หน้าปก
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
คู่มือครูฝึก 0920164170203 สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3
ชุดการฝึกตามความสามารถ (CBT)
โมดูลการฝึกที่ 5 09217316 องค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบ
กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
คานา คู่มือครูฝึกสาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3 โมดูลที่ 5 องค์ประกอบที่มีผลต่อ สมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์ แ บบครี บ ฉบั บ นี้ เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของหลั ก สู ต รฝึ ก อบรมฝี มื อ แรงงานตาม ความสามารถ (Competency Based Training : CBT) ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการจัดการฝึกอบรมกับชุด การฝึกตามความสามารถ โดยได้ดาเนินการภายใต้โครงการพัฒนาระบบฝึกและชุดการฝึกตามความสามารถเพื่อการพัฒนา ฝีมือแรงงาน ด้วยระบบการฝึกตามความสามารถ (Competency Based Workforce Skill Training System) พ.ศ. 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูฝึกได้ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการการฝึกอบรมให้เป็นไปตามหลักสูตร กล่าวคือ อบรม ผู้รับการฝึกให้สามารถอธิบายเกี่ยวกับอัตราการไหลของลม และพื้นผิวถ่ายเทความร้อน ที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบ รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าของผู้รับการฝึ กอบรม ในด้านความสามารถหรือสมรรถนะให้เป็นไป ตามมาตรฐานที่กาหนด ระบบการฝึกอบรมตามความสามารถเป็นระบบการฝึกอบรมที่ส่งเสริมให้ผู้รับการฝึกอบรมสามารถฝึกฝนเรียนรู้ได้ ตามพื้นฐานความสามารถของตนในเวลาที่มีความสะดวก โดยเน้นในเรื่องของการส่งมอบการฝึกอบรมที่หลากหลายไปให้ แก่ ผู้ รับการฝึ กอบรม และต้องการให้ ผู้ รั บ การฝึ ก อบรมเกิด การเรี ยนรู้ ด้ว ยตนเอง การฝึ กปฏิบัติจะด าเนิน การในรู ป แบบ Learning by Doing และเน้นผลลัพธ์การฝึกอบรมในการที่ทาให้ผู้รับการฝึกอบรมมีความสามารถในการปฏิบัติงานตามที่ ตลาดแรงงานต้องการ โดยยึดความสามารถของผู้รับ การฝึกเป็นหลัก การฝึกอบรมในระบบดังกล่าว จึงเป็นรูปแบบการ ฝึกอบรมที่สามารถรองรับการพัฒนารายบุคคลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เนื้อหาวิชาในหลักสูตรการฝึกตามความสามารถ (Competency Based Curriculum : CBC) ซึ่งได้จากการวิเคราะห์งานอาชีพ (Job Analysis) ในแต่ละสาขาอาชีพ จะถูก กาหนดเป็นรายการความสามารถหรือสมรรถนะ (Competency) ที่ผู้รับการฝึกอบรมจาเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงาน และ สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบกิจการและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้รับการฝึกจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนจนกว่าจะ สามารถปฏิบัติเองได้ ตามมาตรฐานที่กาหนดในแต่ล ะรายการความสามารถ ทั้งนี้ การส่งมอบการฝึก สามารถดาเนินการได้ ทั้งรูปแบบการเรียนรู้ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ (Paper Based) และผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ (Computer Based) โดยผู้รับการฝึกสามารถ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Self-Learning) ที่บ้านหรือที่ทางาน และเข้ารับการฝึกภาคปฏิบัติตามความพร้อม ตามความสะดวก ของตน หรือตามแผนการฝึก หรือตามตารางการนัดหมาย การฝึกหรือทดสอบประเมินผลความรู้ความสามารถกับหน่วยฝึก โดยมีครูฝึกหรือผู้สอนคอยให้คาปรึกษา แนะนาและจัดเตรียมการฝึกภาคปฏิบัติ รวมถึงจัดเตรียมและดาเนินการทดสอบ ประเมินผลในลักษณะต่าง ๆ อันจะทาให้สามารถเพิ่มจานวนผู้รับการฝึกได้มากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และ ประหยั ดงบประมาณค่าใช้จ่ ายในการพัฒ นาฝี มือแรงงานให้ แก่กาลั งแรงงานในระยะยาว จึงถือเป็นรูปแบบการฝึ กที่มี ความสาคัญต่อการพัฒนาฝีมือแรงงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหากมีการนาระบบการฝึกอบรมตามความสามารถมาใช้ ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน จะช่วยทาให้ประชาชน ผู้ใช้แรงงานผู้ว่างงาน นักเรียน นักศึกษา และผู้ประกอบอาชีพอิสระ สามารถเข้าถึงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาตนเองได้อย่างสะดวก และได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน ก กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
สารบัญ เรื่อง
หน้า
คานา
ก
สารบัญ
ข
ข้อแนะนาสาหรับครูฝกึ
1
