บรรณณาธิการ ในนิยสารเล่มนี้ ได้ทำ�ขึ้นมาเพื้อเสนอ อาหารเพื่้อสุขภาพ ไห้กับทุกเพศทุกวัย ซ์้งมีความเป็นมาของ
อาหารในประเทศไทยเป็นอาหารพื้นบ้าน ว่ามีความเป้นมา อย่างไร มีเมนู อาหาร พื้นเมืองของประเทศไทย และร้านอาหารเพื้อสุขภาพ ที่มีชื้อเสัยงของประเทศไทย พร้อมทั้ง เมนูแนะนำ�ของอาหารขึ้นขื้อของแต่ละร้าน พร้อมแผนที่การเดินทางไปร้านอาหารดังกล่าว
สารบัญ ความเป็นมาของอาหาร
5
เชฟคนเก่ง
6
สูตรอาหาร
9
ร้านอาหาร
11
ต้มยำ�กุ้ง
ต้มยำ� เป็นอาหารประเภทแกง เป็นอาหารคาวที่รับประทานกับข้าวสวย รับประทานกันทั่วทุกภาคในประเทศ เน้นรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลัก จะออกเค็มและหวานเล็กน้อย ชาวต่างชาติ จะรู้จักต้มยำ� ในรูปของ ต้มยำ�กุ้ง มากกว่าต้มยำ�ชนิดอื่นๆ โดยต้มยำ�จะใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ได้ เช่น กุ้ง หมู ไก่ ปลา หัวปลา หรือจะไม่ใส่เนื้อสัตว์เลยก็ได้ ผักที่นิยมใส่มากที่สุดในต้มยำ�ได้แก่ ใบมะกรูด ตะไคร้ ข่า พริก ผักอื่นๆที่นิยมใส่รองลงมาได้แก่ มะเขือเทศ เห็ดหูหนู เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า หัวปลี ใบผักชี ส่วนเครื่องปรุงที่จำ�เป็นต้องใส่คือ มะนาว น้ำ�ปลา น้ำ�ตาล น้ำ�พริก เผา การใส่นม หรือกะทิลงไปนั้น บางที่ก็นิยมใส่เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น มักจะเรียกว่า ต้มยำ�น้ำ�ข้น ต้มยำ�กุ้ง นั้น นิยมใส่มันกุ้งลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นกุ้ง ต้มยำ�หัวปลา มักจะไม่นิยมใส่นม ถ้าเป็นต้มโคล้งจะใส่น้ำ�มะขามเปียกแทนน้ำ�มะนาว และจะใส่หอมแดงสดลงไปด้วย ประเภทของต้มยำ�
ต้มยำ�เป้นอาหารพื้นเมืองที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เพราะคนไทยกินกันทุกภาค เป็นอาหารที่ชาวต่าง ชาตินิยมสั่งกันอยู่ไม่น้อย หนึ่งในเมนูต้มยำ�ที่ดัง กระฉ่อนระดับโลก คือต้มยำ�กุ้ง ต้มยำ�เป็นอาหารที่ ครบรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานเล็กน้อย ทำ�ให้ ไม่เลี่ยน ไม่ฝืดคอเวลากิน ต้มยำ�ประกอบไปด้วย สมุนไพร หลากหลาย ซึ่งดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก มะนาว หรือ บางเมนู อาจจะ มีใบกะเพรา ผักชีฝรั่งและโหระพาร่วมด้วย นอกจาก นี้ยังมี เห็ด ต่างๆรวมทั้ง มะเขือเทศ ผักชี ต้มยำ� ปรุงจากเนื้อสัตว์ ต่างๆได้มากมาย ทั้ง หมู ไก่ ปลา กุ้ง หรือเนื้อวัว ฯลฯ ต้มยำ�พอจะแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ 1.ต้มยำ�น้ำ�ใส ต้มยำ�น้ำ�ใสนั้นถือได้ว่าเป็นต้นตำ�รับ ของต้มยำ� เพราะอาหารไทยในอดีตนั้นมักจะไม่ใส่ นมหรือกะทิและมักจะปรุงกันอย่างง่ายๆ ไม่มีเครื่อง ปรุง อะไรมากมายนัก ถ้าเป็นทางภาคอีสานก็จะต้อง เป็นต้มแซบที่ใส่พริกแห้ง และข้าวคั่วลงไปในหม้อ ต้มนั้นด้วย โดยต้มยำ�น้ำ�ใสจะมีส่วนประกอบหลักๆ คือ เนื้อสัตว์ เช่น กบ ปลาช่อน ไก่บ้าน ฯลฯ และจะ มีเครื่องเทศหลักๆ คือ ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ทั้งสด และแห้ง ข่า เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบที่ได้มานั้นเป็น ทั้งเครื่องเทศที่ช่วยในการชูรส ชูกลิ่นของอาหาร อีก ทั้งยังเป็นสมุนไพรอีกด้วย 2. ต้มยำ�น้ำ�ข้น ต้มยำ�ที่หลายคนเคยชินกันดี และยัง เป็นต้มยำ�ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับอาหารไทย โด่งดังไปทั่วโลก หลายคนอาจจะคิดว่า ต้มยำ�กุ้งน้ำ� ข้นคือต้มยำ�แบบไทยแท้ แต่แท้จริงแล้วจากประวัติ ต้มยำ�กุ้ง ที่เปลี่ยนมาใส่นมกินอย่างน้ำ�ข้นนั้น เริ่มใน สมัยรัชกาลที่ 6 ช่วงที่ท่านเสด็จประพาสไปเสวย เหลาแถวสามย่าน สมัยนั้นมีเสหลาของคนจีนเข้ามา ใหม่ร้านหนึ่ง เหลาแห่งนั้นทำ�ต้มยำ�กุ้งใส่นมเป็นน้ำ� ข้น ใครรุ่นนั้นที่ไฮโซก็ต้องไปกินเหลาร้านนี้ก็จะติด ภาพต้มยำ�กุ้งของไทยต้องใส่นม จริงๆ ไม่ใช่ต้มยำ� กุ้งดั้งเดิม จริงๆ จะเป็นแบบน้ำ�ใส และคงเป็นเพราะ นมหรือกะทิที่มีการใส่ลงไปในต้มยำ� จนทำ�ให้ต้มยำ�น้ำ�ข้น นั้นคล้ายคลึงกับซุปของชาวต่างชาติที่นิยมใส่นม หรือใส่ ครีมลงไป จึงทำ�ให้ต้มยำ�กุ้งน้ำ�ข้นของไทยเราโด่งดังไป