Wat luang museum in phrae

Page 1

พุทธศิลป์พื้นถิ​ิ่น

ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวง จังหวัดแพร่

กิตติวรา กันสิงห์



พุทธศิลป์พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวง จังหวัดแพร่

กิตติวรา กันสิงห์



พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่นใน พิพิธภัณฑ์วัดพระหลวง จังหวัดแพร่ วัดพระหลวงหรือวัดพระธาตุเนิ้งนั้นถือได้ว่าเป็นที่เคารพสักการะ และมีอิทธิพลทางด้านความเชื่อและความศรัทธาต่อพุทธศาสนิกชนชาว จังหวัดแพร่เป็นอย่างมาก วัดพระหลวง ตั้งอยู่เลขที่ 177 หมู่ที่ 5 ตำ�บล พระหลวง อำ�เภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ นับเป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่มีความ สำ�คัญอย่างยิ่งต่อการตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านพระหลวงในปัจจุบัน วัดนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นในสมัยใด วัดพระหลวงมีโบราณ สถานที่มีความสำ�คัญหลายแห่ง คือ เจดีย์วัดพระหลวง หอไตร หอระฆัง พิพิธภัณฑ์ ซึ่งชาวบ้านได้ทำ�การบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานให้เป็น ปูชนียสถานที่ควรค่าแก่การเคารพสักการะ และเป็นศูนย์รวมของชุมชน ในท้องถิ่นสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ พิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงนั้นเป็นสถาน ที่เก็บรวบรวมสิ่งของอันมีค่าที่มีการสั่งสมกันตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษซึ่ง ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นก็ยังมีการรวบรวมชิ้นงานในด้านของงานพุทธศิลป์ที่มี บทบาทความสำ�คัญในทางพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าไว้อย่างมากมายและ งานพุทธศิลป์เหล่านี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเลื่อมใสในพุทธศาสนาจาก อดีตจนถึงกลุ่มชนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี พิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 เป็นสถานที่เก็บ รวบรวมสิ่งของอันมีค่าที่มีการสั่งสมกันตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษที่ล้วนแล้วแต่ มีการสร้างขึ้นจากภูมิปัญญาพื้นบ้านแทบทั้งสิ้น ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์นั้นก็ ยังมีการรวบรวมชิ้นงานในด้านของงานพุทธศิลป์ที่มีบทบาทความสำ�คัญ ในทางพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าไว้อย่างมากมายและงานพุทธศิลป์เหล่า นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเลื่อมใสในพุทธศาสนาจากอดีตจนถึงกลุ่มชนรุ่น หลังได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดีงานพุทธศิลป์ก็ยังคงไม่เป็นที่ รู้จักและ ขาดการเรียนรู้ถึงความเป็นมาของงานพุทธศิลป์ในปัจจุบันเท่าที่ควร

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 3


พิพิธภัณฑ์ หมายถึง เป็นสถานที่สะสมหรือรวบรวมสงวนรักษา สิ่งของซึ่งมีความสำ�คัญ มีคุณค่าทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และธรรมชาติวิทยา เป็นหลักฐานแสดงถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและ อัจฉริยะของมนุษย์ งานพุทธศิลป์ หมายถึง สิ่งที่สร้างขึ้นรับใช้พระพุทธศาสนา โดยตรง ทั้งในด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมใน ลัทธิมหายาน และเถรวาท มีรากฐานที่ผูกพันกับวิถีการดำ�เนินชีวิต ของ ผู้คนในสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน พุทธปฏิมา สถาปัตยกรรม และวรรณกรรม ซึ่งเป็นศิลปะแขนงต่างๆ เหล่านี้ ได้รับ การกล่าวขานว่าเป็นพุทธศิลป์ โดยมีเหตุผลสำ�คัญประการหนึ่ง เพราะ สร้างขึ้นในปริมณฑลของวัด เนื้อหาสาระมีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสดา และ อีกประการหนึ่ง เพราะศิลปินหรือช่างจะแสดงเจตจำ�นงในการเนรมิต ศิลปกรรม ด้วยพลังศรัทธา และเป็นพุทธบูชา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริม การเผยแพร่และการปฏิบัติทางพุทธศาสนาโดยตรงและเป็นสิ่งช่วยโน้มน้าวจิตใจของพุทธศาสนิกชน ให้เกิดความศรัทธา ประพฤติปฏิบัติตน ในแนวทางที่ดีงามตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาโดยสิ่งที่ผู้สร้าง งานศิลปะได้พยายามสื่อหรือสอดแทรกไว้ในงานศิลปะแต่ละชนิด งาน พุทธศิลป์ภายในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงนั้นจากการศึกษาค้นคว้าได้พบ ชิ้นงานในส่วนของงานพุทธศิลป์จานวน 24 ชิ้น สามารถจำ�แนกได้ดังต่อ ไปนี้ วิหารน้อย มีจำ�นวน 10 หลัง ธรรมาสน์ มีจำ�นวน 1 หลัง หีบธรรม มีจำ�นวน 4 หีบ 4. ตู้ธรรม มีจานวน 7 ตู้ เครื่องสูง จำ�นวน 2 ชุด งานพุทธศิลป์ทุกชิ้นล้วนแล้วแต่มีความหมาย ความเชื่อที่เกี่ยวกับ การสร้างงาน วิธีการประดิษฐ์ หรือแม้แต่การนำ�ไปใช้ที่มีบทบาทหน้าที่ที่ มีความแตกต่างกัน แต่การสร้างชิ้นงานทั้งหมดนั้นมิได้มีความแตกต่างกัน ในพื้นฐานของการสร้างขึ้นเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนาแต่ประการใด

