โครงการเสวนาเพื่อพัฒนาองคกรอัยการ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ การบรรยายธรรม เรื่อง
“ธรรมะสําหรับขาราชการ” โดย
พระไพศาล วิสาโล เจาอาวาสวัดปาสุคะโต อําเภอแกงครอ จังหวัดชัยภูมิ วันจันทรที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๖ ณ หองประชุม ๓๐๒ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนยราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา จัดโดย สํานักงานคดีอาญา สํานักงานวิชาการ สํานักงานคดีปกครอง สถาบันพัฒนาขาราชการฝายอัยการ สํานักงานนโยบาย ยุทธศาสตร และงบประมาณ และสํานักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
“ธรรมะสําหรับขาราชการ” โดย พระอาจารยไพศาล วิสาโล นายสายันต สุโขพืช อัยการจังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุด: ขอตอนรับ ผูมีจิตอันเปนกุศล ขออนุญาตนําเรียนเกี่ยวกับโครงการนี้ ซึ่งทานอัยการสูงสุด ไดอนุมัติเปนโครงการประชุมเพื่อถายทอดองคความรูเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ผานระบบประชุมทางไกลผานสื่ออิเล็กทรอนิกส (โครงการเสวนาเพื่อพัฒนาองคกร อัยการ) ซึง่ การดําเนินการของโครงการนีใ้ นปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จะดําเนินการ ทั้งหมด ๖ ครั้ง และตอนนี้ไดดําเนินการไปแลวทั้งหมด ๔ ครั้ง ครั้งที่ ๑ สํานักงาน นโยบาย ยุทธศาสตร และงบประมาณ เปนหนวยงานรับผิดชอบไดจัดสัมมนา เผยแพรความรูเรื่องประสบการณของเกาหลีในการปราบปรามองคกรอาชญากรรม ขามชาติ กิจกรรมเสวนาครั้งที่ ๒ สํานักงานวิชาการเปนหนวยงานผูรับผิดชอบใน การจัดในหัวขอบทบาทของพนักงานอัยการในคดีปุยปลอม ซึ่งไดมีการศึกษาการ แกไขปญหาความเดือดรอนของเกษตรกร การเสวนาครั้งที่ ๓ สํานักงานคดีปกครอง เปนหนวยงานรับผิดชอบหลักไดจัดเสวนาในหัวขอผลกระทบของการเคลื่อนยาย แรงงานโดยเสรี สวนการเสวนาครั้งนี้เปนครั้งที่ ๔ ซึ่งสํานักงานนโยบาย ยุทธศาสตร และงบประมาณ เปนหนวยงานผูรับผิดชอบหลัก ไดรวมกับคณะทํางานโครงการ สงเสริมคุณภาพชีวิตในการทํางานของสํานักงานอัยการสูงสุดและโครงการราชการ ใสสะอาด ไดรว มกันนิมนตพระอาจารยไพศาล วิสาโล ซึง่ ทานเปนเจาอาวาสวัดปาสุคะโต อํ า เภอแก ง คร อ จั ง หวั ด ชั ย ภู มิ มาบรรยายธรรมในหั ว ข อ “ธรรมะสํ า หรั บ ข า ราชการ” ซึ่ ง ในการบรรยายครั้ ง นี้ จ ะมี ก ารถ า ยทอดระบบทางไกลผ า นสื่ อ งานเผยแผ พระพุกสทธศาสนาเนื ่องในวัไปทั นมาฆบู า ประจํ าป งพระพุ กราช ๒๕๕๕ อิเล็กทรอนิ ซึ่งมีการเผยแพร ่วสํานักชงานอั ยการสู สุด ซึ่งทจุธศั ดใหญ ๆ ในเขต ฉลองพุทธชยั ๒๖๐๐ ป แห่องาคารรั การตรัชสดาภิ รูของพระพุ ทธเจากเมือง และ กรุงเทพมหานคร จะมีนกตีารถ ายทอดไปที เษก อาคารหลั ที่ศูนยราชการ สําหรับทานที่จะบริจาคทําบุญรวมกันครั้งนี้เรามีกลองบริจาคอยูทาง ด าพินหน า และในห สํ า หรั บ เอกสารมี นวน ๒ เรื่ องง ประเทศไทย เป น บทความของ มพเผยแพร โดย อ: งสภาองค กรพระพุจทํ าธศาสนาแห
บทเจริญพระพุทธมนต
๔
พระอาจารย เรือ่ งแรกเปนความสุขทีแ่ ทจริงเปนอยางไร ทุกทานคิดวาคนเราบางครัง้ มีเงินมีทองมากมายมหาศาล แตใชวาจะมีความสุขที่แทจริงได ซึ่งถาทานอาน บทความนี้แลวจะพบวาความสุขที่แทจริงเปนอยางไร สวนบทความที่ ๒ จะเปน บทความ “ความสุขที่ถูกมองขาม” ก็เปนบทความอีกชิ้นหนึ่งของพระอาจารย ตอนนี้พระอาจารยไดมาแลวขอเตรียมตัวรับฟงการบรรยายธรรมจากพระอาจารย นายวิ ชิ ต แก น กํ า จร อั ย การอาวุ โ ส ผู ดํ า เนิ น รายการ: กราบนมั ส การท า น พระอาจารยไพศาล วิสาโล กระผมนายวิชิต แกนกําจร อัยการอาวุโส สํานักงาน อัยการพิเศษฝายบริหารจัดการความรู สํานักงานวิชาการ สํานักงานอัยการสูงสุด ไดรับมอบหมายใหเปนผูดําเนินรายการ และกราบสวัสดีผูชมและผูฟงที่อยูในหองนี้ ตลอดจนท า นที่ อ ยู อ าคารรั ช ดาภิ เ ษกและที่ อ ยู ห ลั ก เมื อ ง ตลอดจนสํ า นั ก งาน ทั่วประเทศที่รับชมรายการของเราผานทางเว็บไซต www.ago.go.th โครงการนี้ เปนโครงการเสวนาเพื่อพัฒนาองคกรอัยการ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ สําหรับหัวขอในวันนี้ เราจะนําเสนอทานในเรื่องของธรรมะสําหรับขาราชการ สวนผูที่เปนองคปาฐกหรือ ผูที่จะมาเทศนาใหเราฟงในวันนี้ก็คือทานพระอาจารยไพศาล วิสาโล กระผมขอ อนุญาตกลาวแนะนําประวัติพระอาจารย ดังนี้ พระอาจารยเปนชาวกรุงเทพ เกิดเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๐ ทานสําเร็จการ ศึ ก ษาชั้ น มั ธ ยมศึ ก ษาป ที่ ๕ จากโรงเรี ย นอั ส สั ม ชั ญ และสํ า เร็ จ การศึ ก ษาชั้ น อุดมศึกษาจากคณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ทานพระอาจารยมีความ สนใจในทางพุทธศาสนามาตั้งแตเมื่อทานมีอายุได ๑๕ ป โดยทานไดอานงานเขียน ของทานพุทธทาสภิกขุและมีความเลื่อมใสและไดรับการปลูกฝงในทางพุทธศาสนา ตั้งแตนั้นมา จนกระทั่งทานไดมีโอกาสมาอุปสมบทในป ๒๕๒๖ ณ วัดทองนพคุณ กรุงเทพมหานคร โดยไดรับฉายาวา “วิสาโล” ทานไดมีโอกาสศึกษากรรมฐาน โดยเรียนจากหลวงพอเทียน จิตฺตสุโภ วัดสนามใน กรุงเทพมหานคร เมื่อทานได เรียนจากพระอาจารยเทียนเรียบรอยแลว ทานก็ไดไปจําพรรษาอยูที่วัดปาสุคะโต อําเภอแกงครอ จังหวัดชัยภูมิ โดยปฏิบัติธรรมกับพระอาจารยที่สําคัญอีกองคหนึ่ง
๕
คือทานพระอาจารยคําเขียน สุวณฺโณ เดิมทีทานตั้งใจจะบวช ๑ พรรษา คือ ๓ เดือน แตเมื่อไดมีการปฏิบัติธรรมและมีความกาวหนาในทางธรรมซึ่งปรากฏ ความสงบในจิตใจของทาน ทานก็เลยรูส กึ วานาจะเปนหนทางทีด่ ที ส่ี ดุ ทีจ่ ะดําเนินชีวติ ในตัวทานเอง ทานจึงไดอยูตอจนถึงปจจุบันทานไดบวชมาครบ ๓๐ พรรษาแลว ปจจุบันทานเปนเจาอาวาสวัดปาสุคะโต สวนใหญทานไดจําพรรษาอยูที่ วัดปามหาวัน เหตุที่ไปอยูที่นั้นก็เพื่อจะรักษาธรรมชาติและก็ชวยกันอนุรักษปา นอกจากนี้ทานยังไดอบรมปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาจริยธรรม และก็มีโครงการที่ สําคัญที่สุดโครงการหนึ่งคือ “โครงการเผชิญความตายอยางสงบ” โครงการนี้เปน โครงการที่นาสนใจมากและทานไดดําเนินโครงการนี้มาอยางตอเนื่องมาตลอดเวลา นอกจากนี้ทานยังเปนประธานเครือขายของพุทธิกา เปนกรรมการมูลนิธิของโกมล คีมทอง เปนกรรมการสถาบันสันติศึกษา กรรมการสันติวิธี และที่สําคัญที่สุดทาน เปนกําลังสําคัญในเครือขายสันติวิธี ซึ่งรณรงคใหคนไทยแกปญหาเพื่อที่จะขจัด ความขัดแยงโดยไมใชความรุนแรง ทานอาจารยเปนพระสงฆซึ่งมีกิจกรรมและ สามารถที่จะเชื่อมโยงความรูในทางพุทธธรรมที่ไดจากการปฏิบัติธรรมมาอธิบาย ปรากฏการณของชีวิตและสังคมในบริบทของสังคมปจจุบันไดอยางแจมชัดและ สามารถอธิบายธรรมะยากๆ ใหพวกเราเขาใจไดอยางงายดาย ซึ่งวันนี้พวกเราจะมี โอกาสไดฟงธรรมจากทาน สวนที่สําคัญที่สุดที่จะไมกลาวถึงไมไดเลยคือทานไดรับ รางวัลอันเปนเกียรติของทาน คือ เปนพระสงฆองคแรกที่ไดรับรางวัล “ศรีบูรพา” ในป พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยคณะกรรมการไดลงมติเปนเอกฉันท นอกจากงานชวยเหลือ งานเผยแพรพระศาสนา งานอนุรักษธรรมชาติ แลว สิ่งที่ทานพูดไวเปนคําที่คิดวา นาจะเปนอมตะวาจาที่พวกเราจะจํากันตลอดก็คือทานพูดไววา “ในชีวิตของอาตมา เปนแคพระอยางเดียว ก็เปนเกียรติเปนสิ่งที่ประเสริฐสุดในชีวิตไมมีอะไรจะสูงกวา ความเปนพระ สิ่งที่นอกเหนือไปจากนี้ลวนเปนสวนเกินทั้งสิ้น” ณ บัดนี้ไดเวลาสมควรแลว พวกเราจะไดมีโอกาสฟงธรรมรวมกัน แตกอน ที่เราจะฟงธรรม ขอประกอบพิธีทางพุทธศาสนาคือกราบพระรัตนตรัยรวมกัน (กราบพระสวดมนตพรอมกัน)
๖
พระอาจารยไพศาล วิสาโล : ขอเจริญพรญาติโยมสาธุชนทุกทาน หัวขอการบรรยายในวันนี้คือ “ธรรมะ สําหรับขาราชการ” หากจะอธิบายวา อะไรคือธรรมะที่เหมาะสําหรับขาราชการ ก็ตองถามกอนวาขาราชการคือใคร ขาราชการนั้นมี ๒ ความหมาย ความหมายแรก หมายถึงการเปนขาแผนดิน คํานี้เปนคําโบราณ ขาแผนดินมีหนาที่รับใชแผนดิน รับใชประเทศชาติ คุ ณ ธรรมที่ จ ะต อ งมี ใ นฐานะที่ เ ป น ข า แผ น ดิ น ก็ คื อ ความขยั น หมั่ น เพี ย ร รับผิดชอบตอการงาน อันนีเ้ ปนธรรมดาของผูท เ่ี ปนขารับใช หรือผูท อ่ี ยูใ ตบงั คับบัญชา คุณธรรมประการที่สอง คือ ความอดทน หรือขันติธรรม เพราะวาจะทํางาน อะไรก็ตามยอมตองเจออุปสรรคอยูเสมอ จึงตองอดทนตออุปสรรค รวมทั้งอดทนตอ ถอยคําของผูที่เปนเจานายดวย การงานจึงจะสําเร็จได เบญจธรรมของขาราชการ ความขยันหมั่นเพียร และความอดทน เปนคุณธรรม ๒ ประการใหญๆ สําหรับผูที่เปนขาแผนดิน อยางไรก็ตาม ขาราชการยังมีอีกความหมายหนึ่งคือ เปนกลไกรัฐ อันนี้มองในแงของรัฐประศาสนศาสตร กลไกของรัฐ หมายถึงการเปน ผูที่ทําการแทนรัฐ จะทําการแทนรัฐหรือแผนดินก็ตาม ยอมตองมีอํานาจ หรือไดรับ มอบอํานาจจากรัฐใหทําภารกิจใหลุลวง ไมวาภารกิจนั้นจะเปนอะไรก็ตาม ดังนั้น คุณธรรมที่ตองมีในแงนี้ก็คือ ความซื่อสัตยสุจริต เพราะวาการปกปองผลประโยชน ของรั ฐ ก็ ต าม การบํ า บั ด ทุ ก ข บํ า รุ ง สุ ข ของประชาชนก็ ต าม ความซื่ อ สั ต ย สุ จ ริ ต เปนสิ่งสําคัญ เพราะหากอํานาจใชไปในทางทุจริตก็จะเกิดผลเสียตอประชาชน และ ทําใหไมสามารถปกปองพิทักษผลประโยชนของแผนดินได นอกจากความซื่อสัตยสุจริตแลว ความเที่ยงธรรมก็เปนคุณธรรมที่สําคัญมาก เพราะเมื่อขาราชการไดรับอํานาจ หรือมีอํานาจทําการแทนรัฐ อํานาจนั้นยอมให คุณใหโทษแกผูคนได ถาไมมีความเที่ยงธรรมแลวก็สามารถทําใหคนสุจริตประสบ
๗