โมดูลการฝึกที่ 6 09217316 องค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนแดนเซอร์และแฟนคอยล์แบบครีบ หัวข้อวิชาที่ 1 0921731601 องค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนแดนเซอร์และแฟนคอยล์แบบครีบ 14 คณะผู้จัดทาโครงการ 20
ข กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
ข้อแนะนาสาหรับครูฝึก ข้อแนะนาสาหรับครูฝึก คือ คาอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของคู่มือ และขั้นตอนการเข้ารับการฝึก ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ดังนี้
1. รายละเอียดของคู่มือ 1.1 โมดูลการฝึก / หัวข้อวิชา หมายถึง โมดูลการฝึกที่ครูฝึกต้องจัดการฝึกอบรม โดยภายในโมดูลจะประกอบไปด้วย หัว ข้อ วิช าที ่ผู ้ร ับ การฝึก ต้อ งเรีย นรู ้แ ละฝึก ฝน ซึ ่ง มีร หัส โมดูล และรหัส หัว ข้อ วิช าเป็น ตัว ก าหนด ความสามารถที่ต้องเรีย นรู้ 1.2 ระยะเวลาการฝึก หมายถึง จานวนชั่วโมงในการฝึกอบรม เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของแต่ละโมดูล 1.3 ระบบการฝึกตามความสามารถ (CBT) หมายถึง ระบบการฝึก ที่เกิดจากการนาความรู้ ทักษะ ความสามารถ (Competency) ที่จาเป็นสาหรับการทางานมาเป็นฐาน (Based) ของการจัดฝึกอบรม หรือนามากาหนดเป็นเนื้อหา (Content) และเกณฑ์การประเมิน การฝึกอบรม ทาให้ผู้รับการฝึกอบรมมีความสามารถ (Competency) ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กาหนด และตามความสามารถในการเรียนรู้ของผู้รับการฝึกเป็นหลัก 1.4 ชุดการฝึก หมายถึง สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ใช้สาหรับเป็นอุปกรณ์ช่วยฝึก โดยแต่ละโมดูลประกอบด้วย คู่มือครูฝึก คู่มือผู้รับการฝึก คู่มือประเมิน สื่อวีดิทัศน์ 1.5 ระบบจัดการฝึกด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Managed Instruction : CMI) หมายถึง การนาระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งใช้ในการจัดการเรียนรู้และฝึกอบรม เช่น ระบบรับสมัครออนไลน์ ระบบลงทะเบียน เข้ารับ การฝึกอบรมออนไลน์ ระบบการฝึกอบรมภาคทฤษฎีผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์สื่อสาร แบบพกพา การทดสอบออนไลน์ การบันทึกผลการฝึกอัตโนมัติ และการออกใบวุฒิบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยการเข้าใช้งานระบบ แบ่งส่วนการใช้งานตามความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียดังภาพในหน้าที่ 2 ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดการใช้งานได้จากลิงค์ดังต่อไปนี้ - ผู้ดูแลระบบ mlearning.dsd.go.th/download/files/admin.pdf - ผู้พัฒนาบทเรียน mlearning.dsd.go.th/download/files/content.pdf - ครูฝึก mlearning.dsd.go.th/download/files/teacher.pdf
1 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
2 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
2. ผังการฝึกอบรม
3 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
3. วิธีการฝึกอบรม 3.1 ครูฝึก ทาความเข้าใจการฝึกอบรมในระบบ CBT ซึ่งสามารถส่งมอบการฝึกอบรมให้แก่ผู้รับการฝึกได้ 3 รูปแบบ คือ 3.1.1 การฝึกอบรมด้วยการส่งมอบสื่อสิ่งพิมพ์ (Offline) 3.1.2 การฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรม (Offline) 3.1.3 การฝึกอบรมด้วยสื่อในระบบออนไลน์ (Online) โดยในแต่ละรูปแบบจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน ดังนี้ 3.1.1 การฝึกอบรมด้วยการส่งมอบสื่อสิ่งพิมพ์ (Offline) คือ การฝึกอบรมที่ผู้รับ การฝึกเรียนรู้ภาคทฤษฎี (ด้านความรู้) ด้ว ยตนเอง โดยครูฝึกเป็นผู้ส่งมอบ คู่มือผู้รับการฝึกที่พิมพ์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) และวีดิทัศน์ (DVD) แก่ผู้รับการฝึก และฝึกภาคปฏิบัติ (ด้านทักษะ) ที่ศูนย์ฝึกอบรม การฝึกภาคทฤษฎี - ผู้รับการฝึกเรียนรู้ภาคทฤษฎีด้วยตนเอง โดยใช้คู่มือผู้รับการฝึกที่พิมพ์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) และวีดิทัศน์ (DVD) ที่ครูฝึกส่งมอบให้ การประเมินผลภาคทฤษฎี 1) ครูฝึกมอบหมายให้ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบก่อนฝึก (Pre-Test) ลงในกระดาษคาตอบ ของคู่มือการประเมินที่พิมพ์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) 2) ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบก่อนฝึก (Pre-Test) ลงในกระดาษคาตอบ แล้วส่งกระดาษคาตอบ ให้ครูฝึก เพื่อตรวจและประเมินผล 3) ครูฝึกประเมินแบบทดสอบก่อนฝึก - ถ้าผลการประเมินผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ตามที่กาหนดในเอกสารโครงร่างหลักสูตร จะมีสิท ธิ์ข อเข้า รับ การฝึก ภาคปฏิบัติ (ถ้า มี) หรือ เข้า รับ การฝึก ในโมดูล ถัด ไป หรือเข้ารับการฝึ กในโมดูล ที่ครูฝึ กกาหนดได้ - ถ้าผลการประเมินต่ากว่าร้อยละ 70 ให้ครูฝึกมอบหมายให้ผู้รับการฝึ กศึกษาเนื้อหา จากสื่อด้วยตนเองจนเข้าใจ จึงทาแบบทดสอบหลังฝึก (Post-Test) 4) ครูฝึกประเมินแบบทดสอบหลังฝึก โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการประเมินแบบทดสอบก่อนฝึก 3.1.2 การฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรม (Offline) คือ การฝึกอบรมที่ผู้รับการฝึกเรียนรู้ภาคทฤษฎีจากครูฝึก และฝึกภาคปฏิบัติที่ศูนย์ฝึกอบรม การฝึกภาคทฤษฎี - ครูฝึกใช้คู่มือครูฝึกที่พิมพ์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) และวีดิทัศน์ (DVD) เป็นสื่อช่วยในการฝึก ภาคทฤษฎี โดยส่งมอบคู่มือผู้ รับการฝึกแก่ผู้ รับการฝึ กที่ศูนย์ฝึ กอบรม และฝึกภาคปฏิบัติ ที่ศูนย์ฝึกอบรม 4 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
การประเมินผลภาคทฤษฎี 1) ครูฝึกมอบหมายให้ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบก่อนฝึก (Pre-Test) ลงในกระดาษคาตอบ ของคู่มือการประเมินที่พิมพ์จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) 2) ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบก่อนฝึก (Pre-Test) ลงในกระดาษคาตอบ แล้วส่งกระดาษคาตอบ ให้ครูฝึก เพื่อตรวจและประเมินผล 3) ครูฝึกประเมินแบบทดสอบก่อนฝึก - ถ้าผลการประเมินผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ตามที่กาหนดในเอกสารโครงร่างหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเข้ารับการฝึกภาคปฏิบัติ (ด้านทักษะ) (ถ้ามี) หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลถัดไป หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลที่ครูฝึกกาหนดได้ - ถ้าผลการประเมินต่ากว่าร้อยละ 70 ให้ครูฝึกมอบหมายให้ผู้รับการฝึกศึกษาเนื้อหา จากสื่อด้วยตนเองจนเข้าใจ จึงทาแบบทดสอบหลังฝึก (Post-Test) 4) ครูฝึกประเมินแบบทดสอบหลังฝึก โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการประเมินแบบทดสอบก่อนฝึก 3.1.3 การฝึกอบรมด้วยสื่อในระบบออนไลน์ (Online) คือ การฝึกอบรมที่ผู้รับการฝึกเรียนรู้ภาคทฤษฎีด้วยตนเองผ่านระบบจัดการฝึกด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ CMI โดยใช้คู่มือผู้รับการฝึกที่เป็นสื่อออนไลน์ในแอปพลิเคชัน DSD m-Learning และฝึกภาคปฏิบัติที่ศูนย์ ฝึกอบรม วิธีดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DSD m-Learning - ครูฝึกอธิบายวิธีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DSD m-Learning ให้แก่ผู้รับการฝึก ซึ่งวิธีการ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน สามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่องทางตามแต่ละระบบปฏิบัติการ คือ 1) ผู้รับการฝึกที่ใช้เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ระบบปฏิบัติการ iOS ค้นหา แอปพลิเคชัน DSD m-Learning ใน App Store จากนั้นกดดาวน์โหลด เพื่อติดตั้งบนเครื่องมือสื่อสาร และเข้าใช้งานโดยกรอก Username และ Password ตามที่เคยลงทะเบียนไว้ 2) ผู้รับการฝึกที่ใช้เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ระบบปฏิบัติการ Android ค้นหา แอปพลิเคชัน DSD m-Learning ใน Google Play จากนั้นกดดาวน์โหลด เพื่อติดตั้งบน เครื่ องมื อสื่ อสาร และเข้ าใช้ งานโดยกรอก Username และ Password ตามที่ เคย ลงทะเบียนไว้ 3) ผู้รับ การฝึกที่ใช้คอมพิว เตอร์ ระบบปฏิบัติการ Windows สามารถดาวน์โ หลด แอปพลิเคชัน DSD m-Learning โดยเข้าเว็บไซต์ mlearning.dsd.go.th แล้วเข้าใช้งาน โดยกรอก Username และ Password ตามที่เคยลงทะเบียนไว้ ให้กดปุ่ม Download DSD m-learning เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงบนคอมพิวเตอร์
5 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
การฝึกภาคทฤษฎี - ผู้รับการฝึกเรียนรู้ภาคทฤษฎีด้วยตนเอง จากคู่มือผู้รับการฝึก ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์บนแอปพลิเคชัน DSD m-Learning การประเมินผลภาคทฤษฎี 1) ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบก่อนฝึก (Pre-Test) ลงในแอปพลิเคชัน โดยระบบจะตรวจและประเมินผล อัตโนมัติ - ถ้าผลการประเมินผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ตามที่กาหนดในเอกสารโครงร่างหลักสูตร ผู้รับการฝึกจะมีสิทธิ์ขอเข้ารับการฝึกภาคปฏิบัติ (ถ้ามี) หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลถัดไป หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลที่ครูฝึกกาหนดได้ - ถ้าผลการประเมินต่ากว่าร้อยละ 70 ให้ผู้รับการฝึกศึกษาเนื้อหาจากสื่อด้วยตนเอง จนเข้าใจแล้วจึงทาแบบทดสอบหลังฝึก (Post-Test) 2) ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบหลังฝึก โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการประเมินแบบทดสอบก่อนฝึก 3.2 ครูฝึกชี้แจงรูปแบบการฝึกอบรมทั้ง 3 รูปแบบแก่ผู้รับการฝึก เพื่อทาการตกลงรูปแบบการฝึกอบรมร่วมกับผู้รับการฝึก โดยให้ผู้รับการฝึกเลือกวิธีที่สะดวก 3.3 ครูฝึกวางแผนการฝึกตลอดหลักสูตรร่วมกันกับผู้รับการฝึก 4. อุปกรณ์ช่วยฝึกและช่องทางการเข้าถึงอุปกรณ์ช่วยฝึก ครูฝึกสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยฝึกได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ (Offline) และรูปแบบระบบจัดการฝึก ด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ CMI (Online) โดยมีช่องทางการเข้าถึงอุปกรณ์ช่วยฝึกแต่ละรูปแบบแตกต่างกัน ดังนี้ 4.1 รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ (Offline) ประกอบด้วย - คู่มือครูฝึก เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม - คู่มือการประเมิน เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผู้รับการฝึก - สื่อวีดิทัศน์ (DVD) เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม 4.2 รูปแบบระบบจัดการฝึกด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ CMI (Online) ดังนี้ - คู่มือครูฝึกรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม - คู่มือการประเมินรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผู้รับการฝึก - สื่อวีดิทัศน์รูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Online) เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม
6 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
5. การวัดและประเมินผล ครูฝึกมีหน้าที่มอบหมายให้ผู้รั บการฝึกทดสอบความรู้ภาคทฤษฎี (ด้านความรู้) และภาคปฏิบัติ (ด้านทักษะ) โดยใช้ คู่มือการประเมินบันทึกผลการประเมินของผู้รับการฝึก โดยแบ่งการประเมินผลได้ดังนี้ 5.1 การประเมินผลภาคทฤษฎี (ด้านความรู้) ประเมินผลจากแบบทดสอบภาคทฤษฎีก่อนฝึก และแบบทดสอบภาคทฤษฎีหลังฝึก โดยกาหนดเกณฑ์การให้ คะแนนและการระบุความสามารถด้านความรู้ ดังนี้ เกณฑ์การให้คะแนน ภาคทฤษฎี ตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป ต่ากว่าร้อยละ 70
เกณฑ์การประเมิน ความสามารถ ผ่าน (C) ไม่ผ่าน (NYC)
ผู้รับการฝึกจะได้รับการประเมินผลการฝึกจากครูฝึ ก โดยจะต้องสามารถปฏิบัติตามความสามารถในแต่ละโมดูลนั้น ๆ ได้ตามเกณฑ์ที่กาหนด จึงจะถือว่าผ่านการฝึกโมดูลนั้น และเมื่อผ่านการฝึกครบทุกโมดูล จึงจะถือว่าฝึกครบชุดการฝึกนั้น ๆ แล้ว
6. เงื่อนไขการผ่านการฝึก ผู้รับการฝึกทีจ่ ะผ่านโมดูลการฝึก ต้องได้รับค่าร้อยละของคะแนนการทดสอบภาคทฤษฎี คะแนนรวมไม่ต่ากว่าร้อยละ 70 จึงจะผ่านโมดูลการฝึก
7 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
รายละเอียดหลักสูตร หลักสูตรฝึกอบรมฝีมือแรงงานตามความสามารถ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้าน และการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน
รหัสหลักสูตร 0920164170203
1. ขอบเขตของหลักสูตร หลักสูตรนี้พัฒ นาขึ้น ให้ครอบคลุมด้านความรู้ ทั กษะ และเจตคติแก่ผู้รับการฝึก ในสาขาช่างเครื่อ งปรับ อากาศใน บ้านและการพาณิช ย์ข นาดเล็ก เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถและทัศนคติตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขา ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3 ดังนี้ 1.1 มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับสัญลักษณ์สากลของอุปกรณ์ และเขียนแบบร่างเพื่อแสดงแผนผังการติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ 1.2 มีความรู้ความสามารถในการใช้เครื่องมือวัดต่าง ๆ ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศ 1.3 มีความรู้ เกี่ย วกับ การทาความเย็ น ด้ว ยระบบระเหยตรง (Direct Expansion System) และระบบน้าเย็ น (Chilled Water System) 1.4 มีความรู้ เกี่ย วกับ ระบบสารทาความเย็ นท่ว ม (Flooded System) และไดเร็กเอ็กซ์ แพนชั่นวาล์ ว (Direct Expansion Valve) 1.5 มีความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบ 1.6 มีความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์แบบระบายความร้อนด้วยน้า 1.7 มีความรู้เกี่ยวกับพื้นผิวถ่ายเทความร้อนผ่านชั้นตัวนาความร้อนลาดับต่าง ๆ 1.8 มีความรู้ความสามารถในการแขวนหรือยึดท่อให้มั่นคง 1.9 มีความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสารเจือปนในสารทาความเย็น 1.10 มีความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงานไฟฟ้า การคานวณหากาลังไฟฟ้าของมอเตอร์ การคานวณหาความเร็วรอบ ของมอเตอร์ การคานวณค่าใช้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าที่เครื่องปรับอากาศใช้ 1.11 มีความรู้เกี่ยวกับหลักความปลอดภัยในการทางาน