ทั่วโลก ต้มยำ�ทะเล ต้มยำ�ทะเล เป็นหนึ่งในอาหารไทยรสชาติจัดจ้าน ใน ตระกูลต้มยำ�ซึ่งจะมีอยู่หลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อที่ เรารู้จักกันดีในบรรดาต้มยำ� ก็คือต้มยำ�กุ้ง จุดเด่นของ อาหารประเภทต้มยำ�ก็คือ มีรสชาติเผ็ดค่อนข้างมาก และ มีรสชาติเปรี้ยวมากที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหลาย ส่วนข้อ แตกต่างของต้มยำ�ที่มีชื่อเรียกไม่เหมือนกันนั้น เนื่องมา จากการนำ�เนื้อของสัตว์ที่นำ�มาปรุงเป็นอาหาร ก็จะเรียก ชื่อตามเนื้อสัตว์ที่ได้นำ�มาปรุงเป็นอาหารนั้น หรือเรียกกัน ตามนิยมในท้องถิ่นนั้น
ที่มา -อาจารย์เจิมขวัญ บุนนาค หนังสือประวัติอาหารไทย -คุณเพ็ญพรรณ สิทธฺไตรย์, ตั้งสำ�รับควาหวาน - ต้มยำ�ชาววัง -ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ -คุณประยงค์ อนันทวงศ์, คัมภรีการกินของชาวจีน อนุสรณ์ในงานศพพระราชทาน ว่าที่เรือตรีสันทนา สุธรรมนุวัฒน -คุณประจิตร บุนนาค -อาจารย์สุจิจต์ วงษ์เทศ ข้าวปลาอาหารไทย
ผัดไท ผัดไทพึ่งเกิดสมัยจอมพลป.นี่เอง เห็นคนไทยกินกันแต่ผัดซีอิ๊วของคนจีนเลยดำ�ริให้คิดหาสูตรก๋วยเตี๋ยวผัดมา แข่งกับผัดซีอิ๊วก็ได้มาเป็นผัดไทนั้นเอง แม้ว่าหน้าตาของเจ้าผัดไทยจะกระเดียดไปทางอาหารจีน เพราะใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวผัด แต่จริง ๆ แล้ว ผัดไทย เป็นอาหารที่เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของคนไทยแท้ ๆ เลย มิหนำ�ซ้ำ�ยังเกิดในช่วง “รัฐนิยม” สมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงครามเสียด้วย อย่างที่รู้ ๆ กันว่าช่วงนั้นกระแสความเป็น “ชาติไทย” (ไม่ใช่พรรคการเมืองนะจ้ะ) ฟีเวอร์ขนาดไหน ในเมื่อเรามีอะไร ๆ ที่เป็นไทยแล้วมากมาย จะขาด “อาหารไทย” ไปได้อย่างไร ผัดไทยจึง เกิดขึ้นมาด้วยประการฉะนี้ ผัดไทย ประกอบไปด้วย เส้นเล็ก เต้าหู้เหลืองซอย กุ้งแห้ง ใบกระเทียม ไข่ลง ถั่วงอกดิบ สมัยนี้ยังมีผัด ไทยกุ้งสด บางทีก็ผัดไทยห่อไข่ด้วย แถมบางเจ้ามีผัดไทยใส่หมูเสียด้วย แต่รู้ไหมว่าผัดไทยที่เป็นไทยแท้ ๆ นั้น ต้องไม่ใส่หมูเด็ดขาด เหตุผลก็เพราะว่าคนในสมัย “เชื่อผู้นำ�ชาติพ้นภัย” เขามองว่าหมูเป็นอาหารของคน จีน คนไทยนาน ๆ ถึงจะกินหมูสักที ดังนั้น เนื้อหมูเลยหมดสิทธิ์มาอยู่ในจานอาหารไทยรัฐนิยม ผลพวงของนโยบายชาตินิยมของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นั้น ได้ก่อกำ�เนิดอาหารขึ้นมาชนิดหนึ่งและเหลือมา ถึงปัจุบัน อาหารชนิดนั้นเกิดขึ้นเพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม เห็นว่าในสมัยนั้น “ก๋วยเตี๋ยว” เป็นอาหารที่ได้ รับความนิยมมาก เพราะมีร้านก๋วยเตี๋ยวทั้งแบบตั้งอยู่กับที่และแบบเคลื่อนที่ไม่ว่าจะเป็น ทางรถ(เข็น)หรือทาง เรือก็ตาม ซึ่งก๋วยเตี๋ยวนั้นจอมพล ป. เห็นว่าเป็นอาหารที่มีพื้นแพ มาจากประเทศจีน ใน ช่วงนั้นรัฐบาลพยายามอย่างมาก ที่จะถอดถอนความเป็นจีนออกจากคนไทยเชื้อสายจีนทั้งหลายที่อยู่ใน ประเทศไทย ถึงกับมีการสั่งห้ามไม่ให้มีการสอนหนังสือจีน ในเมืองไทย แต่สิ่งหนึ่งที่ยากแก่การปราบปรามก็ คือ “ก๋วยตี๋ยว”นี่เอง ทำ�ให้ก๋วยเตี๋ยวเป็นหนามตำ�ใจของรัฐบาลในขณะนั้น แต่ในที่สุดรัฐบาลก็ได้คิดค้นอาหารขึ้นมาชนิดหนึ่งเพื่อจะส่งเสริมให้ประชาชนนำ�ไปทำ�มาค้าขายแทนที่การขาย ก๋วยเตี๋ยว (จีน) โดยอาหารชนิดนี้พยายามสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองที่ตรงกันข้ามกับก๋วยเตี๋ยว (จีน) เราก็ได้ “เส้นจันท์” ขึ้นมา ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะแก่การผัดในกระทะ ก๋วยเตี๋ยว (จีน) มักจะกินเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำ� อาหาร นี้กินแบบแห้งเท่านั้น (เพราะ ใช้ในการผัด) และสุดท้ายเพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปรู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า อาหารนี้เป็น อาหารของคนไทยอย่างแน่นอน จึงตั้งชื่อว่า “ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย” ผัดไทย