สถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาสันติภาพโลก
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ว.วชิรเมธี พิมพ์ครั้งที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ จำนวนพิมพ์ ๑๐,๐๐๐ เล่ม
จัดพิมพ์โดย
สถาบันวิมุตตยาลัย
เลขที่ ๗/๙-๑๘ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๗ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๓ โทรสาร ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๘ Email: dhammatoday@gmail.com www.dhammatoday.com
คำอนุโมทนา
ในบรรดาสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ไม่มีอะไรจะซับ ซ้อนยิ่งไปกว่าคน ในบรรดาสิ่งที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุด ไม่มีอะไรจะ วิวัฒนาการได้ดียิ่งไปกว่าคน เพราะคนคือองค์รวมของความซับซ้อน เพราะคนคือ องค์รวมของวิวฒ ั นาการสูงสุด ดังนัน้ การอยูก่ บั คนให้ราบรืน่ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งการบริหารคนให้ประสบความสำเร็จ ยิ่งต้องใช้สติปัญญาและศิลปะขึ้นสูง แต่ ถ ้ า หากใครทำได้ คนคนนั ้ น นั บ เป็ น ยอดคน เหมือนกับที่ปราชญ์คนหนึ่งเคยกล่าวว่า “สุดยอดของ การทำงาน ก็คือ การทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับคนให้ประสบ ความสำเร็จ”
เราทำงานกันอยู่ทุกวัน แต่เคยสังเกตไหมว่าทำไม บางคน ยิ่งทำงาน ผลงานยิ่งดีวันดีคืน หยิบ จับ ทำอะไร ก็รุ่งโรจน์โชตนาไปเสียทั้งหมด เหมือนกับสำนวนจีนที่ใช้ เอ่ยชมยามพระเอกยิ่งพบอุปสรรค วรยุทธ์ยิ่งก้าวหน้าว่า “ยิ่งมา...ยิ่งดี” แต่ในทางกลับกัน ทำไมบางคน ยิ่งทำงานหนักทว่า ผลงานกลับยิง่ แย่ลง สุขภาพกลับเสือ่ มโทรมลงอย่างรวดเร็ว จนน่าตกใจ อะไรคือความแตกต่างระหว่างคนทำงานทั้งสอง ประเภทนี้ เราจะบริหารงานกันอย่างไร จึงสามารถครองตน ครองคน ครองงาน และครองใจ เราจะทำงานกันอย่างไร จึงจะได้ทง้ั งานได้ทง้ั คุณภาพ ชีวิต หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบ !
หนังสือชื่อ “บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้ สัมฤทธิ์” เล่มนี้ แต่เดิมเป็นบันทึกธรรมบรรยายในชื่อ “The Boss ยอดนักบริหาร” ที่สถาบันวิมุตตยาลัย จัดทำ เป็นซีดีธรรมทานเผยแผ่แก่ผู้สนใจทั่วไป ในเวลาต่อมาเมื่อคุณยุพา เตชะไกรศรี นักบริหาร ธุรกิจมืออาชีพคนหนึ่งของประเทศไทย ได้ฟังซีดีธรรม บรรยายชุดนี้แล้ว รู้สึกว่าตนได้รับประโยชน์เป็นอันมาก จึงมีความดำริวา่ ธรรมบรรยายชุดนี้ ควรได้รบั การเผยแพร่ ให้กว้างขวางออกไปในหมู่นักบริหารและคนทำงานทั่วไป