ITALY 2012

Page 1





เมดอินอิตาลี

Made in Italy, 2012 [โรม-วาติกัน-เนเปิลส์-คาปรี-ฟลอเรนซ์-ซาน จิมิญาโน-ซีเอน่า-ปิซ่าเวนิส-เวโรนา-มิลาน]

KatieKat 16–28 October, 2012



Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

เมดอินอิตาลี (MADE IN ITALY), 2012 หมายเหตุ เนื่องจากเริม่ เขียนและเรียบเรียงการเดินทางครั้งนีอ้ ย฽างจริงจังเมือ่ ปี 2014 ถึงสิน้ ปี 2015 (เขียนๆ หยุดๆ เลยใช฾เวลามาราธอน มาก) ดังนัน้ จึงมีข฾อมูลบางส฽วนที่ไม฽อพั เดทไปบ฾างแล฾วเช฽น การติดต฽อขอทําวีซ฽า จองตัว๋ เข฾าชมพิพิธภัณฑแ ขณะทีเ่ ขียนไปด฾วยนี้ เราจึงจะหาข฾อมูลอัพเดทในปัจจุบันแนบประกอบกับข฾อมูลเก฽าไปด฾วย เพื่อให฾การนําข฾อมูลไปใช฾ประโยชนแนนั้ ถูกต฾องมากขึ้น

เตรียมตัวกํอนเดินทาง ข๎อมูลประเทศ Italy และคูํมือทํองเที่ยว - ใครๆ ก็ไปเทีย่ วอิตาลี โดย อดิศักดิ์ จันทร์ดวง * A MUST * - Top 10 โรม โดย สานักพิมพ์ DK - Top 10 ทัสกานี โดย สานักพิมพ์ DK - คู฽มือท฽องเที่ยวอิตาลีด฾วยตัวเอง โดย ปานนภา ตั้งกุลธวัช สานักพิมพ์วงกลม - บอนจอรแโน อิตาลี BUONGIORNO…ITALIA โดย คณา คชา ฟรีฟอร์มสานักพิมพ์ - โรมันรัญจวน โดย ธรณ์ ธารงนาวาสวัสดิ์ - เวนิสพิศวาส โดย ธรณ์ ธารงนาวาสวัสดิ์ - Lonely Planet: Italy - Italian Toursim Official Website http://www.italia.it/en/home.html - ITALY โดย Jeabfy http://board.trekkingthai.com/board//show.php?forum_id=2&topic_no=124436&topic_id=12593 3 - ITALY โดย Smiley2011 http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=masarukung&date=26-072011&group=1&gblog=1 - ITALY รวมคําถาม การวางแผน ก฽อน เดินทาง โดย wison http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9566206/E9566206.html - หนอนน฾อยตะลุยอิตาลี โดยหนอนน฾อยท฽องโลก http://board.trekkingthai.com/board/print.php?forum_id=2&topic_no=181219&topic_id=183518 &mode=lite - ทริปพาเที่ยว 7 วันในอิตาลี โดย belt001 http://www.ilovetogo.com/BoardD/72/1114/ทริปพาเที่ยว-7วันในอิตาลี---วันที่-1-มิลาน - Review Italy & Swisszerland ทริป 15 วัน ไปเองลุยเอง http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/05/E7859078/E7859078.html [1]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

- [Review] ~ La Dolce Vita ... ทริปอิตาลี http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8789407/E8789407.html - Capri insider guide http://www.capri.com ข๎อมูลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ตํางๆ (ซื้อที่อิตาลี เอากลับมาอํานเพิ่มเติมประกอบการเขียน) - LEONARDO or the universal genius by Paolo De Silvestri - MICHELANGELO, painter, sculptor and architect by Angelo Tartuferi - Vatican with all the restored, SISTINE CHAPEL, LAST JUDGEMENT and STANZE FRESCOES by Sonia Gallico - UFFIZI Gallery, The Official Guide all of the works by Gloria Fossi - THE BORGHESE GALLERY 10 MASTERPIECES by Maria Rodino di Miglione

[2]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

แผนการเดินทาง

[3]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

ตั๋วเครื่องบิน หลังจากท฽องอินเตอรแเน็ตเพื่อหาสายการบินที่ได฾เวลาและราคาที่ถูกใจแล฾ว สําหรับเรา ได฾รายชื่อสายการ บินออกมาดังนี้ การบินไทย, Swiss International Airlines, Qatar Airways (ราคาและเวลาน฽าสนใจที่สุด) และ Emirates Airlines เราเลือก Swiss Int’l Airlines (เรียกสั้นๆ Swiss Air) เพราะ 1. สายการบินเป็นสมาชิกในเครือ Star alliance จะได฾ไมลแสะสมสําหรับ Royal Orchid Plus 2. ถ฾าจองล฽วงหน฾านานๆ ราคาสูสีกับ Qatar Airways และ 3. เวลาเดินทางทั้งขาไป-ขากลับนัน้ ดีถึงดีมาก ออกดึกถึงเช฾า (BKK-Rome) กลับค่ําถึงบ฽ายของอีกวัน (MilanBKK) โดยไปเปลี่ยนเครื่องที่ซูริค สวิตเซอรแแลนดแ หารู฾ล฽วงหน฾าไม฽วา฽ สวิสแอรแจะทําเอาเข็ดหลาบ หลังจากทริปนี้คง หันไปซบสายการบินตะวันออกกลางอีกพักใหญ฽ จนกว฽าจะทําใจได฾ เราซื้อตั๋วเครื่องบินล฽วงหน฾าก฽อนออกเดินทางถึง 8 เดือน ไม฽รู฾ว฽านานเกินไปหรือเปล฽า ใช฾บริการของ Abacus Travel http://www.goholidaynow.com เหมือนเดิม ราคาตัว๋ คนละ 38,320 บาท ถ฾าเลือก Qatar Airways ก็ได฾ราคาใกล฾เคียงกัน เวลาเดินทางอาจจะแย฽กว฽าหน฽อย และต฾องไปเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา กาต฾ารแ แต฽ถา฾ แลกกับขนาดของเครื่อง บริการและสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน กาต฾ารแแอรแเวยแก็เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ พาสปอร์ต-วีซํา รายละเอียดการขอเชงเก฾นวีซ฽าประเทศอิตาลี ให฾อ฽านและดาวนแโหลดใบคําขอได฾ที่ http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/index.html ซึ่งเป็นเว็บไซตแของศูนยแยื่นวีซ฽าอิตาลีประเทศ ไทยในกรุงเทพฯ ดําเนินการโดยบริษัทที่รับจัดการเรื่องการขอวีซ฽าและหนังสือเดินทางให฾หลายประเทศเช฽นอิตาลี สเปน เมื่อปี 2012 สํานักงานตั้งอยู฽ที่อาคาร Mercury ถนนเพลินจิต ตรงข฾ามเซ็นทรัลชิดลม ปัจจุบัน ก.ย. 2014 สํานักงานตั้งอยู฽ที่ ตึกสีลมคอมเพล็กซแ ชั้น 15 ยูนิต C สีลมคอมเพล็กซแ 191 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 สายด฽วน 02-1187001 ค฽าธรรมเนียมวีซ฽าประเภทท฽องเที่ยว (พํานักระยะสั้น) อยู฽ที่ 60 ยูโร การ ชําระเงิน ทางสถานทูตจะคํานวณเป็นเงินไทยตามค฽าเงินไทยในขณะนั้น (โดยประมาณ) และแจ฾งบอกราคาไว฾ใน เว็บไซตแ ให฾ชําระเป็นเงินสด ณ วันที่ยื่นเอกสารขอทําวีซ฽า เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร฾อย ให฾ทําการนัดวันเข฾าทําการยื่นขอวีซ฽า โดยเว็บไซตแจะเปิดให฾นัดจองล฽วงหน฾า ประมาณ 2 สัปดาหแผ฽านระบบในเว็บไซตแ (แต฽ก.ย. 2014 เข฾าไปดูรายละเอียดในเว็บไซตแอีกครั้ง ไม฽เห็นเขียนถึงให฾นัด จองคิวล฽วงหน฾าเลย เข฾าใจว฽าน฽าจะยกเลิกวิธีนี้ไปแล฾ว สงสัยคงให฾ไปวิ่งสูฟัดแย฽งต฽อคิวกันเอง ไม฽ชอบเลย เราว฽าวิธกี าร ให฾นัดคิวขอวีซ฽าเป็นวิธีที่ดีและสะดวกกับทั้ง 2 ฝุายมากกว฽า) ปกติควรวางแผนการขอวีซ฽าล฽วงหน฾าก฽อนวันเดินทางอย฽างน฾อย 1 เดือน สูงสุดไม฽เกิน 2 เดือน เพื่อความ ปลอดภัยหากการขอวีซ฽ามีปัญหา ทางสถานทูตต฾องการเรียกเอกสารเพิ่มหรือขอสัมภาษณแ แต฽ถ฾าเตรียมเอกสาร ตามที่ทางสถานทูตระบุให฾เรียบร฾อยหรือมากกว฽านั้น เช฽นแสดงแผนการเดินทางให฾ชัดเจน วันไหนไปเที่ยวไหน พักที่ ไหน แสดงเอกสารยืนยันการจองห฾องพัก และเอกสารทางการเงินให฾ครบถ฾วน ประตูสู฽อิตาลีก็เปิดรออยู฽แล฾ว money is money จ฾า

[4]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

แนะนําอีกซักนิด เนื่องจากการขอเชงเก฾นวีซ฽าจะต฾องแนบเอกสารประกันสุขภาพที่ครอบคลุมวงเกินประกัน อย฽างน฾อย 30,000 ยูโรหรือ 1,500,000 บาท รายชื่อบริษัทประกันที่ทางสถานทูตยอมรับจะแนบอยูก฽ ับเอกสาร ชี้แจงการกรอกใบคําขอวีซ฽าด฾วย เราเลือกโปรแกรม smart traveller จากบริษัทแอกซ฽า http://www.axa.co.th/311/th/retail-insurance/travel/smarttraveller-plus เช฽นเดิม เช฽นเดียวกันกับทริปเชค-ออสเตรีย-ฮังการี เมื่อปี 2010 เนื่องจากราคาถูกที่สุดจากหลายๆ บริษัทที่ลองสุ฽ม เลือกดู การเดินทางระหวํางเมืองในอิตาลี ไปอิตาลีครั้งนี้ เราไม฽ได฾ซื้อ Pass แบบการท฽องเที่ยวยุโรปในครั้งก฽อนๆ เนื่องจากคํานวณราคาตั๋วแบบ Pass กับ point to point แล฾ว แบบหลัง หากจองตั๋วล฽วงหน฾านานๆ และเลือกตัว๋ ประเภท super economy fare, no change, no refund ราคารวมจะถูกกว฽ามาก (ราคาเที่ยวละประมาณ 20 EUR สําหรับเมืองใหญ฽ๆ และเดินทาง ระยะไกลหน฽อย) ถ฾าวางแผนการเดินทางให฾รัดกุมแล฾ว จะกลัวอะไร ถ฾าเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็ยอมทิ้งตั๋วนั้น ซื้อตั๋ว ใหม฽ ก็ยังคุ฾มกว฽า Italy Rail Pass การซื้อตั๋วรถไฟระหว฽างเมืองในอิตาลี สามารถตรวจสอบตารางรถไฟและซื้อตั๋ว ผ฽านเว็บไซตแ Trenitalia การรถไฟอิตาลี http://www.trenitalia.com โดยสามารถซื้อล฽วงหน฾าได฾หลายเดือน (เรา ซื้อล฽วงหน฾า 3 เดือน) ซื้อผ฽านบัตรเครดิตได฾ ปริ๊นทแตั๋วเก็บไว฾ได฾เลย ตั๋วมีการระบุเลขที่นั่งไว฾ให฾เรียบร฾อย โดยระบบจะ เลือกที่นั่งที่ดีที่สุดให฾ แต฽ถ฾าหากอยากจะซื้อ Italy Rail Pass หรือ Eurail Pass แบบอื่นๆที่เหมาะสมกับแผนการเดินทาง สามารถเข฾าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได฾ที่ http://www.raileurope-world.com ระบบขนสํงสาธารณะ ตารางรถไฟ รถบัส เรือ - Trenitalia การรถไฟอิตาลี http://www.trenitalia.com - การรถไฟสวิตเซอรแแลนดแ (สําหรับดูตารางเวลารถไฟ ค฽าตั๋วและรายละเอียดจําเป็นสําหรับการจองทั่วยุโรป) http://www.sbb.ch/en/home.html - การเดินทางจากสนามบิน Fiumicino ไปสถานี Roma Termini (โรม) http://www.trenitalia.com/cms/v/index.jsp?vgnextoid=dd2aeb82a8fbf310VgnVCM1000008916f90 aRCRD - Roma Pass http://www.romapass.it/?l=en - ตารางรถเมลแและเส฾นทางการเดินรถเมลแในโรม http://www.atac.roma.it/?lingua=ENG - การเดินทางด฾วยรถเมลแในโรม http://www.rometoolkit.com/transport/rome_bus.htm - การเดินทางในเนเปิลสแ http://www.napoliunplugged.com/naples-alibus-airport-shuttle - ตั๋วรถเมลแสําหรับเดินทางในเนเปิลสแและเมืองใกล฾เคียง http://www.unicocampania.it/index.php?lang=en

[5]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

- การเดินทางไปยัง Capri และการเดินทางภายในเกาะ http://www.capri.com/en/getting-here และ http://www.capritourism.com/en/timetable-and-prices - การเดินทางในฟลอเรนซแ http://www.ataf.net/en/ataf.aspx?idC=2&LN=en-US - Siena Mobilita รถบัสไปเซียน฽า ซาน จิมิญาโนและเมืองใกล฾เคียง http://www.sienamobilita.it/EN/index.html - การเดินทางด฾วยเรือเมลแในเวนิส http://www.actv.it/en - การเดินทางในเวโรนา http://www.atv.verona.it/flex/cm/pages/ServeBLOB.php/L/EN/IDPagina/607 - Shuttle bus จากสถานีรถไฟ Milan Centrale ไปสนามบิน Milan Malpensa Airport http://www.malpensashuttle.it/e-index2.php หรือ http://ecomm.autostradale.it/ การจองตั๋วเข๎าชมพิพิธภัณฑ์ตํางๆลํวงหน๎า - Galleria Borghese สามารถใช฾ Roma Pass เข฾าชมฟรี แต฽ต฾องโทรไปจองรอบที่ +39 06 32810 กรณีไม฽ใช฾ Roma Pass สามารถซื้อตั๋วล฽วงหน฾าผ฽านเว็บไซตแ http://www.tosc.it/tickets.html - Vatican Museums http://mv.vatican.va/3_EN/pages/MV_Home.html - พิพิธภัณฑแในฟลอเรนซแ by B-ticket http://www.b-ticket.com/b-ticket/uffizi/default.aspx ถ฾าจะจองรอบ เช฾าให฾โทรไปจองที่ +39055294883 (แต฽ขณะที่เขียนนี้ ก.ย. 2014 ทางเว็บเปิดให฾จองได฾ทุกรอบแล฾ว เพราะฉะนั้นไม฽มีความจําเป็นต฾องโทรไปจอง สามารถซื้อตัว๋ ผ฽านเว็บได฾เลย) - Cenacolo Vinciano (The Last Supper) ในมิลาน http://www.vivaticket.it/index.php?nvpg[evento]&id_evento=298097&wms_op=cenacoloVincian o&SiteVersion=1&change_language=1 แผนที่เมือง-แผนที่ไปที่พัก - แผนที่เมืองสําคัญในอิตาลี รวมทั้งรายละเอียดภายในศาสนสถานและสถานที่ทอ฽ งเที่ยวสําคัญในเมืองต฽างๆ ของ อิตาลี http://www.planetware.com/ - แผนที่เมือง Capri http://www.capri.com/en/getting-here - นอกจากนี้ค฾นหาจาก google map ได฾เลย มีครบทุกที่ ที่พัก - M&J Place Hostel (โรม) http://www.mejplacehostel.com/ - Mercure Napoli Garibaldi (เนเปิลสแ) by Accor Hotel http://www.accorhotels.com/gb/hotel-3243ibis-styles-napoli-garibaldi-ex-mercure/index.shtml - Hostel Archi Rossi (ฟลอเรนซแ) http://www.hostelarchirossi.com/ - Hotel Florida (เวนิส) http://hotel-florida.com/ [6]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

เตรียมตัวก฽อนเดินทาง

- Novo Hotel Rossi (เวโรนา) http://www.novohotelrossi.it/en - ที่พักอืน่ ๆ สามารถหาได฾จาก google map ลองซูมแผนที่ดูรายชื่อที่พกั บริเวณใกล฾สถานีรถไฟ รถไฟใต฾ดินที่ เดินทางสะดวก หรือใกล฾แหล฽งท฽องเที่ยวที่เราต฾องการไป หรือใช฾บริการจากเว็บไซตแ Agoda ควบคู฽ไปกับ google map เงินยูโร แลกเงินยูโรตามที่ต฾องการ ต.ค. 2012 อยู฽ที่ประมาณ 40 บาทต฽อ 1 ยูโร

สารบัญ วันที่ 1: BKK - Rome [8] วันที่ 2: Rome [39] วันที่ 3: Vatican [79] วันที่ 4: Naples - Capri [136] วันที่ 5: Florence [166] วันที่ 6: San Gimignano - Siena [192] วันที่ 7: Pisa - Florence [221] วันที่ 8: Florence - Venice [249] วันที่ 9: Venice - Murano - Burano [274] วันที่ 10: Venice - Verona [303] วันที่ 11: Milan – BKK [334]

[7]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

วันที่ 1: BKK – Rome

[8]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

ทริปอิตาลีนี้เป็นทริปที่วางแผนการเดินทางที่ยาวนานที่สุดร฽วมปี ตั้งแต฽ท฾องน฾องพลับจนน฾องพลับอายุ 8 เดือน แต฽ถึงแม฾จะมีการวางแผนทีย่ าวนาน ทริปนี้กลับเป็นทริปที่พอเดินทางจริงแล฾ว กลับทุลักทุเล ผิดแผนและหลง ทางมากที่สุด เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.15 น. โดยสายการบินสวิสแอรแ ก฽อนเครื่องลงที่ซูริค แอรแโฮสเตส แจกช็อกโกแลตบารแเล็กๆ แบบไม฽อั้นด฾วย อร฽อยดี และกลายเป็นของกินเพิ่มระดับน้ําตาลยามฉุกเฉินได฾ดีมากด฾วย เครื่องถึงซูริคประมาณ 6 โมงเช฾า มีเวลา 1 ชม. 20 นาที ในการต฽อเครือ่ งไปโรม และถึงสนามบิน Fiumicino (อีกชื่อคือสนามบิน Leonardo Da Vinci) ที่โรม 8 โมง 50 นาที ผ฽านตม. (ไม฽เห็นต฾องนั่งรถไฟ sky train ข฾าม terminal ตามที่อ฽านมาเลย แค฽เดินตามปูายบอกก็ถึง baggage claim ให฾สังเกตปูาย baggage claim ดีๆหน฽อย สุดท฾ายก฽อนถึงต฾องชิดขวา จะมีบันไดเลื่อนให฾ลงไป อย฽าเผลอเดินตรงไปจนเจอตม. ขาออกทีเดียวเชียว เราพลาดมาแล฾ว เสียเวลาและเสียหน฾ามาก (แบบว฽าหน฾าบาง :-P) หลังจากรับกระเป฻า ให฾มองหาสัญลักษณแ Train (รูปรถไฟ) เดินตามไปจนเจอสถานีรถไฟของสนามบิน บริเวณทางเข฾าชานชาลา จะมีเคาทแเตอรแขายตัว๋ รถไฟและตั๋วเทีย่ วเมืองโรม (Roma Pass) เราซื้อทั้งตั๋วรถไฟเข฾า เมืองและ Roma Pass ที่นี่ค฽ะ

โปรแกรมวันนี้ หลังจากลงเครื่อง เดินทางสูํตัวเมืองโรม เข๎าที่พัก ฝากกระเป๋า (เย็นๆ คํอยกลับมา เช็คอิน) เราจะเริ่มทํองเทีย่ วโรมโดยเริม่ จากบันไดสเปน (Piazza di Spagna) ตํอด๎วยน้า้ พุเทรวี (Fontana di Trevi) บําย 3 ไปชมงานศิลป์ที่พิพธิ ภัณฑ์บอร์เกเซ (Galleria Borghese) ตกเย็นแวะไป Piazza del

[9]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

Popolo และถ๎ายังไหว เราจะกลับไปที่น้าพุเทรวีอีกครั้ง เพื่อชมบรรยากาศความสวยงามของน้​้าพุและบริเวณ โดยรอบยามค่้าคืน ว฽าแล฾วก็ต฾องหาทางเข฾าตัวเมืองโรมให฾ได฾ก฽อนค฽ะ การเดินทางจากสนามบินเข๎าตัวเมืองโรม ทําได฾หลายวิธีดังนี้ (ข้อมูลจาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี และ trenitalia.com) 1. รถไฟดํวน Leonardo express 14 EUR ตรงจากสนามบิน Fiumicino สู฽สถานีรถไฟแตรแมินี (Roma Termini) แบบ non-stop - ใช฾เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที และมีขบวนรถออกทุก 30 นาทีเช฽นกัน - ตั๋วมีอายุ 90 นาทีหลังจากนําตั๋วไป validate ที่เครื่องก฽อนขึ้นรถไฟ โดยเครื่อง validate จะอยู฽ที่หน฾าชาน ชาลาและตามเสาต฽างๆ ภายในสถานี เครื่อง validate ตั๋วรถไฟในอิตาลีเท฽าที่เห็นมี 2 รุ฽น คือรุ฽นเก฽าสีเหลือง และรุ฽นใหม฽สีเขียว การ validate ให฾นําตั๋วเสียบเข฾าช฽องที่กาํ หนด โดยให฾ชิดขอบตั๋วกับทางซ฾ายของช฽องเสียบ - รถไฟออกตลอดทั้งปี การันตีแม฾ในยามเกิดการประท฾วงหยุดเดินรถ - ถ฾ามาจากสถานี Termini รถไฟจะออกจาก platform 23/24 - สามารถซื้อตั๋วผ฽านเว็บไซตแ trenitalia ซื้อผ฽านเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ บริษัทท฽องเที่ยวและเคาทแเตอรแขายตัว๋ ที่ เป็นตัวแทนจําหน฽าย 2. รถไฟสาย FR1 เป็นรถไฟสายธรรมดา ราคา 8-11 EUR ขึ้นกับระยะทาง ผ฽านสถานีใหญ฽อย฽าง Trastevere, Ostiense, Tascolana หรือ Tiburtina แต฽ไม฽ผ฽านสถานี Termini ต฾องต฽อรถไฟบนดินหรือใต฾ดินจากสถานีอื่น มาที่ Termini อีกที รถไฟออกจากสนามบินทุก 15 นาที ใช฾เวลาเดินทางถึงใจกลางกรุงโรมประมาณ 45 นาที 3. Shuttle bus 8 EUR จากสนามบินไปยัง Piazza Cavour ใกล฾กรุงวาติกัน และไปยังสถานี Termini ใช฾เวลา เดินทางประมาณ 50 นาที 4. แท็กซี่ ค฽าโดยสารจากสนามบินสู฽ใจกลางกรุงโรมประมาณ 50 EUR แน฽นอนว฽าเราเลือกการเดินทางแบบที่ 1 ซึ่งสะดวกและราคาเป็นมิตรมากที่สดุ นอกจากซื้อตั๋วรถไฟเพือ่ เดินทางจากสนามบินเข฾าตัวเมืองแล฾ว เรายังซื้อตั๋วสําหรับเดินทางในกรุงโรม โดยคํานวณแล฾วว฽าระยะเวลาที่อยู฽ใน โรม 3 วัน 3 คืน (72 ชม.) นั้น การซื้อ Roma Pass นั้นคุ฾มค฽าที่สุด การเดินทางในโรม (ข้อมูลจาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี และ rometoolkit.com) ระบบขนส฽งสาธารณะในโรมนั้นถูกรวมเข฾าด฾วยกันทั้งหมด ตัว๋ ใบเดียวครอบคลุมการใช฾ขนส฽งสาธารณะทุก ประเภทได฾แก฽ รถไฟใต฾ดิน รถเมลแ และรถราง ดําเนินการโดย atac http://www.atac.roma.it/page.asp?p=18 สามารถเข฾าไปดาวนแโหลดแผนทีก่ ารเดินรถทุกประเภท รวมทั้งค฾นหาข฾อมูลตารางเวลาเดินรถ สายรถและวาง แผนการเดินทางได฾ที่นี่ เว็บไซตแเป็นภาษาอิตาเลียน ถึงแม฾จะมีภาษาอังกฤษให฾เลือก แต฽ดูเหมือนว฽ายังทําไม฽สมบูรณแ ให฾ใช฾ google translate ช฽วยแปลทั้งหน฾าเว็บได฾เลยค฽ะ [10]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

1. รถไฟใต๎ดิน (Metro) – มีเพียง 2 สายคือ Metro A และ Metro B โดยมีสถานีเชื่อมต฽อกันที่สถานี Termini โดยสายที่ 3 Metro C อยู฽ระหว฽างก฽อสร฾าง สาเหตุหลักที่ทาํ ให฾รถไฟใต฾ดินในโรมมีจํานวนสายน฾อย ซึ่งไม฽ ครอบคลุมสถานที่ต฽างๆเท฽าที่ควร เนื่องจากข฾อจํากัดในการก฽อสร฾างที่กรุงโรมนัน้ เต็มไปด฾วยโบราณสถานเก฽าแก฽ อันทรงคุณค฽ามากมาย นอกจากเส฾นทางของรถไฟใต฾ดินจะไม฽ค฽อยครอบคลุมแล฾ว ข฾อเสียอีกอย฽างรถไฟใต฾ดินใน โรมก็คือความสกปรกและเปรอะเปื้อนไปด฾วยศิลปะ graffiti แต฽ข฾อได฾เปรียบเรื่องเวลาเดินทางที่รวดเร็วก็ทําให฾ การโดยสารด฾วยรถไฟใต฾ดินเป็นทางเลือกที่น฽าสนใจ รถไฟใต฾ดินเปิดให฾บริการตั้งแต฽ 05.30 – 23.30 น. รถไฟมา ทุก 4-10 นาที สัญลักษณแของสถานี Metro คือตัว M ตัวใหญ฽สีขาวบนพื้นสีเหลี่ยมสีแดง 2. รถเมล์ (Autobus) – มีมากมายหลายสาย วิ่งให฾บริการตั้งแต฽ 05.30 น. ถึงเที่ยงคืนทุกวัน รถเมลแสายสําคัญที่ เป็นที่นิยมสําหรับนักท฽องเที่ยวคือ - สาย 40 Termini - Piazza Venezia - Argentina - Piazza Pia (for St Peter's/Vatican) - สาย 64 Termini - Piazza Venezia - Argentina - Vatican - สาย 62 Repubblica - Spanish Steps - Piazza Venezia - Argentina – Vatican - สาย 81 Vatican Museums - Piazza Imperatore (Spanish Steps) - Piazza Colonna (Trevi Fountain) - Piazza Venezia - Circo Massimo – Colosseum - สาย 60 Repubblica - Piazza Venezia - Colosseum - Circo Massimo - สาย H Termini - Piazza Venezia - Argentina – Trastevere - สาย 27 Termini – Colosseum - สาย 3 และ 910 Termini – Galleria Borghese สามารถค฾นหาสายรถเมลแตามเส฾นทางที่เราต฾องการพร฾อมทั้งดาวนแโหลดแผนที่การเดินรถเมลแได฾จากเว็บไซตแ atac เลยค฽ะ ละเอียด ครบถ฾วนทุกความต฾องการ 3. รถราง (Rete Tranviaria) – สายสําคัญคือสาย 9 Argentina – Trastevere 4. รถบัสน้าเที่ยว (Sightseeing bus) – มีหลายบริษัทให฾เลือก ส฽วนใหญ฽ออกจากหน฾าสถานี Termini และมีจุด จอดรถอยู฽ตามสถานที่ท฽องเที่ยวต฽างๆ ซื้อตั๋วครั้งเดียวสามารถขึ้นลงได฾ตลอดทั้งวัน รถมาทุก 15-30 นาที ตัว๋ แบบ 1 วัน ราคา 15-20 EUR แบบ 2 วัน ราคา 30-40 EUR

[11]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

แผนที่การเดินรถไฟบนดินและใต๎ดินในโรม พร๎อมจุดเชื่อมตํอกับขนสํงสาธารณะอื่นๆ (Credit: http://www.rome-roma.net/)

ประเภทตั๋วโดยสาร 1. B.I.T. Standard ticket 1.5 EUR – สําหรับขึ้นเมโทร 1 ครั้ง หรือขึ้นรถเมลแ/รถรางภายใน 75 นาที 2. B.I.G. Daily ticket 6 EUR – ตั๋ววัน ขึน้ เมโทร รถไฟ รถรางได฾ไม฽จํากัดจํานวนครั้งภายใน 1 วัน 3. B.T.I. 3-day tourist ticket 16.5 EUR – ตั๋ว 3 วัน ขึ้นเมโทร รถไฟ รถรางได฾ไม฽จํากัดจํานวนครั้งเช฽นกัน 4. C.I.S. weekly ticket 24 EUR – ตั๋วสัปดาหแ หมายเหตุ: โดยสารฟรีสําหรับเด็กอายุตา่ํ กว฽า 10 ปี

[12]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

การซื้อตั๋ว ต฾องทําการซื้อตั๋วก฽อนขึ้นรถ โดยสามารถหาซื้อได฾ที่ร฾านขายของชํา/แผงขายหนังสือพิมพแ (Tabacchi) เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานีเมโทรหรือปูายรถเมลแใหญ฽ๆ หากจําเป็น สามารถซื้อได฾บนรถเมลแ/รถราง แต฽ราคาน฽าจะสูงกว฽าซื้อก฽อนขึ้นรถ (ไม฽แน฽ใจ) โดยก฽อนขึ้นรถทุกประเภทในครั้งแรกที่เริ่มใช฾ตั๋ว ต฾องทําการ validate ก฽อน ถ฾าขึ้นเมโทร ก็จะมีช฽องกั้นให฾ประทับ/สอดบัตรก฽อนเข฾าชานชาลา ถ฾าขึ้นรถเมลแ/รถราง ให฾ validate ตั๋วบนรถ จะมีเครื่องตั้งอยู฽ที่เสารถ Roma Pass โรมา พาส (Roma Pass) เป็นบัตรที่เหมาะสําหรับนักท฽องเที่ยวที่ มีเวลาอยู฽ในโรมหลายวันหน฽อย เช฽น 3 วัน โดยให฾สิทธิประโยชนแแก฽ผู฾ถือ บัตรดังนี้  เข฾าชมพิพิธภัณฑแ/โบราณสถานตามรายชื่อที่กําหนดได฾ฟรี 2 แหํง (ที่ นิยมก็คือ Galleria Borghese และ Colosseum) และได฾ส฽วนลดเมื่อ เข฾าชมพิพิธภัณฑแแห฽งที่ 3 เป็นต฾นไป  ใช฾ระบบขนส฽งสาธารณะทุกประเภทในโรมฟรี ไม฽จํากัดจํานวนครั้ง ทั้งนี้ ไม฽รวมถึงรถไฟขบวนพิเศษที่เชื่อม ต฽อไปยังสนามบินในโรมทุกแห฽ง (รวมทัง้ Leonardo express ที่เราขึ้นจากสนามบิน Fiumicino มายังสถานี รถไฟ Termini ด฾วย)  ได฾รับส฽วนลดเมื่อเข฾าชมนิทรรศการต฽างๆ ตามที่ระบุ ทั้งนี้ Roma Pass สามารถใช฾ได฾ภายใน 3 วันนับจากวันที่เริ่ม validate บัตรครั้งแรกไม฽ว฽าจะจากการเข฾า ชมพิพิธภัณฑแหรือการ validate เมื่อใช฾ระบบขนส฽งสาธารณะ ก฽อนการใช฾บัตรให฾เขียนชื่อ นามสกุลและวันที่เริ่มใช฾ บัตรที่ด฾านหลังบัตรให฾เรียบร฾อย เมื่อปี 2012 ที่เราซื้อ ราคาใบละ 30 EUR แต฽ต.ค. 2014 ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 36 EUR ปัจจุบัน Roma Pass เพิ่มประเภทบัตรใหม฽ Roma Pass 48 hours ในราคา 28 EUR แตกต฽างกับ Roma Pass ก็คือ สามารถเข฾าชมพิพธิ ภัณฑแฟรีได฾เพียง 1 แห฽ง และบัตรใช฾ได฾ภายใน 48 ชม. หลังจาก validate Roma Pass สามารถหาซื้อออนไลนแหรือที่ศูนยแข฾อมูลนักท฽องเที่ยว (Tourist Information Points) ที่ สนามบินและสถานีรถไฟใหญ฽ๆ อ฽านรายละเอียดเพิ่มเติมได฾ที่เว็บไซตแ http://www.romapass.it/p.aspx?l=en&tid=8

[13]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

แผนที่ตัวเมืองโรม (Credit: www.mapaplan.com)

[14]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

แผนที่ตัวเมืองโรม (Credit: www.mapaplan.com)

[15]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

ที่พักในโรมของเราคือ M&J Place Hostel http://www.mejplacehostel.com/ ห฾อง double room ห฾องน้ําในตัว ไม฽รวมอาหารเช฾า ราคาคืนละ 100 EUR บวก tax คนละ 2 EUR รวม 104 EUR (เป็นไง ราคาโหด สะใจดีไหม นี่ถูกและดีและสะดวกที่สุดในย฽านนี้แล฾วนะ ย฾อนกลับไปดูราคาทีพ่ กั ที่ปรากเมื่อทริปก฽อน คืนละ 24.9 EUR เอิ่มมม นอนได฾ 4 คืน) เมื่อรถไฟ Leonardo express พาเรามาเทียบท฽าที่ชานชาลาของสถานีรถไฟ Termini ให฾เดินออกมาทาง Via Marsala (Via แปลว฽าถนน) ที่ทางออกสถานีจะมีปาู ย Roma Termini ตัวใหญ฽มาก เลี้ยว ซ฾าย เดินตรงไปเรื่อยๆจนเจอ 4 แยก ให฾เลี้ยวขวา เดินตรงไปอีกนิด จะเจอที่พกั เดินขึ้นไปเช็คอินที่ชั้น 2 ที่พักเรา อยู฽ชั้น 3 มีคอมพิวเตอรแและอินเตอรแเน็ตให฾ใช฾ในห฾อง WIFI มีเฉพาะแถวๆ reception ที่ชั้น 2 อาหารเช฾าถ฾าจะกิน ต฾องซื้อคูปอง 3 EUR ลงไปกินที่ร฾านอาหารที่อยู฽ติดกันกับโฮสเทล นี่คือสิ่งที่พนักงานที่ reception บอกเรา

แผนที่ M&J Place Hostel

อากาศที่อิตาลีช฽วงกลางเดือนตุลาคมนี้เย็นสบาย และถือว฽าอบอุ฽นมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆใน ยุโรปกลางหรือยุโรปตะวันออกที่เราเคยไปเที่ยวมาในช฽วงเวลาเดียวกัน เนื่องจากประเทศอิตาลีอยู฽ทางใต฾มากกว฽า ตอนเช฾าอากาศค฽อนข฾างหนาว ลมแรง แต฽พอสายๆ แดดเริ่มออก อากาศก็กลายเป็นเย็นสบายและอุ฽นขึ้นเรื่อยๆเมื่อ ใกล฾เที่ยง ก฽อนที่อากาศจะกลับมาเย็นอีกครั้งเมื่อดวงอาทิตยแเริ่มคล฾อยลงจนหนาวอีกครั้งในยามค่ําคืน

[16]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

แผนที่สถานที่ทํองเที่ยวส้าคัญในโรม (Credit: www.mappery.com)

เนื่องจากยังไม฽ถึงเวลาเช็คอิน เราจึงฝากกระเป฻าไว฾ใน locker room ก฽อน แล฾วเดินกลับไปยังสถานี Termini เพื่อขึ้นเมโทรไปสถานที่เที่ยวแห฽งแรกในโรมของเรานั่นคือ บันไดสเปน (Piazza di Spagna) จาก สถานี Termini ให฾นั่งเมโทร A (ปลายทาง Battistini) ไปลงสถานี Spagna (3 ปูาย 7 นาที) เดินตามปูายบอกทาง ไปบันไดสเปน เมื่อถึงทางออกใต฾ดินก็จะไปโผล฽เจอบันไดสเปนอยู฽ทางซ฾ายมือ ผู฾คนมากมายยืนอยู฽ทั่วบริเวณจัตุรัสบันไดสเปนเต็มไปหมด ที่มาของชื่อบันไดสเปนมาจากสถานทูตสเปน ประจํากรุงวาติกัน ที่ตั้งอยู฽ทางด฾านทิศใต฾ของ Palazzo di Spagna สิ่งที่น฽าสนใจบริเวณนี้คืออ฽างน้ําพุบารแคัสเซีย (Fontana Della Baecaccia) มีรูปร฽างคล฾ายเรือกําลังรั่ว โดยมีน้ําพุ฽งออกจากตรงกลางอ฽างลงไปสู฽อ฽างน้ําข฾างล฽างอีก ที อ฽างน้ําพุบารแคัสเซียเป็นผลงานออกแบบโดยปิเอโตร แบรแนินี บิดาของแบรแนินี เหนือบันไดขึ้นไปมีเสาโอเบลิสกแ [17]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

ชัลลัชเชียน (Sallustian) ตั้งโดดเด฽นอยู฽ตรงกลาง ด฾านหลังบันไดและเสาโอเบลิสกแคือโบสถแตรินิตะ เด มอนติ สําหรับตัวบันไดสเปนนั้นเป็นศิลปะแบบรอกโคโค ออกแบบโดย ฟรานเชสโก เด ซันติส สร฾างขึ้นเมื่อค.ศ. 1723 – 1726 ถวายแด฽พระเจ฾าหลุยสแที่ 15 (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี)

[18]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

อํางน้​้าพุบาร์คัสเซีย (Fonta Della Baecaccia)

ภารกิจรักษาปริมาณน้​้านมให๎น๎องพลับ

บรรยากาศบนถนน Via Condotti [19]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

เรานั่งปฏิบัติภารกิจรักษาปริมาณน้ํานมให฾น฾องพลับ คือการนั่งปั๊มนมทิ้ง (ฮือๆ เสียดายจริง >_<) ที่บน ขั้นบันไดสเปนนี่ล฽ะ ระหว฽างปั๊มก็มองไปรอบๆ มีพวกคนหน฾าแขกๆ เอเชียใต฾ไม฽ก็ตะวันออกกลางมาขายดอกไม฾ โดย ทําทีเป็นยื่นดอกไม฾ให฾ฟรี แต฽จริงๆ จะขายนั่นแหละ (และจะพบคนพวกนี้ได฾อีกมากมายตามเมืองใหญ฽ๆในอิตาลี) แล฾วก็มีพวกมาขายก฾อนยางกลมๆ สีต฽างๆ ที่พอปาลงพื้นแล฾วเปลี่ยนรูปได฾ (เหมือนในหนังเรื่อง Flubber ดึ๋งๆ ที่โร บิน วิลเลียมสแเล฽น) ถนนด฾านหน฾าบันไดสเปนคือ Via Condotti แหล฽งรวมแฟชั่นสุดหรูในโรม เราเดินเล฽นบนถนนนี้สักพัก ก็ เดินต฽อไปยังน้ําพุเทรวี (Fontana di Trevi) ต฽อ ซึ่งที่นั่น..... ผู฾คนล฾นหลามมากมายยิ่งกว฽า

Route to go: Piazza di Spagna to Fontana di Trevi

วันที่เราไปนั้นมีการปิดซ฽อมแซมบางส฽วน ทําให฾ถ฽ายรูปได฾ไม฽สวยงามเท฽าไหร฽ และถึงจะไม฽ปิดซ฽อมแซม การ จะถ฽ายรูปน้ําพุเทรวีให฾สวยงามด฾วยฝีมือการถ฽ายภาพแบบบ฾านๆ ของเรานั้นก็ไม฽ใช฽เรื่องง฽ายเลย เมื่อนักท฽องเที่ยวล฾าน แปด ทั้ง backpacker ทัวรแจีน ทัวรแหรัง่ แพ็คตัวกันอยู฽เต็มสถานที่ไปหมด น้​้าพุเทรวี (Fontana di Trevi) ได฾ ชื่อมาจากสาวพรหมจรรยแชอื่ ทริเวีย (Trivia) ผู฾พาทหารโรมันไปพบตาน้าํ ธรรมชาตินอกกรุงโรมเมื่อ 19 ปีก฽อน คริสตกาล ทําให฾จักรพรรดิออกัสตัส สั่งให฾สร฾างสะพานส฽งน้ําชื่ออักควาแวรแจีเนเข฾ามายังกรุงโรมจนถึงปัจจุบัน ความ สวยงามของน้ําพุเทรวีอยู฽ทปี่ ระติมากรรมหินอ฽อนที่เป็นฉากหลังอันอลังการ ตรงกลางเป็นรูปเทพเจ฾าเนปจูน มีเทพ [20]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

ไตรตันกําลังปราบม฾าพยศอยู฽ 2 ข฾างด฾านหน฾า ส฽วนด฾านหลังเทพเจ฾าเนปจูน ด฾านขวาคือจักรพรรดิออกัสตัส ด฾านซ฾าย คือสาวพรหมจรรยแทริเวีย (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) และเพือ่ ให฾สอดคล฾องกับที่มาของรูปปั้นบอก เรื่องราวที่น้ําพุเทรวี ด฾านข฾างกําแพงมีน้ําพุเล็กๆ ซึ่งเป็นน้ําที่ต฽อมาจากท฽อประปาของทางการอิตาลี สามารถรองดื่ม ได฾ หากใครกําลังหาน้าํ ดื่มฟรีในอิตาลี ถ฾ามาถึงน้ําพุเทรวีแล฾วก็เชิญรองใส฽ขวดเก็บไว฾ได฾เลย

[21]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

นักท฽องเที่ยวที่มาเยือนน้ําพุเทรวี นอกจากจะมาถ฽ายรูปสวยๆแล฾ว ส฽วนใหญ฽กย็ งั นิยมหัวหลังโยนเหรียญลง น้ําพุด฾วย เนื่องจากมีความเชื่อว฽าหากใครหันหลังแล฾วโยนเหรียญลงน้ําพุ จะได฾กลับมาเยือนที่นี่อกี ครั้ง... ความเชื่อนี้ ดีแฮะ ทางการกรุงโรมรวยเละจากการเก็บเหรียญที่โยนลงมา นักท฽องเที่ยวล฾านแปดซะขนาดนี้ กินนิ่มๆ กินยาวๆ

บรรยากาศร๎านอาหารรอบๆน้​้าพุเทรวี [22]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

รอบๆ น้ําพุเทรวีจะมาร฾านอาหารเรียงรายอยู฽มากมาย ทั้งแบบ restaurant (ristorante) เต็มรูปแบบ กับ ร฾านที่ขายอาหารพวกพิซซ฽าสําเร็จรูปที่ทาํ ไว฾แล฾ว แล฾วตัดเป็นชิ้น 4 เหลี่ยม เห็นบรรยากาศผู฾คนนั่งกินอาหารที่ ร฾านอาหารต฽างๆ แล฾วเพลินมากๆ บรรยากาศเอาทแดอรแ เย็นๆ ชิลๆ กับน้ําพุและประติมากรรมอลังการ ฟินสุดๆ แต฽ เราเลือกที่จะกินไอศกรีมเจลาโต฾แทน 55+ เอ฿ะ ยังไง! จริงๆ แค฽ไม฽ต฾องการเสียเวลานั่งทางอาหารหนักๆ แค฽นั้น ออกจากน้ําพุเทรวี เราเดินไปขึ้นรถเมลแเพื่อไปยังจุดหมายต฽อไปคือพิพิธภัณฑแบอรแเกเซ (Galleria Borghese) เนื่องจากน้ําพุเทรวีกบั Galleria Borghese อยู฽ห฽างกันเกือบ 2 กม. เดินไปใช฾เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ถ฾าจะขึ้นรถ ต฾องเดินไปขึ้นรถเมลแสาย 116 ที่ Via del Tritone ใช฾เวลา 20 กว฽านาทีกว฽าจะถึง Galleria Borghese เช฽นกัน เนื่องจากใช฾เวลาเดินทางไม฽ต฽างกันเท฽าไหร฽ เราจึงเลือกที่จะประหยัดพลังงาน ถนอมกําลังขาไว฾สําหรับการ เดินทางที่เหลือ เราจึงเลือกเดินไปขึ้นรถเมลแดีกว฽า จากน้าํ พุเทรวี ถนนที่เรายืนอยูแ฽ ล฾วหันหน฾าเข฾าน้าํ พุ คือถนน Piazza de Trevi เส฾นทางใกล฾ที่สุดที่จะเดินไปปูายรถเมลแคือให฾เดินไปทางขวาของน้ําพุ ซึ่งคือ Via della Stamperia เดินตรงไปจนสุดจะเจอ Via del Tritone แล฾วขวาเดินตรงไปจะเจอปูายรถเมลแ Tritone – Fontana de Trevi ให฾รอขึ้นรถเมลแสาย 116 ที่ปูายนี้ แต฽จาํ ได฾ว฽าวันนั้นเราเบลอๆ งงๆ กับเส฾นทาง เลยไปเดินอ฾อมอีกทางไกล กว฽ามาก คือแทนที่จาก Piazza de Trevi จะต฾องเลี้ยวซ฾ายเข฾า Via della Stamperia เรากลับเดินตรงไปเข฾า Via del Lavatore ผ฽าน Via in Arcione จนสุดแล฾วเลี้ยวซ฾ายเข฾า Via del Traforo ตรงไปจนเจอสี่แยก เลี้ยวขวาเข฾า Via del Tritone แล฾วเดินตรงไปรอรถที่ปูาย Tritone – Barberini ซึ่งไกลกว฽าเส฾นทางแรกอีกเท฽าตัว ลองดูแผนที่ ใน google แล฾วจะเข฾าใจว฽ามันช฽างอ฾อมเหลือเกิน (นี่ไง! ความเบ฿อะและหลงทางตลอดทริปอิตาลี นี่แค฽วันแรกนะ) Tritone-Barberini

Tritone-Fontana di Trevi Tritone-Fontana di Trevi

แผนที่จากน้​้าพุเทรวี่ไปยังป้ายรถเมล์สาย 116 [23]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

รถเมลแสาย 116 ปลายทาง Porto Pinciana พาเราเข฾าสู฽ Villa Borghese ให฾ลงที่ปูาย Cavalli Marini (Museo Borghese) ซึ่งเป็นหน฾าทางเข฾าพิพิธภัณฑแ รถจะขับวนย฾อนกลับที่ปูายนี้ แต฽จะไปสุดสายที่ปูาย Porta Pinciana ที่ อยู฽บนถนนใหญ฽หลังออกจากตัว villa มาแล฾ว

Cavalli Marini (Museo Borghese) Porta Pinciana

แผนที่เส๎นทางเดินรถเมล์สาย 116 (ผําน Galleria Borghese)

[24]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

เส๎นทางสูํพิพิธภัณฑ์บอร์เกเซ (Galleria Borghese)

ด๎านหน๎าพิพิธภัณฑ์บอร์เกเซ [25]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

พิพิธภัณฑ์บอร์เกเซ (Galleria Borghese) ตั้งอยู฽ในสวนของวิลล฽าบอรแเกเซ (Villa Borghese) ซึ่ง เป็นสวนสาธารณะทีก่ ว฾างใหญ฽ที่สุดในโรม แต฽เดิมเป็นที่พักและสถานที่เก็บสะสมผลงานศิลปะที่ชื่นชอบของพระคารแ ดินัลบอรแเกเซ ซึ่งหลายชิ้นเป็นมรดกตกทอดมาจากพระสันตะปาปาปอลที่ 5 ผู฾เป็นลุง ผลงานชิ้นสําคัญ 10 ชิ้นที่เก็บ สะสมที่พิพิธภัณฑแบอรแเกเซมีดังนี้ (ข้อมูลจากหนังสือ 10 Masterpieces, The Borghese Gallery หนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยว อิตาลี หนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม หนังสือโรมันรัญจวน และเว็บไซต์ Galleria Borghese ภาพจากวิกิพเี ดีย)

1. Pauline Bonaparte as Venus Victrix (Venus Victorious), ค.ศ. 1805-1808 ของแอนโทนีโอ คาโน วา (Antonio Canova) (ห฾อง 1) – รูปแกะสลักหินอ฽อนที่กลายเป็นสัญลักษณแของพิพิธภัณฑแบอรแเกเซ สร฾างสรรคแโดยศิลปินมือเอกในยุคนั้น โด฽งดังเนื่องจากนางแบบคือน฾องสาวนโปเลียนซึ่งแต฽งงานกับ Camillo Borghese เจ฾าของวิลล฽า เธอเป็นแบบเปลือยกายท฽อนบนโพสท฽าเลียนแบบเทพธิดาวีนัส เทพแห฽งความงาม ให฾ สังเกตที่เงาของผ฾าคลุมและรอยย฽นของเตียง ละเอียดอ฽อนสมจริงมาก

Pauline Bonaparte as Venus Victrix

2. David, ค.ศ. 1623-1624 ของแบรแนินี (Gian Lorenzo Bernini) (ห฾อง 2) แบรแนินีในวัย 25 ปี ใช฾เวลาเพียง 7 เดือนในการแกะสลักรูปปั้นนี้ บอกเล฽า เรื่องราวการต฽อสู฾กับเดวิดกับยักษแโกไลแอธด฾วยก฾อนหินและเชือกสลิง แบรแ นินีสร฾างสรรคแรูปแกะสลักให฾เห็นถึงความแข็งแรงของกล฾ามเนื้อของเดวิด และสีหน฾าความมุ฽งมั่นบนใบหน฾า ที่เท฾าของเดวิดเหยียบพิณซึ่งเดวิดใช฾ บรรเลงหลังได฾รับชัยชนะ ส฽วนนกอินทรีที่ตกแต฽งอยู฽ที่ปลายด฾านหนึ่งของ พิณเป็นตราประจําตระกูลบอรแเกเซ 3. Apollo and Daphne, ค.ศ. 1622-1625 ของแบรแนินี (ห฾อง 3) เป็น ประติมากรรมชิ้นสุดท฾ายใน 4 กลุ฽มประติมากรรมที่คารแนิดัลบอรแเกเซ รับมาสะสม และเป็นผลงานชิ้นเอกที่นา฽ อัศจรรยแใจเป็นอย฽างนิ่ง สามารถ ทําให฾ผู฾ที่มองเห็นนั้นหลงใหลไปกับมันได฾ รูปแกะสลักบอกเล฽าเรื่องราวของ

David [26]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

เทพอพอลโลที่ถกู ศรของคิวปิดจนทําให฾ตกหลุมรักนางไม฾ดาฟเน ในขณะที่ดาฟเนกลับถูกศรแห฽งความเกลียดชัง บังคับให฾เธอต฾องหนีอพอลโลเพือ่ รักษาพรหมจรรยแไว฾ แต฽ทา฾ ยสุด เมื่ออพอลโลหาเธอเจอและกํา ลังคว฾าตัวเธอไว฾ ดาฟเนจึงกลายร฽างเป็นต฾นไม฾ แบรแนินีเนรมิตหินอ฽อน Carrara ให฾สมจริงดังตํานาน ลําตัวของดาฟเนกลายเป็น เปลือกของต฾นไม฾ ผมของเธอกลายเป็นใบไม฾ และเท฾ากลายเป็นราก แขนซ฾ายของอพอลโลที่เอื้อมไปจับตัวของ ดาฟเนไว฾ สามารถสัมผัสได฾ถึงจังหวะการเต฾นของหัวใจของดาฟเน ภายใต฾ร฽างกายทีก่ ลายเป็นเปลือกของต฾นไม฾ นั้น... เมื่อเราได฾เห็นรูปแกะสลักจริงแล฾วรู฾สึกทึ่งมากกับความสมจริงและความใส฽ใจในรายละเอียดการปั้น งดงามอ฽อนช฾อยมากๆ ชอบมากๆ ผลงานนี้

Apollo and Daphne

The Rape of Proserpine

4. The Rape of Proserpine (Pluto and Proserpine), ค.ศ. 1621-1622 ของแบรแนินี (ห฾อง 4) อีกผลงาน อันโดดเด฽นของแบรแนินี เรื่องราวของเพอรแเซฟโฟเน (โพรเซพีน) ลูกสาวของเทพเจ฾าซุส ราชาแห฽งทวยเทพแห฽ง ยอดเขาโอลิมปัสกับดีมิเทอรแ (ซีรีส) ขณะกําลังถูกล฽อลวงโดยเฮดีส (พลูโต) เทพแห฽งยมโลกผู฾เป็นอาแท฾ๆ ของ เธอเอง ขณะที่เพอรแเซฟโพเนกําลังเก็บดอกไม฾กับเพื่อน เฮดีสผ฽านมาเห็นเข฾า เกิดหลงใหลอยากได฾เธอไปอยู฽ดว฾ ย จึงฉุดคร฽าเธอ รูปแกะสลักชิ้นนี้ของแบรแนินี โดดเด฽นและกลายเป็นเป็นผลงานชิน้ เอกเนื่องจากความสมจริงของ แรงมือกดของเฮดีสที่กดลงบนต฾นขาของเพอรแเซฟโพเนเสมือนมีชีวิตจริง แบรแนินีเปลี่ยนหินอ฽อนให฾กลายเป็น ผิวหนัง กล฾ามเนื้อ เส฾นผม เสื้อผ฾า ใบไม฾และแม฾เพียงเส฾นขนเล็กๆ ของ Cerberus หมา 3 หัวที่เป็นยามเฝูาปาก ประตูยมโลก ให฾เสมือนจริง นอกจากนี้ ถ฾าเดินดูรอบๆ รูปปั้น จะเห็นได฾ว฽าใบหน฾าของเพอรแเซฟโพเนนั้น อาบไป ด฾วยน้ําตา... รูปแกะสลักนีก้ ็สุดยอดอีกแล฾วท฽านแบรแนินี ให฾ความรู฾สึกว฽าเพอรแเซฟโฟเนนั้นมีชีวิตจริงๆ และเนื้อ นางนั้นนุ฽มจริงๆ 5. Boy with a Fruit Basket, ค.ศ. 1593-1595 ของคาราวัจโจ (Caravaggio) (ห฾อง 8) – ภาพสีน้ํามัน รูป เด็กชายสวมเสื้อสีขาวเปิดไหล฽ (เอ฿ะ! ยังไง) ในมืออุ฾มตะกร฾าผลไม฾อยู฽ ผู฾ชมจะเพ฽งมองใบหน฾าของเด็กหนุ฽มแล฾ว [27]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

เลื่อนสายตาอย฽างรวดเร็วมาหยุดอยู฽ที่ตะกร฾าผลไม฾แทน ผลงานเช฽นนี้เรียกว฽า natura morta (still life) คือการ วาดภาพสิ่งของในธรรมชาติ สิ่งไม฽มีชีวติ ที่ไม฽มีการเคลื่อนไหว ดังเช฽นในภาพวาดนี้ คาราวัจโจวาดภาพผลไม฾ หลากหลายชนิดในตระกร฾า ซึ่งผลไม฾ทุกชนิด ทุกลูก รวมทั้งส฽วนประกอบข฾างเคียงคือใบไม฾ ตะกร฾าหวายนั้น ทั้งหมดถูกวาดขึ้นอย฽างสมจริง ทั้งสีผิวของผลไม฾ ความสุกงอม ถูกต฾องตามสัดส฽วนและตามธรรมชาติของสิ่งของ นั้นๆ ภาพวาด still life ยังแสดงถึงผลสะท฾อนแห฽งความไม฽จีรังบนโลกมนุษยแ ที่ถึงแม฾จะถึงจุดที่รุ฽งเรืองที่สุดแต฽ ก็ไม฽สามารถปกปิดการเริ่มต฾นแห฽งการเสื่อมสลายได฾ ดังเช฽นจะเห็นใบองุ฽นแห฾งๆ โผล฽ออกมาจากตะกร฾า มีนกั วิจารณแหลายคนให฾ความเห็นแก฽ภาพนี้แตกต฽างกันไป บางกลุ฽มพูดถึงตัวของเด็กชาย ว฽าเป็นชายหรือเป็นหญิง กันแน฽ ใบหน฾าของเด็กชายนั้นดูปลุกเร฾าอารมณแและเหมือนผูห฾ ญิงเหลือเกิน และจากนัยนแตาอันชวนฝัน แสดง ให฾เห็นว฽าผู฾วาดภาพนั้นต฾องตกหลุมรักผู฾เป็นแบบเป็นแน฽แท฾ (นั่นไงล฽ะ... ว฽าแล฾ว)

Boy with a Fruit Basket

6. Madonna of the Palafrenieri, ค.ศ. 1605-1606 ของคาราวัจโจ (ห฾อง 8) – แรกเริ่มภาพนี้เป็นฉากหลัง แท฽นบูชาในมหาวิหารเซนตแปีเตอรแในกรุงวาติกัน ไม฽กี่วันต฽อมาก็ถกู ย฾ายไปวางยังโบสถแเซนตแแอนนแ (ซึ่งเป็นที่พัก ของคณะผู฾รับใช฾องคแพระสันตปาปา ภาษาอิตาลีเรียกว฽า Palafrenieri) จากนั้นประมาณ 1 เดือนจึงถูกขายให฾แก฽พระคารแ ดินัลบอรแเกเซ เนื่องด฾วยทางคณะผู฾รับใช฾องคแพระสันตปาปาเห็นว฽า ภาพนี้ดูไม฽เหมาะสมและขัดต฽อขนบการวาดภาพเกีย่ วกับ คริสตศาสนา (ซึ่งนั่นคือจุดเด฽นของคาราวัจโจ ศิลปินขบถแห฽งยุค ศาสนจักรทั้งชื่นชอบและไม฽ปลื้มคาราวัจโจในเวลาเดียวกัน) ภาพวาดแสดงเรื่องราวของบุคคล 3 คนที่กําลังเผชิญกับสิ่งอันตราย อยู฽เบื้องหน฾า คนแรกคือเซนตแแอนนแ ในวัยและชุดที่ดูเป็นคนละยุค กับบุคคลอื่นในภาพ ดูแปลกแยกตัวคนเดียวและมีท฽าทางเรียบเฉย เหมือนกําลังสวดมนตแ ข฾างกันเป็นพระแม฽มาเรีย (เปรียบเสมือน Madonna of the Palafrenieri [28]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

ตัวแทนของโบสถแ ตัวการแห฽งการชําระล฾างบาป) กําลังสอนพระเยซูน฾อยให฾จัดการกับงูพิษ (ตัวแทนของบาป) โดยการเหยียบหัวงู 7. The Deposition of Christ, ค.ศ. 1507 ของราฟาเอล (Raphael) (ห฾อง 9) – ราฟาเอลถูกว฽าจ฾างให฾เขียน ภาพนี้เพื่ออนุสรณแรําลึกถึงบุตรชายของผู฾ว฽าจ฾างที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะในเมืองเปรูจา ภาพนี้ไม฽เพียงแต฽แสดง ถึงเหตุการณแที่พระเยซูถูกอัญเชิญพระศพลงจากกางเขน แต฽ยังแสดงให฾เห็นร฽างของพระเยซูขณะกําลังถูก เคลื่อนย฾ายไปยังหลุมฝังพระศพ และภาพของพระแม฽มาเรียที่เป็นลมล฾มลง บรรยากาศของความตายและความ เจ็บปวดในภาพนั้นถูกทําให฾เบาบางลงจากท฽าทางของตัวละครในภาพที่ราฟาเอลวาดภาพให฾พริว้ ไหวดูเหมือน กําลังเต฾นรํา และนั่นทําให฾ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกในเรื่องความสวยงามแบบนามธรรม ซึ่งถูก รังสรรคแขึ้นด฾วยเทคนิคที่เหนือชั้นและการลงสีที่ยอดเยี่ยม เกร็ดเล็กเกร็ดน฾อยของภาพนีย้ ังอยู฽ที่ลักษณะการ วางท฽าของพระเยซูนั้น ราฟาเอลได฾มาจากรูปแกะสลักปิเอตา (Pieta) ของมิเคลันเจโล (Michelangelo) ที่อยู฽ที่ มหาวิหารเซนตแปีเตอรแ ส฽วนภาพของผู฾หญิงที่คุกเข฽าประคองพระแม฽มาเรียนั้นได฾มาจากภาพ the Madonna (มี ชื่อเรียกอีกชือ่ ว฽า Tondo Doni) ของมิเคลันเจโล ซึ่งอยู฽ที่พิพิธภัณฑแอุฟฟิซี (Museo Uffizi) เมืองฟลอเรนซแ

The Deposition of Christ

8. Woman with a Unicorn, ค.ศ. 1505-1506 ของราฟาเอล (ห฾อง 9) – ภาพวาดของหญิงสูงศักดิ์นั่งงอแขน โดยมีเบื้องหลังเป็นวิวทิวทัศนแ ราฟาเอลไม฽ได฾วาดภาพนี้จนจบ มีศิลปินอีกท฽านมาวาดภาพต฽อและเติมภาพสุนัข เข฾าไป ต฽อมาสุนัขถูกเปลีย่ นให฾เป็นม฾ายูนิคอรแน ภาพวาดนี้กลายเป็นตัวแทนของความซื่อสัตยแ จุดเด฽นของภาพนี้ อยู฽ที่รายละเอียดเสมือนจริงของเส฾นผมและไรผมด฾านข฾างของหญิงสูงศักดิ์

[29]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

Woman with a Unicorn

9. The Hunt of Diana, ค.ศ. 1616-1617 ของโดเมนิชิโน (Domenichino) (ห฾อง 19) – เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ช฽วงเวลาความสําราญของนางไม฾นามว฽าไดอาน฽า ผู฾ที่กําลังสนุกสนานกับการแข฽งขันยิงธนู ในบรรยากาศที่ เหมือนอยู฽ในงานรื่นเริง นี่เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของโดเมนิชิโน เนื่องจากความสลับซับซ฾อนและความ ละเอียดอ฽อนของส฽วนประกอบโครงสร฾างต฽างๆ ที่วาด และการลงสีที่สวยงามประณีต ที่มีต฾นแบบมาจาก โรงเรียนในแคว฾นเวเนโต (เวนิส) โดเมนิชิโนยังวาดภาพนางไม฾เปลือยกายอาบน้ําไว฾ที่ตรงกลางด฾านล฽างของภาพ เพื่อดึงดูดผู฾ชมไว฾ด฾วย... อืม ดึงดูดได฾จริง เลื่อนสายตามามองตรงนี้ก฽อนเลย

The Hunt of Diana

10. Sacred and Profane Love, ค.ศ. 1514 ของทิเชียน (Titian) (ห฾อง 20) – ผลงานชิ้นเอกของอีก 1 ศิลปิน ชาวเวนิส เขียนขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพิธแี ต฽งงานของคู฽บ฽าวสาวชาวเวนิส เป็นภาพของหญิงสาว 2 คนนั่งอยู฽บนขอบ โลงหินโบราณที่มีน้ําอยู฽เต็ม คนซ฾ายสวมเสื้อผ฾าแต฽คนขวาเปลือยกาย ตรงกลางเป็นเทพคิวปิดกําลังกวนน้าํ ใน โลงหินอยู฽ โดยคนซ฾ายที่สวมเสื้อผ฾าเป็นตัวแทนของเจ฾าสาว ในขณะที่คนขวาที่เปลือยกายเป็นตัวแทนของ [30]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

เจ฾าบ฽าว มีคิวปิดเป็นกามเทพสื่อกลางแห฽งความรัก แท฾จริงแล฾วภาพนี้มีนยั ยะมากกว฽าที่เห็น มีผู฾ตีความว฽าผู฾หญิง ในภาพ 2 คนนี้คือตัวแทนของเทพธิดาวีนัสใน 2 ด฾าน หนึ่ง หญิงที่สวมเสื้อผ฾าคือวีนัสในทางโลกที่ไม฽จีรัง (profane) สอง หญิงที่เปลือยกายคือวีนัสในทางสวรรคแอันศักดิ์สิทธิ์ (sacred) นอกจากนี้โถทีว่ ีนัสทางซ฾ายถือ ยังเป็นสัญลักษณแของความสุขชั่วครั้งชั่วยามบนโลกมนุษยแ ในขณะที่คบไฟแห฽งความรักของพระเจ฾าทีว่ ีนัส ทางขวาถือเป็นสัญลักษณแของความสุขบนสวรรคแอันเป็นนิรันดรแ

Sacred and Profane Love

ข๎อมูลการเข๎าชมพิพิธภัณฑ์บอร์เกเซ เวลาเปิด: วันอังคารถึงวันอาทิตยแ เวลา 8.30 – 19.30 น. ปิดวันจันทรแ วันที่ 1 ม.ค. และ 25 ธ.ค. การเข฾าชมเปิด เป็นรอบๆ 1 รอบจํากัดจํานวนผู฾เข฾าชมไม฽เกิน 360 คนและจํากัดเวลาเข฾าชมไม฽เกิน 2 ชม. รอบสุดท฾ายเปิดให฾เข฾า ชม 30 นาทีก฽อนพิพธิ ภัณฑแปิด การซื้อตั๋ว: ต฾องซื้อตั๋วล฽วงหน฾า ผ฽านเว็บไซตแ http://www.tosc.it/tickets.html หรือโทร. +39 06 32810 สามารถใช฾ Roma Pass เข฾าชมฟรี แต฽ต฾องโทรไปจองรอบที่ +39 06 32810 เช฽นกัน โดยจะได฾รับรหัสการจองมา เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑแให฾นํารหัสพร฾อม Roma Pass มาแสดงให฾เจ฾าหน฾าทีอ่ อกตัว๋ เข฾าชมให฾ (ให฾มารับตัว๋ ก฽อนเวลาเข฾า ชมครึ่งชั่วโมง) เราใช฾ที่นี่เป็นที่แรกที่เข฾าฟรีโดยใช฾ Roma Pass ตอนยื่นรหัสให฾เจ฾าหน฾าที่ เหลือบมองดูที่หน฾าเคาทแ เตอรแ เห็นเขียนปูายว฽าตัว๋ เต็มจนถึงวันศุกรแเลย (เราไปวันพุธ) คําเข๎าชม: ต.ค. 2014 Full price 11 EUR + service charge 2 EUR ** ห฾ามถ฽ายภาพด฾านในพิพิธภัณฑแ ** รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.galleriaborghese.it/borghese/en/einfo.htm ตั้งแต฽นั่งรถเมลแผ฽านเข฾ามายังวิลล฽าบอรแเกเซ ก็สัมผัสได฾ถึงความร฽มรื่นของบรรยากาศรอบๆ วิลล฽าเป็นอย฽าง มาก พื้นที่สีเขียวกว฾างใหญ฽ ต฾นไม฾น฾อยใหญ฽จํานวนมากมายปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ทางเข฾าสู฽พิพธิ ภัณฑแมีม฾านั่งยาววาง เรียงราย 2 ข฾างทางเป็นระยะ เพือ่ ให฾ผู฾คนที่เข฾ามาได฾นั่งพักผ฽อน เรายังได฾นั่งม฾านั่งนี้เพื่อปั๊มนม (เหมือนเดิม) เลย เนื่องจากที่นี่คือสวนสาธารณะ ดังนั้นจะมีผู฾คนมาพักผ฽อน ออกกําลังกาย ขีจ่ ักรยาน พาหมามาเดินเล฽น พาครอบครัว มาพักผ฽อน พวกแม฽ๆ ลูกอ฽อนก็พาลูกน฾อยใส฽รถเข็นมาให฾นมแม฽ ระหว฽างลูกดูดนมจากเต฾า บรรดาแม฽ๆ ก็เม฾าทแมอย กันไป แฮปปี้สุดๆ โอยยย!! น฽าอิจฉาชาวโรมที่ปอดแหล฽งใหญ฽ที่สุดของเมืองช฽างน฽าหลงใหลเสียเหลือเกิน [31]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

บรรดาคุณแมํลูกอํอน พาลูกน๎อยมาหม่้านม ชมสวน แมํๆก็เม๎าท์มอยกัน

จากพิพิธภัณฑแบอรแเกเซ เรามีจุดหมายต฾องไปต฽อ นั่นคือจัตุรัสเดล โปโปโล (Piazza del Popolo) ตอน แรกเรากะว฽าจะเดินไปกัน แต฽สุดท฾ายกลับหลงทางจาก google map เลยตัดสินใจนั่งรถเมลแสาย 116 กลับไปจนสุด สายที่ปูาย Porta Pinciana นั่งต฽อบนรถคันเดิม รอคนขับพักแปฺบนึง แล฾วนั่งอีก 3 ปูายไปลงที่ Barberini แล฾วต฽อเม โทร A (ทางลงเมโทรอยู฽ใกล฾ๆ ปูายรถเมลแเลย) ปลายทาง Battistini ไปลงสถานี Flaminio (2 ปูาย) จากเมโทร เดิน ขึ้นมาบนดิน จะเจอ Piazza del Popolo อยู฽ทางขวามือ มีถนนกั้นด฾านหน฾า ส฽วนโบสถแ Santa Maria del Popolo จะตั้งอยู฽ด฾านหน฾าทางขึ้นเมโทรเลย จัตุรัสเดล โปโปโล (Piazza del Popolo) เป็นจัตุรัสหรือปิอัซซ฽าใหญ฽รูปวงรี ตรงกลางปิอัซซ฽าโดด เด฽นด฾วยเสาโอเบลิสกแฟลามิเนียนจากอียปิ ตแอายุกว฽า 3,200 ปี ถือว฽าเป็นเสาโอเบลิสกแที่สําคัญและเก฽าแก฽ที่สุดเสา หนึ่งในโรม ต฽อมาอีกหลายร฾อยปี ถึงมีการสร฾างน้ําพุรูปสิงโตล฾อมรอบเสาโอเบลิสกแทั้ง 4 ด฾าน และรูปปั้นน้ําพุ Four Seasons รูปปั้นเทพเจ฾าเทปจูนและเทพไตรตันที่ 2 ฝัง่ ด฾านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของปิอัซซ฽าเข฾าไปเพิ่มเติม (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) สําหรับแฟนหนังสือเทวากับซาตาน (Angels & Demons) ของแดน บราวนแ (อย฽างเรา) ที่นี่เป็นสถานที่แรกที่พบศพพระคารแนิดัลองคแแรก ใต฾โถงสวดมนตแกีจีของราฟาเอลค฽ะ ขอสร฾าง แลนดแมารแกซะหน฽อย ^_^

[32]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

ประตู Porta del Popolo ทางออก Metro

โบสถ์ Santa Maria del Popolo น้​้าพุ Four Seasons เสาโอเบลิสก์

น้​้าพุ Four Seasons

แผนผังจัตุรัสเดลโปโปโล (Piazza del Popolo)

[33]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

[34]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

เราแวะเข฾าโบสถแ Santa Maria del Popolo ตอนใกล฾ 6 โมงเย็น ปวดเมือ่ ยเหนื่อยล฾าจากการเดินทาง ตั้งแต฽นั่งเครื่องบินจนถึงการเดินตลอดทั้งวันนี้จนแทบไม฽มีแรงเข฾าไปชมโบสถแ แต฽ก็นะ มาถึงแล฾ว แถมโบสถแนยี้ ังมี ประวัติที่ยาวนานและสิ่งที่ประดับอยู฽ที่โบสถแนี้ยังล้ําค฽าหลายชิ้นด฾วย ยังไงก็ต฾องเข฾าซะหน฽อย โบสถแ Santa Maria del Popolo นี้สร฾างอยู฽บนเนินเขาปินชีโอ (Pincio) ที่เห็นปัจจุบันนี้เป็นโบสถแหลังที่สร฾างขึ้นใหม฽ โดยได฾ยอดศิลปิน ในยุคเรอเนสซองสแและยุคบารอคหลายคนไม฽ว฽าจะเป็นราฟาเอล คาราวัจโจและแบรแนินี มาช฽วยกันสรรคแสร฾าง ผลงานทางศิลปะทุกด฾านทั้งประติมากรรม จิตรกรรมและสถาปัตยกรรมให฾ จนทําให฾โบสถแนี้เป็นตัวอย฽างสําคัญของ สถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองสแแบบอิตาลี ภายในโบสถแมีผลงานศิลปะที่นา฽ สนใจเช฽น (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไป เที่ยวอิตาลี หนังสือ Top 10 โรม และ wikipedia)

ด๎านหน๎าโบสถ์ซานตา มาเรีย เดล โปโปโล (Basilica Maria del Popolo)

[35]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

1. ภาพการตรึงกางเขนเซนตแปีเตอรแ (Crucifixion of St. Peter) และภาพการกลับใจของเซนตแปอล (Conversion on the way to Damascus) ของคาราวัจโจ อยู฽ในโถงสวดมนตแ Cerasi 2. โถงสวดมนตแกีจีของราฟาเอล (Raphael’s Chigi Chapel) 3. โถงสวดมนตแของแบรแนินี (Bernini’s Chapel) คือโถงสวดมนตแเดียวกันกับของราฟาเอล แต฽แบรแนินีรับหน฾าที่ สานงานที่ราฟาเอลทําค฾างไว฾ โดยการแกะสลักรูปปั้นเพิ่มเติมให฾แล฾วเสร็จ

ภาพการตรึงการเขนเซนต์ปีเตอร์

ภาพการกลับใจของเซนต์ปอล

แผนผังงานศิลปะภายในโบสถ์ Santa Maria del Popolo

โถงสวดมนต์กีจีของราฟาเอลและรูปปั้น 2 ฝั่งฝีมือแบร์นินี * หมายเหตุ เนื่องจากรูปผลงานศิลปะภายในโบสถแที่เราถ฽ายได฾จริงนั้น คุณภาพเข฾าขั้นแย฽มากและไม฽ครบถ฾วน จึงขอใช฾รูปจากอินเตอรแเน็ต (วิกิพีเดีย) แทนทั้งหมดค฽ะ *

โบสถแ Santa Maria del Popolo เปิดให฾เข฾าชมวันจันทรแถึงวันศุกรแ (วันธรรมดา) เวลา 7.15 – 12.30 น. และ 16.00 – 19.00 น. วันเสารแ-อาทิตยแ (วันหยุด) เวลา 7.30 – 13.30 น. และ 16.30 – 19.30 น. เข฾าชมฟรี เรากลับมาที่พักที่ M&J Place Hostel เพื่อเช็คอิน ล฾างหน฾าล฾างตา ยืดแข฾งยืดขาสักพัก การเดินทางจาก Piazza del Popolo ไปที่พักนั้นแสนง฽าย เพราะรถไฟฟูาเมโทรตรงดิ่งถึงเลย ใช฾บริการเมโทร A ปลายทาง Anagnina นั่งจากสถานี Flaminio ไป 5 ปูายลงที่สถานี Termini แล฾วเดินกลับที่พัก จากนั้นเรายังพอมีแรง จริงๆ [36]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

แบตในตัวจะหมดแล฾วล฽ะ แต฽ต฾องฮึดเฮือกสุดท฾ายเพือ่ ปฏิบัติภารกิจให฾เสร็จ คือการกลับไปชมน้าํ พุเทรวียามค่ําคืน จากสถานีเมโทร Termini นั่งเมโทร A เช฽นเดิมแต฽ปลายทางสถานี Battistini นั่งไป 2 ปูายลงที่สถานี Barberini แล฾วแต฽เท฾าต฽อไปยังน้ําพุเทรวี เส฾นทางเดิมกับที่เดินมาขึ้นรถเมลแจะไปพิพธิ ภัณฑแบอรแเกเซเมื่อกลางวัน แต฽อันนี้เป็น การเดินย฾อนกลับไปน้าํ พุ น้ําพุเทรวียามค่ําคืนนั้นจะว฽าไปก็สวยงามกว฽าตอนกลางวันนะ ผู฾คน นักท฽องเที่ยวยังคงเยอะเช฽นเดิม แสงไฟ สีเหลืองนวลที่เปิดส฽องมาที่น้ําพุ ทําให฾เทพเจ฾าเนปจูนดูอ฽อนโยนลง บรรยากาศรอบๆ น้าํ พุจึงดูโรแมนติกใช฽ย฽อย ในขณะที่ตอนกลางวัน แสงแดดธรรมชาติทําให฾เห็นสีขาวของหินอ฽อนที่ใช฾แกะสลักประติมากรรมชัดเจน เทพเจ฾า เนปจูนยืนผงาดกลางน้ําพุดว฾ ยท฽าทีน฽าเกรงขาม น้ําพุจึงดูยิ่งใหญ฽อลังการแทน