ความเดือดรอน หรือทําใหผูที่ทําผิดสามารถลอยนวลได หรือแผขยายอิทธิพลได อยางกวางขวาง คุณธรรมขอนี้โยงไปถึงการไมลุแกอํานาจ คนเราเมื่อมีอํานาจ งายมากที่จะ ลุแกอํานาจ เพราะวาเมื่อมีอํานาจแลวมักจะลืมตัว จึงใชอํานาจไปในทางที่ผิด เพราะถู ก ครอบงํ า ด ว ยความโลภ ความโกรธ ความหลง โลภ โกรธ หลงนั้ น เปนธรรมดาของมนุษย แตถาหากเราสามารถควบคุมหรือรูเทาทันมัน มันก็ไมอาจ ครองจิตครองใจของเราได ทําใหเราไมลุแกอํานาจไดงาย ๆ ทั้งหมดที่กลาวมา สามารถเรียกไดวาเบญจธรรมของขาราชการ ไดแก ๑. ความขยันหมั่นเพียร ๒.ความอดทน ๓. ความซื่อสัตยสุจริต ๔. ความเที่ยงธรรม ๕. ความไมลุแกอํานาจ ธรรมะทั้งหาประการนี้เปนสิ่งสําคัญมากสําหรับขาราชการ เพราะชวยให ปฏิบัติหนาที่ในฐานะที่เปนขาแผนดินและกลไกรัฐไดอยางถูกตอง ทําใหภารกิจของ รัฐลุลวงไปได นั่นคือ การปกปองผลประโยชนของแผนดิน และชวยใหประชาชน อยูเ ย็นเปนสุข ทีพ่ ดู มานีท้ กุ ทานคงไดยนิ ไดฟง มาบอยครัง้ แลว เพราะวาการอบรมก็ดี การใหโอวาทขาราชการก็ดี มักหนีไมพนคุณธรรม ๕ ประการ นี้ ในบรรดาคุณธรรม ๕ ประการ ขอที่สําคัญมากก็คือ ความซื่อสัตยสุจริต เพราะวาตอนนี้ปญหาที่สําคัญที่สุดของเมืองไทยก็คือ การคอรรัปชั่นหรือฉอราษฎร บังหลวง ทุกครั้งที่มีการสอบถามความเห็นของประชาชนหรือผูคนในวงการตาง ๆ วาอะไรเปนปญหาสําคัญของประเทศ ผูคนมักพูดเปนเสียงเดียวกันวา นอกจาก ปญหาเศรษฐกิจแลว คอรรัปชั่นเปนปญหาอันดับตน ๆ ของประเทศ เวลามีการจัดอันดับประเทศตาง ๆ ทั่วโลก ในเรื่องคอรรัปชั่น ประเทศไทย มักจะติดอันดับประเทศที่มีการคอรรัปชั่นในอันดับตน ๆ ถาไมนับประเทศที่ดอย พัฒนาอยางแอฟริกา อันนี้เปนเรื่องที่เรารับรูกันดี และเปนเรื่องที่นากังวลมาก เพราะแมกระทั่งเด็กหรือเยาวชน เมื่อไปสอบถามความเห็นก็จะไดคําตอบคลายๆ
๘
กันปแลวปเลา คือมองวา คอรรัปชั่นไมใชเรื่องเสียหาย ถาหากวาทําใหประเทศชาติ เจริญกาวหนา หรือทําใหทองถิ่นของตนมีความเจริญ แตพวกเขาจะไมเห็นดวยกับ การคอรรัปชั่นทันทีหากทองถิ่นของตนหรือตนเองไมไดประโยชน ซึ่งแสดงวาใคร จะคอรรัปชั่นหรือไม ไมสําคัญเทากับวาฉันจะไดประโยชนดวยหรือไม การทุจริตคอรรัปชั่นเปนปญหาที่เกิดขึ้นกับทุกวงการ แมกระทั่งวงการ นักเรียน นักศึกษา ก็มีปญหานี้แพรระบาด คือการทุจริตในการเรียน การสอบ เพราะฉะนั้นพูดไดวาเวลานี้การทุจริตคอรรัปชั่นแพรระบาดในทุกวงการ ไมเวน แม แ ต ว งการสงฆ ด ว ยซํ้ า แต สํ า หรั บ ข า ราชการแล ว เรื่ อ งนี้ เ ป น เรื่ อ งสํ า คั ญ มาก เพราะขาราชการเปนผูที่มีภารกิจเพื่อสวนรวม นอกจากจะมีอํานาจในฐานะที่เปน ผูทําการแทนรัฐแลว ยังอยูไดเพราะภาษีอากรของประชาชน ถานักธุรกิจทุจริต ผลเสียหายก็เกิดขึ้นเฉพาะกับกิจการของเขา อาจจะสงผลกระทบตอสวนรวมบาง แตนั้นเปนผลตามมาหรือผลสืบเนื่อง แตถาขาราชการมีความดางพรอยในเรื่องนี้ แลวยอมเกิดผลเสียอยางมากตอสวนรวมโดยตรง อยางนอยภาษีที่ประชาชนเสียให แกรัฐ ก็ไมสามารถกลับมาเปนประโยชนตอประชาชนไดอยางเต็มที่ คอรรัปชั่นฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ ตอนนี้การคอรรัปชั่นกอผลเสียตอสวนรวมอยางมาก มันทําใหประเทศ ก า วหน า ไปได ลํ า บาก เพราะว า เม็ ด เงิ น ที่ รั ฐ ใช ไ ปในเรื่ อ งการพั ฒ นา ไม ไ ด เ กิ ด ประโยชนอยางเต็มเม็ดเต็มหนวย เพราะมีสวนหนึ่งที่เขากระเปาผูคน และนับวัน สวนนี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคืออะไร ก็คือผลงานที่ไรคุณภาพ อาตมาอยูตางจังหวัด ถนนที่สรางโดยอบต.หรือ อบจ.ก็ตาม มักเปนถนนที่ไมคอยมี คุณภาพ ใชไมนานก็เปนหลุมเปนบอ ตองซอมอยูเ รือ่ ย ทัง้ นีเ้ ปนเพราะวางบประมาณที่ ใช ใ นการก อ สร า งนั้ น ตกหล น เรี่ ย ราด เนื่ อ งจากมี ก ารหั ก ค า คอมมิ ช ชั่ น บ า ง เขากระเปาผูมีอํานาจที่เกี่ยวของบาง นอกจากเม็ดเงินที่ใชในการพัฒนาจากภาครัฐจะหลนหายไปแลว มองไปที่ ภาคธุรกิจ การคอรรัปชั่นยังทําใหความสามารถของประเทศไทยในการแขงขันใน
๙
ตลาดโลกนับวันจะถดถอย เพราะวาผูประกอบการเวลานี้ไมคิดจะพัฒนาคุณภาพ ของสินคาหรือบริการแลว ถาตองการชนะประมูล ก็คิดแตวาจะใหเงินสินบนหรือ เงินใตโตะอยางไร ใครใหไดมากกวาก็ชนะประมูล ขายสินคาได ในสังคมที่เจริญ กาวหนา ผูประกอบการจะแขงขันกันในเรื่องคุณภาพหรือประสิทธิภาพ ซึ่งหมายถึง การลงทุนนอยแตใหผลมาก วิธีนี้จะชวยในการพัฒนาประเทศอยางมาก แตทุกวันนี้ในเมืองไทยผูประกอบการมีแรงจูงใจนอยมากที่จะพัฒนาคุณภาพ ของสินคาหรือบริการเพื่อแขงขันกับคนอื่น เพราะวามีชองทางอื่นที่งายกวาในการ เอาชนะการประมูลหรือการแขงขัน นั่นคือจายเงินใตโตะใหแกนักการเมืองหรือ ขาราชการ ผลที่ตามมาก็คือตนทุนในการผลิตสินคาและบริการสูงขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้ นักธุรกิจไมไดจายเงินใตโตะแค ๕-๑๐% แตจาย ๓๐% เงินที่จายใตโตะในสัดสวน ที่มากกวานี้ทําใหตนทุนสูง พอสินคามีตนทุนสูง ถาสงไปขายตางประเทศ จะแขง กับคนอื่นไดอยางไร เพราะประเทศอื่นเขามีแตจะลดตนทุนใหนอยลงแตเพิ่ม ประสิทธิภาพใหมากขึ้น เพื่อจะไดแขงขันในตลาดโลกได การเพิ่มประสิทธิภาพนั้น ตองใชปญญาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี แตเมืองไทยตรงกันขามคือเทคโนโลยีไมได พัฒนาขึ้นเลย เพราะเราไมสนใจการสรางนวัตกรรมใหมๆ แตเราแขงกันวาใครจะให เงินใตโตะมากกวากัน ซึ่งทําใหสินคาและบริการมีตนทุนสูงขึ้น แลวจะไปแขงกับ เมืองนอกไดอยางไร ดังนัน้ สิง่ ทีห่ ลายคนกําลังวิตกในตอนนีก้ ค็ อื ความสามารถของเมืองไทยในการ แขงขันในตลาดโลกลดนอยถอยลงมาก ในขณะทีห่ ลายประเทศ แมจะมีการคอรรปั ชัน่ ไมนอยไปกวาเรา แตตนทุนเขาถูกกวามากเพราะคาแรงตํากวา วัตถุดิบก็ถูกกวา เชน จีน เวียดนาม พมา ลาว เขมร เขามีความไดเปรียบในการแขงขันสูงกวาไทยถาหาก ขายสินคาหรือบริการชนิดเดียวกัน เชน เสื้อผา หรืออาหาร เพราะเขาสามารถขาย ไดถูกกวา ในขณะที่เราไมสามารถขายสินคาไดถูกกวาประเทศพมา ลาว เขมร จีน ครัน้ จะผลิตสินคาทีม่ คี ณ ุ ภาพแขงกับประเทศอยาง ญีป่ นุ เกาหลี ไตหวัน เราก็ทาํ ไมได
๑๐
เพราะคุณภาพของเราตํากวาเขา เปนอันวาเราติดตันอยูต รงกลาง คือแขงกับประเทศ ที่มีการพัฒนานอยกวาเราก็สูไมได ครั้นจะแขงกับประเทศที่มีการพัฒนาสูงกวา ก็ไมไดอีก แลวเราจะจะไปรอดไดอยางไร นี่เปนเรื่องที่นาเปนหวงมาก ปญหาจากการคอรรัปชั่นมิไดมีแตเรื่องเศรษฐกิจเทานั้น แตยังสงผลกระทบ ในมิติอื่นดวย เชน การกัดกรอนประชาธิปไตย เมื่อนักการเมืองคอรรัปชั่น ไดผล ประโยชนจากโครงการตาง ๆ รวมแลวหลายพันหรือหลายหมื่นลาน ก็ทําใหผูคน เสื่ อ มศรั ท ธาในระบอบประชาธิ ป ไตย สั ง เกตว า รั ฐ ประหารหลายครั้ ง ที่ ผ า นมา จะอางวาเพราะตองการกําจัดคอรรัปชั่น คําถามคือวา “ทําไมการกําจัดการคอรรัปชั่นของนักการเมือง จึงไมสามารถ ทํ า ได ด ว ยระบบยุ ติ ธ รรม ทํ า ไมถึ ง ต อ งใช วิ ธี รั ฐ ประหาร หรื อ ล ม ทั้ ง กระดาน” ถาหากวาระบบยุตธิ รรมของบานเมืองทํางาน การคอรรปั ชัน่ ไมวา โดยนักการเมืองก็ดี หรือขาราชการระดับสูงก็ดี ยอมลดลงได ไมสามารถถูกใชเปนขออางใหมีการ รัฐประหารได แตที่ผานมา เปนเพราะวาระบบยุติธรรมของบานเมืองเราไมทํางาน หรือทํางานไดเชื่องชามาก จึงมีการคอรรัปชั่นอยางแพรหลาย เมื่อการคอรรัปชั่น แพรหลาย ผูคนก็นึกถึงวิธีอื่นนั่นคือรัฐประหาร ขับไลนักการเมืองออกไปจากอํานาจ ซึ่งสงผลใหประชาธิปไตยของบานเมืองเราลมลุกคลุกคลานมาโดยตลอด จนทุกวันนี้ ก็ยงั ไมมใี ครมัน่ ใจวาประชาธิปไตยไทยจะยัง่ ยืน ไมถกู โคนลมดวยรัฐประหารอีกตอไป อยางไรก็ตามคอรรัปชั่นในเมืองไทย ไมไดจํากัดอยูที่นักการเมืองหรือผูมี อํานาจเทานัน้ ขาราชการเองก็มกี ติ ติศพั ทในเรือ่ งนีไ้ มใชนอ ยและเปนมานานแลวดวย การคอรรัปชั่นของขาราชการไดทําใหระบบตางๆ ของบานเมืองมีปญหาไปหมด เพราะว า แทนที่ ร ะบบต า งๆ จะทํ า งานตามปกติ อ ย า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพเพราะ ขาราชการทํางานดวยความซื่อสัตย สุจริต พอมีการคอรรัปชั่นขึ้นมา ระบบตาง ๆ ก็บิดเบี้ยว เพราะวิจารณญาณของขาราชการผิดเพี้ยน โอนออนไปตามอํานาจเงิน กอใหเกิดความไมเปนธรรม หรือสรางความเดือดรอนแกผูคน เมื่อระบบตางๆ ไมทํางาน หรือทํางานบิดเบี้ยว ความไววางใจในระบบราชการก็มีนอยลง
๑๑
อาตมาอยากถามวา เวลานี้มีใครที่ไววางใจในกระบวนการแตงตั้งขาราชการ ตํารวจ หรือขาราชการระดับสูงบาง แมแตการสอบคัดเลือกตํารวจระดับลาง ผูคนก็ ไมเชื่อวาเปนไปอยางบริสุทธิ์ยุติธรรม ตอนนี้ประชาชนมีความไววางใจในระบบ ราชการนอยมาก ไมจําเพาะการคัดเลือกเทานั้น แตยังรวมถึงการตัดสินใจ การใช ดุจพินจิ หรือการใชวจิ ารณญาณของขาราชการในเรือ่ งตางๆ โดยเฉพาะเรือ่ งสําคัญ ๆ จึ ง กล า วได ว า ตอนนี้ ป ระชาชนขาดที่ พึ่ ง มาก กลไกรั ฐ ซึ่ ง ควรจะเป น ที่ พึ่ ง ของ ประชาชน ก็ไดรับความไววางใจนอยลง คอรรัปชั่นที่แพรระบาดในวงราชการ ทําใหความเปนนิติรัฐของบานเมือง ลดนอยถอยลง ความไมเปนธรรมจึงเกิดขึ้นมากมาย มีการเอาเปรียบเบียดเบียน ชาวบาน ความวุนวายในบานเมืองยอมเกิดขึ้นตามมาในที่สุด อันนี้เปนสิ่งที่นากลัว ยิ่งกวาการที่ประเทศเราสูญเสียความสามารถในการแขงขันในตลาดโลกเสียอีก มีตัวอยางเกิดขึ้นในหลายประเทศวา เมื่อการคอรรัปชั่นแพรระบาด มีการทุจริต เกิดขึ้นมากมาย ประชาชนถูกกดขี่เอาเปรียบ ถึงจุดหนึ่งเขาก็ไมยอมอีกตอไป แตจะลุกฮือจนเกิดจลาจลหรือนําไปสูการปฏิวัติ มีการโคนลมทําลายระบบเดิมเพื่อ สรางระบบใหมขึ้นมา เกิดการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อเปนจํานวนมาก นี้เปนเรื่อง ที่นาเปนหวงมาก รักในหลวงแตทําไมคอรรัปชั่นจึงแพรหลาย ความซือ่ สัตยสจุ ริตรวมทัง้ ความเทีย่ งธรรมของขาราชการจึงมีความสําคัญมาก ในการทําใหบานเมืองเกิดความสงบสุข แตปจจุบันนี้คือสิ่งที่ขาดหายไปมากที่สุด คิดดูกน็ า แปลก ยุคนีเ้ ปนยุคทีผ่ คู นทุกวงการตางปาวประกาศวา รักในหลวง ไมมยี คุ ไหน สมัยไหน ที่มีการปาวประกาศอยางมั่นอกมั่นใจวา รักในหลวงเทากับยุคนี้ นอกจาก ประกาศด ว ยคํ า พู ด แล ว ยั ง ประกาศผ า นสติ ก เกอร ติ ด รถยนต ห รื อ เสื้ อ ยื ด หรื อ ตามเฟซบุค แตทําไมในยุคที่ผูคนรักในหลวงมากที่สุดจึงมีการคอรรัปชั่นมากที่สุด มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดความรักในหลวงจึงเกิดขึ้นควบคูกับการคอรรัปชั่นอยาง แพรหลายในวงราชการและการเมือง ทั้งๆ ที่ในหลวงเปนสัญลักษณของความดี
