ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ 2488-2559

Page 1



ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ 2488 - 2559


ชื่อหนังสือ: ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ 2488 - 2559 ผู้เขียน : เกตุ พิทยากรศิลป์ จัดพิมพ์โดย : เกตุ พิทยากรศิลป์ ร่วมสนับสนุนการจัดพิมพ์ : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฎาคม 2560 จำ�นวน : 1,000 เล่ม ISBN : 978-616-440-798-5 ออกแบบรูปเล่ม : เกตุ พิทยากรศิลป์ พิมพ์ที่ : บริษัท ส.พิจิตรการพิมพ์ จำ�กัด 3/7-9 ถนนหน้าสถานีรถไฟบางซื่อ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800 โทร. 0 2910 2900-2

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ

National Library of Thailand Cataloging in Publication Data เกตุ พิทยากรศิลป์ ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ 2488-2559.--กรุงเทพฯ 320 หน้า. 1.ชีวประวัติ บุคคล. I . กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ผู้ร่วมสนับสนุนการจัดพิมพ์ ISBN 978-616-440-798-5

สแกน QR Code เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ PDF หรือเข้าเว็บไซต์ duangkaew-artist.com 2


อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ)

นายดวงแก้ว พิทยากรศิลป์

ณ เมรุวัดอินทราวาส เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร วันที่ 13 ธันวาคม 2559

3


สารบัญ 5 6 11 37 67 83 96 107 110 112 123 152 159 162 166 175 230 264 295 296 298 315 318 4

หมายรับสั่ง สำ�นึกในพระมหากรุณาธิคุณ ปฐมวัยของป๊า จากเพาะช่างถึงศิลปากร บันทึกซ่อนวรรณศิลป์ เรื่องของความรัก ชีวิตคือการทำ�งาน แรงบันดาลใจแห่งการก่อกำ�เนิดหุ่นขี้ผึ้ง ผิวหนัง เส้นผม ดวงตา อุปนิสัย ความสำ�เร็จขั้นแรก ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ปั้นหุ่น ปั้นคน วิกฤติสุขภาพ ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ชีวิตหลังเกษียณ ญี่ปุ่น... การเดินทางครั้งสุดท้าย รวมคำ�ไว้อาลัย ประมวลภาพงานสวดพระอภิธรรม รายนามเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม รายนามผู้ส่งมอบพวงหรีด ประมวลภาพงานพระราชทานเพลิงศพ ประมวลภาพวันเก็บอัฐิ วันลอยอังคาร


5


สำ�นึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเพลิงศพ นายดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ซึง่ นับเป็นพระมหากรุณาธิคณ ุ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติอนั สูงสุดแก่ผวู้ ายชนม์ และ วงศ์ตระกูลอย่างหาที่สุดมิได้ หากความทราบโดยญาณวิถถี งึ ดวงวิญญาณของนายดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ได้ดว้ ยประการ ใดในสัมปรายภพ คงจะมีความปลาบปลื้มซาบซึ้งเป็นล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับ พระราชทานเกียรติอันสูงยิ่งในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ข้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นภริยา บุตร ญาติ และลูกศิษย์ของนายดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ขอพระราชทานกราบถวายบั ง คมแทบเบื้ อ งพระยุ ค ลบาท ด้ ว ยความสำ � นึ ก ในพระ มหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และจะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เป็นสรรพ สิริมงคลแก่ข้าพระพุทธเจ้าและวงศ์ตระกูลตลอดไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า

6

นางสุรีย์ พิทยากรศิลป์ นายเกตุ พิทยากรศิลป์ นายกานต์ พิทยากรศิลป์


7


8


ชีวประวัติ

ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ 2488 - 2559

9


10


ปฐมวัยของป๊า1 ป๊าเกิดในครอบครัวชาวจีนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2488 ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้เพียง เดือนเศษ เตี่ย (พ่อ) ของป๊าหรือปู่ซึ่งเราเรียกเป็นภาษาจีนว่าอากง (เข็กเม่ง แซ่ปงั ) เป็นชาวจีนฮากกาหรือจีนแคะ ส่วนย่าหรืออาม่า (ซกวุน่ แซ่โค้ว) เป็นจีนแต้จว๋ิ ป๊าเป็นลูกคนที่ 4 ในบรรดาพีน่ อ้ งทัง้ หมด 9 คน มีชอื่ ภาษาจีนว่า “หมัน่ ยุน่ ” ซึง่ เป็นชือ่ ทีอ่ ากงตัง้ เพือ่ ให้สอดคล้องกับ พี่ๆ ทั้งสามคนคือ หมั่นหยี หมั่นชุน และหมั่นเซี้ยน แต่ป๊าเป็นเด็ก ตัวเล็กและขี้โรค สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จึงได้ชื่อเรียกเป็น ภาษาไทยว่า “ดวงแก้ว” ซึ่งสื่อถึงความบอบบางและต้องการความ ใส่ใจดูแล ทะนุถนอมมากเป็นพิเศษ สถานทีเ่ กิดของป๊าอยูท่ บี่ างหลา ตัง้ อยูร่ มิ แม่น�้ำ ตาปีฝงั่ ตรงข้าม กับตัวเมืองสุราษฎร์ธานีหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “บ้านดอน” หลัง จากนั้นไม่นานครอบครัวก็ย้ายเข้าไปอยู่ในบางคงคา ซึ่งเป็นคลอง สาขาเล็กๆ ของแม่น�้ำ ตาปีทยี่ งั ห่างไกลจากความเจริญมากในยุคนัน้ 1

คำ�เรียกพ่อในภาษาจีน

11


พอป๊ า หิ ว นมเมื่ อ ไหร่ ก็ จ ะวิ่ ง เข้ า สวนไปหา อาม่าเพื่อขอดูดนม

ก่อนที่ป๊าจะเกิดได้ได้ไม่นาน อากงซึ่ง เคยเป็นหมอแผนโบราณเปิดคลินิกรักษา คนไข้ อ ยู่ ที่ จั ง หวั ด ระนอง ได้ ตั ด สิ น ใจพา ครอบครั ว ย้ า ยถิ่ น ฐานจากระนองมาอยู่ สุราษฎร์ธานี ด้วยความที่เป็นคนชอบท่อง เที่ยวเดินทาง อยู่ไม่ติดที่ อากงก็เลิกเป็น หมอแล้วหันมาประกอบอาชีพเป็นช่างภาพ รับจ้างถ่ายภาพตามที่เคยใฝ่ฝัน ส่วนอาม่า เป็นเกษตรกร ในสมัยนั้น ความเจริญยังเข้า มาไม่ถึงพื้นที่บริเวณฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ�ตาปี เพราะยังไม่มีสะพาน พื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็น เรือกสวนไร่นา อาม่าทำ�สวน ปลูกผัก เลี้ยง หมูเลี้ยงไก่อยู่ที่สวนหลังบ้านตลอดทั้งวัน ป๊าจึงต้องอยู่บ้านตามลำ�พังโดยมีสุนัขชื่อ “เจ้าต๊อน” คอยอยู่เป็นเพื่อนเล่น พอป๊าหิว นมเมือ่ ไหร่กจ็ ะวิง่ เข้าสวนไปหาอาม่าเพือ่ ขอ ดูดนม มีอยู่วันหนึ่ง ขณะกำ�ลังวิ่งเข้าสวนไป หาอาม่าเพือ่ ขอกินนม ป๊าเจองูและเกือบจะ โดนงูกดั แต่ยงั เคราะห์ดที เ่ี จ้าต๊อนวิง่ ตามมา ด้วย จึงได้เข้าไปไล่งูจนโดนงูกัดตาย ป๊าจึง รอดชีวิตมาได้ 12

บน : ป๊ากอดคอหมั่นยิ้น น้องสาวคนถัดมา หน้าตรงข้าม บนสุด : หมั่นยิ้น หมั่นเซี้ยน มังกร อากง อ๋าเล็ก และป๊า ล่างซ้าย : ป๊า (นั่งกลาง) นั่งเรือกับพี่ๆ ที่เกาะสมุย ล่างขวา : ป๊าที่หาดหน้าทอน เกาะสมุย


13


เมื่อป๊าอายุได้ 3 ขวบ อากงก็ตัดสินใจย้ายบ้านอีกครั้ง คราวนี้ข้ามน้ำาข้ามทะเลไปถึง เกาะสมุยเพื่อไปเริ่มกิจการร้านถ่ายรูปที่ท่าเรือหน้าทอน อากงเช่าห้องแถวไม้เล็กๆ ในตลาด หน้าทอนเปิดร้านถ่ายรูป และรับล้างอัดรูป ซึง่ ถือว่าเป็นร้านแรกบนเกาะสมุย โดยมีลงุ หมัน่ ชุน (พิฑูรย์ พิทยากรศิลป์) เป็นคนดูแลเฝ้าหน้าร้าน ส่วนอากงมักจะสะพายกล้องออกเดินทางไป ทั่วเกาะสมุยเพื่อไปถ่ายภาพทิวทัศน์บนเกาะและรับจ้างถ่ายภาพครอบครัวชาวสวนมะพร้าว บนเกาะสมุย ชาวบ้านบนเกาะต่างก็รู้จักมักคุน้ กับอากงเป็นอย่างดีและเรียกอากงว่า “โกเม่ง” กิจการร้านถ่ายรูปของอากง แม้จะมีคนให้ความสนใจกันมากเพราะเป็นสิ่งแปลกใหม่ใน เกาะ แต่ก็ไม่ได้สร้างความร่ำารวยแก่ครอบครัวเพราะเป็นเพียงร้านเล็กๆ พอมีรายได้ประคับ ประคองสมาชิกในบ้านหลายชีวิตให้พอได้อยู่ได้กิน โดยเฉพาะหลังจากนั้น อาม่าก็ให้กำาเนิด น้องๆ ของป๊าตามมาอีกหลายคน เมื่อมีปากท้องในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น อาม่าจึงต้องหา อาชีพเสริมโดยการทำาสวน เลีย้ งหมู เผาถ่าน และใช้เวลาช่วงกลางคืนช่วยงานอัดรูปทีร่ า้ นด้วย 14


บน : ป๊ากับหมั่นยิ้น บ้านหน้าทอน เกาะสมุย หน้าตรงข้าม : ป๊ากับอากง เกาะสมุย

15


16


หน้าตรงข้าม บนซ้าย : หมั่นยิ้นกับป๊า บนขวา : ป๊ากับน้องๆ ที่เกาะสมุย ล่าง : ป๊า (ซ้ายสุด) กับพี่ๆ และน้องๆ ที่บ้านหน้าทอน เกาะสมุย

ที่เกาะสมุย ป๊าได้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดแจ้ง แม้จะ เป็นเด็กสุขภาพไม่ดี ป่วยง่าย แต่ครูและเพือ่ นๆ ต่างก็ยกย่องป๊าใน เรื่องของความฉลาดหัวดี เป็นเด็กเรียนเก่ง และช่างประดิษฐ์ อากู2อ๋าเล็ก (วันดี พิทยากรศิลป์) น้องสาวของป๊าเล่าให้ฟังว่า “ตอนนั้นทุกคนยังเด็กมาก แต่พวกเรายังจำ�เรื่องราวทุกอย่าง ได้ดี พวกเราต่างก็เป็นลูกศิษย์และลูกมือของโก3แก้ว (ป๊า) เพราะโก แก้วมีความสามารถสร้างทุกอย่างได้ไม่เหมือนใคร เป็นทั้งนัก ประดิษฐ์ ทั้งนักวิทยาศาสตร์ สามารถสร้างจรวดได้สำ�เร็จ สร้าง เครือ่ งฉายหนังได้ส�ำ เร็จ แล้วก็น�ำ ออกมาฉายหนังให้พๆ ี่ น้องๆ รวม ทัง้ เด็กๆ แถวบ้านได้ดกู นั อย่างสนุกสนาน จำ�ได้เลยว่าเป็นเรือ่ งชาลี แชปลิน เพราะอากูเป็นคนเก็บค่าเข้าชมเอง แต่เป็นหนังยางนะไม่ใช่ เงินจริง สนุกๆ กันตามประสาเด็ก โกแก้วสร้างเรือใบจำ�ลองได้สวย มาก และยังเอาไปลงแข่งที่ชายทะเลหลังบ้านด้วย อยู่กับโกแก้วมี ความสนุกสุดยอดทุกวัน คนแถวหน้าทอนต่างก็รู้จักโกแก้วกันทุก คนในความเก่งและเป็นเด็กช่างประดิษฐ์คดิ ค้น เมือ่ ก่อนนี้ อากูและ หมัน่ ยิน้ (หมัน่ ยิน้ ฉายศิรกิ ลุ ) มีหน้าทีเ่ ก็บผักจากในสวนมาให้อาม่า เลีย้ งหมู สองพีน่ อ้ งก็หอบหิว้ ผักกันคนละหลายรอบกว่าจะเสร็จ โก แก้วจึงคิดประดิษฐ์รถเข็นผักซึ่งใช้ไม้ทำ�เป็นลูกล้อให้เราใช้เข็นผัก ช่วยทุ่นแรงทุ่นเวลาลงไปได้เยอะมาก” 2 3

คำ�เรียกอาผู้หญิงในภาษาจีน คำ�เรียกพี่ชายในภาษาจีน 17


18


บน : ชวนน้องเรียนเขียนอ่าน ขวา : ป๊ากับบรรดาน้องๆ หน้าตรงข้าม : ป๊ามักจะมีของเล่นทีป่ ระดิษฐ์เอง ซึ่งมักจะดึงดูดความสนใจจากน้องๆ ได้เสมอ

19


บนสุดซ้ายและขวา : เมื่อก้าวย่างสู่วัยรุ่น บนซ้าย : ภาพขาวดำาที่นำามาแต่งสีในยุคก่อน บนขวา : ถ่ายกับเพื่อนๆ โรงเรียนสุราษฎร์ธานี

20


คุ ณ ครู ที่ โรงเรี ย นทุ ก ท่ า น รั ก และเอ็ น ดู ป๊ า มากถึ ง ขนาดให้ทุนเรียนฟรี พอจบชั้น ป.4 จากโรงเรียนวัดแจ้ง พี่น้องทุกคนก็อยาก ให้ป๊าได้เรียนหนังสือต่อเพราะป๊าเป็นเด็กหัวดี แม้ว่าฐานะ การเงินของครอบครัวอาจยังไม่ค่อยมีความพร้อม อีกทั้งตัว ของป๊าเองก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกายซึ่งพี่น้องต้องคอย ประคบประหงมเอาใจใส่ ม ากเป็ น พิ เ ศษ แต่ แ ล้ ว ในที่ สุ ด ครอบครั ว ก็ ตั ด สิ น ใจส่ ง ป๊ า มาเรี ย นต่ อ ที่ โรงเรี ย นในเมื อ ง สุราษฎร์ธานีโดยอากงได้ฝากให้ป๊าได้อาศัยอยู่กับญาติ ป๊าได้เข้าเรียนต่อทีโ่ รงเรียนจินตวรศึกษา อากูอา๋ เล็กเล่า ให้ฟังอีกว่า ป๊าเป็นเด็กเรียนดี ประพฤติดี และสร้างชื่อเสียง ให้แก่โรงเรียนด้วย โดยเฉพาะด้านศิลปะ คุณครูทโี่ รงเรียนทุก ท่านรักและเอ็นดูป๊ามากถึงขนาดให้ทุนเรียนฟรี แต่พอเรียน ได้แค่ปีเดียว ป๊าก็สอบเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมที่โรงเรียน ประจำ�จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สำ�เร็จ ขณะเรียนอยู่ที่โรงเรียน สุราษฎร์ธานี ป๊าก็สร้างชือ่ เสียงให้กบั โรงเรียนมากมาย อย่าง เช่น ออกแบบตราสัญลักษณ์โรงเรียนสำ�หรับแข่งกีฬาจังหวัด และได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดวาดภาพหลายครั้ง

21


พ อ ถึ ง วั น ป ร ะ ก า ศ ผ ล ปรากฏว่า ภาพเขียนของ ป๊าได้รับรางวัลชนะเลิศ

มีเรือ่ งเกีย่ วกับการประกวดวาดภาพของป๊าทีอ่ ากูอา๋ เล็กเล่า ให้ฟังขำ�ๆ อยู่เรื่องหนึ่ง ตอนนั้น โรงภาพยนตร์อุดมรัตน์ในเมือง บ้านดอนได้น�ำ ภาพยนตร์เรือ่ ง ซูซี วอง มาฉายและได้จดั ประกวด วาดภาพนางเอกของเรื่อง ป๊าจึงตั้งใจเต็มที่ในการวาดภาพเพื่อ ส่งเข้าประกวด พอวาดเสร็จกำ�ลังจะเตรียมนำ�ไปส่งก็มคี วามรูส้ กึ ว่าผลงานทีท่ �ำ ออกมายังไม่เป็นทีพ่ อใจ ก็เลยตัดสินใจทิง้ ภาพนัน้ แล้ววาดภาพขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเดิม พอวาดเสร็จได้ภาพใหม่ที่ ถูกใจแล้ว ป๊าก็ส่งภาพนั้นเข้าประกวด จากนั้น ลูกพี่ลูกน้องของ ป๊าก็มาเห็นภาพเขียนภาพแรกที่ป๊าเขียนแล้วไม่ชอบถูกวางทิ้งไว้ ก็เลยขอเก็บไป พอถึงวันประกาศผล ปรากฏว่า ภาพเขียนของป๊า ได้รับรางวัลชนะเลิศ ส่วนรางวัลรองชนะเลิศตกเป็นของลูกพี่ลูก น้องของป๊าซึง่ ได้น�ำ เอาผลงานภาพเขียนของป๊าทีถ่ กู ทิง้ ไปแล้วส่ง เข้าประกวดด้วยนั่นเอง

22


บน : โรงเรียนสุราษฎร์ธานีในยุคที่ป๊าเรียนมัธยม ล่างซ้ายและขวา : ป๊าใส่เครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนสุราษฎร์ธานี หน้าตรงข้ามซ้าย : ศาลาท่าเรือเทศบาล ริมแม่น้ำาตาปี สุราษฎร์ธานี หน้าตรงข้ามขวา : ร้านค้าในเมืองสุราษฎร์ธานี

23


24


หน้า 24-31 : สมุดจดวิชาเรียนของป๊าในสมัยมัธยม เป็นเหมือนสมุดบันทึกซึ่ง นอกจากจะมีเนื้อหาในวิชาเรียนแล้ว ป๊ายังวาดภาพประกอบมากมายรวมทั้งเขียน กลอนและบทความต่างๆ ที่น่าสนใจไว้ด้วย 25


26


27


28


29


30


31


32


หน้าตรงข้ามทั้ง 4 ภาพ : ป๊ามีความภาคภูมิใจใน เครื่องแบบลูกเสือและให้ความสำ�คัญกับกิจกรรม ลูกเสือเป็นอย่างมาก ในบันทึกของป๊าซึง่ มีบางส่วน ขาดหายไป ป๊าได้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์ในครัง้ หนึง่ ไม่แน่ชัดว่าเป็นกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวกับลูกเสือ แต่ ป๊าเล่าว่า ในเช้าวันนั้น คณะลูกเสือของจังหวัด สุราษฎร์ธานีได้เดินทางออกจากหน้าศาลากลาง จังหวัด โดยมีคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียน ต่างๆ ในจังหวัดมาส่งกันเต็มไปหมด และยังมี นักเรียนจากโรงเรียนสตรีนำ�ข้าวห่อและของกิน ต่างๆ มาแจกให้กับคณะลูกเสือ ระหว่างที่เดินทาง เข้ากรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดชุมพร ก็มกี ลุม่ นักเรียนมา ยืนริมถนนโบกมือส่งกำ�ลังใจให้ตลอดสองข้างทาง เมื่อป๊าเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ก็ได้เที่ยวชมสถาน ที่สำ�คัญต่างๆ อาทิ พระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วก็ ฝึกวิชาลูกเสือร่วมกับตัวแทนลูกเสือจากภาคอื่นๆ

ลุ ง รู้ ดี ว่ า บ้ า นเรามี ฐานะยากจน แต่จะ ทำ�ทุกวิถีทางให้ป๊า ได้มีโอกาสเรียนจน จบปริญญาให้ได้

เมื่อป๊าเรียนจบชั้นมัธยมต้น ก็ถึงเวลาที่ครอบครัวต้องคิดหนักกันอีกครั้งว่าจะ ให้ป๊าหยุดเรียนหรือผลักดันให้ป๊าได้เรียนต่อ ลุงพิฑูรย์ ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตหัวเรี่ยว หัวแรงของครอบครัวบอกว่า ป๊าเป็นเด็กอัจฉริยะ เป็นลูกที่อากงและอาม่ารักและ ทะนุถนอมมาก พี่น้องก็รักและเอ็นดูมาก ดังนั้น ป๊าต้องเป็นตัวแทนของครอบครัว ที่ได้เรียนสูงๆ ลุงรู้ดีว่าบ้านเรามีฐานะยากจน แต่จะทำ�ทุกวิถีทางให้ป๊าได้มีโอกาส เรียนจนจบปริญญาให้ได้ แม้วา่ จะต้องอดมือ้ กินมือ้ กันก็ตาม พีน่ อ้ งทุกคนก็เห็นด้วย และช่วยสนับสนุนให้ป๊าได้เข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ในที่สุด

33


34


บนซ้าย : ป๊ากับกลุ่มเพื่อนๆ มัธยมโรงเรียนสุราษฎร์ธานี บนขวา : อิริยาบถสบายๆ ในสวนหลังบ้าน หน้าตรงข้าม : ป๊ากับชุดหล่อในสตูดิโอถ่ายภาพ

35


36


จากเพาะช่างถึงศิลปากร ปี 2506 เมือ่ ป๊าเดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ก็สอบเข้าเรียนทีโ่ รงเรียน เพาะช่างได้ตามความตัง้ ใจ สมัยนัน้ โรงเรียนเพาะช่างได้รบั ความนิยม เป็นอย่างสูง โดยเปิดสอน 3 แผนก คือ แผนกฝึกหัดครู แผนกวิจติ ร ศิลป์ และแผนกหัตถกรรม มีหลักสูตร 3 ปี และ 5 ปี ทำ�ให้มผี สู้ นใจ เข้าเรียนเป็นจำ�นวนมาก ป๊าเลือกเรียนในแผนกวิจติ รศิลป์ หลักสูตร 3 ปี โดยใน 2 ปีแรกต้องเรียนวิชาสามัญควบคูไ่ ปด้วย ในช่วงแรกที่เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ อากงได้ฝากป๊าให้มา อาศัยอยู่กับญาติซึ่งเป็นร้านทำ�ทองตั้งอยู่แถวบ้านหม้อ แต่ด้วย ความที่เป็นคนขี้เกรงใจ ไม่นานหลังจากนั้นป๊าจึงตัดสินใจขอย้าย ออกไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนๆ และรุ่นพี่นักเรียนโรงเรียนเพาะช่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคใต้ด้วยกัน

หน้าตรงข้าม : ป๊าในชุดเครื่องแบบนักเรียนเพาะช่าง ถ่ายคู่กับผลงานภาพเขียนของตัวเอง 37


ป๊ า ว า ด รู ป เ ส ร็ จ ตั้งแต่อยู่ในหัวแล้ว ที่ เ หลื อ เวลาอี ก ไม่ ถึ ง ชั่ ว โมงก็ แ ค่ ต วั ด มื อ ถ่ า ยทอดสิ่ ง ที่ วาดไว้ ใ นหั ว ลงบน กระดาษ

38

ป๊าเป็นคนอัธยาศัยดี ให้ความสนิทสนมกับเพื่อนๆ ในชั้น เรียนทุกคนจนเป็นที่รักใคร่และได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ใน เรื่องของความคิดและฝีมือด้านศิลปะ อาเชาว์ (เชาว์ ลาภานันต์) เพื่อนสนิทที่เรียนห้องเดียวกับป๊าเล่าเรื่องประทับใจเกี่ยวกับป๊าที่ ยังจำาได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ให้ฟังว่า ในวิชาเรียนวาดรูป อาจารย์ กำาหนดเวลาให้นักเรียน 4 ชั่วโมงในการวาดภาพมาส่ง นักเรียน ทุกคนในห้องต่างก็เร่งลงมือวาดรูปกันอย่างคร่ำาเคร่งเพื่อส่งงาน ให้ทนั เวลา แต่ปา๊ ก็ยงั ไม่ยอมลงมือวาดรูปใดๆ กลับเดินไปเดินมา เอามือไขว้หลัง ทักทาย พูดคุยกับเพือ่ นๆ ไปทัว่ ห้องอย่างอารมณ์ ดี จนกระทั่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง ป๊าจึงเริ่มลงมือวาดภาพ อย่างรวดเร็วแล้วก็เสร็จทันส่งพร้อมกับเพื่อนๆ อาเชาว์บอกว่า ป๊าวาดรูปเสร็จตั้งแต่อยู่ในหัวแล้ว ที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ แค่ตวัดมือถ่ายทอดสิง่ ทีว่ าดไว้ในหัวลงบนกระดาษ ผลงานของป๊า มีทั้งลายเส้น ลายสี ครบเครื่อง จึงได้คะแนนดีและได้รับคำาชื่นชม มาโดยตลอด แต่ดว้ ยฐานะครอบครัวทีย่ ากลำาบาก พีน่ อ้ งทีอ่ ยูท่ างใต้ตา่ งก็ ต้องทำางานหนักเพื่อหาเงินส่งเสียให้ป๊าได้เล่าเรียนหนังสือ ป๊าจึง ต้องเบนเข็มหันมาเรียนด้านประติมากรรม เพราะงานปั้นใช้เพียง แค่ดินเหนียว ดินน้ำามัน แต่การเรียนด้านจิตรกรรมมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าสี ค่ากระดาษ ค่ากรอบและอีกมากมาย ซึ่งทางบ้านคงไม่มี กำาลังส่งเสียอย่างแน่นอน


3 ภาพบน : ผลงานภาพเขียนของป๊าสมัยเป็นนักเรียนเพาะช่าง หน้าตรงข้าม : ภาพติดบัตรประจำ�ตัวนักเรียนเพาะช่าง

39


ล่างซ้ายและขวา : ป๊าเป็นนายแบบให้เพื่อนเพาะช่าง เขียนรูปเหมือน

40


ป๊ า ก้ ม หน้ า ก้ ม ตากิ น ข้ า วบู ด จานนั้ น ด้ ว ย ความสำ�นึกบุญคุณ

ป๊าเคยเล่าให้ลูกๆ ฟังว่า สมัยที่เป็นนักเรียนอยู่โรงเรียน เพาะช่าง นอกจาก อากง อาม่า และญาติพี่น้องที่มีบุญคุณส่ง เสียให้ป๊าได้เล่าเรียนแล้ว ป๊าอยากให้ลูกได้จดจำ�ความเมตตา ของบุคคลอีกท่านหนึ่งผู้ที่ทำ�ให้ป๊ามีกำ�ลังในการเล่าเรียน บุคคล ท่านนั้นชื่อป้าแตง เป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ในโรงอาหารของ โรงเรียนเพาะช่าง ป้าแตงรักและเอ็นดูป๊าเหมือนลูก เห็นว่าป๊า เป็นเด็กต่างจังหวัดฐานะยากจน แต่เป็นคนอดทน มุมานะ และ มีความประพฤติเรียบร้อย ครัง้ ใดก็ตามทีท่ างบ้านส่งเงินมาไม่ทนั ป๊าจะขอเชือ่ ข้าวแกงของป้าแตง แต่ปา้ แตงก็ไม่เคยยอมให้เชือ่ เลย สักครั้ง กลับตักข้าวราดแกงให้ป๊าแล้วบอกว่าป้าไม่คิดเงิน เมื่อไร ทีม่ เี งินป้าค่อยคิด แม้กระทัง่ เรียนจบจากโรงเรียนเพาะช่างไปแล้ว ป๊าก็ยังกลับไปกินข้าวแกงของป้าแตงทุกวัน เย็นวันไหนที่ป้าปิด ร้านไปแล้ว แกก็จะตักข้าวราดแกงวางทิ้งไว้ให้ป๊ามาหยิบกินเอง มีอยูค่ รัง้ หนึง่ ป๊ามาทีโ่ รงอาหารเป็นเวลาเย็นเกือบค่�ำ เมือ่ นำ�ข้าว ราดแกงที่ป้าแตงวางไว้ให้ออกมากินก็พบว่าข้าวนั้นบูดไปแล้ว กับข้าวที่ราดไว้ก็เริ่มมีกลิ่นไม่ดี แต่ป๊าก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวบูด จานนัน้ ด้วยความสำ�นึกบุญคุณ รสชาติของอาหารนัน้ ไม่ได้มคี วาม สำ�คัญอันใดเทียบเท่าได้กับรสชาติแห่งน้ำ�ใจไมตรีที่ป๊าได้รับจาก การหยิบยื่นของป้าแตงเลยแม้แต่นิดเดียว 41


บน : พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ป๊าเขียนด้วยสีน้ำ�สมัยเรียนเพาะช่าง

42


บนสุด : ผลงานภาพเขียนสีน้ำ�ทิวทัศน์ริมคลองหลอด บน : ผลงานภาพเขียนสีน้ำ�ทิวทัศน์เกาะสมุย

43


บนสุด : รับรางวัล ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด ล่างซ้ายและขวา : สมัยเป็นนักศึกษาวิชาทหาร

44


ป๊ า ต้ อ งไปรื้ อ หาเฟรม เก่ า ที่ถู ก ทิ้ ง แล้ ว ในกอง ขยะก่ อ นที่ ภ ารโรงจะ เก็ บ ไปทำ � ลาย แล้ ว นำ � มาทาสี ร องพื้ น ใหม่ ใ ห้ พอที่จะเขียนรูปได้

หลังจากสำ�เร็จการศึกษาโดยได้รับเกียรตินิยมจากโรงเรียนเพาะช่างในปี 2509 ป๊าก็สอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากรได้สำ�เร็จ ในช่วงแรกที่ นักศึกษาทุกคนต้องเรียนวิชาพื้นฐานวาดเขียน ป๊าเป็นนักศึกษาที่ขัดสนมาก แต่ความมุมานะพยายามก็เอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ อาปราชญ์ (สมปราชญ์ ภควากร) เพือ่ นศิลปากรรุ่นเดียวกับป๊าเล่าให้ฟังว่า ป๊าต้องไปรื้อหาเฟรมเก่าที่ ถูกทิง้ แล้วในกองขยะก่อนทีภ่ ารโรงจะเก็บไปทำ�ลาย แล้วนำ�มาทาสีรองพืน้ ใหม่ ให้พอที่จะเขียนรูปได้ ความยากจนจึงไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนของป๊าเลย ใน ช่วงปีแรกๆ ของการเป็นนักศึกษา ป๊าต้องพักอาศัยหลับนอนอยูท่ มี่ หาวิทยาลัย โดยได้รบั อนุญาตจากอาจารย์เป็นกรณีพเิ ศษเพราะเห็นว่าป๊ามีความขยัน ตัง้ ใจ เล่าเรียน และมีความประพฤติดี ห้องนอนของป๊าก็คือห้องเรียนนั่นเอง พอถึง เวลากลางคืนก็กางมุ้งนอน ป๊าเคยเล่าให้ฟังว่า ในห้องเรียนนั้นมีตู้กระจกใส่ โครงกระดูกจริงของคนเอาไว้สำ�หรับเรียนในวิชากายวิภาคศาสตร์ ป๊าบอกว่า ทุกครัง้ ทีก่ างมุง้ นอนจะต้องผูกเชือกมุง้ เส้นหนึง่ ไว้ทตี่ นู้ นั้ เสมอ ป๊าไม่ได้กลัวโครง กระดูก แต่ให้ความเคารพเหมือนกับอาจารย์ท่านหนึ่ง

