เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci 1452 – 1519 ) เลโอนาร์โด ดา วินซี : Leonardo da Vinci
เกิด วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452 ที่แคว้นทัสคานี (Tuscany) เมืองวินชี (Vinci) ประเทศอิตาลี(Italy) เสียชีวิต วันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 ที่เมืองอัมบัวส์ (Amboise) ประเทศฝรั่งเศส (France) ผลงาน - ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างของมนุษย์
- สร้างประตูน้าแบบบากมุม 45 องศา (Mitre Lock Gate) - ออกแบบเครื่องมือหลายชนิด เช่น เฮลิคอปเตอร์ เรืองท้องแบน เรือด้าน้า เครื่องแต่ง กายมนุษย์กบและปืนกล เป็นต้น - ประดิษฐ์เครื่องดนตรี 21 ชนิด ได้แก่ พิณ และ วิโอล่า - ประดิษฐ์ไฮโกรมิเตอร์
เลโอนาร์โดไม่ได้เป็นเพียงจิตรกรเอกของโลกเท่านัน เขายังมีความสามารถทางด้าน วิทยาศาสตร์หลายแขนง ได้แก่ ดาราศาสตร์คณิตศาสตร์ และชีววิทยา และการออกแบบประดิษฐกรรมใหม่หลายอย่าง ผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ของเขาส่วนใหญ่ มักเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่ และเป็นพืนฐานของสิ่งประดิษฐ์ในปัจจุบันนีด้วย เช่น เฮลิคอปเตอร์ เรือด้าน้า เป็นต้น ผลงานที่ส้าคัญ ที่สุดของเขาน่าจะเป็นการบุกเบิกเรื่องการบินเป็นคนแรก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถขึนบิน ได้ส้าเร็จก็ตาม แต่ก็มีส่วนพัฒนางานด้านนี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ในยุคเดียวกันกับเขาไม่มีผู้ใดเลยที่ให้ความสนใจ เลโอนาร์โด เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452 ที่แคว้นทัสคานี เมืองวินชี ประเทศอิตาลี บิดาของเขาเป็นนักกฎหมายชื่อว่า เปียโร เลโอนาร์โด (Piero Leonardo) เลโอนาร์โดมีความสนใจเรือ่ งวาดภาพมาตังแต่ เด็ก เขามักวาดภาพเหมือนสัตว์ต่าง ๆ ที่ เขาได้เก็บสะสมไว้ เช่น จิงจก ตุ๊กแก งู หนอน ค้างคาว มอด และตั๊กแตน เป็นต้น เขามี พรสวรรค์ในการวาดภาพ และฉายแววให้เห็น มาตังแต่เด็ก ต่อมาในปี ค.ศ. 1466 ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมื่อเลโอนาร์โดอายุได้ 18 ปี
บิดาของเขาได้ส่งเขาไปท้างานในห้องปฏิบัติงานศิลปะของศิลปินผู้มชี ื่อเสียง อันเดรีย เวอร์รอกคิโอ ซึ่งท้าให้เลโอนาร์โดมีความ ช้านาญในเรื่องการวาดรูป อีกทังความสามารถในเรื่องการหล่อส้าริดเพิ่มขึนอีกด้วย เล โอนาร์โดได้ฝึกฝนศิลปะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 6 ปี และในปี ค.ศ. 1472 เขาได้เข้าเป็นสมาชิกของสโมสรช่างแห่งเซนต์ลุก ซึ่งเป็นสมาคมของ พวกจิตรกร นอกจากงานศิลปะแล้ว เลโอนาร์โดยังให้ความสนใจในเรื่องคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์อีกด้วย
ด้วยความสามารถทางด้านศิลปะของเลโอนาร์โด ท้าให้เขาวาดภาพเหมือนของโครงสร้างต่าง ๆ ของมนุษย์ สัตว์ และพืช ได้อย่างเหมือนจริง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการศึกษามาก เลโอนาร์โดได้ศึกษาโครงสร้างของมนุษย์จาก ศพมากกว่า 30 ศพ เขาได้ผ่า ศพเหล่านีเพื่อศึกษาระบบการท้างานของร่างกาย กล้ามเนือ รวมถึงการไหลเวียนของโลหิตด้วย จากการศึกษาอย่างละเอียด เขา สามารถอธิบายถึงวิธีการท้างานของกล้ามเนือ ท้าให้เขาเข้าใจถึงโครงสร้างต่าง ๆ ของมนุษย์ได้อย่าง ละเอียด อีกทังเขาได้วาดภาพ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไว้อย่างละเอียด งานของเลโอนาร์โดชินนีถือได้ว่าเป็นรากฐานของวิชากาย วิภาคศาสตร์ และสรีรวิทยาเลย ก็ว่าได้ ในส่วนของเรื่องพืช เขาได้ท้าการทดลองปลูกพืชน้าและพบว่าวงแหวนที่เป็นชัน ๆ ในล้าต้น พืช เป็นตัวบ่งบอกถึงอายุของ พืช หรือที่เรียกว่า วงปี