๑๒
ความเสียสละ ความซื่อสัตยสุจริต แตทําไมยิ่งรักในหลวงคุณธรรมที่ควรมีควรคูกัน กลับลดนอยถอยลง อันนี้เปนคําถามที่นาคิด จริงๆ แลวถาเรามีความจงรักภักดีหรือรักในหลวงอยางแทจริง เหตุการณ นาจะเปนตรงขามคือผูคนจะตองมีความเสียสละและซื่อสัตยสุจริตมากขึ้น เพื่อเจริญ รอยตามพระองค เพราะเหล า นี้ เ ป น คุ ณ ธรรมที่ พ ระองค แ สดงให เ ห็ น มาตลอด คุณธํารงค ชํานิจศิลป ปลัดเทศบาลต.ประโคนชัย จ.บุรีรัมยซึ่งไดรับการยกยองจาก กระทรวงมหาดไทยว า เป น ข า ราชการดี เ ด น พู ด ได น า คิ ด มาก ว า “เราเป น ขาราชการทํางานตางพระเนตรพระกรรณพระองค แลวพระองคทานก็เสด็จมาเยี่ยม ทุกสิ้นเดือน เวลาเราไปกดเงินที่ตู ATM ก็จะเห็นภาพพระองค ถาเรามั่นใจ เราถวาย รายงานทานสักหนอยวา เราทํางานมากนอยเทาไรและสมควรไดรับเงินเดือนไหม นีภ่ าษีประชาชนนะ ถาเราลาไป ๕ วัน มาสายไป ๕ วัน มาขอรับเงิน เราจะละอายใจไหม” นี่ตางหากที่เปนการรักในหลวงอยางแทจริง ถารักในหลวงแบบนี้ ผูคนก็จะมี ความเสียสละ มีความซือ่ สัตยสจุ ริตมากขึน้ แตเรารักในหลวงแบบไหนจึงเกิดผลตรงขาม คือมีการคอรรัปชั่นมากขึ้น ใชอํานาจหนาที่ในทางมิชอบมากขึ้น อันนี้อาจจะเปนวา เพราะเราไม ไ ด รั ก ในหลวงอย า งแท จ ริ ง หรื อ ว า เรารั ก ในทางที่ ไ ม ถู ก ต อ ง อั น นี้ เปนประเด็นที่อยากจะฝากเอาไว ปฏิรูประบบเพื่อแกคอรรัปชั่น อาตมามาบรรยายในวันนี้ใหแกอัยการซึ่งเปนขาราชการที่มีบทบาทสําคัญ มากในกระบวนการยุติธรรม ถือวาเปนขอตอสําคัญของกระบวนการยุติธรรมของ ประเทศ ทุกทานคงทราบดีแลววาทุกวันนี้มีคนตั้งคําถามเกี่ยวกับกระบวนการ ยุติธรรมทุกระดับและทุกขั้นตอน ตํารวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ ถูกตั้งคําถามมาก และคนที่ ตั้ ง คํ า ถามไม ไ ด มี แ ต ค นนอกเท า นั้ น แม แ ต ค นในวงการ อย า งเช น ศาสตราจารยคณิต ณ นคร ซึ่งเคยเปนอัยการสูงสุด ก็ตั้งคําถามกับกระบวนการ ยุติธรรมทั้งหมด โดยเสนอแนะวาตองมีการปฏิรูปหรือปรับปรุงทั้งประเทศเลย
๑๓
กลาวไดวายุคนี้เปนยุคที่กระบวนการยุติธรรมของประเทศถูกตั้งคําถาม มากที่สุด นี้เปนเรื่องที่นาเปนหวงมาก ซึ่งเปนเครื่องชี้วา คุณธรรมเปนสิ่งจําเปนมาก สําหรับขาราชการสําคัญ โดยเฉพาะขาราชการอัยการดวย อาตมาขอยอนกลับไป ยังประเด็นเรื่องคอรรัปชั่น มีคําถามที่นาคิดวาทําไมคอรรัปชั่นจึงเกิดขึ้นมากมาย ในเวลานี้ อาตมาคิดวา มีอยู ๒ สาเหตุใหญๆ ประการแรก คือมีปญหาที่ระบบหรือ โครงสราง หมายความวาระบบอาจจะหละหลวม ไมโปรงใส รวมศูนยอํานาจมาก เกินไป จึงทําใหการคอรรัปชั่นเกิดขึ้นไดงาย แตปญหาไมไดอยูที่ระบบเทานั้น ทัศนคติของผูคนก็เปนปญหาเชนกัน อันนี้คือสาเหตุประการที่สอง ทัศนคติที่วาก็คือ ความหลงใหลในวัตถุนิยม มีความฟุงเฟอ ใชจายเกินตัว ทําใหตองหาทางทุจริต จะแก ป ญ หาคอร รั ป ชั่ น ประการแรก ก็ ต อ งทํ า ให ร ะบบมี ค วามโปร ง ใส ตรวจสอบได รวมทั้งมีการกระจายอํานาจ ไมรวมศูนยที่คนใดคนหนึ่ง ความโปรงใส ตรวจสอบไดงาย ทําใหการคอรรัปชั่นเกิดขึ้นไดยาก ยิ่งถามีการถวงดุลกัน และมี accountability คือเมื่อทําผิดแลวตองมีคนที่รับผิด ไมใชวาทําผิดไปแลวหาคนรับ ผิดไมไดเลย ในประเทศที่เจริญ มีนิติธรรม คนที่รับผิดคือคนที่อยูขางบน ยิ่งสูงเทาไร ยิ่งตองรับผิดมาก ประธานาธิบดีทรูแมนของสหรัฐ ฯมีคําขวัญอยูบนโตะวา “The Buck Stops Here” หมายความวา ความรับผิดทั้งหมดจะมาจบลงที่ตรงนี้คือ ที่ประธานาธิบดี ในประเทศที่เจริญ เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เขาจะสาวหาคนรับ ผิดชอบจากลางขึ้นบน คือ ถาลูกนองทําผิดเจานายก็ตองเดือดรอน เชน หากเกิด อุบัติเหตุรถไฟตกราง มีคนตายเปนจํานวนมาก ไมใชพลขับเทานั้นที่ตองรับโทษ ความรับผิดชอบจะไลขึ้นไปเปนขั้น ๆ จนกระทั่งถึงผูวาการรถไฟหรือรัฐมนตรี กระทรวงการคมนาคมอาจจะตองลาออก แตเมืองไทยตรงขาม accountability จะไลลงไปขางลาง เวลามีความผิดพลาดอะไรขึ้นมา คนที่ตองรับเคราะหมากที่สุด คือคนที่อยูขางลาง ไมใชขางบน วิธีแบบนี้ไมทําใหเกิดประสิทธิภาพและความสุจริต ขึ้นในระบบ อาตมาจะไมพูดประเด็นนี้มากเพราะอาตมาไมมีความรู เทาที่ทราบมี การพูดเรื่องนี้คอนขางมากแลวในหมูผูรู นักวิชาการหรือขาราชการระดับสูงใน แวดวงยุติธรรม
๑๔
ทัศนคติที่เอื้อใหเกิดการทุจริต อาตมาอยากพูดถึงประเด็นที่สองมากกวา คือ ทัศนคติที่เอื้อใหเกิดการ คอรรัปชั่น ประเด็นสําคัญก็คือ ทําอยางไรทัศนคติหลงใหลวัตถุนิยม ฟุงเฟอใชจาย เกินตัว อันเปนรากเหงาหรือที่มาของการคอรรัปชั่น จะนอยลง พูดอีกอยางก็คือ ทําอยางไรผูคนจะไมหลงใหลในวัตถุมากขึ้น อาตมาคิดวาประการแรกเลยผูคนจะ ตองตระหนักถึงโทษของวัตถุ หรือเห็นโทษของความสุขจากวัตถุ ซึ่งพุทธศาสนา เรียกวา กามสุข คนสมัยนี้ไมคอยเห็นโทษของความสุขทางวัตถุเทาไร เราเห็นวาความสุข ทางวัตถุหรือกามสุขสูตรเปนของดีเลิศประเสริฐ ดังนั้นยิ่งรวยเทาไหร ก็ยิ่งดีเทานั้น ความคิ ด แบบนี้ เ ป น ทั้ ง รากเหง า และแรงจู ง ใจให มี ก ารทุ จ ริ ต คอร รั ป ชั่ น มากขึ้ น เพราะเมื่อทุกคนอยากจะรวย ถารวยดวยวิธีการที่ถูกตองชอบธรรมก็ไมกอโทษ ตอสวนรวม แตปญหาก็คือ คนจํานวนไมนอยอยากรวยทางลัด รวยโดยไมเหนื่อย หรือรวยดวยวิธีการที่ไมถูกตอง ซึ่งมักจะลงเอยดวยการทุจริต อยางไรก็ตามแมรวยดวยวิธกี ารทีถ่ กู ตอง ก็ใชวา จะไมมปี ญ หา แตเปนปญหาที่ เกิดขึ้นกับตัวเอง ไมใชสวนรวม อาตมานึกถึงคําพูดของหลวงปูดู พรหมปญโญ แหงวัดสะแก จังหวัดอยุธยา ทานเปนหลวงพอที่มีคนเคารพนับถือทั้งประเทศ แตตอนนี้ทานมรณภาพไปแลว วันหนึ่งมีเด็กหนุมคนหนึ่งมาขอเชาพระอุปคุตที่วัด เพื่อไปบูชา ทานถามวาบูชาไปทําไม เขาตอบวา “บูชาแลวจะไดรวยครับ” หลวงปู จึงเปรยขึน้ มาวา “รวยกับซวยมันใกล ๆ กันนะ” แลวทานก็อธิบายวา “จะเอารวยนะ จะหามายังไงก็ทุกข จะรักษามันก็ทุกข หมดไปก็ทุกขอีก กลัวคนจะจี้จะปลน ไปคิดดูเถอะ มันไมจบหรอก มีแตเรื่องยุง เอาดีดีกวา” ทานตองการบอกวา คนที่อยากรํารวย จะตองเจอทุกขตั้งแตตอนหาเงินแลว เพราะวาตองแกงแยงกับคนอืน่ ถาไมได ก็ผดิ หวังเสียใจ แตถงึ ไดมาก็มคี วามทุกขอกี แบบ นัน่ คือทุกขในการรักษา มัวกังวลวาจะมีคนขโมยหรือแยงชิงไป ยิง่ ถาไดมาดวยวิธกี ารที่ไม ถูกตองแลว ยิ่งเปนทุกขเขาไปใหญ เพราะวาสมัยนี้มีกฎหมายฟอกเงิน ขาราชการ
๑๕
และนักการเมืองหลายคนที่ตองการเงินสินบน ตอนนี้จะเรียกเอาเงินสดทั้งนั้น ไมเอา เช็ค ไมใชเพราะกลัวเช็คเดง แตเพราะไมตองการมีหลักฐาน หาไมกฎหมายฟอกเงิน สามารถตามไปถึงตัวได ถาไดเงินสดแคแสนสองแสน หรือลานสองลาน ก็ไมคอยมีปญหาเทาไหร แตถาเปนเงิน ๑๐ ลาน ๒๐ ลาน ปญหาเกิดขึ้นทันที คือจะเก็บอยางไร เก็บที่ ธนาคารก็ไมได เพราะมีหลักฐาน ก็ตองเก็บที่บาน แตเก็บที่บานก็ใชวาจะปลอดภัย เกิดปญหาได อยางทีป่ ลัดกระทรวงคมนาคมคนหนึง่ เก็บเงินสดหลายสิบลานไวทบ่ี า น ปรากฏวาวันหนึ่งขโมยขึ้นบาน ขนเงินไปไดหลายลาน หลายคนฟงขาวแลวสงสัยวา เงิ น มากมายขนาดนี้ ทํ า ไมไม เ อาไปฝากธนาคาร ก็ เ พราะมั น มี ห ลั ก ฐาน ถาไมเก็บที่บาน ก็ไมรูจะเก็บที่ไหน ฝงดินก็ไมได นี่เปนทุกขของคนที่มีเงินมากมาย แตไดมาโดยวิธีการที่มิชอบ สุขที่ไมยั่งยืน แตสมมติวาไดมาดวยวิธีการที่สุจริต และสามารถรักษาไมใหใครขโมยหรือ แยงชิงได ก็ยังมีทุกขอีกวา จะใชเงินอยางไรดี คนรวยเขากลุมใจนะ วันหยุดจะไป เที่ยวที่ไหนดี โตเกียว ลอนดอน หรือปารีส ทางเลือกเยอะมากจนสับสน คนที่มี รองเทา ๓๐๐ คู เวลาออกงานจะเครียดนะ เพราะตัดสินใจไมไดวาจะใสคูไหนดี อาตมารูจักคุณหญิงทานหนึ่งซึ่งเปนคนสนใจธรรมะ เธอเลาเวลาออกงานจะรูสึก เครียดมากเลย เพราะเสื้อผาเยอะไปหมด เวลาเปดตู ตัดสินใจไมไดวาจะเอาชุดไหน ออกงานดี สุดทายถึงกับตัง้ ปณิธานวา เห็นตัวไหนใสตวั นัน้ เลย เพือ่ ใหชวี ติ มันงายขึน้ นี้เปนทุกขของคนมีเงิน มีเงินมากก็มีปญหาวาจะเอาไปใชทําอะไรดี เพราะฉะนั้นหลวงปูดูทานพูดถูก แลววา “รวยกับซวย” มันใกลกันมาก สรุปก็คือ เงินหรือทรัพยสมบัติ ทําใหเปน ทุกขในการแสวงหา เก็บรักษา และการใช ใชแตเทานั้น มันยังเปนสุขที่ไมยั่งยืน มันใหความสุขแคช่วั คราว เคยมีการสอบถามคนที่เคยถูกลอตเตอรี่ ไมวา สลากกิน แบง สลากกินรวบ ในยุโรปอเมริกาประมาณ ๑,๐๐๐ คน เขาพบวาประมาณ ๙๐ %
๑๖