8 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
2. ระยะเวลาการฝึก ผู้รับการฝึกจะได้รับการฝึกในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือสานักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เป็นหน่วยฝึกตามความสามารถใช้ระยะเวลาในการฝึก 50 ชั่วโมง เนื่ อ งจากเป็ น การฝึ ก ที่ ขึ้ น อยู่ กั บ พื้ น ฐานความรู้ ทั ก ษะ ความสามารถและความพร้ อ มของผู้ รั บ การฝึ ก แต่ละคน มีผลให้ผู้รับการฝึกจบการฝึกไม่พร้อมกัน สามารถจบก่อนหรือเกินระยะเวลาที่กาหนดไว้ในหลักสูตรได้หน่วยฝึก จึง ต้อ งบริห ารระยะเวลาในการฝึก ให้เ หมาะสมตามความจาเป็น ทั้ง นี้ ให้อ ยู่ใ นดุล ยพินิจ ของผู้อานวยการสถาบัน พัฒนาฝีมือแรงงาน หรือผู้อานวยการสานักงานพัฒนาฝีมือแรงงานที่เป็นหน่วยฝึกตามความสามารถจะเห็นสมควร 3. หน่วยความสามารถและโมดูลการฝึก จานวนหน่วยความสามารถ 11 หน่วย จานวนโมดูลการฝึก 11 โมดูล 4. วุฒิบัตร 4.1 ชื่อเต็ม : วุฒิบัตรพัฒนาฝีมือแรงงาน สาขา ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3 4.2 ชื่อย่อ : วพร. สาขา ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3 4.3 ผู้ รั บ การฝึ ก ที่ ผ่ า นการประเมิ น ผลหรื อ ผ่ า นการฝึ ก ครบทุ ก หน่ ว ยความสามารถ จะได้ รั บ วุ ฒิ บั ต ร วพร. สาขา ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 3
9 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
รายละเอียดโมดูลการฝึกที่ 5 1. ชื่อหลักสูตร
สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก รหัสหลักสูตร ระดับ 3 0920164170203 2. ชื่อโมดูลการฝึก องค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และ รหัสโมดูลการฝึก แฟนคอยล์แบบครีบ 09217316 3. ระยะเวลาการฝึก รวม 1 ชั่วโมง ทฤษฎี 1 ชั่วโมง ปฏิบัติ - ชัว่ โมง 4. ขอบเขตของหน่ว ย หน่วยการฝึกนี้ พัฒนาขึ้นให้ครอบคลุมด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติแก่ผู้รับการฝึก เพื่อให้ การฝึก มีความสามารถ ดังนี้ 1. อธิบายอัตราการไหลของลมที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์ แบบครีบได้ 2. อธิบายเกี่ยวกับพื้นผิวถ่ายเทความร้อนที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และ แฟนคอยล์แบบครีบได้ 5. พื้นฐาน ความสามารถของ ผู้รับการฝึก
ผู้สมัครเข้ารับการฝึกต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ 1. มีความรู้พื้นฐานสามารถอธิบายเกี่ยวกับอัตราการไหลของลม และพื้นผิวถ่ายเทความร้อน ที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบ หรือผ่านการฝึกอบรม ที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานหรือสถาบันที่เชื่อถือได้ 2. ผู้รับการฝึกผ่านระดับ 2 มาแล้ว 3. ผู้รับการฝึกผ่านโมดูลที่ 4 มาแล้ว 6. ผลลัพธ์การเรียนรู้ : เมื่อสาเร็จการฝึกในโมดูลนี้แล้วผู้รับการฝึกสามารถปฏิบัติงานโดยมีความรู้ความสามารถและใช้ ระยะเวลาฝึก ดังนี้ ระยะเวลาฝึก (ชั่วโมง : นาที) ผลลัพธ์การเรียนรู้ ชื่อหัวข้อวิชา ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 1. อธิบายอัตราการไหลของลม หัวข้อที่ 1 : องค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของ 1:00 1:00 ที่มีผลต่อสมรรถนะของ คอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์ คอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์ แบบครีบ แบบครีบได้
10 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
2. อธิบายเกี่ยวกับพื้นผิวถ่ายเท ความร้อนที่มีผลต่อสมรรถนะ ของคอนเดนเซอร์ และ แฟนคอยล์แบบครีบได้ รวมทั้งสิ้น
1:00
11 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
-
1:00
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
รายละเอียดหัวข้อวิชาที่ 1 0921731601 องค์ประกอบที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบ (ใบเตรียมการสอน) 1. ผลลัพธ์การเรียนรู้ 1. อธิบายอัตราการไหลของลมที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบได้ 2. อธิบายเกี่ยวกับพื้นผิวถ่ายเทความร้อนที่มีผลต่อสมรรถนะของคอนเดนเซอร์ และแฟนคอยล์แบบครีบได้
2. หัวข้อสาคัญ 1. อัตราการไหลของลม 2. พืน้ ผิวถ่ายเทความร้อน
3. วิธีการฝึกอบรม การฝึกอบรมสามารถเลือกได้ 3 รูปแบบ คือ 1) การฝึกอบรมด้วยการส่งมอบสื่อสิ่งพิมพ์ 2) การฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรม 3) การฝึกอบรมด้วยสื่อในระบบออนไลน์ ดังรายละเอียดในข้อแนะนาสาหรับครูฝึก
