเป็ นความผิด คิดจะแก้ ไข มีความกล้ า กล่าวคา ขมาโทษจากใจ ซึง่ อาจจะทาได้ หลายวิธี มีรายละเอียด ดังนี ้
ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓ –๗๖ อุปาลิสูตรและอรรถกถา ขุ.จริยา. (แปล) ๓๓/๗๕๓, ธ.ป. ๑/๕๖-๖๑, เรื่ องพระติสสเถระ กรรม(ทังอกุ ้ ศลกรรมและกุศลกรรม)ที่สามารถแก้ ได้ ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ คือ ศีล สมาธิ ปั ญญา มีดงั นี ้ (๑) มิจฉาทิฏฐิกรรมทั่วไป ที่ไม่ใช่นิยตมิจฉาทิฏฐิ (๒) อกุศลกรรม ทัว่ ไป เช่น การฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดในกาม โกหก ดื่มสุราเมรัย เป็ นต้ น ซึง่ ไม่ใช่ อนันตริยกรรม (๓) อริยุปวาทกรรมขัน้ ธรรมดา ไม่รุนแรงมากนัก (๔) กรรมที่จะส่งผลใน ชาติหน้ าและชาติต่อไป กรรมเหล่านี ้แก้ ได้ ด้วยมรรคกรรม คือ กรรมไม่ดาไม่ขาว ซึง่ เป็ นไปเพื่อการสิ ้นกรรม ดูรายละเอียดใน กรรมที่สามารถแก้ได้และแก้ไม่ได้ โดย บ.สยังวสี ๑
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๖
๑.เขียนเป็ นจดหมาย ในกรณีทียังไม่สะดวก ไม่พร้อมทีจะพูดโดยตรง หรืออยู่ ห่างไกลกัน พูดคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้ ให้เขียนจดหมายไปขอโทษก่อน อาจทาให้ใจสบายขึ้นในระดับหนึง เมือเห็นว่า ใจพร้อมกว่าเดิมแล้ว สามารถพูดทางวาจาได้ พึงกล่าวคาขอขมาโทษต่อหน้า ให้ท่านได้รับรู้ รับทราบอีกครัง้ หนึง ๒. พูดทางโทรศัพท์ ในกรณีผู้ทีอยู่หา่ งไกลพ่อแม่ เช่น อยู่ต่างจังหวัด อยู่ใน ต่างประเทศ หรือว่า อยู่อาศัยในต่างถิน ต่างแดน ไม่สามารถพูดขอ ขมาโทษต่อหน้าท่านได้ ใช้พูดทางโทรศัพท์ คือ โทรฯไปขอขมาโทษ ท่านก็ได้ หรือจะใช้เครืองมือสือสารอะไรก็ได้ทีสะดวก ๓. พูดต่ อหน้ า สาหรับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ พึงกล่าวคาขอขมาโทษต่อ หน้าท่านเอง ตามเวลา จังหวะ โอกาสทีเหมาะสม
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๗
๔.ขอขมาโทษโดยมีสักขีพยาน สาหรับกรณีพ่อแม่ได้เสียไปนานแล้ว หรือยังไม่ตาย แต่ไม่ได้ อยู่ด้วยกัน เนืองจากได้พลัดพรากจากกันหรือท่านทิ้งเราไปนาน โดย ไม่สามารถติดต่อได้ พึงกล่าวคาขอขมาโทษต่อหน้าหลุมศพ/รูปภาพ โดยมีบุคคลใดบุคคลหนึงเป็นสักขีพยาน หรือกล่าวคาขอขมาโทษต่อ หน้าพระสงฆ์ ขอร้องให้ท่านรับรู้ รับทราบและเป็นสักขีพยานในการขอ ขมาโทษของเราก็ได้ ผู้ที่เคยล่วงเกินพ่อแม่ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึง่ ในอดีต พึงสานึกผิด ระลึกถึงพระคุณของผู้มีคณ ุ แล้ วทาการขอขมาโทษ ท่าน อย่าได้ มองข้ าม ปล่อยปละละเลยให้ เนิ่นนาน ข้ ามเดือนข้ าม ปี มิเช่นนัน้ อาจจะสายเกินแก้
ตัวอย่างเช่น พระเจ้าอชาตศัตรู ได้ ปลงพระชนม์พระเจ้ าพิมพิสาร ผู้เป็ นพระบิดาซึง่ มี ศีลธรรมประจาใจ เมื่อสานึกผิดคิดได้ แล้ ว จึงไปกราบขอขมาโทษความผิดนันกั ้ บ พระพุทธเจ้ า พระพุทธองค์ทรงรับรู้การขอขมา พร้ อมทังตรั ้ สว่า “การกระทาเช่นนี้เป็นความ เจริญในอริยวินัย” แม้ ไม่ได้ แก้ กรรมปิ ตุฆาตโดยตรง แต่ทาให้ พระราชาทรงบรรทมได้ สนิท ดู ที.สี. (แปล) ๙/๔๘-๘๕ สามัญญผลสูตร พระเจ้ าอชาตศัตรู เป็ นผู้ศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระรัตนตรัย และมีการทาบุญให้ ทานไว้ ดีแล้ วในพระพุทธเจ้ าและอริยสงฆ์สาวก แม้ เคยหลงผิด ทาอนันตริยกรรมด้ วย ปิ ตุฆาต แต่ก็มีจิตสานึกอย่างลึกซึ ้ง ชีวิตหลังตาย แม้ จะไปเกิดในอเวจีนรก แต่พลังแห่ง บุญที่ทาไว้ ดีแล้ วในพระรัตนตรัย ย่อมเป็ นพลังดึงดูดให้ เทพเจ้ าชันสู ้ งผู้มีเมตตาธรรม ได้ ไป โปรด และช่วยสัง่ สอนชี ้แนะให้ พระองค์ได้ หลุดพ้ นจากอบายภูมิ เกิดในสุคติโลกสวรรค์ได้ โดยเร็วพลัน-เทียบเคียงจาก พุทธาปทานิยะ ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๑-๑๒
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๘
สิ่งที่ใช้ในการขอขมาโทษ ผู้ทีต้องการกล่าวคาขอขมาโทษพ่อแม่ พึงตระเตรียมดอกไม้ที มีสีสันสวยงาม มีกลินหอม แล้วแต่จะหาได้ อาจจะเป็นดอกมะลิ ดอก ซ่อนกลิน เป็นพวงมาลัย หรือใช้เป็นดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึงก็ได้ เช่นกัน ตามเห็นสมควร แล้ววางใส่พาน ในกรณีทีไม่มีดอกไม้ จะใช้ ธูปเทียนแพก็ได้ ไม่มีข้อห้าม การตระเตรียมเช่นนี้ ไม่ใช่เพือจะทาให้พิธีเกิดความขลัง ศักดิ์สิทธิ์อะไร แต่เพือทาให้บรรยากาศดูสดชืน และเป็นเครืองแทน จิตใจทีอ่อนโยน ใสสะอาด เป็นนิมิตรหมายทีดี โดยเฉพาะเป็นเครือง สักการะบูชาคุณของผู้ทีเราจะขอขมาโทษ แต่ถ้าหาเครืองอุปกรณ์ ต่างๆ เช่น ดอกไม้ หรือเทียนแพไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องวิตกกังวล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ทีใจเป็นสาคัญ แค่ใช้มือทั้งสิบนิ้วของเราประนมเป็น เสมือนดอกบัว ก็เป็นอันใช้ได้
ตัวอย่างคากล่าวขอขมาโทษ
เมื่อเตรี ยมทุกอย่างเสร็จแล้ ว พึงนัง่ คุกเข้ า ประนมมือ กราบท่าน ๑ ครัง้ หรื อ ๓ ครัง้ ก็ได้ แล้ วแต่สะดวกใจ แล้ วกล่าวพุทธ นมัสการ โดยการตังนโม ้ ๓ จบ ดังนี ้ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สั มมาสัมพุทธัสสะ ฯ
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๔๙
(คาแปล ขอนอบน้อมแด่พระผู้มพี ระภาค พระองค์นั้น ผู้เป็นพระ อรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง) เมื่อกล่าวหรื อว่านโมเสร็จแล้ ว พึงระลึกถึงกรรมที่เคยคิด เคยพูดและเคยทากับพ่อแม่วา่ เป็ นสิ่งไม่ดีไม่งาม เป็ นบาปกรรม สานึกผิด ตระหนักชัด ต้ องการแก้ ไขเปลีย่ นแปลงกรรมนัน้ แล้ ว กล่าวคาขอขมาโทษพ่อแม่ คากล่าวขอขมาโทษนัน้ จะต้ อง สอดคล้ องกับกรรมที่เคยทามา ตัวอย่างคาขอขมาโทษ มีดงั นี ้ “กรรมใดทีลูกได้ประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินคุณพ่อคุณแม่ ด้วยการคิดไม่ดี คิดจับผิด คิดน้อยใจ คิดไม่พอใจ คิดโกรธเคืองในใจ กรรมใดทีลูก ได้พูดจาจาบจ้วงล่วงเกิน ได้กล่าวคาสบประมาท ได้กล่าวคาตาหนิติเตียน ได้พูดดุด่าว่า ได้พูดโต้เถียงหรือพฤติกรรมอืนใดทีทาให้ พ่อแม่น้อยใจ เสียใจ ทุกข์ใจ ร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทีลูกเคยกระทาแล้ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคิดได้และคิดไม่ได้ ทั้งรู้ตัวและรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ด้วยความประมาทขาดสติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๐
ลูกขอขมาโทษ ขอให้คุณพ่อคุณแม่ยกโทษให้ลูกด้วย เพือจะสารวมระวัง ไม่ให้พลั้งพลาดผิดอีกต่อไป เพือไม่ให้เป็นอุปสรรคในการดาเนินชีวิต ในหน้าทีการงานครอบครัวความรัก สุขภาพและการปฏิบัติธรรมต่อไป และเพือไม่ให้เป็นกรรมเป็นเวรสืบต่อไป” เมื่อกล่าวคาขอขมาโทษเสร็จ พึงก้ มลงกราบพ่อแม่อกี ครัง้ บอกให้ ท่านกล่าวคายกโทษให้ แล้ วขอศีลขอพรจากท่านเพื่อเป็ น นิมิตรหมายที่ดีและเป็ นสิริมงคลชีวิตของเราเองต่อไป แต่ถ้าหากต้ องการได้ อานิสงส์จากพ่อแม่มากกว่านี ้ พึงให้ ท่านนัง่ บนตัง่ หรื อเก้ าอี ้ แล้ วอาบ หรื อรดสรงด้ วยน ้าอบน ้าหอม พอ เป็ นพิธีเสร็จแล้ ว ให้ ท่านสวมใส่เสื ้อผ้ าใหม่ที่เราเตรี ยมเอาไว้ จากนันให้ ้ ท่านรับประทานอาหารที่ปรุงไว้ อย่างดี ประณีต มีรสชาติ อร่อยด้ วยฝี มือเราเอง หรื อจะซื ้อมาก็ได้ หากท่านเชิญร่วม รับประทานอาหาร ก็เข้ าร่วมได้ พอเสร็จหมดทุกอย่างแล้ ว เรี ยน ท่านได้ ให้ ศีลให้ พร เพราะคาให้ ศีลให้ พรของพ่อแม่เป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทาให้ มีกาลังใจในการทางานประกอบอาชีพต่อไป ในขณะผู้ที่เป็ นพ่อแม่ กล่าวคายกโทษและให้ ศีลให้ พรแก่ลกู เสร็จแล้ ว อย่าลืมถือโอกาสนี ้ กล่าวคาขอโทษพวกลูกหลานด้ วย เพื่อไม่ให้ เป็ นกรรมเวรต่อกัน เพราะบางครัง้ ผู้ที่เป็ นพ่อ แม่เอง อาจจะพูดกับลูกด้ วยโทสะหรื อด้ วยถ้ อยคาที่รุนแรง-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๑
บุญ คือ อริยทรัพย์
สามารถติดตัวไปได้ในทุกชาติ การเกื้อกูลมารดา นาสุขมาให้ การเกื้อกูลบิดา นาสุขมาให้
หากบุคคลทาบุญ ก็ควรทาบุญนั้นบ่อย ๆควรทาความ พอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนาสุขมาให้ บุคคลอย่าสาคัญว่า บุญเล็กน้อยคงจักไม่มาถึง แม้หม้อน้า ยังเต็มด้วยน้าที่ตกลงมาทีละหยาด ๆ ได้ ฉันใด คนมีปัญญา เมื่อสั่งสมบุญแม้ทีละเล็กทีละน้อย ก็เต็มด้วยบุญได้ ฉันนั้น พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๓๖-๓๗,๖๗-๖๘
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๒
กรณีตัวอย่างการขอขมาโทษ ภรรยาเศรษฐี ขอขมาโทษท่านพระมหากัจจายนะ๒
ณ ช่วงเวลานัน้ พระพุทธเจ้ า ผู้เป็ นดวงตาของโลก ประทับ อยู่ในกรุ งสาวัต ถี ในเช้ าวัน หนึ่ง บุ ต รชายของโสไรยเศรษฐี แห่งโสไรยนคร พากันนั่งรถกับเพื่ อนรั ก ออกจากตัวเมื องอย่าง สบายอกสบายใจ เพื่อไปอาบน ้าร่วมกับพรรคพวกที่ท่าน ้า ท่ าน พระมหากั จจายนะ ๓ ผู้เป็ นอรหันต์ขีณาสพ เพิ่งออกจากนิ โรธ สมาบัติ ก าลังยื นห่ ม ผ้ าจี วรอยู่ที่แ ห่ง หนึ่ง เพื่ อ เตรี ยมตัว เข้ าไป บิณฑบาตในตัวเมืองโสไรยะ โปรดสัตว์ สายตาลูกชายเศรษฐี คนนี ้ เพียงแค่เห็นท่านเข้ าเท่านัน้ แหละ เพราะวิบากกรรมเก่าจากการ พูด ต าหนิ แ ม่ ส่ ง ผล ดลใจให้ มื ด มิ ด เห็ น พระเถระเป็ นพระเถรี รูปร่างหน้ าตางดงาม จึงเกิดคิดอกุศลขึ ้นในใจว่า “โอ! พระเถรีรูปนี้ รูปร่างหน้าตางดงามจริงๆ น่าจะมาเป็นภรรยาของเรา หรือ สีผิวภรรยาของเรา น่าจะเป็นเหมือนสีผิวของพระเถรีรูปนี้”
ป.ธ. (แปล) ๒/๒๓๒-๒๔๑ เรื่ องพระโสไรยเถระ ท่ านพระมหากัจจานะ ได้ รับการยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็ นผู้เลิศกว่าภิกษุ ทังหลายในแง่ ้ ผ้ อู ธิบายความหมายแห่งธรรมที่กล่าวไว้ โดยย่อได้ พิสดาร อัง.เอก. (แปล) ๒๐/๒๖ เอตทัคควรรค ๒
๓
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๓