ยอมรับวามีความสุขเฉพาะ ๖ เดือนแรกหลังจากถูกรางวัล คือตอนถูกรางวัลใหมๆ จะมีความสุขมาก แต หลังจากนั้น ๖ เดือน ความสุขของพวกเขาจะลดลงจนอยูใน ระดับเดียวกับตอนกอนถูกรางวัล พูดงาย ๆ ความสุขของคนถูกรางวัลนั้นมีอายุ ไมเกิน ๖ เดือน แตความสุขของบางคนสั้นกวานั้น ตอนที่เราซื้อเสื้อผาตัวใหมเรามีสุขมีความ ดีใจใชไหม แตผานไปไมกี่เดือนเรากลับรูสึกเฉยๆ คนที่ไดรถคันใหมมาอาจจะดีใจ ๖ เดือนแรก หลังจากนั้นก็เฉยๆ ลูกหลานของเราดีใจมากเมื่อไดสมารทโฟน แตเรา เคยถามไหมวาหลังจากนั้นผานไป ๔-๕ เดือน เขารูสึกอยางไร หลายคนบอกวา เครื่องเกาไมเอาแลว ขอเครื่องใหม เบื่อแลวของเกา นี่เปนธรรมดาของกามสุข คือ เบื่องาย อาหารจากกุกฝมือดี มื้อแรกจะอรอยมาก แตถากินทุกวันทุกมื้อมันยัง จะอรอยอยูไหม หากกิน ๑๐ วันติดตอกัน ความอรอยก็หายไปแลว จากเดิมที่รูสึก อรอยก็กลายเปนรูสึกเฉยๆ และถากินอีกจากเฉยๆ ก็กลายเปนเบื่อ กินตอไปอีก จากเบื่อก็กลายเปนเอียน และถากินตอไปอีกก็อาจอาเจียน เพลงดัง ฟงครั้งแรก จะรูสึกเพราะมาก แตพอฟงไป ๑๐ ครั้งหรือ ๒๐ ครั้งมันยังเพราะอยูหรือเปลา หลายคนจะเริ่มเบื่อแลว อยากฟงเพลงใหมมากกวา ความสุขจากสิ่งเสพนั้นเปนของชั่วคราว ไมตางจากคนที่แตงงานใหมๆ จะมี ความสุข แตพออยูด ว ยกันสัก ๓-๕ ป ความสุขก็ลดลง ไมวา จะแตงงานกับนางสาวไทย หรือนางงามจักรวาล หรือแตงงานกับดาราเกาหลี หลอแบบณเดชน ก็มีสุขเฉพาะ ชวงแรกๆ อาจจะ ๓ เดือน ๖ เดือน หรือหนึ่งป หลังจากนั้นก็จะรูสึกเบื่อ นี่เปน ธรรมชาติของกามสุข พระพุทธเจาเปรียบกามสุข เหมือนกับไตท่ที ําดวยหญาแหงหรือฟาง เมื่อจุดไฟ มันใหแสงสวางก็จริงแตวามีควัน ทําใหสวางไมเต็มที่ แถมระคายเคืองตา และถาถือ นานๆ เขามันก็จะไหมมือ ความหมายก็คือ กามสุขนั้นเจือไปดวยโทษ มันใหความ สุขแกเราก็จริงแตก็มีโทษ เชน ตองเหนื่อยในการรักษา มันใหความสุขเพียงแค ชั่วคราว และไมมีจิรังยั่งยืน ตองเสื่อมไปในที่สุด ถาไมปลอยไมวางมันก็จะทําใหเรา
๑๗
เปนทุกข เชน เงินหาย โทรศัพทหาย เครื่องประดับหายขึ้นมา มียายคนหนึ่งอายุ ๘๐ ปแลว วันหนึ่งพบวาทับทิมที่ตัวเองแสนรักแสนหวงตกพื้น แลวถูกคนใชกวาดลง ถังขยะไป เธอถึงกับปวยหนัก แทนที่จะเสียทับทิมอยางเดียว ก็เสียศูนย จนแทบจะ เสียชีวิต นี่คือโทษของทรัพยที่สามารถทําใหเราทุกขหรือตายเพราะมันได ถาเราไมเห็นโทษของกามสุข หวังพึ่งความสุขจากมัน ชีวิตเราก็จะผันผวนขึ้น ลงตามมัน หาความสุขไดยาก เราจะกลายเปนทาสของมัน ยอมทําชั่วเพราะมัน หรื อ พร อ มจะตายเพราะมั น คนทุ ก วั น นี้ ย อมคอร รั ป ชั่ น เสี ย งคุ ก เสี่ ย งตะราง ก็เพราะยอมตัวเปนทาสของมัน เพราะไมเห็นโทษของมัน แตหากเราเห็นโทษของ กามสุข เห็นวาทรัพยสินเงินทองไมสามารถใหความสุขอยางแทจริง เราจะไมยอม ทําชั่วเพราะมัน ไมเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางหรือพรอมจะลงนรกเพราะมัน สุขจากชีวิตที่เรียบงาย นอกจากการเห็นโทษของกามสุข ไมยอมตัวเปนทาสของทรัพยสมบัติแลว สิ่งที่จะชวยใหเรามั่นคงในความซื่อสัตยสุจริต ก็คือ การเขาถึงความสุขจากชีวิตที่ เรียบงาย ทุกวันนี้เราเรียกรองใหคนมีชีวิตที่พอเพียง มีชีวิตที่สันโดษ แตเรายากจะมี ชีวิตแบบนั้นไดถาเราไมสามารถสัมผัสกับความสุขจากความเรียบงาย ความเรียบ งายนั้นสามารถใหความสุขแกเราได นี้คือเหตุผลประการหนึ่งที่พระพุทธเจาบัญญัติ ใหพระภิกษุมีบริขารแค ๘ ชิ้น แมวาทีแรกพระภิกษุจะยังมีความยึดติดในวัตถุ แต การถูกกําหนดใหมีบริขารนอยชิ้น เปนเงื่อนไขบังคับใหทานเรียนรูที่จะมีความสุข จากของนอยชิ้น หรือมีความสุขกับชีวิตที่เรียบงาย หลายทานก็สามารถเขาถึงความ สุขจากความเรียบงายไดโดยไมปรารถนาสิ่งอื่น แมจะใหทานมากกวานี้ทานก็ไมเอา เพราะกลายเปนภาระรุงรัง หรือทําใหชีวิตทานยุงยากมากขึ้น นั่นคือวิถีของสมณะ แตฆราวาสก็สามารถมีความสุขกับชีวิตที่เรียบงายได เชนกัน แมอาจจําเปนตองมีบริขารหรือสิ่งของมากกวาพระ เพราะตองทํามาหากิน ดวยตนเองและเพราะมีครอบครัว แตเมื่อมีสิ่งของระดับหนึ่งก็มีความสุข พอใจแลว ไมตองการทรัพยสมบัติมากกวานั้น ดังนั้นจึงไมมีแรงจูงใจที่จะตองคอรรัปชั่น
๑๘
จึงสามารถรักษาความซื่อสัตยสุจริตได บุคคลอยางอาจารยปวย อึ๊งภากรณ หรือ ปูชนียบุคคลในวงการยุตธิ รรมหลายทาน อยางเชน อาจารยสญ ั ญา ธรรมศักดิ์ สามารถ เปนแบบอยางในเรือ่ งนีไ้ ด เพราะทานพอใจทีจ่ ะมีชวี ติ แบบงายๆ ไมไดรสู กึ เดือดรอน หรือเปนทุกขเพราะมีชีวิตแบบสมถะเลย นี้เปนสิ่งที่คนสวนใหญในยุคนี้ไมเขาใจ ความสุขจากชีวิตที่เรียบงายไมไดเกิดจากความสบาย แตเกิดจากใจที่สงบ ไมวา วุน เมือ่ มีทรัพยสมบัตไิ มมาก ชีวติ ก็มคี วามวุน วายนอยลง เมือ่ ชีวติ วุน วายนอยลง ใจก็สงบเย็นไดงา ยขึน้ เด็กสมัยนีห้ รือวัยรุน สมัยนีม้ ขี า วของมากมาย แตหาความสงบ ไดยาก วันทั้งวันเขาไมสามารถอยูกับความเงียบได ตองฟงเพลง เลนเกมออนไลน หรือแช็ตผานเฟซบุคตลอดเวลา ถาอยูนิ่ง ๆ ก็จะวาวุน กระสับกระสาย จึงตองหา อุปกรณเหลานีม้ ากลอมใจใหหายวาวุน หรือดึงความสนใจของจิตใหเกาะกับอะไรสักอยาง ชีวิตที่เต็มไปดวยสิ่งเสพสิ่งเราเปนชีวิตที่นาสงสารเพราะยากที่จะพบความ สุขภายในได แตเมื่อไรก็ตามที่เราลองปลีกตัวจากชีวิตที่วุนวาย มาสัมผัสกับความ เรียบงาย มีสิ่งเสพสิ่งกระตุนเรานอยลงจิตใจจะสงบไดงาย หลายคนที่ไปอยูวัด อาตมาซึ่งเปนวัดปา ใหม ๆจะรูสึกกระสับกระสาย เพราะนอกจากไมมีความสะดวก สบายแล ว ยั ง ไม มี สิ่ ง เร า ไม มี เ พลงฟ ง เล น เฟซบุ ก ก็ ไ ม ไ ด คลุ ก คลี พู ด คุ ย กั น ก็ ไมสะดวก แตพออยูหลายวัน ใจก็เริ่มสงบ และสัมผัสกับความสุข ทั้งๆ ที่ชีวิตที่นั่น ไมมีความสะดวก กุฏิก็เล็ก นอนบนเสื่อ ไมมีแอร ไมมีโทรทัศน แตแลวเขากลับมี ความพึงพอใจ เพราะอะไร ก็เพราะเขาไดพบความสุขภายใน เปนความสุขที่เกิดจาก ความสงบ ไมวุนวาย นี้แหละคือความหมายของความสุขจากชีวิตที่เรียบงาย คนทั่วไปที่ใจวาวุน ชีวิตวุนวาย พอไดพบความสงบเพราะไมมีสิ่งกระตุนเรา ไมมีอะไรดึงความสนใจหรือแยงชิงเวลาไปจากตัวเอง มีชีวิตที่ไมเรงรีบ เขาจะเริ่มมี ความสงบในจิตใจ จิตเกิดสมาธิ นี้คือเสนหที่ทําใหผูคนติดใจชีวิตที่เรียบงายในปา แตไมจําเปนที่เราตองเขาปาจึงจะพบชีวิตที่เรียบงาย อยูในเมืองเราก็สามารถมีชีวิตที่ เรียบงายได คนที่เขาถึงความสุขจากที่ชีวิตที่เรียบงายนี่แหละที่สามารถหันหลัง ใหกับสิ่งเราเยายวน สามารถเมินเฉยกับสินบนที่มีคนมาเสนอให เพราะเขาเห็นวา
๑๙
มีเงินมากๆ ก็ไมมีความสุข อีกทั้งตัวเขาเองก็มีความสุขอยูแลวจากชีวิตที่เรียบงาย การที่ขาราชการหรือนักการเมืองออนไหวตอสินบน เพราะวาลึกๆ เขาไมมี ความสุข เขาไมสามารถจะเขาถึงความสุขจากชีวิตที่เรียบงายได เมื่อไมมีความสุข ภายใน จึงหวังความสุขจากวัตถุ เห็นวาการมีเงินมากๆ เปนของดี มองไมเห็นวา รวยกับซวยมันใกลกันอยางไร นี้เปนทัศนคติที่สรางปญหาแกขาราชการและสงผล เสียตอระบบราชการ จึงเปนทัศนคติที่ควรเปลี่ยนแปลง ไมเปรียบเทียบกับผูอื่น ข า ราชการจะมั่ น คงในความซื่ อ สั ต ย สุ จ ริ ต ได ก็ เ พราะมี ค วามสุ ข กั บ ชี วิ ต ที่เรียบงาย อยางไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่จะชวยใหชีวิตที่เรียบงายเกิดขึ้นไดและนําความสุข มาให ก็คือ การไมคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ถาเราชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น เชนเปรียบกับคนขางบานวา เขามีรถราคาแพงกวาเรา มีบานใหญกวาเรา หรือ เปรียบกับเพื่อนรวมงานวามีเงินเดือนสูงกวาเรา เราจะทุกขเลย รูสึกไมพอใจที่มีบาน หลังเล็กกวาเขา มีเงินเดือนนอยกวาเขา คนทุกวันนี้เปนทุกขกันมากเพราะชอบ เปรียบเทียบกับคนอืน่ โดยเฉพาะเรือ่ งการมีวตั ถุ จึงรูส กึ ไมพอใจในสิง่ ทีต่ วั เองมีหรือเปน คุณมีเงินเดือนเปนแสน คุณก็ยังทุกข ถาคุณรูวาเพื่อนรวมรุนมีเงินเดือนมากกวาคุณ คุณมีเงินเดือน ๕ แสนก็ยังทุกขเมื่อรูวาเพื่อนที่นั่งอยูขางๆ คุณในงานเลี้ยงรุนมีเงิน เดือนเปนลาน การเปรียบเทียบมักทําใหเราไมมีความสุขกับสิ่งที่เรามีเราเปน แมไดโชคได ลาภมาก็ยังทุกขหากพบวาตนเองไดนอยกวาคนอื่น เมื่อวานอาตมาไปบรรยายที่หอ จดหมายเหตุพุทธทาส ฯ ไดพกหนังสือจํานวนหนึ่งไปแจก ตอนแรกอาตมาแจก หนังสือเลมเล็ก คนที่ไดรับก็ดีใจ พอหนังสือเลมเล็กหมด อาตมาก็หยิบหนังสืออีก ปกหนึ่งมาแจกตอ แตคราวนี้เปนหนังสือเลมใหญ คนที่ไดเลมเล็กไปกอน พอเห็นคน อื่นไดเลมใหญกวา ที่เคยดีใจก็เปลี่ยนเปนไมดีใจแลว อยากไดเลมใหญอยางคนอื่น บาง มาถามอาตมาวาขอเปลี่ยนเปนเลมใหญไดไหม เนื้อหาสองเลมนี้แตกตางกัน อยางไรไมรู แตอยากไดเลมใหญ ถาไมไดเลมใหญจะเสียใจ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกดีใจที่
๒๐