การที่ได฾มาดูน้ําพุเทรวีใน 2 บรรยากาศนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ยิ่งถ฾าได฾มาเดินชิลๆ ตอนกลางคืน ดูบรรยากาศ คนนั่งกินอาหารที่ร฾านอาหารรอบๆ หรือได฾นั่งกินเองยิ่งดีใหญ฽ แต฽เราไม฽ได฾อยู฽ชื่นชมบรรยากาศนานเท฽าไหร฽ เพราะว฽า แบตในตัวอ฽อนเต็มที อาการปวดต฾นขาด฾านขวาจากการนั่งเครื่องบินนานๆ เมื่อคืนยังคงอยู฽ ไม฽มีแรงเดินแล฾ว กลัวว฽า ถ฾าไม฽รีบกลับไปพักตอนนี้ เราจะไม฽มีแรงสําหรับวันพรุ฽งนี้และวันต฽อๆ ไปของทริป (ดูสีหน฾าจากรูปถ฽ายได฾ ฝืนยิ้มสุด ฤทธิ์) เพราะฉะนั้นเราจึงอยูแ฽ ค฽แปฺบเดียวแล฾วรีบกลับ ก฽อนกลับแวะกินพิซซ฽าทําสําเร็จจากร฾านแถวๆ น้ําพุนั่นล฽ะ แนะนําว฽าไม฽ควรเลือกร฾านแบบนี้เลยค฽ะ ควรเลือกร฾านอาหารที่ทําสดตามสั่งดีกว฽า (นั่งกินที่ร฾านนะ แต฽พิซซ฽าเค฾าทํา เสร็จแล฾ว วางโชวแหน฾าร฾าน ให฾เลือกสั่งได฾เลย) เพราะพิซซ฽าสําเร็จที่เรากินนั้นไม฽อร฽อยเลย รสชาติแย฽ยิ่งกว฽าพิซซ฽ าแปูง หนายอดนิยมในไทยอีกนะ พิซซ฽าที่ทําสําเร็จจะตัดแบ฽งเป็นสี่เหลี่ยม แปูงก็หนา เย็นก็เย็น คือสรุปว฽าน้าํ อัดลมที่สั่งมา [37]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 1: BKK - Rome

กินด฾วยกันอร฽อยกว฽าเอางั้นละกัน ฮา... ขากลับเราเดินจากน้าํ พุเทรวีไปขึ้นรถไฟเมโทร Barberini ระยะทางไม฽ เรียกว฽าใกล฾ แต฽พอเดินไหว และก็พอทําให฾หลงทางอีกแล฾ว เดินย฾อนไปมา 2-3 รอบกว฽าจะถึงเมโทร เซ็งจริง เบ฿อะ ตลอดวันนี้ จากจากสถานี Barberini นั่งเมโทร A ปลายทาง Anagnina นั่ง 2 สถานีไปลงที่ Termini แล฾วเดินกลับ ที่พัก สลบเหมือดตามสภาพ... พรุ฽งนี้ค฽อยแก฾มือกันใหม฽ค฽ะ โคลอสเซียมและสิ่งมหัศจรรยแต฽างๆ ในโรมยังรอเราอยู฽

[38]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

วันที่ 2: Rome

[39]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

หลังจากนอนหลับชารแทแบตในร฽างกายให฾พร฾อม เราตื่นแต฽เช฾าต฾อนรับวันที่ 2 ของทริปอิตาลี วันนี้เรายังคง ท฽องเที่ยวอยู฽ในกรุงโรม โปรแกรมวันนี้แนํนเอี้ยด เริ่มจากไปชม 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่โคลอสเซียม ตํอด๎วย ย๎อนอดีตกลับไปชมแหลํงที่อยูํอาศัยของชาวโรมในอดีตที่เนินเขาปาลาติเน (Palatine Hill) โรมันฟอรัม (Roman Forum) ตอนบํายเดินตํอไปแถวเนินเขากาปีโตลีเน (Capitoline Hill) แตํไมํเข๎าชมพิพิธภัณฑ์ ตํอ ด๎วยจัตรุ ัสเวเนเซีย (Piazza Venezia) ผํานอนุสรณ์สถานพระเจ๎าวิตโตริโอ เอมานูเอลที่ 2 (Monument to Vittorio Emanuele II) จากนั้นขึ้นรถเมล์ไปจัตุรสั นาโวนา (Piazza Navona) ชมน้​้าพุ 4 มหานทีและอื่นๆ ฝีมือยอดศิลปินแบร์นินีและเป็นการตามรอยหนังสือและภาพยนตร์ Angels & Demons ไปในตัว ตํอด๎วยเดิน ตํอไปพบอีก 1 สิ่งกํอสร๎างมหัศจรรย์อายุยาวนานกวําพันปี แพนธีออน (Pantheon) และเดินชมโบสถ์สวยๆ ที่ มีที่มาอีก 1-2 แหํงแถวนั้น กํอนขึ้นรถรางข๎ามฝั่งแมํน้าไทเบอร์ (Tiber) ไปยังเขตตราสเตเวเร (Trastevere) ชมโบสถ์สา้ คัญแหํงเขตตราสเตเวเร โบสถ์ซานตา มาเรียแหํงตราสเตเวเร (Basilica Santa Maria in Trastevere) ปิดท๎ายวันหนักๆ ด๎วยมื้อเย็นอยํางราชาสักหนํอยที่ร๎านอาหารชื่อดังในยํานนี้... เห็นไหมวํา โปรแกรมวันนี้นั้นแนํนเอี้ยดจริง แคํบรีฟครําวๆ และคิดตามก็เหนื่อยแล๎ว ต๎องเริ่มปฏิบตั ิตามแผนจริงแล๎ว ดูสิ วําจะเหนื่อยกวําเป็นอีกกี่เทําตัว

แผนที่การเดินทางในโรมวันที่ 2

เราเริ่มต฾นเช฾าวันใหม฽ด฾วยการซื้อคูปองอาหารเช฾าราคาคนละ 3 EUR ที่เคาทแเตอรแรีเซพชั่นของโฮสเทล แล฾ว เดินออกมากินที่รา฾ นคาเฟุข฾างๆ โฮลเทล ส฽วนที่ร฾านจัดให฾สาํ หรับกินเป็นอาหารเช฾าของโฮลเทลจะอยู฽ดา฾ นหลังร฾าน ส฽วนด฾านหน฾าร฾านเปิดเป็นคาเฟุ มีแซนดแวิช ขนมปัง กาแฟทั่วไป อาหารเช฾าสําหรับแขกของโฮลเทลเป็นพวกขนมปัง แบบต฽างๆ แซนดแวิชไว฾แฮมและอื่นๆ แต฽ออกแนวเป็นขนมปังและแซนดแวิชแบบแห฾งๆ ฝืดคอใช฾ได฾ทีเดียว นอกจากนี้ [40]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ก็มีโยเกิรแต น้ําผลไม฾ นม สามารถขอกาแฟแบบใดก็ได฾ 1 แก฾ว ทําสดๆ ให฾เลย เราเก็บเสบียงอาหารใส฽ถุงซิปล็อคที่ เตรียมมา เอาให฾คุ฾มกับ 3 EUR ที่จ฽ายไป สถานที่แรกที่จะไปวันนี้คือโคลอสเซียม หรือ Colosseo ตามภาษาอิตาลี การเดินทางไปโคลอสเซียมนั้น ช฽างแสนง฽าย เพราะมีสถานีรถไฟฟูาเมโทรโผล฽ไปถึงเลย นั่งเมโทร B (ปลายทาง Laurentina) จาก Termini นั่งไป 2 ปูาย ลงที่สถานี Colosseo เดินขึ้นจากสถานีเมโทร ก็เห็นโคลอสเซียมตั้งตระหง฽านอยู฽ตรงหน฾าเลย โคลอสเซียม เปิด 8.30 น. เราไปถึงก฽อนเวลานิดหน฽อย เลยถือโอกาสถ฽ายรูปด฾านหน฾ารอบๆ โคลอสเซียมเพลินๆ แถวที่ต฾องต฽อ เพื่อเข฾าโคลอสเซียมแบ฽งเป็น 2 แถว ต฾องรู฾สถานะตัวเองแล฾วต฽อให฾ถูกแถวนะคะ แถวซ฾ายคือแถวสําหรับผู฾ทถี่ ือโรมา พาส ส฽วนแถวขวาคือแถวสําหรับผู฾ที่ไม฽มีโรมาพาส ซึ่งแถวจะยาวกว฽าแถวซ฾ายแน฽นอน แต฽จะบอกว฽าคงเป็นเพราะว฽า เราไปตั้งแต฽เช฾า ตั้งแต฽เวลาเปิดเลย จึงทําให฾แถวขวาสําหรับผู฾ที่ไม฽ถือโรมาพาสจึงไม฽ได฾ยาวอย฽างที่คิด ไม฽ได฾เสียเวลา เป็นครึง่ ชั่วโมงหรือนานกว฽านั้นอย฽างที่อา฽ นในหนังสือนําเที่ยวหลายเล฽ม แต฽ถึงอย฽างนั้น เราก็ไม฽ได฾ต฽อแถวขวาหรอก นะคะ หุหุ ก็แน฽ล฽ะ เราซื้อโรมาพาสมาแล฾วนี่คะ ต฾องใช฾ให฾คุ฾มค฽ะ เราเลือกที่จะเข฾าชมโคลอสเซียมฟรีโดยใช฾บัตรโรมา พาส เป็นพิพธิ ภัณฑแแห฽งที่ 2 ที่เราใช฾โควต฾าเข฾าชมฟรีของบัตรโรมาพาส แล฾วก็หมดโควต฾าเข฾าฟรีแต฽เพียงเท฽านี้

โคลอสเซียม

[41]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

[42]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

เราต฽อแถวซ฾ายสําหรับผู฾ถอื บัตรโรมาพาส เมื่อเข฾าไปแล฾วจะมีบูธให฾ยืม audio guide หรือ audio-video guide (เล฽นวีดีโอผ฽าน iPod) ซึ่งต฾องเสียเงิน เราเลือกแบบหลังค฽ะ ราคา 3 EUR โคลอสเซียม (Colosseo) เป็นสิ่งมหัศจรรยแของโลกในทุกยุคทุกสมัย และเป็นสถานที่ท฽องเที่ยว อันดับ 1 ของกรุงโรม ถึงแม฾ว฽าโคลอสเซียมจะยิ่งใหญ฽และแลดูมหัศจรรยแจากขนาดและงานสถาปัตยกรรมมากแค฽ ไหน แต฽ประวัติที่มาและวัตถุประสงคแการใช฾งานโคลอสเซียมนั้นช฽างโหดร฾ายและน฽าหดหู฽มาก เพราะที่นี่คือเวที สังหาร ผู฾คนและสัตวแนับหมื่นนับแสนถูกปลิดชีวิตที่นี่ เพียงเพราะในสมัยนั้นเชื่อว฽านี่คือความบันเทิง ข฾อมูลจาก หนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี หนังสือโรมันรัญจวนและปูายแสดงคําอธิบายที่โคลอสเซียม สามารถบอกเล฽าเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของโคลอสเซียมโดยสรุปได฾ดังนี้... โคลอสเซียมเป็นอัฒจรรยแทรงกลมรีขนาดมหึมา ตั้งตระหง฽านอยู฽ใจกลางกรุงโรมมาเกือบ 2,000 ปี (เริ่ม ก฽อสร฾างปีค.ศ. 72) วัตถุประสงคแเริ่มต฾นของการก฽อสร฾าง ต฾องเล฽าย฾อนกลับไปถึงสมัยจักรพรรดิเนโร (Nero) จักรพรรดิที่มี่พฤติกรรมสุดจะทน ตลอด 14 ปีที่ครองราชยแ พระองคแทั้งสั่งประหารน฾องชายบุญธรรมและแม฽ตัวเอง อารมณแครึ้มๆ ก็สั่งให฾เผาเมืองเล฽น บอกว฽าสนุกดีและอยากสร฾างบรรยากาศในการแต฽งเพลง เผาเสร็จ ก็สั่งยึดที่ดิน เอามาสร฾างพระราชวังทอง (โอ฾โห... ยํายํามาก) ทําให฾ผู฾คนเกิดอาการไม฽พอใจ จนสุดท฾ายเกิดการบีบบังคับอะไรสัก อย฽างให฾เนโรฆ฽าตัวตาย แล฾วก็เกิดศึกชิงบัลลังกแตามมา จนกลายมาเป็นจักรพรรดิเวสปาเชียน (Vespasian) ผู฾ก฽อตั้ง ราชวงศแฟลาเวียน (Flavian) ขึ้นครองราชยแ จักรพรรดิเวสปาเชียนทรงเห็นว฽าขณะนั้นชาวโรมันกําลังไม฽ชอบใจ กษัตริยแ พระองคแจึงคงอยากจะเอาใจประชาชน (คุณธรณแเปรียบเทียบว฽าเป็นเหมือนนโยบายประชานิยม ซึ่งก็จริง แฮะ) จึงมีพระบัญชาให฾ถมทะเลสาบเทียมในพระราชวังทองของจักรพรรดิเนโร แล฾วสร฾างเป็นสนามกีฬาถาวรแห฽ง แรกในโรมขึ้น เพื่อให฾ประชาชนได฾มารับความบันเทิงจากสนามกีฬาแห฽งนี้ แต฽ความบันเทิงที่ว฽านี้มันไม฽ใช฽การแข฽งเตะ ฟุตบอลหรือแข฽งวิ่ง 4 x 100 เมตรน฽ะสิ มันดันเป็นการดูเกมการต฽อสู฾ระหว฽างคนฆ฽าคน คนฆ฽าสัตวแ สัตวแฆา฽ คน เอิ่ม! นี่เรียกบันเทิงเหรอ เกมการต฽อสู฾ที่ว฽านี้เป็นการต฽อสู฾ของนักสู฾เกลดิเอเตอรแ (Gladiator) ด฾วยกันเอง ซึ่งเกลดิเอเตอรแ นั้นอาจเป็นชายหนุ฽มร฽างกายกํายํา ทหาร เชลยศึกหรือทาส หรือเป็นการต฽อสูร฾ ะหว฽างเกลดิเอเตอรแกับสัตวแปุาดุร฾าย อย฽างเสือ สิงโต หมี ยีราฟเป็นต฾น หรืออาจจะเป็นการต฽อสู฾แบบ combination คน-คน-สัตวแก็ทําได฾ ในสมัยนั้นจะ จัดให฾มีเกมการต฽อสู฾แบบนี้ในพิธีศพเพือ่ ไว฾เป็นการให฾เกียรติผู฾ตาย ไปๆ มาๆ คงจัดไว฾ดูเล฽นๆ เอามันสแทั้งที่ไม฽มีใคร ตาย หรือถ฾าจะจัดเพื่อให฾เกียรติผู฾ตาย ก็คงให฾เกียรติคนหรือสัตวแที่เพิ่งถูกฆ฽าในสนามก฽อนหน฾านี้ โคลอสเซียมใช฾เวลาในการก฽อสร฾างยาวนาน 10 ปี ผ฽านการปกครอง 3 รัชสมัย ตั้งแต฽จักรพรรดิเวสปาเชียน จักรพรรดิติตุส (เริ่มเปิดใช฾) และจักรพรรดิโดมิเชียน (สร฾างเสร็จสมบูรณแ) แต฽เดิมชื่อโรงละครกลางแจ฾งฟลาเวียน (Flavian Amphitheatre) ตามชื่อราชวงศแ ต฽อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโคลอสเซียม มีความหมายว฽ายิ่งใหญ฽มโหฬาร จริงๆ แล฾วในสมัยนั้น เกมการต฽อสูแ฾ บบนี้มีให฾เห็นกันอยู฽ทวั่ ไปแล฾ว ทั้งในลานสาธารณะและโรงละครกลางแจ฾งเล็กๆ แต฽ โคลอสเซียมถือเป็นลานประลองแบบสนามถาวรทีย่ ิ่งใหญ฽ที่สุดในโรมัน เพื่อให฾การเที่ยวชมโคลอสเซียมเป็นไปอย฽างได฾อรรถรสและสามารถจินตนาการเห็นภาพในอดีตได฾ชัดเจน ขึ้น ขอแนะนําให฾หาภาพยนตรแเรื่องเยี่ยม Gladiator (2000) ผลงานการกํากับของริดลียแ สก็อตตแ นําแสดงโดยรัส เซล โครวแ มาดูให฾จบ หรือหากใครเคยดูแล฾ว ก็ขอให฾หามาดูอกี รอบหนึ่งเพื่อความฟินยิ่งขึ้น [43]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

[44]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

มองจากโคลอสเซียมจะมองเห็นประตูชัยคอนสแตนติน

โคลอสเซียมนั้นมีความสูงเกือบ 50 เมตร กว฾าง 156 เมตร ยาว 188 เมตร อัฒจรรยแมี 4 ชั้น ชั้นล฽างถึงชั้น 3 เป็นระเบียงเปิดมีซุ฾มประตูโค฾ง ซึ่งเป็นประตูเข฾าออกถึง 80 ประตู ทําให฾สามารถระบายคนเข฾าออกจากสนามได฾ หมดภายในเวลาไม฽เกิน 10 นาทีชั้น 4 บนสุด เป็นห฾องพร฾อมหน฾าต฽างเว฾นระยะเท฽าๆ กัน วัสดุที่ใช฾ก฽อสร฾างทําจาก หินปูนแกร฽งเป็นโครงสร฾างหลัก เสาทําจากหินปูนรูพรุนและอิฐก฽อสร฾าง พื้นและกําแพงปูกระเบื้อง เพดานทรงโค฾ง ฉาบด฾วยซีเมนตแ อัฒจรรยแเอียง 37 องศา เพื่อให฾มองเห็นเวทีการต฽อสู฾ตรงกลางได฾ชัดเจน (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ ไปเที่ยวอิตาลี และหนังสือโรมันรัญจวน) โคลอสเซียมนั้นสามารถจุคนได฾ประมาณ 75,000 คน [45]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ภาพจ้าลองโครงสร๎างและรายละเอียดภายในโคลอสเซียม อัฒจรรย์ 4 ชั้น ชั้นลํางเป็นที่นั่งส้าหรับจักรพรรดิและชนชั้นสูง ชั้นที่ 2 ถัด ขึ้นมาส้าหรับคนรวย ชั้นที่ 3 ส้าหรับชนชั้นกลาง และชั้นที่ 4 บนสุดส้าหรับสตรี สํวนใต๎พื้นสนามตํอสู๎เป็นที่พักของนักสู๎เกลดิเอเตอร์ กรงขังสัตว์ ห๎องเก็บอาวุธและอุปกรณ์ตํางๆ ด๎านบนมีแผํนไม๎ปิดไว๎

[46]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ภาพ The Christian Martyrs’ Last Prayer ของ Jean-Leon Gerome แสดงบรรยากาศการตํอสู๎ภายในโคลอสเซียม (Credit: wikipedia)

ภาพ Pollice Verso ของ Jean-Leon Gerome เชํนกัน แสดงให๎เห็นถึงนักสู๎เกลดิเอเตอร์ขอความเห็นจากผู๎ชม ถ๎าผู๎ชมคว่้านิ้วโป้ง ลง หมายถึงให๎สังหารคูํตํอสู๎ (แตํถ๎าชูนิ้วโป้งขึ้น หมายถึงให๎ไว๎ชีวิต) (Credit: Wikipedia)

ด฾วยเทคนิคการก฽อสร฾างที่สมบูรณแแบบ จึงทําให฾โคลอสเซียมยังคงตั้งตระหง฽านอยู฽จวบจนปัจจุบัน ถึงแม฾ กาลเวลาอันยาวนานที่ทาํ ให฾โคลอสเซียมต฾องผ฽านร฾อนผ฽านหนาวทั้งจากภัยธรรมชาติอย฽างแผ฽นดินไหว อุบัติเหตุอย฽าง ไฟไหม฾ และการเปลี่ยนถ฽ายยุคแห฽งความรุ฽งเรืองอย฽างสงครามและการล฽มสลายของอาณาจักรโรมัน จะทําให฾ โครงสร฾างบางส฽วนของโคลอสเซียมแตกสลายและสูญหายไป แต฽นั่นก็ถือเป็นเสน฽หแและเอกลักษณแเฉพาะตัวของ โคลอสเซียม โคลอสเซียมยังคงเป็นสถานที่ที่ควรมาเยือนสักครั้ง แต฽ทั้งนี้ต฾องเข฾าใจที่มาที่ไปของที่นี่ เพื่อทีจ่ ะได฾ ทราบว฽าที่นี่มีค฽ามากกว฽าการมองผ฽านว฽ามันเป็นแค฽ซากอัฒจรรยแเก฽าๆ โทรมๆ อย฽างไร [47]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

โคลอสเซียมเปิดให฾เข฾าชมทุกวัน เริ่มเปิด 9.00 น. แต฽เวลาปิดแตกต฽างกันตามฤดูกาล ช฽วงฤดูใบไม฾ผลิถึงฤดู ร฾อน ต฾นเม.ย. ถึงปลายส.ค. จะปิดช฾าทีส่ ุดคือ 19.00 น. ในขณะที่ฤดูหนาว ต฾นพ.ย. ถึงกลางก.พ. จะปิดเร็วที่สุดคือ 16.00 น. ค฽าเข฾าชม 15.5 EUR รวมค฽าเข฾าชม Palatine Hill และ Roman Forum (updated Nov 2014) ผู฾ถือ บัตรโรมาพาสเข฾าชมฟรี (โดยต฾องเป็น 1 ใน 2 สถานที่แรกที่เข฾าโดยใช฾บัตรนี้) จากโคลอสเซียม เราเดินไปยังประตูชยั คอนสแตนติน (Arch of Constantine) และเนินเขาปาลา ติโน (Palatino; Palatine Hill) ที่อยู฽ติดกัน สําหรับ Arch of Constantine นั้น สร฾างขึ้นเพื่อเป็น เครื่องหมายแสดงชัยชนะของจักรพรรดิคอนสแตนตินเหนือจักรพรรดิมักเซนติอุสในปีค.ศ. 312 ซึ่งเป็นช฽วงที่ จักรวรรดิโรมันเริ่มเสื่อมแล฾ว ประตูชยั แห฽งนี้จึงไม฽ได฾สละสลวยน฽าจดจําเท฽าไหร฽ เพียงแต฽ตั้งอยู฽ในบริเวณเดียวกับ โคลอสเซียมและโบราณสถานสําคัญอื่นๆ จึงพลอยได฾อานิสงฆแจากนักท฽องเที่ยวที่มาเทีย่ วโคลอสเซียม ได฾ถ฽ายรูป ผ฽านๆ กับประตูชัยแห฽งนี้

ประตูชัยคอนสแตนติน (Arch of Constantine)

[48]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

วิหารแหํงวีนัสและโรม (Temple of Venus and Rome)

[49]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ส฽วนเนินเขาปาลาติโน (Palatine Hill) นั้น (ให฾เริ่มต฾นที่ทางเข฾าเนินเขาตามแผนที่หน฾าถัดไปค฽ะ) เป็นพื้นที่สี เขียวกว฾างใหญ฽ มีซากปรักหักพังให฾เห็นบอกเล฽าเรื่องราวในอดีตอันยาวนานของกรุงโรม เชื่อกันว฽าที่นี่เป็นบ฾านของโร มิวลุสผู฾ก฽อตั้งกรุงโรม ต฾นไม฾ใหญ฽มากมายและพื้นที่สีเขียวทัว่ ไปหมด ทําให฾ปาลาติโนนั้นร฽มรื่นมาก วันที่เราไปนั้นมี นักเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัยมาทัศนศึกษาที่นี่มากมาย (ดูการแต฽งตัวของน฾องๆ นักศึกษากับเรานั้น ยังกับมา เที่ยวกันคนละที่ คุณพี่อย฽างหนาว คุณน฾องอย฽างร฾อน 55+) จากซากปรักหักพังหลายแห฽งบนบริเวณเนินเขาปาลาติ โน มีสถานที่นา฽ สนใจดังนี้ค฽ะ (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลีและ www.lonelyplanet.com)  คาซา ดิ ลิเวีย (Casa di Livia’s; House of Livia) 32 – พระตาหนักของพระนางลิเวีย พระชายาใน จักรพรรดิออกัสตัส ภายในมีภาพเขียนฝาผนังเฟรสโกอายุเก่าแก่กว่า 100 ปีก่อนคริสตกาล  โดมุสฟลาเวีย (Domus Flavia) 28 – ส฽วนพื้นที่สาธารณะของพระราชวังอันหรูหราของจักรพรรดิโดมิ เชียน ภายในมีหอ้ งเขาวงกตรูปแปดเหลี่ยมติดพลอยมูนสโตนบนกาแพงให้เป็นกระจกเงาป้องกันศัตรูลอบเข้าไปปลง พระชนม์  กริปโตปอรแติคุส (Cryptoporticus) 28 – อุโมงคแความยาว 128 เมตร ของ Domus Flavia (อุโมงคแ อยู฽ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ Casa di Livia) ซึ่งภายหลังจักรพรรดิเนโรใช฾เชื่อมต฽อกับตําหนักทอง (Domus Aurea; Golden House) ของพระองคแ ปัจจุบันใช฾เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการต฽างๆ  สวนฟารแเนเซ (Farnese Gardens) 33 – สวนพฤกษศาสตรแแห฽งแรกของโลก เป็นสวนของพระคารแ ดินัลอาเลสซานโดร ฟารแเนเซ เจ฾าของทีใ่ นสมัยศตวรรษที่ 16 บริเวณพาวิลเลียนแฝดที่สวนฟารแเนเซเป็นจุดชมวิวที่ดี เยี่ยม สามารถมองเห็นซากปรักหักพังของโรมันฟอรัมและชมวิวของกรุงโรมได฾อย฽างชัดเจน [50]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

 สเตเดียม (Stadio; Stadium of Augustana) 25 – น่าจะเป็นห้องส่วนหนึ่งของพระราชวังโดมุส ออกัสตินา (Domus Augustina) ใช฾สําหรับจัดการแข฽งขันกีฬาและงานเลี้ยงส฽วนพระองคแ  พระราชวังโดมุสออกัสตินา (Domus Augustina) 26 – พื้นที่ส฽วนพระองคแภายในพระราชวังอัน หรูหราฟุ​ุมเฟือยของจักรพรรดิโดมิเชียน  ซีโกมัสซีโม (Circo Massimo; Circus Maximus) 24 – สนามกีฬากลางแจ฾งทีใ่ หญ฽และเก฽าแก฽ที่สุดใน กรุงโรม ส฽วนใหญ฽ใช฾แข฽งรถม฾า แต฽ก็มีการแข฽งอย฽างอื่นด฾วยเช฽นเกลดิเอเตอรแ  กระท฽อมโรมิวลุส (Capanne Romulee; Romulean Huts) 30 – เชื่อว฽าที่นเี่ ป็นบ฾านของโรมิวลุสผู฾ ก฽อตั้งกรุงโรม

Domus Augustina

สเตเดียม (Stadium of Augustana)

[51]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

แผนที่กรุงโรมโบราณ [52]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

แผนที่กรุงโรมโบราณ [53]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

จากนั้นเราเดินต฽อมายังโรมันฟอรัม (Roman Forum) หรือฟอโร โรมาโน (Foro Romano) ใน ภาษาอิตาเลียน ที่นี่นกั ท฽องเที่ยวเยอะม฾ากกก เดินกันขวักไขว฽เลยทีเดียว โรมันฟอรัมเป็นเขตศูนยแกลางการปกครอง และที่อยูอ฽ าศัยของชาวโรมัน ตั้งอยู฽ระหว฽างเนินเขาปาลาติเนและเนินเขากาปิโตลิเน (Capitoline Hill) นับตั้งแต฽ ชาวอีทรัสกันได฾ลงหลักปักฐานที่นี่ ฟอรัมได฾ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 7 ก฽อนคริสตกาลและแผ฽ขยายความ รุ฽งเรืองอีกนานนับพันปี ทําให฾ที่นี่เป็นหลักฐานแสดงความรุ฽งเรืองของอาณาจักรโรมันได฾ดีที่สุด แต฽ต฽อมาเมื่อถึงคราว อาณาจักรล฽มสลาย ที่นี่ถกู ปล฽อยรกร฾างให฾กลายเป็นทุ฽งเลี้ยงวัว (Campo Vaccino; Cow Field) หินอิฐและหินอ฽อน บนสิ่งก฽อสร฾างถูกนําไปใช฾ก฽อสร฾างสิ่งอื่นต฽อ จึงทําให฾ในวันนี้ โรมันฟอรัมเหลือเพียงซากปรักหักพังที่แทบจะมองไม฽ เห็นถึงความรุ฽งเรืองในอดีต ต฾องใช฾จินตนาการเป็นอย฽างมากในการเข฾ามาเติมเต็มการเดินเที่ยวที่นี่ สําหรับสถานที่ น฽าสนใจบริเวณโรมันฟอรัมที่รวบรวมจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี หนังสือโรมันรัญจวนและ www.lonelyplanet.com มีดังนี้ค฽ะ

Arch of Titus

[54]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

 วิหารแห฽งวีนัสและโรม (Tempio di Venere e Roma; Temple of Venus and Rome) 16 – อยู฽ ตรงข฾ามกับโคลอสเซียมเยื้องกับ Arch of Constantine ซึ่งสามารถมองเห็นได฾จากจุดชมวิวบนโคลอสเซียมด฾วย  ประตูชัยติตุส (Arco di Tito; Arch of Titus) 14 – สร฾างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่จักรพรรดิเวส ปาเชียนและจักรพรรดิติตุสมีต฽อกรุงเยรูซาเล็ม แล฾วนําชาวยิวมาเป็นทาสในกรุงโรม ในอดีตชาวยิวในโรมหลีกเลี่ยงที่ จะเดินผ฽านประตูแห฽งนี้ (ก็แน฽ล฽ะ สัญลักษณแแห฽งความพ฽ายแพ฾ของพวกเขานิ)  วิหารมักเซนติอุส (Basilica di Massenzio; Basilica of Maxentius) 13 – สิ่งก฽อสร฾างที่มีขนาดใหญ฽ ที่สุดในฟอรัม สร฾างขึ้นในสมัยจักรพรรดิมักเซนติอุสและสร฾างเสร็จในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน จึงมีอีกชื่อว฽า วิหารคอนสแตนติน (Basilica di Constantino; Basilica of Constantin) ใช฾เป็นสํานักงานทางกฎหมายและ การเงินของอาณาจักร... ว฾าววว อะเมซซิ่งมาก ไม฽น฽าเชื่อว฽าเกือบสองพันปีที่แล฾วมีสํานักงานกฎหมายและธนาคาร แล฾วด฾วย  วิหารแอนโตนิอุสและฟอสตินา (Tempio di Antonino e Faustina; Temple of Antonius and Faustina) 10 – สร฾างขึ้นเพื่ออุทิศให฾แก฽จักรพรรดิแอนโตนิอุสและจักรพรรดินีฟอสตินา ต฽อมาภายหลัง วิหารถูก เปลี่ยนให฾กลายเป็นโบสถแ

[55]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

 วิหารเทพีเวสต฾า เทพธิดาแห฽งไฟ (Tempio di Vesta; Temple of Vesta) อยู฽ระหว฽างเรเจีย (Regia) 11 และบ฾านเทพธิดาแห฽งไฟ (Casa delle Vestali; House of Vestals) 12 – วิหารที่มีสาวพรหมจารียแ 6 คน อายุ ระหว฽าง 6 ถึง 10 ปี (เด็กมากกกอะ คนสมัยก฽อนโตเร็วจริง) ทําหน฾าที่ไป 30 ปี เพื่อคอยดูแลเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไม฽ให฾ มอดดับ หากเปลวไฟมอดดับ พวกเธอจะถูกเฆีย่ น ที่แย฽กว฽านั้นคือถ฾าถูกจับได฾ว฽าไม฽รักษาพรหมจรรยแ เธอจะได฾รับ การลงโทษด฾วยการถูกฝังทั้งเป็น เพื่อไม฽ให฾เลือดของเธอกระเด็นออกมา ส฽วนชายชู฾จะถูกจับมัดให฾ชาวเมืองเอาหินปา จนตาย บ฾างก็ว฽าถูกเฆี่ยนจนตาย  ถนนเวียซากรา (Via Sacra) – ถนนที่เก฽าแก฽ที่สุดในกรุงโรม ลากยาวจาก Palatino ถึง Arch of Septimius Severus  ประตูชัยเซปติมิอุส เซเวรุส (Arco di Settimio Severo; Arch of Septimius Severus) 3 – สร฾าง อุทิศให฾แก฽จักรพรรดิเซปติมิอุส เซเวรุส เป็นประตูเฉลิมฉลองชัยชนะของโรมันต฽อชาวปารแเธียน (Parthians) หรือ เปอรแเซียน  วิหารซาเทิรแน (Tempio di Saturno; Temple of Saturn) 2 – สถานที่เก็บทรัพยแสมบัติเงินทองของ อาณาจักร ด฾านท฾ายวิหารมี Millarium Aureum หรืออนุสาวรียแที่แสดงจุดเริ่มต฾นของการวัดระยะทางของถนนทุก สายและเส฾นทางต฽างๆ ทุกเส฾นในโรม (เหมือนอนุสาวรียแชัยสมรภูมิเลย)  กูเรีย (Curia) 5 – เป็นสถานที่พบปะของเหล฽าซีเน็ต หรือเรียกได฾ว฽าเป็นวุฒิสภาก็น฽าจะได฾ ก฽อนที่จะถูก เปลี่ยนให฾เป็นโบสถแในสมัยยุคกลาง บริเวณด฾านหน฾ากูเรียจะมีแผ฽นหินอ฽อนสีดําปิดอยู฽ เชื่อกันว฽าเป็นหลุมศพของโร มิวลุส จาก Arch of Septimius Severus จะเป็นทางออกจากโรมันฟอรัม ขวามือคือโบสถแ Santi Luca e Martina เรานั่งปั๊มนมชิลๆ ที่ลานจอดรถหน฾าโบสถแ เนื่องจากโล฽งและสงบ ผูค฾ นไม฽พลุกพล฽าน พร฾อมกับกินขนมปัง และของเล็กๆ น฾อยๆ ที่เก็บมาจากอาหารเช฾าที่โรงแรม เสร็จแล฾วก็เดินไปยังจุดหมายต฽อไปคือเนินเขากาปีโตลีเน (Capitoline Hill) และปิอัซซ฽าเวเนเซีย (Piazza Venezia) แต฽จะบอกว฽าเราเดินอ฾อมล฽ะ เพิ่งมาดูใน google map อีกครั้งเลยรู฾ว฽าตอนนั้นเดินอ๎อมมาก เราเดินผ฽านคุก Carcere Mamertino-Tulliano; Mamertine-Tullian Prison 1 ขึ้นไปตามถนน Clivo Argentario ตรงไปจนสุดถนน เจอถนนใหญ฽ Via dei Fori Imperiali เลี้ยวซ฾าย แล฾วเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ จะเจออนุสรณแสถานพระเจ฾าวิตโตริโอ เอมานูเอลที่ 2 (Monument to Vittorio Emanuele II) กษัตริยแผู฾รวมชาติอิตาลีให฾เป็นปึกแผ฽น อยู฽ทางซ฾ายมือ และ Piazza Venezia อยู฽ขวามือ (หมายเหตุ: ที่ถนน Via dei Fori Imperiali ที่เราเดินไปถึง ฝั่งตรงข฾ามถนนคืออิมพีเรียลฟอรัม (Imperial Forums) หรือฟอรัม หลวงของจักรพรรดิ ซึ่งเราไม฽ได฾ข฾ามไปชม) ผ฽านหน฾าอนุสรณแสถาน เดินเลียบถนนแล฾วเลี้ยวซ฾ายตามทางจะเจอถนน Via del Teatro di Marcello เดินต฽อไปเรื่อยๆ จนเจอบันไดทางขึ้น Capitoline Hill ดูจากแผนที่ประกอบจะเห็น ว฽าเราเดินจงกรมมาครบ 1 รอบพอดี ส฽วนเส๎นทางที่ถูกต๎อง ที่ไม฽อ฾อมโลกก็คือ จากทางออกที่ Arch of Septimius Severus ให฾เลี้ยวซ฾ายเดินผ฽านคุกและถนน Via di S. Pietroin Carcere เดินตามถนนไปเรื่อยๆ ถึงทางแยกให฾เบี่ยง ซ฾ายเดินตรงต฽อไปอีกนิดก็จะเจอปิอัซซ฽ากัมปีโดลีโย (Piazza del Campidoglio) [56]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

Arch of Septimus Severus

วันที่ 2: Rome

โบสถ์ Santi Luca e Martina

อิมพีเรียล ฟอรัม (Imperial Forums)

อนุสรณ์สถานพระเจ๎าวิตโตริโอ เอมานูเอลที่ 2 (Monument to Vittorio Emanuele II) [57]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

แผนที่การเดินทางจาก Roman Forum สูํ Capitoline Hill และ Piazza Venezia

ปิอัซซ฽ากัมปีโดลีโย (Piazza del Campidoglio) ตั้งอยู฽บนเนินเขากาปีโตลีเน (Capitoline Hill) มี บันไดทางขึ้นอันสวยงาม สองข฾างของบันไดคือประติมากรรมเทพคัสเตอรแและพอลลักซแ เทพผู฾พิทกั ษแ Capitoline Hill กลางลานปิอัซซ฽ามีอนุสาวรียแทรงม฾าจักรพรรดิมารแคุส ออเรลิอุส (Marcus Aurelius) ตั้งอยู฽ ปิอัซซ฽าถูก [58]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ล฾อมรอบด฾วยอาคาร 3 หลัง ถ฾าหันหน฾าเข฾าหาอนุสาวรียจแ ักรพรรดิมารแคุส ออเรลิอุส อาคารทางซ฾ายมือคือปาลัซโซนู โอโว (Palazzo Nuovo) อาคารด฾านหลังคือปาลัซโซเซนาตอรีโอ (Palazzo Senatorio) หรืออาคารสภาซีเน็ต ส฽วน อาคารที่อยู฽ทางขวามือคือปาลัซโซเดอี กอนแซรแวาตอรี (Palazzo dei Conservatori) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑแกา ปีโตลีเน (Musei Capitoline; Capitoline Museums) อีกหนึ่งพิพิธภัณฑแสําคัญในโรม งานออกแบบทั้งบันได ปิอัซ ซ฽าและปาลัซโซเป็นฝีมือของศิลปินชื่อก฾องมิเคลันเจโล (Michelangelo) เราไม฽ได฾วางแผนเข฾าชมพิพิธภัณฑแกาปีโต ลีเนตั้งแต฽ต฾น เนื่องจากเวลาไม฽พอ หากใครสนใจเข฾าชมพิพิธภัณฑแนี้ แนะนําให฾อ฽านหนังสือโรมันรัญจวนของคุณธรณแ เพื่อประกอบการตัดสินใจ คุณธรณแและหนูดาวใช฾เวลาดื่มด่าํ งานศิลป฼ในพิพิธภัณฑแนี้นานทีเดียว ข฾อมูลแน฽นปึ้ก

เนินเขากาปีโตลีเน (Capitoline Hill) [59]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

จักรพรรดิมาร์คุส ออเรลิอุส (Marcus Aurelius)

Piazza Venezia และ Palazzo Venezia [60]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

จาก Capitoline Hill เราเดินย฾อนกลับไปปิอัซซําเวเนเซีย (Piazza Venezia) โดยผ฽านถนน Via del Teatro di Marcello เมื่อถึง Piazza Venezia ให฾เดินไปจนสุดปิอัซซ฽าฝั่งที่ตรงข฾าม Monument to Vittorio Emanuele II ที่ด฾านหลังปาลัซโซเวเนเซีย (Palazzo Venezia) คือถนน Via del Plebiscito จะมีเกาะกลางถนนที่ เป็นปูายรถเมลแด฾วย ชื่อปูาย Plebiscito ให฾รอรถเมลแสาย 64 direction Stazione San Pietro ที่ปูายนี้ นั่งรถเมลแ ไปลงที่ปูาย Corso Vittorio Emanuele/Navona (4 ปูาย10 นาที) (ความจริง กว฽าเราจะรูว฾ า฽ ต฾องเป็นปูายนี้ ก็ต฾อง เดินจงกรมอีกไม฽รู฾กี่รอบ เพราะปิอัซซ฽านี้ก็เหมือนอนุสาวรียแชยั ฯ บ฾านเรานี่ล฽ะ มีปูายรถเมลแอยู฽รอบปิอัซซ฽าเลย ไม฽รู฾ว฽า สายไหนต฾องขึ้นปูายไหน ฝั่งไหน วิ่งหาจนเหนื่อย ของหล฽นเกือบหาย ยังโชคดีทวี่ ิ่งกลับมาเก็บทัน)

Plebiscito

แผนที่ป้ายรถเมล์ Plebiscito ที่ Piazza Venezia ส้าหรับรอขึ้นรถเมล์สาย 64

[61]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

แผนที่เส๎นทางเดินเท๎าจากป้ายรถเมล์ Corso Vittorio Emanuele-Navona ไปยัง Piazza Navona

เดินตามแผนที่ (หลงนิดหน฽อย... อีกแล฾ว) จนเจอปิอัซซํานาโวนา (Piazza Navona) จัตุรัสรูปวงรี ยาว เนื่องจากแต฽เดิมที่นี่ถูกสร฾างเพื่อใช฾เป็นสนามกีฬาในสมัยจักรพรรดิโดมิเชียน จุดเด฽นของปิอัซซ฽านาโวนาอยู฽ที่ การเป็นแหล฽งพบปะสังสรรคแ ชิลเอ฾าทแของผู฾คน เนื่องจากรอบปิอัซซ฽านั้นรายล฾อมด฾วยร฾านค฾า ร฾านอาหารและผับ มากมาย ผู฾คนส฽วนใหญ฽มักใช฾เวลานั่งกินดื่มแบบเอ฾าทแดอรแ พูดคุยและชื่นชมบรรยากาศโดยรอบ ในขณะที่ใจ กลางปิอัซซ฽ามีประติกรรมล้ําค฽าอย฽างเสาโอเบลิสกแ ที่ฐานของเสาเป็นประติมากรรมน้​้าพุสี่มหานที (Fontana dei Quattro Fiumi; Four Rivers Fountain) อันโดดเด฽น ผลงานของจาน ลอเรนโซ แบรแนินี (Gian Lorenzo Bernini) โดยคําว฽า Quattro แปลว฽าสี่ และ Fiumi แปลว฽าน้ํา น้ําพุสี่แห฽งทีแ่ บรแนินีตั้งใจสื่อถึงคือแม฽น้ําสายหลัก ของสี่ทวีปในโลกได฾แก฽ แม฽น้ําคงคา (เอเชีย) แม฽นา้ํ ดานูบ (ยุโรป) แม฽นา้ํ ไนลแ (แอฟริกา) และแม฽นา้ํ ริโอ เดลา พลาตา หรือแม฽น้ําเพลท (อเมริกา-อเมริกาใต฾) โดยมีรูปปั้นคนหรือเทพเจ฾าอยู฽เหนือสายน้ําแต฽ละสาย ใกล฾ๆ กันเป็น [62]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

Fountain of the Moor น้ําพุรูปปั้นแขกมัวรแเปุาแตรหอยสังขแ อยู฽ทางทิศใต฾ และ Fountain of Neptune น้ําพุรูป ปั้นเทพเจ฾าเนปจูนกําลังใช฾ฉมวกแทงปลาหมึก ตั้งอยู฽ทางทิศเหนือ พื้นที่ภายในปิอัซซ฽าถูกจับจองพื้นที่เป็นที่ขายงาน ศิลปะและบริการศิลปะบันเทิงจากศิลปินอิสระทั่วไป ทั้งวาดรูป เล฽นดนตรีและมายากลเป็นต฾น... บรรยากาศที่ปิอัซ ซ฽ายามบ฽ายวันนี้ดจี ริงๆ แดดแรงๆ ร฾อนนิดๆ พอรับได฾กับปิอัซซ฽าที่รายล฾อมไปด฾วยคาเฟุ ร฾านอาหาร ร฾านไอศกรีม แผงวาดภาพ ผู฾คนมากมายมาพักผ฽อนหย฽อนใจที่นี่เต็มไปหมด

บรรยากาศร๎านอาหารรอบ Piazza Navona

พูดถึงน้ําพุสี่มหานที เราก็จัดการสร฾างแลนดแมารแคตามรอยหนังสือ Angels & Demons อีกแห฽ง ที่นี่เป็น สถานที่ที่พระคารแดินัลองคแที่ 4 ถูกถ฽วงให฾จมน้ําพุ ในหนังสือพระคารแดินัลไม฽รอดนะจ฿ะ แต฽ภาพยนตรแนั้นไม฽ใช฽ ศาสตราจารยแแลงดอนเป็นฮีโร฽มาช฽วยไว฾จนพระองคแอยู฽รอดเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองคแใหม฽เลย จะบอกว฽าพอ ได฾มาเจอน้ําพุของจริงแล฾วรู฾สึกอึ้งไป 5 วิ (หรือมากกว฽า) เพราะว฽าน้าํ พุนั้นเล็กมาก แล฾วก็ตื้นมากด฾วย ลึกถึง 30 ซม. หรือเปล฽าก็ไม฽รู฾ ดูไม฽เห็นน฽าพระคารแดินลั จะจมน้ําได฾เลย (หมายเหตุ: สําหรับสถานที่พบศพพระคารแดินัลองคแที่ 3 นั้น อยู฽ที่โบสถแซานตามาเรียเดลลาวิตโตเรีย (Santa Maria della Vittoria) ซึ่งเราไม฽ได฾ไป ส฽วนสถานที่ตามหาพระคารแ ดินัลองคแที่ 2 อย฽างแพนธีออน (Pantheon) นั้น เป็นจุดหมายต฽อไปของเราค฽ะ)

[63]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

น้​้าพุสี่มหานที (Fontana dei Quattro Fiumi; Four Rivers Fountain) [64]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

Fountain of Neptune

วันที่ 2: Rome

Fountain of the Moor

[65]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

รอบๆ ปิอัซซ฽านาโวนายังมีสถานที่นา฽ สนใจหลายแห฽ง ฝั่งตะวันตกของปิอัซซ฽าคือโบสถแซานตักเญเซ อิน อา โกเน (Sant’ Agnese in Agone) เป็นโบสถแที่สร฾างอุทิศให฾นักบุญหญิงผู฾ปกปูองเซนตแแอกเนสจากการถูกเปลื้องผ฾า กลางปิอัซซ฽า ยอดโดมและหอระฆังคูอ฽ อกแบบโดยศิลปินคู฽แข฽งของแบรแนินีชื่อบอรแโรมินี แต฽เราเลือกที่จะไม฽สนใจ โบสถแนี้ แล฾วเดินออกจากปิอัซซ฽าไปทางทิศตะวันออก ผ฽านซอย Corsia Agonale ข฾ามถนน Corso del Rinascimento หันซ฾าย เดินตรงขึ้นไปเพื่อเลี้ยวขวาเข฾าถนน Via del Salvatore เดินตรงไปจนเจอถนน Via dei Dogana Vecchia ตัดผ฽าน เลี้ยวซ฾าย ซ฾ายมือจะเป็นโบสถ์ ซันลุยจิ เดอี ฟรันเชซี (San Luigi dei Francesi) โบสถแนี้มีผลงานของคาราวัจโจถึง 3 ชิ้น เราไปถึงโบสถแประมาณบ฽ายสอง เห็นโบสถแปิดจึงเดินขึ้นไปอ฽านปูายประกาศ หน฾าประตูโบสถแก็เข฾าใจว฽าโบสถแปิดกลางวัน เดี๋ยวจะเปิดแล฾ว เราก็เลยนั่งรอโบสถแเปิดตรงบันไดหน฾าทางเข฾าโบสถแ พร฾อมนักท฽องเที่ยวอีกหลายคน... รอแล฾ว รอเล฽า ทําไมโบสถแไม฽เปิดสักที จนมีเพื่อนร฽วมชะตากรรมคนหนึ่งเดินไป อ฽านประกาศหน฾าโบสถแอีกครั้ง จึงเห็นว฽า อ฾าวววว! เขียนว฽าโบสถแปิดทุกวันพฤหัสฯ นี่นา โอยยย! ทําไมเมื่อกี้ตาถั่ว ยายถั่วขนาดนี้ ไม฽อ฽านให฾ดวี ฽าโบสถแน฽ะปิดกลางวันทุกวันก็จริง แต฽วันพฤหัสฯ น฽ะ ปิดทั้งวันเลยนะ หน฾าแตกรอเก฾อกัน ไป ว฽าแล฾วเราก็ไปแพนธีออนกันดีกว฽า

โบสถ์ซานตักเญเซ อิน อาโกเน (Sant’ Agnese in Agone)

[66]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

Piazza Navona

Pantheon

แผนที่ Piazza Navona – Pantheon

เพียงไม฽นาน เราก็มายืนอยู฽หน฾าปิอัซซ฽า เดลลา โรตอนดา (Piazza della Rotonda) สถานที่ตั้งของวิหาร แพนธีออน (Pantheon) วิหารแห฽งความมหัศจรรยแในการก฽อสร฾างและการดํารงอยู฽ วิหารแห฽งนี้มีอายุมากกว฽า 2,000 ปี (สร฾างครัง้ แรก 27 ปีก฽อนคริสตกาล) เดิมทีสร฾างขึ้นเพื่อให฾เป็นวิหารของเทพเพเกิน ต฽อมาถูกเปลี่ยนเป็น โบสถแคาทอลิก และมีการนําเอาแผ฽นทองแดงจากหลังคาไปสร฾างบุษบกเหนือหลุมศพเซนตแปีเตอรแในมหาวิหารเซนตแ ปีเตอรแ ด฾านหน฾าวิหารเป็นหน฾าจั่วสามเหลี่ยม จารึกภาษาละตินไว฾ว฽า “อะกริปปาเป็นคนสร้าง” เพื่อให฾เกียรติแก฽ ผู฾สร฾างคนแรก เมื่อเข฾าไปจะเห็นถึงความมหัศจรรยแในภูมิปัญญาทางสถาปัตยกรรมของผู฾สร฾างเมื่อกว฽า 2 พันปี ภายในวิหารมีลักษณะเป็นโถงและโดมวงกลม ความสูงและความกว฾างเท฽ากันคือ 44 เมตร จุดรับแสงจุดเดียวของ วิหารอยู฽ที่ยอดโดมมีชื่อว฽าโอคูลุส (Oculus) หมายถึงดวงตา เป็นรูกลมเจาะเพือ่ ให฾แสงและอากาศผ฽านเข฾ามาภายใน ในเชิงสัญลักษณแ รูกลมนี้หมายถึงการเชื่อมต฽อระหว฽างโบสถแกบั พระผู฾เป็นเจ฾า ในยามที่ฝนหรือหิมะตก น้าํ จะถูก ระบายออกผ฽านรูระบายน้าํ เล็กๆ 22 แห฽งที่อยู฽บนพื้นหินอ฽อน ต฾องสังเกตดีดีถึงจะเห็น เนื่องจากสีและขนาดกลืนกับ สีพื้นหินอ฽อนมาก (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี และหนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม)

[67]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ปิอัซซํา เดลลา โรตอนดา (Piazza della Rotonda) และแพนธีออน (Pantheon)

[68]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ภายในแพนธีออน เป็นสุสานเก็บพระศพของกษัตริยแ วิตโตริโอ เอมมานูเอลที่ 2 (ชื่อเดียวกับอนุสาวรียแที่อยู฽หน฾า Piazza Venezia) และกษัตริยอแ ุมเบอรแโตที่ 1 และยังเป็น หลุมฝังศพของยอดศิลปินราฟาเอล (Raphael) ซึ่งอยู฽ที่ ด฾านซ฾ายของแท฽นบูชา (หมายเลข 5 ตามแผนผัง) ในหนังสือ และภาพยนตรแเรื่อง Angels & Demons ศาสตราจารยแแลง ดอนหลงแปลสาสแนของผู฾ร฾ายผิดเลยพาเรามาแวะหาพระคารแ ดินัลที่แพนธีออน เพราะคิดว฽าข฾อความในสาสแนหมายถึงหลุม ศพของราฟาเอล แต฽จริงๆ แล฾วกลับต฾องเป็นโบสถแที่ราฟาเอ ลออกแบบซึ่งมีสุสานและรูปปั้นเทพเจ฾าอยู฽ด฾วย นั่นก็คือโถง สวดมนตแกีจีของราฟาเอล (Raphael’s Chigi Chapel) ใน โบสถแ Santa Maria del Popolo ที่เราไปมาแล฾วเมื่อวาน นั่นเอง

[69]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

จุดรับแสงจุดเดียวของวิหาร; โอคูลุส (Oculus)

วันที่ 2: Rome

รูระบายน้​้า

หลุมฝังศพราฟาเอล

[70]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

แผนผังภายใน Pantheon (Credit: www.planetware.com)

นอกจากแพทธีออนแล฾ว ที่หน฾า Piazza della Rotonda ยังเป็นที่ตั้งของน้ําพุและเสาโอเบลิสกแโบราณ รอบๆ ปิอัซซ฽า เป็นร฾านค฾าขายของที่ระลีกและร฾านอาหารให฾ผู฾คนแวะเข฾ามากิน ดื่มและพบปะกัน เวลาเปิด: วันจันทรแถึงวันเสารแ 9.00 – 19.30 น. วันอาทิตยแ 9.00 – 18.00 น. วันหยุดอื่นๆ (public holidays) หากตรงกับวันธรรมดา เปิด 9.00 – 13.00 น. ปิดวันที่ 1 มกราคม (วันปีใหม฽) 1 พฤษภาคม (วัน แรงงาน) และ 25 ธันวาคม (วันคริสตแมาส) เข฾าชมฟรี ออกจากวิหารแพนธีออน เดินเลยไปทางด฾านหลังทางซ฾ายของวิหาร ผ฽านถนน Via della Minerva จะพบ กับปิอัซซ฽า เดลลา มิแนรแวา (Piazza della Minerva) ซึ่งมีอนุสาวรียแช฾างน฾อยแบกเสาโอเบลิสกแ ฝีมือของแบรแนินี่ตั้ง ตระหง฽านอยู฽ ที่จัตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ซานตามาเรีย โซปรา มิแนร์วา (Santa Maria sopra Minerva) โบสถแ กอธิกแท฾แห฽งเดียวในโรม ภายในโบสถแโดดเด฽นด฾วยภาพฝาผนังปูนเปียกเฟรสโกของฟิลิปโป ลิปปี และมีรูปแกะสลัก Cristo della Minerva (Christ the Redeemer, Christ Carrying the Cross, หรือ Risen Christ) พระเยซูแบก ไม฾กางเขน ผลงานของมิเคลันเจโลอยู฽ทางด฾านซ฾ายของแท฽นบูชาด฾วย แต฽เดิมมิเคลันเจโลแกะสลักพระเยซูเปลือย กายทั้งหมด ต฽อมาทางโบสถแจึงมีการทําผ฾าเตี่ยวสีบรอนซแทองมาปิดเพิ่มภายหลัง [71]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

เวลาเปิด: วันจันทรแถึงวันศุกรแ 6.45 – 19.00 น. วันเสารแ 6.45 – 12.30 น. / 15.30 – 19.00 น. วัน อาทิตยแ 8.00 – 12.30 น. / 15.30 – 19.00 น. เข฾าชมฟรี

อนุสาวรีย์ช๎างน๎อยแบกเสาโอเบลิสก์ของแบร์นินี่

Risen Christ ของมิเคลันเจโล [72]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

จากโบสถแ Santa Maria sopra Minerva เรามุ฽งหน฾าต฽อไปยังโบสถ์เยซู (Chiesa del Gesu) กว฽าจะหา โบสถแเจอ เล฽นเอาหลงเหมือนกัน จริงๆ โบสถแใหญ฽ หาไม฽ยาก แต฽เราต฾องเดินผ฽านดงแก฿งอันธพาลมาเฟียอิตาลีอะไร ซักอย฽างแถวๆ นั้น เลยทําให฾เราต฾องเดินอ฾อมไปอีกทาง ทําให฾หลงทางไปหน฽อย

Route to go: Santa Maria sopra Minerva to Chiesa del Gesu

โบสถแเยซูเป็นโบสถแของนิกายเยซูอิต นิกายย฽อยของโรมันคาทอลิกที่มุ฽งต฽อต฾านการปฏิรูปศาสนา โดยเฉพาะ การต฽อต฾านพวกนิกายโปรแตสแตนทแ (แหม฽!!...) โบสถแเป็นศิลปะแบบบารอก ภายในตกแต฽งให฾เริ่ดหรูอลังการด฾วย งานศิลปะชั้นยอดมากมาย เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ฽ของศาสนจักรที่โรม และเป็นเครื่องชักจูงให฾ผู฾คนกลับมาศรัทธา ศาสนาอีกครั้ง (ช้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี และหนังสือ Top 10 โรม) ผลงานเด฽นในโบสถแคือภาพ The Triumph of the Name of Jesus ของอีลบาชิชชา ที่อยูบ฽ นเพดานโบสถแ เป็นภาพเหล฽าเทวดาและนักบุญกําลัง เสด็จเข฾าสู฽สวรรคแผ฽านช฽องหลังคา เวลาเปิด: ทุกวัน 7.00 – 12.30 น. / 16.00 – 19.45 น. เข฾าชมฟรี

[73]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

ด๎านหน๎าโบสถ์เยซู (Chiesa del Gesu)

วันที่ 2: Rome

The Triumph of the Name of Jesus

จากโบสถแเยซู ก็เป็นเวลาบ฽ายแก฽ๆ พอดี ได฾เวลาเข฾ามฝั่งแม฽น้ําไทเบอรแไปยังเขตตราสเตเวเร (Trastevere) กันแล฾ว คําว฽าตราสเตเวเรนั้น มาจากคําว฽า เตเวเร (Tevere) คนอิตาเลียนหมายถึงแม฽น้ําไทเบอรแ และตราส (Tras) แปลว฽าข฾าม ตราสเตเวเรจึงแปลตรงตัวได฾ว฽าข฾ามแม฽นา้ํ ไทเบอรแ นั่นก็คืออีกฝั่งหนึ่งของแม฽น้ําไทเบอรแนั่นเอง แต฽เดิม ย฽านนี้เป็นเขตของชนชั้นแรงงานและชุมชนชาวยิว แต฽ปัจจุบันชนชั้นกลางมาอยู฽อาศัยมากขึ้น และมีการส฽งเสริมให฾ เป็นแหล฽งท฽องเที่ยว ตราสเตเวเรในปัจจุบันจึงเต็มไปด฾วยร฾านค฾า ร฾านอาหาร ตลาด ผับบารแเกิดขึ้นมากมาย (ข้อมูล จากหนังสือใครๆ ก็เทีย่ วอิตาลี และหนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม) วิธีการเดินทางไปตราสเตเวเรทําได฾สะดวกโดยการขึ้นรถรางสาย 8 ที่ปูาย Largo di Torre Argentina (Argentina stop) ปูายนี้เป็นปูายใหญ฽ คนขึ้นเยอะ รถรางผ฽านก็หลายสาย เราขึ้นรถรางไป 2 ปูาย ข฾ามฝั่งแม฽น้ําไท เบอรแไปลงที่สถานี Belli สภาพบ฾านเรือน บรรยากาศฝั่งตราสเตเวเรดูค฽อนข฾างแตกต฽างจากฝั่งโรมนิดหน฽อย คือฝั่ง ตราสเตเวเรจะโทรมๆ เก฽าๆ กว฽าฝั่งโรม แผนการสําคัญสําหรับปิดท฾ายการท฽องเที่ยววันนี้คือการหาอาหารเย็นแบบ full course กินที่ตราสเตเวเรนี่ล฽ะ อดอยากมาหลายมื้อแล฾ว เหนือ่ ยจากการเดินทางก็มาก ค่าํ นี้ต฾องปิดจ฿อบ ฮึ่มๆๆ ก฽อนได฾เวลาสวาปาม เราแวะไปยังโบสถแสําคัญที่ตราสเตเวเรก฽อนคือโบสถแ Santa Maria in Trastevere ใช฾เวลาเดินประมาณ 10 นาที... จากสถานี Belli เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ แล฾วเลี้ยวขวาเข฾าถนน Via della Lungaretta (ซึ่งมีความกว฾างเท฽ากับซอยบ฾านเรา) เดินตรงไปเรื่อยๆ ระหว฽างทางจะผ฽านร฾านอาหาร ร฾านขายของ [74]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

โบสถแ แหล฽งชุมชนไปเรื่อยๆ สุดท฾ายก็จะเจอปิอัซซ฽าชื่อเดียวกับโบสถแ มีน้ําพุเล็กๆ มีบันไดขั้นๆ ล฾อมน้าํ พุไว฾ รอบๆ ปิอัซซ฽าก็เป็นร฾านอาหารใหญ฽ๆ หลายร฾าน เรานั่งปั๊มนมที่นี่ เหนื่อยหน฽อย เพราะคนเยอะ แถมเจอคนสูบบุหรี่และคน เมาด฾วย ดีนะปั๊มนมทิ้ง ถ฾าปั๊มเก็บนี่คงทุลักทุเลยิ่งกว฽านี้

Route to go: Belli to Santa Maria in Trastevere

โบสถ์ซานตามาเรีย อิน ตราสเตเวเร (Santa Maria in Trastevere) เป็นโบสถแที่คาดว฽าเก฽าแก฽ ที่สุดในโรม สร฾างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด฽พระแม฽มาเรีย จุดเด฽นอยู฽ที่ระเบียงด฾านนอกโบสถแมภี าพกระเบื้องโมเสกเก฽าแก฽ ตั้งแต฽ศตวรรษที่ 12 ชื่อภาพ Madonna and Child นอกจากนี้ภายในก็ยังมีกระเบื้องโมเสกเล฽าประวัติของพระแม฽ มาเรียชื่อภาพ Life of the Virgin โดยปิเอโตร กาวัลลีนี (Pietro Cavallini) ประดับตกแต฽งอยู฽ส฽วนครึ่งล฽างของโดม อย฽างสวยงาม (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็เที่ยวอิตาลี และหนังสือ Top 10 โรม) เวลาเปิด: ทุกวัน 7.30 – 21.00 น. เข฾าชมฟรี

Piazza Santa Maria in Trastevere และโบสถ์ Santa Maria in Trastevere

[75]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

Madonna and Child ภาพกระเบื้องโมเสกที่ระเบียงด๎านหน๎าโบสถ์

Life of the Virgin ภาพกระเบื้องโมเสกเกําแกํภายในโบสถ์

[76]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ชมโบสถแเสร็จ เวลายังเหลือเฟือ เราเลยจะดิ่งไปร฾านอาหารที่ตามคําแนะนําของหนังสืออิตาลี สํานักพิมพแ วงกลม นั่นคือร฾าน Ristorante Pizzeria La Fraschette Trastevere เดินจากโบสถแไปไม฽ไกล ประมาณ 5 นาที (ตามแผนที่) แต฽พอไปถึงร฾าน พนักงานบอกร฾านเปิดทุ฽มนึง แต฽ตอนนั้น 6 โมงกว฽าๆ เราก็เลยเดินไปดูโบสถแแถวๆ นั้น ฆ฽าเวลา พร฾อมกับแวะร฾านซูเปอรแมารแเก็ตแถวนั้น ซื้อขนมกรุบกรอบกินแก฾หิว

Route to go: Santa Maria in Trastevere to Ristorante Pizzeria La Fraschette Trastevere

พอได฾เวลาก็กลับมาที่ร฾านอาหาร ดูจากภายนอกและภายในร฾าน ดูซอมซ฽อ มึนๆ ทึมๆ บอกตามตรงว฽าเรา ไม฽คิดว฽าคนจะเข฾าร฾านเลย แต฽พอเราเข฾าไปไม฽นานเท฽าไหร฽ ลูกค฾ารายอื่นก็เริ่มทะยอยเข฾ามาเรื่อยๆ ภายในเวลาไม฽ถึง ครึ่งชั่วโมงคนก็แน฽นร฾าน ไม฽อยากจะเชือ่ เลย แสดงว฽าร฾านนี้ฮอตฮิตพอตัวทีเดียว เราสั่งพาสต฾ามาคนละจาน... ขอ บอกว฽าอืดดดดมากกก เพราะชีสในพาสต฾าทําพิษ แล฾วก็สั่งหอยแมลงภู฽ในซอสมะเขือเทศจานบิ๊กเบิ้มอีก 1 จาน เป็น การกินที่ทําร฾ายร฽างกายมากๆ อิ่มอืดสุดๆ แต฽อาหารรสชาติดีนะคะ อร฽อยอยู฽ ถึงว฽าคนตรึม

[77]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 2: Rome

ขากลับ เราเดินออกจากร฾าน เลี้ยวขวาเดินตรงมาเจอสี่แยก (เดินเลยขึ้นไป ไม฽ยอ฾ นกลับไปทางโบสถแซานตา มาเรียฯ) จะเจอถนน Viale di Trastevere ตัดผ฽าน ให฾เลี้ยวซ฾าย ข฾ามถนนมาอีกฝั่ง จะเจอปูายรถราง Trastevere/Mastai ให฾ขึ้น tram No. 8 (ปลายทาง Argentina) ไปลงที่สถานี Argentina เหมือนเดิม จากนั้นขึ้น รถบัส No. 64 (ปลายทาง Termini) นั่งไป 6 ปูาย ลงที่สถานี Termini แล฾วเดินกลับโฮสเทล ขากลับรถสาย 64 นี่ คนเยอะมว฾ากกก เบียดกันซะ เมื่อยก็เมือ่ ย แถมรถยังติดยังกับกรุงเทพฯ อีกต฽างหาก เหนื่อยมาก นี่แค฽วันที่ 2 นะ... พรุ฽งนี้เรายังมีงานหนักและงานใหญ฽ที่สุดกับประเทศที่เล็กที่สุดในโลกอย฽างวาติกนั เพราะฉะนั้น คืนนี้ขอหลับเป็น ตายก฽อน... อ฾อ! ไม฽ได฾สิ ต฾องตื่นมาปั๊มนมอีก 3 รอบด฾วย เฮ฾อออ!! สลบ

[78]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

วันที่ 3: Vatican City

[79]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

เข฾าสู฽เช฾าวันที่ 3 ของการท฽องเที่ยว เราตื่นเช฾าเหมือนเดิม รับคูปองกินอาหารเช฾า ก฽อนออกเดินทางไป ประเทศที่เล็กที่สุดในโลกและเป็นศูนยแกลางของคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิก...วาติกัน (Vatican) โปรแกรมใน วันนี้เราจะหลงเข๎าไปอยูํกับศาสนาคริสต์และงานศิลปะที่เกี่ยวข๎องกับศาสนาคริสต์ที่วาติกันเกือบทั้ง วัน เริ่มต๎น จากครึ่งวันเช๎าทีม่ หาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Basilica di San Pietro; Saint Peter’s Basilica) ทั้งบริเวณจัตุรสั เซนต์ปีเตอร์ (Piazza San Pietro; Saint Peter’s Square) ภายในมหาวิหารและขึ้นลิฟต์ครึ่งหนึ่ง เดินขึ้น บันไดอีก 320 ขั้นเพื่อไปพิชิตยอดโดมของมหาวิหาร สํวนครึ่งวันบํายเราก็จะเทเวลากวํา 3 ชั่วโมงให๎กบั พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะล้​้าคํามากที่สุดในโลกอยํางพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museum) ปิดท๎ายชํวง เย็นๆ กับปราสาทซานตังเจโล (Castel Sant’ Angelo) ที่อยูํไมํไกลกัน เป็นอันจบภารกิจประจ้าวัน

แผนการเดินทางในวันที่ 3

เพื่อให฾การเที่ยวชมวาติกันเป็นไปอย฽างออกอรรถรสอย฽างเต็มที่ เราจึงต฾องทําการศึกษาความเป็นมาของ ประเทศนี้กันเสียก฽อน (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี Top 10 โรม และหนังสือ Vatican with all the restored by Sonia Gallico และ wikipedia) วาติกันหรือชื่อเต็ม นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City) เป็นรัฐอิสระปกครองตนเอง ตั้งอยู฽ใน กรุงโรม อิตาลี โดยมีกําแพงเมืองล฾อมรอบ มีพื้นที่เพียง 440,000 ตารางเมตร จึงนับว฽าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก ที่สุดในโลก แต฽กระนั้นวาติกันก็มีสถานีรถไฟ สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ สานักงานไปรษณีย์-แสตมป์ ธนาคาร ลาน จอดเฮลิคอปเตอร์ โรงพิมพ์และเรือนจาเป็นของตนเอง ประวัติศาสตร์ เดือนกุมภาพันธแ ค.ศ. 1929 สํานักวาติกันกับรัฐบาลอิตาลีได฾ตกลงทําสนธิสัญญาลาเตรัน (Lateran Treaty) หรือบางแห฽งเรียกว฽าสนธิสัญญาไกล฽เกลี่ย (Conciliation Treaty) ซึ่งระบุให฾นครรัฐวาติกันมี [80]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ฐานะเป็นประเทศอิสระและมีอธิปไตยเป็นของตนเอง ตามสนธิสัญญา ยังระบุให฾วาติกันมีอํานาจครอบครอง สิ่งก฽อสร฾างหลายแห฽งภายในโรมที่อยู฽นอกกําแพงเมืองวาติกันเช฽นโบสถแเซนตแปอล โบสถแซานตามาเรีย มัจจอเร ปราสาทซานตังเจโลและรวมทั้งสิ่งก฽อสร฾างอื่นๆ อีก 10 กว฽าแห฽ง การปกครอง วาติกันมีสมเด็จพระสันตะปาปาหรือโปฺปเป็นประมุขของรัฐ และยังเป็นประมุขของคริสตจักร คาทอลิกและบิชอปแห฽งโรม ทุกอย฽างในกรุงวาติกัน (ประกอบด฾วยจัตุรัสเซนตแปีเตอรแ มหาวิหารไปจนถึงแนวเสา คอลัมนแที่ล฾อมรอบและพื้นที่ทั้งหมดภายในกําแพงเมืองวาติกัน) นั้นอยูภ฽ ายใต฾การปกครองดูแลของสมเด็จพระ สันตะปาปา นั่นจึงทําให฾วาติกันเป็นสันตะสํานักหรืออาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy See) ที่เป็นรัฐอิสระและปกครอง ตนเอง ประชากร ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 900 คนอาศัยอยู฽ในวาติกัน โดยเป็นผู฾หญิงประมาณ 200 คน แต฽มี ผูค฾ นเข฾ามาทํางานในวาติกันรวมแล฾วประมาณ 1,300 คน นั่นหมายความว฽าส฽วนใหญ฽แล฾วไม฽ใช฽ชาววาติกัน แต฽เป็น ชาวโรมนั่นเองที่เข฾ามาทํางานแบบไปเช฾าเย็นกลับ สวิสการ์ด (The Swiss Guard) ใครที่พอรู฾เรื่องราวของวาติกันมาบ฾าง รวมทั้งแฟนหนังสือและภาพยนตรแ Angels & Demons คงจะรู฾จักและนึกภาพสวิสการแดออก สวิสการแดเป็นชื่อของทหารรักษาการณแประจํากรุงวาติกัน มี หน฾าที่เป็นองครักษแให฾กับพระสันตะปาปา และรักษาความ ปลอดภัยให฾กรุงวาติกัน มีจาํ นวนรวมประมาณ 100 คน ซึ่ง ตําแหน฽งนี้มีมาตั้งแต฽ค.ศ. 1506 คุณสมบัติของผู฾ที่ทําหน฾าที่ เป็นสวิสการแดคือ ต฾องเป็นทหารเพศชายชาวสวิตเซอรแแลนดแ (ถึงชื่อว฽าสวิสการแดไงจ฿ะ) โสด อายุระหว฽าง 19-30 ปี นับถือ ศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิก มีความสูงไม฽ต่ํากว฽า 174 ซม. แต฽ละคนจะทําหน฾าที่ในตําแหน฽งอย฽างน฾อย 2 ปี เอกลักษณแสําคัญอย฽างหนึ่งที่ผู฾คนทั่วไปจะนึกถึงสวิสการแดก็ คือเครือ่ งแต฽งกายของพวกเขา ด฾วยชุดที่เราว฽าเหมือนตัวตลก โบโซ฽ (ไม฽ได฾มีเจตนาจะดูหมิ่นแต฽อย฽างใด แต฽มันก็คล฾ายจริงๆ นะ ว฽าไหม) ชุดแขน-ขายาวลายทางแนวตั้งสีส฾มสลับน้ําเงิน แขนเสื้อและขากางเกงพองลม ว฽ากันว฽าชุดนี้ออกแบบโดยมิเคลันเจโลเชียวนะ บางคนก็บอกว฽าแท฾จริงแล฾วเป็น ฝีมอื ของราฟาเอลต฽างหาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง 2 ท฽านก็ยอดศิลปินทั้งคู฽ การคัดเลือกพระสันตะปาปา ดูภาพยนตรแ Angels & Demons อีกสักครั้งจะทําให฾ภาพบรรยากาศลอย ออกมาจากตัวหนังสือเลย การเลือกตั้งพระสันตะปาปานั้นจะกระทําการทันทีที่พระสันตะปาปาองคแที่ดํารงตําแหน฽ง สิน้ พระชนมแลง โดยพระราชาคณะทั้งหมด (บิชอปและอารแคบิชอป) 120 ท฽าน สถานที่จัดการลงคะแนนเลือกตั้งคือ ภายในวัดน฾อยหรือโบสถแซีสทีน (Sistine Chapel) พระราชาคณะจะไม฽สามารถออกไปไหนได฾จนกว฽าการเลือกตั้ง พระสันตะปาปาองคแใหม฽จะแล฾วเสร็จ [81]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

แผนผังนครรัฐวาติกัน Credit: wikipedia [82]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

แผนผังนครรัฐวาติกัน Credit: wikipedia [83]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

การเลือกตั้งก็มีวธิ ีการเฉพาะไม฽เหมือนใคร นั่นคือการให฾พระราชาคณะทําการลงคะแนนลับวันละ 4 ครั้ง จนกว฽าจะมีผู฾ได฾คะแนนเสียง 2 ใน 3 บัตรลงคะแนนเสียงในแต฽ละรอบจะถูกเผาหลังจากนับคะแนนแล฾ว ผู฾คนที่เฝูา รอผลการเลือกตั้งอยูภ฽ ายนอกโบสถแ สามารถทราบผลการเลือกตั้งจากการสังเกตสีควันจากปล฽องไฟที่ปล฽อยออกมา จากโบสถแซีสทีน หากควันไฟเป็นสีดํา นัน่ หมายถึงผลการเลือกตั้งยังไม฽มีผู฾ใดได฾คะแนนเด็ดขาด แต฽หากควันไฟเป็นสี ขาวก็แสดงว฽ามีผู฾ได฾รับคะแนนเสียงอย฽างเด็ดขาดแล฾ว หัวหน฾าพระราชาคณะผู฾จัดการเลือกตั้งจะเป็นผูป฾ ระกาศชื่อ พระสันตะปาปาองคแใหม฽และองคแพระสันตะปาปาจะออกมาพบสาธารณชนครั้งแรกทางระเบียงโบสถแเซนตแปีเตอรแ แม฾วาติกันจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กมากๆ แต฽สิ่งต฽างๆ ที่อยู฽ในวาติกนั นั้นล฾วนมีประวัติศาสตรแอัน ยาวนานมีความล้าํ ค฽าและควรค฽าแก฽การได฾ศึกษา เยีย่ มชมและสัมผัสเป็นอย฽างมาก สวนทางกับขนาดของประเทศ จริงๆ ดังนั้นตามความเห็นของเรา การท฽องเที่ยวในวาติกันให฾ครบถ฾วน แม฾จะไม฽สมบูรณแนัก ควรให฾เวลากับที่นี่ 1 วัน เต็มเลยนะคะ (เช฾าตรูจ฽ รดเย็นย่าํ ) แล฾วคุณจะอิ่มใจ (แม฾ไม฽อิ่มกายเพราะไม฽มีเวลากิน) กับสิ่งที่ได฾เรียนรู฾ ได฾เห็นและได฾ สัมผัส (บ฾าง) จากที่นี่ค฽ะ การเดินทางสู฽วาติกันของเราจาก M&J Place Hostel สามารถทําได฾ 2 ทางคือ 1. นั่งเมโทร A ปลายทาง Battistini ไปลงที่สถานี San Pietro (6 ปูาย 22 นาที) หรือ 2. นั่งรถบัสสาย 64 จาก Termini ปลายทาง Piazza Staione San Pietro นั่งไป 15 ปูาย 20 นาที ลงที่สถานี Cavalleggeri S.Pietro ซึ่งเราเลือกวิธีหลัง เพราะว฽าจะ เดินถึงจัตุรัสเซนตแปีเตอรแได฾ใกล฾กว฽า โดยที่สถานี Cavallegeri S. Pietro พอลงรถ กําแพงเบื้องหน฾าคือกําแพงเมือง วาติกันแล฾วนะคะ ให฾หันขวาแล฾วเดินเลียบกําแพงตรงขึ้นไปตามถนน Via di Porta Cavallegeri พอเจอสี่แยกแรก (ข฾างหน฾าเป็นอุโมงคแ) ให฾เลี้ยวซ฾าย เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอเสาคอลัมนแที่ล฾อมรอบจัตุรัสเซนตแปีเตอรแไว฾อยู฽ตรงหน฾า นั่นก็หมายความว฽าเราได฾ก฾าวข฾ามเขตประเทศวาติกันเข฾ามาแล฾ว เบื้องหน฾าที่เห็นคือจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ (Piazza San Pietro; Saint Peter’s Square) และมหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ (Basilica di San Pietro; Saint Peter’s Basilica) ในอดีต ตําแหน฽งที่ตั้งของจัตุรัสและมหา วิหารเซนปีเตอรแเคยเป็นสนามแข฽งม฾าของจักรพรรดิเนโรผู฾โหดเหี้ยม (Circus of Nero) โดยบริเวณทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือยังเป็นสุสานของชาวเพเกิน (Necropolis) ที่ necropolis นี้ยังเป็นที่ฝังศพของเซนตแปีเตอรแ (พระสันตะปาปาองคแแรก) ที่ถูกตรึงกางเขนในลักษณะห฾อยหัวลง (เซนตแปีเตอรแมิอาจให฾ตัวเองถูกตรึงกางเขนใน ลักษณะเดียวกับพระเยซูคริสตแ เนื่องจากเป็นการล฽วงละเมิดพระเกียรติ จึงขอให฾ตรึงกางเขนแล฾วจับ ท฽านห฾อยหัวลง มา) มีสาวกได฾แอบทําสัญลักษณแบอกตําแหน฽งไว฾ ต฽อมาเมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินได฾ประกาศให฾ศาสนาคริสตแเป็น ศาสนาประจําอาณาจักรโรมัน จึงมีการสร฾างวิหารเล็กๆ ขึ้นเหนือหลุมฝังศพของเซนตแปีเตอรแ และมีการปรับปรุงใหม฽ หลายครั้ง จนเมื่อต฾นศตวรรษที่ 16 พระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 จึงเริ่มให฾มีการสร฾างวิหารหลังใหญ฽โตอย฽างที่เห็นใน ปัจจุบัน โดยใช฾เวลาสร฾างนานกว฽า 150 ปี ใช฾ยอดฝีมือในศิลปะแขนงต฽างๆ แห฽งยุคเรอเนสซองสแและบารอกหลายคน ช฽วยกันรังสรรคแวิหารที่ใหญ฽โตที่สุดในโลกหลังนี้ เริ่มต฾นจากบรามันเต (Bramente) ในปีค.ศ. 1506 ต฽อด฾วยมิเคลัน เจโลในปี 1547 ส฽วนทางเดินภายในมหาวิหารเพื่อเข฾าสู฽แท฽นบูชาเป็นผลงานของมาแดรแโนมาทําต฽อในต฾นศตวรรษที่ 17 นอกจากนี้ยังมีผลงานของราฟาเอล เปรุซซี จาโกโม เดลลาปอรแตาและแบรแนินี เป็นต฾น (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) [84]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Dome of St.Peter’s