4 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


ความหมายของงานพุทธศิลป์ วิหารน้อย หมายถึง วิหารที่ มีการจำ�ลองขึ้นเพื่อจำ�ลองลักษณะ ของวิหารหลังเดิมไว้ก่อนที่จะมีการ ปฏิสังขรณ์เปลี่ยนแปลงรูปแบบของ วิหาร

ธรรมาสน์ หมายถึง อาสนะ สงค์เป็นที่นั่งสาหรับใช้ในการแสดง พระธรรมเทศนา หรือใช้ในการสวด พระปาติโมกข์ โดยตั้งอยู่ท่ามกลาง คณะสงฆ์ในอุโบสถ นอกจากนี้ยังตั้ง อยู่ด้านขวามือของพระประธานใน วิหารล้านนา

หีบธรรมหรือตู้ธรรม หมายถึง หีบไม้ขนาดใหญ่เป็นที่ บรรจุคัมภีร์ใบลานคำ�สั่งสอนของ พระพุทธเจ้า เป็นดั่งตัวแทนของ พระพุทธองค์ซึ่งชาวล้านนาให้ความ สำ�คัญมากในเรื่องนี้

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 5


เครื่องสูง หมายถึง เครื่องประกอบพิธีกรรมและเป็นเครื่องพระยศ ของพระพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วยแท่งไม้ปักบนฐาน 6-8 สิ่งด้วยกัน ได้แก่ 1. ระแอ หมายถึง เป็นหมวกทรงยอดแหลมใช้สำ�หรับพระมหากษัตริย์ หรือ ขุนนางใส่ในการออกรบ หรือเทียบ ได้กับ พระมหาพิชัย มงกุฎ (ชฎา) ของพระมหากษัตริย์ หรืออีกนัยยะหนึ่ง เปรียบได้กับ ร่ม หรือ” สัปทน” ใช้สาหรับกางบังแดด และบังฝน ในการเดินทางของพระ มหากษัตริย์ 2. บังวัน หมายถึง มักจะแกะไม้ เป็นรูปใบโพธิ์ขนาดใหญ่ ใช้ทำ� หน้าที่บังไม่ให้แสง จากดวงตะวัน (พระอาทิตย์) สาดส่อง พระมหากษัตริย์ ในการเดินทาง 3. ปัดป้าว หมายถึง มักจะแกะสลักเป็นรูปหัวพญานาคคาบพัด อาจจะทำ�จากไม้หรือสานเสื่อกก ตกแต่งด้วยการลงรักปิดทอง เป็นเครื่อง ที่ใช้โบกเพื่อให้ความเย็นถวายพระมหากษัตริย์ 4. ฉัตร หมายถึง เป็นฉัตรทรงใหญ่ 3 ชั้น ทำ�ด้วยผ้าปักหักทอง ขวาง และมีสายไหมถักห่างๆ คลุมพับกันลมตีกลับ สำ�หรับหนึ่งที่มี 4 คัน สำ�หรับหักหรือแห่เสด็จพระราชดำ�เนินหลังฉัตร 5 ชั้น 5. จามาร หมายถึง เดิมเป็นแส้ทำ�ด้วยขนจามรีมีด้ามยาว สำ�หรับ เจ้าพนักงานเชิญถือปัดในเวลาประทับอยู่เบื้องสูง สารับหนึ่งมี 16 คัน แบ่ง เป็นซ้าย 8 คัน ขวา 8 คัน จามรนี้เป็นแส้ จึงมีปลอกหนังรูปเหมือนน้ำ�เต้า แต่แบน สวมภายนอก ต่อมาตัวแส้ขนจามรีขาดหายไป จึงมีแต่ปลอก ติดอยู่ รัชกาลที่ 6 ไม่ทรงโปรด และโปรดให้เปลี่ยนเป็นเชิญทวน หรือ พุ่มดอกไม้ 6. แส้จามรี มักจะแกะเป็นรูปหัวพญานาค ปากคาบ ขนจามรี เพื่อใช้ในการปัดไม่ให้ยุงหรือ แมลงมากัดต่อย องค์พระมหากษัตริย์