ไดมา แตตอนนี้ไมอยากไดแลว เพราะมีเลมใหญกวามาเปรียบเทียบ ถาเราชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น เราจะมีความสุขไดยาก เพราะเราจะเห็น วาคนอื่นมีมากกวาเรา มีดีกวาเราอยูเสมอ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ชวยใหเราพอใจ ในสิ่งที่มี และมีความสุขกับชีวิตที่เรียบงายก็คือ เปรียบเทียบกับคนอื่นใหนอยลง เขาจะมีมากกวายังไงก็เปนเรื่องของเขา แตฉันมีความสุขแลวกับสิ่งที่ฉันมีฉันเปน และถาเราเห็นมากกวานั้นวา การที่เขามีเยอะๆ ไมไดแปลวาเขามีความสุขนะ ที่จริง มันทําใหเขามีภาระเพิม่ ขึน้ เราก็จะไมอจิ ฉาเขา กลับเห็นใจเขาดวยทีม่ สี ง่ิ เหลานีเ้ ปนภาระ อาตมาไดรูจักเพื่อนคนหนึ่งเปนนักเลนหุน เขาเลาใหฟงวาเจอคุณปาคนหนึ่ง ซึ่งเปนนักเลนหุนเหมือนกัน คุณปาคนนี้บอกวาเมื่อ ๒-๓ วันกอน เธอขายหุนไปตัว หนึ่งไดกําไร ๑๐ ลานบาท เพื่อนอาตมาจึงบอกเธอวา “ขอแสดงความยินดีดวยครับ คุณปา” คุณปาตอบวา “ยินดีอะไรกันละ ถาฉันขายหุนวันนี้ฉันได ๒๐ ลานแลว” คุณปาไมพอใจที่ได ๑๐ ลานบาท ๑๐ ลานบาทเปนเงินที่เยอะมาก มากกวาถูก รางวัลที่ ๑ เสียอีก แตคุณปาไมมีความสุขเลยที่ไดมา เพราะอะไร เพราะเธอคิดวา ฉันนาจะได ๒๐ ลาน วันรุงขึ้นคุณปาไมมาที่ตลาดหุนเหมือนเคย เพื่อนอาตมา จึงไปถามเจาหนาทีม่ ารเก็ตติง้ วาคุณปาหายไปไหน ไดคาํ ตอบวาคุณปาเขาโรงพยาบาล ทราบไหมวาคุณปาเขาโรงพยาบาลเพราะอะไร คุณปาลมปวยเพราะเครียด เครียด ที่ไดแค ๑๐ ลานบาท ได ๑๐ ลานก็ไมมีความสุข ตราบใดที่คิดวาฉันนาจะได ๒๐ ลาน หลายคน ก็ เ หมื อ นกั น คุ ณ ได เ ท า ไรคุ ณ ก็ ไ ม มี ค วามสุ ข ถ า คุ ณ คิ ด ว า ฉั น น า จะได ม ากกว า นี้ ความคิดอยางนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น เมื่อเห็นวาเขาไดอยางนี้ ก็เลย คิดวาฉันก็นาจะไดบาง อยางคนที่ไดหนังสือเลมเล็ก พอเห็นคนอื่นไดเลมใหญ ก็เลยคิดวาฉันนาจะไดเลมใหญบาง ถาไมไดจะเปนทุกขทันที ขาราชการบางคนได เลื่อน ๑ ขั้น ดีใจ แตพอเห็นเพื่อนไดเลื่อน ๒ ขั้น ก็คิดวาฉันนาจะได ๒ ขั้นบาง คราวนี้เลยไมพอใจที่ได ๑ ขั้น ถาเราเปรียบเทียบคนอื่นใหนอยลง แลวหันมาชื่นชมกับสิ่งที่เรามี เราจะมี
๒๑
ความสุขไดงาย ความสุขเกิดขึ้นไดงายมากหากเราพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได รวมทั้งใช สิ่งที่มีใหเกิดประโยชนมากที่สุด นั่นหมายความวา แมเราจะมีนอยกวาคนอื่น แตเรา พอใจสิ่งที่มีและใชสิ่งที่มีใหเกิดประโยชนเต็มที่ ความสุขก็อยูไมไกล มีชาวญีป่ นุ คนหนึง่ เกิดมาพิการทัง้ แขนและขา มีแตตวั กับหัว แขนและขางอก ออกมาเปนปุมเล็กๆ เขาชื่อโอโตทาเกะ เขียนหนังสือชื่อวา “ไมครบหา” ไมครบหา คือมีแตหัว ไมมีแขน ๒ ไมมีขา ๒ ในหนังสือเลมนี้มีประโยคหนึ่งที่เขาเขียนไดนา ประทับใจมาก คือ “ผมเกิดมาพิการแตมีความสุขและสนุกทุกวัน” เขาไมมีความทุกขแมไมมีแขน ไมมีขาเหมือนคนอื่น เพราะเขาพอใจในสิ่งที่ เขามี และใชอวัยวะทุกอยางทีม่ ใี หเกิดประโยชนอยางเต็มที่ เขาสามารถกินอาหารเอง ใสเสือ้ ผาเอง ชวยตัวเองไดเกือบทุกอยาง เลนกีฬา เลนบาสเก็ตบอลก็ได ฝรัง่ คนหนึง่ ชื่อนิค วูยิซิซ มีรูปรางคลายๆ โอโตทาเกะ ยิ้มงายเหมือนโอโตทาเกะ เขาไมรูสึกวา ความพิการเปนปญหา เพราะเขาไมจดจอใสใจกับสิ่งที่ไมมี แตหันมาใสใจใหคุณคา กับสิ่งที่เขามี ความสุขของคนเรานั้น ไมไดอยูที่มีนอยหรือมีมาก แตอยูที่พอใจในสิ่งที่เรามี หรือเปลา แมมีนอยแตพอใจในสิ่งที่มี ก็มีความสุข แตถึงจะมีมาก แตไมพอใจ อยากไดอีก ก็ไมมีความสุข นี้คือเหตุผลที่วาทําไมหลายคนจึงมีความสุขจากชีวิตที่ เรียบงาย ทั้ง ๆ ที่มีสมบัติไมมาก รถก็ไมมี บานก็เชาเขา แตกลับมีความสุขกวา มหาเศรษฐีเสียอีก เขาถึงความสุขที่ไมอิงวัตถุ นอกจากการเข า ถึ ง ความสุ ข จากชี วิ ต ที่ เรี ย บง า ย สิ่ ง หนึ่ ง ที่ ช ว ยให เรามี ความสุขไดงาย ก็คือ ความสามารถในการเขาถึงความสุขที่ไมอิงวัตถุ มีความสุข หลายอยางที่ไมอิงวัตถุ ถาความสุขของเราผูกติดกับวัตถุอยางเดียว เราก็จะเปน ทาสวัตถุ เปนทาสเงินทอง สุดทายก็อดไมไดที่จะตองทําทุกอยางเพื่อใหไดเงินเยอะๆ เพื่อใหไดมีบานหลังใหญ มีรถหลายคัน อาจทําใหเราตองคอรรัปชั่น แตถาเรา
๒๒
สามารถเขาถึงความสุขทีไ่ มองิ วัตถุ เราจะพึง่ พาวัตถุนอ ยลง เปนอิสระจากเงินมากขึน้ และไมมีแรงผลักดันใหตองหาเงินมาเยอะ ๆ จนแมแตจะตองคอรรัปชั่นก็ยอม ความสุขที่ไมอิงวัตถุหมายถึงอะไร หมายถึงความสุขที่เกิดจากการทํางานที่ ตนเองรัก ความสุขจากการไดอยูกับครอบครัว ความสุขจากใจที่สงบ ความสุขจาก สมาธิภาวนา คนเราถามีความสุขจากการทํางาน ก็จะไมแครวาใครจะไดเงินเดือน เทาไร เมือ่ เชาอาตมาก็ไปพูดที่ กฟผ. มีคนหนึง่ ถามประเด็นนี้ คือเขาไมคอ ยมีความสุข กับการทํางาน ถาใครมีปญหาแบบนี้ก็ตองถามตัวเองวาไมมีความสุขเพราะอะไร คนจํานวนไมนอยไมมีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นทํางานนอยกวาตน รูสึกวาฉันทํางาน มากกวาคนอืน่ ทําแลวไมมใี ครเห็นความดีของฉัน ทําดีแตไมไดดี ไดเลือ่ นขัน้ นอยหรือ ไมไดเลื่อนขั้นเลย ทั้งหมดนี้เปนสัญญาณวาเขาไมมีความสุขจากการทํางาน คนเรา ถามีความสุขกับการทํางาน จะไมแครวาใครทํางานนอยกวาฉัน จะไมแครวาเจานาย เห็นความดีของฉันหรือเปลา เพราะนั่นเปนผลพลอยได หรือเปนสวนเกิน ถาเรามี ความสุขกับการทํางานเราจะแครสิ่งเหลานี้นอยลง ความสุขจากการทํางานจะชวยหลอเลี้ยงใหเรามั่นคงอยูในความถูกตอง อยูในความบริสุทธิ์ยุติธรรมได โดยเฉพาะทุกทานซึ่งเปนสวนหนึ่งของกระบวนการ ยุติธรรม ลวนตองการเห็นความยุติธรรมในสังคม ผูใหญทานหนึ่งในวงการยุติธรรม คือ อาจารยจิตติ ติงศภัทย ทานเห็นวาบริสุทธิ์กับยุติธรรมนั้นเกี่ยวของกันมาก ทานกลาววา ความยุติธรรมเกิดจากการที่ขาราชการโดยเฉพาะในกระทรวงยุติธรรม ผูพิพากษา อัยการ มีความบริสุทธิ์ ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อมีความบริสุทธิ์หรือสุจริต ก็จะ ทําใหเกิดความยุติธรรมเปนผลตามมา อาตมาอยากเสริมวา ความสุจริตเกิดขึ้นไดก็เพราะมีความสุขเปนเครื่องหลอ เลี้ยง มีความสุขที่ไดทําสิ่งที่ถูกตอง เกิดความภาคภูมิใจที่ไดทํางานดวยความซื่อสัตย สุจริตและมีชีวิตที่เรียบงาย เราจะมั่นคงในคุณธรรม โดยเฉพาะเบญจธรรมที่อาตมา พูดถึง ก็เพราะสามารถเขาถึงความสุขภายใน มีความสุขเปนเครื่องหลอเลี้ยง ไมใช เพราะมีเงินเดือน หรือเพราะมีตําแหนงเปนเครื่องหลอเลี้ยง แนนอนปุถุชนก็ตอง
๒๓
หวังสิ่งเหลานี้บาง แตอยาใหมันเปนใหญ หรือยอมตกเปนทาสของมัน ถ า เรามี ค วามสุ ข ในชี วิ ต ที่ เรี ย บง า ย มี ค วามสุ ข เพราะได ทํ า สิ่ ง ที่ มี คุ ณ ค า มีความสุขเพราะเราไดทําสมาธิภาวนาเปนประจํา ความสุขเหลานี้จะหลอเลี้ยงใหใจ เราตั้งมั่นในเบญจธรรม ทําใหเรามั่นคงในความซื่อสัตยสุจริต สิ่งเหลานี้ทําใหเรามี ภูมิตานทานในจิตใจ สามารถรับมือกับสิ่งลอเราเยายวนที่ชวนใหเราใชอํานาจในทาง มิชอบเพื่อความมั่งคั่งเพื่อความรํารวยอยางที่หลายๆ คนมุงหมาย ทําใหเรากลาที่จะ ทวนกระแสกิเลสภายใน กิเลสที่ตองการความสบาย อยากใหผูคนนับหนาถือตา ยกยองสรรเสริญ นอกจากการกลาทวนกระแสกิเลส อันเปนกระแสภายในแลว เรายังควรกลาทวนกระแสภายนอก ไมวาแรงกดดันจากผูมีอํานาจ จากนักการเมือง จากผูมีอิทธิพล หรือจากกระแสสังคม เราก็ไมควรหวาดหวั่นพรั่นพรึง แมสังคม รอบตัวจะหลงใหลเชิดชูกับลาภสักการะหรือหนาตา เราก็ไมหวั่นไหวคลอยตาม กลาที่จะทวนกระแสโดยยึดเอาความถูกตอง กลาที่จะตัดสินตามหลักวิชาหรือตาม หลักการที่มุงความเที่ยงธรรม มีภูมิตานทานตอสิ่งเยายวน อันนี้คือสิ่งที่อาตมาคิดวาขาราชการในระบบยุติธรรมควรมี ซึ่งรวมถึงอัยการ ดวย เพราะอัยการเปนขอตอสําคัญของกระบวนการยุติธรรม เปนฐานรองรับระบบ ยุติธรรมเอาไว เรียกไดวาเปนตัวพยุงความเปนธรรมในสังคม ถาอัยการไมทําหนาที่ อยางถูกตองดวยความซื่อสัตยสุจริตหรือบริสุทธิ์ยุติธรรมแลว ความเปนธรรมใน สังคมก็จะเลือนหายจนกระทั่งไมเหลือ สิ่งที่ตามมาคือความวุนวาย สังคมไทยตอนนี้ จะวาไปแลวอยูในสภาพที่ลอแหลมมาก จนอาจเลือดตกยางออกไดอีกทุกเมื่อ ความเปนธรรมหรือหลักนิติธรรมเปนสิ่งที่ชวยคํ้าจุนใหบานเมืองเปนปกติสุข ไมวุนวาย ไมเรรวนปรวนแปรจนวิกฤต เพราะฉะนั้นอํานาจและหนาที่ที่ทานมีจึงมี ความสําคัญมากในการชวยพยุงและประคับประคองบานเมืองใหสงบสุข สามารถ เดินหนาไปได แมวาขางหนาจะเต็มไปดวยความไมแนนอน แตก็ยังมีความหวังวาจะ เดินหนาไปไดดวยดี อยางไรก็ตามอํานาจนั้นเปนดาบสองคม เพราะมันมักดึงดูดเอา
๒๔
สิ่งลอเราเยายวนเขามาหา ทําใหเราไขวเขว ออนไหว หรือทําในสิ่งที่ไมถูกตองได ยุคนี้เปนยุคที่ทุกอยางถูกแปรเปนตัวเงิน ไมเวนอํานาจและชื่อเสียงเกียรติยศ ทุกวันนี้เราจึงเห็นแทบทุกวงการใชอํานาจไปในทางที่ผิด คือ เปลี่ยนอํานาจใหกลาย เปนเงินทอง ทรัพยสมบัติ เพื่อแลกกับความไมถูกตอง อํานาจของนักการเมืองหรือ ขาราชการก็เชนกัน กําลังถูกแปรเปนทรัพยสินเงินทองจํานวนมหาศาล ซึ่งเปนเรื่อง ทีน่ า เปนหวงมาก เพราะการแปลงอํานาจหนาทีเ่ ปนทรัพยสนิ เงินทองบอยครัง้ เปนไป เพื่อจุดมุงหมายที่ไมถูกตองชอบธรรมเลย ดังนั้นเมื่อเรามีอํานาจมากเทาไร สิ่งลอเรายั่วยวนก็เพิ่มมากขึ้นเทานั้น ถาเรา ไมมคี วามมัน่ คงในจิตใจ ไมมคี วามเขมแข็งภายใน หรือไมมคี วามสุขจากการทําสิง่ ทีด่ งี าม ก็งายที่เราจะโอนออนไปตามสิ่งลอเราเยายวนเหลานั้น ยอมทําสิ่งที่ไมถูกตองเพราะ หวังผลตอบแทนคือทรัพยสินเงินทอง ความรํารวย ดวยเหตุนี้อาตมาถึงเนนวา จําเปนมากที่ขาราชการอัยการตองมีภูมิตานทานตอสิ่งลอเราเยายวน มีภูมิตานทาน ตอลาภยศสรรเสริญ เพราะสิ่งเหลานี้สามารถลอเราเยายวนใหเราทําสิ่งที่ไมถูกตอง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ หรือโลกธรรมนัน้ ก็เชนเดียวกับกามสุข มันใหความสุข ก็จริง แตกเ็ จือไปดวยโทษ อีกทัง้ ยังไมเทีย่ ง ตอนทีไ่ ดมาเราก็มคี วามสุขแตพอเสียมันไป ก็ทุกข และเปนธรรมดาของโลก เมื่อไดมาก็ตองเสียไป เมื่อมีก็ตองหมด เมื่อพบก็ ตองพราก เมื่อเจอก็ตองจาก นี้คือความจริงที่ไมมีใครหนีพน ไมวาเรามีอะไรก็ตาม สักวันหนึ่งก็ตองสูญเสียมันไป ไมสูญเสียวันนี้ พรุงนี้ก็ตองสูญเสีย ถาไมเสียตอนเปน ก็เสียตอนตาย เพราะฉะนัน้ ถาเราฝากใจไวกบั โลกธรรม เราจะไมมคี วามสุขทีแ่ ทจริงเลย เราจําเปนตองมีภมู ติ า นทานตอลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ไมหลงใหลในสิง่ เหลานี้ จนยอมที่จะทําสิ่งที่ไมถูกตอง เชน คอรรัปชั่น หรือสรางความไมเปนธรรมใหเกิดขึ้น ถาเรามีภูมิตานทานตอสิ่งเหลานี้ ไมหลงใหลมัน เราก็จะกลาทําสิ่งที่ถูกตองโดยไม ยึดติดกับตําแหนง แมจะตองสูญเสียตําแหนงเพราะทําสิ่งที่ถูกตอง ก็ไมกลัว อัยการนัน้ มีอาํ นาจในการใหโทษกับผูท ท่ี าํ ผิดกฎหมาย ไมเวนแมกระทัง่ ผูม อี าํ นาจ หรือผูมีอิทธิพล คนเหลานี้ทีแรกอาจจะยื่นรางวัลใหเราเพื่อใหเราตัดสินในทางที่เปน