4. อุปกรณ์ช่วยฝึก 1. สื่อการฝึกอบรม ครูฝึกสามารถเลือกใช้งานสื่อได้ 2 รูปแบบ คือ 1.1 รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ (Offline) ประกอบด้วย - คู่มือครูฝึก เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม - คู่มือการประเมิน เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผู้รับการฝึก - สื่อวีดิทัศน์ (DVD) เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม 1.2 รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Online) ประกอบด้วย - คู่มือครูฝึกรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม - คู่มือการประเมินรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (.pdf) เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผู้รับการฝึก 12 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
- สื่อวีดิทัศน์ (Online) เพื่อประกอบการจัดการฝึกอบรม
5. ขั้นตอนการฝึกอบรม 1. ครูฝึกมอบหมายให้ผู้รับการฝึกทาแบบทดสอบก่อนฝึก (Post-Test) และประเมินผล 1.1 ถ้าผลการประเมินผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ตามที่กาหนดในเอกสารโครงร่างหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเข้ารับการฝึก ภาคปฏิบัติ (ถ้ามี) หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลถัดไป หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลที่ครูฝึกกาหนดได้ 1.2 ถ้าผลการประเมินต่ากว่าร้อยละ 70 ให้ครูฝึกมอบหมายผู้รับการฝึกให้ฝึกอบรมภาคทฤษฎี 2. การฝึกอบรมภาคทฤษฎี ให้ผู้รับการฝึกศึกษาคู่มือผู้รับการฝึก และฝึกหัดทาใบทดสอบท้ายหัวข้อวิชา 3. เมื่อผู้รับการฝึกศึกษาคู่มือผู้รับการฝึกประจาโมดูลนั้นเข้าใจแล้ว ให้ครูฝึกมอบหมายผู้รับการฝึกให้ทาแบบทดสอบ หลังฝึก (Post-Test) และประเมินผลเช่นเดียวกับแบบทดสอบก่อนฝึก
6. การวัดผล 1. ครูฝึกประเมินผลภาคทฤษฎีจากแบบทดสอบก่อนฝึก 1.1 ถ้าผลการประเมินผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ตามที่กาหนดในเอกสารโครงร่างหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเข้ารับการฝึก ภาคปฏิบัติ (ถ้ามี) หรือเข้ารับการฝึกในโมดูลถัดไปได้ 1.2 ถ้าผลการประเมินต่ากว่าร้อยละ 70 ให้ครูฝึกมอบหมายให้ผู้รับการฝึกศึกษาเนื้อหาจากสื่อด้วยตนเองจน เข้าใจ จึงทาแบบทดสอบหลังฝึก (Post-Test) 2. ครูฝึกประเมินแบบทดสอบหลังฝึก โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการประเมินแบบทดสอบก่อนฝึก
7. บรรณานุกรม มงคล พูนโตนด. 2557. เครื่องทาความเย็น. นนทบุรี : ศูนย์หนังสือเมืองไทย วีระศักดิ์ มโนน้อย และสมชาย วณารักษ์. 2558. เครื่องทาความเย็นและปรับอากาศ. นนทบุรี : เอมพันธ์
13 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
ใบข้อมูล หัวข้อวิชาที่ 1 องค์ประกอบที่มีผลสมรรถนะของคอนเดนเซอร์และแฟนคอยล์แบบครีบ ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ คอนเดนเซอร์ (Condenser) และอีวาพอเรเตอร์ (แฟนคอยล์) โดยแต่ละส่วนจะทาหน้าที่แตกต่างกัน คอนเดนเซอร์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “คอยล์ร้อน” เป็นเครื่องควบแน่น โดยภายในประกอบไปด้วย คอมเพรสเซอร์ แผงคอยล์ร้อน และชุดมอเตอร์พัดลม คอนเดนเซอร์ทาหน้าที่รับไอร้อนจากคอมเพรสเซอร์ที่ถูกอัดจนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเข้าสู่ แผงคอนเดนเซอร์ เมื่อ ไอที่มีอุณหภูมิสูง พบกับอากาศภายในห้องที่มีอุณหภูมิต่ากว่า ความร้อนจะถูกถ่ายเท โดยไอร้อน จะควบแน่นเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว (แรงดันสูง-อุณหภูมิสูง) และมีมอเตอร์พัดลมเป็นตัวช่วยระบายความร้อนออกไป ให้เร็วขึ้น เมื่อเป็นของเหลวจะสามารถกลับมารับความร้อนภายในห้องได้อีกครั้ง แต่ของเหลวยังมีอุณหภูมิสูงอยู่ จึงต้องทาให้ อุณหภูมินั้นลดลงก่อน อีวาพอเรเตอร์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “คอยล์เย็น” เป็นเครื่องทาความเย็นแบบทางกล (Mechanical Refrigeration) โดยภายในอีวาพอเรเตอร์ประกอบด้วย แผงคอยล์เย็น และชุดมอเตอร์พัดลม อีวาพอเรเตอร์ทาหน้าที่ดูดซับความร้อนภายในห้อง ทาให้เกิดการถ่ายเทความร้อนแบบหนึ่ง โดยเกิดจากการที่ของเหลวระเหยกลายเป็นไอ เพื่อดึงความร้อนออกจากห้อง ซึ่งการถ่ายเทความร้อนดังกล่าวถูกนาไปใช้ในงานในรูปแบบต่าง ๆ แบ่งได้หลายทาง เช่น แบ่งตามวิธีการสร้างระบบป้อนของเหลว แบ่งตามโครงสร้าง แบ่งตามสภาพการใช้งาน หรืออาจแบ่งวิธีที่จะให้อากาศไหลเวียน อีวาพอเรเตอร์แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) อีวาพอเรเตอร์แบบท่อเปลือย โดยทั่วไปผลิต จากท่อเหล็กหรือท่อทองแดง ซึ่งแบบที่ผลิตจากท่อเหล็ก นิยมใช้กับสารทาความเย็น แบบแอมโมเนีย เนื่องจากทองแดงทาปฏิกิริยากับแอมโมเนียเหลวทาให้เกิด การสึกกร่อน ส่วนแบบที่ผลิตจากท่อทองแดงจะใช้กับสารทาความเย็นขนาดเล็กและสารทาความเย็น ที่ไม่ใช้แอมโมเนียอื่น ๆ อีวาพอเรเตอร์แบบท่อเปลือยมีหลายรูปแบบขึ้นกับลักษณะการใช้งาน รูปร่าง โดยทั่วไปเป็นแบบซิกแซ็ก และ Oval Trombone
