ล่องเรือกับคลองบางกอกใหญ่

Page 1

ล่องเรือกับคลองบางกอกใหญ่ King Mongkut's University of Technology Thonburi

GEN 441


วัฒนธรรม : รูปแบบของกิจกรรมมนุษย์และ โครงสร๎างเชิงสัญลักษณ์ที่ทาให๎กิจกรรมนั้นเดํนชัด และมีความสาคัญ

หนังสือเลํมนี้ได๎รวบรวมศิลปวัฒนธรรมและ เรื่องราวประวัติศาสตร์ในยํานคลองบางกอกใหญํ และตลาดพลู เพื่อเป็นสื่อความรู๎และเรื่องเลําของ ประสบการณ์แดํผู๎อํานทุกคน

กองบรรณาธิการ 1/4/2557


Index Explore History Culture People Insight Religion Faith

4 11 23 29 37 46


“ Reading makes a full man. “ - Francis Bacon -


Explore นางสาวพรนิภา นุชสุนทร 53216338


ลํองคลองบางหลวง ตามรอยวีรชนนักสู๎กแู๎ ผํนดิน ยลศิลป์อารามยํานตลาดพลู ลํวงสูํคลองภาษีเจริญ



Explore นางสาวอลิสา กนกโชติวรการ 53216323


Explore

คา วํา “อนุสาวรีย์”

มักใช๎ เป็ น เครื่ อ งหมายหรื อ สั ญ ลั ก ษณ์ แสดงถึงคุณความดีของบุคคลหรือ ระลึ ก ถึ ง เหตุ ก ารณ์ ส าคั ญ ๆที่ เ กิ น ขึ้นในบ๎านเมืองของเรา รูปแบบของ อนุสาวรีย์มักเป็นรูปปั้นเหมือนของ บุคคลหรือรูปสัญลักษณ์เพื่อแสดง หรื อ เป็ น ตั ว แทนของเหตุ ก ารณ์ หนึ่งๆ ในปัจจุบันเราเห็นรูปปั้นที่เป็น รู ป เ ห มื อ น ข อ ง บุ ค ค ล ใ น ประวัติศาสตร์มากมาย แตํ ใ นสมั ย โบราณตามคติ ค วามเชื่ อ ดั้งเดิมจะไมํนิยมสร๎างรูปเหมือนของ บุ ค คล เพราะเชื่ อ วํ า การสร๎ า งรู ป เหมือนของบุคคลจะไมํเป็นสิริมงคลแกํ คนๆนั้น ไมํวําจะเป็นการปั้น วาดหรือ ถํ า ยภาพ โดยเฉพาะการปั้ น รู ป ปั้ น จะต๎องผํานการเผาเพื่อให๎ดินที่ใช๎ปั้น แข็งและเกาะตัวกัน คนโบราณเชื่อวํา การจะเผาก็จะทาตํอเมื่อเสียชีวิตแล๎ว เ ทํ า นั้ น ก า ร ปั้ น รู ป เ ห มื อ น จึ ง เปรียบเสมือนการแชํงเจ๎าของหรือคน ที่เป็นแบบในการปั้น

ในสมัยโบราณเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่นํา ประทับใจ เหตุการณ์ที่นํายกยํองหรือ วีรกรรมของบุ คคล มั กสร๎า ง อนุสาวรีย์เป็นสิ่งกํอสร๎างที่เกี่ยวข๎อง กับพระพุทธศาสนา เชํน พระสถูปที่ อาเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่สร๎างเพื่อระลึกถึงสงครามยุทธหัตถี ระหวํางสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและ พระมหาอุ ป ราชา ส าหรั บ รู ป ปั้ น ของ องค์ ส มเด็ จ พระนเรศวรมหาราชที่ ประทับอยูํด๎านหน๎านั้น ถูกสร๎างขึ้นใน ภายหลัง


Explore

เมื่อถึงยุคที่มีการติดตํอกับประเทศทาง ตะวันตกมากขึ้น จึงเริ่มรับวัฒนธรรม จากชาติตะวันตกเข๎ามา เพราะจาต๎อง ปรับปรุงประเทศให๎เจริญทัดเทียมนานา อารยประเทศ เพื่อป้องกันไมํให๎ประเทศ ไทยตกเป็นอาณานิคมของชาติอื่น ใน ด๎ า นประติ ม ากรรมก็ ไ ด๎ รั บ ผลกระทบ เชํ น เดี ย วกั น ชาวไทยเริ่ ม ยอมรั บ แนวคิดของชาติตะวันตกมากขึ้น เห็น ได๎ จ ากการที่ พ ระบาทสมเด็ จ พระ จุลจอมเกล๎าเจ๎าอยูํ หัว (ร.๕) โปรดให๎ สร๎างพระบรมรูปรัชกาลที่ ๑ – ๔ ขนาดเทําพระองค์จริงฉลองพระองค์

แบบไทยประดิษฐานไว๎ ณ พระที่นั่งศิ วาลั ย มหาปราสาท เพื่ อ ถวาย สั ก การะในฐานะที่ ท รงสถาปนาพระ บรมราชจั ก รี ว งศ์ แ ละทรงสร๎ า งกรุ ง รั ต นโกสิ น ทร์ ใ ห๎ เ จริ ญ รุํ ง เรื อ งและ ตํอมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล๎า เจ๎าอยูํหัว (ร.๖) ทรงพระกรุณาโปรด เกล๎าฯให๎เชิญไปประดิษฐาน ณ วัด พระศรีรั ต นศาสดารามซึ่ ง ภายหลั ง พระราชทานนามวํ า “ปราสาท พระเทพบิดร” และมีการหลํอพระบรม รู ป พระมหากษั ต ริ ย์ รั ช กาลตํ อ ๆมา ประดิษฐานไว๎ด๎วย


