สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีใต้

สถานที่ท ่อ งเที่ย ว ประเทศเกาหลีใ ต้

ประวัต ป ิ ระเทศเกาหลีใ ต้

สาธารณรัฐเกาหลี (อังกฤษ: Republic of Korea; ฮันกึล: 대한민국; ฮันจา: 大韓民國) หรื อที่เรี ยกกันทัว่ ไปว่า เกาหลีใต้ (อังกฤษ: South Korea) เป็ นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพ้ืนที่ครอบคลุม ส่ วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ มีประเทศญี่ปุ่นตั้งอยูท่ างตะวันออก เฉี ยงใต้โดยมีทะเลญี่ปนและช่ ุ่ องแคบเกาหลีก้ นั ไว้ ในภาษาเกาหลีอา่ นชื่อประเทศว่า แทฮั นมินกุก (อักษรฮันกึล: 대한민국; อักษรฮันจา: 大韓民 國) โดยเรี ยกสั้น ๆ ว่า ฮันกุก (한국) ที่หมายถึงคนชาวฮัน่ หรื อคนเกาหลี และบางครั้งจะใช้ชื่อว่า นัมฮัน (남한) ที่หมายถึง ชาวฮัน่ ทางใต้ ส่วนชาวเกาหลีเหนือจะเรี ยกเกาหลีใต้วา่ นัมโชซ็อน (남조선) ที่หมาย ถึง โชซ็อนใต้

1. พระราชวัง คยองบก

ที่เ ที่ย วในกรุง โซลที่ห้ามพลาดคือการเดินชมพระรา ชวัง คยองบก (Gyeongbokgung) ที่เป็นพระราชวังหลวงและเป็น พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้ง 5 แห่ง และยังนับว่า เป็นโบราณสถาน ลำาดับที่ 117 ของเกาหลีอีกด้วย พระราชวังคยอง บกถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1395 โดยปฐมกษัตริยแ ์ ห่งราชวงศ์โชซอน

จากนั้นก็มีการสร้างต่อเติมอาคารต่างๆ ขึ้นเรื่อยๆ ในรัชสมัยของ กษัตริย์องค์ต่อๆ มาจนพระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตและมีอาณา บริเวณกว้างขวางมาก

ชื่อ “คยองบก” ในภาษาเกาหลีแปลว่า “ได้รับการอวยพรอย่าง มากจากสรวงสวรรค์” (Greatly Blessed by Heaven) โดยพระราชวัง แห่งนีม ้ ีชื่อเดิมว่า “พระราชวังทางเหนือ” เพราะทำาเลที่ตั้งอยู่ทางทิศ เหนือเมื่อเปรียบเทียบกับที่ตั้งของพระราชวังอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ที่ ตั้งของพระราชวังคยองบกมีภูเขาบุกอัก (Bugaksan) อยู่ด้านหลัง มี ถนนเซจงโน (Sejongno) อยู่ด้านหน้า และมีประตูควางฮวามุน (Gwanghwamun) เป็นทางเข้าหลัก พระราชวังแห่งนี้ผ่านร้อนผ่าน หนาวคู่หน้าประวัติเกาหลีมาตลอด เคยถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมดใน ระหว่างการรุกรานของญี่ปุ่น (ค.ศ. 1592 -1598) และถุกทิ้งร้างใน สภาพเศษซากอยู่นานเกือบ 300 ปี ก่อนที่ผู้สำาเร็จราชการแทวอนกุน (Daewongun) จะสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ด้วยขนาดที่ใหญ่ โตและซับซ้อนกว่าเดิมในปี ค.ศ. 1867 โดยมีการสร้างอาคารกว่า