ในปี ค.ศ. 1482 เลโอนาร์โดได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงลูโดวิโก อิล โมโร (Ludovico il Moro) ดยุคแห่งมิลาน (Duke of Milan) โดยความช่วยเหลือของลอเรนโซ เดอ เมดิซี เลโอนาร์โด ภายในจดหมายฉบับนี มีรายละเอียดเกี่ยวกับความ สามารถ และอาวุธสงครามที่เขาออกแบบขึน ได้แก่ 1. ร่มชูชีพ โดยใช้ผ้าผืนสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 13 หลา ใช้เชือกผูกมุมทัง 4 ไว้ ส่วนทางปลายเชือก อีกข้างหนึ่งใช้จับเวลา กระโดดลงมาจากที่สูง 2. เครื่องร่อน เลโอนาร์โด สังเกตจากลักษณะของนก แล้วน้ามาปรับปรุงเป็นเครื่องร่อน 3. เฮลิคอปเตอร์ โดยใช้ใบพัดขนาดใหญ่หมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งเขาไม่ได้สร้างเพียงแต่ออกแบบไว้ เท่านัน 4. เรือกล ซึ่งใช้ล้อหมุนพาย แทนคนพาย ซึ่งมีความเร็วถึง 50 ไมล์ต่อชั่วโมง 5. หน้าไม้ยักษ์ อยู่บนรถเข็น 6 ล้อ 6. ปืนกล มีล้ากล้องเรียงเป็น 3 แถว ๆ ละ 11 กระบอก รวมทังหมด 33 กระบอก โดยใช้ยิงทีละ แถว เมื่อแถวแรกหมดก็น้าแถวที่ 2 และ 3 ออกมาใช้ การที่ต้องท้าเช่นนีเพราะปืนในสมัยนันบรรจุ ลูกได้เพียงกระบอกละ 1 นัด เท่านัน 7. เรือขุด ใช้หลักการเหมือนกับระหัดเกลียวของอาร์คิมีดีส 8. รถถัง มีลักษณะเป็นรถหุ้มด้วยทรงกรวยคว่้า ด้านล่างติดปืนไว้โดยรอบ 9. เฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์ในปัจจุบัน แต่ในสมัยนันยังไม่มีเครื่องยนต์ ดังนันเลโอนาร์โดจึงออกแบบให้ใช้แรงคนในการหมุนใบพัดขนาดใหญ่ 10. ปั้นจั่น เป็นเครื่องผ่อนแรงใช้ส้าหรับยกของหนัก 11. เรือด้าน้า เขาได้ศึกษาเรื่องนีมาจากปลา 12. รถถัง มีลักษณะคล้ายกับหัวลูกปืน และรอบ ๆ รถมีปืนกลซ่อนอยู่โดยรอบด้วย
อาวุธที่เลโอนาร์โดออกแบบถือว่าเป็นอาวุธที่มีความทันสมัยมาก อีกทังเป็นต้นแบบของอาวุธใน ปัจจุบันด้วย เช่น เฮลิคอปเตอร์ และรถถัง เป็นต้น แม้ว่าอาวุธบางชินที่เลโอนาร์โดออกแบบจะไม่ได้สร้างขึนในสมัยนัน แต่ก็ถือได้ว่า ผลงานด้านวิทยาศาสตร์ ของเขา เป็นงานที่สร้างสรรค์อย่างมาก นอกจากนียังมีแผนการในการท้าสงครามอีกด้วย เมื่อดยุคแห่งมิลานได้อ่านจดหมายฉบับนี จึงเชิญเลโอนาร์โดมายังเมืองมิลาน โดยจัดการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่มิใช่ในฐานะของจิตรกรหรือนักวิทยาศาสตร์ กลับเป็นเพียงนัก ดนตรี และผู้จัดงานนันทนาการ ทังหลาย ซึ่งเขาได้ริเริม่ การแสดงละครสวมหน้ากาก และละครโรงขึน และเลโอนาร์โดต้องการให้ท่านด ยุคยอมรับเขาในฐานะอื่น มากกว่า ซึ่งเขาได้ใช้ความพยายามและความสามารถที่มีอยู่เสนอผลงานต่าง ๆ อยู่เสมอ ต่อมาเมือง มิลานได้เกิดโรคระบาดขึน และมีผู้เสียชีวิตจ้านวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชาชนในเมือง ดังนันเลโอนาร์โดจึงได้เสนอให้ท่านด ยุคปรับปรุงระบบผังเมืองใหม่ เพื่อป้องกันโรคระบาดแพร่กระจาย เขาได้กระจายบ้านเรือนของประชาชนออกไป ขุดคลองเชื่อมต่อ กันเพื่อประโยชน์ในการสุขาภิบาล อีกทังยังออกแบบถนน 2 ชัน ซึ่งท่านดยุคเห็นชอบในข้อเสนอนี และสั่งให้เลโอนาร์โดเป็น ผู้รับผิดชอบในการออกแบบผังเมืองใหม่ นีด้วย ต่อมาท่านดยุคมีโครงการจะสร้างอนุสาวรีย์ของบรรพบุรุษของท่าน คือ ดยุคฟรานเชสโก สฟอร์ซา (Francesco Sforza)