ภาพที่ 1.1 อีวาพอเรเตอร์แบบท่อเปลือย 14 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
2) อีวาพอเรเตอร์แบบแผ่น สามารถแบ่ง ออกเป็นหลายแบบ บางอย่างใช้โลหะ 2 แผ่น แผ่นหนึ่งกดขึ้นรูป เกิดลอนนูน ส่วนอีกแผ่นหนึ่งเรียบและทาการเชื่อมติดกัน โดยช่องที่เป็นลอนนูนจะทาเป็นท่อทางของสาร ทาความเย็น นิยมใช้กับอุปกรณ์ทาความเย็นภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น เป็นต้น เนื่องจากทาความสะอาดง่าย และผลิตขายเป็นส่วนมาก นอกจากนั้นยังสามารถขึ้นรูปได้ตามต้องการ สาหรับอีวาพอเรเตอร์แบบแผ่น
ภาพที่ 1.2 อีวาพอเรเตอร์แบบแผ่น 3) อีว าพอเรเตอร์แบบครีบ ผลิตจากท่อเปลือยแบบธรรมดาและเพิ่ม เติมส่ว นที่เป็น โลหะ เรียกว่า ครีบ โดยมีลัก ษณะพื้น ที่ผิว ชั้น ที่ 2 เป็น การเพิ่ม พื้น ที่ผิว ด้า นนอกของอีว าพอเรเตอร์ ทาให้ป ระสิท ธิภ าพ การทาความเย็นเพิ่มขึ้น ซึ่งครีบทาหน้าที่คล้ายกับเป็นตัวเก็บความร้อนจากบริเวณรอบ ๆ ที่ไม่ได้สัมผัส กับ ท่อโดยตรงและถ่า ยเทความร้อ นให้กับท่อ ของสารทาความเย็น ประสิทธิภ าพของครีบ ขึ้น อยู่ กั บ การติดตั้งครีบ หากติดตั้งไม่แนบสนิทจะส่งผลให้รับความร้อนลดลง ส่วนช่องระหว่างครีบจะอยู่ในช่วง 40 ถึง 500 ครีบต่อเมตร ขึ้นกับอุณหภูมิใช้งาน
ภาพที่ 1.3 อีวาพอเรเตอร์แบบครีบ 4) อีว าพอเรเตอร์แบบชิลเลอร์ จะมีท่อต่อผ่านเข้าไป และน้าจะวิ่ งหมุนเวียนอยู่ภายในตัวอีวาพอเรเตอร์ ไปยัง ห้อ งทาความเย็น ต่า ง ๆ เหมาะสาหรับ เครื่อ งปรับ อากาศขนาดใหญ่ ที่มีข นาดตั้ง แต่ 100 ตัน 15 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
ไปจนถึง 2000 ตัน และใช้ร่วมกับระบบเครื่องทาความเย็นแบบ Water Chiller โดยใช้คอมเพรสเซอร์ แบบเฮอร์เมติก และคอนเดนเซอร์ชนิดระบายความร้อนด้วยน้า
ภาพที่ 1.4 อีวาพอเรเตอร์แบบชิลเลอร์
ภาพที่ 1.5 แฟนคอยล์
ภาพที่ 1.6 คอนเดนเซอร์
1. อัตราการไหลของลม การวัดอัตราการไหลของลม หรือความเร็วของลมจะใช้เครื่องมือวัดที่มีชื่อว่า Anemometer แบ่งได้เป็น 2 แบบคือ Hotwire และ Vane 1) Hotwire ค่อนข้างเปราะบาง จึงไม่ควรวัดลมที่สกปรกหรือมีฝุ่น เหมาะสาหรับวัดลมที่มีความเร็วต่า 2) Vane ทนทานกว่าแบบ Hotwire แต่จะไม่สามารถวัดลมที่ความเร็วต่า ๆ ได้ (< 0.3 เมตรต่อวินาที) อัตราการไหลของลมยังส่งผลต่อการระบายความร้อนของคอนเดนเซอร์และอีวาพอเรเตอร์ หากลมไหลผ่านคอนเดนเซอร์ช้า การกลั่นตัวจะลดลง ถ้าลมไหลผ่านอีวาพอเรเตอร์น้อย จะส่งผลให้เกิดน้ายาเหลวในระบบ เนื่องจากการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิลดลง สารทาความเย็นไม่สามารถระเหยเป็นแก๊สได้หมด กล่าวคือ ถ้ามีอัตราการไหลของลมสูง (ลมแรง) จะทาให้ลมระบายความร้อน ออกจากคอนเดนเซอร์หรืออีวาพอเรเตอร์ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศสูงขึ้น
16 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
ภาพที่ 1.7 Hotwire
ภาพที่ 1.8 Vane
2. พื้นที่ผิวถ่ายเทความร้อน การถ่ายเทความร้อนจะเริ่ม ถ่ายเทจากสสารหนึ่งไปยังอีกสสารหนึ่ง โดยอาศัย ตัว กลางหรือไม่ อาศัยตัว กลางก็ได้ กลไกการถ่ายเทความร้อนแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) การนาความร้อน (Conduction) คือ การถ่ายเทความร้อนจากโมเลกุลหนึ่ง ไปสู่โมเลกุลที่อยู่ติดกันไปเรื่อย ๆ จากอุณหภูมิสูงไปสู่อุณหภูมิต่า ซึ่งโลหะมีคุณสมบัตินาความร้อนได้ดี ส่วนอโลหะและอากาศนาความร้อน ที่ไม่ดีห รื อ เรี ยกอีกชื่ อหนึ่ งว่ า ฉนวนความร้อน ตัวอย่าง เมื่อสั มผัสทัพพีในหม้อหุ งข้าว ความร้อนจากทัพพี เคลื่อนที่มายังส่วนที่สัมผัส ทาให้รู้สึกร้อน 2) การพาความร้ อ น (Convection) คื อ การถ่ า ยเทความร้ อ นโดยการเคลื่ อ นที่ ข องโมเลกุ ล ของสสาร ที่มีสถานะเป็นของเหลวและแก๊ส ส่วนของแข็งสามารถถ่ายเทความร้อนโดยการนาความร้อนและการแผ่รังสี โดยการพาความร้อนส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณชั้นบรรยากาศและมหาสมุทร รวมถึงแมกมาและโลหะเหลว ภายในโลก และแก๊สร้อนในดวงอาทิตย์ 3) การแผ่รังสี (Radiation) คือการถ่ายเทความร้อนออกทุกทิศทุกทาง โดยไม่อาศัยตัวกลางในการถ่ายเทพลังงาน เหมื อ นกั บ การน าความร้ อ นและการพาความร้ อ น อี ก ทั้ ง ยั ง สามารถถ่ า ยเทความร้อ นผ่ านอวกาศได้ ซึ่งวัตถุทุกชนิดที่มอี ุณหภูมิตากว่ ่ า -273 °C หรือ 0 K (เคลวิน) จะสามารถแผ่รังสีได้