Explore หลายๆคนอาจสงสัยวํา การปั้น รูปปั้นเริ่ม เข๎ามาในสมั ย ของร.๔ และเริ่ม มี การปั้น รูปเหมื อ นของ คนไทยในสมัยร.๕ แล๎วกํอนหน๎า นั้นมีความเชื่อที่วําการปั้นรูปปั้น ภาพวาดหรือภาพถํายเป็นสิ่งไมํ ดีแล๎วพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๑ - ๔ ได๎ แ บบมากจากที่ ไ หน ? เหมือนจริงมากเพียงใด? เลํากันวําในสมัยที่ร.๕ จะปั้นรูปของรัชกาลที่ ๑ – ๔ เพื่อประดิษฐานไว๎ ณ พระ ที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท สาหรับพระบรมรูปของร.๒ – ร.๔ สามารถปั้นขึ้นมา ได๎อยํางไมํมีปัญหาติดขัดใดๆ เนื่องจากยังมีพระราชโอรสและพระราชธิดาที่ยัง ทรงพระชนม์อยูํเป็นจานวนมาก แตํร.๑ เหลือบุคคลที่เคยเห็นพระองค์ทํานเพียง แคํ เพียง ๔ คนเทํานั้น ร.๕ จึงโปรดให๎เชิญบุคคลทั้ง ๔ เข๎าเฝ้าเพื่อให๎อธิบายแกํ ชํางปั้น ซึ่งบุคคล ๔ คนนั้น คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง, พระองค์ เจ๎าหญิงปุก พระราชธิดาของรัชกาลที่ ๒, เจ๎าพระยาธรรมติกรณ์ (มั่ง) ต๎น สกุลสนธิรัตน์ และเจ๎าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี) ต๎นสกุลบูรณศิริ โดยที่ทั้ง ๔ ทําน มีอายุมากกวํา ๘o ปีทั้งนั้น แตํทั้ง ๔ ทํานบอกไปในแนวทางเดียวกัน วําบอกวําร.๓ ทรงเป็นพระนัดดาที่ร .๑ ทรงโปรดมากที่ สุด เนื่องจากมี พระ พักตร์คล๎ายพระองค์ ชํางปั้นจึงแก๎ปัญหาโดยปั้นร.๑ โดยมีต๎นแบบจากพระบรม รูปของร.๓ แตํปั้นให๎ดูมีพระชนมายุมากขึ้นประมาณ ๒o ชันษา สามารถดูเทียบ ได๎จากภาพบนธนบัตร ๕oo บาท (รุํนพิเศษซึ่งคํอนข๎างหาได๎ยาก) วํา ร.๑ และ ร.๓ ทรงมีพระพักตร์คล๎ายกันมากเพียงใด


History นางสาวรินทร์ลภัส กุจธนกิจไพศาล 53216316


บัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ ความคิดสกุลบุนนาค “ การอบรมสั่งสอนให้ทาการ สนองพระคุณพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ไม่ยุ่งเกี่ยวส่งเสริม ห รื อ ค บ คิ ด ก่ อ ก า ร ร้ า ย ต่ อ แผ่นดิน…”


ต้นตระกูลสกุลบุนนาค (วงศ์เฉกอะหมัด)

เดิมทํานเศรษฐีแขกสองคนพี่น๎องเป็นแขก ชาติ ม ะหํ น และเป็ น ชาวเมื อ งกุม ในแผํ น ดิ น เปอร์เชีย ทํานผู๎พี่ชื่อเฉกอะหมัด ทํานผู๎น๎อง ชื่อมหฺหมัดสะอิด สองคนพี่น๎องเป็นหัวหน๎า พํอค๎าใหญํฝ่ายแขกทั้งปวง ทํานทั้งสองเป็น ต๎นเหตุพาพวกลูกค๎าแขกชาติมะหํนเข๎ามาตั้ง ห๎างค๎าขายอยูํในกรุงศรีอยุธยา ทํานเฉกอะ หมั ด ท าการค๎ า ขาย เข๎ า รั บ ราชการและตั้ ง รกรากอยูํในกรุงศรีอยุธยาตั้งแตํนั้นมา สํวน น๎อ งชายทํ านมหฺ ห มั ด สะอิ ด อยูํ ไ ด๎ ไมํ น านก็ กลับไปยังบ๎านเกิดและมิได๎กลับเข๎ามาอีก ทําน เฉกอะหมั ด คู มี ได๎ ส อนให๎ ท ายาทและ ลูกหลานผู๎สืบวงศ์สกุลทาการสนองพระเดช พระคุณพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ด๎วย ความซื่อสัตย์จงรักภักดี จนทาให๎ผู๎สืบสกุล ได๎รับความยกยํองนับถือจากสังคมคนทั่วไป จนกระทั่งทุกวันนี้

ครั้นเวลาลํวงเลยไปจนถึงสมัยที่มีการพบพระ พุทธบาทที่บริเวณสระบุรี ทาให๎เหลําขุนนางมี ความตื่นตัวต๎องการเสด็จตามพระเจ๎าแผํนดิน จะเสด็จเพื่อนมัสการพระพุทธบาท ขุนนางแขก จากวงศ์ เ ฉกอะหมั ด ผู๎ ห นึ่ ง นามวํ า พระยา เพชรพิไชย(ใจ) มีความประสงค์จะตามเสด็จไป ยังรอยพระพุ ทธบาท หากพระเจ๎าทรงธรรม ตรัสวําจะเป็นไปได๎อยํางไรในเมื่อเป็นทํานเป็น มุ ส ลิ ม พระยาเพชรพิ ชั ย จึ ง ตั ด สิ น ใจเปลี่ ย น ศาสนาหั น มานั บ ถื อ พุ ท ธเพื่ อ ให๎ ไ ด๎ ติ ด ตาม ขบวนเสด็จไปด๎วย เวลาตํอมาพระยาเพชรพิ ไชยมีบุตรชายสองคน คนนึง (เสน)เปลี่ยนมา นับ ถื อ ศาสนาพุ ท ธตามผู๎เป็ น บิ ด า ในขณะที่ บุตรอี กคน(เซน)ยังคงนับถื อศาสนาอิ สลาม ดังเดิม เป็นจุดกาเนิดของการแตกสายตระกูล บุนนาคออกเป็นสองแขนงสองศาสนา


สมัยปลายอยุธยา มีบุรุษขึ้นมาสามคน

รุ่นสู่รุ่น

ได๎ แ กํ นายสิ น นายทองด๎ ว ง และนาย บุ น นาค สามคนนี้ อ ายุ ล ดหลั่ น กั น มี ต านานกลํ า ววํ า เมื่ อ ครั้ ง เป็ น เด็ ก นาย บุนนาคชอบแกล๎งนายสิน ผู๎ที่ตํอมาได๎ขึ้น ครองราชย์เป็นพระเจ๎าตากสินมหาราช ใน รัช สมั ยนั้นนายบุ นนาคจึ งตั ดสิ น ใจไมํ รั บ ราชการเนื่อ งจากกลั ว ถู กลงอาญาจาก การที่เคยแกล๎งพระเจ๎าตากสินในครั้งกํอน นายบุนนาคกลําวกับนายทองด๎วงวํา ตน ไมํ เ ข๎ า รั บ ราชกาลแตํ จ ะคอยชํ ว ยงาน ราชการของนายทองด๎วง ตํอมาเมื่อสิ้น รัชสมัยของพระเจ๎าตากสินนายทองด๎วง ขึ้นครองราชย์ตํอเป็นพระบาทสมเด็จพระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชการที่ ๑) นายบุ นนาคก็เข๎ ารั บ ราชการเต็ ม ตั ว ซึ่ ง ในระหวํ า งรั บ ราชการ นายบุ น นาค ก ล า ย ม า เ ป็ น ส ห า ย ใ ก ล๎ ชิ ด ใ น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช

… อำนำจที่สืบเนื่องกันมำตำมสำยสกุล …

อยูํมาวันหนึ่งภรรยาของนายบุนนาคก็ตายจากไป รัชกาลที่ ๑ เห็นวํานายบุนนาคเป็นคนดีมีความสามารถจึง มีความคิดที่จะยกน๎องภรรยา (ทํานนวล) ให๎แตํงงานด๎วย และเมื่อเข๎าสูํยุครัตนโกสินทร์นายบุนนาคได๎เลื่อนยศ มาเป็น เจ๎าพระยาอัครมหาเสนาบุนนาค เจ๎าพระยาอัครมหาเสนาบุนนาคมีบุตรชายหลายคนแตํที่มีบทบาท สาคัญมากได๎แกํ นายดิษผู๎เป็นบุตรชายผู๎พี่รับราชการเป็นสมเด็จเจ๎าพระยามหาประยุรวงศ์ (ดิษ) ทํานได๎รับ ความไว๎เนื้อเชื่อใจจากรัชกาลที่ ๓ มากจนได๎รับตาแหนํงสูงสุดเป็น ผู๎สาเร็จราชการทั่วทั้งราชอาณาจักร ได๎สิทธิ ในการถือตราสุริยะมณฑล สามารถประหารคนกํอนแล๎วคํอยรายงาน ซึ่งหมายความวําสามารถตัดสินคดี ความใดๆก็ตามได๎แทนพระมหากษัตริย์ได๎ สํวนผู๎น๎องชื่อวําทัดรับราชการเป็นเจ๎าพระยาบรมมหาพิชัยยาตร (ทัด) และได๎ตาแหนํงสูงสุดเป็น ผู๎สาเร็จราชการทั่วทั้งพระนคร ทาให๎อานาจสกุลบุนนาคแพรํกระจายไปทั่ว ซึ่ง ตํอมาบุตรชายของสมเด็จเจ๎าพระยามหาประยุรวงศ์ สมเด็จเจ๎าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ชํวง บุนนาค) ก็ได๎ เข๎ารับราชการและได๎เป็นผู๎สาเร็จราชการในรัชกาลที่ ๕ แสดงให๎เห็นถึงแสดงให๎เห็นถึงอานาจโดยเฉพาะในสมัย รัชกาลที่ ๓ ถึง รัชการที่ ๕


History นายบูรณัฐ เจริญวุฒิวงษา 53213950


ผั ก ตบชวาเป็ น พื ช น้ าชนิ ด หนึ่ ง ที่ พบเห็นได๎อยํางแพรํหลายอีกทั้งยัง สร๎างความลาบากในการสัญจรทาง น้ าแกํ ผู๎ ค นมากมายแตํ รู๎ ห รื อ ไมํ วํ า จริงๆแล๎วต๎นกาเนิดของผักตบชวาใน เมืองไทยมีที่มาจากเขตพระราชฐาน ผักตบชวา (Water Hyacinth) มีชื่อ ทางวิทยาศาสตร์วํา Eichlornia crassipes อยูํในวงศ์ Pontedeiaceae เป็นพืชน้าประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว ลอยน้าได๎ โดยไมํต๎องมีที่ยึดเกาะ สามารถแพรํพันธุ์ ได๎รวดเร็วมาก แผํนใบคล๎ายรูปหัวใจเป็น มันหนา ก๎านใบพองออกตรงชํองกลาง ภายในมีลักษณะเป็นรูพรุนชํวยพยุงลาต๎น ให๎ลอยน้าได๎ ผักตบชวานั้นถึงจะมีชื่อวํา ชวา ซึ่งเป็นชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของ ประเทศอินโดนีเซีย แตํจริงๆแล๎วเป็นไม๎น้า ที่มีถิ่นกาเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต๎ในแถบ ประเทศบราซิล


อยํางที่ทราบกันวําผักตบชวานั้นมีความสามารถในการแพรํพันธุ์ที่ สูงแตํทาไมในสมัยกํอนหรือปั จจุบันในแถบอเมริกาใต๎ถึง ไมํคํอยพบเจอ ปั ญ หาของการเติ บ โตนี้ ลํ ะ ก็ เ พราะวํ า ในทวี ป อเมริ ก าใต๎ มี ศั ต รู ต าม ธรรมชาติ เชํน แมลง โรคพืช ตํางๆ ทาให๎ผักตบชวาไมํมีรายงานการ ระ บา ดซึ่ ง สํ ง ผ ล ก ร ะ ทบ มา กตํ อป ร ะ ชา ชน ใ น ทวี ป อ เ ม ริ ก า ใ ต๎ สาหรับการย๎ายถิ่นฐานเข๎ามาสูํเมืองไทยนั้นเกิดมาจากการที่พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัวเสด็จทรงงานที่ประเทศอินโดนีเซียซึ่ง ขณะนั้นเป็นอาณานิคมของประเทศฮอลแลนด์ ที่นาเอาผักตบชวามาปลูก จึงได๎ขอมาเพื่อปลูกในพระราชวังสระปทุม แตํตํอมาในชํวง ปี พ.ศ. 2444 เกิดน้าทํวมวังสระปทุมทาให๎ผักตบชวาเหลํานี้หลุดลอยไปสูํแมํน้าลาคลอง ภายนอกและระบาดจนต๎ อ งมี พ ระราช บั ญ ญั ติ ส าหรั บ การก าจั ด ผักตบชวาขึ้นในปี พ.ศ. 2456


ถึงผักตบชวาจะกํอให๎เกิดปัญหาตํางๆในแมํน้าลาคลองแตํอยํางน๎อย ก็ยังสามารถนามาใช๎ทาประโยชน์ตํางๆได๎มากมาย เชํนนามาทาเป็นปุ๋ย ชีวภาพเพื่อใช๎ในอุตสาหกรรมการเกษตร หรือการนามาสานเป็น ตะกร๎า กระจาด หาบ หรือสิ่งของตํางๆ ทั้งยังมีความสามารถในการบาบัดน้า เสียได๎อีกด๎วยโดยคนที่คิดค๎นการนาผักตบชวามาบาบัดน้าเสียก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ทรงคิดค๎นนาผักตบชวามาประยุกต์ใช๎ เนื่องมาจากเป็นวัชพืชน้าที่มีความสามารถในการกรองน้าตามธรรมชาติ และมีอยูํมาก พบเห็นได๎ทั่วโดยพระองค์ทรงริเริ่มนามาใช๎ในบึงมักกะสัน ในวันที่ 15 เมษายน และวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2528