45


บน : ผลงานภาพเขียนสีน้ำ�หญิงสาวเปลือยกาย 46


บน : งานเขียนโปสเตอร์ภาพยนตร์และหน้าปกหนังสือนวนิยายต่างๆ 47


บนและหน้าตรงข้าม : ลายเส้นด้วยปากกาหมึกดำ� ล่าง : สมุดจดบันทึกวิชาต่างๆ สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร

48


49


50


บนและหน้าตรงข้าม : ลายเส้นวาดด้วยดินสอ

51


หน้าตรงข้ามภาพบน : นักศึกษาวิชาปั้นของศิลปากร หน้าตรงข้ามภาพล่าง : ผลงานสเก็ตช์ย่อขนาดงานปั้น

ด้วยข้อจำากัดด้านทุนทรัพย์ ป๊ า จึ ง ต้ อ งเลื อ กเรี ย นสาขา ประติมากรรม

ป๊าเป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่มีฝีมือด้านการเขียนภาพ โดยเฉพาะ การวาดเส้นด้วยดินสอ ผลงานของป๊ามักจะได้รับการนำาขึ้นติดบอร์ด เป็นประจำา แต่ด้วยข้อจำากัดด้านทุนทรัพย์ ป๊าจึงต้องเลือกเรียนสาขา ประติมากรรม เพราะงานปั้นและหล่อไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ มากนัก และทางมหาวิทยาลัยก็มีดินเหนียวไว้ให้นักศึกษาใช้เรียนอยู่ แล้วโดยไม่ต้องไปหาซื้อ หลักสูตรด้านประติมากรรมใช้เวลาเรียน มากกว่าสาขาอืน่ รวม 5 ปี เพราะต้องเรียนเจาะลึกถึงสัดส่วนโครงสร้าง ร่างกายของมนุษย์ในวิชากายวิภาคศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจสำาคัญของ การปั้นรูปเหมือน ต้องรู้จักและจดจำากายวิภาคของกระดูกทุกชิ้นและ กล้ามเนือ้ ทุกส่วนของคนไม่ตา่ งจากนักศึกษาแพทย์เลย นอกจากนัน้ ป๊า ยังต้องเรียนหลักกายวิภาคของสัตว์บางชนิดอีกด้วย

52


53


ซ้าย : งานสเก็ตช์รูปเหมือนตัวเอง หน้าตรงข้าม บน : ขณะทอดสายตามองผลงานของตัวเอง ล่าง : ห้องปฏิบัติการปั้น มหาวิทยาลัยศิลปากร

54


55


ล่างซ้ายและขวา : ภาพถ่ายกับผลงานประติมากรรมม้า ปัจจุบัน ม้าตัวนี้ยังตั้งอยู่ในสวนของบ้านที่พุทธมณฑลสาย 4 หน้าตรงข้าม : ถ่ายกับผลงานประติมากรรมนูนสูงรูปม้า ปัจจุบนั ผลงานชิ้นนี้หล่อขึ้นใหม่ด้วยไฟเบอร์กลาสและติดตั้งอยู่ที่บ้านที่ พุทธมณฑลสาย 4

56


57


บน : รูปปั้นเด็กจับปลาขณะที่ยังเป็นดินเหนียว หน้าตรงข้าม : ผลงานประติมากรรมแนวนามธรรม

58


59


ล่าง : รับรางวัล ไม่ทราบรายละเอียด หน้าตรงข้ามบน : หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ลงข่าวพิธีเปิด นิทรรศการแสดงภาพเขียนของป๊าร่วมกับกลุ่มศิลปินที่สมาคม นักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา (AUA) ซึ่งป๊าตัดเก็บไว้ ไม่ทราบปี หน้าตรงข้ามล่าง : ส่วนหนึ่งจากสูจิบัตรแสดงนิทรรศการภาพ เขียนที่กล่าวถึงประวัติของป๊า

60


61


62


ซ้ายและหน้าตรงข้าม : ในระหว่างปิดภาคเรียน ของมหาวิทยาลัยศิลปากร ป๊าได้เดินทางข้าม ทะเลไปยั ง เกาะเสม็ ด ซึ่ ง สมั ย นั้ น เป็ น เพี ย ง หมูบ่ า้ นชาวประมงทีห่ า่ งไกลความเจริญ เพือ่ ไป หาแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานศิลปะ พร้อม ทั้งเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือและสอนวาดรูป ให้แก่เด็กๆ บนเกาะด้วย

63


64


หน้านี้และหน้าตรงข้าม : ผลงานประติมากรรมของป๊า สมัยเป็นนักศึกษาวิชาเอกประติมากรรม มหาวิทยาลัย ศิ ล ปากร ผลงานบางชิ้ น ยั ง คงถู ก เก็ บ รั ก ษาไว้ จ นถึ ง ปัจจุบัน โดยหล่อขึ้นมาใหม่ด้วยไฟเบอร์กลาส

65


66


บันทึกซ่อนวรรณศิลป์ ในยุคของป๊า กระดาษและสมุดเป็นเครื่องมือในการระบายความรู้สึกนึกคิดของผู้คน เช่น เดียวกับสื่อสังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบัน แต่ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือ การโพสต์หรือทวิต ข้อความลงสมุดนั้นก็เพื่อเก็บบันทึกเป็นความทรงจำ�ส่วนตัว เช่นเดียวกับป๊าที่มีเศษกระดาษ มากมายพร้อมสมุดบันทึกกองพะเนินที่ป๊าขีดเขียนวาดเส้นและสร้างสรรค์งานประพันธ์ส่วนตัว ที่ไม่เคยมีใครได้อ่านมาก่อน เป็นผลงานทางวรรณศิลป์ที่สะท้อนให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านศิลปะ อีกแขนงหนึ่งของป๊าซึ่งยังไม่เคยมีการเผยแพร่สู่สาธารณะ ทั้งบทความ ข้อคิดเห็น บันทึกเรื่อง ราวต่างๆ รวมทั้งงานเขียนเชิงสร้างสรรค์อย่าง เรื่องสั้น บทกลอน บทกวี และบทเพลงต่างๆ นับร้อยชิน้ งานเขียนของป๊าหลายชิน้ บ่งบอกถึงภาวะอารมณ์ในการต่อสูก้ บั ตัวเองเพือ่ การบรรลุ เป้าหมายในชีวิต สื่อถึงความอดทนอดกลั้น ตลอดจนเรื่องราวของความรัก งานเขียนบางชิ้นยัง เล่าถึงสภาพสังคมและทรรศนะส่วนตัวของป๊าที่มีต่อความเป็นไปของยุคสมัยนั้นด้วย 67


68


69


70


71


72


73


74


75


76


77


78


79


80


81


82


เรื่องของความรัก ในช่วงปีท้ายๆ ของชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ป๊าได้ออกมาเช่าบ้านร่วมกับเพื่อน นักศึกษากลุ่มหนึ่ง เป็นบ้านเก่าหลังใหญ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ�เจ้าพระยาบริเวณชุมชนท่าน้ำ�วัด ดาวดึงษารามซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับถนนพระอาทิตย์ เรียกกันว่า “บ้านแสนห้า” ตรงปากทางเข้า บ้านแสนห้าเป็นที่ตั้งของร้านเสริมสวยและร้านอาหารตามสั่งของสามสาวพี่น้อง (สำ�รวย วิไล และสุรีย์ จันทร์คณา) ซึ่งมีภูมิลำ�เนาอยู่อำ�เภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อน ป๊าก็เป็นลูกค้าที่มักจะมาฝากท้องกับร้านสามพี่น้องแห่งนี้เป็นประจำ�เกือบทุกวัน นักศึกษา ศิลปากรกลุ่มนี้มักจะเข้าร้านมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮา ร่าเริง สนุกสนาน แม่ค้าร้านนี้โดย เฉพาะวิไลกับสุรยี จ์ งึ มีความสนิทสนมกับนักศึกษาศิลปากรกลุม่ นีเ้ ป็นพิเศษ ยกเว้นป๊าอยูค่ นเดียว ซึ่งเป็นคนที่เงียบขรึมและนิ่งเฉย แต่มักจะใช้เวลานั่งอยู่ที่ร้านนี้ยาวนานกว่าคนอื่น บางครั้งก็อยู่ จนร้านปิด เพราะนอกจากจะสั่งข้าวกินแล้ว ป๊าก็ยังพกกระดานเขียนรูปติดมือมานั่งสเก็ตช์ภาพ บรรยากาศและผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่หน้าร้านอีกด้วย 83


ป๊ า ไม่ ไ ด้ ม องคนที่ ฐ านะหรื อ ความรู้ เพราะความรู้สามารถเล่าเรียนเพิ่มเติม กันได้ แต่ป๊าแค่ต้องการเลือกคนดีซึ่งมี หัวใจตรงกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แล้วความรักของป๊าก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ กับแม่ (สุรีย์ พิทยากรศิลป์ – สกุล เดิม จันทร์คณา) หนึ่งในสามพี่น้องของร้านอาหารตามสั่ง แม้ว่าอุปนิสัยส่วนตัวของ ป๊าจะเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย คนทัง้ สองจึงไม่ได้เกีย้ วพาราสีกนั เหมือนคนทัว่ ไป แต่ หากทัง้ คูต่ า่ งก็สนทนากันด้วยหัวใจ และต่างก็เก็บความรูส้ กึ นัน้ ไว้จนกว่าจะถึงเวลา มี เพียงกลุม่ เพือ่ นสนิทของป๊าเพียงไม่กคี่ นทีด่ เู หมือนจะมองออกว่าป๊าหมายปองแม่คา้ คนหนึ่งอยู่ แล้วก็ไม่เห็นด้วยที่ป๊าจะคบกับแม่ค้าจากต่างจังหวัดซึ่งมีความรู้แตกต่าง กันมาก ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนอก แต่ป๊าก็บอกเพื่อนไปว่า ป๊าไม่ได้มองคนที่ฐานะหรือความรู้ เพราะความรู้สามารถเล่าเรียนเพิ่มเติมกันได้ แต่ ป๊าแค่ต้องการเลือกคนดีซึ่งมีหัวใจตรงกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

84


85


86


ทว่า ความรักของป๊ากับ แม่ก็ยังคงดำ�เนินต่อไป ผ่ า นจดหมายหลายสิ บ ฉบับเป็นเวลาเกือบปี

แต่แล้ว สิง่ ทีเ่ พือ่ นเคยพูดเตือนไว้กก็ ลายเป็นความจริง ในปี พ.ศ. 2514 ก่อนทีป่ า๊ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรได้ไม่นาน ร้าน อาหารตามสัง่ ของสามพีน่ อ้ งก็เลิกกิจการไปในทีส่ ดุ แม่กลับไปอยูบ่ า้ น ที่นครสวรรค์ ทว่า ความรักของป๊ากับแม่ก็ยังคงดำ�เนินต่อไปผ่าน จดหมายหลายสิบฉบับเป็นเวลาเกือบปี โดยใจความสำ�คัญในจดหมาย ของป๊าที่เขียนไปบอกแม่ก็คือขอทำ�งานสร้างเนื้อสร้างตัวก่อน แล้ว จะตามไปหาที่นครสวรรค์ 87


88


บน : ป๊ากับอาม่า (สวมผ้านุ่ง) ลุงพิฑูรย์ (ซ้ายสุด) และป้าหมั่นหยี (ขวาสุด) ในวันเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยศิลปากร หน้าตรงข้าม บน : ขณะรับพระราชทานปริญญาบัตร ศิลปบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร จากในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2514 ล่าง : บัณฑิตใหม่ถ่ายภาพร่วมกับสมาชิกครอบครัวที่สุราษฎร์ธานี

89


90


หลังจากสำ�เร็จการศึกษาจากรั้วศิลปากร ป๊าก็เช่าบ้านหลังเล็กๆ หลัง หนึ่งในซอยวัดกระจับพินิจ เขตธนบุรี อยู่กับลุง (พิฑูรย์ พิทยากรศิลป์) ซึ่ง ย้ายจากอำ�เภอหลังสวนมาอยู่กรุงเทพฯ ระหว่างที่ป๊ารอเข้าทำ�งานเป็น ข้าราชการที่กรมศิลปากร ป๊าต้องออกไปรับจ้างปั้นรูปตามโรงหล่อต่างๆ ในขณะเดียวกันก็เริ่มกิจการเล็กๆ ที่บ้านเช่า ทำ�ตุ๊กตากระปุกออมสิน ซึ่ง หล่อจากปูนปลาสเตอร์และลงลวดลายระบายสี ลุงเป็นผูด้ แู ลด้านการผลิต ส่วนป๊าก็วิ่งหาตลาด โดยฝากวางขายตามร้านหนังสือ ตามร้านค้าต่างๆ และมีพ่อค้าหาบเร่มารับไปเดินหาบขายด้วย เกือบหนึ่งปีหลังจากนั้น แม่เดินทางจากนครสวรรค์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อ มาเยี่ยมญาติ ทั้งคู่จึงมีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ ตุก๊ ตาออมสินของป๊าขายดี ลุงกับป๊าช่วยกันทำ�ไม่ทนั ป๊าจึงขอให้แม่ไปช่วย ระบายสีตกุ๊ ตาออมสินทีบ่ า้ น แม่ไปช่วยงานป๊าทุกวันตัง้ แต่เช้าจนดึก เสร็จ งานป๊าก็จะพาแม่มาส่งที่ท่าเรือเพื่อข้ามกลับไปบ้านญาติแถวท่าน้ำ�วัด ดาวดึงษารามเป็นประจำ�อยูช่ ว่ งระยะหนึง่ จนกระทัง่ พีต่ า (มัณฑนา เทพมาลี) หลานสาวคนสนิทของแม่ซึ่งรับรู้เรื่องราวความรักของคนทั้งสองมาโดย ตลอดก็เอ่ยปากสนับสนุนให้แม่ตัดสินใจสร้างครอบครัวกับป๊า ในที่สุด ทั้ง คู่ก็พากันไปจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2515

หน้าตรงข้าม : ศิลปบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยศิลปากร

91


บนซ้ายและขวา : ขณะทำางานที่โรงหล่อ หน้าตรงข้าม : ป๊าถ่ายกับโก๋ ลูกชายคนแรก

92


แม้จะไม่ใช่ครอบครัวที่มีกินกันอย่างเหลือเฟือ บางมื้อแม่ต้องไปเด็ดผักบุ้งริมรั้วมาทำ� กับข้าว บางครัง้ ต้องจำ�นำ�วิทยุในช่วงทีข่ ดั สน แต่ปา๊ กับแม่กอ็ ยูก่ นั อย่างมีความสุข มีความเข้าใจ กัน หลังจากโก๋ (เกตุ พิทยากรศิลป์) ลูกชายคนแรกเกิดได้ไม่นาน ในปี พ.ศ. 2516 ป๊าก็ได้เข้า รับการบรรจุเป็นข้าราชการในตำ�แหน่งช่างปั้นที่กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร แม้การรับราชการ จะช่วยให้อนุ่ ใจในเรือ่ งรายได้ประจำ�และสวัสดิการต่างๆ แต่ปา๊ ก็ยงั คงรับจ้างปัน้ รูปเหมือนต่างๆ นอกเวลาราชการ และรับงานหล่อเทียนเป็นรูปผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย องุ่น และแอปเปิ้ล เพื่อ วางขายทีห่ า้ งไทยไดมารู ซึง่ เป็นห้างหรูยา่ นราชประสงค์ในสมัยนัน้ ป๊าเป็นคนตัง้ ใจทำ�งานและ ใส่ใจรายละเอียดต่างๆ มาก เทียนผลไม้ที่ป๊าหล่อขึ้นมาดูเหมือนผลไม้จริงมาก มีหลายครั้งที่ มีคนเข้าใจผิดหยิบเทียนแอปเปิ้ลขึ้นมากัดเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแอปเปิ้ลจริงๆ

93


94


ล่าง : ป๊า โก๋ และแม่ หน้าตรงข้าม บน : ญาติพนี่ อ้ งของป๊า ขณะไปเทีย่ วทีว่ งั หิน อำาเภอ ดอนสัก สุราษฎร์ธานี ล่าง : ป๊า อาม่า แม่ และโก๋ ที่วัดช่องลม สมุทรสาคร

95


ชีวิตคือการทำ�งาน ด้วยความขยันขันแข็ง มีความอดทน มุ่งมั่นของป๊า ปี พ.ศ. 2520 ครอบครัวของ เราก็เริม่ มีความเป็นอยูท่ ดี่ ขี นึ้ ป๊าเก็บเงินได้กอ้ นหนึง่ จึงย้ายจากบ้านเช่าซอยวัดกระจับ พินิจมาเซ้งอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นย่านถนนวุฒากาศ เขตบางขุนเทียน บริเวณชั้นล่าง ป๊าจะใช้เป็นทีข่ นึ้ รูปดินเหนียว และเป็นส่วนนัง่ เล่นพักผ่อน รับแขก กินข้าว ดูโทรทัศน์ ชั้นสองเป็นห้องนอน ส่วนห้องบนชั้นสามป๊าใช้สำ�หรับทำ�เป็นห้องทำ�งาน ศึกษา ค้นคว้าวิจยั งานต่างๆ และยังมีสว่ นทีเ่ ป็นดาดฟ้าด้านนอกซึง่ ป๊าใช้ส�ำ หรับเลีย้ งบอนไซ เป็นงานอดิเรก นอกจากการทำ � งานด้ า นศิ ล ปะแล้ ว ป๊ า ยั ง ให้ ค วามสนใจด้ า นวิ ท ยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี และวงจรอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย โดยได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัว เองจากหนังสือและนิตยสารด้านอิเล็กทรอนิกส์จนสามารถประดิษฐ์ ซ่อมแซม และ ดัดแปลงเครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เอง เมื่อใดก็ตามที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้อิเลคทรอ นิกส์ในบ้านเสียหายจนใช้การไม่ได้ ป๊าไม่เคยทิง้ แต่จะนำ�มาชำ�แหละชิน้ ส่วนเพือ่ ศึกษา ดูวิธีการทำ�งานหรือนำ�มาดัดแปลงเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างอื่นได้อย่างน่าทึ่ง ห้อง ทำ�งานป๊าบนชัน้ สามของบ้านจึงเต็มไปด้วยแผงวงจรไฟฟ้า รวมทัง้ เครือ่ งมือและวัสดุ อุปกรณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์มากมาย ซึ่งป๊าจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทุก ชิ้น และสามารถจดจำ�หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดถูกเคลื่อนย้ายหายไป

96


บน : บอนไซของป๊า ซึ่งป๊าขุดมาจากริมทางแล้วนำามาตัดแต่ง และเลี้ยงจนได้ทรวดทรงตามที่ต้องการ

97


98


ช่วงเวลาที่รับราชการเป็นช่างปั้นอยู่กองหัตถศิลป์ ป๊าได้สร้างผลงานไว้ มากมาย อาทิ งานปัน้ พระบรมราชานุสาวรียส์ มเด็จพระเจ้าตากสิน ประดิษฐาน ที่จังหวัดจันทบุรี และพระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรม พระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ประดิษฐาน ณ กองบัญชาการกองพลทหาร ราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ป๊ารับราชการอยู่กรมศิลปากรได้ 5 ปี ก็ตัดสินใจลาออกในปี พ.ศ. 2521 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่แม่ให้กำ�เนิดไก๋ (กานต์ พิทยากรศิลป์) ลูกชายคนที่ 2 และ เป็นช่วงทีป่ า๊ ได้รบั การว่าจ้างให้ท�ำ งานหลายชิน้ ส่วนใหญ่เป็นงานปัน้ รูปเหมือน พระอริยสงฆ์และงานปั้นแบบเพื่อผลิตเป็นเหรียญต่างๆ ซึ่งได้รับการว่าจ้าง จากบริษทั ชโลกุลพานิช ซึง่ เป็นโรงงานผลิตเหรียญทีร่ ะลึก โล่รางวัล ถ้วยรางวัล และเข็มเครื่องหมายต่างๆ ซึ่งยังคงดำ�เนินกิจการมาจนถึงทุกวันนี้ ป๊าใช้เวลา ส่วนใหญ่ท�ำ งานอยูท่ บี่ า้ น แต่มบี างช่วงเวลาทีต่ อ้ งออกไปทำ�งานนอกบ้าน ตาม โรงปัน้ หล่อต่างๆ เนือ่ งจากงานทีท่ �ำ มีขนาดใหญ่ เช่น งานประติมากรรมนูนต่�ำ สำ�หรับประดับตกแต่งอาคาร สำ�นักงาน หรือโรงแรม ผลงานสำ�คัญที่ป๊าสร้าง ไว้คอื งานประติมากรรมนูนต่�ำ ภายในอาคารบริเวณโถงทางเข้า กองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำ�เนินนอก กรุงเทพมหานคร

หน้าตรงข้าม บน : งานปั้นพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อประดิษฐานที่จังหวัดจันทบุรี ล่างซ้าย : พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เพื่อประดิษฐาน ณ กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ล่างขวา : งานประติมากรรมนูนต่ำ� ติดตั้งที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำ�เนินนอก กรุงเทพมหานคร

99


100


บน : ป๊ากับแม่ที่บ้านบางขุนเทียน หน้าตรงข้าม บน : สมาชิกครอบครัว 4 คน ล่าง : ป๊ากับไก๋ขณะอายุได้ 1 ขวบ

101


102


หน้าตรงข้าม : ป๊าในห้องทำางานบนบ้านตึกแถวชั้น 3 ที่บางขุนเทียน บน : แม่แอบอยู่หลังป๊า ที่บ้านบางขุนเทียน

103


104


บน : ป๊าขณะทำ�งานปั้นประติมากรรมนูนต่ำ�พุทธประวัติ หน้าตรงข้าม : งานปั้นของป๊าขณะเป็นดินเหนียวก่อนถอดพิมพ์

105


บนซ้าย : รูปปั้นดินเหนียวจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะเตรียมถอดพิมพ์ บนขวา : รูปปั้นดินเหนียวมิตร ชัยบัญชา ขณะเตรียมถอดพิมพ์

106


แรงบันดาลใจแห่งการก่อกำ�เนิดหุ่นขี้ผึ้ง

ประมาณปี พ.ศ. 2523 ป๊ามีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินไทยท่านหนึ่งในการ สร้างหุ่นขี้ผึ้งของ มิตร ชัยบัญชา พระเอกภาพยนตร์ไทยผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยป๊าเป็นผูร้ บั จ้างปัน้ งานต้นแบบ ครึ่งตัวบนด้วยดินเหนียวและทำ�แม่พิมพ์ให้กับศิลปินท่านนั้นนำ�ไปหล่อด้วยขี้ผึ้ง และตกแต่งรายละเอียดเองในลำ�ดับต่อไป ผลงานหุ่นขี้ผึ้งของอดีตพระเอกมิตร ชัยบัญชา และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รวมทั้งบุคคลสำ�คัญของไทยและดารา ภาพยนตร์ชอื่ ดังอีกหลายคน ได้ถกู นำ�ไปจัดแสดงทีส่ วนสยาม ซึง่ เป็นสวนสนุกเปิด ใหม่ภายใต้แนวคิด “ทะเลกรุงเทพฯ” ซึ่งมีจุดขายอยู่ที่ทะเลจำ�ลองขนาดใหญ่มี สไลเดอร์สูงปรี๊ดให้ไหลลื่นลงมา งานจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งที่สวนสยามจึงได้รับความ สนใจจากประชาชนอย่างท่วมท้น แต่อย่างไรก็ตาม หุ่นขี้ผึ้งเหล่านั้นก็ถูกแบ่งแยก ออกจากฝูงชนด้วยเชือกที่นำ�มากั้นเอาไว้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หุน่ ขีผ้ ง้ึ ทีพ่ ยายามสร้างขึน้ มาให้เหมือนคนจริงๆ ก็เลยถูกมองว่าเหมือนหุน่ มากกว่า เหมือนคนเพราะเชือกที่นำ�มาขึงแบ่งแยกระหว่างคนกับหุ่นนั่นเอง

107


ป๊ า จึ ง คิ ด ว่ า น่ า จะมี หุ่ น ขี้ ผึ้ ง ที่ สามารถทนทานต่ อ สภาวะ อ า ก า ศ ข อ ง เ มื อ ง ไ ท ย แ ล ะ สามารถมีปฏิสัมพันธ์ทางความ รู้ สึ ก กั บ ผู้ ช มได้ โ ดยไม่ ต้ อ งมี กระจกหรือเชือกมาขวางกั้น

หลังจากนัน้ ไม่นาน ป๊าก็ได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ และมีโอกาสได้ไปชมรูป เหมือนหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่แหวน ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง ในอำ�เภอพร้าว ซึ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งที่ทางวัดได้ว่าจ้างให้ทีมงานของ มาดาม ทูโซด์ ประเทศอังกฤษสร้าง ขึ้น เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ป๊าก็เห็นว่า หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่แหวนแม้จะมีความ เหมือนคนจริงๆ แต่ก็ดูมีโครงรูปร่างที่สูงใหญ่ผิดไปจากชาวเอเชีย อาจเป็นเพราะ เกิดจากฝีมือการปั้นหล่อโดยชาวตะวันตกที่คุ้นเคยกับรูปร่างฝรั่งก็เป็นได้ ประเด็น ต่อมาที่ป๊ามองเห็นคือการดูแลรักษาหุ่นขี้ผึ้งที่มีความยุ่งยากและสิ้นเปลือง เพราะ เมืองไทยมีอากาศร้อนชืน้ และมีฝนุ่ ละอองในบรรยากาศอยูม่ าก หุน่ ขีผ้ งึ้ ต้องถูกเก็บ รักษาไว้ในตู้กระจกเพื่อป้องกันฝุ่นและต้องอยู่ภายใต้อุณหภูมิที่ควบคุมโดยเครื่อง ปรับอากาศตลอดเวลา การพิจารณาดูงานศิลปะประเภทนี้ จึงขาดความรู้สึกร่วม ขาดการเชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างชิ้นงานศิลปะกับผู้ชมไปอย่างน่าเสียดาย ป๊าจึง คิดว่า น่าจะมีหนุ่ ขีผ้ งึ้ ทีส่ ามารถทนทานต่อสภาวะอากาศของเมืองไทยและสามารถ มีปฏิสัมพันธ์ทางความรู้สึกกับผู้ชมได้โดยไม่ต้องมีกระจกหรือเชือกมาขวางกั้น

108


ป๊าจึงเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างหุน่ ขีผ้ งึ้ เพือ่ ต่อยอดความคิดทีว่ า่ จะสร้าง หุ่นขี้ผึ้งอย่างไรให้มีความสมจริงมากที่สุดโดยไม่จำ�เป็นต้องเก็บรักษาไว้ในห้อง ปรับอุณหภูมิ ไม่ต้องใส่ตู้กระจกป้องกันฝุ่น เพราะจากการที่ป๊าเคยทำ�งานกับ วัสดุประเภทเทียนและขีผ้ งึ้ มาก่อน ทำ�ให้รวู้ า่ ผิวของเทียนและขีผ้ งึ้ นัน้ มีคณ ุ สมบัติ ในการจับฝุน่ ละอองได้มาก และไม่สามารถเช็ดถูออกไปได้ ยิง่ เช็ดฝุน่ ก็ยงิ่ ฝังแน่น เข้าไปในเนือ้ ขีผ้ งึ้ ความคิดทีท่ า้ ทายต่อมาก็คอื การจัดวางหุน่ ทีเ่ ปิดโอกาสให้ผชู้ ม ได้สัมผัสหุ่นขี้ผึ้งได้อย่างใกล้ชิดโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความเสียหาย ดังนั้น หุ่นขี้ผึ้งจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน เมื่อพิจารณาจากโจทย์ดังกล่าว ป๊าก็สรุป ได้ในทันทีว่า ขี้ผึ้งไม่เหมาะสมที่จะนำ�มาใช้ในการสร้างหุ่นขี้ผึ้ง แล้วจะมีวัสดุใด ที่มีความแข็งแรงและคงทนต่อสภาพอากาศของเมืองไทยที่สามารถนำ�มาใช้ ทดแทนขี้ผึ้งได้บ้าง ป๊าจำ�ได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ป๊าเคยรับงานจากผู้ว่าจ้างให้ทำ�หินอ่อน เทียม จึงนึกถึงวัตถุดบิ ชนิดหนึง่ ทีน่ �ำ มาใช้ในการผลิตหินอ่อนเทียมขึน้ มาได้เรียก ว่า “เรซิ่น” หรือ “โพลีเอสเทอร์เรซิ่น” ซึ่งเป็นพลาสติกในรูปของเหลวชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติเหนียวข้นแต่มีความใส และสามารถแข็งตัวในได้เองในอุณหภูมิห้อง จึงสามารถนำ�มาผสมสีแล้วหล่อเป็นรูปต่างๆ ได้ตามแบบพิมพ์ แต่หุ่นขนาดเท่า คนจริงซึ่งหล่อตันด้วยเรซิ่นจะมีน้ำ�หนักมาก และหากหล่อหุ่นให้ภายในกลวงก็ อาจเปราะและแตกหักได้ง่าย ในที่สุดป๊าก็นำ� “ไฟเบอร์กลาส” หรือเส้นใยที่ผลิต จากแก้วทีป่ นั่ ให้เป็นเส้นละเอียดบางๆ มาเป็นวัสดุชว่ ยเสริมแรงให้หนุ่ เรซิน่ ทำ�ให้ หุ่นมีน้ำ�หนักน้อยลงและมีความแข็งแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำ�ไฟเบอร์กลาสมาสร้างงานศิลปะอย่างหุ่นขี้ผึ้งซึ่งต้อง เลียนแบบลักษณะของมนุษย์ทกุ ส่วนโดยเฉพาะความนุม่ ของผิวหนังและริว้ รอย ต่างๆ ให้มีความเหมือนจริงมากที่สุด ไม่ได้ใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืนเหมือนการ ผลิตหลังคารถกระบะ หากแต่ปา๊ ต้องลองผิดลองถูก ค้นคว้าและคิดค้นเทคนิควิธี การต่างๆ อย่างทุ่มเทเป็นเวลายาวนาน

109


ผิวหนัง เส้นผม ดวงตา อุปนิสัย ไม่ใช่เรื่องง่ายในการจำ�ลองผิวหนังของมนุษย์ให้ดูอ่อนนุ่มเหมือนจริงด้วยวัสดุที่แข็ง กระด้าง ป๊าจึงให้ความสำ�คัญกับรายละเอียดบนผิวหนังมากและลงลึกถึงรูขมุ ขน โดยขัน้ ตอน ในการสร้างรูขุมขนบนผิวหนังของหุ่นป๊าเรียกเองว่า “การปลูกผิว” เมื่อปลูกผิวให้หุ่นแล้วก็ จะตกแต่งสีบนผิวหุ่น แต่งไฝ กระ หรือริ้วรอยต่างๆ หรือแม้กระทั่งเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ซึมออก มาจากใต้ผิวหนังป๊าก็ไม่ได้ละเลย ขัน้ ตอนสำ�คัญทีต่ อ้ งอาศัยความอดทนอย่างสูงในการผลิตก็คอื เส้นผมของหุน่ เพือ่ ความ เหมือนจริงต้องเจาะรูเข้าไปในเนื้อไฟเบอร์กลาสที่แข็งทีละรูด้วยเครื่องเจาะที่ใช้ดอกสว่าน ขนาดเล็กจิว๋ ซึง่ ป๊าต้องคิดค้นขึน้ มาเอง แล้วใช้เส้นผมปักลงไปในในแต่ละรูทเี่ จาะเอาไว้ เรียก ว่า “การปลูกผม” โดยเฉลี่ยแล้วหุ่น 1 รูปต้องเจาะรูเพื่อปลูกผมประมาณ 200,000 เส้น จาก นั้นจึงตัดแต่งเส้นผมเป็นขั้นตอนต่อมา ป๊าเคยบอกว่าการปั้นรูปเหมือนของบุคคลต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่ปั้นรูปร่างภายนอกของ บุคคลนัน้ ๆ แต่ตอ้ งปัน้ ลักษณะอุปนิสยั ใจคอของบุคคลนัน้ ๆ ด้วย เรียกว่า “การใส่วญ ิ ญาณ” ลงไปในรูปปั้นเพื่อสื่อให้เห็นถึงแต่ละปัจเจกบุคคลที่มีบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ดังนั้น ป๊าจึงให้ความสำ�คัญตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบท่าทางของหุ่นที่สอดคล้องกับบุคลิก และนิสัยใจคอของแต่ละคนก่อนจะลงมือปั้น นอกจากท่าทางแล้ว ลักษณะเฉพาะและนิสัย ส่วนตัวของแต่ละคนยังสะท้อนออกมาจากสีหน้าและแววตาด้วย การผลิตและติดตั้งดวงตา ให้กบั หุน่ ขีผ้ งึ้ จึงเป็นสิง่ สำ�คัญอย่างยิง่ ทีป่ า๊ พยายามถ่ายทอดให้ผชู้ มสัมผัสได้ถงึ อารมณ์ ความ คิด และลักษณะนิสัยของบุคคลต้นแบบของหุ่นขี้ผึ้งด้วย