เพียงแค่คิดอยู่ในใจเงียบๆชัว่ ครู่เดียวเท่านัน้ ทันใดนันเอง ้ ภาวะความเป็นชาย พร้อมทั้งอวัยวะเพศของเขาก็เปลี่ยนเป็น ผู้หญิงไปหมด เขารู้สกึ กระดากอายอย่างมากจนบอกไม่ถกู ในสิ่งที่ เกิดขึ ้นกับตัวเขาอย่างเหลือเชื่อ จึงได้ ลงจากรถไป โดยไม่มีใครจา ได้ แล้ วเดินมุ่งไปทางเมืองตักกสิลา พวกเพื่อนๆและพ่อแม่ แม้ จะออกค้ นหา ไม่พบแม้ ร่องรอย ต่างก็เศร้ าโศกเสียใจไปตามๆกัน กับการหายตัวไปอย่างลึกลับของเขา ทุกคนสรุปว่า “เขาคงเสียชีวิต แล้ว” จึงได้ ทาบุญกุศล แล้ วอุทิศไปให้ ตามประเพณีทางศาสนา ส่วนหญิงสาว เพิ่งกลายร่างจากชายมาเป็ นหญิงไม่นาน คนนี ้ เหลือบมองเห็นพวกคนขับเกวียนหมู่หนึง่ กาลังมุ่งหน้ าไปยัง ตักกสิลานคร จึงเดินตามไป โดยให้ แหวนเป็ นค่าจ้ างสาหรับค่า เดินทาง พอไปถึงเมือง พวกคนขับเกวียนจึงไปเรียนลูกชายเศรษฐี แห่ งตักกสิลานครว่า พวกเขาได้ นาพาหญิงสาวคนหนึง่ รูปร่าง หน้ าตาดี น่าจะนามาเป็ นภรรยา พอเขาเห็นเธอแล้ ว ก็ถกู ใจ จึงได้ แต่งงานกัน ในเวลาต่อมา ลูกชายเศรษฐี แห่งเมืองโสไรยะที่เป็ นเพื่อน รักของนาง พาสมัครพรรคพวกขับเกวียน ๕๐๐ เล่ม ออกจาก เมืองโสไรยะ เดินทางไปเที่ยวตักกสิลานคร พอดีวนั นัน้ นางกาลัง เปิ ดหน้ าต่างของปราสาทชันบน ้ มองเห็นเขาแล้ วจาได้ จึงให้ คนใช้ เชิญมาเลี ้ยงต้ อนรับที่บ้านอย่างใหญ่โต ลูกชายเศรษฐี แปลกใจ จึง ถามว่า “เธอไม่รู้จักฉันมาก่อน แล้วมาเลี้ยงต้อนรับใหญ่โตขนาดนี้ เพราะอะไร”
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๔
นาง พูดว่า “ฉันรู้จักคุณดี เพราะคุณเป็นชาวเมืองโสไรยะ” นาง จึงถือโอกาสถามถึงพ่อแม่วา่ อยู่สขุ สบายดีหรื อเปล่า แล้ วจึง บอกว่า “เธอ คือ ลูกชายโสไรยเศรษฐีคนนั้นทีหายตัวไป” ลูกชาย เศรษฐี ที่เป็ นเพื่อนนาง ยังไม่ปลงใจเชื่อ เพราะจะเป็ นคนเดียวกัน ไปได้ อย่างไร ในเมื่อเพื่อนของเขานัน้ เป็ นผู้ชายและมีรูปร่าง หน้ าตาดี ส่วนคนผู้นี ้เป็ นผู้หญิง นางจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราว ทังหมดให้ ้ ฟังโดยละเอียด แล้ วเพื่อนของนางพูดว่า “เธอ ได้ขอขมา โทษ พระคุณเจ้าแล้วหรือยัง” นางตอบว่า “ยังไม่มีโอกาสขอขมาโทษ ท่านเลย” ช่างเป็ นความโชคดีของนางที่ยงั มีบญ ุ เก่าทาไว้ อย่างดี เพราะพระเถระเอง ได้ จาพรรษาอยู่ที่เมืองนันพอดี ้ เขาจึงพูดว่า “พรุง่ นี้ ฉันจะนิมนต์พระคุณเจ้ามาให้ทีบ้าน ส่วนเธอเตรียมอาหารไว้ ถวาย แล้วเตรียมดอกไม้เพือขอขมาโทษท่านด้วย” พอพระเถระมาถึง บ้ าน เขาจึงพาเพื่อนหญิงมาให้ ขอขมาโทษพระเถระ โดยกราบ เรี ยนว่า “พระคุณเจ้าขอรับ ขอท่านจงยกโทษให้กับเพือนหญิงของ กระผมด้วย” พระเถระถามว่า “จะให้อาตมา ยกโทษเรืองอะไรหรือ อุบาสก” ลูกชายเศรษฐี กราบเรี ยนว่า “พระคุณเจ้าขอรับ เรืองเป็นมาอย่างนี้ คือ เมือหลายปีมาแล้ว อุบาสิกาคนนี้ เคยเป็นเพือนชายของกระผม มาก่อน มีเช้าวันหนึง ขณะทีนังรถออกมาเพือจะอาบน้าทีท่าน้าแห่ง หนึง นางได้มองเห็นท่านกาลังออกไปบิณฑบาต แล้วได้คิดอกุศลในใจ กับท่านว่า 'พระคุณเจ้ ารูปนี ้ หน้ าตางดงามจริ งๆน่าจะมาเป็ น
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๕
ภรรยาของเราหรื อสีผิวภรรยาของเรา น่าจะเป็ นเหมือนสีผิวของ พระคุณเจ้ ารูปนี ้' จากวิบากของอกุศลกรรมทางใจทีคิดเช่นนั้น จึง กลายจากชายมาเป็นเพศหญิง ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ และทีผ่านมา ก็ไม่ได้มีโอกาสขอขมาโทษกับท่าน แต่วันนี้ นับว่าเธอโชคดีมาก ขอให้ ท่านโปรดยกโทษให้นางด้วย ขอรับ” เมื่อพระเถระเอ่ยปากว่า “อุบาสิกา สิงทีโยมเคยคิดอกุศลกับ อาตมาในครั้งนั้น อาตมา ยกโทษให้นะ” เพียงเท่านันเอง ้ ภาวะความ เป็นหญิงทั้งหมด ก็หายไป เพศชายได้ปรากฏขึ้นมาแทนอย่างน่า อัศจรรย์ต่อสายตาของทุกคนทีกาลังนังอยู่ทีนัน หลังจากนัน้ นาง และเพื่อนชาย จึงได้ ทาบุญด้ วยถวายอาหารบิณฑบาตแก่ พระคุณเจ้ าด้ วยความเคารพศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่ง เมื่อภรรยาเศรษฐี (อดีตบุตรชายเศรษฐี แห่งโสเรยยนคร) ได้ ทาการขอขมาโทษต่อท่านพระมหากัจจายนะผู้เป็ นพระอรหันต์ ทา ให้ วิบากกรรมที่เคยคิดไม่ดกี บั พระเถระนัน้ หยุดการส่ งผล ทาให้ กลับมาเป็ นปกติ
อริ ยปุ วาท ๑
บ.สยังวสี
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
๒๕๖
จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นหัวหน้า จิตที่อบรม ฝึกหัดดีแล้ว มีคุณค่ายิ่งใหญ่ กุศลธรรมทั้งหลายทีเป็นส่วนกุศล ทีเป็นฝ่ายกุศลทัง้ หมด มีใจเป็นหัวหน้า ใจเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น กุศลธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นร่วมกันภายหลัง เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่ได้ฝึกแล้ว ย่อม เป็ นไปเพื่อประโยชน์มากเหมือนจิตนี้ จิตที่ได้ฝึกแล้วย่อม เป็ นไปเพื่อประโยชน์มาก กายกรรม...วจีกรรม...มโนกรรมทีถ่ ือปฏิบตั ิให้บริบูรณ์ตาม สมควรแก่ทิฏฐิ(ความเห็น) เจตนา ความปรารถนา ความตั้งใจ และสังขาร ทั้งหลายของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผล อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เกื้อกูล เป็นสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะความเห็นดี เปรียบเหมือนพันธุ์อ้อย พันธุ์ข้าวสาลีหรือเมล็ดจันทน์ทบี่ ุคคลเพาะไว้ในดินชุม่ ชืน้ รสดินและรสน้้า ที่มนั ดูดซับเอาไว้ทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของหวาน น่าอร่อย น่า ชื่นใจ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพันธุ์อ้อยเป็นต้นนัน้ ดี ฉะนั้น เอกธัมมบาลี อัง.เอก. (แปล) ๒๐/๑๐, ๖
อริ ยปุ วาท ๑
บ.สยังวสี
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
ดอกบัว
ดอกไม้แห่งโพธิปัญญา ดอกบัว เกิดในน้ าและตม แต่เมื่อพ้นจากน้ าแล้ว ย่อมไม่ติดน้ าและตม ฉันใด จิตของพระพุทธเจ้า และอริ ยสาวกทั้งหลาย ผูร้ ู้แจ้งธรรม ละกิเลสอาสวะได้หมดสิ้นแล้ว ย่อมหลุดพ้น จากโลก อยูเ่ หนือโลก ไม่ติดอยูใ่ นโลก ไม่แปดเปื้ อนด้วยกิเลสตัณหา เหมือนกัน ฉันนั้น เทียบเคียงจาก
ขุ.สุตต. (แปล) ๒๕/๖๙๕-๖๙๖ ชราสูตร ม.ม. (แปล) ๑๓/๔๐๙-๔๑๐ โพธิราชกุมารสูตร
๒๕๗
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๕๘
ความปรารถนาดี จากพ่อ...ที่ขอบอกลูก ดาบสหนุ่มถามดาบสผู้เป็นบิดาว่า คุณพ่อ ลูกออกจากป่าไปสู่ บ้านแล้ว ควรจะคบหาคนมีศีลอย่างไร มีข้อปฏิบัติอย่างไร
ดาบสผูเ้ ป็ นบิดาตอบว่า ลูกรัก ผู้ใดพึงทาให้ลูกเบาใจ อดทน ความคุ้นเคยของลูกได้ เชือฟังและอดกลั้นถ้อยคาของลูกได้ ลูกไปจากทีนี้ แล้ว จงคบผู้นั้นเถิด ผู้ใดไม่ทาความชัวทางกาย วาจา ใจ ลูกไปจากทีนี้แล้ว จงดารงตนอยู่เหมือนลูกในใส้ คบผู้นั้นเถิด อนึง ผู้ใดประพฤติธรรม แม้ ประพฤติธรรมอยู่ก็ไม่ถือตัว ลูกไปจากทีนี้แล้ว จงคบผู้นั้น ซึงมีปัญญาทา แต่กรรมอันบริสุทธิ์เถิด คนทีมีจิตกลับกลอกเหมือนลิง รักง่ายหน่ายเร็ว ดุจ ผ้าทีย้อมด้วยขมิ้น ลูกรัก ถึงแม้ว่าพื้นชมพูทวีปทั้งสิ้น จะไร้มนุษย์ ลูกก็อย่าคบคน เช่นนั้นเลย คนที่มีจิตโกรธเหมือนอสรพิษ ลูกจงเว้นให้ห่างไกล เหมือน คนเว้นหนทางใหญ่ทีเปื้อนคูถ และเหมือนคนขับขียานพาหนะเว้นหนทางที ไม่เรียบ ลูกรัก เมื่อเข้าไปคบหาคนพาลอย่างสนิท ก็จะเพิ่มพูนแต่ความ ฉิบหาย ลูกอย่าสมาคมกับคนพาลเลย ขึ้นชือว่าการอยู่ร่วมกับคนพาลเป็น เหมือนการอยู่ร่วมกับศัตรูทุกเมือ ลูกรัก ดังนั้นพ่อจึงขอร้องลูก ลูกจงทา ตามคาของพ่อ ลูกอย่าสมาคมกับคนพาลเลย เพราะการสมาคมกับคนพาล ทั้งหลายเป็นทุกข์
หลิททราคชาดก
ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๓๑๓-๓๑๔
อริ ยปุ วาท ๑
บ.สยังวสี
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
๒๕๙
ภิกษุรปู หนึ่ง
ขอขมาโทษท่านพระสารีบุตร๔
ณ วัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้ นโกศลหลังออกพรรษา ปวารณาแล้ ว ท่านพระสารี บตุ รมีความประสงค์จะออกจาริ กไปใน ชนบท เพื่อโปรดสัตว์พร้ อมกับภิกษุจานวนมาก จึงได้ มากราบทูล ลา พระพุทธองค์ ก็ทรงอนุญาต พระเถระได้ ถวายอภิวาท ทา ประทักษิณ แล้ วออกเดินทางจากไป ในช่วงเวลาที่ท่านพระสารีบตุ รกาลังลุกขึ ้นเดินไปถวาย บังคมพระศาสดานัน้ ลมได้ พดั เอาชายจีวรไปกระทบตัวภิกษุรูป หนึง่ เข้ า โดยที่พระเถระไม่ได้ ทนั สังเกต ทาให้ ภิกษุรูปนัน้ เกิด ความไม่ พอใจ อีกทังก่ ้ อนหน้ านี ้ไม่นานนัก ภิกษุรูปนี ้ เคยไม่ พอใจในตัวท่ านเป็ นทุนมาก่ อนแล้ ว เพราะเหตุท่ ีพระเถระ ไม่ ได้ ทักทายตนเอง ทักทายเฉพาะพวกภิกษุรูปอืน่ ทาให้ เกิด ความน้ อยอกน้ อยใจ ยิ่งตอนที่ท่านจะจาริ กไปครัง้ นี ้ จะมีภิกษุ จานวนมากติดตามไปด้ วย จึงเกิดความอิจฉาริ ษยา ดังนัน้ เมื่อมีเหตุ จึงถือโอกาสจับผิด แล้ วพูดใส่ร้ายป้ายสี พระเถระต่อหน้ าพระศาสดา เพราะฉะนัน้ ขณะที่ท่านพระสารี บตุ ร เดินทางจากไปไม่นาน ยังไม่ พ้นเขตวัด ภิกษุรูปนี ้ จึงรี บกราบทูล ฟ้องพระพุทธเจ้ าว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระสารีบุตร สาคัญ อัง.นวก. (แปล) ๒๓/๔๕๑-๔๕๔ ดู สีหนาทสูตร และอรรถกถา, ธ.ป. ๔/๑๐๓-๑๐๗ เรื่ องพระสารีบตุ รเถระ ๔
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๐