Sistine Chapel

The Sacristy & Treasury Scavi Office

Statues on the façade

The Façade

Info & Post Office Statue of St.Peter Restrooms

Statue of St.Paul Bronze Doors

Apostolic Palace Papal Apartment

Colonades & 140 Statues

The Passetto

แผนผัง Saint Peter’s Square และบริเวณโดยรอบ ที่มา: http://stpetersbasilica.info/Exterior/SP-Square-Area.htm

[85]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

จัตุรัสเซนต์ปเี ตอร์ (Piazza San Pietro; Saint Peter’s Square) เป็นผลงานการออกแบบของแบรแ นินี สร฾างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1656 – 1667 ประกอบด฾วย 2 ส฽วน ส฽วนแรกที่ติดกับมหาวิหารเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมคางหมู มี ระเบียงหน฾าโบสถแ (façade) ผลงานของคารแโล มาแดรแโน (Carlo Maderno) เป็นฉากหลัง ส฽วนที่สองบริเวณลาน กว฾างเป็นรูปวงรี ตรงกลางมีเสาโอเบลิสกแตั้งตะหง฽าน ข฾างกันไม฽ไกลมีน้ําพุขนาบข฾าง ล฾อมรอบด฾วยเสาคอลัมนแ 2 ข฾าง เรียงต฽อกันเป็นรูปครึ่งวงรี ซึ่งแบรแนินีให฾ความหมายว฽าเปรียบเสมือนแขนที่กางออกเพื่อต฾อนรับทั้งผู฾ที่เป็นคาทอลิก อยู฽แล฾ว คนนอกศาสนารวมทั้งพวกนอกรีตให฾เข฾ามารับเชื่อพระผู฾เป็นเจ฾า แต฽ละแถวตอนของเสาคอลัมนแ ประกอบด฾วยเสา 4 เสาเรียงห฽างกันในระยะเท฽าๆ กัน ความน฽าทึ่งของการออกแบบของแบรแนินีอยู฽ที่เมื่อลงไปยืนอยู฽ บนจุดกึ่งกลางระหว฽างเสาโอเบลิสกแกับน้ําพุของแต฽ละด฾าน จะมองเห็นเฉพาะเสาแถวหน฾าแถวเดียวเท฽านั้น (ข้อมูล จากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) ตัวจัตุรัสนั้นกว฾าง 240 เมตร ลึก 340 เมตร เสาคอลัมนแจํานวน 284 ต฾นนั้นเรียงต฽อกันเป็นแถว แถวละ 4 ต฾น แต฽ละต฾นสูง 15 เมตร ด฾านบนเสาเป็นหลังคาซึ่งมีระเบียงล฾อมรอบ ตลอดแนวระเบียงหลังคาเป็นผลงาน แกะสลักของลูกศิษยแของแบรแนินี เป็นรูปปั้นของนักบุญทั้งหลายยืนเรียงรายอยูก฽ ว฽า 140 องคแ เสาโอเบลิสกแที่ตั้งอยู฽ใจกลางจัตุรัสมีชื่อว฽า เสาวาติกัน (Vatican Obelisk) ทําหน฾าที่เป็นนาฬิกาแดด เคย ถูกใช฾ใน Circus of Nero ต฽อมาสมเด็จพระสันตะปาปาซิตุสที่ 5 ได฾มีคําสั่งย฾ายมาไว฾ที่จัตุรัสเซนตแปีเตอรแในปีค.ศ. 1585 สําหรับน้าํ พุที่ขนาบสองข฾างนั้น ด฾านขวามือ (หันหน฾าเข฾ามหาวิหาร) เป็นผลงานของมาแดรแโน และด฾าน ซ฾ายมือเป็นผลงานของแบรแนินี หน฾าโบสถแเซนตแปีเตอรแด฾านซ฾ายมีรูปปั้นเซนตแปีเตอรแถือกุญแจไขประตูสู฽สวรรคแ ด฾านขวาเป็นรูปเซนตแปอลถือพระคัมภีรแ

[86]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ระเบียงหน๎าโบสถ์ (Façade) ผลงานของมาแดร์โน

รูปปั้นเซนต์ปีเตอร์ [87]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

เสาคอลัมน์ของแบร์นินีล๎อมรอบจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์

[88]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ตรงกลางจัตุรัส ด฾านหน฾ามหาวิหารที่เราไปในวันนี้ เต็มไปด฾วยเก฾าอี้วางเรียงรายเต็มลานไปหมด เหมือนว฽า คงเตรียมจัดงานอะไรสักอย฽าง ทําให฾เสียอรรสรถในการถ฽ายรูปไปมากทีเดียว เช฾าวันนีอ้ ากาศเย็นมาก (แต฽ก็เป็น เฉพาะช฽วงเช฾าอะนะ) เราถ฽ายรูปด฾านหน฾าจัตุรัสจนพอใจ ก็ได฾เวลาต฽อแถวเข฾าไปชมความอลังการภายในมหาวิหารกัน แล฾ว หันหน฾าเข฾ามหาวิหาร ให฾เดินวนทวนเข็มนาฬิกา (ไปทางขวา) แถวเข฾ามหาวิหารจะเริ่มจากแถวๆ นั้น ตอนเช฾า คนยังต฽อคิวน฾อย ทําให฾สบายมากๆ แปฺบเดียวก็ผา฽ นช฽องตรวจสัมภาระและเครื่องแต฽งกายเข฾าไปภายในมหาวิหารได฾ การแต฽งกายเข฾ามหาวิหารนี้สําคัญมากนะคะ ต฾องแต฽งกายสุภาพ ให฾เกียรติสถานที่เหมือนเข฾าวัดเมืองไทย ห฾ามนุ฽งสั้ น เด็ดขาด ที่วาติกันไม฽มีผ฾าถุงให฾เช฽านุ฽งเหมือนวัดพระแก฾วด฾วยนะ แต฽งตัวผิดกฎ ไม฽เข฾าพวกนี่คุณการแดเชิญออกอย฽าง เดียวเลย เราเห็นตัวอย฽างของจริงต฽อหน฾าต฽อตามาแล฾ว เป็นนักท฽องเที่ยวชาวไทยซะด฾วย ต฽อแถวอยู฽หน฾าเราเลย มา กันเป็นกลุ฽มครอบครัว มีหนึ่งคนในกลุ฽มนั้นนุ฽งกระโปรงสั้นเหนือเข฽ามาก เจ฾าหน฾าที่ตรวจก็เลยไม฽ยอมให฾เข฾า อ฾อนวอน อย฽างไรเขาก็ไม฽ยอม ต฾องให฾ไปหากระโปรงหรือกางเกงตัวใหม฽มานุ฽ง คุณคนนุ฽งสั้นคนนั้นก็เลยอดเข฾าอยู฽คนเดียว >_< มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Basilica di San Pietro; Saint Peter’s Basilica) ตั้งแต฽เราผ฽านช฽องตรวจ สัมภาระและเครื่องแต฽งกาย เดินผ฽านประตูสีบรอนซแ (Bronze doors – หมายเลข 10 ในแผนผัง St. Peter’s Square) เดินตรงไปตามทางเพื่อจะเข฾าสู฽ตัวมหาวิหาร เราก็ยิ่งเริ่มรู฾สึกตื่นเต฾นปนสงสัยขึ้นเรื่อยๆ ว฽าสิ่งที่เราจะได฾ เห็นภายในมหาวิหารนั้นจะยิ่งใหญ฽อลังการสมดังคําร่ําลือที่ได฾ยิน ดังภาพที่เคยได฾เห็นผ฽านสื่อต฽างๆ หรือไม฽แค฽ไหน พอก฾าวเท฾าเข฾าไปภายในตัวมหาวิหารจริงๆ ก็รู฾สึกงงๆ นะ ทึ่งๆ ปนงงๆ นิดหน฽อย ด฾วยความที่มหาวิหารใหญ฽ มาก ทางเดินเข฾าสู฽แท฽นบูชายาวมาก งานประติมากรรมก็เยอะมาก ถึงแม฾ผู฾คนในยามเช฾าวันนี้ถือว฽าจํานวนไม฽มากนัก ยังมี ที่เหลือให฾ยืนแอ็คท฽าถ฽ายรูปแบบไม฽เบียดเสียด แต฽ความยิ่งใหญ฽ของมหาวิหารก็ทําเราเริ่มต฾นเดินไม฽ถูกเหมือนกัน เพื่อไม฽ให฾คุณๆ และเราๆ (ถ฾ามีโอกาสได฾ไปอีกนะ) ต฾องเสียเวลากับการเหวอ เรามาเริ่มต฾นเดินชมสิ่งล้ําค฽าน฽าดูชม ภายในมหาวิหารเซนตแปีเตอรแโดยอาศัยแผนผังภายในมหาวิหารเข฾าช฽วยอย฽างเป็นระบบแบบนี้ดีกว฽าค฽ะ... ปล. เพิ่งค฾น พบว฽ามีเว็บไซตแที่จะพาเราทัวรแมหาวิหารเซนตแปีเตอรแได฾ง฽ายขึ้นมากกก เพียงแค฽ปลายนิ้วสัมผัส อะไรอยู฽ตรงไหน กด ดู รู฾หมด http://stpetersbasilica.info/floorplan.htm ไปเลยค฽า

[89]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

5

แผนผังภายใน Saint Peter’s Basilica

มหาวิหารเซนตแปีเตอรแมีความสูงถึง 187 เมตร กว฾าง 140 เมตร ส฽วนที่สูงที่สุดของทางเดินเข฾าสู฽แท฽นบูชาสูง 46 เมตร (เทียบเท฽าตึก 15 ชั้น) ตามคําแนะนําในหนังสือ Vatican ที่เราซื้อมา บอกไว฾วา฽ เมื่อเข฾ามาภายในตัวมหา วิหาร นักท฽องเที่ยวควรเริ่มต฾นเดินจากทางเดินเข฾าสู฽แท฽นบูชา 5 แล฾วค฽อยเริ่มเดินเรียงลําดับตามหมายเลขงานศิลป฼ที่ ระบุในแผนผัง

[90]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 Main Door 3 – ประตูทางเข฾าตรงกลาง เป็นผลงานของประติมากรชาวฟลอเรนซแ อันโตนิโอ อะเวอรู ลิโน฽ (Antonio Averulino) หรือที่รู฾จกั กันในชื่อฟิลาเรเต฾ (Filarete) สร฾างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1455 และเป็นประตูของ วิหารเดิมตั้งแต฽เริ่มแรก  Holy Door 4 – ประตูทางเข฾าด฾านขวามือ Holy Door หรือ ประตูศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ขนาดที่วา฽ ทุกๆ 25 ปีในวันคริสตแมาสอีฟ (โห!!) พระสันตะปาปาจะใช฾ค฾อนเงินเคาะ 3 ครั้งเพื่อเปิดประตู ให฾ผู฾จาริกแสวง บุญเดินเข฾าประตูนี้ เพราะฉะนั้นโดยปกติแล฾ว ประตูบานนี้จะปิดตลอด ล฽าสุดเปิดเมื่อปี 1999 ต฾องรอถึงปี 2024 นะ ถึงจะเปิดอีกที  Chapel of the Pieta 6 – เดินเข฾ามาภายในมหาวิหาร ทาง ขวามือจะพบกับรูปแกะสลักหินอ฽อนเลือ่ งชื่อที่สุดชิ้นหนึ่งของมิเคลันเจโล นั่นคือปิเอตา (Pieta) แปลว฽า pity (น฽าสงสาร) ใช฾เป็นชื่อของงานที่แสดงถึง อิริยาบถของพระแม฽มาเรียอุ฾มศพพระเยซูไว฾บนตักหลังจากถูกตรึงกางเขน มิเคลันเจโลสร฾างสรรคแผลงานนี้เมื่อเขามีอายุเพียง 24 ปีเท฽านั้น จุดเด฽นอยู฽ Holy Door ที่ใบหน฾าอันสวยหวานอ฽อนเยาวแของพระแม฽มาเรียที่แสดงให฾เห็นถึงการ ยอมรับต฽อโชคชะตา (ขณะที่ผลงานปิเอตาของศิลปินคนอื่น พระแม฽มาเรียจะอายุแก฽มากกว฽านี้เยอะ) แต฽ใน ขณะเดียวกันก็ขัดแย฾งกับความหนักอึ้งของอาภรณแและผ฾าคลุมหน฾าที่พระนางสวมใส฽ ซึ่งแสดงให฾เห็นถึงความเข฾มแข็ง และการยึดมั่นในหลักปฏิบัติ ก฽อนหน฾านี้ ปิเอตาชิ้นนี้สามารถเข฾าชมได฾อย฽างใกล฾ชิด แต฽ภายหลังจากที่มีคนบ฾าวิ่งถือ ค฾อนมาทุบปิเอต฾าถึงในโบสถแในปี 1972 ปิเอตาจึงต฾องได฾รับการอารักขาอย฽างหนาแน฽นอยูภ฽ ายในห฾องกระจกกัน กระสุนและกั้นด฾วยรั้วอีกชั้นหนึ่ง และอยู฽ห฽างจากเราไปไกลถึงเกือบ 10 เมตร ทําให฾เราแทบมองไม฽เห็นรายละเอียด ความอ฽อนช฾อยของฝีมือการแกะสลักเท฽าไหร฽นัก...ผิดหวังนะเนี่ย

Pieta ภาพจากกล๎องเราเอง จะเห็นวําอยูํไกล๏ไกลและมีกระจกกั้นอยูํชั้นหนึ่ง [91]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

รายละเอียดของ Pieta (ภาพจากวิกิพีเดีย)

 Altar of St. Jerome 20 – แท฽นบูชาของเซนตแเจโรม ด฾านล฽างแท฽นบูชาเป็นพระศพของพระ สันตะปาปาจอหแนที่ 23 ถูกนํามาไว฾ที่นตี่ ั้งแต฽ปี 2001 เหนือแท฽นบูชาเป็นผลงานโมเสก อ฾างอิงตามภาพวาดต฾นฉบับ ฝีมือโดเมนิชิโนชื่อ The Communion of St. Jerome

The Communion of St. Jerome

พระศพของพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 [92]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 Statue of St. Peter 51 – รูปหล฽อสําริดเซนตแปีเตอรแ สร฾างขึ้นตั้งแต฽ศตวรรษที่ 5 ให฾สังเกตเท฾าขวา ของรูปหล฽อสําริดนี้ ผู฾ที่ศรัทธาจะเข฾าไปลูบเท฾าหรือจุมพิตเพื่อขอพรให฾โชคดี หัวแม฽เท฾าข฾างนี้เลยสึกไปมากทีเดียว

Statue of St. Peter

 Confessio (tomb of St. Peter) and papal altar 52 – บริเวณใจกลางมหาวิหารซึ่งอยู฽ใต฾ยอดโดม เบื้องล฽างใต฾พื้นเป็นหลุมฝังศพของเซนตแปีเตอรแ (Confessio) ซึ่งจะเห็นเป็นโพรงอยู฽หน฾าแท฽นบูชา เหนือหลุมศพเป็น แท฽นบูชาหลักของมหาวิหาร (papal altar) ประดับด฾วย Baldacchino (ภาษาอังกฤษ: Baldachin) หรือฉัตรสี่เสามี หลังคา เป็นหนึ่งในผลงานของแบรแนินีที่ผู฾เข฾าชมห฾ามพลาด ตัวเสาเป็นทองสําริดประดับด฾วยเกลียวทองบรอนซแซึ่ง คาดว฽านํามาจากแพนธีออน เหนือ Baldachin ขึ้นไปคือยอดโดมของมหาวิหาร มีภาพวาดผลงานจิตรกรสมัยศตวรรษที่ 16 ส฽วนฐาน ของโดมเป็นคําจารึกภาษาละตินบนแผ฽นทองคําแปลได฾ว฽า “You are Peter and on this rock I will build my Church, and I will give you the keys to Heaven” ที่เสาด฾านข฾างทั้ง 4 มุมซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว฽างทางเดินสู฽แท฽นบูชากับส฽วนปีกของมหาวิหาร เป็นรูปสลัก ของนักบุญ 4 องคแผู฾ซึ่งเกี่ยวข฾องกับเหตุการณแก฽อนการตรึงกางเขนของพระเยซูคริสตแ ได฾แก฽เซนตแลองจินัส (St. Longinus) 50 ทหารผู฾ซึ่งแทงหอกเข฾าพระเยซู แต฽ภายหลังได฾เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสตแ ฝีมือแกะสลักของแบรแ นินี เซนตแเฮเลน (St. Helen) 49 พระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนติน ผู฾นํากางเขนและตะปูที่ตอกพระเยซู กลับมาสู฽กรุงโรม เซนตแเวโรนิกา (St. Veronica) 48 ผู฾เช็ดหน฾าผากของพระเยซูด฾วยเสื้อผ฾าของนางระหว฽างทางสู฽ เมืองคาววารี และเซนตแแอนดรูวแ (St. Andrew) 53 น฾องชายของเซนตแปีเตอรแ ซึ่งถูกตรึงกางเขนในกรีซด฾วยกางเขน ไขว฾ขนาดยาวเท฽ากัน ผลงาน 3 ชิ้นหลังเป็นฝีมือลูกศิษยแของแบรแนินี [93]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Confessio

Baldacchino

ใต๎ยอดโดมของมหาวิหาร [94]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

St. Longinus

St. Helen

St. Veronica

St. Andrew [95]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 St. Peter’s Cattedra 35 – หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของจาน ลอเรนโซ แบรแนินีเจ฾าเก฽า ภาพเขียน กระจกสีกลอเรีย (Gloria) รูปนกพิราบสัญลักษณแแห฽งพระจิตอันศักดิ์สิทธิ์ ล฾อมรอบด฾วยรังสีแห฽งแสงอาทิตยแซึ่งเป็น ตัวแทนของอัครสาวกทั้ง 12 องคแ และเหล฽าทูตสวรรคแอยู฽เหนือธรรมาสนแของเซนตแปีเตอรแ

St. Peter’s Cattedra

 Monument of Alexander VII 42 – ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท฾ายของแบรแนินีในวัย 80 ปี ตามคําสั่งของพระสันตะปาปา เป็นรูปสลักโครงกระดูกคลาน ออกมาจากผ฾าม฽านสีแดงในมือถือนาฬิกาทรายตัวแทนแห฽งการ เดินทางของกาลเวลาและการไม฽สามารถหลีกหนีความตายได฾พ฾น ข฾างๆ กันเป็นชาวคาทอลิกกําลังเหยียบแผนที่อังกฤษ ซึ่งอ฾างอิง ถึงที่พระสันตะปาปาอเล็กซานเดอรแที่ 7 ได฾มีความพยายามอย฽าง มากที่จะคลี่คลายปัญหาความขัดแย฾งระหว฽างนิกาย โรมันคาทอลิกกับนิกายแองโกลแซกซอนของอังกฤษ

Monument of Alexander VII [96]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

[97]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

[98]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

นอกจากบริเวณภายในโถงของมหาวิหารแล฾ว มหาวิหารเซนตแปีเตอรแยังมีห฾องพิเศษอีกหลายส฽วนให฾เข฾าชม ได฾แก฽ห฾องเก็บสมบัติ (Treasury) 77-78 (ทางเข฾าหมายเลข 55) หลุมฝังศพของพระสันตะปาปา (Grottoes) (เข฾า จากด฾านนอกมหาวิหาร บริเวณเดียวกับทางขึ้นยอดโดม) และสุสานชาวเพเกินและหลุมฝังศพของเซนตแปีเตอรแ (Necropolis) แต฽ส฽วนนี้ต฾องเสียเงินค฽าเข฾าชมและสําหรับ necropolis นั้นต฾องทําการโทรติดต฽อขอไกดแทวั รแนําชม ล฽วงหน฾าผ฽าน Vatican Excavation Office (Scavi Office)

หลังจากเดินชมภายในโถงของมหาวิหารจนพอใจ (แบบคัดแต฽ผลงานที่เป็น the must แล฾ว) ซึ่งกินเวลา ชั่วโมงกว฽า ก็ได฾เวลาออกมาสูดอากาศภายนอกอีกครั้ง เพื่อเข฾าสู฽ภารกิจต฽อไปซึ่งเป็นภารกิจสุดหินประจําวันและ อาจจะประจําทริปนี้ก็ได฾ นั่นคือการขึ้นไปยอดโดมของมหาวิหาร เพื่อมองลงมาเห็นวาติกันทั้งเมือง ยอดโดมนี้เป็น ผลงานการออกแบบของมิเคลันเจโล แต฽ยังไม฽ทันที่โดมจะสร฾างเสร็จ มิเคลันเจโลก็เสียชีวิตเสียก฽อน ทําให฾ลูกศิษยแ ของเขา จิอาโกโม เดลลา ปอรแตา (Giacomo Della Porta) รับทําหน฾าทีส่ านต฽อจนเสร็จ โดมแห฽งนี้ถูกใช฾เป็น ต฾นแบบในการก฽อสร฾างโดมในอีกหลายต฽อหลายโดมในฝั่งตะวันตกเช฽นวิหารเซนตแปอลในกรุงลอนดอน พิพธิ ภัณฑแ ทหารผ฽านศึกและวังแองวาลิด (Invalides) ในกรุงปารีส และอาคารยูเอส แคปปิตอล (U.S. Capitol) ในกรุง วอชิงตันดีซี เมื่อออกจากประตูมหาวิหาร ให฾เดินเลี้ยวซ฾าย จะมีปูายบอกให฾ไป cupola หมายถึงโดม การขึ้นสู฽ยอดโดม สามารถทําได฾ 2 วิธี วิธีแรกคือจ฽ายคนละ 5 EUR เดินเท฾าขึ้นบันไดโลด 551 ขั้น (มีช฽วงพักทางราบประมาณครึ่งทาง [99]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

คือจุดที่ลิฟตแจอดบริเวณหลังคา façade ) กับวิธีที่สอง จ฽ายคนละ 7 EUR ขึ้นลิฟตแทุ฽นแรงเกือบครึ่งทาง แล฾วเดินขึ้น บันไดต฽อไปอีก 320 ขั้น ไม฽ต฾องสงสัยเลย เราเลือกวิธีหลังแน฽นอน บันได 320 ขั้นนี้เป็นความทรมานใช฾ได฾เลยสําหรับ คนที่ไม฽ได฾ออกกําลังกายอย฽างเรา ลองนึกสภาพบันไดวน “โคตรชัน” แคบๆ เดินได฾คนเดียว วนซะจนมองไม฽เห็น ปลายทาง บริเวณทางขึ้นถึงกับมีปาู ยติดไว฾ว฽า “Please, keep in mind for the old, the suffering and the cardiopatic people: as to go up to the dome there are 320 steps, besides the lift.” ระหว฽างทางขึ้น บันได 320 ขั้น จะมีทพี่ ักให฾เป็นระยะๆ เราก็เห็นคุณตาแก฽ๆ นั่งหอบแต฽ยังยิม้ ได฾และโบกไม฾โบกมือให฾เรารีบเดินขึ้น ไป (ใจจริงอยากนั่งเป็นเพื่อคุณตามากเลยค฽า เพราะเมื่อยและเหนื่อยมากไม฽แพ฾กัน แต฽กก็ ลัวเสียฟอรแมนะ...ฮือๆ นี่ เราจัดอยู฽ในประเภทเดียวกับคุณตาแล฾วเหรอเนี่ย)

มองจากโดมลงมาภายในมหาวิหาร

งานโมเสกระหวํางทางขึ้นยอดโดม [100]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

จุดพักครึ่งทาง (ที่ลิฟต์จอด)

บันได 320 ขั้นสูํยอดโดม [101]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

หลังจากหอบแฮกๆ มาตลอดทาง ในทีส่ ุดเราก็ขึ้นไปถึงยอดโดมจนได฾ วิวที่เห็นตรงหน฾าทําเอาหายเหนื่อย ไปพอสมควร มองเห็นจัตุรัสเซนตแปีเตอรแ มองเห็นพิพิธภัณฑแวาติกัน มองเห็นวังของพระสันตะปาปา ซึ่งณ ตอนนั้น ยังเป็นพระสันตะปาปาเบเนดิกตแที่ 16 อยู฽ (อีกแค฽ 4 เดือนถัดมาพระองคแก็ลาออก) รู฾สึกเหมือนได฾ยอ฽ วาติกันมาไว฾ ตรงหน฾าเลยทีเดียว

มาถึงแล๎วววววววว แฮกๆๆๆ [102]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ยํอวาติกันทั้งเมืองอยูํตรงหน๎าที่บนยอดโดมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

พระราชวังวาติกัน (The Vatican Palace)

[103]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

House of Pius IV

Pinacoteca สํวนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์วาติกัน

[104]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

[105]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ใช฾เวลาชมความงามบนยอดโดมและเดินลงมาถ฽ายรูปบริเวณหลังคา façade จนกลับลงมาถึงหน฾ามหา วิหารอีกครั้ง ใช฾เวลาไปชั่วโมงกว฽าๆ (ขาลงจากโดม ไม฽เห็นจะเหนื่อยเลย) เราไม฽ลืมที่จะแวะถ฽ายรูปสวิสการแดด฾วย ด฾านซ฾ายมือของจัตุรัสเซนตแปีเตอรแ (หันหน฾าเข฾ามหาวิหาร) เป็นที่ตั้งของที่ทาํ การไปรษณียแวาติกัน เราเข฾าไปซื้อ โปสการแด เขียนส฽งกลับหาน฾องพลับที่เมืองไทยในราคารวมประมาณ 2.5 EUR (โปสการแดส฽งมาถึงเมืองไทยช฾ามาก หลังจากที่เรากลับถึงเมืองไทยแล฾วเป็นอาทิตยแเลย) ประมาณ 11 โมงครึ่ง เรานั่งพักปั๊มนมที่เสาคอลัมนแต฾นหนึ่งของ แบรแนินีที่โอบล฾อมจัตุรัสอยู฽ (ช฽างน฽าภาคภูมิใจ) ตอนนั้นแถวต฽อคิวเข฾ามหาวิหารยาวเหยียดมากขนาดล฾อมรอบจัตุรัส ไว฾รอบเดียวยังไม฽พอ ต฾องซ฾อนแถว 2 อีกนะ เพราะฉะนั้นถ฾าอยากเข฾าชมมหาวิหารอย฽างสบายๆ ชิลๆ ไม฽ต฾อง เสียเวลาต฽อแถว ก็ต฾องยอมตื่นเช฾ากันหน฽อย มาถึง 8 โมงเช฾าอย฽างเราแล฾วชีวิตจะสบายกว฽ากันเยอะ

นักทํองเที่ยวตํอแถวยาวเหยียดเพื่อรอเข๎าชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ [106]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

สัญลักษณ์ลมบนพื้นของจัตุรัส ที่ปรากฎใน สํงโปสการ์ดให๎น๎องพลับกํอนนะ

ภาพยนตร์เรื่อง Angels & Demons

คุณแมํนักปั๊มที่เสาคอลัมน์ของแบร์นินี [107]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ข๎อมูลการเข๎าชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เวลาเปิด: เปิดทุกวัน หยุดวันคริสตแมาสและวันอีสเตอรแ มหาวิหาร (Basilica) เม.ย. – ก.ย. 7.00 – 19.00 น. ต.ค. – มี.ค. 7.00 – 18.30 น. วันพุธถ฾ามีพิธีมิสซาจะ เปิดตั้งแต฽ 13.00 น. เข฾าชมฟรี ห฾องเก็บสมบัติ (Treasury) เม.ย. – ก.ย. 9.00 – 18.15 น. ต.ค. – มี.ค. 9.00 – 17.15 น. เสียค฽าเข฾าชม หลุมฝังศพพระสันตะปาปา (Grottoes) เม.ย. – ก.ย. 7.00 – 18.00 น. ต.ค. – มี.ค. 7.00 – 17.00 น. ยอดโดม (Cupola) เม.ย. – ก.ย. 8.00 – 18.00 น. ต.ค. – มี.ค. 8.00 – 16.45 น. ค฽าเข฾าชม 5 EUR (เดิน ขึ้นบันได 551 ขั้น) หรือ 7 EUR (ขึ้นลิฟตแครึ่งทาง + เดินขึ้นบันได 320 ขั้น) สุสานชาวเพเกินและหลุมฝังศพเซนตแปีเตอรแ (Necropolis) เสียค฽าเข฾าชม และต฾องทําการโทรติดต฽อขอไกดแ ทัวรแนําชมล฽วงหน฾าผ฽าน Vatican Excavation Office (Scavi Office) ภารกิจต฽อไปตลอดช฽วงบ฽ายก็เป็นการเดินอย฽างหฤหรรษแอีกแล฾ว (กลางวันนี้เรากินข฾าวโดยอาศัยขนมปังที่ หยิบมาจากร฾านอาหารเช฾า ยาจกมากๆ) นั่นคือเดินไปชมพิพิธภัณฑแวาติกัน (Vatican Museum)… พิพิธภัณฑแที่ได฾ ชื่อว฽าเป็นสถานที่ที่รวบรวมของล้ําค฽าในโลกใบนี้ไว฾มากที่สุดก็วา฽ ได฾ ทางไปพิพิธภัณฑแวาติกันหากหันหน฾าเข฾ามหา วิหาร ให฾เลี้ยวขวาแล฾วเดินตรงตามทางไปเรื่อยๆ เลาะรอบๆ กําแพงเมืองวาติกันไป มีปูายบอกชัดเจนค฽ะ ระหว฽าง ทางเดินไปพิพิธภัณฑแ เราจะเห็นคนแอฟริกันผิวสีเอาของแบรนดแเนมปลอมมาขายตามฟุตบาทเป็นระยะๆ ส฽วนพวก คนแขกอินเดีย ปากีพวกนีก้ ็จะขายของเล฽นหลอกเด็ก พวกยางหยุ฽นๆ ที่ปาโดนพื้นแล฾วจะเปลี่ยนรูปเหมือนตัวที่อยู฽ ในภาพยนตรแเรื่อง Flubber เหมือนที่เคยเจอแบบนีแ้ ล฾วที่บันไดสเปน ซึ่งพวกแขกนี้ต฾องระวังตัวให฾ดีเลย เพราะดูเข฾า ข฽ายหลอกล฽อ หลอกลวงมาก เอะอะๆ ก็จะยัดของใส฽มือ บังคับซื้อตลอดเวลา ในขณะที่พวกแอฟริกันยังดีกว฽ามาก อย฽างน฾อยเขาก็ไม฽ยัดเยียดคะยั้นคะยอขอให฾ซื้อ เขาก็แค฽วางของขาย ซื้อก็ได฾ ไม฽ซื้อก็ไม฽ไล฽ ตาม ดูจะทํางานสุจริต มากกว฽า ซึ่งการขายของของคนผิวสี 2 เชื้อชาตินี้จะเห็นได฾ทั่วไปตลอดทั้งประเทศอิตาลีเลยทีเดียว (เขาแยกกันขาย ของกันชัดเจนมาก) ใช฾เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงพิพิธภัณฑแ ด฾านบนประตูทางเข฾าพิพธิ ภัณฑแเป็นตราประจําพระองคแของ พระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 ขนาบข฾างด฾วยรูปสลักมิเคลันเจโล (ซ฾าย) และราฟาเอล (ขวา) เราซื้อตั๋วเข฾าชมช฽วงหน฾า จากอินเตอรแเน็ตมาแล฾ว เรื่องซื้อตั๋วล฽วงหน฾านั้นจําเป็นสําหรับที่นี่มาก โดยเฉพาะในฤดูท฽องเที่ยว (หน฾าร฾อน) เพราะ เต็มเร็วเต็มจริง โดยเว็บไซตแจะเปิดให฾จองตั๋วล฽วงหน฾า 2 เดือน ข฾อมูลต฽างๆเกี่ยวกับพิพธิ ภัณฑแถูกรวบรวมไว฾โดย ละเอียดครบถ฾วนที่เว็บไซตแทางการของพิพิธภัณฑแ http://mv.vatican.va/3_EN/pages/MV_Home.html ... อ฾อ! เข฾าไปข฾างในพิพิธภัณฑแต฾องฝากกระเป฻าด฾วยนะคะ... เอาล฽ะ เริ่มเดินกันได฾ พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museum) เป็นส฽วนหนึ่งของวังของพระสันตะปาปา สร฾างขึ้นตั้งแต฽ ศตวรรษที่ 14 โดยมีจุดเริ่มต฾นจากประติกรรมจํานวนหนึ่งที่เป็นของสะสมของพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 (Julius II) ซึ่งพระองคแต฾องการให฾สาธารณชนสามารถเข฾าชมผลงานศิลปะภายในวังได฾เพื่อเป็นการสนับสนุนองคแความรู฾ทาง ศิลปะและวัฒนธรรมให฾เป็นที่แพร฽หลาย ดังนั้นพิพิธภัณฑแวาติกันในวันนี้จึงเป็นเหมือนศูนยแรวมของพิพธิ ภัณฑแและ [108]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

แกลอรี่งานศิลปะตั้งแต฽ยุคอียปิ ตแ กรีก โรมัน ยุคกลาง เรอเนสซองสแ บารอกจนถึงยุคศตวรรษที่ 15-19 ซึ่งส฽วนใหญ฽ เป็นของสะสมของพระสันตะปาปาองคแต฽างๆ (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี)

ก้าแพงเมืองวาติกัน

ประตูทางเข๎าพิพิธภัณฑ์วาติกัน เหนือประตูเป็น รูปสลักมิเคลันเจโล (ซ๎าย) และราฟาเอล (ขวา)

[109]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

แผนที่ภายในพิพิธภัณฑ์วาติกัน [110]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

พิพิธภัณฑแแบ฽งเป็น 2 ส฽วนใหญ฽ๆ คือส฽วนด฾านหน฾าจากทางเข฾าที่เป็นตัวพิพธิ ภัณฑแจริงๆ รวบรวมของสะสม ล้ําค฽าของพระสันตะปาปาและศาสนจักร ไม฽เฉพาะของโรมและยุโรป แต฽รวมถึงของจากเอเชีย แอฟริกาและอเมริกา ใต฾ (ข้อมูลจากหนังสือโรมันรัญจวน) และส฽วนด฾านหลังที่เป็นฝั่งพระราชวังที่พํานักของพระสันตะปาปาเรียกว฽า Vatican Palaces ซึ่งจะเป็นการชมงานศิลปะที่อยู฽ในห฾องต฽างๆ (ส฽วนใหญ฽เป็นงานจิตรกรรม) ในพระราชวังเช฽นห฾อง แผนที่ ห฾องราฟาเอลและโถงสวดมนตแซีสทีน (Sistine Chapel) อันเลื่องชื่อ หากต฾องการเดินชมงานศิลปะล้ําค฽า เฉพาะชิ้นสําคัญๆ ในพิพธิ ภัณฑแวาติกันให฾ครบถ฾วนแบบไม฽เร฽งรีบนัก ควรเผื่อเวลาในการเข฾าชมประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง น฽าจะพอดีๆ... หลังจากฝากกระเป฻า ยื่นตั๋วที่ซื้อมาล฽วงหน฾าให฾เจ฾าหน฾าที่เรียบร฾อยแล฾ว ขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้น 2 ของอาคาร (ดูตามแผนที่พิพธิ ภัณฑแวาติกัน) จะเป็นลานโคแรซเซ (Cortile delle Corazze; Corazze Courtyard) เชื่อมต฽อระหว฽างอาคารต฽างๆ เราเริ่มต฾นทัวรแจากอาคารทางขวามือก฽อน ซึ่งจะมีส฽วนจัดแสดงงานศิลปะ แบ฽งตามยุคต฽างๆ ได฾แก฽ พิพิธภัณฑ์ปิโอ-คริสเตียน (Pio-Christian Museum; Museo Pio Cristiano) อยู฽ชั้นล฽างของ อาคาร เป็นส฽วนจัดแสดงโบราณวัตถุของ The Sarcophagus of ชาวคริสเตียนในยุคแรกๆ (Christian Junius Bassus antiquities) ส฽วนใหญ฽ประกอบไปด฾วยงาน ประติมากรรมจําพวกรูปปั้น โลงศพ หลัก จารึกสมัยศตวรรษที่ 6… อันนี้จริงๆ คือเรา เผลอเดินหลงเข฾ามา ที่นี่ไม฽ได฾มีโบราณวัตถุชิ้น เอกที่ผู฾คนให฾ความสนใจเท฽าไรนัก ถึงว฽าโล฽ง เชียว ยังกะผีหลอก แต฽กระนั้นโบราณวัตถุ สําคัญของส฽วนจัดแสดงนี้ได฾แก฽  The Good Shepherd – ประติมากรรมที่ติดอันดับสิบสุดสุดของ The Good Shepherd วาติกัน เป็นหินอ฽อนแกะสลักรูปเด็กชายแบก แกะ ซึ่งเป็นสัญลักษณแที่นิยมใช฾มากในศิลปะ สมัยโบราณ โดยเริ่มแรกเชื่อว฽าสัญลักษณแนี้มี ความเชื่อมโยงกับแอรแเมส (Hermes) หรือผู฾ ส฽งสาสแนถึงพระเจ฾า ต฽อมาก็เชื่อว฽าสัญลักษณแนี้ โมเสกเกําแกํที่เคยปูโรงอาบน้​้า เป็นตัวแทนของนักบุญ ซึ่งในช฽วงต฾นของ คาราคัลลํา ศาสนาคริสตแ คนสมัยนั้นนําสัญลักษณแเด็ก โมเสกที่เคยใช๎ปูพื้นโรงอาบน้​้าคาราคัลลํา แบกแกะนี้มาตีความใหม฽ โดยให฾หมายถึงการเปิดเผยตัวตนของพระเยซู ผู฾ที่ซึ่งตามคําสอนนั้นเปรียบเสมือนคนเลี้ยง แกะหรือผู฾นาํ ต฾อนฝูงสัตวแ (the Good Shepherd) เนื่องจากเด็กแบกแกะเป็นสัญลักษณแเก฽าแก฽ทหี่ าดูยาก ในวาติกัน [111]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

มีเพียง 2 ชิ้นและเป็นชิ้นที่สมบูรณแและมีอายุเก฽าแก฽มากถึง 1,600 ปี ดังนั้นถ฾ามีโอกาสหลงมาห฾องนี้ก็หา฾ มพลาดนะ คะ ไม฽งั้นจะโกรธตัวเองมากที่หลงเข฾ามาแล฾วไม฽ได฾อะไรกลับไป  The Sarcophagus of Junius Bassus – โลงหินซึ่งรอบๆ ตัวโลงมีรูปแกะสลักบอกเล฽าเรื่องราว ต฽างๆ เกี่ยวกับศาสนาคริสตแเช฽นการจับกุมเซนตแปีเตอรแ อาดัมกับอีฟ  โมเสกเก่าแก่อายุกว฽า 1,700 ปี ซึ่งอดีตเคยใช฾ปูพื้นโรงอาบน้ําคาราคัลล฽า (Baths of Caracalla) พินาโกเตกา (Pinacoteca) หรือหอศิลป฼ (Picture Gallery) ซึ่งเคยเก็บไว฾ในบอรแเจียอพารแทเมนตแ (Borgia Apartment) – ส฽วนหนึ่งของอาคารพํานักของพระสันตะปาปา อาคารส฽วนนี้ถูกสร฾างขึ้นมาใหม฽ตามคําสั่ง ของพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 ภายในหอศิลป฼หรือแกลเลอรี่แบ฽งออกเป็น 18 ห฾อง เรียงตามลําดับช฽วงยุคสมัย เริ่มต฾นตั้งแต฽ยุคกลางถึงปี 1800 รายละเอียดของแต฽ละห฾องและผลงานชิ้นเด็ดๆ เด็ดทิ้งๆๆ จนเหลือแต฽ชิ้นเด็ดๆ จริงๆ มีดังนี้ (ข้อมูลจากหนังสือโรมันรัญจวน และ Vatican with all the restored Sistine Chapel, Last Judgement and Stanze Frescoes)  ห฾องที่ 1 – เป็นผลงานจิตรกรรมในยุคกลางช฽วงศตวรรษที่ 12, 13 และ 14 เอกลักษณแของงานในยุคนี้ คือภาพวาดบนผืนไม฾โดยมีฉากหลังเป็นสีทอง ลายเส฾นหนักแน฽น ไม฽ไล฽ระดับเฉดสีและสัดส฽วนภาพไม฽ค฽อยสมส฽วนนัก  ห฾องที่ 2 – อุทิศให฾แก฽จอตโต (Giotto) ยอดศิลปินอิตาเลียนแห฽งยุคกลางชาวเมืองซีเอน฽าผลงานเด฽น คือ Stefaneschi triptych (กลางห฾อง) ผู฾คนในภาพนี้วาดได฾อย฽างได฾สัดส฽วนและใกล฾เคียงธรรมชาติ บริเวณ บัลลังกแมีการตกแต฽งด฾วยโมเสกอย฽างสวยงาม

Room II – Giotto, ‘Stefaneschi triptych’

 ห฾องที่ 3 – เป็นของศิลปินในยุคต฾นศตวรรษที่ 15 ฉากหลังสีทองค฽อยๆ เริม่ เลือนหายไป ลายเส฾น คมชัดขึ้นอีก และจุดกลางของภาพจะเป็นจุดเดียวที่ไม฽ถูกวาดให฾ภาพดูมีมิติด฾านความลึก [112]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 ห฾องที่ 4 – ห฾องนี้งานสวยโดดเด฽นแตกต฽างจากห฾อง อื่นอย฽างชัดเจน เป็นห฾องที่แสดงผลงานที่มีชื่อเสียง 2 ชิ้นของ เมลอซโซ ดา ฟอรแลี่ (Melozzo da Forli) คือภาพ the Musician Angels และภาพ Sixtus IV and Platina หนังสือคุณธรณแบอก เล฽าประวัติของ Melozzo da Forli ไว฾ว฽าเขาเป็นศิลปินรุ฽นเดอะ สุดๆ อยู฽ในยุคไล฽ๆ กับลีโอนารแโด ดา วินชี ซึ่งมิเคลันเจโลและ ราฟาเอลยังตัวกะเปี๊ยกอยู฽เลย เราสนใจภาพ the Musician Angels มากกว฽า เพราะเป็นภาพเฟรสโกที่คนไม฽มีหัวศิลปะอย฽าง เราดูปฺุบก็รู฾ปั๊บว฽าภาพนี้มันสวยและแตกต฽าง เป็นภาพเทพธิดา บรรเลงเครื่องดนตรีเรียงรายต฽อกัน 14 ภาพ ภาพเหล฽านี้เคยเป็น ส฽วนหนึ่งของภาพเฟรสโกใหญ฽ยักษแที่เมลอซโซได฾วาดไว฾ชื่อภาพ Christ in Glory between Angels and Apostles อยู฽บนผนัง Room IV – Melozzo da Forli, โบสถแ Apostoli ในโรม เมื่อโบสถแถูกทําลายลง ภาพที่เหลืออยู฽จึง ‘the Musician Angels’ มาเก็บไว฾ที่นี่ จุดเด฽นของภาพนี้อยูท฽ ี่การใช฾สีหวานๆ และ รายละเอียดของภาพซึ่งดูนุ฽มนวลซึ่งแตกต฽างกับภาพส฽วนใหญ฽ในสมัยนั้น  ห฾องที่ 5, 6, 7 – เป็นภาพสมัยศตวรรษที่ 15 โดยห฾องที่ 7 มีภาพชื่อ St.Jerome Enthroned ผลงาน ของจิโอวานนี่ ซานติ พ฽อของราฟาเอลอยู฽ด฾วย  ห฾องที่ 8 – และแล฾วเราก็เดินมาถึงห฾องนี้ หนึ่งห฾องไฮไลทแของพินาโกเตกา เพราะเป็นห฾องที่เต็มไปด฾วย ผลงานของยอดศิลปินราฟาเอล แต฽ภาพที่เด็ดสุดต฾องเป็น Transfiguration ภาพสีน้ํามันบนผืนไม฾ที่ตั้งเด฽นเป็นสง฽า อยู฽กลางห฾อง ผลงานระดับมาสเตอรแพีซของราฟาเอลและยังเป็นผลงานชิ้นสุดท฾ายของเขาอีกด฾วย ที่มาของภาพนี้เริ่ม มาจากพระคารแดินัล (ต฽อมาคือพระสันตะปาปาคลีเมนตแที่ 7) ขอให฾ราฟาเอลวาดภาพให฾สําหรับโบสถแ St. Just ใน เมืองนารแบอนเน (Narbonne) ประเทศฝรั่งเศส ภายหลังการเสียชีวิตอย฽างกะทันหันของราฟาเอล พระคารแดินัลจึง เก็บภาพนี้ไว฾เอง ต฽อมาเมื่อกองทัพนโปเลียนบุกกรุงโรม ภาพจึงถูกขนไปปารีส ต฾องรอจนถึงเมื่อจักรวรรดิแห฽ง ฝรั่งเศสล฽มสลาย ภาพนี้จึงถูกส฽งกลับมาวาติกันอีกครั้ง... จวบจนปัจจุบัน ภาพ Transfiguration นี้แบ฽งเป็น 2 ส฽วนอย฽างเด฽นชัด ส฽วนบนเราจะเห็นพระเยซูคริสตแปรากฏพระวรกาย ต฽อหน฾าบรรดาอัครสาวกในภาพลักษณแแห฽งพระเจ฾าบนภูเขาเทเบอรแ (Mount Tabor) ขนาบ 2 ข฾างด฾วยเอลิจาหแและ โมเสส ด฾านซ฾ายไกลๆ เป็นเซนตแแห฽งนารแบอนเนได฾แก฽เซนตแจัสทแและเซนตแปาสเตอรแ ภาพส฽วนบนนั้นสว฽างไสวด฾วย รังสีออร฽าและกลุ฽มเมฆที่อยู฽รอบกายพระเยซู ในขณะที่ภาพส฽วนล฽างเป็นโทนสีมืด บอกเล฽าเรื่องราวที่อัครสาวกไม฽ สามารถรักษาเด็กชายที่มีรูปร฽างหน฾าตาผิดมนุษยแให฾หายได฾ จนเมื่อพระเยซูได฾กลับมาที่ภูเขาเทเบอรแอีกครั้งและทํา การรักษาเด็กคนนี้ให฾หายได฾

[113]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

ความงดงามของภาพนีถ้ ูกบรรยายไว฾โดย ศิลปินและนักเขียนอัตชีวประวัติแห฽งศตวรรษที่ 16 ชื่อจิออรแจโิ อ วาซาริ (Giorgio Vasari) ว฽าเป็น “most beautiful and most divine work” เรียกว฽าสวยที่สุดดุจเทพสร฾างเลยทีเดียว... ใน ความรู฾สึกของเรา ภาพนี้สวยนะ สวยมากด฾วย อธิบายไม฽ได฾ว฽าสวยยังไง บางทีก็คิดว฽าเป็นเพราะ ตําแหน฽งการวางภาพ การจัดแสงของทางพิพิธภัณฑแ หรือไม฽ก็อุปทานไปเองจากที่ถูกชักนําโดยทุก สํานักพิมพแที่บอกว฽าสวย แต฽พอเดินเข฾ามาในห฾องนี้ แล฾วมันต฾องหยุดชะงักทีภ่ าพนี้ก฽อนเลย ภาพมันโดด เด฽นและสามารถตรึงสายตาเราได฾อย฽างยาวนานมาก นี่คงเป็นคําตอบของคําว฽ามาสเตอรแพีซก็เป็นได฾ นอกจากภาพ Transfiguration แล฾ว ราฟา เอลยังฝากผลงานเด฽นๆ ไว฾ในห฾องนี้อีกหลายชิ้นเช฽น the Madonna of Foligno และ Incoronation of the Virgin

วันที่ 3: Vatican

Room VIII – Raphael, ‘Transfiguration’

Room VIII – Raphael,

Room VIII – Raphael,

‘the Madonna of Foligno’

‘Incoronation of the Virgin’

[114]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 ห฾องที่ 9 – ยังคงเป็นอีกหนึ่งห฾องไฮไลทแ แต฽ เปลี่ยนศิลปินเจ฾าของผลงานเป็นอภิสุดยอดมหาโคตรศิลปิน และยอดมนุษยแในสามโลกอย฽างลีโอนารแโด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ผู฾ซึ่งเป็นยอดฝีมือขั้นเทพในแทบทุก แขนง ไม฽ว฽าจะเป็นศิลปศาสตรแ วิทยาศาสตรแ แพทยศาสตรแ หรือวิศวกรรมศาสตรแ ในด฾านงานศิลปะโดยเฉพาะการวาด ภาพ ถึงแม฾ภาพของดา วินชีจะมีนอ฾ ย แต่สามารถสยบทัว่ หล้า (คุณธรณแวา฽ ไว฾ในหนังสือ ซึ่งเราเห็นด฾วยเป็นอย฽างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ได฾ชมภาพ the Last Supper ที่มิลาน ฟินสุดๆ มาจนถึงปัจจุบัน) สําหรับภาพในห฾องนี้คือผลงาน ชื่อเซนต์เจโรม (St. Jerome) เป็นผลงานที่ยังไม฽เสร็จดี ของดา วินชี แต฽ส฽วนสําคัญที่เป็นจุดเด฽นของภาพอยู฽ที่ ใบหน฾าอันเหี่ยวย฽นและชราภาพของเซนตแเจโรม ว฽ากันว฽านี่ Room IX – Leonardo da Vinci, St. Jerome คือภาพใบหน฾าคนที่มีลายเส฾นสวยที่สุด  ห฾องที่ 10, 11 - เป็นภาพสมัยศตวรรษที่ 16  ห฾องที่ 12 – เป็นห฾องที่อุทิศให฾แด฽จิตรกรในยุคต฾นศตวรรษที่ 17 ที่ได฾รับอิทธิพลการวาดภาพแบบเรียลิ ซึ่มและ darling perspective มาจากคาราวัจโจ ดังนั้นเราจะเห็นภาพ the Communion of St. Jerome ของ โดเมนิชิโน ซึ่งเป็นรูปเดียวกับในมหาวิหารเซนตแปีเตอรแ แต฽อันที่ วาติกันนี้เป็นของจริง อันที่มหาวิหารเป็นของก฿อปนะคะ นอกจากนี้ห฾องนี้ยังมีภาพ Deposition ฝีมือของคาราวัจโจ ซึ่ง เป็นผลงานที่โดดเด฽นน฽าชม โดยส฽วนใหญ฽ผลงานของคาราวัจโจจะ แปลกแหวกแนว ใส฽นู฽นเติมนี่ให฾พระคริสตแหรือเรื่องราวในพระ คัมภีรแดูไม฽เหมือนต฾นฉบับอยู฽เสมอ จะเรียกว฽าแหกคอกก็ว฽าได฾ ผลงานของเขาจึงไม฽ค฽อยเป็นที่ยอมรับของคริสตจักรเท฽าไรนัก แต฽ ผลงาน Deposition ชิ้นนี้ไม฽เป็นเช฽นนั้น จึงทําให฾ภาพนี้กลายเป็น หนึ่งในผลงานชิ้นเอกอันโดดเด฽นของเขา คาราวัจโจทําให฾ Deposition ของเขาแตกต฽างจาก Deposition ของยอดศิลปินคน อื่นโดยใช฾จุดเด฽นในงานศิลปะของเขานัน่ คือ ความสามารถในการ เก็บรายละเอียดให฾สมจริง ดังนั้นเราจะเห็นรายละเอียดขององคแ พระเยซูที่มีสีผิวซีดเผือก แสดงถึงผู฾ทหี่ มดลมหายใจ ในขณะที่ Room XII – Caravaggio, Deposition เหล฽าสานุศิษยแยังมีสีผิวที่มีเลือดฝาด [115]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 ห฾องที่ 13, 14, 15 – เป็นผลงานภาพเขียนในสมัยศตวรรษที่ 17 ถึง 18  ห฾องที่ 16 – เป็นห฾องจัดแสดงภาพวาดผืนใหญ฽ของจิตรกรชาวโบฮีเมียนชือ่ เวนเซสลาส ปีเตอรแ (Wenceslas Peter) ในภาพชื่อ Adam and Eve in the Garden of Eden เราชอบภาพนี้นะ ภาพมันใหญ฽ เบิ้มดี สวนอีเดนก็สวยงาม เหมือนสวนสวรรคแ สิงสาราสัตวแอยู฽กันเต็มสวนไปหมด ตามปูายหน฾าภาพบอกว฽ามีถึง 240 ชนิด ซึ่งเป็นตัวแทนของสัตวแในทวีปยุโรป แอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย แสดงถึงความรอบรู฾เรื่องสัตวแของผู฾ วาดเป็นอย฽างมาก มองภาพนี้แล฾วก็ได฾เป็นการพักสายตาจากการมองภาพเกีย่ วกับคริสตศาสนาภาพก฽อนๆ ได฾ดี

Room XVI – Wenceslas Peter, Adam and Eve in the Garden of Eden

 ห฾องที่ 17, 18 – สองห฾องสุดท฾ายของพินาโกเตกาเป็นห฾องจัดแสดงแบบตัวอย฽างงานปั้นรูปแกะสลัก ผลงานของแบรแนินี ซึ่งผลงานตัวจริงอยู฽ที่มหาวิหารเซนตแปีเตอรแ ครบ 18 ห฾องของพินาโกเตกาก็กินเวลา 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี เราเดินวนกลับมาที่ทางเข฾าพินาโกเตกาอีก ครั้ง เดินตรงกลับไปยัง Corazze Courtyard ผ฽านประตูสี่ทาง (Four Gates; Atrio dei Quattro Cancelli) เพื่อ เข฾าสู฽ลานปิกนา (Pigna Courtyard; Cortile della Pigna) ที่ลานปิกนานี้ เราจะเห็นสัญลักษณแประติมากรรมโคน ต฾นสน (pine cone) สีบรอนซแใหญ฽มหึมาตั้งอยู฽ ซึ่งดั้งเดิมเคยตั้งอยู฽ที่ปิกนาควอเทอรแ (Pigna Quarter) ที่อยู฽ใกล฾ แพนธีออน ส฽วนตรงกลางของลานปิกนามีประติมากรรมลูกโลกใบใหญ฽ ผลงานอารแโนลดแ โพโมโดโร (Arnold Pomodoro) ตั้งเด฽นเป็นสง฽าอยู฽

[116]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Pigna Courtyard

เราเดินผ฽านลานปิกนามาอีกฝั่ง เข฾าประตู เลี้ยวขวาและเดินขึ้นบันไดเพื่อเข฾าสู฽จุดหมายต฽อไปนั่นคือ พิพิธภัณฑ์ปิโอ-คลีเมนติโน (Pio-Clementino Museum; Museo Pio Clementino) พิพิธภัณฑแที่สะสม ผลงานสมัยกรีกและโรมันชิ้นสําคัญไว฾มากที่สุด ชือ่ ของพิพธิ ภัณฑแได฾มากจากผู฾ก฽อตั้งคือพระสันตะปาปาคลีเมนตแที่ 14 (Clement XIV) และพระสันตะปาปาปิอุสที่ 6 (Pius VI) พิพิธภัณฑแแบ฽งเป็นห฾องต฽างๆ ที่สําคัญเช฽น Level 1 Round Hall Greek Cross Hall

Gallery Statues and Hall of Busts Hall of the Muses

Hall of Animals Octagonal Court

Level 2 Hall of the Chariot

Gallery of the Candelabra

แผนผัง Museo Pio Clementino [117]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 ลานเบลเวเดเรหรือลานแปดเหลี่ยม (Belvedere Courtyard, Octagonal Courtyard) เราจะพบกับ ประติมากรรมสมัยกรีก-โรมันมากมาย ชิ้นที่เด็ดที่สุดคือประติมากรรมเลาคูน (Laocoon) ที่บอกเล฽าเรื่องราวของ เลาคูน นักบวชชาวเมืองทรอย ผูเ฾ ป็นคนบอกชาวทรอยว฽าอย฽ารับม฾าไม฾ของชาวกรีกเข฾าเมือง แต฽ความรู฾เข฾าถึงหูเทพี เอเธน฽า ผู฾ที่เข฾าข฾างกรีก จึงส฽งงู ทะเลยักษแมาจัดการเลาคูนและ บุตรชายทั้งสอง ทําให฾เขาไม฽ สามารถไปบอกชาวทรอยได฾ ม฾า ไม฾ซึ่งขนกองทัพกรีกไว฾ภายใน จึง สามารถเข฾าไปในเมืองทรอยและ ตีเมืองทรอยได฾สําเร็จ ความเด฽น ดังของประติมากรรมชิ้นนี้ไม฽ได฾ อยู฽ที่ความสวยงามของตัว ประติมากรรม เพราะหากเทียบ Octagonal Courtyard, Laocoon กับสุดยอดประติมากรรมชิ้นอื่นๆ แล฾ว ผลงานเลาคูนยังเป็นรองพิเอต฾าของมิเคลันเจโลที่เซนตแปีเตอรแและ The Rape of Proserpine ของแบรแนินีที่ บอรแเกเซ แต฽อายุของเลาคูนนั้นต฽างหากที่แตกต฽าง ว฽ากันว฽าอายุของประติมากรรมนี้น฽าจะมากกว฽าสองพันปี และ นับว฽าเป็นงานแกะสลักหินอ่อนที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในโลก ถึงขนาดที่วา฽ ในตํานานของกรีกและโรมันพูดถึงเลา คูนไว฾ว฽าเป็น Superior to all other sculpture or painting ผลงานเลาคูนนั้นอยู฽เหนือประติมากรรมหรือ ภาพวาดอื่นๆ ทั้งมวล (ข้อมูลจากหนังสือโรมันรัญจวน)  Hall of Animals ห฾องเก็บสะสมประติมากรรมสัตวแต฽างๆ ของยุคโรมัน  Gallery of Statues ห฾องสะสมรูปปั้นล้าํ ค฽าในยุคโรมัน  Hall of Busts ห฾องที่เก็บภาพวาดของจักรพรรดิของอาณาจักรโรมันเป็นส฽วนใหญ฽  Hall of the Muses ห฾องรวมประติมากรรมที่เกี่ยวกับเทพีและกวีกรีกดั้งเดิม ประติกรรมที่น฽าสนใจ คือ the Belvedere Torso – ชิ้นส฽วนของรูปปั้นที่พบในโรมเมื่อปลายศตวรรษที่ 15 ถือว฽าเป็นชิ้นส฽วน ประติมากรรมโบราณที่ได฾รับการยอมรับมากที่สุดของเหล฽าศิลปินจนถึงปัจจุบัน  Round Hall โถงหลังคาโดมซึ่งเอาแบบมาจากโดมในแพนธีออน ภายในห฾องมีงานที่น฽าสนใจ 2 ชิ้นคือ อ฽างอาบน้าํ ขนาดใหญ฽ (the Braschi Antinuos) ยาวกว฽า 5 เมตร ซึ่งได฾มาจากโดมุสออเรีย (Domus Aurea) วัง ของจักรพรรดิเนโรที่อยู฽ตีนเขาปาลาติเน และรูปปั้นเทพเฮรา (Heracles) สีบรอนซแทองสมัยศตวรรษที่ 2  Greek Cross Hall ห฾องนี้มีโลงหินสีแกรนิตแดงอยู฽ 2 โลง โลงหนึ่งทางซ฾ายเป็นของเซนตแเฮเลน (Sarcophagus of St. Helena) พระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนติน จักรพรรดิองคแแรกที่นับถือศาสนา คริสตแ อีกโลงหนึ่งทางขวาเป็นของพระธิดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินชื่อคอนสแตนตินา (Sarcophagus of Constantina) [118]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Hall of the Muses,

Round Hall,

Greek Cross Hall,

the Belvedere Torso

Heracles

Sarcophagus of St. Helena

Round Hall, the Braschi Antinuos

 Hall of the Chariot เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 จะพบกับห฾องศิลปะสมัยปลายศตวรรษที่ 18 กลางห฾องมีรูป ปั้นม฾า 2 ตัวยืนบนหินอ฽อนแผ฽นใหญ฽  Gallery of the Candelabra ห฾องสุดท฾ายของพิพธิ ภัณฑแ Pio-Clementino เป็นห฾องที่เต็มไปด฾วย เชิงเทียนหินอ฽อน เดินออกห฾อง Gallery of the Candelabra ก็เป็นอันจบส฽วนที่เป็นสมบัตใิ นพิพิธภัณฑแของพิพิธภัณฑแ วาติกันสําหรับเรา ต฽อไปก็จะถึงส฽วนที่เป็นสมบัติในส฽วนพระราชวังกันแล฾ว เดินตรงตามทางต฽อจาก Gallery of the Candelabra ไป จะผ฽าน Gallery of Tapestries (Galleria degli Arazzi) หรือห฾องแสดงภาพวาดบนพรมแขวน ผนัง ซึ่งเป็นผลงานของลูกศิษยแของราฟาเอล ถัดมาเป็นห๎องแผนที่หรือ Gallery of Maps (Galleria delle Carte Geografiche) ซึ่งเป็นโถงแคบๆ ยาวๆ ผนังห฾องสองด฾านเรียงรายไปด฾วยภาพเฟรสโกของอิกนาซิโอ ดันติ (Ignazio Danti) จํานวน 40 ภาพ แสดงแผนที่ภูมิประเทศที่คริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิกได฾เผยแผ฽ไปถึง ระหว฽างทางเดินจะมีบธู ขายของที่ระลึกให฾นักท฽องเที่ยวได฾จับจ฽ายกันเป็นระยะๆ ด฾วย และแล฾วเราก็มาถึงหนึ่งในห฾องที่โด฽งดังที่สุดของพิพิธภัณฑแวาติกันนั่นคือ ห๎องของราฟาเอลหรือ Raphael’s Rooms (the Vatican Stanze, Stanze di Raffaello) เป็นห฾องภาพผนังปูนเปียกหรือ ภาพเฟรสโก฾ผลงานของราฟาเอลและลูกศิษยแ ซึ่งพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ผู฾เป็นเจ฾าของห฾องเป็นผู฾ว฽าจ฾างให฾ราฟา เอลวาดภาพให฾ ราฟาเอลรับทํางานนี้อยูก฽ ว฽า 10 ปีก็เสียชีวิตเสียก฽อน ลูกศิษยแของราฟาเอลจึงรับหน฾าที่สานต฽องานที่ เหลือจนเสร็จ ภายในแบ฽งเป็นห฾องย฽อยๆ อีก 4 ห฾องได฾แก฽

[119]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 ห฾องของคอนสแตนติน (Room of Constantine) – ห฾องที่มีขนาดใหญ฽ที่สุดในจํานวน 4 ห฾องย฽อย เป็นห฾องสุดท฾ายที่ราฟาเอลลงมือวาดก฽อนที่เขาจะเสียชีวิต จึงทําให฾ผลงานฝีมือของราฟาเอลจริงๆ ในห฾องนี้มีไม฽มาก นัก (เนื่องจากเขาเสียชีวิตเสียก฽อน) ผลงานส฽วนใหญ฽ที่เห็นจึงเป็นของลูกศิษยแของเขา ภาพวาดภายในห฾องเป็น เรื่องราวเกี่ยวกับจักรพรรดิคอนสแตนติน จักรพรรดิองคแแรกที่นับถือศาสนาคริสตแ ภาพเฟรสโก฾สําคัญที่ผนังด฾านซ฾าย เป็นภาพ Battle of Constantine against Maxentius บอกเล฽าเรื่องราวการทําสงครามในสมัยของพระองคแ จะเห็นสัญลักษณแกางเขนที่เป็นเครื่องทํานายว฽าพระองคแจะกําชัยชนะเหนือศัตรู ส฽วนภาพวาดบนเพดานชือ่ Triumph of Christian religion เป็นภาพแสดงชัยชนะของศาสนจักรทีม่ ีต฽อพวกนอกรีต (ข้อมูลจากหนังสือ อิตาลี สานักพิมพ์วงกลม)

Room of Constantin, Battle of Constantin against Maxentius

 ห฾องเฮลิโอโดรุส (Room of Heliodorus) – ผลงานของราฟาเอลในห฾องนีอ้ ยู฽บนเพดานห฾อง เป็น เรื่องราวต฽างๆ ในพระคัมภีรแ ภาพ Deliverance of St. Peter ซึ่งเป็นเหตุการณแที่เซนตแปีเตอรแอยู฽ระหว฽างการจอง จําในคุก ตกกลางดึกมีเทพธิดามาช฽วยให฾เซนตแปีเตอรแออกไปได฾ ราฟาเอลใส฽ลูกเล฽นให฾ภาพนี้โดยการวาดภาพพระ สันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ผู฾ว฽าจ฾างลงไปในภาพนี้ดว฾ ย  ห฾องเซกนาทูร฽า (Room of Segnatura) – แต฽เดิมใช฾เป็นห฾องสมุดของพระสันตะปาปาซึ่งพระองคแใช฾ ทรงงานและลงพระนามในเอกสารทางการซึ่งเป็นที่มาของชื่อห฾อง (Segnatura; Signature) ห฾องนี้เป็นห฾องแรกที่ ราฟาเอลลงมือวาดและเป็นห฾องที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เพราะมีภาพหนึ่งซึ่งถือว฽าเป็นหนึ่งในสุดยอดภาพเฟรสโก฾ของ โลกนั่นคือภาพ School of Athens (หนังสือโรมันรัญจวนของคุณธรณแบอกว฽าสุดยอดภาพเฟรสโก฾ในอิตาลีที่ต฾อง [120]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

มาเห็นของจริงคือ Last Supper ของดาวินชีที่มิลาน Last Judgement ของมิเคลันเจโลที่โถงสวดมนตแซีสทีน และ School of Athens ของราฟาเอลทีห่ อ฾ งนี้... ภูมิใจและดีใจ มากที่จะบอกว฽า ทริปนี้เราได฾เห็นทั้ง 3 ภาพของจริงด฾วยตา เราเองทั้งหมด โดยเฉพาะภาพแรกนั้น ส฽วนตัวแล฾วรู฾สึกฟิน มากกกก) School of Athens หรือโรงเรียนแห฽งกรุงเอเธนสแ เป็นภาพวาดในสไตลแแปลกใหม฽ที่ยังไม฽มใี ครวาดในสมัยนั้นที่ นิยมวาดภาพเกี่ยวกับศาสนา โรงเรียนแห฽งกรุงเอเธนสแของ ราฟาเอลเป็นภาพเฟรสโก฾ขนาดใหญ฽ยกั ษแ ในภาพราฟาเอล วาดภาพนักปราชญแและช฽างศิลป฼ในสมัยกรีกมากมายมาอยู฽ ด฾วยกันในภาพเดียว ปราชญแแต฽ละท฽านกําลังทําท฽าต฽างๆ ที่ เป็นเอกลักษณแประจําตัว คุยกันเองบ฾าง อยู฽คนเดียวบ฾าง จุดที่ น฽าสนใจของภาพนี้อยู฽ที่รูปใบหน฾าของนักปราชญแบางคนซึ่ง อยู฽ในยุคสมัยเก฽าแก฽กว฽าพันปี เพราะฉะนั้นจึงไม฽มีใครทันเห็น Room of Heliodorus, Deliverance of St.Peter หรือรู฾จักหน฾าตาของพวกเขาเป็นแน฽ แต฽ราฟาเอลมีวธิ ีที่จะทําให฾เราเข฾าใจว฽าภาพนี้เป็นปราชญแคนใดโดยการวาด ใบหน฾าของศิลปินที่เป็นที่รู฾จักกันดีลงไปแทนหน฾าของนักปราชญแโบราณเหล฽านั้น เช฽นคนที่ใส฽ผ฾าคลุมสีแดงที่ยืนอยู฽ ตรงกลางภาพ กําลังทําท฽าชี้นิ้วขึ้นฟูา แสดงให฾เห็นว฽าเป็นท฽าทางของเพลโต (Plato) ซึ่งหมายถึงการที่เขาเชื่อในเทพ เจ฾า ส฽วนใบหน฾ากลับวาดหน฾าดา วินชีใส฽ไปแทน ในขณะที่คนข฾างๆ เพลโตที่กาํ ลังทําท฽าคว่ํามือใบข฾างหน฾า ก็หมายถึง อริสโตเติล (Aristotle) ซึ่งมีความเชื่อเรื่องธรรมชาติ ส฽วนชายคนที่ใส฽ชุดสีม฽วงนั่งเท฾าคางเขียนกระดาษยึกๆ อยู฽ ด฾านหน฾า เป็นท฽าทางของเฮราคลิตุส (Heraclitus) โดยราฟาเอลวาดใบหน฾าของมิเคลันเจโลลงไป ชายหัวล฾านชุด แดงที่โน฾มตัวขีดเขียนบนกระดานดําคือปราชญแยูคลิด (Euclid) ราฟาเอลวาดหน฾าของบรามันเต฾ใส฽ลงไป ส฽วนศิลปิน คนอื่นๆ ที่เหลือก็ดูในรูปเลยค฽ะ ที่สาํ คัญราฟาเอลไม฽ลืมที่จะวาดภาพตัวเขาเองลงไปในภาพนี้เช฽นกัน ลองสังเกตให฾ดี สักหน฽อย ภาพชายคนเดียวทางด฾านริมขวามือของภาพที่หันมามองผู฾ชม คนนัน้ ล฽ะค฽ะ ราฟาเอล (ข้อมูลจากหนังสือ โรมันรัญจวน) ... ด฾วยความที่เราเคยซื้อจิ๊กซอวแ 2,000 ชิ้นรูป School of Athens มาต฽อจนเสร็จแล฾ว เราจึงจํา รายละเอียดของรูปนี้ได฾ค฽อนข฾างดีก฽อนได฾เห็นของจริง พอเห็นของจริงก็เลยกวาดตาปรื๊ดๆๆ รู฾ทันทีว฽าใครเป็นใคร อยู฽ ตรงไหน เอาเข฾าจริงๆ นะ รูปต฽อจิ๊กซอวแกับรูปของจริงนี่มันก็ดูไม฽แตกต฽างกันเลยนะในสายตาของเรา ประมาณว฽า ของก฿อปก็หน฾าตาเหมือนของจริงอะ ดูไม฽ออก ทั้งๆ ทีจ่ ริงๆ แล฾วมันต฾องแตกต฽างกันมากๆนะ แต฽สายตาเรามันถั่วเอง นอกจากภาพ School of Athens แล฾ว ฝั่งตรงกันข฾ามยังมีภาพ Disputa หรือ School of Heavens ที่ สนใจอีก เป็นภาพของพระเยซูและนักบุญต฽างๆ บนสวรรคแ กําลังนั่งมองลงมายังโลกมนุษยแดกู ารถกเถียงเรื่องปริศนา ธรรมของพิธีศีลมหาสนิท [121]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Room of Segnatura, School of Athens (ภาพจากวิกิพีเดีย)

ราฟาเอล

เพลโตและอริสโตเติล

เฮราคลิตุสในใบหน๎าของมิเคลันเจโล

ยูคลิดในใบหน๎าของบรามันเต๎ [122]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Room of Segnatura, Disputa (School of Heavens)

 ห฾องเหตุการณแไฟไหม฾ในบอรแโก (Room of the Fire in the Borgo) – ภาพในห฾องนี้บอกเล฽าเรื่องราว ตามชื่อห฾องนั่นคือเหตุการณแไฟไหม฾ในย฽านบอรแโกทีอ่ ยู฽ในกรุงโรมเมื่อปีค.ศ. 847 หนังสือโรมันรัญจวนบอกไว฾ว฽า จุด สังเกตของภาพนี้มีอยู฽ 3 จุดคือ ผู฾หญิงเสื้อฟูาด฾านขวากําลังยกอ฽างและคนโทใส฽น้ําให฾อีกคนเพื่อช฽วยดับไฟ จุดที่สอง คือชายหนุ฽มร฽างกายกํายําทางด฾านซ฾าย ร฽างกายเปลือยเปล฽ากําลังปีน (หรือห฾อยต฽องแต฽ง) อยู฽บนกําแพง และสาม ด฾านซ฾ายล฽างจะเห็นชายหนุ฽มกําลังแบกคนแก฽ไว฾บนหลังและมีเด็กน฾อยเดินอยู฽ขา฾ งหน฾า ซึ่งภาพนี้อา฾ งถึงประวัติของ การกําเนิดกรุงโรมที่เจ฾าชายแอนีแอส (Aeneas) ที่มือหนึ่งแบกพ฽อของเขา อีกมือหนึ่งจูงลูกชายเพื่อหนีการตาม สังหารจากทหารกรีกในสงครามกรุงทรอย

Room of the Fire in the Borgo, Fire in the Borgo [123]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ออกจากห฾องสุดท฾ายของห฾องของราฟาเอล เราเดินลงบันไดไปยังชั้นล฽าง เพื่อเข฾าสู฽ห฾องที่เป็นสุดยอดอภิ มหาไฮไลทแของพิพิธภัณฑแวาติกัน... โถงสวดมนต์ซีสทีน (Sistine Chapel) กับผลงานสุดเว฽อวังมลังเมลือง ของสุดยอดศิลปินมิเคลันเจโลที่นักท฽องเที่ยวทุกคนที่เข฾ามาในพิพธิ ภัณฑแวาติกันนั้นต฽างต฾องการเข฾าชม นั่นคือผลงาน ภาพเฟรสโก฾บนเพดานโค฾งและภาพ The Last Judgement ที่ผนังด฾านหลังแท฽นบูชา เป็นที่น฽าแต฽เสียดายและน฽า เสียใจที่สุดที่ห฾องนี้ไม฽อนุญาตให฾ถ฽ายภาพ (ก฽อนหน฾านี้เคยอนุญาตแต฽มาห฾ามตัง้ แต฽เมื่อไหร฽ก็ไม฽รู฾ #ร฾องไห฾หนักมาก) เราก็เลยต฾องอาศัยภาพจากอินเตอรแเน็ตมาช฽วยย้ําเตือนความน฽าอัศจรรยแของผลงานและความประทับใจที่เราได฾ สัมผัส นักท฽องเที่ยวได฾รับอนุญาตให฾นงั่ ยืนชมหรือนั่งชมที่ม฾านั่งรอบๆ โถงสวดมนตแได฾อย฽างเงียบๆ ขอย้ําว฽าทาง เจ฾าหน฾าที่พพิ ิธภัณฑแบอกว฽าให฾เงียบๆ ปูายก็เขียนบอกชัดเจน แต฽ดว฾ ยความที่โถงสวดมนตแเล็กๆ แต฽กลับจุคนที่เยอะ มากจนแออัด ก็เหมือนกับนกกระจอกแตกรังสิคะ แค฽ฉันกระซิบเธอ เธอกระซิบฉัน ไม฽รวมถึงเรากระซิบกัน (เสียงดัง ไปหน฽อย) เสียงผู฾คนเซ็งแซ฽ในโถงสวดมนตแจึงดังขึ้นแทบตลอดเวลา ถึงแม฾เจ฾าหน฾าที่จะบอกให฾ทกุ คนเงียบลงหน฽อย ทุก 2 นาที ก็ไม฽เป็นผลแต฽อย฽างใด บางทีเราก็แอบเซ็งนักท฽องเที่ยวบางกลุ฽มนะ เสียงดังเฟร฽อ น฽ารําคาญ

Sistine Chapel (credit: www.imgkid.com) [124]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