ในลักษณะขี่ม้าขนาดสูงถึง 29 ฟุต และต้องใช้ทองส้าริดหนักถึง 90 ตัน ท่านดยุคได้มอบงานนี ให้เลโอนาร์โดเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เนื่องจากในปี ค.ศ. 1499 อิตาลีได้ท้าสงครามกับฝรั่งเศส และ ทองส้าริดที่จะใช้ในการหล่ออนุสาวรีย์ต้องน้าไปใช้หล่อปืนใหญ่แทน ดังนันเลโอนาร์โดจึงน้ารูปปั้นดินเหนียวของท่านดยุคฟรานเชสโก ไปประดิษฐานไว้บริเวณหน้าประตู พระราชวังแทน แต่เมื่อทหาร ฝรั่งเศสได้ยกกองทัพเข้ามาภายในเมืองมิลานได้ท้าลายอนุสาวรียน ์ ีจนหมดสิน หลังจากเมืองมิลานได้ถูกฝรั่งเศสยึดครองไว้ เลโอนาร์โดได้เดินทางหลบหนีไปอยูท่ ี่เมืองเวนิช (Vanice) และเข้าท้างาน ในโครงการป้องกันภัยทางทะเลให้กับชาวเมืองเวนิช ซึ่งในขณะนันก้าลังถูกโจมตีจากพวกเติร์ก หรือ ชาวตุรกี และในการท้างาน ครังนีเขาได้ออกแบบชุดมนุษย์กบโดยมีเครือ่ งครอบศีรษะ และรองเท้าที่ช่วยในการว่ายน้าให้เร็วขึน หรือที่เรียกว่า ตีนกบ ซึ่งใช้ กันมาจนทุกวันนี นอกจากนีเขายังท้าการค้นคว้าและทดลองเกี่ยวกับการบิน โดยเลโอนาร์โดได้ศึกษาเรื่องนี จากนกและได้สร้างปีกนกขนาดใหญ่ ขึน โดยเลียนแบบจากปีกที่ท้าหน้าที่ในการบินของนก โครงของปีกท้าด้วยไม้และบุด้วยผ้าบาง ๆ และขนสัตว์ เมื่อสร้างส้าเร็จเขาได้น้า ไปทดลองขึนบินแต่ไม่ประสบความส้าเร็จ เพราะเมื่อขึนบินโดยลูกศิษย์ของเขา โซโรอาสเต เดอ เป เรโตโล ปรากฏว่าไม่สามารถบินได้ และตกลง ท้าให้เปเรโตโลได้รับบาดเจ็บขาหัก เลโอนาร์โดอยู่ที่เมืองเวนิชได้ไม่นานก็เดินทางไปเมือง ฟลอเรนซ์ ในระหว่างนีเขาได้รับ ความล้าบากในเรื่องเงินทองอย่างมาก ซึ่งท้าให้เขาต้องรับจ้างวาดภาพเพื่อหาเงินเลียงชีพไปวันหนึ่ง ๆ เท่านัน
เขาได้สร้างผลงานทางด้านศิลปะอันทรงคุณค่าของเขาทัง 2 ชิน ได้แก่ ภาพอาหารมือสุดท้าย (The Last Supper) ในระหว่างปี ค.ศ. 1495 - 1497 บนฝาผนังยาว 30 ฟุต สูง 14 ฟุต ของโบสถ์ซานตา มาเรีย เดลลา เกรซี (Santa Maria Della Grazie) ด้วยสีฝุ่นผสมน้ามันลงไปขณะทีป ่ ูนยังเปียกอยู่ ซึ่งเขาเพิ่งทดลองเขียนเป็นครังแรก ภาพ นีเป็นภาพเกี่ยวกับพระเยซูพร้อม กับสาวก 12 คน ขณะรับประทานอาหารมือสุดท้ายอยู่ ต่อมากษัตริย์ ์ฝรั่งเศสได้ทรง ทอดพระเนตรภาพนีและรู้สึกประทับใจมากและมีค้าสั่งให้น้าภาพนีกลับฝรั่งเศสด้วย ปัจจุบันภาพนี แสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีกภาพหนึ่งเขาวาดในปี ค.ศ. 1500 ชื่อว่า โมนา ลิซ่า (Mona Lisa) หรือลาโจคอนดา ซึ่งเป็นชือ่ ของหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นแบบ ในการ วาดรูป ภาพนีเป็นภาพเขียนสีน้ามัน เป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรอยยิมอันน่าประทับใจ นอกจากงานทังหมดที่ได้กล่าวไปแล้ว เลโอนาร์โดได้สร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ขึนอีกหลาย ชิน ได้แก่ ผลงานทางด้าน ดารา ศาสตร์ เขาถือได้ว่าเป็นนักดาราศาสตร์คนหนึ่งที่เชื่อถือในทฤษฎีดวงอาทิตย์เป็น ศูนย์กลาง ของจักรวาลซึ่งคนในยุคนัน ยังเชื่อถือในทฤษฎีของอาริสโตเติลที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เลโอนาร์โดได้ประดิษฐ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ขึนมาชินหนึ่ง เรียกว่า ไฮโกรมิเตอร์ (Hygrometer) ใช้ส้าหรับวัด ความชืนในอากาศ และตาชั่งอีกทังยังเป็นผู้ค้นพบ พลังงานไอน้า เขาได้ท้าการทดลองโดยการน้า ภาชนะใส่น้าแล้วผิดสนิทและ น้าไปต้ม ผลปรากฏว่าภาชนะนันระเบิดออกมาด้วยแรงดันของไอนา้ ในปี ค.ศ. 1506 เลโอนาร์โดได้รับเชิญจากพระราชส้านักพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 (King Louis XII) แห่งฝรั่งเศส ให้ด้ารง
ต้าแหน่งวิศวกร และจิตรกรประจ้าราชส้านัก ในช่วงบันปลายชีวิตของเลโอนาร์โดได้พ้านักใน คฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมืองอัมบัวส์ ของกษัตริย์ฝรั่งเศสองค์ใหม่ พระเจ้าฟรังซัวส์ที่ 1 (King France I) ในปี ค.ศ. 1518 เขาได้ล้ม ป่วยด้วยโรคอัมพาตที่แขนขวา และเสียชีวิตในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 ที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส
“พระเยซูรับศีลจุ่ม” The Baptism of Christ เลโอนาร์โด ดา วินชี ค.ศ. 1472 - ค.ศ. 1475 ภาพเขียนสีน้ามันบนไม้ 177 × 151 cm หอศิลป์อุฟฟิซิ, ฟลอเรนซ์
เยซูรับศีลจุ่ม (The Baptism of Christ) เป็นภาพเขียนสีน้ามันที่เขียนโดยอันดรีย เดล เวอร็อคคิ และห้องเขียนภาพเวอร็อคคิเป็นจิตรกรสมัยเรอเนซองส์ชาวอิตาลี
ภาพเขียนปัจจุบันตังแสดงอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิ, ฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี
เวอร็อคคิ โอเขียนภาพ “พระเยซูรับศีลจุ่ม” เสร็จราวปี ค.ศ. 1475 เป็นภาพที่ได้รับจ้างโดยวัดซาน ซาลวิในฟลอเรนซ์ และตังอยู่ที่วัดจนปี ค.ศ. 1530
เป็นภาพที่เขียนในห้องเขียนภาพของอันดรีย เดล เวอร็อคคิโอ ที่เห็นลักษณะการเขียนได้จากพระ วรกายของพระเยซู และนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์
ชื่อ เสียงของภาพอยู่ที่ผู้ช่วยเวอร็อคคิโอเขียนภาพ เทวดาผมสีทองทางด้านซ้ายเป็นงานเขียนของเล โอนาร์โด ดา วินชี ผู้ที่ท้างานอยู่กับเวอร็อคคิโอราวปี ค.ศ. 1470
นักวิจารณ์ศิลปะบางคนกล่าวว่า เทวดาองค์ที่สองวาดโดยจิตรกรฟลอเรนซ์ซานโดร บอตติเชลลี
ภาพเขียนแสดงภาพของนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ เทน้าบนพระเศียรพระเยซูในการท้าพิธีศีลจุ่ม
ด้าน บนสุดของภาพ เป็นภาพมือของพระเจ้ายื่นลงมา และพระจิตที่กางปีกเหนือพระเศียรพระเยซู และรัศมีกางเขนที่แสดงว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า และส่วนหนึ่งของตรีเอกานุภาพ
เทวดาสององค์ริมแม่น้า ถือฉลองพระองค์ของพระเยซู การวางรูปโดยทั่วไป ว่าสร้างโดยเวอร็อคคิโอ ผู้เป็นครูและเจ้าของห้องเขียนภาพ และถือว่าเป็นงานชินเอกชินหนึ่งของเวอร็อคคิโอ
“การประกาศของเทพ” Annunciation เลโอนาร์โด ดา วินชี ค.ศ. 1472 - ค.ศ. 1475 ภาพเขียนสีน้ามันบนไม้ 97 × 217 cm หอศิลป์อุฟฟิซิ ฟลอเรนซ์
การประกาศของเทพ (Annunciation) เป็นภาพเขียนสีน้ามันที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชีจิตร กรสมัยเรอเนซองส์ชาวอิตาลี ที่ปัจจุบันตังแสดงอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิ ฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี
เลโอนาร์โดเขียนภาพ “การประกาศของเทพ” ระหว่างปี ค.ศ. 1472 ถึงปี ค.ศ. 1475 เป็นภาพการ ประกาศของเทวดาเกเบรียล ต่อเวอร์จินแมรีว่าจะทรงให้ก้าเนิดแก่พระเยซู เป็นฉากที่ดา วินชีตังใน ลานในสวนในวิลลาที่ฟลอเรนซ์
เทวดาถือดอกลิลลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ของพระแม่มารี กล่าวกันว่าปีกที่วาดดาวิน ชิวาดจากปีกของนกที่ก้าลังบิน แต่ปีกถูกวาดให้ยาวขึนโดยจิตรกรรุ่นต่อมา
เมื่อหอศิลป์อุฟฟิซิได้ ภาพมาในปี ค.ศ. 1867 จากส้านักสงฆ์ซานบาร์โทโลเมโอ แห่งมอนเตโอลิเวโต ไม่ไกลจากฟลอเรนซ์ เป็นภาพที่ระบุว่าวาดโดยโดเมนนิโค เกอร์ลันเดา ที่เหมือนกับดา วินชี ที่ ฝึกงานกับอันดรีย เดล เวอร์ร็อคคิโอ ในปี ค.ศ. 1869
นักวิจารณ์ศิลปะบางคนเห็นว่าเป็นงานของดา วินชีเมื่อเพิ่งเริ่มเขียน
เวอร์ ร็อคคิโอใช้สีที่มีตะกั่วและฝีแปรงที่หนัก และทิงจดหมายไว้ไห้ดา วินชี เขียนฉากหลังและเทวดา ให้เสร็จ ดา วินชีใช้ฝีแปรงที่เบากว่าและสีที่ไม่มีตะกั่ว เมื่อเอ็กซเรย์ภาพงานของเวอร์โรชชิโอ เห็นได้ ชัดขณะที่งานของดา วินชีไม่ปรากฏ
โต๊ะหินอ่อนหน้าพระแม่มารีอาจจะเป็นที่เก็บศพของเปีย โร ดิ โคสิโม เดอ เมดิชิในบาซิลิกาซานโลเร็น โซที่เวอร์โรชชิโอก้าลังแกะอยู่ในช่วงนัน