ตนว่าเป็นอัครสาวก กระทบตัวของข้าพระองค์แล้ว ไม่ขอโทษ ก็จาริก ไป” พระศาสดาสดับแล้ ว ทรงรู้ด้วยญาณว่า “ถ้ าหากใครพูดแก้ ตัวแทนว่า แท้ ที่จริ งแล้ ว พระสารี บตุ รเถระมิได้ กระทบภิกษุนี ้หรอก เธอก็จะทูลตาหนิอกี ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงเข้าข้าง พระอัครสาวกของพระองค์เท่านั้น แต่มิได้เข้าข้างทางข้าพระองค์เลย แล้วผูกใจเจ็บต่อเราตถาคต หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในอบายอีก ยาวนาน” จึงได้ ตรัสสัง่ ภิกษุรูปหนึง่ ให้ ไปเรี ยกท่านพระสารี บตุ ร กลับมา เพื่อชี ้แจงเรื่ องนี ้ เวลานัน้ ท่านพระมหาโมคคัลลานะกับท่านพระอานนท์ เดิน ประกาศบอกเพื่อนภิกษุทงหลายที ั้ ่พกั อาศัยอยู่ภายในอารามให้ ออกไปฟั งการบันลือสีหนาท ของพระเถระต่อพระพักตร์ พระ ศาสดา ท่านพระสารี บตุ ร จึงได้ เดินทางกลับเข้ ามาเฝ้าอีกครัง้ ถวายอภิวาท แล้ วนัง่ ณ ที่สมควร พระพุทธองค์ จึงตรัสกับท่านว่า “สารีบุตร เพือนพรหมจารีรปู หนึง ได้กล่าวหาเธอว่าได้กระทบเขาแล้ว ไม่ขอโทษ ก็จาริกไป” ท่านพระสารี บตุ ร ไม่ได้ กราบทูลทันทีวา่ “ข้าพระองค์ไม่ได้ เอาชายจีวรกระทบภิกษุรูปนีห้ รอก พระเจ้าข้า” แต่ได้ พดู ถึง ความรู้สกึ ในใจของตัวท่านเอง โดยกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ เจริญ เป็นไปได้ทีภิกษุ ผู้ไม่ได้ดารงสติให้มัน อาจจะเผลอสติ ลืมตัวทา เช่นนั้นไป แล้วไม่ได้ขอโทษ ก่อนจะออกเดินทาง แต่ข้าพระองค์มีสติ บันลือสีหนาท คือ การพูดอย่างองอาจกล้ าหาญ ไม่หวัน่ ไหวเพราะมัน่ ใจในศีล สมาธิ และปั ญญาของตัวเอง
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๑
มันคงสมบูรณ์ ไม่เผลอ ไม่มีเจตนากระทาเช่นนั้นกับเพือนพรหมจารี รูปใดรูปหนึง ก่อนจะจากไปเป็นแน่ พระเจ้าข้า อนึง จิตใจของข้าพระองค์นั้น มีความหนักแน่นมันคง ไม่ หวันไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ไม่ชอบไม่ชัง ไม่รัก ไม่รังเกียจ มีความเป็น กลางและวางเฉยต่อสรรพสิงเปรียบเสมือนกับแผ่นดิน..แม่นา..ไฟ.. ้ ลม..ผ้าเช็ดธุลี..เด็กจัณฑาลทีหิ้วตะกร้า นุง่ ผ้าชายขาด ขณะทีเข้าไปใน บ้านเจียมตนตลอดเวลา ไม่คิดจะทาลายใครๆ ...โคตัวผู้ซึงมีเขาหัก เชือง ผ่านการฝึกมาอย่างดี...หนุ่มสาวทีชอบแต่งตัว ย่อมรังเกียจซาก สัตว์ต่างๆทีคล้องคอ ข้าพระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมอึดอัดระอา รังเกียจร่างกายอันเปื่อยเน่าผุพังนี้ และเปรียบเสมือนบุรุษทีประคอง ถาดน้ามันข้นทีมีช่องไหลออกเข้าได้ ซึงเหมือนกับข้าพระองค์ ต้อง คอยบริหารร่างกายทีมีทวารทั้ง ๙ ช่องซึงมีการขับถ่ายของเสีย ออกมา ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์มีสติสมบูรณ์ ไม่เผลอสติ ลืมตัวทาผิดต่อเพือนพรหมจารีรูปใดรูปหนึง ก่อนจะจากไปแน่นอน พระเจ้าข้า” ขณะที่ท่านพระสารี บตุ ร กาลังบันลือสีหนาทอยู่แต่ละข้ อนี ้ ได้ เกิดแผ่ นดินไหวถึง ๙ ครั ง้ และเมื่อพระเถระกล่าวจบลง พวก ภิกษุปถุ ชุ น ไม่อาจเพื่ออดกลันน ้ ้าตาไว้ ได้ ภิกษุผ้ เู ป็ นพระอรหันต์ ขีณาสพทังหลาย ้ เกิดธรรมสังเวช และภิกษุผ้ ทู ี่จบั ผิดพูดใส่ร้ายนัน้ ก็เกิดความเร่าร้ อนในใจเหมือนถูกไฟลน รู้ตัวว่ าได้ ใส่ ร้ายท่ าน พระสารี บุตรด้ วยเรื่ องไม่ จริง จึงรี บหมอบลงแทบพระบาทของ
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๒
พระพุทธองค์ กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็น คนโง่เขลา เบาปัญญา ขาดสติ ได้ทาผิด โดยการกล่าวตู่ท่านพระสารี บุตร ซึงเป็นเรืองเท็จ ไม่ใช่เรืองจริง ขอพระองค์ โปรดยกโทษให้แก่ขา้ พระองค์ เพือการสารวมระวังต่อไปด้วยเถิด” พระศาสดาตรัสว่า “เธอผู้เป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา ขาดสติ ได้ทาผิด โดยการกล่าวตู่สารีบุตร ซึงเป็นเรืองเท็จ ไม่ใช่เรืองจริง แต่ เพราะเธอได้สานึกผิด แล้วขอโทษ เราขอยกโทษให้ เมือภิกษุทาผิด ได้สานึกผิด แล้วกล่าวคาขอโทษ เพือสารวมระวังไม่ให้พลั้งพลาดผิด อีกต่อไปนัน้ เป็นความเจริญในอริยวินัย” แล้ วตรัสกับพระเถระว่า “สารีบุตร เธอจงยกโทษให้แก่โมฆบุรุษผู้นี้เถิด ก่อนทีศีรษะของเขาจะ แตกเป็น ๗ เสียง เพราะความผิดนั้น” ท่านพระสารี บตุ รกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้า พระองค์จะยกโทษแก่ท่านรูปนั้น ถ้าหากท่านรูปนั้นได้กล่าวกับข้า พระองค์วา่ ขอท่านสารีบตุ ร จงยกโทษแก่กระผมด้วยเถิด และขอ ผู้มีท่านรูปนั้น จงยกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย ถ้าหากว่า ข้าพระองค์มี ความผิด” เมื่อภิกษุรูปนัน้ ได้ กล่าวคาขอโทษพระเถระ ท่านพระสารี บุตร ก็ได้ ยกโทษให้ โดยไม่ได้ ถือโทษโกรธเคือง อริยปุ วาทกรรมที่ ภิกษุรูปนันได้ ้ พดู ใส่ร้าย ก็กลับมาเป็ นปกติ คือ ไม่เป็ นอันตราย ศีรษะของเขาจะแตกเป็น ๗ เสี่ยง เป็นสานวนพูดของคนสมัยก่อน ซึงหมายถึง การ สิ้นชีวิต เพราะเป็นอริยุปวาทกรรมต่อพระอัครสาวกผู้มีคุณยิงใหญ่ มีผลรุนแรงถึงขนาดทาให้ ถึงแก่ความตายได้ทันที ด้วยสาเหตุอย่างใดอย่างหนึง เช่น เกิดโรคร้าย เป็นต้น-ผู้เขียน
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๓
ต่อชีวิตและการบรรลุฌานสมาบัติ หรื อ มรรคผลและนิพพานอีก ต่อไป ข้อคิด คติธรรมในเรื่ องนี้ ภิกษุรูปนี้ ไม่ได้โกรธเพือนพระซึงเป็นปุถุชนด้วยกัน หรือโกรธ พระอรหันต์ทัวไป แต่โกรธพระอรหันต์ระดับพระอัครสาวกเบื้องขวา เลิศทางปัญญา ผู้บาเพ็ญบารมีมา ๑ อสงไขยกับอีกแสนกัป ย่อมมี โทษมหันต์ บาปหนักมาก แม้คิดโกรธอยู่ในใจไม่แสดงออกมาทาง กิริยาวาจา ก็มีสิทธิ์ทีจะตกนรกได้ แต่เพราะมีบุญเก่าหนุนนา เกิด สติปัญญาคิดได้ จึงไหวตัวทัน ยอมรับผิดด้วยใจกล้าหาญ คิดแก้ไข ความผิดพลาดนั้น ไม่ปล่อยไว้เนินนาน จนสายเกินการ ซึงถือว่า เป็น การโชคดีอย่างมาก อริยุปวาทกรรมในกรณีของภิกษุรูปนี้ แม้จะมีโทษรุนแรงถึง ขนาดต้องตายทันที แต่เพราะอยู่ต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า จึง แก้ไขได้ทันท่วงที ด้วยการขอขมาโทษ จึงกลับร้ายกลายเป็นดี กลับมา เป็นปกติ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเกิดในสวรรค์หรือ ไม่ปิดกั้นการบรรลุ มรรคผลนิพพาน เหมือนคนดืมยาพิษชนิดร้ายแรง แต่เพราะได้หมอ เทวดาและยาวิเศษ จึงช่วยถอนพิษร้าย คลายพิษหนักให้คนไข้หายได้ และปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๔
การอุ้มท้อง : ภาระที่ทาได้ยากยิ่ง มารดา เมือหวังผล คือบุตร จึงนอบน้อมเทวดาและไต่ถาม ถึงฤกษ์ ฤดู และปีทั้งหลาย เมือมีระดู การตั้งครรภ์ จึงมีได้ เพราะ การตั้งครรภ์นั้น มารดาจึงมีการแพ้ท้อง ได้ประคับประคองครรภ์อยู่ หนึงปี หรือหย่อนกว่าบ้าง แล้วจึงคลอดบุตร เมือบุตรร้องไห้ มารดา ก็ปลอบโยนให้ยินดีได้ ด้วยน้านมบ้าง ด้วยการร้องเพลงกล่อมบ้าง ด้วยการกอดไว้แนบอกบ้าง เมือลมแรงและแดดกล้า มารดาก็กระทาความรัก อย่างจับ ใจ มองดูบุตรผู้ยังเป็นเด็กอ่อนไร้เดียงสาอยู่ ทรัพย์ อันใดทีเป็นทรัพย์ของมารดาก็ดี เป็นทรัพย์ของบิดา ก็ดี แม้ทรัพย์ทั้ง ๒ มารดาก็คุ้มครองรักษาไว้เพือบุตรนั้น ด้วย หมายใจว่า แม้ทรัพย์ทั้ง ๒ นี้พึงเป็นของบุตรของเรา มารดาเมือให้บุตรสาเหนียกว่า อย่างนี้ซิลูก อย่างโน้นซิลูก ย่อมลาบากและทราบว่าบุตรของตนเมือถึงคราวเป็นหนุ่ม ไปลุ่ม หลงมัวเมาในภรรยาของผู้อืน อยู่จนดึกดืนเทียงคืน ไม่กลับมาใน เวลาเย็น ย่อมเดือดร้อนเป็นห่วง ด้วยประการฉะนี้ โสณนันทชาดก
ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๘๑-๘๒
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๕
หลังขอขมาโทษ ชีวิต..จะรุ่งโรจน์สดใส
หลังจากขอขมาโทษพ่อแม่แล้ ว ถ้ าต้ องการรู้วา่ ได้ ผลมาก น้ อยเท่าไหร่ เราพอสามารถเช็ค ตรวจสอบประเมินว่าได้ ผลกี่ เปอร์ เซ็นต์ โดยอาศัยหลักการดังต่อนี ้เป็ นเครื่ องชี ้วัด ๑.ความรู้สึกของตัวเราเอง หลังจากทาการขอขมาเสร็จแล้ ว ใจเราจะรู้สกึ ผ่อนคลาย โล่ง โปร่ง เบา ไม่อดึ อัดขัดข้ องเหมือนเดิม แม้ เรานึกถึงเรื่ องนันอี ้ ก ครัง้ ก็จะไม่มีความรู้สกึ อึดอัด ติด ข้ องหมองใจเหมือนเสี ้ยนหนาม ที่ทิ่มตานิ ้วของเรา หากได้ บง่ ออกแล้ ว แม้ จะเอามือไปสัมผัส ย่อม ไม่ร้ ูสกึ เสียดแทง ๒.นิมิตจากความฝัน เหตุการณ์สาคัญๆในชีวิตก่อนจะเกิดขึ ้นจริ ง มักจะฝั นหรื อ เกิดนิมิตอย่างใดอย่างหนึง่ มาบอกก่อนล่วงหน้ าเสมอ เรี ยกว่า “บุพพนิมติ ” อันเป็ นสัญญาณแห่งกรรมว่า จะเกิดสิ่งเหล่านี ้ใน เหตุแห่ งความฝั น ๔ ประการ มีดงั นี ้ ๑.ธาตุกาเริ บ(ร่างกายมีอาการผิดปกติเนื่องจาก อาหารบ้ าง อากาศบ้ าง นอนผิดท่าบ้ าง) ๒. เคยประสพพบเรื่องนันๆมา ้ จนฝั งใจไม่ร้ ูลืม พอ มีเหตุจึงได้ ผดุ ขึ ้นมาในใจให้ ฝันอีกครัง้ ๓. เทวดาดลใจเพื่อบอกเตือนเหตุบางอย่าง และ ๔.บุพพนิมติ (วิบากกรรมกาลังจะส่งผล) ดู อัง.ปั ญจก.(แปล) ๒๒/๓๓๕-๓๓๗ อรรถกถาแห่งมหาสุปินสูตร
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๖
เวลาอีกไม่นาน ฉะนัน้ คนส่วนใหญ่ หลังขอขมาโทษแล้ ว จึงมักจะ ฝันในลักษณะทีว่า ได้อาบน้าชาระร่างกายให้สะอาด ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ได้ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ มีของสกปรก เชื้อโรคหลุดออกจากร่างกาย ได้ตัดผมใหม่ หรือมีผมสวยงาม เป็ นต้ น บางทีตวั เราอาจจะไม่ได้ ฝันโดยตรง แต่คนอื่นที่เป็ นเพื่อน พี่น้อง ญาติสนิทฝั นเกี่ยวข้ องกับเรา ก็เป็ นไปได้ ๓.เหตุการณ์/ บุคคล/สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน อริ ยปุ วาทกรรม เมื่อได้ ขอขมาไปแล้ ว ได้ ถกู แก้ ไขอย่าง ถูกต้ องตามพุทธวิธี กรรมนัน้ จะกลับมาเป็ นปกติ ไม่เป็ นโทษ ไม่ เป็ นอุปสรรคทังทางโลกและทางธรรมอี ้ กต่อไป เพราะเมื่อจิตใจ เปิ ดกว้ าง เท่ากับเปิ ดโอกาสให้ กศุ ลส่งผล เมื่อบาปกรรมคลายตัว ความรู้สกึ นึกคิด จิตใจของผู้นนั ้ ย่อมเปลี่ยนแปลงในทางกุศล ชีวิต บุคคลรอบข้ าง เหตุการณ์ที่เคย เลวร้ าย ย่อมมีการเปลีย่ นไปในทิศทางที่ดีขึ ้นทันที เพราะฉะนัน้ หลักธรรมคาสอนทางพุทธศาสนา จึงสอนว่า บุคคลผู้ได้ทาผิดแล้ว สานึกผิด คิดปรับปรุงเปลียนแปลงแก้ไข กล่าว คาสารภาพผิดขอขมาโทษจากใจจริง ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทา เป็นนิมิต หมายแห่งความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะผู้ที สานึกผิด เห็นโทษภัยอันตรายจากการล่วงเกินพ่อแม่ทางความคิดและ คาพูดตามเป็นจริงด้วยปัญญาอย่างลึกซึง้ พร้อมทัง้ ได้ขอขมาโทษ