โถงสวดมนตแเริ่มสร฾างในปีค.ศ. 1471 ส฽วนการวาดภาพบนผนังนั้นเริ่มขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 15 โดยฝีมือของ ศิลปินดังเช฽นปิเอโตร เปรูจิโน (Pietro Perugino) ซานโดร บอตติเชลลี (Sandro Botticelli) และโดเมนนิโก เกอรแ ลันไดโอ (Domenico Ghirlandaio) ซึ่งเป็นครูคนแรกของมิเคลันเจโล ต฽อมาในปีค.ศ. 1508 พระสันตะปาปาจู เลียสที่ 2 จึงได฾ว฽าจ฾างมิเคลันเจโลวาดภาพบนเพดานและผนังด฾านบนเพิ่มเติมซึ่งแล฾วเสร็จในปีค.ศ. 1512 ผลงานบน เพดานหรือ The Vault ของมิเคลันเจโลนี้ถือเป็นผลงานที่โลกยกย฽องว฽าเป็นผลงานที่ดีที่สุดในบรรดาภาพวาดบน เพดาน และเป็นผลงานที่มิเคลันเจโลยอมทุ฽มสุดตัวโดยการนอนหงายบนนั่งร฾านเพื่อวาดภาพบนเพดานตลอด 4 ปีนี้ ฝืนธรรมชาติของมนุษยแอย฽างสุดขีด ว฽ากันว฽าหลังวาดเสร็จ มิเคลันเจโลถึงกับสายตาสั้นจนอ฽านหนังสือไม฽ได฾เลย (ข้อมูลจากหนังสือโรมันรัญจวน) หลังจากนั้นอีกหลายปี พระสันตะปาปาคลีเมนตแที่ 7 ได฾ว฽าจ฾างมิเคลันเจโลให฾วาด ภาพที่ผนังด฾านหน฾า มิเคลันเจโลใช฾เวลาวาดภาพ The Last Judgement นี้ถึง 7 ปีจึงแล฾วเสร็จ และเขาก็ไม฽ทําให฾ผู฾ เฝูารอชมผลงานผิดหวัง เมื่อผลงาน The Last Judgement เป็นสุดยอดภาพวาดขึ้นหิ้งอีกผลงานหนึ่งของโลก ก฽อนที่จะไปชมรายละเอียดสุดยอดผลงานของมิเคลันเจโลทั้งสองชิ้น เรามาดูผลงานภาพเฟรสโก฾อื่นๆ รอบ ผนังด฾านข฾างและบนเพดานบางส฽วนโดยศิลปินท฽านอื่นกันก฽อนสักเล็กน฾อย ทางเข฾าโถงสวดมนตแที่เราเข฾ามาหลังจาก เดินลงบันไดมาจากห฾องของราฟาเอล จะเป็นประตูเล็กๆ อยู฽ใต฾ภาพ The Last Judgement ซึ่งไม฽ใช฽ทางเข฾าจริงๆ ของตัวโถงสวดมนตแหรอก ทางเข฾าจริงอยู฽ฝั่งตรงกันข฾ามซึ่งจะกลายเป็นทางออกของเรา (งงไหม?) ผนังแต฽ละด฾าน แบ฽งเป็น 4 ส฽วนจากล฽างขึ้นบนได฾แก฽ส฽วนที่เป็นผ฾าม฽านคลุม (Drapes) อยู฽สว฽ นล฽างสุดติดพื้น ถัดขึ้นมาคือภาพวาดเล฽า เรื่องราว (Stories of …) ถัดขึ้นมาเป็นภาพวาดพระสันตะปาปา (Pontiffs) และส฽วนบนสุดของผนังที่มีลักษณะโค฾ง แบบพระจันทรแเสี้ยว (Lunettes) ส฽วนที่น฽าสนใจอยู฽ที่ผนังส฽วนเล฽าเรื่องราวต฽างๆ โดยฝั่งผนังด฾านทิศใต฾ (South wall) (ทางขวามือ เมื่อหันหน฾าออกจากแท฽นบูชาและภาพ The Last Judgement) เป็นเรื่องราวของโมเสส มีภาพ Events in the life of Moses ของบอตติเชลลี และภาพ Handling over of the Tablets of the Law หรือ Descent from Mount Sinai ของคอซิโม รอซเซลลี (Cosimo Rosselli) และผู฾ช฽วย ส฽วนผนังด฾านทิศเหนือ (North wall) เป็นเรื่องราวของพระเยซูมีภาพ Handing over of the keys ของเปรูจิโน และภาพ Temptations of Christ ของบอตติเชลลีเป็นภาพที่น฽าสนใจ Lunettes Pontiffs

Stories of …

Drapes Sistine Chapel (credit: www.imgkid.com) [125]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

แผนผัง Sistine Chapel (credit: original by www.templestudy.com adapted by KatieKat for easy viewing)

[126]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

South wall, Events in the life of Moses

North wall, Handing over the Keys

วันที่ 3: Vatican

South wall, Handing over the Tablets of the Law

North wall, Temptations of Christ

** หมายเหตุ แผนผังโถงสวดมนตแซีสทีนที่เราเอามาแปะไว฾ เป็นฉบับที่เราได฾มีการแก฾ไขจากฉบับตั้งต฾นในเว็บไซตแแบบกลับซ฾ายขวาทั้งหมด เนื่องจากเท฽าที่ไปหาแผนผังมา จะมีการนําเสนอแผนผังเป็น 2 แบบคือแบบที่ 1 แบบที่เรานําเสนอคือเป็นการมองภาพใน ลักษณะที่เรายืนมองและเงยหน฾ามอง กับแบบที่ 2 คือเป็นการเขียนผังแบบให฾เราต฾องนอนราบบนพื้นของโถงสวดมนตแแล฾วมองขึ้นไป ทําให฾ แผนผังแบบที่ 2 นี้จะกลับหัวกลับหาง กลับซ฾าย-ขวากับแบบที่ 1 (งงไหม เราก็งงอยู฽ ต฾องตั้งสตินานมากกว฽าจะพอเข฾าใจ) ซึ่งสําหรับเราแล฾ว มันเข฾าใจยากมากเลยอะแบบที่ 2 นี้ เราก็เลยเลือกแปะแผนผังแบบที่ 1 (ตามรูป) ที่ง฽ายต฽อการปฏิบัติจริงมากกว฽า

มาถึงส฽วนเพดานซึ่งแบ฽งภาพออกเป็นอีก 4 ส฽วน มิเคลันเจโลวาดภาพบนผนังโดยเล฽าเรื่องกําเนิดโลกและ จักรวาล (หนังสือเล฽มแรกของพระคัมภีรแ) ผ฽านช฽องเพดาน 9 ช฽องเรียงลําดับเหตุการณแเริ่มจาก (ฝั่งที่ติดกับภาพ the Last Judgement)  ช฽องที่ 1 การแยกแสงสว่างจากความมืด (Separation of Light from Darkness)  ช฽องที่ 2 การสร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลก (Creation of the Sun, Moon & Planets) – ในช฽องนี้จะเห็นใบหน฾าของพระผู฾เป็นเจ฾าตามจินตนาการของมิเคลันเจโล  ช฽องที่ 3 การแยกผืนดินจากผืนน้า (Separation of Land from Sea) สามช฽องแรกเป็นเรื่องราวในบทแรกของกําเนิดโลกและจักรวาล พระผู฾เป็นเจ฾าได฾สร฾างโลกใน 6 วัน และ เหลือวันที่ 7 ไว฾สําหรับการพักผ฽อน ในวันแรก พระองคแได฾สร฾างแสงสว฽างและแยกแสงสว฽างออกจากความมืด วันที่ 2 พระองคแได฾แบ฽งผืนน้ํามาจากสวรรคแ วันที่ 3 ทรงสร฾างโลกและปลูกต฾นไม฾ให฾งอกงาม วันที่ 4 ทรงนําดวงอาทิตยแและ ดวงจันทรแมาเพื่อกําหนดวัน คืน เวลาและฤดูกาลของปี วันที่ 5 ทรงสร฾างนกให฾อยู฽บนท฾องฟูา สร฾างปลาและสัตวแน้ํา และวันที่ 6 พระองคแทรงสร฾างสัตวแที่อยู฽บนพื้นโลก ซึ่งการสร฾างโลกทั้ง 2 วันหลังนี้ไม฽มีในภาพวาดของมิเคลันเจโล (ข้อมูลจากวิกพิ ิเดีย) [127]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

 ช฽องที่ 4 ก้าเนิดอดัม (Creation of Adam)  ช฽องที่ 5 ก้าเนิดอีฟ (Creation of Eve)  ช฽องที่ 6 บาปแรกและการถูกขับไล่จากสวนอีเดนของอดัมและอีฟ (Original Sin and Banishment from the Garden of Eden หรือ Temptation & Expulsion) ช฽องที่ 4-6 เป็นเรื่องราวของกําเนิดอดัมและอีฟ โดยผลงานโดดเด฽นที่สุดของทั้ง 9 ภาพอยู฽ทภี่ าพในช฽องที่ 4 คือภาพกําเนิดอดัม มิเคลันเจโลวาดภาพนี้และภาพถัดไปตามเรื่องกําเนิดอดัมและอีฟ โดยภาพกําเนิดอดัมเป็นภาพ ที่พระผู฾เป็นเจ฾ายื่นพระหัตถแให฾ปลายนิ้วชี้ไป (เกือบ) แตะปลายนิว้ ของอดัม ซึ่งมีผู฾วิจารณแผลงานชิ้นนี้ว฽ามีการจัด ตําแหน฽งร฽างกายที่สวยงามและอ฽อนช฾อยมาก นอกจากนี้จะสังเกตเห็นรังสีเปล฽งประกายของพระเจ฾าที่มิเคลันเจโล วาดเป็นเฉดสีเลือดหมูเข฾มๆ รอบๆ พระองคแและมีรูปร฽างลักษณะเหมือนสมองของมนุษยแ ส฽วนช฽องที่ 6 แสดง เหตุการณแที่อดัมและอีฟถูกล฽อลวงโดยงูพิษให฾กินผลไม฾จากต฾นไม฾ต฾องห฾าม จนเป็นเหตุให฾ทั้งคู฽ถูกขับไล฽ออกจากสวนอี เดนไปอยู฽โลกภายนอกที่พวกเขาต฾องต฽อสู฾ดิ้นรนเพื่อความอยู฽รอดและต฾องเผชิญหน฾ากับความตาย  ช฽องที่ 7 เครื่องสังเวยของโนอาห์ (Sacrifice of Noah)  ช฽องที่ 8 เหตุการณ์น้าท่วมโลก (The Flood)  ช฽องที่ 9 ความเมามายของโนอาห์ (Drunkenness of Noah) เรื่องราวของโนอาหแใน 3 ช฽องสุดท฾ายแสดงให฾เห็นถึงการสูญสิ้นของมนุษยแและการเกิดสิ่งมีชีวิตใหม฽โดย บุคคลที่พระเจ฾าทรงเลือกคือโนอาหแ ผู฾เหลือรอดเพียงครอบครัวเดียวที่จะทําให฾มนุษยแเพิ่มประชากรใหม฽อีกครั้ง หลังจากที่พระเจ฾าผู฾สร฾างได฾ทําลายสิ่งที่ทรงสร฾างลงทั้งหมดเนื่องจากเพราะปีศาจที่อยู฽ในตัวมนุษยแ

Separation of Light from Darkness

Separation of Land from Sea

Creation of the Sun, Moon & Planets

Creation of Eve [128]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Creation of Adam

Original Sin and Banishment from the Garden of Eden

Drunkenness of Noah

Sacrifice of Noah

The Flood [129]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

หลังจากแหงนหน฾ามองเพดานจนคอเคล็ด เราลดหน฾าลงต่ําเพื่อหันไปมองภาพเฟรสโก฾ The Last Judgement ทีอ่ ยู฽หลังแท฽นบูชา... The Last Judgement หรือวันพิพากษาโลก เป็นภาพพระเยซูคริสตแซึ่งมีรัศมี เปล฽งประกายรอบพระองคแ ล฾อมรอบด฾วยนักบุญ ในขณะที่เบื้องล฽างเป็นภาพมวลมนุษยแที่มีชวี ิตดิ้นรน ประสบแต฽ ความทุกขแยาก ปราศจากความสุข ภาพต฾นฉบับ มิเคลันเจโลวาดภาพพระเยซู นักบุญและผู฾คนในลักษณะเปลือย เปล฽านับได฾ถึง 314 คน ซึ่งทําให฾เกิดข฾อถกเถียงกันมากภายหลังภาพวาดเสร็จแล฾ว แต฽ด฾วยชื่อเสียงของมิเคลันเจโล จึงไม฽มีใครกล฾าแตะต฾องงานของเขา จวบจนเมื่อมิเคลันเจโลเสียชีวิตแล฾ว วาติกันจึงให฾ลูกศิษยแของมิเคลันเจโลวาด เสื้อผ฾าใส฽ลงไปบางส฽วนดังที่เห็นในปัจจุบัน ภาพบุคคลสําคัญใน The Last Judgement ที่น฽าทําความรู฾จกั ได฾แก฽ พระเยซูและพระแม฽มาเรีย (อันนี้มัน ก็แน฽อยูแ฽ ล฾ว ต฾องรู฾จักนะคะ) เซนตแปีเตอรแ ผู฾ถือกุญแจสู฽สรวงสวรรคแ เซนตแบารแโธโลมิว (St. Bartholomew) ผู฾ถือ หนังของตัวเอง และคารอน (Charon) ชายตัวดํายืนเงื้อไม฾พายอยู฽ที่ดา฾ นล฽างของภาพ ผู฾คุมเรือพาคนบาปข฾ามแม฽น้ํา สติกซแไปยังนรก (ข้อมูลจากหนังสือโรมันรัญจวน)

Mary and Christ

St. Bartholomew

St. Peter

The boatman Charon

[130]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Michelangelo, The Last Judgement

เรานั่งชมภาพในโถงสวดมนตแซีสทีนอยู฽ประมาณครึ่งชั่วโมงก็สมควรแก฽เวลาที่จะเดินออกมาแล฾ว (ผู฾คน หลั่งไหลเข฾ามาในโถงไม฽หยุดหย฽อน เสียงอึกทึกอือ้ อึงสุดพลัง เลยจําต฾องหลีกทางให฾นักท฽องเที่ยวกลุ฽มใหม฽เข฾ามานั่ง แทนที่บ฾าง) ออกจากโถงสวดมนตแ เดินตรงตามปูายไปเรื่อยๆ จนสุดทาง จะพบร฾านหนังสือ ห฾องน้ําและบันไดวนอัน

[131]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

เป็นเครื่องหมายว฽าสิ้นสุดเส฾นทางการชมพิพิธภัณฑแแล฾ว นี่ขนาดว฽าเลือกชมเฉพาะผลงานเด็ดๆ ที่เป็น the must นะเนี่ย หันมองดูเวลา เราใช฾เวลากับที่นไี่ ป 3 ชั่วโมงกว฽านิดหน฽อย เดินกันขาลากจริงๆ เหนื่อยมากแต฽ก็คุ฾มค฽าที่สุด

ข๎อมูลการเข๎าชมพิพิธภัณฑ์วาติกัน เวลาเปิด: วันจันทรแถึงวันเสารแ 9.00 – 18.00 น. ห฾องจําหน฽ายตั๋วเปิด 9.00 – 16.00 น. ต฾องออกจากห฾อง ภายในพิพิธภัณฑแครึ่งชั่วโมงก฽อนเวลาพิพิธภัณฑแปิด ปิดวันอาทิตยแ ยกเว฾นวันอาทิตยแสุดท฾ายของเดือน ซึ่งพิพิธภัณฑแจะเปิดให฾เข฾าชมฟรีระหว฽างเวลา 9.00 – 12.30 น. และพิพิธภัณฑแจะปิด 14.00 น. (ยกเว฾นถ฾าตรงกับ Easter Sunday ก็จะปิดทั้งวัน) ซึ่งแน฽นอนว฽าคนเยอะ มาก คิวยาวมากถึงมากที่สุด วนรอบกําแพงเมืองวาติกันเลยทีเดียว นอกจากนี้พิพิธภัณฑแยังปิดในวันสําคัญต฽างๆ ดังนี้ วันที่ 1, 6 ม.ค. 11 ก.พ. 19 มี.ค. 5, 6 เม.ย. วันอีสเตอรแ 1 พ.ค. 29 มิ.ย. 15 ส.ค. 8, 25 และ 26 ธ.ค. หรือจะลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมพิพธิ ภัณฑแตอนกลางคืนดูบ฾างแบบ Night at the Museum ก็ดีนะ ทุก วันศุกรแ ตั้งแต฽ 24 เม.ย. – 31 ก.ค. และ 4 ก.ย. – 30 ต.ค. พิพิธภัณฑแเปิดให฾เข฾าชมในช฽วงเวลาเพิ่มเติม 19.00 – 22.00 น. (รอบสุดท฾ายคือ 21.30 น.) ซึ่งอันนี้ต฾องซื้อตั๋วล฽วงหน฾าแบบออนไลนแเท฽านั้นค฽ะ การซื้อตั๋ว: ถ฾าไม฽อยากเสี่ยงต฽อคิวนาน สามารถซื้อตัว๋ ล฽วงหน฾าพร฾อมชําระเงินผ฽านเว็บไซตแทางการของ พิพิธภัณฑแ http://mv.vatican.va/3_EN/pages/MV_Home.html (เปิดจองล฽วงหน฾า 2 เดือน) แต฽เอาเข฾าจริงๆ เราคิดว฽าที่บอกกันว฽าคิวยาว น฽าจะเป็นเฉพาะช฽วงฤดูท฽องเที่ยวหนักๆ อย฽างฤดูร฾อน (พ.ค. – ก.ย.) นอกนั้น ไปรอ ซื้อหน฾าเคาทแเตอรแที่พิพิธภัณฑแเลยก็พอไหวอยู฽นะ ไม฽เห็นคิวยาวอะไร คําเข๎าชม: 2015 Full price 16 EUR [132]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

ออกจากพิพิธภัณฑแ เราเดินย฾อนกลับมาทางเดิม แวะซื้อเจลาโต฾กินซักหน฽อย มีร฾านข฾างๆ กําแพงเมือง วาติกันร฾านหนึ่งดูจะชื่อดังมาก ชือ่ ร฾าน Old bridge… มีคนต฽อแถวเข฾าคิวซือ้ อย฽างตรึม คนไทยก็มีด฾วย คุณคนนี้ ถึงกับต฾องถ฽ายวิดีโอบรรยายบรรยากาศตอนต฽อแถวไว฾ดว฾ ย (เป็นเอามาก) เราเดินออกจากพิพธิ ภัณฑแไปยังปราสาท ซานตังเจโล (Castel Sant’ Angelo) ที่หน฾าจัตุรัสเซนตแปีเตอรแ เดินตรงตามถนนหน฾าจัตุรัสที่ชื่อเวียเดลลา คอนซีลีอาซีโอเน (Via della Conciliazione) ไปพอสมควรก็จะถึงที่หมาย ข฾างๆ ปราสาทมีสวนสาธารณะไว฾ พักผ฽อน เราก็เลยได฾ที่นั่งปั๊มนมดีๆ ชื่อปราสาทซานตังเจโลนั้น พระสันตะปาปาเกรกอรีเป็นผู฾ตั้งให฾ตามชื่อของเซนตแไมเคิล หัวหน฾าทูตสวรรคแ ตามที่พระองคแได฾นิมิตเห็นภาพเซนตแไมเคิลช฽วยปัดเปุาภัยพิบัติ พระสันตะปาปาจึงสั่งให฾สร฾างรูปปั้นเซนตแไมเคิลอยู฽ที่ ยอดปราสาท แต฽เดิมปราสาทแห฽งนี้ถูกสร฾างขึ้นเพื่อใช฾เป็นสุสานของจักรพรรดิเฮเดรียน ต฽อมาถูกปรับปรุงเป็น ปราสาท ปูอมปราการและคุก นอกจากนี้ยังใช฾เป็นที่หลบภัยของพระสันตะปาปาอีกด฾วย โดยมีทางเดินบนกําแพง เชื่อมต฽อมาจากอาคารในวาติกัน (นี่มันฉากในภาพยนตรแ Angels & Demons ชัดๆ ขอกลับไปดูอีกรอบด฽วนๆ) (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) ปัจจุบันภายในปราสาทเปิดเป็นพิพธิ ภัณฑแจําพวกข฾าวของเครื่องใช฾ อาวุธรบให฾เข฾าชม แต฽เราไม฽ได฾กะจะเข฾า ไปชมภายในตัวปราสาทอยู฽แล฾ว แค฽ดูภายนอกก็พอ เราจึงเดินข฾ามสะพานซานตังเจโลหรือสะพานนางฟูา (Ponte Sant’ Angelo) สะพานที่สองข฾างเต็มไปด฾วยรูปปั้นทูตสวรรคแ ที่พาเราข฾ามไปอีกฝั่งของแม฽น้ําไทเบอรแ เดินตามแผน ที่ไปจนเจอถนน Via Acciaioli แล฾วนั่งรถบัสสาย 64 ปลายทาง Termini ลงที่สถานี Termini เพื่อกลับทีพ่ ัก ตอน แรกว฽าจะแวะที่สถานี Nazionale/Torino เพือ่ ดู Piazza della Repubblica ดูความงามของน้ําพุไนยาดีเสียหน฽อย แต฽เอาเข฾าจริง ณ จุดนั้น มันเหนื่อยมาก มันเมื่อยมาก บวกกับได฾นั่งรถผ฽านปิอัซซ฽านี้มา 2 รอบแล฾ว ก็เลย ตัดสินใจไม฽แวะ พุ฽งตรงกลับที่พักเพือ่ เตรียมตัวสําหรับ การย฾ายเมืองในวันที่ 4 ดีกว฽า ก฽อนเข฾าพัก เรากินมื้อเย็น ที่ร฾านอาหารที่สถานีรถไฟชื่อร฾าน ROADHOUSE GRILL รสชาติโอเคเลย เป็นอาหารพวกพิซซ฽า สเต฿กและปิ้งย฽าง สไตลแอเมริกัน

Route to go: Castle Sant’ Angelo to Via Acciaioli [133]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

สะพานข๎ามจากวาติกันมาปราสาทซานตังเจโล

Ponte Sant’ Angelo

St. Michael

Via della Conciliazione [134]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 3: Vatican

Castle Sant’ Angelo

แถมท๎ายด๎วยบรรยากาศที่พัก M&J Hostel แบบรกๆ [135]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

วันที่ 4: Naples – Capri

[136]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

วันที่ 4 แล฾วจ฾า วันนี้เปลี่ยนเมือง เปลี่ยนที่นอนด฾วย เพราะฉะนั้นเราต฾องตืน่ เช฾าขึ้นกว฽าเดิมอีก จัดการ เช็คเอาทแ ออกจากโฮสเทลเพื่อไปขึ้นรถไฟให฾ทันรอบ 7.35 น. จากโรมไปทางใต฾ประมาณ 200 กิโลเมตรเพื่อไปยัง เมืองเนเปิลสแหรือนาโปลี (Naples; Napoli) แต฽จุดประสงคแจริงๆ ของการไปนาโปลีไม฽ใช฽เที่ยวเมืองนี้หรอกนะ เรา ไปนาโปลีเพื่อไปหาที่นอน ส฽วนที่เทีย่ วนั้น เราจะขึ้นเรือเฟอรแรี่ข฾ามไปยังเกาะคาปรี (Capri) ที่อยู฽ใกล฾กัน โปรแกรม วันนี้ชิลมากๆ ชมนก ชมไม฾ ชมธรรมชาติทั้งวัน ขอพักสมองจากเรื่องวิชาการหนักๆ จาก 3 ติดในโรมซักหน฽อย เริ่มต฾นจากมุํงตรงไปยังเมืองนาโปลีแตํเช๎า ตามหาโรงแรมที่จองไว๎ ฝากกระเป๋า (เพราะยังไมํถึงเวลาเช็คอิน) จากนั้นหารถเมล์นั่งไปทําเรือเพื่อไปซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ให๎ทันรอบที่มองไว๎ครําวๆ แล๎ว นั่งเรือข๎ามฟากไปเกาะ คาปรี เทีย่ วคาปรีทั้งวัน ทั้งฝั่งคาปรีและอนาคาปรี (Anacapri) ขึ้นกระเช๎าไปยังยอดเขาโซลาโร (Mount Solaro) บํายๆ ไปนั่งเรือลอดถ้​้าเพื่อดูสีของน้​้าทะเลที่ตกกระทบกับแสงแดดที่ลอดเข๎ามายังถ้า้ กรอตตา อัซซูรํา (Grotta Azzurra; Blue Grotta) จนถึงเย็นย่้าโนํนคํอยนั่งเรือข๎ามฟากกลับมายังนาโปลีเพื่อเข๎านอน รถไฟ Trenitalia ที่เราขึ้นจากโรมไปนาโปลีนี้ เราซื้อตั๋วล฽วงหน฾าแบบระบุวัน ระบุรอบและระบุที่นั่งจาก หน฾าเว็บการรถไฟอิตาลี http://www.trenitalia.com ตั้งแต฽อยู฽ที่เมืองไทยในราคาคนละ EUR 9 (Super Economy Fare, no change, no refund) ภายในรถไฟปรับอากาศเย็นสบาย สะอาดสะอ฾านและสะดวกสบาย มาก มีเต฾าเสียบสําหรับชารแจมือถือและคอมพิวเตอรแด฾วย แสนจะสบาย ระหว฽างเดินทางมีนายตรวจเดินมาตรวจตัว๋ ผู฾โดยสารทุกคนเพื่อความถูกต฾องและปลอดภัย รถไฟจากโรมเทียบชานชาลาที่นาโปลี สถานี Naples Centrale เวลา 8.45 น. งงๆ กับทางออกสถานีนิด หน฽อย เราอ฽านเจอมาก฽อนว฽านาโปลีนี้มีชื่อเสีย (เสียจริงๆ นะ ไม฽ได฾เขียนผิด) ว฽าเป็นเมืองมาเฟียของอิตาลี เพราะฉะนั้นเราจึงต฾องระวังพวกมิจฉาชีพให฾มากหน฽อย ซึ่งพอเราได฾มากเห็นเมืองนี้จริงๆ พอเดินออกนอกหลังคา สถานีรถไฟปั๊บ ก็พอสัมผัสได฾ถึงความหม฽นๆ เทาๆ ของเมืองนี้ เนื่องจากเมืองดูเก฽าๆ โทรมๆ สัมผัสได฾ถึงความน฽า กลัวของบ฾านเมืองนิดหน฽อย แต฽ที่สําคัญคือเมืองนี้โทรมจริง แผนการเดินทางของเราคือต฾องไปฝากกระเป฻าและ เช็คอินที่โรงแรมที่จองมาไว฾ก฽อนแล฾วค฽อยออกเทีย่ ว อย฽างที่บอกว฽าเมืองนี้ดูจะมีความปลอดภัยน฾อยหน฽อย เราจึง เลือกพักโรงแรมที่ปลอดภัยมากหน฽อยไว฾ก฽อน เราเลือกโรงแรม Mercure Napoli Garibaldi http://www.accorhotels.com/gb/hotel-3243-ibis-styles-napoli-garibaldi-ex-mercure/index.shtml ด฾วยเหตุผล 1) โรงแรมอยู฽ใกล฾สถานีรถไฟ สามารถเดินถึง 2) มาตรฐาน Mercure เป็นเครือโรงแรมที่เชื่อถือได฾ใน ความสะอาดและปลอดภัย มั่นใจกว฽าเลือกโฮสเทลโนเนมเหมือนที่เราชอบเลือกพักในเมืองก฽อนๆ 3) ราคารับได฾ จากแผนที่ที่มี หันหน฾าออกจากสถานีรถไฟ Napoli Centrale ให฾เดินไปทางซ฾ายจนเจอทางออก ซึ่งเป็น ถนน Piazza Garibaldi Giuseppe เลี้ยวซ฾าย เดินเลียบฟุตบาทไปเจอซอยข฾างหน฾า ตรงปากซอยนี้จะเจอปูายให฾ เลี้ยวไปโรงแรม Mercure ให฾เลี้ยวขวาเดินตรงไป ซึ่งนี่คือถนน Via Giuseppe Pica (แต฽ตรงปากทางเข฾ามันไม฽เขียน ชื่อถนนนะ ดูจาก Google map ก็ไม฽เห็น ต฾องดูปูายบอกทางของโรงแรมแทน) เดินตรงไปประมาณ 150 เมตร (2 แยก) จะเจอถนน Via Giuseppe Ricardi ทางขวามือ เลี้ยวขวา เดินตรงไป 50 เมตร จะเห็นโรงแรมอยู฽ทางซ฾ายมือ

[137]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

Bye Bye Roma Termini

วันที่ 4: Naples - Capri

Train to Napoli

นายตรวจรถไฟ

Route to go: Napoli Centrale to Mercure Napoli Garibaldi [138]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

เนื่องจากเรามาถึงนาโปลีเช฾ามาก เช็คอินได฾แต฽ยังเข฾าห฾องไม฽ได฾ เราจึงทําได฾แค฽ฝากกระเป฻าไว฾กับทางโรงแรม แล฾วค฽อยไปลัลล฾า ออกจากโรงแรม เดินย฾อนกลับมาทางเดิมถึงหน฾าสถานีรถไฟ ด฾านหน฾าสถานีบนถนน Piazza Garibaldi Giuseppe จะมองเห็นท฽ารถเมลแขนาดใหญ฽ มีรถเมลแจอดเรียงรายมากมายและมีซุ฾มขายตั๋วอยู฽ เดินเข฾าไป ซื้อตั๋วรถเมลแกันเลย การเดินทางในนาโปลี (ข้อมูลจาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลีและ http://www.unicocampania.it) การเดินทางโดยระบบขนส฽งสาธารณะ (มีทั้งรถไฟเมโทร รถไฟเคเบิล รถไฟเอกชนท฾องถิ่นและรถเมลแ) ใน ภูมิภาคกัมปาเนีย (Campania) ซึ่งมีเมืองสําคัญๆ ได฾แก฽นาโปลี ปอมเปอีและซอเรนโตนั้น สามารถใช฾ตั๋วเดินทาง ร฽วมกันได฾ทั้งหมด โดยมีองคแกร UNICOCAMPANIA Consortium รับหน฾าที่บริหารจัดการระบบจําหน฽ายตั๋ว ตัว๋ เดินทางนั้นแบ฽งเป็นหลายประเภทมาก มีทั้งที่สําหรับใช฾เดินทางภายในเมืองๆ เดียว และใช฾เดินทางระหว฽างเมือง ปัจจุบัน (2015) โดยตั๋วโดยสารทั้งหมดเรียกว฽า TIC (Ticket Integrated Campania) ในส฽วนของตั๋วที่ใช฾เดินทาง เฉพาะในนาโปลีมีรายละเอียดดังนี้ 1. Hourly ticket 1.5 EUR – ตั๋วเที่ยวเดียว ใช฾ได฾ภายใน 90 นาทีหลังจาก validate ตั๋วครั้งแรก 2. Daily ticket 4.5 EUR – ตั๋ววัน ใช฾ได฾ไม฽จํากัดจํานวนครั้งภายใน 1 วัน นอกจากนี้ยังมีตั๋วสัปดาหแ ตัว๋ เดือน ตั๋วปี ตั๋วส฽วนลดสําหรับนักเรียนและผู฾สูงอายุอกี มากมาย รายละเอียด เพิ่มเติมหาได฾จาก http://www.unicocampania.it ค฽ะ การซื้อตั๋วก็เหมือนกับเมืองอื่นๆ ทั่วไปคือต฾องทําการซื้อตั๋วก฽อนขึ้นรถ โดยสามารถหาซื้อได฾ที่ร฾านขายของ ชํา/แผงขายหนังสือพิมพแ (Tabacchi) เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานีเมโทรหรือปูายรถเมลแใหญ฽ๆ โดยก฽อนขึ้นรถทุก ประเภทในครั้งแรกที่เริ่มใช฾ตั๋ว ต฾องทําการ validate ก฽อน จุดมุ฽งหมายของเราคือนั่งรถตรงไปยังท฽าเรือ Molo Beverello เพื่อจะนั่งเรือต฽อไปยังเกาะคาปรี (Capri) เราจึงเลือกซื้อตั๋วเที่ยวเดียว (hourly ticket) แล฾วเลือกขึ้นรถเมลแสายที่ผ฽านศาลาว฽าการ (Municipio) หรือท฽าเรือ (port) ถ฾าไม฽แน฽ใจว฽าคันนี้ขับผ฽านหรือไม฽ ก็ให฾ใช฾ความสามารถขั้นพื้นฐานนั่นคือภาษาใบ฾ถามเอาก฽อนขึ้นรถเลยค฽ะ เราก็ทํา พอถึงท฽าเรือ (มองเห็นแต฽ไกลชัดเจน มีเรือเฟอรแรี่และเรืออีกสารพัดชนิดจอดเรียงรายอยู฽ และมองเห็นน้ํา ทะเลอยู฽เบื้องหน฾า) ก็เตรียมลงรถเมลแได฾ค฽ะ ที่ท฽าเรือ เราจะมองเห็นเคาทแเตอรแขายตั๋วหลากหลายยี่ห฾ออยู฽ดา฾ นหน฾า เลย ทั้งนี้เราได฾เตรียมตัวหาช฾อมูลรอบเดินเรือมาก฽อนล฽วงหน฾าแล฾วผ฽าน http://www.capri.com/en/ferryschedule แนะนําว฽าเป็นสิ่งที่ควรเตรียมตัวมาก฽อนค฽ะ พอถึงหน฾างานจะได฾ไม฽มึนตึ๊บมาก เวลาในเว็บไซตแกับหน฾า เคาทแเตอรแมีคลาดเคลื่อนนิดหน฽อย แต฽กพ็ อรับได฾ การเดินทางจากนาโปลีไปยังเกาะคาปรีนั้น ทําได฾โดยการขึ้นเรือข฾ามฟากจากท฽าเรือ Molo Beverello หรือท฽าเรือ Molo Calata di Massa โดยเรือข฾ามฟากนั้นมีหลายประเภทหลายความเร็ว แน฽นอนว฽าเราเลือกรอบที่ เป็นเรือด฽วนเฟอรแรี่ (high speed ferry) หรือเรือไฮโดรฟอยลแ (hydrofoil) ไว฾ก฽อน เพือ่ ประหยัดเวลา สําหรับเรือ hydrofoil จะใช฾เวลาเดินทางจากท฽าเรือ Molo Beverello ไปถึงท฽าเรือ Marina Grande ของเกาะคาปรีประมาณ 50 นาที เราเลือกรอบ 11.35 น. ราคา 18 EUR ซื้อตั๋วเฉพาะขาไปอย฽างเดียวก฽อน เวลาเดินไปเคาทแเตอรแซื้อตั๋ว เลือกช฽องให฾ถูกบริษัทนะคะ แต฽ละช฽องเป็นของแต฽ละบริษัทค฽ะ ต฽อแถวผิด เสียใจเสียเวลาสุดๆ ค฽ะ คิวยาวทีเดียว [139]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

แผนที่ระบบขนสํงสาธารณะในนาโปลี (Naples Integrated Transport Network Map) [140]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

แผนที่ระบบขนสํงสาธารณะในนาโปลี (Naples Integrated Transport Network Map) [141]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

แผนที่แบบขยายในสํวนของฝั่งสถานีรถไฟถึงทําเรือ Molo Beverello

วันที่ 4: Naples - Capri

[142]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

แผนที่แบบขยายในสํวนของฝั่งสถานีรถไฟถึงทําเรือ Molo Beverello

วันที่ 4: Naples - Capri

[143]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

ระหว฽างนั้นมีเวลาเหลือ เราเลยไปเดินเล฽นบริเวณใกล฾ๆ แถวนั้น เริ่มจากแกลอเรีย อุมแบร์โต (Galleria Umberto I) ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ฽ สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก มียอดโดมอยู฽ตรงกลางและเพดานทําจาก แก฾ว จึงมีแสงสว฽างส฽องลงมาถึงภายในอาคาร ด฾านในมีร฾านค฾าโดยรอบ ตรงกลางเป็นโถงขนาดใหญ฽ มีศิลปินเปิด หมวกมาแสดงให฾ชมกัน อย฽างวันที่เราไปก็มีคนหน฾าขาว (ไม฽ขาวสิ จากรูป หน฾าทองซะขนาดนั้น) แต฽งตัวแบบสมัย โบราณ มายืนนิ่งๆ เปิดหมวกแสดงอยูก฽ ลางโถงเลย เราถือโอกาสนั่งพักกินขนม ไอติม กาแฟและปั๊มนมที่ร฾านคาเฟุ หนึ่งในอาคารนี้ ระหว฽างนั้นก็มีคนมาเล฽นไวโอลินขอตังคแซะด฾วย พริ้มเลย ปั๊มนมไปฟังไวโอลินไป... แต฽ไม฽ได฾แอ฾มเงิน ชั้นนะฮะ พอดีเอาตังคแไปให฾คุณผู฾หญิงหน฾าทองซะก฽อนแล฾ว หมดโควต฾า ขากลับไปที่ท฽าเรือ เราผ฽านคาสเตลโล นูโอ โว (Castelo Nuovo) ซึ่งแรกเริ่มถูกสร฾างเป็นปราสาทริมทะเลและศูนยแการปกครอง ปัจจุบันเป็นศาลาว฽าการเมือง นาโปลี (Municipio)

Galleria Umberto I

Castelo Nuovo

[144]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

เมื่อกลับมาที่ท฽าเรือ Molo Beverello เพื่อรอขึ้นเรือ รอบของเราออกเลทนิดหน฽อย ไม฽มาก เรือ hydrofoil ที่เรานั่งเป็นเรือโดยสารขนาดใหญ฽มาก มี 2 ชั้น เราเลือกที่นั่งติดหน฾าต฽าง ทําให฾ระหว฽างเรือแล฽นสามารถ มองเห็นภูเขาไฟวิซูเวียสทางซ฾ายมือได฾อย฽างถนัดตา

บรรยากาศทําเรือ Molo Beverello

[145]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

ภูเขาไฟวิซูเวียส (มองจากบนเรือ)

บรรยากาศบนเรือ hydrofoil ข๎ามฟากไปเกาะคาปรี

เรือ hydrofoil พาเราข฾ามฝั่งจากนาโปลีมาถึงทําเรือมารีนํา แกรนเด (Marina Grande) ของเกาะคาปรี ใช฾เวลาประมาณ 50 นาที ขณะที่เรือกําลังเข฾าใกล฾ฝั่งคาปรี เราก็มองเห็นวิวทิวทัศนแที่ทําให฾ดวงตาเราเป็นประกาย วิวทิวทัศนแที่ชา฽ งแตกต฽างจากฝั่งที่เราขึ้นเรือมา เบื้องหน฾าคือท฽าเรือหลักของเกาะคาปรี ในวันที่อากาศและท฾องฟู าสุด แสนจะเป็นใจ ท฾องฟูาสีฟูาสดใส แดดจัด น้ําทะเลสีเขียวมรกต เรือลําน฾อยใหญ฽จอดเรียงรายรอบท฽าเรือ มองขึ้นไป บนตัวเกาะจะเป็นภูเขาสีเขียวซึ่งมีบ฾านเรือนสีขาวปลูกลดหลั่นกันตามเนินเขา... โอยยๆๆ นี่ขนาดยังไม฽ลงจากเรือ ยัง เคลิ้มขนาดนี้ เกาะคาปรี (Capri) ตั้งอยู฽ในอ฽าวเนเปิลสแ (Gulf of Naples) ซึ่งเป็นส฽วนหนึ่งในทะเลติรแเรเนียน (Tyrrhenian sea) ทางทิศใต฾ของเมืองนาโปลี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องสถานที่พักตากอากาศ (ของคนรวย) บน เกาะจึงเต็มไปด฾วยที่พกั สุดหรู ร฾านอาหารบรรยากาศเริ่ด ร฾านค฾าแฟชั่นแบรนดแเนมและร฾านขายของที่ระลึกเต็มไป หมด เกาะคาปรีประกอบด฾วย 2 เมืองใหญ฽คือคาปรีและอนาคาปรี (Anacapri) ซึ่งหมายถึงเหนือคาปรีขึ้นไป ดังนั้น ฝั่งอนาคาปรีจึงตั้งอยู฽บนภูเขาสูงด฾านฝั่งตะวันตกของฝั่งคาปรี ท฽าเรือมารีน฽า แกรนเดซึ่งเป็นท฽าเรือหลักของเกาะ ตั้งอยู฽ที่ฝั่งคาปรี ดังนั้นเมื่อเรือจอดเทียบท฽า เราจึงจะเดินเที่ยวในฝั่งคาปรีนี้ก฽อน แล฾วจึงจะนั่งรถเมลแขึ้นเขาข฾ามไปยัง ฝั่งอนาคาปรีต฽อไป [146]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

การเดินทางในเกาะคาปรี (ข฾อมูลจาก http://www.capri.com/en/getting-around) วิธีการเดินทางรอบเกาะคาปรีที่นิยมกันขึ้นอยู฽กบั บริเวณที่จะไปเที่ยวดังนี้ - จากท฽าเรือมารีน฽า แกรนเดไปตัวเมืองคาปรี: ใช฾กระเช฾าไฟฟูา (funicular railway) ใช฾เวลาประมาณ 3 นาที กระเช฾าไฟฟูาออกทุกประมาณ 15 นาที ขึ้นกับช฽วงเวลา ตารางเวลาอัพเดทดูได฾ที่เว็บไซตแด฾านบน - จากฝั่งคาปรีไปฝั่งอนาคาปรี: รถเมลแ - เที่ยวในตัวเมืองคาปรีและอนาคาปรี: เมืองเล็กนิดเดียว สะดวกที่สุดคือเดินๆๆ เพราะฉะนั้น พอเราลงจากเรือ เดินตามนักท฽องเที่ยวคนอื่นๆ ไปตามสะพานจากท฽าเรือเข฾าสู฽ฝั่ง พอถึงฝั่งก็ เดินไปหาเคาทแเตอรแขายตั๋วขึ้นกระเช฾าไฟฟูาเพื่อจะขึ้นไปตัวเมืองคาปรี จากบนฝั่งคาปรี ให฾เลี้ยวขวา เดินตรงไปจะ เห็นเคาทแเตอรแขายตั๋วขนาดใหญ฽อยู฽ทางขวามือ (มีทั้งขายตั๋วเรือข฾ามฟากและตัว๋ กระเช฾าไฟฟูาอยู฽ติดกัน) สําหรับช฽อง ขายตั๋วกระเช฾าไฟฟูาจะเขียนว฽า Biglietteria Funicolare (Ticket Funicular) ราคาตั๋วใบละ 1.8 EUR จากนั้นเดิน ย฾อนกลับไปทางเดิม เงยหน฾ามองขึ้นไปบนๆ ด฾านขวา จะเห็นทางขึ้นกระเช฾าไฟฟูา มีปูายเขียนว฽าปูาย Funicular เป็นหลังคาโค฾ง ให฾เดินขึ้นไปตามทางเลย ในช฽วงเวลาที่นักท฽องเที่ยวมาก กระเช฾าไฟฟูา 1 รอบ (1 รอบมีหลาย กระเช฾า) อาจจุคนได฾ไม฽หมด ก็ต฾องต฽อแถวรอรอบต฽อไปกัน ยังไงเผื่อเวลากันไว฾ด฾วย รอบของเราก็คนแน฽นใช฾ได฾เลย ยังดีที่จุได฾หมด [147]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

แผนที่เกาะคาปรี - ฝั่งคาปรี

[148]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

แผนที่เกาะคาปรี - ฝั่งอนาคาปรี

[149]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

บรรยากาศระหวํางขึ้นกระเช๎าไฟฟ้า (Funicular railway) [150]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

กระเช฾าไฟฟูาพาเราขึ้นสู฽ตัวเมืองคาปรีมาจอดที่ปิอัซซ฽าอุมแบรแโต หรือปิอาเซตตา (Piazza Umberto I; Piazzetta) ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองคาปรี มีหอนาฬิกาและลานกว฾างเหมาะสําหรับเป็นแหล฽งนัดพบและจุดชมวิว เพราะจากตรงนี้เราสามารถมองเห็นเกาะคาปรีจากมุมสูงได฾ทั่ว สวยมากๆ เลย ข฾างๆ หอนาฬิกาเป็นเคาทแเตอรแขาย ตั๋วกระเช฾าไฟฟูา รอบๆ จัตุรัสเต็มไปด฾วยร฾านค฾าและคาเฟุนา฽ รักๆ มากมาย ชม ชิม ช฾อป ชิลๆ ที่นี่ได฾ครบหมด

Piazza Umberto I บนฝั่งคาปรี

เราเดินสํารวจรอบเมืองคาปรีโดยไม฽ต฾องดูแผนที่ เอาแค฽ว฽าให฾กลับมาตั้งหลักทีป่ ิอัซซ฽าอุมแบรแโตให฾ได฾เป็น พอ ทั้งเมืองคาปรีที่เราเดินผ฽านมีแต฽ร฾านค฾า ร฾านอาหารอยู฽ตามทุกตรอกซอกซอยเต็มไปหมด ร฾านค฾าส฽วนใหญ฽เป็น ร฾านขายสินค฾าแบรนดแเนม ร฾านอาหารก็มีส฽วนทั้งที่เป็น indoor และ outdoor สีสันของอาคารบนเกาะเน฾นสีขาว เป็นหลักแซมด฾วยสีเหลืองบ฾าง บรรยากาศที่นี่ทําเอาเคลิ้มมาก คราวหน฾าต฾องยอมกระเป฻าหนักควักตังคแมานอนที่นี่ สักคืน [151]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

รอบๆ เกาะคาปรี (ฝั่งคาปรี)

[152]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

โรงแรมและร๎านอาหารหรูทั่วเกาะ

น้​้าเลมอนซักหนํอยกํอนเดินทางตํอ

[153]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

แผนที่เกาะคาปรี – ฝั่งคาปรี (แบบขยาย)

เราใช฾เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เดินรอบฝัง่ คาปรีจนพอใจ ก็ได฾เวลาขึ้นรถเมลแไปที่ฝั่งอนาคาปรีกันต฽อ เพราะ สถานที่ท฽องเที่ยวสวยๆ หลายทีบ่ นเกาะคาปรีจะอยู฽ที่ฝั่งนี้นั่นเอง ท฽ารถเมลแ (รถมินิบัส) ฝั่งคาปรีอยู฽ที่ปิอัซซ฽ามารแติรี่ ดีอังเกอเรีย (Piazza Martiri d'Ungheria) อ฽านถูกไหมเนี่ย บนถนนเวียโรมา (Via Roma) ใกล฾กับปิอัซซ฽าอุมแบรแโต หรือจุดที่กระเช฾าไฟฟูาลงจอด (ดูแผนทีด่ ฾านบนประกอบ) ค฽ารถมีทั้งแบบเทีย่ วเดียว 1.8 EUR ตั๋วชั่วโมง 2.7 EUR และตั๋ววัน 8.6 EUR (โห!! ตั๋ววันแพงโคตร ใครมันจะขึ้นรถทั้งวัน ไม฽ต฾องเที่ยวละ) เราซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว ที่ทา฽ รถ จะมีตารางเวลารถเมลแอยู฽ หรือสามารถโหลดเก็บไว฾ดูได฾จากเว็บไซตแนี้อีกเช฽นเคย http://www.capritourism.com/imgg/download/bus_capri_atc_orario.pdf โดยปกติรถจะออกทุก 15-20 นาที ขึ้นกับช฽วงเวลาและฤดูท฽องเที่ยว ระหว฽างทางที่รถเมลแพาเราขึ้นเขามุ฽งสู฽อนาคาปรี เราก็ได฾พบกับบรรยากาศสวยๆ ของเกาะคาปรีจากมุมสูง มองเห็นบ฾านเรือนสีขาวที่ปลูกลดหลั่นกันตามเชิงเขา โดยมีฉากหลังเป็นน้ําทะเลสีฟูาครามกว฾างใหญ฽ไพศาลและ ท฾องฟูาสีสว฽างสดใสจากแสงของดวงอาทิตยแ ช฽างเป็นภาพที่น฽าประทับใจมาก นั่งชมนกชมไม฾ชมวิวสองข฾างทางอย฽าง เพลิดเพลินประหนึ่งกําลังเล฽นมิวสิควิดีโอ

[154]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

วิวทิวทัศน์ของเกาะคาปรีระหวํางนั่งรถเมล์ไปฝั่งอนาคาปรี

[155]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

แผนที่เกาะคาปรี – ฝั่งอนาคาปรี (แบบขยาย)

ประมาณ 10 นาทีเท฽านั้น รถเมลแก็พาเราข฾ามจากฝั่งคาปรีมาจอดปูายที่ฝั่งอนาคาปรีบริเวณปิอัซซ฽าวิตโต เรีย (Piazza Vittoria) เราถึงอนาคาปรีประมาณ 14.00 น. พอลงจากรถก็เห็นร฾านขายของที่ระลึกมากมาย หนึ่งใน ของที่ระลึกที่เราเห็นจนชินตาทั้งที่คาปรีและที่โรมก็คือหุ฽นไม฾พินอคคิโอ (Pinocchio) ไม฽รู฾มาก฽อนเลยนะเนี่ยว฽าเจ฾า หุ฽นไม฾มีต฾นกําเนิดที่อิตาลี

ถึงแล๎ว อนาคาปรี

หุํนไม๎พินอคคิโอ ต๎นก้าเนิดจากอิตาลี [156]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

ที่อนาคาปรีนี้ สถานที่แรกที่เราจะไปเทีย่ วก็คือภูเขาโซลาโร (Mount Solaro; Monte Solaro) ซึ่งเป็น จุดชมวิวที่สูงที่สุดและสวยที่สุดบนเกาะคาปรี มีความสูงจากระดับน้ําทะเล 589 เมตร วิธีเดินทางสู฽ยอดเขาโซลาโรที่ ง฽ายที่สุดนั้นทําได฾โดยนั่งกระเช฾าขึ้นไป แต฽กระเช฾าขึ้นเขาโซลาโรนั้นไม฽ธรรมดา หวาดเสียวเล็กน฾อยถึงหวาดเสียวมาก สําหรับคนกลัวความสูง ขนาดเราไม฽กลัวความสูงยังอดเสียวไม฽ได฾ แต฽ก็มันมาก ชอบมากๆ กระเช฾าขึ้นยอดเขาโซลาโร นั้นเรียกว฽า Chairlift เป็นกระเช฾าเก฾าอี้ นั่งได฾เพียง 1 คน กระเช฾าเปลือยเปล฽าไร฾ซึ่งกระจกกั้น ตั้งใจให฾คนนั่งสัมผัส ธรรมชาติแบบสุดๆ มีเพียงที่กั้นกันตกด฾านหน฾าให฾จบั เท฽านั้น เวลานั่งก็นั่งห฾อยขาต฽องแต฽งแกว฽งกับอากาศแสนจะ เพลิน ตั๋วขึ้นกระเช฾าซื้อได฾ที่จุดขายตั๋วบริเวณทางขึ้นกระเช฾า (เขียนว฽า Seggeovia Monte Solaro) ราคาตั๋วไปกลับคนละ 10 EUR

ทางขึ้น Mount Solaro

Chairlift to Mount Solaro

ระยะเวลา 12 นาทีบนกระเช฾าขึ้นเขาโซลาโร ทั้งเสียว ทั้งสูง แต฽วิวที่มองเห็นเบื้องหน฾านั้นทั้งสวยและสดใส สดชื่นมากมาย บนยอดเขามีจุดชมวิวสวยๆ อยู฽หลายจุด มีร฾านอาหารเล็กๆ ไว฾คอยบริการนักท฽องเที่ยว วิวสวยฟูาใส ขนาดนี้ เราก็ไม฽พลาดทีจ่ ะหาที่นั่งหลบมุมเล็กๆ ไว฾ปฏิบัติการปั๊มนมเพื่อน฾องพลับอีกเช฽นเคย เวลาเปิด: ทุกวัน มี.ค. – ต.ค. เวลา 9.30 – 17.30 น. พ.ย. – ก.พ. เวลา 10.30 – 15.00 น. ค฽าตั๋วขึ้น กระเช฾าไป-กลับ 10 EUR เที่ยวเดียว 7 EUR

[157]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

On the way to Mount Solaro

[158]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

View points at Mount Solaro

[159]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

เมื่อเดินชมวิวบนภูเขาโซลาโรจนอิ่มแล฾ว (จริงๆ ไม฽อิ่มเลยนะ หิวข฾าวมากกก) ก็ได฾เวลาเดินทางกันต฽อ เรา นั่งกระเช฾ากลับลงมาที่ด฾านล฽างที่ปิอัซซ฽าวิตโตเรียอีกครั้งตอน 15.30 น. เพื่อจะเดินทางไปยังจุดหมายต฽อไปนั่นคือ การไปชมน้ําทะเลสีฟูาสดที่ตกกระทบกับแสงอาทิตยแจนเกิดประกายระยิบระยับในถ้​้าสีน้าเงินหรือกรอตตา อัซซูราํ (Grotta Azzurra; Blue Grotto) จากปูายรถเมลแที่ปิอัซซ฽าวิตโตเรีย ให฾เดินขึ้นตามทางที่รถเมลแผ฽านไปอีกนิด เดียวจะเจอจุดจอดรถเมลแเพื่อไปยังกรอตตา อัซซูร฽า ซื้อตั๋วขึ้นรถ ใช฾เวลาไม฽นานเราก็ถึงจุดหมาย มีเพื่อนผู฾โดยสารที่ ร฽วมเดินทางรถเมลแคันเดียวกับเราไปลงที่ปูายกรอตตา อัซซูร฽า 3-4 คน... แต฽แล฾วเหตุการณแไม฽คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ เราพบว฽า เรือลําสุดท฾ายที่จะออกไปถ้าํ นั้นเพิ่งออกไปเมื่อสักครู฽นี้เอง เห็นแบบลับสายตาลิบๆ อยู฽นู฽นไง ฮือๆๆๆ #ร฾องไห฾หนักมาก จริงๆ ณ จุดนั้น ถามไปถามมาว฽าทําไมเรือหมดเร็วจัง คนแถวนั้นก็อธิบายว฽าเพราะว฽าวันนี้แดด หมดเร็ว ซึ่งการจะไปดูความสวยงามของแสงตกกระทบกับน้าํ ทะเลภายในถ้ํานั้น แน฽นอนว฽าจําเป็นต฾องอาศัยแสง จากดวงอาทิตยแเป็นตัวแปรสําคัญ ดังนัน้ ถ฾าแดดไม฽ดีแล฾ว เรือก็จะไม฽ออก เพราะเมื่อเข฾าไปในถ้ําแล฾วก็จะมองไม฽เห็น อะไร ฮือๆๆ ร฾องไห฾อีกรอบ เสียใจอย฽างสุดซึ้ง โปรแกรมนี้เป็นหนึ่งในไฮไลทแที่เราคาดหวังจากทริปอิตาลีนี้เลยนะเนี่ย #เศร฾าแพร฾บ เมื่อไม฽ได฾เห็นของจริง ก็คงต฾องอาศัยรูปของคนอื่นโพสตแแปะไว฾ดูต฽างหน฾าแทนละกัน คราวหน฾าต฾อง กลับมาแก฾มือให฾ได฾ Grotta Azzurra หรือ Blue Grotta เป็นถ้ําธรรมชาติ ยาว 60 เมตร กว฾าง 25 เมตร ปากถ้ํามีความกว฾าง เพียง 2 เมตรและสูงเพียงประมาณ 1 เมตร ดังนั้นการจะเข฾ากรอตตา อัซซูร฽านั้นจะต฾องนั่งเรือพายลําเล็กๆ ที่ [160]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

บรรทุกคนได฾มากสุดเพียง 4 คน และเนื่องจากปากถ้าํ เตี้ยมาก เราจะต฾องนอนขนานไปกับท฾องเรือเพื่อให฾ฝีพายพา เราลอดถ้ําเข฾าไป เวลาเปิด: ทุกวัน 9.00 – 17.00 น. แต฽ขึ้นกับสภาพอากาศเป็นสําคัญ ฟูาเปิด-ปิด น้ําขึ้น-ลง คลื่นลมแรง ค฽าเข฾าชม 13 EUR (แพงมาก เพราะเขาถือว฽าที่นี่เป็นสถานที่ทอ฽ งเที่ยวทางวัฒนธรรม ค฽าเข฾าชมจึงมีราคาเทียบเท฽า กับค฽าเข฾าชมพิพิธภัณฑแ)

Grotta Azzurra (ภาพจาก www.capri.com)

หลังจากผิดหวังจากการอดดูกรอตตา อัซซูร฽า เรานั่งรถเมลแคันเดิมกลับมาที่ท฽ารถเมลแของอนาคาปรีอีกครั้ง เปลี่ยนแผนเที่ยวจากเวลาที่เหลืออยู฽ โดยจะไปเที่ยววิลล฽าซานมิเกเล (Villa San Michele) แทน วิธกี ารไปวิลล฽า แห฽งนี้ ง฽ายๆ เลยค฽ะ เดินเท฾าเอา ที่ท฽ารถเมลแที่กลับมาจากกรอตตา อัซซูร฽า ให฾เดินกลับมาที่ปูายรถเมลแหน฾าปิอัซซ฽า วิตโตเรีย เดินขึ้นบันได (ทางเดียวกับที่ไปภูเขาโซลาโร – ซึ่งจุดขายตั๋วจะอยู฽ทางขวา) จากนั้นเลี้ยวซ฾าย เดินตรงตาม ทางไปเรื่อยๆ มีปาู ยบอกตลอดทางว฽าไปวิลล฽า ซาน มิเกล ระหว฽างทางจะเจอร฾านรวงขายของฝาก ของใช฾ที่เหมือนๆ กันทุกร฾านนั่นคือพวกเครื่องแก฾ว งานศิลปะบนกระเบื้อง น้าํ เลมอน งานปักผ฾าสําหรับเอาไปใช฾เป็น accessories ใน งานครัวเช฽น ผ฾ากันเปื้อน ที่รองจานรองแก฾ว สีสันของร฾านเหล฽านี้ก็จะเป็นตัวตึกสีขาว ส฽วนการตกแต฽งก็เป็นสีขาว สลับเหลืองเลมอน น฽ารักมากๆ ดูหรู ดูแพง

[161]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

ระหวํางทางไปวิลลําซานมิเกเล

เดินมาประมาณ 200 เมตร เราก็ถึงวิลลําซานมิเกเล (Villa San Michele) วิลล฽าหลังงามที่สร฾างขึ้น ตั้งแต฽ช฽วงก฽อนปี 1900 เดิมเป็นบ฾านของช฽างไม฾และเป็นซากโบสถแเก฽า เจ฾าของวิลล฽าซึ่งเป็นนายแพทยแและนักเขียน ชาวสวีดิชชื่อแอกเซล มันเธ (Axel Munthe) ได฾ให฾ชื่อวิลล฽าซานมิเกเลนี้ตามชื่อโบสถแเดิม (San Michele; St. Michael) วิลล฽าซานมิเกเลเป็นวิลล฽าที่มีลูกเล฽นหลายระดับ ชั้นล฽างสุดเป็นห฾องครัวและห฾องรับประทานอาหาร ถัดมา ชั้นบนเป็นห฾องทํางานและห฾องนอน มีระเบียงเรือนกล฾วยไม฾ที่ทอดเป็นวงโค฾งออกไปด฾านนอกอาคาร ทําให฾สามารถ มองเห็นวิวทิวทัศนแของอ฽าวเนเปิลสแได฾อย฽างสวยสดงดงาม ในวิลล฽ามีประติมากรรมโบราณที่คุณหมอมันเธสะสมไว฾ มากมาย มีทั้งที่ได฾มาจากในคาปรี อนาคาปรีและที่อื่นเช฽น ชิ้นส฽วนของโลงหินฝังศพ รูปสลักครึ่งตัว ทางเดินสมัย โรมัน หินอ฽อนและเสาคอลัมนแเป็นต฾น ภายในสวนดอกไม฾ในวิลล฽าจะมีหลุมฝังศพสมัยกรีกตั้งอยู฽ และยังมีรูปปั้น สฟิ้งซแทําจากหินแกรนิตอยู฽ที่ระเบียงด฾านนอก ซึ่งถ฾ายืนตรงจุดนี้จะมองเห็นเกาะคาปรีได฾ทั่วทั้งหมด คุณหมอมันเธหลงรักเกาะคาปรีมาก เขาใช฾ชีวิตอยู฽ที่นี่มากกว฽า 56 ปี ก฽อนที่เกาะคาปรีจะเป็นที่นิยมของ นักท฽องเที่ยวทั่วไปและนักท฽องเที่ยวกระเป฻าหนักเสียอีก ปัจจุบันนีว้ ิลล฽าซานมิเกเลและกรอตตา อัซซูร฽าเป็นสถานที่ ท฽องเที่ยวในเกาะคาปรีที่นกั ท฽องเที่ยวให฾ความนิยมมากที่สุด คุณหมอมันเธแบ฽งปันความหลงใหลในเสียงเพลง สัตวแ และธรรมชาติร฽วมกับสมเด็จพระราชินวี คิ ตอเรียแห฽งสวีเดน ซึ่งพระองคแเสด็จมาพํานักที่เกาะคาปรีเป็นเวลานานเพื่อ รักษาพระวรกาย นอกจากนี้คุณหมอมันเธยังมีความห฽วงใยเกี่ยวกับปริมาณนกบนเกาะคาปรี ซึ่งถูกยิงตายเป็น จํานวนมาก คุณหมอจึงซื้อที่ดินบนภูเขาบารแบารอสซาเพือ่ ใช฾เป็นสถานที่อาศัยสําหรับนกอพยพ (ข้อมูลทั้งหมดจาก

[162]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

www.capri.com) สามารถอ฽านเรื่องราวประวัติของวิลล฽าซานมิเกเลได฾จากหนังสือ The Story of San Michele ซึ่งคุณหมอมันเธเป็นผู฾เขียนเอง ปัจจุบันได฾รับการแปลเป็นภาษาต฽างๆ กว฽า 45 ภาษาทัว่ โลก

ภายในวิลลําซานมิเกเล

คุณหมอ Axel Munthe เจ๎าของวิลลํา

ภายในวิลลําซานมิเกเล [163]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

วิวอําวเนเปิลส์มองจากวิลลําซานมิเกเล [164]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 4: Naples - Capri

เวลาเปิด: ทุกวัน 9.00 น. ถึงก฽อนพระอาทิตยแตกดิน 1 ชั่วโมง ค฽าเข฾าชม (ปี 2015) 7 EUR ตอนที่เราไปปี 2012 อยู฽ที่ 6 EUR

เก็บตกบรรยากาศ Piazza Vittoria ป้ายรถเมล์หลักที่ฝั่งอนาคาปรี

เราออกจากวิลล฽าซานมิเกเลประมาณ 5 โมงเย็น โดยเดินกลับมารอรถเมลแที่ปูายเพื่อขึ้นรถตรงกลับไป ท฽าเรือมารีน฽า แกรนเด (เป็นรถจากอนาคาปรี ปลายทางมารีน฽า แกรนเด ไม฽แวะฝั่งเมืองคาปรี) จากนั้นซื้อตั๋วเรือ hydrofoil รอบ 18.10 น. นั่งเรือกลับไปถึงท฽าเรือ Naples Molo Beverello ประมาณ 19.00 น. (ปั๊มนมบนเรือ ด฾วย) ที่ท฽าเรือ เรารอรถเมลแเพื่อนั่งกลับไปที่สถานีรถไฟ Naples Centrale แล฾วเดินกลับที่พักต฽อ... จะบอกว฽ารถเมลแ ขากลับนี่เราแอบไม฽ได฾ซื้อตั๋วด฾วย เพราะว฽าหาที่ขายตั๋วไม฽เจอจริงๆ ตอนนั้นมันมืดมาก ช฽องขายตั๋วอยู฽ไหนก็มองไม฽ เห็น รอรถก็นานแสนนาน ไม฽มีคันที่จะผ฽านแถว Garibaldi (ถนนหน฾าสถานีรถไฟ) เลยซักที เลยตัดสินใจแอบขึ้น แบบเนียนๆ วัดดวงเอา ถ฾าโดนจับได฾ก็ซื้อตั๋วบนรถนั่นล฽ะ โชคดีที่ไม฽โดนสุ฽มตรวจ เลยได฾นั่งรถเมลแฟรีรอบนึง ขากลับ ก฽อนเข฾าโรงแรม เราแวะหาของกินมือ้ ค่ําที่แมคโดนัลดแสถานีรถไฟ ค฽อยอยู฽ทอ฾ งหน฽อย วันนี้ไส฾แห฾งมาทั้งวันจริงๆ คืนนี้นอนหลับฝันดี ฝันว฽าได฾ไปนอนที่เกาะคาปรี... ฮ฽าฮ฽าฮ฽า (ทํานองเพลงเจ฾าชายนิทราของวงอีทีซีลอยมา ... ข฽มตานอนหลับไว฾ชวั่ นิรันดรแ อย฽าให฾ฉนั ได฾ตื่นเลย...)

[165]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

วันที่ 5: Florence

[166]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

เข฾าสู฽เช฾าวันที่ 5 ของการเดินทาง แน฽นอนเรายังคงต฾องตื่นกันแต฽เช฾า แบกสัมภาระไปขึ้นรถไฟเพื่อเปลี่ยน เมืองเที่ยวและเปลี่ยนที่พกั หลังจากเที่ยวแบบชิลๆ เน฾นธรรมชาติ ไม฽เน฾นประวัติศาสตรแและวัฒนธรรม เช฾านี้เราต฾อง กลับเข฾าสู฽โหมดวิชาการอีกครั้งกับการไปเที่ยวเมืองฟลอเรนซแหรือฟิเรนเซ฽ในภาษาอิตาเลียน (Florence; Firenze) หลังจากเช็คเอาทแออกจากโรงแรมแต฽เช฾าตรู฽ เราลากกระเป฻ากลับไปที่สถานีรถไฟ Naples Centrale นั่งรถไฟรอบ 7.20 น. มุ฽งหน฾าขึ้นเหนือไปยังฟลอเรนซแ ถึงสถานีรถไฟ Florence Santa Maria Novella (Florence S.M.N.) เวลา 10.17 น. โปรแกรมการเทีย่ วฟลอเรนซ์ในวันนี้ จะเป็นการเดินเท๎าทั้งหมด โดยหลังจากเช็คอินที่พักแล๎ว เราจะไปเดินเลํนในเมืองฟลอเรนซ์กัน เริ่มต๎นจากตลาดกลาง Mercato Centrale และโบสถ์รอบๆ นั้น ตอน เที่ยงเดินตํอไปหอพิธีศีลจุํมบัตติสเตโร (Battistero) ตํอด๎วยดูโอโมสุดอลังการ หนึ่งในสัญลักษณ์สา้ คัญของ ฟลอเรนซ์ เสร็จแล๎วเดินขึ้นบันไดอีก 414 ขั้น ที่หอระฆังกัมปานิเล (Campanile) ที่อยูํข๎างๆ กัน เพื่อขึ้นไปชม ความงามของเมืองฟลอเรนซ์บนยอดหอระฆัง ชํวงบํายแกํๆ 16.45 น. เรามีนัดกับเดวิดตัวจริง เสียงจริงที่หอ ศิลป์อคั คาเดเมีย (Galleria Accademia) เท฽านี้ก็เป็นอันจบโปรแกรมในวันนี้ เหนื่อยแน฽ๆ สู฾ต฽อไป ฮึบๆ ที่พักตลอด 3 คืนในฟลอเรนซแของเราคือ Hostel Archi Rossi http://www.hostelarchirossi.com/ โฮสเทลยอดฮิตในฟลอเรนซแของ backpacker วิธกี ารไปโฮลเทลนี้ไม฽ยากเลย ลงจากรถไฟ เดินเข฾ามาในตัวสถานี เลี้ยวซ฾ายเดินตรงไปยังทางออกสถานี จะเจอ Piazza della Stazione ข฾ามทางม฾าลายเพื่อไปอีกฝั่ง จากนั้นให฾เลี้ยว ซ฾าย เดินตรงขึ้นไปจนเจอแยกที่ตัดกับถนน Via Valfonda ให฾เลี้ยวขวา จะเข฾าสู฽ถนน Via Bernardo Cennini เดิน ตรงไปเรื่อยๆ จนเจอถนน Via Faenza เลี้ยวขวา จะเจอปูายโฮสเทลอยูท฽ างซ฾ายมือ โฮลเทลนี้เป็นที่นิยมของ นักท฽องเที่ยว backpacker โดยแท฾ เพราะโฮสเทลเองก็จัดการความสะดวกทุกอย฽างเพื่อรองรับความต฾องการของ นักท฽องเที่ยวประเภทนีจ้ ริงๆ ทั้งรูปแบบห฾องพักที่มีให฾เลือกหลายแบบ มีหอ฾ งฝากกระเป฻า คอมพิวเตอรแ อินเตอรแเน็ต (ฟรี) และห฾องอาหารราคาประหยัด บางเสารแมี free pasta ด฾วย เราจัดการเช็คอิน ฝากกระเป฻าที่หอ฾ งฝากกระเป฻า (locker room) แล฾วก็ออกท฽องฟลอเรนซแกันเลย

Route to go: Florence S.M.N. to Hostel Archi Rossi

[167]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

แผนที่เมืองฟลอเรนซ์ Credit: www.mapaplan.com

[168]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

แผนที่เมืองฟลอเรนซ์ Credit: www.mapaplan.com

[169]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Hostel Archi Rossi, Florence

ฟลอเรนซแเป็นเมืองหลวงของแคว฾นทัสคานี (Tuscany) อยู฽ทางตอนกลางของประเทศอิตาลี จุดเด฽นของ ภูมิภาคนี้อยู฽ที่การเป็นภูมิภาคที่มีทิวทัศนแของเทือกสวนไร฽นาและขุนเขาที่สวยงามที่สุด นอกจากนี้หลายเมืองใน แคว฾นนี้ยังมีประวัติศาสตรแทางด฾านศิลปะและวัฒนธรรมอันยาวนาน ได฾รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกนับไม฽ ถ฾วน ควรค฽าแก฽การเยีย่ มชมเป็นอย฽างยิ่ง ซึ่งส฽วนสําคัญน฽าจะมาจากที่แคว฾นนี้เป็นบ฾านเกิดของยอดศิลปินและ อัจฉริยะของโลกในหลากหลายสาขาดังเช฽นลีโอนารแโด ดา วินชี มิเคลันเจโล กาลิเลโอ บอตติเชลลี ราฟาเอล คา ราวัจโจ ทิเชียน และดังเตเป็นต฾น โดยตลอด 3 วันครึ่งกับ 3 คืนเต็มที่เรามาพักที่ฟลอเรนซแ เราจะออกไปเที่ยวใน เมืองอื่นๆ ใกล฾ๆ ในภูมภิ าคนี้อีก 3 เมืองด฾วยกันนั่นคือซาน จิมิญาโน (San Gimignano) ซีเอน฽า (Siena) และปิซ฽า (Pisa)

[170]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

วิธีการเดินทางในฟลอเรนซแที่ทําได฾ง฽ายที่สุดคือการเดินเท฾า เพราะสถานที่ท฽องเที่ยวสําคัญล฾วนแต฽อยู฽ในตัว เมือง บางที่อาจจะไกลออกไปสักหน฽อย ก็ใช฾บริการรถเมลแแทน จากโฮสเทล เรามุ฽งหน฾าไปตลาดกลางแมร์กาโต เซ็นทราเล (Mercato Centrale) ซึ่งเป็นตลาดเปิด สองข฾างทางเต็มไปด฾วยร฾านขายของที่ระลึกเป็นส฽วนใหญ฽ มีทั้งเครื่องหนังจําพวกกระเป฻า รองเท฾า เสื้อผ฾า magnet ติดตู฾เย็น หน฾ากากแฟนซีสําหรับงานคารแนิวัลในเมืองเวนิส ที่ตลาดนี้เราได฾ของฝากสุดน฽ารักให฾น฾องพลับด฾วย เป็นผ฾ากันเปือ้ นเด็กน฾อย ทําจากผ฾าปักรูปหมาน฾อย พร฾อมกับปักชือ่ น฾องพลับ Plub ที่คุณปูาเจ฾าของร฾านรับปักให฾สดๆ ตามต฾องการ สนนราคา 10 EUR แพงเอาเรื่องทีเดียว

Ristorante Buca Niccolini

แผนที่สถานที่ทํองเที่ยวในฟลอเรนซ์ส้าหรับวันที่ 5

ปลายสุดของตลาดแมรแกาโต เซ็นทราเลคือที่ตั้งของโบสถ์ซานลอเรนโซ (Basilica San Lorenzo) ซึ่งเราไม฽ได฾เข฾าไปชมภายใน แต฽ใช฾บันไดด฾านข฾างโบสถแเป็นที่พกั ปั๊มนม (สามารถทุกที่จริงๆ ขุ฽นแม฽นักปั๊ม) โบสถแซาน ลอเรนโซเป็นโบสถแประจําตระกูลเมดิซี ซึ่งเป็นตระกูลเจ฾าผู฾ปกครองนครฟลอเรนซแในศตวรรษที่ 15 – 18 ภายใน โบสถแมีผลงานศิลปะของจิตรกรเอกหลายคน เนื่องจากตระกูลเมดิซีเป็นผู฾อุปถัมภแศิลปินให฾สร฾างสรรคแงานศิลปะ ต฽างๆ หนึ่งในนั้นรวมถึงมิเคลันเจโลและบรูเนลเลสกี (ข้อมูลจาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) [171]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

บรรยากาศในตลาดกลาง Mercato Centrale

Basilica San Lorenzo

[172]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

ระหว฽างทางเราแวะร฾านสะดวกซื้อแถวๆ นั้น ซื้อกล฾วยกับชอคโกแลตกินรองท฾อง แล฾วเดินมุ฽งหน฾าตรงไปยัง สถานที่ไฮไลทแสําคัญของเมืองที่ปิอัซซ฽าเดลดูโอโม (Piazza del Duomo) ประกอบด฾วย 3 สถานที่สําคัญที่ได฾รับการ ขึ้นทะเบียนให฾เป็นมรดกโลกโดยองคแการยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ได฾แก฽ 1. มหาวิหารแห฽งเมือง ฟลอเรนซแหรือดูโอโม (Duomo) 2. หอพิธีศีลจุ฽มบัตติสเตโร (Battistero) และ 3. หอระฆังกัมปานิเล (Campanile) เพียงเมื่อเราก฾าวเท฾าเข฾าใกล฾บริเวณจัตุรสั เห็นยอดโดมของดูโอโมและยอดหอคอยของหอระฆังอยู฽ขา฾ งหน฾า เราก็รู฾สึก ตื่นเต฾นกับสิ่งที่เรากําลังจะพบเจออยู฽ขา฾ งหน฾า ยิ่งพอได฾เข฾าไปยืนที่จัตุรัสจริงๆ ก็ยิ่งทําให฾รู฾สึกตะลึงกับความงดงาม ของสถาปัตยกรรมและบรรยากาศโดยรอบ ดูโอโมหินอ฽อนสีขาว ยอดโดมสีน้ําตาล แหงนหน฾า มองฟูาก็เห็นท฾องฟูาสี ฟูาเป็นใจ รอบๆ จัตุรัส รายล฾อมไปด฾วยร฾านค฾าของกินของใช฾ ร฾านอาหารแบบเอาทแดอรแ ทั้งหมดทั้งมวลบวกกับ อากาศเย็นสบายของฟลอเรนซแในวันนี้ (จริงๆ ยิ่งบ฽ายยิ่งเริ่มร฾อน แต฽ยังเดินชิลๆ ได฾) ทําให฾การเที่ยวฟลอเรนซแในครั้ง นี้แสนเพลิดเพลินเจริญใจยิ่งนัก

Piazza del Duomo [173]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Duomo (Santa Maria del Fiore) และ Battistero

เราเริ่มสํารวจกันที่หอพิธีศีลจุํมบัตติสเตโร (Battistero) อาคารหินอ฽อนสีขาวทรงแปดเหลี่ยมทีอ่ ยู฽ หน฾าดูโอโมกันก฽อน ว฽ากันว฽าที่นี่เป็นสิ่งก฽อสร฾างที่เก฽าแก฽ที่สุดในฟลอเรนซแ สร฾างขึ้นในศตวรรษที่ 6 เป็นศิลปะแบบโร มาเนสกแสไตลแทัสคานี ด฾านในมีภาพโมเสกประดับตกแต฽งอยู฽หลายภาพ แต฽จุดทีน่ ักท฽องเที่ยวต฽างให฾ความสนใจบัตติส เตโรนี้กลับไม฽ใช฽ด฾านในอาคาร แต฽เป็นประตูทางเข฾าอาคารด฾านต฽างๆ โดยประตูทางทิศเหนือ ลอเรนโซ กีแบรแตี (Lorenzo Ghiberti) ใช฾เวลาถึง 21 ปีในการบรรจงสลักเรื่องราวในพระคัมภีรใแ หม฽ลงบนแผ฽นทองสําริดให฾ดูมีมิติลึก ล้ําได฾อย฽างน฽าอัศจรรยแ และที่ประตูด฾านทิศตะวันออก (ตรงข฾ามประตูทางเข฾าดูโอโม) กีแบรแตีคนเดิมก็ใช฾เวลาอีก 27 ปีในการรังสรรคแเรื่องราวในพระคัมภีรแเก฽าเช฽น อดัมกับอีฟ โนอาหแ โมเสส ลงในแผ฽นทองสําริดซึ่งแบ฽งบานประตู ออกเป็น 10 ช฽อง ประตูด฾านทิศตะวันออกนี้เป็นประตูที่มีชื่อเสียงที่สุด เนื่องจากมิเคลันเจโลเคยมายืนมองประตู บานนี้แล฾วถึงกับยกย฽องให฾เป็น “ประตูแห฽งสรวงสวรรคแ” (Gates of Paradise) (ข้อมูลจาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี และหนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม) อย฽างไรก็ตาม ภาพบนประตูแห฽งสรวงสวรรคแที่เรากําลังยืนมองอยู฽ ณ ตอนนี้กลับกลายเป็นภาพจําลอง เนื่องจากภาพจริงนั้นทรุดโทรมมาก จึงต฾องถูกเก็บรักษาไว฾ที่พิพธิ ภัณฑแดูโอโม (Museo dell’ Opera del Duomo) ซึ่งอยู฽ด฾านทิศตะวันออก (ด฾านหลัง) ของดูโอโมตั้งแต฽ปีค.ศ. 1990 เวลาเปิด: วันจันทรแถึงวันเสารแ 12.00 – 19.00 น. วันอาทิตยแ 8.30 – 14.00 น. ค฽าเข฾าชม 5 EUR ซื้อตั๋ว ได฾ที่ช฽องขายตั๋ว ตรงข฾ามประตูทางเข฾าบัตติสเตโร

[174]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Gates of Paradise, Battistero

ภายใน Battistero [175]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

ออกจากบัสติสเตโรก็ถึงเวลาที่ตอ฾ งหาของหนักใส฽ท฾องเสียที เนื่องจากบรรยากาศการกินอาหารเอาทแดอรแ ข฾างๆ จัตุรัสนั้นมันช฽างน฽าเย฾ายวนใจยิ่งนัก เราเลยเลือกกินมื้อกลางวันที่นี่เลย ร฾าน Caffe’ Giotto สัง่ สลัด 1 จาน พาสต฾า 1 จาน อาหารอร฽อยและบรรยากาศดีมาก ดูดีมีชาติตระกูลมากมาย งานนี้จ฽ายค฽าเสียหายรวม 23 EUR

เกือบบ฽าย 2 โมงวันอาทิตยแ ได฾เวลาทีด่ ูโอโมเปิดเข฾าชม (ฟรี) พอดี ดูโอโมหรือมหาวิหารแหํงเมืองฟลอ เรนซ์ หรือโบสถ์ซานตามาเรีย เดล ฟิโอเร (Santa Maria del Fiore) มหาวิหารที่มีขนาดใหญ฽เป็นอันดับ 2 ในอิตาลี รองจากมหาวิหารเซนตแปีเตอรแ ด฾วยศิลปะแบบกอธิกที่ใช฾หินอ฽อน 3 สีที่นํามาจากที่ต฽างๆ ได฾แก฽ สีขาวจาก เมืองคารแรารา สีเขียวจากเมืองปราโต และสีชมพูจากเมืองซีเอน฽า ส฽วนมุขหน฾ามหาวิหารเป็นส฽วนต฽อเติมขึ้นภายหลัง ตามแบบศิลปะนีโอคลาสสิก ยอดโดมของมหาวิหารเป็นผลงานการออกแบบและก฽อสร฾างโดยฟิลิปโปู บรูเนลเลสกี (Filippo Brunelleschi) ซึ่งเขาใช฾หลักวิศวกรรมแนวใหม฽ที่ไม฽ใช฽โครงค้ํายอดโดม เมื่อเขาทําสําเร็จ ทางการเมือง ฟลอเรนซแจึงออกกฎหมายไม฽ให฾มีสิ่งก฽อสร฾างใดสร฾างสูงไปกว฽ายอดโดมของมหาวิหาร นักท฽องเที่ยวสามารถเดินขึ้น บันได 436 ขั้นขึ้นไปบนยอดโดมเพื่อชมวิวทิวทัศนแของเมืองฟลอเรนซแได฾ แต฽เราไม฽เลือกที่จะขึ้นชมวิวที่นี่ เพราะถ฾า ยืนอยู฽บนยอดโดมของดูโอโม เราก็ไม฽เห็นตัวยอดโดมน฽ะสิ เราเลยเลือกขึ้นไปบนยอดหอคอยของหอระฆังกัมปานี เลแทน เพื่อจะได฾เห็นตัวยอดโดมของดูโอโมด฾วย (ที่สําคัญ เดินน฾อยกว฽า 20 ขั้น...ก็ยังเอา!!)