6 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 7


วิหารน้อย

แนวความคิดความเชื่อที่เกี่ยวกับงานพุทธศิลป์

แนวความเชื่อในการสร้างวิหารน้อย “ การสืบทอดพระศาสนา ให้ครบ 5,000 ปี ” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอันเป็นการสร้าง อนิจสงค์ ผลบุญให้ตนเอง และบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อเป็นการประดิษฐาน พระพุทธรูป ซึ่งน่าจะถวายพร้อมกับการสร้างวิหารน้อย และเพื่อเป็นการ จำ�ลองลักษณะวิหารหลังเดิมไว้ก่อนที่จะมีการบูรณปฏิสังขรณ์เปลี่ยน แปลงรูปแบบวิหาร วิหารน้อยจะนิยมสร้างด้วยไม้แกะสลัก หลังคามักเป็น ไม้ไผ่สานลงรักหรือลงหางลักษณะโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม

และศิลปกรรมคล้ายคลึงกับวิหารขนาดใหญ่ที่มีการก่อสร้างจริง โดยมี การเก็บราย-ละเอียดขององค์ประกอบต่างๆ เช่น แผงแล ปากแล คัน ทวย ฯลฯ ทั้งนี้อาจได้ความเชื่อเกี่ยวกับอานิสงส์ของการสร้างวิหารน้อย เปรียบเสมือนการสร้างวิหารหลวงจริงหากแต่วิหารน้อยเป็นการสร้างเพื่อ ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ทำ�ถวายไว้

8 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


ธรรมาสน์

ความเชื่อในการสร้างธรรมาสน์ เป็นการจำ�ลองคติจักรวาลลง มา การให้ธรรมมาสน์เป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ มีพระอินทร์เป็นจอมเทพบนสวรรค์ชั้นนี้ได้ประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุไว้ในจุฬามณี ซึ่งเมื่อเวลาพระภิกษุขึ้นไปเทศน์เราจะไม่เห็นตัว ของพระ-ภิกษุเลย ทำ�ให้เกิดจินตนาการว่าเป็นเสียงขององค์พระสัมมาสัม พุทธเจ้าที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ทำ�การอบรมสั่งสอนธรรมะ ให้เหล่ามนุษย์ผู้อยู่ในชมพูทวีปได้ฟังพระธรรม

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 9


หีบธรรม แนวความเชื่อในการสร้างหีบธรรม ตู้หรือหีบธรรมถือว่าเป็นสิ่งที่เก็บบรรจุ คัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นหลักคำ�สอนขององค์ พระพุทธเจ้า เป็นดัง ตัวแทนของพระพุทธ องค์ซึ่งชาวล้านนาให้ความสำ�คัญมาก คติ ความเชื่อที่แสดงออกมาในงานของหีบพระ ธรรมจึงมองเห็นถึงความศรัทธาเป็นหลัก ดังจะเห็นได้จากความพิถีพิถัน การบรรจง สร้างด้วยความวิจิตร และประดับตกแต่ง ลวดลายต่างๆ ล้วนแสดงถึงความเชื่อความ เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา ซึ่งเป็นความ เชื่ออีกลักษณะหนึ่งที่จะแสดงออกมาก็คือ ในส่วของการตกแต่งซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับช่าง หรือศิลปินผู้สร้าง ได้มีการถ่ายทอดลงบน งานพุทธศิลป์ ซึ่งหลากหลายลวดลายที่ถูกคิดขึ้นนั้น มักแฝงความหมาย และคติความเชื่อเข้าไว้ด้วยกัน เป็นดังคติ สอนใจในรูปแบบระบบสัญลักษณ์จนเป็น วัฒนธรรมสืบทอดและเป็นที่ยอมรับของ คนในท้องถิ่น