จึงแจ้งความจำนงขออนุญาตมายังทางสถาบันเพื่อจัดทำ เผยแพร่ทั้งในรูปแบบซีดีและหนังสือเล่ม เมื่อผู้บรรยายได้รับทราบแล้ว จึงรู้สึกอนุโมทนา ในกุศลเจตนาของคุณโยมยุพา เตชะไกรศรีเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้น ก็ยินดีอนุญาตให้จัดทำเป็นสื่อธรรมทาน เผยแพร่ตามเจตนารมณ์ด้วยความเต็มใจและไม่สงวน ลิขสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากจะมีผู้อื่นร่วมกันจัดพิมพ์เพื่อ เผยแพร่เป็นธรรมทานต่อๆ ไป
“ขอพระธรรมจงแผ่ไพศาล ขอให้เธอเบิกบาน กับการรับใช้เพื่อนมนุษย์”
ว.วชิรเมธี ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
สารบัญ
คำอนุโมทนา
๔
ธรรมะสำหรับผู้บริหาร
๑๑
ทฤษฏีผู้บริหาร ผู้บริหารแบบพนักงานรถไฟ : ไหลไปตามระบบ ผู้บริหารแบบนายแพทย์ : แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ผู้บริหารแบบชาวนา : รอฝน มุ่งผลผลิตพอเพียง ผู้บริหารแบบชาวประมง : เสี่ยง กล้า ท้าทาย
๑๓ ๑๕ ๑๙ ๒๓ ๒๗
ทักษะของผู้บริหาร ๑. ผู้อาวุโส ๒. ผู้ดำรงตำแหน่ง ๓. ผู้บริหารร่างทรง ๔. ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
๓๗ ๓๘ ๔๒ ๔๒ ๔๔
ผู้บริหารต้องรับได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ ควรมีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจชีวิต อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง
๕๑ ๕๙ ๖๗
๗ ปุจฉาจากผู้บริหาร ๗ ความต้องการจากลูกน้อง
๗๓ ๘๘
ภาคพิเศษ ทางออกประเทศไทย
๑๐๕
ประวัติ ว.วชิรเมธี
๑๑๔
ธรรมะสำหรับ ผู้บริหาร
ธรรมะกับผู้บริหารเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจแยกจากกัน ถ้าเราแยกธรรมะออกจากผู้บริหารหรือแยกธรรมะออก จากการบริหารเมื่อไร ก็จะเกิดสภาวะอนาธิปไตยคือการ บริหารนั้นล้มเหลว ไม่มีใครฟัง บริหารแต่ไม่มีคนทำตาม ทุกองค์กรเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ถ้าผู้บริหารไม่มีศักยภาพที่จะบริหารเพราะขาด หัวใจคือธรรมะ ถึงใช้อำนาจบริหารก็ไม่มีคนทำตาม ดังนั้น ธรรมะในการบริหารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ขาดไม่ได้ ธรรมะในการบริหารมีมาก คงไม่สามารถหยิบมา กล่าวในที่นี้ได้ทั้งหมด จะขอหยิบมาบางแง่มุม เพื่อมาแลก เปลี่ยนเรียนรู้กันพอหอมปากหอมคอ
ทฤษฏีผู้บริหาร
ทฤษฏีผู้บริหารมี ๔ แบบ คือ ๑. ผู้บริหารแบบพนักงานรถไฟ ๒. ผู้บริหารแบบนายแพทย์ ๓. ผู้บริหารแบบชาวนา ๔. ผู้บริหารแบบชาวประมง
ผู้บริหารแบบพนักงานรถไฟ ไหลไปตามระบบ
อาตมาเพิง่ กลับจากญีป่ นุ่ มีโอกาสได้นง่ั รถไฟในญีป่ นุ่ รูส้ กึ