300 อาคาร และห้องอีก 5,000 กว่าห้อง และทำาให้พระราชวังคยอง บกเป็นสัญลักษณ์สำาคัญที่โดดเด่นของชนชาติเกาหลีและราชวงศ์ เกาหลี ทว่าหลังจากกลับมารุ่งเรืองได้ไม่นานก็กลับถูกทิ้งร้างอีก ครั้งหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารจักรพรรดินีมยองซอง (Empress Myeongseong) โดยสายลับญี่ปุ่น ทำาให้จักรพรรดิโกจง (Emperor Gojong) ตัดสินใจละทิ้งพระราชวังแห่งนี้ไปและไม่มีสมาชิกใน ราชวงศ์คนใดหวนกลับมาพักอาศัยที่พระราชวังคยองบกอีกเลย พระราชวังคยองบกถูกทำาลายอีกครั้งด้วยรัฐบาลของจักรวรรดิญี่ปุ่น ในยุคอาณานิคมญี่ปุ่นและสงครามเกาหลี (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) เพื่อต้องการกำาจัดมรดกทางวัฒนธรรมของราชวงศ์โชซอนให้สิ้นไป มีเพียงอาคารไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากการถูกทำาลาย

รัฐบาลเกาหลี

เริ่มบูรณะพระราชวังคยองบกอีกครั้งตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา และ โครงการนี้ยังจะทำาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2030 เพื่อคืนสภาพ พระราชวังคยองบกให้กลับมาสู่สภาพเดิมทั้งหมด

อาคารสำา คัญ ในพระราชวัง คยองบก พระที่น ั่ง กึน จองจอน (Geunjeongjeon Hall) – เป็นโถงท้องพระ โรงที่กษัตริย์ใช้ออกว่าราชการและประกาศข่าวสำาคัญระดับชาติ รวมถึงใช้ตอ ้ นรับทูตจากต่างประเทศในสมัยราชวงศ์โชซอน สร้าง ในรัชสมัยของกษัตริย์แทโจ (ค.ศ. 1395) โดยที่นั่งปัจจุบันถูกสร้าง ขึ้นมาใหม่หลังจากหลังเดิมถุกเผาทำาลาย ชือ ่ “กึนจองจอน” ถูกตั้ง

โดยท่านรัฐมนตรี Jeong Dojeon มีความหมายว่า “ร่วมใจกันดูแล ด้วยความพากเพียร”

พลับ พลาคยองฮเวรู (Gyeonghoeru Pavilion) – เป็น พลับพลาที่ใช้เพื่อจัดงานสำาคัญและงานเลี้ยงรับรองพิเศษของ รัฐบาลในช่วงสมัยราชวงศ์โชซอน สร้างครั้งแรกโดยกษัตริย์แทจง (ค.ศ. 1412) และถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากโดยไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1867 บนเกาะและทะเลสาบจำาลอง

ข้อ มูล เพิ่ม เติม เกี่ย วกับ พระราชวัง คยองบก

ที่ต ั้ง : 22 Sajik-ro 9-gil, Jongno-gu, Seoul วิธ ีเ ดิน ทาง: 

MRT สาย 3 มาลงที่สถานี Gyeongbokgung ทางออก 5 แล้ว

เดินต่ออีก 5 นาที 

MRT สาย 5 มาลงที่สถานี Gwanghwamun ทางออก 2 แล้ว

เดินต่ออีก 5 นาที เวลาเปิด -ปิด : 

เดือนมีนาคม – พฤษภาคม และ เดือนกันยายน – ตุลาคม เปิด

ให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 -18.00 น.



เดือนมิถุนายน – สิงหาคม เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา

09.00 -18.30 น. 

เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดให้เข้าชมตัง้ แต่เวลา

09.00 -17.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร) ค่า เข้า ชม: ผู้ใหญ่ 3,000 วอน / เด็ก (อายุ 7-18 ปี) 1,500 วอน

2.เมีย งดง

เมียงดง Myeongdong (명동) สถานที่ช้อปปิ้งยอดฮิตใน เกาหลี เป็นศูนย์รวมของสินค้ายอดฮิตหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะ เป็น เครื่องสำาอางมีทุกยี่ห้อยอดฮิตในเกาหลี มีทุกซอยทุกหลืบใน เมียงดง , เสื้อผ้าแฟชั่น ทั้งหญิงและชาย เสื้อผ้าที่นี่จะมีทั้งร้านที่เป็น แบรนด์ยอดฮิตในเกาหลี และแบรนด์สุดฮิตจากต่างประเทศ

,รองเท้า มีทั้งรองเท้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา ทั้งมียห ี่ ้อ และไม่มี ยี่ห้อ ,ร้านกระเป๋า ดีไซน์สวยเก่ไม่เหมือนใคร, ร้านขายเครื่อง ประดับ รวมถึงร้านอาหาร ร้านฟาสฟู๊ด ร้านหมูย่าง และ ร้านกาแฟ ร้านค้าในเมียงดงจะมีทั้งเป็นร้านที่อยู่ในตึก และร้านรถเข็น ข้างถนน ทุกร้านในตึกสามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินค่าสินค้าได้ ทุกร้านมีเครื่องรูด สำาหรับร้านที่เป็นรถเข็นส่วนมากจะไม่มีที่รูดบัตร ต้องใช้เงินสดจ่าย

ข้อ มูล เพิ่ม เติม เกี่ย วกับ เมีย งดง เมียงดงเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด แต่ช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์คนจะ เยอะเป็นพิเศษ ร้านส่วนมากในเมียงดงเปิดประมาณ 10 โมง และปิด ประมาณ 4 ทุม ่ วิธีเดินทางไปเมียงดง นั่งรถไฟใต้ดิน Line 4 สายสีฟ้า ลงสถานี Myeongdong ออก Exit 5, 6, 7, 8 หรือ รถไฟใต้ดิน Line 2 สายสีเขียว ลงสถานี Euljiro1(il)-ga ออก Exit 5

3.พระราชวัง ชางเกีย งกุง

พระราชวังชางเกียงกุง (Chang Gyeong Gung) หรือ พระราชวัง ชางเกียง หนึ่งในห้าพระราชวังที่สำาคัญที่สุดใน เกาหลี ตั้งอยู่ในกรุง โซล ประเทศ เกาหลีใต้ เดิมเป็น พระราชวังฤดูร้อน ของกษัตริย์ ราชวงศ์โครยอ กระทั่ง พระเจ้าเซจงมหาราช มีดำาริที่จะสร้าง

พระราชวังถวายแก่พระราชบิดาคือ พระเจ้าแทจง แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2026 ในรัชสมัย พระเจ้าซองจง ทรงโปรดให้บูรณะซ่อมแซม และขยายอาณาเขตของพระราชวัง และในปี พ.ศ. 2295 ได้มี กษัตริย์องค์หนึ่งประสูติ ณ พระราชวังแห่งนี้คือ พระเจ้าจองโจ หรือ องค์ชายลีซาน และระหว่างยุคล่าอาณานิคมของญี่ปุ่น พวกญี่ปุ่นได้ สร้างสวนสัตว์ สวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ไว้ที่นี่ จนในปี ค.ศ.

1983 (พ.ศ. 2526) ได้มีการย้ายสวนสัตว์และสวนสาธารณะออกไป เหลือแค่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น

ข้อ มูล เพิ่ม เติม เกี่ย วกับ ชางเกีย งกุง อัต ราค่า เข้า ชม •

ผู้ใหญ่ 1,000 won (ถ้าอายุมากกว่า 65 ปี เข้าชมฟรี)

•

เด็กๆ 500 won (อายุ 7-18 ปี) ถ้าตำ่ากว่านี้ก็เข้าชมฟรี

เวลาทำา การ : เวลาเปิดทำาการ : 9:00-18:00 (ปิดทุกวันอังคาร) เสาร์-อาทิตย์ ปิด 19:00 ช่วงหน้าหนาวปิด 17:30 การเดิน ทาง •