10 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


เครื่องสูง เครื่องสูงเทียมยศวางไว้ข้างอาสนะหรือราชบรรจถรณ์ ถือเป็น เครื่องสักการะอย่างหนึ่ง แด่พระพุทธเจ้า ทาขึ้นตามแบบของคัมภีร์ อภิธานปทีปถา ในพระมหานิพพานสูตร กล่าวถึงตอนที่พระพุทธเจ้าตรัส กับพระอานนท์ถึงการจัดการกับพระพุทธสรีระ หลังจากเสด็จดับขันธ์ ปรินิพพานไปแล้วว่า ให้จัดการเหมือนกับการปลงพระศพของพระพุทธเจ้า จักรพรรดิ กล่าวคือทรงเป็นพระจักรพรรดิราช ในทางธรรมนั่นเอง เครื่อง สูงของทางล้านนา ประกอบด้วย เบญจราชกกุธภัณฑ์ 5 อย่าง ได้แก่

1. คทา 2. กลด หรือฉัตร 3. บังสูรย์ (ทางเหนือเรียกกระแอหมู่บังวัน) 4. จามร หรือแส้จามรี 5. พัดโบก (ทางเหนือเรียกว่าพัดค้าว)

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 11


รูปแบบและโครงสร้างของงานพุทธศิลป์ วิหารน้อย

วิหารน้อยนิยมสร้างด้วยไม้แกะสลักทั้งหลังคามักเป็นไม้ไผ่สาน ลงรักหรือลงหาง ลักษณะโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม คล้ายคลึงกับวิหารใหญ่ที่มีการก่อสร้างจริง โดยมีการเก็บรายละเอียด ขององค์ประกอบต่างๆ เช่น แผงแล ปากแล คันทวาย ฯลฯ ลักษณะทาง สถาปัตยกรรมของวิหารน้อยมี 2 รูปแบบ ดังนี้ 1. วิหารโถงหรือวิหารไม่มีป๋า งเอก ชื่อของวิหารลักษณะนี้ กำ�หนด มาจากคำ�ศัพท์ของล้านนาโบราณ ที่ เรียกฝาผนังว่า “ป๋างเอก” ลักษณะ เด่นของวิหารน้อยหลังนี้ คือ มีการ ทำ�ผนังขึ้นมาจากด้านพื้นวิหาร แล้ว ปล่อยโล่งด้านบน

2. วิหารแบบปิดหรือวิหารมี ป๋องเอก เป็นวิหารที่สร้างฝาผนังไม้ แบบฝาตาผ้า(ฝาผนังไม้เข้าลิ้น) ปิด ล้อมห้องภายในวิหาร

12 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


ธรรมาสน์ ธรรมาสน์ทรงปราสาท พบ ทั่วไปในล้านนาเป็นธรรมาสน์ที่สร้าง ขึ้นให้วิจิตรพิสดารขึ้นไป มีทั้งแบบยอด แหลมพร้อมกูบหลังคาซ้อนชั้นและแบบ หลังก๋ายหรือปากบาล ที่จะใช้เฉพาะใน การเทศน์เท่านั้น ธรรมาสน์ทรงปราสาท เหล่านี้เป็นการแกะสลักไม้ที่อ่อนช้อย สวยงาม ลงรักปิดทองหมู่บัวขนุนที่ชาน รับซุ้มยอดปราสาทบนมุมบรรจบมีนาค แกะสลัก และลวดลายตามขอบชั้นต่างๆ แสดงถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะ ล้านนากับศิลปะจีน