[176]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

ประตูทางเข๎า Duomo

เราไปยืนต฽อแถวเข฾าดูโอโมซึ่งแถวยาวมาก หางแถวผลักเราไปอยู฽ซะด฾านหลังดูโอโมเลย แต฽แถวก็เคลื่อนตัว ได฾อย฽างไหลลื่น ไม฽นานเท฽าไหร฽เราก็ได฾เข฾าไปข฾างในดูโอโม พอเห็นภายในดูโอโมก็พอเข฾าใจแล฾วว฽าทําไมเขาถึงให฾เข฾า ชมฟรี ก็เพราะข฾างในดูโอโมไม฽ค฽อยมีอะไรให฾ชื่นชมเท฽าไหร฽น฽ะสิ มันถูกความงดงามของสถาปัตยกรรมด฾านนอกดูโอ โมกลบซะหมดเลย เวลาเปิด: ภายในดูโอโม เปิดวันจันทรแ อังคาร พุธ ศุกรแ 10.00 – 17.00 น. วันพฤหัสฯ 10.00 – 15.30 น. วันเสารแ 10.00 – 16.45 น. วันอาทิตยแ 13.30 – 16.45 น. เข฾าชมฟรี ส฽วนยอดโดม เปิดวันจันทรแ – เสารแ 8.30 – 19.00 น. (วันเสารแเปิดถึง 17.40 น.) เสียค฽าเข฾าชม

[177]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

ภายในดูโอโมแหํงเมืองฟลอเรนซ์

ออกจากดูโอโม เราก็ไปต฽อกันที่หอระฆังกัมปานีเล (Campanile) ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบของจอต โต (Giotto) ทําให฾หอระฆังนี้มีชื่อว฽าหอระฆังของจอตโต (Giotto’s Campanile; Campanile di Giotto) เราเดิน ขึ้นบันได 414 ขั้นสู฽ยอดหอคอย เหนื่อยทีเดียว ยังดีที่มีที่พกั ระหว฽างทางอยูห฽ ลายจุด ช฽วยได฾มากอยู฽ แต฽เมื่อเดินมาถึง ยอดหอคอย บรรยากาศเบื้องหน฾าและเบื้องล฽างก็ทําให฾หายเหนื่อย (นิดหน฽อย) เมืองฟลอเรนซแทั้งเมืองอยู฽ภายใน ระยะสายตาของเราทั้งหมดนี่เอง สวยจับใจ เวลาเปิด: ทุกวัน 8.30 – 19.30 น. ค฽าเข฾าชม 6 EUR (เดินขึ้นบันได 414 ขั้นสู฽ยอดคอหอย)

[178]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

ยอดโดมของดูโอโม

Giotto’s Campanile [179]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

บรรยากาศเมืองฟลอเรนซ์จากยอดหอระฆัง

[180]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

บรรยากาศเมืองฟลอเรนซ์จากยอดหอระฆัง

[181]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

ประมาณบ฽าย 3 โมง หลังจากอิ่มเอมกับบรรยากาศและหายเหนือ่ ยจากการเดินขึ้นบันไดแล฾ว เราเดินลง จากหอระฆัง มองดูนาฬิกาเห็นว฽าเวลายังเหลือเฟือก฽อนจะถึงเวลานัดหมายสําหรับจุดหมายต฽อไป เราเลยกลับไปที่ โฮสเทลเพื่อจัดการเช็คอิน เก็บกระเป฻าเข฾าห฾องพักและทําธุระส฽วนตัวนิดหน฽อย (ไม฽พ฾นกิจกรรมปั๊มนมเพื่ อน฾องพลับ) ตอนที่ลงมาจากหอระฆัง ข฾างล฽างหน฾าดูโอโมกําลังมีพิธีแห฽อะไรก็ไม฽รู฾พอดี ผู฾คนแห฽แหนล฾อมรอบขบวนแห฽ ด฾านหน฾า ประตูทางเข฾าดูโอโม มีบาทหลวงออกมาให฾พรประชาชน เหล฽าคริสเตียนต฽างรุมกันเข฾ามาหาบาทหลวงรูปนั้น ให฾ท฽าน ลูบหัวให฾พร ก็เป็นบรรยากาศสดๆ ที่เราไม฽เคยเห็น น฽าสนใจดี

และแล฾ว ช฽วงเวลาที่เรารอคอยและน฽าตื่นเต฾นที่สุดของวันก็มาถึง นั่นคือเวลาที่เราจะได฾เจอกับชายหนุ฽มที่ หล฽อที่สุดในโลกที่หอศิลป฼อัคคาเดเมีย ชายหนุ฽มคนนี้มีชื่อว฽า... เดวิด (David) 555 แค฽คําเดียวสั้นๆ ก็รู฾แล฾วใช฽ไหมคะ ว฽าเราหมายถึงเดวิดคนไหน ก็เดวิดสุดหล฽อที่คุณพ฽อมิเคลันเจโลกระเทาะออกมากจากก฾อนหินอ฽อนไงคะ จากโฮสเทล เราเดินกลับไปที่ปิอัซซ฽า เดล ดูโอโม (ที่ตั้งของดูโอโม) อีกครั้ง แล฾วเลี้ยวซ฾ายตามแผนที่เข฾าสู฽ถนน Via Ricasoli ตรง ขึ้นไปจนเกือบสุดถนน หอศิลป฼อัคคาเดเมียจะอยู฽ทางขวามือ เรามีนัดเจอเดวิดเวลา 16.45 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เราซื้อตั๋วเข฾าชมหอศิลป฼อัคคาเดเมียล฽วงหน฾าผ฽านระบบ ออนไลนแไว฾ตั้งแต฽ที่เมืองไทย วิธีนี้อาจจะผูกมัดแผนการเดินทางอยู฽สักหน฽อย และต฾องเสียเงินค฽าธรรมเนียม (booking fee) เพิ่มด฾วย แต฽สําหรับผู฾ทอี่ ยากเข฾าชมหอศิลป฼จริงๆ โดยเฉพาะถ฾าต฾องการเข฾าชมในช฽วงเวลากลางวันที่ นักท฽องเที่ยวหนาแน฽น แนะนําว฽าลองพิจารณาซื้อตั๋วล฽วงหน฾าออนไลนแก็ปลอดภัยและประหยั ดเวลาต฽อคิวเข฾าแถวซื้อ ที่หน฾าหอศิลป฼ได฾ค฽อนข฾างมาก แต฽สําหรับเวลาที่เราเข฾าชมนี้เป็นช฽วงเวลาเย็นแล฾ว หอศิลป฼ใกล฾จะปิดทําการแล฾ว จริงๆ ไม฽ต฾องซื้อตั๋วล฽วงหน฾าก็ได฾นะ แต฽เราเว฽อไปเอง เพราะพอมาถึงหอศิลป฼ก็ไม฽เห็นจะมีคิวอะไรมากมาย ถ฾าจะต฽อ คิวซื้อตั๋วก็คงไม฽เกิน 10 นาที

[182]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

หอศิลป์อัคคาเดเมีย (Galleria Accademia) เป็นหอศิลป฼ขนาดเล็ก เพราะเดิมเคยเป็นโรงเรียน ศิลปะมาก฽อน แต฽ปัจจุบันกลายเป็นหอศิลป฼ที่มีผู฾คนต฽างมาต฽อแถวเข฾าชมมากทีส่ ุดแห฽งหนึ่ง เนื่องจากประติมากรรม ชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดที่ถูกเก็บรักษาที่นี่ นัน่ คือรูปสลักเดวิด (David) ตัวจริง ผลงานของมิเคลันเจโล โดยก฽อนหน฾านี้ เดวิดตัวจริงเคยตั้งอยู฽ที่ปิอัซซ฽า เดลลา ซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) ตากแดดกรําฝนจนน฽าสงสาร ปีค.ศ. 1873 เดวิดจึงถูกนํามาเก็บรักษาไว฾ที่หอศิลป฼อัคคาเดเมีย แล฾วทํารูปสลักเดวิดจําลองตั้งไว฾แทนที่เดิม

หน๎าทางเข๎า Galleria Accademia

หอศิลป฼อัคคาเดเมียแบ฽งส฽วนงานจัดแสดงไว฾เป็นห฾องต฽างๆ ดังนี้ Hall of the Colossus ห฾องแรกสุดที่จัดไว฾ ต฾อนรับผู฾ชมในหอศิลป฼ ใจกลางห฾องเป็นรูปหล฽อปูน ปลาสเตอรแ Rape of the Sabines ผลงานของจัม โบโลญญา (Giambologna) ตั้งแต฽ปีค.ศ. 1580 โดยรูปสลัก จริงซึ่งเป็นหินอ฽อนนั้นตั้งอยู฽ที่ระเบียงล็อจจา เดยแ ลันซี (Loggia del Lanzi) ที่ปิอัซซ฽า เดลลา ซิญญอเรีย บริเวณ ผนังรอบๆ ห฾องนั้นจัดแสดงงานศิลปะล้ําค฽าในช฽วงศตวรรษ ที่ 15 ถึงต฾นศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นผลงานของศิลปะดังแห฽ง ยุคอาทิ เปาโล อุคเซลโล (Paolo Uccello) เปรูจิ โน (Perugino) ฟิลิปโปู ลิปปี (Filippino Lippi) โดเมนิโก เกอรแแลนไดโอ (Domenico Ghirlandaio) และบอตติเชล ลี (Botticelli)

Giambologna, Rape of the Sabines (Credit: www.accademia.org) [183]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Hall of the Colossus (Credit: www.accademia.org)

Hall of the Prisoners ถัดมาเป็นห฾องแห฽ง นักโทษหรือทาส (slave) ซึ่งมีผลงานรูปสลักของมิเคลันเจโล ที่แกะค฾างไว฾ ยังทําไม฽เสร็จ โดย 4 ชิ้นเป็นรูปสลักนักโทษ ได฾แก฽ Young Slave, Awakening Slave, Bearded Slave และ Atlas นอกจากนีย้ ังมีรูปสลัก St. Matthew และ Palestrina Pieta มิเคลันเจโลกล฽าวไว฾ว฽าหินแต฽ละ ก฾อนนั้นมีรูปสลักอยู฽ภายใน รอการปลดปล฽อยออกมาเท฽านั้น เพียงแค฽เขามองหินเหล฽านั้น เขาก็เห็นว฽าหินนั้นคือรูปสลัก อะไร หน฾าทีข่ องเขาก็เพียงแค฽กระเทาะส฽วนที่เกินออกไป เท฽านั้น (โห!! พูดง฾ายง฽ายเนอะ) รูปสลักที่ยังแกะไม฽เสร็จทั้ง 4 ชิ้นนี้จึงให฾ชื่อว฽าเป็นนักโทษ เปรียบเสมือนนักโทษหรือทาสที่ รอการปลดปล฽อยให฾เป็นอิสระ ซึ่งหากได฾รับการแกะสลักที่ เสร็จสมบูรณแแล฾ว ก็จะกลายเป็นผลงานสุดบรรเจิด ออร฽า เปล฽งประกายไป 3 โลกอย฽างประติมากรรมเดวิดที่อยู฽ในโถง ถัดไป Young Slave (Credit: www.accademia.org) [184]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

Awakening Slave

วันที่ 5: Florence

Bearded Slave

Atlas

(Credit: www.accademia.org)

Tribune ที่ปลายสุดของ Hall of the Prisoners เรียกว฽า Tribune ซึ่งมีเพดานหลังโค฾งเป็นโดมเพื่อเพิ่ม พื้นที่ให฾งานศิลปะชิ้นเอกที่จัดแสดงอยู฽นนั่ คือ ประติมากรรมเดวิด (David) ประติมากรรมหินอ฽อนขนาดความสูง 4.10 เมตร เป็นรูปสลักเด็กหนุ฽มนามเดวิด ตามตํานานเดวิดกับยักษแโกไลแอธ เดวิดที่รูปร฽างล่ําสันกํายํายืนเปลือย กาย หันหน฾าไปทางซ฾าย สายตาจับจ฾องมองไปข฾างหน฾าด฾วยสีหน฾านิ่งๆ ในมือซ฾ายถือแผ฽นหนังวางพาดบนไหล฽ มือขวา ถือก฾อนหินพร฾อมที่จะเขวี้ยงใส฽ยกั ษแโกไลแอธ ก฽อนที่เดวิดจะถูกกระเทาะจากเปลือกหินอ฽อนออกมาลืมตาดูโลกได฾โดยมิเคลันเจโล หินอ฽อนก฾อนมหึมา ก฾อนนี้ได฾เคยผ฽านมือศิลปินชาวฟลอเรนซแมาแล฾วถึง 2 คนแต฽ไม฽ประสบความสําเร็จ ทางการเมืองฟลอเรนซแจึงได฾ ว฽าจ฾างมิเคลันเจโลให฾รับงานนี้ในปีค.ศ. 1501 มิเคลันเจโลใช฾เวลาเกือบ 3 ปีในการสร฾างสรรคแประติมากรรมชิ้นนี้ เมื่อ ตอนที่ใกล฾จะเสร็จ ยอดศิลปินชาวฟลอเรนซแอีกหลายคนได฾แก฽ดา วินชี บอตติเชลลี ฟิลิปโปู ลิปปีและเปรูจิโน฽ได฾เข฾า มามีส฽วนร฽วมในการตัดสินใจว฽าจะวางเดวิดไว฾ที่ไหนดี สุดท฾ายเดวิดก็ได฾ยืนตระหง฽านอยู฽ด฾านหน฾าปาลาซโซ เวคคิโอ (Palazzo Vecchio) ซึ่งเป็นศูนยแกลางการปกครองของเมืองฟลอเรนซแในสมัยนั้น เพื่อเป็นสัญลักษณแแห฽งเสรีภาพ และอิสรภาพ ต฽อมาในปีค.ศ. 1873 เดวิดจึงได฾ถูกย฾ายมาเก็บรักษาไว฾ที่หอศิลป฼อคั คาเดเมีย และเดวิดจําลองก็ถกู วาง ไว฾ที่เดิมในปีค.ศ. 1910

[185]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

(Credit: www.accademia.org)

ที่จริง ตั้งแต฽เราเดินเลี้ยวขวาจากห฾อง Hall of the Colossus เข฾ามาห฾อง Hall of the Prisoners สายตา ของเราก็มองเห็นเดวิดที่ยืนเท฽อยู฽ทา฾ ยห฾องแล฾ว ยังจําความรู฾สึกแรกที่เห็นเดวิดได฾เลย ขนาดวันที่เขียนเรื่องนี้ เวลา ผ฽านไป 3 ปีแล฾ว ความรู฾สึกนั้นมันยังชัดเจน ตอนนั้นเราอึ้งไป 3 วินาทีหรือมากกว฽านั้น คือบอกไม฽ถูก ไม฽ได฾สะกดจิต ตัวเองหรืออคติโน฾มเอียงว฽านี่เป็นผลงานชิ้นเอกของโลกนะ เราเองก็ไม฽ได฾มีหัวศิลปะหรือเข฾าใจเรื่องศิลปะอะไรเลย [186]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

แต฽รูปสลักเดวิดตัวจริงนี่... คือสวยมาก หล฽อมาก งดงามมาก ตัวใหญ฽มาก ชัดเจนมาก ละเอียดอ฽อนมาก ขาวมาก แข็งแรงมาก เว฽อวังอลังการดาวเสารแล฾านดวงมาก ยังเหลืออะไรที่มากๆ อีกนะ ยกคําอวยมาให฾หมดมากๆ ก ไก฽ ล฾าน ตัว เดวิดเหมือนมีแรงดึงดูดให฾เรารีบเดินเข฾าไปหา โดยไม฽ได฾สนใจงานศิลปะที่อยู฽ในห฾อง Hall of the Prisoners เลย แม฾แต฽ชิ้นเดียว ฮ฽าๆๆ จริงๆ นะ ถึงจะเป็นผลงานระดับมิเคลันเจโลก็ไม฽สน สนแต฽เดวิดอย฽างเดียวตอนนั้น

(Credit: www.accademia.org)

เมื่อเดินเข฾าไปมองเดวิดใกล฾ๆ เราเห็นถึงความละเอียดอ฽อน ประณีตและความอัจฉริยะของมิเคลันเจโลที่ สามารถกระเทาะหินอ฽อนส฽วนที่ไม฽ต฾องการออกไป ให฾กลายเป็นมนุษยแของจริงได฾ขนาดนี้ มิเคลันเจโลมีความรู฾ทาง กายวิภาคเป็นอย฽างดีมาก ลักษณะกล฾ามเนื้อมัดต฽างๆ ของเดวิดนั้นช฽างสวยงามและสมจริง เราเห็นแม฾กระทั่งเส฾น เลือดที่ปูดออกมาจากมือ ข฾อพับแขนของเดวิด น฽าทึ่งมากๆ น฽าเสียดายที่เขาไม฽ให฾ถ฽ายรูปภายในหอศิลป฼ แต฽ถึงอย฽างนั้นเราก็ยังเห็นนักท฽องเที่ยวบางคนละเมิดกฎ ต฾อง เจอรปภ. ว฽ากล฽าวตักเตือนอยู฽เรื่อย แย฽จริงพวกนี้ ในขณะที่บางคนก็เลือกที่จะเก็บความทรงจําจากเดวิดโดยการนั่ง สเก็ตชแภาพเอาตรงนั้นเลย มีคนอื่นมามุงดูกันใหญ฽ ห฾องโถงที่อยู฽ถัดจากเดวิดคือปีกซ฾ายของห฾อง Tribune (Tribune left wing) ภายในมีภาพเขียนสวยๆ มากมายแขวนอยู฽สองข฾างผนังห฾อง ภาพที่น฽าสนใจคือภาพเขียนสีนา้ํ มัน Coronation of the Virgin Mary ผลงานของอเลสซานโดร แอลโลรี่ (Alessandro Allori)

[187]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Tribune left wing (Credit: www.accademia.org)

Gipsoteca Bartolini ตามที่ทราบกันว฽าแต฽เดิมหอศิลป฼อัคคาเดเมียนั้นเคยเป็นโรงเรียนสอนศิลปะมา ก฽อน ห฾องนี้จึงเป็นห฾องที่รวบรวมงานหล฽อปูนปลาสเตอรแที่ประณีตที่สุดของหนึง่ ในอาจารยแที่โรงเรียนแห฽งนี้ นั่นคือ ลอเรนโซ บารแโตลินี่ (Lorenzo Bartolini)

Gipsoteca Bartolini (Credit: ฟพะนสรื www.accademia.org) ร [188]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Florentine Gothic เป็นห฾องสุดท฾ายที่อยู฽บริเวณชั้นล฽างของหอศิลป฼ เป็นห฾องจัดแสดงผลงานภาพวาด สไตลแกอธิกในสมัยศตวรรษที่ 13 ถึงต฾นศตวรรษที่ 14 ถ฾ายังจําภาพวาดที่จัดแสดงในห฾องแรกของห฾องพินาโกเตกา (Pinacoteca) ที่พิพิธภัณฑแวาติกันได฾ นี่คืองานศิลปะในยุคเดียวกัน ภาพวาดบนผืนไม฾โดยมีฉากหลังเป็นสีทอง ผลงานหลายชิ้นในห฾องนี้เป็นผลงานของลูกศิษยแของจอตโต (Giotto) ยอดศิลปินแห฽งยุคนั้น

Florentine Gothic (Credit: www.accademia.org)

Museum of Musical Instruments ห฾องจัดแสดงล฽าสุดของหอศิลป฼ เป็นห฾องที่รวบรวมเครื่องดนตรี สะสมของแกรนดแดยุกกว฽า 50 ชนิด

Museum of Musical Instruments Credit: www.accademia.org

[189]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

Florence between 1370 and 1430 เป็นห฾องที่อยู฽ชั้นบนของหอศิลป฼ เก็บรวบรวมงานจิตรกรรมของ ฟลอเรนซแสมัยปลายศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นช฽วงปลายสมัยศิลปะแบบกอธิกของฟลอเรนซแพอดี

Florence between 1370 and 1430 (Credit: www.accademia.org)

หลังจากเดินชมหอศิลป฼จนทัว่ นั่งมอง ยืนมอง เอียงคอมองเดวิดจนหนําใจ ส฽วนห฾อง อื่นเราก็ได฾แต฽เดินผ฽านๆ เราก็เดินออกมายังด฾าน นอกตัวหอศิลป฼ที่เป็นส฽วนขายของที่ระลึก และ เนื่องจากเราไม฽สามารถถ฽ายภาพเดวิดตัวจริงได฾ ดังนั้น ที่บริเวณร฾านขายของที่ระลึกนี้ เราก็เลย ได฾ถ฽ายรูปกับเดวิดตัวปลอมเวอรแชั่นทําร฾ายจิตใจ มาก ดูเอาเอง เวลาเปิด: วันอังคารถึงวันอาทิตยแ 8.15 – 18.50 น. หยุดทุกวันจันทรแ วันที่ 1 ม.ค. 1 พ.ค. และ 25 ธ.ค. จุดจําหน฽ายตั๋วปิดทํา การเวลา 18.20 น. และตัวหอศิลป฼เริ่มปิดทํา การเวลา 18.40 น. ** ห฾ามถ฽ายภาพ ** * ข฽าวดี * ตั้งแต฽วันที่ 6 ก.ค. 2014 เป็นต฾นมา ทางหอศิลป฼ได฾กําหนดให฾มี “Sunday at the Museum” นั่นคือหอศิลป฼

เดวิดตัวปลอมที่ร๎านขายของที่ระลึกหอศิลป์... หมดกัน !! [190]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 5: Florence

จะเปิดให฾เข฾าชมฟรีทุกวันอาทิตยแแรกของเดือน ดังนั้นในวันดังกล฽าวจะไม฽มีการจําหน฽ายตั๋วล฽วงหน฾า ค฽าเข฾าชม: (ก.ค. 2015) ค฽าเข฾าชม 8 EUR ค฽าชมนิทรรศการ (exhibition fee) 4.5 EUR (เฉพาะเมื่อมี นิทรรศการ ต฾องจ฽ายราคานี้เพิ่มไปด฾วย) ค฽าจองตั๋วล฽วงหน฾า 4 EUR โดยสามารถจองตั๋วล฽วงหน฾าผ฽านเว็บไซตแจําหน฽าย ตั๋วอย฽างเป็นทางการสําหรับเข฾าชมพิพธิ ภัณฑแในเครือศูนยแพิพิธภัณฑแในฟลอเรนซแ (Polo Museale Fiorentino) http://www.b-ticket.com/b-ticket/uffizi/venueAccademia.aspx เราออกจากหอศิลป฼อัคคาเดเมียประมาณ 6 โมงเย็น ใช฾เวลาเดินชมหอศิลป฼ไปชั่วโมงกว฽าๆ มีเวลาเดินโฉบ ไปดูด฾านหน฾าโบสถ์ซาน มาร์โค (San Marco) นิดหน฽อย ในอดีตโบสถแนี้เคยเป็นที่พํานักของพระนิกาย โดมินิกัน แต฽ไม฽ได฾แวะเข฾าไปชมอะไร แค฽นี้ทั้งวันนี้ก็อัดแน฽นด฾วยคุณภาพคับแก฾วแล฾ว เมมโมรี่ในสมองเต็ม แต฽ สารอาหารในสมองขาดอย฽างรุนแรง หิวมากกก ต฾องเติมพลังด฽วน ตอนแรกเรากะจะหาอะไรกินกันที่รอบๆ จัตุรัสดู โอโม ฝั่งที่ติดกับหอระฆัง มีร฾าน Snack Self Service อยู฽ร฾านนึง มีอาหารหลายอย฽างน฽ากินดี ราคาก็ค฽อนข฾างเป็น มิตร แต฽ติดที่อาหารเป็นแบบทําสําเร็จแล฾ว แบบร฾านขายข฾าวแกงบ฾านเรา ก็อาจจะไม฽สดใหม฽เท฽าไหร฽ สุดท฾ายเราก็ ตัดสินใจเลือกร฾านที่ใกล฾ๆ ดูโอโมอีกฝั่ง ซึ่งแพงกว฽า (ฮา...) อยู฽ที่ถนน Via Ricasoli ชื่อร฾าน Ristorante Buca Niccolini เป็นร฾านที่มีทั้งส฽วนนั่งรับประทานภายในร฾านและนั่งเอาทแดอรแนอกร฾าน ลูกค฾าเยอะใช฾ได฾ เราเลยเลือกร฾าน นี้ ภายในร฾านตกแต฽งได฾สวยดี ผนังร฾านส฽วนที่เป็นกําแพงโค฾งขึ้นไปประดับด฾วยภาพวิวทิวทัศนแสถานที่สําคัญของเมือง ฟลอเรนซแเมื่อมองจากมุมสูง ลองดู virtual map ของทางร฾านจาก google map ดูได฾ https://www.google.co.th/maps/place/Ristorante+Buca+Niccolini/@43.773696,11.256072,19z/data =!3m1!4b1!4m2!3m1!1s0x0000000000000000:0x3b25b3c09ac8dabb?hl=th เราสั่งสลัด 1 พาสต฾า 1 พิซ ซ฽า 1 เสิรแฟพร฾อมขนมปัง รวมราคา 31 EUR อิ่มมว฾ากๆๆ แต฽อร฽อยและบรรยากาศดีทีเดียว รอดตายไปอีกหนึ่งวัน... กลับไปนอนโฮสเทลคืนนี้ หลับสบายสุดๆ พรุ฽งนี้เตรียมชีพจรลงเท฾ากันอีกค฽ะ เรามีโปรแกรมไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ใกล฾ๆ ฟลอเรนซแกัน ได฾ไปกินไอศกรีมเจลาโต฾ที่อร฽อยที่สุดในอิตาลีด฾วยนะ

อาหารค่้าวันนี้ที่ Ristorante Buca Niccolini [191]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

[192]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

สวัสดีตอนเช฾าวันที่ 6 ของการเดินทาง ลุยอิตาลีมาได฾ครึ่งทางแล฾ว วันนี้เรามีเวลาพอได฾กินอาหารเช฾าของ โฮสเทลด฾วย มื้อเช฾านี้รวมอยู฽ในค฽าที่พกั เป็นไลนแบุฟเฟตแแบบง฽ายๆ ขนมปัง คุกกี้ นม โยเกิรแต สลัด ผลไม฾ กาแฟ น้าํ ผลไม฾ ชนิดหลากหลาย ปริมาณเยอะเพียงพอที่จะบริการลูกค฾าที่มาพักได฾อย฽างสบายๆ เนื่องจากการเดินทางวันนี้ยัง อีกยาวไกล เราไม฽ลืมที่จะหยิบอาหารบางส฽วนใส฽ถุงซิปล็อคไว฾เป็นเสบียงระหว฽างการเดินทางด฾วย

อาหารเช๎าวันนี้ที่ Hostel Archi Rossi

วันนี้เรามีแผนการเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ ใกล๎ๆ ฟลอเรนซ์นั่นคือเมืองซาน จิมิญาโน (San Gimignano) และเมืองซีเอนํา (Siena) โดยใช๎บริการรถบัสที่หน๎าสถานีรถไฟ Florence S.M.N. ที่ซาน จิมิญา โน เมืองเล็กๆ ที่จะท้าให๎เราหลุดเข๎าไปสูํยุคกลาง เราจะไปตามหาร๎านไอศกรี มเจลาโต๎เจ๎าของแชมป์ประเทศ 2 สมัยกินกัน เที่ยงๆ ออกจากซาน จิมญ ิ าโน ขึ้นรถบัสมุงํ หน๎าตํอไปยังเมืองซีเอนํา (Siena) เที่ยวชมปิอัซซํา เดล กัมโป (Piazza del Campo) จัตุรัสรูปพัด สัญลักษณ์ของเมืองนี้ และเข๎าชมมหาวิหารประจ้าเมืองซีเอนํา ซึ่ง ท้าจากหินอํอนสีชมพูขาวอันแสนงดงาม ตกเย็น ได๎เวลานั่งรถบัสกลับมาที่ฟลอเรนซ์เพื่อพักผํอนเอาแรงและ เตรียมตัวส้าหรับการเดินทางในวันตํอไป การเดินทางจากฟลอเรนซแไปทั้ง 2 เมืองนี้ วิธีที่สะดวกที่สุดคือการโดยสารรถบัส ซึ่งสามารถตรวจสอบ เส฾นทางการเดินรถและรอบรถได฾ที่ http://www.busfox.com/timetable/ (ให฾พิมพแชื่อเมืองที่จะเดินทางเป็นชื่อ เรียกตามภาษาอิตาเลียนเช฽น Florence พิมพแเป็น Firenze) โดยจะต฾องไปขึน้ รถที่ท฽ารถ SITA BUS (BUSITALIA) ซึ่งอยู฽ใกล฾ๆ สถานีรถไฟ Florence S.M.N. คราวนี้แผนที่อากูเทําเจ็บแสบมาก เกือบพาเราไปท฽ารถไม฽ทัน หรือเพราะ เราอ฽านแผนที่ไม฽เป็นก็ไม฽รู฾ ซึ่งในความเป็นจริงแล฾ว ท฽ารถมันหาง฽ายมากๆ แต฽เราก็โง฽มากๆ ที่จะมองไม฽เห็นมัน วน ย฾อนไปย฾อนมาจนอ฽อนใจ สุดท฾ายเลยแวะเข฾าร฾านขายของชํา Tabacchi เพื่อถามทาง โชคยังดีที่เข฾าถูกร฾าน พนักงาน [193]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ที่ร฾านบอกทางได฾ถูกต฾อง พร฾อมกับเสนอขายตั๋วรถบัส ให฾เราด฾วย เราก็เลยถือตัว๋ รถ บัสไปขึ้นรถได฾ถูกสถานี ทัน เวลาเปฺะๆๆ โปรดจงดูเวลาที่ นาฬิกาในภาพ รอบรถบัส ของเราออกเวลา 8.15 น. ตามเวลาในภาพพอดี... ถ฾า งั้นขอสรุปเส฾นทางไปท฽ารถ บัส SITA BUS ที่ง฽ายและ ถูกต฾องที่สุดตามนี้เลย จากที่ พัก Hostel Archi Rossi ให฾เดินมายังสถานีรถไฟ Florence S.M.N. โดยย฾อนเส฾นทางเดิม เมื่อถึงสถานีรถไฟ ให฾ เดินทะลุเข฾ามาในสถานี เดินตรงมาจนออกทางออกอีกทาง เดินลงบันไดมาจนถึงถนน จะเจอปูายรถเมลแชื่อ Alamanni-Stazione (Santa Maria Novella) ซึ่งอยู฽บนถนน Piazza della Stazione (ทางซ฾าย) ต฽อกับถนน Via Luigi Alamanni (ทางขวา) ให฾เดินข฾ามถนนไปฝั่งตรงข฾าม เลี้ยวซ฾าย เดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ จนพ฾นหัวโค฾ง จะเห็น ปูายถนน Piazza della Stazione เดินขึ้นไปอีกนิดเดียว จะเห็นทางเข฾าท฽ารถบัสอบู฽ทางขวามือชื่อ BUSITALIA Autostazione เดินเข฾าไปซื้อตั๋วรถที่นี่ได฾เลย หรือจะซื้อที่ร฾าน Tabacchi ระหว฽างทางก็ได฾

ทํารถ BUSITALIA Autostazione

มาถึงทํารถ 8.15 น. ได๎เวลารถออกพอดีเป๊ะ [194]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

การเดินทางวันนี้ เราจะไปที่ซาน จิมิญาโนก฽อน ซึ่งรถบัสจากฟลอเรนซแไปยังซาน จิมิญาโนนั้นไม฽มีเที่ยวรถ ไปโดยตรง ทุกคันจะต฾องไปต฽อรถที่เมืองโพจจิบองซี (Poggibonsi) ก฽อน จากฟลอเรนซแโพจจิบองซีใช฾เวลาประมาณ 50 นาทีก็ถึง ลงจากรถ มีเวลาแวะเข฾าห฾องน้ําห฾องท฽าที่ทา฽ รถ 10 นาที (เสียเงิน ตามสไตลแห฾องน้ําในต฽างประเทศ) จากนั้นก็ขึ้นรถบัสคันใหม฽ที่ขึ้นปูายหน฾ารถว฽าจะไปซาน จิมิญาโน ใช฾เวลาอีก 20 นาทีก็ถึงที่หมาย รวมเวลาเดินทาง ทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รถบัสจอดหน฾าประตูเมืองเลย เพื่อปูองกันการตกรถ เราจัดการถ฽ายรูปตารางเวลา เดินรถไปเมืองต฽างๆ ใกล฾เคียงที่ปูายรถบัสที่จอดไว฾ด฾วย

แวะตํอรถที่ Poggibonsi

ซาน จิมญ ิ าโน (San Gimignano) เป็นเมืองแห฽งวัฒนธรรมและมรดกทางธรรมชาติของโลกที่ได฾รับการ ขึ้นทะเบียนไว฾โดยองคแการยูเนสโก (The World Cultural and Natural Heritage of UNESCO) ตั้งอยู฽ทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต฾ของฟลอเรนซแ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู฽บนเนินเขา จุดเด฽นของซาน จิมิญาโนที่ดึงดูดนักท฽องเที่ยว จํานวนมากให฾มาเยี่ยมชมคือการที่เมืองเล็กๆ เมืองนี้ ยังคงรักษาลักษณะเมืองในยุคกลางให฾เห็นได฾อย฽างชัดเจน ซาน จิมิญาโนขึ้นชือ่ ว฽าเป็นเมืองแห฽งหอคอย เคยมีมากที่สุดถึง 72 หอคอย แล฾วค฽อยๆ ลดจํานวนลง โดยปัจจุบันเหลือ เพียง 14 แห฽ง (ข้อมูลจากหนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม) ก฽อนเข฾าไปชมเมือง เราขอนั่งที่สนามเล็กๆ (Piazzale Martiri Montemaggio) หน฾าประตูทางเข฾าปอรแตา ซานจิโอวานนี่ (Porta San Giovanni) เพื่อปั๊มนมทิ้งก฽อน ซาน จิมิญาโนเป็นเมืองที่เล็กมากๆ จึงไม฽ต฾องใช฾แผนที่นํา ทางชมเมืองใดๆ เลยก็ได฾ เดินๆ เข฾าไปก็จะจําทางกลับได฾เอง เมื่อก฾าวเท฾าเข฾าประตูปอรแตา ซานจิโอวานนี่ ก็เหมือน เราเข฾าไปสู฽เมืองโบราณในยุคกลางมาตั้งที่อยู฽ในยุคปัจจุบัน คือมันเป็นเมืองที่ตึกรามบ฾านช฽องยังเป็นหินโบราณแบบ

[195]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

เดียวกันทั้งหมด มีทางเข฾าหลักทางเดียว สองข฾างทางคือร฾านค฾าขายของที่ระลึก ขายอาหาร ขายไวนแ ผ฾าปัก ผ฾าลูกไม฾ ภาพวาด เครื่องเซรามิก งานเพ฾นทแ งานวาดภาพต฽างๆ ซ้ําไปซ้ํามา แต฽นา฽ รักน฽าแวะไปหมด

ถึงแล๎ว San Gimignano – ประตู Porta San Giovanni

สวนฝั่งตรงข๎ามประตูทางเข๎า [196]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

แผนที่เมือง San Gimignano (Credit: www.sangimignano.com)

[197]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

[198]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

[199]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

[200]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

จุดขายจุดเด฽นอีกอย฽างของซาน จิมิญาโนที่พูดกันปากต฽อปาก (ไม฽จริงสิ เขามีรางวัลการันตีด฾วยนะ) นั่นก็ คือร฾านไอศกรีมเจลาโต฾อันดับ 1 ของประเทศ รางวัล Gelato World Champion ปี 2006-07/2008-09 ชื่อร฾าน Dondoli Gelateria ร฾านหาไม฽ยาก เนื่องจากเมืองมันเล็กด฾วย จากทางเข฾าเมือง เดินตรงไปเรื่อยๆ ตามถนนเวีย ซานจิโอวานนี่ (Via San Giovanni) จนถึงที่โล฽งๆ กว฾างๆ ซึ่งคือปิอัซซ฽า เดลลา ซีสเทอรแนา (Piazza della Cisterna) ก็จะเจอร฾านอยู฽ทางซ฾ายมือ ร฾านที่คนรุมกันเยอะๆ นั่นแหละ ใช฽เลย มองไปรอบๆ ก็มีร฾านไอศกรีมอื่นเปิด ขายอยู฽เหมือนกันนะ แต฽ผู฾คนโหรงเหรงเลย เห็นแล฾วก็สงสาร ทั้งๆ ที่เราว฽ารสชาติคงไม฽ต฽างกัน ก็เจลาโต฾อะนะ ลิ้น เราก็ไม฽ได฾เทพขนาดนั้น มันก็กินได฾เหมือนกันหมด... แต฽เราก็ไม฽ได฾เข฾านะ (เอ฾า!!) แหะๆ ก็ชาตินี้ จะได฾กลับมาที่นี่อีกรึ เปล฽าก็ไม฽รู฾ ท฽าจะไม฽ได฾กลับมาอีก มันก็ตอ฾ งเข฾าร฾านเด็ดก฽อนสิเนอะ ระหว฽างที่กาํ ลังถ฽ายรูปหน฾าร฾านไอศกรีมเพลินๆ (แบบยังไม฽ได฾เดินเข฾าไปซื้อกิน) ทันใดนั้นก็มีชายแก฽แปลก หน฾าเข฾ามาอ฾อมหลังเราหมับ ยื่นหน฾ายื่นตาทํามือเลียนแบบเราเพื่อถ฽ายรูปด฾วย เราก็แบบ... ต฿กใจสิ แต฽พอหันไปดูก็รู฾ ได฾เลยว฽านี่เป็นคุณลุงเจ฾าของร฾านเจลาโต฾แน฽นอน เพราะเมื่อกี๊เห็นคุณลุงนั่งอยู฽หน฾าร฾าน (หน฾าร฾านจริงๆ นั่งพื้นเลย) กําลังคุยกับคนอื่นอยู฽ เผลอแปฺบเดียว คุณลุงก็มาบริการลูกค฾าสัมพันธแกับเราซะแล฾ว คุณลุงอัธยาศัยดีนา฽ รักมากนะ ยิ้มแย฾ม ถามนู฽นถามนี่ แอคทีฟตลอด เราเลยต฾องอุดหนุนเจลาโต฾คุณลุงไปตามระเบียบ จําไม฽ได฾แล฾วว฽ากินรสชาติ อะไร แต฽อร฽อยมากค฽ะลุง มองไปรอบๆ ร฾านเจลาโต฾ ท฽าทางลูกค฾าญี่ปุนจะเยอะ เมนูเจลาโต฾ร฾านลุงจึงมีภาษาญีป่ ุน กํากับไว฾หมด ซึ่งลูกค฾าญี่ปุนที่มาเทีย่ วเมืองนี้ก็เยอะจริงๆ ล฽ะ ตอนที่ขึ้นรถบัสกับเรามาก็มีแต฽ญี่ปุนทั้งนั้นเลย

ผู๎คนมากมายที่ร๎านเจลาโต๎ชื่อดัง

คุณลุงเจ๎าของร๎านเจลาโต๎ก้าลังนั่งทักทายลูกค๎า [201]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

DONDOLI Gelateria เจลาโต๎เขาดีจริงๆ

สารพัดเมนูเจลาโต๎

[202]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

กินเจลาโต฾เสร็จ เราก็เดินเล฽นรอบๆ เมืองต฽อ ผ฽านปิอัซซ฽าดูโอโม (Piazza Duomo) รอบๆ ปิอัซซ฽ามีปาลาซ โซ คอมูนาเล (Palazzo Comunale) แกลอรีภาพพินาโกเตกา (Pinacoteca) และหอระฆังตอรแเร กรอสซา (Torre Grossa) ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปชมวิวของซาน จิมิญาโนได฾ (เสียเงิน) แต฽เราไม฽ได฾เข฾าชมเลยสักแห฽ง เราเดินผ฽าน ถนนเวียซานมัตเตโอ (Via San Matteo) เพื่อไปยังปิอัซซ฽า ซานแต฿กโกสติโน (Piazza Sant’Agostino) ซึ่งมีโบสถแ ชื่อเดียวกันตั้งอยู฽ จากบริเวณนั้นสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิว (ฟรี) ได฾

ศูนย์บริการนักทํองเที่ยวที่ปิอัซซําดูโอโม เรามาซื้อตั๋วรถไปซีเอนําที่นี่ [203]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ที่ปิอัซซ฽า ซานแต฿กโกสติโน บนลานสนามหญ฾ามีนักดนตรีเปิดหมวก 2 คนมาเล฽นกีต฾ารแเพลง Tuscan Folk Song ให฾ฟัง พร฾อมวางขายซีดีของพวกเขาเองด฾วย (ชื่อ Giuditta Scorcelletti & Alessandro Bongi) เพราะดีนะ เป็นโฟลแคซองฟังสบาย เราทิปค฽ายืนฟังให฾พวกเขาด฾วย

[204]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ที่จุดชมวิว เราจะเห็นเมืองซาน จิมิญาโนและบรรยากาศโดยรอบของแคว฾นทัสกานี ตัวบ฾านสีนา้ํ ตาล ปลูก สร฾างอยู฽ตามเนินเขาน฾อยใหญ฽ ตัดกับสีเขียวของต฾นไม฾และพื้นที่ทําการเกษตร สวยงาม ร฽มรื่น สบายตามากๆ

[205]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

เราเดินชมเมืองซาน จิมิญาโนไปเรื่อยๆ เดินเลาะๆ เลียบๆ กําแพงเมืองและกลับมาทางเดิมจนได฾เวลา ประมาณเที่ยง เราต฾องบอกลาซาน จิมญ ิ าโน เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต฽อไปนั่นคือซีเอน฽า เราซื้อตั๋วรถบัสไปซีเอน฽า ที่ศูนยแบริการนักท฽องเที่ยวที่ตั้งอยู฽ที่ปอิ ัซซ฽าดูโอโม ราคาคนละ 6 EUR รถออกจากซาน จิมิญาโน 12.26 น. ปูายรถ บัสไม฽ใช฽ปูายที่เราลงรถตอนขามานะ แต฽จะเป็นปูายทีอ่ ยู฽เยือ้ งไปทางขวามือ ทีเ่ ขียนสัญลักษณแ BS ในแผนที่เมือง ซาน จิมิญาโนอะค฽ะ

ป้ายรถบัสไปซีเอนํา

สถานที่จ้าหนํายตั๋วรถในซาน จิมิญาโน [206]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

จากซาน จิมิญาโน เรานั่งรถบัสย฾อนกลับไปโพจจิบองซีอีกครั้ง เพื่อต฽อรถไปซีเอน฽า (ซาน จิมิญาโนกับซีเอ น฽าอยู฽คนละทางกัน โดยมีโพจจิบองซีเป็นเหมือนชุมทาง) การเดินทางโดยรถบัสจากซาน จิมิญาโนถึงโพจจิบองซีใช฾ เวลา 30 นาที รอต฽อรถ 15 นาที และจากโพจจิบองซีถึงซีเอน฽าใช฾เวลาอีก 45 นาที รวมเวลาเดินทางทั้งหมด ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซีเอนํา (Siena) เป็นเมืองเก฽าแก฽ แต฽ก฽อนเคยรุ฽งเรืองเฟื่องฟูมากเรียกได฾ว฽าเป็นคู฽แข฽งทางความเจริญทาง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับเมืองฟลอเรนซแอยู฽ยุคหนึ่ง แต฽น฽าเสียดายที่ภายหลังเกิดสงครามระหว฽างฟลอเรนซแและซี เอน฽า โดยซีเอน฽าเป็นฝุายแพ฾ และต฽อมายังเกิดโรคระบาดครั้งใหญ฽ที่คร฽าชีวิตประชากรเมืองซีเอน฽าไปกว฽าครึ่ง จึงทํา ให฾ซีเอน฽าเริ่มเสื่อมความเจริญลง อย฽างไรก็ตาม สิ่งก฽อสร฾าง สถาปัตยกรรม และงานศิลปะที่ยังคงอยู฽ในเมืองซีเอน฽า ตั้งแต฽ยุคกลางที่เป็นยุครุ฽งเรือง ทําให฾บริเวณใจกลางเมืองเก฽าของซีเอน฽าได฾รับการขึ้นทะเบียนจากองคแการยูเนสโกให฾ เป็นเมืองมรดกโลก นอกจากนี้ประวัตคิ วามเป็นมาของซีเอน฽าที่น฽าสนใจอีกอย฽างก็คือ เชื่อกันว฽าซีนิอุส (Senius) บุตรของเรมุส (ฝาแฝดเรมุสและโรมิวลุสผู฾สร฾างกรุงโรม) เป็นผู฾สร฾างเมืองนี้ ดังนั้นทั่วทั้งเมืองนี้ เราจะเห็นสัญลักษณแ เด็กน฾อย 2 คนดูดนมหมาปุาเช฽นเดียวกับที่เห็นทั่วไปในโรม

Piazza Salimbeni

Piazza Tolomei

สถานที่ท฽องเที่ยวสําคัญในซีเอน฽าส฽วนใหญ฽ต฾องใช฾วิธีเดินเท฾าเข฾าไป เพราะในเขตเมืองเก฽า มีตรอกซอกซอย หลายจุดทีแ่ คบมากจนรถยนตแไม฽สามารถแล฽นผ฽านได฾ ต฾องใช฾วิธีเดินเท฾าเท฽านั้น (เข฾าทางเราแลย) รถบัสจากโพจจิบอง ซีมาจอดเทียบท฽าที่ปอิ ัซซ฽า แอนโตนีโอ แกรมซี่ (Piazza Antonio Gramsci) จากจุดนี้เราจะต฾องเดินเท฾ายังจุดหมาย [207]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

แรกในซีเอน฽านั่นคือปิอัซซ฽า เดล กัมโป (Piazza del Campo) ซึ่งเป็นจัตุรัสใหญ฽ใจกลางเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด และมี ผู฾คนมารวมตัวกันมากที่สุด มองดูแผนที่แล฾วเหมือนจะเดินยาก หนทางคดเคี้ยววกไปวนมา แต฽จริงๆ แล฾วทางการซี เอน฽าช฽วยเราไว฾มาก เพราะปูายบอกทางไปยังสถานที่ท฽องเที่ยวสําคัญๆ ของซีเอน฽านั้น ไม฽วา฽ จะเป็นปิอัซซ฽า เดล กัม โปที่เราจะไป หรือมหาวิหารแห฽งเมืองซีเอน฽าหรือดูโอโม มีอยู฽เต็มไปหมดตามหัวถนน ตรอกซอกซอยแทบทุกแห฽ง เดินตามปูายไป ไม฽มีหลงแน฽นอน จากปิอัซซ฽า แอนโตนีโอ แกรมซี่ ที่รถบัสจอด เราเดินขึ้นไปยังถนน Via Malavolti ผ฽าน Piazza Giacomo Matteotti เข฾าสู฽ถนน Via Banchi di Sopra ระหว฽างทางผ฽าน Piazza Salimbeni และ Piazza Tolomei ที่มีรูปปั้นหมาปุาให฾นมเด็กน฾อย 2 คน เดินตรงๆๆ ตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเห็นปิอัซซ฽า เดล กัมโปอยู฽ไม฽ไกล ลานกว฾างๆ พื้นสีน้ําตาลอ฽อนและผู฾คนหนาแน฽นนั่นแหละ ทางเข฾าปิอัซซ฽า เดล กัมโปจะเป็นทางลง เหมือนตรอกเล็กๆ มีอยู฽หลายทางรอบๆ ปิอัซซ฽า เลือกทางลงได฾ตามสะดวก

แผนที่เมืองซีเอนํา (ขยาย) [208]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

แผนที่เมืองซีเอนํา (Credit: www.planetware.com)

[209]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ปิอัซซําเดล กัมโป (Piazza del Campo) นอกจากจะเป็นจัตุรัสใหญ฽จัตุรัสดังที่สุดในซีเอน฽าแล฾ว จัตุรัสนี้ ยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม เรียกได฾วา฽ เป็นจัตุรัสที่มีความสวยงามเป็นอันดับต฾นๆ ของอิตาลีเลย ลานกว฾างหน฾า จัตุรัสเมื่อยืนขึ้นมองจากหอระฆังตอร์เร เดล มันจีอา (Torre del Mangia) (ซึ่งต฾องเดินขึ้นบันไดไป 503 ขั้น... ข฾าน฾อยขอลาก฽อน - -!!) จะมองเห็นว฽าเป็นรูปพัดกางออก บ฾างก็ว฽าเป็นรูปเปลือกหอย บ฾างก็ว฽าเป็นรูป พระจันทรแครึ่งซีก คนที่จินตนาการลึกล้ําที่สุดบอกว฽าจัตุรัสมีรูปร฽างเหมือนเสื้อคลุมของพระแม฽มาเรียผู฾เป็นนักบุญ ประจําเมือง (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี)

Piazza del Campo

หอระฆัง Torre del Mangia และ Palazzo Pubblico

[210]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

เมื่อเราได฾มาเห็นจัตุรัสเดล กัมโป เราก็รู฾สึกว฽าจัตุรัสนี้สวยงามและมีความพิเศษในตัวเองกว฽าจัตุรัสหลายๆ แห฽งจริงๆ นะ ไม฽ว฽าจะเป็นสถาปัตยกรรม สีสันของอาคารที่รายล฾อมและที่สําคัญคือบรรยากาศโดยรอบ นักท฽องเที่ยวส฽วนใหญ฽นิยมนั่งจิบกาแฟ กินขนมที่คาเฟุรอบๆ จัตุรัส ส฽วนลานกว฾างรูปเปลือกหอยนั้นก็กว฾างและโล฽ง มาก จนกลายเป็นสนามเด็กเล฽นของเด็กน฾อย และเป็นลานอาบแดด เพราะมีผู฾คนจํานวนไม฽น฾อยนอนแผ฽หรากลาง จัตุรัสเลย แต฽ถ฾าหากใครโชคดีได฾มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนจัตุรัสนี้ในวันที่ 2 กรกฎาคมและ 16 สิงหาคม ที่นจี่ ะถูก เปลี่ยนให฾เป็นสถานที่ประลองฝีเท฾าม฾าอันยิ่งใหญ฽ของเมืองชื่อ เทศกาลปาลีโอ (Palio di Siena) (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี)

เด็กน๎อยกับรถเข็น

นอนอาบแดดกันดีกวํา

หอระฆังตอรแเร เดล มันจีอา ที่ตั้งสูงเด฽นเป็นสง฽าด฾านเหนือของปิอัซซ฽าเดล กัมโป นั้นเป็นหอระฆังที่มีความ สูงที่สุดในอิตาลี โดยมีความสูงถึง 102 เมตร ข฾างๆ กันคือปาลัซโซปุบบลีโก (Palazzo Pubblico) เคยใช฾เป็นที่ ทําการของหน฽วยราชการรวมทั้งประชุมสภา คล฾ายๆ กับเทศบาลหรือที่วา฽ การเมือง ปัจจุบันพื้นที่ส฽วนใหญ฽กลายเป็น พิพิธภัณฑแประจําเมืองหรือพิพิธภัณฑแซีวีโก (Museo Civico) มีงานศิลปะฝีมือศิลปินชาวซีเอน฽าเก็บสะสมและจัด แสดง เราได฾แต฽เดินโฉบๆ เข฾าไปด฾านหน฾า แต฽ไม฽ได฾เสียเงินเข฾าไปชมภายในพิพธิ ภัณฑแ อีกฝั่งหนึ่งของจัตุรัสที่ตรงข฾ามกับหอระฆัง เป็นที่ตั้งของน้ําพุแห฽งความสุขสันตแหรือฟอนเต กายา (Fonte Gaia) เป็นบ฽อน้ําสี่เหลี่ยมผืนผ฾าเล็กๆ รอบๆ 3 ด฾าน (ยกเว฾นด฾านหน฾า) ของบ฽อน้ํามีรูปสลักแม฽หมาปุารวม 6 ตัวซึ่งมี

[211]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

น้ําพุพุ฽งออกมาจากปากได฾ จริงๆ แล฾วผลงานที่ตั้งตรงนี้เป็นผลงานจําลอง ส฽วนผลงานจริงนั้นเก็บรักษาที่พิพธิ ภัณฑแซี วีโก

น้​้าพุฟอนเต กายา (Fonte Gaia)

หลังจากเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่ปิอซั ซ฽าเดล กัมโปจนสมควรแก฽เวลา เราเดินตามแผนที่และมองดูปูาย บอกทางที่ติดอยู฽ตามหัวถนน หัวตรอกซอกซอยต฽างๆ ที่ชบี้ อกทางไปยังมหาวิหารแห฽งเมืองซีเอน฽า เดินไปไม฽ไกลก็จะ เห็นมหาวิหารหลังใหญ฽ทรงแหลมๆ สีพาสเทลอยู฽ข฾างหน฾า ถึงแล฾ว... มหาวิหารหรือดูโอโมแหํงเมืองซีเอนํา (Duomo di Siena ชื่อเต็ม Cathedral of Santa Maria Assunta) โบสถแเก฽าแก฽ประจําเมือง สร฾างขึ้นตั้งแต฽ ศตวรรษที่ 12 ด฾วยศิลปะแบบโรมาเนสกแ เพือ่ อุทิศให฾แก฽พระแม฽มาเรีย ส฽วนหอระฆังที่อยู฽ข฾างๆ สร฾างขึ้นในศตวรรษที่ 13 โบสถแแห฽งนี้จัดได฾วา฽ เป็นโบสถแที่สวยที่สุดแห฽งหนึ่งในอิตาลี ซึ่งตามความเห็นส฽วนตัวแบบผู฾ญิ้งผู฾หญิงอย฽างเรา เรา ชอบโบสถแนี้มากๆ มากที่สุดในทริปอิตาลีนี้เลยก็ได฾ เพราะว฽าด฾วยสีสันของโบสถแ ที่เห็นเด฽นชัดคือที่ซุ฾มประตูด฾านหน฾า มหาวิหารจะถูกประดับด฾วยหินอ฽อนสีหวานๆ พาสเทลหน฽อยๆ อย฽างสีชมพู ขาวและเขียว จึงทําให฾รู฾สึกถึงความเป็น ผู฾ญิ้งผู฾หญิงของโบสถแนี้ (เหมาะแล฾วที่สร฾างเพื่ออุทิศให฾พระแม฽มาเรีย) ตะลึงตึงๆ ในความหวานสุดๆ... จริงๆ เราไม฽ ชอบโบสถแกอธิก ไม฽ชอบความที่มันมีรูปทรงแหลมๆ เหมือนหนามทุเรียน ไม฽ออ฽ นช฾อย อ฽อนหวาน แต฽ที่มหาวิหาร แห฽งซีเอน฽านี้เป็นข฾อยกเว฾น ไม฽รู฾ทําไม หนามทุเรียนถึงดูไม฽แข็งกระด฾าง แต฽ดูนุ฽มนวลน฽าหลงใหล สงสัยต฾องเป็นเพราะ ซุ฾มประตูสีพาสเทลแน฽ๆ เลย ^_^ [212]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

Duomo di Siena (Cathedral of Santa Maria Assunta)

[213]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ด฾วยความที่ตะลึงในความสวยงามของมหาวิหาร กับด฾วยความที่หามุมถ฽ายรูปมหาวิหารให฾สวยๆ เห็นครบๆ ส฽วนนั้นยากทีเดียว เราเลยใช฾เวลาถ฽ายรูปด฾านหน฾ามหาวิหารอยู฽นานมากกว฽าจะเดินเข฾าไปชมภายใน เมื่อเราก฾าวเท฾า เข฾าไปชมภายในมหาวิหารก็ให฾ความรู฾สกึ ที่แตกต฽างจากภายนอกพอสมควร คืออย฽างที่บอกว฽าภายนอกดูหวานๆ พาส เทล แต฽พอเข฾าไปด฾านใน พื้นและเสาปูดว฾ ยหินอ฽อนสีขาวสลับดําเป็นรูปเรขาคณิต (แอบเหมือนม฾าลาย) ให฾ความรู฾สึก เป็นแพทเทิรแนขึ้นมาเลย ก็เลยให฾อารมณแความรู฾สึกอีกแบบหนึ่ง แต฽ก็ชอบนะ มันแปลกดี ไม฽เคยเห็นโบสถแที่ใช฾สีแนว นี้และรูปแบบจัดวางหินอ฽อนแบบนี้มาก฽อน นอกจากพื้นและเสาหินอ฽อนสีขาวสลับดําแล฾ว สิ่งที่น฽าสนใจอีกอย฽างหนึ่ง ของภายในมหาวิหารแห฽งนี้คือแผ่นภาพบนพื้นหินอ่อน 59 แผ่น (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) ประดับ อยู฽ทั่วพื้นมหาวิหาร รังสรรคแโดยศิลปินชาวซีเอน฽า เป็นภาพนิทานสอนใจและเรื่องราวในพระคัมภีรแใหม฽

[214]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ภายในมหาวิหารแหํงเมืองซีเอนํา

สํวนหนึ่งของแผํนภาพบนพื้นหินอํอนในมหาวิหาร

[215]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ทางซ฾ายมือของภายในมหาวิหารเป็นห฾องเก็บโน฾ตเพลงโบราณ (Piccolomini Library) สวยดี ผนังรอบ ห฾องก็เป็นภาพเฟรสโก เรื่องราวของพระสันตะปาปาปิอุสที่ 2 เต็มห฾องไปหมด

Piccolomini Library [216]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ก฽อนเข฾าห฾อง Piccolomini Library จะเห็นแท฽นบูชา Piccolomini altar รูปสลัก 4 รูปด฾านข฾างแท฽นบูชา ได฾แก฽เซนตแปีเตอรแ เซนตแปอล เซนตแเกรเกอรีและเซนตแปิอุส เป็นผลงานชองมิเคลันเจโลในวัยหนุ฽ม ภาพเหนือแท฽น บูชาคือภาพ Madonna and Child ของ Paolo di Giovanni Fei

รูปสลักของมิเคลันเจโลที่ Piccolomini altar

Paolo do Giovanni Fei, Madonna and Child

Donatello, Saint John the Baptist

ธรรมาสน์หินอํอน [217]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

แทํนบูชาหลักของมหาวิหาร

ออกจากมหาวิหาร เราเดินอ฾อมไปด฾านหลังทางหอระฆัง เดินลงบันไดสูงชันหลายสิบขั้น แล฾วเลี้ยวซ฾ายเข฾า ไปยังหอพิธีศีลจุํม (Battistero di San Giovanni; Baptistery of San Giovanni) อ฽างศีลจุ฽มที่นี่เป็นทรงหก เหลี่ยม รอบๆ ฐานอ฽างเป็นภาพแกะสลักนูนต่ําเรื่องราวของเซนตแจอหแน (St. John the Baptist) ผลงานของศิลปิน หลายคนร฽วมกันเช฽น โดนาเทลโล (Donatello)

ภาพสลักนูนต่้ารอบฐานอํางศีลจุํม

อํางศีลจุํม 6 เหลี่ยม [218]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

เวลาเปิด: (มีหลายช฽วง หลายเวลา ภาคพิสดารมาก) Siena Cathedral Museum Complex ประกอบด฾วยมหาวิหาร หอพิธีศีลจุม฽ ห฾องฝังศพใต฾ดิน (crypt) พิพิธภัณฑแ และจุดชมวิวบนยอด façade (panorama view from facciatone)

Baptistery

Cathedral and Piccolomini Library

Crypt

Panorama view from Facciatone

Opera Museum

Credit: http://www.operaduomo.siena.it

1 มีนาคม – 2 พฤศจิกายน 10.30 – 19.00 น. / วันอาทิตยแและวันหยุด 13.30 – 18.00 น. 3 พฤศจิกายน – 28 กุมภาพันธแ 10.30 – 17.30 น. / วันอาทิตยแและวันหยุด 13.30 – 17.30 น. 26 ธันวาคม – 6 มกราคม 10.30 – 18.00 น. / วันอาทิตยแและวันหยุด 13.30 – 17.30 น. มหาวิหารเปิดเข฾าชมวันอาทิตยแเฉพาะเดือนมีนาคม 13.30 – 17.30 น. ค฽าเข฾าชม: มีหลากหลายแบบตามแต฽สถานที่เข฾าชมและยังขึ้นกับช฽วงเวลาที่เข฾าชมอีก ดูรายละเอียดแบบ เต็มๆ ครบถ฾วนได฾ที่เว็บไซตแทางการ http://www.operaduomo.siena.it/eng/orari.htm คือจะบอกว฽าเราเสร฽อ มากที่ดันไปซื้อตั๋วแบบ all inclusive 12 EUR ที่สามารถเข฾าชมสถานที่บริเวณนี้ได฾หมด 4 แห฽ง ทั้งที่ความจริงเรา เข฾าชมแค฽มหาวิหาร (4 EUR) และหอพิธีศีลจุ฽ม (4 EUR) รวมแล฾ว 8 EUR เองอะ... โง฽แท฾ ไม฽รู฾ตอนซื้อตั๋วคิดอะไรอยู฽ คงคิดว฽าจะมีเวลาพอหรือจะเดินชมให฾ครบทุกสิ่งอย฽างแน฽ๆ เลย... อ฾อ! เคาทแเตอรแขายตั๋วอยู฽ขา฾ งขวาด฾านนอกมหา วิหารนะคะ เราใช฾เวลาชมมหาวิหารและหอพิธีศีลจุม฽ นาน 2 ชั่วโมงเต็ม ถึงเวลา 5 โมงครึ่งพอดี ได฾เวลาเดินกลับไปยัง ท฽ารถบัสซีเอน฽าที่ปิอัซซ฽า แอนโตนีโอ แกรมซี่แล฾ว ใช฾เวลาเดินกลับอีก 20 นาที ที่ปิอัซซ฽าท฽ารถ จะเห็นบันไดทางลง ใต฾ดินพร฾อมปูายบอกว฽าเป็นจุดจําหน฽ายตั๋วรถ (มีห฾องน้ํา ห฾องฝากกระเป฻าและจุดประชาสัมพันธแ) เราไปซื้อตั๋วรถบัส ขากลับจากซีเอน฽าตรงกลับไปฟลอเรนซแเลย ไม฽ต฾องแวะเปลี่ยนรถที่ไหน ค฽ารถขากลับคนละ 7.8 EUR เราออกจากซี เอน฽าก฽อนแผนเดิมเล็กน฾อย รถออก 18.00 น. ถึงฟลอเรนซแ 19.15 น. เดินดิ่งกลับโฮสเทลให฾ทันมื้อค่ํา (โรงอาหาร ปิด 20.30 น.) หิวมากๆ ที่โรงอาหารของโฮสเทล อารแคี่ รอซซี่ จะเป็นเมนูสลัด พาสต฾าและพิซซ฽ารวมกว฽า 30 เมนู ในราคาย฽อมเยาวแ เราเลือกสลัดกรีก สปาเกตตี้คารแโบนาราและพิซซ฽าอะไรสักอย฽าง อิ่ม อร฽อย สบายกระเป฻า 2 คน หมดไป 10 EUR เท฽านั้น กินอิ่ม นอนหลับ เพื่อสู฾ต฽อไปกับวันพรุ฽งนี้ที่ปิซ฽า วิ้วๆๆ [219]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 6: San Gimignano – Siena

ทางลงบันไดไปห๎องจ้าหนํายตั๋วรถ

มื้อค่้าราคาประหยัดวันนี้ที่ Hostel Archi Rossi

[220]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

วันที่ 7: Pisa – Florence

[221]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

สวัสดีเช฾าวันที่ 7 ของการเดินทาง แผนการเดินทางในวันนี้จะออกแนวเบาๆ หัว (แต฽อาจไม฽เบาขา) กันสัก หน฽อย เริ่มต๎นจากนั่งรถไฟขบวนท๎องถิ่น (regional train) จากฟลอเรนซ์ไปปิซํา มุํงหน๎าสูํสนามมหัศจรรย์ กัม โป เดย์ มีราโกลี (Campo dei Miracoli) สถานที่ซึ่งเป็นที่ตงั้ สิ่งกํอสร๎างทีส่ ้าคัญที่สุดของเมืองปิซํา นั่นคือหอ เอนแหํงเมืองปิซํา เดินเรื่อยเปื่อยลัดเลาะรอบๆ เมืองมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟตอนบํายโมง นั่งรถไฟกลับมา ฟลอเรนซ์ ชํวงบํายเราจะเดินตะลุยปิอัซซํา เดลลา ซินญอเรีย อีกหนึ่งจัตรุ ัสดังของฟลอเรนซ์ แหลํงรวมเหลํา เทพเจ๎ากรีกโรมัน และประติมากรรมชื่อก๎องอื่นๆ ทั้งตัวจริงตัวปลอม ยืนเรียงรายกันอยูํเต็มลาน เดินผําน พิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี (Uffizi) เพื่อไปยังสะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) ข๎ามสะพานข๎ามแมํน้าอาร์โน (Arno) แมํน้าสายหลักที่พาดผํานทั้งฟลอเรนซ์และปิซํา เพื่อมุํงหน๎าสูํจุดหมายปลายทางที่จัตรุ ัสมิเคลันเจโล (Piazzale Michelangelo) นั่งพักผํอนพักขาพักนํองดูพระอาทิตย์ตกดินโดยมีวิวทิวทัศน์ของดูโอโมเมืองฟลอเรนซ์เป็น ฉากหลัง สุดท๎ายนั่งรถเมล์กลับโฮสเทล มื้อเย็นไมํต๎องถาม ห๎องอาหารโฮสเทลแนํนอน เนื่องจากรถไฟไปปิซ฽านั้นเป็นรถไฟขบวนท฾องถิ่น (regional train) ซึ่งสามารถซื้อตั๋วล฽วงหน฾าก฽อนเดินทาง ได฾ 7 วันเท฽านั้น ทําให฾เราไม฽ได฾ซื้อตั๋วมาก฽อนจากเมืองไทย ต฾องมาซื้อที่นี่ เราใช฾บริการซื้อตั๋วผ฽านตู฾ขายตัว๋ อัตโนมัติ ซึ่ง สะดวกดี ไม฽ต฾องไปยืนต฽อแถวพูดชีโ้ บ฿ชี้เบ฿ที่เคาทแเตอรแ วิธีใช฾ตู฾ก็ง฾ายง฽าย ตามนี้คะ฽

ซื้อตั๋วรถไฟผํานหน๎าจอระบบสัมผัส

1. 2. 3. 4.