110


บนสุด : ป๊าขณะจัดแต่งเส้นผมหุ่น บน : ลูกศิษย์ของป๊าขณะระบายสีผิวและเขียนรอยสักลงบนแขนหุ่น

111


ความสำ�เร็จขั้นแรก หลังจากใช้เวลาหลายปีในการทุม่ เทค้นคว้าทดลองร่วมกับทีมงาน ในทีส่ ดุ เมือ่ ปี พ.ศ. 2527 ป๊าก็ประสบความสำ�เร็จในการสร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสที่มีลักษณะเหมือน คนจริงมากที่สุดเป็นรูปแรก คือหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระราชสังวราภิมณฑ์ หรือหลวงปู่ โต๊ะ อินทสุวณฺโณ แห่งวัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ นอกจากความเหมือนจริงแล้ว หุ่นของ หลวงปู่โต๊ะยังสะท้อนให้เห็นถึงจริยวัตรอันงดงามของพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติชอบภายใต้ แววตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของท่านด้วย ป๊าได้นิมนต์หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่โต๊ะที่สร้างสำ�เร็จแล้วมาประดิษฐานไว้ที่ชั้นล่างของบ้าน เพือ่ เตรียมส่งมอบให้กบั ทางวัดประดูฉ่ มิ พลีซงึ่ ต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมสถานทีภ่ ายใน วัดเพือ่ อัญเชิญหลวงปูไ่ ปประดิษฐานเป็นการถาวร ในช่วงระหว่างนัน้ ประมาณสองเดือน เศษ ผู้คนในละแวกบ้านก็พากันแห่มาชมผลงานหุ่นขี้ผึ้งของป๊าแล้วก็บอกกันปากต่อปาก แม่ตอ้ งเปิดบ้านรับแขกทุกวันทัง้ คนทีร่ จู้ กั และไม่รจู้ กั แขกบางคณะก็มากันตามคำ�บอกเล่า เป็นคันรถตูจ้ ากต่างจังหวัดเพือ่ มาชมและกราบไหว้หลวงปู่ ส่วนสมาชิกในบ้าน ตลอดสอง เดือนกว่าทีห่ นุ่ ขีผ้ งึ้ หลวงปูโ่ ต๊ะประดิษฐานอยูท่ บี่ า้ น ทุกคนต่างก็รสู้ กึ ผูกพันกับหลวงปูแ่ ละ รับรู้ได้ถึงความเมตตาของท่านเหมือนกับท่านมีชีวิตอยู่จริงในบ้านของเรา ก่อนโก๋จะไป

112


บน : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระราชสังวราภิมณฑ์ หรือหลวงปู่โต๊ะซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกที่ป๊าสร้างสำาเร็จ

โรงเรียนและตอนกลับจากโรงเรียนก็ตอ้ งเข้ามากราบท่านทุกวัน เมือ่ วันทีท่ างวัดมารับหุน่ ขีผ้ ง้ึ ของหลวงปูจ่ ากทีบ่ า้ นไปยังวัด รูส้ กึ มันรวดเร็วมาก แม่กบั โก๋วง่ิ ตามรถของหลวงปูไ่ ปจนถึงหน้า ปากซอยโดยไม่ทนั ได้สวมรองเท้าเพือ่ ไปส่งท่าน แล้วก็มองจนกระทัง่ รถของท่านวิง่ ลับสายตา ไปบนถนน จากนัน้ ต่างก็เดินกลับบ้านกันด้วยความสะเทือนใจ เมือ่ มาถึงบ้านเห็นเพียงแค่ตง่ั ซึง่ เคยเป็นทีป่ ระดิษฐานหุน่ ขีผ้ ง้ึ ของหลวงปูม่ าสองเดือนกว่าว่างเปล่าลง ขอบตาก็รน้ื ไปด้วย น้าำ ตา แม่เปรยออกมาว่า “คิดถึงหลวงปูเ่ นอะ” แล้วหลังจากนัน้ ชัว่ ครูแ่ ม่กน็ กึ ถึงน้อง ไม่รวู้ า่ ระหว่างเคลือ่ นย้ายหลวงปูไ่ ก๋หลบไปอยูท่ ไ่ี หน ตามหาอยูส่ กั พักก็เจอไก๋แอบไปร้องไห้สะอึก สะอืน้ อยูบ่ นห้องทำางานป๊าบนชัน้ สาม แล้วก็บน่ พร่าำ ว่า ทำาไมต้องเอาหลวงปูไ่ ปด้วย

113


มี เซี ย นหมากรุ ก ถู ก เพื่ อ นหลอก ให้ ม าช่ ว ยดู ห มากรุ ก กระดานนี้ เพราะเล่นกันมา 3 วัน 3 คืนแล้ว ก็ ยั ง ไม่ จ บเกม เซี ย นหมากรุ ก ผู้ นั้นก็ยืนวิเคราะห์หาทางแก้เกม อยู่พักใหญ่

ไม่นานหลังจากประสบความสำ�เร็จในการสร้างหุน่ ขีผ้ งึ้ พระสงฆ์ ป๊าก็สร้างหุน่ คน เล่นหมากรุกเป็นชุดต่อมาเพือ่ แสดงให้เห็นถึงเกมกระดานหมากรุกไทยซึง่ เป็นมรดก ทางวัฒนธรรมของไทยที่สืบทอดมายาวนาน และต้องการสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ของ หุ่น 3 รูป ซึ่งประกอบด้วย ลุงสูงวัยผู้เป็นต่อในเกม ชายคู่แข่งที่กำ�ลังตกอยู่ในอาการ จนแต้ม และผูช้ มทีย่ นื ลุน้ ว่ากระดานหมากนีจ้ ะลงเอยอย่างไร หุน่ ชุดนีป้ า๊ สร้างขึน้ มา จากจินตนาการของตนเองโดยไม่มีคนจริงเป็นต้นแบบ แต่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ และความรู้สึกออกมาบนสีหน้าท่าทางของหุ่นทุกรูปได้อย่างเด่นชัดมาก หุ่นขี้ผึ้งชุดหมากรุกก็ได้ถูกนำ�มาจัดวางไว้ที่ชั้นล่างของบ้านเช่นกัน แล้วไม่นาน เมือ่ มีกระแสปากต่อปาก ผูค้ นก็หลัง่ ไหลกันมาชมหุน่ เป็นจำ�นวนมาก บางคนมาเพือ่ ดูความเหมือนคนจริงๆ ของหุน่ แต่บางคนก็ถกู เพือ่ นหลอกให้มาดูหนุ่ โดยทีเ่ ข้าใจว่า เป็นคนจริงๆ แล้วเพือ่ นก็ได้ขบขันกับอากัปกิรยิ าของคนทีถ่ กู หลอกตอนทีเ่ ฉลยความ จริง ครัง้ หนึง่ เคยมีเซียนหมากรุกถูกเพือ่ นหลอกให้มาช่วยดูหมากรุกกระดานนี้ เพราะ เล่นกันมา 3 วัน 3 คืนแล้วก็ยังไม่จบเกม เซียนหมากรุกผู้นั้นก็ยืนวิเคราะห์หาทางแก้ เกมอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเพื่อนสะกิดบอกว่าผู้เล่นตรงหน้านั้นเป็นหุ่น ไม่ใช่คนจริง เซียนหมากกระดานผู้นั้นก็ถึงกับเต้นผางแล้วสบถออกมาอย่างลืมตัว “ไอ้เ##็#ด#ม่ ปั้นโคตรเหมือนเลย!” สร้างเสียงฮากันดังลั่นบ้าน 114


บนสุด : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสชุดคนเล่นหมากรุก ตั้งอยู่บนชั้น 3 บ้านบางขุนเทียน บนซ้าย : เศียรหุ่นขี้ผึ้งคนอ่านหนังสือพิมพ์ บนขวา : หุ่นขี้ผึ้งคนอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อประกอบเสร็จแล้ว

115


บน : หุน่ ขีผ้ งึ้ ไฟเบอร์กลาสหลวงปูค่ รูบาชัยยะ วงศาพัฒนา ซึง่ ท่านได้เดินทางมาจากวัดพระพุทธบาท ห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน เพื่อมาเป็นแบบให้ป๊าปั้นถึงที่บ้านก่อนที่จะมรณภาพได้ไม่นาน

116


บนสุดซ้าย : หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท บนสุดขวา : สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม กรุงเทพฯ บนซ้าย : ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำาพูน บนขวา : พระครูภาวนารังษี วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา

117


118


บน : ป๊าขณะอธิบายเกีย่ วกับการปัน้ หุน่ ทีง่ านประเพณีชกั พระ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปี 2529 หน้าตรงข้าม บน : หุ่นขี้ผ้ึงหลวงปู่ทวดที่นำามาจัดแสดงในงานประเพณี ชักพระของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2529 ล่างซ้าย : ป๊าถ่ายกับป้ายแสดงเจตนารมย์ในการนำาหุ่นขี้ผึ้ง หลวงปู่ทวดมาจัดแสดงที่งานประเพณีชักพระ ล่างขวา : ป๊าขณะทำาความสะอาดหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ทวด

119


บนซ้าย : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ประดิษฐานที่วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย บนขวา : ศิษยานุศิษย์ชื่นชมหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เมื่ออัญเชิญถึงวัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย หน้าตรงข้าม บน : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสครูบาศรีวิชัยที่สร้างสำาเร็จพร้อมอัญเชิญไปประดิษฐานที่เชียงใหม่ ล่าง : ขบวนแห่ฉลองรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสครูบาศรีวิชัยในเมืองเชียงใหม่ ปี 2529

120


121


บน : อาคารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยขณะกำาลังก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2528

122


ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ภายหลังจากที่ประสบความสำ�เร็จในการคิดค้นการสร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์ กลาสแล้ว ป๊าก็สร้างหุ่นขี้ผึ้งชุดต่างๆ ขึ้นมาอีกหลายชุด รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งรูป เหมื อ นของพระอริ ย สงฆ์ ที่ สำ � คั ญ ของเมื อ งไทยหลายรู ป กลุ่ ม เพื่ อ นผู้ มี อุดมการณ์เดียวกันกับป๊าทั้งที่เป็นศิลปิน เป็นช่าง เป็นเจ้าของโรงหล่อ และ เป็นนักธุรกิจผู้สนับสนุนด้านการเงิน ต่างก็มีความเห็นตรงกันในการจัดสร้าง พิพธิ ภัณฑ์เพือ่ จัดแสดงผลงานหุน่ ขีผ้ งึ้ ไฟเบอร์กลาสของป๊า ทัง้ หมดรวม 9 คน จึงได้รว่ มกันลงขันทัง้ แรงกายและแรงทรัพย์เพือ่ เริม่ โครงการจัดสร้างพิพธิ ภัณฑ์ หุ่นขี้ผึ้งไทยเป็นแห่งแรกในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2527 โดยได้จัดซื้อที่ดินริม ถนนบรมราชชนนี กิโลเมตรที่ 31 จำ�นวน 13 ไร่สำ�หรับก่อสร้างอาคารจัด แสดงหุน่ ขีผ้ งึ้ ควบคูอ่ าคารกองศิลปกรรมสำ�หรับผลิตหุน่ ขีผ้ งึ้ บริเวณด้านหลัง ด้วย ป๊ามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะให้พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผ้ึงไทยเป็น สถานที่สำ�หรับเยาวชนไทย รวมทั้งประชาชนที่สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ ประเพณี วัฒนธรรม และความเป็นอยู่แบบไทยโดยใช้หุ่นขี้ผึ้งเป็นสื่อ และไม่ ได้มุ่งหวังผลประกอบการเฉกเช่นสวนสนุกหรือสถานบันเทิง หากแต่ให้มีราย ได้เพียงพอในการบริหารดูแลสถานที่และพนักงาน

123


124


ระหว่างทีก่ อ่ สร้างพิพธิ ภัณฑ์ ป๊าต้องเดินทางไปสถานทีก่ อ่ สร้างทุกวัน หลายวันต้อง อยู่จนดึกดื่นหรือถึงรุ่งเช้ากว่าจะได้กลับบ้าน เพราะป๊าใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียง เฉพาะเรื่องของงานปั้นหุ่นและกระบวนการผลิตหุ่นขี้ผึ้ง แต่ป๊าต้องเข้ามาดูแลเรื่องการ จัดตกแต่งอาคารจัดแสดงซึ่งมีความซับซ้อนในเรื่องของระบบไฟ แสง และเสียง รวมทั้ง ออกแบบตำ�แหน่งการจัดวางหุ่นชุดต่างๆ ด้วยตนเอง ป๊าต้องเป็นผู้แก้ปัญหาและเป็น คนสุดท้ายที่ตัดสินใจเพื่อให้การจัดแสดงหุ่นมีความสมบูรณ์ลงตัวอย่างที่ตั้งใจมากที่สุด ในทีส่ ดุ โครงการสร้างพิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ ไทยก็ส�ำ เร็จลุลว่ งและเปิดให้สาธารณชนได้ เข้าชมโดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกได้เสด็จมา เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2532 เป็นถือได้ว่าเป็น พิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ แห่งแรกทีจ่ ดั สร้างขึน้ ในประเทศไทยแสดงผลงานหุน่ ขีผ้ งึ้ ทีเ่ กิดจากฝีมอื คนไทย สร้างความตื่นตัวแก่สาธารณชนอย่างมากมายที่เดินทางมาจากทั่วประเทศเพื่อ มาชมหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนคนจริงมากที่สุด รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนงต่างก็ให้ความสนใจ เข้ามาทำ�ข่าว ทำ�บทความ สัมภาษณ์ป๊า และทำ�สกู๊ปรายการทางโทรทัศน์เกือบทุกช่อง ในช่วงนั้น โดยสื่อมวลชนได้เคยบรรยายถึงหุ่นขี้ผึ้งของป๊าไว้ว่า “เป็นงานประติมากรรม ระดับโลก รูปหุ่นเหมือนจริงดุจดั่งมีชีวิต ขาดแต่เพียงลมหายใจเท่านั้น...” เหตุการณ์ที่สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับผู้บริหารและทีมงานทุกคนในพิพิธภัณฑ์ หุ่นขี้ผึ้งไทยมากที่สุดก็คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งขณะนั้นดำ�รงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จ พระราชดำ�เนินเป็นการส่วนพระองค์มาชมหุ่นขี้ผึ้งที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยถึง 2 ครั้ง

หน้าตรงข้าม บน : หน้าแรกในสมุดบันทึกของป๊า หน้าตรงข้าม ล่างซ้ายและขวา : บางส่วนจากสมุดบันทึกของป๊าระหว่างสร้างพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

125


126


บน : สาส์นอำ�นวยพรจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เนื่องในโอกาสเปิดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย หน้าตรงข้าม สองภาพบน : คณะผู้บริหารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยรับเสด็จ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ในวันเปิดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ล่าง : ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ถวายภัตตาหารแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ

127


บนสุด : ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี ลงนามในสมุดเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ หุน่ ขีผ้ งึ้ ไทย “วันนีผ้ มได้รบั เชิญมาในงาน พิธเี ปิดพิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ นี้ ผมรูส้ กึ ทึง่ และประทับใจเป็นอย่าง ยิง่ ในความสามารถอันสูงยิง่ ของศิลปินไทยเรา และความเสียสละของท่านกรรมการผูบ้ ริหารพิพธิ ภัณฑ์ ในอันที่จะส่งเสริมศิลปกรรมของชาติ ขอให้ทุกท่านมีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป” บน : ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ชมหุ่นขี้ผึ้งชุดพระอริยสงฆ์ โดยมีผู้บริหารพิพิธภัณฑ์หุ่น ขี้ผึ้งไทยนำาชม

128


บน : ป๊ากำ�ลังสนทนากับศาสตราจารย์ระพี สาคริก ในวันเปิดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งศาสตราจารย์ระพีได้เขียนถึงพิพิธภัณฑ์หุ่น ขี้ผึ้งไทยไว้ว่า “ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาชมผลงานที่นี่ ในความรู้สึกส่วนตัวผมคิดว่าเป็นสิ่งอันล้�ำ ค่าและเป็นสิ่งสำ�คัญ มากทีส่ งั คมไทยกำ�ลังต้องการในภาวะปัจจุบนั ซึง่ รูส้ กึ ว่า เรากำ�ลังเผชิญกับภาวะ “การขาดพืน้ ฐานทีแ่ ท้จริง” และเมือ่ มองสูเ่ ยาวชน ซึง่ เราต่างก็เข้าใจกันดีอยูแ่ ล้วว่าเขาเป็นชีวติ ทีส่ บื ทอดสังคมไทย ซึง่ เราต่างก็หวัง “ความดีงาม” และ “ศานติสขุ ” ผมใคร่จะได้พบเห็น “คนไทย” คิดสร้างสรรค์เช่นนีม้ ากขึน้ และเพือ่ สะท้อนผลให้คนผูก้ �ำ ลังสิน้ หวังได้เห็นความหวังเด่นชัดขึน้ ได้ ขอเป็นกำ�ลังใจให้ และ ขออวยพรให้ท่านที่เกี่ยวข้องและสถานที่แห่งนี้จงประสบความสำ�เร็จและมั่นคงถาวรสืบไป”

129


บน : อาคารสองชั้นและอาคารท้องพระโรงที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย พ.ศ. 2532

130


อาคารจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยเป็นอาคารสองชั้น โดยชั้นล่างเป็นห้อง นิทรรศการถาวรจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสชุดพระอริยสงฆ์ต่างๆ อาทิ พระราชสังวราภิ มณฑ์ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร พระครูพัฒนากิจจานุรักษ์ (หลวง ปูช่ ยั ยะ วงศาพัฒนา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก) วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำ�พูน หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำ�ปาง สมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม กรุงเทพมหานคร พระครูวมิ ลคุณากร (หลวงปูศ่ ขุ เกสโร) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท สมเด็จเจ้าพระ ราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี พระครูวินัยธรมั่น ภู ริทตฺโต (หลวงปู่มั่น) วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร ครูบาศรีวิชัย เป็นต้น หุ่นวิถีชีวิตไทย ซึ่ง ประกอบไปด้วย หุ่นเสมียนสำ�นักงาน หุ่นคนอ่านหนังสือพิมพ์ หุ่นคนนั่งหลับ หุ่นชุดหมากรุก ไทย หุ่นยาย แม่ หลาน และส่วนสุดท้ายซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นสำ�คัญของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ก็คือ พระบรมรูปหุ่นขี้ผึ้งอดีตพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 8 ประดิษฐานภายในท้องพระโรงจำ�ลองที่สร้างขึ้นอย่างประณีตบรรจง ส่วนพื้นที่บริเวณชั้นสอง เป็นห้องส่วนจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน อาทิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับการเลิกทาส ขงจือ๊ จอมปราชญ์ สุนทรภูแ่ ละพระอภัยมณี หัวล้านชนกัน การละเล่นของเด็ก ไทย บรมครูด้านเพลงไทย และหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำ�คัญของโลก เช่น มหาตมะ คานที อับราฮัม ลินคอล์น และ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล นอกจากนั้นยังมีโครงการจัดนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยว กับศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรมของทั้งเมืองไทยและต่างประเทศอีกมากมายที่ทางพิพิธภัณฑ์ หุ่นขี้ผึ้งไทยเตรียมสร้างเพื่อจัดเป็นนิทรรศการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามความสนใจของ สาธารณชนในแต่ละช่วงเวลา

131


132


ภาพบน : พระบรมรูปหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระรูปหุ่น ขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หน้าตรงข้าม : พระบรมรูปหุ่นขี้ผึ้งพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี

133


134


บน : (จากในสุด) พระมงคลเทพมุนี พระราชสังวราภิมณฑ์ และพระสุพรหมยานเถร หน้าตรงข้าม บน : พระพุทธวรญาณ และพระครูภาวนารังสี ล่างซ้าย : พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ ล่างขวา : พระโพธิญาณเถร

135


บน : สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) หน้าตรงข้าม : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

136


137


138


บน : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสชุดบรมครูเพลงไทย ประกอบด้วย เอื้อ สุนทรสนาน จวงจันทร์ จันทร์คณา (พรานบูรพ์) และไพบูลย์ บุตรขัน หน้าตรงข้าม บนซ้าย : พระครูวิมลคุณากร บนขวา : ครูบาศรีวิชัย ล่าง : พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต

139


140


บน : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสชุดสุนทรภู่ กวีเอกของโลกกับ ตัวละครในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี หน้าตรงข้าม บน : มหาตมา คานธี​ี ล่างซ้าย : อับราฮัม ลินคอล์น ล่างขวา : เซอร์วินสตัน ลีโอนาร์ด สเปนเซอร์-เชอร์ชิล

141


142


บนสุด : บ่อนพนันซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งการตกเป็นทาส บน : ครอบครัวทาสภายหลังจากได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ หน้าตรงข้าม บน : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศเลิกทาส ล่าง : ทาสที่ถูกทำ�โทษด้วยการเฆี่ยนตี

143


ซ้าย : ขงจื๊อ นักคิดและนักปรัชญาสังคมชาวจีน ขวาบน : หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสม้าซึ่งใช้กรรมวิธีในการปลูกขนทีละเส้นเช่นเดียวกับหุ่นคน ขวาล่าง : หุ่นยาย แม่ หลาน หน้าตรงข้าม บน : หุ่นชุดการละเล่นของเด็กไทย ล่าง : หุ่นชุดหัวล้านชนกัน

144


145


บน : หุ่นชุดหมากรุกไทย หน้าตรงข้าม บน : พบอาจารย์สมเกียรติ อ่อนวิมล ก่อนให้สัมภาษณ์ออกรายการ “ที่นี่ กรุงเทพฯ” ของบริษัท แปซิฟิค อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น ล่าง : ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ที่นี่ กรุงเทพฯ” กับคุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา

146


147


บนสุด : ให้สัมภาษณ์ออกรายการโทรทัศน์ ไม่ทราบรายละเอียด ปี 2535 บน : ให้สัมภาษณ์นักข่าวหนังสือพิมพ์ ไม่ทราบรายละเอียด หน้าตรงข้าม : เข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตรศิษย์เก่าดีเด่นสถาบันเทคโนโลยี ราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่าง จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. 2534

148


ด้วยเหตุนเี้ อง แม้วา่ พิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ ไทยจะสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำ�เนินการอย่าง สมบูรณ์แบบแล้วก็ตาม ป๊าก็ยงั คงต้องทำ�งาน ค้นคว้าวิจยั ในการจัดสร้างหุน่ ขีผ้ งึ้ ชุดใหม่ๆ เพือ่ นำ�มาหมุนเวียนจัดแสดงอยูเ่ สมอ พิพธิ ภัณฑ์กจ็ ะมีชวี ติ ชีวาเพราะได้น�ำ เสนอเนือ้ หา ใหม่ๆ ให้คนดูได้ศึกษาเรียนรู้ทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมชม จากผลงานโดดเด่นที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยซึ่งเกิดจากการทุ่มเทแรงกายและแรงใจ ของป๊า ทำ�ให้ป๊าได้รับเลือกจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่างให้เป็น ศิษย์เก่าดีเด่น เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. 2534 และสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้ประกาศ เชิดชูเกียรติให้ป๊าเป็นนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากรดีเด่น แห่งปี 2541 ในฐานะผู้ ประสบความสำ�เร็จในด้านศิลปกรรม และรับรางวัลจากอีกหลายสถาบันอย่างต่อเนื่อง

149


ซ้ายบน : ในงานฉลองรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่าง จัดที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ ซ้ายล่าง : เพื่อนๆ ศิษย์เก่าเพาะช่าง ร่วมแสดงความยินดี ขวา : วันรับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยศิลปากร ปี 2541

150


บน : รางวัลจากสถาบันต่างๆ ที่ได้รับ

151


ปั้นหุ่น ปั้นคน

นอกเหนือจากงานปั้นหุ่น สิ่งสำ�คัญที่ป๊าไม่เคยละเลยก็คือ “ปั้นคน” เพราะองค์ ความรู้ที่ป๊าใช้ความมานะพยายามในการคิดค้น ทดลอง และปฏิบัติจนสัมฤทธิผลคง ไม่เกิดประโยชน์อันใดหากไม่ได้รับการถ่ายทอดเพื่อสืบทอดวิชาความรู้นั้น ในช่วง แรกเริม่ ของการทดลองทำ�หุน่ ขีผ้ งึ้ มีลกู หลานทีอ่ ยูต่ า่ งจังหวัดหลายคนมาอาศัยอยูท่ ี่ บ้าน แต่ละคนไม่เคยผ่านการเล่าเรียนทางด้านศิลปะ ป๊าก็ฝึกให้ทุกคนทำ�งานพร้อม ทั้งถ่ายทอดวิชาความรู้อย่างหมดเปลือกในทุกขั้นตอนการสร้างงาน ตั้งแต่การปั้น การทำ�พิมพ์ การหล่อ การตกแต่งรายละเอียด และเทคนิควิธีการต่างๆ ทุกคนจึงได้ เรียนรูจ้ ากการลงมือปฏิบตั จิ ริงจนเกิดทักษะความรูค้ วามชำ�นาญ หลายคนทีผ่ า่ นการ ฝึกฝนจากป๊าสามารถทำ�งานได้เช่นเดียวกับมืออาชีพทีจ่ บการศึกษาจากสถาบันศิลปะ เมื่อพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยเปิดดำ�เนินการ ลูกศิษย์ก้นกุฏิของป๊าแทบทุกคนจึงได้รับ การบรรจุเข้าทำ�งานประจำ�ในแผนกศิลปกรรมของพิพธิ ภัณฑ์ โดยมีปา๊ คอยชีแ้ นะ ดูแล เอาใจใส่เสมอ เพื่อให้ได้ผลงานออกมาดีที่สุด ผู้ที่ทำ�งานใกล้ชิดกับป๊าจะรู้ดีว่า ป๊า เป็นคนละเอียดถีถ่ ว้ น ชอบใช้ความคิดและมักจะมีแนวคิดดีๆ ทีห่ ลายคนนึกไม่ถงึ ทัง้ เรื่องของการทำ�งานและเรื่องการดำ�เนินชีวิต ป๊าหรือที่ทุกคนเรียกกันติดปากว่า “อาจารย์ดวงแก้ว” จึงเป็นที่รักและเคารพเลื่อมใสจากบรรดาลูกศิษย์และผู้ที่ศรัทธา ในผลงานมาตลอดชีวิตการทำ�งาน

152


บน : พิธีไหว้ครูซึ่งจัดเป็นประจำาทุกปีที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

153


154


ป๊าไม่เคยบังคับลูกๆ ให้ดูภาพยนตร์สารคดี แต่ จ ะใช้ จิ ต วิ ท ยาโดยการให้ ช่ ว ยบั น ทึ ก รายการสารคดี เหล่ านั้ น ลงวี ดี โ อเทปและ คอยกดหยุดบันทึกเมื่อตัดเข้าโฆษณา

ด้านครอบครัว ป๊ามีลูกชาย 2 คน โก๋กับไก๋ ซึ่งได้รับการหล่อหลอมจากคำ�สั่ง สอนของป๊ามาอย่างเต็มเปี่ยม ในช่วงชีวิตวัยเด็กของสองพี่น้อง อาจมีหลายสิ่ง หลายอย่างทีป่ า๊ ต้องเข้มงวดซึง่ เป็นเรือ่ งยากสำ�หรับเด็กในการทำ�ความเข้าใจ อย่าง การถูกจำ�กัดเวลาในการดูโทรทัศน์ การถูกห้ามไม่ให้ดหู นังยอดมนุษย์ซงึ่ เป็นทีส่ นใจ ของเด็กทั่วไปในสมัยนั้น หรือการห้ามดูหนังดูละครน้ำ�เน่าตบตีกันทั้งเรื่อง ในทาง ตรงกันข้าม ป๊าสนับสนุนให้ลกู ๆ ดูรายการทีเ่ ป็นสาระประโยชน์ อย่างเช่น สารคดี ต่างๆ ที่จะส่งเสริมสติปัญญาและความเป็นคนที่มีเหตุมีผล ป๊าไม่เคยบังคับลูกๆ ให้ดูภาพยนตร์สารคดีแต่จะใช้จิตวิทยาโดยการให้ช่วยบันทึกรายการสารคดีเหล่า นัน้ ลงวีดโี อเทปและคอยกดหยุดบันทึกเมือ่ ตัดเข้าโฆษณา ทำ�ให้เราต้องนัง่ เฝ้าหน้า จอแล้วในทีส่ ดุ ก็ซมึ ซับความรูเ้ ข้าสมองโดยไม่รตู้ วั เมือ่ เติบโตขึน้ มาเป็นผูใ้ หญ่ พวก เราก็เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของป๊าได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ป๊าพยายามปลูกฝังมาตลอด คือการเป็นคนดี มีเหตุมีผล คิดเป็น รักและเข้าใจธรรมชาติ

155


156


สำ�หรับเรื่องการเล่าเรียนของลูกๆ ป๊าก็ไม่เคยกำ�หนดกฏเกณฑ์ว่าลูกๆ ต้องเรียนอะไร แต่ เปิดโอกาสให้เลือกในสิง่ ทีช่ อบ เรียนรูใ้ นสิง่ ทีร่ กั เพือ่ ประกอบอาชีพอะไรก็ได้ทส่ี จุ ริต และสิง่ สำ�คัญ ที่สุดก็คือเป็นคนดี ทุกอย่างก็จะดี ป๊ามักจะพูดถึงคำ�ว่า “หิริโอตัปปะ” ซึ่งหมายถึงความละอาย ต่อการทำ�ชัว่ ของตนเองและการเกรงกลัวต่อผลในการกระทำ�ความชัว่ นัน้ ป๊าบอกให้ลกู ยึดมัน่ คำ� นี้เอาไว้เป็นหลักในการดำ�เนินชีวิตเสมอ

บน : งานบวชไก๋ ลูกชายคนที่ 2 เมื่อปี 2542 หน้าตรงข้าม บน : ป๊า แม่ ไก๋ ที่ห้วยขาแข้ง อุทัยธานี ล่าง : ป๊ากับไก๋ 157


บนสุด : บ้านที่ย่านพุทธมณฑลสาย 4 ประมาณปี 2534 บน : ถ่ายกับผลงานประติมากรรมม้าซึ่งนำ�มาติดตั้งที่บ้านพุทธมณฑลสาย 4