รถไฟใต้ดินสาย 4 ลงที่สถานี hyehwa ทางออกที่ 4

•

รถไฟใต้ดินสาย 1,3,5 ลงที่สถานี Jongno3ga ทางออกที่ 11 ได้เหมือนกัน

4. พระราชวังชางด๊ อกกุง

พระราชวังชางด๊อกกุง หรื อ พระราชวังชางด๊อก หนึ่งในห้าพระราชวังที่สาำ คัญที่สุดใน เกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซอน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็ จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) ด้วยเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ ต้ งั อยูท่ างทิศตะวันออกของ พระราชวังเคียงบก (Kyeongbok Palace) ผูค้ นจึงเรี ยกพระราชวังแห่งนี้ วา่ พระราชวังตะวันออก (East Palace) ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าซอนโจ กษัตริ ยอ์ งค์ที่ 14 ของราชวงศ์ยงั ได้โปรดให้ขยาย สนามหญ้าของพระราชวังเป็ น 500,000 ตารางเมตร พระราชวังชางด๊อกกุง หนึ่งในห้าพระราชวังที่ สำาคัญที่สุดในเกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซอน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็ จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) ด้วยเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ ต้ งั อยูท่ างทิศตะวัน ออกของพระราชวังเคียงบก (Kyeongbok Palace) ผูค้ นจึงเรี ยกพระราชวังแห่งนี้ วา่ พระราชวัง ตะวันออก (East Palace) ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าซอนโจ กษัตริ ยอ์ งค์ที่ 14 ของราชวงศ์ยงั ได้ โปรดให้ขยายสนามหญ้าของพระราชวังเป็ น 500,000 ตารางเมตร ในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) ขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิได้เข้ารุ กรานเกาหลี กินเวลา ยาวนานถึง 7 ปี พร้อมกับเผาทำาลายพระราชวัง ซึ่งในปี นี้ เองเป็ นปี ที่ฉลองครบรอบ 200 ปี แห่ง การสถาปนาราชวงศ์

หลังจากผ่านสงคราม 7 ปี ไปแล้ว พระราชวังก็ได้รับการบูรณะขึ้ นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2152 (ค.ศ. 1619) โดยพระเจ้าซอนโจ และองค์ชายควางแฮกุน แต่อีก 4 ปี ต่อมา พระราชวังกลับเกิดเพลิง เผาวอดอีกครั้ง ในเหตุจราจลที่ขนุ นางไม่พอใจองค์ชายควางแฮและก่อการยึดอำานาจ สถาปนาองค์ ชายนึงยางขึ้นเป็ นพระเจ้าอินโจ พร้อมกับเนรเทศองค์ชายควางแฮไปเกาะคังฮวา พระราชวังถูก โจมตีอีกครั้งโดยพวกแมนจูหรื อราชวงศ์ชิงของจีน แต่หลังจากนั้นพระราชวังก็ได้รับการสร้าง ใหม่ให้อยูใ่ นสภาพดั้งเดิม ชางด๊อกกุงได้ใช้เป็ นที่ประทับขององค์กษัตริ ย ์ ที่วา่ ราชการ และที่ ทำางานของขุนนางข้าราชการจนถึงปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) เมื่อพระราชวังเคียงบกซึ่งอยูข่ า้ งเคียง ได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งโดยสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง แต่อย่างไรก็ตามกษัตริ ยพ์ ระองค์ สุ ดท้ายของเกาหลีพระองค์น้ ี กไ็ ด้เสด็จมาประทับที่ชางด๊อกกุงเรื่ อยมากระทัง่ สวรรคตในปี พ.ศ.