มองหาตู฾ Fast Regional Ticket (ระบบสัมผัส) เลือกภาษา -> Buy your ticket พิมพแชื่อสถานีต฾นทาง (Firenze S.M. Novella) เครื่องมีระบบเดาคําให฾ มีชื่อเมืองให฾เลือกทางขวา ระบุวันที่และช฽วงเวลาเดินทาง กด Confirm [222]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

5. หน฾าจอจะแสดงตารางเวลารถไฟและราคาตั๋วตามช฽วงเวลาที่เราระบุ -> กด Select เลือกขบวนที่ ต฾องการ 6. เลือกชั้น (class) ของรถไฟ ขบวนท฾องถิ่นจะมีแต฽ชั้น 2 -> เลือกประเภทผู฾โดยสาย (ผู฾ใหญ฽/เด็ก) และ จํานวนตัว๋ -> กด Forward 7. เลือกที่นั่ง ขบวนท฾องถิ่นเลือกที่นั่งไม฽ได฾ -> กด Forward 8. เครื่องจะคํานวณราคาตั๋ว ให฾เราเลือกว฽าจะซื้อตั๋วขากลับด฾วยไหมหรือจะซื้อเฉพาะขาไปเที่ยวเดียว ถ฾า เที่ยวเดียวให฾กด Purchase ถ฾าจะซื้อขากลับด฾วยให฾กด Also buy return 9. ชําระเงิน เครื่องรับทั้งเงินสดและเครดิตการแด เราจ฽ายเงินสดผ฽านเครื่อง สบายๆ 10. รอรับตั๋วได฾เลย ไม฽มีบิดพริ้ว (เสียงพี่โต฾ ชีริก ติ๊ก ชีโร฽... แก฽เน฾ออ) หลังจากกินอาหารเช฾าที่โฮสเทลอย฽างรีบเร฽งนิดหน฽อย เรามาถึงสถานีรถไฟ Florence S.M.N. ก฽อนรถไฟ ออก 10 นาที ส฽วนตัว๋ รถไฟเราซื้อไว฾ก฽อนแล฾วตั้งแต฽เมื่อคืนก฽อนกลับเข฾าโฮสเทล เช฾านี้เลยสบายๆ ไม฽รีบเร฽ง ก฽อนขึ้น รถไฟ ต฾อง validate ตั๋วด฾วยนะคะ เครื่อง validate ตั๋วตั้งอยู฽หน฾าชานชาลาทุกช฽อง เครื่องเขียวๆ เล็กๆ เหมือนกัน ทั่วประเทศ ตอนสอดตัว๋ ให฾ชิดตั๋วไปทางซ฾ายค฽ะ รถไฟขบวนท฾องถิ่นไปปิซ฽าวันนี้ ดูบ฾านๆ ดี เก฽าๆ โทรมๆ แล฽นหวาน เย็นเล็กน฾อย พอให฾เห็นวิวทิวทัศนแ 2 ข฾างทางอย฽างเต็มที่ แต฽ไม฽นานหรอก แค฽ 1 ชม. 20 นาที รถไฟก็พาเรามาถึง สถานีรถไฟ Pisa S. Rossore ที่เมืองปิซ฽าแล฾ว

เครื่อง validate ตั๋วรถไฟ

[223]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

แผนที่เมืองปิซํา (Credit: http://www.orangesmile.com)

[224]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

แผนที่เมืองปิซํา (Credit: http://www.orangesmile.com)

วันที่ 7: Pisa - Florence

[225]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

ปิซํา (Pisa) เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตั้งอยู฽ไม฽ไกลจากฟลอเรนซแ สามารถเดินทางไปเที่ยวแบบไปเช฾าเย็นกลับจากฟลอเรนซแได฾ แต฽ก฽อนเคยมีความสําคัญในฐานะเป็นเมืองท฽าบนปากแม฽น้ําอารแโน เคยทําการค฾าขายกับ พวกแขกมัวรแในสเปนและแอฟริกาเหนือ จึงทําให฾สถาปัตยกรรมหลายแห฽งของปิซ฽ามีกลิ่นอายของความเป็นอาหรับ อยู฽ด฾วย แต฽สิ่งที่ทําให฾เมืองปิซ฽าโด฽งดังจนทําให฾นักท฽องเที่ยวต฽างหลั่งไหลมาเยี่ยมเยียน ทุกโปรแกรมทัวรแต฾องบรรจุชื่อ เมืองปิซ฽าไว฾ในลิสตแก็เพราะ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรยแของโลกยุคกลางสิ่งนี้... หอระฆังตอรแเรเปนเด็นเต (Torre Pendente) หรือที่รู฾จักกันดีในชื่อ “หอเอนแห฽งเมืองปิซ฽า” ปิซ฽ามีสถานีรถไฟ 2 สถานี หนึ่งคือสถานีหลักของเมืองชื่อสถานีรถไฟกลาง Pisa Centrale ส฽วนอีกสถานี อยู฽ไกลออกไปชื่อ Pisa S. Rossore จากแผนที่เมืองปิซ฽าจะเห็นว฽าสถานที่ทอ฽ งเที่ยวสําคัญของปิซ฽า นั่นคือหอเอน เมืองปิซ฽า (Torre Pendente) นั้นอยู฽ใกล฾กับสถานี Pisa S. Rossore มากกว฽ามาก (ถ฾าเดินจาก Pisa Centrale ใช฾ เวลา 30 นาที เพราะฉะนั้นถ฾าลงสถานีนี้ ไกดแบุ฿คต฽างๆ จะนิยมให฾ขึ้นรถเมลแต฽ออีกที ซึ่งเราว฽าเสียเวลาและดูยุ฽งยาก) เราจึงเลือกขบวนรถไฟที่ไปจอดที่ Pisa S. Rossore และเลือกขบวนที่เป็นเที่ยวตรง (direct train) จะได฾ไม฽ต฾อง เสียเวลาต฽อรถ ซึ่งก็ค฽อนข฾างจํากัดนิดหน฽อยเพราะรถไฟเที่ยวตรงจากฟลอเรนซแไป Pisa S. Rossore นั้นมีจํานวน รอบน฾อย จะมีทกุ 2 ชม. หรือทุก 1 ชม. เป็นบางเวลา เราจึงต฾องไปเลือกดูตารางรถไฟในเว็บ Trenitalia เพื่อ วางแผนล฽วงหน฾าก฽อน เมื่อถึงสถานี Pisa S. Rossore ให฾เดินตามแผนที่ที่ถือมา หรือถ฾าแผนที่ไม฽ค฽อยเวิรแค ก็ให฾ใช฾วิธีมองหายอด โดมของหอพิธีศีลจุ฽ม (Battistero) จะมองเห็นได฾จากระยะไกล ให฾เดินเข฾าไปหามันให฾ได฾ ระหว฽างทางจะผ฽าน มหาวิทยาลัยเมืองปิซ฽าด฾วย ใช฾เวลาเดิน 10 นาทีก็ถึงที่หมาย... สนามมหัศจรรยแ กัมโป เดยแ มีราโกลี (Campo dei Miracoli)

แผนที่ Campo dei Miracoli (Credit: http://www.orangesmile.com) [226]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

เส๎นทางจากสถานีรถไฟ Pisa S.Rossore จะเห็นโดมหอพิธีศีลจุํมอยูํลิบๆ

หน๎าประตูทางเข๎าสูํสนามมหัศจรรย์

กัมโป เดย์ มีราโกลี (Campo dei Miracoli) แปลชื่อเป็นไทยได฾ว฽าสนามมหัศจรรยแ จัตุรัสลานสนาม หญ฾ากว฾างขวางสุดลูกหูลูกตาแห฽งนี้เป็นสถานที่ท฽องเที่ยวที่สําคัญที่สุดในปิซ฽า ทุกคนที่มาปิซ฽าต฾องมาที่นี่ (ไม฽งั้นก็ไม฽รู฾ จะให฾ไปที่ไหนแล฾วล฽ะ) เพราะฉะนั้นทีน่ ี่จึงเป็นแหล฽งรวมนักท฽องเที่ยวที่เดียวในปิซ฽า จินตนาการได฾เลยว฽าผู฾คนจะ มากมายขนาดไหน บรรยากาศของกัมโป เดยแ มีราโกลีในวันนี้สดใส สวยงามมาก สนามหญ฾าเขียวขจีรองรับสิ่งปลูก สร฾างแนวกอธิกซึ่งทําด฾วยหินอ฽อนสีขาวนวล อากาศดี ท฾องฟูาสีฟูาสดไม฽มีเมฆ แสงแดดจัดสาดส฽องกระทบสนาม หญ฾าและตัวอาคารต฽างๆ ทําให฾เห็นภาพทุกอย฽างชัดเจนและสวยงามมากขึ้น ด฾านข฾างจัตุรัสข฾างหนึ่ งเป็นร฾านรวงขาย ของฝาก ของที่ระลึกประเภทเสื้อยืด กระเป฻า เครื่องหนัง พวงกุญแจ จิปาถะอะไรพวกนี้ จัตุรัสแห฽งนี้ประกอบไปด฾วย 4 สถานที่สําคัญตั้งรวมกันอยู฽ได฾แก฽หอพิธีศีลจุ฽มแบตติสเตอโร (Battistero) ที่ อยู฽ใกล฾ตัวเรามากที่สุด ถัดไปเป็นมหาวิหาร (Duomo) อาคารด฾านข฾างซ฾ายมือเป็นสุสาน (Composanto) ส฽วนหอ เอนมหัศจรรยแนั้นอยู฽ไกลสุด ก฽อนเริ่มเข฾าไปชมภายในอาคารแต฽ละหลัง เราก็ตอ฾ งขอตามกระแสซะหน฽อย เป็นกระแส ที่มีมานานมาก ไม฽รู฾ว฽าใครเริ่มและมีมาตั้งแต฽เมื่อไหร฽ เพราะตั้งแต฽รู฾จักหอเอนเมืองปิซ฽า เราก็รู฾วา฽ มันมีกระแสนีแ้ ล฾ว นั่นคือการถ฽ายรูปแอคท฽าต฽างๆ กับหอเอน ให฾ดูเสมือนว฽าเรากําลังพิงหอเอนบ฾าง ยันหอเอนไม฽ให฾ล฾มลงบ฾าง แต฽ดู เหมือนเราจะเอาดีทางนี้ไม฽ได฾ ถ฽ายเป็นหลายสิบรูป ไม฽มีรูปไหนที่เข฾าใกล฾แอคชั่นที่ว฽ามาเลย สุดท฾ายก็ต฾องกลับมา แอคชั่นแบบบ฾านๆ ธรรมดาๆ นั่นแหล฽ะ เวิรแคสุด

[227]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

หอพิธีศีลจุํม (Battistero)

มหาวิหาร (ซ๎าย) และหอเอน (ขวา) แหํงเมืองปิซํา

ร๎านค๎าขายของที่ระลึกข๎างกัมโป เดย์ มีราโกลี

หอเอนแหํงเมืองปิซํา

[228]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

หลังจากถ฽ายรูปรอบๆ จัตุรัสจนหนําใจ ก็ถึงเวลาเข฾าไปชมความงามของอาคารต฽างๆ ภายในจัตุรัส ก฽อนอื่น ต฾องซื้อตั๋วกันก฽อน (จะสังเกตได฾ว฽าบริเวณด฾านนอกอาคาร นักท฽องเที่ยวจะเยอะมาก โดยเฉพาะกรุ฿ปทัวรแ แต฽พอเข฾า ไปในตัวอาคารนักท฽องเที่ยวกลับน฾อยลงอย฽างเห็นได฾ชัด กรุ฿ปทัวรแไม฽เหลือ ก็เพราะมันเสียเงินนี่เอง) อาคารจําหน฽าย ตั๋วอยู฽ด฾านหลังหอเอน ตัว๋ มีหลากหลายแบบ ตามจํานวนและประเภทสถานที่ทจี่ ะเข฾าชม (ดูรายละเอียดได฾ที่ย฽อหน฾า ค฽าเข฾าชม ด฾านท฾ายย฽อหน฾าเรื่องหอเอน) เราเลือกแบบ 2 entrances choice คนละ 6 EUR โดยเลือกชมดูโอโมและ แบตติสเตอโร ส฽วนหอเอนเราไม฽ขึ้น เพราะรอคิวนานและไม฽ใช฽ a must มหาวิหารแหํงเมืองปิซาํ หรือดูโอโม (Cathedral; Duomo di Pisa) เราเข฾าไปชมที่นี่กันก฽อน ดูโอโมนี้ เป็นศิลปะแบบโรมาเนสกแซึ่งมีกลิ่นอายของศิลปะอาหรับร฽วมด฾วย (กลายเป็นสไตลแเฉพาะ เรียกว฽าปิซ฽า-โรมาเนสกแ) ระเบียงหน฾าโบสถแ (façade) สร฾างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณแแห฽งชัยชนะในการรบของชาวปิซ฽า โดยใช฾หินอ฽อนหลากสีสัน ตกแต฽งอย฽างสวยงาม แต฽เนื่องจากโบสถแถูกไฟไหม฾ครั้งใหญ฽เมื่อปีค.ศ. 1595 ทําให฾ตัวโบสถแและงานศิลปะภายใน โบสถแถูกเผาทําลายไปมาก ผลงานที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นผลงานซ฽อมแซมปรับปรุงให฾มีสภาพคล฾ายของเดิมที่สุด ซึ่ง รวมถึงประตูทางเข฾าด฾านหน฾า 3 บานทีห่ ล฽อด฾วยทองสําริด ผลงานของจัมโบโลญญาด฾วย

หอพิธีศีลจุํมหรือแบตติสเตอโร (Battistero) ออกจากดูโอโม เราเดินต฽อไปที่แบตติสเตอโร ซึ่งที่นี่เป็นหอ พิธีศีลจุ฽มที่ใหญ฽ที่สุดในอิตาลี รูปแบบอาคารยังคงเป็นศิลปะปิซ฽า-โรมาเนสกแ แต฽ส฽วนยอดโดมเป็นแบบกอธิก ด฾านใน มีธรรมาสนแเก฽าแก฽ศิลปะกอธิกที่นา฽ ชม เราเดินขึ้นบันไดวนภายในแบตติสเตอโรเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนของตัวอาคาร ซึ่ง จะสามารถมองลงมาเห็นด฾านล฽างของแบตติสเตอโร และมองผ฽านช฽องหน฾าต฽างมองออกไปยังภายนอก เห็นดูโอโม และบรรยากาศรอบๆ กัมโป เดยแ มีราโกลีจากมุมสูงขึ้น สวยงามทีเดียว [229]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

จุดเด฽นหนึ่งของแบตติสเตอโรแห฽งนี้คือลักษณะโครงสร฾างที่ออกแบบมาเพื่อให฾เสียงสะท฾อนภายในอาคาร นั้นสามารถดังก฾องกังวานได฾อย฽างยาวนานจนเสียงสะท฾อนนั้นสามารถประสานกันเป็นเพลงได฾ด฾วยตัวเอง ตัวอย฽างเช฽นถ฾าเราร฾องโน฾ตแรกออกมา ระหว฽างที่เสียงสะท฾อนจากโน฾ตแรกของเรา เราก็ร฾องโน฾ตที่สองที่สามตามมา เสียงสะท฾อนจากโน฾ตที่สองและสามก็จะไปรวมกับเสียงสะท฾อนของโน฾ตแรกออกมาได฾อย฽างไพเราะเพราะพริ้ง (ข้อมูลจากหนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม) ซึ่งทางโบสถแกจ็ ัดแสดงการร฾องเสียงสะท฾อนนี้ให฾นักท฽องเที่ยวได฾ฟังกัน ด฾วย แต฽เราไม฽ได฾อยู฽ฟังนะ จะทดลองร฾องเองก็เกรงว฽าจะโดนจับโยนออกจากหอศีลจุ฽มซะก฽อน

มองลงมาจากชั้นบนของหอพิธีศีลจุํม

ออกจากหอพิธีศีลจุ฽ม เรานั่งพักปั๊มนมทีด่ ฾านนอก รอบๆ หอพิธีศีลจุ฽ม ฝั่งสุสาน ปั๊มนมไป นั่งมองสุสานไป เอ฾อ... ก็เข฾าท฽าดีนะ ^_^ เสร็จแล฾วเราค฽อยเดินไปชมรอบๆ หอเอน (อีกรอบ สํารวจไปแล฾วรอบหนึ่งตั้งแต฽เดินเข฾า สู฽กัมโป เดยแ มีราโกลี) [230]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

มหาวิหารเมื่อมองมาจากชั้นบนของหอพิธีศีลจุํม

สุสาน (Composanto)

บรรยากาศหน๎าห๎องขายตั๋ว

[231]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

หอเอนเมืองปิซําหรือหอระฆังตอร์เร เปนเด็นเต (Torre Pendente; Leaning Tower) ได฾รับการยก ย฽องให฾เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรยแของโลกยุคกลาง เป็นหอระฆังสูง 7 ชั้น สร฾างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1173 พอก฽อสร฾างไปได฾ 5 ปี เริ่มขึ้นชั้นที่ 4 หอคอยก็เริ่มเอียง จึงหยุดสร฾างไป หนึ่งร฾อยปีต฽อมาในปีค.ศ. 1272 หอระฆังได฾ถูกสร฾างต฽ออีกครั้ง โดยทีมงานกลุ฽มใหม฽ที่พยายามจะแก฾ไขฐานรากค้ําให฾หอตั้งตรงขึ้น แต฽ก็ไม฽สําเร็จ สร฾างขึ้นไปจนถึงชั้น 7 ก็หยุดสร฾าง ไปอย฽างยาวนานอีกครั้ง กว฽าที่ส฽วนที่เป็นหอระฆังจะก฽อสร฾างขึ้นก็ล฽วงเลยไปจนถึงปีค.ศ. 1360 และใช฾เวลาอีกหลาย ปีมากกว฽าจะสร฾างเสร็จ ซึ่งส฽วนยอดนี้เป็นส฽วนที่การแก฾ไขการเอียงของหอเอนทําได฾อย฽างเห็นผลที่สุด รวมระเวลา ก฽อสร฾างแบบสร฾างๆ หยุดๆ เกือบ 200 ปี ผ฽านมือสถาปนิกไป 3 คน

หอเอนแหํงเมืองปิซํา (Torre Pendente; Leaning Tower)

สาเหตุการเอียงของหอคอยเกิดจากเนื้อดินบริเวณนี้เป็นดินอ฽อน ดินเกิดการยุบตัวลงเนื่องจากไม฽สามารถ ทนรับน้ําหนักของหอคอยได฾ วิศวกรและนักวิชาการผู฾เชี่ยวชาญได฾ระดมสมองช฽วยกันหาวิธีที่จะดึงหอคอยให฾กลับ มา ตั้งตรงเหมือนเดิมหรือใกล฾เคียงเดิมหรือชะลอการเอียงให฾ได฾นานที่สุด แต฽หอคอยก็ยังเดินหน฾าเอียงต฽อไปเรื่อยๆ ปีละ 1 มิลลิเมตร จนทําให฾ในปีค.ศ. 1990 รัฐบาลอิตาลีจึงสั่งให฾ปิดหอเอนเพื่อบูรณะซ฽อมแซมครั้งใหญ฽จนสามารถดึงหอ เอนกลับขึ้นมาตั้งตรงมากขึ้น ลดความเอียงได฾ 44 เซนติเมตร และอนุญาตให฾นกั ท฽องเที่ยวขึ้นชมหอเอนได฾อีกครั้งใน ปีค.ศ. 2001 แต฽กระนั้นขึ้นชื่อว฽าหอเอน หอเอนเมืองปิซ฽าก็ยังคงรักษาชื่อไว฾อย฽างเต็มที่ ยังคงเดินหน฾าเอนเอียงต฽อไป

[232]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

รอให฾มนุษยแมาต฾านทานกฎธรรมชาตินี้ ผู฾เชี่ยวชาญที่ทําการบูรณะหอเอนคาดการณแว฽า หากยังคงเป็นเช฽นนี้ต฽อไป อีก ประมาณ 300 ปี หอเอนก็จะหมดแรงฝืนกฎธรรมชาติ พังล฾มลงมาในที่สุด ดังนั้น ปัจจุบันการเข฾าชมหอเอนจึงต฾องจํากัดจํานวนคนขึ้นชมยอดหอระฆังได฾ครั้งละไม฽เกิน 30 คน และ จํากัดเวลาเข฾าชมรอบละ 30 นาที เพราะฉะนั้นคิวเข฾าชมจึงนานพอดู ค฽าเข฾าชมก็แพงหูฉี่ เราเลยโบกมือบ฿ายบาย ลา ก฽อนค฽ะกาลิเลโอ... เคยได฾ยินกันใช฽ไหมคะว฽าที่หอเอนปิซ฽าแห฽งนี้ เป็นสถานที่ที่ยอดนักวิทยาศาสตรแชาวปิซ฽าอย฽าง แท฾จริงนาม กาลิเลโอ กาลิเลอิ (ผู฾ทกี่ ลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของสํานักวาติกัน เพราะไปบอกว฽าโลกกลม เป็นดาว เคราะที่หมุนรอบดวงอาทิตยแ ไม฽ใช฽ศูนยแกลางของจักรวาลตามที่คริสตจักรบอกไว฾ สุดท฾ายโดนวาติกันกักบริเวณและ ตายอย฽างอนาจ) เคยขึ้นมาทําการทดลองเรื่องแรงโน฾มถ฽วงของโลกที่ว฽า วัตถุชนิดเดียวกันแต฽น้ําหนักต฽างกัน เมื่อ ปล฽อยลงมา จะตกถึงพื้นพร฾อมกัน

เวลาเปิด: มีหลายช฽วง หลายเวลา ภาคพิสดารยิ่งกว฽าที่ซีเอน฽า 10 เท฽า แต฽โดยรวมๆ ให฾มาช฽วงกลางวันหลัง 9 โมงเช฾าจะปลอดภัยสุด รายละเอียดเวลาเปิด-ปิดที่สมบูรณแถูกต฾อง ไปดูที่เว็บไซตแทางการเลยค฽า www.opapisa.it/en/plan-your-visit.html ค฽าเข฾าชม: (ข฾อมูลล฽าสุด ก.ย. 2015) มหาวิหาร (Cathedral; Duomo di Pisa) – เข฾าชมฟรี... กรี๊ดดด ตอนเราไปเสียตั้ง 2 EUR เป็นอย฽างเดียว ในอิตาลีเลยนะเนี่ยที่เวลาผ฽านไปแล฾วไม฽ขึ้นราคา กลับลดราคาลง ให฾ฟรีอกี ต฽างหาก... แต฽จะเข฾าชมฟรีได฾ต฾องไปเอา คูปอง (1 ใบต฽อ 2 คน) ที่ห฾องขายตั๋ว

[233]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

เลือกเข฾าชม 1 แห฽ง ระหว฽างหอพิธีศีลจุม฽ / สุสาน / พิพิธภัณฑแภายในมหาวิหาร (Opera del Duomo) / พิพิธภัณฑแซิโนปี (Sinopie Museum) - 5 EUR เลือกเข฾าชม 2 แห฽ง ระหว฽างมหาวิหาร / หอพิธีศีลจุ฽ม / สุสาน / พิพธิ ภัณฑแภายในมหาวิหาร / พิพิธภัณฑแ ซิโนปี – 7 EUR เข฾าชมสถานที่สําคัญทั้งหมด 5 แห฽ง – 10 EUR หอเอนปิซ฽า – 15 EUR

บรรยากาศรอบๆ ปิอัซซํา เดย์ คาวาลิเอรี (Piazza dei Cavalieri) ที่ก้าลังซํอมแซมอยูํ

เราเดินออกจากกัมโป เดยแ มีราโกลี ตอนเกือบเที่ยง เดินชมสถานที่อื่นๆ ของปิซ฽าตามแผนที่ไปเรื่อยๆ เพื่อที่หมายสุดท฾ายคือไปขึ้นรถไฟที่สถานีปิซ฽า เซ็นทราเล (Pisa Centrale) กลับฟลอเรนซแ โดยเดินผ฽านทางหอเอน ขึ้นไปตามแผนที่จะเจอปิอัซซํา เดย์ คาวาลิเอรี (Piazza dei Cavalieri) เป็นจัตุรัสที่รายล฾อมด฾วยปาลัซโซและ [234]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

โบสถแหลายหลัง ซึ่งก็ไม฽มีอะไร แถมบางส฽วนยังปิดซ฽อมแซมอยู฽อีก เดินเลียบแม฽น้ําอารแโน (แม฽น้ําเดียวกับที่ผา฽ นฟลอ เรนซแค฽ะ) ไปเรื่อยๆ ระหว฽างทางไปสถานีรถไฟก็จะเจอกับโบสถแกอธิกหน฾าตาแปลก ยอดโบสถแเป็นหนามแหลมๆ เต็มไปหมด ชื่อซานตา มาเรีย เดลลา สไปนํา (Santa Maria della Spina) เชื่อว฽ายอดปลายแหลมนั้นคือมงกุฎ พระเยซูที่นักรบปิซ่านากลับมาจากสงครามครูเสด (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) ก฽อนที่เดินทางถึง สถานีรถไฟ Pisa Centrale ในที่สุด ** ปล. ร฾านคาเฟุตรงข฾ามสถานีรถไฟชื่อโคเฟอรแ บารแ (Cofer Bar) มีกาแฟ อร฽อยมากที่สุดในทริปนี้ อร฽อยกว฽ากาแฟที่เคยกินที่เมืองไทยทั้งหมด คนข฾างๆ ตัวคอนเฟิรแม

แมํน้าอาร์โน (Fiume Arno)

โบสถ์ Santa Maria della Spina [235]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

Piazza Vittorio Emanuele กํอนถึง

Piazza della Stazione หน๎าสถานีรถไฟ

สถานีรถไฟ Pisa Centrale

Pisa Centrale

เราซื้อตั๋วรถไฟกลับฟลอเรนซแจากตู฾ขายตั๋วอัตโนมัติเช฽นเดิม สะดวกสบายดี รถไฟมาเทียบชานชาลาที่ Firenze S.M.N. 14.00 น. เดินเที่ยวต฽อกันเลยที่โบสถ์ซานตา มาเรีย โนเวลลา (Santa Maria Novella) ชื่อเดียวกับสถานีรถไฟและอยู฽ใกล฾ๆ สถานีรถไฟนั่นแหละ เป็นโบสถแที่มีดา฾ นหน฾าโบสถแ (façade) ที่สวยงามที่สุดใน ฟลอเรนซแ ทําจากหินอ฽อน 3 สีคือสีขาว สีเขียวและสีชมพูอ฽อน พาสเทลมากๆ... สวยจริงๆ บริเวณด฾านหน฾าโบสถแจะ เป็นลานกว฾างๆ ให฾คนมานั่งพักผ฽อนกัน

โบสถ์ซานตา มาเรีย โนเวลลา (Santa Maria Novella กับ façade ที่สวยที่สุด

[236]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

แผนที่สถานที่ทํองเที่ยวในฟลอเรนซ์ส้าหรับวันที่ 7

จากนั้นเราเดินตามแผนที่ต฽อไปอีกไกลทีเดียว ไปที่ปิอัซซํา เดลลา ซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) อีกหนึ่งแลนดแมารแคของฟลอเรนซแ จัตุรสั ขนาดใหญ฽แห฽งนี้มีจุดเด฽นอยู฽ทปี่ าลัซโซเวคคิโอ (Palazzo Vecchio) และหอระฆังตอรแเร ดีอารแโนวแโฟ (Torre d’Arnolfo) ที่สูงเด฽นเป็นสง฽า ปาลัซโซแห฽งนี้ใช฾เป็นศาลาว฽าการเมืองฟลอ เรนซแตั้งแต฽อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นพิพิธภัณฑแศิลปะจัดแสดงผลงานสะสมของตระกูลเมดิซี (ตระกูลผู฾ครอง เมืองฟลอเรนซแ) รอบๆ จัตุรัสเป็นแหล฽งรวมผลงานประติมากรรมทั้งของจริงและของก฿อปเกรด AAA แบบฟรีๆ เดิน

[237]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

ชม เดินดม ลูบไล฾ สัมผัสได฾อย฽างสบายใจ ไม฽เสียเงิน เริ่มจาก (ซ฾ายมือ) รูปสลักโคซีโมที่ 1 บนหลังม฾า นักรบ นัก ปกครองผู฾ทรงอํานาจและทรงอิทธิพลทีส่ ุดของฟลอเรนซแ ข฾างๆ กันคือน้าพุเทพเนปจูน ที่สลักจากหินอ฽อนคารแราร฽า

โคซีโมที่ 1

ปาลัซโซเวคคีโอที่ปิอัซซํา เดลลา ซิญญอเรีย

น้​้าพุเทพเนปจูน

แต฽รูปสลักที่ผู฾คนให฾ความสนใจมากที่สุดคงหนีไม฽พ฾นรูปสลักเดวิดจ้าลองที่อยูห฽ น฾าประตูทางเข฾าปาลัซโซ เวคคีโอ ซึ่งทําทดแทนของจริงที่ถูกย฾ายไปเก็บรักษาทีห่ อศิลป฼อัคคาเดเมีย เดวิดตัวปลอมนี้มีขนาดเล็กกว฽าของจริง เล็กน฾อย แต฽รายละเอียดนั้นเหมือนของจริงมาก ตาถั่วๆ อย฽างเรานั้นดูไม฽ออกหรอกว฽าอันไหนตัวจริงอันไหนตัว ปลอม ที่รู฾สึกถึงความแตกต฽างของ 2 รูปนี้คงอยู฽ที่บรรยากาศ อารมณแ ฟีลลิ่งในการชม ตัวจริงนี่ออร฽าพุ฽งมาก ขาวโอ โม฽กระจาย แต฽ตัวปลอมนี่ตากแดดกรําฝนจนตัวดํา ขี้ไคลขี้เกลือขึ้นเต็ม ไม฽วิ้งเลย ส฽วนข฾างๆ เดวิดเป็นรูปสลักเฮอร์ คิวลิส (Hercules) ซึ่งเชื่อว฽าเป็นผู฾สร฾างเมืองฟลอเรนซแ

[238]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

หน๎าประตูทางเข๎าปาลัซโซเวคคีโอ

เดวิดจ้าลอง

เฮอร์คิวลิส

[239]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

เยื้องไปทางขวาของปาลัซโซเวคคีโอเป็นระเบียงล็อจจา เดย์ ลันซี (Loggia del Lanzi) แต฽กอ฽ นใช฾เป็น สถานที่จัดงานราชการ ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของประติมากรรมฝีมือดีๆ หลายชิ้น ให฾นักท฽องเที่ยวได฾ชมกันฟรีๆ ทั้งหมด 15 ชิ้น ผลงานที่น฽าสนใจเช฽น  Perseus ของเบนเวนูโต เชลลีนี่ (Benvenuto Cellini) – ตัวรูปสลักทําจากทองแดง ส฽วนฐานทําด฾วย หินอ฽อน เป็นรูปเพอรแซีอุสมือขวาถือดาบ มือซ฾ายชูหัวเมดูซ฽า  Rape of the Sabine Women ของจัมโบโลญญา (Giambologna) – ทําจากหินอ฽อนและทองแดง ถ฾าจําได฾ รูปหล฽อปูนปลาสเตอรแต฾นแบบของรูปสลักนี้ จัดแสดงอยู฽ทหี่ อศิลป฼อัคคาเดเมีย  The Rape of Polyxena ของ Pio Fedi  Hercules and the Centaur ของจัมโบโลญญาและ Pietro Francavilla – รูปเฮอรแคิวลิสกําลังฆ฽า เนซุส (Nessus) สัตวแครึ่งม฾าครึ่งคน (Centaur) ที่แอบลักพาเมียเฮอรแคิวลิสหนีไป  สิงโตมารแซอคโค (Marzocco Lion) – สัญลักษณแประจําเมืองฟลอเรนซแ

Benvenuto Cellini, Perseus

Giambologna, Rape of the

Menelaus Holding the Body of

Sabine Women

Patroclus

Pio Fedi, The Rape of Polyxena

Marzocco Lion

Giambologna, Hercules and the Centaur

จากระเบียงล็อจจา เราแวบเข฾าไปชมด฾านในของปาลัซโซเวคคีโอเล็กน฾อย เฉพาะส฽วนโถงด฾านล฽างที่เข฾าชม ฟรี สวยไม฽ใช฽เล฽นเลยล฽ะ แต฽เวลาไม฽พอแล฾ว เราต฾องเดินไปสะพานเวคคีโอ (Ponte Vecchio) ต฽อ ผ฽านทาง พิพิธภัณฑแอุฟฟิซี (Galleria degli Uffizi) ซึ่งเรามีแผนเข฾าชมพรุ฽งนี้เช฾า วันนี้เลยได฾เก็บบรรยากาศการต฽อแถวเข฾าคิว ชมพิพิธภัณฑแอันยาวเหยียดสมคําร่ําลือ ยาวม฾ากกก... [240]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

ด๎านในปาลัซโซ เวคคีโอ

วันที่ 7: Pisa - Florence

พิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี (Galleria degli Uffizi)

ผู๎คนตํอแถวเข๎าคิวเข๎าชมพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซียาวเหยียด

เดินจากอุฟฟิซีไปจนสุดทาง จะเจอแม฽น้ําอารแโนพาดผ฽านและสะพานเวคคีโออยู฽ทางขวามือ บรรยากาศวัน นั้นร฽มรื่น อากาศสบายๆ แดดแรง แต฽ไม฽อบอ฾าว มีคนมาพายเรือแคนูในแม฽นา้ํ ด฾วย สะพานเวคคีโอ (Ponte Vecchio) เป็นสะพานข฾ามแม฽น้ําอารแโน มีอายุเก฽าแก฽มากถึงเกือบ 700 ปี ถือว฽าเป็นสะพานโบราณสะพานเดียวทีย่ ังเหลืออยู฽ในฟลอเรนซแ แต฽เดิมเป็นสะพานไม฾ 2 ชั้น ชั้นบนเป็นทางเชื่อม ระหว฽างเจ฾าหน฾าที่และคนในวังปิตตี (Palazzo Pitti) และสํานักงานอุฟฟิซี ส฽วนชั้นล฽างเป็นร฾านค฾า ร฾านอาหารและ ให฾ชาวบ฾านทั่วไปใช฾ข฾ามผ฽าน โดยปัจจุบนั เหลือแต฽สะพานชั้นล฽างเท฽านั้น จุดเปลี่ยนสําคัญอีกอย฽างเกิดขึ้นเมื่อผู฾ครอง นครคนหนึ่งเกิดทนกลิ่นเหม็นของร฾านขายเนื้อชั้นล฽างไม฽ไหว จึงสั่งให฾เอาร฾านขายเนื้อและร฾านอาหารอื่นๆ ออกไป แล฾วเอาร฾านทองเข฾ามาไว฾แทน ปัจจุบันเราจึงจะเห็นร฾านขายทอง รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับอื่นๆ เรียงรายอยู฽

[241]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

ตลอดสองฝั่งของสะพานเวคคีโอ นอกเหนือจากร฾านขายไอศกรีมและของที่ระลึก เราได฾มาเห็นของจริงก็ยังรู฾สึกอึ้ง ทึ่งว฽าเออ! เขาก็ทาํ ได฾จริงแฮะ เอาร฾านค฾าขึ้นมาตั้งบนสะพานเลย

บรรยากาศรอบๆ แมํน้าอาร์โน กํอนถึงสะพานเวคคีโอ

[242]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

บนสะพานเวคคีโอ (Ponte Vecchio)

[243]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

เดินชมนกชมไม฾ซะเพลิน จนเวลาล฽วงเลยถึง 4 โมงครึ่ง ด฾วยความที่กลัวว฽าจะบริหารเวลาไม฽ทัน ไปไม฽ทันดู พระอาทิตยแตกที่จัตุรัสมิเคลันเจโล (Piazzale Michelangelo) และเหนือ่ ยล฾าขาลากมาทั้งวันแล฾ว เราจึง ข฾ามโปรแกรมการเดินโฉบปาลัซโซปิตตีออกไป แล฾วมุ฽งหน฾าไปยังจัตุรัสมิเคลันเจโลเลย ซึ่งระยะทางจากสะพานเวคคี โอจัตุรัสนั้นก็ไกลเอาเรื่องอยู฽ ต฾องเดินขึ้นเขาด฾วย เล฽นเอาหอบ ต฾องเติมพลังโดยการซื้อเจลาโต฾กินระหว฽างทาง

Route to go: Ponte Vecchio to Piazzale Michelangelo

หนทางสูํจัตุรัสมิเคลันเจโล (Piazza Michelangelo) [244]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

แต฽เมื่อขึ้นมาถึงแล฾วก็ไม฽ผิดหวัง บรรยากาศบนจัตุรัสนี้สุดยอดจริงๆ ผู฾คนมากมายต฽างมานั่งเอนหลัง พักผ฽อนตามสบายตามขั้นบันไดบ฾าง ขอบกําแพงบ฾าง มองวิวทิวทัศนแอันแสนจะงดงามเบื้องหน฾า วิวที่สามารถ มองเห็นฟลอเรนซแได฾ทั้งเมือง เห็นยอดโดมของดูโอโมสูงเด฽น เคียงข฾างด฾วยหอระฆังและหอพิธีศีลจุ฽ม ใกล฾ๆ กันคือ ยอดหอระฆังของปาลัซโซเวคคีโอ รายล฾อมด฾วยตึกรามบ฾านช฽อง อาคารสํานักงานต฽างๆ ซึ่งล฾วนแต฽คงเอกลักษณแของ สถาปัตยกรรมในแบบดั้งเดิมไว฾เกือบทั้งสิ้น จะมีที่รู฾สึกขัดตาขัดใจนิดหน฽อยก็เครนก฽อสร฾างที่อยู฽แถวนั้น ไม฽รู฾ว฽าซ฽อม หรือสร฾างอะไรเพิ่มเติม ต฾องพยายามจะถ฽ายรูปไม฽ให฾ติดเจ฾าเครนนั้นเพื่อไม฽ให฾เสียบรรยากาศ แต฽ก็ไม฽ค฽อยจะสําเร็จ

มุมมองฟลอเรนซ์ทั้งเมืองจากจัตุรัสมิเคลันเจโล

[245]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

ผู๎คนตํางมาเอนกายพักผํอนชมพระอาทิตย์ตกดิน

[246]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

วิ้ววววว!! ^_^

[247]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 7: Pisa - Florence

ที่จัตุรัสมิเคลันเจโลนี้มีรูปสลักเดวิดจําลองทําจากโลหะหล฽อ ตัวเขียวอือ๋ เหมือนตะไคร฽ขึ้น ยืนต฾อนรับผู฾ที่ ผ฽านไปมา สําหรับเรา เดวิดคนนี้ดูหม฽นหมอง ไม฽มีสง฽าราศรี ไม฽น฽าจะฆ฽ายักษแโกไลแอธได฾นะ ทําให฾เดวิดคนนี้ดูจะ ไม฽ได฾รับความสนใจจากผู฾มาเยือนจัตุรัสนี้เท฽าไหร฽นัก สิ่งหนึ่งที่สําคัญคงเป็นเพราะจุดขายของจัตุรัสแห฽งนี้มันอยู฽ที่การ เป็นจุดชมวิวยามพระอาทิตยแตกดินที่ดีทสี่ ุดในฟลอเรนซแน฽ะสิ ความสวยงามของวิวทิวทัศนแเบื้องหน฾า กลบความ สนใจของสิ่งอื่นออกไปหมดเลย เพราะฉะนั้นการแวะมาเยือนจัตุรัสมิเคลันเจโลจึงเป็นสิ่งที่ไม฽ควรพลาดด฾วยประการ ทั้งปวง ความเหนื่อยล฾าจากการเดินทางทั้งวันในวันนี้ สามารถบรรเทาได฾ด฾วยการชมบรรยากาศที่จัตุรัสแห฽งนี้ได฾มาก ทีเดียว อิ่มเอมใจดีจริง

เดวิดปลอมตัวมอมแมม เขียวอื๋อที่จัตุรัสมิเคลันเจโล

หกโมงเย็นแล฾ว ได฾เวลากลับที่พกั เพื่อชารแตแบต เราขึ้นรถเมลแปูายตรงจัตุรัสนี้เลย ตามที่ดูมา สาย 12 หรือ 13 ก็ได฾ เราหาเครื่องขายตั๋วไม฽เจอ (จริงๆ คิดว฽าซื้อที่ซุ฾มขายของชํา Tabacchi ที่จัตุรัสก็ได฾นะ แต฽เราขี้เกียจเดิน ย฾อนกลับไปแล฾ว) เราเลยขึ้นไปซื้อตั๋วบนรถเลย ก็จะแพงกว฽าซื้อที่อื่นหน฽อย จ฽ายไปคนละ 2 EUR อาหารค่ําวันนี้เรายังรักที่จะใช฾บริการโฮสเทลเช฽นเดิม เพราะหมดแรงแล฾ว ไปต฽อที่ไหนไม฽ไหวแล฾ว ขอมา ตายรังที่ Hostel Archi Rossi นี่แหละ ถูกและดีมีอยู฽จริง โปรโมทแล฾วโปรโมทอีก

[248]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

วันที่ 8: Florence – Venice

[249]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

และแล฾วก็เข฾าสู฽เช฾าวันที่ 8 ของการเดินทาง ซึ่งเป็นวันสุดท฾ายที่เราจะอยู฽ที่ฟลอเรนซแ โปรแกรมวันนี้ยังหนัก หนาสาหัสเหมือนเดิม เพราะเราจะกลับเข฾าสู฽โหมดนักเรียนศิลปะอีกครั้ง เริ่มต๎นที่พิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี สถานที่ รวบรวมงานศิลปะชั้นยอดอีก 1 แหํงของอิตาลี ไมํเข๎าชมไมํได๎เด็ดขาด เพราะฉะนั้นเราจะให๎เวลากับที่นี่มาก หนํอย 2.5-3 ชั่วโมงนําจะก้าลังดี ออกจากอุฟฟิซี แวะเดินตลาดใหมํแมร์กาโต นูโอโว (Mercato Nuovo) ลูบ หมูทองค้าซะหนํอยแล๎วคํอยบอกลาฟลอเรนซ์ ขึ้นรถไฟไปเวนิส (Venice) เมืองแหํงสายน้​้า ล้าคลองและวิถี ชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ บําย-ค่้าเดินส้ารวจเวนิสกัน หามื้อค่้าหนักๆ ใสํท๎อง เตรียมพร๎อมลุยเวนิสแบบเต็มๆ ใน วันตํอไป หลังอาหารเช฾า เราจัดการเช็คเอาทแจากโฮสเทลก฽อน แต฽ยังฝากกระเป฻าไว฾ที่ลอ็ คเกอรแรูม จากนั้นเดินออก จากโฮสเทลมุ฽งหน฾าสู฽ปิอัซซ฽า เดลลา ซิญญอเรียที่มาเมื่อวานบ฽าย เพื่อรอเข฾าชมพิพิธภัณฑแอุฟฟิซี ตั้งแต฽ 8 โมงครึ่ง เพื่อไม฽ให฾เป็นการเสียเวลาเข฾าคิวเข฾าพิพธิ ภัณฑแ เราเลือกที่จะจองตั๋วล฽วงหน฾าผ฽านเว็บไซตแ ตอนปี 2012 ที่เราไป ใน เว็บยังไม฽เปิดให฾จองรอบเช฾า ซึ่งเป็นรอบที่เราเลือก ต฾องใช฾วธิ ีโทรศัพทแไปจองทีเ่ บอรแ +39055294883 คงเป็น call center กลางของพิพธิ ภัณฑแต฽างๆ ในฟลอเรนซแ เจ฾าหน฾าที่ที่รับสายสามารถพูดอังกฤษได฾ ฟังพอออก ให฾เราบอก สถานที่ที่จะเข฾าชม จํานวนคน วันเวลาเข฾าชม แล฾วก็นามสกุลผู฾จอง เจ฾าหน฾าที่จะให฾รหัสจองมา (booking number) เมื่อถึงวันเวลาเข฾าชม ให฾ไปก฽อนเวลาเล็กน฾อยประมาณ 10-15 นาที ไม฽เร็วกว฽านั้น นํารหัสนี้ไปยื่นให฾พนักงานที่ชอ฽ ง หมายเลข 3 ก฽อน ถึงจะได฾บัตรเข฾าชม แล฾วค฽อยมาต฽อแถวเข฾าชมพิพิธภัณฑแที่ช฽องหมายเลข 1 ส฽วนช฽องหมายเลข 2 เป็นช฽องเข฾าคิวสําหรับคนที่ไม฽ได฾จองตั๋วมาล฽วงหน฾า ซึ่งแถวนั้นยาวเหยียดตั้งแต฽เช฾าจรดเย็นเลยทีเดียว... แต฽ปัจจุบัน 2015 การจองตั๋วล฽วงหน฾าง฽ายกว฽านั้น เพราะเว็บไซตแเปิดให฾จองล฽วงหน฾าได฾ทุกรอบ ตั้งแต฽รอบแรกทีพ่ ิพิธภัณฑแเปิด จนรอบสุดท฾ายก฽อนพิพิธภัณฑแปิด (เขาเปิดให฾ทะยอยเข฾าชมเป็นรอบๆ ทุก 15 นาที แต฽จะเดินชมนานเท฽าไหร฽ก็ได฾)

แผนที่สถานที่ทํองเที่ยวในฟลอเรนซ์ส้าหรับวันที่ 8

[250]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

พิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี (Galleria degli Uffizi) เป็นอาคารแนวยาว 2 หลังมีทางเชื่อมกันเป็นรูปตัวยู (U) ได฾ชื่อตามวัตถุประสงคแการใช฾งานของอาคาร (อุฟฟิซีแปลว฽าออฟฟิศหรือสํานักงาน) โดยโคซีโมที่ 1 ได฾จ฾างจอรแจิ โอ วาซารี (Giorgio Vasari) ออกแบบและสร฾างขึ้นเพื่อให฾เป็นอาคารสํานักงานสําหรับหน฽วยงานเอกสารต฽างๆ ของ เมืองเช฽นงานทะเบียน งานกฎหมาย นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะในความครอบครองของ ตระกูลเมดิซีกว฽า 3,000 ชิ้น ปัจจุบนั ผลงานศิลปะดังกล฽าว ถูกย฾ายไปเก็บรักษาที่พิพธิ ภัณฑแต฽างๆ ทัว่ ฟลอเรนซแ รวมทั้งทีพ่ ิพิธภัณฑแอฟุ ฟิซีนี้ พิพิธภัณฑแจัดแสดงผลงานศิลปะโดยเรียงตามลําดับช฽วงเวลาและมีห฾องแยกตามศิลปิน เนื่องจากผลงาน ศิลปะในพิพิธภัณฑแอฟุ ฟิซีนี้มีเยอะมากถึงกว฽า 1,700 ผลงาน เราเลยขอเลือก 12 ผลงานโดดเด฽นตามที่หนังสือ Top 10 ทัสกานีและเว็บไซตแ Uffizi.org เขาแนะนําไว฾ดังนี้ (เรียงตามลําดับห฾อง) (ข้อมูลจาก www.uffizi.org หนังสือ Top 10 ทัสกานี หนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี หนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม หนังสือ Uffizi Gallery, the Official Guide all of the works ภาพจาก www.uffizi.org และวิกิพีเดีย)

แผนผังภายในพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี ชั้น 1 (Credit: หนังสือ Uffizi Gallery, The Official Guide all of the works)

[251]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

แผนผังภายในพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี ชั้น 2 (Credit: หนังสือ Uffizi Gallery, The Official Guide all of the works)

[252]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

1. Maesta (The Ognissanti Madonna), ค.ศ. 1310 ของ จอตโต (ห฾อง 2) เมื่อเปรียบเทียบกับภาพที่คล฾ายกันของจิตร กรในสมัยเดียวกัน พระแม฽มาเรียในภาพนี้มีรูปร฽างใหญ฽หนา กว฽า จุดเด฽นของภาพนีอ้ ยู฽ที่ความสามารถในการวาดภาพให฾ มีมิติได฾อย฽างน฽ามหัศจรรยแ ลองสังเกตที่บัลลังกแและทูต สวรรคแที่คุกเข฽าอยู฽บนพื้น จะเห็นว฽าเหมือนภาพ 3 มิติมาก นอกจากนี้จุดเด฽นของภาพยังอยู฽ที่ความสมจริงของใบหน฾า ผู฾คน ความแตกต฽างของหินอ฽อนและความเรียบเนียนเป็น แผ฽นเดียวกันของแผ฽นไม฾ที่ปูอยู฽ใต฾เท฾าพระแม฽มาเรีย 2. Battle of San Romano, ค.ศ. 1438 ของเปาโล อุชเชล โล (Paolo Uccello) (ห฾อง 7) ภาพนี้เป็น 1 ใน 3 ภาพซีรีสแ แบบทริปทิค triptych (ภาพที่เขียนบนฉาก 3 บาน พ฽วงต฽อ กันเหมือนบานพับหน฾าต฽าง มักใช฾ประดับที่แท฽นบูชา) ที่เล฽า Maesta เรื่องราวของการต฽อสู฾ที่ซาน โรมาโน อีก 2 ภาพที่เหลือถูก เก็บรักษาที่หอศิลป฼แห฽งชาติ (National Gallery) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษและพิพธิ ภัณฑแลูฟวแ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ภาพนี้อุชเชลโลสร฾างจุดเด฽นด฾วยการสร฾างความลึกในภาพ ทําให฾ภาพแลดูมีมิติมากขึ้น สังเกต ได฾จากทวนที่แตกหักในภาพ จะรู฾สึกได฾วา฽ เหมือนมันนูนๆ ออกมา (รู฾สึกได฾จริงๆ นะ)

Battle of San Romano

[253]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

3. Madonna with Child and two Angels, ค.ศ. 1465 ของฟิลิปโปู ลิปปี (Filippo Lippi) (ห฾อง 8) เป็นผลงานที่มี ชื่อเสียงที่สุดของเขา เป็นภาพพระแม฽มาเรียกําลังยกมือ สวดมนตแต฽อหน฾าพระเยซูในวัยทารกที่ถกู อุ฾มยกขึ้นโดยทูต สวรรคแ 2 องคแ จุดเด฽นของภาพอยู฽ที่ทรงผมและ เครื่องประดับบนผมของพระแม฽มาเรียทีส่ ง฽างามมากและ ประดับด฾วยไข฽มุกและผ฾าคลุมผม การวาดภาพสตรีใน ลักษณะที่แสนจะอ฽อนหวานและสง฽างามนี้จึงกลายเป็น ต฾นแบบให฾ศิลปินรุ฽นหลังอย฽างบอตติเชลลีนําไปใช฾ในผลงาน ของเขาด฾วย 4. Diptych of the Duke and Duchess of Urbino, ค.ศ. 1467 - 1470 ของปิเอโร เดลลา ฟรันเชสกา (Piero della Francesca) (ห฾อง 8) ภาพขนาดใหญ฽ตั้งอยู฽กลาง Madonna with Child and two Angels ห฾องเลย ดิพทิค (Diptych) เป็นชื่อเรียกผลงานจิตรกรรมที่ วาดบนฉาก 2 ผืนที่แยกจากกันแต฽เชื่อมต฽อกันด฾วยบานพับทําให฾ดูเหมือนเป็นหนังสือ ภาพนี้ถือได฾วา฽ เป็นหนึ่งใน ผลงานศิลปะอิตาเลียนในยุคเรอเนสซองสแที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นภาพเหมือนที่ชวนให฾นึกถึงการเขียนภาพเหมือน แบบคลาสสิกและให฾ความรู฾สึกเคร฽งขรึมอยู฽ในทีของดยุกและดัชเชส ด฾านขวาคือดยุกแห฽งเออรแบิโน ผู฾สูญเสีย ดวงตาข฾างขวาระหว฽างการรบ นีจ่ ึงเป็นสาเหตุให฾ปิเอโร เดลลา ฟรันเชสกาถึงต฾องวาดแต฽ใบหน฾าด฾านซ฾าย ส฽ว น จมูกของดยุกก็หกั ระหว฽างการรบด฾วยเช฽นกัน จะเห็นได฾ว฽าจมูกนั้นงุ฾มงอ สําหรับดัชเชสแห฽งเออรแบิโนนั้นก็แต฽ง ตัวอย฽างหรูหราแล฾วก็หวั เถิกมาก (555+) เพราะว฽ามันเป็นแฟชั่นของยุคนั้นนะ นี่ถ฾าเราไปอยูย฽ ุคนั้นคงอินเทรนดแ กับเขาโดยไม฽ต฾องพยายามเลย ภาพนีม้ ีด฾านหลังด฾วย เป็นภาพดยุกและดัชเชสนั่งบนรถม฾าคนละคันชื่อภาพ Triumphal carriages

Diptych of the Duke and Duchess of Urbino [254]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

5. The Birth of Venus, ค.ศ. 1485 ของซานโดร บอตตีเชลลี (Sandro Botticelli) (ห฾อง 10-14) เชื่อว฽าหลาย คนคงมีประสบการณแเหมือนกับเราที่เคยเห็นภาพนี้ผ฽านสื่อต฽างๆ มานานแล฾ว ตั้งแต฽ยังไม฽รู฾จักว฽าภาพนี้ชื่ออะไร เป็นผลงานของใคร มีความหมายอย฽างไร มีชื่อเสียงโด฽งดังแค฽ไหนและเก็บรักษาอยู฽ที่ใด นั่นคือภาพจําของเราที่มี ต฽อภาพนี้เลย (ถึงแม฾ว฽าจริงๆ อาจจะรู฾จกั ภาพนี้จากโลโก฾โปรแกรม Adobe Illustrator ก็เถอะนะ 55+) The Birth of Venus เป็นหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ถือได฾ว฽าเป็นตัวแทนของจิตรกรรมอิตาเลียนใน ศตวรรษที่ 15 เมื่อได฾ทราบถึงความหมายของภาพที่บอตติเชลลีต฾องการสื่อออกมาก็จะเข฾าใจว฽าภาพนี้เปี่ยมไป ด฾วยความหมายและแฝงความหมายอ฾างอิงไปยังช฽วงเวลาในประวัติศาสตรแอีกด฾วย (ข้อมูลจาก www.uffizi.org) วีนัสคือหญิงสาวที่ได฾ชื่อว฽าสวยที่สุดในจักรวาลและเป็นเทพีแห฽งความรัก บอตติเชลลีวาดภาพกําเนิดวีนัสโดยนํา เรื่องราวมาจากบทกวีของชาวละติน โดยให฾วีนัสยืนเปลือยกายอยู฽บนเปลือกหอยขนาดใหญ฽กลางมหาสมุทร ท฽าทางการยืนนั้นได฾แบบมาจากรูปสลักกรีกโบราณ ส฽วนใบหน฾าได฾แบบมาจากซีโมเนตตา เวสปุชชี เพือ่ นสาว ของผู฾ครองนครตระกูลเมดิชี วีนัสกําลังถูกช฽วยพาให฾ขึ้นฝั่ง โดยแรงลมเปุาของเทพเซไฟรัส (Zephyrus) และ เทพีออร฽า (Aura) พร฾อมๆ กับที่มีดอกกุหลาบตกลงมาจากฟูาทางด฾านซ฾ายมือ ส฽วนขวามือคือเทพธิดาแห฽งปุา กําลังนําผ฾าคลุมมาห฽มกายให฾ บอตติเชลลีลงสีภาพนี้โดยใช฾สีอ฽อนๆ และให฾อารมณแที่บางเบา ทําให฾ภาพนี้คล฾ายๆ กับภาพวาดเฟรสโก ส฽วนตัวเรารู฾สึกชอบภาพนี้มากๆ มันดูผหู฾ ญิ้ง ผู฾หญิง อ฽อนหวาน อ฽อนโยน เบาๆ ไม฽หนักหัว เรื่องราวในภาพก็เป็นเรื่องราวที่ดแู ฮปปี้ มีความสุข ไม฽หดหู฽เศร฾าใจ มองได฾เพลินๆ สบายตา สบายใจดีจริง

The Birth of Venus

[255]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

6. Primavera, ค.ศ. 1482 ของบอตติเชลลี (ห฾อง 10-14) อีกหนึ่งภาพผลงานของบอตติเชลลีที่ถูกค฾นพบใน ช฽วงเวลาเดียวกับภาพกําเนิดวีนัส ว฽ากันว฽านี่คือดินแดนของเทพีวีนัส (ยืนตรงกลางภาพ) ในฤดูใบไม฾ผลิ เทพเซ ไฟรัส (Zephyrus) เทพเจ฾าแห฽งลมทางขวามือสุดของภาพ กําลังไล฽จับนิมฟ฼ (นางไม฾) คลอริส (Chloris) ข฾างๆ คลอริสคือเทพีฟลอร฽า (Flora) เทพีแห฽งดอกไม฾และ ฤดูใบไม฾ผลิกําลังโปรยดอกไม฾ เหนือศีรษะของวีนัสคือคิวปิด กําลังเล็งศรแห฽งความรักไปยัง นิมฟ฼ชาริทีส (Charites) ที่ กําลังเต฾นรําอยู฽ 3 คน และ ซ฾ายสุดของภาพคือเทพเมอรแ คิวรี (Mercury) ผู฾ทําหน฾าที่ อารักขาสวนแห฽งนี้ ภาพพรี Primavera มาเวอร฽าหรือฤดูใบไม฾ผลินี้ เป็นภาพที่เต็มไปด฾วยความหมายเชิงเปรียบเทียบซึ่งตีความได฾หลากหลายมาก ทัง้ ความหมายทางการเมื องว฽าให฾ เทพองคแโน฾น เทพีองคแนี้เป็นตัวแทนของเมืองอะไร ซึ่งเป็นสัญลักษณแของสิ่งใด ทั้งความหมายทางวรรณกรรม จากกวีนิพนธแโรมันโบราณของโอวิด (Ovid) ว฽าด฾วยเรื่องเทพีฟลอร฽าที่เคยเป็นนิมฟ฼คลอริสและหายใจออกมา เป็นดอกไม฾ จนทําให฾เทพเซไฟรัสหลงใหลจนติดตามเอาเป็นภรรยา นอกจากนี้ยงั มีผู฾ตีความว฽าบอตติเชลลีได฾แรง บันดาลใจจากกวีของคนนั้นคนนี้อีกหลายเรื่อง... ถ฾าบอตติเชลลีรู฾ว฽ามีผู฾ตีความงานศิลปะของเขาไปได฾มากมาย ขนาดนี้ เขาคงนั่งอมยิ้ม หัวเราะ หรือไม฽ก็ส฽ายหัวแน฽ๆ 7. The Annunciation, ค.ศ. 1475 - 1480 ของลีโอนารแโด ดา วินชี (ห฾อง 15) เรื่องราวที่พระเจ฾าส฽งทูตสวรรคแ เกเบรียล (Gabriel) มาแจ฾งข฽าวแก฽พระแม฽มาเรีย (ตอนนั้นยังเป็นแค฽มาเรียสินะ) ว฽านางจะตั้งครรภแและให฾ กําเนิดบุตรของพระเจ฾าคือพระเยซู ในภาพ ทูตสวรรคแเกเบรียลถือดอกมาดอนน฽าลิลลีซึ่งเป็นสัญลักษณแแห฽ง ความบริสุทธิ์และเป็นดอกไม฾ประจําเมืองฟลอเรนซแด฾วย

The Annunciation [256]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

8. Doni Tondo (Holy Family with the infant St. John the Baptist), ค.ศ. 1506 – 1508 ของมิเคลัน เจโล (ห฾อง 25, ปี 2015 ย฾ายไปอยู฽ห฾อง 35) เป็นภาพวาดชิ้นเดียวของมิเคลันเจโลที่อยู฽ที่ฟลอเรนซแและถือเป็น หนึ่งในศิลปะอิตาเลียนระดับมาสเตอรแพซี แห฽งศตวรรษที่ 16 มิเคลันเจโลวาดภาพนี้ในช฽วงเวลาเดียวกับที่เขา แกะสลักรูปเดวิด ลักษณะท฽าทางของพระแม฽มาเรีย ที่กําลังเอี้ยวตัวอุ฾มพระเยซูให฾เซนตแโยเซฟ กลายเป็น ท฽าทางที่ศิลปินหลายคนนิยมใช฾กันต฽อมา ฉากหลัง เป็นรูปคนเปลือย 5 คน หนึ่งในนั้นที่อยู฽ด฾านขวามือ ของเซนตแโยเซฟคือท฽าทางเดียวกับรูปสลักเลาคูน (Laocoon) คาดว฽ามิเคลันเจโลจะนําแบบเลาคูนมา วาดในรูปนี้ ความหมายของภาพนี้นั้นยังไม฽ทราบแน฽ ชัด มิเคลันเจโลอาจกําลังบอกเล฽าเรื่องราวในพระ คัมภีรแว฽าด฾วยกําเนิดและพิธีชาํ ระบาปของพระเยซู Doni Tondo (Holy Family with the สังเกตจากภาพเซนตแจอหแนในวัยทารกทางขวาสุด infant St. John the Baptist) ของภาพและรูปคนรอบๆ กรอบรูป 5 คน ซึ่ง หมายถึงพระเยซูคริสตแ ทูตสวรรคแและโหราจารยแ ภาพ Holy Family นีถ้ ือเป็นภาพรากฐานของงานศิลปะแบบ แมนเนอริซึ่ม (Mannerism) ซึ่งเริ่มต฾นในศตวรรษที่ 16 นั่นคือภาพการวางท฽าทางที่บิดเบี้ยวไปจากธรรมชาติ และการใช฾สีสดจัด 9. Madonna of the Goldfinch, ค.ศ. 1505-1506 ของ ราฟาเอล (ห฾อง 26, ปี 2015 ย฾ายไปอยู฽ห฾อง 66 ชั้น 1) เป็นภาพเขียนของราฟาเอลช฽วงที่เขาอาศัยอยู฽ในฟลอ เรนซแ จากที่เราเห็นผลงานของยอดศิลปินอิตาเลียนหลาย ท฽านมาหลากหลายชิ้นตั้งแต฽วันแรกที่โรมจนถึงวันนี้ ทําให฾ เราพอจับคาแรกเตอรแผลงานของศิลปินแต฽ละคนได฾บ฾าง อย฽างราฟาเอลนี่ก็เหมือนกัน พระแม฽มาเรียของราฟาเอล จะเป็นผู฾หญิงสวยๆ หวานๆ สีสันในรูปภาพก็จะนุ฽มๆ เบาๆ หวานๆ ภาพนี้เป็นภาพพระแม฽มาเรียนั่งอ฽าน หนังสือ พระเยซูยืนอยู฽ตรงกลางหว฽างขา กําลังลูบจับนก โกลดแฟินชแที่เซนตแจอหแนยื่นให฾อย฽างเอ็นดู 10. Venus of Urbino, ค.ศ. 1538 ของทิเชียน (Titian) Madonna of the Goldfinch (ห฾อง 28, ปี 2015 ย฾ายไปอยู฽ห฾อง 83 ชั้น 1) เขียนขึ้นเพื่อ เป็นของขวัญให฾แก฽ภรรยาวัยสาวรุ฽นของดยุกแห฽งเออรแบโิ น (แต฽เป็นคนละคนกับดยุกในภาพที่ 7 ก฽อนหน฾านะ คะ) รายละเอียดในภาพนี้จึงเต็มไปด฾วยสัญลักษณแของการแต฽งงานและเป็นการสอนภรรยาวัยสาวของท฽านดยุก [257]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

เกี่ยวกับหน฾าทีภ่ รรยาที่ดีได฾แก฽ 1 – เรื่องกามารมณแ ทิเชียนให฾ภาพเปลือยของวีนัส เทพีแห฽งความรักเป็นตัวแทน ของเรื่องนี้ 2 – ความจงรักภักดี จาก ภาพสุนัขนอนหมอบทีป่ ลายเท฾าของ วีนัส และ 3 – ความเป็นแม฽ จาก ภาพคนรับใช฾ 2 คนกําลังกุลีกุจอหา เสื้อผ฾าสวมใส฽ให฾เจ฾านาย จุดเด฽นอีก อย฽างของภาพนี้คือการที่ทิเชียนลงสี วีนัสให฾สว฽างจ฾า ตัดกับฉากหลังที่มืด ทึบ ทําให฾วีนัสนั้นดูเย฾ายวนและสื่อถึง อารมณแทางเพศอย฽างเด฽นชัดขึ้น Venus of Urbino 11. Madonna of the Long Neck, ค.ศ. 1534 - 1539 ของปารแมีจานีโน (Parmigianino) (ห฾อง 29, ปี 2015 ย฾ายไปอยู฽หอ฾ ง 74 ชั้น 1) ผลงานนี้ ยังไม฽เสร็จดี เป็นศิลปะแบบแมนเนอริสตแ แบบเดียวกับภาพ Holy Family ของมิเคลันเจโล คือพระแม฽มาเรียที่ บิดตัวมากเกินไปจนดูผิดรูปและพระเยซูที่รูปร฽างใหญ฽เกินไปจากวัยนั้น 12. Bacchus (The Adolescent Bacchus), ค.ศ. 1595 ของคาราวัจโจ (ห฾อง 90 ชั้น 1) เขาวาดภาพแบคคัส เทพแห฽งการเกษตรและการทําไวนแในวัยหนุ฽ม (แต฽ดูซ฾าวสาว ตามสไตลแของคาราวัจโจ) โดยใบหน฾านั้นคือภาพ ของจิตรกรชาวซิซีเลียนที่เคยอยู฽ร฽วมกับคาราวัจโจในโรมช฽วงหนึ่ง คาราวัจโจได฾ใส฽รายละเอียดปรัชญาชีวิตและ หลักความเชื่อทางศาสนาผ฽านภาพเทพแบคคัสนี้ในหลายจุดตั้งแต฽ภาพใบหน฾าทีแ่ สดงออกถึงตัณหาราคะและ ความดิบเถื่อน (กรุ฾มกริ่มไหมล฽ะ เชิญดูอีกครั้ง) พวงแก฾มแดงก่าํ (เมาเหล฾า) ริมฝีปากมันวาว เล็บมือที่สกปรก และผลไม฾เกือบเน฽าที่ถูกหนอนแทะ

Madonna of the Long Neck

Bacchus (The Adolescent Bacchus) [258]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

ข๎อมูลการเข๎าชมพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี เวลาเปิด: วันอังคารถึงวันอาทิตยแ 8.15 – 18.50 น. หยุดทุกวันจันทรแ วันปีใหม฽ วันแรงงานและวันคริสตแมาส ค฽าเข฾าชม: (ก.ย. 2015) ค฽าเข฾าชม 8 EUR ถ฾าตรงกับช฽วงที่มีนิทรรศการ ค฽าเข฾าชมก็จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 12.5 EUR ค฽าจองตั๋วล฽วงหน฾า 4 EUR กรณีจองตั๋วล฽วงหน฾าผ฽านเว็บไซตแจําหน฽ายตั๋วอย฽างเป็นทางการสําหรับเข฾าชม พิพิธภัณฑแในเครือศูนยแพิพิธภัณฑแในฟลอเรนซแ (Polo Museale Fiorentino) http://www.b-ticket.com/bticket/uffizi/venue.aspx

ระเบียงชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ มีคาเฟ่เล็กๆ และสามารถชมวิวได๎

[259]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

เราเดินชมผลงานในพิพิธภัณฑแอย฽างไม฽รีบเร฽ง แต฽ก็เลือกดูเฉพาะผลงานที่หนังสือแนะนําไว฾นะ เพราะไม฽มีทั้ง สติและปัญญาจะดูให฾ครบหมดได฾จริงๆ หัวศิลปะไม฽นําพา ใช฾เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ออกจากพิพิธภัณฑแมีเวลา เหลือปั๊มนมสบายๆ เสร็จแล฾วค฽อยเดินไปชมตลาดแมร์กาโต นูโอโว (Mercato Nuovo) หรือตลาดใหม฽ จริงๆ ที่นกี่ ็ไม฽มีอะไรน฽าสนใจ เป็นตลาดขายเสือ้ ผ฾า กระเป฻าเล็กๆ อารมณแตลาดนัดเล็กๆ หลังที่ทํางาน แต฽จุดขายของแมรแ กาโต นูโอโวนีอ้ ยู฽ที่เจ฾าหมูปุาสําริด “อิลปอรแเชลลีโน” ที่ผู฾คนที่ผ฽านไปมาแถวนั้นต฾องเข฾าแถวรอเพื่อทีจ่ ะได฾ลูบจมูก หมูจนมันวาวเพราะเชื่อว฽าจะทําให฾โชคดี (ยังมีโยนเหรียญให฾เข฾าปากหมูดว฾ ยนะเออ ยากหน฽อยนะคะ เพราะหมูมัน อ฾าปากนิดเดียวเอง) เราเองก็เช฽นกัน ยืนต฽อแถวซะนานเชียว จู฽ๆ ก็มีคุณปูาเดินพุง฽ มาจากไหนไม฽รู฾ แซงคิวเฉิบ

Mercato Nuovo

หมูป่าส้าริด “อิลปอร์เชลลีโน”

ออกจากแมรแกาโต นูโอโว ก็ได฾เวลากลับไปเอากระเป฻าที่โฮสเทล เพื่อไปยังสถานีรถไฟ Firenze S.M.N. และบอกลาฟลอเรนซแเสียที เมืองที่หยุดเวลาไว฾ที่ยุคฟลอเรนทีนจริงๆ เคยอ฽านข฾อความจากหนังสือนําเที่ยวเล฽มไหน ไม฽รู฾ กลับไปทั้งค฾นทั้งคุ฾ยหาแล฾ว หาไม฽เจอจริงๆ เลยไม฽สามารถให฾เครดิตอ฾างอิงได฾อย฽างถูกต฾อง ขออภัยด฾วยจริงๆ ข฾อความในหนังสือเล฽มนั้นบอกว฽า หนุ฽มสาวชาวฟลอเรนซแยุคปัจจุบัน ไม฽นิยมและไม฽เลือกที่จะอยูแ฽ ละทํางานทีฟ่ ลอ เรนซแ เนื่องจากที่นี่ไม฽มีงานใหม฽ๆ ไม฽มีงานที่หลากหลายให฾ทาํ ทุกสิ่งทุกอย฽างในฟลอเรนซแถูกหยุดให฾คงสภาพคล฾าย ในอดีตมากที่สุด อาชีพในฟลอเรนซแก็มีแต฽งานบริการท฽องเที่ยว พิพธิ ภัณฑแ ค฾าขายอาหาร ของที่ระลึก โรงแรมอะไร พวกนี้ พวกเขาจึงจําต฾องออกไปแสวงหางานใหม฽ๆ งานที่หลากหลายทีอ่ ื่นแทน พอได฾มาเที่ยวฟลอเรนซแจริงๆ ก็ เข฾าใจข฾อความนั้นอย฽างถ฽องแท฾เลย เราออกจากสถานี Firenze F.M.N. เวลา 12.55 น. เพื่อเดินทางไปเวเนเซีย (Venezia) หรือเวนิส (Venice) เมืองที่มีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณแที่สุดเมืองหนึ่งของอิตาลีและของโลก เราซื้อตั๋วล฽วงหน฾าจากเว็บทางการ [260]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

รถไฟอิตาลีเรียบร฾อยแล฾ว เนื่องจากเวนิสเป็นเมืองท฽องเที่ยวชื่อดัง การเดินทางไปยังเวนิสจึงสะดวกสบาย ครบถ฾วน ทุกรูปแบบทั้งทางอากาศ (เครื่องบิน) ทางน้ํา (เรือ) และทางบก (รถบัส รถยนตแ รถไฟ) แน฽นอนว฽าเราเลือกเดินทาง โดยรถไฟ สถานีรถไฟที่เวนิสนั้นมี 2 สถานีคือเวเนเซีย เมสเตร (Venezia Mestre) ซึ่งเป็นสถานีของเมืองเมสเตรบน แผ฽นดินใหญ฽ กับสถานีเวเนเซีย ซานตา ลูเซีย (Venezia Santa Lucia) สถานีของเมืองเวนิสจริงๆ ซึ่งยื่นเทียบท฽า เข฾าไปในเกาะเลย ซึ่งเราเลือกสถานีหลัง เพราะใกล฾กว฽า ประหยัดแรงและเวลาในการแบกกระเป฻ามากกว฽า ใช฾เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง รถไฟจากฟลอเรนซแก็เทียบชานชาลาที่สถานี Venezia Santa Lucia ตอน 14.33 น. ออกจากสถานี เราแวะซื้อตั๋วเรือเมลแสําหรับใช฾เดินทางในเวนิสวันพรุ฽งนี้และวันมะรืนก฽อน (วันนีย้ ังไม฽ใช฾นะ คะ เดินเท฾าเอา) ห฾องขายตัว๋ อยู฽ที่ทางลงบันไดจากสถานีรถไฟ รายละเอียดประเภทตั๋วเรือ เอาไว฾อธิบายยาวๆ พรุ฽งนี้ ละกันค฽ะ จากนั้นก็เช็คอินเข฾าที่พักคือโรงแรมฟลอริด฾า (Hotel Florida) http://hotel-florida.com/ โรงแรมอยู฽ ใกล฾สถานีรถไฟมาก อยู฽ใกล฾สะพานปอนเต เดลญี สกัลซี (Ponte delgli Scalzi) มาก... แต฽ แต฽ เราหาโรงแรมไม฽ เจออะ เดินวนไปวนมาแถวนั้นไม฽ต่ํากว฽า 5 รอบ ก็ยังหาไม฽เจอ ด฾วยความทีโ่ รงแรมอยู฽ใกล฾จัด เหมือนเส฾นผมบังภูเขา ทําให฾เรามองข฾ามตรอกเล็กๆ ที่เป็นที่ตงั้ ของโรงแรมไปซะงั้น ลองถามคุณตาชาวเวนิสแถวนั้นก็แล฾ว คุณตาก็ยังมิ สามารถ สุดท฾ายเราก็เจอด฾วยตัวเองแบบงงๆ ที่จริงง฽ายๆ ก็คือ จากสถานีรถไฟ ให฾เดินลงบันไดเพื่อมาหาคลอง แกรนด์คาแนล (Grand Canal; Canale Grande) คลองใหญ฽ที่พาดผ฽านเวนิส เลี้ยวซ฾าย เดินตรงไปจนเจอ สะพานปอนเต เดลญี สกัลซี (สะพานแรก) ให฾หาตรอกเล็กๆ ซ฾ายมือ ที่อยู฽ตรงข฾ามหรือเยื้องสะพานมากที่สุด จะเห็น ปูายชื่อตรอก Calle Priuli Dei Cavaletti ที่หน฾าตรอก จะมีปูายบอกชือ่ โรงแรมที่อยู฽ในตรอกนั้นหลายโรงแรม รวมทั้งโรงแรมฟลอริด฾าด฾วย ง฽ายจริงๆ เดินเข฾าไปในตรอกนั้นเลย เดินไปไม฽ถึง 20 เมตร โรงแรมอยู฽ทางขวามือ

สถานีรถไฟ Venezia Santa Lucia

สะพานปอนเต เดลญี สกัลซี ตรอกเล็กๆ มีป้ายบอกทางไปโรงแรมฟลอริด๎า

(Ponte delgli Scalzi) [261]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

แผนที่เมืองเวนิส (Credit: www.veniceforyou.com) [262]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

แผนที่เมืองเวนิส (Credit: www.veniceforyou.com) [263]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

เวนิส (Venice, Venezia) ใครๆ ก็คงรู฾จักและนึกภาพเมืองนี้ออกเป็นอย฽างดี แต฽เดิมเมืองตั้งอยู฽ริมทะเล เอเดรียติก ต฽อมาเมื่อถูกรุกรานจากกลุม฽ โน฾นกลุ฽มนี้ ชาวบ฾านจึงต฾องถอยร฽นเมืองมาอยู฽ที่เกาะเล็กๆ ซึ่งจริงๆ แล฾วคือ สันดอนของเกาะราวๆ 30 เกาะ มีพนื้ ที่รวมกันประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยว อิตาลี) ซึ่งการย฾ายเมืองมาอยูบ฽ นสันดอนเกาะเล็กๆ นี้ นอกจากจะทําให฾ชุมนุมรอดพ฾นจากการรุกราน ยังทําให฾เมือง เติบโตจนกลายเป็นเมืองท฽า ทํามาค฾าขายรุ฽งเรือง เป็นรัฐอิสระมีผู฾ปกครองเรียกว฽าโดเจ (Doge) หรือดยุก (Duke) ใน ภาษาอังกฤษ เวนิสผ฽านร฾อนผ฽านหนาวมามากตามช฽วงเวลาในประวัติศาสตรแ ทั้งช฽วงที่เจริญสูงสุด เป็นเมืองท฽าให฾ทั้ง อาณาจักรไบเซนไทนแ (ศาสนาคริสตแ) และอาณาจักรออตโตมันของชาวเติรแก (ศาสนาอิสลาม) 2 ฝั่งอํานาจที่เอาแต฽ รบกันอยู฽ อิทธิพลทางศิลปะวัฒนธรรมของทั้ง 2 ฝั่งก็แผ฽ขยายมาถึงเวนิสในช฽วงนี้ จนถึงช฽วงที่เวนิสตกต่ํา ในยามที่ วิศวกรรมเจริญขึ้น ประเทศอื่นๆ สามารถต฽อเรือขนาดใหญ฽ขึ้น ไม฽จําเป็นต฾องอาศัยเมืองท฽าที่อยู฽ใกล฾เอเชียหรือ แอฟริกาอย฽างเวนิส เมืองท฽าใหม฽ๆ ที่เจริญกว฽าเวนิสจึงเกิดขึ้นอีกหลายเมืองเช฽นลอนดอน อัมสเตอรแดัม (ข้อมูลจาก หนังสือเวนิสพิศวาส) เวนิสเคยตกเป็นเมืองขึ้นในสมัยของนโปเลียน ต฽อมาก็ตกไปอยู฽กับอาณาจักรออสเตรีย ฮังการี จนสุดท฾ายเมื่อมีการรวมชาติอิตาลี เวนิสจึงกลายเป็นส฽วนหนึ่งของอิตาลีจวบจนปัจจุบัน เนื่องจากเวนิสเป็นเมืองที่ตั้งอยู฽บนเกาะ มีคลองพาดผ฽านและมีทะเลล฾อมรอบ การเดินทางไปมาในเวนิสจึง ไม฽สามารถใช฾รถราใดๆ ได฾ หากไม฽เดินเท฾าแล฾วก็ต฾องอาศัยเรือประเภทต฽างๆ โดยสารเท฽านั้น บ฽ายวันนี้หลังจาก เช็คอิน เก็บสัมภาระเรียบร฾อย เราก็พร฾อมออกสํารวจเมืองเวนิสกัน วันนี้เราจะยังไม฽ใช฾บริการเรือโดยสารใดๆ ทั้งนั้น จะขอใช฾บริการ 2 เท฾าของเราไปก฽อน ตามเส฾นทางที่ 2 เท฾านั้นเดินไหว เพื่อเป็นการประหยัดค฽าตัว๋ เรือ เราจะ validate ตั๋วเรือที่ซื้อมาแล฾วในเช฾าวันพรุ฽งนี้ค฽ะ สถานที่แรกที่จะไปคือจัตุรัสหรือกัมโป เดยแ ฟรารี (Campo dei Frari) กัมโป มีความหมายว฽าลานกว฾าง หรือจัตุรัสเหมือนกับคําว฽าปิอัซซา (Piazza) เริ่มต฾นจากสะพานปอนเต เดลญี สกัลซี (Ponte delgli Scalzi) หน฾า โรงแรม เราเดินตามแผนที่บ฾าง ตามปูายบอกทางที่ติดอยู฽ตามหัวมุมตรอกบ฾าง ระหว฽างทางที่เดิน เราก็ได฾มองเห็นวิถี ชีวิตของชาวเวนิสมากขึ้น แกรนดแคาเนลถูกรายล฾อมด฾วยบ฾านเรือน 2 ฟากฝั่ง ผูค฾ นสัญจรไปมาโดยทางน้ํา ทั้งเรือเล็ก เรือเมลแ เรือแท็กซี่ และที่พิเศษคือเรือกอนโดลา (Gondola) แกรนดแคาเนลแตกแยกย฽อยเข฾าไปตามตรอกซอกซอย ต฽างๆ ซึ่งก็มีบ฾านเรือน โบสถแ ร฾านค฾าเข฾าไปถึงทุกที่เหมือนกัน เงยหน฾ามองขึ้นไปบนบ฾าน (ตึกแถว) แต฽ละหลัง ก็จะ เห็นผู฾คนเอาเสื้อผ฾ามาตากเรียงเป็นแถวเป็นแนวยาว บางที่มีจัดแยกชั้นผ฾าสีกับผ฾าขาวให฾ด฾วยนะ มองให฾เป็นศิลปะก็ดู สวยดี ^_^ เราเดินลัดเลาะไปเรื่อย เห็นร฾านขายของเด็กน฽ารักๆ หลายร฾านมาก อยากจะเหมามาเยอะๆ แต฽จน ปัญญาจะหอบมาได฾ อีกตั้งหลายวันกว฽าจะกลับ ร฾านค฾าที่เวนิส นอกเหนือจากร฾านอาหาร ร฾านไอศกรีมเจลาโต฾ ร฾าน ขายของที่ระลึกที่มีอยู฽มากมาย อีกร฾านหนึ่งที่เราจะพบเห็นได฾เยอะมากก็คือร฾านขายหน฾ากาก เพราะที่นี่มีเทศกาล ประจําปีที่ขึ้นชือ่ มากนั่นคือเทศกาลคารแนิวัล ผู฾คนจะสวมหน฾ากากเต฾นรํากัน เหมือนในหนังเลยอ฽า คิดแล฾วก็อยากจะ มาเห็นของจริงนะ แต฽เทศกาลคารแนวิ ัลจัดช฽วงกุมภาพันธแน฽ะสิ หนาวเจี๊ยก กลางวันก็สั้น เที่ยวได฾น฾อย ท฽าจะไม฽คุ฾ม

[264]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

Hotel Florida

แผนที่สถานที่ทํองเที่ยวในเวนิสส้าหรับวันที่ 8 (Credit: www.mapaplan.com)

[265]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

วิวจากสะพานปอนเต เดลญี สกัลซี [266]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

เรือกอนโดลา (Gondola)

และแล฾วก็ถึงจุดหมายที่ กัมโป เดย์ ฟรารี (Campo dei Frari) ที่นี่มีโบสถแกอธิกที่ก฽อด฾วยอิฐขนาด ใหญ฽ตั้งอยู฽กลางจัตุรัสชื่อว฽าโบสถแซานตา มาเรีย กลอริโอซา เดยแ ฟรารี (Santa Maria Gloriosa dei Frari) ภายใน [267]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

โบสถแมีงานศิลปะสวยๆ ให฾ชมหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือภาพ Assumption ของทิเชียน (ทิเชียนเป็นศิลปินชาวเวนิส โดยกําเนิด และเป็นศิลปินอันดับหนึ่งของเวนิสตลอดกาล) โบสถแนยี้ ังเป็นสุสานของทิเชียนและเจ฾าผู฾ครองนครอีก หลายคน แต฽เราขี้เกียจเข฾าไปแหละ แหะๆ ถ฽ายรูปเกเๆ แล฾วมองหาร฾านเจลาโต฾อร฽อยๆ กินดีกว฽า วันนี้ตั้งเปูาหมายว฽า จะกินเจลาโต฾ให฾เยอะกว฽าทุกวันในอิตาลีรวมกันเลย 55+ เป็นเปูาหมายที่ไม฽ดีต฽อสุขภาพเท฽าไหร฽นะ

โบสถ์ Santa Maria Gloriosa dei Frari ตั้งอยูํกลางจัตุรัสชื่อเดียวกัน

หน๎ากากงานคาร์นิวัล

กินเจลาโต๎กันดีกวํา [268]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

ใกล฾ๆ กัมโป เดยแ ฟรารี มีจัตุรัสหรือกัมโป ซานร็อกโก (Campo San Rocco) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถแ ชื่อเดียวกัน Chiesa San Rocco และสมาคมที่เก฽าแก฽ที่สุดในเวนิสอย฽างสกูโอลา กรันเด ดิ ซานร็อกโก (Scuola Grande di San Rocco) ปัจจุบันเปิดให฾เข฾าชม (เสียค฽าเข฾า แพงด฾วย) งานศิลปะภายในอาคาร อ฽านจากหนังสือเว นิสพิศวาสของคุณธรณแ หนูดาวภรรยาคุณธรณแเล฽าว฽าชั้น 2 ของสมาคมทําให฾หนูดาวอึ้งมาก เว฽อวังอลังการสุดจะ บรรยาย ส฽วนเราก็ได฾แต฽อา฽ นหนังสือคุณธรณแ ยืนมองจากภายนอกแล฾วจินตนาการภายในตาม ไม฽ได฾เข฾าไปชมข฾างใน หรอกค฽ะ พอดีมอื ถือเจลาโต฾กินอยู฽ ไม฽ว฽างไปชื่นชมงานศิลปะ ฮ฽าๆๆ แถจนสีข฾างถลอกแล฾ว ขี้เกียจเสียตังคแเข฾าไป ต฽างหาก

โบสถ์ซานร็อกโก ที่กัมโป ซานร็อกโก

Scuola Grande di San Rocco

กินเจลาโต๎กันดีกวํา ภาค 2

[269]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

จากกัมโป ซานร็อกโก และเจลาโต฾คนละ 1 โคน + 1 ถ฾วย เราเดินลัดเลาะลงทางใต฾ไปเรื่อยๆ หยุดถ฽ายรูป ตลอดเวลา ประมาณ 20 นาที ก็ถึงกัมโป ซานตา มาร์เกรีต๎า (Campo Santa Margherita) ชื่อจัตุรัสได฾ ตามชื่อนักบุญหญิงมารแกาเร็ต นักบุญในจินตนาการผู฾เป็นองคแอุปถัมภแหญิงตั้งครรภแ (ข้อมูลจากหนังสือ ใครๆ ก็ไป เที่ยวอิตาลี) ที่จัตุรัสนี้มีร฾านอาหารเรียงรายล฾อมรอบจัตุรัสเต็มไปหมด คงเป็นสถานที่แฮงเอาทแยอดนิยมแน฽ๆ เวลาที่ เราไปถึงนั้นประมาณ 5 โมงเย็น เด็กๆ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ต฽างออกมาวิ่งเล฽นกันให฾เต็มลาน ทั้งวิ่งไล฽จับ ขี่สกู฿ตเตอรแ เล฽นกระโดดเชือก ฝั่งผู฾ปกครองทั้งพ฽อแม฽ ปูุยา฽ ตายายก็ออกมาเล฽นกับลูกหลานบ฾าง จับกลุ฽มยืนคุยกันเองบ฾าง ทําให฾ ลานกว฾างๆ ของจัตุรัสดูคับแคบไปถนัดตา แต฽ก็ได฾ความคึกคักสนุกสนานเข฾ามาแทนที่ เราเห็นคุณตาคุณหลานคู฽หนึ่ง เล฽นกันน฽ารักมากๆ คุณตาที่ดูแก฿แก฽ แต฽ยังมีพละกําลังเหลือล฾น จับอุ฾มหลานชายวัยเตาะแตะ หมุนตีลังกาอย฽าง สนุกสนาน หัวเราะเอิ๊กอ฿ากกันจนเราต฾องยิ้มตาม เห็นแล฾วคิดถึงน฾องพลับสุดๆ ตลอดการเดินทางในอิตาลีตั้งแต฽วัน แรกจนถึงวันที่ 8 นี้ เราได฾เห็นภาพความน฽ารักของสัมพันธภาพของคนในครอบครัวอย฽างนี้หลายครั้งมาก นอกจากนี้ เรายังเห็นร฾านขายของเล฽นเด็ก ร฾านหนังสือเด็กเยอะมากเลย ทําให฾คิดว฽าอิตาลีให฾ความสําคัญกับเด็กๆ ดีจัง ว฽าแล฾ว เราก็แวะร฾านขายของเล฽นเด็กร฾านหนึ่ง ซื้อมาราคัส (maracus) ของบารแบาปาปา (Barbapapa) มาฝากน฾องพลับ 2 อัน แต฽เดาว฽าแม฽คงต฾องเล฽นแทนไปก฽อน เพราะมันทําจากไม฾ จึงค฽อนข฾างหนัก แต฽มันน฽ารักมาก อดใจไม฽ไหว ต฾องซื้อ

[270]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

บรรยากาศยามเย็นที่กัมโป ซานตา มาร์เกรีต๎า (Campo Santa Margherita)

[271]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

นักบุญหญิงมาร์กาเร็ตที่กัมโป ซานตา มาร์เกรีต๎า

Maracus ลาย Barbapapa ของฝากน๎องพลับ

[272]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 8: Florence - Venice

ท฾องร฾องจ฿อกๆ ได฾เวลาหาอาหารค่ํากันแล฾ว เย็นนี้เราเดินสุ฽มๆ เลือกร฾านอาหารที่อยู฽ระหว฽างทางกลับที่พกั เราเลือกร฾าน Osteria Al Ponte (คิดว฽าชื่อนี้นะ) อยู฽ตรงไหนก็ไม฽รู฾จําไม฽ได฾แล฾ว (ในกูเกิ้ลมีชื่อร฾าน Osteria Al Ponte La Patatina อยู฽ในตรอกเล็กๆ บนถนน Calle Seconda dei Saoneri ใกล฾กับกัมโปซาน โปโล ด฾านนอก ด฾านในคล฾ายๆ ร฾านที่เรากิน แต฽ไม฽เหมือนเปฺะ ก็เลยไม฽กล฾าฟันธง) เวลานั้นยังไม฽มีคนเข฾าร฾านเลยซักคน แต฽เราหิวแล฾ว ไม฽สนล฽ะ คิดว฽ามันคงอร฽อยน฽ะ ร฾านอาหารในเวนิสเปิดติดๆ กันอย฽างกับเซเว฽นเมืองไทย แต฽ละร฾านคงต฾องแข฽งขันกัน น฽าดูเพื่อให฾ตัวเองอยู฽รอด เพราะงั้นรสชาติอาหารคงต฾องใช฾ได฾พอตัว แล฾วก็ไม฽ผดิ หวัง เมนูอาหารดูดี ขนาดร฾านกําลัง เหมาะ คุณลุงบริกรบริการดี๊ดี อาหารอร฽อย ทั้งของคาวของหวาน อร฽อยมากๆ รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อ

มื้อค่้าวันนี้ที่ร๎านอาหารที่จ้าชื่อไมํได๎ หาพิกัดไมํเจอ แง๎ๆๆ แตํมันอรํอยและบริกรนํารักมากกก

และแล฾วก็จบวันที่ 8 ในอิตาลี แต฽เพิ่งเป็นวันแรกในเวนิส พรุ฽งนี้เราจะไปตะลุยเรือเมลแ เที่ยวเวนิสและเกาะ ใกล฾เคียงกันต฽อ ส฽วนคืนนี้ คร฽อกฟี้ พร฾อมกับตื่นมาปั๊มนมกลางดึกอีก 3 รอบ... คร฽อก!!