158


วิกฤติสุขภาพ ตลอดระยะเวลาทีป่ า๊ ทุม่ เททัง้ แรงกาย แรงใจ และความคิดในการทำ�งาน ป๊า แทบไม่มีเวลาได้หยุดใช้สมองของตนเองเลย จนกระทั่งประมาณปี 2535 หลัง จากทีค่ รอบครัวของเราย้ายเข้ามาอยูบ่ า้ นหลังใหม่ทพี่ ทุ ธมณฑลสาย 4 ได้ไม่นาน วันหนึ่ง ขณะที่ป๊ากำ�ลังนั่งกินข้าว ช้อนก็ร่วงลงจากมือตกลงไปบนโต๊ะ รู้สึกหมด เรี่ยวแรง แขนและมือชาจนอ่อนแรง ความสามารถในการหยิบจับสิ่งของหายไป พูดออกมาแล้วฟังไม่รู้เรื่อง เมื่อไปพบแพทย์และเอ็กซเรย์สมองอย่างละเอียด แล้วก็พบว่า ป๊ามีอาการหลอดเลือดสมองตีบ และต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพือ่ บรรเทาอาการต่างๆ ทีม่ สี าเหตุมาจากโรคหลอดเลือดสมอง เมือ่ ผ่านไประยะ เวลาหนึ่ง ป๊ามีอาการดีขึ้นและผิดปกติที่เคยเป็นก็ไม่ปรากฏออกมา แต่อย่างไร ก็ตาม ป๊าก็ยังคงต้องรักษาอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ทางประสาทวิทยาและกินยา ขยายหลอดเลือดมาโดยตลอด ภายหลังการรักษาอาการด้านสมองอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 4 ปี ป๊าก็มักมีอาการวิงเวียน เป็นลม เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบว่าป๊าเป็นโรคเบาหวานด้วย ซึ่งน่าจะเกิดจากพันธุกรรมเพราะอาม่าก็เป็น โรคเดียวกัน ทำ�ให้ปา๊ ต้องหันมาดูแลรักษาสุภาพตัวเองอย่างจริงจัง โดยทีแ่ ม่เป็น ผู้ควบคุมดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรุงอาหารสำ�หรับผู้ป่วยเบาหวานให้ป๊าทุกมื้อ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำ�ตาลในเลือดให้สมดุลอยู่เสมอ

159


160

การบันทึกภาพวิดีโด จึ ง เ ป็ น ก า ร ช่ ว ย บำ � บั ด อ า ก า ร เจ็ บ ป่ ว ยของป๊ า ได้ เ ช่ น เดียวกับการกินยา

ระหว่างทีป่ ว่ ยและรักษาตัว ป๊าเข้าไปทำ�งานทีพ่ พิ ธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ น้อยลง แต่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ท�ำ งานคิดค้นทดลองสิง่ ต่างๆ อยูท่ บี่ า้ น บางครัง้ ลูกศิษย์กย็ กหุน่ ทีอ่ ยูร่ ะหว่างการสร้างมาให้ปา๊ ช่วยให้ดูและให้คำ�ปรึกษาถึงที่บ้าน งานของป๊าจึงไม่ได้ลดน้อย ลงเลย เพียงแต่มเี วลาในการดูแลรักษาตัวทีบ่ า้ นเพิม่ ขึน้ มีโอกาส ได้เดินทางท่องเที่ยวเพื่อบำ�บัดอาการป่วยด้วยธรรมชาติบ้าง ป๊าให้ความสนใจเรือ่ งการถ่ายภาพและถ่ายวีดโี อมานานแล้ว และศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเดินทาง ท่องเที่ยวไปที่ไหนป๊าจะมีกล้องวิดีโอคล้องอยู่ที่คอเป็นประจำ� และจะบันทึกเรื่องราวที่ได้เดินทางพร้อมกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่ ได้พบเห็นตลอดเวลา การบันทึกภาพวิดโี ดจึงเป็นการช่วยบำ�บัด อาการเจ็บป่วยของป๊าได้เช่นเดียวกับการกินยา แม้แต่ตอนอยู่ บ้านป๊าก็จะมองเห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านซึ่งคนทั่วไป ไม่ได้สังเกต อย่างเช่น นกมาทำ�รัง สัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตาม ต้นไม้ การเติบโตหรือแม้กระทั่งความเหี่ยวเฉาร่วงโรยของต้นไม้ ใบหญ้า ป๊าก็จะเก็บรายละเอียดบันทึกลงเป็นวิดีโอเก็บไว้เสมอ จากนัน้ ก็น�ำ ฟุตเทจทีถ่ า่ ยไว้มาตัดต่อด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่ง ป๊าหาหนั งสื อมาอ่ านทำ � ความเข้ าใจด้ ว ยตั ว เองจนกระทั่ ง สามารถทำ�ได้พร้อมทั้งลงเสียงบรรยายวีดีโอแต่ละเรื่องด้วยตัว เองอีกด้วย ผลงานวีดีโอของป๊าถึงแม้จะไม่เคยได้เผยแพร่สู่ สาธารณะ แต่ก็สร้างความสุขแก่พวกเราและญาติพี่น้องทุกครั้ง เมื่อได้เปิดดูกันในครอบครัว


161


ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2538 ป๊าได้รบั การคัดเลือกให้เป็นบุคคลผูม้ ผี ลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม โดยมติเห็นชอบจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึง่ ได้ด�ำ เนินงานจัดทำ�โครงการ ส่งเสริมผูม้ ผี ลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมมาตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2523 สรรหาผูส้ ร้างสรรค์ งานศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกล้ำ�ค่าของแผ่นดินเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้มีผล งานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม การได้รบั เลือกและยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นผูม้ ผี ลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม นอกจากผลงานหุน่ ขีผ้ งึ้ ไฟเบอร์กลาสซึง่ ป๊าได้ใช้ความวิรยิ ะอุตสาหะในการคิดค้นสร้าง ขึ้นมาอย่างเหมือนจริงแล้ว คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติยังได้พิจารณาโดย ละเอียดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของป๊าในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยโดยมิได้มุ่ง แสวงผลกำ�ไรทางธุรกิจ หากแต่มเี ป้าหมายชัดเจนในการทำ�เพือ่ เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า ของเยาวชน พร้อมทัง้ เป็นสถานทีเ่ ผยแพร่ศลิ ปวัฒนธรรมไทยให้ชาวไทยและชาวต่าง ชาติได้รู้จักประเทศไทยดียิ่งขึ้นผ่านหุ่นขี้ผึ้งชุดต่างๆ ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตและ วัฒนธรรมของชาวไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันได้อย่างมีเรื่องราวน่าสนใจ และยังมุ่ง มั่นในการส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรมในเทศกาลสำ�คัญต่างๆ เช่น สงกรานต์และ วันเด็ก นอกจากนั้น ผลงานหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสยังเป็นผลงานที่มีคุณค่าในการ สร้างสรรค์สงั คม ช่วยสร้างความเจริญและอาชีพให้ในท้องถิน่ อีกด้วย ป๊าจึงได้รบั การ ยกย่ อ งเชิ ด ชู เ กี ย รติ เ ป็ น ผู้ มี ผ ลงานดี เ ด่ น ทางด้ า นวั ฒ นธรรม สาขาทั ศ นศิ ล ป์ (ประติมากรรม) ประจำ�ปี 2538 โดยได้เข้ารับพระราชทานโล่จากสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีพร้อมกับศิลปินแห่งชาติและผู้มีผลงานดีเด่นทางด้าน วัฒนธรรมท่านอื่นในปีเดียวกัน 162


บน : เข้ารับพระราชทานโล่จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องใน โอกาสได้รับเลือกเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาทัศนศิลป์ ปี 2538

163


164


บน : รับโล่แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้มี ผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ หน้าตรงข้าม บน : รับช่อดอกไม้แสดงความยินดีเนือ่ งในโอกาสได้รบั เลือก เป็นผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ล่าง : ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

165


ชีวิตหลังเกษียณ

เมื่อชีวิตการทำ�งานของป๊าก้าวสู่ทศวรรษที่ 6 ป๊าก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน ดูแลต้นบอนไซทีเ่ ลีย้ งมาเกือบ 40 ปีหลายสิบต้น พร้อมกับดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย ของตัวเองอย่างเคร่งครัด ออกกำ�ลังกายสม่ำ�เสมอ และสามารถควบคุมน้ำ�ตาลใน เลือดให้อยู่ในระดับสมดุลปกติได้ โดยมีแม่เป็นผู้ดูแลด้านโภชนาการอย่างใกล้ชิด หากลูกๆ มีเวลาว่างก็จะพาป๊าเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศไป พร้อมกับกล้องวีดีโอคู่ใจ เมื่อกลับถึงบ้าน ป๊าก็จะใช้เวลาตลอดทั้งวันในการตัดต่อ วีดีโอที่ได้ไปถ่ายมาให้กลายเป็นภาพยนตร์สารคดีที่มีเรื่องราวน่าสนใจ ในระยะหลัง ป๊าหันมาสนใจการถ่ายวีดโี อนกชนิดต่างๆ ซึง่ ต้องอาศัยกล้องและ เลนส์ขนาดใหญ่พร้อมทั้งขาตั้งกล้องที่มั่นคงเพื่อให้ได้ภาพชีวิตนกในธรรมชาติที่น่า สนใจ เกือบทุกเช้า ป๊ามักจะแบกกล้องพร้อมขาตัง้ กล้องขนาดใหญ่เดินจากบ้านข้าม สะพานลอยเพือ่ เข้าไปในสวนป่าภายในพุทธมณฑลซึง่ ตัง้ อยูต่ รงข้ามกับซอยบ้านบน ถนนพุทธมณฑลสาย 4 และใช้เวลาหลายชั่วโมงในการซุ่มถ่ายชีวิตนกต่างๆ เป็น ประจำ�จนเป็นทีร่ จู้ กั มักคุน้ กับผูค้ นในละแวกนัน้ ซึง่ พบเจอและทักทายกันเกือบทุกวัน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าลุงรูปร่างเล็กเดินแบกกล้องตัวใหญ่ผู้นั้นแท้จริงแล้วคือศิลปินช่าง ปั้นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยที่ทุกคนรู้จักดี

166


บน : ป๊ากับกล้องตัวโปรดขณะกำ�ลังซุ่มถ่ายนก

167


168


ป๊าเดินขึ้นภูกระดึง ขณะที่ มี อ า ยุ ย่ า ง เ ข้ า ปี ที่ 7 0 เป็ น การเดิ น ขึ้ น ภู ก ระดึ ง เป็นครั้งที่สองในรอบ 50 ปี ภาพนกที่ป๊าถ่ายมาได้ เมื่อหลายคนได้ดูก็บอกว่าคุณภาพในการถ่าย ทำ�ไม่ตา่ งจากภาพยนตร์สารคดีจากต่างประเทศเลย ป๊าใช้เวลาในการศึกษา เรียนรู้นกชนิดต่างๆ จนสามารถจดจำ�และแยกแยะนกได้รับร้อยชนิด นก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ปา๊ ในการเดินทางท่องเทีย่ วไปตามแหล่งดูนกต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประมาณปี พ.ศ. 2557 ป๊าเริ่มมีภาวะไตเสื่อมซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมา จากโรคเบาหวาน ป๊าจึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรค ไต ทุกครัง้ ทีไ่ ปตรวจร่างกายทีโ่ รงพยาบาล ผลเลือดทีอ่ อกมาก็แสดงให้เห็น ถึงสภาพไตของป๊าที่เสื่อมลงเรื่อยๆ ตามลำ�ดับ หมอบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ ป๊าต้องได้รับการฟอกเลือดจากไตเทียม แต่ป๊าก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จากนั้น ป๊ายังคงใช้ชีวิตปกติและมีความสุขกับการได้เดินทางพร้อม กล้องวิดโี อเพือ่ บันทึกภาพนกตามสถานทีต่ า่ งๆ เดือนมกราคม พ.ศ. 2559 ป๊าเดินขึน้ ภูกระดึง ขณะทีม่ อี ายุยา่ งเข้าปีที่ 70 เป็นการเดินขึน้ ภูกระดึงเป็น ครั้งที่สองในรอบ 50 ปีหลังจากที่ป๊าเคยขึ้นครั้งแรกเมื่อสมัยเป็นนักศึกษา แม้วา่ ครัง้ นีป้ า๊ จะใช้เวลาในการเดินขึน้ ถึง 12 ชัว่ โมงโดยมีลกู ๆ ช่วยกันประ คับประคอง แต่ก็พิสูจน์ได้อย่างแจ่มชัดถึงจิตใจที่มุ่งมั่นและความเพียร พยายามที่ป๊าไม่เคยละทิ้งมาทั้งชีวิตไม่ว่าจะทำ�สิ่งใดก็ตาม หน้าตรงข้าม : เดินไปผาหมากดูก อุทยานแห่งชาติภูกระดึง พ.ศ. 2559

169


170


บนซ้าย : นอร์เวย์ บนขวา : เดนมาร์ก หน้าตรงข้าม บนซ้าย : พิชิตภูกระดึง บนขวา : ฟินแลนด์ ล่าง : สวีเดน

171


บนสุด : ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมหิมะบนยอดเขา อุทยานแห่งชาติออรากิ เมาท์คุก นิวซีแลนด์ บนซ้าย : น้ำ�พุร้อนที่โรโตรัว นิวซีแลนด์ บนขวา : ถ่ายกับแม่และรถบ้านที่ตระเวนเที่ยวนิวซีแลนด์จากเกาะเหนือถึงเกาะใต้

172


ถัดมาในเดือนมีนาคม ป๊าได้เดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์ และท่อง เที่ยวด้วยรถบ้านตั้งแต่เกาะเหนือถึงเกาะใต้ เป็นเวลาครึ่งเดือน โดยการตั้ง แคมป์พักแรมตามอุทยานแห่งชาติและแห่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ป๊าชื่น ชอบ แม้ว่าจะดูออกว่าสภาพร่างกายของป๊านั้นเสื่อมถอยลงทุกที แต่ด้วย สภาพธรรมชาติที่ยังคงสวยงามบริสุทธิ์ของนิวซีแลนด์ก็ช่วยให้สภาพจิตใจ ของป๊านั้นปรากฏสิ่งตรงกันข้าม ป๊าบอกว่าได้มาสัมผัสธรรมชาติแบบนี้แล้ว ตายก็ไม่เสียดายอะไรอีกแล้ว ระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนในปีเดียวกันนั้น โรคไตวายเรื้อรัง ของป๊าก็เริ่มแสดงอาการเด่นชัดมากขึ้น ป๊าเริ่มกินอะไรไม่ได้ คลื่นไส้ และ อาเจียนอยู่บ่อยครั้ง ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการที่เกิด ขึ้น หมอบอกว่าไม่มีทางรักษาอื่นนอกจากการฟอกไตเพื่อรักษาชีวิต โดยมี ทางเลือกอยู่ 2 วิธีคือ เจาะคอ หรือ ผ่าตัดเส้นเลือดเพื่อวางเส้นที่แขนซึ่งจะ ต้องใช้เวลาไม่ต�่ำ กว่าหนึง่ เดือน แม้วา่ ป๊าจะไม่ตอบตกลงทีจ่ ะเข้ารับการฟอก ไต เพราะรู้ดีว่าถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้เป็นปกติ ก็ต้องมีภาระในการเข้ารับการ ฟอกไตสัปดาห์ละไม่ต่ำ�กว่า 3 ครั้ง ซึ่งทำ�ให้หมดอิสระในการใช้ชีวิตใน แบบที่ป๊าชอบ แต่ในที่สุดป๊าก็ยินยอมผ่าตัดเส้นเลือดที่แขนเพื่อซื้อเวลาที่ จะใช้ชีวิตโดยปราศจากภาระนั้น

173


174


ญี่ปุ่น...

การเดินทางครั้งสุดท้าย พ ฤ ศ จิ ก า ย น 2 5 5 9

175


หลายเดือนที่ผ่านมา พวกเรา 4 คน ป๊า แม่ โก๋ ไก๋ วางแผนการเดินทางไป ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน เพราะอยากให้ป๊าได้ไปสัมผัส บรรยากาศฤดูใบไม้เปลีย่ นสีทเี่ มืองเกียวโต และใช้เวลาตลอด 10 วันทีน่ นั่ ในการ ถ่ายนกซึ่งเป็นกิจกรรมที่ป๊าโปรดปรานมากที่สุด วันเดินทางตอนเช้าวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 แม่ปลุกป๊าให้ลุกจากที่นอน ตั้งแต่เช้ามืด เพราะต้องออกเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ป๊ารู้ว่าต้องเดินทาง แต่เข้าใจว่าเป็นไฟลท์ตอนเย็น เมื่อคืนก่อนหน้านั้นเลยกินยาถ่ายเข้าไปเพื่อให้ ขับถ่ายได้ดขี นึ้ ก่อนการเดินทาง เมือ่ ถูกปลุกขึน้ มาในขณะทีย่ งั หลับสนิท ก็เลยตืน่ ขึ้นมาอย่างกังวลและไม่ค่อยพร้อมกับการเดินทางมากนัก แต่ในที่สุดเราก็ออก จากบ้านมาถึงสนามบินจนได้ เป็นครั้งแรกในการขึ้นเครื่องบินที่ป๊าต้องใช้รถเข็นวีลแชร์เพราะในวันนั้นมี อาการมึนงง เดินได้อย่างช้าๆ และไม่นานนักก็ต้องนั่งพัก ทางเจ้าหน้าที่สาย การบินจึงได้จดั รถเข็นมาอำ�นวยความสะดวกทัง้ ทีส่ นามบินสุวรรณภูมิ และสนาม บินคันไซ ณ ปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่น เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่า การท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นครั้งนี้จะไม่มีการวางแผนอะไร มากมาย ไม่มีโปรแกรมใดๆ ที่ต้องแข่งขันกับเวลา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพร่าง กายของป๊า ถ้าไหวก็ออกเทีย่ วกัน แต่ถา้ เหนือ่ ยก็พกั เราจึงเลือกเช่าบ้านหลังหนึง่ ซึ่งตั้งอยู่ติดภูเขาบริเวณชานเมืองเกียวโตเพื่อให้ป๊าสามารถออกมาเดินเล่น สูด อากาศบริสุทธิ์ และซุ่มถ่ายนกได้บริเวณใกล้ๆ บ้านพัก บ้านหลังนี้ชื่อว่าบ้าน แอปเปิ้ล (Apple House) เจ้าของบ้านชื่อคุณฮิโรโกะ เป็นชาวญี่ปุ่นที่เคยอาศัย อยู่ที่ประเทศอังกฤษและแต่งงานกับคนอังกฤษ เธอจึงเป็นคนญี่ปุ่นที่ใช้ภาษา อังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเช่าพักอีกด้วย

176


บนสุดและล่างขวา : เดินทางไปท่าอากาศยานโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น 8 พฤศจิกายน 2559 ล่างซ้าย : ป๊านั่งดูข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวใกล้บ้านแอปเปิ้ล

177


วันแรกทีอ่ ยูบ่ า้ นแอปเปิล้ พวกเราไม่คอ่ ยได้ออกไปไหนกันเพราะฝนตกตลอด ทั้งวัน อุณหภูมิลดต่ำ�ลงมากเหลือเพียง 8-9 องศา ป๊าได้แต่นั่งผิงเครื่องทำ�ความ ร้อนอยู่ในบ้านและนานๆ จะเปิดประตูออกมาดูบรรยากาศภายนอกที่หน้าบ้าน เป็นบรรยากาศที่น่าเบื่อและเงียบเหงา ในขณะที่ส่วนใหญ่ป๊านิ่งเงียบเรียบเฉย มากกว่าที่เคยเป็นเนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยดี พูดน้อยลง กินอะไรไม่ได้ นอกจากไข่ลวก บะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูป และนม ซึ่งกินได้เพียงไม่กี่คำ�เท่านั้น แต่ทุก คนก็ให้กำ�ลังใจ เอาใจช่วยให้ป๊ากินได้ ด้วยความหวังว่าเมื่อกลับถึงเมืองไทย เส้นเลือดที่แขนของป๊าที่เคยผ่าตัดทำ�เส้นล้างไต (AVF) คงจะใช้งานได้ แล้วป๊าก็ จะสบายตัวเหมือนคนปกติ วันต่อมา ฟ้าเปิด อากาศดี พวกเราจึงพากันเดินจากบ้านพักไปยังวัดเซกิซาน เซนอิน ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร ป๊าค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ และ หยุดถ่ายนกระหว่างทางเหมือนเช่นตอนปกติ การได้ออกจากบ้านหลังจากเมื่อ วานซึง่ อุดอูอ้ ยูท่ งั้ วันทำ�ให้ปา๊ มีสหี น้าแจ่มใสมากขึน้ เมือ่ มาถึงวัด ป๊าก็เพลิดเพลิน กับความงดงามของธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะใบเมเปิล้ ทีไ่ ล่ระดับสีตงั้ แต่ เขียว เหลือง ไปจนถึงสีแดงสุกปลั่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลามื้อเย็น ป๊าก็กิน อะไรไม่ได้นอกจากน้�ำ ข้าวต้มเพียง 2-3 คำ�เท่านัน้ ด้วยความทีอ่ ยากให้ปา๊ ได้เทีย่ ว โดยที่ไม่ต้องออกแรงเดินมากนัก คืนนั้น เราจึงพยายามติดต่อหาเช่ารถเข็นวีล แชร์ให้ป๊าได้นั่งออกไปเที่ยว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เอื้อความสะดวกแก่ผู้ใช้รถเข็น มาก สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ไม่ว่าจะไปที่ไหน เราขอให้คุณฮิโรโกะ เจ้าของบ้าน ช่วยหารถเข็นให้ป๊า จนในที่สุดเธอก็สามารถติดต่อขอยืมรถเข็นมาได้จากองค์กร แห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต

178


บนสุดซ้าย : นั่งเล่นหน้าบ้านพัก บนสุดขวา : ระหว่างทางเดินไปวัดเซกิซาน เซนอิน บน : วัดเซกิซาน เซนอิน

179


บนสุดซ้าย : ขึ้นรถไฟจากสถานีชูกากุอินไปยังสถานีรถรางขึ้นเขายาเซ่ บนสุดขวา : เส้นทางเดินจากสถานีรถไฟไปยังสถานีรถรางขึ้นเขายาเซ่ บน : ทิวทัศน์บนยอดเขายาเซ่

180


เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศแจ่มใส แสงแดดอ่อนๆ ส่องมายังหน้าบ้าน เมื่อเปิด ประตูออกไปก็พบว่า คุณฮิโรโกะนำ�รถวีลแชร์มาจอดรอไว้ที่หน้าบ้านเรียบร้อย แล้ว เราจึงตกลงกันว่า เช้าวันนั้นจะพาป๊าขึ้นไปบนยอดเขายาเซ่ (Yase) ซึ่งเป็น ยอดเขาทีส่ งู ทีส่ ดุ ของเมืองเกียวโตเพือ่ ชมทัศนียภาพและบรรยากาศใบไม้เปลีย่ น สี ไก๋เป็นคนเข็นป๊าออกมาจากบ้านแล้วเดินไปยังสถานีรถไฟชูกากุอิน เพื่อนั่ง รถไฟไปยังสถานีรถรางขึ้นเขา แม้ร่างกายจะอ่อนแรงลงมาก พูดน้อยลง แต่ป๊าก็ ยังมีกล้องถ่ายวิดโี อตัวเล็กคล้องอยูท่ คี่ อและยกขึน้ มาบันทึกภาพเหมือนเช่นปกติ บนยอดเขายาเซ่ นอกจากจะเป็นจุดชมทัศนียภาพของเมืองเกียวโต ซึ่ง สามารถมองเห็นไกลไปถึงทะเลสาบบิวะได้ในวันที่อากาศแจ่มใสแล้ว ยังมีสวน ไม้ดอกไม้ประดับซึง่ จัดขึน้ ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพเขียนของโมเน่ต์ ศิลปินแนว อิมเพรสชั่นนิสม์ผู้โด่งดังและมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติและผลงานของโมเน่ต์ ไว้อย่างน่าสนใจอีกด้วย ป๊าให้ความสนใจกับหุ่นขี้ผึ้งโมเน่ต์มากเพราะเป็นหุ่นขี้ ผึ้งที่สามารถขยับตัวได้ ก่อนจะกลับลงจากเขา ป๊าก็ยังขอให้ไก๋เข็นรถพาป๊ากลับ เข้าไปชมอีกครั้ง คืนนั้นเอง หลังจากเข้านอนตามปกติ ป๊าก็มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ ค่อยออก ต้องลุกขึ้นมานั่งโดยมีพวกเรา 3 คนแม่ลูกผลัดกันตบหลังเบาๆ เพื่อ ให้ปา๊ หายใจสะดวกขึน้ แต่กเ็ ป็นเพียงแค่การบรรเทาชัว่ คราว ไม่นานก็เกิดอาการ เดิมขึ้นอีก เราเริ่มปรึกษากันว่าเราควรจะเลื่อนตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับเร็วขึ้น แต่อีกใจหนึ่งก็ลังเลอาการของป๊าว่าจะสามารถนั่งเครื่องบินกลับได้หรือไม่ คืน นั้น ป๊าพูดกับแม่ว่า ถึงเวลาของป๊าแล้วล่ะ แต่แม่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าช่วย บรรเทาอาการของป๊าเท่าที่จะทำ�ได้ในเวลานั้น

181


182

ป๊ า ตื่ น ขึ้ น ม า ด้ ว ย อาการอิ ด โรย ไม่ มี เรี่ ย วแรงแม้ ก ระทั่ ง ยื น แ ป ร ง ฟั น ที่ อ่างล้างหน้า

เช้าวันรุ่งขึ้น อาการหายใจติดขัดของป๊ายังคงเดิม แต่มี อาการคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัวเพิ่มขึ้นมา ตลอดทั้งวัน ป๊าจะลุกขึ้นนั่งสลับกับนอนด้วยหมอนสูงๆ อยู่ที่บ้านโดยมี ออกซิเจนกระป๋องคอยช่วยเวลาหายใจติดขัด กำ�ลังวังชาของ ป๊าเริ่มถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยลุกขึ้นจากที่นอน ได้เองก็ตอ้ งมีคนคอยพยุงให้ลกุ ขึน้ เมือ่ เห็นว่าป๊าไม่คอ่ ยไหว แล้ว ก็เลยถามป๊าว่าไปหาหมอดีไหม ป๊าก็พยักหน้าช้าๆ แทน การตอบตกลง ระหว่ า งนั้ น เราก็ โ ทรปรึ ก ษาคุ ณ ฮิ โรโกะ เจ้าของบ้าน เรื่องอยากจะพาป๊าไปให้หมอตรวจดูอาการ เบือ้ งต้นว่าสามารถบินกลับไทยได้หรือไม่ คุณฮิโรโกะบอกว่า แถวบ้านมีคลินิกนายแพทย์มัตสุชิตะ ซึ่งเป็นหมอที่เก่ง แต่ คลินกิ ปิดบริการในวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าป๊าสามารถรอได้ถงึ วัน จันทร์ก็จะขับรถมารับพาไป แต่ถ้าป๊ารอไม่ไหวก็ต้องไปโรง พยาบาล ป๊าบอกว่าจะรอไปหาหมอที่คลินิกในเช้าวันจันทร์ วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ป๊าตื่นขึ้นมาด้วย อาการอิ ด โรย ไม่ มี เ รี่ ย วแรงแม้ ก ระทั่ ง ยื น แปรงฟั น ที่ อ่างล้างหน้า แม่ตอ้ งเอาเก้าอีม้ าให้นงั่ ระหว่างล้างหน้าแปรง ฟัน แต่ก็ฝืนทำ�ธุระส่วนตัวจนเสร็จ จากนั้นไม่นาน คุณฮิโร โกะก็มารับตามนัด จากบ้านพักใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเรา ก็มาถึงคลินิกหมอมัตสุชิตะ เรานั่งรอคิวตรวจอยู่ประมาณ ครึง่ ชัว่ โมงด้วยความนิง่ เงียบ ไม่มใี ครเอ่ยปากพูดอะไร แต่ใน ใจของทุกคนเวลานั้นเชื่อว่า ต่างก็ภาวนาขออย่าให้ป๊ามี อาการอะไรขั้นรุนแรงและคิดในแง่บวกว่า หมออาจจะให้ยา แก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้ แล้วอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินกลับ ไทยได้ในอีกวันสองวันข้างหน้า


เมื่อถึงคิวที่ป๊าเข้าไปตรวจ มีเพียงโก๋และฮิโรโกะที่เข้าไป ในห้องตรวจ เพราะคลินกิ ของญีป่ นุ่ ค่อนข้างมีพนื้ ทีจ่ �ำ กัด แม่ และไก๋นงั่ รอฟังข่าวอยูด่ า้ นนอก หลังจากเล่าประวัตกิ ารป่วย ของป๊าและอาการที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาให้หมอฟัง อย่างละเอียด หมอก็ใช้หฟู งั ตรวจตามร่างกายของป๊าแล้วก็มี สีหน้าไม่สู้ดีนัก จากนั้นก็เจาะเลือดป๊าไปตรวจพร้อมกับวัด ระดับค่าออกซิเจนในเลือดของป๊า หมอก็ถงึ กับตกใจ เพราะป๊า มีออกซิเจนเหลืออยูน่ อ้ ยมาก พอเห็นผลเลือดทีอ่ อกมา หมอ ก็พดู เป็นภาษาญีป่ นุ่ กับคุณฮิโรโกะซึง่ ทำ�ให้เธอถึงกับเข่าอ่อน ก่อนจะตั้งสติแปลสรุปให้ฟังว่า ป๊ามีอาการถึงขั้นวิกฤติเสี่ยง ต่ อ การเสี ย ชี วิ ต จากหั ว ใจหยุ ด ทำ � งาน ต้ อ งนำ � ตั ว ส่ ง โรง พยาบาลอย่างเร่งด่วน จากนั้นเพียงเสี้ยวนาที อุปกรณ์ ทางการแพทย์หลายอย่างก็ถกู รือ้ ค้นออกมาติดตัง้ ใช้งานกับป๊า รวมทั้งออกซิเจนที่พยาบาลนำ�มาต่อให้ป๊าได้หายใจสะดวก ขึ้น อาจเป็นเพราะคลินิกเล็กๆ แห่งนี้คงไม่ค่อยเจอเคสเร่ง ด่วนแบบป๊ามากนัก ในเช้าวันนั้นจึงดูโกลาหลวุ่นวายกันไป หมด ในขณะเดียวกันหมอก็โทรศัพท์ติดต่อประสานงานกับ โรงพยาบาลและเรียกรถกู้ภัยฉุกเฉินมารับป๊าออกจากคลินิก มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลกาชาดเกียวโตแห่งที่สอง (Kyoto Second Red Cross Hospital) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเกียวโต โดยมีโก๋ติดไปกับรถฉุกเฉิน ระหว่างเดินทาง เจ้าหน้าที่ก็ซัก ประวัตปิ า๊ อย่างละเอียดด้วยภาษาอังกฤษทีก่ ระท่อนกระแท่น ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการสือ่ สารกันให้เข้าใจ เพราะคุณฮิโรโกะ ล่ามจำ�เป็นของเราต้องขับรถอีกคันพาแม่ กับไก๋ตามไปที่โรงพยาบาล

เมื่ อ หมอตรวจวั ด ระดั บ ค่ า ออกซิเจนในเลือดของป๊า ก็ ถึงกับตกใจ เพราะป๊าเหลือ ออกซิเจนอยู่น้อยมาก