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๗
ท่านเรียบร้อยแล้ว กรรมที่เป็ นโทษจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ตามปกติ กล่าวคือ บาปกรรมที่เคยด่าว่าตาหนิติเตียนล่วงเกินนั้น จะไม่เป็นอุปสรรค ปิดกั้น ขัดขวางต่อการกระทาความดีและการ ปฏิบัติธรรมอีกต่อไป แม้สิ่งเลวร้ ายที่เคยประสพมา ก็จะเริ่ มกลายเป็ นดี จิตใจที่ เคยว้ าวุน่ เร้ าร้ อน ฟุ้งซ่าน หงุดหงิดง่าย จะเริ่ มสงบนิ่ง ผ่อนคลาย ปลอดโปร่งเบาสบาย แจ่มใสเบิกบาน แต่ก่อนเคยใจร้ อน ถือดีมี ทิฐิ เอาแต่ใจตัวเอง ก็จะเริ่มใจเย็น ไม่เอาแต่ใจตัวเอง ลดทิฐิลง ใจ จะเปิ ดกว้ าง ยอมรับฟั งความเห็นของคนอื่นได้ งา่ ย เห็นอกเห็นใจ และเข้ าใจคนอื่นได้ งา่ ยขึ ้น ผู้ที่เคยโกรธง่าย ชอบผูกอาฆาตหรื อ ชอบเอาชนะคนอื่น จะอารมณ์เย็นลง อดทนได้ ให้ อภัยได้ ไม่ถือสา ไม่อยากมีเรื่ องกับใคร คิดอยากทาสิ่งที่เป็ นสาระประโยชน์ให้ กบั ตัวเองมากขึ ้น เช่น คิดอยากเลิกอบายมุข-การพนัน คิดอยากเลิกดืมเหล้า-เลิกสูบบุหรี คิดอยากเลิกดืมกาแฟหรือเครืองดืมชูกาลังทัง้ หลาย เริมคิดอยากอ่านหนังสือธรรมะ อยากสวดมนต์ไหว้พระ อยากรักษาศีล ฝึกสมาธิ สนใจในการปฏิบัติธรรม ในช่วงนี้ มักจะมีเพือนทีดี กัลยาณมิตร สหายธรรม หรือ ครูอาจารย์ในทางธรรมเข้ามาส่งเสริมสนับสนุน ให้การช่วยเหลือ แม้
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๘
ในด้านสายงาน จะมีเพือนหรือได้เจ้านายทีดี มีน้าใจ ให้เกียรติ ให้ ความนับถือมากขึ้น อาการป่วยไข้จากโรคกรรม ก็จะเริมทุเลาเบาบางจางหาย มี เหตุทาให้เจอหมอดี ยาดีมีคุณภาพ รับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ ในส่วนลึกของจิตใจ มีความรู้สึกว่า มีความรักและคิดถึงพ่อ แม่มากขึน้ ทุกครัง้ ทีคิดถึงท่าน จะซาบซึ้งในพระคุณถึงขนาดน้าตาจะ เอ่อไหลออกมา อยากปรนนิบัติรับใช้ ทาอะไรสักอย่างให้ท่านมี ความสุขสบายใจ เรืองตาแหน่ง หน้าทีการงาน การเงินจะดีขึ้น คล่องตัว ไม่ สะดุด ไม่ติดขัด เรืองความรัก คนรัก จะเข้าใจกัน ตกลงกันง่าย มีความ อบอุ่น ราบรืน และมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม คนเราเมื่อคิดดี พูดดีและทาดีสมบูรณ์จนถึงที่สดุ แล้ ว ย่อม ได้ รับผลบุญแห่งคุณความดีอนั นัน้ ทังในชาติ ้ นี ้ทังในชาติ ้ หน้ าและ ชาติตอ่ ๆไป เพราะสร้ างเหตุปัจจัยไว้ อย่างไร คือ ทากรรมดี ย่อม ได้ รับผลของกรรมดี เมื่อปลูกต้ นกล้ าที่มีคณ ุ ภาพดี เมล็ดพันธุ์ดี เช่น อ้ อยหวาน มะขามหวาน มะพร้ าวน ้าหอม เป็ นต้ น ย่อมได้ รับ ผลิตผลที่ดีเลิศเพราะพันธุ์พืชดี ฉันใดก็ฉนั นัน้
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๖๙
ขอขมาโทษแล้ว
แต่ชีวิตยังไม่รุ่งโรจน์...จะโทษใคร บางคน อาจจะมีความสงสัยว่า แม้ ได้ ขอขมาโทษพ่อแม่ แล้ ว แต่ ชีวติ ยังเหมือนเดิม ไม่ เห็นมีอะไรดีขนึ ้ เลย ความรู้สกึ นึกคิดจิตใจยังไม่เปลี่ยน เหตุการณ์ สถานการณ์ ยังดูเลวร้ ายอยู่ เช่ นเคย ความทุกข์ ปัญหาต่ างๆ ยังดูเหมือนเดิม เพราะเหตุใด ทาไมถึงยังเป็ นเช่นเดิม และทาไมถึงไม่ได้ ผล ถ้ าเป็ นเช่นนันจริ ้ ง ขอให้ ท่านทังหลาย ้ พึงกลับไปนึกทบทวน สารวจตรวจตราตัวเอง ให้ ดีอีกครัง้ ว่า ขณะที่กล่าวคาขอขมาโทษพ่อแม่นนั ้ ได้สานึกผิดจริงๆ หรือไม่ เมือสานึกแล้ว คิดจะแก้ไขปรับปรุงเปลียนแปลงตัวเองมาก น้อยเพียงใด และในเวลาขอขมาโทษนั้น ทาไปด้วยความบริสุทธิ์ใจแค่ไหน ทาด้วยใจเต็มร้อยหรือไม่ ยังลังเลสงสัยอยู่หรือเปล่า ทาไปด้วยความ สมัครใจหรือถูกบังคับ สักแต่วา่ ทาไปอย่างนั้น แบบขอไปทีตาม ประเพณีพิธกี รรม หรื อรีบทารีบเสร็จ กลัวคนอืนจะมาเห็นเข้าทาให้อับ อายขวยเขิน ถ้ าการขอขมาโทษสักแต่วา่ ทาตามทาเนียมประเพณี พิธีกรรม ทาด้ วยการเขินอายกระดาก กลัวคนมาเห็น ทาเพราะถูก บังคับหรื อไม่เต็มใจ เป็ นต้ นอย่างที่วา่ นี ้ ย่ อมได้ ผลไม่ เต็มเม็ด เต็มหน่ วย ได้ ไม่ เต็มร้ อยแน่ เพราะใจยังไม่ บริสุทธิ์เพียงพอ
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๗๐
ต้ องไปขอขมาโทษใหม่ หรือต้ องทาหลายๆครัง้ จนรู้สกึ ด้ วยตัวเอง ได้ วา่ ใจที่เคยรุ่มร้ อนที่เคยหนักอึ ้ง เริ่ มเย็นและเบาลง ใจที่เคย อับเฉาและมืดบอด เริ่มสดชื่นเบ่งบานมีชีวิตชีวาขึ ้น สว่างขึ ้น ใจที่ เคยมีอคติลาเอียง หรื อถือทิฐิถือดีกบั พ่อแม่นนั ้ เริ่ มมลายหายไป มี ความรัก ความเคารพนับถือและเข้ าใจท่านมากขึ ้น คิดอยากจะ ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระในกิจการงานของท่าน ไม่อยากเห็นท่าน เหนื่อย หรื อทางานหนัก มีความสานึกและซาบซึ ้งในพระคุณของ พ่อแม่อย่างมาก แม้ ท่านดุดา่ ว่าอย่างไร ก็จะไม่โกรธ ไม่เสียใจ เช่นเดิม การขอขมาโทษจะได้ ผลดี เมื่อทาถูกพุทธวิธีตามหลักการ ที่กล่าวไว้ แต่ถ้าได้ ขอขมาโทษไปแล้ ว แต่ชีวิตยังไม่ดีขึ ้นเลย ทังนี ้ ้ อาจจะไม่ได้ เกิดจากผลกรรมที่เคยคิดไม่ดีหรือเคยพูดตาหนิดา่ ว่า บิดามารดา แต่เกิดจากผลของบาปกรรมอื่นๆ เช่น เป็นผลกรรมจากมิจฉาทิฏฐิ ผนวกกับเคยทาอริยุปวาท กรรมกับครูอาจารย์ นักบวช พระโพธิสัตว์หรือพระอริยเจ้าอย่างหนัก เป็นผลกรรมจากการเป็นคนเจ้าชู้ ชอบประพฤติผิดในกาม ผิดในสามี-ภรรยาและลูกของคนอืนมา เป็นผลกรรมจากเคยทาอาชีพเกียวกับอบายมุข การพนัน ยาเสพติด หรือประกอบอาชีพมืดมาก่อน
อริ ยปุ วาท ๑
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๗๑
เกิดจากกรรมฆ่า-เบียดเบียนคน/สัตว์ หรือว่า ผลกรรมจาก การทาแท้ง เป็นผลกรรมสืบเนืองมาจากไม่ได้เลี้ยงดูพอ่ แม่ เคยลัก ขโมยและเผาพลาญเงินทองของท่านมามาก หรือเกิดจากวิบากกรรม คือ เคยลักขโมย ปล้นจี้ คอรัปชัน คดโกง ตุ้มตุ๋น โกหก หลอกลวงเอา ทรัพย์สินเงินทองคนอืนมาในทางทีไม่ชอบมาเยอะ
การทาแท้ง คือ การทาร้ ายคน(ลูก)ผู้ไม่ มีความผิด มีแนวโน้ มจะเกิดผลร้ ายตามมา ดังนี ้ (๑) เสียงต่อการตกเลือด ติดเชื้อ ร่างกายอ่อนแอขี้โรค เจ็บป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย เป็นโรค เรื้อรังและรักษายาก เช่น เนื้องอก ซีส มะเร็งเต้านม มดลูก รังไข่ (๒) สูญเสียทรัพย์เงินทอง แบบไม่จาเป็น ย้ายทีอยู่ทีทางานบ่อย สูญเสียบ้าน ถูกโกงที (๓) มีเหตุทาให้สะเทือนใจจนเสีย ประสาท คิดมาก ฟุ้งซ่าน เพี้ยน เป็นบ้า วิกลจริต มีอาการทางสมอง หรือถูกคนรัก แฟนซ้อม ทุบตี ทาร้ายร่างกาย (๔) ถูกใส่ร้ายป้ายสี โดนจับผิด โดนเพ่งเล็งจากคนรัก เจ้านาย คนรอบ ข้าง ถูกกีดกันกลันแกล้ง ถูกสะกัดดาวรุ่ง (๕) ทาให้ถูกทิ้ง หรือต้องเลิกกับแฟน คนรัก หากยัง ไม่เลิก ก็อยู่กนั ด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน หรือมีเหตุทาให้เลิกคบกับคนทีเข้ามายุ่งเกียวกับ การทาแท้ง (๖) อุบัติเหตุทาให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างหนัก สูญเสียอวัยวะ พิการ หรือเป็น อัมพาต หรือ ได้ลูกอ่อนแอ ขี้โรค พิการ ปัญญาอ่อน เป็นออทิสติก (๗) มีเหตุทาให้จิตฟุ้งซ่าน สติฝั้นเฟือน ความจาเสือม ดูเพี้ยนๆไม่ปกติ ประสาทหลอน เป็นบ้า วิกลจริต (๘) อุบัติเหตุง่าย อายุสั้น ตายโหง ถูกฆ่าตาย (๙) ตายแล้ว ไปเกิดในอบายภูมิ (๑๐) ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ เศษ กรรมไม่หมด ต้องถูกทาแท้งตายในท้องหรือเกิดมาในขณะทีพ่อแม่ไม่พร้อม คิดจะเอาออก เทียบเคียงจาก เรื่ องพระมหาโมคคัลลานะ กรรมประทุษร้ายพระอริ ยสาวก
อริ ยปุ วาท ๑
บ.สยังวสี
วิธีขอขมากรรม กราบขอขมาโทษพ่อแม่
๒๗๒
บาปอกุศลกรรมต่างๆแต่ละอย่าง มีผลสะท้ อนกลับไม่ เหมือนกัน คือ กรรมแต่ละอย่างส่งผลไม่เหมือนกัน และผลกรรมที่ เกิดจากกายกรรมเหล่านี้ แก้ไม่ได้ด้วยการขอขมาโทษ
คนชั่ว ทาชั่วได้ง่าย ทาความดียาก คนดี ทาความดีง่าย ทาความชั่วยาก
“กรรมที่ไม่ดี และไม่มีประโยชน์แก่ตน ทาได้ง่าย ส่วนกรรมที่ดี และมีประโยชน์ ทาได้ยากอย่างยิ่ง... พุทธพจน์ ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๘๓
วิธีตอบแทนคุณบิดาและมารดา ในฐานะที่คนเรายังเป็ นปุถชุ น แม้ จะได้ ขอขมาโทษพ่อแม่ แล้ วก็ตาม แต่จิตใจยังอ่อนแอ ไม่มนั่ คง เอาแน่นอนไม่ได้ วันนี ้คิด ได้ สานึกได้ วันหน้ าอาจจะเปลี่ยนใจ ขาดสติ แล้ วเผลอประมาท พลาดพลังล่ ้ วงเกินท่านอีก เพื่อไม่ให้ เกิดความผิดพลาดซ ้าแล้ วซ ้า อีก บุคคลที่ฉลาดมีปัญญาดี พึงรี บสร้ างภูมิค้ มุ กัน ภูมิต้านทาน ให้ กบั ตัวเอง ด้ วยการศึกษาปฏิบตั ิธรรม และหมัน่ ทาดีกบั พ่อแม่ ตอบแทนพระคุณของท่าน โดยการปฏิบตั ิตวั ดังนี ้ ๑. มีทศั นคติทถี่ ูกต้ องในเรื่องกรรม ๑.๑ ศึกษาเรี ยนรู้เรื่ องกฎแห่งกรรม ให้ เห็นความจริ งว่า สาเหตุที่เรามาเกิดกับพ่อแม่ไม่ดีในชาตินี ้ เป็นผลสืบเนื่องมาจาก อกุศลกรรมบางอย่างของเราในภพชาติทแี่ ล้ว ถ้ าไม่อยากมาเกิดกับ พ่อแม่เช่นนี ้อีก จะต้ องไม่ลว่ งเกินผู้บงั เกิดเกล้ าเหมือนกรณีพระ โพธิสตั ว์ สมัยเกิดเป็ นจันทกุมารมีพระราชบิดาเป็ นมิจฉาทิฏฐิ คิด จะฆ่าลูกเพื่อบูชายัญ แต่จนั ทกุมารก็รอดชีวิตมาได้ ด้วยอานาจ แห่งบุญ ชาวเมืองพากันขับไล่พระราชา ถึงอย่างนัน้ พระโอรส ก็ ไม่ได้ คิดลบหลูด่ หู มิ่นพระบิดา และดูแลเอาใจใส่เลี ้ยงดูอย่างดี ฉะนัน้ ลูกที่ดี จะต้ องกตัญญูร้ ูคณ ุ และทาดีกบั พ่อแม่ให้ มากที่สดุ
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๗๔