๒๕
คุณกับเขา แตถาเราไมทําตามเขา เขาก็จะเปลี่ยนมาขมขูคุกคามเราแทน ดังนั้น นอกจากเบญจธรรมที่อาตมากลาวมาแลว อัยการยังตองมีความกลา ไมกลัวการ ขมขูคุกคามไมวาจากผูมีอิทธิพล นักการเมือง หรือจากประชาชน อีกประการหนึ่งที่ตองมี คือการรูเทาทันอคติของตัวเอง ตอนนี้ความขัดแยง ในเมืองไทยไมใชความขัดแยงในเรื่องผลประโยชนเทานั้น แตยังมีความขัดแยง ทางอุดมการณ ขาราชการอัยการเปนปุถุชน ยอมมีอคติสวนตัว ยอมมีความชอบ และไมชอบอุดมการณใดอุดมการณหนึง่ รวมทัง้ ชอบคนกลุม หนึง่ ไมชอบคนอีกกลุม หนึง่ อันนี้ก็เปนเรื่องอุดมการณเชนกัน มนุษยเรามีความโนมเอียงแบบนี้ได แตเราตอง รูทันความโนมเอียงหรืออคติเหลานั้น ไมใหอคตินั้นมาครอบงําหรือกํากับการใช ดุลพินิจของเรา ทั้งนี้เพื่อปฏิบัติหนาที่ไดอยางเที่ยงธรรมและถูกตองตามหลักวิชาชีพ สามารถคงความเปนมืออาชีพเอาไวได ความเปนมืออาชีพเปนเรื่องดี เพราะวามืออาชีพที่แทจะซื่อตรงตอหนาที่ มุงทําหนาที่ใหดีที่สุด โดยไมเอาอารมณของตนเปนที่ตั้ง ดาราที่เปนมืออาชีพ ไมวา จะดังแคไหน ไดตุกตาทองกี่ตัว เขายอมถือวาผูกํากับนั้นใหญสุด ดังนั้นจึงตองฟง ผูก าํ กับ แมผกู าํ กับจะเปนคนหนาใหม อายุออ นกวาตัว แตกต็ อ งฟงเขา ดาราไทยคนหนึง่ ที่ไดรับคําชมวาเปนมืออาชีพคือ รุจน รณภพ เหตุผลก็คือเขาไมเอาตัวเองเปนใหญ พรอมฟงผูกํากับ ทั้งๆ ที่ผูกํากับอายุนอยกวาตน ผูกํากับวาอยางไรเขาก็ทําและเขา ก็ทําใหดีที่สุดตามที่ผูกํากับบอก ความเปนมืออาชีพ ไมเอาตัวเองเปนที่ตั้ง แตเอาหนาที่และความรับผิดชอบ เปนใหญ คือสิ่งที่ตองมีในขาราชการอัยการ เมื่อทํางาน ก็เอาหลักการ หรือตัวบท กฎหมายเปนใหญ ไมเอาอคติสวนตัวมาเปนตัวตัดสิน แมตองทําคดีที่เกี่ยวของกับ คนที่เราไมเห็นดวยในทางการเมือง ถาเขาผิดก็ตองวาไปตามผิด แตถาเขาไมผิดและ ไปเอาเขาผิด เพราะเราไมชอบเขา ก็แสดงวาเรามีอคติ เราไมไดทําหนาที่ดวยความ เที่ยงธรรม เราไมใชมืออาชีพแลว
๒๖
ความยุติธรรมนําความสงบสุขใหแกแผนดิน ขาราชการอัยการเปนผูมีหนาที่พยุงความเที่ยงธรรมในสังคม จําเปนตองรู เทาทันอคติของตัวเองไมตดั สินตามอคติของตน แตทาํ ตามหลักวิชา ตามหลักกฎหมาย ตามหลักนิติธรรม นี้เปนเรื่องที่ทาทายมาก เพราะอาตมาไดพูดไปแลววา เวลานี้ มีคนเปนอันมากตั้งคําถามกับกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย เพราะเขาเห็นวา กระบวนการยุติธรรมของไทยไมวาขั้นตอนใด ถูกใชหรือถูกบิดเบือนเพื่อสนองผล ประโยชนของผูมีอํานาจ ไมใชแคนักการเมือง แตรวมถึงผูมีอิทธิพลในทางธุรกิจ เศรษฐี เวลามีคดีความระหวางเศรษฐีกับประชาชน ก็มักจะมีขอครหาวาประชาชน เปนฝายเสียเปรียบอยูเสมอ เวลามีความขัดแยงระหวางธุรกิจขนาดมหึมาซึ่งมี โครงการหลายพันลาน กับประชาชน ซึ่งตองการพิทักษรักษาทรัพยากรในทองถิ่น ปรากฏวาประชาชนเปนฝายเสียเปรียบแมกระทั่งในกระบวนการยุติธรรม ทุกวันนี้ตองยอมรับวาปจจุบันมีความขัดแยงในหลายระดับ ระหวางคนรวย กับคนจน ระหวางทุนโลกาภิวัตนกับประชาชนที่ฝากชีวิตไวกับปาเขาและที่นา เวลามีความขัดแยงในเรือ่ งทรัพยากรธรรมชาติ มักปรากฏวาชาวบานเปนฝายพายแพ แมจะมีการนําความขัดแยงขึน้ สูก ระบวนการยุตธิ รรมแลวก็ตาม ยิง่ ไปกวานัน้ บอยครัง้ คนที่ เ ป น ผู นํ า ชาวบ า นก็ ถู ก ยิ ง ตาย โดยไม ส ามารถจั บ มื อ ป น หรื อ ถึ ง จั บ ได ก็ ไ ม สามารถสาวไปถึงผูที่บงการได ทุกวันนี้มีคดีแบบนี้หลายสิบคดี อาตมามีเพื่อนเปนพระชื่อพระสุพจน สุวโจ ถูกฆาตายเมื่อป ๒๕๔๘ เปน พระทีเ่ รียบรอยมากแตวา สํานักของทานในอําเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม เปนทีห่ มายปอง ของผูมีอิทธิพลในทองถิ่น ซึ่งเปนเครือขายของนักการเมืองระดับประเทศ เดี๋ยวนี้ คนรวย กับนักการเมืองทองถิน่ และนักการเมืองระดับประเทศมักแยกกันไมคอ ยออก เขาอยากไดที่ดินของทาน แตทานไมยอมยาย ก็ถูกฆาเปนศพ ทุกวันนี้ก็ยังจับตัว ฆาตกรไมได อีกทั้งมีเหตุใหเชื่อไดวาตํารวจทองถิ่นมีสวนรูเห็นหรือชวยปกปอง ผูกระทําผิดและผูบงการซึ่งเปนนักการเมืองและผูมีอิทธิพลในทองถิ่น กระบวนการ ยุติธรรมไมสามารถเอาคนผิดเหลานี้มาลงโทษได ทั้งที่เรื่องนี้ไปอยูในมือ DSI ก็ไมมี
๒๗
อะไรคืบหนา อันนี้เปนตัวอยางเล็กๆ ที่ชี้วาในสังคมไทยตอนนี้มีความไมเปนธรรมเกิดขึ้น ซําแลวซําเลากับประชาชนคนเล็กคนนอย แมกระทั่งพระก็ไมละเวน ถาหากวา กระบวนยุตธิ รรมทํางาน ตํารวจ อัยการ ศาล เขมแข็ง อาตมาเชือ่ วาการใชอาํ นาจมืดหรือ การใชอาํ นาจเถือ่ นแบบนีจ้ ะนอยลง และประชาชนจะสามารถเงยหนาอาปากได ความ ขัดแยงจะแกไขดวยการเจรจาหรือกระบวนการปกติมากขึน้ แทนทีจ่ ะหันไปใชอาํ นาจ มืดหรือความรุนแรง ซึ่งเทากับทําใหบานเมืองไมมีขื่อไมมีแป ทุกวันนี้เปนที่รูกันวา คนที่มีอํานาจพรอมใชวิธีการที่ผิดกฎหมายเพื่อบรรลุ ผลประโยชนของตน เพราะเขารูวา ยังไงเรื่องก็ไมถึงศาล หรือถึงศาล ก็ไมถูกลงโทษ เพราะมีการวิ่งเตนทําใหสํานวนออน หรือมีการเปาคดี ปรากฏการณอยางนี้เทากับ เพิ่มแรงจูงใจใหกับคนที่มีอํานาจใชวิธีนี้กับคนเล็กคนนอยมากขึ้น แลวบานเมืองจะ เปนอยางไร ถาชาวบานที่เดือดรอน ไมสามารถพึ่งพากระบวนการยุติธรรมได เขาก็ จําตองใชวิธีอื่น เมื่อประทวงโดยสันติวิธี แลวถูกฆา เขาก็ตองหันมาใชความรุนแรง เพราะไมมีใครที่ยอมถูกเอาเปรียบหรือรังแกไปไดตลอด ความสํานึกเรื่องความเที่ยงธรรมเปนสํานึกที่รุนแรง ผูคนเมื่อรูสึกวาตนไมได รับความเที่ยงธรรม เขาพรอมที่จะลุกฮือ หรือใชวิธีการที่รุนแรง อันนําไปสูการ ทํ า ลายล า งได การปฏิ วั ติ ทุ ก ครั้ ง ในอดี ต โดยเฉพาะการปฏิ วั ติ ค รั้ ง สํ า คั ญ ใน ประวัติศาสตร เชน การปฏิวัติในฝรั่งเศส ในรัสเซีย ในจีน ในเวียดนาม ซึ่งกอใหเกิด การทําลายลางอยางมหาศาล ลวนเกิดจากการที่ประชาชนโกรธแคนที่ไมไดรับความ เปนธรรม ทําไมประชาชนคนเล็ก ๆ สามารถโคนลมระบอบปกครองที่ยิ่งใหญทรง พลั ง ได ก็ เ พราะเขาเกิ ด สํ า นึ ก ว า ไม อ าจฝากความหวั ง ไว กั บ ระบอบที่ ก ดขี่ แ ละ อยุติธรรมได ไม ว า ที่ ไ หนหากผู ค นรู สึ ก อย า งแรงกล า ว า ตนไม ไ ด รั บ ความเป น ธรรม ถู ก กระทํ า ด ว ยความรุ น แรง ก็ พ ร อ มจะใช ค วามรุ น แรงเข า ตอบโต ผลก็ คื อ เกิ ด ความวุนวายถึงขั้นมิคสัญญีได ดังที่ปรากฏมาแลวในประวัติศาสตรครั้งแลวครั้งเลา
๒๘
เพราะฉะนั้นหากเราไมตองการใหความรุนแรงในบานเมืองลุกลามไปมากกวานี้ เราจะตองชวยกันผดุงความยุติธรรมใหได เพื่อใหประชาชนเกิดความไววางใจใน กระบวนการยุติธรรม เห็นวาเปนที่พึ่งของเขาได สามารถใหความเปนธรรมแกเขาได ปกปองเขาได รวมทั้งปกปองทรัพยากร วิถีชีวิต และสิทธิเสรีภาพของเขาได อิสระจากอํานาจเงิน ในฐานะที่ เ ป น ข อ ต อ สํ า คั ญ ของกระบวนการยุ ติ ธ รรม อั ย การมี บ ทบาท อยางสําคัญในการทําใหประชาชนมีความรูสึกในทางบวกตอกระบวนการยุติธรรม ของบานเมือง และทําใหเขามีความหวังในการแกปญหาความขัดแยงดวยสันติวิธี นีค้ อื สิง่ ทีป่ ระชาชนอยากเห็นมาก การทีอ่ ยั การจะทําเชนนัน้ ได นอกจากการปรับเปลีย่ น ทัศนคติดังที่อาตมาไดกลาวมาแลว สิ่งที่ขาดไมไดก็คือการปฏิรูประบบดวย ทุกวันนี้ ระบบอัยการสามารถเปนอิสระจากการเมืองไดมากแลว แตอาตมาคิดวา อิสระจาก การเมืองไมพอ จําเปนตองอิสระจากทุน จากอํานาจเงินดวย จะทําอยางไร อาตมา ไมมีความรูพอที่จะตอบได แตเห็นวานี้คือโจทยใหญของอัยการ ที่จริงเปนโจทยใหญ ของทุกวงการในสังคมไทย สื่อมวลชนเมืองไทยตอสูมาเปนเวลาชานาน จนมีสิทธิเสรีภาพอยางมาก รัฐบาลจะมาปดปากงายๆ เหมือนเมื่อกอนไมได สมัยกอนรัฐบาลเผด็จการสามารถ เอาโซมาลามแทนพิมพไดตามอําเภอใจ แตเดี๋ยวนี้รัฐบาลทําอยางนั้นไมได อยางไร ก็ตามแมสื่อมวลชนเปนอิสระจากรัฐไดมากแลว แตทุกวันนี้กลับถูกครอบงํากํากับ โดยนายทุน สามารถถูกซื้อหรือถูกกําหนดดวยอํานาจเงินได อํานาจเงินตอนนี้ ทรงพลังมาก มันสามารถมีอิทธิพลตอทุกวงการ ไมเวนแมแตคณะสงฆ ดังทุกวันนี้มี การใชเงินจํานวนมหาศาลในการวิ่งเตนเพื่อเลื่อนสมณศักดิ์ สิ่งเหลานี้ก็เกิดขึ้นกับ แวดวงยุติธรรมดวยเชนกัน ดังนั้นโจทยใหญสําหรับอัยการก็คือ จะธํารงความบริสุทธิ์ยุติธรรมไดอยางไร ทามกลางกระแสเงินตราที่เชี่ยวกรากและทรงพลัง จะเปนอิสระจากการครอบงํา ของอํานาจทุนไดอยางไร อาตมาอยากเห็นสถาบันอัยการสามารถกาวขามปญหา
๒๙