“พระแม่มารีกับดอกคาร์เนชั่น” Madonna of the Carnation เลโอนาร์โด ดา วินชี ค.ศ.1478 - ค.ศ.1480 ภาพเขียนสีน้ามันบนแผง 47.5 × 62 cm พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดิม มิวนิค
พระ แม่มารีกับดอกคาร์เนชั่น หรือ พระแม่มารีกับแจกัน หรือ พระแม่มารีกับพระบุตร (Madonna of the Carnation หรือ Madonna with vase หรือ Madonna with child) เป็นภาพเขียนสี น้ามันที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนส้าคัญชาวอิตาลี
ที่ปัจจุบันตังแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดิม มิวนิคในประเทศเยอรมนี ตังแต่ปี ค.ศ.1889 หลังจาก อยู่ในมือผู้สะสมส่วนบุคคล
ดา วินชี เขียน “พระแม่มารีกับดอกคาร์เนชั่น” ราวระหว่างปี ค.ศ. 1478 ถึงปี ค.ศ. 1480 ซึ่งเป็น สมัยเรอเนซองส์ตอนต้น
ใจ กลางภาพเป็นพระแม่มารีและพระบุตรบนพระเพลา มารีทรงแต่งองค์ด้วยเครื่องทรงที่หรูหราและ ทรงสวมอัญมณี ในพระหัตถ์ซ้ายทรงถือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งตีความหมายว่าเป็นสัญลักษณ์ของการ หายจากความเจ็บป่วย
พระพักตร์ ของพระองค์ฉายด้วยแสงที่สว่างกว่าส่วนอื่นๆ ของภาพ เช่นดอกคาร์เนชั่นที่บังอยู่ในเงา พระบุตรทรงแหงนมองมาทางพระพักตร์พระมารดาขณะที่พระมารดาทรงมองสวนลงมา
แต่มิได้ทรงสบพระเนตรกัน ตัวแบบนั่งอยู่ในห้องที่มีหน้าต่างสองบานสองข้าง
เดิมเชื่อกันว่าเป็นภาพที่เขียนโดยอันดรีย เดล เวอร์โรชชิโอ แต่นักประวัติศาสตร์ศิลปะตกลงกันว่า เป็นงานของ ดา วินชี
พระ แม่มารีและพระบุตร เป็นหัวเรื่องของศิลปะคริสต์ศาสนาที่นิยมเขียนกันในยุคกลาง ภาพเขียนนี เป็นภาพเดียวของเลโอนาร์โด ดา วินชี ที่ตังแสดงอย่างถาวรในประเทศเยอรมนี
“พระแม่มารีเบนัวส์” Benois Madonna เลโอนาร์โด ดา วินชี ค.ศ. 1478 ภาพเขียนสีน้ามัน 49.5 × 33 cm พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจ, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย
พระแม่มารีเบนัวส์ หรือ พระแม่มารีและพระบุตรกับดอกไม้ (Benois Madonna หรือ Madonna and Child with Flowers) เป็นภาพเขียนสีนา้ มันที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรสมัยเรอเนซองส์ชาว อิตาลี
ที่ปัจจุบันตังแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจ ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย
“พระ แม่มารีเบนัวส์” อาจจะเป็นหนึง่ ในงานเขียนพระแม่มารี ที่เลโอนาร์โดกล่าวถึงในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1478 อีก ภาพหนึ่งอาจจะเป็นภาพ “พระแม่มารีกับดอกคาร์เนชั่น” ที่หอศิลป์เก่าที่มิวนิค
อาจจะเป็นไป ได้ว่า “พระแม่มารีเบนัวส์” เป็นงานเขียนชินแรกที่เขียนหลังจากที่ เป็นอิสระจากอันดรีย เดล เวอร์โรชชิโอ งานร่างสองชินของภาพนีเป็นของพิพิธภัณฑ์บริตชิ
รอยยิมที่ไม่เผยอริมฝีปาก ท้าให้นา่ สันนิษฐานกันได้ว่าเป็นงานเขียนที่ยงั ไม่เสร็จเช่นภาพเขียนอื่นๆ ของเลโอ นาร์โด
องค์ ประกอบของภาพ “พระแม่มารีเบนัวส์” เป็นองค์ประกอบที่เป็นที่นิยมที่สุดอันหนึง่ ของเลโอนาร์โดทีจ่ ติ ร กรคนอืน ่ เลียนแบบกันอย่างแพร่หลาย รวมทังราฟาเอลที่เขียนภาพที่คล้ายคลึงกันชือ่ “พระแม่มารีสีชมพู” ภาพ “พระแม่มารีเบนัวส์” หายไปอยู่หลายร้อยปี จนในปี ค.ศ. 1909 เมื่อสถาปนิกลิออง เบนัวส์ (Leon Benois) น้าไปแสดงเป็นส่วนหนึง่ ของงานสะสมของพ่อตา ที่เซนต์ปเี ตอร์สเบิรก ์ ภาพ เขียนถูกน้าจากอิตาลีไปรัสเซีย โดยอเล็กซานเดอร์ คอร์ซาคอฟ ในคริสต์ทศวรรษ 1790 เมื่อคอร์ซา คอฟเสียชีวิต ลูกชายก็ขายให้กบั พ่อค้าอัสตราคาน (Astrakhan) เป็นจ้านวน 1400 รูเบิลส์