พร้ อมทังหมั ้ น่ ศึกษาปฏิบตั ิธรรมด้ วยการให้ ทาน รักษาศีลและ เจริ ญภาวนาให้ มาก อธิษฐานจิตเพื่อหนีห่างจะได้ ไม่ต้องมาเจอกัน อีกในชาติหน้ า ๑.๒ เชื่อมัน่ ในกฎแห่ งกรรมที่วา่ ทาดี ย่อมได้รับผลของ กรรมดี ทาชั่ว ย่อมได้รับผลของกรรมชัว่ การล่วงเกินพ่อแม่ เปรี ยบเสมือนพระอรหันต์ในบ้ านเป็ นบาปหนัก ไม่ควรอย่างยิ่งที่ จะคิดน้ อยใจพ่อแม่ คิดจับผิด เกลียดพ่อแม่ พูดจาบจ้ วงล่วงเกิน หรื อทาให้ ท่านน้ อยใจเสียใจ ทุกข์ใจ เพราะการกระทาเช่นนัน้ เท่ากับเป็ นการปิ ดทางไปเกิดในสวรรค์และปิ ดกันทางบรรลุ ้ มรรคผลนิพพาน พร้ อมกันนันก็ ้ เปิ ดประตูนรกไว้ รอตนเองในชาตินี ้และ ชาติหน้ า ๑.๓ ศึกษาทาความเข้ าใจในอริ ยปุ วาทให้ ชดั เจนถ่องแท้ วา่ การดุดา่ ว่า ตาหนิติเตียนพ่อแม่ ถือว่า เป็ นอัปมงคลต่ อชีวติ เป็ น เสนียดจัญไรอย่างยิ่งซึง่ จะเป็ นเหตุดงึ ดูด ชักนาความวุน่ วาย ปั ญหา อุปสรรค ความขัดข้ อง ความพินาศหายนะทุกรูปแบบมาสู่ บุคคลผู้นนอย่ ั ้ างแน่นอน ในทางตรงข้ าม การเคารพ นับถือ ให้ เกียรติ เชื่อฟั ง การอ่อนน้ อมและการเลี ้ยงดูพ่อแม่นนั ้ ถือว่าเป็ น สิริมงคลต่ อชีวติ ๑ เป็ นเหตุนาความสุขความเจริ ญทังทางโลกและ ้ ทางธรรมมาให้ ทงในชาติ ั้ นี ้และชาติหน้ าและชาติตอ่ ๆไป ๑
ขุ.ขุ.(แปล) ๒๕/๖-๘ มงคลสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๗๕
๒.สานึกในพระคุณของพ่ อแม่ อย่ างสุดซึง้ ๒.๑ ศึกษาทาความเข้าใจในผลบุญที่ทากับพ่อแม่ให้ดี เช่น การเลี ้ยงดูเอาใจใส่ ทาให้ พ่อแม่มีความสุขกายสบายใจนัน้ เป็ น ที่มาแห่งบุญอันยิ่งใหญ่ มีอานิสงส์มากมายมหาศาล ทาให้ ชีวิต เจริ ญรุ่งเรื อง ซึง่ ต้ องเร่งรี บขวนขวยทาดีกบั บุคคล ๒ ท่านนี ้ให้ มาก พร้ อมทังเตื ้ อนสติไม่ให้ เผลอประมาทล่วงเกินอีก ๒.๒ เทิดทูนพ่ อแม่ เป็ นปูชนียบุคคล จงรักเคารพบูชาและระลึกถึงพระคุณของท่านอยู่เสมอว่า พ่อแม่นนมี ั ้ พระคุณอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าที่เราจะไปล่วงเกินหรือ ไปโกรธหรื อเกลียดท่านได้ หัดมองและสังเกตดูวา่ ถ้าเรารักใคร มากๆ แม้ในบางครั้ง เขาอาจทาไม่ถูกใจ พูดไม่เข้าหู แต่ก็ยังดูน่ารัก ทาให้โกรธไม่ลง พออดทนได้ หรือให้อภัยได้ ไม่อยากถือสา ลูกที่รัก พ่อแม่มากๆ แม้ จะโดนดุ ว่ากล่าวตักเตือน หรื อบ่นจู้จี ้ ก็จะไม่โกรธ พ่อแม่เลย ถึงแม้ จะไม่น่าฟั ง ก็ให้ ตงใจฟั ั ้ ง ยาขม รสชาติไม่น่า รับประทาน แต่เป็นยาดี ทาให้หายโรค คาพูดแม้ไม่น่าฟัง แต่เป็น ประโยชน์ ทาให้เตือนสติเราได้ และให้ถือเสียว่าท่านให้ศีลให้พร เพราะถ้ าพ่อแม่ไม่รัก ไม่หวังดี ไม่เป็ นห่วงเป็ นใย แล้ วท่านจะมา เสียเวลาพร่ าสอนตักเตือนเราไปทาไม พึงมองเห็นการตักเตือนของ ท่านทังสองเหมื ้ อนผู้ชี ้ขุมทรัพย์อนั มีคา่ ฉะนัน้
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๗๖
๒.๓ อย่ าให้ ซา้ รอยเดิม เมื่อมีเหตุการณ์ สถานการณ์ตรึงเครียดกับพ่อแม่ พึงตัง้ สติให้ ดีและอย่าให้ซ้ารอยเดิม คือ อย่าให้ประวัตศิ าสตร์ซ้ารอย จงใช้ความ ผิดพลาดที่ผา่ นมาให้เป็นบทเรียน อย่าต้องกลับไปขอขมาโทษซ้าแล้ว ซ้าอีก พึงเห็นผู้บงั เกิดเกล้าเหมือนไฟหรืองูพษิ ดังนั้น จงอย่ากล้าจับ ไฟและอย่าเข้าใกล้งพู ิษ อย่ากล้าทาในสิ่งที่ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตของ ตนเอง ๒.๔ เปลี่ยนดาบหอกให้ เป็ นดอกไม้ บางครัง้ คาบ่น ดุด่าว่าของพ่อแม่ เหมือนดาบหอกทิ่มแทง ใจ ทาให้ เราเจ็บปวดคับแค้ นใจก็จริ ง แต่ลกู ที่ฉลาดมีปัญญา ได้ ศึกษาธรรมะ รู้ซึ ้งในพระคุณของผู้มีคณ ุ แล้ ว สามารถเปลีย่ นดาบ หอกให้ เป็ นดอกไม้ อนั สวยงามได้ โดยการคิดบวก คิดให้ เกิดกุศล กล่าวคือ ให้ ถือว่า แม้ ปากจะร้ าย แต่ใจท่านดี คือ ท่านหวังดี คา ด่าของพ่อแม่ จึงเป็ นเสมือนพรอันประเสริ ฐที่ลกู ควรรับฟั ง และ นามาพิจารณาด้ วยใจเป็ นกลาง ดังนี ้ ถ้าหากท่านด่าหรือชอบบ่นจู้จี้ ในเรื่องที่เราไม่ได้ทาผิด หรือ ไม่ได้เป็นจริงดังที่ท่านเข้าใจ ก็อย่าพึ่งคิดไม่พอใจ หรือพูดสวนขึ้นทันที รอให้ท่านอารมณ์ดี เป็นปกติเสียก่อน แล้วค่อยชี้แจงเหตุผลให้ฟัง ภายหลัง ก็ยังไม่สายเกินไป แต่ถ้าหากท่านมักดุด่าว่าหรือบ่นจู้จี้ ในเรื่องที่เราเป็นฝ่าย ผิด หรือมีส่วนผิดอยู่บ้าง ก็ตอ้ งรีบยอมรับผิดตามเป็นจริง โดยไม่ต้อง
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๗๗
แก้ตัวใดๆทัง้ สิ้น แต่ต้องรีบแก้ไขปรับปรุงตน อย่าได้มีพฤติกรรม เช่นนั้นให้ท่านเป็นห่วงกับเราอีก แล้วท่านก็จะเลิกบ่นไปเอง ถ้าท่านชอบบ่นหรือดุด่าว่าตามประสาพ่อแม่ที่เป็นห่วงลูก หรือน้อยใจลูกในบางเรื่องแต่ไม่พูดออกมาโดยตรง ให้คิดเสียว่า เป็น การระบายความน้อยอกน้อยใจของผู้ใหญ่ อย่าได้ใส่ใจ เอาหูไปนาเอา ตาไปไร่ อย่านามาคิดให้น้อยใจหรือราคราญใจ จงโปรดเข้าใจถึงหัวอก ของผู้เป็นพ่อแม่ แล้วใจเราก็จะเบาสบาย ไม่ต้องมีปากเสียงกัน หรือ จะให้ดีมากไปกว่านั้น ก็รีบปลอบประโลมท่าน เอาใจท่านให้มากขึน้ กว่าทีผ่ ่านมา คาบ่นหรือด่าของพ่อแม่ แม้ไม่น่าฟัง แต่ก็น่าเชื่อ แม้ฟงั ดูไม่ ไพเราะ แต่ควรแก่การใส่ใจ และถือว่าไม่มีพษิ ภัยเท่ากับคาเยินยอของ คนรักระหว่างชาย-หญิง ฟังไพเราะรื่นหู น่าฟังแต่ไม่น่าเชื่อ ไม่ควรปัก ใจเชื่อ เพราะเป็นคาพูดที่ไม่บริสุทธิ์แอบแฟงด้วยผลประโยชน์บาง ประการ แตกต่างจากคาขม คาไม่หวานของพ่อแม่ แต่เป็นยาวิเศษที่ จะทาให้เราตาสว่างได้ ไม่ต้องมาร้องไห้เสียใจ โดยที่แก้ไขไม่ได้ ภายหลัง แม้พระศาสดา เมือ่ มีความปรารถนาดีกับสาวกทั้งหลาย ก็ ต้องมีทั้งข่มและย่อง๒เพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม
๒
ม.อุ. (แปล) ๑๔/๒๒๒-๒๓๒ มหาสุญญตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๗๘
๓.ยกย่อง สรรเสริ ญคุณพ่อแม่ ยกย่องเชิดชูและสรรเสริญคุณความดีของท่านให้เต็มที่ตาม โอกาสที่เหมาะสม ปกปิดเรื่องที่ไม่ดีไม่งามของท่าน อย่าได้แพร่งพรายให้คน ภายนอกรู้ ถ้ามีใครมาลบหลู่จาบจ้วงล่วงเกินพ่อแม่ พยายามปกป้อง รักษาเกียรติยศ ชื่อเสียงของท่านให้ดี ไปลามาไหว้ ให้ความเคารพ นอบน้อมให้เกียรติพ่อแม่เสมอ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าหากการกราบไหว้ การทาความเคารพ บูชาสักการะพระ อรหันต์ มีคุณอนันต์ ได้อานิสงส์ผลบุญมหาศาลเหลือจะคณานับแล้ว ไซร้ แม้การพูดยกย่องให้เกียรติ แสดงความเคารพนบไหว้ต่อผู้มีคุณ เช่นพ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือนพระอรหันต์ในบ้าน ก็ตอ้ งได้บุญมาก เหมือนกันฉันนั้น ๔. ทาตัวให้เป็ นคนดีของพ่อแม่และสังคม พยายามหาทางให้พ่อและแม่ มีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้และ ปฏิบัติธรรม ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธาในเรื่องกฎแห่งกรรมและคุณของ พระพุทธเจ้า ไม่มีศีล ไม่รู้จักคุณค่าของศีล ยังมีความตระหนีแ่ ละ ไม่มีปัญญาในเรื่องชีวิต ยังไม่รู้จักวิธกี ารลด ละ เลิกและกาจัดกิเลส จงรีบหาวิธีและพยายามหาทางช่วยเหลือท่านทุกวิธีเพื่อจะให้ท่านได้มี
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๗๙
ศรัทธา มีศีล รู้จักการให้ทานที่ถกู ต้อง พร้อมทั้งมีปัญญาละกิเลส เข้าใจในสัจธรรมของชีวิต หมัน่ ทาดีดว้ ยการให้ทาน ทาบุญตักบาตร สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีลหรือเข้ารับฝึกฝนอบรมปฏิบัติธรรมตามสถานทีต่ ่างๆตาม โอกาสที่สะดวก เพื่อเป็นอภิชาติบุตรของพ่อแม่ ๕. รักพ่อแม่ให้มากที่สุด รักคนอื่นนันก็ ้ รักได้ แต่อย่าได้ รักใครมากกว่าพ่อแม่ จงรัก พ่อแม่ให้ สดุ ซึ ้งถึงก้ นบึ ้งหัวใจ ถึงท่านจะดุดา่ ว่าอย่างไร ไม่ควร โกรธ จงคิดถึงหัวอกของพ่อแม่ก่อนเสมอ จงพูดคาสุภาพอ่อนโยน กับพ่อแม่ให้ ท่านฟั งแล้ วสดชื่นใจ ฟั งแล้ วหายเหนื่อย อย่ามี พฤติกรรมใดๆที่ทาให้ ท่านเป็ นห่วงกังวลไม่สบายใจ และไม่พงึ กระทาสิ่งไม่บงั ควรดังต่อไปนี ้กับผู้บงั เกิดเกล้ า คือ อย่าได้ทาบังอาจกับพ่อแม่ อย่าทาอวดดื้อถือดีกับพ่อแม่ อย่ามองข้ามหัวพ่อแม่ อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองพ่อแม่ อย่าคิดเถียงเอาชนะพ่อแม่ อย่าทาอวดรู้ อวดดี อวดเก่งอวดฉลาดกับพ่อแม่ และอย่าอายเพื่อนหรือแฟน เพราะเห็นว่าพ่อแม่แก่ชรา ฐานะไม่รวย แต่งตัวมอซอ ดูไม่ภูมิฐาน ไม่มีการศึกษา จงภูมิใจที่ได้ เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๐
ถ้ าเราจะทาการบังอาจกับใคร คงพอทาได้ ผลกรรมที่ ตามมา ก็คงไม่มากนัก แต่อย่าทาบังอาจกับพ่อแม่ จะถือดี กับใคร คงไม่เท่าไหร่ แต่อย่าได้ ถือดีกบั พ่อแม่ โกรธใคร พอโกรธได้ แต่อย่าไปถือโทษโกรธเคืองกับพ่อแม่ ทะเลาะโต้ เถียงกับใคร ทาไป แต่อย่าได้ เถียงพ่อแม่ ถ้ าจะทาอวดรู้ อวดเก่งกับใคร ก็คงพอทาได้ แต่อย่าทาอวดรู้ อวดดีอวดเก่งกับพ่อแม่ เพราะถ้ าการกระทาของ เรา เป็ นเหตุให้ ท่านน้ อยใจ เสียใจ โกรธเคืองไม่ พอใจ ถือว่า เราได้ ลว่ งเกินท่านไปแล้ ว ผู้ที่ทาอย่างนันกั ้ บพ่อแม่ แม้ จะไม่ได้ ตังใจโดยตรง ้ หรื อคิดไม่ถงึ ว่าจะเป็ นกรรมเป็ นเวร ก็ไม่สามารถแก้ ตัวได้ เพราะเราได้ ทาลงไปแล้ ว วันหนึ่งเมื่อมีความรัก มีคนรัก จะ ถูกคนรักพูดจาบังอาจกับเรา ทาตัวดื้อรั้นดันทุรังกับเรา จะทาอะไร ไม่ปรึกษา มองข้ามหัวเรา จะทาตัวอวดดี อวดเก่งใส่เรา แล้วเราจะ รู้ซึ้งว่า มันเจ็บปวดทรมานใจแค่ไหน และผลกรรมนี ้จะดึงดูดความ อัปรี ย์จญ ั ไรทุกรูปแบบเข้ ามาในชีวิต ทาให้ เราตกต่า ทามาหากิน ไม่เจริ ญรุ่งเรื อง ตาแหน่งหน้ าที่การงานติดขัดไม่ก้าวหน้ า ครอบครัวความรักไม่ราบรื่ นสมหวัง
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๑
๖.ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ทางโลก การเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ เมื่อลูกเติบใหญ่ มีครอบครัวสามารถพึงพาตนเองได้ แล้ ว แต่กลับปล่อยปละละเลย ไม่เหลียวแลเอาใจใส่พ่อแม่เท่าที่ควรจะ ทา ปล่อยให้ ท่านตกทุกข์ได้ ยาก ทางานหนักหาเลี ้ยงตัวเองด้ วย ความลาบากตรากตรา หาเช้ ากินค่า อดๆอยากๆ ชื่อว่ าได้ ทาผิด ต่ อพ่ อแม่ อย่ างหนัก เป็ นบาปมาก ชัว่ ชีวิตนี ้ จะเอาดีได้ ยาก ทา อะไรมักจะติดขัด ก่อนจะได้ มาต้ องลาบากแสนเข็ญ ต่อให้ มีความรู้ ความสามารถสติปัญญาแค่ไหนก็ตาม ยากที่จะก้ าวไปถึง เป้าหมายเส้ นชัยที่ตนเองตังใจไว้ ้ เพราะขาดบุญจากการเลี ้ยงดูพ่อ แม่หนุนนา และจากบาปกรรมนี ้ จะทาให้ ชีวิตของคนนันตกต ้ ่า ทา มาหากินลาบาก เงินทองฝื ดเคือง ตาแหน่งหน้ าที่การงานไม่ เจริ ญรุ่งเรื องก้ าวหน้ า เมื่อต้ องการความช่วยเหลือ จะหาคนส่งเสริ มสนับสนุน ช่วยเหลือได้ ยาก สิ่งที่ต้องการความสาเร็จ จะเกิดปั ญหาติด แม้ บางคนจะหาเงินเก่ง หาเงินคล่อง แต่ได้ มาแล้ ว กลับมีอนั เป็ นไป ต่างๆ ทาให้ เก็บไม่อยู่ เก็บไม่ได้ นาน มีเหตุให้ ต้องออกไปทุกวิธีทาง โดยเฉพาะเกี่ยวกับอบายมุข การพนัน แม้ เรื่ องเงินทองส่วนที่ถกู คน อื่นหยิบยืมไป มักจะไม่ได้ คืน ส่วนที่นาไปลงทุนค้ าขาย ทากิจการ