เหลานี้ไปได ประเด็นนี้โยงไปถึงเรื่องความยุติธรรมภายในสถาบันอัยการดวย การทีอ่ ยั การจะผดุงความยุตธิ รรมใหเกิดขึน้ ในสังคมไทย หรือมอบความยุตธิ รรม ใหแกประชาชน สิง่ หนึง่ ทีจ่ าํ เปนมากก็คอื ระบบอัยการเองก็ตอ งมีความยุตธิ รรมภายใน ปญหาที่เกิดขึ้นกับทุกวงการก็คือ ก็คือไมมีความยุติธรรมภายใน เวลามีการแตงตั้ง หรื อ การเลื่ อ นขั้ น เลื่ อ นตํ า แหน ง ผู ค นไม ค อ ยมี ค วามเชื่ อ มั่ น ว า จะเป น ไปอย า ง บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือเกิดความเที่ยงธรรมภายในองคกร อันนี้เปนปญหาในหลาย แหงมาก อัยการไมสามารถที่จะใหความเที่ยงธรรมกับผูอื่นได ถาหากวาภายใน องคกรเองขาดความเที่ยงธรรม อัยการจะสามารถใหความเที่ยงธรรมกับใครได ก็ตอ เมื่อสรางความมั่นใจวาในองคกรมีความเที่ยงธรรมเกิดขึ้นดวย นี้เปนประเด็นที่ อยากจะฝากไว อาตมาขอปดทายดวยคําพูดของปลัดธํารงค เขาบอกวา “ผมเชื่อวาสังคม ตองมีทใ่ี หคนดียนื ถาทุกคนตางยอมหมด ถาทุกคนทอคนดีกไ็ มมี มันตองมีทใ่ี หเรายืน เราตองยึดในอุดมการณที่มี คือ ไมคด ไมโกง มันตองมีที่ใหเรายืนเราสามารถที่จะ ทํางานโดยที่เราไมพายแพตออํานาจที่เปนอธรรม” ทายสุดก็คือพระบรมราโชวาทของในหลวง ที่ทรงพระราชทานแกผูพิพากษา เมื่ อ ป ๒๕๕๓ ว า “สํ า คั ญ มากที่ ท า นได ป ฏิ ญ าณตนว า จะปฏิ บั ติ ห น า ที่ ด ว ย ความซื่อสัตยสุจริต เขมแข็ง ถารักษาความซื่อสัตยสุจริตนี้ไวตลอดเวลาที่ปฏิบัติ หนาที่ตลอดชีวิตแสดงวามีคนที่อุมชูความเรียบรอยประเทศไทยจํานวนหนึ่ง ขอให ทานไดรักษาความตั้งใจของหนาที่ตามที่ไดมีคําปฏิญาณตลอดเวลา เปนตัวอยางคน ของประเทศใหมีกําลังใจที่จะปฏิบัติงานอยางซื่อสัตยสุจริต ดังที่ทานไดปฏิญาณ” นายวิชิต แกนกําจร : กราบขอบพระคุณพระอาจารยมากครับ พระอาจารยเริ่ม แสดงธรรมดวยเวลา ๑๔.๑๕ น. และจบการแสดงธรรมในเวลา ๑๕.๓๐ น. พวกเรา ไดฟงธรรมในเวลาเต็มๆ คือ ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที กิจกรรม ๒ กิจกรรมที่เหลืออยูก็คือ วาคณะผูจัดโครงการเสวนาเพื่อพัฒนาองคกรอัยการนี้ไดทราบวาพระอาจารยได ดําเนินแนวทางในการภาวนาเพื่อใหเกิดความสงบในจิตใจดวยและกิจกรรมที่เรา เหลืออีกอันหนึ่งก็คือจะขอความกรุณาจากพระอาจารยใหชวยสอนภาวนาและนํา
๓๐
การภาวนาแกพวกเราในเวลาที่พระอาจารยเห็นสมควรนั่นประการหนึ่ง สวนอีก ประการหนึ่งนั้นพวกเราที่ไดฟงธรรมแลวเกิดขอสงสัยอะไรก็ขอใหเขียนคําถามขึ้นมา ได จะไดกราบเรียนถามพระอาจารยอีกทีหลังจากที่เราทําการภาวนาแลว ก็ขอ นิมนตพระอาจารยไดโปรดเมตตาสอนภาวนาดวยครับ พระอาจารยไพศาล วิสาโล : การภาวนานี้ก็เปนการเติมความสุขใหกับจิตใจ เปนการหยั่งจิตหยั่งใจใหพบกับความสุขภายใน ขอเชิญทุกทานทดลองทํารวมกับ อาตมา ดวยการหลับตาพริ้ม ยิ้มนอยๆ ทํากายใหผอนคลาย ไลความรูสึกลงมาตั้ง แตศีรษะจรดปลายเทาใหผอนคลาย โดยเฉพาะบริเวณใบหนา ถาหากรูสึกวาหนา นิ่วคิ้วขมวดก็ใหผอนคลาย คลายกลามเนื้อทุกสวน คงเหลือไวเพียงรอยยิ้มนอย ๆ ไลลงมาทีแ่ ขนและมือตลอดจนตนคอและปลายเทา ผอนคลาย หายใจสบายๆ นอมจิต อยูที่ลมหายใจ รูสึกถึงลมหายใจเขา-ออก รูสึกเบาๆ ไมตองถึงกับกดจิตใหแนบแนน กับลมหายใจ ถาทําเชนนั้นจะรูสึกอึดอัด ใหรูสึกเบาๆ รับรูลมหายใจเขา-ออก ที่ ป ลายจมู ก ก็ ไ ด หรื อ จะตามลมหายใจเข า ลงไปจนถึ ง ช อ งท อ งแล ว ออกมาที่ ปลายจมูกก็ได จะบริกรรมดวยนับ ๑ เมือ่ ลมหายใจออกครัง้ แรก นับ ๒ เมือ่ ลมหายใจ ออกถัดมาก็ได หรือวาเพียงแครูสึกเบาๆ เมื่อลมหายใจกระทบปลายจมูกก็ไดทั้งนั้น วางความนึกคิดตางๆ ลงชัว่ คราว เรือ่ งราวทีเ่ ราไดยนิ ไดฟง มา ตัง้ แตชว่ั โมงทีแ่ ลว ขอใหวางไวกอน มีคําถามอะไรเกิดขึ้นก็ขอใหวางไวกอน สิ่งที่เราจะทําเมื่อเสร็จสิ้น การบรรยายนี้จะเปนอะไรก็ตาม สําคัญแคไหน ก็ขอใหวางไวกอนเชนเดียวกัน ใหใจ ของเราอยูกับลมหายใจ ชวงเวลาที่เรากําลังปฏิบัติอยูนี้เปนชวงเวลาที่สําคัญมาก เพราะเรากําลังอยูกับมิตรที่ประเสริฐที่สุดของเราคือลมหายใจ ลมหายใจอยูกับเรา ตั้งแตเกิดและจะจากไปในวันที่เราละโลกนี้ไป เขาอยูเคียงขางกับเรามาตลอดแตเรา ไมคอยใสใจเขาเลยอยาลืมวาเรามีทุกอยางขณะนี้ก็เพราะมีลมหายใจ ถาไมมี ลมหายใจเราก็จะไมมีและไมเหลืออะไรเลยแมกระทั่งชีวิต ฉะนั้นขอใหเราใหความสนใจกับลมหายใจของเราเหมือนกับวาเรากําลังอยู กับมิตรสําคัญที่สุด หายใจเขาก็รูสึก หายใจออกก็รูสึก หากใจนึกคิดถึงเรื่องตางๆ
๓๑
อดีตก็ตาม อนาคตก็ตาม สําคัญแคไหน คอขาดบาดตายเพียงใด ก็ขอใหวางเอาไว กอนเชนเดียวกัน เพราะวาไมมีอะไรสําคัญมากกวาสิ่งที่เราทําขณะนี้ ไมตองกดขม ความคิด ไมตองหามความคิด เพียงแครูวาใจเผลอคิดไปเทานั้นเองก็พอแลว เพราะ สติจะพาจิตกลับมาที่ลมหายใจ จิตจะฟุงซานแคไหน ไมเปนไร อยาไปหงุดหงิดกับ ความฟุงซานเพราะมันเปนธรรมดา เพียงแครูวาใจฟุงซานหรือวามีความคิดเกิดขึ้น ในใจเทานั้นก็พอแลว สติก็จะพาจิตกลับมาที่ลมหายใจเอง นายวิชิต แกนกําจร : วันนี้เราโชคดีมากที่ไดรับทั้งสวนที่เปนทั้งศีล ไดรับสวนการ ปฏิบัติสมาธิ และก็ไดรับปญญาที่เกิดจากสุตตมยปญญา (ปญญาที่เกิดจากการฟง) จินตมยปญญา (ปญญาที่เกิดจากการคิด) สวนภาวนามยปญญา (ปญญาที่เกิดจาก การภาวนา) นั้นทานผูใดภาวนาแลวจิตถึงความสงบมีสภาวธรรมใดเกิดขึ้นก็คงจะ เปนเรื่องที่เปนประโยชนสุขสวนตัวอยางยิ่ง สําหรับกิจกรรมสุดทายที่ไดกราบเรียนพระอาจารยไววาเมื่อพระอาจารยได แสดงธรรมแก พ วกเราแล ว และพวกเราได มี โ อกาสเจริ ญ ภาวนาตามแนวที่ พระอาจารยไดพาดําเนินแลว หากผูใดมีขอสงสัยจะกราบเรียนถามพระอาจารยขอ เชิญกราบเรียนถามไดเลย ในเบื้องตนนี้มีคําถามสงมา ดังนี้
ชวง ปุจฉา – วิสัชนา คํ า ถามจากผู เข า ร ว มกิ จ กรรม.ปุ จ ฉา: ได ท ราบว า พระอาจารย มี โ ครงการ “การเผชิ ญ ความตายอย า งสงบ” ขอทราบผู ที่ เข า ร ว มโครงการ วิ ธี ก ารดํ า เนิ น โครงการและผลการดําเนินโครงการเปนอยางไรบาง ขอพระอาจารยไดชวยตอบ คําถามใหพวกเราทราบดวยครับ พระอาจารยไพศาล วิสาโล วิสัชนา: โครงการนี้ก็มีหลายกิจกรรม กิจกรรมที่หลาย คนรูจักดีก็คือการอบรมเผชิญความตายอยางสงบ สวนใหญเราจะจัดประมาณ ๓ วัน เปนโอกาสใหผูเขารวมไดเรียนรูวาจะเตรียมตัวตายอยางไรถึงจะไมทุรนทุราย มีการ ซ อ มตาย มี ก ารเจริ ญ มรณสติ มี ก ารทํ า ความเข า ใจเกี่ ย วกั บ ความตาย ในขณะ
๓๒
เดียวกันก็เรียนรูวิธีการชวยเหลือผูอื่นใหตายอยางสงบ โดยอาศัยหลักธรรมมาใชใน การชวยเหลือจิตใจของผูป ว ยระยะสุดทาย มีการปฏิบตั ธิ รรมและการสวมบทบาทดวย ตอนหลังก็มอี งคกรและกลุม อืน่ ๆ นิมนตอาตมาไปจัดโดยผสมผสานการปฏิบตั ธิ รรม เขากับการอบรมแบบ Workshop มีตง้ั แต ๕ วันถึง ๗ วัน กิจกรรมนีท้ าํ มา ๑๐ ปแลว ปรากฏวามีคนสนใจมาก มีหลายโรงพยาบาลเรียกรองใหไปจัดใหเขาบาง แตก็ไม สามารถสนองความตองการไดอยางทั่วถึง เพราะปหนึ่งจัดประมาณสิบกวาครั้ง เทานั้น นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมอาสาขางเตียง คือหาอาสาสมัครไปดูแลจิตใจ ผูปวยระยะสุดทายโดยเฉพาะเด็กๆ มีการทําหนังสือ ทําซีดีเกี่ยวกับการเผชิญความ ตายอยางสงบ นายวิชิต แกนกําจร ปุจฉา: ผมไดพบบทความหนึ่งของพระอาจารยไดเขียนวา “เมื่อเจอความทุกขแตไมทุกข” ทําอยางไรถึงไมทุกข พระอาจารยไพศาล วิสาโล วิสัชนา: ความทุกขในที่นี้หมายถึงความเจ็บปวย ความพลัดพรากสูญเสียหรือความลําบากทางกาย เมื่อเจอเหตุการณเหลานี้เรา สามารถทําใจไมใหทุกขได เวลาเจ็บปวย ก็ปวยแตกาย ใจไมปวย อยางนี้เราทําได หรือเมื่อของหาย ก็หายแตของ แตใจไมหาย ใจไมเสีย อยางนี้เราทําได งานการลม เหลวไมมีใครอยากจะเจอ แตวาเจอแลวเรากลับไดประโยชนจากความลมเหลว คือ เกิดปญญามากขึน้ อันนีเ้ ปนเรือ่ งการวางใจ ซึง่ ทําไดหลายวิธี เชน เวลาเราปวด เราเมือ่ ย เรามีสติรูความปวด ความเมื่อย ก็จะเมื่อยแตกาย ใจไมปวดไมเมื่อยดวย แตถาไมมี สติเราก็จะเปนผูเจ็บผูเมื่อย ตรงขามถาเรามีสติ ก็จะเห็นความปวด ความเมื่อย เวลาเจอความพลั ด พรากสู ญ เสี ย ถ า เรามี ป ญ ญา ก็ เ ห็ น ว า เป น ธรรมดา เปนมะเร็งเราก็ไมทุกข หลายคนไดพบวา เปนมะเร็งก็ดีนะ ทําใหไดพบธรรมะ ขอบคุณที่เปนมะเร็ง เขาไมไดทุกขที่เปนมะเร็ง หรือเวลาถูกโกง ใจก็ไมทุกข มีหญิง คนหนึ่งถูกโกงไป ๖๐ ลาน เธอเสียใจอยู ๓-๔ วัน หลังจากนั้นก็ยิ้มได เพื่อนถามวา ทําไมเธอถึงยิ้มได สามีเธอยังเสียใจอยูเลย เธอตอบวา มานึกไดวาทุกวันนี้ยังมี อาหารอรอยๆ กิน ยังมีบานที่หลับนอนสบายแลวจะทุกขไปทําไม การถูกโกงเงิน
๓๓
ไปไมไดทําใหชีวิตยําแยหรือตกตําลงเลย เพราะยังอยูสบายเหมือนเดิม แลวจะทุกข ไปทําไม พูดงายๆ ก็คือเธอไมมัวคิดถึงของที่หายไปเพราะมันกลายเปนอดีตไปแลว แตหันมาใสใจหรือชื่นชมกับสิ่งที่มีอยูดีกวา ก็เหมือนกับที่อาตมาพูดเมื่อสักครูวา ถาเราหันมาพอใจสิ่งที่มี ยินดีส่งิ ที่เราได ก็ จ ะมี ค วามสุ ข ได ง า ย คนส ว นใหญ ทุ ก ข เ พราะ ๑. มั ว สนใจกั บ สิ่ ง ที่ เ สี ย ไปแล ว ๒. มัวนึกถึงสิ่งที่ยังไมมี อันนี้ทําใหทุกข เพื่อนเขามีแตเราไมมี เราก็ทุกขเพราะอยาก มีอยางเพื่อนบาง ของที่เคยมีแตหายไป เราก็ทุกขเพราะจดจอกับสิ่งที่เสียไป ในเมื่อ เรามีอะไรตออะไรมากมาย เราควรหันมาใสใจตรงนี้ ความสุขก็จะเปนเรือ่ งทีห่ าไดงา ย สรุปก็คือหากเราวางใจเปน รูจักปรับมุมมอง ก็สามารถอยูกับทุกขไดโดยที่ใจไมทุกข อยางนี้เรียกวาเจอทุกขแตใจไมทุกข นางกุสุมา เมฆเมฆา อัยการผูเชี่ยวชาญ ปุจฉา: คนเราตองเตรียมตัวตายทุกวัน การเตรียมตัวตายของเราควรปฏิบัติตัวอยางไรบางคะ พระอาจารยไพศาล วิสาโล วิสัชนา: เราควรเจริญมรณสติอยูเสมอ เชน กอนนอน เราก็พิจารณาถึงความตายวาสักวันหนึ่งจะตองเกิดขึ้นกับเรา อาจจะเกิดขึ้นกับเราใน คืนนี้ก็ได อาจจะเกิดกับเราพรุงนี้ก็ได ถาตายคืนนี้เราพรอมหรือยัง เราทําความดีมา มากพอหรือยัง หนาที่ที่สมควรทําเราทําเสร็จสิ้นหรือยัง และเราพรอมจะปลอยวาง ทุกอยางที่มีหรือไม ที่จริงมรณสติเปนสิ่งที่ตองทําบอยๆ วันละหลายครั้ง ไมใชแคทํา วันละครั้งกอนนอน เวลาเราเดินทางก็ใหลองนึกวานี่อาจเปนการเดินทางครั้งสุดทายของเรา ถาหากวาเรามีอันเปนไปในการเดินทางครั้งนี้ เราพรอมไหม เราจะทําใจอยางไรหาก รูตัววาจะตองตาย แมกระทั่งเวลาเราคุยกับใคร สนทนากับใคร ก็ขอใหนึกวานี่ อาจเปนการสนทนาครั้งสุดทาย เราอาจจะไมไดเจอเขาอีก เขาอาจจะไมไดเจอเรา อีก การระลึกแบบนี้จะชวยใหเราใสใจเขามากขึ้น ไมทําตามอารมณ หรือเอาใจตัว เมื่อวานอาตมาไปอบรมเรื่อง “เปนมิตรกับความตาย” อยูดีๆ ก็มีผูหญิงคน หนึ่งหัวใจหยุดเตนกะทันหัน ลมฟุบไปเลย ตองชวยกันปมหัวใจขึ้นมา โชคดีที่มีคน