แปลตรงตามคําแปลว่าผัดอย่างไทยๆ คําว่า “ผัด” (Pad) หมายถึง stir fry ส่วนคําว่า “ไทย” หมาย ถึง Thai style ความเป็นมาของผัดไทย ผัดไทยได้กลายมาเป็นอาหารที่รู้จักกัน แพร่ หลายจนกระทั่งถตั้งแต่ สมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านได้รณรงค์ให้คน ไทยมารับประทานผัดไทย ซึ่ง 2 จุดประสงค์ด้วยกันคือ 1. รณรงค์ให้อุปโภคอาหารไทยมากขึ้น สร้างความ สามัคคีกันและรักชาติ 2. รณรงค์ให้ประชาชนหันมานิยมรับประทานก๋วยเตี๋ยว มากขึ้น เพื่อลดปริมาณการบริโภคข้าว ซึ่งขาดแคลน ในช่วงสงคราม ภาวะเศรษฐกิจตกตํ่า เนื่องจากผัดไทยเป็นอาหารที่นิยมมาก จึงหารับ ประทานง่าย มีขายทั่วไปและรสชาติอร่อย ร้านผัดไทย แต่ละร้าน จะมีสูตรวิธีการปรุงและเทคนิคเฉพาะตัวของ แต่ละร้านที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งสืบทอดต่อกันมาหลายปี ถึงมีการกล่าวว่า ประเทศไทยมีสารพัดแกงซึ่งสามารถ กินไม่ซ้าแต่ละวัน แต่ผัดไทยก็เช่นกันมีวิธีการปรุงซึ่งไม่ ซ้ำ�กันแต่ละร้านเช่นกัน
ลักษณะ ผัดไทยโดยทั่วไปจะนำ�เส้นเล็กมาผัดด้วยไฟแรงกับ ไข่ กุ้ยช่าย ถั่วงอก หัวไชโป๊วสับ เต้าหู้เหลือง ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง ปรุงรสด้วยพริก น้ำ�ปลา และน้ำ�ตาล และเสิร์ฟพร้อมกับมะนาว กุ้ยช่าย ถั่วงอกสด และหัวปลี เป็นเครื่อง เคียง ร้านผัดไทยบางแห่งจะใส่เนื้อหมูลงไปด้วย บางที่อาจจะใช้เส้นจันท์ซึ่งเหนียวกว่าเส้นเล็ก เรียกว่า “ผัด ไทยเส้นจันท์” หรือใช้ วุ้นเส้น เรียกว่า “วุ้นเส้นผัดไทย” รวมทั้งผัดหมี่โคราชที่มีลักษณะคล้ายผัดไทย กินกับ ส้มตำ� นอกจากนี้ยังมีผัดไทยประยุกต์ โดยนำ�ส่วนผสมทุกอย่างผัดให้เข้ากัน แล้วนำ�ไข่เจียวมาห่อผัดไทยทีหลัง เรียกว่า “ผัดไทยห่อไข่” หรือบางที่อาจจะใส่กุ้งสดแทนกุ้งแห้ง เรียกว่า “ผัดไทยกุ้งสด” ร้านขายผัดไทยมักจะ ขายหอยทอดหรือขนมผักกาดควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากเครื่องปรุงที่ใช้มีหลายอย่างใช้ร่วมกัน
ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2ffd84d158e4e5ff http://rueanthai2.lefora.com/2010/06/14/20100614192457/ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0% B8%94%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ มุมนี้ของอาจารย์ยิ่งศักดิ์” นั้นจัดทำ�ขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อ กลางสำ�หรับคนทั่วไป ที่มีความสงสัยใคร่รู้เรื่องราวต่าง ๆ ของอาจารย์ยิ่งศักดิ์ กับตัวของอาจารย์ยิ่งศักดิ์เอง ท่านจะได้ ทราบถึงประวัติต่าง ๆ ตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันเลยทีเดียว ประวัติการศึกษา 2512 ระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนนีรนาทวิทยา กรุงเทพฯ 2515 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพฯ 2517 ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ) จาก วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพฯ 2519 ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.ชั้น สูง) จากวิทยาลัยครูธนบุรี กรุงเทพฯ 2522 การศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) จากมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 2534 ปริญญาครุศาตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ค.บ.) สาขา วิชาการศึกษา สายมัธยมศึกษา โปรแกรมวิชาคหกรรมศาสตร์ จากสถาบันราชภัฏธนบุรี สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ 2545 ปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการ ศึกษา จากสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 2549 ปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา คหกรรมศาสตร์ทั่วไป จากมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ประวัติการศึกษาและดูงาน 2527 อบรมการแต่งหน้าเค้กและได้รับประกาศนียบัตรจากโรงเรียน Smiling Orchid Singapore ประเทศสิงคโปร์ 2533 ดูงานการผลิตน้ำ�มันปาล์มและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากน้ำ�มันปาล์ม