ภาพที่ 1.9 การเทความร้อนแบบต่าง ๆ
17 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
พื้นที่ผิวและการถ่ายเทความร้อนเป็นของคู่กันเสมอ เนื่องจากพื้นที่ผิวหากมีขนาดใหญ่ การระบายความร้อนจะถ่ายเท ได้ ม ากขึ้ น กล่ า วคื อ ถ้ า มี พื้ น ที่ ผิ ว ถ่ า ยเทความร้ อ นมากจะท าให้ ก ารระบายความร้ อ นหรื อ การถ่ า ยเทความร้ อ น ที่คอนเดนเซอร์ และอีวาพอเรเตอร์ มีมากขึ้นจาก สมการ Q = hA (T2 - T1) เมื่อ A คือ พื้นที่ผิวระบายความร้อน (m2) Q คือ อัตราการถ่ายเทความร้อน (W) จากสมการ ถ้า A มีค่ามากจะทาให้ Q มีค่ามากขึ้นตามลาดับ เมื่ออัตราการถ่ายเท ความร้อนดีจะทาให้สมรรถนะของคอนเดนเซอร์สูง หากเป็นแฟนคอยล์จะเปลี่ยนจากความร้อนเป็นความเย็นแทน กล่าวคือ พื้นที่ผิวระบายความร้อนจะแปรผันตรงกับอัตราการถ่ายเทความร้อน
18 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
ใบทดสอบ คาชี้แจง ให้ผู้รับการฝึกพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่า ถูก หรือ ผิด และทาเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคาตอบ ถูก
ผิด
ข้อความ 1. การถ่ายเทความร้อนหรือระบายความร้อนมี 3 แบบ คือ การนาความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน 2. เครื่องวัดอัตราการไหลของลม หรือเรียกอีกอย่างว่า Anemometer มี 2 แบบ คือ แบบ Hotwire และแบบ Conduction 3. คอนเดนเซอร์และอีวาพอเรเตอร์ มีพื้นที่หน้ากว้างเพื่อให้มีพื้นที่ผิวถ่ายเทความร้อน มาก 4. การพาความร้อน คือ การลดความร้อนด้วยทาให้โมเลกุลของสสารเคลื่อนที่ 5. Anemometer แบบ Hotwire ค่อนข้างเปราะบาง จึงไม่ควรวัดลมที่สกปรก หรือมีฝุ่น เหมาะสาหรับวัดลมที่มีความเร็วสูง 6. ประสิทธิภาพของครีบขึ้นอยู่กับการติดตั้งครีบ หากติดตั้งแนบสนิทจะส่งผลให้ รับความร้อนลดลง 7. เมื่ออัตราการถ่ายเทความร้อนดีจะทาให้สมรรถนะของคอนเดนเซอร์สูง 8. การแผ่รังสี คือการถ่ายเทความร้อนออกทุกทิศทุกทาง โดยไม่อาศัยตัวกลางใน การถ่ายเท 9. สมการ Q = hA(T2 - T1) จากสมการ ถ้า A มีค่ามากจะทาให้ Q มีค่าน้อยลง ตามลาดับ 10. Anemometer แบบ Vane ทนทานกว่าแบบ Hotwire
19 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
เฉลยใบทดสอบ ข้อ
ถูก
ผิด
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
20 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
คณะผู้จัดทาโครงการ คณะผู้บริหาร 1. นายสุทธิ
สุโกศล
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
2. นางถวิล
เพิ่มเพียรสิน
รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
3. นายธวัช
เบญจาทิกุล
รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
4. นายสุรพล
พลอยสุข
รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
5. ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดา
ผู้อานวยการสานักพัฒนาผู้ฝึกและเทคโนโลยีการฝึก
6. นางเพ็ญประภา
ศิริรัตน์
ผู้อานวยการกลุ่มงานพัฒนาระบบการฝึก
7. นายวัชรพงษ์
มุขเชิด
ผู้อานวยการสานักงานรับรองความรู้ความสามารถ
คาเงิน
ภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะที่ปรึกษาโครงการ 1. ผศ. ดร. มนตรี
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 2. รศ. ดร. วิสุทธิ์
สุนทรกนกพงศ์
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
3. ผศ. สันติ
ตันตระกูล
ภาควิชาครุศาสตร์วิศวกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
4. นายสุระชัย
พิมพ์สาลี
ภาควิชาครุศาสตร์วิศวกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
5. นายวินัย
ใจกล้า
ภาควิชาครุศาสตร์วิศวกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
6. นายวราวิช
กาภู ณ อยุธยา
สานักบริหารงานวิจัยและนวัตกรรมพระจอมเกล้าลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
7. นายมนตรี
ประชารัตน์
แผนกวิชาช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี
8. นายธเนศ
วงค์วัฒนานุรักษ์
แผนกวิชาช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี
9. นายณัฐวุฒิ
เสรีธรรม
แผนกวิชาช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี
10. นายหาญยงค์
หอสุขสิริ
แผนกวิชาโลหะการ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก มหานคร
11. นายสวัสดิ์
บุญเถื่อน
แผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก มหานคร 21 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน
คู่ มื อ ครู ฝึ ก สาขาช่ า งเครื่ อ งปรั บ อากาศภายในบ้ า นและการพาณิ ช ย์ ข นาดเล็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝึ ก ที่ 5
22 กรมพั ฒ นาฝี มื อ แรงงาน