บน : ป๊าขณะเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยรถกู้ชีพ

183


บนซ้ายและขวา : โรงพยาบาลกาชาดเกียวโตแห่งที่สอง

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ฉุกเฉินและพยาบาลได้มายืนรอรับ ป๊าอยูท่ หี่ น้าประตูทางเข้าอาคารฉุกเฉินของโรงพยาบาลกันแล้ว จากนัน้ ก็น�ำ ตัวป๊าเข้าห้องฉุกเฉินและจัดการตามขัน้ ตอนในการรับมือผูป้ ว่ ยหนัก โดยได้รับข้อมูลเบื้องต้นมาจากคลินิกหมอมัตสุชิตะ ทีมแพทย์ฉุกเฉินซึ่ง ประกอบด้วย นายแพทย์นารุมิยะ นายแพทย์โมริโมโต้ และนายแพทย์ กันโดริ ได้สอบถามประวัติการป่วยและการแพ้ยาของป๊าจากโก๋ซึ่งตาม มาส่งในห้องฉุกเฉิน แล้วก็บอกให้ออกไปรอด้านนอก ไม่นานนัก ฮิโรโกะ พร้อมด้วยแม่กับไก๋ก็ตามมาถึงโรงพยาบาล พวกเราต่างก็นั่งรอหมออยู่ ด้านนอกด้วยอาการสงบนิง่ มีเพียงคุณฮิโรโกะคนเดียวทีแ่ สดงความวิตก กังวล รอคอยหมอด้วยอาการกระสับกระส่าย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาสามีของเธอเพือ่ เล่าเรือ่ งราวทีเ่ กิดขึน้ ให้ฟงั ช่วงจังหวะหนึง่ ก็ได้ยนิ

184


หากอยู่ โ ดยไม่ มี ค วามสุ ข แล้ ว ป๊ า ขอเลื อ ก ความตาย เพราะความตายเป็ น วิ ถี ข อง ธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้เมื่อมันถึงเวลา

เธอบอกสามีของเธอว่า ในขณะที่เธอเองกระวนกระวายใจกับอาการป่วยของคุณดวง แก้ว แต่คนในครอบครัวทุกคนมีสติและสงบนิ่งกันมาก เมื่อเธอวางโทรศัพท์ โก๋จึงเข้าไป คุยกับเธอ บอกว่าพวกเราทุกคนทำ�ใจยอมรับกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่ป๊ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม หมอที่เมืองไทยก็พยายามเร่งรัดให้ป๊าฟอกไต แต่ป๊าก็ บ่ายเบีย่ งมาโดยตลอด เพราะคิดว่าหากเริม่ ฟอกไตเมือ่ ใดก็ตาม ชีวติ ทีเ่ หลือก็คงต้องอยู่ กับเครื่องไตเทียมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หมดอิสระในการเดินทาง หมดความสุขในการใช้ ชีวติ อย่างทีต่ อ้ งการ แล้วจะอยูไ่ ปเพือ่ สิง่ ใดหากอยูโ่ ดยไม่มคี วามสุขนัน้ ป๊าขอเลือกความ ตาย เพราะความตายเป็นวิถีของธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้เมื่อมันถึงเวลา แม้ว่าพวกเราจะรับรู้และเข้าใจความรู้สึกของป๊า แต่ประมาณสองเดือนก่อนหน้านี้ ป๊ามีอาการโรคไตกำ�เริบ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ วิงเวียน ขับถ่ายไม่ได้ เกล็ดเลือดต่ำ� ต้อง เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายครัง้ จนในทีส่ ดุ ทัง้ เราและหมอก็ขอให้ปา๊ ผ่าตัดเส้นเลือด เพื่อวางเส้นที่แขน (AVF) เตรียมเอาไว้สำ�หรับการฟอกไต เมื่อทำ�แล้วป๊าค่อยตัดสินใจว่า จะฟอกหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าหากไม่ทำ�เส้นที่แขน พอถึงเวลาที่ไตวายเฉียบพลัน ป๊าก็ต้อง โดนฟอกไตโดยการเจาะคอซึง่ เป็นสิง่ ทีป่ า๊ ไม่ตอ้ งการอย่างแน่นอน ป๊าไม่ได้ตอบรับหรือ ปฏิเสธ แต่กลับนิ่งเงียบทอดสายตาออกไปยังกำ�แพงที่ว่างเปล่า ป๊าคงมีคำ�พูดอะไรอยู่ ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา และปล่อยให้เราดำ�เนินการนัดศัลยแพทย์เส้นเลือดเพื่อผ่า เส้นเลือดสำ�หรับฟอกไตในสัปดาห์ต่อมาที่โรงพยาบาลธนบุรี

185


การผ่าทำ�เส้นฟอกเลือดทีแ่ ขนขวาของป๊าสำ�เร็จลุลว่ งเป็นทีน่ า่ พอใจโดยฝีมอื ของอาจารย์หมอประมุข มุทิรางกูร แต่เส้นเลือดจะขยายใหญ่จนใช้การได้ต้องก็ ใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งเดือน ระหว่างนั้น หมอประมุขก็นัดป๊าทุกสัปดาห์เพื่อ ติดตามผล ซึง่ เคสของป๊าหมอบอกว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่านัน้ เพราะเส้นเลือด มีขนาดเล็กมาก ระหว่างที่รอให้เส้นเลือดขยายใหญ่จนใช้งานได้ เราจึงอยากพา ป๊ามาท่องเทีย่ วสัมผัสธรรมชาติทญ ี่ ปี่ นุ่ ซึง่ เราคิดว่าคงจะเป็นการเดินทางไปต่าง ประเทศเป็นครั้งสุดท้ายของป๊าก่อนที่จะเริ่มฟอกไต เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวให้ฟัง คุณฮิโรโกะก็เข้าใจและดูสงบสติอารมณ์ลง ได้บ้าง เราเชื่อว่าทุกอย่างที่ได้จัดการล้วนเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำ�หรับป๊าแล้ว ตลอดบ่าย เรานัง่ เฝ้ารออยูบ่ ริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน มีเพียงข้าวปัน้ ก้อนเล็กๆ จากร้านสะดวกซือ้ แถวนัน้ ช่วยรองท้องของทุกคนในมือ้ กลางวันให้ผา่ นพ้นไปได้ ประมาณ 4 ชั่วโมงที่ป๊าอยู่ในห้องฉุกเฉิน ในที่สุดหมอนารุมิยะ หนึ่งในทีม แพทย์ที่ช่วยชีวิตป๊าในห้องฉุกเฉินก็ออกมาแจ้งข่าวอันน่ายินดีแก่พวกเราว่า ป๊า พ้นขีดอันตรายแล้ว พร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งที่เขียนรายงาน สรุปเป็นภาษาอังกฤษให้เราทราบว่า หมอได้ทำ�อะไรไปบ้างในระหว่างที่เรารอ คอยฟังข่าว ใจความโดยสรุปคือ โรคไตเรื้อรังของป๊าซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรค เบาหวานที่เป็นมานาน ทำ�ให้เกิด (1) ภาวะยูเรเมีย (Uremia) คือมีของเสียคั่งอยู่ ในเลือด ซึง่ ส่วนใหญ่เป็นของเสียจากการใช้พลังงานของร่างกาย โดยเฉพาะสาร ยูเรีย เป็นสาเหตุให้ปา๊ คลืน่ ไส้ อาเจียน หายใจหอบเหนือ่ ย และหัวใจเต้นผิดปกติ หมอจึงต้องเจาะคอเพื่อฟอกเลือดให้ป๊าอย่างเร่งด่วน แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงที่ จะเกิด Disequilibrium Syndrome หรือความไม่สมดุลของปริมาณของเสียใน ร่างกายที่เกิดจากปริมาณของเสียที่ถูกขจัดออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำ�ให้ ร่างกายปรับตัวไม่ทัน อาจก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้

186


อาเจียน ชัก และหมดสติได้ (2) ภาวะโลหิตจาง มีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ หมอต้องทำ�การถ่ายเลือดให้ป๊า (3) ภาวะน้ำ�ในโพรงเยื่อหุ้มปอดทั้งสองข้าง ซึ่ง ทำ�ให้ป๊านอนราบแล้วแน่นหน้าอก หายใจไม่ได้ หมอต้องเจาะเอาน้ำ�ออกจาก ปอดด้านขวาก่อน แต่ยังไม่สามารถเจาะน้ำ�ออกจากปอดด้านซ้ายได้เพราะเกรง จะกระทบกระเทือนหัวใจ (4) มีน้ำ�คั่งในช่องท้องอยู่บ้าง ซึ่งหมอต้องเฝ้าสังเกต อาการอย่างต่อเนื่อง ปัญหาต่อมาที่หมอพบก็คือ Electrolyte abnormalities หรือความผิดปกติ ของสารน้�ำ และเกลือแร่ในร่างกาย ซึง่ มีสว่ นสัมพันธ์กบั ภาวะฉุกเฉินทางหัวใจและ หลอดเลือด เป็นความผิดปกติที่อาจเป็นสาเหตุนำ�ไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ หมอบอกว่า ป๊ามีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ� (116 mEq/L) มีความเสี่ยงสูงมากที่ จะเกิดอาการชัก ซึ่งอาจนำ�ไปสูภ่ าวะวิกฤติถึงขั้นเสียชีวติ ได้ ส่วนค่าโพแทสเซียม ของป๊า หมอบอกว่าค่อนข้างสูง (5.3 mEq/L) อาจนำ�ไปสู่อาการอ่อนเพลียและ ภาวะการหายใจล้มเหลวได้ และสุดท้ายทีห่ มอแจ้งก็คอื ป๊ามีภาวะความดันโลหิต ต่ำ� (ตรวจวัด ณ ขณะนั้น 100/50) ซึ่งไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากการใช้ยา ลดความดันหรือไม่ ในวันเดียวกันนัน้ เอง ป๊าก็ถกู ส่งตัวไปพักฟืน้ ในห้องไอซียู พวกเราทุกคนรวม ทั้งคุณฮิโรโกะจึงตามเข้าไปเยี่ยม ป๊ายังคงรู้สึกตัว สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อตอนเช้า แต่ก็มีอาการเหนื่อย อ่อนแรง สะลึมสะลือ และพูดได้น้อย หมอนารุมิยะอธิบาย ให้เราฟังว่า เนื่องด้วยสภาพร่างกายของป๊า ทำ�ให้การฟอกไตต้องใช้ความ ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ต้องทำ�อย่างช้ามากทีส่ ดุ ค่อยๆ ปรับสมดุลของร่างกาย ให้คงที่เพื่อป้องกันการช้อค ทำ�ให้ป๊าต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ในการ รักษา หลังจากนั้น หมอจึงจะพิจารณาให้ป๊าเดินทางกลับไทยได้โดยอาจต้องมี แพทย์หรือพยาบาลคอยดูแลบนเครื่องบินในระหว่างการเดินทางด้วย

187


บน : ป๊าภายหลังจากได้รับการฟอกไตที่ห้องไอซียู

188


รู้ สึ ก เหงาที่ วั น นี้ ป๊ า ไม่ ไ ด้ อ ยู่ ด้ ว ย แต่ พอคิ ดถึ ง ความเหงา พวกเรา ทั้งสามคนแม่ลูกก็คงไม่เหงามาก เท่ากับป๊าซึ่งต้องอยู่ลำ�พังในโรง พยาบาลต่างบ้านต่างภาษา

ในเย็นวันนัน้ เราก็เดินทางกลับบ้านแอปเปิล้ ปล่อยให้ปา๊ อยูใ่ นการดูแลของแพทย์ และพยาบาลชาวญี่ปุ่นด้วยความเชื่อมั่นด้วยใจ ต้องขอขอบคุณคุณฮิโรโกะที่อยู่เคียง ข้างพวกเราตลอดทั้งวันเต็มๆ คอยช่วยเหลือแปลภาษาญี่ปุ่นและอธิบายเนื้อหาใน เอกสารมากมายที่ทางโรงพยาบาลนำ�มาให้เราลงชื่อ เธอบอกกับเราตอนที่แวะมาส่ง ที่บ้านว่า หากต้องการความช่วยเหลือจากเธอเมื่อใดก็ตาม อย่าลังเลที่จะบอกเธอ เรานัง่ กินอาหารมือ้ เย็นแล้วคุยกันถึงเรือ่ งของป๊า บางขณะก็รสู้ กึ เหงาทีว่ นั นีป้ า๊ ไม่ ได้อยู่ด้วย แต่พอคิดถึงความเหงา พวกเราทั้งสามคนแม่ลูกก็คงไม่เหงามากเท่ากับป๊า ซึ่งต้องอยู่ลำ�พังในโรงพยาบาลต่างบ้านต่างภาษาในคืนแรกอย่างแน่นอน คืนนี้ ป๊าจะ เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่อาจรู้....

189


บน : ภายในห้องไอซียูของโรงพยาบาล

190


วันรุ่งขึ้น 15 พฤศจิกายน 2559 พวกเราไปถึงโรงพยาบาลกันแต่เช้า แต่ก็ต้อง รอจนกว่าจะถึงเวลาเยี่ยมผู้ป่วยในห้องไอซียูตอน 11 โมงเช้า เมื่อเข้าไปถึงก็เห็น ป๊าสวมชุดยูกะตะแบบญี่ปุ่นนอนห่มผ้าหนาอยู่บนเตียงที่ปรับหัวเตียงให้ตั้งขึ้น เกือบตรง ใบหน้าของป๊าแม้จะอยู่ภายใต้หน้ากากออกซิเจนที่สวมครอบจมูกและ ปากอยู่แต่ก็ดูสดใสขึ้นมาก ป๊ามองพวกเราด้วยแววตาเป็นประกาย เราก็สัมผัสได้ ถึงความรูส้ กึ ดีใจโดยทีป่ า๊ ไม่ได้เอ่ยคำ�พูดใดออกมา มันคงเป็นค่�ำ คืนแห่งความกังวล ใจที่ป๊าเพิ่งจะผ่านพ้นมาได้ แต่ในตอนนี้ป๊าคงคลายกังวลลงได้เพราะมีพวกเราอยู่ ห้อมล้อมเตียงตรงนั้นแล้ว หลังจากนั้น เราก็สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะข้างเตียงของป๊า เต็มไปด้วยเอกสาร มากมายก่ายกอง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่า มันเป็นบทสนทนาภาษาญี่ปุ่น - ไทย และ ญี่ปุ่น - อังกฤษ รวมทั้งคำ�ศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยซึ่งถ่าย สำ�เนามาจากหนังสือมากมายหลายเล่ม ข้างๆ กองกระดาษนัน้ ยังมีไอแพดอีกหนึง่ ตัวเปิดแอพแปลภาษาของกูเกิลค้างไว้ เมื่อต้องการสื่อสารก็พูดลงไปในไอแพด แล้วแอพแปลภาษาก็จะเปล่งเสียงแปลออกมาเป็นอีกภาษา นับเป็นความพยายาม ที่ดีในการช่วยสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกับผู้ป่วยชาวต่างชาติ แต่บาง ครัง้ มันก็ไม่อาจสือ่ ความหมายได้ตรงตามความต้องการมากเท่าใดนัก ต้องใช้ภาษา ร่างกายประกอบด้วย อย่างไรก็ตามสำ�หรับป๊า การสื่อสารในโรงพยาบาลญี่ปุ่นก็ ยังเป็นเรื่องยากลำ�บากอยู่ดี หลังจากที่เข้ามาดูป๊าในห้องไอซียูไม่นานนัก หมอนารุมิยะก็เข้ามาตรวจดู อาการ หมอบอกว่าโดยรวมมีอาการดีขึ้น ในตอนเช้ากินอาหารได้เล็กน้อย แต่ยัง มี อ าการอ่ อ นเพลี ย และง่ ว งนอนเพราะเมื่ อ คื น ที่ ผ่ า นมาป๊ า นอนไม่ ห ลั บ เลย เนือ่ งจากแสงไฟในห้องไอซียเู ปิดสว่างทัง้ วันทัง้ คืน ตอนเทีย่ งของวันนัน้ หมอฟอก เลือดให้ป๊าแบบช้าๆ เป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อฟอกเสร็จ ป๊าไม่มีอาการ ปวดหัวหรือคลื่นไส้แทรกซ้อน แต่รู้สึกหิวข้าวเล็กน้อย หมอเห็นว่าถ้าอาการดีขึ้น แบบนี้อาจจะย้ายพ่อไปอยู่ห้องพักฟื้นปกติได้ในอีกวันหรือสองวันนี้

191


แม้จะหมดเวลาเยีย่ ม แต่พวกเราก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กนั ทีโ่ รงพยาบาลในห้องรับรอง ญาติผู้ป่วยซึ่งเป็นห้องเล็กๆ มีเก้าอี้โซฟาตั้งอยู่ 2 ชุด มีตู้เครื่องดื่มหยอดเหรียญ อ่าง ล้างมือ เตาอบ และไมโครเวฟ เราใช้ชวี ติ กันในนัน้ เพือ่ หมอหรือพยาบาลสามารถออก มาพบเราได้ตลอดเวลาเมื่อต้องการ ระหว่างนั้น หมอกันโดริ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ห้องฉุกเฉินได้มาช่วยประสาน งานออกใบรับรองแพทย์เพือ่ นำ�ไปใช้เป็นหลักฐานให้ปา๊ ในการขออยูป่ ระเทศญีป่ นุ่ ต่อ กับสำ�นักงานตำ�รวจตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากพวกเราเข้าประเทศแบบนักท่องเที่ยว ชาวไทยซึ่งสามารถอยู่ในประเทศญี่ปุ่นโดยปลอดวีซ่าเพียง 15 วัน หลังจากนั้นก็ต้อง เดินทางกลับ หมอกันโดริได้โทรศัพท์ประสานงานไปยังตำ�รวจตรวจคนเข้าเมืองให้เรา และแจ้งกับเราว่าทาง ตม. สามารถอนุญาตให้พ่ออยู่รักษาตัวต่อในประเทศญี่ปุ่นไป ได้อีก 1 เดือน พร้อมกับอนุญาตผู้ดูแลอีก 1 คนด้วยโดยให้เรานำ�เอกสารจากโรง พยาบาล และจดหมายคำ�ร้องแจ้งสาเหตุจำ�เป็นในการขออยู่ต่อซึ่งโก๋ต้องร่างขึ้นด้วย ลายมือตัวเอง พร้อมทัง้ เอกสารการเงินทีร่ ะบุจ�ำ นวนเงินเพียงพอต่อการรักษาพยาบาล ไปยื่นที่สำ�นักงานตรวจคนเข้าเมืองสาขาเกียวโต พวกเราจึงตัดสินใจให้โก๋รับหน้าที่อยู่ ดูแลป๊าต่อ ส่วนไก๋ต้องพาแม่กลับเมืองไทยตามกำ�หนดเดิมในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 หรือในอีก 3 วันข้างหน้า เมื่อรวบรวมเอกสารได้ครบถ้วนในวันเดียวกันนั้น โก๋ ก็รบี ไปติดต่อสำ�นักงานตรวจคนเข้าเมืองซึง่ ตัง้ อยูไ่ ม่ไกลจากโรงพยาบาล พอไปถึง เจ้า หน้าที่ก็เรียกเข้าห้องสัมภาษณ์และบอกว่าทางคุณหมอได้โทรมาแจ้งไว้ก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่ขอให้แก้ข้อความในจดหมายเล็กน้อย โดยเพิ่มข้อความเข้าไปว่าเรามีเงิน เพียงพอสำ�หรับค่ารักษาพยาบาลของพ่อ จากนัน้ ก็ถามเราว่าต้องการจะอยูต่ อ่ 30 วัน หรือ 90 วัน เมื่อแจ้งความจำ�นงค์ไปว่า 30 วัน เจ้าหน้าที่ก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการ ประทับตราและเซ็นอนุญาตในหนังสือเดินทางของป๊าและโก๋ให้อยูต่ อ่ ได้จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2559 ทำ�ให้โล่งใจไปได้อีกหนึ่งเรื่อง ต้องขอขอบคุณคุณหมอกันโดริและเจ้า หน้าทีต่ รวจคนเข้าเมืองทีไ่ ด้ประสานงานกันทำ�ให้ขนั้ ตอนทุกอย่างสำ�เร็จลุลว่ งลงอย่าง ง่ายดายและราบรื่น

192


หมอแจ้ ง ว่ า นอกจากไตเสื่ อ มสภาพแล้ ว ป๊ายังมีปัญหาที่หลอดเลือดหัวใจอีกด้วย เช้าวันต่อมา ทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ดูแลป๊ามาตลอด 2 วัน ได้ส่งต่อหน้าที่การรักษา ไปยัง พญ. คาซึมิ โคมากิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตโดยเฉพาะ หมอโคมากินำ�พ่อ ไปฟอกเลือดที่ห้องไตเทียมตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าจนถึงเที่ยง หลังจากฟอกเลือดเสร็จ พ่อสามารถกินข้าวต้มกับเนือ้ ปลาได้เล็กน้อย และต้องจำ�กัดปริมาณน้�ำ ดืม่ ในแต่ละมือ้ หมอบอกว่าเยือ่ หุม้ ปอดด้านซ้ายของป๊ายังคงมีปริมาณน้�ำ เหลืออยูพ่ อสมควร ซึง่ หมอ ยังไม่สามารถเจาะเอาน้ำ�ออกได้เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบการทำ�งานของ หัวใจ แต่การฟอกเลือดจะช่วยลดปริมาณน้�ำ ลงได้บา้ ง ระดับออกซิเจนในเลือดของป๊า ยังต่ำ�อยู่จึงต้องให้ออกซิเจนตลอดเวลา แต่บ่ายวันนั้น ป๊าก็ได้ย้ายออกจากห้องไอซียู ไปอยูใ่ นห้องผูป้ ว่ ยทัว่ ไปซึง่ ตัง้ อยูใ่ นชัน้ เดียวกับห้องไอซียแู ละยังคงได้รบั การดูแลอย่าง ใกล้ชดิ จากทีมแพทย์และพยาบาล แต่เนือ่ งจากเป็นห้องรวม 4 เตียง ญาติจงึ ไม่สามารถ เฝ้าไข้ได้ ทุกคนต้องออกจากโรงพยาบาลตอน 2 ทุ่มและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พยาบาลตลอดคืน วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 พยาบาลบอกว่าพ่อลุกมาเข้าห้องน้�ำ ตอนตี 3 ขับถ่าย ได้เองเป็นครัง้ แรกตัง้ แต่เข้าโรงพยาบาลซึง่ ถือเป็นสัญญาณทีด่ ี ในตอนเช้าก็เข้ารับการ ฟอกเลือดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง เมื่อเสร็จออกมาก็สามารถกินข้าวได้มากกว่าเดิม เริ่มมี แรงมากขึ้น สามารถพูดจาโต้ตอบได้มากกว่าเดิม อาการมึนหัวคลื่นไส้หายไป แต่ยัง คงหายใจลำ�บากและเหนื่อยง่าย เนื่องจากยังคงมีของเหลวค้างอยู่บางส่วนในเยื่อหุ้ม ปอดด้านซ้าย จากผลเอ็กซเรย์ในวันนี้ หมอแจ้งว่านอกจากไตเสื่อมสภาพแล้ว ป๊ายัง มีปัญหาที่หลอดเลือดหัวใจอีกด้วย ซึ่งหมอแนะนำ�ให้กลับไปรักษาที่เมืองไทย เพราะ ต้องใช้เวลาในการรักษาที่ต่อเนื่องยาวนาน

193


แววตาของแม่ บ่ ง บอกถึ ง ความ สงสารและห่วงใยป๊าอย่างจับใจจน แทบจะไม่ยอมปล่อยมือจากกัน

สภาพของป๊ า ในช่ ว งเวลากลางวั น ดู เ ป็ น ปกติ ช่ ว งบ่ า ยๆ เจ้ า หน้ า ที่ จ ะมาทำ � กายภาพบำ�บัด ขยับร่างกาย พาลุกยืนซอยเท้าอยู่กับที่บ้าง พาออกไปเดินรอบๆ วอร์ด ผู้ป่วยบ้าง แต่พอตกเย็น ป๊ามีอาการอึดอัด หายใจหอบถี่เป็นช่วง มีอาการพูดเพ้อ และ มองเห็นภาพหลอน ซึง่ ในค่�ำ วันนัน้ มีโก๋และแม่อยูก่ บั ป๊าจนใกล้หมดเวลาเยีย่ ม เพราะแม่ ต้องเดินทางกลับไทยในเช้าวันรุง่ ขึน้ จึงอยากจะอยูด่ แู ลป๊าให้นานทีส่ ดุ วันนัน้ ในห้องผูป้ ว่ ย 4 เตียง มีเพียงป๊าเป็นผู้ป่วยอยู่คนเดียว อีก 3 เตียงไม่มีใคร โก๋นั่งอยู่ที่ปลายเตียงของป๊า โดยหันหลังให้กบั เตียงตรงข้ามซึง่ เป็นเตียงเปล่า ป๊ามองมาทีโ่ ก๋แล้วก็ถามขึน้ ว่า ใครเหรอ ทีอ่ ยูข่ า้ งหลังโก๋ ผมหงอกๆ น่ะ โก๋กเ็ ลยบอกว่าไม่มใี ครหรอก ป๊าก็เลยไม่ได้สนใจถามอะไร ต่อ โก๋กบั แม่มองตากันโดยไม่ได้พดู อะไรกันเลย ทว่า ต่างคนต่างก็คงคิดกันอยูใ่ นใจว่า ป๊า มีอาการแบบนี้คงเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยจะดีแล้ว ตอนแม่เข้าไปร่ำ�ลาป๊าบอกว่าจะเดิน ทางกลับไทยในวันพรุง่ นีเ้ ช้าเพือ่ ไปจัดการเรือ่ งค่าใช้จา่ ยในการรักษาพยาบาล เสร็จแล้วก็ จะกลับมาญี่ปุ่นเพื่อรับป๊ากลับบ้าน แววตาของแม่บ่งบอกถึงความสงสารและห่วงใยป๊า อย่างจับใจจนแทบจะไม่ยอมปล่อยมือจากกัน แล้วแม่ก็บอกป๊าว่า โก๋ยังอยู่ญี่ปุ่นกับป๊า นะ ป๊าพยักหน้าช้าๆ เป็นการรับรู้แล้วก็บอกให้แม่ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงกัน

194


บนซ้าย : นักกายภาพบำ�บัดมาดูแลป๊าในการทำ�กายบริหาร บนขวา : โก๋ให้กำ�ลังใจป๊าขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล

195


หมอและพยาบาลญี่ปุ่นให้ความ สำ�คัญกับการสื่อสารมากๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ส่งแม่กับไก๋ขึ้นรถแท็กซี่ไปสนามบินคันไซแล้ว โก๋ก็ ขนย้ายข้าวของออกจากบ้านแอปเปิ้ลเพื่อไปยังที่พักแห่งใหม่เนื่องจากคุณฮิโร โกะมีแขกที่รอเข้าพักต่อในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง คุณฮิโรโกะบอกว่า ถึงแม้ว่า เราจะไม่ได้พักอยู่ที่บ้านแอปเปิ้ลของเธอแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังยินดีช่วยเหลือ ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่วา่ จะทางโทรศัพท์หรือถ้าต้องการให้เธอเดินทางไปพบที่ โรงพยาบาลเมื่อใดเธอก็พร้อมเสมอ เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนน้ำ�ใจไมตรีของเธอ อย่างไร ณ เวลานั้น นอกจากคำ�ขอบคุณจากหัวใจที่ได้แค่กล่าวออกไป เมื่อจัดการธุระเรื่องย้ายที่พักในช่วงเช้าแล้วเสร็จ โก๋ก็รีบกลับไปยังโรง พยาบาลเพือ่ ไปเฝ้าป๊า ในวันนัน้ ป๊าล้างไตเสร็จตอนเกือบบ่ายโมง จึงรูส้ กึ หิวและ หงุดหงิด ป๊าบ่นเรื่องพยาบาลทำ�งานกันช้า มัวแต่พูดจาไร้สาระ ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ หลายวันที่เฝ้าป๊าอยู่ที่โรงพยาบาล โก๋สังเกตการทำ�งานของเจ้าหน้าที่ทุก คนและสามารถสรุปได้เลยว่า หมอและพยาบาลญีป่ นุ่ ให้ความสำ�คัญกับการสือ่ สารมากๆ ทุกครัง้ ทีม่ กี ารเปลีย่ นเวร พยาบาลผูด้ แู ลรับผิดชอบทีม่ ารับหน้าทีต่ อ่ ก็จะต้องเข้ามาแนะนำ�ตัวกับผูป้ ว่ ยและแจ้งว่าจะเป็นผูด้ แู ลผูป้ ว่ ยในวันนีห้ รือคืน นี้ ทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดัน หรือจะทำ�สิ่งใดก็ตาม ต้องแจ้งกับ ผู้ป่วยให้รับทราบและสอบถามอาการผู้ป่วยเสมอว่ารู้สึกอย่างไร เวลาจะให้ยา แก่ผู้ป่วย ต้องแจ้งชื่อยาและบอกด้วยว่าเป็นยารักษาอาการใด แต่เนื่องจาก ปั ญ หาด้ า นภาษา อาจทำ � ให้ ป๊ า รู้ สึ ก รำ � คาญเพราะกว่ า จะสื่ อ สารกั น เข้ า ใจ พยาบาลต้องพูดใส่ไอแพดเพื่อให้แปลเป็นภาษาไทย ซึ่งบางครั้งผลการแปลที่ ได้ออกมาจากแอพก็กลายเป็นคนละเรือ่ ง ทัง้ ทีจ่ ริงๆ แล้วพยาบาลเพียงต้องการ จะบอกแค่ขอวัดไข้หรือวัดความดันเท่านั้นเอง

196


แม้จะรู้สึกหิว แต่วันนี้ป๊ากลับกินข้าวได้น้อยลง หมอบอกว่า ถ้าเบื่ออาหาร ญี่ปุ่น หมอก็จะอนุญาตให้กินอาหารอะไรก็ได้ที่ชอบ หรือถ้าอยากกินอาหาร ไทยก็จะได้ให้โก๋ออกไปหาซื้อมาให้ แต่ป๊าก็บอกว่าไม่อยากกินอาหารใดๆ เลย ทั้งนั้น วันนี้หมอถอดน้ำ�เกลือและสายสวนปัสสาวะออก เหลือเพียงสาย ออกซิเจนทีย่ งั คงเหน็บไว้ทรี่ จู มูกและสายระโยงระยางทีเ่ ชือ่ มต่อจากนิว้ มือและ หน้าอกของป๊าไปยังมอนิเตอร์เพื่อดูระดับออกซิเจนและการทำ�งานของหัวใจ ในวันนี้ยังพบว่าป๊าเริ่มมีแผลกดทับซึ่งทำ�ให้เจ็บเมื่อขยับตัว ตลอดทั้งบ่ายป๊า นอนหลับได้เป็นเวลาครั้งละสั้นๆ มีอาการครางสลับกับตื่นขึ้นมาหายใจแรงๆ ทางปากและบางครั้งก็ต้องลุกขึ้นมานั่งหลังตรงเพราะหายใจไม่ออก หมอบอก ว่าเป็นเพราะยังคงมีน�้ำ อยูใ่ นเยือ่ หุม้ ปอดนัน่ เอง โก๋แจ้งหมอว่าทุกวันตอนเย็นๆ ป๊าจะมีอาการพูดเพ้อ สับสน และบางครั้งก็เห็นภาพหลอน หมอก็อธิบายว่า เป็นไปได้ที่คนไข้ยังมีของเสียค้างอยู่ในเลือดและร่างกายยังปรับสมดุลไม่ได้ จึง อาจเกิดภาพหลอนที่ทางการแพทย์เรียกว่า Delirium วันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ตรงกับวันเสาร์ เมือ่ โก๋มาถึงโรงพยาบาลกาชาด เกียวโตแห่งที่สองในตอนเช้าก็พบว่า บรรยากาศเงียบกว่าปกติ ถนนหน้าโรง พยาบาลซึ่งเคยเต็มไปด้วยผู้คนและรถยนต์ที่จอดเต็มทุกช่องกลับว่างเปล่า ต้นไม้ใหญ่ทเี่ รียงรายอยูส่ องฝัง่ ถนนซึง่ เคยแผ่กงิ่ ก้านชูใบสีเหลืองสีแดงสวยงาม ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บัดนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำ�ตาลและร่วงหล่นลงมาทบถม บนพื้นยางมะตอย บรรยากาศภายในโรงพยาบาลที่เคยพลุกพล่านก็เงียบกริบ มีเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟไม่กี่ดวงเปิดทิ้งไว้ และแสงธรรมชาติจากช่อง หน้าต่างลอดเข้ามาให้พอมองเห็นทาง เจ้าหน้าที่บอกว่า โรงพยาบาลปิดให้ บริการผู้ป่วยนอกในวันหยุดสุดสัปดาห์ มีเพียงแผนกฉุกเฉินและอาคารผู้ป่วย ในเท่านัน้ ทีย่ งั คงเปิดตามปกติ ในวันนีแ้ ละวันพรุง่ นี้ หมอจึงเว้นการล้างไตให้ปา๊