และในที่สุดก็ผ่านมาเป็นของ ครอบครัวเบนัวส์ในปี ค.ศ. 1880 หลังจากถกเถียงกัน เรื่องใครเป็นผู้เขียนที่ แท้จริงอยู่เป็นนาน ลิอองก็ขายภาพให้กบั พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจในปี ค.ศ. 1914 ตังแต่นนมาภาพเขี ั ยนก็ตงแสดงอยู ั ่ที่นน ั่
Ginevra de Benci Leonardo da Vinci Tempera and oil on panel, 15 x 14 1/4 in., 38.5 x 36.7 cm Washington, National Gallery of Art
Ginevra De' Benci ภาพนีเป็นงาน Portrait ช่วงแรกๆของ "Da vin Ci" ที่เขาได้ใช้เทคนิคเกี่ยวกับแสง ที่ชื่อ ว่า "Chiaroscuro" เข้ามาในงานของเขา การที่เขาใช้เทคนิคนีนันมันได้ทา้ ให้ภาพคนในงานชินนีนัน ดูนน ู ขึนมา และดูมีมิตมิ ากขึนคล้ายๆ กับว่าเราสามารถมองดูคนในภาพได้รอบๆตัว ราวกับว่าเป็นงานประติมากรรม ที่ สามารถดูได้ทัง 3 มิติ รูปคนจะดูลอยนูนขึนมาจากพืนผิวของ Canvas อย่างเห็นได้ชัดเขาได้ท้าการผสมผสาน ความแตกต่างเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว และน่าทึ่ง เช่นความมันเงา เวาวาว ใสตรงบริเวณรอนผมที่หยิกเข้ากับ ความมืดมนไม่สดใสตรงบริเวณ ใบของต้นสน สิง่ ที่เป็นหัวใจในงานของ Da Vin ci นันก็คือ สิง่ ที่ Da vin Ci เคย พูดและบันทึกไว้ใน Notebook ของเขาว่า "จิตรกรนันควรมีเป้าหมายหลักประการแรกก็คือ การท้าพืนผิวภาพ ที่ แบนให้ดูมรี ูปร่างที่หนานูนขึนมาเป็น 3 มิติโดยให้หลุดออกมาจากพืนหลัง ด้วยการใช้แสงและเงา ความมืด กับ ความสว่าง และ Leonardo นันเขาเชื่อว่า ความงาม ความวิเศษ และ สุนทรีย์ของภาพเขียนที่ดีเยี่ยมนัน ไม่ได้อยูท่ ี่ การใช้สีที่สดใสเพียงอย่างเดียว โดยลืมการที่จะท้าให้ภาพนันนุนขึนมาดูเป็น 3 มิติ ด้วยแสง และเงา ซึ่งสีที่สดใส เพียงอย่างเดียวนันไม่สามารถ ที่จะท้าให้ภาพๆนันเป็นภาพที่ดีและมีมิติได้ " ทฤษฎีสิ่งที่ Leonardo Da vin Ci พูดไว้และบันทึกไว้ นีมันได้ปรากฏอยู่ในภาพเขียนของเขาทุกๆภาพและ สิ่งนี เองที่ท้าให้งานของ Da vin Ci ยิ่งใหญ่ งดงาม ซึ่งแม้แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถ ลบเลือนความ อัจฉริยะในตัว ของ คนที่ชื่อ "Leonardo Da Vin ci" ไปได้แม้แต่เสี่ยววินาที แสง และ สี ในทฤษฎีของ Da Vin Ci จริงๆแล้ว Leonardo นันเขาศึกษาเรื่องแสงควบคู่ไปกับสีเสมอสิง่ ที่เขาสังเกตุเห็นคือ การที่แสงท้าให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงสีในภาพเขียนจึงได้สูตรที่เรียกว่า "Aerial Perspective" สูตรนีนันอธิบายได้ว่า สีตา่ งๆจะมัว หรือ อ่อนจางลงไปเมื่อล้าแสง ส่องผ่านอะไรๆในอากาศ ความเข้มจัดของสีที่ลดลงทุกที ตามระยะทางที่หา่ งออกไป จาก สมุดบันทึกของLeonardoนันเขาจะท้าการแบ่งประเภทของแสง โดยเขาให้ความส้าคัญ กับแสง 3 ประเภทคือ 1 แสงแบบ Universal Light 2 แสงแบบ Specific Light 3 แสงแบบ Reflected Light จากการที่เขา แบ่งสีออกเป็นประเภทต่างๆได้นัน ท้าให้ Leonardo พบข้อสรุปเกีย่ วกับแสง และสีได้ว่าเราไม่มีวันที่ จะเห็นสีแท้ของวัตถุได้ เนื่องจากมีแสงสะท้อนจากสิง่ อื่นๆรอบข้าง รวมทังสีของอากาศที่อยู่ระหว่างตาของผู้ดู ท้าให ้สีแท้ของวัตถุเกิดการเปลี่ยนแปรทังสอง สิ่งนีคือหัวใจของทฤษฏีแสงและสีของ Leonardo ที่เขาได้ใช้ในงาน ของเขาเกือบทุกชิน จนประสบความส้าเร็จในงานของเขามาแล้วนั่นเอง
โทเบียสและเทวดา (Tobias and the Angel) ค.ศ. 1470–ค.ศ. 1480 สีฝุ่นบนไม้พอพพลา หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอน
อันเดรีย เดล เวอร์ร็อคคิโอและห้องเขียนภาพ (รวมทังเลโอนาร์โด?) ภาพเขียนโดยเวอร์ร็อคคิโอเมื่อเลโอนาร์โดท้างานในห้องเขียนภาพมาร์ติน เค้มพ์ (Martin Kemp) เสนอว่าเลโอนาร์โดอาจจะเขียนบางส่วน, ที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดก็คือปลา เดวิด แอแล็น บราวน์แห่ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่าอาจจะวาดสุนัขด้วย