ดูเพิ่มเติมใน ที.ปา. (แปล) ๑๑/๑๙๙-๒๑๘ สิงคาลกสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๒
ต่างๆ จะมีเหตุทาให้ ถกู หลอก ถูกโกง ขาดทุนเป็ นหนี ้สินมากมาย ไม่มีที่สิ ้นสุด ดังนัน้ บุคคลที่ฉลาดมีปัญญา พึงนอบน้ อมบูชาสักการะ ปรนนิบตั ิเลี ้ยงดูมารดาและบิดาให้ ดี อันจะเป็ นเหตุนามาซึง่ บุญ กุศลอันยิ่งใหญ่ เป็ นเหตุแห่งความสุขความเจริ ญทังทางโลกและ ้ ทางธรรมทังชาติ ้ นี ้และชาติหน้ าดังพุทธพจน์ที่วา่ “ผู้ใดแสวงหาอาหารโดยธรรมได้มาแล้ว ก็เลี้ยงมารดาและ บิดา ผู้นั้นย่อมประสบบุญเป็นอันมาก...บุคคลใดเลี้ยงมารดาและบิดา โดยชอบธรรมเพราะการบารุงเลี้ยงมารดาและบิดาเช่นนี้ บัณฑิตย่อม สรรเสริญบุคคลนั้น ขณะทีย่ ังอยู่ในโลก ครั้นจากโลกนีไ้ ปแล้ว ย่อม บันเทิงในโลกสวรรค์” ๓ คาว่า ประสบบุญเป็ นอันมาก หมายถึง คนนัน้ จะเจริ ญ ด้ วยอายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณ มีเกียรติ อานาจ เป็ นต้ น ถ้ าจะพูดให้ เห็นเป็ นภาพ เทียบให้ เห็นเป็ นรูปธรรม ก็คือ การเลี้ยง ข้าวปลาอาหารพ่อแม่ แม้เพียงครั้งเดียว มีอานิสงส์มากกว่าการเลี้ยง อาหารเพื่อนทั่วไป หรือ เลี้ยงอาหารแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ เป็นล้านๆครัง้ เหมือนกรณีของพ่อค้ า ชื่ออังกุระ ได้ ให้ ทานแก่ ๓
สัง.ส. (แปล) ๑๕/๒๙๗ มาตุโปสกสูตร พญาแร้ งโพธิสัตว์ แม้ จะถูกบ่วงของนายพรานนิลียะ แต่ไม่กลัวตาย เพียงราพึงถึง ไม่มีใครเลี ้ยงดูบิดามารดาที่ซอกเขา พอนายพรานได้ ฟังเช่นนัน้ เกิดความสงสาร แล้ ว ปล่อยให้ บินกลับไป เพื่อเลี ้ยงดูบิดามารดาตามต้ องการ เพราะความกตัญญู และอานิสงส์ แห่งการเลี ้ยงดูบิดามารดา จึงรอดพ้ นจากความตาย ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๒๕๘-๒๕๙ มาตุโปสกคิชฌชาดก
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๓
ปุถชุ นคนทัว่ ไป วันละร้ อยล้ านทุกวันไม่ได้ ขาด เป็ นเวลาหนึง่ หมื่นปี แต่กลับได้ บญ ุ ได้ อานิสงส์น้อยกว่าพราหมณ์ ชื่อว่าอินทกะที่ ทาบุญกับท่านพระอนุรุทธะ ซึง่ เป็ นพระอรหันต์ ครัง้ เดียว เพียงแค่ ทัพพีเดียว๔ ฉะนัน้ แม้ ความสุข ความเจริ ญรุ่งเรื องในทางโลก ไม่วา่ จะเป็ น เรื่ องของความรัก คนรัก ครอบครัว คูค่ รอง สามี ภรรยา ลูก ตาแหน่ง หน้ าที่การงาน เป็ นต้ น ส่วนหนึง่ เป็ นผลบุญมาจากการ เลี ้ยงดูพอ่ แม่ ดังพุทธพจน์ที่วา่ “...ความเพลิดเพลินยินดี ความรื่นเริงบันเทิงใจ และการ หัวเราะเล่นหัวกันในกาลทุกเมื่อนั้น บุคคลที่ฉลาดมีปัญญาดี จะพึง ได้มา เพราะบารุงเลี้ยงดูมารดา...บิดา”๕ “...การเลี้ยงดูพ่อแม่เป็นเหตุนามาซึง่ ความสุขความเจริญทั้ง ทางโลกและทางธรรมและเป็นหนึ่งในมงคลทั้งหลาย” ๖ เพราะฉะนัน้ บุคคลผู้หวังความเจริ ญผาสุกในชีวิต พึงรี บ ทาบุญกับพระในบ้ าน ขวนขวายเอาใจใส่ ปรนนิบตั ิ เลี ้ยงดูพ่อและ แม่ให้ ดีด้วยความเต็มใจ ดังนี ้ ๔
ในยุคสมัยที่มนุษย์ มีอายุยืน คือ หลังจากศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้ าเสื่อมลง ไม่มี พระอริยบุคคลเลยแม้ แต่ท่านเดียว มีแต่พวกปุถชุ นคนทัว่ ไปเท่านัน้ ดูเพิม่ ใน ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๒๐๙-๒๑๙ อังกุรเปตวัตถุ ๕ ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๘๓-๘๕ โสณนันทชาดก และอรรถกถา ๖ ขุ.ขุท.(แปล) ๒๕/๖-๘ มงคลสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๔
ดูแลเอาใจใส่ท่านให้ดี ด้วยการทาอาหาร ซักเสื้อผ้า ล้าง ถ้วยจาน เก็บปัดกวาด ทาความสะอาดบ้าน ที่อยู่อาศัยให้เรียบร้อย ไม่ นิ่งดูดาย ไม่ต้องรอให้พ่อแม่เรียกใช้ รีบไหว้วานอาสารับใช้ ซื้อเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า อาภรณ์ น้าหอม เครื่องดื่ม เครื่อง อุปโภคบริโภคให้ หรือให้เงินใช้ตามกาลังทรัพย์ บีบ นวดให้ตามโอกาสอันสมควร เมื่อพ่อแม่เรียกใช้หรือเห็น ว่าท่านเหนื่อย ไม่สบาย เมื่อเวลาที่พ่อแม่เจ็บป่วยไม่สบาย ต้องพาไปหาหมอ เฝ้า ดูแล ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด ถามไถ่ถึงสุขทุกข์ของท่านอยู่เสมอ ปลอบ ประโลมพ่อแม่ให้ทา่ นสบายใจในยามที่ท่านกลุ้ม เศร้าใจ ซื้อรถยนต์ หรือเครื่องประดับ เช่น นาฬิกา สร้อยทอง กาไร กระเป๋าเป็นต้น ให้ตามทีพ่ ่อแม่อยากได้ และปลูกบ้าน/ที่อยู่อาศัยให้ ตามฐานะกาลังทรัพย์ ช่วยทาธุรกิจที่ท่านมอบหมายให้ อย่าปล่อยปะละเลย ดารงวงศ์สกุล รักษาชื่อเสียงของท่านให้ดี อย่าทาให้เสีย ชื่อเสียงด้วยการทาตัวไม่ดี ไม่เหมาะสม หลีกเลี่ยงจากอบายมุขทุก ประเภท เช่น เป็นนักเลงหัวไม้ เป็นนักอบายมุขการพนัน เป็นคนเจ้าชู้ เป็นนักดื่มเหล้า เสพสิ่งเสพติดให้โทษ หรือ คบคนชั่วเป็นมิตร ประพฤติตัวให้เหมาะสมกับความเป็นทายาทผู้จะรับมรดก เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทาบุญอุทิศให้ทา่ นตามโอกาสอัน เหมาะสม
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๕
พ่อแม่ แม้ เป็ นเพียงปุถชุ นคนธรรมดา แต่สาหรับลูกแล้ ว ท่านอยู่ในฐานะเนื ้อนาบุญของลูก เพราะเมื่อทาดีกบั ท่านแล้ ว ย่อมได้ อานิสงส์ผลบุญเป็ นอเนกอนันต์ ทาให้ ชีวิตลูกคนนัน้ เจริ ญรุ่งเรื องทันตาเห็น เพราะฉะนัน้ บุคคลที่มีโอกาสได้ เลี ้ยงดู ปรนนิบตั ิพ่อแม่นนั ้ จงปลาบปลื ้มและภาคภูมิใจเถิดว่า เราโชคดี แท้ ที่มีโอกาสทามหากุศลเช่นนัน้ ไม่ใช่ทาไปด้ วย บ่นให้ พ่อและแม่ ไปด้ วย ทาให้ บญ ุ กุศลที่ควรจะได้ เต็มที่กลับลดคุณภาพลง
การเลี้ยงดูมารดาบิดา
เป็นบุญเอนกอนันต์..มีอานิสงส์มหาศาล “ผูใ้ ดแสวงหาอาหารโดยธรรมได้มาแล้ว ก็เลี้ยงมารดา และบิดา ผูน้ ้ นั ย่อมประสบบุญเป็ นอันมาก...เพราะการบารุ งเลี้ยง มารดาและบิดาเช่นนี้ บัณฑิต ย่อมสรรเสริ ญบุคคลนั้น ขณะที่ยงั อยูใ่ นโลก ครั้นจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในโลกสวรรค์” มาตุโปสกสูตร
สัง.ส. (แปล) ๑๕/๒๙๗
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
พระพุทธองค์ ทรงเสด็จไปโปรดพุทธมารดา เพื่อตอบแทนพระคุณที่ได้อาศัยเกิด หลังจากที่พระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่ควงต้น มะม่วงที่กรุงสาวัตถี แสดงให้คนทั้งหลายได้เห็นพุทธานุภาพที่ทา ได้อย่างยากยิ่ง เพื่อการาบพวกมิจฉาทิฏฐิให้ละความเห็นผิดและ โปรดพวกสัมมาทิฏฐิ ได้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส บางท่านอาจจะ ปรารถนาพุทธภูมิ บางท่านมีจิตเลือ่ มใส มีใจศรัทธา ไปเกิดใน สุคติโลกสวรรค์ ได้เสด็จขึ้นไปจาพรรษา ณ ธรรมสภา แห่ง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา ๓ เดือน เพื่อแสดงพระธรรมเทศนา โปรดพุทธมารดา ซึ่งไปบังเกิดเป็นสันดุสิตเทพบุตร ณ สวรรค์ชั้น ดุสิต เพื่อตอบแทนพระคุณที่อาศัยอยูใ่ นครรภ์ถึง ๑๐ เดือน ท้าวสักกเทวราชมีความปีติยนิ ดี รีบป่าวประกาศแก่ เทวดาทั้งหลายให้มาฟังพระธรรม ในที่สุดแห่งเทศนา สิริมายา เทพบุตร ได้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส ปลาบปลื้ม ดื่มด่าในรสแห่ง พระธรรมอย่างยิง่ มหาปทานสูตร ที.ม.(แปล) ๑๐/๑๒-๑๖ เรื่องยมกปาฏิหาริย์ ธ.ป. ๖/๑๐๕-๑๔๖
๒๘๖
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๗
๗.ตอบแทนคุณพ่ อแม่ ทางธรรม พลังแห่งธรรมทานอันยิ่งใหญ่
การทาตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ทางโลกนันไม่ ้ วา่ จะ ปรนนิบตั ิเลี ้ยงดูมากแค่ไหน ดีเลิศอย่างไร ย่อมไม่สามารถตอบ แทนพระคุณของท่านให้ หมดสิ ้นได้ เพราะพระคุณของพ่อแม่นนั ้ มากล้ นเกินกว่าที่จะตอบแทนด้ วยการเลี ้ยงดูทางร่างกาย แต่ถ้าลูกคนนัน้ สามารถตอบแทนพระคุณท่านด้ วยธรรม ทาน คือให้ คาแนะนา บอกสอนจนเกิดความสานึกในพระคุณของ พ่อแม่ บุญคุณของครูอาจารย์และเกิดความศรัทธาเลือ่ มใสในพระ รัตนตรัยอย่างมัน่ คง แม้ หากบิดามารดา สิ ้นชีวิตไปแล้ ว มีสว่ นช่วย ให้ ท่านทังสองได้ ้ ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ อยู่ในภพภูมิที่สขุ สบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ ทาให้ ท่านทังสอง ้ เกิดดวงตาเห็นธรรมเป็ น พระโสดาบัน ยิ่งชื่อว่า เป็ นการตอบแทนคุณมารดาบิดาขัน้ สูงสุด เพราะบิ ดามารดา เป็ นผู้ให้ ชีวิตและให้ โอกาสลูกเกิดมาลืม ตาดูโลกและเลี ้ยงดูจนเติบใหญ่ หากเราได้ มีทาให้ ท่านได้ ไปเกิดใน สุคติโลกสวรรค์ อยูส่ ขุ สบาย ด้ วยพลังแห่งความดี พลังแห่งธรรม ทานของเรา หนี ้บุญคุณที่ให้ กาเนิดและเลี ้ยงดูมาทังหมดนั ้ น้ ย่อม สิ ้นสุดกัน ไม่ มีอะไรติดค้ างกันอีก ดังพุทธพจน์ที่วา่ คุณธรรมที่บม่ เพาะเพื่อความเป็นโสดาบัน คือ คบสัตบุรุษ คือ เข้ าไปศึกษาเรียนรู้ธรรม จากพระอริยเจ้ า ฟั งธรรม พิจารณาธรรม(โยนิโส) และปฏิบตั ิธรรมให้ ถกู หลักตามอริยมรรค มีองค์ ๘ ศือ ศีล สมาธิและปั ญญา หรือ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปั ญญา ดู สัง.มหา. (แปล) ๑๙/๔๙๔-๔๙๕ ทุตยิ สารี ปุตตสูตร
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๘