197


บนซ้าย : บุรุษพยาบาลตรวจวัดค่าต่างๆ บนขวา : ดูรปู ภาพในไอแพดเพือ่ ไม่ให้เบือ่ หน่าย

198


แม้ว่าวันนี้จะกินอาหารได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะประเภทน้ำ�ซุปและผลไม้ แต่ตลอดทั้งวันป๊าก็มีอาการแน่นหน้าอก หายใจสั้นๆ ถี่ๆ กระสับกระส่าย ผุดลุก ผุดนั่ง ไอ และมีอาการหอบด้วย ป๊าบ่นกับโก๋ว่าเหนื่อยจากการใช้พลังงานเพื่อจะ หยุดความคิดฟุง้ ซ่านและภาพต่างๆ มากมายทีล่ อ่ งลอยเข้ามาในความคิด เมือ่ คืน ที่ผ่านมาก็นอนไม่หลับทั้งคืน หมอจึงบอกว่าคืนนี้จะให้ยานอนหลับหากป๊าต้อง การซึ่งป๊าก็ตอบตกลงเพื่อจะได้หลับพักผ่อนได้มากขึ้น จากฤทธิย์ านอนหลับทีย่ งั คงค้างอยู่ ทำ�ให้เช้าวันรุง่ ขึน้ ป๊ามีอาการสะลึมสะลือ เหมือนคนง่วงนอนมากแต่นอนไม่หลับ ตาปรือ พูดด้วยเสียงในลำ�คออ้อแอ้ แม้วา่ วันนีจ้ ะไม่คอ่ ยมีอาการกระสับกระส่ายเหมือนเมือ่ วาน แต่ปา๊ ก็ยงั คงหายใจลำ�บาก มีอาการไอลักษณะคล้ายสำ�ลักน้ำ�ลาย เหนื่อยหอบ พูดน้อยลง โต้ตอบช้า และ นั่งหลับตาอยู่นิ่งๆ กินอาหารได้น้อยลง 21 พฤศจิกายน 2559 เป็นเช้าวันจันทร์ที่บรรยากาศในโรงพยาบาลกลับมา วุ่นวายตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความว้าวุ่นและกังวลอยู่ในใจของโก๋ถึงบางสิ่งที่ จะต้องรับมือภายในวันนี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แค่รู้สึกว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก คุณฮิโรโกะมาถึงโรงพยาบาลแต่เช้าตามทีโ่ รงพยาบาลนัดหมายเพือ่ ให้มาช่วยเป็น ล่ามแปลหลายเรือ่ ง โดยเฉพาะเรือ่ งทีป่ า๊ ต้องบริหารเส้นเลือดทีแ่ ขนให้มขี นาดใหญ่ เพียงพอที่จะสามารถกลับไปฟอกไตได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่น ให้คุณฮิโรโกะแปลให้โก๋ฟังเพื่อจะได้ฝึกให้ป๊าทำ�ในภายหลัง นอกจากนั้นทางโรง พยาบาลยังแจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดต่างๆ รวมทั้ง ขั้นตอนในการชำ�ระเงินด้วยซึ่งจำ�เป็นต้องสื่อสารผ่านคุณฮิโรโกะทั้งสิ้นเพราะเจ้า หน้าที่ห้องธุรการไม่สามารถสื่อสารภาษาอื่นได้นอกจากญี่ปุ่น

199


หมอหั น มาพู ด กั บ คุ ณ ฮิ โรโกะเป็ น ภาษาญี่ ปุ่ น ประโยคสุ ด ท้ า ยซึ่ ง ทำ � ให้ คุ ณ ฮิ โ รโกะนิ่ ง ไปครู่ ใ หญ่ เห็นได้ชัดว่าขอบตาของเธอกลาย เป็นสีแดงจากการกลั้นนํ้าตา

หลังเสร็จจากการล้างไต ป๊าดูหมดแรง เหนื่อยอ่อนมาก และยังหายใจลำ�บาก มี ปฏิกริ ยิ าตอบสนองช้าลง และบ่นว่าเจ็บนิว้ มือด้านซ้ายและเท้าซ้ายมากจนชาไปหมด ปลายนิ้ ว มื อ และนิ้ ว เท้ า ทั้ ง สองข้ า งเริ่ ม มี ร อยแดงคล้ำ � วั น นี้ ป๊ า กิ น อะไรไม่ ไ ด้ เ ลย นอกจากนอนอยู่นิ่งๆ ด้วยสีหน้าเจ็บปวด หมอเข้ามาแจ้งผลเลือดที่น�ำ ไปตรวจเมื่อ ตอนเช้าด้วยความกังวล เพราะพบว่าเลือดของป๊ามีค่า ALP ALT และ AST สูงกว่า ปกติมาก ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ให้รู้ว่าตับของป๊ามีปัญหา นอกจากนั้นยังพบว่าค่า CPK ของ ป๊าสูงกว่าเกณฑ์ปกติซงึ่ อาจบ่งชีไ้ ด้ถงึ ความผิดปกติของกล้ามเนือ้ หัวใจทีเ่ กิดจากหลอด เลือดหัวใจตีบ นอกจากนัน้ ป๊ายังมีภาวะเกล็ดเลือดต่�ำ และมีคา่ CRP สูงขึน้ ซึง่ บ่งบอก ว่ามีอวัยวะภายในติดเชือ้ หมอจึงนำ�ป๊าไปตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพือ่ ตรวจหาอวัยวะที่ติดเชื้อ แล้วก็พบว่าป๊ามีการติดเชื้อที่ถุงน้ำ�ดี ต้องให้ยาปฏิชีวนะ แต่ ปั ญ หาที่ ต ามมาก็ คื อ ป๊ า แพ้ ย าปฎิ ชี ว นะเกื อ บสิ บ ตั ว หมอจึ ง ต้ อ งหายาตั ว อื่ น ที่ มี คุณสมบัติแบบเดียวกันทดแทน แต่ก็ต้องเสี่ยงการแพ้ยาซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ในตอนบ่ายวันนั้น ป๊าก็ถูกย้ายไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วยในอาคารใหม่ซึ่งเป็น หอพักผู้ป่วยทั่วไปที่มีอาการดีขึ้นและไม่จำ�เป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ก็เป็น ห้อง 4 เตียงซึ่งญาติไม่สามารถนอนเฝ้าได้ ซึ่งหมอบอกว่าห้องเตียงเดี่ยวจะว่างในอีก 2 วัน ป๊าจึงจะย้ายไปพักฟื้นโดยที่โก๋สามารถเฝ้าไข้ได้ตลอดเวลา

200


เมือ่ ย้ายห้องเสร็จ หมอโคมากิ พร้อมด้วยทีมแพทย์ทดี่ แู ละอาการป๊า ซึง่ ประกอบ ด้วยพญ.คานาโด และนพ.นาคามูระ เชิญให้โก๋เข้าไปพบทีห่ อ้ งพร้อมด้วยฮิโรโกะซึง่ ใช้ เวลาทัง้ วันอยูท่ โี่ รงพยาบาลคอยอำ�นวยความสะดวกเรือ่ งภาษา เมือ่ ทัง้ หมดอยูใ่ นห้อง หมอก็เปิดคอมพิวเตอร์ซงึ่ แสดงผลเลือดและผลเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ให้เราดู จากนัน้ ก็อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นให้คุณฮิโรโกะฟังเพื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษให้โก๋เข้าใจอีกที ทุกคนในห้องเล็กๆ นั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด หมอบอกว่ายังคงมีน้ำ�ในปอดของป๊าซึ่ง ทำ�ให้หายใจติดขัด นอกจากนัน้ ยังตรวจพบว่าผนังหลอดเลือดแดงทีช่ อ่ งท้องของป๊ามี ภาวะแข็งตัว บวกกับหัวใจซึง่ มีก�ำ ลังสูบฉีดเลือดได้นอ้ ยลง ทำ�ให้สง่ เลือดไปเลีย้ งอวัยวะ ส่วนปลายไม่เพียงพอ นิ้วมือนิ้วเท้าของป๊าจึงเกิดอาการเจ็บจนชาและเริ่มมีสีคล้ำ� ซึ่ง คาดว่าอาการนีจ้ ะเกิดขึน้ ทีป่ ากและหูเป็นลำ�ดับต่อไป แต่สงิ่ ทีห่ มอกังวลมากทีส่ ดุ ก็คอื ป๊ามีอาการโรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งส่งผลทำ�ให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งเป็น สาเหตุทำ�ให้หัวใจหยุดทำ�งานได้ทุกเมื่อในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอมาก หมอหันมาพูด กับคุณฮิโรโกะเป็นภาษาญีป่ นุ่ ประโยคสุดท้ายซึง่ ทำ�ให้คณ ุ ฮิโรโกะนิง่ ไปครูใ่ หญ่ เห็นได้ ชัดว่าขอบตาของเธอกลายเป็นสีแดงจากการกลัน้ น้�ำ ตา ก่อนทีเ่ ธอจะหันมาพูดกับโก๋วา่ “โก๋... ฉันไม่รวู้ า่ จะพูดกับเธอว่าอย่างไรดี แต่ฉนั ก็ตอ้ งบอกเธอตามทีห่ มอลงความ เห็นว่า เวลานี้ พ่อของเธอมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมากแล้ว...” ตอนนั้นหัวใจของโก๋หลุดร่วงลงไปที่ไหนไม่รู้ มันเป็นความรู้สึกใจหายปะปนกับ การที่ต้องยอมรับความเป็นจริง เรื่องราวการเจ็บป่วยของพ่อตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทย มันพรั่งพรูเข้ามาในความคิดซึ่งก่อให้เกิดคำ�ถามตามมามากมายถึงต้นสายปลายเหตุ ทำ�ไมป๊าถึงมีอาการหนักหนาสาหัสขนาดนี้

201


บน : เส้นทางจากบ้านพักไปโรงพยาบาลขณะต้นแปะก๊วยกำ�ลังร่วงโรย

202


ยังไม่ทันจะตั้งสติได้ครบถ้วน ระหว่างเดินออกมาจากห้อง หมอก็มีเรื่องให้ เราต้องตัดสินใจ นัน่ ก็คอื หากเกิดกรณีทหี่ วั ใจของป๊าหยุดทำ�งาน ทางโรงพยาบาล ต้องการให้ญาติยืนยันว่าจะให้ปล่อยไปตามธรรมชาติหรือช่วยกู้ชีวิตคืนมาด้วย เครื่องกระตุ้น ซึ่งหากนำ�ป๊ากลับมาได้ ป๊าก็คงต้องอยู่กับท่อช่วยหายใจไปตลอด และหมดโอกาสที่จะได้เดินทางกลับบ้าน โก๋นำ�ความไปปรึกษากับแม่และไก๋ ทุก คนก็ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้ป๊าได้ไปสบายตามธรรมชาติ และมันก็เป็นทาง เลือกของป๊าเองซึ่งป๊าเคยสั่งไว้ตอนมีสติเช่นกัน โก๋จึงบอกหมอให้รับทราบ ทีม แพทย์ทุกคนเข้ามาบอกกับโก๋ว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะทำ�การรักษาป๊า อย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้ป๊าได้เดินทางกลับประเทศไทยให้ได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำ�ใจได้ยากถึงการสูญเสียในเวลาอันใกล้นี้ แต่เราก็ยังมี กำ�ลังใจที่จะจัดการทุกสิ่งให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงของ ครอบครัวที่ทราบข่าวต่างก็ส่งกำ�ลังใจมาให้พร้อมคำ�แนะนำ�ต่างๆ มากมาย ทีม พยาบาลทีด่ แู ลเอาใจใส่อย่างดี และหมอทุกคนทีเ่ ข้ามาหาโก๋แล้วก็บอกว่าเธอทำ� หน้าที่ลูกได้เป็นอย่างดีมากแล้ว แต่หมอขอให้ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเธอเอง ให้ดีด้วย ส่วนฮิโรโกะก็บอกว่า หลังวันที่ 24 พฤศจิกายน แขกชุดสุดท้ายของเธอ จะออกจากบ้าน ถ้าครอบครัวของเรามาญีป่ นุ่ ขอให้ไปพักทีบ่ า้ นแอปเปิล้ ของเธอ ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ให้ถือว่ามาพักอยู่บ้านเพื่อน แน่นอนที่สุด ฮิโรโกะได้ เปลี่ยนสถานะจากเจ้าของบ้านเช่ามาเป็นเพื่อนของเราตั้งแต่วันแรกที่เธอพาป๊า ไปหาหมอมัตสุชิตะแล้ว โก๋บอกกับฮิโรโกะว่า ถึงแม้ว่าป๊าอาจจะไม่ได้กลับบ้านตามที่ตั้งใจ แต่โก๋จะ ให้แม่และไก๋มาอยู่กับป๊าที่ญี่ปุ่นกันทุกคนโดยเร็ว รวมทั้งญาติสนิทก็จะเดินทาง มาหาป๊าทีน่ ี่ เมือ่ ครอบครัวของเราอยูก่ นั พร้อมหน้า ทีน่ กี่ เ็ ป็นเหมือนบ้านของป็า ที่จะทำ�ให้ป๊าอุ่นใจ

203


ป๊ า พยั ก หน้ า รั บ รู้ แ ละดู เ หมื อ น ว่าความเจ็บปวดที่เคยรู้สึกอย่าง มากมายได้ ห ายไปในชั่ ว ขณะ เวลาหนึ่งเมื่อป๊านึกถึงแม่ เมื่อแม่ทราบอาการของป๊าตามที่หมอวินิจฉัย แม่ก็ตัดสินใจที่จะเดินทางมา ญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้พร้อมกับเต๋ง (มานะชัย อินทร์แก้ว) ซึ่งตั้งใจจะเดินทางมาเยี่ยม ดูอาการป๊าอยูแ่ ล้ว ก่อนจะหมดเวลาเยีย่ ม โก๋จบั มือป๊าเอาไว้ แล้วก็คลึงไปตามนิว้ มือเล็กๆ ของป๊า หวังเพื่อให้ป๊าคลายความเจ็บปวดลงได้บ้าง ขณะที่กุมมืออุ่นๆ นิม่ ๆ ของป๊า ก็บอกป๊าว่า พรุง่ นีแ้ ม่จะมาแล้วนะป๊า มารับป๊ากลับบ้านเรา ป๊าพยัก หน้ารับรู้ และดูเหมือนว่าความเจ็บปวดที่เคยรู้สึกอย่างมากมายได้หายไปในชั่ว ขณะเวลาหนึ่งเมื่อป๊านึกถึงแม่ 22 พฤศจิกายน 2559 ป๊าเข้ารับการฟอกไตตามปกติ แต่จากผลเลือดที่นำ�ไป ตรวจ หมอกังวลว่าจะเกิดเนื้อตายที่ลำ�ไส้ใหญ่ (colonic necrosis) เนื่องจากตอน นี้ ร ะบบการไหลเวี ย นเลื อ ดของป๊ า เริ่ ม แย่ ล ง แต่ ห ลั ง จากพาป๊ า ไปเอ็ ก ซเรย์ คอมพิวเตอร์แล้ว พบว่าการไหลเวียนเลือดไปยังสำ�ไส้ใหญ่ยังคงเป็นปกติ ป๊ามี อาการเจ็บปวดที่เท้าซ้ายมาก หมอบอกว่า การแข็งตัวของหลอดเลือดแดงในช่อง ท้องส่งผลไปยังมือและเท้า เมื่อเลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงได้ นิ้วมือและนิ้วเท้า ของป๊าจึงมีสคี ล้�ำ ขึน้ เรือ่ ยๆ และท้ายทีส่ ดุ ทัง้ มือและเท้าก็จะกลายเป็นเนือ้ ตาย ซึง่ ทำ�ให้เน่าและติดเชื้อ ไม่สามารถรักษาให้กลับมาใช้งานได้อีกนอกจากจะตัดออก แต่ส�ำ หรับป๊าค่อนข้างมีความเสีย่ งหากต้องตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ เนือ่ งจากป๊า มีเกล็ดเลือดต่ำ�มาก เสี่ยงต่อการเลือดออกไม่หยุด

204


ตกตอนเย็น อาการปวดที่เท้าของป๊าเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีอาการ หายใจติดขัด เหนือ่ ยหอบ ตอบสนองช้า พูดช้าลง และแสดงสีหน้าเจ็บปวดทรมาน หมอต้องฉีดยาแก้ปวดเข้าเส้น อาการจึงพอทุเลาลงบ้าง พอตกตอนค่�ำ ป๊าพูดกับ โก๋ว่า ป๊าอาจไม่พ้นคืนนี้ โก๋ยกมือของป๊าขึ้นมาจากข้างลำ�ตัว บีบเบาๆ ไปยังมือ ที่อ่อนนุ่มนั้น สังเกตเห็นปลายนิ้วมือเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ�ตามที่หมอบอก “ป๊ารอแม่ก่อนนะ ตอนนี้แม่กำ�ลังเดินทางมาหาแล้ว” โก๋พูดกับป๊า พอพูดถึง แม่ ป๊าก็มีแววตาเปล่งประกายขึ้นมาบ้าง “ตอนนี้ถึงไหนแล้ว...” ป๊าถามต่อ “เครื่องลงที่สนามบินแล้ว กำ�ลังเดินทางมาเกียวโต อีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็มา ถึงโรงพยาบาลแล้ว” เมือ่ ได้ยนิ โก๋บอกอย่างนัน้ ป๊าก็ดมู อี าการสงบลงไปบ้าง ขณะนัน้ เป็นเวลาทุม่ กว่า คาดว่าแม่น่าจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาลหลังสองทุ่ม ซึ่งหมดเวลาเยี่ยมผู้ ป่วยไปแล้ว โก๋ต้องไปขออนุญาตหมอให้แม่ได้เข้ามาหาป๊านอกเวลาเยี่ยม อย่าง น้อยก็เข้ามาบอกป๊าว่าแม่มาแล้ว เพราะป๊ามีอาการของคนเฝ้ารอคอย ถามเวลา บ่อยครั้ง และถามว่าแม่มาถึงไหนแล้ว ในทีส่ ดุ แม่กเ็ ดินทางมาถึงโรงพยาบาลตอนสามทุม่ พร้อมกับเต๋ง อาการปวด ทรมานของป๊าก็ดูจะอันตรธานหายไปชั่วคราวเมื่อได้เห็นแม่ยืนอยู่ข้างเตียง จับ มือป๊าแล้วก็พูดคุยโน่นนี่กับป๊า แม้ว่าป๊าจะไม่ได้เอ่ยคำ�ใดออกมาเลย แต่ในแวว ตาคู่นั้นของป๊าบ่งบอกชัดเจนถึงความอุ่นใจอย่างที่สุด เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊ามีสีหน้าสดใสขึ้น พูดจาโต้ตอบได้ดีขึ้น อาจเป็นเพราะได้เจอ แม่ซงึ่ เดินทางมาถึงเมือ่ คืนนี้ ส่วนภาวะทางร่างกาย ยังคงอ่อนเพลีย หายใจติดขัด หอบเหนื่อย เนื่องมาจากยังคงมีน้ำ�ในปอดค้างอยู่ ซึ่งหมอบอกว่า เจาะเอาน้ำ� ออกให้ป๊าในวันพรุ่งนี้

205


มีสวิทช์อยู่ 3 ตัว ถูกปิดไปแล้ว 2 ตัว ป๊าอยากจะ ปิดสวิทช์ตัวสุดท้าย ทุกอย่างจะได้จบลงซะที แต่ ป๊ายังหาสวิทช์ตัวนั้นไม่เจอ... ไม่มีใครรู้ว่าสวิทช์ ปริศนาตัวสุดท้ายที่ป๊าพูดหมายถึงอะไร

ในวันเดียวกันนั้นเอง ป๊าเริ่มมีอาการเจ็บเท้าทั้งสองข้างสลับกัน ซึ่งมี สาเหตุมาจากผนังหลอดเลือดแข็งตัว ประกอบกับหัวใจที่อ่อนกำ�ลัง ไม่มี แรงสูบฉีดเลือดไปถึงเท้า นอกจากนั้นยังพบว่ามีลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งมีแนว โน้มทีจ่ ะอุดหลอดเลือดแดงทีไ่ ปเลีย้ งลำ�ไส้ใหญ่และอวัยวะต่างๆ และหลอด เลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจด้านซ้ายลงมายังท้องมีการโป่งพอง ซึ่งเกิดจาก ความดันโลหิตสูง หมอบอกว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเส้นเลือดแตก ซึ่ง ถ้าเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม ป๊าก็คงต้องจบชีวิตลงเมื่อนั้น วันนี้ป๊าได้ย้ายเข้าห้องเดี่ยวซึ่งอยู่ในชั้นเดียวกัน เต๋งจึงรับอาสาเฝ้าไข้ ในตอนกลางคืนและอัพเดทอาการป๊าทางไลน์ให้พวกเราตลอดทัง้ คืน ซึง่ ป๊า ก็ยังคงมีอาการเช่นเดียวกับคืนที่ผ่านๆ มา คือผุดลุกผุดนั่งตลอดเพราะยัง หายใจไม่สะดวก นอนไม่หลับ และปวดเท้าทั้งสองข้าง แต่ไม่มีอาการใดบ่ง บอกภาวะวิกฤติ สัญญาณชีพจากจอมอนิเตอร์ก็ยังคงเป็นปกติ ช่วงเวลา หนึ่งในคืนนั้น ป๊าพูดกับเต๋งว่า มีสวิทช์อยู่ 3 ตัว ถูกปิดไปแล้ว 2 ตัว ป๊า อยากจะปิดสวิทช์ตวั สุดท้าย ทุกอย่างจะได้จบลงซะที แต่ปา๊ ยังหาสวิทช์ตวั นั้นไม่เจอ... ไม่มีใครรู้ว่าสวิทช์ปริศนาตัวสุดท้ายที่ป๊าพูดหมายถึงอะไร

206


บนสุดซ้ายและขวา : ไก๋ใช้เวลาอยู่กับป๊า ล่างซ้าย : มื้ออาหารของโรงพยาบาล ล่างขวา : ป๊ามักจะหลับได้ไม่เต็มที่เพราะมีอาการหายใจติดขัด

207


ช่วงสายของวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ไก๋เดินทางมาถึงญี่ปุ่นและเข้ามาหา ป๊าที่โรงพยาบาล แต่หลังจากที่ป๊าเข้ารับการฟอกไตเสร็จออกมา ก็มีอาการ สะลึมสะลือ เหนือ่ ยอ่อน ง่วง และนอนหลับเกือบตลอดทัง้ วัน หลังจากทีท่ มี หมอ เข้าตรวจดูอาการของป๊าในช่วงบ่าย หมอโคมากิก็บอกให้พวกเราไปคุยกับหมอ ในห้องทำ�งาน โก๋ ไก๋ และเต๋งจึงเดินตามหมอเข้าไป หมอโคมากิเปิดคอมพิวเตอร์ แสดงผลการตรวจวิเคราะห์เลือดของป๊าให้เราดู โดยมีหมอคานาโด หนึ่งในทีม แพทย์ผู้รักษาอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้เราฟัง ผลเลือดของป๊าบ่งบอกว่า การทำ�งานของตับและการแข็งตัวของเกล็ดเลือด ของป๊าอยู่ในภาวะวิกฤติ อวัยวะภายในหลายอย่างล้มเหลว หมอได้ยกเลิกการ เจาะน้�ำ ออกจากปอดเนือ่ งจากป๊าไม่รสู้ กึ ตัว และบอกว่า เซลล์ภายในร่างกายของ ป๊ากำ�ลังเริม่ ตาย (necrotized) แม้วา่ หมอจะให้เกล็ดเลือดเพิม่ แต่กไ็ ม่มผี ลกับการ เกิดเซลล์ตายของอวัยวะต่างๆ ซึง่ เป็นอาการทีร่ นุ แรงมาก ทำ�ให้เหนือ่ ยอ่อน หมด แรง และไม่สามารถกินได้ หมอคานาโดหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนจะมองพวกเราด้วยสีหน้าเคร่งเครียดปน กับแววตาที่แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ และพูดต่อว่า “พ่อของพวกคุณอาจจะมี ชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 2-3 วันนี้ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจจะไม่พ้นคืนนี้...” หลัง จากนั้นหมอก็บอกเราว่า ป๊าคงหมดโอกาสที่จะได้เดินทางกลับเมืองไทยแล้ว แม้จะเป็นสิ่งที่จะต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้ และพวกเราก็เคยรับรู้มา ก่อนหน้านี้เมื่อต้นสัปดาห์แล้วว่าป๊าคงไม่อาจเลี่ยงพ้นความตาย แต่มันก็ฉุด กระชากหัวใจของพวกเราให้ตกลงไปกองอยู่บนพื้นเมื่อหมอพูดมันออกมา พวก เราทยอยเดินกันออกมาจากห้องทำ�งานหมอแบบคนหมดเรี่ยวแรง ความรู้สึก เหมือนคนที่กำ�ลังแบกรับอะไรที่หนักหน่วง เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ป๊ายังคงหลับ อยู่บนเตียง เราบอกแม่ทุกอย่างที่เพิ่งได้ฟังมาจากหมอ แม่เองก็คงมีความรู้สึก ใจหายไม่ต่างจากพวกเรา หน้าตรงข้าม : หมอเขียนอธิบายถึงสาเหตุและลักษณะอาการป่วยของป๊าให้เข้าใจง่ายๆ

208


209


คืนนั้นเป็นคืนที่เงียบกริบ ณ ชั้น 5 หอพักผู้ป่วย โรงพยาบาลกาชาดแห่ง เกียวโตแห่งที่สอง ห้องที่ป๊านอนอยู่ มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟเล็กๆ บนหัว เตียง โก๋เป็นคนเฝ้าไข้ป๊าและให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนเพราะต้องเตรียมแรงไว้ รับมือและจัดการเรื่องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่หมอบอกว่า ป๊าอาจจะอยู่ ได้อีกไม่เกินอีก 2-3 วัน หรืออย่างเลวร้ายที่สุด อาจจะไม่รอดพ้นค่ำ�คืนนี้ ขณะนั้นเป็นเวลา 5 ทุ่มกว่า ป๊ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แล้วก็พูดกับโก๋ด้วยน้ำ� เสียงปกติเหมือนคนไม่ได้เจ็บป่วย “โก๋ไปจัดการทุกอย่างที่โน่นให้เรียบร้อย” “ป๊าจะให้จัดการเรื่องอะไร?” โก๋ถามออกไปด้วยความสงสัย “ก็จัดการพาป๊ากลับพรุ่งนี้ไง ป๊าไม่ไหวแล้ว เจ็บเหลือเกิน ไปจัดการตอน นี้เลย ไป! ป๊าจะได้ไปเกิดใหม่” ป๊าพูดด้วยน้ำ�เสียงเข้ม ชัดเจน “ตอนนีก้ �ำ ลังจัดการทุกๆ อย่างให้ปา๊ นะ ป๊าไม่ตอ้ งกังวลอะไรแล้ว หรือว่า ป๊ายังเป็นห่วงเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า?” โก๋ถามเพื่อให้แน่ใจ “ไม่ห่วงแล้ว พร้อมจะไปตั้งแต่เมื่อ 2 คืนแล้ว ไปบอกเขาตอนนี้เลย ให้มา จัดการให้จบ ป๊าไม่ไหวแล้ว ข้างในตัวป๊ามันแหลกเหลวไปหมดแล้ว” ป๊าพูด แล้วก็นิ่งไปครู่ใหญ่.... “ป๊ารักโก๋นะ…” มันเป็นการบอกรักจากป๊าที่ทำ�ให้โก๋ใจหายวูบ แม้ว่าป๊าจะไม่ค่อยได้เอ่ย คำ�นั้นออกมาบ่อยนัก แต่การได้ยินสิ่งที่ป๊าพูดในคืนนั้นมันไม่ใช่เรื่องปกติแน่ มันอาจจะเป็นการบอกรักเพื่อสั่งลากันเป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นไปได้ โก๋ไม่มั่นใจ ว่าสิง่ ทีห่ มอพูดเมือ่ ตอนบ่ายจะเกิดขึน้ ในคืนนีห้ รือไม่ หรืออาจจะเป็นแค่อาการ เพ้อของป๊า แต่กพ็ นมมือกราบลงไปบนหน้าอกของป๊าแล้วก็พดู ออกไปว่า “โก๋ ก็รักป๊านะ ป๊าผ่อนคลายนะ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว” ป๊าเงียบไปชัว่ ครู่ ก่อนจะพูดขึน้ มาอีกครัง้ ว่า “งัน้ ก็ไปบอกเขาให้มาจัดการ เอาทุกอย่างออก” ป๊าหมายถึงให้ถอดเครื่องช่วยชีวิตทุกอย่างออกไป

210


บน : ใบไม้ร่วงหน้าโรงพยาบาลในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ร้างผู้คน

“เขาไม่ได้ช่วยอะไรป๊าเลยนะ มีแค่ออกซิเจน กับเครื่องวัดการทำ�งานของหัวใจ นอกนั้นป๊าอยู่ด้วยตัวเองนะ” คืนนัน้ ไม่มสี งิ่ ผิดปกติใดเกิดขึน้ นอกจากอาการเดิมทีป่ า๊ แน่นหน้าอกและเจ็บทรมาน บริเวณขาและเท้าทั้งสองจนกระทั่งบางครั้งก็รู้สึกเจ็บจนชา