๓๔
รูจักทําปฐมพยาบาล จึงรอดตาย แตก็ตองพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล คนที่อยูใน เหตุการณเห็นชัดเลยวาความตายสามารถเกิดขึ้นไดตลอดเวลา มีภาษิตทิเบตที่ เตือนใจไดดีวา “ไมมีใครรูหรอกวา ระหวางพรุงนี้กับชาติหนา อะไรจะมากอน” คนที่คิดวามีพรุงนี้กอนถึงจะมีชาติหนา ถือวาประมาท เพราะวาพนจากวันนี้ไปแลว ก็อาจเปนชาติหนาเลยก็ได ไมมีพรุงนี้สําหรับเขา เพราะฉะนั้นเราเองก็อยามั่นใจวา จะมีพรุงนี้สําหรับเรา คนที่เชื่อวามีพรุงนี้แน ๆ คือคนที่ประมาท ถาเราพิจารณาอยางนี้ก็เปนการเจริญมรณสติได หรือวาเวลาโทรศัพทหาย กระเปาเงินหาย ลองพิจารณาวานี่เปนสัญญาณเตือนเรา วาตอไปจะตองเจอหนัก กวานี้ ตอไปอาจไมใชเงินหายนะ แตวาทุกอยางรวมทั้งลมหายใจก็อาจจะหายไป ดวย นี่คือการเจริญมรณสติแบบหนึ่ง แทนที่เสียเงินไปแลวจะมาครําครวญเสียใจ ควรมองเหตุการณนี้วา คือการสงสัญณาณเตือนวาตอไปเราจะตองเจอหนักกวานี้ คือตองสูญหมดทุกอยาง จะเห็นไดวาการเจริญมรณสตินั้นทําไดทุกวันและวันละ หลายครั้ง นี้เปนการเตรียมตัวตายที่เราควรทําเปนประจํา นายวิ ชิ ต แก น กํ า จร ปุ จ ฉา: ได พ บหนั ง สื อ เล ม หนึ่ ง นานมาแล ว พู ด ถึ ง เรื่ อ ง “ปาฎิหาริยแหงการตื่นอยูเสมอ” และพระอาจารยก็ไดแสดงปาฐกถาธรรมเรื่องหนึ่ง ที่คลายๆ กัน กลาวคือพระอาจารยไดแสดงธรรมในหัวขอวา “อยูกับปจจุบันแลว ทําใหเปน” คําวาอยูก บั ปจจุบนั แลวทําใหเปน ทําอยางไรทีจ่ ะอยูใ หเปน? ขอพระอาจารย ชวยเมตตาอธิบายดวยครับ พระอาจารยไพศาล วิสาโล วิสัชนา: อยูกับปจจุบัน คือ ตัวอยูไหนใจอยูนั่น บอยครั้งตัวอยูนี่ แตใจไมรูไปไหน ไปหาลูก หรือนึกถึงเงินที่หาย หรือนึกถึงโทรศัพท ที่ถูกขโมยไป อันนี้แสดงวาเราไมไดอยูกับปจจุบันแลว อยูกับปจจุบัน คือตัวอยูไหน ใจก็อยูน น่ั หรือวาทําอะไร ใจก็จดจออยูก บั สิง่ นัน้ คนสวนใหญเปนอยางนีค้ อื เวลาทํางาน ใจก็นกึ ถึงลูก แตเวลาอยูก บั ลูกใจก็นกึ ถึงงาน เวลานอนก็คดิ ถึงงาน เวลาทํางานก็งว งนอน แบบนี้เปนกันเยอะมาก นี่คือการไมอยูกับปจจุบัน คนทุกวันนีเ้ ปนทุกขเพราะเหตุนเ้ี ยอะมาก ถาเปนแบบนี้ เวลาทํางาน งานก็ออก มาไมดเี พราะใจอยูก บั ลูก ทํางานแลวทุกข พองานออกมาไมดคี นก็ทกุ ข ครัน้ เวลาอยูก บั ลูก
๓๕
ก็ไมใหเวลากับลูกเต็มที่ เพราะใจมัวคิดถึงงาน พอคิดถึงงานก็กงั วล เครียด บางทีก็เผลอ ระบายอารมณใสลกู กลายเปนวานอกจากมีเวลาอยูก บั ลูกนอยอยูแ ลว ยังทําใหลกู เปน ทุกขเสียอีก เพราะอะไร เพราะใจไมอยูก บั ลูก ใจมัวคิดถึงงาน ถาเราอยูกับปจจุบันเปน จะชวยลดความทุกขไดมาก และทํางานอยางมี ความสุขมากขึ้น ไมวาอยูกับใคร เชน อยูกับลูก ก็มีความสุข อยูกับภรรยาอยูกับสามี ก็มีความสุข อันนี้คือความหมายของคําวาอยูกับปจจุบัน ซึ่งตองอาศัยสติ สติกับ ความตื่นเปนเรื่องเดียวกัน ที่คุณพูดถึง “ปาฏิหาริยแหงการตื่นอยูเสมอ” ตื่นในที่นี้ ไมไดหมายถึงตื่นจากหลับ หรือเปดตาอยางเดียว แตหมายถึงใจก็ตื่นดวย คือมี ความรูสึกตัวทั่วพรอม ที่รูสึกตัวเพราะใจอยูกับเนื้อกับตัว นั่นคืออยูกับปจจุบัน จะทําเชนนั้นไดก็ตองมีสติ เวลาใจลอยไปอดีตหรืออนาคต ก็มีสติรูทัน พาจิตกลับ มาอยูกับปจจุบัน หรืออยูกับเนื้อกับตัว อยูกับปจจุบัน เปนการอยูแบบไมยึดนะ หมายความวา รับรูอะไรที่เปน ป จ จุ บั น ก็ ไ ม ยึ ด สิ่ ง นั้ น เช น ขณะที่ กํ า ลั ง ฟ ง คํ า บรรยาย เกิ ด มี เ สี ย งโทรศั พ ท ดั ง กลางหองประชุม ถาใจเราจดจอกับเสียงโทรศัพท ปกตรึงอยูกับเสียงโทรศัพท เรา จะไมพอใจ เพราะวาฟงคําบรรยายไมคอยรูเรื่องแลว ใจจะรูสึกหงุดหงิดวา โทรศัพท ของใคร ทําไมไมปดเสียงโทรศัพท ยิ่งจดจอหรือยึดติดอยูกับเสียงโทรศัพท เสียงนั้น ก็ยิ่งดังในความรูสึกของเรา ทําใหหงุดหงิดและเครียดมากขึ้น สิ่งที่ควรทําคือ ปลอยวางเสียงนั้น พระพุ ท ธเจ า สอนว า อยู กั บ ป จ จุ บั น จริ ง แต ก็ อ ย า ยึ ด ติ ด กั บ ป จ จุ บั น เวลาคุณปวด คุณเมื่อย ความปวดความเมื่อยก็เปนปจจุบัน แตถาใจปกตรึงอยูที่ ความปวด ความเมื่อย ใจยิ่งทุกขเขาไปใหญเลย ทานจึงสอนวาเมื่อปวด ก็เห็น ความปวด อย า ยึ ด ความปวดนั้ น หรื อ อย า เป น ผู ป วด อั น นี้ ต อ งอาศั ย สติ เพราะฉะนั้ น อยู กั บ ป จ จุ บั น ไม ไ ด แ ปลว า ต อ งยึ ด ป จ จุ บั น ท า นสอนให ป ล อ ยวาง ทั้ ง อดี ต ป จ จุ บั น และอนาคต ปล อ ยในที่ นี้ ไ ม ไ ด ห มายถึ ง ปล อ ยปละละเลย แตหมายความวาใจไมยึดติดถือมั่น แตวายังทําหนาที่ที่ควรทําอยู นายปรีชา เซงไพเราะห ผูอ าํ นวยการสํานักอํานวยการ ปุจฉา: ปกติพระทีอ่ ยูใ นวัด
๓๖
แตละวันนอนนอย ทานจะนอนดึกและก็ตื่นแตเชา แตในลักษณะของฆราวาสเวลา ทํางานและกลับไปที่บานแลวจะงวงมากครับ และทําใหไมสามารถนอนดึกได และ เวลานอนไปแลวก็จะตื่นสาย จะแกนิวรณ ๕ ขอที่ ๔ ไดอยางไรครับพระอาจารย พระอาจารยไพศาล วิสาโล วิสัชนา: สวนหนึ่งอยูที่การใชชีวิตเปนระบบหรือ เปนเวลา เชน นอนเปนเวลา ตื่นเปนเวลา อีกสวนหนึ่งเกิดจากการที่จิตผอนคลาย สาเหตุที่ผูคนมีปญหาการนอนก็เพราะเครียดจากการทํางาน และที่เครียดจากการ ทํางานสวนใหญก็เพราะใจไมอยูกับปจจุบัน กังวลกับสิ่งที่ยังมาไมถึง เวลาทํางานใจ แทนที่จะอยูกับงานที่กําลังทําอยู กลับนึกถึงงานอื่นที่ยังคางอยู ใจก็กังวลแลว เกิดความเครียดขึ้นมา ความเครียดจากการทํางานเปนตัวบัน่ ทอนจิตใจและรางกาย ทําใหเหนือ่ ยไดงา ย บางทีใชแรงกายทั้งวัน เชน ยกของ จัดสวน จัดดอกไม ยังไมเหนื่อยเทากับทํางาน ใช ค วามคิ ด อยู ใ นห อ ง เพราะว า พอใช ค วามคิ ด แล ว ก็ เ ครี ย ดง า ย มี ค วามกั ง วล เนื่องจากใจไมอยูกับปจจุบัน อาตมาจึงพูดเมื่อกี้วา ถาเราฝกสติอยูเสมอ ใหใจอยูกับ ปจจุบัน อยูกับงานที่เราทํา เราก็จะเครียดนอยลง เวลากังวลเรื่องอะไร ก็รูทัน แล ว วางมั น ลงเสี ย เพราะคิ ด ไปก็ ไ ม มี ป ระโยชน เมื่ อ เป น เช น นี้ ก็ จ ะทํ า ให เรา เครียดนอยลง กังวลนอยลง ชวยใหหลับไดงายขึ้น นางลัดดาวัลย สินธุรักษ อัยการพิเศษฝายนโยบายและยุทธศาสตร: ขณะนี้ก็เปน เวลา ๑๖.๐๐ น. พระอาจารยก็จะตองไปกิจนิมนตทางอื่น ก็อยากจะเรียนใหทานที่ รวมทําบุญและก็ฟงธรรมกับทานในครั้งนี้วาวันนี้พวกเราทุกคนไดมีการรวมทําบุญ เปนเงินจํานวนทั้งสิ้น ๒๕,๑๐๐ บาท และก็จะมีเพิ่มเติมขึ้นอีก ก็จะไดถวายแด พระอาจารย โดยจะโอนเงิ น เข า โครงการวนาพิ ทั ก ษ ภู ห ลง ธนาคารกสิ ก รไทย สาขาแกงครอ ตามที่พระอาจารยเห็นสมควรจะนําไปใช นายวิชิต แกนกําจร: สําหรับวันนี้ ไดเวลาทีพ่ วกเราจะตองจากกัน วันนีพ้ ระอาจารย ไดแสดงธรรมในหัวขอ “ธรรมะสําหรับขาราชการ” พระอาจารยไดเมตตาแสดง ธรรมหลายเรื่ อ ง เรื่ อ งแรกพระอาจารย พู ด ถึ ง เรื่ อ งเบญจธรรม การที่ จ ะเป น
๓๗
ขาราชการทีด่ ี พระอาจารยไดพดู ถึงเรือ่ งวาทะธรรมในยุครักในหลวง แตความเปนจริง แลวรักในหลวงจริงหรือไม เปนขอสงสัยที่พระอาจารยไดต้ังขอสงสัยใหพวกเรา พิจารณา พระอาจารยไดนาํ ธรรมะของหลวงปูด ู วัดสะแก ทีจ่ งั หวัดพระนครศรีอยุธยา เรื่องรวยหรือซวย อันนี้เปนเรื่องเลาที่จะทําใหเราจําไดแมน พระอาจารยไดเลาถึง เรื่องทับทิมที่หายไปของคุณยาย ไดพูดถึงเรื่องเปาหมายของชีวิตที่ไมหลงในเงินทอง สวนเรื่องที่ ๔ ในเรื่องของกามสุข และก็พูดใหเราเห็นวาสุขที่แทเกิดจากความสงบ สุขที่เกิดจากจิตของเราเปนสมาธิ สุขที่เกิดจากการไมเปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งธรรม แตละเรื่องพระอาจารยไดแสดงธรรมมาแลวนั้นทําใหพวกเรานี้คงจะจดจําไปอีกนาน ธรรมอีกเรื่องหนึ่งที่เห็นวาเปนเรื่องสําคัญมากเปนเรื่องเลา ทานไดเลาใหฟง ถึงเรื่องนักเลนหุน กําไรถึงสิบลานแลวก็ยังไมมีความสุข ชาวญี่ปุนซึ่งเกิดมาไมมี แขนขา แตกลับวามีความสุขมาก อันนี้เปนขอเปรียบเทียบที่ทําใหเราตั้งสติเตือนใจ พวกเรา สวนเรื่องที่ ๖ พระอาจารยใหเราไดดําเนินชีวิตที่เรียบงายโดยไมหวังรางวัล เปนเครื่องหลอเลี้ยง ไมอิงวัตถุและก็มีความสุขอยูภายในของตัวเราเอง ใหพวกเรา ระวังอํานาจทีเ่ ปลีย่ นไป ขณะทีพ่ วกเราถืออํานาจ อํานาจอาจจะเปลีย่ นเปนทรัพยสนิ เปลี่ยนเปนเงินทอง เปลี่ยนเปนความไมยุติธรรมได พระอาจารยใหพวกเรามีปญญา รูเทาทันสิ่งตางๆ ที่จะเกิดขึ้น สุดทายพระอาจารยไดฝากสิ่งที่สําคัญอยางยิ่งของการเปนพนักงานอัยการ หรือขาราชการที่อยูในสํานักงานอัยการสูงสุด คือความเปนมืออาชีพ การเปนมือ อาชีพที่จะตองไมยึดถือในตัวตนเปนใหญ ทั้งหลายทั้งปวงที่พระอาจารยไดกรุณา แสดงธรรมใหพวกเรานี้ คิดวาเปนธรรมะทีเ่ รานําไปปฏิบตั สิ าํ หรับการเปนขาราชการทีด่ ี นอกจากนีพ้ วกเราไดมโี อกาสภาวนาตามแนวทางพระอาจารย ไดฟง ธรรมทีพ่ ระอาจารย แสดง ทั้งยังไดรวมทําบุญกับพระอาจารยดวย ทั้งหลายทั้งปวงนี้คงจะเปนพลวปจจัย ใหพวกเราเอาไปสูในสถานที่ดีๆ จะเกิดในชาติภพใด หรือจะทํางานสิ่งใดก็ขอใหเจอ แตคนดีๆ ขอกราบขอบคุณพระอาจารยมากครับ ----------------------------------------------------------------
๓๘
ภาพกิจกรรมบรรยายธรรม
๓๙
๔๐