จาก Lam Soon (M) Berhad Jalan ประเทศมาเลเซีย 2537 อบรมและดูงานด้านขนมปังที่ S.I. Lesaffre France ประเทศฝรั่งเศส 2538 อบรมด้าน Frozen Dough ที่ American Association of Cereal Chemists. Inc. จากประเทศนิวซีแลนด์ ประวัติการทำ�งานปัจจุบัน - ดำ�รงตำ�แหน่งผู้อำ�นวยการโรงเรียนธุรกิจการอาหารไทยและนานาชาติ - ดำ�รงตำ�แหน่งผู้อำ�นวยการโรงเรียนศิลปศาสตร์การอาหาร เชียงใหม่ - ดำ�รงตำ�แหน่งนายกสมาคมพัฒนาการศึกษาวิชาชีพเอกชน - ดำ�รงตำ�แหน่งคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสยาม - ดำ�รงตำ�แหน่งบรรณาธิการบริหารนิตยาสาร FOOD NEWS และ FOOD PAPER - เจ้าของและผู้ดำ�เนินรายการ “พ่อครัวบันเทิง” ออกอากาศทุกวันพฤหัสเวลา 13.00-13.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี - เจ้าของและผู้ดำ�เนินรายการ “Yingsak Food Adventure” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 01.45-02.45 น. (เวลาในประเทศไทย) ทาง Thai Global Network: TGN และ UBC ช่อง 39 - เจ้าของและผู้ดำ�เนินรายการ “ Yingsak on cooking “ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 13.00-14.00 น. ทาง Live TV และ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 07.00-08.00 (Mcot 2) - เจ้าของและผู้ดำ�เนินรายการ “ อร่อยอย่างยิ่ง” ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.00-13.30 น. ทาง ช่อง NBT - เจ้าของเวปเว็บไซด์ www.yingsakfood.com ที่มา http://www.yingsakfood.com/history.php
หม่อมหลวง ศิริเฉลิม สวัสดิวัฒน์ ถ้าจะพูดถึงเรื่องอาหารแล้วใครๆก็คงต้องพูดถึง “หมึกแดง” หรือ หม่อมหลวง ศิริเฉลิม สวัสดิวัฒน์ที่มีฝีไม้ลายมือในการปรุง อาหารได้หลายรูปแบบและน่ารับประทาน อาจเป็นเพราะความ ชอบและรักในการประกอบแาหารเป็นส่วนตัว จึงทำ�ให้หมึกแดง สนใจทางด้านนี้ อีกทั้งการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของหมึก แดงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารแม้แต่น้อย และเมื่อสำ�เร็จการ ศึกษาเขาก็ได้ทำ�งานที่เขารักและสนใจโ คยทำ�งานในส่วยของ พ่อครัวที่ทำ�หน้าที่ปรุงอาหารอร่อยๆให้แขกของภัตตาคารได้ชิม รส การศึกษา - ระดับมัธยมศึกษา จากสถาบัน Cheltenham Colleg ประเทศอังกฤษ - ระดับอุดมศึกษา คณะรัฐศาสตร์การทูต สาขาความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ จาก Georgetown University ประเทศสหรัฐอเมริกา ประวัติการทำ�งาน ปี 2525-2532 - ดำ�รงตำ�แหน่ง Executive Chef และเจ้าของภัตตาคาร Back Porcg Cafe ที่ Rehoboth Beach หรัฐอเมริกา ปี 2533-2534 - ดำ�รงตำ�??แหน่ง Executive Chef ที่ The Marriotte Beach Hotel ที่เกาะ Key Weat, Florida สหรัฐอเมริกา ปี 2536 - ดำ�รงตำ�แหน่งผู้ดูแลและผู้ช่วย หม่อมราชวงศ์ ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ปี 2537 - ดำ�รงตำ�แหน่ง Marketing Director, SLP International Bangkok ปี 2540 - ดำ�รงตำ�เเหน่งผู้ดำ�เนินรายการ “ครอบจักรวาลคิทเช่น” - ดำ�รงตำ�แหน่งกรรมการบริหารบริษัท การวิก จำ�กัด - ดำ�รงตำ�แหน่งที่ปรึกษาบริษัท เชียร์ จำ�กัด ปี 2541-2543 - ผู้ดำ�เนินรายการ “หมึกแดงแผลงรส” ปี 2544 - ผู้ดำ�เนินรายการ “หมึกแดงคู่ครัว” ปัจจุบัน - ดำ�รงตำ�แหน่ง Managing Director และ ประธารกรมมการบริหาร บริษัท ถนัดศรี แอนด์ ซัน คอนซัลติ้ง จำ�กัด - ดำ�รงตำ�แหน่ง Managing Director บริษัท แมคแดง ดอท คอม จำ�กัด - ดำ�รงตำ�แหน่ง Managing Director หมึกแดงพัฒนา กำ�จัด - ดำ�นงตำ�แหน่งผู้ดำ�เนินรายการ “พ่อลูกเข้าครัว” - เขียนคอลัมน์ในหนังสือ The Nation ภาษาอังกฤษ
ที่มา http://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=17632