สบายจัง ถ้าเป็นรถไฟที่เป็นหัวจรวดนั้นสู้เครื่องบินได้เลย อาตมาลองเอาแก้วน้ำวางบนถาดรองแก้ว ตัง้ แต่ออกสตาร์ท จนถึงปลายทางน้ำไม่กระฉอกเลย ถ้าเมืองไทยเรามีรถไฟ ขนาดนี้ สบายแล้ว ปัญหารถติดคงไม่มี แต่ในโลกความเป็น จริงมันไม่เป็นเช่นนั้น การรถไฟไทยกับการรถไฟญี่ปุ่นเริ่ม พร้อมกัน แต่ ณ เวลานี้การรถไฟญี่ปุ่นนั้นเทียบเครื่องบิน แต่การรถไฟไทยนัน้ ยังไปไม่ถงึ ไหน ไม่เพียงแต่ไม่ตรงเวลา แต่ยังตกรางประจำ ว.วชิรเมธี 15
ผู ้ บ ริ ห ารแบบพนั ก งานรถไฟในเมื อ งไทยก็ ค ื อ ไปตามราง มีโบกีร้ ถไฟ มีรางรถไฟ ขึน้ ไปขับรถไฟ ไปตามราง จากสถานีต้นทาง ถึงปลายทาง ถ้ามีรางให้วิ่ง อย่างไรก็ถึง ไม่คิดอะไรใหม่ ไม่ท้าทาย ไม่ลงทุน ไม่ปรับปรุงไม่ แสวงหาบริการเสริม ไม่ขายบริการ ขับไปเรือ่ ยๆ กีป่ กี ช่ี าติ ก็ เ ป็ น เช่ น นั ้ น เอง นี ่ ค ื อ ผู ้ บ ริ ห ารแบบพนั ก งานรถไฟ ปล่อยให้ระบบไหลไปตามกลไกของมันเองโดยที่ตนเอง แทบไม่แตะส่วนใดๆ เมื่อได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารปุ๊บ นั่งอยู่ตรงนั้น รับเรื่อง ทำงานไปตามระบบ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ กลายเป็นผู้บริหารประจำ เวลามีใครมาถามอะไร ถ้ า เรื ่ อ งยั ง มาไม่ ถ ึ ง ต่ อ ให้ ม ารบกั น อยู ่ ห น้ า บริ ษ ั ท ก็ ไ ม่ เรียกประชุม ถามว่าทำไม คำตอบคือ ยังไม่ได้รับรายงาน เขายังไม่ได้แจ้งเข้ามา ขอโทษนะครับ ยังไม่ได้รบั การประสาน จากผู้ที่เกี่ยวข้อง จะรบก็รบ จะเผาก็เผา จะเอ็มเจ็ดสิบเก้า มายิงก็แล้วแต่ ถ้ายังไม่ได้รับรายงานก็ให้ผู้เกี่ยวข้องว่ากัน ไป นี่คือผู้บริหารแบบพนักงานรถไฟ 16
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
พูดง่ายๆ คือถ้าปัญหาไม่มาถึงตัว เอ็มเจ็ดสิบเก้า ไม่ ต กมาหน้ า ตั ก ไม่ ท ำงาน เพราะคิ ด ว่ า ของเดิ ม เขาดี อยู่แล้ว เราจะไปเปลี่ยนทำไม พอได้รับการแต่งตั้งปุ๊บ คุณเลขาคุณว่าไปเลย หัวหน้าว่าไปเลย ปลัดว่าไปเลย ผู้อำนวยการว่าไปเลย แล้วท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าตามพวก คุณแหละ นี่คือผู้บริหารแบบพนักงานรถไฟ ไม่คิดอะไร ใหม่ ระบบมีอะไรก็ปล่อยให้ไหลไปตามระบบอย่างนั้น ผูบ้ ริหารอย่างนีจ้ ะทำให้องค์กรอย่างดีทส่ี ดุ ก็คอื ทรง อย่างแย่ก็ทรุด แล้วคนเก่งก็ไม่อยู่กับผู้บริหารที่ทำงาน แบบพนักงานรถไฟ เพราะเขาต้องการอนาคต พอมาเจอ ผู้บริหารที่ทำงานในลักษณะเช้าชามเย็นชาม หรือเรื่อยๆ มาเรียงๆ แบบพนักงานรถไฟ อย่างนี้คนเก่งก็ต้องออก ไปสร้างเมืองใหม่กันทั้งนั้น นี่เป็นเหตุให้ผู้บริหารเช่นนี้ จำนวนมากไม่มีคนเก่งในองค์กร เพราะมัวแต่ขับรถไฟไป ตามรางแบบเรียบๆ เฉื่อยๆ ฉิวๆ ไม่มีการวางแผน ปรัชญา วิสยั ทัศน์ พันธกิจไม่ตอ้ ง ทุกอย่างเป็นไปตามปกติวา่ กันไป ตามขั้นตอน ว.วชิรเมธี 17