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 13


หีบธรรม

ลักษณะหีบธรรมที่พบได้ทั่วไปในล้านนา สามารถแบ่งตาม ลักษณะโครงสร้างได้ดังนี้ ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หีบธรรมสามารถแยกเป็นส่วนต่างๆได้ดังนี้ 1. ส่วนฐาน เป็นส่วนที่รับน้าหนักมากที่สุด รูปแบบส่วนใหญ่เป็น ลักษณะของฐานปัทม์ ซึ่งมีฐานสูง ใช้วิธีการเข้าไม้โดยอาศัยการเข้าเดือย สลักยึดมุมด้านในทั้ง 4 มุมเข้าด้วยกัน และแบบฐานเตี้ยคิ้วบัวชั้นเดียว ซึ่ง ส่วนฐานนี้ก็จะประดับตกแต่งทั้งเทคนิคแกะสลักหรืองานลายคำ� 2. ส่วนกลาง หรือส่วนที่เป็นตัวหีบ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปทรง สี่เหลี่ยม โดยเฉพาะ ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นไม้กระดานต่อกัน นิยมนำ�ไม้ สลักมาทำ�มากที่สุด ไม้กระดานดังกล่าวจะเป็นไม้แผ่นเดียวหนาพอสมควร ใช้วิธีการเข้าไม้ต่อเดือยยึดติดแผ่นไม้กระดานในแต่ละด้าน วิธีดังกล่าวจะ ช่วยให้แผ่นไม้กระดานทั้ง 4 ด้าน มีแรงยึด แรงดันซึ่งกันและกัน บริเวณ ปากหีบจะทำ�เป็นขอบสลักตัวผู้ไว้ ถือเป็นการซ่อนปากหีบซึ่งมีขนาดเล็ก เท่ากับตัวหีบ เพื่อใช้ส่วนหีบฝาสวมเข้ากับตัวหีบอย่างสนิท 3. ส่วนฝา คือส่วนที่ใช้ปิดปากหีบช่างจะสร้างให้พอดีกับส่วนที่ เป็นตัวหีบ บริเวณด้านบนของฝาหีบจะใช้ไม้กระดานต่อกันจนเรียบเป็น แผ่นเดียว เข้าเดือยยึดกับของด้านข้างทั้ง 4 ด้าน ประกอบกันเป็นฝา

14 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


ส่วนประกอบต่างๆของหีบธรรม

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 15


เครื่องสูง เครื่องสูงประกอบด้วยโครงสร้างหลักๆ 2 ส่วนดังนี้ 1. ส่วนของฐาน 2.ส่วนของตัวเครื่องสูง ฐาน ส่วนของฐานเครื่อง สูงทำ�จากวัสดุไม้และทาสีพื้นเรียบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในส่วนของหัว ของฐานอาจเป็นแบบธรรมดาหรืออาจมีการแกะเป็นหัวเหลี่ยม หัวหัว หรือเป็นยอดแหลม ส่วนของเครื่องสูง ตัวงานเครื่องสูงมักเป็นการผสม ผสานเครื่องราชกุธภัณฑ์และเครื่องสูงกษัตริย์เข้าด้วยกัน วัสดุที่ใช้ทำ� เครื่องสูงมี 2 ชนิด คือ ไม้และโลหะสังกะสี ตัวเครื่องสูงนี้จะประกอบด้วย สิ่งต่างๆดังนี้ 1.ระแอ คือ คชาหรือธารพระกร มีลักษณะเป็นรูปทรงของไม้กลึง กลม หรือไม้กลึงสี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม หัวของระแอมักทาเป็นหัวตัดหรือหัว ขัดปลายมน มีลักษณะเหมือนรูปแบบกับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของกษัตริย์ 2. ปังวันหรือปังแทรก มีลักษณะรูปทรงเป็นพัดทรงกลมมน แบน ด้ามยาวลักษณะคล้ายในเครื่องสูงของกษัตริย์ 3. พัดโบก มีลักษณะเป็นรูปพญานาคคาบพัดเชิงงอก มีรูป ลักษณะที่คล้ายกับพัดโบกคล้ายในเครื่องสูงของกษัตริย์ 4. ฉัตร มีลักษณะเป็นด้ามยาวและมีหมวกที่ปลายเสามักทำ�จาก ไม้ เหมือนกับฉัตรในเครื่องกุมภัณฑ์ของกษัตริย์ทางภาคกลาง 5. แส้จามร ลักษณะเป็นด้ามยาวส่วนปลายไม้มักเป็นรูปหัวนาค คาบแส้ที่ปากหรือกระดิ่ง หรืออาจเป็นรูปตัวพญานาคเพียงอย่างเดียว 6. พระแสงขรรค์ ลักษณะเป็นด้ามยาวปลายมักทำ�เป็นรูปดาบ หรือหอก หรือบางทีมีลักษณะเป็นสามง่าม มีลักษณะคล้ายกับแสงขรรค์ ชัยศรีในชุดเครื่องกุมภัณฑ์ของกษัตริย์ 7. จามร ลักษณะคล้ายพัดยอดแหลมสองลอน ทรงสูง ทำ�จากไม้ คล้ายกับลักษณะจามรภาคกลางในปัจจุบัน ซึ่งเดิมทำ�เป็นแส้ด้วยขนจามรี ด้ามยาว 16 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