พล ตัณฑเสถียร พล ตัณฑเสถียร (ชื่อเล่น: พล) นายแบบ , นักแสดง , นัก ร้อง และคอลัมนิสต์ชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2514 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีผลงานการแสดงที่ขึ้นชื่อเช่น คู่กรรม เมื่อปี พ.ศ. 2539 ปัจจุบันได้ผันตัวเองไปเป็นเชฟ และเปิดร้านอาหารของตัวเองที่ชื่อว่า Spring & Summer สุขุมวิท ซอย 39 ผลงานภาพยนตร์ - คู่กรรม 2 (คู่กับ จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) ผลงานละครเวที - ทึนทึก 2 (ละครเวที)2545 - ทึนทึก 3 (ละครเวที)2554 - ทึนทึก 4 (ละครเวที)2555 รายการโทรทัศน์ - นานาน่าโชว์ ช่อง 5 - เวลาท้าเซียน ช่อง 3 - พลพรรคนักปรุง ช่อง 9 ผลงานโฆษณา - น้ำ�ตาล ลิน ชุด (LIN IN LOVE) - คนอร์ซุปไก่ก้อน ผลงานละคร - อารีดัง (ร่วมกับ น้ำ�ฝน กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ เจนนี่ เจนนิเฟอร์ โปลิตานนท์ ) (2539) - จินตปาตี (คู่กับ อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส) - ต้นรักดอกงิ้ว (คู่กับ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) - บวงดวงใจ (คู่กับ อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส) - คุณนายส้มหล่น (คู่กับ น้ำ�ฝน โกมลฐิติ) - คุณแม่รับฝาก (คู่กับ ธัญญาเรศ รามณรงค์) - รัก..สุดหัวใจ (คู่กับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ) - สามี (คู่กับ จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) - เก้าอี้ขาวในห้องแดง (คู่กับ อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส) - เส้นสายลายรัก (คู่กับ ติ๊ก กัญญารัตน์ จิรรัชกิจ) - หนูชื่อ...ทองสร้อย (คู่กับ นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) - จับสะใภ้ใส่สกุล (คู่กับ นิ้ง กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา) - สวัสดีคุณนาย (คู่กับ เอ๊ะ ศศิกานต์ อภิชาตวรศิลป์) - สามีเงินผ่อน (คู่กับ จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) - ฉันไม่รอวันนั้น (คู่กับ อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส) - ไม้แปลกป่า (คู่กับ เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา) - ลอดลายมังกร (ร่วมกับ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, ธัญญา วชิรบรรจง บุษกร พรวรรณะศิริเวช) - ตามรอยพ่อ - ละอองดาว (ร่วมกับ สหรัถ สังคปรีชา พิยดา อัครเศรณี) - คือสายใยแห่งรัก
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8% A5_%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B 8%91%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0 %B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3
สูตรอาหารไทย : แกงเขียวหวานไก่ เครื่องปรุง * น้ำ�พริกแกงเขียวหวาน 1/4 ถ้วยตวง * เนื้อไก่ 350 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็ก พอดีคำ�) * กะทิ 1 1/4 ถ้วยตวง * ใบโหระพา 1/4 ถ้วยตวง * มะเขือเปราะ 2 ลูก (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) * น้ำ�ุซุปไก่ 1/2 ถ้วยตวง * น้ำ�ตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำ�ตาลทรายธรรมดา) * น้ำ�ปลา 3 ช้อนโต๊ะ * พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด (หั่นเฉียง) * ใบมะกรูด 4 ใบ
วิธีทำ� 1. ตั้งกะทิ 1/2 ถ้วยตวง (กระทิส่วนที่เหลือไว้ค่อยใช้ในขั้นตอนต่อไป) บนกระทะจนร้อน (ใช้ไฟปานกลาง) คน จนกระทิเดือดประมาณ 3 - 5 นาที จากนั้นใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผัดกับกระทิสักพักจนน้ำ�กระทิงวดลง จึงเทส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อใหญ่ 2. นำ�หม้อใบใหญ่ตั้งไฟปานกลาง ใส่เนื้อไก่และคนประมาณ 2 นาที จากนั้นใส่น้ำ�ปลา, น้ำ�ตาล คนต่อไปอีก 1 นาที ใส่มะเขือเปราะที่หั่นไว้แล้ว ใส่น้ำ�กระทิที่เหลือและใส่น้ำ�ซุปไก่ ต้มต่อไปสักพักจนเนื้อไก่เริ่มสุก และ มะเขือเปราะนิ่ม 3. ใส่ใบมะกรูดและใบโหระพา รอจนเดือด จากนั้นจึงปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเสิรฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ และพริก น้ำ�ปลา หมายเหตุ : แกงเขียวหวานนอกจากจะนิยมรับประทานกับข้าวสวยแล้ว ยังนิยมทานกับขนมจีนอีกด้วย . . .