211


วันรุ่งขึ้นอาการทั่วไปของป๊ายังทรงเหมือนที่ผ่านมา แต่บริเวณช่องปากด้านใน เริม่ เปลีย่ นเป็นสีคล้�ำ ลง หัวใจของป๊าคงอ่อนแรงในการสูบฉีดเลือดไปเลีย้ งอวัยวะส่วน ปลาย ที่นิ้วมือก็เริ่มมีสีคล้ำ�ลงไปกว่าเดิมอีก ในตอนหัวค่ำ� ป๊ามีอาการอ่อนเพลียมาก แต่เมื่อพี่ตา (มัณฑนา เทพมาลี) และพี่แต๋ว (เบญจมาศ คีรีเดช) หลานที่ป๊าสนิทมาก และมักจะเดินทางไปเทีย่ วด้วยกันเป็นประจำ�เดินทางมาถึง ป๊าก็ลกุ ขึน้ มาและเรียกทุก คนเข้ามากอด ระหว่างนัน้ ไม่มคี �ำ พูดใดๆ เอ่ยออกมา เว้นแต่เสียงสะอืน้ ไห้เบาๆ จาก ใครบางคน ซึง่ คงจะคิดตรงกันกับทุกคนทีอ่ ยูใ่ นห้องนัน้ ว่า ป๊าน่าจะขอกอดลาเป็นครัง้ สุดท้าย วันพรุ่งนี้ ป๊าอาจไม่มีลมหายใจแล้วก็เป็นได้ แต่ป๊าก็อดทนมาก แม้จะเจ็บปวดทรมาน ป๊าก็ยังตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น แล้วพูดว่า “ยังไม่ตายเหรอเนีย่ ” ป๊าเตรียมพร้อมรับมือกับความตายทุกเมือ่ แต่มนั คงยังไม่ถงึ เวลา ความเจ็บปวดของป๊าจึงทำ�หน้าทีข่ องมันต่อไปและดูเหมือนจะเพิม่ ทวีมากขึน้ นอกจาก เท้าทั้งสองข้างแล้ว ป๊ายังต้องทนเจ็บบริเวณแผลกดทับทุกครั้งเวลาขยับตัว และเจ็บ แผลทีช่ อ่ งปากซึง่ เกิดจากหัวใจส่งเลือดไปเลีย้ งไม่เพียงพอ ทำ�ให้มคี วามยากลำ�บากใน การกินแม้แต่น้ำ�ซุปก็ทำ�ให้ปวดแสบทรมานมาก แต่แล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2559 บรรยากาศหม่นเหงา หนาว และสิ้นหวัง แห่งฤดูใบไม้รว่ ง ณ เมืองเกียวโตก็พลิกกลายเป็นความสดใสและอบอุน่ ในชัว่ ขณะ เมือ่ พี่กำ�เหมียว (ผศ.มุจรินทร์ อิทธิพงษ์) เดินทางมาถึงญี่ปุ่นพร้อมกับนะฆะ (ดญ.เกล้า กะรัต พิทยากรศิลป์) ลูกสาวของไก๋และเป็นหลานปู่คนเดียวของป๊า ซึ่งมาพร้อมกับ รอยยิ้มอันสดใสร่าเริงตามวัยของเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ เมื่อรับรู้อาการไม่สู้ดีของป๊า พี่กำ�เหมียวแม่ของนะฆะก็รีบพาลูกสาวเดินทางมาญี่ปุ่นด้วยความตั้งใจที่จะให้นะฆะ ได้ทำ�หน้าที่ของหลานและใช้เวลาอยู่กับอากงผู้ซึ่งใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต การมา ถึงของหลานสาว ทำ�ให้อากงลืมความเจ็บปวดไปได้ช่ัวขณะ ยิ้มได้ พูดคุยโต้ตอบได้ ช่วงไหนทีอ่ ากงดูเหมือนจะหมดแรงต้องเอนตัวลงนอน นะฆะก็จะหยิบ “ความสุขของ กะทิ” หนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่านให้อากงฟังจนกระทั่งอากงหลับไป

212


บน : นะฆะอ่านเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ให้อากงฟัง

213


ไม่ว่ามันจะจบลงแบบไหน ไม่ว่าลมหายใจของป๊ายังคงมี อยู่หรือไม่ก็ตาม อยากให้ป๊าได้เดินทางกลับบ้านเราเสียที

28 พฤศจิกายน 2559 เป็นเวลา 20 วันแล้วที่ป๊าจากบ้านมาแล้วป่วยหนักอยู่ที่ ประเทศญีป่ นุ่ แม้วา่ ป๊าจะไม่คาดหวังทีจ่ ะมีชวี ติ อยูต่ อ่ ไปได้อกี แต่กย็ งั หวังทีจ่ ะได้เดิน ทางกลับบ้าน อยากกลับไปรักษาที่เมืองไทย รักษากับหมอไทย ป๊าเอ่ยปากว่าอยาก จะกลับไปรักษากับหมอประมุขต่อ ให้หมอได้ดูแลเส้นเลือดซึ่งป๊าประคบประหงมมา ตลอดเกือบสองเดือนให้พร้อมใช้งานได้ ทุกขณะเวลาทีผ่ า่ นไป เราไม่ได้หวังสิง่ อืน่ ใดนอกจากขอให้ความเจ็บปวดทรมาน ของป๊ายุตลิ งโดยเร็ว ไม่ว่ามันจะจบลงแบบไหน ไม่ว่าลมหายใจของป๊ายังมีคงอยู่หรือ ไม่ก็ตาม อยากให้ป๊าได้เดินทางกลับบ้านเราเสียที ทีมหมอญีป่ นุ่ ไม่คอ่ ยเห็นด้วยกับพวกเรานักในการนำ�ป๊าเดินทางกลับไทย เพราะ ทุกขัน้ ตอนในการเคลือ่ นย้ายมีความเสีย่ งสูงมาก การเดินทางด้วยสายการบินพาณิชย์ มีขั้นตอนและเงื่อนไขมากมาย ป๊าต้องเดินทางพร้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ซึ่ง มีความจำ�เป็นต้องมีแพทย์และพยาบาลเดินทางร่วมในเทีย่ วบินนัน้ ด้วย นอกจากนัน้ การประสานงานระหว่างญาติผู้ป่วยกับสายการบินอาจต้องใช้เวลาในการดำ�เนินการ หลายวัน หากอาการของป๊าทรุดลงเรื่อยๆ ระหว่างนั้น ก็หมายถึงโอกาสในการเดิน ทางกลับบ้านที่ริบหรี่ลงไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทีมหมอญี่ปุ่นก็ไม่ขัดข้องหากเป็น ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้ป่วยที่จะเดินทางกลับแผ่นดินบ้านเกิด เพียงแต่ ญาติตอ้ งยอมรับความเสีย่ งและยินยอมทีจ่ ะไม่เอาผิดกับทางโรงพยาบาลหากอาการ โรคหัวใจรุนแรงของป๊าเป็นเหตุทที่ �ำ ให้ปา๊ ต้องเสียชีวติ ในระหว่างการเดินทาง พวกเรา จึงต้องเร่งมือแข่งกับเวลาหาทางนำ�ป๊ากลับบ้านให้ได้

214


เพื่อเป็นการลดเวลาและขั้นตอนความยุ่งยาก เราจึงตัดสินใจใช้บริการของบริษัทรับ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักทางอากาศในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งจะประสานงานกับสาย การบินและจะส่งแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลกรุงเทพพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ที่ จำ�เป็นมารับป๊าที่ญี่ปุ่น ขั้นตอนการนำ�ตัวผู้ป่วยอาการหนักเดินทางด้วยสายการบินพาณิชย์ แพทย์เจ้าของไข้ ที่ญี่ปุ่นต้องส่งประวัติการรักษาและอาการของป๊า ณ ปัจจุบันให้กับแพทย์ที่จะเดินทางมา รับตัว เพื่อประเมินอาการ จากนั้นก็จะส่งเรื่องให้แพทย์ของการบินไทยพิจารณาอนุมัติให้ เดินทางกับสายการบินได้ และแพทย์ญี่ปุ่นเจ้าของไข้ต้องออกใบ FIT TO FLY เพื่อรับรอง ว่าผู้ป่วยมีความพร้อมที่จะเดินทางด้วยสายการบิน ตลอดทั้งวันในวันนั้น พวกเราก็วุ่นวายประสานงานระหว่างหมอไทยและหมอญี่ปุ่น เพือ่ จัดเตรียมเอกสารเสนอให้สายการบินอนุมตั ใิ ห้ปา๊ เดินทางกลับ แม้วา่ หมอไทยจะค่อน ข้างกังวลเมื่อเห็นรายงานอาการป๊าจากหมอญี่ปุ่นก็ตาม พวกเราก็ยังมีความหวังที่จะประ คับประคองให้ป๊าเดินทางกลับถึงเมืองไทยให้ได้ วันต่อมา ป๊ามีอาการปวดที่เท้าลดน้อยลง เนื่องจากเท้าทั้งสองข้างได้กลายเป็นเนื้อ ตายแล้ว ป๊าจึงไม่มีความรู้สึกที่เท้าอีกต่อไป แต่ป๊าก็ยังมีอาการเจ็บที่แผลกดทับและแผล ในช่องปาก ซึ่งทำ�ให้หมอค่อนข้างกังวลเรื่องการติดเชื้อ ท่ามกลางความตึงเครียดของพวกเรา นะฆะยังคงอ่านหนังสือ ร้องเพลง และคุยเล่น กับอากงตามปกติ หลานสาวของป๊าบอกว่า โชคดีที่หนูอ่านเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ให้ อากงฟัง เพราะว่ามันทำ�ให้หนูไม่เศร้ามาก และอากงก็บอกว่าชอบเรื่องนี้เหมือนกัน พอ อากงเริ่มมีอาการเหนื่อยมากขึ้น แกก็จะหลับตานิ่ง แล้วบอกนะฆะว่า... “ไว้ไปอ่านต่อที่ เมืองไทยก็ได้ อากงยังไม่ตายหรอก” แต่พอช่วงบ่าย เราก็ได้รับข่าวจากการบินไทยว่า ไม่สามารถอนุมัติให้ป๊าบินกลับได้ เนื่องจากป๊ามีเกล็ดเลือด (blood platelet) ไม่ถึง 50,000 ul ตามข้อกำ�หนดของสายการบิน ค่าเกล็ดเลือดของป๊ามีเพียงแค่ 23,000 ul ซึ่งมีความเสี่ยงมากที่จะเกิดภาวะเลือดออก

215


แพทย์จากโรงพยาบาลกรุงเทพได้ขอให้หมอโคมากิเพิ่มเกล็ดเลือดให้พ่อจนกว่าจะ ได้ปริมาณตามข้อกำ�หนดของการบินไทย หมอโคมากิลงั เลในตอนแรกเนือ่ งจากกังวลว่า ป๊ามีอาการหลอดเลือดตีบและมีลมิ่ เลือด หากเพิม่ เกล็ดเลือดเข้าไปอีกอาจก่อเสีย่ งทีเ่ กิด หลอดเลือดอุดตัน หลังจากทีไ่ ด้พดู คุยกันกับหมอไทย ในทีส่ ดุ หมอโคมากิกย็ อมให้เกล็ด เลือดป๊าเพื่อให้ได้ปริมาณตามข้อกำ�หนดของสายการบินในเช้าวันต่อมา หลังจากทีก่ ารบินไทยได้รบั ผลเลือดของป๊าในตอนสายๆ ก็ขอเอกสารรายงานอาการ ด้านหัวใจของป๊าจากทางโรงพยาบาลญีป่ นุ่ เพือ่ ประกอบการพิจารณาเพิม่ เติมอีกบางตัว รวมทัง้ ให้ญาติเขียนจดหมายยืนยันเป็นลายลักษณ์อกั ษรว่าหากเกิดกรณีฉกุ เฉินกับผูป้ ว่ ย ในระหว่างเดินทาง ญาติต้องยินยอมให้สายการบินทำ�การบินไปต่อจนกว่าจะถึงปลาย ทาง โดยจะไม่เรียกร้องให้สายการบินทำ�การบินกลับไปยังต้นทางหรือลงจอดฉุกเฉิน ระหว่างเส้นทาง เมื่อจัดส่งเอกสารทุกอย่างให้กับสายการบินเรียบร้อย ในที่สุด การบินไทยก็อนุมัติ ให้ปา๊ โดยสารเครือ่ งบินกลับเมืองไทยได้ในวันที่ 2 ธันวาคม 2559 เทีย่ วบิน TG 623 โดย กำ�หนดให้ป๊าเดินทางด้วยสถานะผู้โดยสารป่วยหนักที่ต้องใช้เปล (Stretcher) ซึ่ง หมายความว่าเราต้องซือ้ ทีน่ งั่ กับสายการบิน 6 ทีต่ อนท้ายเครือ่ งสำ�หรับพับเบาะลงเป็น แนวราบเพือ่ วางเปลให้ปา๊ นอนราบระหว่างการเดินทาง สายการบินจะติดตัง้ ม่านกัน้ เอา ไว้เป็นสัดส่วนเพือ่ ไม่ให้เป็นการรบกวนผูโ้ ดยสารอืน่ หากเกิดกรณีใดๆ โดยจะมีหมอและ พยาบาลคอยดูแลตลอดเที่ยวบินนั้น แม้ว่าอาการของป๊ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก สัญญาณชีพยังคงปกติ แต่ก็มี อาการเหนือ่ ยและปวดตามเนือ้ ตามตัว ในขณะทีท่ �ำ การฟอกไต ป๊ามีอาการเหนือ่ ยอ่อน มาก หายใจหอบถี่ หงุดหงิด อารมณ์เสีย ไม่อยากฟอกไตและร่�ำ ร้องจะกลับบ้านอยูต่ ลอด เวลา จนกระทั่งฟอกไตเสร็จก็มีอาการง่วงซึมและหลับไปในที่สุด

216


ขอให้ทุกคนงดพูดคำ�ว่าฟอกไต หรือแม้แต่คำ�ว่า “โทเซกิ” ใน ภาษาญี่ปุ่นให้ป๊าได้ยิน

รุ่งขึ้น หมอโคมากิเข้ามาตรวจอาการป๊าตั้งแต่เช้าและแจ้งว่าจะพาป๊าลงไปฟอกไต ป๊าแสดงอาการต่อต้าน ยืนกรานว่าไม่ฟอก แม้วา่ หมอจะขอว่าครัง้ นีจ้ ะใช้เวลาฟอกเพียง แค่สองชั่วโมงเพราะถ้าไม่ฟอกไต ป๊าจะไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น แต่ คำ�ขอร้องของหมอก็ดูจะไม่เป็นผล ทั้งแม่และโก๋ก็พยายามพูดกับป๊า แต่อย่างไรป๊าก็ไม่ ยอมและบอกว่า ไม่กลับบ้านก็ได้ จะขอยอมตายอยูท่ ญ ี่ ปี่ นุ่ ถ้าต้องไปฟอกไต หมอโคมากิ มีสีหน้าหมดหวังแล้วก็หันมากระซิบกับโก๋ว่า อย่างไรพ่อของเธอต้องฟอกไตในวันนี้ ไม่ อย่างนัน้ จะไม่สามารถเดินทางได้ในวันพรุง่ นีเ้ ช้า โก๋กเ็ ลยบอกหมอไปว่า ขอเวลาคุยกับป๊า สักครู่หนึ่ง ถ้าพร้อมแล้วจะไปเรียก หมอจึงเดินออกไปจากห้อง ในนาทีนั้น ทั้งโก๋และแม่ก็ไม่รู้จะโน้มน้าวป๊าอย่างไรให้ยอมฟอกไต จนกระทั่งเวลา ผ่านไปเกือบ 10 นาทีเมื่อป๊ามีอาการสงบลง โก๋ก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าไม่พูดคำ�ว่า “ฟอกไต” ลองเลี่ยงไปใช้คำ�อื่นแทนป๊าอาจจะยอม ก็เลยก้มลงไปพูดกับป๊าว่า ตกลงป๊าไม่ต้องฟอก ไตแล้วนะ แต่หมอจะขอให้เลือดป๊าแทนเพราะป๊าเลือดน้อย จะได้มแี รงเดินทางกลับบ้าน พรุ่งนี้ ป๊าพยักหน้าตกลง โก๋จึงรีบไปบอกหมอว่าป๊ายอมแล้ว หมอโคมากิสงสัยว่าทำ�ไม ป๊าถึงยอมฟอกไตโดยดี โก๋จึงบอกหมอว่าเลี่ยงไปใช้คำ�ว่า “ให้เลือด” แทนคำ�ว่าฟอกไต หมอจึงเข้าใจ แล้วโก๋ก็ขอให้ทุกคนงดพูดคำ�ว่าฟอกไต หรือแม้แต่คำ�ว่า “โทเซกิ” ในภาษา ญี่ปุ่นให้ป๊าได้ยิน เพราะป๊าเข้าใจคำ�นี้ดีว่าแปลว่าฟอกไตนั่นเอง

217


บนสุดซ้ายและขวา : ในแต่ละวัน นะฆะจะมีดอกไม้และใบไม้สวยๆ มาเยี่ยมอากงเสมอ ล่างซ้าย : นะฆะอ่านนิยายเรื่องโปรด “ความสุขของกะทิ” ให้อากงฟังทุกวัน ล่างขวา : หมอโคมากิกับนะฆะ

218


ในที่สุดป๊าก็เข้ามาอยู่ในห้องฟอกไตด้วยอาการเหม่อลอย ครุ่นคิด โก๋เชื่อว่าทันทีที่ ป๊าเข้ามาในห้องนี้ ป๊ารู้อยู่แล้วว่าจะต้องรับการฟอกไตเหมือนทุกครั้ง แล้วก็คงจะนึกด่า โก๋ที่ล่อหลอกให้มาที่ห้องฟอกไตห้องเดิมที่ป๊าเกลียดมาก แต่คงจะไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน ใดๆ จึงยอมฟอกไตโดยมีโก๋กับแม่เฝ้าอยู่หน้าห้องนั้น หลังจากฟอกไตเสร็จ ป๊าก็กลับมาที่ห้องพัก นะฆะนำ�ต้นไม้กระถางเล็กๆ ที่กำ�ลัง ออกดอกสีม่วงมาให้ ทำ�ให้ป๊า มีอาการสดชื่นขึ้นบ้าง อีกทั้งแค่เพียงวันเดียวป๊าก็จะได้ กลับบ้าน แม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางอันยาวไกลหลายชั่วโมงจากโอซาก้าถึงกรุงเทพฯ แต่ก็ช่วยให้ป๊ารู้สึกอิ่มเอมใจขึ้นมาไม่น้อย คืนนั้นเวลา 3 ทุ่มกว่า พญ.รัตนมณี มณีโชติ และพยาบาล กฤษณา เสมอเชื้อ จาก โรงพยาบาลกรุงเทพซึ่งรับหน้าที่ในการพาป๊ากลับเมืองไทยก็เดินทางมาถึงญี่ปุ่น และ แวะมาดูอาการของป๊าเพื่อวางแผนการเคลื่อนย้ายป๊าในเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น เมื่อหมอ รัตนมณีตรวจดูอาการของป๊าก็พบว่า มีจังหวะการหายใจผิดปกติที่เรียกว่าพาราด็อกซ์ (Paradoxical Breathing) ซึ่งในภาวะปกติ การหายใจเข้าจะนำ�อากาศเข้าสู่ปอด หน้าอก จะขยายขึน้ แต่ในภาวะผิดปกติแบบนี้ เมือ่ หายใจเข้าหน้าอกจะยุบลง ซึง่ ก่อให้เกิดภาวะ ขาดออกซิเจนและมีคาร์บอนไดออกไซด์คงั่ อยูใ่ นระดับสูง หมอบอกว่าป๊าจะรูส้ กึ เหนือ่ ย มากแม้การเคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังมีของเหลวอีกส่วนหนึ่งค้างอยู่ใน เยื่อหุ้มปอด ทำ�ให้ไม่สามารถนอนราบได้ การเคลื่อนย้าย จึงต้องระมัดระวังให้ป๊าขยับ ตัวน้อยที่สุดและรักษาระดับออกซิเจนไว้ให้ได้มากที่สุด คืนนั้น โก๋เป็นคนเฝ้าไข้ พอหมอและพยาบาลกลับโรงแรม ป๊าหลับต่อได้ไม่นานก็ ตื่นขึ้นมาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ กระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่งเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่าน มา แล้วก็บอกโก๋ให้ไปซื้อโค้กกับกาแฟมาให้ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีผลเสียกับสุขภาพของ ป๊า แต่หลายวันที่ผ่านมาป๊าแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย โก๋จึงยอมออกไปซื้อมาให้ แต่ป๊า ก็จบิ โค้กไปได้ประมาณฝาเดียวกับกาแฟอีกสองอึก หลังจากนัน้ ก็มอี าการเพ้อพูดถึงเรือ่ ง พลังงานอะไรบางอย่างซึ่งจับใจความไม่ได้

219


บน : ป๊าเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างด้วยความหวังในระหว่างที่เราวิ่งเต้นจัด การให้ป๊าได้เดินทางกลับประเทศไทย

220


แม่เข้าไปจับมือป๊าแล้วก็บอกว่า กำ�ลังจะกลับ บ้ า นเราแล้ ว นะ ป๊ า ลื ม ตาขึ้ น มามองและพยั ก หน้าช้าๆ รับรู้ แล้วก็หลับตานิ่งด้วยความเหนื่อย

เวลาตี 4 กว่าๆ ของวันที่ 2 ธันวาคม 2559 หมอรัตนมณีและพยาบาลกฤษณา ก็มาถึงโรงพยาบาล ทั้งคู่ช่วยกันเตรียมอุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายป๊าออกจากโรง พยาบาลจนกระทั่งเวลาตี 5 กว่าๆ ป๊าก็ถูกย้ายจากห้องพักผู้ป่วยไปยังรถพยาบาลซึ่ง จอดรออยูด่ า้ นหน้า ระหว่างนัน้ หมอโคมากิเจ้าของไข้ปา๊ ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล แล้วก็เดินมาส่งป๊าถึงรถพยาบาลพร้อมกับร่ำ�ลาและอวยพรให้ป๊าเดินทางด้วยความ ปลอดภัยถึงเมืองไทย ระหว่างที่อยู่บนรถพยาบาล 2 ชั่วโมงกว่า ป๊ามีอาการอ่อนเพลีย ดูโรยแรงมาก แต่กไ็ ม่ได้หลับ เดีย๋ วร้อนเดีย๋ วหนาวสลับกันไป บางครัง้ ก็พยายามถอดสายออกซิเจน ออกจากจมูกด้วยความรำ�คาญ แต่หมอก็ขอร้องให้ปา๊ ใส่ไว้เพราะต้องสะสมออกซิเจน ให้เพียงพอระหว่างการเดินทาง ป๊าจึงยอม จนกระทั่งมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ คันไซ รถพยาบาลก็มาจอดรอประสานงานกับเจ้าหน้าทีเ่ พือ่ นำ�ป๊าพร้อมด้วยทีมแพทย์ ผ่านช่องทางพิเศษไปถึงยังประตูเครื่องบิน ส่วนโก๋ต้องลงจากรถพยาบาลแล้วไปเช็ค อินในอาคารผู้โดยสารตามปกติ ซึ่ง แม่ ไก๋ และพี่ตาได้เดินทางล่วงหน้ามารออยู่ด้าน ในอาคารแล้ว เมื่อพวกเราทุกคนก็ขึ้นมาบนเครื่องบิน ก็รีบเดินไปยังท้ายเครื่องโบอิ้ง 747 ของ การบินไทยเพื่อไปหาป๊า ที่นั่ง 6 ที่ซึ่งตั้งอยู่ 3 แถวท้ายสุดของเครื่องถูกพับพนักพิง ลงแล้วติดตั้งผ้าม่านกั้นเป็นสัดส่วน หลังผ้าม่านเป็นเปลวางพาดอยู่บนเก้าอี้อีกที ป๊า นอนหลับตาอยู่แต่ยังคงรู้สติ แม่เข้าไปจับมือป๊าแล้วก็บอกว่า กำ�ลังจะกลับบ้านเรา แล้วนะ ป๊าลืมตาขึน้ มามองและพยักหน้าช้าๆ รับรู้ แล้วก็หลับตานิง่ ด้วยความเหนือ่ ย

221


บน : เครื่องบินของการบินไทยลำ�ที่พาป๊ากลับบ้าน

222


ตลอดการเดินทางเกือบ 6 ชั่วโมง ทั้งหมอและพยาบาลที่นั่งประกบอยู่ด้วย ก็ตรวจดูอาการและเช็คปริมาณออกซิเจนของป๊าตลอดเวลา พวกเราต่างก็ผลัดกัน ลุกไปดูปา๊ แล้วสอบถามอาการจากหมอ ป๊ายังคงมีสติรบั รูแ้ ละอดทนอย่างมากกับ สภาพร่างกายที่บอบช้ำ� พีก่ �ำ เหมียวกับนะฆะยังคงอยูท่ ญ ี่ ปี่ นุ่ เพือ่ จัดการธุระเรือ่ งบ้านเช่าของฮิโรโกะ และจะบินตามกลับไทยในวันรุง่ ขึน้ ระหว่างทีป่ า๊ กำ�ลังเดินทางอยูบ่ นท้องฟ้า พวก เราไม่สามารถส่งข่าวถึงกันได้ พี่กำ�เหมียวก็พานะฆะออกมาให้อาหารเป็ดที่ริม แม่น้ำ�โคโมะ กินข้าวกันตามประสาแม่ลูก และเดินเล่นกันไปจนถึงศาลเจ้าเฮอัน ฉับพลันนั้นเอง ทั้งสองแม่ลูกก็เห็นลำ�แสงสว่างเจิดจ้าพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าสีทอง ยามเย็นเหนือเมืองเกียวโต แม้วา่ สิง่ ทีป่ รากฏจะเป็นภาพทีส่ วยงามอย่างทีไ่ ม่เคย เห็นมาก่อน แต่พ่ีกำ�เหมียวก็อดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ได้ จึงชวนนะฆะยกมือขึ้นไหว้ พระ หากเกิดอะไรขึน้ กับอากงขณะการเดินทาง ก็ขออโหสิกรรมทีอ่ าจจะเคยล่วง เกินอากงไว้ทั้ง กาย วาจา ใจ และตั้งจิตอธิษฐานขอให้อากงพ้นจากความทุกข์ ทรมานไปสู่ภพภูมิที่ดี ทว่า ในที่สุด ล้อเครื่องบินก็แตะพื้นทางวิ่งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พวก เราทุกคนก็รสู้ กึ โล่งใจทีป่ า๊ เดินทางมาถึงเมืองไทยอย่างปลอดภัยโดยไม่มอี ปุ สรรค หรือเหตุฉกุ เฉินใดๆ เกิดขึน้ เลย ก่อนลงจากเครือ่ ง เราเดินเข้าไปหาป๊าแล้วก็บอก ว่า ป๊ากลับถึงบ้านเราแล้วนะ ป๊าไม่ได้พูดอะไรแต่เผยอเปลือกตาขึ้นมาเล็กน้อย เป็นการบอกเราว่ารับรู้

223


กั ป ตั น ได้ อ อกจากห้ อ งนั ก บิ น มาดู แ ลการ เคลื่อนย้ายป๊าลงจากเครื่องบินด้วยตัวเอง

ขณะทีก่ �ำ ลังเดินออกมาจากเครือ่ งบินเข้าไปยังอาคารผูโ้ ดยสาร เราก็มองเห็น รถไฮลิฟท์ (High Lift Truck) จอดเทียบประตูท้ายเครื่องบินเตรียมพร้อมเคลื่อน ย้ายป๊าลงมาจากเครือ่ งบินเพือ่ ขึน้ รถพยาบาลทีจ่ อดรออยูด่ า้ นล่าง ก่อนทีจ่ ะผ่าน เข้าช่องตรวจคนเข้าเมือง เราก็ได้พบกับพี่ป๊อก (รัฐศักดิ์ ภักดีรณชิต) เจ้าหน้าที่ ของการบินไทยซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของโก๋และเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพี่กำ�เหมียวที่ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระหว่างทีป่ า๊ ป่วยหนักอยูท่ ญ ี่ ปี่ นุ่ พีป่ อ๊ ก จะเป็นคนช่วยหาข้อมูลเรือ่ งต่างๆ ให้ โดยเฉพาะเรือ่ งการขนย้ายผูป้ ว่ ยทางอากาศ และช่วยติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของการบินไทยที่สนามบินโอซาก้าเพื่อ อำ�นวยความสะดวกในการเดินทางให้กบั พวกเรา เมือ่ เครือ่ งเข้ามาจอดเทียบประตู พี่ป๊อกก็รีบเดินสวนกับผู้โดยสารอื่นๆ เข้าไปในเครื่องลำ�นั้นเพื่อไปรับป๊า เมื่อได้ เจอป๊า ก็เข้าไปบอกว่า ป๊ามาถึงเมืองไทยแล้วนะ ป๊ามองพี่ป๊อกแล้วก็กระพริบตา ปริบๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นถูกเคลื่อนย้ายลงไปกับรถไฮลิฟท์ ซึ่งพี่ป๊อกเล่า ว่า กัปตันได้ออกจากห้องนักบินมาดูแลการเคลื่อนย้ายป๊าลงจากเครื่องบินด้วย ตัวเอง หลังจากพาพวกเราผ่านออกมาด้วยช่องทางพิเศษและเดินออกมาส่งที่ สายพานกระเป๋าแล้ว พี่ป๊อกก็บอกว่าได้ส่งข้อความไปบอกพี่กำ�เหมียวแล้วว่าป๊า มาถึงเมืองไทยเรียบร้อยและกำ�ลังเดินทางไปโรงพยาบาล จากนัน้ ก็ขอตัวกลับไป ปฏิบัติงานต่อโดยบอกว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมป๊าที่โรงพยาบาล

224


รถพยาบาลนำ�ป๊าออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมุ่งหน้าตรงไปยังโรง พยาบาลธนบุรีซึ่งมีญาติและเพื่อนฝูงหลายคนที่ทราบข่าวไปรอรับป๊าอยู่ที่นั่น แล้ว เมื่อส่งป๊าถึงมือแพทย์ของโรงพยาบาลธนบุรี หมอรัตนมณีและพยาบาล กฤษณาก็บอกให้ญาติเข้าไปชวนป๊าพูดคุยก่อนจะลากลับไป เต๋งจึงเข้าไปบอก ป๊าว่า ตอนนี้ป๊ามาถึงเมืองไทยแล้วนะ ครั้งนี้ป๊าลืมตาขึ้นมองแล้วก็เอ่ยคำ�ว่า “ดีใจ” ออกมา ป๊าเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู มีทั้งสายออกซิเจน ยา 5-6 ตัว อาหาร เหลว รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจวัดการทำ�งานของหัวใจและสายวัดระดับออกซิเจน ระโยงระยางอยูเ่ ต็มไปหมด ทีเ่ ท้าทัง้ สองข้างของป๊าบวมเป่งและเป็นแผลพุพอง มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำ�บาก รวมทั้งความรู้สึกเจ็บที่แผลกดทับ แต่ป๊าก็ ยังมีสติและพูดได้อย่างแผ่วเบา ช่วงหัวค่ำ� นพ. ประมุข มุทิรางกูร หมอที่ผ่าตัดเส้นเลือดให้ป๊าก็เข้ามาดู อาการแล้วก็ออกปากชืน่ ชมทีมแพทย์ทสี่ ามารถพาป๊ากลับมาจากญีป่ นุ่ มาส่งถึง โรงพยาบาลธนบุรีได้ทั้งๆ ที่ป๊ามีอาการหนักน่าเป็นห่วงมาก ทั้งสภาพร่างกาย ภายในและภายนอกซึ่งมีแผลกดทับอยู่หลายจุด มีแผลพุพองที่เท้าทั้งสอง ซึ่ง หมอบอกว่าคงต้องค่อยๆ รักษาแต่ละอาการกันต่อไปเราอยู่ดูอาการของป๊าจน กระทั่งหมดเวลาเยี่ยมตอน 3 ทุ่ม ทุกคนก็กลับออกมาจากโรงพยาบาล ปล่อย ให้ป๊าอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ซึ่งเราก็รู้สึกสบายใจเพราะอยู่โรงพยาบาล ไทย หากป๊ารู้สึกอย่างไรหรือต้องการอะไรก็สามารถสื่อสารกับพยาบาลได้เอง โดยไม่มอี ปุ สรรคเรือ่ งภาษาอีกต่อไป คืนนัน้ โก๋ไม่ลมื ส่งอีเมลไปแจ้งหมอโคมากิ ว่าป๊าเดินทางกลับถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัยและได้เข้ารับการรักษาต่อเนือ่ ง ที่โรงพยาบาลในเมืองไทยแล้ว ไม่กี่นาทีต่อมา หมอโคมากิก็ตอบอีเมลกลับมา ขอบคุณทีส่ ง่ ข่าวซึง่ ทำ�ให้เธอและทีมรูส้ กึ ดีใจมาก แต่อย่างไรก็ตาม เธอขอให้พวก เราทุกคนดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองกันด้วยเพราะเธอเห็นว่าพวกเราต่อสู้กัน มาจนถึงที่สุดด้วยความเหน็ดเหนื่อย