History นางสาววนิดา มอญเจริญ 53216339 พระพุทธรู ปปางนอนหงาย หรื อ หลวงพ่อ สุ ขสบาย วัดราชคฤห์ วรวิหาร ตลาดพลู ถนนเทอดไท แขวงบางยี่ เ รื อ เขตธนบุ รี กรุ งเทพฯ พระพุทธรู ปองค์น้ ีปางนอนหงาย แตกต่าง จากที่สุพรรณบุรี กันตรงที่พระนอนหงายที่ วัดนี้เป็ นปางพระพุทธไสยาส หรื ออีกชื่อคือ ปางถวายพระเพลิง โดยดูจากลักษณะของ พระพุ ท ธรู ป ที่ พ ระเศี ย รจะหนุ น พระเขนย พระกรและพระหั ต ถ์แ นบพระองค์ พระ เนตรหลับสนิ ท และยังมีพระพุทธรู ป องค์ หนึ่ง คือพระมหากัสสัปปะองค์สีดานัง่ พนม มืออยูเ่ บื้องพระบาท ในอิ นเดี ย มี เรื่ อง เล่ า ว่ า ก่ อน ที่ พระพุทธเจ้าปริ นิ พพาน พระอานนท์ถาม พระพุทธเจ้าว่า “ถ้ าท่ านสิ้ นแล้ ว ต้ องทาพิธี อย่ างไรจึงจะเหมาะสม” พระพุทธเจ้าบอก ว่า “พระจักรพรรดิราชทาอย่ างไรก็ทากับ พระพุทธเจ้ าอย่ างนั้นแหละ” ซึ่ งในอินเดีย ในการถวายพระเพลิงกษัตริ ยก์ ็จะใช้วิธีเอา ”ผ้ากาพล” รองในด้วยสาลีห่อพระศพ ๕ 00 ชั้น มี การโรยเครื่ องหอม แล้วทาการ ถวายพระเพลิง เมื่อเสร็ จแล้วก็จะกวาดพระ อัฐิใส่ พระอบเก็บไว้


ในสมัยก่อนคนไทยเวลามีการเผาศพ ก็ จะเอากองฟื นมากองและเอาไม้ตะกับทับศพ ไว้ เพื่ อ เวลาศพโดนความร้ อ นศพจะได้ไ ม่ ตั้งขึ้น ต่อมาจึ งมี ธรรมเนี ยมนาศพมาใส่ หี บ และมี เรื่ องเล่ า กันว่า ในการถวายพระเพลิ ง พระพุทธเจ้า ไฟเกิดจุดไม่ติด และในการจุด ไฟนั้น ถ้าเป็ นมหาบุรุษ ไฟต้องเกิ ดจาก เตโชธาตุ คือธาตุไฟในร่ างกาย ครั้นนั้นขาดพระสาวกของพระพุทธเจ้า องค์ ห นึ่ ง ยัง มาไม่ ถึ ง ซึ่ งตอนนั้ นพระ มหากัสสัปปะไปธุ ดงภ์ ทรงคิดถึงระพุทธเจ้า จึงรี บเดินทางกลับเมืองกุสินาราเพื่อถวายพระ เพลิงพระบรมศพ ระหว่างทางได้เจอผูช้ ายคน หนึ่งถือดอกไม้ทิพย์กท็ รงคิดในใจว่าพระพุทธ องค์สิ้น แน่ ๆ แล้ว ก็รีบเดินทาง

พอไปถึ ง โรงพิ ธี พ ระมณฑป ไม่ เห็นว่าส่ วนไหนเป็ นพระเศียร ส่ วนไหน เป็ นพระบาท เล่ากันว่า พระองค์ทรงยื่น พระบาทออกจากหี บให้ พ ระมหากั ส สัปปะเห็น จึงเป็ นตานานเล่ากันมา และก็ มีคติ มีความเชื่ อกันมาก ต่อมาทาให้วดั มอญหลาย ๆ วัด มี พ ระพุ ท ธรู ป ปางนี้ และก็เป็ นความเชื่ ออีกว่า ในงานศพพระ ผูใ้ หญ่ ในการจุ ดไฟนั้นจะไม่ ได้จุด จาก ตัวบุคคล แต่จะจุดด้วย ”ฝักแค” เป็ น ช น ว น ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น ลู ก ห นู ก็ เปรี ย บเสมื อ นเป็ นเตโชธาตุ ลุ ก ไหม้ศ พ ตามวัดมอญทั้งหลายก็จะทาพระพุทธรู ป ปางนี้ไว้ประจาวัด


แตํวัดราชคฤห์วรวิหารนี้แปลกทาเป็นพระพุทธรูปปาง นอน หงาย แล๎วชาวบ๎านเมื่อเห็นพระนอนหงายก็เอาผ๎า มาหํมเอา หมอนมาวาง แล๎วก็เรียกหลวงพํอองค์นี้ วํา “หลวงพํอสุข สบาย” แล๎วก็เข๎าไปในความเชื่อของชาวบ๎านวํา ถ๎าได๎ไหว๎แล๎ว ก็จะได๎สุขสบายเหมือนหลวงพํอ และได๎สร๎างพระสาวกไว๎องค์ หนึ่งนามวํา พระมหากัสสัปปะ นั่งพนมมืออยูํเบื้องพระบาท ตามพุทธประวัติ ในสมัยกํอน


History นางสาววนิดา มอญเจริญ 53216339

เลํากันวํา..สมเด็จเจ๎าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ดิษฐ์ ทรง เป็นที่ โปรดปรานของรัชกาลที่ ๓ มาก ซึ่งคุ๎นเคยกันมาตั้งแตํเด็ก มี อยูํครั้งหนึ่ง ในห๎องพระบังคลของรัชกาลที่ ๓ สมัยนั้นยังไมํมี ไฟฟ้า ใช๎จึงใช๎เทียนจุดเพื่อเป็นแสงสวําง น้าตาเทียนจากการจุดเทียนมีอยูํ จ านวนมาก เมื่ อ รั ช กาลที่ ๓ ทรงเห็ น และอยากยกให๎ ส มเด็ จ เจ๎าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ดิษฐ์ เมื่อทํานได๎น้าตาเทียนก็เกิด ความคิ ดขึ้ น มา อยากจะจ าลองให๎ วั ด นี้ มี เ ขาพระสุ เ มรุ อ ยูํ ก ลางวั ด โดยมีเชิงเทียนเป็นต๎นแบบ .....“เขามอ” จึงมีที่จากน้าตาเชิงเทียน โดยที่คาวํา มอ มาจากภาษาเขมร ซึ่งแปลวํา หิน นั่นเอง


Culture นางสาววนิดา มอญเจริญ53216339

เวรตะไล การฉลองวัดแล๎วทาตะไล มันมีเรื่องเลํา...

ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ในงานฉลองพระธาตุ มีเณรองค์หนึ่งอยากทาตะไลเลํน (ตะไล คือ พลุ เวลา จุดแล๎วจะหมุนๆ) ที่วัดมหาธาตุ เณรทาตะไลเลํน ตะไล พุํงขึ้นชนบนหลังคามณฑป แล๎วเกิดไฟไหม๎มณฑปหมด ทั้งหลัง กรมพระราชวงศ์บวร ทํานทรงกริ้วมาก ได๎ พูดวํา “วัดของกู กูอุตสําห์สร๎าง มันเผาวัดกู ..ไอ๎เณร ตะไล” เณรองค์นั้นจะโดนประหารชีวิต แตํในสมัยนั้นมี การห๎ามไมํให๎ฆําพระฆําเจ๎าฆําเณร เพื่อเป็นการกุศลจึง ได๎รับการยกเว๎น และเมื่อกรมพระราชวงศ์บวรได๎สิ้นลง เณรองค์นั้นก็โตเป็นพระและได๎เป็นเจ๎าพิธีในการทาพลุ ตะไลในงานฉลองพระศพของพระองค์ จึงเป็นที่มาของ คาวํา .....เวรตะไล ก็มาจาก เณรตะไล


ขําวโคมลอย

วํ า กั น วํ า ... ขํ า วโคมลอย

มาจากเมื อ ง เพชรบุรี ตอนที่มีการฉลองพระนครคีรี มีการ ปลํอยโคมกันเป็นจานวนมาก ซึ่งในการฉลองพระ นครคีรีในครั้งนี้ โคมได๎ลอยขึ้นไปแล๎วตกลงมาไหม๎ บ๎ า นของชาวบ๎ า นไปเพี ย งหนึ่ ง หลั ง เทํ า นั้ น แตํ ปรากฏวําขําวได๎ไปถึงพระนคร พูดกันปากตํอปาก วํามีการปลํอยโคมลอย จุดโคมลอย แล๎วไฟไหม๎ พระนครคี รี ห มดทั้ ง หลั ง เลย พอขํ า วมาถึ ง กรุงเทพขําวนี้เป็นขําวโคมลอย คนก็เลยคุยกันไป คุยกันมา จากขําวเรื่องเล็กนิดเดียว ก็กลายเป็น เรื่องใหญํโต กลายเป็นพระนครคีรีถูกไฟไหม๎ นี่แหละคือที่มาของคาวํา “ขําวโคมลอย ”


Culture

นายธนัยนันท์ พรสินศิริรักษ์ 53216313


 พื้ น ที่ โ ล่ ง ของที่ ดิ น ซึ่ ง ใช้ เพื่ อ การเพาะปลู ก หรื อ ปลูกทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ East : ทุ่ง

 ภูเขา Northern : ดอย Southern : ควน


Culture

เนินหินที่สูงขึ้นเป็นจอม Northern : ภู

 ที่ลุ่มที่มีน้าขังอยู่ตามทุ่งนาและป่า Central : หนอง Southern : พรุ


Culture

 บริเวณที่สูงที่ไม่มีน้าแช่ขังพบบริเวณที่เป็นเนิน มีการระบายน้าดี สภาพ พื้นที่อาจเป็นที่ราบ เป็นลูกคลื่นหรือเนินเขา ใช้ปลูกพืชไร่ ไม้ผล และไม้ ยืนต้น ซึ่งต้องการน้าน้อย ไม่มีน้าแช่ขัง จึงไม่เหมาะแก่การปลูกข้าว

Central : ดอน

 ทางน้าเล็ก ๆ ทางน้าเล็กที่ไหลขึ้นลง ตามระดั บ น้ า ในแม่ น้ า ล าคลอง หรื อ ทะเล ต าบลบ้ า นที่อ ยู่ ห รื อ เคยอยู่ ริ ม บางหรื อ ในบริ เ วณที่ เ คยเป็ น บางมา ก่อน

Central : บาง


People นายธนัยนันท์ พรสินศิริรักษ์ 53216313


people

 First Impression

จากกิจกรรม Culture trip ในเส๎นทางคลองบางกอกใหญํและเขตตลาดพลู ซึ่งได๎รับเกียรติจากวิทยากร ผู๎ที่มีความรอบรู๎ ได๎รํวมเดินทางไปกับพวกเรา ตลอดการเดินทางในเส๎นทางนี้ ไมํ วําจะเรือ ไมํ วําจะเดิน วั นนี้จึง ขอแนะน า วิทยากรผู๎ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งศิลปวัฒนธรรมและเรื่องราวประวัติศาสตร์


people

 อาจารย์ จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา (พี่นัท) ผู๎ที่มีความรักและชื่นชอบใน ศิลปวัฒนธรรมและเรื่องราวประวัติศาสตร์ จึงเลือกเรียนในคณะศึกษาศาสตร์ สาขาภาษาไทย มหาวิท ยาลัย ศรี น ครินทรวิ โ รฒ ด๎วยความมุํ ง มั่ นจะเป็นครู จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรีและศึกษาตํอระดับปริญญาโท ในด๎านสาขาด๎านการ ริหารงานวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทาให๎เกิดเปลี่ยนความคิดวํา นําจะนาความรู๎ด๎านศิลปวัฒนธรรมที่มีอยูํมาประยุกต์ใช๎จึงเข๎าทางานที่ สานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหํงชาติ


people

ชํวงที่ทางานก็รู๎สึกแล๎ววํานี่ คื อ งานที่ เ ราสนใจจริ ง ๆ และ การท างานด๎ า นวั ฒ นธรรม ต๎องมีความเข๎าใจ ถ๎าเข๎าใจเรา จะสนุ ก กั บ มั น เพราะทุ ก เรื่ อ ง รอบตัวเรามีแตํสิ่งที่นํารู๎ทั้งนั้น ผมก็ เ ลยไปอบรมมั ค คุ เ ทศก์ อบรมวิทยุก ระจายเสีย งอะไร ตํ อ มิ อ ะไรเต็ ม ไปหมด แตํ จุ ด หนึ่ ง ที่ ส นใจมากก็ คื อ “การ ทํองเที่ยวเดินเท๎า”


People นางสาวอลิสา กนกโชติวรการ 53216323


People

จากกิจกรรม Culture

trip ใน เส๎ น ทางคลองบางกอกใหญํ แ ละเขต ตลาดพลู มี ระยะทางเกินครึ่ง หนึ่ง ของ การเดินทางที่ใช๎การสัญจรโดยเรือ วันนี้ เราจึงขอแนะนาทุกทํานให๎รู๎จักกับบุคคล สาคัญทํานหนึ่ง “พี่เล็ก” หรือพนักงานเดินเรือของ เรานั่ น เอง พี่เ ล็ ก เลํ า ให๎ ฟัง วํ า พี่ เ ล็ ก ท า อาชีพเดินเรือแบบนี้มานานกวํา 30 ปี แล๎ว เดินทางไปเกือบทุกแหํงที่มีสายน้า ไหลผําน ไมํวําจะคลองเล็กคลองใหญํ ใน กรุงเทพหรือตํางจังหวัด สุดแล๎วแตํวํา ทางบริษัทจะสํงพี่เล็กให๎เดินเรือพาลูกค๎า ไปไหน