ที่มา http://muslimgourmetncuisine.blogspot.com/2011/09/blog-post.html http://www.ezythaicooking.com/free_recipes/Green-curry-with-chicken_th.html
ร้านสวนผัก
“ ร้านสวนผัก” เริ่มเปิดดำ�เนินการเมื่อ ปี 2553 ตั้งอยู่ในพื้นที่ของตลาดน้ำ�สี่ภาค พัทยา เป็น สถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารแห่งใหม่ของ เมืองพัทยา เดิมเมื่อปี 2552เป็นแปลงสาธิตผัก Hydroponics (ผักไร้ดิน) มีวัตถุประสงค์เพื่อ แสดงการปลูกผักปลอดสารพิษจำ�หน่ายให้นัก ท่องเที่ยว และเป็นกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่มา เที่ยวตลาดน้ำ�ได้เข้าชมแปลงผัก โดยไม่เก็บค่า เข้าชม ผู้ที่เข้าชมแปลงผัก เมื่อชมแล้วอยากซื้อ ผักไปรับประทาน แต่ไม่สะดวกเนื่องจากมาท่อง เที่ยวพักที่โรงแรม ไม่สะดวกที่จะปรุงอาหารเอง แต่ต้องการทานผักสดปลอดสารพิษ จากเสียง จากเสียงร้องของลูกค้า และเพื่อตอบแนวคิด “ ร้านอาหารที่ปรุงจากผักสดปลอดสารพิษ” โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าได้รับรู้ศึกษาการ ปลูกผักระบบ Hydroponics (ผักไร้ดิน) และได้ลองลิ้มชิมรสผักสดที่เก็บจากแปลงสดๆที่มีความกรอบ อร่อย สะอาด ปลอดภัย ได้นั่งพักผ่อนในบรรยากาศเย็นสบายติดริมน้ำ� จึงได้เริ่มปลูกสร้างร้านอาหารติดกับแปลงผัก บริเวณริมน้ำ� เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นบรรยายกาศของสวนผัก โดยลักษณะครัวจะเป็นครัวเปิดแสดงการประกอบ อาหาร ทำ�ให้ลูกค้าเห็นการปรุงแต่งอาหารเพื่อสร้างความน่าสนใจ และความมั่นใจในความสะอาดถูกหลัก อนามัยในการปรุงอาหารแก่ผู้ที่พบเห็น ร้านสวนผัก เป็นร้านอาหารที่รองรับลูกค้า ที่มาทั้งครอบครัว หรือมาเป็นหมู่คณะได้ สถานที่สะอาดสวยงาม น่า นั่ง อาหารสดอร่อยหลากหลายเมนู อาหารจานเดี่ยว อาหารไทย-อีสาน อาหารใต้ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นรสเด็ด ราคา ไม่แพง เดินทางสะดวก ร้านอยู่ใกล้ที่จอดรถภายในตลาดน้ำ�สี่ภาคพัทยา ขอเชิญชวนท่านที่มาเที่ยวพัทยา ได้แวะเข้ามาท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำ�สี่ภาคพัทยา จะได้เที่ยวชมตลาดน้ำ� บรรยากาศไทยๆ พร้อมรับประทานอาหารอร่อยที่ร้านสวนผักพัทยา
เมนูแนะนำ� -
ฟูซิลลี่ทูน่า ฟูซิลลี่ (Fusilli) สปาเกตตีปลาเค็ม เฟตตูชิเน่เรดซอส ซีซาร์สลัด
แผนผังของร้านสวนผัก การเดินทางมาตลาดน้ำ� 4 ภาค พัทยา จากกทม. วิ่งตรงมาทางถนน สุขุมวิท ผ่านแยก เข้า พัทยาหกลาง และพัทยาใต้ ตรงมาเรื่อยๆ ผ่าน ถนน.ชัยพฤกษ์ ตลาดน้ำ�สี่ภาค จะอยู่ริม ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงสายหลัก) สามารถ สังเกตเห็นได้จากป้ายบอกทางด้านขวามือ ขับผ่านด้านหน้าของตลาดน้ำ� จะมีทางเข้า สำ�หรับไปลานจอดรถด้านใน ขับเข้ามาด้าน ในตามแผนผัง เข้ามายังลานจอดรถ ฝั่งบ้าน ดิน (บริการจอดรถฟรี ตลอดทั้งวัน) คลิกที่ภาพ แผนผังเพื่อดูรูปในขนาดใหญ่ขึ้น
ที่มา http://www.raansuanpak.com/site/
ร้านพริบพันดาว