225


วันรุง่ ขึน้ แม่มาถึงโรงพยาบาลแต่เช้าและได้พบกับหมอประมุข หมอบอกว่ายังไม่ สามารถสลายลิม่ เลือดให้ผปู้ ว่ ยได้เพราะยังคงมีเกล็ดเลือดต่�ำ หมอต้องรอดูอาการอีก 2-3 วันนี้ เพื่อหาวิธีรักษาที่ไม่ให้มีผลกระทบข้างเคียง ระหว่างนี้ก็ต้องคอยดูแลแผล กดทับและแผลที่เท้าทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ตลอดทัง้ วันป๊าหน้านิว่ คิว้ ขมวดจากอาการเจ็บปวดความรูส้ กึ รำ�คาญกับสายต่างๆ ทีพ่ นั ธนาการอยูบ่ นร่างกาย รวมทัง้ ผ้าก๊อซทีพ่ นั แผลอยูร่ อบเท้าทัง้ สองจนมีความหนา เกือบนิ้วซึ่งดูป๊าจะมีความรำ�คาญมากเป็นพิเศษเพราะพยายามขยับเท้าจนหลุดออก ไปหลายครั้ง แผลพุพองจึงแตกออกกลายเป็นผิวหนังที่เปิดล่อน พอพยาบาลมาพัน ผ้ากลับให้เหมือนเดิม แกก็บอกให้คนทีอ่ ยูแ่ ถวนัน้ ช่วยถอดออกไปที ป๊าคงรูต้ วั แล้วว่า อาการที่เป็นอยู่ในขณะนั้นคงไม่สามารถรักษาให้หายได้ ป๊าจึงพูดกับแม่ในตอนเย็น วันนัน้ ว่า ให้ถอดสายทุกอย่างออก แล้วช่วยพาป๊ากลับไปอยูบ่ า้ น ป๊าอยากจะกลับไป นอนที่เตียงของป๊า จากนั้นป๊าก็นิ่งไปด้วยความอ่อนเพลีย หลังจากที่ปรึกษากันแล้ว เราจึงตัดสินใจว่าในวันพรุ่งนี้จะมารอพบหมอประมุขเพื่อขออนุญาตหมอพาป๊ากลับ ไปอยูบ่ ้าน โดยจะขอยาแก้ปวดหรือมอร์ฟีนกลับไปให้ป๊าด้วย ถ้าหมอไม่เห็นด้วยก็จะ ขอย้ายป๊าออกจากไอซียูไปอยู่ห้องพิเศษซึ่งสามารถเฝ้าไข้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ป๊าจะ ได้รู้สึกอุ่นใจเมื่อตื่นมาแล้วเห็นคนใกล้ชิด วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2559 แม่กบั โก๋เดินทางมาถึงโรงพยาบาลในตอนเช้า แล้ว ขออนุญาตพยาบาลห้องไอซียูเข้าไปดูอาการของป๊าก่อนเวลาเยี่ยม เมื่อเข้าไปถึงใน ห้อง ป๊านอนนิง่ ไม่ขยับแขนขาเหมือนเมือ่ วันทีผ่ า่ นๆ มา โก๋จบั ทีไ่ หล่ปา๊ และเรียกเบาๆ แต่ปา๊ ก็ไม่ลมื ตาขึน้ มามองเหมือนทุกครัง้ พอเปิดผ้าห่มออกเราก็พบว่าทัง้ มือและเท้า ของป๊าถูกมัดไว้กบั เตียง ป๊าคงดิน้ รนจนผ้าพันแผลหลุด หรือไม่กพ็ ยายามใช้มอื ดึงสาย ต่างๆ ออกจากตัว พยาบาลจึงต้องผูกป๊าเอาไว้ เมื่อเรียกอยู่หลายครั้งป๊าก็ไม่มีการ โต้ตอบหรือแสดงอาการรับรู้ คิดว่าป๊าน่าจะเหนือ่ ยมากและหลับลึกเพราะฤทธิย์ า เรา จึงออกมารอพบหมอประมุขอยู่ในห้องรับรองด้านนอก

226


ทั น ที ที่ เข้ า ไปในห้ อ งและเดิ น ไปยั ง ปลาย เตียงของป๊า ก็รู้สึกว่าป๊าเผยอเปลือกตา เหมือนกำ�ลังส่งสายตามองมาที่โก๋

ตกตอนสาย ในห้องรับรองญาติผู้ป่วยก็เต็มไปด้วยญาติพี่น้องและหลานๆ ของ ป๊าทัง้ ทีเ่ ดินทางมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีและทีอ่ ยูก่ รุงเทพฯ ซึง่ มารอเข้าเยีย่ มดูอาการ ของป๊าในเวลาเที่ยง ขณะเดียวกันไก๋ก็จัดเก็บบ้านบริเวณชั้นล่างและขับรถออกไปหา ซื้อเตียงมาให้ป๊านอนพักฟื้น จนเวลาประมาณ 11 โมงกว่าๆ แม่ก็พาญาติทั้งหมดลง ไปกินข้าวกลางวัน เหลือแค่โก๋ กับป้ารัตน์ (วัลลีรัตน์ พิทยากรศิลป์ – พี่สะใภ้) และพี่ ปุ๋ม (กริช พิทยากรศิลป์ – ลูกชายป้ารัตน์) นั่งรออยู่ในห้องนั้น จนเวลาเที่ยง ป้ารัตน์ กับพี่ปุ๋มก็เดินเข้าไปในห้องไอซียู สักพักก็เดินกลับออกมาบอกโก๋ว่า เขากำ�ลังฟอกไต ให้ป๊าอยู่ พยาบาลบอกให้ออกมารอด้านนอกอีกครึ่งชั่วโมงจึงจะเสร็จ ในเวลานั้นเอง โก๋กม็ คี วามรูส้ กึ กระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถกู อยากเข้าไปหาป๊ามาก อยากรูว้ า่ ป๊า จะรู้สึกตัวบ้างหรือยัง ผ่านไปไม่ทันจะถึง 15 นาที โก๋ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วชวนทั้งสอง คนกลับเข้าไปในห้องไอซียูอีกครั้ง ทันทีที่เข้าไปในห้องและเดินไปยังปลายเตียงของป๊า ก็รู้สึกว่าป๊าเผยอเปลือกตา เหมือนกำ�ลังส่งสายตามองมาที่โก๋ เมื่อเราทั้งสามคนเดินเข้าไปจนชิดเตียง โก๋ก็แตะที่ ไหล่ของป๊าแล้วก็เรียกเบาๆ เสี้ยววินาทีนั้นเอง ป๊ามีอาการกระตุกเล็กน้อย อ้าปาก กว้าง หายใจเอาลมเข้าไปในลำ�คอสองเฮือกใหญ่ติดกัน พร้อมกันกับที่จอมอนิเตอร์ ส่งสัญญาณเตือนเสียงดังลัน่ ค่าความดันโลหิตของป๊าบนหน้าจอนัน้ ลดฮวบลง อัตรา การเต้นของหัวใจตกลงไปเป็นเลขศูนย์ กราฟที่เคยวิ่งเป็นรอยหยักบัดนั้นกลายเป็น เส้นตรงเหมือนเส้นขอบฟ้ากลางทะเลกว้าง พวกเรามองหน้ากัน และต่างก็นิ่งอึ้ง เงียบกริบอยู่ประมาณ 2-3 วินาที

227


“ญาติออกไปรอด้านนอกนะคะ” เสียงพยาบาลหนึ่งในกลุ่มที่ว่ิงกรูกันเข้ามาใน ห้องนั้นเอ่ยขึ้นทำ�ลายความเงียบ เราเดินออกมายืนงงๆ กันอยู่ที่หน้าห้อง วินาทีต่อ มาก็มีพยาบาลท่านหนึ่งเข็นเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าเข้าไปในห้องป๊า พอโก๋ตั้งสติได้ ก็รีบตามเข้าไปแล้วบอกพยาบาลท่านนั้นว่า ไม่ต้องแล้ว ปล่อยให้แกไปอย่างสงบดี กว่า กลุ่มพยาบาล 3-4 คนซึ่งกำ�ลังวุ่นวายกับการเตรียมการกู้ชีพให้พ่อก็หยุดชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมามองโก๋ “แน่ใจว่าไม่ต้องช่วยกลับมานะคะ” พยาบาลท่านหนึ่งถามย้ำ� “ครับ ปล่อยให้แกไปตามธรรมชาติเถอะครับ พ่อเคยสัง่ ไว้” โก๋ตอบ แล้วทุกอย่าง ก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง พยาบาลค่อยๆ ถอดสายพันธนาการต่างๆ ออกจากตัวของป๊าตามทีป่ า๊ ต้องการ ใบหน้าของป๊าที่เคยถูกกลบด้วยความเจ็บป่วย หน้าผากที่เคยยับย่นด้วยความเจ็บ ปวดทรมาน ดวงตาที่ฉายแววอดทนอดกลั้นกับความทุกข์ บัดนั้น ได้ผ่อนคลายลง แล้ว คงเหลือไว้แต่ดวงตาที่หลับพริมบนดวงหน้าอันผ่องใส อิ่มสุข ฉาบฉายไปด้วย ความอิสระตามที่ป๊าปรารถนา วันที่ 4 ธันวาคม 2559 เวลา 12.30 น. แพทย์ลงความเห็นในใบมรณบัตร ของป๊าว่า เสียชีวิตจากการติดเชื้อรุนแรง ป๊ามีอายุได้ 71 ปี 1 เดือน 23 วัน

228


229


230


เวลาล่วง... โอ้ดวงแก้ว ล ะ ก า ย แ ล้ ว น า ม นิ รั น ด์

231


232


233


234


235


236


237


238


239


240


241


242


243


244


245


246


247


248


249


250


251


252


253


254


255


กว่า 25 ปีแล้วที่ผมได้รู้จักกับผู้ชายร่างเล็กคนนี้ คนที่พูด น้อย รักศิลปะ มีจิตใจเข้มแข็ง และคนที่แสดงอารมณ์ความ รูส้ กึ ของตัวเองให้คนรอบข้างได้รบั รูน้ อ้ ยมาก คนทีไ่ ม่มคี �ำ พูด หวานๆ ไว้ให้ใคร แต่คนๆนี้เป็นคนเดียวที่ผมเรียกได้ชัดเจน และภูมิใจว่า “ ป๊า” ป๊าเป็นคนสอนการใช้ชีวิต สอนให้ผม ให้ คิดเป็น สอนในแนวทางของป๊าที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการ กระทำ�เป็นแบบอย่างให้ศึกษาเรียนรู้เอง วันนีไ้ ม่มปี า๊ แล้ว แต่ค�ำ พูดหลายๆ คำ� การกระทำ�หลายๆ อย่างของป๊า ยังคงชัดเจนในความรู้สึกและจะคงอยู่ตลอดไป ผมอยากบอกป๊ าอี กครั้ งว่ า “ผมรั กป๊ านะครั บ ” ขอให้ ด วง วิญญาณป๊าจงสู่สุคติ สงบ ……. นาวี ภวังคะนันท์

256


ช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เต๋งได้มีโอกาสอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตป๊า แม้วา่ จะเป็นส่วนเล็กๆ ทีแ่ ทบจะไม่มกี ารสือ่ สารกันเป็นคำ�พูด จะเป็นทางการ หรือไม่กต็ าม การปฏิบตั ติ น สายตา และการกระทำ�ของป๊าทีเ่ ต็มไปด้วยความ มุ่งมั่นและความเมตตา ความเป็นมิตรต่อคนรอบข้าง ทำ�ให้เต๋งได้สัมผัส ซึมซับและเรียนรูส้ งิ่ เหล่านัน้ ถึงแม้วา่ ป๊าจะไม่ได้บอกหรือสัง่ สอนออกมาเป็น คำ�พูดก็ตาม ความประทับใจและความภูมิใจในตัวป๊าไม่ได้เกิดจากสิ่งที่ป๊าสื่อสารกับ เต๋งโดยตรงเท่านั้น หากแต่รวมถึงการที่ป๊าปฏิบัติต่อผู้อื่น ทำ�ให้เต๋งสามารถ รับรู้ได้ถึงความเมตตาของป๊าที่มีต่อผู้แวดล้อมอยู่รอบข้าง ซึ่งหมายรวมถึง ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรวมถึงสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ความเมตตาของป๊านั้นไม่มี ทีส่ นิ้ สุดและปราศจากเงือ่ นไข จึงไม่แปลกใจเลยทีป่ า๊ จะเป็นทีร่ กั ของญาติมติ ร เหล่าบรรดาลูกศิษย์ ตลอดจนผู้คนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของป๊า ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าป๊าจะประสบกับมรสุมความเจ็บป่วย ป๊าก็ ยังคงเป็นผู้ชายคนเดิมที่มีความมุ่งมั่นซึ่งเต๋งมักจะเห็นได้เสมอในแววตาของ ป๊า ท้ายทีส่ ดุ แม้วา่ ความมุง่ มัน่ ของป๊าจะไม่สามารถเอาชนะสัจธรรมของชีวติ ได้ แต่ป๊าก็ได้ฝากบทเรียนสำ�คัญอย่างสุดท้ายไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้จดจำ� และประพฤติตามแบบอย่างที่ดีจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เต๋งคงไม่ขอให้ปา๊ หลับสบายและอยูใ่ นภพภูมทิ ดี่ ี เพราะเต๋งเชือ่ มัน่ ว่าป๊า เป็นคนดี ย่อมอยู่ในที่ที่ดีเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม รักและระลึกถึงป๊าเสมอ …. เต๋ง

257


คำ�ไว้อาลัย

อาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์

ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจำ�ปี 2538 กระทรวงวัฒนธรรม อาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ประติมากรระดับโลกผูส้ ร้างสรรค์รปู หุน่ ขีผ้ งึ้ ตาม แบบของมาดามทูโซด์ (ผูก้ อ่ ตัง้ พิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ แห่งแรกของโลก) ในการสร้างรูปหุน่ จากวัสดุขี้ผึ้ง แต่เนื่องจากสภาวะอากาศของประเทศไทยไม่เหมาะสมที่จะสร้างรูป หุ่นด้วยขี้ผึ้ง ด้วยเหตุผลอุณหภูมิร้อน ความชื้นสูง รวมทั้งมีฝุ่นละอองมาก และขี้ผึ้ง เป็นวัสดุที่ไม่คงทน สามารถเสื่อมสลายได้ จึงได้ใช้เวลาค้นคว้าพอสมควรโดยค้นพบ วิธีการนำ�เอาไฟเบอร์กลาสมาสร้างเป็นรูปหุ่นขี้ผึ้งที่มีความคงทนถาวรให้ความรู้สึก นุ่มนวลและมีลักษณะเด่นคือเหมือนคนจริงมากที่สุด ดุจดังมีชีวิต ขาดแต่เพียงลม หายใจเท่านัน้ โดยหุน่ รูปแรกทีส่ ร้างสำ�เร็จคือ พระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปูโ่ ต๊ะ) วัด ประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ โดยเริ่มสร้าง พ.ศ. 2525 และเสร็จในปี พ.ศ. 2527 เมื่อผล งานการสร้างรูปหุน่ สำ�เร็จแล้ว สมควรทีจ่ ะได้รบั การสนับสนุนเพือ่ สร้างชือ่ เสียงให้กบั ประเทศชาติ ทางคณะผู้ร่วมงานจึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย (Thai Human Imagery Museum) ขึน้ ณ ถนนบรมราชชนนี กม. 31 เริม่ ก่อสร้างตัวอาคารพิพธิ ภัณฑ์ ในปี 2529 และก่อสร้างอาคารเสร็จในปี 2531 พร้อมจัดแสดงและเปิดให้เข้าชมอย่าง เป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2532 นับเป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์ กลาสแห่งแรกของประเทศไทย

258


อาจารย์ดวงแก้วได้สร้างสรรค์งานศิลปะรูปหุ่นไฟเบอร์กลาสมาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ผู้บริหาร พนักงานและผู้ใกล้ชิด ท่านได้เผยแพร่ความรู้ งานศิลปะด้านงานปั้น เทคนิคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และสร้างสรรค์งานศิลปะที่สร้าง ชือ่ เสียงให้กบั พิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ ไทยตลอดมา จนถึงวาระสุดท้ายของชีวติ การจากไป อย่างกะทันหันของอาจารย์ดวงแก้ว นับเป็นการสูญเสียครั้งสำ�คัญของวงการศิลปะ ไทย ย่อมนำ�มาซึ่งความโศกเศร้าอาลัยของครอบครัว ผู้ร่วมก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ฯ ผู้ บริหาร เพื่อนร่วมงาน พนักงานและศิษย์ แม้ท่านจะจากไปแล้วแต่เกียรติคุณและผล งานทีท่ า่ นได้สร้างสรรค์ไว้ยงั คงเป็นอนุสรณ์ให้ผทู้ ชี่ นื่ ชมผลงานท่านได้ร�ำ ลึกและจดจำ� อาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ตราบนิรันดร์ ขอผลบุญกุศลที่อาจารย์ดวงแก้วได้ สะสมไว้เป็นผลานิสงส์ให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุขคติในสัมปรายภพเทอญ

นายสุธี ศรีเบญจโชติ ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย คณะผู้ร่วมก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

259


อาลัยรักอาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

อาจารย์ดวงแก้ว เป็นผู้คิดค้นในการสร้างหุ่นขี้ผึ้งคนแรกของประเทศไทย และได้ พัฒนาจากหุน่ ขีผ้ งึ้ มาเป็นหุน่ ไฟเบอร์กลาสทีม่ ลี กั ษณะพิเศษ คือ เหมือนคนจริงมากทีส่ ดุ ถือเป็นผลงานประติมากรรมระดับโลก หลังจากทีท่ า่ นสร้างสรรค์ผลงานสำ�เร็จแล้ว จึงได้ ร่วมกับคณะผู้ร่วมงานก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยขึ้นที่ตำ�บลขุนแก้ว อำ�เภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่อจัดแสดงผลงานรูปหุ่นไฟเบอร์กลาส โดยมีวัตถุประสงค์ในอันที่จะ ส่งเสริม เผยแพร่ อนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของไทยอันจะเป็นประโยชน์ใน การศึกษาค้นคว้าของเยาวชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด นครปฐม โดยท่านมีนโยบายและอุดมการณ์ในการสร้างสรรค์งานศิลปะด้านการปั้นรูป หุ่นขี้ผึ้งที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับพิพิธภัณฑ์ รวมทั้ง สร้างชือ่ เสียงให้กบั จังหวัดนครปฐมและประเทศชาติ นอกจากในฐานะผูก้ อ่ ตัง้ พิพธิ ภัณฑ์ หุ่นขี้ผึ้งไทยแล้ว ท่านยังเป็นผู้บริหารที่มีความตั้งใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะ การให้ เวลาอย่างเต็มที่กับงานปั้นหุ่น การถ่ายทอดความรู้ เทคนิคในการปั้น การดูแลพนักงาน ดุจเสมือนญาติ ซึง่ พนักงานทุกคนให้ความเคารพและเชือ่ ฟังปฏิบตั ติ ามมาอย่างต่อเนือ่ ง ดังนั้นการสูญเสียท่านอย่างไม่มีวันกลับ จึงยังความโศกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งมาสู่คณะผู้ บริหาร พนักงาน และศิษย์ผู้ใกล้ชิด โดยได้ไปร่วมแสดงความอาลัยในพิธีรดน้ำ�ศพ สวด พระอภิธรรมศพ และร่วมพิธพี ระราชทานเพลิงพระศพโดยพร้อมเพรียงกัน คณะผูบ้ ริหาร พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยขอสืบทอดปณิธานตามแนวทางของท่านที่จะร่วมสืบสาน และ สร้างสรรค์งานศิลปะของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยให้ตราบนานตลอดไป ขออำ�นาจแห่งกุศลผลบุญและคุณงามความดีที่ท่านได้ปฏิบัติมาตลอดชีวิต จงดล บันดาลให้ดวงวิญญาณของท่านสถิตย์ ณ สรวงสวรรค์ตลอดไปด้วยเทอญ

คณะผู้บริหารและพนักงานพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

260


อาลัยรักอาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ศิลปินผู้สร้างสรรค์ปั้นหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนจริง

“ทุกลมหายใจแห่งชีวิตที่สร้างงานศิลปะ เคยถามตนเองหลายต่อหลายครั้งว่า เป้า หมายในการทุม่ เทให้กบั การแสวงหานัน้ อยูต่ รงไหน ทุกครัง้ จะได้รบั คำ�ตอบจากส่วนลึก ว่า อยากเห็นสิ่งแปลกใหม่ในเชิงศิลป์ที่มีคุณค่า คุ้มกับการทุ่มเทเป็นเวลาอันยาวนาน ทัง้ ทีบ่ างครัง้ ก็ลา้ ใจ แต่อปุ สรรคก็เป็นเพียงเชือ้ เสริมไฟศรัทธาให้แรงกล้าอาจเป็นเพราะ ใจทีม่ งุ่ มัน่ หลังจากทีต่ ดั สินใจมอบชีวติ ให้กบั วงการศิลป์ อุปสรรคเหล่านัน้ จึงพ่ายแพ้แรง ใจแห่งชีวิตที่ยึดมั่นในศิลปะ ฉะนั้นผลที่เกิดจากการทุ่มเทสร้างงานในครั้งนี้ ขอมอบไว้ ให้เป็นสิ่งดีงามที่ช่วยจรรโลงโลกให้สดใสด้วยไฟศิลป์” จากวลีดงั กล่าวนีอ้ าจจะเห็นได้วา่ อาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ท่านมีเจตนารมณ์ และความตัง้ ใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะให้คงอยูค่ กู่ บั พิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ ไทยตลอดไป ณ วันนี้แม้ว่าอาจารย์ดวงแก้วที่น่ารักของเหล่าพนักงานจะจากพวกเราไปแล้ว เรายังคง ยึดมั่นในคำ�สอน หลักในการทำ�งาน การให้ความสนใจในงานศิลปะ และด้วยภาพรวม ของท่านที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา กับการดำ�เนินชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ รวมทั้งความมี เมตตา สิ่งเหล่านี้อยู่ในความทรงจำ�ของกระผมและพนักงานตลอดไป ขอผลบุญกุศล แห่งคุณงามความดีที่อาจารย์ดวงแก้วได้สั่งสมมา จงเป็นพลวปัจจัยให้ท่านสู่สุขคติใน สัมปรายภพทุกประการ

นายชำ�นาญ ส่งแสงทอง ผู้จัดการฝ่ายวัฒนธรรมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

261


สิปปาลัย ....

ศิลปินกอปรก่อศิลปะ สร้างสรรค์สุนทรียะละเอียดอ่อน งามอันงามดุจสวรรค์ปันมอบพร ให้สองกรหนึ่งจิตวิจิตรนัยน์ ศิลปินคือนามน่ายกย่อง ส่งสนองสิ่งพร่องให้เต็มได้ โลกมนุษย์มีอยู่ย่อมมีคลาย ค่าความหมายสิ่งสุดท้ายคือ "งานงาม" -สิปปาลัย อาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ จาก คำ�เมือง ราวะรินทร์ เนื่องเคยเจอะเจอท่านเมื่อสิบกว่าปีก่อน กลางทุ่งกุลาร้องไห้ เมืองร้อยเอ็ด กับอาจารย์สมชาย นิลอาธิ

262


จะขอแสดงความอาลัยให้แก้วหน่อย อาจจะช้าไปแต่ไม่เป็นไร เพราะไม่อย่างนัน้ แล้วลูกหลานจะไม่รคู้ วามจริงแท้ ซึง่ เป็นแก่น แก้วเคย พูดบ่อยครัง้ ในการคุยถึงอดีต ยืนมองเพือ่ นเขียนรูปแล้วนาํ้ ตาไหลเพราะ ไม่มีเฟรม ต้องตัดสินใจไปรื้อหาเฟรมเก่าที่กองขยะที่เขาทิ้ง เลือกพอที่ ใช้ได้กอ่ นทีภ่ ารโรงจะนำ�ไปทำ�ลาย นำ�มาทาสีรองพืน้ ใหม่กพ็ อทีจ่ ะเขียน รูปได้ เขาเขียนภาพสเก็ตได้ดีที่สุดในศิลปากรสมัยนั้น ทุกครั้งจะได้ขึ้น บอร์ดเพราะอะไรก็เพราะไม่ต้องลงทุนมาก มีดินสอกระดาษปรูฟถูกๆ ก็เขียนได้เต็มที่แล้ว แต่ที่ถูกที่สุดคือดินที่ไม่ต้องลงทุนเลย ทำ�ให้เขาได้ แสดงความสามารถได้เต็มที่ ในที่สุดเขาก็สร้างดินให้มีชีวิตขึ้นมาจนได้ งานเขาไม่ใช่หนุ่ ขีผ้ งึ้ แต่เป็นประติมากรรมบวกจิตรกรรม ซึง่ เป็นงานเขียน ลงในงานปัน้ งานเขาคือจิตรประติมากรรม ซึง่ เขาคือจิตรประติมากร ซึง่ เป็นความคิดและคำ�พูดผมคนเดียวไม่มีในพจนานุกรม ยังมีเรื่องดีๆอีก มากมายแต่เอาแค่นี้ก่อน ไม่ต้องขอให้ไปสู่สุคติเพราะเขาไปเองได้โดย ผลงานและความดี สวัสดีขอให้ทุกคนมีความสุขแข็งแรง

สมปราชญ์ ภควากร

263


264


กล่อมร่าง... เมื่อห่างลับ งานสวดพระอภิธรรม 6-12 ธันวาคม 2559

265


266


267


268


269


270


271


272


273


274


275


276


277


278


279


280


281


282


283


284


285


286


287


288


289


290


291


292


293


294


รายนามเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม คุณพ่อดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ 6 ธันวาคม 2559 7 ธันวาคม 2559 8 ธันวาคม 2559 9 ธันวาคม 2559 10 ธันวาคม 2559 11 ธันวาคม 2559 12 ธันวาคม 2559

ครอบครัวพิทยากรศิลป์ บจก. พีวีการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ คุณสมชายและคุณพิสุทธิ์ (กำ�แพงแสน) กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โครงการภาษาอังกฤษศึกษารุ่น 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลูกหลานยายไข่ จันทร์คณา / พี่น้องและลูกหลานตระกูลปัง พิธีกงเต็ก โดยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ร่วมกับ ชมรมคนรักในหลวง จังหวัดนครปฐม สำ�นักงานวัฒนธรรม จังหวัดนครปฐม สมาคมท่องเที่ยว จังหวัดนครปฐม สมาคมลิเกประเทศไทย สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 110 295


รายนามผู้ส่งมอบพวงหรีด

ELS Batch 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Joy og Jan Erik (Norway) Nok & Kell DK Pam & Lief DK เกล้ากะรัต พิทยากรศิลป์ (หลาน) เกษมชัย ธนประโยชน์ศักดิ์ ประธานตระกูลแซ่ปัง สุราษฎร์ธานี เกษียร - วิไล พิทยากรศิลป์ และครอบครัว คณะสงฆ์วัดตรีวิสุทธิธรรม ครอบครัวฉิมพาลี - วรภู ครอบครัวอิทธิพงษ์ ครอบครัวอินทร์แก้ว คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม จงดี พิทยากรศิลป์ และครอบครัว จอย ตุ๊กตา ลำ�ยอง ชนินทร์ รุ่งแสง / พ.ตท. วันชัย ฟักเอี้ยง ทีมงานเขตตลิ่งชัน ชมรมการท่องเที่ยวนครปฐม ชมรมคนรักในหลวง จังหวัดนครปฐม ชมรมตระกูลปัง สุราษฎร์ธานี ชุมชนศรีมณฑลสามัคคี ทีมประชาสัมพันธ์ วัดตรีวิสุทธิธรรม ธนากร - อรณา พิทยากรศิลป์ และครอบครัว ธีระ จาตุรนต์รัศมี นพ. อภิเดช - เพชรรัตน์ ลีรัญวราวัฒน์ (หลาน) น้ำ�เพชร อิทธิพงษ์ / มายูร อุดม บจก. พี วี การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ บริษัท รัตนบราลี จำ�กัด ผศ. มุจรินทร์ อิทธิพงษ์

296


พนักงาน TOC & THM พยูร โมสิกรัตน์ ประติมากรรม รุ่น 2512 - 13 พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย คุณสุธี ศรีเบญจโชติ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน พิมพ์รวี วัฒนวรางกูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพื่อนๆ อนุบาลวัดนางนอง เพื่อนศิษย์เก่าโรงเรียนสุราษฎร์ธานี รุ่น 2505 ไพศาล วนัสธนานนท์ / วันดี พิทยากรศิลป์ และครอบครัว มูลนิธิเด็ก โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ลูกศิษย์ฅนปั้นหุ่น (เอกนคร) ลูกหลานยายไข่ จันทร์คณา วิษณุ เอมประณีตร์ รองประธานสภาวัฒนธรรมเขตทวีวัฒนา วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ศิลปะภาพพิมพ์ 30 ศิษย์เก่าสวนกุหลาบ รุ่น 110 สถาบันกวีนิพนธ์ไทย สมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรม ประติมากรรม - ภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสุราษฎร์ธานี สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสุราษฎร์ธานี สำ�นักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม สุริยา - รัชดา พวงจันทน์แดง หมั่นเซี้ยน ปริตรศิรประภา และครอบครัว หมั่นยิ้น ฉายศิริกุล และครอบครัว หลานๆ สุราษฎร์ธานี อ. ศิริพร และเพื่อน ส.ก. 110 - ศิลป์ภาษา อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ราชบุรี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง) / สุไหง แสวงสุข

297


298


จากผืนดิน... สู่ถิ่นฟ้า พระราชทานเพลิง 13 ธันวาคม 2559

ประธานทอดผ้ามหาบังสุกุล : พิมพ์รวี วัฒนวรางกูร (อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ดำ�เนินพิธีการ : พ.ต.ท. ทองคำ� ชุนเกษา บรรเลงไวโอลิน : ศุภวิช วินิจฉัยกุล ขับเสภา : นพพร เพริศแพร้ว อ่านคำ�กลอนจากกฤษณาสอนน้องคำ�ฉันท์ : เกล้ากะรัต พิทยากรศิลป์ อ่านหมายรับสั่ง : สุริยา พวงจันทน์แดง อ่านสำ�นึกในพระมหากรุณาธิคุณ : เกตุ พิทยากรศิลป์ อ่านประวัติย่อ : ชำ�นาญ ส่งแสงทอง ถ่ายภาพ : อภิญญา กาวิล ถ่ายวิดีโอ : นพเก้า จันทร์คณา กิตติ พิทยากรศิลป์

299


300


301


302


303


304


305


306


307


308


309


310


311


312


313


314


ร่างลับแล้ว ดวงแก้วสูญ เก็บอัฐิ 14 ธันวาคม 2559

315


316


317


ท่องสมุทร สู่สามัญ

ลอยอั ง คาร ณ ปากแม่ น ํ ้ า ตาปี สุ ร าษฎร์ ธ านี 5 เมษายน 2560

318


ดวงลับ ดับแล้ว... แก้วตา พิทยา ปรารถนา... ท่านให้ กรกุม ก้าวหน้า... อย่าติด ศิลป์ ศีล... เพียงพิจ พึ่งธรรม กานต์ พิทยากรศิลป์ (ไก๋)

319


“รักป๊า และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของป๊า...” เกตุ พิทยากรศิลป์ (โก๋)

320




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.