บริษัทพี่เล็กทางานอยูํ คือบริษัทที่ชื่อวํา “บริษัทมิตรเจ๎าพระยา ร.รุํงเรือง จากัด” เป็นบริษัทเรือรับจ๎างแหํงหนึ่งที่ตั้งอยูํที่ ทํ า ช๎ า ง สํ ว นเส๎ น ทางที่ พี่ เ ล็ ก เดิ น ทางไป บํอยที่สุดก็คือ สายแมํน้าเจ๎าพระยาและ คลองตํางๆในแถบกรุงเทพมหานคร โดยคลองบางกอกใหญํซึ่งเป็นจุดหมาย ของเราในวันนี้ก็เป็นหนึ่งในเส๎นทางที่ พี่เล็กเดินทางผํานจนเชี่ยวชาญ โดยปกติ ถ๎าแลํนเรือในแมํน้าก็จะใช๎เรือใหญํ แตํถ๎า แลํนเรือเข๎าคลองสายยํอย อยํางเชํนวันนี้ ก็จะใช๎เรือขนาดกลาง ที่จุ คนได๎ประมาณ 50 คน โดยเรือที่ใช๎เป็นเรือ ของบริษัท


People พี่ เ ล็ ก ยั ง เลํ า ให๎ เ ราฟั ง อี ก วํ า ตลอด 30 ปีที่ขับเรือมานี้ เห็ น ความเปลี่ ย นแปลงเยอะ มาก ยกตั ว อยํ า งเชํ น ริ ม คลองบางกอกใหญํในอดีต มี แตํ ส วนและบ๎ า นไม๎ ท รงไทยที่ อยูํ ริ ม น้ า แตํ ปั จ จุ บั น บ๎ า นไม๎ เหลํ า นั้ น ถู ก รื้ อ ถอนไปและ แทนที่ ด๎ ว ยบ๎ า นปู น หรื อ ตึ ก สูงๆ พื้นที่ที่เคยเป็นสวนก็ถูก ถางทิ้งแล๎วเปลี่ยนสภาพเป็น บ๎านเรือนของผู๎คน รวมถึงมีการสร๎างเขื่อนริมตลิ่งเพื่อกันน้ากัดเซาะพื้นที่ดิน เมื่อมองไปจึงไมํให๎ ความรู๎ สึ ก ที่ เ ป็ น ธรรมชาติ ไมํ เ ห็ น ดิ น โคลนหรื อ ต๎ น ไม๎ สี เ ขี ย วอี ก ตํ อ ไป ธรรมชาติเหลํานั้นถูกแทนที่ด๎วยตึกและเขื่อนปูนสีเทา ซึ่งทาให๎ทุกอยํางดูแข็ง กระด๎าง ในมุมของวิถีชีวิตคนก็เปลี่ยนแปลงไปเชํนกัน ในอดีตเคยใช๎เรือเป็น พาหนะหลักในการเดินทาง หน๎าบ๎านอยูํริมน้า แมํน้าลาคลองเป็นเส๎นทางหลัก ที่ใช๎สาหรับการสัญจร แตํปัจจุบันมีการตัดถนนให๎เข๎าถึงชุมชนมากขึ้น คนจึง หันมาใช๎รถยนต์ มอเตอร์ไซค์และจักรยานแทนที่เรือมากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่ เห็นชัดที่สุดคือ แมํน้าลาคลองสกปรกมากขึ้น มีเศษขยะลอยอยูํตามผิวน้า น้าเป็นสีคล้าเข๎ม ไมํสามารถนามาใช๎ดื่มกินได๎เหมือนในอดีตอีกตํอไป


People

สุดท๎ายพี่เล็กได๎ฝากข๎อความไว๎ให๎แกํ นักทํองเที่ยวทุกคนวํา

“การมาเที่ยวเรือต๎องดูหน๎า(ฤดู) อยํางหน๎าแล๎ง การเข๎าคลองก็ ลาบากเพราะน้าแห๎ง เรือไมํสามารถเข๎าไปได๎ รวมถึงอยากให๎นกั ทํองเทีย่ วทุก คนรักษาความสะอาด ไมํทิ้งขยะ ลงในแมํนาล ้ าคลอง”

กํอนจากกัน ทางคณะผู๎จัดท าต๎อ ง ขอขอบคุณพี่เล็กที่พาเราเดินทางไป และกลับโดยสวัสดิภาพ และถ๎าทําน ใดต๎ อ งการวํ า จ๎ า งเรื อ ทางเราขอ แนะนาบริษัท มิ ตรเจ๎าพระยาที่พี่เ ล็ก ทางานอยูํคํะ ตัวเรือดูแข็งแรง ในลา เรื อ ยั ง มี แ ผํ น โฟมชู ชี พ ให๎ ใ ช๎ ห ากเกิ ด อุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไมํคาดฝัน ขึ้ น นอกจากนี้ ยั ง มี ห ลั ง คากั น แดด และฝนอีกด๎วย


Insight นางสาวพรนิภา นุชสุนทร 53216338


พระบรมธาตุมหาเจดีย์ของวัดได๎รับรางวัล ยอดเยี่ยม(อันดับ ๑) หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัล เพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒ นธรรมใน ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ปี พ.ศ.๒๕๕๖ วัดที่ชาวบ๎านฝั่งธนบุรี เรียกกันอยํางคุ๎นเคยวํา “วัดรั้วเหล็ก” เป็นวัดเกําแกํที่ อยูํคกูํ ับสังคมคนฝั่งธนมายาวนานถึง ๑๘๕ ปี วัดที่กลายมาเป็นหมุดหมายตา ในวันเวลาที่ผู๎คนเดินทาง ข๎ามฝั่งแมํน้าเจ๎าพระยาด๎วยสระพานพระพุทธยอดฟ้า วัดที่สร๎างด๎วยกาลังศรัทธาของ “สมเด็จเจ๎าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์” ในรัช สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล๎าเจ๎าอยูํหัว(รัชกาลที่ ๓) วัดแหํงนี้ได๎ทา หน๎ า ที่ อ นุ รั ก ษ์ รั ก ษาถาวรวั ต ถุ และถาวรสถานที่ ม ากด๎ ว ยคุ ณ คํ า ไว๎ คูํ กั บ พระพุทธศาสนา เป็นมรดกวัฒนธรรมที่ได๎รับการสั่งสมมาโดยผู๎ที่ตระหนักถึง คุณคําได๎รักษาไว๎เป็นมรดกของบวรศาสนาสืบมาจนถึงทุกวันนี้


เป็นเจดีย์ที่สามารถเดินเข้าไปภายในได้ ซึ่งภายในมีการเรียง ตัวของอิฐ แบบโบราณ คือ วางแนวนอน 1 ก้อน และวางแนว ขวาง 2 ก้อน และเมื่ออิฐด้านล่างขยับ อิฐด้านบนก็จะยังคงอยู่