ร้าน ‘พริบพันดาว’ ตั้งอยู่บนถนนอักษะ เข้าทางพุทธ มณทลสาย 3 เมื่อเลยทางแยกเข้าถนนอักษะให้ไปกลับ รถมาแล้วขิดซ้ายเข้าถนนอักษรเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะเห็นป้ายไฟสีเรื่องเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงทางเข้าพอดี หลังจากที่จอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะพบกับ บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูก ตา ซึ่งนี่ก็ถือเป็นที่มาของชื่อร้านที่ชื่อว่า ‘พริบพันดาว’ ที่ มีความหมายว่า ดาวนับพันกระพริบ เนื่องจากพื้นที่อัน โปร่งโล่งจึงทำ�มองเห็นดวงดาวนับพันได้ในเวลาค่ำ�คืน นอกจากนี้ทางร้านยังทำ�เนินเขาเล็กไว้สำ�หรับชมดาวโดย เฉพาะอีกด้วย ในส่วนของการตกแต่งร้านนั้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างสไตล์ล้านนาและบาหลี จึงออกมาเป็นแบบที่เห็น คือได้สวนแบบบาหลีตัดกับล้านนาที่ทำ�ให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยความพิถีถันกับของตกแต่ง ที่เห็นได้ชัดเจนและถือ เป็นสีสรรค์ของร้านก็คือโคมไฟสีประดับประดาไว้ตามต้นไม้และส่วนที่เป็นตัวอาคาร ทำ�ให้ร้านดูน่าสนใจมากขึ้น ทีเดียว ความเป็นล้านนาอีกอย่างคือดนตรที่เปิดขับกล่อมนั้นเป็นสไตล์ล้านนาแท้ และถ้าหากใครอยากฟังการ บรรเลงสดๆ ก็ต้องไปวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ รู้จักร้านไปแล้ว คราวนี้ขอแนะนำ�เมนูเด็ดของร้านบ้านนะ คะ เริ่มจาก ‘ออเดิร์ฟ 4 ภาค’ ที่ประกอบด้วย ทอดมันกุ้งสดก รอบ ไก่บ้านคั่วกิ้ง ซึ่งเป็นไก่บ้านสามสายพันธุ์คั่วกับพริกแกง ตำ�เอง ใส่กรอกอีสาน และน้ำ�พริกหนุ่มเสิร์ฟคู่กับแค้บหมู ภาค ไหนเป็นภาคไหนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เรียกว่าจานเดียวแต่ได้ 4 คุ้มจริงๆ ค่ะ ต่อด้วย ‘น้ำ�พริก 3 ครก’ ประกอบด้วย น้ำ�พริก กะปิที่ใช่กะปิหอมทานคู่กับปลาทูแม่กลองทอด น้ำ�พริกอ่อม ที่มีรสไม่หวานมากแต่อมเปรี้ยว และน้ำ�พริกหนุ่ม 3 รส ที่มี เคล็ดลับในการย่างพริกไม่เหมือนที่อื่น เสิร์ฟกับผักสดนานา ชนิด แต่ที่ไม่ค่อยเห็นที่ไหนนักคงจะเป็นกระเจี๊ยบ ถั่วพลูลวก และหน่อไม่สดลวก จานนี้ก็คุ้มอีกแล้วค่ะ 1 จานได้ถึง 3 อย่าง แถมยังได้สารอาหารครบ 5 เลยด้วย เมนูต่อไปนี้ถือเป็นเมนูเฉพาะของทางเลยก็ว่าได้ อย่าง จานนี้ ‘กุ้งตะกายดาว’ เป็นกุ้งสดราดด้วย น้ำ�จิ้มรสเด็ด 3 รส มี ความพิเศษตรงสีของพริกที่ใช้ทำ�น้ำ�จิ้มจะมีสี พริกแดง เขียว และเหลือง ซึ่งเพิ่มความน่ารับประทานให้กับเมนูจานนี้ได้เป็น อย่างดี อีกจานหนึ่งที่ขอนำ�เสนอคือ ‘ปลาช่อนพริบพันดาว’ จานนี้นำ�ชื้อร้านมาตั้ง เพราะเป็นสูตรเฉพาะจริงๆ ด้วยการนำ� เนื้อปลาช่อนมานึ่งให้สุด และนำ�มาตำ� หลังจากนั้นก็ทอดให้ กรอบ โรยด้วยส้มโอนครไชยศรี ราดน้ำ�ยำ�รสเปรี้ยวหวาน ด้วย รสชาติของส้มโอจึงทำ�ให้รสชาติของเมนูนี้กลมกล่อมทันทีค่ะ ปิดท้ายกันที่ ‘แกงเลียงกุ้งสดสูตรโบราณ’ ที่ใส่น้ำ�เต้า อ่อน ฟักทอง กุ้งแห้ง กะปิอย่างดี และพริกไทยดำ� ทำ�ให้มีรส ที่เข้มข้นหาทานได้ยากจริงๆ เป็นอย่างไรบ้างคะ เมนูแต่ละ จานนั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา ที่สำ�คัญทุกๆ จานจะประกอบ ด้วยผักผลไม้แกะสลักซึ่งบอกได้ถึงความเอาใจในการทำ� อาหารเป็นอย่างยิ่ง และนอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มแบบไทยๆ เช่นกระเจี๊ยบ มะตูม ไคร้หอม อีกด้วย อาการเริ่มเย็นแล้วเหมาะแก่การพาครอบครัวไป รับประทานอาหารดื่มด่ำ�บรรยากาศดีๆ ใต้แสงดาวแล้วค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เบอร์ 02-441-4744-6
ที่มา http://www.squidbrand.com/squidthai/qapp/web_cms/ topic.php?Top_ID=316&SubCol_ID=9&Col_ID=3
สวนอาหารซุ้มไผ่