“บุตรคนใดให้มารดาและบิดาผู้ไม่มีศรัทธา สมาทาน ตัง้ มั่น ดารงอยู่ในความถึงพร้อมด้วยศรัทธา ให้มารดาและบิดาผู้ทุศีล สมาทาน ตั้งมั่นดารงอยู่ในความถึงพร้อมด้วยศีล ให้มารดาและบิดาผู้ ตระหนี่ สมาทานตัง้ มั่น ดารงอยู่ในความถึงพร้อมด้วยการเสียสละให้ มารดาและบิดาผู้ไม่มีปัญญา สมาทาน ตั้งมั่น ดารงอยู่ในความถึง พร้อมด้วยปัญญา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล การกระทาอย่างนั้นชื่อว่า อันบุตรได้ทาและทาตอบแทนแก่มารดาและบิดา ๗ เพราะฉะนัน้ การให้ ธรรมทานแก่พ่อแม่ จึงมีพลังมี อานิสงส์มาก มีคณ ุ อันยิ่งใหญ่มากกว่าการให้ อามิสทาน คือ เลี ้ยง ดูตอบแทนด้ วยวัตถุสิ่งของเพราะการให้ธรรมทานนัน้ เป็นการให้สิ่ง ล้าค่า ประเสริฐสูงสุดกว่าการให้อื่นใด๘ ชื่อว่าให้เมล็ดพันธุ์แห่งศีล สมาธิ ปัญญา เป็นการให้อมตะให้เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ ผู้ให้เมล็ด พันธุ์แห่งพุทธธรรม ย่อมมีส่วนแห่งการตรัสรู้ธรรม มีส่วนแห่งมรรค ผลและนิพพาน เหมือนบุคคลปลูกพืชชนิดใด ย่อมได้ผลชนิดนั้น แน่นอน ดังนั้น บุคคลผู้ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ เมล็ดพันธุ์แห่ง ความรู้ตื่นเบิกบาน เมล็ดพันธุ์แห่งความสะอาด สงบ สว่าง เมล็ดพันธุ์ แห่งความโชคดีมีชัยไว้กับพ่อแม่ซึ่งเป็นเนื้อนาดี ครั้นถึงเวลาที่เมล็ด พันธุ์แห่งบุญนี้เจริญงอกงาม เติบโต แผ่กิ่งก้านสาขา ผลิดอกออกผล เป็นบุญนิธิ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอันเลิศล้า ทั้งในชาตินี้ชาติหน้า ๗ ๘
อัง.ทุก. (แปล) ๒๐/๗๗ สมจิตวรรค ธ.ป. ๘/๕๔-๖๐ เรื่ องท้ าวสักกเทวราช
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๘๙
และชาติต่อๆไป เป็นเหตุปัจจัยนาไปสู่ความเป็นผู้ยิ่งใหญ่และล้าเลิศ ทั้งในมนุษย์และเทวดา พร้อมทั้งเป็นอุปนิสัยแห่งการบรรลุธรรม ซึ่ง เป็นผลอันล้าเลิศประเสริฐสูงสุดในทุกภพชาติที่เกิด แม้ท่านพระสารี บุตร อัครสาวกเบื ้องขวาผู้เลิศทาง ปั ญญา ก่อนจะปริ นิพพาน ยังต้ องไปเปลื ้องหนี ้ค่าน ้านมด้ วยการ แสดงธรรมโปรดโยมแม่ คือ นางสารีพราหมณี จนนางได้ เกิดความ ซาบซึ ้งในธรรม เลื่อมใสในพระรัตนตรัย สาหรับพระพุทธองค์เอง ก็เช่นกัน ได้ เสด็จขึ ้นไปแสดงธรรมที่สวรรค์ชนดาวดึ ั้ งส์โปรดพระ มารดา เพื่อให้ เห็นคุณค่าของพระรัตนตรัย๙ และเพื่อจะได้ เกิด ความเลื่อมใส ดื่มด่าในรสพระธรรม เพื่อเพิ่มพูนศรัทธา สติปัญญา ให้ สงู ยิ่งๆขึ ้นไป เตรี ยมตัว เตรี ยมใจ เตรียมพร้ อมเพื่อทาหน้ าที่เป็ น พุทธมารดาของท่านพระศรี อริ ยเมตไตยอีกครัง้ หนึง่ ตามความมุ่ง มาดปรารถนาที่ตงไว้ ั้ ลูกที่เป็ นบัณฑิต พึงรี บให้ ธรรมทานกับบิดามารดาเพราะผู้ ที่เป็ นพ่อแม่บางคนนัน้ ยังไม่มีศรัทธา ไม่เชื่อมัน่ ในเรื่องกรรมและ ผลของกรรม ยังไม่มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย พึง หาทางใช้ กศุ โลบายทาให้ ท่านได้ มีความรู้ มีความเข้ าใจในเรื่ องกฎ แห่งกรรมอย่างถูกต้ อง หาสื่อธรรมะต่างๆ เช่น หนังสือธรรมะ แผ่น ซีดี วีซีดี ดีวีดีธรรมะ รายการธรรมะดีๆ ให้ ท่านได้ อา่ น ศึกษา เรี ยนรู้ รับชมรับฟั ง ถ้ าท่านยังไม่ร้ ูจกั ศีล ยังไม่มีศีล พึงให้ ๙
ดู สัง.มหา.(แปล) ๑๙/๒๓๒-๒๓๗ จุนทสูตรและอรรถกถา ดูเพิ่มใน ธ.ป. ๖/๑๐๕-๑๔๖ เรื่ องยมกปาฏิหาริย์
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๙๐
คาแนะนา ชี ้แนะให้ ท่านมีศีล รักษาศีลให้ ได้ อาจจะเป็ นศีล ๕ ศีล ๘ ก็ได้ อย่างน้ อยทุกวันพระ หรื อในช่วงเทศกาลเข้ าพรรษา เปิ ด โอกาสให้ ท่านได้ ศกึ ษาเรียนรู้และรักษาศีล ๕ หรื อ ศีลอุโบสถ จัด กิจกรรมปฏิบตั ิธรรม เพื่อเปิ ดโอกาสให้ พ่อแม่ได้ ฟังเทศน์ และได้ ศึกษาในทาน ศีล ภาวนาอย่างเต็มที่ บุคคลที่ฉลาด พึงให้ ความรู้ ข้ อมูล ให้ คาแนะนาแก่พอ่ แม่ ในเรื่ องทาน การแบ่งปั น การเอื ้อเฟื อ้ เผื่อแผ่ โดยเฉพาะให้ กบั คนดี มีศีลมีธรรม เพื่อลดความตระหนี่หวงแหนในเรื่องวัตถุสิ่งของ ที่อยู่ อาศัย ชาติตระกูล ไม่ให้ มีความตระหนี่แม้ กระทังความดี ้ และไม่ ตระหนี่ธรรมะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยให้ ท่านได้ มีโอกาสศึกษา เรี ยนรู้ชีวิตอย่างถูกต้ อง มีทศั นคติที่ถกู ต้ องในสัมมาทิฏฐิ เช่น หลักธรรมในการเวียนว่ายตายเกิด นรกสวรรค์ ภพภูมิตา่ งๆ และ ช่วยให้ ท่านได้ มีดวงตาเห็นธรรม จนสามารถลด ละ บรรเทา กาจัด กิเลสอาสวะได้ ยิ่งดีมาก ซึง่ ลูกทุกคนพึงแสวงหาโอกาสทาหน้ าที่ อันนี ้ตามสมควรแก่กาลังสติปัญญาความสามารถ โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง พระภิกษุสามเณร นักบวชทังหลาย ้ มีโอกาสดีกว่า ฆราวาสที่จะทาการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ในทางธรรมได้ มาก เมื่อลูกได้ ศกึ ษาเล่าเรี ยนธรรมะ ได้ ร้ ูซึ ้งถึงอุปการคุณอัน ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ พึงสานึกและตระหนักในพระคุณอันนี ้ แล้ ว ปรนนิบตั ิเลี ้ยงดูพ่อแม่ให้ ดี ย่อมประสพแต่ความสุข ความเจริ ญ ทังทางโลกและทางธรรมทั ้ งในชาติ ้ นี ้ ชาติหน้ าและชาติตอ่ ไป เมื่อ เราได้ เข้ าใจผลบุญที่เกิดจากการเลี ้ยงดูพ่อแม่แล้ ว ควรรี บหาทาง
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๙๑
ดูแลรับใช้ ช่วยเหลือกิจการงานทุกอย่าง แบ่งเบาภาระหน้ าที่ของ ท่าน ทาให้ ท่านมีความภูมิใจในตัวเร า พูดให้ ท่านสบายใจ ได้ ยิ ้ม แย้ มแจ่มใส ร่าเริ งเบิกบานและหัวเราะอย่างมีความสุข เพราะ ความดีของเรา
ความรักของพ่อแม่ เป็นรักแท้และหวังดีต่อลูกเสมอ พระราชาตรัสบอกปั ญหาที่เทวดาถามแก่พระโพธิสตั ว์ มโหสธบัณฑิตว่า บุคคลใช้มือทั้ง ๒ เท้าทั้ง ๒ ทุบตีและตบปาก
ผูอ้ ื่น เขากลับเป็ นที่รักเพราะเหตุแห่งการทุบตีน้ นั พระองค์ทรง เห็นว่าเป็ นใคร พระราชาตรัสบอกปัญหาข้อที่ ๒ ตามที่เทวดาถามว่าบุคคล ด่าผู้อื่นตามใจชอบ แต่ปรารถนาการกลับมาของเขา เขากลับเป็นที่ รัก เพราะเหตุแห่งการด่านัน้ พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นใคร มโหสธ บัณฑิตโพธิสตั ว์เฉลยปั ญหาว่า
ผู้ใช้มือเท้าทุบตีผู้อื่น คือเด็กเล็ก ๆ ผู้ถูกทุบตี คือมารดา ผู้ด่าผู้อื่นตามชอบใจ คือมารดา ผู้ถูกด่า คือบุตร เทวตาปัญหชาดก
ขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๑๙๗
อริ ยปุ วาท ๑ สร้างภูมิคุ้มกันใจด้วยธรรมโอสถ
บ.สยังวสี
๒๙๒
ลูกที่มองข้ามพ่อแม่..ชีวิตย่่าแย่ตกต่่า ผู้ที่มองข้ ามพ่อแม่ ไม่สนใจดูแล ไม่เคยแคร์ ความรู้สกึ ของ ผู้ให้ กาเนิด ไม่เคยทาให้ ท่านดีใจ ยิ ้ม หัวเราะ มีความสุขใจ หรื อ ภาคภูมิใจ เพราะความดีของเรา มีแนวโน้ มจะเป็ นดังนี ้ จะไม่เจอรักแท้ เจอแต่คนโกหกตอแหลหลอกลวง รักง่าย หน่ายเร็ว เจ้าชู้ไม่จริงจัง คนที่ได้มา ก็ไม่ค่อยรัก คนที่รัก ก็ไม่เคยได้ ดูภายนอกอาจ หวานชื่น แต่ข้างในระทมขมขื่นแบบหน้าชื่นอกตรม แม้มีลูกเต้า ก็ไม่ได้ดังตัว หากมีผัวก็ไม่ได้สมดังใจปรารถนา มีลูกพึ่งพาอาศัยไม่ได้ จะมีแฟนกี่คน มีแต่โดนเอาเปรียบ ต้องการคนมา อุปถัมถ์ ก็โชคไม่ช่วย ชีวิตหนักต้องพึ่งตัวเองเรื่อยไป เรื่องทาดี ก็ทาแทบตาย หรือทาคุณกับผู้ใด สุดท้าย ก็ไม่มีใคร เห็นความดีนั้นเลย มีแต่คนหลอกใช้เหมือนเสร็จนาฆ่าโคทึก เสร็จศึก ฆ่าขุนพล(นางพญา) ไว้เนื้อเชื่อใจใคร ก็ลงท้ายด้วยการทรยศหักหลัง ชีวิตโดดเดี่ยวอ้างว้างไร้คนเข้าใจ ทาบุญให้ทานมาตั้งมากมาย ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเท่าที่ควรจะ เป็นทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะกรรมอะไร นอกจากมองข้ามใครบางคน
เมื่อมองข้ามผู้มีพระคุณ ไม่เคยเกื้อกูลท่านเลย ก็จะมีแต่คน ที่มีนิสัยเห็นแก่ได้ ประจบสอพลอ ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่าง หนึ่ง ใจคดทรยศ อกตัญญู เนรคุณเดินเข้ามาในชีวิตคุณ เทียบเคียงจาก โสณนันทชาดก ขุ.ชา.(แปล) ๒๕/๗๒-๗๔
บทสรุป
ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่ บรรดาผูแ้ สวงบุญทัง้ หลาย เมื่อต้องการโชคลาภและอยากให้ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง จึงต่างก็พากันมุง่ เสาะหาพระสุปฏิปันโนที่เล่าลือกัน ว่าเป็นพระอรหันต์ตามป่าเขา แต่กลับมองข้ามพระแท้ทพี่ ักอาศัยใน บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับตัวเองเกือบตลอดเวลา และบางครัง้ ยังเผลอ ล่วงเกินท่านอีก แม้อาจจะทาไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เหมือนใกล้เกลือ กินด่าง เป็นเสมือนกับเส้นผมบังภูเขาที่เราลืมเสียสนิท คิดไม่ถึง ที่ เขาว่ากันว่า “บุญมี แต่กรรมบัง” ชีวิตจึงยังตกต่า ไม่ราบรื่นสมหวัง ดังปรารถนา อาภัพในโชคชะตา ความรักฝันสลาย สุขภาพร่างกาย ย่าแย่ หน้าทีก่ ารงานยังติดขัดล่าช้า ไม่เจริญก้าวหน้าอย่างที่ควรจะ เป็น ทั้งนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ ผลกรรมเกิดจากการล่วงเกินผู้บังเกิด เกล้านั่นเอง บิดามารดา ชื่อว่า เป็นบุคคลพิเศษ เป็นบุคคลสาคัญและเป็น บุคคลทีต่ ้องห้ามแตะต้องล่วงเกิน ลูกคนใดทีช่ อบพูดดุด่าว่า พูดตาหนิ ติเตียน ทาบังอาจกับพ่อแม่ ชีวิตของลูกคนนั้น มีแต่จะตกต่า ย่าแย่ เอาดีได้ยาก และจะต้องตกระกาลาบากไปอีกนาน เพราะถ้าหากการ ให้ทาน การกราบไหว้ การทาความเคารพ บูชาสักการะพระ อรหันต์ มีคุณอนันต์ ได้อานิสงส์ผลบุญมหาศาลเหลือจะคณา นับแล้วไซร้ แม้ในทางกลับกัน การตาหนิ ด่าว่าพ่อแม่ซึ่ง เปรียบเสมือนพระในบ้าน ก็ต้องมีโทษมหันต์ ทาให้ผู้นั้นมีอันเป็นไป
อริยุปวาท ๑ บทสรุป ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๙๒