เจดีย์มีขนาดใหญํมาก มีสัณฐานรูปโอคว่า ความสูง ๖๐.๕๒๕ เมตร ฐานลํางสํวนนอกวัดโดยรอบได๎ ๑๖๒ เมตร เส๎นผําศูนย์กลาง ๕๐ เมตร มีชํองคูหาเรียงรายล๎อมรอบชั้นลํางพระเจดีย์ ๕๔ คูหา ชั้นบนถัดจากชํอง คูหาขึ้นไปมีพระเจดีย์เล็ก ๑๘ องค์ ดังนั้นจึงต๎องมีการออกแบบเพื่อรองรับ น้าหนักของเจดีย์ให๎คงอยูํได๎ มีวิธี คือ มีการตอกซุงลงไปวางให๎เป็นตาราง แล๎วเอาโอํงใสํลงตามชํอง จากนั้นจึงตอกศิลาแลงทับอีกที เพื่อเป็นการ กระจายน้าหนัก เพราะสมัยกํอนเจดีย์จะอยูํกลางน้า การที่นาโอํงครอบลง ไป ทาให๎ชํวยพยุงได๎ ซึ่งโอํง 1 ใบ สามารถรับแรงได๎ถึง 1 ตันเลยทีเดียว ความคิดนี้เป็นความคิดของคนสมัยกํอน ที่ไมํได๎เรียนวิศวกรรม ซึ่งถือวํา เป็นเรื่องที่นําสนใจและนําทึ่งเป็นอยํางมาก


พระประธาน ในพระอุโบสถ พระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็น พระศาสดาประเสริฐสุด โดยธรรม

ถื อ ได๎ วํ า เป็ น พระพุ ท ธรู ป องค์ แ รกที่ น าชํ า งฝี มื อ เป็ น ชาวตํ า งชาติ จ ากประเทศญี่ ปุ่ น ท าการปิ ด ทอง โดยเป็ น พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย มีความสาคัญมาก เพราะเป็น ๑ ใน พระพุทธรูปที่อัญเชิญมาจากหัวเมืองเหนือ ตั้งแตํแผํนดิน รัชกาลที่ ๑ พร๎อมๆกับพระศรีสักยะมุนี ของวัดสุทัศน์






Religion & Faith นางสาวรินทร์ลภัส กุจธนกิจไพศาล 53216316


พระพุทธรูปหลากรูปลักษณ์ ลักษณะติดตรึงตรา

พระเศียรแหลม (หรือศิระประพา) คือแสงสวํางเปลํง

ที่ออกมาจากพระเศียรของพระพุทธเจ๎า แสดงถึงภาวะที่ เป็นทิพย์ และเมื่อสมัยครั้งยังไมํมีการประดิษฐ์หลอดไฟ มนุษย์ใช๎สัญลักษณ์ของประทีป (ดวงไฟ หรือเปลวเทียน) เป็นตัวแทนของความสวํางไสวขับไลํความมืดมนที่สร๎าง ความหมองหมํนให๎จิตใจมนุษย์

พระกรรณ (หู) ยาว เมื่อยามที่เจ๎าชายสิทธัตถะ

พ ระเศี ย รหยิ ก ม๎ ว นเป็ น ก๎ น หอย วรรณะ

กษั ต ริ ย์ มี สั ญ ลั ก ษณ์ ป ระจ า คื อ การไว๎ ผ มผม กลางกระหมํอ ม เมื่อ เจ๎าชายสิ ทธั ต ถะต๎อ งการ สละวรรณะตนเองจากวรรณะกษัตริย์กลายมา เป็นภิกขุ (ภิกษุ) พระองค์จึงทาการตัดมวยผม ผนวกกับพื้นเดิมของเจ๎าสายสิทธัตถะที่เป็นชาว อารยัน มีลักษณะเส๎นผมที่หยักศก เมื่อตัดผม สั้นลง ผมจะขมวดกลับมาติดกับศีรษะ ในตานาน พุ ท ธประวั ติ ใ นปฐมสมโพธิ ก ถากลํ า ววํ า เมื่ อ พระองค์ทรงตัดผมแล๎ว ทรงตั้งจิตอธิษฐานวํา หากโยนเส๎นผมที่ตัดแล๎วขึ้นไปบนอากาศขอให๎ผม ของพระองค์ ไมํ ตกลงมา ประการที่ส อง ขอให๎ หากโยนผมขึ้นไปบนอากาศแล๎วผมไมํตกลงมา ขอให๎ผมของพระองค์ไมํยาวอีกเลยตลอดกาล

ยัง ดารงอยูํใ นวรรณะกษั ตริ ย์ผู๎ มีความมั่ง คั่ง ยิ่ง ใหญํ จ าต๎ อ งมี ก ารติ ด เครื่ อ งประดั บ มากมู ล คํ า หนึ่ ง ใน เครื่องประดับนั้นคือตํางหู น้าหนักของความมั่งคั่งนี้ได๎ ถํวงให๎พระกรรณถํ างลงมาดัง ที่เ ห็นตามพระพุทธรู ป ทั่วไป พระกรรณที่ยาวยังสอดแทรกตานานเชิงคาสอนที่ กลําววํา พระกรรณยาว (หนัก)เป็นนิมิตเตือนใจให๎เป็น คนหูหนัก อยําหูเบาหลงเชื่อเรื่องตํางๆได๎โดยงํายดาย ของมนุษย์ พระพุทธรูปเนื้อสีทอง มหาผู๎ปฏิบัติธรรมให๎จิตใจผํองใส มักมีผิวพรรณ

เปลํงดุจดั่งทอง อีกทั้งทองยังเป็นโลหะที่มีคําที่คนทั้งหลายนิยมนามาทาเป็นที่ เคารพกราบไหว๎บูชา ด๎วยความเชื่อที่วํา “บูชาสิ่งดีเพื่อสิ่งที่ด”ี


มาระวิชัย

ชนะมาร

สะดุ๎งมาร

พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปอยูํในพระ อิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ๎ายหงายวางบนพระเพลา พระ หัตถ์ขวาวางคว่าลงที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ ชี้ลงที่พื้นธรณี ใ น คราวที่พระองค์ทรงเอาชนะมารได๎ ตามตานานกลําววํา เมื่อครั้ง เสด็จไปประทับใต๎ต๎นศรีมหาโพธิ์ในเวลาเย็น และนั่งสมาธิกาหนด จิตเจริญสมาธิภาวนาทรงนั่งอยูํใต๎รํมไม๎ของศรีมหาโพธิ เกิดมี มาร พระยาวัสสวดีมาร คอยมาขับไลํให๎ทรงลุกออกจากพุทธ บัลลังก์แตํพระองค์ก็ยังประทับนิ่งปกติโดยมิทรงหวั่นไหว

เป็นเหตุให๎มักมีการเขียนภาพพระพุทธรูปปางมารวิชัย อยูํบนจิตรกรรมฝาผนังหน๎าพระบัลลังก์เสมอเพื่อ เตือนให๎ผู๎ที่มากราบไหว๎บูชาหวนระลึกถึงความมีจิตใจ ตั้งมั่นแนํวแนํที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ โดย ปฏิญาณตนวํา “แม๎เลือดของเราจะแห๎งเหือดไป เราก็จะไมํลุกจาก พุทธบัลลังก์ จนกวําบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ”

“ แม๎เลือดของเราจะแห๎งเหือดไป เราก็จะไมํลุกจากพุทธบัลลลังก์ ”


ภาพจิตกรรมฝาผนัง นับเป็นการสร๎างสรรค์นา ศาสตร์และศิลป์มาผสมกันอยํางปราณีต เพื่อบอก เลําเรื่องราวของพุทธศาสนาผํานลายเส๎นและหยดน้า หมึกหลากสีสัน อีกทั้งยังบํงบอกถึงสภาพสังคมและ ยุคสมัยในขณะนั้นอีกด๎วย การเขียนเครื่องตั้งจีนได๎รับอิทธิพลศิลปกรรมในสมัย รัชกาลที่สาม เนื่องจากชาวจีนเชื่อวําของเหลํานี้คือสิ่ง มงคล ชาวจีนมีความเชื่อในเรื่องเทพเจ๎าฮกลกซิ่ว ซึ่ง ปรากฏบนภาพฝาผนังที่มกี ารนาสัญลักษณ์มงคลมา แทนเทพเจ๎าทั้งสามองค์

ตานาน ศาสนา

…..