ร้านที่จะแนะนำ�กันในวันนี้ ถ้าคุณเป็นคนที่รักธรรมชาติภายใต้ร่มเงาแมกไม้ในสวนก็คงจะไม่ผิดหวัง เพราะ นอกจากจะได้อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารรสเด็ดแล้วยังได้สัมผัสธรรมชาติกลางสวนแท้ ที่ไม่มีการปรุงแต่งเรียกได้ ว่าเป็นสวนอาหารกันจริงๆ ร้านที่ว่านี้ชื่อร้าน “ซุ้มไผ่” ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์13 (ซอยพาณิชยการธนบุรี) ร้านนี้เขาจะเน้นอาหารไทย และซีฟู๊ดแบบประยุกต์ เปิดขายกันมานานร่วม 20 ปี ตั้งแต่เป็นร้านเล็กๆ ขายแค่ข้าวเหนียวส้มตำ� คอหมูย่าง อยู่ กลางสวนลึกจนถึงปัจจุบันก็ยังคงร่มรื่นเหมือนแต่ก่อนไว้ทุกตารางเมตรจัดทำ�ซุ้มไว้ตามมุมต่างๆบนร่องสวนมี ทางเดินคดเคี้ยวถึงกันได้ตลอดภายในร้านตกแต่งด้วยของเก่าทั้งรูปภาพและของใช้ของอเมริกันยุคบุกเบิก ที่บอกกันไปแต่แรกว่าอาหารของที่นี่เขาจะเน้นอาหารไทยและซีฟู๊ดประยุกต์ก็เพราะว่าอาหารแต่ละอย่างจะมีรูป แบบหรือการปรุงแต่งไม่เหมือนที่เราแวะไปชิมกัน เรียกว่าสูตรเฉพาะของที่นี่ก็ว่าได้ โดยเฉพาะอาหารประเภท กุ้งเรียกได้ว่าสดและราไม่แพง เพราะที่นี่เขามีฟาร์มเลี้ยงกุ้งเองอยู่ที่จังหวัดราชบุรี อาหารในเมนูก็มีให้เลือกสั่ง ชิมกันหลากหลายชนิด ราคาเริ่มต้นกันที่ 50 บาท จนถึงหลักร้อย เมนูเด่นที่น่าแนะนำ�ก็มี ปลากระพงนอนวัง…เมนูสูตรเฉพาะของร้านนี้ ใช้ปลากระพงสดตัวใหญ่หนักกว่า 1 กิโล นำ�มาแล่เนื้อออกหั่น เป็นชิ้นๆนำ�ไปทอดทั้งเนื้อ หัว และก้างจนกรอบเหลือง นำ�มาวางบนจานเสิร์ฟพร้อมน้ำ�จิ้ม 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน สูตรเดียวกับปลาราดพริก ความอร่อยอยู่ที่เนื้อปลาที่สดกรอบ ในราคาจานละ 200 บาท
แกงเลียงกุ้งสด…ใช้กุ้งก้ามกรามตัวใหญ่สดๆเป็นๆ ต้มรวมกับสารพัดผักตามสูตรของแกงเลียงทั่วไป แต่ ความอร่อยอยู่ที่เครื่องแกงที่ตำ�เองแบบสดๆ ครบ เครื่องกะทิ กุ้งแห้งป่น หอมแดง พริกไทย รสออก หวานนิดๆ จากน้ำ�ต้มผัก แต่ที่เด็ดกว่านี้คือความสด ของกุ้งตัวใหญ่เนื้อแน่นที่เคียวได้เต็มคำ�… ในราคา หม้อไฟ 150 บาท กุ้งซุ้มไผ่…เมนูสูตรเฉพาะของที่นี่ที่อื่นไม่มี ที่นี่เขาใช้ กุ้งก้ามกรามตัวใหญ่นำ�มาย่างไฟจนสุกเนื้อนุ่มแน่นไม่ แข็ง ปรุงน้ำ�แบบผัดเปรี้ยวหวานพอขลุกขลิกใส่แป๊ะ ก๊วย กระเทียมโทน และถั่วลันเตานำ�มาราดบนตัวกุ้ง ได้ความอร่อยแบบลูกผสมระหว่าซีฟู๊ดกับอาหารไทย… ในราคาตามน้ำ�หนักของกุ้ง ส้มตำ�ปูทะเลดอง…ที่นี่เขาใช้ปูไข่ดองตัวใหญ่นำ�มาสับ แบ่งเป็นชิ้นๆ เพื่อสะดวกในการกิน ตำ�ส้มตำ�มะละกอ ปรุงรสออกเผ็ดนำ�แบบจัดจ้าน ออกเปรี้ยวและหวาน นำ�มาราดบนตัวปูกินไปดูดเนื้อปูไข่ได้ความอร่อยไป อีกแบบ ความอร่อยอยู่ที่ไข่ปูในกระดองตักมาคลุกกับ ส้มตำ�รสจัด ได้ทั้งความแซ่บและความมันจากไข่ปู… ในราคาตามน้ำ�หนักของปูแต่บอกได้ว่าไม่แพง คอหมูย่าง… เมนูเด็ดอีกอย่างของที่นี่แทบทุกโต๊ะต้อง สั่งมาชิม เพราะมีชื่อเสียงมาตั้งแต่เดิมกว่า 20 ปี เขา ใช้เนื้อสันในหมูคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งซอสปรุงรส พริก ไทย ซอสพริก และน้ำ�ตาลเล็กน้อย นำ�มาย่างไฟจน ด้านนอกเกรียมด้านในสุกพอดี จิ้มกับน้ำ�จิ้มแจ่วมะขาม แบบอีสาน รสออกเปรี้ยวหวานเค็ม… ในราคาจานละ 70 บาท ที่ตั้ง : 12 หมู่5 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 13 แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม เปิดบริการ : 10.00 – 23.00 น ทุกวัน โทรศัพท์ : 0-2410-1915 และ 0-2410-2196
ที่มา http://www.gorkorcor.com/index.php/1food/11-restaurant/sum-phai/