[273]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

[274]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

บอนจอรแโนเวเนเซีย... สวัสดีเวนิสกับเช฾าวันที่ 9 ของการเดินทาง เช฾าวันนี้เราตื่นมากินอาหารของโรงแรม ซึ่งเป็นพวกขนมปัง ครัวซองทแต฽างๆ แฮม ชีส โยเกิรแต ชา กาแฟ โกโก฾ (ไม฽อยู฽ทอ฾ งเลยจริงๆ ตอนกินล฽ะก็อิ่มดี แต฽เดิน ย฽อยแปฺบเดียวก็หวิ แล฾ว) โปรแกรมทํองเวนิสในวันนี้เราจะขึ้นเรือลงเรือทํองเที่ยวไปตามป้ายเรือเมล์ตาํ งๆ โดย เว๎นจัตุรัสซาน มาร์โคไว๎หนํอย (เพราะจะยกไปเที่ยววันถัดไปแทน) พอเที่ยงๆ เราจะออกไปเที่ยวเกาะเล็กเกาะ น๎อยที่นําสนใจใกล๎ๆ เวนิสจนเย็นย่า้ ทั้งเกาะแก๎วพิสดารอยํางเกาะมูราโน และเกาะลูกไม๎ห ลากสี... บูราโน

เส๎นทางการเดินทางในวันนี้ เวนิส – เกาะมูราโน – เกาะบูราโน

หลังจากเติมพลังให฾เช฾าวันใหม฽เรียบร฾อยแล฾ว เราออกจากโรงแรม เดินไปที่ท฽าเรือแฟรแโรเวีย (Ferrovia) ซึ่ง คือท฽าเรือที่อยู฽ที่หน฾าสถานีรถไฟซานตา ลูเซีย ที่นี่จะเป็นจุดเริ่มต฾นของการเดินทางด฾วยเรือเมลแในเวนิสของเรากันค฽ะ อย฽างที่บอกว฽าจริงๆ เราซื้อตั๋วเรือเมลแไว฾แล฾วตั้งแต฽เมื่อวานตอนมาถึง แต฽จะเริ่ม validate ให฾มันนับเวลาใช฾จริงในเช฾า วันนี้ การเดินทางในเวนิส (ข้อมูลจาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลีและหนังสืออิตาลี สานักพิมพ์วงกลม) หากไม฽ใช฾วิธีเดินเท฾าแล฾ว จะไปไหนมาไหนในเวนิสก็ต฾องพึ่งพาพาหนะทางน้ําเท฽านั้นนั่นก็คือเรือ เรือ โดยสารในเวนิสจึงมีหลายประเภทตามวัตถุประสงคแการใช฾งานและความต฾องการของผู฾โดยสาร ตั้งแต฽เรือเมลแหรือวา ปอเร็ตโต (Water bus, Vaporetto) แท็กซี่น้ํา (Water Taxi) เรือกอนโดล฽า (Gondola) และเรือกอนโดล฽าข฾ามฟาก (Gondola Traghetto) เรือเมล์หรือวาปอเรตโต๎ (Water bus, Vaporetto) พาหนะหลักของชาวเวนิส ดําเนินงานโดย Actv http://www.actv.it/en สามารถเข฾าไปดาวนแโหลดแผนที่และตารางเวลาเดินเรือได฾ที่เว็บไซตแเลย ภาษาอังกฤษ ละเอียด ครบถ฾วน คุณค฽าที่คุณคู฽ควรมากๆ สายเรือเมลแที่เป็นที่นิยมของนักท฽องเที่ยวมีอยู฽ 2 สายคือ สาย 1 จากท฽า Piazzale Roma (P.Le Roma) หน฾าสถานีรถไฟซานตา ลูเซีย ถึงเกาะลิโด (Lido S.M.E.) และสาย 2 จากท฽า San [275]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

Marco San Zaccharia ถึงท฽า San Marco Giardinetti มีบางช฽วงที่ทับเส฾นทางเดินเรือของสาย 1 แต฽สาย 2 จะ จอดเฉพาะบางท฽า ทําให฾เดินทางเร็วกว฽า ประเภทตั๋วโดยสาร (จริงๆ มีหลากหลายประเภทมาก เราเลือกเฉพาะแบบที่นกั ท฽องเที่ยวอย฽างเราๆ น฽าจะ ได฾ใช฾กัน รายละเอียดเพิ่มเติมอ฽านได฾จากเว็บไซตแเลยค฽า ข฾อมูลล฽าสุด ต.ค. 2015) 1. Ordinary tickets - 75 min water services 7.5 EUR – สําหรับขึ้นเรือเมลแ 1 ครั้ง ภายใน 75 นาทีพร฾อมสัมภาระ 1 ใบ ขนาด กว฾าง x ยาว x สูงรวมไม฽เกิน 150 ซ.ม. - 75 min waterbus ticket purchased on board 7.5 EUR – สําหรับผู฾ที่ซื้อตั๋วบนเรือ... ราคาเท฽ากับซื้อ ล฽วงหน฾าเลย ดีนะเนีย่ เมืองอื่นถ฾ามาซื้อตั๋วบนรถ ราคาแพงกว฽าทั้งนั้น - Ordinary ferry 5 EUR – ตั๋วเรือข฾ามฟากจากท฽าเรือบางท฽าที่อยู฽ตรงข฾ามกัน - Ordinary ferry return trip 10 EUR – ตั๋วเรือข฾ามฟากแบบไปกลับ 2. Tourist travel cards ตั๋วเรือสําหรับนักท฽องเที่ยว ขึ้นลงเรือได฾ทุกสายแบบไม฽จํากัดเที่ยว พร฾อมสัมภาระ 1 ใบ ขนาดกว฾าง x ยาว x สูงรวมไม฽เกิน 150 ซ.ม. - 1 Day travelcard 20 EUR – ตั๋ว 1 วัน - 2 Day travelcard 30 EUR – ตั๋ว 2 วัน - 3 Day travelcard 40 EUR – ตั๋ว 3 วัน - 7 day travelcard 60 EUR – ตั๋ว 7 วัน 3. 72 hours youth card: rolling Venice 22 EUR – ตั๋ว 72 ชม. สําหรับนักท฽องเที่ยวที่มีอายุระหว฽าง 6 ถึง 29 ปี... ฮือๆ sad มาเที่ยวช฾าไปหลายปีเลย ตั๋วโดยสารสามารถหาซื้อได฾ที่เคาทแเตอรแขายตั๋วและเครื่องจําหน฽ายตั๋วอัตโนมัติทที่ ฽าเรือเกือบทุกท฽า เวลาใช฾ ตั๋วครั้งแรก ต฾อง validate ตั๋วที่เครื่องที่อยู฽หน฾าปากทางเข฾าท฽าเรือก฽อน เหมือนการใช฾ตั๋วรถสาธารณะในเมืองอื่นๆ จากการคํานวณเวลาท฽องเที่ยวที่มีแล฾ว เราจึงเลือกซื้อตั๋วนักท฽องเที่ยวแบบ 3 วัน ราคาตอนนั้นอยู฽ที่ 25 EUR เอง ราคาปี 2015 แพงกว฽าตั้งเกือบเท฽าตัว คืออัลไลอิตาลี นี่กลับไปดูราคาซ้ําแล฾วซ้ําอีก ยังช็อกอยู฽ บอกเลย แท็กซี่น้า (Water Taxi) จะเป็นเรือเล็กเหมือนสปีดโบ฿ทบ฾านเรา แบบที่เห็นในภาพยนตรแเรื่อง The Tourist นั่นเลย บรรทุกผู฾โดยสารได฾ไม฽มาก ราคาก็สูงสวนทางกัน จอดรอรับผูโ฾ ดยสารที่ท฽าเรือที่มีปาู ยสีเหลืองเขียน ว฽าแท็กซี่ เรือกอนโดลํา (Gondola) เรือพายกรรเชียงสัญลักษณแแห฽งเวนิส คงไม฽มีใครไม฽รู฾จัก แต฽จะมีสกั กี่คนที่เคย ได฾นั่ง เพราะค฽าโดยสารที่แสนแพง แต฽ก็แลกด฾วยความหรูหรา ความโรแมนติกจากการขับกล฽อมเพลงจากฝีพาย (เรียกว฽ากอนโดลิเยรแ) ซึ่งไม฽ใช฽ว฽าจะเป็นกันได฾ง฽ายๆ เคยดูสารคดี เรือมันบังคับยากมาก ใช฾พละกําลังมาก และยังต฾อง มีการสอบเหมือนสอบใบขับขี่รถยนตแด฾วย กอนโดล฽าเป็นมรดกตกทอดกันจากรุน฽ สู฽รุ฽น นั่นคือกอนโดลิเยรแเป็นเจ฾าของ กอนโดล฽าลํานั้นๆ เอง ค฽าโดยสารต฽อลํา (นั่งได฾ไม฽เกิน 6 คน) อยู฽ที่ 40 นาที 80 EUR ถ฾าต฽อเวลาอีก 20 นาที ก็จ฽าย [276]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

เพิ่มอีก 40 EUR อันนี้สําหรับช฽วงเวลา 8 โมงถึง 1 ทุ฽ม ถ฾า 1 ทุ฽มถึง 8 โมงเช฾า ราคาจะสูงขึ้นอีกตามความโรแมนติก ที่จะได฾ (หราคะ??) 40 นาที 100 EUR เพิ่ม 20 นาที จ฽ายเพิ่ม 50 EUR เรือกอนโดลําข๎ามฟาก (Gondola Traghetto) ลักษณะเป็นกอนโดล฽า แต฽โทรมๆ ไม฽หรูหรา เอาไว฾รับส฽ง ผู฾โดยสารข฾ามฟากท฽าเรือ 6 ท฽าได฾แก฽ทา฽ San Marcuola-Fondaco dei Turchi, San Silvestro-Riva del Carbon, San Samuele-Ca’ Rezzonico, Santa Sofia-Pescheria, San Toma Ca Garzoni, Santa Maria del Giglio-La Salute ค฽าโดยสารย฽อมเยาวแหน฽อย คนละ 50 เซนตแ

เรือเมล์วาปอเร็ตโต (Water bus, Vaporetto)

แท็กซี่น้า (Water Taxi)

เรือกอนโดลํา (Gondola) [277]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

แผนที่การเดินเรือเมล์ในเวนิสและเกาะใกล๎เคียง (Credit: www.mapaplan.com)

[278]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

แผนที่การเดินเรือเมล์ในเวนิสและเกาะใกล๎เคียง (Credit: www.mapaplan.com)

[279]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

แผนที่สถานที่ทํองเที่ยวในเวนิสส้าหรับวันที่ 9 (Credit: www.leaintheuk.wordpress.com) [280]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ทีท่ ําเรือ Ferrovia เรา validate ตั๋วเรือแบบ 3 วันของเราที่เครื่อง validate หน฾าท฽าเรือ ที่ท฽าเรือเรา สามารถตรวจสอบตารางเดินเรือที่จะเข฾า-ออกเทียบท฽าในช฽วงนั้นได฾จากปูายอิเล็กทรอนิกสแอีกครั้ง นอกจากนีย้ ังมี เส฾นทางเดินเรือของเรือเมลแสายต฽างๆ ทีเ่ ทียบท฽านี้ให฾ตรวจสอบเช฽นกัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะขึ้นเรือผิดสาย ผิดลํา จึงค฽อนข฾างยากมาก ถ฾าไม฽เบ฿อะจริงๆ อะนะ ประมาณ 9 โมงกว฽า เราขึ้นเรือสาย 1 ปลายทางเกาะลิโด มุ฽งหน฾าไปยัง จุดหมายแรกที่ท฽าเรือ Ca’ d’Oro ซึ่งห฽างจากท฽าเรือ Ferrovia ออกไป 4 ปูาย ใช฾เวลาเดินทาง 10 นาที เรือเมลแที่เว นิสนั้นลําใหญ฽ มีเก฾าอี้นั่งหลายแถว (น฽าจะ 20 แถว) และยังสามารถยืนได฾ที่หน฾าเรือ-ท฾ายเรือ ข฾อมูลจากเว็บไซตแระบุ ว฽าเรือสามารถบรรทุกผู฾โดยสารได฾ประมาณ 230 คน เรือแล฽นช฾าๆ ตามความเร็วที่ถูกจํากัดไว฾ การจอดเทียบท฽าแต฽ ละท฽าจะจอดสลับเป็นฟันปลา เช฽นถ฾าท฽านี้อยู฽ฝั่งขวามือ ท฽าต฽อไปก็จะอยู฽ฝั่งซ฾ายมือ สลับอย฽างนี้ไปเรื่อยๆ

ถึงทําคา โดโร (Ca’ d’Oro) เราลงจากเรือเมลแ ไปเดินสํารวจบริเวณนั้นกันหน฽อย วันนี้อากาศดี อากาศเย็นแต฽ฟูาใสและแดดแรงแต฽เช฾า เราเดินไปหาปาลัซโซคา โดโร วังแบบกอธิกสีเนื้อๆ ชมพูนู฾ดที่สวยงามมาก เพราะโดดเด฽นด฾วยลวดลายฉลุบนหน฾าต฽าง ทําให฾วังดูอ฽อนหวานไม฽แข็งทื่อๆ แหลมๆ แบบกอธิกอื่นๆ ที่เราเคยเห็น มา ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นหอศิลป฼ไปแล฾ว

[281]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ทําเรือ Ca’ D’Oro

ปาลัซโซคา โดโร (Palazzo Ca’ D’Oro)

จากนั้นเรากลับมาขึ้นเรือเมลแสายเดิม ไปลงปูายถัดไปคือทํารีอัลโต แมร์กาโต (Rialto Mercato) หรือตลาดรีอัลโตซึ่งเป็นตลาดใหญ฽ของเมืองเวนิสนั่นเอง เราเดินเที่ยวชมตลาดสดที่ขายของสดสารพัดทั้งผัก ผลไม฾ เนื้อสัตวแโดยเฉพาะอาหารทะเลมากมาย ผลไม฾ก็น฽ากินมากๆ พวกตระกูลเบอรแรี่ทั้งหลาย สตรอเบอรแรี่ บลูเบอรแรี่ แบล็คเบอรแรี่ กินให฾ตาอิ่มก฽อนละกัน เดี๋ยวท฾องคงอิ่มตามไปทีหลัง เดินผ฽านตลาดตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงแลนดแ มารแคสําคัญอีกหนึ่งแห฽งของเวนิสนั่นก็คอื สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) บริเวณนี้ถือได฾ว฽าเป็นจุด ศูนยแกลางของชุมชนเวนิส และเป็นบริเวณที่แกรนดแคาแนลแคบที่สุด แต฽เดิมสะพานแห฽งนี้ทําด฾วยไม฾ ซึ่งก็เหมือนกับ สะพานอื่นๆ ในเวนิสและในเมืองอื่นๆ ส฽วนใหญ฽ ข฾อเสียสําคัญของสะพานไม฾คอื ความแข็งแรงทนทาน สร฾างๆ ซ฽อมๆ ไปมาหลายครั้งจนสุดท฾ายเจ฾าผู฾ครองนครหรือโดเจ (Doge) จึงให฾เปลี่ยนเป็นสะพานหิน ซึ่งก฽อนจะสร฾างสะพานรีอัล โตหินนี้ ทางการเวนิสได฾จัดการประกวดแบบสะพานขึ้น มีสถาปนิกชื่อดังหลายคนต฽างพร฾อมใจกันส฽งแบบเข฾า [282]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ประกวด หนึ่งในนั้นมีชื่อของมิเคลันเจโลด฾วย โดยผู฾ที่ชนะการประกวดได฾แก฽อนั โตนิโอ ดา ปอนเต (Antonio da Ponte) เนื่องด฾วยแบบของปอนเต (นามสกุลก็แปลว฽าสะพานเนอะ ฮีเกิดมาเพือ่ สิ่งนี้จริงๆ) เป็นแบบที่เอื้อประโยชนแ ต฽อการใช฾งานจริงมากที่สุด ปอนเตออกแบบสะพานให฾กว฾างเป็นพิเศษ เขาเน฾นฐานริมตลิ่งให฾หนา ตรงกลางบางเพื่อ เฉลี่ยน้ําหนักให฾ตกไปที่ฐาน เพื่อลดการสร฾างเสาตอม฽อลงในน้ํา เรือในคลองจะได฾สัญจรอย฽างสะดวก (ข้อมูลจาก หนังสือเวนิสพิศวาส) สะพานรีอัลโตในปัจจุบันจึงเป็นสะพานที่ทําจากหินอิสเตรียน ยาว 28 เมตร สูง 8 เมตร เป็น สะพานช฽องเดียวมีหลังคาคลุม ผนังเจาะเป็นช฽องๆ โค฾งๆ สะพานนี้ก็คล฾ายกับสะพานเวคคีโอที่ฟลอเรนซแ คือด฾วย ความที่สะพานกว฾างมาก จึงทําให฾สองฝั่งของสะพานกลายเป็นที่ตั้งของร฾านค฾าขายของที่ระลึกเต็มไปหมด เมื่อยืนบน สะพานเราจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศนแของแกรนดแคาแนลและสองฝั่งคลองได฾อย฽างชัดเจน เป็นวิวที่สวยงามมากๆ เลยล฽ะ เราว฽าสวยที่สุดแล฾วมุมนี้

บรรยากาศภายในตลาดรีอัลโต (Rialto Mercato)

[283]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto)

[284]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ทําจอดแท็กซี่น้าและเรือกอนโดลําเมื่อมองจากบนสะพานรีอัลโต

ร๎านขายของบนสะพานรีอัลโตและวิวแกรนด์คาแนลเมื่อมองจากบนสะพาน [285]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

สะพานรีอัลโต

[286]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

เดินชมรอบๆ ชุมชนบริเวณสะพานรีอัลโตอยู฽พกั ใหญ฽ เราจึงนั่งเรือเมลแสาย 1 สายเดิมไปยังจุดหมายต฽อไป คือทําอัคคาเดเมีย (Accademia) ท฽าเรือแห฽งนี้มีสะพานไม฾ข฾ามฟากชื่อเดียวกันนั่นคือสะพานอัคคาเดเมีย (Ponte Accademia) ซึ่งเป็นสะพานไม฾ที่สร฾างขึ้นทดแทนสะพานเหล็กที่ทรุดโทรมตามกาลเวลา... เออ! เอาสิ สลับกันกับสะพานรีอัลโตเนอะ อันนั้นเปลี่ยนจากไม฾มาเป็นหิน ส฽วนอันนี้เปลี่ยนจากเหล็กมาเป็นไม฾ ทีแรกสะพานไม฾ นี้เป็นเพียงสะพานชั่วคราวก฽อนจะสร฾างสะพานหิน แต฽ชาวเมืองกลับชอบสะพานไม฾แฮะ สะพานอัคคาเดเมียก็เลย กลายเป็นสะพานไม฾จนถึงทุกวันนี้ แต฽กม็ ีการซ฽อมแซมอยู฽เรื่อยๆ ตามกาลเวลา

สะพานอัคคาเดเมีย (Ponte Accademia)

หลังจากเดินขึ้นลงสะพานอัคคาเดเมีย 2-3 รอบและถ฽ายรูปบรรยากาศบริเวณนั้นจนพอใจ เราก็จับเรือเมลแ สาย 1 คู฽ใจไปลงที่ทําซาลูเต๎ (Salute) ที่ท฽าซาลูเต฾นี้เป็นที่ตั้งของจัตุรัสกัมโป เดลลา ซาลูเต฾ (Campo Della Salute) ซึ่งมีโบสถแบารอกชื่อเดียวกันคือโบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต๎ (Santa Maria Della Salute) โบสถแนี้มีความสําคัญทีเดียวเชียวเพราะถูกสร฾างขึ้นเพื่อบูชาพระแม฽มาเรียและเพื่อขอบคุณพระเจ฾าที่ชว฽ ยให฾ชาวเมือง ผ฽านพ฾นวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ฽มาได฾ (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) เราได฾โอกาสเดินเข฾าไปชมภายใน โบสถแด฾วย เมื่อยืนที่จัตุรัสเดลลา ซาลูเต฾ เราจะมองเห็นแลนดแมารแคสําคัญอันดับ 1 ของเวนิสอยู฽ที่ฝั่งตรงข฾ามนั่นคือ จัตุรัสซาน มารแโค หอระฆังและวังของโดเจ

[287]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

พิพิธภัณฑ์เป็กกี กุกเกนไฮม์ (Peggy Guggenheim Museum) อยูํระหวํางทําเรืออัคคาเดเมียกับทําซาลูเต๎

โบสถ์ซานต๎า มาเรีย เดลลา ซาลูเต๎ (Santa Maria della Salute)

[288]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

โบสถ์ซานต๎า มาเรีย เดลลา ซาลูเต๎ (Santa Maria della Salute)

ออกจากโบสถแซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต฾ ก็เป็นอันจบตารางเที่ยวเวนิสสําหรับครึ่งวันเช฾านี้ ณ ตอนนี้เรา ก็ได฾เที่ยวสถานที่สําคัญๆ ในเวนิสน฽าจะเกือบครบแล฾วนะ จะขาดก็แต฽บริเวณจัตรุ ัสซาน มารแโคและโบสถแซาน มารแโค ที่อยู฽ฝั่งตรงข฾าม ซึ่งต฾องใช฾เวลาอีกพอสมควร เราจึงจะมาเที่ยวที่นั่นกันในวันพรุ฽งนี้เช฾า สําหรับโปรแกรมเที่ยงถึงเย็น วันนี้ จะเป็นการนั่งเรือไปชมเกาะเล็กๆ ใกล฾ๆ เวนิส แต฽เป็นเกาะที่นักท฽องเที่ยวให฾ความสนใจไปเที่ยวกันมากทีเดียว นั่นก็คือเกาะมูราโน (Murano) ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเปุาแก฾ว และเกาะบูราโน (Burano) ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปักผ฾าลูกไม฾ และสีสันของบ฾านเรือนที่น฽ารักหอมหวานดังลูกกวาด... คือ 2 เกาะนี้จะชื่อคล฾ายกันไปไหน มันทําให฾เราเดินทาง ลําบากมากเพราะจําไม฽ได฾ว฽าจะไปมูหรือบูก฽อน แล฾วมูหรือบูนะที่มันขึ้นชือ่ เรื่องนั้นเรื่องนี้ เอ฿ะแล฾วถ฾าจะไปดูเขาเปุา แก฾วหรือว฽าถ฾าจะไปดูบ฾านเรือนสีลูกกวาดมันต฾องไปบูหรือมูอะ ต฾องรีบกลับไปเปิดหนังสือฉับๆ ทุกที จากท฽าเรือซาลูเต฾ สามารถไปเกาะมูราโนได฾หลายเส฾นทางโดยใช฾บริการสาย 1 เจ฾าประจํา (ปลายทางเกาะลิ โด) เป็นตัวยืนพื้น จะเลือกช฾อยสแ A นั่งไป 4 ปูาย 10 นาที ลงท฽าอารแเซนาเล (Arsenale) แล฾วไปเปลี่ยนเป็นสาย 4.1 (ปลายทางท฽ามูราโน มูเซโอ; Murano Museo) เดินทางอีก 40 นาทีถึงมูราโน รวมเวลาเดินทาง 52 นาที หรือ เลือกช฾อยสแ B นั่งไปแค฽ 2 ปูาย (จากท฽าซาลูเต฾) ลงที่ท฽า S. Zaccaria Danieli เดินไปท฽า S. Zaccaria Jolanda ที่ อยู฽ติดกัน แล฾วเปลี่ยนเป็นสาย 4.1 ถึงมูราโนเวลาเดียวกัน

[289]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

จัตุรัสซาน มาร์โคและวังโดเจ

[290]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

เราเลือกช฾อยสแ B คือนั่งสาย 1 ไปลงที่ทํา S. Zaccaria Danieli ซึ่งเป็นท฽าเรือที่อยู฽ที่จัตุรัสซาน มารแ โค ตอนนี้เรือได฾นําเราออกจากปากน้าํ ของแกรนดแคาเนล มุ฽งหน฾าออกสู฽ทะเลเอเดรียติกแล฾ว แต฽พอถึงท฽า S. Zaccaria Danieli แล฾วเดินไปถึงท฽า S. Zaccaria Jolanda สายตาก็เหลือบไปเห็นตารางเดินเรือของสาย 7 เขียนว฽าไปลงมูราโนเหมือนกับสาย 4.1 แต฽จอดปูายน฾อยกว฽าและเวลาได฾ เรือมาเทียบท฽าพอดี เราจึงกระโดดขึ้นสาย 7 โดยพลัน (คือมันไปได฾หลายสายมากจริงๆ) ออกจาก S. Zaccaria Jolanda 11.54 น. ถึงทําเรือมูราโน ฟาโร (Murano Faro) ประมาณ 12.25 น.

มุํงหน๎าสูํทะเลเอเดรียติกแล๎วจ๎า [291]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ที่ท฽าเรือมูราโน ฟาโร เราหาที่นั่งพักกินของว฽างเล็กๆ น฾อยๆ ที่หอบหิว้ มาจากอาหารเช฾าของโรงแรม พร฾อม กับปั๊มนมไปด฾วยอีกเช฽นเคย บริเวณรอบๆ ประภาคารตรงท฽าเรือมีนกสีขาว นกนางนวลรึเปล฽า บินว฽อนกันให฾ทวั่

ทําเรือมูราโน ฟาโร (Murano Faro) และนกนางนวลเต็มไปหมด

[292]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

แผนที่เกาะมูราโน (Credit: www.mobilemaplets.com)

เกาะมูราโน (Murano) เป็นเกาะที่มชี ื่อเสียงด฾านการเปุาแก฾ว ร฾านรวงทั้งหลายส฽วนใหญ฽จึงเป็นร฾านขาย แก฾วแทบทั้งนั้น บางที่มีโชวแการเปุาแก฾วให฾ดูด฾วย ซึ่งต฾องเสียค฽าเข฾าชมและห฾ามถ฽ายรูป / ถ฽ายวิดีโอขณะโชวแ เราเดิน เลาะๆ ไปเกือบทัว่ เกาะ เริ่มจากท฽าเรือมูราโน ฟาโร เดินไปตามถนน Calle Bressagio ระหว฽างทางที่เดินก็จะเห็น ผลงานเปุาแก฾วรูปทรงสีสันแปลกๆ เกเๆ ที่มาจัดแสดงให฾ดูกันฟรีๆ ตลอดทาง เดินตรงไปจนสุดทาง ข฾ามสะพานเล็กๆ ไปที่ถนน Fondamenta dei Vitrai เลี้ยวซ฾าย เดินตามทางไปเรื่อยๆ ผ฽านร฾านเปุาแก฾วสวยๆ หลายร฾าน ผลงาน สร฾างสรรคแและประณีตมากเลย เก฽งมากๆ สมแล฾วที่ที่นี่เป็นเมืองแห฽งการเปุาแก฾ว เราได฾แต฽แชะภาพเก็บไว฾ ไม฽ได฾เข฾า ไปชมข฾างใน (เพราะไม฽อยากเสียเงิน) เราเดินเลียบทางเดินไปเรื่อยๆ จนถึงสุดมุมเกาะด฾านหนึ่งที่จัตุรัส Piazzale Calle Colonna ซึ่งเป็นที่ตั้งของท฽าเรือมูราโน โคโลนนา (Murano Colonna) จากนั้นเราจึงเดินย฾อนกลับมาทาง เดิม แล฾วเดินเลยขึ้นไป มุ฽งหน฾าสู฽จัตุรัส Campo Santo Stefano ที่จะเห็นหอระฆังตั้งสูงเด฽นอยู฽แต฽ไกล เดินข฾าม สะพาน Ponte Longo ข฾ามฝั่งเลี้ยวขวาเดินตรงไปตามถนน Riva Longa เดินเล฽นไปเรื่อยๆ จนถึงพิพิธภัณฑแจัด แสดงเครื่องแก฾ว Museo del Vetro ซึ่งก็ไม฽ได฾แวะเข฾าไปชมภายในอีกนั่นแหละ ถ฾ามีเวลาเหลือ ที่นี่ก็เป็นสถานที่ แห฽งเดียวในมูราโนที่เราจะยอมเสียเงินเข฾าไปชมนะ แต฽ไม฽ทันแล฾ว ก฾มหน฾ามองนาฬิกาอีกทีก็บ฽าย 2 โมงกว฽า ได฾เวลา กลับไปที่ท฽าเรือมูราโน ฟาโรเพื่อนั่งเรือต฽อไปเกาะบูราโนได฾แล฾ว [293]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ผลงานการเป่าแก๎วที่สุดแสนจะสวยงามและสร๎างสรรค์

[294]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ผลงานการเป่าแก๎วหลากหลายแบบจัดแสดงให๎ชมฟรีๆ เห็นได๎ทั่วเกาะ

หอระฆังที่จัตุรัส Campo Santo Stefano

สะพาน Ponte Longo

[295]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ถึงมูราโนจะเป็นเกาะเล็กๆ เดินแปฺบเดียวก็ทวั่ เกาะ แต฽เราก็เมื่อยนะ ฮึ่มๆ เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะเดิน กลับไปที่ท฽าเรือ ซึ่งหนทางอีกยาวไกล เราเลยขึ้นเรือสาย 4.2 จากท฽า Murano Museo ไปลงที่ท฽ามูราโน ฟาโร จากนั้นนั่งคอยรอบเรืออีกสักพัก ประมาณ 14.49 น. เราก็ขึ้นเรือสาย 12 ปลายทาง Punta Sabbioni ไปลงที่ เกาะบูราโน (Burano) เรือจอดแค฽ 2 ท฽า ใช฾เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงบูราโนที่เวลาประมาณ 15.22 น. เกาะบูราโน (Burano) เป็นเกาะเล็กๆ อยู฽ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมูราโน ความโดดเด฽นของ เกาะนี้ที่เป็นสิ่งที่ทําให฾นักท฽องเที่ยวมากมายต฽างแวะเวียนกันมาเยี่ยมเยียนมีอยู฽ 2 สิ่งนั่นคืองานถักผ฾าลูกไม฾และสีสัน บ฾านเรือนบนเกาะที่ตา฽ งพร฾อมใจกันทาตัวบ฾านเป็นสีลูกกวาด ทําให฾โดดเด฽นเป็นเอกลักษณแ ก฾าวแรกที่เหยียบเกาะบู ราโน เราก็ได฾เห็นความสดใสของอาคารบ฾านเรือนกับงานผ฾าลูกไม฾ทันที ทั้งสองอย฽างนั้นช฽างน฽ารัก สดใส เหมาะกับ คุณพี่นักท฽องเที่ยวไทยที่ชื่นชอบการแอ็คท฽าถ฽ายรูปยิ่งนัก งานถักผ฾าลูกไม฾ของที่นี่จะแปรเปลี่ยนเป็นผลงานหลายรูปแบบ ส฽วนใหญ฽จะอยู฽เป็นผ฾าม฽าน ผ฾ากันเปื้อน ผ฾า ปูโต฿ะ เสื้อผ฾าเด็กน฾อย มองผ฽านเข฾าไปในร฾านขายผ฾าลูกไม฾หลายร฾าน เราก็จะเห็นคุณย฽าคุณยายนั่งถักลูกไม฾กันอยู฽ ส฽วนบ฾านเรือนที่นี่ก็อย฽างที่บอก ชาวบ฾านพร฾อมใจกันทําให฾เป็นสีลูกกวาดหรืออย฽างไรก็ไม฽ทราบ แต฽เหมือนแต฽ละหลัง ก็ไม฽มีใครยอมใครนะ สีที่ทาก็เป็นเฉดทีซ่ ฾วย สวย ว฾าน หวาน ผู฾ญิ้ง ผู฾หญิง เดินไปเดินมารอบเกาะแล฾วรู฾สึกมุ฾งมิ้ง ฟรุ฾งฟริ้งมากๆ

แผนที่เกาะบูราโน (Credit: www.italyinformation.eu) [296]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ผลิตภัณฑ์จากผ๎าลูกไม๎ของเกาะบูราโน

คุณยายนั่งปักผ๎าลูกไม๎

สีสันคัลเลอร์ฟูลของบ๎านเรือนที่บูราโน

ภายในเกาะบูราโนมีร฾านอาหาร คาเฟุเกเๆ ยิ่งนั่งเอาทแดอรแ กินลมชมวิวจะยิ่งโค-ตะ-ระฟิน เดินผ฽านหลาย ร฾านแล฾วก็หิว แต฽เราก็ต฾องอดทน (ดูอนาถามากๆ) ขอถ฽ายรูปกับวิวทิวทัศนแและบ฾านเรือนสวยๆ ก฽อน เดี๋ยวเวลาไม฽ [297]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

พอ นอกจากนี้ ที่นยี่ ังเป็นสถานที่โปรดของบรรดาศิลปินนักวาดภาพทั้งหลายให฾มานั่งสเก็ตชแภาพ ระบายสีตึกราม บ฾านช฽องในกระดาษ จากที่เราเห็น มีศิลปินหลายคนนั่งสบายอยู฽ตามขั้นบันไดของสะพานข฾ามคลองเพื่อวาดรูป ระบายสีวิวทิวทัศนแ บ฾านเรือนรอบเกาะบูราโน

จิตรกรตํางมานั่งวาดภาพกันตามขั้นบันได

[298]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

[299]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

[300]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

ตู๎จ้าหนํายตั๋วเรือเมล์อัตโนมัติ

[301]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 9: Venice – Murano – Burano

เราเดินรอบเกาะบูราโนแบบไม฽ต฾องใช฾แผนที่ใดๆ แค฽พยายามจดจําเส฾นทางแล฾วเดินกลับให฾ถูก แต฽ถึงจะหลง ก็ไม฽กลัว เพราะเดี๋ยวมันก็หาทางกลับมาได฾เองล฽ะ มองๆ ปูายกับเดินตามคนหมู฽มากเข฾าไว฾ เผื่อเวลาให฾ดีละกันตอน หลง 555 เกือบ 5 โมงเย็น ได฾เวลาบอกลาเกาะบูราโน เราขึ้นเรือสาย 12 ปลายทาง F.te Nove ย฾อนกลับไปลงที่ ท฽ามูราโน ฟาโร (2 ปูาย 33 นาที) แล฾วรอเปลี่ยนขึ้นสาย 3 ปลายทาง P.le Roma (S. Chiara) ตอน 17.44 น. ใช฾ เวลาเดินทางอีก 20 นาที ไปลงที่ท฽า Ferrovia ถึงท฽าเรือเวลา 18.04 น. ได฾เวลาอาหารเย็นแล฾ว เย฾ๆๆ หิวมากๆๆ หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน มือ้ เย็นวันนี้เลยขอหนักหน฽อย ที่ร฾าน Ai Scalzi Ristorante ร฾านอาหารหน฾า สะพานปอนเต เดลญี สกัลซี ตรงทางเข฾าตรอกโรงแรมที่พัก เราสั่งสลัด 1 จาน พาสต฾า 2 จาน ค฽าเสียหาย 52.8 EUR รสชาติดีอยู฽และอิ่มมากๆ แต฽ขอบ฽นหน฽อยอะ ตั้งแต฽มาอิตาลีนี่ ทุกครั้งที่เข฾าร฾านอาหารอิตาเลียน เราก็พยายาม อ฽านเมนูพาสต฾าอย฽างละเอียดแล฾วนะ (ด฾วยความที่เป็นคนชอบกินพาสต฾ามากกว฽าเมนคอรแสอื่นๆ) ภาษาอังกฤษใน เมนูก็มี เรายังไม฽เห็นและไม฽สามารถสั่งเมนูที่อร฽อย ไม฽เลี่ยนและมีความครีเอทอย฽างพาสต฾าในร฾านอาหารอิตาเลียนใน เมืองไทยได฾เลยนะ หรือว฽าเราจะติดความฟิวชั่นจากเมืองไทยจนลืมไปว฽าต฾นตํารับเขาก็ต฾องกินแบบออริจินอลสินะ (แต฽เวลาดูรายการในช฽องฟู​ูดเน็ตเวิรแกทีค่ ุณ Giada เชฟอิตาเลียนทํา เขาก็เมนูพาสต฾าแบบใหม฽ๆ ที่เราไม฽เคยรู฾จักมา ก฽อน พอเรามาทําตามมันก็อร฽อยด฾วย) คือมันไม฽มีแบบนั้นจริงๆ หรือเราสั่งไม฽เป็นนะ

มื้อเย็นวันนี้ที่ร๎าน Ai Scalzi Ristorante หน๎าโรงแรมที่พัก

[302]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

วันที่ 10: Venice – Verona

[303]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

วันที่ 10 ของการเดินทางแล฾ว ใกล฾ถงึ จุดหมายปลายทางเต็มที วันนี้เรายังคงอยูํที่เวนิสอีกครึ่งวันเพื่อ เที่ยวชมสถานที่ทํองเทีย่ วที่สา้ คัญและเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเดํนที่สดุ ของเวนิสนั่นก็คือจัตุรัสซาน มาร์โค เราจะ แวะเข๎าชมวังของผู๎ครองนครหรือโดเจกันกํอนแล๎วคํอยเข๎าชมมหาวิหารซาน มาร์โค (Basilica di San Marco) ถ๎ายังพอมีเวลา หลังจากนั้นเที่ยงๆ เราก็ต๎องโบกมือบ๏ายบายเวนิส มุํงตรงสูเํ มืองโรแมนติกอีกเมือง หนึง่ สถานที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมรักอยํางโรมิโอกับจูเลียตที่เมืองเวโรนากัน เช฾านี้เรายังฝากท฾องมื้อเช฾าไว฾กับอาหารเช฾าของทางโรงแรมฟลอริดาอีกเช฽นเคย พยายามยัดให฾เยอะที่สุด เพราะรู฾ว฽าอาหารเช฾าฝรั่งเนี่ยมันไม฽อยู฽ท฾องเอาซะเลย ชั่วโมงนึงก็หวิ แล฾ว และเราก็ยังไม฽ลืมเก็บเสบียงไว฾สําหรับมื้อ กลางวันระหว฽างเดินทางอีกด฾วย จากนั้นเราต฾องเก็บกระเป฻าและทําการเช็คเอาทแกับทางโรงแรมก฽อนพร฾อมกับฝาก กระเป฻าไว฾กับทางโรงแรม พอจะขึ้นรถไฟไปเวโรนาค฽อยมาแวะรับกระเป฻าแล฾วลากไปสถานีรถไฟได฾เลย

บรรยากาศห๎องพักและมื้อเช๎าที่โรงแรมฟลอริด๎า

บัตรโดยสารเรือเมลแแบบ 72 ชม. ยังใช฾ได฾อยู฽ มีเรือเมลแที่จะไปจัตุรัสซาน มารแโคมากมาย อ฾อมบ฾าง ตรงบ฾าง ต฾องเลือกเอา จากที่พักของเรามีสาย 1 ใช฾เวลาเดินทางจากท฽าเรือ Ferrovia ไปถึงท฽า San Marco Vallaresso 36 นาที หรือจะเลือกสาย 5.1 ใช฾เวลาเดินทางเร็วกว฽าคือ 23 นาที เราไปถึงจัตุรัสซาน มารแโคตอน 9.20 น. วันนี้อากาศ ขมุกขมัว ไม฽เป็นใจเท฽าไหร฽ คาดว฽าเดีย๋ วฝนคงตกแน฽ แต฽ก็นับว฽าโชคดีที่กว฽าฝนจะมาตกก็เข฾าวันท฾ายๆ ของการ เดินทางแล฾ว

[304]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

บรรยากาศระหวํางทางไปจัตุรัสซาน มาร์โค

แผนที่จัตุรัสซาน มาร์โค (Piazza San Marco) (Credit: whitemouse.ru)

[305]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

จัตุรัสซาน มาร์โคหรือจัตุรัสเซนต์มาร์ก (Piazza San Marco) ตั้งชื่อตามเซนตแมารแก นักบุญประจํา เมือง เป็นจัตุรัสรูปตัวแอล (L) มีความสวยงามที่สุดอันดับต฾นๆ ของโลก เมื่อเดินเข฾ามาจากท฽าเรือจะเข฾าสู฽ปิอาเซ็ตตา ซาน มารแโค (Piazzetta San Marco) ซึ่งเป็นเหมือนจัตุรัสย฽อยของจัตุรัสซาน มารแโคอีกที จะเห็นเสาคอลัมนแสองต฾น ขนาบอยู฽สองข฾าง ต฾นหนึ่งมีสิงโตมีปีกยืนอยู฽ชื่อเสาซาน มารแโค ซึ่งสิงโตนี้เป็นสัญลักษณแของเซนตแมารแกและ สัญลักษณแของเวนิส เสาอีกต฾นชือ่ เสาซานทีโอโดโร (San Teodoro) เป็นรูปสลักเซนตแธีโอดอรแ นักบุญแห฽งการสู฾รบ และเป็นนักบุญผู฾พิทกั ษแเมืองเวนิสกําลังยืนเหยียบมังกร (โคโมโด 55+ เหมือนนะ ดูสิดูสิ) บริเวณนี้แต฽เดิมสุดๆ ตั้งแต฽ สมัยไบเซนไทนแนั้นเป็นบ฽อน ต฽อมาถูกเปลี่ยนเป็นลานประหาร (เพราะคุกและศาลก็อยู฽บริเวณนี้ภายในวังโดเจ นั่นเอง)

Palazzo Ducale

เสาซาน มาร์โค

เสาซานทีโอโดโร

[306]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ด฾านซ฾ายของเสาคอลัมนแเป็นหอจดหมายเหตุ Biblioteca Nazionale Marciana ด฾านขวาคือวังผู฾ครอง นครหรือวังโดเจ (Doge’s Palace; Palazzo Ducale) เหนือหอจดหมายเหตุขึ้นไปคือหอระฆังกัมปานีเล (Campanile) สามารถเสียเงินขึ้นไปชมวิวได฾ เหนือวังโดเจเยื้องหอระฆังคือมหาวิหารซาน มารแโค และเยื้องมหา วิหารอีกฝั่งคือหอนาฬิกาตอรแเร เดลโลโรโลโจ (Torre dell’ Orologio) เราจะเยี่ยมชมแต฽ละที่ที่กล฽าวมาแบบผ฽านๆ บ฾าง เจาะๆ บ฾างตามที่เวลาและสภาพอากาศเอื้ออํานวย อันหลังนี่สําคัญมากสําหรับวันนี้ เพราะแดดหาย ฟูาครึ้ม เม็ดฝนพร฾อมตกลงมาเต็มที่เลย ไม฽พ฾นเที่ยงนี้แน฽นอน

Biblioteca Nazionale Marciana และ Campanile

Torre dell’ Orologio

ด๎านหน๎าโบสถ์ซาน มาร์โค

[307]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Piazzetta San Marco

Palazzo Ducale

โบสถ์ซาน มาร์โค

Torre dell’ Orologio

หลังจากถ฽ายรูปกับวิวรอบๆ จัตุรัสจนเพลิดเพลินแล฾ว เราก็เข฾าไปซื้อตั๋วเข฾าชมวังโดเจกัน ค฽าเข฾าชมแพงมาก ตั้ง 16 EUR แต฽มันควรต฾องเข฾าชมนะ มีเรื่องราวน฽าสนใจในวังเพียบเลย เสียดายตังคแนิดหน฽อยแต฽ไม฽เสียใจที่ได฾เข฾า [308]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ชม วังผู๎ครองนครหรือวังโดเจ (Doge’s Palace; Palazzo Ducale) สร฾างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 9 เพื่อ ใช฾เป็นที่พักของผู฾ครองนครเวนิสหรือโดเจ (Doge) และมีการปรับปรุงซ฽อมแซมและสร฾างใหม฽หลายครั้งในศตวรรษที่ 12, 14 และ 15 เนื่องจากถูกเผาถูกทําลาย กว฽า 800 ปีนับตั้งแต฽ก฽อสร฾างครั้งแรก วังโดเจไม฽เพียงแต฽เป็นที่พํานักของ โดเจผู฾ปกครองเมืองเวนิสเท฽านั้น แต฽วังแห฽งนี้ยังใช฾เป็นที่ตั้งของสภาขุนนาง ห฾องประชุมสภา ศาลและคุกขังนักโทษ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ที่สะท฾อนตัวตนทั้งหมดของเวนิสตั้งแต฽วัฒนธรรม ศิลปะ การทหาร การเมืองและสถานะทาง เศรษฐกิจ เป็นไงล฽ะ นี่คือคําเปรยที่เขียนติดไว฾ที่หน฾าทางเข฾าวังนะ แสดงว฽าข฾างในก็เก็บอะไรดีๆ ไว฾มากมายแน฽นอน

แผนที่ Palazzo Ducale และ Basilica San Marco (Credit: www.planetware.com)

9.30 น. เราเดินไปซื้อตั๋วเข฾าชมวังที่ทางเข฾าฝั่งประตู Porta del Frumento ที่หันหน฾าออกสู฽ทะเล เมื่อเดิน เข฾าไปจะพบ Museo dell’ Opera หรือพิพิธภัณฑแที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ ผลงานศิลปะของจริงของวังโดเจไว฾ ซึ่งมีเสาคอลัมนแสมัยกอธิกเก็บไว฾มากมาย รวมทั้งชิ้นส฽วนของระเบียงหน฾าวัง รูปสลักชิ้นเอกของศิลปินชาวเวนิสใน สมัยศตวรรษที่ 14 และ 15 [309]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Museo dell’ Opera

Courtyard; Cortile del Palazzo

จากนั้นเราเดินตามทางออกไปจะพบกับลานกว฾างกลางวัง (Courtyard of the building; Cortile del Palazzo) ซึ่งมีบ฽อน้ํา 2 บ฽อที่สร฾างตั้งแต฽กลางศตวรรษที่ 16 ตั้งอยู฽ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีบันไดใหญ฽ (Giants’ Staircase; Scala dei Giganti) สร฾างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและใช฾เป็นที่ทําพิธีสาบานตนของโดเจ เหนือ สุดของบันไดสองฝั่งมีรูปสลักเทพมารแส (ซ฾าย) และเนปจูน (ขวา) ซึ่งเป็นสัญลักษณแแทนอํานาจทางแผ฽นดินและ อํานาจทางทะเลของเมืองเวนิส เราเดินขึ้นไปบริเวณระเบียงชั้นสอง (ที่อิตาลีเรียกชั้น 1 เพราะนับชั้นล฽างสุดเป็นชั้น 0) ของอาคาร (loggia) ผ฽านทางบันได Stairs of the Censors; Scala dei Censori แล฾วเดินขึ้นไปชั้น 3 (ชั้น 2 ถ฾านับแบบอิตาลี) ต฽อผ฽านทางบันไดสีทอง (Golden Staircase; Scala d’Oro) ชื่อของบันไดนีไ้ ด฾มาจากการ ที่ส฽วนหลังคาโค฾งบนเพดานเหนือบันไดมีการตกแต฽งอย฽างหรูเลิศอลังการด฾วยการใช฾ทองคํา 24 กะรัตมาตกแต฽ง ร฽วมกับรูปสลักปูนปลาสเตอรแสีขาวและภาพวาดเฟรสโก฾ ณ จุดนี้จะเป็นจุดสุดท฾ายที่วังโดเจอนุญาตให฾นักท฽องเที่ยว ถ฽ายภาพได฾ เมื่อเดินผ฽านบันไดสีทองขึ้นสู฽ถัดไป ซึ่งเป็นส฽วนของที่พักของโดเจ ห฾องประชุมสภาและที่ทําการเมืองเว นิส ก็จะอดถ฽ายภาพถ฽ายและวิดีโอใดๆ ทันที กว฽าจะอนุญาตให฾ถ฽ายภาพอีกครั้งก็ตอนที่ถึงสะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) ซึ่งเดี๋ยวเราจะเล฽าต฽อไป เมื่อก฾าวเข฾าสู฽ชั้น 3 (ชั้น 2 ถ฾านับแบบอิตาลี) ของอาคารจะพบกับห฾องประชุมสภาและที่ทําการเมือง เวนิสมากมายหลายห฾อง จนไปถึงส฽วนที่พํานักของโดเจ (Doge’s Apartments) อีกหลายห฾องมากเช฽นกัน แต฽ละ ห฾องก็ประดับประดาตกแต฽งได฾อย฽างวิลิศมาหราสุดชีวิต คือเข฾าใจได฾เลยว฽าเวนิสนี่ร่ํารวยมากๆ แล฾วก็ เว฽อวังอลังการ มากๆ อีกด฾วย [310]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Giants’ Staircase; Scala dei Giganti

บํอน้​้ากลาง courtyard

รูปสลักเทพมาร์สและเนปจูน

[311]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Golden Staircase; Scala d’Oro

[312]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

สุดท฾ายเราเดินผ฽านศาลและสะพานที่หลายคนอาจคุ฾นเคยได฾ยินชื่อกันมาบ฾างคือสะพานปอนเต เดย์ ซอสปี รีหรือสะพานแหํงเสียงถอนหายใจ (The Bridge of Sighs; Ponte dei Sospiri) สะพานนี้ใช฾เป็นทางเชื่อม ระหว฽างอาคารหนึ่งนั่นคือศาลไปยังอีกอาคารซึ่งเป็นคุกที่ใช฾คุมขังนักโทษ โดยสะพานเป็นลักษณะปิดมีหลังคาคลุม มีช฽องหน฾าต฽างเจาะรูเป็นลวดลายเล็กๆ ให฾พอมองลอดออกไปเห็นแสงเดือนแสงตะวันภายนอกได฾ ซึ่งนับว฽าเป็นแสง สว฽างภายนอกแสงสุดท฾ายที่เหล฽านักโทษจะได฾เห็นก฽อนที่พวกเขาจะถูกคุมขังภายในคุกอันมืดมิด เมื่อนักโทษเดินผ฽าน สะพานนี้ จึงมักจะได฾ยินเสียงทอดถอนหายใจหรือเสียงร฾องไห฾สะอึกสะอื้นของพวกเขา แต฽ปัจจุบันสะพานนี้กลับโด฽ง ดังจากการที่เชื่อว฽าหากคู฽รักได฾นั่งเรือกอนโดล฽าแล฾วได฾จูจุ฿บกันใต฾สะพานนี้ พวกเราจะรักกันชัว่ นิรันดรแ... เฮ฾อ ! หลอก กินตังคแอีกแระ

วิวด๎านนอกเมื่อมองจากชํองหน๎าตํางที่ The Bridge of Sighs; Ponte dei Sospiri

[313]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

เราเดินตามปูายบอกทางกลับมายังลาน courtyard อีกครั้ง แล฾วก฾มมองนาฬิกาตัวเอง เฮ฾ย! 11 โมงแล฾ว ตายละวา เหลือเวลาเข฾าชมโบสถแซาน มารแโคไม฽ทันแน฽เลย เพราะต฾องเสียเวลาปัม๊ นมก฽อนด฾วย (จริงๆ เราเข฾าชมวังโด เจช฾ากว฽าที่เราวางแผนไว฾เกือบชั่วโมง เพราะออกเดินทางจากโรงแรมช฾า ทุกอย฽างก็เลยช฾าตามกันไปหมด ถ฾าทําเวลา ได฾ตามแผนที่วางไว฾ ทุกอย฽างจะเพอรแเฟคมาก) เราจึงรีบเผ฽นออกจากวังโดเจทางประตู Porta della Carta นั่ง ปั๊มนมที่ม฾านั่งข฾างวังนั่นแหละ เวลาเปิด: ทุกวัน 1 เม.ย. – 31 ต.ค. 8.30 – 19.00 น. รอบสุดท฾าย 18.00 น. 1 พ.ย. – 31 มี.ค. 8.30 17.30 น. รอบสุดท฾าย 16.30 น. ปิดวันคริสตแมาสและวันปีใหม฽ ค฽าเข฾าชม: (ข฾อมูลล฽าสุด พ.ย. 2015) 18 EUR รวมค฽าเข฾าพิพธิ ภัณฑแกอรแแรรแ (Museo Correr) พิพิธภัณฑแ โบราณคดีแห฽งชาติ (Museo Archeologico Nazionale) และ monumental rooms ของหอสมุดแห฽งชาติมารแ เซียน฽า (Biblioteca Nazionale Marciana) รายละเอียดเพิ่มเติม http://palazzoducale.visitmuve.it หากมีเวลาสัก 1.5 ชม. และจัดสรรเวลาให฾ตรงกับรอบไกดแภาษาอังกฤษได฾แล฾วล฽ะก็ แนะนําทัวรแเส฾นทาง ลึกลับของโดเจดีกว฽า (secret itineraries tour) ราคา 20 EUR เพิ่มจากปกติแค฽ 2 EUR เอง ได฾มีคุณไกดแพาชมห฾อง พิเศษห฾องลับเฉพาะของโดเจและห฾องเด็ดๆ ที่มีเรื่องราวที่ค฽าเข฾าชมแบบธรรมดา 18 EUR ไม฽สามารถเข฾าชมได฾อย฽าง คุกที่ใช฾คุมขังพ฽อเสือสาวคาสโนว฽ามาแล฾ว (หนังสือเวนิสพิศวาสของคุณธรณแ หนูดาวเล฽าถึงประวัติคาสโนว฽าได฾อย฽าง สนุกมาก อ฽านเพลิน โดยเฉพาะเรื่องความพยายามที่จะแหกคุกของเขาหลายครั้งหลายครา ทั้งเจาะพื้นเจาะเพดาน (นึกถึงหนังโปรดเรื่อง Shawshank Redemption เลย) จนสุดท฾ายก็สําเร็จ จะว฽าไปนี่คือตอนที่หนูดาวเล฽าได฾สนุก ที่สุดในเล฽มแล฾ว ที่เหลือหนูดาวเวิ่นเว฾อจัง ออกนอกเรื่องเยอะมากจนเบื่อที่จะหาอ฽านส฽วนเนื้อๆ ที่ต฾องการรู฾... ขอ โทษด฾วยนะคะที่ต฾องวิจารณแตรงๆ ลางเนื้อชอบลางยาเนอะ คงมีทั้งคนที่ชอบและไม฽ชอบสไตลแการเขียนแบบนี้)

[314]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ประมาณ 11 โมงครึ่ง ตอนนั้นฝนทําท฽าจะตกแน฽ๆ แล฾ว (หลังกลับเมืองไทยอีก 2 วันให฾หลัง ปรากฏว฽าเว นิสเกิดน้ําท฽วมใหญ฽... โชคดีจริงๆ เลยเรา ถ฾ามาช฾ากว฽านี้ทริปพังแน฽) มองไปที่แถวเข฾าชมโบสถแซาน มารแโค ผู฾คนก็ตอ฽ แถวกันยาวเหยียด แถมยังต฾องเอากระเป฻าไปฝากก฽อนอีก ด฾วยความทีก่ ลัวว฽าจะตกรถไฟไปเวโรน฽าตอน 12.50 น. เราเลยตัดสินใจไม฽เข฾าชมโบสถแซาน มารแโค ฮือๆ เสียใจจริงๆ งั้นเอารูปถ฽ายด฾านนอกกับประวัติแห฾งๆ ที่ไปค฾นมาหาที่ ต฽างๆ ไปแทนละกัน ฮือๆ อีกรอบ (เรียบเรียงข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี หนังสืออิตาลี สานักพิมพ์ วงกลมและหนังสือเวนิสพิศวาส) มหาวิหารซาน มาร์โค (Basilica di San Marco) สร฾างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เก็บพระศพของเซนตแ มารแกที่พ฽อค฾าชาวเวนิสขโมยมาจากอียิปตแเพื่อต฾องการให฾มีนักบุญประจําเมือง (ว฽ากันว฽าต฾องนําพระศพใส฽หีบขนหมู เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากประเทศอาหรับ มีภาพโมเสกเล฽าเรื่องนี้อยู฽หน฾าโบสถแด฾วย) และเป็นโบสถแประจําตัวโด เจสําหรับใช฾ประกอบพิธกี รรมต฽างๆ สถาปัตยกรรมของโบสถแนั้นมีหลากหลายยุครวมกันตั้งแต฽กรีกโรมันไปจนถึงเรอ เนสซองสแ(*) แต฽หลักๆ จะเป็นศิลปะแบบไบแซนไทนแ (ศตวรรษที่ 3 – 15 เกิดหลังกรีกโรมัน เกิดก฽อนกอธิก เรอเนส ซองสแ) ซึ่งได฾รับอิทธิพลจากอาหรับ จะเห็นได฾จากยอดโดม 5 โดมนั้นเป็นสถาปัตยกรรมแบบเปอรแเซีย ด฾านหน฾ามี ประตูทางเข฾า 5 ช฽อง แต฽ละช฽องประดับด฾วยภาพโมเสกสีทองบอกเล฽าเรื่องราวทางศาสนา บนประตูทางเข฾าใหญ฽มีม฾า สําริด 4 ตัวซึ่งเป็นตัวจําลอง ของจริงถูกเก็บรักษาภายในพิพธิ ภัณฑแของมหาวิหารด฾านใน ม฾าสําริดนี้เป็นตัวแทนถึง อิสรภาพของชาวเวนิส เนื่องจากแต฽ก฽อนเวนิสเคยตกอยูภ฽ ายใต฾การปกครองของฝรั่งเศส ม฾าเหล฽านี้ถูกนโปเลียนยึดไป ปารีส ต฽อมาเมื่อพ฾นจากการเป็นเมืองขึ้น ม฾าจึงได฾กลับมาอยู฽ที่เวนิส ส฽วนยอดโดมมีไม฾กางเขนแบบกรีก ซึ่งแตกต฽าง จากแบบละตินที่เราคุ฾นเคยคือแบบกรีก ทุกด฾านจะเท฽ากันคล฾ายเครื่องหมายกาชาด (*) โน฾ตโดยหนูดาวจากหนังสือเวนิสพิศวาส หนูดาวบอกว฽าศิลปะกรีกโรมัน ให฾ดูที่ประตูโบสถแเป็นทรงโค฾ง สูง รวมทั้งม฾าศึกโรมันบนหลังคาชั้นสอง สําหรับไบแซนไทนแ ให฾ดูจากโมเสก ส฽วนกอธิกให฾ดูจากยอดแหลมๆ เล็กๆ และยุคเรอเนสซองสแซึ่งเป็นยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ถือเป็นยุครุ฽งเรือง ผู฾คนกลับมามีเงินทองแล฾ว ก็ดูได฾อย฽างการ ประดับประดาที่เลิศหรูอลังการวิลิศมาหรานั่นเอง... ขอบคุณคุณหนูดาวสําหรับข฾อมูลที่กระชับได฾ใจความและเห็น ภาพอย฽างชัดเจนมากๆ มหาวิหารหลังใหญ฽มหึมามาก ประดับประดาด฾วยภาพโมเสกทองคําทั่วไปหมดโดยเฉพาะบริเวณหลังคาโค฾ง ถึงภายในมหาวิหารจะเข฾าชมฟรี แต฽ถ฾าอยากดูของดีอย฽างฉากทองคําประดับอัญมณีหรือปาลา ดิโอโร (Pala d’Oro) ที่อยู฽ด฾านหลังของแท฽นบูชาก็ต฾องเสียเงิน ภาพในฉากเล฽าเรื่องประวัติของพระเยซูขณะอาศัยอยู฽ที่เมืองเยรูซาเล็ม จนกระทั่งพระแม฽มาเรียเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีภาพของโดเจที่ประดับประดาด฾วยทองคําและอัญมณีต฽างๆ มากมาย หลายพันเม็ด... อยากเห็นจริงๆ ว฽ามันจะเว฽อวังขนาดไหน ถ฾ายังอยากเสียเงินเพิ่มอีกเป็นรอบที่ 2 ก็ให฾เข฾าไปชมที่หอ เก็บสมบัติ (Treasury) เลย ไม฽หนําใจ เสียเงินรอบ 3 ขึ้นไปชมวิวชั้นสองของมหาวิหารซึ่งเป็นส฽วนของพิพธิ ภัณฑแ เซนตแมารแก (St. Mark’s Museum) จะได฾มองเห็นงานโมเสกทองคําในระยะใกล฾ ได฾เห็นม฾าสําริดตัวจริงแถมด฾วยวิว สวยๆ ด฾านนอกของเมืองเวนิส... น฽าจะหนําใจแล฾วนะ เสียตังคแซ้ําซ฾อนขนาดนี้ เวลาเปิด: ทุกวัน 9.45 – 17.00 น. วันอาทิตยแและวันหยุด 14.00 – 16.00 น. และถึง 17.00 น. เฉพาะ ช฽วงมี.ค./เม.ย. (วันอีสเตอรแ) – 31 ต.ค. [315]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ค฽าเข฾าชม: (ข฾อมูลล฽าสุด พ.ย. 2015) มหาวิหารเข฾าชมฟรี Pala d’Oro 2 EUR หอเก็บสมบัติ (Treasury) 3 EUR และพิพิธภัณฑแเซนตแมารแก (St. Mark’s Museum) 5 EUR

ภาพโมเสกศิลปะยุคไบแซนไทน์ที่ประดับอยูํหน๎าโบสถ์ซาน มาร์โค

ภาพการน้าพระศพเซนต์มาร์กใสํหีบขนหมู

[316]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

พอตัดสินใจว฽าจะไม฽เข฾าชมมหาวิหารซาน มารแโค เราเลยเดินออกไปที่ท฽าเรือ ถ฽ายรูปกับ Bridge of Sighs อยู฽พักหนึ่งจนได฾เวลานั่งเรือเมลแกลับไปยังท฽า Ferrovia เพื่อไปเอากระเป฻าและออกเดินทางต฽อแล฾ว เรานั่งเรือสาย 1 (ปลายทาง P’le Roma) จากท฽าเรือ S. Marco Vallaresso นั่งไป 14 ปูาย ใช฾เวลา 36 นาทีถึงท฽า Ferrovia (S. Lucia) จากนั้นไปเอากระเป฻าที่ฝากไว฾ทโี่ รงแรม มุ฽งตรงไปยังสถานีรถไฟ บ฿ายบายเวนิส เราจะคิดถึงเธอ รถไฟออก จากสถานีซานตา ลูเซียเวลา 12.50 น. มุ฽งหน฾าไปยังเวโรนา ถึงสถานีเวโรนา ปอรแตา นูโอวา (Verona Porta Nuova) เวลา 14.00 น. ฝนตกปรอยๆ ตลอดทาง

วิวบนสะพานที่ด๎านหลังเป็น Bridge of Sighs

ถึงแล๎ว...เวโรนา [317]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

เมื่อถึงเวโรนา เราต฾องไปเช็คอินที่โรงแรมก฽อนแล฾วค฽อยออกเที่ยว จากทางออกสถานีรถไฟ Verona Porta Nuova ซึ่งจะเป็นถนน Piazzale 25 (XXV) Aprile ให฾เลี้ยวซ฾าย เดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ เลี้ยวโค฾งขวาตามทาง เดินตรงตามฟุตบาทไปนิดเดียว จะเห็นบันไดทางขึ้น ให฾เดินขึ้นบันไดไปจะเจอลานจอดรถกว฾างๆ เดินตัดลานจอดรถ ไปทางซ฾ายแล฾วเดินตรงไปเรื่อยๆ พอถึง 3 แยกก็เลีย้ วซ฾ายเข฾าสู฽ถนน Via delle Coste (มีปูายโรงแรมบอกตลอด ไม฽ หลงแน฽นอน) เดินตรงไปเรื่อยๆ จนเริม่ เลี้ยวโค฾งจะเจอโรงแรมอยู฽ทางขวามือบริเวณหัวโค฾งถนน... อ฽านดูเหมือนจะ เดินตามยาก แต฽ถ฾าดูแผนที่ก็จะรูว฾ ฽ามันสบายๆ มาก

Route to go: Stazione Verona Porta Nuova to Novo Hotel Rossi

โรงแรมน฽ารัก พนักงานต฾อนรับก็น฽ารัก แนะนําทุกอย฽างเป็นอย฽างดี เราพักอยู฽ชนั้ ล฽างของโรงแรม (รู฾สึกชั้นนี้ จะมีห฾องพักอยูแ฽ ค฽ 2 ห฾อง) ใกล฾ reception และใกล฾ห฾องอาหารมาก ห฾องพักก็ขนาดไม฽คับแคบนัก สะอาดสะอ฾านดี น฽าเสียดายที่ฝนตกตอนเรามาถึงบวกกับรีบๆ ตอนขากลับ ทําให฾ไม฽ได฾ถ฽ายภาพโรงแรมและห฾องพักเลย ขออภัยจริงๆ ต฾องเอารูปจากเว็บไปดูแทน

Novo Hotel Rossi (www.novohotelrossi.it) [318]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

เวโรนา (Verona) ตั้งอยู฽ทางทิศตะวันตกของเวนิส เป็นเมืองขนาดกลางๆ ไม฽เล็กไม฽ใหญ฽เกินไป เหมาะ สําหรับการเดินเที่ยวแบบชิลๆ นอนค฾างสัก 1 คืนกําลังดี เวโรนาเคยเป็นเมืองที่รุ฽งเรืองมากในยุคโรมัน กลิ่นอายของ สถาปัตยกรรมรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู฽จึงน฽าชวนให฾มาเที่ยว โดยเวโรนาได฾รับการขึ้นทะเบียนให฾เป็น เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององคแการยูเนสโกตั้งแต฽เมื่อปี 2000 นักประพันธแชื่อก฾องโลกอย฽างวิลเลียม เช็คสเปียรสแได฾เพิ่มเสน฽หแความโรแมนติกให฾เวโรนาโดยเขาได฾ใช฾เมืองนี้เป็นฉากหลังเรื่องราวโศกนาฏกรรมรักที่ทุกคนต฽าง รู฾จักดีอย฽าง “โรมิโอกับจูเลียต (Romeo and Juliet)” ทําให฾นักท฽องเที่ยวส฽วนหนึ่งรวมทั้งเราด฾วยต฽างอยากตามรอย บทประพันธแ ตามหาสถานที่ที่เขาว฽าเป็นบ฾านของจูเลียตกับโรมิโอที่เวโรนานี้ด฾วย จากที่หนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลีพูดถึงภาพยนตรแฮอลีวู฾ดเรื่อง Letter to Juliet (ชื่อไทย สะดุดเลิฟ ที่ เมืองรัก) นําแสดงโดยอะแมนดา ไซยแฟริด ว฽าเป็นหนังที่ถ฽ายทําและเล฽าเรื่องเกีย่ วกับเวโรนาและจูเลียต เราก็เลยไป หามาดูบา฾ ง หนังทําได฾น฽ารักดี วิวสวย ทัง้ เวโรนาและเมืองอื่นๆ ในแคว฾นทัสกานี ดูหนังแล฾วก็ชว฽ ยบิว๊ ทแอารมณแในการ อยากมาเที่ยวเวโรนาได฾อกี เยอะเลย

แผนที่ตัวเมืองเวโรนา (Credit: www.mappery.com) [319]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

การเดินทางในเวโรนาอาจจะไม฽สะดวกสบายเท฽าเมืองใหญ฽อื่นๆ เพราะสถานีรถไฟ Verona Porta Nuova ห฽างจากตัวเมืองประมาณ 1.5 กม. จะเดินเท฾าเอาเราว฽าก็ไกลไปหน฽อย ต฾องใช฾วิธีขึ้นรถเมลแจะประหยัดแรงได฾ มากกว฽า ที่หน฾าทางออกสถานีรถไฟ Verona Porta Nuova มีท฽ารถเมลแท฽าใหญ฽ สามารถใช฾เป็นชุมทางโดยสาร รถเมลแได฾อย฽างสะดวก ตั๋วรถเมลแหาซื้อได฾ตามร฾านขายของชําหรือ Tabacchi ทั่วไปเช฽นเดียวกับเมืองอื่นๆ เราซื้อที่ ร฾านขายหนังสือที่อยู฽ในสถานีรถไฟ รายละเอียดประเภทตั๋วโดยสาร ราคา เส฾นทางเดินรถ ทั้งหมดหาได฾จากเว็บไซตแ การเดินรถสาธารณะในเวโรนา www.atv.verona.it ประเภทตั๋วโดยสาร 1. Ticket valid for the city area of Verona 1.3 EUR – สําหรับเดินทางภายในตัวเมืองเวโรนา ต฾อง ทําการ validate (stamp) ที่เครื่องทุกครั้งเมื่อขึ้นรถแต฽ละคัน ตั๋วมีอายุ 60 นาทีหลังจากแสตมป฼ครั้งแรกและมีอายุ 90 นาทีหลังจากซื้อตัว๋ (บนตัว๋ จะระบุเวลาที่ซื้อไว฾) 2. Urban ticket purchased on board 1.5 EUR – เป็นราคาตั๋วที่ซื้อบนรถเมลแ (ไม฽รับทอนเงิน) ใช฾ได฾ ครั้งเดียว รถเมลแคันเดียว 3. Daily ticket 4.0 EUR – ตั๋ววัน ใช฾ได฾จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ซื้อตั๋ว ต฾อง validate ตั๋วทุกครั้งที่ขึ้นรถ แน฽นอนว฽าเราซื้อตัว๋ แบบที่ 1 จากท฽ารถหน฾าทางออกสถานีรถไฟ Verona Porta Nuova (ชื่อปูาย Stazione Porta Nuova ตั้งอยู฽บนถนน Piazzale XXV Aprile) สามารถนั่งรถเมลแสายต฽างๆ ไปลงที่ตัวเมืองเว โรนาได฾แก฽สาย 11, 12, 13 และ 72 โดยให฾ไปลงที่ปิอัซซ฽าบรา (Piazza Bra) เรานั่งรถเมลแสายอะไรจําไม฽ได฾ บน รถเมลแไม฽ได฾แจ฾งบอกปูายไว฾วา฽ ตอนนี้ถึงไหนแล฾ว ต฾องคอยสังเกตเอาเองหรือนับปูายจากตารางเดินรถเมลแสายต฽างๆ ที่เราโหลดมาเก็บไว฾ล฽วงหน฾า พอเราเห็นจัตุรัสกว฾างๆ ใหญ฽ๆ เห็นอัฒจรรยแอารีนา฽ และตึกใหญ฽ๆ ยาวๆ ดูเหมือนศาลา ว฽าการเมืองก็รู฾ได฾เลยว฽าถึงที่หมายแล฾ว ปิอัซซําบรา (Piazza Bra) เป็นจัตุรัสสําคัญใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของโรงละครโรมันอารีน฽า (Arena) ซึ่งเป็นโรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ฽เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากโคลอสเซียมและ... เล฽มหนึ่งบอกว฽าอันดับ 2 คือ คาปัว อารีนา ที่เมืองคาปัว อิตาลี ส฽วนอีกเล฽มบอกว฽าคือสนามกีฬาที่เมืองนีมสแ ฝรั่งเศส ไม฽รู฾เล฽มไหนถูกต฾องกันแน฽ ตอนแรกเราเข฾าใจว฽าอารีน฽านั้นเปิดให฾เข฾าชมฟรี (ไม฽รู฾ไปอ฽านมาจากไหนถึงฝังใจได฾ขนาดนี้) แต฽พอมาถึงที่จริง หน฾า ปูายบอกว฽าค฽าเข฾าชม 6 EUR งั้นก็บอกลาเลยค฽า เวลามีน฾อย ฝนก็ยังตกปรอยๆ เฉอะแฉะ อีกอย฽างเราไปโคลอส เซียมมาแล฾ว ทีอ่ ารีน฽านี้เลยขอบายก฽อน

โรงละครโรมันอารีนําที่ปิอัซซําบรา [320]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

โรงละครโรมันอารีนําที่ปิอัซซําบรา

บรรยากาศบนถนนคนเดินที่ Via Mazzini

เราเดินขึ้นไปทางเหนือตามถนนแมซซินี (Via Mazzini) ซึ่งเป็นถนนคนเดิน สองข฾างทางเป็นร฾านค฾าน฽าช฾อป มากมาย ทั้งเสื้อผ฾าแฟชั่น ร฾านไอศกรีมเจลาโต฾ ร฾านขายของที่ระลึก ผู฾คนก็เดินกันขวักไขว฽ ค฽อนข฾างคึกคักพอสมควร [321]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