ความเชื่อ

ฮก แทนอ านาจวาสนา สั ญ ลั ก ษณ์ คื อ รู ป ส๎ ม มื อ คล๎ า ยพระหั ต ถ์ ข องพระยู ไ ล ลก แทนยศถาบรรดาศักดิ์ สัญลักษณ์คือดอกเบญจมาศที่มีกลีบ เยอะและแนํ น แสดงถึ ง อ านาจวาสนายิ่ ง ใหญํ ซิ่ว หมายถึ ง ความมีอายุยืน เนื่อ งจากต๎นสนมี สี เขี ย วตลอดปี จึ ง มี ค วามหมายถึ ง อายุ ยื น นาน นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ในรูปแบบของสัตว์ เชํน ใช๎ ภ าพค๎ า งคาวแทนเทพเจ๎ า ฮก เนื่ อ งจากเมื่ อ ค๎างคาวกางปีกจะมีรูปรํางเหมือนหมวกขุนนาง เสือ ดาวแทนเทพเจ๎าลกเพราะเสื อ ดาวมีจุดตรงกลาง เหมือนเหรียญอิแปะ ซิ่วใช๎แทนด๎วยอีกาเนื่องจาก อีกาเป็นสัตว์ที่หาพบศพได๎ยากนัก


Religion & Faith นายบูรณัฐ เจริญวุฒิวงษา 53213950

ศาลเจ๎ากวนอู มีความเป็นมาตั้งแตํสมัยกรุงศรีอยุธยา


Religion & Faith

ศาลเจ๎ากวนอูแหํงนี้ตั้งอยูํริมแมํน้าเจ๎าพระยา บริเวณชุมชนชาว ตลาดสมเด็จเจ๎าพระยา ถูกสร๎างขึ้นมาตั้งแตํในสมัยกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2279 เนื่องมาบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีเรือสาเภาจีนมาเทียบทําเพื่อ ทาการค๎าขาย ชาวจีนกลุํมหนึ่งจึงได๎อัญเชิญรูปปั้นมาประทับเพื่อเป็นสิริ มงคลและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแกํชาวจีนที่ผํานไปมา ศาลเจ๎าแหํงนี่จะมีรูปปั้นเทพเจ๎ากวนอูอยูํ 3 องค์ด๎วยกันซึ่งถูก อัญเชิญมาในชํวงเวลาที่แตกตํางกัน โดยองค์แรกมาพร๎อมกับการริเริ่ม สร๎างศาลเจ๎าในปี พ.ศ. 2279 องค์ที่ 2 ในปี 2345 องค์ที่ 3 ในปี 2365 ซึ่งขนาดก็จะใหญํขึ้นเรื่อยๆตามลาดับ การบูรณะครั้งสุดท๎ายมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อทาการขยับ ขยายพื้นที่ของศาลเจ๎า รวมไปถึงสร๎างที่บูชาบริเวณริมแมํน้าเจ๎าพระยา ซึ่งสร๎างเสร็จในปี พ.ศ.2540


Religion & Faith

หากกลําวตามประวัติศาสตร์แล๎ว กวนอู ชื่อรอง หยุน ฉาง นั้นมีชีวิตอยูํในประวัติศาสตร์ยุคสามก๏ก โดยเกิดเมื่อ 24 เดือน 6 จีนศักราชเอี่ยงฮี พ.ศ.704 เสียชีวิตเมื่อ 12 เดือน 7 จีน ศั ก ราชเคี่ ย งเซ๎ ง พ.ศ.762 ลั ก ษณะของกวนอู นั้ น เป็ น ชายที่ มี รูปรํางสูงใหญํโดยสูง 9 ฟุตจีน ใบหน๎ามีสีแดงโดยในชํวงสามก๏ก นั้นกวนอูมักจะรับหน๎าที่เป็นแมํทัพในการทาศึกตํางๆ โดยมีอาวุธ ประจากายซึ่งถือวําเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเดํนเลยคือ ง๎าวรูปจันทร์ เสี้ยวที่มีชื่อวํา “ง๎าวมังกรเขียว”


Religion & Faith กวนอูเป็นผู๎ที่มีคุณสมบัติ ของการเป็ น ผู๎ น าที่ มี จ ริ ย ธรรมใน ด๎ า นความสั ต ย์ ซื่ อ และความกล๎ า หาญ ได๎รั บการยกยํองสรรเสริ ญ เป็ น อยํ า งมากจากผู๎ ป กครองใน หลายดินแดนวําเป็นบุคคลดีเดํนใน ประวัติศาสตร์และกลายมาเป็นเทพ เจ๎าที่ได๎รับการเคารพบูชากราบไหว๎ กวนอูได๎รับเกียรติอยํางสูงสุดคือ ได๎ รั บ การยกยํ อ งให๎ เ ที ย บเทํ า กั บ ขงจื๊ อ คื อ ได๎ รั บ การขนานนามวํ า "เป็นนักบุญพฤติธรรม" และ "เทพ เจ๎าแหํงสงคราม" วีรกรรมของกวนอูนั้นมีมากมายแตํหากจะหยิบยกเรื่อง สาคัญก็คงหนีไมํพ๎นในชํวงที่กวนอูถูกโจโฉจับกุมและถูกหวํานล๎อม จากโจโฉเพื่อให๎สวามิภักดิ์ กวนอูยอมรับใช๎เพื่อแลกกับการปกป้อง ภรรยาของเลําปี่ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันและทาสัญญากับโจโฉวําหาก พบเจอเลําปี่ที่ใดก็จะกลับไปหาเลําปี่ทันที แสดงให๎เห็นถึงความมีน้าใจ มีคุณธรรม และซื่อสัตย์ตํอเลําปี่ผู๎ซึ่งเป็นนายและเป็นพี่รํวมสาบาน เป็นอยํางมาก


ขอขอบคุณรำยวิชำ GEN 441 ที่ได้เปิดโลกทัศน์ให้กับนักศึกษำ...


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.