ได้เช่นกัน ทั้งนี้นั้น เพราะมารดาบิดาเป็นผู้ให้กาเนิด เป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ ครูคนแรก เป็นอาหุเนยยะและเป็นปูชนียบุคคล สูงสุดของลูก เพราะฉะนัน้ สาหรับคุณลูกทั้งหลายที่เคยได้ล่วงเกินพ่อ แม่มา เคยพูดโต้เถียง ต่อปากต่อคา พูดจาดูถูกดูหมิน่ พูดประชด ประชันมารดาบิดา โดยขาดความเคารพยาเกรง เป็นเหตุให้ท่าน น้อยใจ เสียใจ ทุกข์ใจ ร้องไห้ กระทาเช่นนี้คนทั่วไป อาจจะดูว่าเป็น เรื่องเล็กน้อย แล้วมองข้ามไป ไม่ได้เก็บนาใส่ใจ แต่ความจริงแล้ว มันมีโทษมาก เป็นบาปมหันต์ เข้าข่ายเป็นอริยุปวาท วจีกรรมที่ เป็นบาปอกุศล สามารถทาให้ชีวิตของลูกคนนั้นมีอันเป็นไปอย่าง ไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ถ้าลูกคนนั้น ยังไม่รู้ตัว ไม่สานึกผิด คิดไม่ได้ ไม่รีบขอขมา โทษพ่อแม่ กรรมคือการด่าว่าล่วงเกินนั้น สามารถส่งผลทันที ทาให้ ลูกคนนัน้ มีอันเป็นไปทันตา ทาให้เกิดความหายนะทั้งทางโลกและ เสื่อมทั้งทางธรรม คือ ความเจริญก้าวหน้าทัง้ ทางโลกและทางธรรม จะหยุดชะงัก เป็นหมันไม่รุ่งเรืองอีกต่อไป สิ่งที่เคยเจริญรุง่ เรืองหรือ ประสพความสาเร็จมาแล้ว จะเสื่อมถอย เกิดวิบัติ พินาศหายนะอย่าง ไม่เป็นท่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ธุรกิจ ยศตาแหน่ง ชื่อเสียง หน้าที่การงาน สิ่งที่กาลังคิดลงทุน เพื่อผลกาไร จะทาให้ ตัดสินใจผิดพลาด ขาดทุน โดยเฉพาะจะทาให้ใช้ชีวิตผิดพลาด เสียหาย ในเรื่องดังต่อไปนี้
อริยุปวาท ๑ บทสรุป ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๙๓
รักคนผิด รักคนมีเจ้าของ แต่งงานผิด เพราะความจาเป็น ท้องก่อนแต่ง ท้องในขณะที่ไม่พร้อม มีเหตุทาให้ต้องสูญเสียลูก เพราะแท้งหรือทาแท้ง ลูกติดยาเสพติด ชีวิตคู่ไปด้วยกันไม่ได้ แตกหัก เลิกรา หย่าร้าง ฝันสลาย ความรักเศร้า หน้าชื่นอกตรม ขณะที่กรรมนี้สง่ ผลต่อเนื่อง ทาให้จิตพร่ามัว มืดบอด หลง ตัวเอง สาคัญตัวเองผิดๆ เห็นดาเป็นขาว เห็นบาปเป็นบุญ เห็นความ ชั่วเป็นความดี เห็นสิ่งไร้สาระเป็นสิ่งดีมีประโยชน์ เห็นคนชั่วเป็นคนดี เห็นคนดีเป็นคนอัปรีย์จัญไร ไม่อยากคบไม่อยากเข้าใกล้ เห็นสิ่งที่เป็น สิริมงคลเป็นสิ่งอัปปมงคล เป็นสิ่งสัปดนว่าเป็นสิ่งที่ควรพูด ควรทา กล้าในสิ่งทีค่ วรละอาย เห็นเรื่องอบายมุข การพนัน ยาเสพติด เป็นสิ่ง ที่ท้าทาย น่าลิ้มลองสัมผัส เห็นเรื่องวัด เรื่องศาสนา เรื่องการทาความ ดี เช่น การให้ทาน การรักษาศีล การปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งไร้สาระน่าเบื่อ หน่ายคร่าครึล้าสมัย เมื่อบุญหมด บาปออกฤทธิ์ จิตมืดบอด ภูมิคุ้มกันใจ บกพร่อง คุณธรรมอ่อนแอ ทาให้เบื่อหน่ายท้อแท้ต่อความดี ชีวิต จึงถูกดูดดึงไปเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย ผลักดันให้ ไปสัมผัสกับอาชีพบาป อาชีพมืดทุกประเภท แม้อยากจะหยุด อยากจะเลิก แต่ก็ทาไม่ได้ ต้องแพ้ใจตนเอง เมื่อฤทธิ์ของ
อริยุปวาท ๑ บทสรุป ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๙๔
บาปกรรมทีล่ ่วงเกินพ่อแม่ยังไม่สร่างซา ก็ต้องมาหลงชื่นชอบติด ใจในรสชาติเครื่องดื่มแอลกอฮอร์/คาเฟอีนทีเ่ ป็นโทษอันตรายต่อ ร่างกาย เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกาลังทัง้ หลาย เสพสิ่งเสพติด ยาบ้า โคเคน กัญชา บุหรี่ ดื่มนมวัว ชืน่ ชอบอาหาร ทีผ่ ่านการแปรรูป ประเภทอร่อยแต่ปาก แต่โทษมากกว่าคุณ เช่น โปเตโต้ชิพ โดนัท ไอศครีม ชิ้นไก่เนื้อนุ่มไม่มีกระดูก น้าอัดลม พิซซ่า คุกกี้ เฟรนช์ฟราย ฮอทด็อกแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นอาหารที่ เขาใส่สารปรุงแต่งสี แต่งกลิ่น ปรุงรสมาก ทาให้ตับ-ไตทางานหนัก แล้วลงท้ายด้วยการเป็นโรคร้ายแรงชนิดเรื้อรังและรักษายาก เป็น โรคที่เกิดจากความเสื่อมทุกชนิด เช่น โรคมะเร็ง เนือ้ งอก ภูมิแพ้ หอบหืด เบาหวาน ความดัน ไขมันอุดตันเส้นเลือดหัวใจหรือสมอง โรคอ้วน ปวดตามข้อ ท้องผูก ริดสีดวงทวาร เป็นต้น เมื่อบุญเก่าหมด บุญใหม่ก็ไม่ได้ทาเพิ่ม บาปกรรมยิ่งมา กระหน่าซ้าเติม ทาให้ชีวิตสะดุด ติดขัด เครียดจัด ประสาทเสีย เป็นบ้า วิกลจริต มีอาการผิดปกติทางสมอง คิดอะไรไม่ออก อยาก ฆ่าตัวตายหรือทาร้ายตัวเอง มีแต่เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนตก นรกทั้งเป็น ผู้ที่เคยทาผิดพลาด ล่วงเกินพ่อแม่มา แต่ถ้าสานึกผิดแล้ว คิดแก้ไข เห็นความผิดเป็นความผิด เห็นบาปตามเป็นจริงโดยไม่ หลอกตัวเอง ไม่กระดากอายที่จะยอมรับผิดในสิ่งที่เคยทามา มี ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วกล่าวขอขมาโทษ ให้ ท่านรับรู้และยกโทษให้ เมื่อทาได้เช่นนี้ อริยุปวาทกรรมนั้น จะ
อริยุปวาท ๑ บทสรุป ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๙๕
กลับมาเป็นปกติ ไม่มีโทษ ไม่เกิดอันตรายต่อชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัวความรัก สุขภาพและ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม จิตใจจะโล่งโปร่งเบาสบาย ไม่ขุ่นมัวเศร้าหมอง ต่อจากนั้น พึง สังวรระวังให้มาก อย่าได้ประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินพ่อแม่อีก สาหรับผูท้ ี่เป็นบิดาและมารดา เมื่อมีความปรารถนาดี ไม่ อยากให้ลูกมีบาปกรรมทีเ่ กิดจากล่วงเกินตนเอง พึงระมัดระวัง ถ้อยคา มีวาทศิลป์ รู้จักกาลเทศะจังหวะในการอบรม สั่งสอน พูด ว่ากล่าวตักเตือน อย่าได้เอาแต่บ่นดุด่าว่า พูดจาสาปแช่งลูกหลาน เมื่อเวลาลูกพลาดพลั้งไป ก็อย่าได้พูดตอกย้าซ้าเติมบ่อยๆ เพราะลูกจะเข้าใจผิด คิดว่าพ่อแม่ไม่รัก และกลับไปคิดน้อยใจ หรือโกรธเกลียดพ่อแม่หนักเข้าไปอีกกว่าเดิม เพราะคาพูดของผู้ บังเกิดเกล้านี้แหละ ทาให้ชีวิตลูกสุดที่รัก ต้องมาตกต่า ทา ผิดพลาด ประมาท เสียคน หมดอนาคต เพราะกรรมล่วงเกินผู้ บังเกิดเกล้า ฉะนั้น บิดามารดาทีฉ่ ลาดต้องรักและเลี้ยงดูลกู ให้ถูกหลัก อย่าได้เอาใจลูกจนเกินพอดี เพราะจะทาให้เขามีบาปติดตัว มีหนี้ เวรกรรมติดใจต้องมาชดใช้บาปโดยไม่จาเป็น สาหรับคุณลูกทั้งหลาย ผูฉ้ ลาดมีปัญญา หวังความสุข ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ตาแหน่งหน้าที่การงาน การเงิน เกียรติยศ ชื่อเสียง ครอบครัวความรักที่อบอุน่ และสุขภาพร่างกาย ทีแ่ ข็งแรง เพื่ออนาคตที่สดใสเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งทางโลกและ ทางธรรมของตนเอง หลังจากขอโทษท่านแล้ว พึงตั้งใจปรนนิบัติ
อริยุปวาท ๑ บทสรุป ผลกรรมจากการพูดล่วงเกินพ่อแม่
บ.สยังวสี
๒๙๖
เลี้ยงดูพอ่ และแม่ให้ดีทสี่ ุดตามกาลังสติปัญญา ความสามารถที่ เราทาได้ และอย่าได้พูดตาหนิติเตียนด่าว่า อย่าพูดกระโชก โฮก ฮาก ตะโกนขึ้นปากเสียงกับพ่อแม่อีก แม้ในบางครั้ง หากลืมตัวเผลอใจ ขาดสติสัมปชัญญะ พูด ล่วงเกินท่านไป พึงรีบสานึกผิด คิดแก้ไข กล่าวคาขอโทษท่าน ทันที อย่ารีรอชักช้าให้เนิน่ นาน เดี๋ยวจะสายเกินการณ์ แก้ไม่ ทันท่วงที จงตระหนักและมีจิตสานึกในพระคุณอันใหญ่หลวงที่ ท่านมีต่อเรา โดยให้ชีวิต ให้ร่างกาย ให้โอกาสแก่เราได้เกิดมาลืม ตาดูโลกอันสวยงามนี้ พึงยกย่อง ให้เกียรติ แสดงความเคารพนับ ถือ ยาเกรง นอบน้อม เทิดทูน เชิดชูบูชาพ่อแม่เหนือสิง่ อื่นใด อย่า ปิดบังพฤติกรรมอะไรทีท่ าให้ท่านทั้งสองไม่สบายใจ พูดจาให้มี สัมมาคารวะ สุภาพอ่อนโอน ถ่อมตน ไปลามาไหว้ แสดงออกซึ่ง ความรักของลูกที่ควรทากับพ่อแม่ อย่าอาย เอาใจใส่ดูแลให้ดี ทา ให้พ่อแม่มีความสุขกายสบายใจ มีความภาคภูมิใจในความดีของ เราให้มาก แล้วปาฏิหารย์แห่งชีวิตก็จะเกิดขึ้นในบัดดล สิ่งอัปมงคล ทั้งหลายทัง้ ปวงจะมลายหายไป สิ่งที่เป็นสิริมงคลทัง้ หลายก็จะเกิดขึ้น แทนที่ ต่อจากนี้ไป ชีวิตจะสดชื่นเบิกบาน ความรักจะราบรื่นสมหวัง ครอบครัวจะกลับมาอบอุ่นพร้อมหน้า พร้อมตา หน้าที่การงานจะ เจริญรุง่ เรือง เกียรติยศชื่อเสียง ตาแหน่งจะรุง่ โรจน์ อนาคตจะสดใส ทั้งทางโลกและทางธรรมตลอดไป
โปรดติดตามหนังสือดีมีสาระ หนังสือ อริยุปวาท เล่ม ๒ (ฉบับปรับปรุง)
อนันตริยกรรม เป็นกรรมหนัก มีโทษมหันต์ ให้ผลฉับพลันทันตา แม้อริยุปวาทกรรม ก็เป็นเช่นเดียวกัน
กฎแห่งวจีกรรมที่ไม่ควรมองข้าม หากพูดไม่รู้จักคิด จะทาชีวิตให้มีอันเป็นไป พึงรู้เอาไว้ ก่อนจะสายเกิน
โปรดติดตามหนังสือดีมีสาระ
อริยุปวาท
เล่ม ๓
ผลกรรมจากการปฏิบัติผิดต่อพระพุทธรูป แม้สำคัญตนว่ำ เป็นคนดี มีบุญมาก แต่ถำ้ หำกตัง้ พระพุทธรูปผิดทิศ...ชีวติ ย่อมวิบัตไิ ด้
กฎแห่งอริยุปวาทกรรม การปฏิบัติผิดต่อพระพุทธรูป ด้วยความรูเ้ ท่าไม่ถึงการณ์ มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์เหมือนอนันตริยกรรม พึงรีบแก้ไข ก่อนทีจ่ ะสายเกิน
โปรดติดตามหนังสือดีมีสาระ หนังสือ ปาณาติบาต : กฎแห่งการฆ่า (ฉบับปรับปรุง)
เมื่อชีวิตเป็นสิ่งที่รักและหวงแหนมากที่สุด เพียงฆ่าเขาให้ตาย ก็จะมีโรคภัยติดตัว มีศัตรูคู่เวรติดตาม
กฎแห่งการฆ่า ผู้ที่ทำร้ำย ทำลำยชีวิตของคนและสัตว์อื่นให้เดือดร้อนพินำศ เขำผู้นั้น พึงต้องประสพกับภัยพิบัติอุปทั วันตรำย มีอนั เป็นไปอย่ำงทรมำน
โครงการธรรมะเปลี่ยนชีวิต
ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามพระไตรปิฎก-อรรถกถา
กิจกรรมประจำสัปดำห์ ทุกวันอำทิตย์-จันทร์-อังคาร-พุธ เมนูธรรมะ อาหารสุขภาพใจ ขอขมากรรม ชาระใจให้สะอาดเพื่อรองรับธรรมะที่บริสุทธิ์ กล่าวคาปฏิญาณตนถึงไตรสรณะและสมาทานศีล ๕ (ศีล ๘) สวดพุทธมนต์-สาธยายธรรม เพื่อน้อมนาใจให้รู้ตื่น เบิกบาน ศึกษาธรรมจากพระสูตรและอรรถกถา ธรรมะบุฟเฟต์ ธรรมะตามคาขอ สนทนาถาม-ตอบปัญหาธรรมะที่น่ารู้ เรียนรู้วิธีโยนิโสมนสิการ(คิดวิปัสสนาตามพุทธวิธี) สมาธิและวิปัสสนาภาวนา เงียบสงบเพื่อค้นพบพุทธภาวะ แผ่เมตตาพรหมวิหาร อุทิศส่วนบุญ เติมใจให้มีพลังด้วยความปรารถนาดีต่อ ทุกชีวิต แล้วแผ่กระจายพลังแห่งบุญเพื่อสันติสุขแด่จิตใจผู้คนและสัตว์โลกทั้งมวล
สนทนาธรรมวันละนิด ... จิตแจ่มใส ฟั งไว้ กาไรชีวิต ฟั งวันละนิด จิตชุ่มฉ่า รู้ ไว้ ใช่วา่ ใส่บ่าแบกหาม จดจาใส่ใจ นาไปปฏิบตั ิ แล้ วจะรู้ ชดั ตามเป็ นจริ งว่า “ชีวิต คือ ธรรมะ”
ถ้าหากรักชีวิต พึงรักธรรมะ รีบสร้างตถาคตโพธิศรัทธาให้มั่นคง เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะให้เกิดขึ้นในจิตใจ แล้วจะได้อาศัย พึ่งพาร่มเงา ดอก-ผลแห่งโพธิปัญญา กินยาถูกโรค ทาดีท็อกซ์ถูกวิธี แก้กรรมถูกจุด ปฏิบัตธิ รรมถูกหลัก ย่อมเห็นผลทันตา
อนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์แห่งธรรมะ...ยังรอท่านมาพิสูจน์