2469 (ค.ศ. 1926) พระราชวังแห่งนี้ ได้เป็ นฉากหลังในซีรีส์เกาหลีเรื่ องแดจังกึมจอมนางแห่งวัง หลวง

ข้อ มูล เพิ่ม เติม เกี่ย วกับ ชางด๊อ กกุง อัต ราค่า เข้า ชม •

ผู้ใหญ่ 3,000 won (ถ้าอายุมากกว่า 65 ปี เข้าชมฟรี)

•

เด็กๆ 1,500 won (อายุ 7-18 ปี ถ้าตำ่ากว่านี้ก็เข้าชมฟรี)

เวลาทำา การ : เปิดให้บริการพร้อมไกด์นำาชม เป็นรอบภาษาต่างๆ ดังนี้

•

ภาษาเกาหลี เริ่ม 09.15 น. และอีกทุกๆครึ่งชั่วโมงจนถึงเวลา

17.15 น.

•

ภาษาอังกฤษ เวลา 11.30 น., 13.30 น. และ 15.30 น.

•

ภาษาจีน เวลา 11.30 น. และ 15.00 น.

•

ภาษาญี่ปุ่น เวลา 09.30 น., 10.30 น., 12.30 น., 14.30 น.และ

16.30 น. การเดิน ทาง •

โดยรถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Anguk ทางออกที่ 3

5.พระราชวัง เคีย งฮุย กุง

พระราชวังเคียงฮุยกุง แต่เดิมมีชื่อว่า “ซอกวอล” (พระราชวัง ด้านตะวันตก) ตามสถานที่ตั้ง พระราชวังเคียงฮุยกุงถูกสร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1617 ตามพระบัญชาขององค์ชายควางแฮกุน ใช้เป็นที่

ประทับของพระเจ้าแผ่นดินมายาวนานถึง 280 ปีพระราชวังแห่งนี้ เคยถูกทำาลายและเคลื่อนย้ายในช่วงญี่ปุ่นล่าอาณานิคม และถูก บูรณะอีกครั้งในปี 1988 ปัจจุบัน

พิพิธภัณฑ์ประวิติศาสตร์กรุงโซลจัดแสดงเรื่องราวประวิติศาสตร์ และวัฒนธรรมเกาหลี ซึง่ ประมาณร้อยละ 70 ของชุดสะสมนี้ได้รับ การบริจาคจากประชาชนในกรุงโซลนั่นเอง พระราชวังถูกสร้างขึ้น ในภูมศ ิ าสตร์ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีความงดงามแบบดั้งเดิมใน ทางสถาปัตยกรรมและมีความสำาคัญทางประวัติศาสตร์ สถานที่น่า สนใจใกล้พระราชวัง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ทางประวัตศ ิ าสตร์กรุงโซล (The S eoul History Museum), Jeongdong Street และ Jongno Street

ข้อ มูล เพิ่ม เติม เกี่ย วกับ พระราชวัง เคีย งฮุย กุง ตั้ง อยู่ท ี่ Seoul-si Jongno-gu Sinmunno 2-ga 1 ติด ต่อ สอบถาม •

ศูนย์บริการ 1330 : +82-32-1330 (อังกฤษ, เกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน)

•

สำาหรับรายละเอียดเพิ่มเติม : +82-2-724-0121, +82-2-0274-6

•

เว็บไซต์: www.jikimi.cha.go.kr (อังกฤษ, เกาหลี)

เวลาเปิด ทำา การ ปิดทำาการทุกวันจันทร์ และวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม ของทุกปี •

วันธรรมดา 18:00-09:00

•

วันหยุดสุดสัปดาห์ 10:00 – 18:00

ค่า เข้า ชม ฟรี การเดิน ทาง Seoul Subway Line 5 ไปยัง Seodaemun Station เดินไปยังทางออก ที่ 4 เดินตรงไป 150 เมตรไปยังสำานักพิมพ์ Naeil เลี้ยวขวาที่หัวมุม ถนน ใช้เวลาในการเดินเท้าโดยรวมประมาณ 10 นาที อยู่ด้านข้าง ของ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งกรุงโซล (Seoul Museum of History)