Saint Jerome ประมาณปี 1480 Tempera and oil on panel, 40 1/8 x 29 1/4 in., 103 x 75 cm Rome, Musei Vaticani, Pinacoteca Vaticana
ภาพ “ นักบุญเจโรม ” ( St. Jerome ) ชินนี ลีโอนาร์โด ดา วินซี ได้เขียนขึนในช่วง ค.ศ. 1480 ขณะพ้านักอยู่ในนครฟลอเรนซ์ ขณะนันเลโอนาร์โดอายุได้ 30 ปี เป็น ภาพเขียนสีน้ามันขนาด 41 1/5 นิว x 30 นิว ปัจจุบันอยู่ในหอศิลปกรรมวาติกัน กรุง โรม และภาพนีเป็นภาพที่เขียนค้างไว้ยังไม่เสร็จ
THE ADORATION OF THE MAGI (เดอะ อะดอร์เรชัน ่ ออฟ เดอะ เมไจ) 1481 - 1482 อยูใ่ น พิพธิ ภัณฑ์ อุฟฟิซี่ (Uffizi) Florence 246 x 243 cm
The Adoration of the magi เป็นภาพร่างส้าหรับ ภาพเขียนทีส่ งั่ โดยส้านักบาทหลวง ในฟลอเรนซ์ ตามทีน ่ ก ั วิชาการเชือ่ กันภาพวาดนี เป็นสุดยอดของเลโอนาร์โดก่อนทีเ่ ขา จะย้ายไปอยูท่ มี่ ลิ าน
พระแม่มารีให้นม (Madonna Litta) คศ. 1490 สีนา้ มันบนผ้าใบ (transferred from panel) 42 x 33 ซม พิพธิ ภัณฑ์เฮอร์มทิ าจ, เซนต์ปเี ตอร์สเบิรก ์ , ประเทศรัสเซีย
พระแม่มารีให้นม (ภาษาอังกฤษ: Madonna Litta) เป็นภาพเขียนสีนา้ มันทีเ่ ขียนโดยเล โอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรสมัยเรอเนซองส์ชาวอิตาลี ทีป่ จั จุบน ั ตังแสดงอยูท่ พ ี่ พ ิ ิธภัณฑ์ เฮอร์มทิ าจในกรุงเซนต์ปเี ตอร์สเบิรก ์ ในสหพันธรัฐรัสเซีย
เลโอนาร์โดเขียนภาพ “พระแม่มารีให้นม” ราวปี ค.ศ. 1490 เป็นภาพทีพ ่ ระแม่มารีกา้ ลัง ให้นมแก่พระบุตร แต่ทา่ ทางเก้งก้างของพระบุตรท้าให้นก ั วิชาการบางท่านสันนิษฐานว่า บางส่วนของ ภาพอาจจะเขียนโดยโบลทราฟฟิโอผู้ เป็นลูกศิษย์ของดา วินชี อีกข้อหนึง่ ทีท่ ้าให้สน ั นิษฐานว่าดา วินชีให้ลูกศิษย์เขียนให้เสร็จคือจากเส้นของของพระแม่มารีและ พระบุตรดูแข็ง กว่างานอืน ่ ของดา วินชี และฉากหลังทีเ่ รียบ
ภาพ “พระแม่มารีให้นม” เป็นภาพทีเ่ ขียนให้กับตระกูลวิสคอนติประมุขแห่งมิลาน ต่อมา ตกไปเป็นของตระกูลลิตตาทีเ่ ป็นเจ้าของต่อมาอีกหลายร้อยปี ในปี ค.ศ. 1865, ซาร์อ เล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งรัสเซียซือจากเคานท์ลต ิ ตา และเก็บภาพไว้ที่พพ ิ ธิ ภัณฑ์เฮอร์มทิ าจ ทีเ่ ป็นทีต ่ งของภาพมาจนกระทั ั ง่ ทุก วันนี ภาพเขียนปรากฏในภาพยนตร์ รหัสลับดาวินชี
MADONNA OF THE ROCK (VIRGIN OF THE ROCK) 1483-1486 ขนาด 199 x 122 cm
มี 2 แบบ ของเลโอนาร์โด แบบหนึ่ง อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ลูฟร์ (louvre) อีกแบบ หนึ่ง อยู่ ที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในลอนดอน (National Gallery, London)
เมื่อ เวลาผ่านไป ต้นฉบับถูกมอบให้คนอื่น ว่ากันว่าเป็นผู้ปกครองมิลาน ลูโดวิโค่ สฟอร์ ซา (Ludovico Sforza) ได้มอบให้กับกษัตริย์ของฝรั่งเศสหรือจักรพรรดิของเยอรมัน ซึ่งเป็นภาพที่อยู่ในลูฟร์
ผลงานจิตรกรรมของเลโอนาร์โดที่มีลักษณะ การจัดองค์ประกอบเหมือนกันมากทัง ๒ ชินนี ยังมีรูปร่างของชินงานเหมือนกันมากด้วย กล่าวคือ เป็นภาพแนวตังโดยด้านบน เป็นรูปโค้ง ส่วนขนาดของภาพก็ใกล้เคียงกันมาก กล่าวคือ ภาพที่อยู่ใน พิพิธภัณฑสถานลูฟร์มีขนาด ๑๙๕x๑๒๐ ซม. ส่วนภาพที่อยู่ในศิลปแห่งชาติมีขนาด ๑๘๗x๑๑๗ ซม. ถือว่ามีขนาดต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านัน
The Virgin of the Rocks 1503-1506 Oil on wood 189.5 x 120 cm (6 x 4 ft.) National Gallery, London