ส่วนประกอบต่างๆของเครื่องสูง พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 17


เทคนิคในการประดับตกแต่งงานพุทธศิลป์

การประดับตกแต่งส่วนใหญ่จะเป็นงานประดับตกแต่งภายนอก โดยการประดับ ตกแต่งนั้นจะทำ�ให้มีความกลมกลืนต่อเนื่องกัน ซึ่ง กระบวนการตกแต่งนี้เองทำ�ให้งานพุทธศิลป์แต่ละชิ้นมีความสวยงาม มี เอกลักษณ์เฉพาะตัว ถือเป็นขั้นตอนสำ�คัญขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งแต่ละเทคนิค ก็จะแสดงออกถึงลักษณะของผิว อารมณ์ ความรู้สึก แตกต่างกันไป เทคนิคดังกล่าวมีดังนี้ 1. เทคนิคงานลายคำ� หรืองาน ปิดทองล่องชาด ถือเป็นเทคนิคที่ นิยมทำ�กันมาก ในเขตล้านนา เพราะ ช่างมีความถนัด ผูกพันกับงานกระดาษ อยู่แล้ว การเขียนแบบ ผูกลวดลายบน กระดาษจึงง่ายและถนัดมากกว่าวิธีอื่น พอได้ต้นแบบลวดลายกระดาษแล้ว นำ� ยางรักมาทาตรงรองรอยที่ฉลุไว้ ทิ้ง ให้ยางรักแห้งหมาดประมาณ 1-2 วัน แล้วจึงนำ�ทองคำ�เปลวมาปิดตรงร่อง ลายฉลุ ลายคำ�ก็เกิดขึ้นบนผิว หลัง จากถอดแบบลายกระดาษออกไปถือ เป็นวิธีที่ไม่​่สลับซับซ้อน กรรมวิธีการ ทำ�ซ้ำ�กันนี้จะมีจังวะที่ว่างเท่าๆกัน ถึง แม้ว่าความละเอียดของลวดลายจะไม่ เท่าลายรดน้ำ�ของภาคกลาง แต่งาน ลายคำ�ก็ยังคงความเป็นระเบียบและคง ความเปล่งประกายของทองให้เห็นอยู่

18 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


2. เทคนิคงานลายคำ�แบบ ขูดลาย กรรมวิธีนี้มีวิธีการเดียวกัน กับงานลายคำ� ในแบบที่ 1 แต่ตัว ต้นแบบลายนั้นจะเป็นเฉพาะตัว เค้าโครงเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดอื่น พอได้ต้นแบบลวดลายฉลุกระดาษ นำ�ยางรักมาทาตรงโครงลายที่ฉลุ ไว้ ทิ้งให้ยางรักแห้งหมาดก่อนนำ� ทองคำ�เปลวมาปิดตรงโครงลายฉลุ จากนั้นจึงเพิ่มลายละเอียดใช้ ลวดลายคำ�ด้วยวิธีการนำ�เหล็ก แหลมมาขูดให้เกิดมีลวดลายที่ ละเอียดมากขึ้น วิธีนี้นิยมทำ�กันใน ส่วนของลายเทวดา พระธาตุเจดีย์ หม้อดอก ฯลฯ

พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 19


3. เทคนิคทารัก ทาชาด เทคนิคนี้พบเป็นส่วนมาก วิธีการคือ เมื่อเตรียมพื้นผิวด้วยการทายางรัก เสร็จแล้ว ก็จะสร้างลวดลายด้วย การเขียนลายด้วยชาด (หาง) ส่วน น้าของชาดที่บดละเอียดแล้วผสม กับยางรักในอัตราส่วนที่พอดี สีแดง ของชาดจะเข้มหรือสีแดงสดเพียง ใดนั้นขึ้นอยู่ปริมาณของยางรักใน การนำ�มาผสม ทั้งนี้ลวดลายที่เขียน นั้นไม่ได้อาศัยตัวต้นแบบลาย แต่ จะขึ้นอยู่กับความชำ�นาญของช่าง ที่เขียนลายเองว่าสามารถจะผูก ลวดลายขึ้นมาได้สวยงามมากน้อย เพียงใด

20 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


4. เทคนิคปูนปั้นรัก กระแหนะ มีลักษณะนูนต่ำ�เป็น มิติที่สวยงาม อาจกล่าวได้ว่า เทคนิคนี้ให้ความสำ�คัญกับ ลวดลายมาก วิธีทำ� คือ การเต รียมมุกโดยนำ�ขี้เถ้ามากรองให้ ละเอียดแล้วจึงผสมกับยางรัก นวดให้เข้ากันจนสามารถนำ�มา ปั้นเป็นลายได้ จากนั้นขึ้นลาย ตามจินตนาการและตามความ สามารถของช่าง เสร็จแล้วทารัก ทับลวดลาย ก่อนปิดทองคำ�เปลว เป็นอันดับสุดท้าย 5. เทคนิคการติดแก้วจืน การ ประดับแก้วจืนนั้นทำ�ให้มีความน่าสนใจ และความสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งพื้นผิวนั้น จะเกิดความมันวาว สะท้อนแสงระยิบระยับอันเกิดจากการหักเหของแสงที่มา กระทบจนทาให้เกิดมิติบนเนื้อไม้ การติด แก้วจืนนี้จะใช้ยางรักเป็นตัวประสานยึด ติดระหว่างแก้วจืนกับไม้ให้คงอยู่ หรือ บางครั้งพบว่าใช้ตะปูจีนตอกติดลงไป หลังจากนั้นก็นิยมนำ�มุกรักมาปั้นกระแหนะเป็นกรอบรอบๆ ของแก้วจืน ทำ�ให้ มีความวิจิตรงดงามมากยิ่งขึ้น พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่ 21


งานพุทธศิลป์มีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ คนกับบุคคลอื่นและคนกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ทำ�ให้เกิดรูปแบบของ การดำ�เนินชีวิต ความคิด ความเชื่อ ศิลปวัฒนธรรมประเพณีและ พิธีกรรมที่สืบทอดต่อๆกันมา เช่นเดียวกันกับงานพุทธศิลป์ภายใน พิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงซึ่งมีคติความเชื่อ และแนวความคิดที่มาจาก ความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาเป็นปัจจัยสำ�คัญ ในการสร้างงานพุทธศิลป์ขึ้นโดยความเชื่อที่พบเป็นความเชื่อทาง พุทธศาสนาที่ต้องการที่จะรับใช้พระพุทธศาสนาและเป็นการสร้าง บุญกุศลให้แก่ตนเอง โดยการสร้างงานพุทธศิลป์ตามความคติความ เชื่อที่เกิดขึ้นนั้นก็มีความแตกต่างกันซึ่งในการสร้างงานพุทธศิลป์ ตามแนวคติความเชื่อที่มีอยู่ภายในท้องถิ่นนั้นก็มีความเกี่ยวเนื่อง กับหน้าที่การใช้สอยของงานพุทธศิลป์ที่มีการใช้สอยที่แตกต่างกัน ที่ควบคู่ไปพร้อมกัน แต่โดยพื้นฐานงานพุทธศิลป์ที่เกิดขึ้นภายใน พิพิธภัณฑ์นั้นล้วนเป็นการสร้างขึ้นเพื่อมีหน้าที่รับใช้พระพุทธศาสนา เป็นหลักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

22 พุทธศิลป์ พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวงจังหวัดแพร่


พุทธศิลป์พื้นถิ​ิ่น ในพิพิธภัณฑ์วัดพระหลวง จังหวัดแพร่ จัดทำ�โดย นางสาวกิตติวรา กันสิงห์ 530310101 ภาษาไทย © 2556 ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สงวนลิขสิทธิ์ พิมพ์ครั้งแรก กรกฏาคม พ.ศ. 2556 จัดพิมพ์โดย ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยางัยเชียงใหม่ ออกแบบโดย นางสาวกิตติวรา กันสิงห์


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.