เดินขึ้นไปจนสุดทางจนเจอถนนอีกเส฾นตัดผ฽านนั่นคือถนนแคปเปลโล (Via Cappello) เราก็จะพบจุดหมายแห฽งที่ 2 ทางขวามือ บ฾านเลขที่ 23 นั่นคือบ฾านทีเ่ ชื่อกันว฽าคือบ๎านจูเลียต (Casa di Giulietta) ในบทประพันธแเรื่องโร มิโอกับจูเลียตของวิลเลียม เช็กสเปียรแ ที่นี่เป็นสถานที่ถ฽ายทําและเป็นแกนหลักของเนื้อหาของภาพยนตรแเรื่อง Letter to Juliet ที่เราบอกว฽าน฽าจะหามาดูก฽อนไปเที่ยวเวโรนา ในหนังบอกว฽าที่นี่เป็นที่ที่เหล฽าหญิงสาวผู฾มีปัญหาใน รักสารพัดรูปแบบจะเขียนจดหมายแปะไว฾ข฾างฝาบ฾านเพื่อขอคําปรึกษาจากจูเลียต ซึ่งจริงๆ แล฾วคือคณะสาวแก฽สาว เหลือน฾อย 4 คนที่ช฽วยกันทําหน฾าที่เหมือนศิราณีคอยตอบปัญหาหัวใจกลับไปให฾ ส฽วนนางเอกก็บังเอิญจับพลัดจับผลู ได฾เข฾าร฽วมเกิรแลแก฿งเป็นคนที่ 5 แล฾วก็เกิดเรื่องราวต฽างๆ ต฽อมาทั้งได฾เจอพระเอก ได฾เลิกกับคู฽หมั้นตัวเอง ได฾พาคุณย฽า ของพระเอกกลับไปหารักแรกจนจบเรื่อง

รูปปั้นจูเลียตที่บ๎านจูเลียต (Casa di Giulietta)

บ฾านจูเลียตเป็นอาคารหลังหนึ่งในกลุ฽มอาคารหลายหลัง สร฾างขึ้นตั้งแต฽ยุคกลางเป็นทรัพยแสินของตระกูลดัล แคปเปลโล (Dal Cappello) ซึ่งนามสกุลนี้เป็นที่มาของนามสกุลคาปุเล็ต (Capulet) ของจูเลียต มองขึ้นไปที่ชั้นบน ของตัวบ฾านจะเห็นระเบียงยื่นออกมา ซึ่งเป็นระเบียงที่ตัวละครโรมิโอและจูเลียตมาพลอดรักกันที่นี่ บริเวณลานกว฾าง หน฾าบ฾านมีรูปปั้นสําริดจูเลียตขนาดเท฽าตัวจริง (นางสูง 175+ แน฽เลย เทียบกับตัวเราแล฾วหัวเราอยู฽แค฽ไหล฽นาง) นักท฽องเที่ยวที่มาที่นี่มกั ต฾องต฽อแถวถ฽ายรูปกับจูเลียตทุกคน ที่สําคัญต฾องมีท฽าประจําที่ทํากันแทบทุกคน (ยกเว฾นเรา นะ เกรงใจนางมาก) คือต฾องจับหน฾าอกจูเลียต จับกันซะจนนมข฾างขวานางเงาวับเลย ปัจจุบันกลุ฽มอาคารของบ฾านจูเลียตจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑแ (The house of Juliet museum) ถึงแม฾ว฽า เราไม฽ได฾เข฾าไปชมภายใน (เสียเงินเข฾าชมนะจ฿ะ 6 EUR หรือ 7 EUR ถ฾าชมบ฾านพร฾อมหลุมศพจูเลียต) แต฽ก็ขอแปล รายละเอียดภายในพิพธิ ภัณฑแตามปูายจัดแสดงมาแปะไว฾ตรงนี้แล฾วกันเนอะ... ภายในพิพิธภัณฑแแบ฽งเป็น 9 ห฾อง [322]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

งานศิลปะภายในห฾องส฽วนใหญ฽เป็นภาพเฟรสโก฾สไตลแเวโรนาในศตวรรษที่ 13 ถึง 17 รวมทั้งภาพเขียนที่เกีย่ วข฾องกับ บทประพันธแโรมิโอกับจูเลียต นอกจากนี้ยังมีงานเซรามิคเก฽าแก฽ตั้งแต฽ยุคกลางจนถึงต฾นยุคเรอเนสซองสแและ มัลติมีเดียบอกเล฽าเรื่องราวของโรมิโอกับจูเลียตตามห฾องต฽างๆ ในอาคารด฾วย และเนื่องจากก฽อนหน฾านี้คงมี นักท฽องเที่ยวหรือคนที่อยากฝากข฾อความให฾กับจูเลียตกันเป็นจํานวนมาก แต฽แทนที่จะฝากข฾อความโดยส฽งจดหมาย หรือโพสตแอิทแปะไว฾แบบในหนัง Letter to Juliet กลับใช฾วธิ ีมักง฽ายเขียนข฾อความทิ้งไว฾บนกําแพงบ฾านจนเลอะ เทอะสกปรกไปหมด พอทางการเวโรนาเข฾ามาดูแลและให฾ที่นี่เป็นอนุสรณแสถาน จึงมีประกาศห฾ามเขียนข฾อความบน ผนัง ไม฽งั้นจะโดนจับ ถูกจําคุกสูงสุด 1 ปีหรือเสียค฽าปรับถึง 1,039 EUR

ก้าแพงฝากข๎อความให๎จูเลียต เขรอะมากจนต๎องห๎ามเขียนแล๎ว

ระเบียงพลอดรักของโรมิโอกับจูเลียต

ออกจากบ฾านจูเลียต เราเดินย฾อนกลับไปตามถนน Via Cappello ก็จะเจอปิอซั ซําเอร์เบ (Piazza Erbe) อีกหนึ่งจัตุรัสสําคัญของเวโรนา เป็นจัตุรัสแคบๆ ยาวๆ แต฽เก฽าแก฽มาก มีมาตัง้ แต฽ยุคโรมันเลยทีเดียว สมัยก฽อน เป็นแหล฽งขายเครื่องเทศ ปัจจุบันกลายเป็นตลาดนัดขายสารพัดอย฽าง ครึกครื้นไม฽เบา ที่ปิอัซซ฽านี้มีหอคอยอยู฽ 2 แห฽ง จากถนน Via Cappello หอคอยทางขวามือมีนาฬิกาติดอยู฽ชื่อว฽าหอระฆังแลมเบอรแติ (Torre dei Lamberti) สามารถเดินขึ้นบันได 238 ขั้นหรือใช฾ลฟิ ตแทุ฽นแรงเพื่อขึ้นไปชมความงดงามของเมืองเวโรนาได฾ (ว฽ากันว฽านี่คือจุดชม วิวที่สวยที่สุดในเมือง) ส฽วนอีกหอคอยหนึ่งตั้งอยู฽สุดปิอัซซ฽าทางซ฾ายมือเป็นหอคอยกอธิกชื่อว฽าหอคอยการแเดลโล (Torre delle Gardello) สร฾างขึ้นตั้งแต฽ศตวรรษที่ 14 ตรงกลางปิอัซซ฽ามีน้ําพุที่เป็นประติมากรรมโรมันตั้งอยู฽ชื่อน้ําพุมาดอนนา เวโรนา (Madonna Verona) ด฾านหลังน้ําพุ ขวามือของหอคอย Gardello เป็นวังมัฟเฟอี (Palazzo Maffei) วังสไตลแบารอกที่ด฾านบนมีรูปปั้นเทพ เจ฾ากรีกเรียงรายอยู฽ ด฾านหน฾าวังมีเสาคอลัมนแข฾างบนเป็นรูปปั้นสิงโตสัญลักษณแของเวนิส เนื่องจากเวนิสเคยยึด [323]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ครองเวโรนาได฾ ข฾าง Palazzo Maffei อีกด฾านหนึ่งเป็นอาคาร Case Mazzanti โดดเด฽นด฾วยภาพเฟรสโก฾เต็มผนัง ด฾านนอก ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณแของเวโรนาด฾วย

Torre delle Gardello Palazzo Maffei Loggia del Consiglio Torre dei Lamberti

Casa di Romeo

แผนที่ Piazza Erbe – Piazza Signori – Casa di Romeo (Credit: www.mappery.com)

ปิอัซซําเอร์เบ [324]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

น้​้าพุ Madonna Verona ด๎านหลังคือวังมัฟเฟอิ

จากปิอัซซ฽าเอรแเบ เราเดินเลาะผ฽านตรอกเล็กๆ ข฾างๆ หอระฆังแลมเบอรแติ (Torre dei Lamberti) ที่มซี ุ฾ม หลังคาโค฾งๆ พบกับปิอัซซําซิญญอรี (Piazza Signori) จัตุรัสเล็กๆ โล฽งๆ ไม฽มีของขาย แต฽รายล฾อมด฾วย อาคารวังเวียงยุคเรอเนสซองสแที่สวยงาม ที่เด฽นที่สุดน฽าจะเป็นล็อจจา เดล คอนซีลีโย (Loggia del Consiglio) สถาปัตยกรรมเรอเนสซองสแที่สวยงามทีส่ ุดในเวโรนา (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) กลางจัตุรัสมีรูปสลัก ของดังเต (Dante) กวีและนักเขียนชาวฟลอเรนซแที่โด฽งดังที่สุดคนหนึ่งในอิตาลีและของโลกในยุคเก฽า ดังเตเคยใช฾ ชีวิตอยู฽ในเวโรนาอยู฽ชว฽ งหนึ่งโดยได฾รับการอุปถัมภแจากผูป฾ กครองเมืองเวโรนา

Torre dei Lamberti

อาคารบริเวณปิอัซซําซิญญอรี

[325]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

Loggia del Consiglio

วันที่ 10: Venice – Verona

ดังเต (Dante)

เราเดินลอดซุ฾มโค฾งที่ตรอกเล็กๆ เดินตรงไปจนถึงทางแยกแล฾วเลี้ยวขวาเข฾าสู฽ถนน Via Arche Scaligere เดินตรงไปอีกนิดเดียวจะเห็นบ฾านเลขที่ 4 ทางซ฾ายมือที่มีประตูไม฾โค฾งๆ ทีน่ ี่ก็คือบ๎านของโรมิโอ (Casa di Romeo) ชื่อเต็ม Casa di Cagnolo Nogarola detto Romeo ซึ่งก็ไม฽ได฾น฽าดูชมอะไรเพราะปัจจุบัน กลายเป็นผับไปซะแล฾ว เราก็แค฽อยากมาถ฽ายรูปหน฾าบ฾านเก็บไว฾แค฽นั้น จากนั้นเราเดินย฾อนกลับทางเดิมมาตั้งต฾นใหม฽ ที่ปิอัซซ฽าเอรแเบอีกครั้ง เพื่อเดินต฽อไปยังดูโอโมแหํงเมืองเวโรนา (Duomo di Verona) เราเดินขึ้นไปจน สุดปิอัซซ฽าตรงปาลัซโซมัฟเฟอี เลี้ยวขวาเข฾าถนน Corso Sant’ Anastasia เดินตรงไปแล฾วเลี้ยวซ฾ายเข฾าถนนเวีย โร ซา (Via Rosa) ตรงไปเรื่อยๆ ผ฽านถนน Via Giuseppe Garibaldi เลี้ยวขวาเข฾าถนน Via Arcidiacono Pacifico เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นดูโอโมอยู฽ทางซ฾ายมือ (เส฾นทางในกูเกิ้ลบอกงงๆ ในช฽วงท฾าย เอาเป็นว฽าดูตามที่เราเขียน ข฾างบนก็แล฾วกัน)... เราเปิดประตูโบสถแเข฾าไปดูภายใน ซึ่งขณะนั้นภายในโบสถแกาํ ลังทําพิธีทางศาสนาพอดี

บ๎านโรมิโอ (Casa di Romeo) [326]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Duomo

Ponte Pietra

Piazza Erbe

Route to go: Piazza Erbe to Duomo – Ponte Pietra (Credit: www.mappery.com)

ดูโอโมแหํงเมืองเวโรนา [327]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ออกจากดูโอโม ฝนยังคงตกปรอยๆ เซ็งจริงๆ แต฽เราก็ยังเดินต฽อไป เราเดินข฾ามสะพาน Ponte Pietra ซึ่งเป็นสะพานโรมัน ข฾ามแม฽นา้ํ อาดีเจ (Fiume Adige) ไปอีกฝั่ง วิวทิวทัศนแที่เวโรนานี่สวยมากอะ แบบว฽าเฮ฾ย !! เหนือความคาดหมายมากๆ นี่ขนาดฝนตกเฉอะแฉะ มองอะไรไม฽ค฽อยชัดนะ (หรือว฽าถ฾ามองชัดแล฾วจะไม฽สวยอย฽างนี้ ฮ฽าๆๆ ไม฽หรอกเนาะ) ยืนบนสะพานมองดูแม฽น้ํากับบ฾านเรือนสองฟากฝั่งแล฾วชอบมาก บ฾านเมืองดูอบอุ฽น ขนาดกําลัง ดี น฽าเดินน฽าดูไปหมด ลงจากสะพาน Ponte Pietra เลี้ยวซ฾ายมาตามถนน Lungoadige S. Giorgio เราเห็นบริการ ให฾เช฽าจักรยาน Verona Bike (www.bikeverona.it) ซึ่งพอกลับมาหาข฾อมูลแล฾วมันก็เหมือนกับจักรยานปันปั่นที่ กรุงเทพฯ เลย นั่นคือเช฽าจักรยานที่สถานีไหนก็ได฾ ขี่ไปไหนก็ได฾ภายในเวลา 2 ชม. คืนจักรยานที่สถานีไหนก็ได฾ โอยๆๆ นี่ถ฾ารู฾จกั มาก฽อนและฝนไม฽ตกอย฽างนี้ล฽ะก็ เสร็จเราแน฽ๆ ปลาบปลื้มมากๆ

สะพานโรมัน Ponte Pietra

[328]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Verona Bike นําสนใจมากๆ

ใกล฾ 6 โมงเย็นแล฾ว เราเลทจากโปรแกรมที่ว฽างไว฾ 1 ชม. ท฾องฟูาเริ่มมืด เราเลยต฾องเปลี่ยนเส฾นทางไป จุดหมายต฽อไปของเรานั่นคือปราสาทเวคคิโอ (Castelvecchio) จากเดิมทีจ่ ะเดินรอบอีกฝั่งของแม฽น้ําอาดีเจแล฾ว ค฽อยข฾ามฝั่งกลับมาทีป่ ราสาทตรงสะพาน Ponte Scaligero เราต฾องเปลี่ยนเส฾นทางให฾ใกล฾ขึ้น เดินน฾อยลงโดยข฾าม สะพาน Ponte Pietra กลับมาฝั่งเดิม แล฾วรีบเดินจ้ําๆๆ ย฾อนกลับไปทางปิอซั ซ฽าเอรแเบ แล฾วค฽อยเดินต฽อไปจนถึง ปราสาทเวคคิโอ ระหว฽างทางก฽อนถึงปิอซั ซ฽าเอรแเบ บนถนน Corso Sant’ Anastasia เราเจอร฾านขายขนมน฽ารักๆ เยอะเลย อย฽างร฾านขายขนมเวเฟอรแชื่อดังของอิตาลีอย฽างลอคเกอรแ (Loacker) ภายในร฾านเต็มไปด฾วยขนม Loacker ทุกรูปแบบ ทุกรสชาติ ทุกขนาดบรรจุ นอกจากนี้ยังมีส฽วนหน฾าร฾านที่เป็นร฾านเค฾กที่ทําจาก Loacker อีกด฾วย มีกาแฟ เครื่องดื่มขายคู฽กัน ครบวงจร ไม฽ไกลกันก็มีร฾านขายเจลาโต฾นา฽ รักน฽ากินหลายร฾านเช฽นร฾าน Amorino ร฾านนี้ขายทั้งเจ ลาโต฾ เครป กาแฟ เป็นคาเฟุดีๆ นี่เอง คนเยอะเชียว

ร๎าน Loacker Loacker และ Loacker [329]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ร๎านเจลาโต๎ Amorino นํากินมากๆ

Ponte Pietra

Castelvecchio Route to go: Ponte Pietra to Castelvecchio (Credit: www.mappery.com)

[330]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

เราเดินตามแผนที่มาจนถึงปราสาทเวคคิโอ (Castelvecchio) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพิพธิ ภัณฑแศิลปะ เราเดินชมภายในสนามหญ฾าตรงกลางและรอบนอกอีกนิดหน฽อย ตอนนั้น 6 โมงครึ่งละ มืดตึ๊ดตื๋อ ฝนยังไม฽ยอมหยุด ตก เปาะแปะๆ อยู฽ได฾ เฮ฾อ!! เราเดินไปข฾ามสะพาน Ponte Scaligero ดูนิดหน฽อยให฾เห็นภาพ ก็ตัดสินใจว฽าถึงเวลา เดินกลับมาขึ้นรถที่ปิอัซซ฽าบราได฾แล฾ว เราเดินกลับมาทางถนน Via Roma ซื้อตั๋วรถเมลแที่ร฾านขายของชําแถวนั้น ใกล฾สุดถนน Via Roma ซึ่งจะถึงปิอัซซ฽าบราพอดีจะมีรา฾ นไอศกรีมชื่อดังตามที่คุณธรณแได฾แนะนําไว฾ในหนังสือเวนิส พิศวาส ชื่อร฾าน Gelateria Savoia เราตัดสินใจแวะเข฾าไปพักกินเจลาโต฾สักหน฽อย ร฾านนี้เป็นร฾านเจลาโต฾แบบ ดั้งเดิมของเวโรนา เปิดมาตั้งแต฽ปีค.ศ. 1939 เราสั่งไอศกรีมแบบที่คุณธรณแแนะนําเปฺะ (ตอนนั้นเหนื่อยมากคิดอะไร เองไม฽ออกแล฾ว) คือ Semi-freddo เป็นไอศกรีมแซนดแวิชทรงสี่เหลี่ยม มีแผ฽นเวเฟอรแประกบบนล฽าง ตรงกลางเป็น เนื้อไอศกรีมหนาปึ๊ก อร฽อยสมคําเชื้อเชิญของคุณธรณแจริง (แต฽ต฾องขออภัยมากๆ รูปถ฽ายที่ร฾านนี้เบลอมาก ตอนนั้น เมื่อยเหนื่อยล฾า ข฾าวก็ยังไม฽ได฾กิน ฝนก็ยงั ปรอยตลอด เหนียวตัวไปหมด เลยกดชัตเตอรแแบบไม฽ได฾ฟังเสียงโฟกัส ไม฽ได฾ เช็คสภาพรูปใดๆ เลย)

สะพาน Ponte Scaligero และปราสาทเวคคิโอ (Castelvecchio)

[331]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

Gelateria Savoia Piazza Bra

Route to go: Castelvecchio to Gelateria Savoia (near Piazza Bra) (Credit: www.mappery.com)

ร๎านเจลาโต๎ Gelateria Savoia กับเมนูไอศกรีมแซนด์วิช semi-freddo [332]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 10: Venice – Verona

ที่ปิอัซซ฽าบรา เราขึ้นรถเมลแสายอะไรไม฽รู฾จําไม฽ได฾ แต฽ไม฽พ฾นสาย 11, 12, 13, 72 ตามแบบขามา ไปลงที่ สถานี Stazione P.N. (Porta Nuova) หน฾าสถานีรถไฟ แล฾วเดินกลับโรงแรม อาหารค่ําวันนี้แสนจะอนาถา เป็น มาม฽าคัพที่นํามาจากเมืองไทย แต฽จริงๆ แล฾วเราก็ต฾องการเคลียรแมันออกจากกระเป฻านั่นแหละ เพือ่ เอาไว฾แพ็คของ กลับเมืองไทยแล฾ว เวโรนาในความคิดของเรานั้น เมืองนี้เป็นเมืองที่เหมาะแก฽การเดินท฽องเที่ยวชมเมืองมากๆ เมืองมีขนาด กําลังพอดีเหมาะแก฽การเดินเท฾าชิลๆ (แบบที่เราทําวันนี้คงไม฽เรียกว฽าชิล แต฽เป็นแบบช้ําๆ มากกว฽านะ) ร฾านรวง บรรยากาศ 2 ข฾างทางก็น฽ารัก อาจจะเหมาะกับผู฾หญิงนะ คุณผู฾ชายอาจไม฽อนิ เท฽าไหร฽ ส฽วนตัวแล฾วชอบเมืองนี้อะ อย฽างที่บอกว฽าเหนือความคาดหมาย เมืองสวย น฽ารัก น฽าเดิน น฽าเพลิน ถ฾ามีโอกาสได฾กลับมาอิตาลีอีก เราจะ พยายามมาเทีย่ วซ฽อมที่เวโรนานี้ให฾ได฾ มาสัก 1 วัน 1 คืนเต็มๆ เลย หวังว฽าฝนจะไม฽ตกอีก

[333]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

วันที่ 11: Milan – BKK

[334]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

และแล฾วเราก็เดินทางมาถึงวันสุดท฾ายของทริปแล฾ว ฮิ้วๆๆ (ตกลงอยากมาเทีย่ วหรือเปล฽าเนี่ย... อยากสิ อยากมาก แต฽ก็คิดถึงน฾องพลับมากเช฽นกัน มากกว฽ามากๆ ด฾วย) วันนี้เราจะออกเดินทางจากเวโรนามุํงสูํจุดหมาย ปลายทางเมืองสุดท๎ายในอิตาลีอยํางมิลาน (Milan) เมืองแฟชั่น จริงๆ แล๎วจุดประสงค์การมามิลานของเรานั้น ไมํได๎อยูํที่การเข๎าชมดูโอโมเมืองมิลาน แลนด์มาร์คที่เดํนที่สดุ อยํางทีห่ ลายคนไปกัน แตํอยูํที่การได๎มีโอกาสเข๎า ชมผลงานชิ้นส้าคัญของลีโอนาร์โด ดา วินชี ที่หาโอกาสเข๎าชมได๎ยาก (เพราะต๎องจองลํวงหน๎านาน) อยําง ภาพเขียน The last supper อยํางเดียวเลยก็วําได๎ หลังจากชมภาพเขียนเสร็จก็เป็นอันจบทริปนี้ ภารกิจเสร็จ สมบูรณ์ สุดท฾ายเราจะสโลวแดาวนแทา฾ ยทริปด฾วยการเดินช฾อปปิ้งซื้อของฝากให฾น฾องพลับเล็กๆ น฾อยๆ (หารู฾ไม฽ เป็น ภาระในการแบกมาก) ก฽อนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย (เหรอ ?!?) หลังรับประทานอาหารเช฾าของโรงแรม (อาหารเช฾าโรงแรม Novo Hotel Rossi ดีที่สุดแล฾วในทริปนี้ อยากจะนั่งกินอยู฽นานๆ แต฽เวลาไม฽พอ) เรารีบเช็คเอาทแเพื่อไปขึ้นรถไฟจากสถานี Verona Porta Nuova ตอน 8.05 น. รถไฟไปถึงมิลานที่สถานีรถไฟมิลาน เซ็นทราเล (Milan Centrale) 9.25 น. ก฽อนอื่นเราต฾องหาที่ฝาก กระเป฻าก฽อน สถานีรถไฟที่มิลานนี้เป็นสถานีใหญ฽ มีหลายชั้น ช฽วงแรกงงมากๆ ต฾องหาแผนผังมาอ฽านแล฾วค฽อยๆ งม ไป ห฾องรับฝากกระเป฻าของสถานีรถไฟอยู฽ที่ชั้น 1 (ชั้นล฽าง – ภาษาอิตาเลียนเรียกว฽าชั้น Piano Terra) เขียนว฽า Deposito Bagagli (Left Luggage) เวลาทําการและค฽าฝากกระเป฻าตามนี้เลย

สถานีรถไฟ Milan Centrale

ห๎องรับฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟมิลาน

[335]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

Deposito Bagagli (Left Luggage) (ข฾อมูลเมื่อต.ค. 2012) เวลาเปิด: 6.00 – 23.00 น. ค฽าฝาก: 5 ชั่วโมงแรก – 5 EUR ชั่วโมงที่ 6 ถึง 12 – 0.70 EUR ต฽อชั่วโมง ชั่วโมงที่ 13 เป็นต฾นไป – 0.30 EUR ต฽อชั่วโมง หมายเหตุ: น้ําหนักกระเป฻าสูงสุด 20 กก. ต฽อใบ ไม฽รับผิดชอบต฽อของมีค฽าใดๆ ไม฽รับฝากของอันตราย สารพิษ และระยะเวลารับฝากสูงสุดไม฽เกิน 5 วัน แถวต฽อคิวฝากกระเป฻ายาวพอสมควร เราเสียเวลาตั้งแต฽ตามหาที่ฝากจนฝากกระเป฻าเสร็จเรียบร฾อย ประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ได฾เวลาท฽องเที่ยวในมิลานแล฾ว มิลานหรือมิลาโน (Milan; Milano) เป็นเมืองหลวงของแคว฾นลอมบารแดีทางตอนเหนือของอิตาลี ชื่อเสียงของมิลานนั้นมาจากการเป็นเมืองศูนยแกลางการค฾า อุตสาหกรรมและแฟชั่น นั่นจึงทําให฾มิลานกลายเป็น hub หรือเมืองศูนยแกลางการเดินทางในยุโรป สายการบินส฽วนใหญ฽จะต฾องมีเครื่องมาลงที่มิลานเพื่อต฽อไปยังเมือง อื่นๆ ในยุโรปแทบทั้งนั้น ในขณะที่ชื่อเสียงทางด฾านสถานที่ท฽องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมยุคเก฽าเฉกเช฽นเมืองอื่นๆ ใน อิตาลีที่เราไปเที่ยวมาตั้งแต฽วันแรกที่โรมจนถึงเมื่อวานที่เวโรนานั้น สําหรับในมิลานเรียกว฽าแทบจะนับชิ้นได฾เลย การเดินทางในมิลาน ค฽อนข฾างสะดวกสบาย ระบบขนส฽งสาธารณะนั้นถูกรวมเข฾าด฾วยกันทั้งหมดดังเช฽น เมืองอื่นๆ ได฾แก฽ รถไฟใต฾ดิน รถเมลแ และรถราง ดําเนินการโดย ATM www.atm.it รถไฟใต฾ดินและรถรางเป็น ทางเลือกหลักที่นักท฽องเที่ยวส฽วนใหญ฽ใช฾กัน เพราะสถานที่ท฽องเที่ยวสําคัญ (ทีม่ ีจํานวนไม฽มาก) ในมิลาน ต฽างอยู฽ รวมกันในเขตตัวเมืองที่รถไฟใต฾ดินและรถรางเข฾าถึง แต฽ถ฾าสถานที่ที่อยู฽นอกเมืองออกไป ก็ต฾องพึ่งพารถเมลแแทน

บรรยากาศสถานีรถไฟใต๎ดิน (เมโทร) ในมิลาน [336]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ประเภทตั๋วโดยสาร มีหลากหลายประเภทมากทั้งแบ฽งตามพื้นที่เดินทาง ระยะเวลาเดินทาง จํานวนเที่ยว เดินทาง ซึ่งรายละเอียดตั๋วโดยสารทุกประเภทโดยละเอียดสามารถดูได฾จากเว็บ www.atm.it ในหัวข฾อ Fares and Types ในที่นเี้ ราจะเลือกเฉพาะตั๋วชนิด Urban ticket หรือตั๋วที่ใช฾สําหรับเดินทางภายในเขตตัวเมืองมิลานเท฽านั้น ซึ่งมันก็จะมีรายละเอียดปลีกย฽อยอีกมากมาย 1. Urban ticket 1.5 EUR – ตั๋วเที่ยวเดียว มีอายุ 90 นาทีหลังจาก validate (แสตมป฼) 2. Carnet of 10 standard tickets 13.8 EUR – ใช฾ได฾ 10 เที่ยว เที่ยวละ 90 นาทีหลังจากแสตมป฼ ใช฾ได฾ครั้งละ เที่ยว ใครจะมุบมิบใช฾พร฾อมกัน 2-3 คนไม฽ได฾นะ 3. BI4 4-Journey integrated ticket 6 EUR – ใช฾ได฾ 4 เที่ยว เที่ยวละ 90 นาทีหลังจากแสตมป฼ วันอาทิตยแหรือ วันหยุดพิเศษ ถ฾าแสตมป฼ก฽อน 13.00 น. สามารถใช฾ได฾ไม฽จํากัดจํานวนรอบได฾จนถึงเวลา 13.00 น. ถ฾าแสตมป฼ หลัง 20.00 น. สามารถใช฾ได฾ไม฽จํากัดจํานวนรอบจนถึงรถหยุดให฾บริการในวันนัน้ 4. One-day ticket 4.5 EUR – ตั๋ววัน มีอายุ 24 ชั่วโมงหลังจากแสตมป฼ 5. Two-day ticket 8.25 EUR – ตั๋ว 2 วัน มีอายุ 48 ชั่วโมงหลังจากแสตมป฼ 6. Weekly 2x6 pass 10 EUR – ใช฾ได฾วันละ 2 เที่ยว เที่ยวละ 90 นาทีหลังแสตมป฼ เป็นเวลา 6 วันภายใน 1 สัปดาหแ 7. Evening ticket 3 EUR – ตั๋วกลางคืน ใช฾ได฾ไม฽จํากัดจํานวนรอบหลัง 20.00 น. ถึงรถหยุดให฾บริการในวันนั้น 8. Luggage ticket 1.5 EUR – ตั๋วสําหรับกระเป฻าเดินทาง (ไม฽รู฾ว฽ากระเป฻าต฾องมีขนาดใหญ฽แค฽ไหนถึงต฾องซื้อตั๋ว แยก) 9. Weekly travel card 11.3 EUR – ตั๋วสัปดาหแ ไม฽จํากัดจํานวนรอบ หลังจากฝากกระเป฻าเสร็จ เรามองหาปูายตัว M สีขาวพื้นแดง ตัวใหญ฽ภายในสถานีเพือ่ หาทางไปยังสถานีรถไฟใต฾ดินหรือเมโทร (Metro) สถานีรถไฟใต฾ดินมีชื่อเดียวกับสถานีรถไฟคือ Centrale FS เรา ซื้อตั๋วแบบ one-day ticket จากร฾าน Tabacchi แถวๆ นั้น (สามารถ ซื้อตั๋วผ฽านเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติก็ได฾ แต฽พอดีตอนนั้นเราไม฽เห็นตู฾) ก฽อน ใช฾งานต฾องเอาไปแสตมป฼ที่เครื่องกั้นตรงทางเข฾าภายในสถานี ลักษณะ เดียวกับ BTS/MRT บ฾านเรา สถานที่ท฽องเที่ยวแรกในมิลานของเราคือดูโอโม (Duomo) เมืองมิลาน มีเมโทรสาย M1 และ M3 วิ่งผ฽าน จากสถานี Centrale FS เราขึ้นเมโทร M3 สายสีเหลือง ปลายทาง San Donato ไปลงที่สถานี ตู๎ขายตั๋วรถไฟใต๎ดินอัตโนมัติ Duomo (4 ปูาย 11 นาที) เมื่อเดินขึ้นบันไดโผล฽ออกจากสถานี เราก็ เห็นดูโอโมหินอ฽อนสีขาวหลังใหญ฽เบิ้มอยู฽ตรงหน฾าเลย

[337]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

แผนที่รถไฟใต๎ดินและรถไฟชานเมืองในมิลาน (Credit: www.atm.it) [338]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

แผนที่รถไฟใต๎ดินและรถไฟชานเมืองในมิลาน (Credit: www.atm.it) [339]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

แผนที่ตัวเมืองมิลาน (Credit: www.aboutmilan.com)

[340]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ดูโอโมเมืองมิลาน (Duomo)

ดูโอโมเมืองมิลาน (Duomo) ตั้งอยู฽ที่จัตุรัสดูโอโม (Piazza Duomo) เป็นมหาวิหารกอธิกที่ใหญ฽ที่สุด ในโลก ทําจากหินอ฽อนสีขาวเกือบทั้งหมด สร฾างขึ้นโดยตระกูลวิสคอนติเพื่ออุทิศให฾พระแม฽มาเรียที่นางประทาน บุตรชายให฾แก฽ตระกูล (ข้อมูลจากหนังสือใครๆ ก็ไปเที่ยวอิตาลี) ใช฾เวลาก฽อสร฾าง 400 กว฽าปีจึงแล฾วเสร็จ ลักษณะเด฽น ของดูโอโมอยู฽ที่ยอดแหลมๆ ด฾านหน฾าที่เป็นสัญลักษณแของสถาปัตยกรรมแบบกอธิก ยอดแหลมที่สูงที่สุดด฾านบนมีรูป สลักพระแม฽มาเรียหุ฾มด฾วยทอง (ตอนที่เราไปนั้น กําลังปิดซ฽อมพอดีเลยเห็นไม฽ชดั ) บริเวณกลางจัตุรัสดูโอโมที่อยู฽ด฾านหน฾า มีพระบรมรูปทรงม฾าพระเจ฾าวิคเตอรแ เอมานูเอลที่ 2 ตั้งอยู฽ จัตุรัส กว฾างใหญ฽มากแต฽ก็เต็มไปด฾วยผู฾คนและนักท฽องเที่ยวมากมายที่มายืนถ฽ายรูป ซึ่งก็ต฾องระวังตัวให฾มากกันเลยทีเดียว เพราะจากทั้งที่อ฽านหนังสือ ดูสารคดี ทุกแหล฽งต฽างบอกเป็นเสียงเดียวกันว฽าจัตุรสั นี้เป็นแหล฽งรวมมิจฉาชีพของมิลาน ยืนถ฽ายรูปยิ้มหวานอยู฽ดีๆ ก็จะมีใครหน฾าไหนไม฽รู฾เอาเม็ดข฾าวโพดยัดใส฽มือบอกให฾เลี้ยงนกพิราบแล฾วก็เรียกเก็บเงิน หน฾าตาเฉย (รายการหนังพาไปของคุณบอล-ยอดยังตราตรึง) เราก็แบบทั้งอ฽านทั้งดูตัวอย฽างมาจนวิตกจริต ยืนถ฽ายรูป แบบไม฽เป็นสุข เหลียวซ฾ายแลขวาตลอดเวลา เห็นใครทําท฽าจะจ฾องเข฾ามาหาหน฽อยก็รีบเผ฽นเข฾าใกล฾ประตูดโู อโมทันที คิดแล฾วขํา เหมือนคนบ฾ามากๆ ถึงแม฾ว฽าด฾านนอกดูโอโมจะดูยิ่งใหญ฽อลังการ แต฽ภายในอาคารกลับเรียบง฽าย สไตลแเดียวกับดูโอโมที่ฟลอ เรนซแเลย ข฾างนอกเว฽อ ข฾างในเรียบ นักท฽องเที่ยวสามารถเข฾าชมและถ฽ายรูปภายในดูโอโมได฾ฟรี (โดยไม฽ใช฾แฟลช) และถ฾าหากอยากชมวิวเมืองมิลาน ก็สามารถเสียเงินขึ้นลิฟตแไปชมวิวที่ด฾านบนหลังคาดูโอโมได฾ เวลาเปิด: ทุกวัน 7.00 – 18.45 น. เข฾าชมฟรี [341]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ดูโอโมเมืองมิลาน

[342]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ภายในดูโอโม

[343]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

เราใช฾เวลาเดินชมจัตุรัสดูโอโมและภายในดูโอโมแค฽ประมาณครึ่งชั่วโมงก็คิดว฽าเพียงพอแล฾ว ออกเดินต฽อไป ยังอาคารใหญ฽ข฾างๆ ดูโอโม นั่นคือกัลเลเรีย วิตโตริโอ เอมานูเอลที่ 2 (Galleria Emanuele II) ที่นี่เป็น สถานที่ช฾อปปิ้งของหรูของแบรนดแที่มีชื่อเสียงโด฽งดังที่สุดแห฽งหนึ่งในอิตาลี ลักษณะตัวอาคารและบรรยากาศให฾ ความรู฾สึกเดียวกับอาคารกัลเลเรียอุมแบรแโตที่นาโปลี แต฽ที่มิลานนี้หรูหรากว฽ามาก เราเข฾ามาเดินที่นี่คงไม฽ใช฽เพื่อซื้อ ของแบรนดแเบินอะไรทั้งนั้น จะไปมีตังคแได฾ยังไง แค฽เดินชมก็อิ่มใจแล฾วล฽ะ แต฽ไม฽อิ่มท฾องนะ เพราะฉะนั้นเราเลยเดินหา ของกินแถวนี้ดกี ว฽า กินไอศกรีมกับขนมเล็กๆ น฾อยๆ อยู฽รอดได฾อีกหลายชัว่ โมงก็พอแล฾ว

Galleria Emanuele II [344]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

เดินออกมาที่ทางออกอีกฝั่งของ Galleria Emanuele II จะพบกับอนุสาวรียแของสุดยอดศิลปินอย฽างลีโอ นารแโด ดา วินชี ตั้งอยูก฽ ลางปิอัซซํา เดลลา สกาลา (Piazza della Scala) รอบๆ อนุสาวรียแมีม฾านั่งยาวอยู฽ โดยรอบ เราเลยถือโอกาสนี้นั่งปั๊มนมซะหน฽อย (แอบทุลักทุเลมาก เพราะต฾องหลบสายตาคนที่นั่งม฾านั่งข฾างๆ ที่ไม฽ได฾ ติดกันนะ แต฽ก็พอสังเกตพิรุธของเราได฾) ตรงกันข฾ามกับอนุสาวรียแดา วินชีคือโรงละครลา สกาลา (Teatra alla Scala) โรงโอเปร฽าชื่อดังที่สุดของอิตาลีและที่สุดแห฽งหนึ่งของโลก

Piazza delle Scala และอนุสาวรีย์ลีโอนาโด ดา วินชี

โรงละครลา สกาลา (Teatra alla Scala)

ได฾เวลาสมควรแล฾ว ประมาณเที่ยงครึ่งเราเดินไปขึ้นเมโทรเพื่อไปยังจุดหมายไฮไลทแ สิ่งที่เรารอคอยมาก ที่สุดสิ่งหนึ่งในทริปนี้นั่นคือการไปชมภาพเขียนพระกระยาหารมื้อสุดท฾ายหรือ The Last Supper ผลงานของท฽าน อนุสาวรียแที่เรานั่งปั๊มนมนั่นล฽ะ ลีโอนารแโด ดา วินชี... จากปิอัซซ฽า เดลลา สกาลา เราเดินย฾อนกลับไปดูโอโมเพือ่ ขึ้น เมโทร M1 (สายสีแดง) ปลายทาง Bisceglie หรือ Rho Fieramilano นั่ง 3 ปูายไปลงสถานี Cadorna FN ออก [345]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

จากสถานี เดินตามถนน Piazzale Luigi Cadorna มุ฽งหน฾าสู฽ถนน Via Giovanni Boccaccio เดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอวงเวียน ให฾เดินไปที่ทางออกที่ 2 ซ฾ายมือ เข฾าสู฽ถนน Via Caradosso เดินตรงไปจนสุดถนนจะเจอถนน Corso Magenta ตัดผ฽าน เลี้ยวขวา จะพบโบสถแ Santa Maria delle Grazie อยู฽ทางขวามือตั้งแต฽หัวมุมถนนเป็น ต฾นไป โดยจุดที่เรายืนจะเป็นท฾ายโบสถแ ให฾เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเจอจัตุรัสหน฾าโบสถแ Piazza di Santa Maria delle Grazie อาคาร Cenacolo Vinciano ซึ่งเป็นที่อยู฽ของภาพ The Last Supper จะอยู฽ตรงนั้น

Route to go: Metro Cadorna FN to Santa Maria delle Grazie

Cenacolo Vinciano (Credit: http://legraziemilano.it/il-cenacolo/)

โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลเล กราเซีย (Santa Maria delle Grazie) ตัง้ อยูบ฽ นถนน Via Giuseppe Antonio Sassi สร฾างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1465 – 1482 ได฾รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองคแการยูเนสโกตั้งแต฽ปี [346]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ค.ศ. 1980 ความโด฽งดังของโบสถแนี้อยู฽ทสี่ ถานที่ที่เคยเป็นโรงอาหารของโบสถ์ทเี่ รียกวํา Cenacolo Vinciano ได฾ เก็บรักษาภาพเขียนชื่อดังก฾องโลกของลีโอนารแโด ดา วินชีชื่อภาพพระกระยาหารมื้อสุดท฾าย (The Last Supper) การมีโอกาสเข฾าชมภาพเขียนนี้ไม฽ใช฽เรื่องง฽ายเหมือนการเข฾าชมพิพิธภัณฑแหลายๆ ที่ที่สามารถเดินเข฾าไปซื้อตั๋วได฾เลย แต฽ต฾องทําการจองล฽วงหน฾าเพราะเขาจํากัดจํานวนผู฾เข฾าชมรอบละประมาณ 25 คนเท฽านั้น (เท฽าที่นับจากรอบของเรา นะ) เหมือนกรณีพิพธิ ภัณฑแบอรแเกเซที่โรมเนอะ โดยการจองคิวเข฾าชมล฽วงหน฾านั้นสามารถโทรจองหรือจองผ฽านเว็บ http://www.vivaticket.it/?nvpg[home]&op=cenacoloVinciano&change_language=1 ก็ได฾ แน฽นอนเรา เลือกอย฽างหลัง เว็บไซตแเปิดให฾จองตั๋วล฽วงหน฾าประมาณ 3 เดือน เว็บจะอัพเดทเป็นระยะว฽าวันไหนจะเปิดให฾จองของ เดือนไหนแล฾ว เราเลือกรอบ 13.15 น. ไว฾ ต฾องไปรับตั๋วก฽อนเข฾าชมประมาณ 20 นาที พอใกล฾เวลาเข฾าชม มีนกั ท฽องเที่ยว หลายคนที่ walk-in เข฾ามาแบบไม฽รู฾อิโหน฽อิเหน฽หรืออาจหวังว฽าเผื่อฟลุคจะมีทวี่ ฽าง มี 2 คนเข฾ามาถามเราด฾วยว฽าทําไง ถึงมีตั๋วด฾วย เราก็อธิบายไป

Cenacolo Vinciano ที่อยูํของภาพ The Last Supper

ภาพพระกระยาหารมื้อสุดท๎าย (The Last Supper) (ค.ศ. 1495 – 1497) โดยลีโอนารแโด ดา วินชี มี ขนาด 460 x 880 ซม. เขาวาดบนกําแพงทางทิศเหนือของโรงอาหารของโบสถแซานตา มาเรีย เดลเล กราเซีย เพื่อ มอบให฾แก฽ดยุกและดัชเชสเจ฾านายของเขา The Last Supper เป็นภาพบอกเล฽าเรื่องราวสําคัญในพระคัมภีรแ ครั้ง เมื่อพระเยซูคริสตแและอัครสาวก 12 คนกําลังรับประทานปัสกา (ขนมปังไร฾เชื้อและเหล฾าองุ฽น) ระหว฽างนั้นพระเยซู ทรงตรัสว฽า “หนึ่งในพวกท฽านจะทรยศเรา (One of you will betray me)” และในวันรุ฽งขึ้นพระเยซูก็ถูกทหาร โรมันจับไปตรึงกางเขนประหารชีวิต ทําให฾ปัสกาเมื่อคืนกลายเป็นพระกระยาหารมื้อสุดท฾ายจริงๆ [347]


ยูดาส (Judas)

The Last Supper (Credit: Wikipedia)

วันที่ 11: Milan – BKK

พระเยซู

Made in Italy, 2012 by KatieKat

[348]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ลักษณะเด฽นที่ทําให฾ภาพนี้มีชื่อเสียงโด฽งดังน฽าจะอยู฽ที่ 2 ประเด็นคือหนึ่ง เรื่องราวในภาพที่ดา วินชีนาํ เสนอ เขาเลือกที่จะวาดภาพอากัปกิริยาของสาวกทั้ง 12 ทันทีที่พระเยซูได฾ตรัสประโยค “หนึ่งในพวกท฽านจะทรยศเรา” ซึ่งแตกต฽างจากภาพ The Last Supper ของศิลปินคนอื่นที่มักจะวาดภาพขณะทั้งหมดรับประทานปัสการ฽วมกัน เฉยๆ หรือบางคนก็วาดภาพที่ชี้ตวั ยูดาสที่เป็นสาวกทรยศออกมาเลย ภาพอากัปกิริยาของสาวกทั้งหมดที่ดา วินชี วาดขึ้น สามารถบอกเป็นนัยได฾วา฽ ใครมีนิสัยเป็นอย฽างไร คิดอย฽างไรและใครน฽าจะเป็นสาวกผู฾ทรยศ ให฾สังเกตที่ยูดาส ในมือของเขาถือถุงใบเล็กๆ ซึ่งน฽าจะเป็นถุงเงินที่ได฾รับเป็นค฽าจ฾างมาเพื่อให฾ทรยศต฽อพระเยซู นอกจากนี้ดา วินชียัง วาดให฾ศีรษะและตัวของเขาอยู฽ต่ํากว฽าสาวกคนอื่นและเป็นคนเดียวที่อยู฽ในเงามืด (ข้อมูลจาก http://www.visualarts-cork.com/famous-paintings/last-supper-leonardo-davinci.htm) ส฽วนอากัปกิรยิ าของสาวกคนอื่นที่ จับกลุ฽มคุยกันเป็นกลุ฽ม ดา วินชีก็สื่อสารออกมาทางภาพได฾อย฽างเต็มที่ทั้งสีหน฾า ท฽าทาง มือไม฾ ซึ่งอารมณแทั้งหมดใน ภาพนี้ถอื ได฾ว฽าเป็นสิ่งสําคัญที่สุดของภาพและเป็นนวัตกรรมของเขาเลยทีเดียว นอกจากนี้ดา วินชียังฉลาดเลือกใน การวาดภาพเชิงลึกให฾ออกมาเป็น 3 มิติ โดยสร฾างความต฽อเนื่องระหว฽างพื้นทีจ่ ริงของโรงอาหารกับพื้นที่ในรูปภาพ เพื่อให฾ผู฾ชมรู฾สึกว฽าตนเองเป็นส฽วนหนึ่งในภาพนี้ ประเด็นที่สองซึ่งเป็นประเด็นที่ทําให฾ภาพนี้เข฾าชมได฾ยาก ต฾องจองคิวเนิ่นนาน ต฾องจํากัดจํานวนคนและ เวลาเข฾าชมต฽อรอบ ภาพต฾องเก็บรักษาอย฽างดี ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ทั้งหมดนี้เนื่องจากดา วินชีได฾ทดลองใช฾ เทคนิคพิเศษในการวาดนี้ ภาพนี้ไม฽ใช฽ภาพเฟรสโก฾แท฾ๆ ซึ่งจะต฾องวาดบนผนังปูนเปียกให฾เสร็จทันเวลาก฽อนปูนจะ แห฾ง แต฽ดา วินชีกลับทดลองวาดภาพนี้บนผนังปูนแห฾งซึ่งรองพื้นด฾วยวัสดุหลายอย฽างแทน ทั้งนี้ก็เพือ่ ต฾องการให฾ ภาพวาดเล฽นแสงเงาได฾เต็มที่และเข฾าถึงเทคนิคการผสมผสานโทนของภาพให฾กลมกลืนที่เรียกว฽าเทคนิคสฟูมาโต (Sfumato) ซึ่งเทคนิคใหม฽นี้ทําให฾ดา วินชีสามารถวาดภาพได฾อย฽างสบายๆ ชิวๆ ไม฽ต฾องแข฽งกับเวลาเหมือนเทคนิค เฟรสโก฾ปกติ แต฽กลับทําให฾ตวั ภาพนัน้ บอบบางมาก เพียงไม฽กี่ปหี ลังภาพเสร็จสมบูรณแก็เริ่มส฽งสัญญาณไม฽ดีออก มาแล฾ว การบูรณะซ฽อมแซมภาพ The Last Supper นี้เกิดขึ้นอย฽างต฽อเนื่องตั้งแต฽ศตวรรษที่ 18 เป็นต฾นมา เป็นการ ระดมพลังสมองใช฾วิธีการ เทคนิคและเทคโนโลยีต฽างๆ ที่มีในตอนนั้นอย฽างเต็มที่ ถูกบ฾างผิดบ฾างแต฽กย็ ังทํากันเรื่อยมา จนการบูรณะครั้งยิ่งใหญ฽ที่สุดและน฽าพอใจที่สุดน฽าจะจบลงเมื่อปีค.ศ. 1999 หลังจากที่ทีมงานได฾ทําการบูรณะอย฽าง หนักมาตลอด 20 ปี ภาพ The Last Supper ปัจจุบัน ถึงแม฾จะยังคงอยู฽ที่เดิม (ก็มันถูกวาดบนผนังโรงอาหารนี่นา จะย฾ายไป ไหนได฾นอกจากยกไปทั้งอาคารเลย) แต฽ตัวห฾องนั้นได฾ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นซึ่งส฽งผลต฽อการเสื่อมสภาพของ ภาพ ทําให฾เมื่อเราได฾เข฾าไปชมของจริง ทั้งขนาดของภาพ บรรยากาศของห฾อง จํานวนคนที่เข฾าชม และเวลาที่ให฾เข฾า ชมอันน฾อยนิดเพียง 15 นาทีเปฺง (ประหนึ่งกําลังสอบแล็ปกริ๊ง) มันทําให฾การชมภาพนี้มันสนุก ตื่นเต฾น ตื้นตัน ทึ่ง อึ้ง ถูกสะกดอย฽างบอกไม฽ถูก ส฽วนตัวแล฾วชอบมากๆ ถึงแม฾ว฽าจะเข฾าไม฽ค฽อยถึงความงามของภาพเท฽าไหร฽นัก ก็เพราะว฽า มันถูกบูรณะ ถูกศัลยกรรม ฉีดฟีลเลอรแ โบท็อกซแ ร฾อยไหม ผ฽านมือหมอมาไม฽รกู฾ ี่สิบมือ เลยไม฽แน฽ใจว฽าหน฾าเดิมของ ภาพนี่จะสวยหรือแตกต฽างจากของปัจจุบันนี้แค฽ไหน ในห฾องเดียวกันนี้ นอกจากกําแพงทางทิศทางเหนือจะมีภาพ The Last Supper แล฾ว ระหว฽างเข฾าชมภาพ อย฽าลืมเหลียวกลับหลังหันไปชมอีกภาพหนึ่งที่กําแพงทางทิศใต฾ นัน่ คือภาพการตรึงกางเขนของพระเยซู [349]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

(Crucifixion) ผลงานของจิโอวานนี่ โดนาโต฾ ดา มอนตอรแฟาโน (Giovanni Donato da Montorfano) ทําให฾ห฾องนี้ มีภาพที่เป็นจุดเริ่มต฾นและจุดจบของเหตุการณแ “ทุกขกิรยิ าของพระเยซู (Passion of the Christ)” ซึ่งเป็น เหตุการณแบรรยายความทุกขแทางกายและทางใจของพระเยซู อยู฽รวมในห฾องเดียวกัน (ข้อมูลจาก www.bloggang.com ของคุณ sirivinit) ข๎อมูลการเข๎าชม Cenacolo Vinciano (The Last Supper) เวลาเปิด: วันอังคารถึงวันอาทิตยแ 8.15 – 19.00 น. (เข฾าชมรอบสุดท฾าย 18.45 น.) ปิดทุกวันจันทรแ วันที่ 1 ม.ค. (วันปีใหม฽) 1 พ.ค. (วันแรงงาน) และ 25 ธ.ค. (วันคริสตแมาส) การซื้อตั๋ว: สามารถซื้อตั๋วล฽วงหน฾าผ฽านเว็บ http://www.vivaticket.it/ โดยทางเว็บจะเปิดขายล฽วงหน฾า ประมาณ 3 เดือน ควรรีบไปจดๆ จ฾องๆ หน฾าเว็บเพื่อดูเวลาเริ่มเปิดขายที่แน฽นอน เมื่อถึงเวลาก็พุ฽งไปกดเลือกรอบ เลือกซื้อเลย เพราะตั๋วหมดค฽อนข฾างเร็ว การรับตั๋ว ให฾ปริ๊นทแหรือนําหมายเลขการซื้อตั๋วไปแสดงที่เคาทแเตอรแใน อาคาร Cenacolo Vinciano ก฽อนถึงรอบการชม 20 นาที คําเข๎าชม: 6.50 EUR (ค฽าจองตั๋วล฽วงหน฾าอีก 1.5 EUR)

โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลเล กราเซีย

ครบ 15 นาทีที่ได฾รับอนุญาตเข฾าชม เรายังไม฽จุใจ เลยต฾องซื้อหนังสือ Leonardo da Vinci มาไว฾อ฽าน เพิ่มเติมที่ร฾านขายของที่ระลึกตรงทางออก เดินออกมาถ฽ายรูปกับหน฾าโบสถแและตัวอาคาร Cenacolo Vinciano อีก พักใหญ฽แล฾วก็ก฾มมองตารางเที่ยวในมือตัวเอง... นี่เราจบทริปเที่ยวอิตาลี (อย฽างไม฽เป็นทางการ) แล฾ว เหรอเนีย่ เวลา ที่เหลือก฽อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ จะเป็นเวลาของการช฾อปปิ้งของฝากน฾องพลับ ซึ่งเอาเข฾าจริง พวกของฝาก

[350]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ประเภทของเล฽นชิ้นใหญ฽ๆ นี่ไม฽น฽าแบกกลับมาให฾เป็นภาระเล฾ย ยอมเสียเงินแพงอีกหน฽อย ซื้อจากเว็บหิ้วที่แม฽ๆ คน ไทยเปิดขายก็ได฾ มีหมดทุกร฽นทุกแบบ แต฽ตอนนั้นก็นะ บ฾าพลังมาก เอะอะจะเหมากลับมาท฽าเดียว จากโบสถแซานตา มาเรีย เดลเล กราเซีย เราเดินกลับไปที่สถานีเมโทร Cadorna FN นั่งเมโทร M1 สายสี แดง ปลายทาง Sesto 1 Maggio FS นั่งไป 7 ปูาย ลงที่สถานี Lima บนถนนคอรแโซ บูเอโนส ไอเรส (Corso Buenos Aires) ที่สถานีเมโทรตั้งอยู฽นจี้ ะเป็นถนนที่ขายเสื้อผ฾าสตรีทแฟชั่นอย฽าง Zara H&M Benetton Mango รวมไปถึงร฾านของเล฽นเด็กสัญชาติอิตาลีอย฽างชิคโก (Chicco) ด฾วย ซึ่งเรามาทีน่ ี่เพื่อร฾านนี้นี่แหล฽ะ เราได฾รถขาไถจาก ชิคโกมา 1 คันกับเสื้อผ฾าเด็ก H&M มาให฾พลับ เราใช฾เวลาช฾อปปิ้งประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็เสร็จเรียบร฾อย (ดูแต฽ของลูกอย฽างเดียวจริงๆ ของผู฾ใหญ฽ไม฽ใส฽ใจ ใดๆ ทั้งสิ้น) ได฾เวลากลับไปเอากระเป฻าที่ฝากไว฾เพื่อเดินทางไปสนามบินกันแล฾ว จากเมโทร Lima ขึ้นเมโทร M1 สาย สีแดง ปลายทาง Sesto 1 Maggio FS ไปอีก 1 ปูาย ลงที่สถานี Loreto แล฾วเปลี่ยนเป็นสาย M2 สีเขียว ปลายทาง Assago หรือ Piazza Abbiategrasso ไปลงที่สถานี Centrale FS (2 ปูาย) เราไปรับกระเป฻าที่ฝากไว฾ หาที่นั่งปั๊มนมและเตรียมตัวขึ้นรถบัสไปสนามบิน Milan Malpensa ตอน 16.30 น. จากสถานีรถไฟ Milan Centrale ให฾หาทางออกถนน Piazza Luigi di Savoia หรือให฾มองหาปูายรูปรถบัสไว฾ (ดู จากปูายบอกทาง / แผนที่ในสถานรถไฟ) ที่ถนนนี้จะมีบริการ shuttle bus จากสถานีรถไฟไปสนามบิน Milan Malpensa (Milan MXP) หลายบริษัทมาก เลือกได฾ตามใจชอบ รถออกทุก 20 นาที รถของบริษัทไหนกําลังจะออก ก็ขึ้นคันนั้นเลย ซื้อตั๋วได฾ที่พนักงานที่อยูห฽ น฾ารถ ราคาเท฽ากันหมดทุกเจ฾า 10 EUR (ต.ค. 2012) ไม฽ต฾องทําเว฽อเหมือน เราที่ซื้อตั๋วล฽วงหน฾าผ฽านเว็บ http://ticketonline.malpensashuttle.it/default.cfm นอกจากใช฾วธิ ีขึ้นรถบัสเพื่อ ไปสนามบิน Milan Malpensa แล฾ว ยังสามารถใช฾วธิ ีนั่งรถไฟก็ได฾ รถไฟ Malpensa Express วิ่งตรงจากสถานี รถไฟ Cadorna (สถานีที่เราไปลงเพื่อจะไปดูภาพ The Last Supper นั่นแหละ) ไปยังสนามบิน รถออกทุก 30 นาที ใช฾เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

แผนที่ถนน Piazza Luigi di Savoia สถานที่จอดรถ shuttle bus ไปสนามบิน Milan Malpensa [351]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

รถ shuttle bus จากสถานีรถไฟ Milan Centrale ไปสนามบิน Milan Malpensa (Milan MXP)

ใช฾เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง รถ shuttle bus ก็พาเรามาถึงสนามบิน Milan Malpensa terminal 1 ตอน ประมาณ 17.15 น. ขณะที่กําลังกวาดตามองปูายตารางเวลาออกของเที่ยวบินเพื่อหาช฽องเช็คอิน ทันใดนั้น เหตุการณแที่ไม฽คาดคิดและเป็นประสบการณแที่เรายังไม฽เคยเจอมาก฽อนก็เกิดขึ้น นั่นคือบนปูายเขียนบอกว฽าเที่ยวบิน ของเรานั้นถูกยกเลิก Cancelled เรามองซ้ําๆ อย฽างไม฽เชื่อสายตาตัวเอง ณ จุดนั้น เวลานั้น เราจําความรู฾สึกได฾แม฽น มากๆ ว฽า... เราช็อคมาก หน฾าชา ตัวชา ไม฽อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ในขณะที่อีกใจก็คิดไปไกลถึงสิ่งที่ต฾องเผชิญข฾างหน฾า จากความรู฾สึกแรกที่รู฾สึกดีใจว฽าเย฾! ทริปจบแล฾ว เทีย่ วครบประทับใจอย฽างที่ฝันแล฾ว ตอนนี้เหนื่อยมากอยากกลับบ฾าน อยากไปเจอน฾องพลับจะแย฽แล฾ว กลับกลายเป็นว฽า นี่คืออะไรอะไรเนี่ย จะต฾องทํายังไง จะต฾องเจออะไรอีก จะได฾กลับ บ฾านไหม เมื่อไหร฽ ยังไง เราจะทําได฾หรือเปล฽า โน฽น ความคิดเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล฾ว จากดีใจตอนแรก ตอนนี้เต็ม ไปด฾วยความรู฾สึกกลัวจนตัวสั่น ใจสั่นและห฽อเหี่ยวแทน (คือหลายคนอาจจะหาว฽าเว฽อไปปะ แต฽บอกเลยว฽าธรรมชาติ ตัวเองก็เป็นคนแบบนี้จริงๆ คือขี้กลัว ขีข้ ลาด เกลียดการเจอสิ่งที่ตัวเองไม฽สามารถควบคุมได฾แบบสุดๆ พอเจอแล฾วก็ จะสั่นเป็นเจ฾าเข฾าอย฽างนี้ล฽ะ น้าํ หูนา้ํ ตาไหลไม฽รู฾ตัวบ฽อยไป ควบคุมไม฽ได฾เลย) เรารวบรวมความกล฾าเดินไปที่เคาทแเตอรแเช็คอินของสายการบินสวิสแอรแ ทําเนียนๆ ขอเช็คอิน เผื่อว฽าสิ่งที่ เห็นเมื่อกี๊จะเป็นแค฽ฝันไป (น้าํ เน฽ามากๆ) แต฽แล฾วความจริงก็คือความจริง พนักงานบอกว฽าเที่ยวบินจากมิลานไปซูริค ของเรานั้นถูกยกเลิกแล฾ว เราถามเหตุผล พนักงานก็บอกว฽าไม฽ทราบ เราบอกกลับไปว฽าเมื่อคืน (ที่เวโรนา) เราเช็คอิน ผ฽านเว็บยังไม฽เห็นว฽าเที่ยวบินจะถูกยกเลิกเลย พนักงานก็ได฾แต฽บอกว฽าเขาไม฽ทราบสาเหตุจริงๆ แต฽ทางสายการบินได฾ มีการส฽งอีเมลแจ฾งผู฾โดยสารทุกคนให฾ทราบแล฾ว เราก็แบบ ณ ตอนนั้นปี 2012 เราอยากประหยัดค฽าโรมมิ่ง ค฽า wifi นะ ชีวิตก็ไม฽ได฾ติดอินเตอรแเน็ตขนาดนั้น ตลอดทริปเลยไม฽ได฾ใช฾เน็ตเลย ยกเว฾นตอนจะเช็คอินไฟลทแกลับเนี่ยล฽ะ เช็ค [352]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

อีเมลไม฽ต฾องพูดถึง... กลับมาคิดดูเมื่อกลับมาเมืองไทยแล฾ว เราเลยตัดสินใจว฽าเทีย่ วคราวหน฾าเราคงจําเป็นต฾องโรมมิ่ง หรือซื้อ pocket wifi ไปด฾วยแน฽นอน จะไม฽พลาดอีกแล฾ว จะได฾เช็คอีเมลดูทุกวัน เผื่อว฽ามีปัญหาอะไรจะได฾เตรียมตัว เตรียมใจได฾ทัน ตอนไปเที่ยวเชสกี้ ครุมลอฟที่เชกเมื่อปี 2010 นี่ก็ทีนึงแล฾ว บริษัทรถ shuttle bus จากครุมลอฟไป ออสเตรียยกเลิกเที่ยวรถกะทันหัน แจ฾งไปทางอีเมลเราแต฽เราไม฽ได฾เช็คดู มารู฾อีกทีก็ ณ เวลาเดินทางเลย ตอนนั้นวิ่ง วุ฽นติดต฽อบริษัทและหารอบรถใหม฽กันเหนื่อยและฉุกละหุกผิดแผนมาก ตอนนั้นก็ไม฽เข็ดเนอะ นึกว฽าจะไม฽เกิดซ้ําอีก ที่ ไหนได฾ หนักกว฽าเดิมโคตรๆ กลับมาที่ทริปนี้ เป็นที่แน฽นอนแล฾วว฽าไฟลทแมิลาน – ซูรคิ ของเราถูกยกเลิกแบบไม฽ทราบสาเหตุ แล฾วก็ไม฽มี เที่ยวบินไหนที่จะทําให฾เราไปถึงซูริคได฾ทันเที่ยวบินที่จะคอนเน็คต฽อไปกรุงเทพฯ ได฾ด฾วย สิ่งที่ทางสวิสแอรแจะชดเชย ให฾ได฾ก็คือเขาจะให฾เราพักโรมแรมใกล฾ๆ สนามบิน 1 คืน แล฾วพรุ฽งนี้เช฾าถึงจะมีเที่ยวบินออกจากมิลานไปซูริค ประมาณ 8 โมงเช฾า แล฾วค฽อยไปต฽อเครื่องของการบินไทยที่ซูริค เครื่องจะออกจากซูริคประมาณเที่ยงวัน ถึง กรุงเทพฯ เช฾าวันจันทรแ (จากแผนเดิมต฾องถึงกรุงเทพฯ วันอาทิตยแ 14.40 น.) โดยสายการบินเป็นผู฾รับผิดชอบ ค฽าใช฾จ฽ายส฽วนทั้งหมด ข฾อสรุปจากการวิง่ วุ฽นลองไปหาเที่ยวบิน สายการบินอื่น ยอมเสียเงินเอง เผื่อจะกลับกรุงเทพฯ ได฾เร็วขึ้น แต฽ก็ไม฽มีเลย สุดท฾ายเลยยอมรับข฾อเสนอของสวิสแอรแ ถามแล฾วถามอีก ถามซ้ําๆ เพื่อความชัวรแ ไม฽อยาก พลาดอีก ก็ออกมาได฾เป็นตามนี้ แต฽กว฽าจะได฾รับทราบข฾อสรุปนีก้ ็เล฽นเอาเหนื่อยเกือบหมดแรง เราต฾องอ฾อมไปติดต฽อ เคาทแเตอรแของสายการบินลุฟทแฮันซ฽า (Lufthansa) ด฾านหลัง ซึ่งเป็นเคาทแเตอรแที่รับติดต฽อเรื่องแบบนี้ มีผู฾โดยสาร หลายคนที่ประสบปัญหาเดียวกับเรา ทัง้ ที่อยู฽ในไฟลทแเดียวกับเราและไฟลทแอื่นที่เจอปัญหาเที่ยวบินมีปัญหา ต฾องต฽อ แถวถามที่มาที่ไป ข฾อตกลงเรื่องที่พักคืนนี้ ที่ไหน ยังไง ไปยังไง รอคอนเฟิรแม ไหนจะเรื่องเที่ยวบินใหม฽ กีโ่ มงกันแน฽ ยืนยันที่นั่งแน฽นอนไหม ต฾องติดต฽ออะไรเพิ่มเติมหรือเปล฽า โอ฿ย!! แสนจะวุ฽นวาย ตอนนั้นต฾องตั้งสติมากๆ ต฾องพูดต฾อง ฟังเขาให฾รู฾เรื่อง ชัดเจน เพราะถ฾าเกิดผิดพลาด หมายถึงเราต฾องกลับเมืองไทยช฾าไปอีกหรือไม฽ได฾กลับก็ไม฽รู฾ คือตอน นั้นสติเกือบแตก ระบบร฽างกายรวนไปหมด เพราะไม฽มีคนจากไฟลทแเดียวกับเราด฾วยอะ ไม฽รู฾มันไปไหนกันหมด เลย รู฾สึกเหมือนโดดเดี่ยว ไม฽มีแนวร฽วม ไม฽งั้นก็จะดูแนวร฽วมแล฾วก็ไปไหนไปกันละ แต฽นี่กลัวพลาดจริงๆ เรานั่งรถ shuttle bus ของโรงแรม ซึ่งจะจอดอยู฽ที่ปาู ยเฉพาะที่ทางสนามบินจัดไว฾ ไปที่โรงแรมคราวนแ พลาซ฽า (Crown Plaza) มีผู฾โดยสารหญิงชาวอเมริกัน 2 คน ซึ่งเป็นผู฾โดยสารเที่ยวบินเดียวกับเรานั่งรถไปกับเราด฾วย เขาจะไปต฽อเครื่องที่ซูริคเพื่อต฽อไปสนามบิน JFK ที่นิวยอรแค ก็ยังแปลกใจเหมือนกันว฽าทําไมถึงมีแค฽คู฽เราและเขา เท฽านั้นที่ต฾องหาที่พักค฾างคืนเพื่อรอเที่ยวบินถัดไป ผู฾โดยสารที่เหลือเขาไม฽เดือดร฾อนเหมือนเราเหรอ หรือผู฾โดยสาร ส฽วนใหญ฽สามารถเปลีย่ นเที่ยวบินได฾ทันในคืนนั้น (เราเปลี่ยนไม฽ทันเพราะพนักงานที่เคาทแเตอรแเช็คอินบอกว฽าที่นั่งเต็ม แล฾ว) หรือไม฽ผู฾โดยสารก็เป็นคนอิตาลี สามารถกลับไปนอนทีบ่ ฾านตัวเองได฾ ก็ไม฽รแู฾ น฽เหมือนกัน ได฾แต฽สงสัย คืนนั้นที่โรงแรม เราได฾คูปองกินอาหารค่ําและอาหารเช฾าวันรุ฽งขึ้น เรารู฾สึกอ฽อนล฾าและหมดแรงกว฽าทั้ง 11 วันที่ผ฽านมารวมกันเสียอีก คงเป็นเพราะความผิดหวังที่จะได฾กลับบ฾านตามกําหนดเวลามากกว฽า ไม฽ใช฽อะไร เพราะ คิดถึงลูกเป็นหลักเลย ไม฽อยากปั๊มนมทิง้ เพิ่มอีกแล฾ว อยากเอานมกลับไปให฾พลับกิน ไปให฾พลับดูดจากเต฾า นี่ถ฾า เหตุการณแนี้เกิดขึ้นกับทริปเชก – ออสเตรีย – ฮังการีเมื่อปี 2010 เราคงไม฽รู฾สึกเดือดร฾อนเท฽าไหร฽ (ทริปนั้น ขากลับ เครื่องบินเต็มลํา มีการ booking ซ้ําซ฾อนเกิดขึ้นด฾วย ไม฽รู฾ความผิดใคร สายการบินออสเตรียน แอรแไลนแต฾องประกาศ [353]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

ขออาสาสมัครที่จะเลื่อนเทีย่ วบินไป โดยสายการบินจะมอบ voucher ช฾อปปิ้งในสนามบินและที่พักทีโ่ รงแรมใกล฾ สนามบิน 1 คืน ประกาศซ้ําไปมาอยูห฽ ลายรอบ ไม฽รู฾ได฾ผู฾เสียสละหรือเปล฽า ตอนนั้นเรายังคิดเล฽นๆ เลยว฽าหรือเราจะ เป็นอาสาสมัครดีนะ อยากได฾ voucher ถึงบ฾านช฾า ขาดงานวันจันทรแอกี วันจะเป็นอะไรไป) แต฽สําหรับทริปอิตาลีนี้ สถานการณแมันเปลี่ยนไปแล฾ว ฮือๆๆ เช฾าวันอาทิตยแ กลายเป็นวันที่ 12 ของการเดินทางแบบไม฽ได฾ตั้งใจ เราเช็คเอาทแออกจากโรงแรมแต฽เช฾า นัง่ shuttle bus ของโรงแรมมาสนามบิน ใจจดใจจ฽อมาก กลัวว฽าเที่ยวบินจะมีปัญหาอีก แต฽ก็ราบรื่นดี มาถึงซูริค สวิตเซอรแแลนดแประมาณบ฽ายโมง ต฾องรีบเดินไปต฽อไฟลทแทันที เที่ยวบินของการบินไทยวันนั้นคนเยอะมาก เราไม฽มี สิทธิ์เลือกที่นั่งเลย จําเป็นต฾องนั่งแถวกลาง 4 คน แถมนั่ง 2 ที่นั่งตรงกลางอีก เจอคนขนาบซ฾ายขวาเลย ทําให฾การ ปั๊มนมบนเครื่องบินเป็นไปอย฽างทุลักทุเลมากขึ้น เกรงใจปูาคนข฾างๆ มาก ต฾องได฾ยินเสียง งงๆ กับท฽าทางปั๊มนมแบบ มีพิรุธของเราถึง 3 รอบกว฽าจะถึงกรุงเทพฯ เที่ยวบินซูริค – กรุงเทพฯ นี้มีคุณศุภชัย พานิชภักดิ์ร฽วมโดยสารไปด฾วย รู฾สึกดีใจมากเลยที่ได฾เจอท฽าน ที่ซูริคอากาศหนาวมากจนหิมะตกขาวโพลนปกคลุมทั่วทั้งสนามบิน คนละเรื่องกับอิตาลีเลย การที่หิมะตกหนักทําให฾ เจ฾าหน฾าที่สนามบินต฾องใช฾เวลากวาดรันเวยแ เครื่องบินแต฽ละลําต฾องต฽อคิวกันขึ้นบิน ทําให฾เที่ยวบินของเราต฾องดีเลยแ ออกช฾าไปอีกเป็นชั่วโมง (ขณะที่นั่งรออยู฽บนเครื่องแล฾วนะ) ถึงจุดนั้น บอกเลยว฽าเซ็งมาก แต฽เริ่มรับมือไหวแล฾ว หลังจากผ฽านวันที่แสนจะวุ฽นวายที่สนามบินมิลานเมื่อวานมาได฾ ตอนนี้รู฾สึกว฽าปลอดภัยแล฾ว ได฾นั่งอยู฽บนเครื่องบินที่ จะพาเรากลับบ฾านแล฾ว สายการบินแห฽งชาติของเราด฾วย จะยังไงก็ได฾ เดี๋ยวก็คงถึงบ฾านแน฽นอน สุดท฾ายเครื่องบินของ สายการบินไทยก็พาเราเหินฟูากลับกรุงเทพมหานครอย฽างปลอดภัย ขอขอบพระคุณ ไม฽นึกเลยว฽านี่จะมีอารมณแ ความรู฾สึกอยากกลับเมืองไทยที่สุดขนาดนี้ ขนาดไปอยูอ฽ ังกฤษปีกว฽า ขากลับยังไม฽อยากจะกลับเลยซักนิด ฮ฽าๆๆ

สนามบินซูริค สวิตเซอร์แลนด์... หิมะตกหนักมาก [354]


Made in Italy, 2012 by KatieKat

วันที่ 11: Milan – BKK

การเดินทางทุกครั้งให฾ประสบการณแชีวิตกับเรามากมาย ทั้งแบบคาดหวังและไม฽ได฾คาดหวัง การท฽องเที่ยว ในอิตาลีครั้งนี้ก็เช฽นกัน อิตาลีเป็นประเทศที่เรียกได฾ว฽ามีครบทุกอย฽าง ทุกแบบที่นักท฽องเที่ยวหรือใครก็ตามที่เดินทาง มาอิตาลีนั้นต฾องการจะพบเจอก็จะได฾พบ หากคุณหลงใหลในประวัติศาสตรแ อารยธรรมความรุ฽งเรืองอันยาวนาน... เมืองมรดกโลกอย฽างโรม ฟลอเรนซ์ เวนิสคือคําตอบ หากคุณชื่นชอบแสงแดด น้ําทะเล ฟูาใสๆ... คาปรีสิคะใช฽เลย หรือหากอยากท฽องเที่ยวธรรมชาติ ทุ฽งนาฟูากว฾าง ไร฽องุ฽นไร฽ผลไม฾เขียวขจี... เส฾นทางแคว฾นทัสกานีอย฽างเมืองซาน จิ มิญาโน ซีเอนําจะไม฽ทําให฾คุณผิดหวัง ส฽วนเมืองที่ไม฽ได฾พูดถึงอย฽างปิซํา มิลานก็ไม฽ได฾แย฽อะไร ทั้ง 2 เมืองมีผลงาน ระดับโลกรอให฾เราไปพบของจริง แบบไม฽สามารถตัดออกจากลิสตแได฾เลย จะขาดก็แต฽คนชอบเที่ยวหิมะ ชอบปีน ภูเขา โน฽นเลยค฽ะ เทือกเขาโดโลไมทแที่เรายังไม฽มีโอกาสได฾ไป เห็นรูปถ฽ายที่เพื่อนไปมาแล฾ว ให฾ 3 คําเลยว฽า “มันยอด มาก” ต฾องหาโอกาสไปให฾ได฾สักครั้ง อีกสิ่งหนึ่งที่เราได฾เรียนรู฾จากการไปเที่ยวอิตาลีในครั้งนี้ ก็คือได฾เรียนรู฾ขีดความ พยายามของตัวเองว฽าฉันก็ทําได฾ ฉันก็พยายามได฾มากพอเพื่อน฾องพลับ พยายามและอดทนที่จะต฾องปั๊มน้ํานมแม฽ทิ้ง ทุก 3 – 4 ชั่วโมง รวมอย฽างน฾อยวันละ 6 รอบ เพื่อรักษาปริมาณน้ํานมให฾เพียงพอให฾น฾องพลับกินต฽อไปเมื่อกลับไป เจอหน฾ากัน และเป็นเด็กนมแม฽จนถึง 2 ขวบ ซึ่งสุดท฾ายเราก็ทาํ ได฾ล฽ะ น฾องพลับกินนมแม฽จนถึง 2.3 ขวบเลยนะ ภูมิใจเป็นที่สุด ^_^ สุดท฾ายก฽อนจบทริปจริงๆ ก็ตอ฾ งมีการรวบรวมค฽าใช฾จ฽ายจากการเดินทางทั้งหมดในครั้งนี้กันซะหน฽อย Day/Time Tickets Visa Accommodation Luggage Food Entry Train/bus Travel card Others Total

Total (EUR) 1,878.43 191.18 945.80 11.40 353.21 242.00 338.40 110.00 2.30 4,072.72

Total (THB) 75,512.94 7,685.29 38,021.16 458.28 14,199.04 9,728.40 13,603.68 4,422.00 92.46 163,723.26

Per Head (THB)

37,756.47 3,842.65 19,010.58 229.14 7,099.52 4,864.20 6,801.84 2,211.00 46.23 81,861.63

หมายเหตุ: แลกเงินยูโรไป 2 ครั้ง 40.80 บาทและ 39.60 บาท เฉลีย่ เรท 40.20 บาทต฽อยูโร สรุปแล฾วทริปนี้ 11 วัน + วันเดินทางไป-กลับ 2 วันรวม 13 วัน เสียค฽าใช฾จา฽ ยต฽อคนแบบไม฽รวมค฽าช฾อปปิ้ง ส฽วนตัวและของฝาก รวมแล฾วเท฽ากับ 81,861.63 บาท

[355]





Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.