สิ่งที่ต่างกันมากก็คือกาลเวลาที่เขียนกับวัยของ ศิลปินผู้เขียน กล่าวคือ ภาพที่อยู่ใน พิพิธภัณฑสถานลูฟร์นันศิลปินเลโอนาร์โดเขียนขึนเมือ่ ปี ค.ศ.๑๔๘๓ ขณะยังเป็นหนุม่ แน่นอายุราว ๓๑ ปี และอาจเขียนขึนก่อนเดินทางออกจากนครฟลอเรนซ์ไม่นานนัก หรืออาจเขียนขึนในทันทีที่ไปถึงนครมิลานก็เป็นได้ ส่วนภาพที่อยู่ในหอศิลปแห่งชาตินน ั เลโอนาร์โดเขียนขึนในนครมิลานและเขียนขึนหลังจากนันมานานถึง ๒๓ ปี นั่นคือเขียน เมื่อปี พ.ศ.๒๐๔๙ (ค.ศ.๑๕๐๖) ขณะเป็นศิลปินหนุ่มใหญ่วัย ๕๔ ปี และมีชีวิตอยู่เป็น สุขดีในนครมิลาน
ภาพเหมือนนักดนตรี (Portrait of a Musician) ค.ศ. 1490 ภาพเขียนสีนา้ มันบนไม้ 45 x 32 ซม พิพธิ ภัณฑ์อมั เโบรเซียนนา, มิลาน
ภาพนีจริงๆ แล้วก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า เป็นฝีมือของดา วินชี่หรือไม่ บางก็สันนิษฐานว่า เป็นงานที่ดา วินชี่ท้าไม่เสร็จ แต่มาส้าเร็จในยุคของลูก ศิษย์ก็มี
หญิงงามแห่งแฟรโรนิแยร์
(La Belle Ferronière) ค.ศ. 1490–1496 ภาพเขียนสีนา้ มันบนไม้ 62 x 44 ซม พิพธิ ภัณฑ์ลฟ ู ร์, ปารีส, ประเทศฝรัง่ เศส
La Belle Ferronière เป็นภาพวาดด้วยสีนา้ มันบนแผ่นไม้ ปัจจุบน ั เก็บรักษาทีพ ่ ิพธิ ภัณฑ์ลฟ ู ว์ ประเทศ ฝรัง่ เศส ภาพนีมีการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น Lucrezia Crivelli คนรักของลูดาวิโค สฟอร์ซา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มนี ก ั วิชาการท่านใด ยืนยันแบบฟันธงลงไปในว่า ผูห้ ญิงในภาพนี คือใครกันแน่
ยังมีการสันนิษฐานกันอีกว่า ค้าว่า La Belle Ferronière เป็นชือ่ เล่นทีพ ่ ระเจ้าอองรีที่ 2 ของฝรัง่ เศส ใช้เรียกชือ่ พระสนมคนโปรด ก็อาจจะเป็นไปได้วา่ เธอก็คอื อิสซาเบลลาแห่งอารากอน แล้วก็ยงั เป็นทีร่ ก ู้ น ั ดีอก ี ว่าในบันทึกประวัตชิ วี ิต เลโอนาร์โด วาดรูป Lucrezia Crivelli และผูห้ ญิงในภาพนี น่าจะเป็นเธอผูน ้ น ั
นา้ หนักทีท่ า้ ให้การสันนิษฐานโน้มเอียงไปทาง Lucrezia Crivelli อีกอย่างหนึง่ ก็คอื สร้อยคาดศีรษะครับ ในช่วงเวลานันเป็นแฟชันที่กา้ ลังฮิตกันในเมืองฟลอเรนซ์ในช่วง นันเอง
ยุทธการอันเกียริ
(The Battle of Anghiari) ค.ศ. 1505
งานจิตรกรรมฝาผนังที่ยังเหลืออยู่ของเลโอนาร์โดพบใน Salone dei Cinquecento ในพาลัซโซเวคคิโอ (Palazzo Vecchio) ที่ฟลอเรนซ์ “ยุทธการอันเกียริ” โดย ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ ชอล์คด้า, หมึกเน้นด้วยสีขาวตะกั่ว เขียน พิ่ม (over-paint) ด้วยสีน้า 54.2 x 63.7 ซม พิพิธภัณฑ์ลูฟร
เลดาและหงส์
(Leda and the Swan) 1508
ภาพเขียนนีมีดว้ ยกัน 8 กอปปีท้ รี่ วมทัง เซซาเร เชสโต, “เลดาและหงส์” สีนา้ มันบนไม้, 69.5 x 73.7 ซม คฤหาสน์วลิ ตัน, วิลท์ เชอร์, อังกฤษ นิรนาม, “เลดาและหงส์” สีฝน ุ่ บนไม้, 115 x 86 ซม แกลเลอรี บอร์เกเซ, โรม, อิตาลี
โมนาลิซา (อังกฤษ: Mona Lisa) ลาโชกงด์ (ฝรัง่ เศส: La Gioconda, La Joconde) สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร
วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปี พ.ศ. 2050 (ค.ศภาพโมนาลิซา่ นีถูกวาดโดย ดา วินชี ตังแต่ปี พ.ศ. 2046 ถึง พ.ศ. 2050 ใช้เวลานานถึง 4 ปีในการวาด1507) ในปี ค.ศ. 1516 (พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นา้ ภาพจากอิตาลีไปทีฝ ่ รัง่ เศส ด้วยพระราช ประสงค์ของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ที่ทรงปรารถนาทีจ่ ะให้ศลิ ปินทังหลายมารวมตัวท้างานกันที่ Clos Lucé ใกล้กบ ั ปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระองค์อก ี ด้วย หลังจากนันพระองค์ก็ทรงซือภาพโมนาลิซา่ ในราคา 4,000 เอกือ