ผู้บริหารแบบนายแพทย์ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ผู ้ บ ริ ห าร แบบนายแพทย์ก็คือ เป็นนักแก้ปัญหา เวลา
ปัญหาเกิดขึ้นมาจะหาสมมุติฐาน หาสาเหตุ หาวิธีการ แล้วลงมือผ่าตัด เยียวยารักษา ถ้าเยียวยารักษาได้นาย แพทย์จะมีความสุขมาก ดังนั้นผู้บริหารแบบนายแพทย์ ก็เป็นผู้บริหารนักทำงาน แต่ก็เหมือนนายแพทย์ คือ ถ้า ไม่มีการเข็นผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลก็ไม่ทำอะไรเหมือนกัน ถ้าผู้ป่วยไม่มาถึง ถึงเวลานัดหมายแล้วคนไข้ยังไม่มา ก็อาจเล่นบีบี ทวิตข้อความขึน้ ในทวิตเตอร์ หรืออาจติดตาม ใครสั ก คนใน Facebook เมื ่ อ มี ผ ู ้ ป ่ ว ยฉุ ก เฉิ น เข้ า มา ว.วชิรเมธี 19
ถึงจะลงมือทำงาน อย่างไรก็ดี ผู้บริหารแบบนายแพทย์ก็ยังดีกว่าแบบ พนักงานรถไฟ เพราะแบบรถไฟว่ากันไปตามขั้นตอนแต่ ผู ้ บ ริ ห ารแบบนายแพทย์ พ อมี ป ั ญ หาก็ ล ุ ก ขึ ้ น มาแก้ ไ ข ผู้บริหารแบบนี้เป็นนักแก้ปัญหาที่ดีของระบบที่ดี แต่ค่อน ข้างขาดวิสัยทัศน์ในการรุกคืบไปข้างหน้า พูดง่ายๆ ว่า ทำงานเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เป็น อย่างดี พร้อมทั้งมีปัญหาก็ไม่ถอยพร้อมที่จะลุกขึ้นมา กล้าคิด กล้าทำ กล้านำ กล้ารับผิดชอบ แต่ยังจำกัดพื้นที่ อยูเ่ ฉพาะในองค์กรเท่านัน้ นัน่ คือถ้าไม่มปี ญ ั หาก็จะไม่ได้ เห็นการลุกขึ้นทำงานของผู้บริหารแบบนายแพทย์
20
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ว.วชิรเมธี 21
ผู้บริหารแบบชาวนา รอฝนมุ่งผลผลิตพอเพียง
ผู้บริหารแบบชาวนา คือ ผู้บริหารที่เอาธรรมชาติเข้าว่า การเมืองไม่ดีก็ไม่เป็นไร นักท่องเที่ยวไม่มาก็ไม่เป็นไร สบายๆ คือไม่คิดอะไรใหม่ ชาวนาแม้จะมุ่งผลผลิตก็จริง แต่ผลผลิตนั้นจะต้องอยู่ในพื้นที่ของตัวเองเท่านั้นจะไม่ ขยายตลาดเพิ่ม และก็ผู้บริหารชนิดนี้จะจำกัดพื้นที่ที่ได้ รับผิดชอบมีเท่าไหร่ก็จะจำกัดอยู่แค่นั้น รอฟ้ารอฝน หมายความว่า ไม่ค่อยคิดงานใหม่ ปล่อยให้สถานการณ์แวดล้อมพาไป แล้วแต่ว่าจะจับพลัด จับผลูให้ได้บริหารเรื่องอะไรไม่ค่อยคิดโครงการล่วงหน้า ว.วชิรเมธี 23
ปฎิทินงานไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา ไม่ซับซ้อน เรียกว่า พนักงานในองค์กรนี้ นั่งเซ็งกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่า ผู้บริหารนั้นรอฟ้ารอฝน ไม่มีงานพิเศษเข้ามาไม่มีความ ท้าทาย ไม่มตี น่ื เต้น งานอีเว้นท์กไ็ ม่ทำ หน้าตักมีแค่ไหนก็เอา แค่นั้น แล้วก็ไม่เสี่ยงด้วย นี่ก็คือผู้บริหารแบบชาวนา แต่ผบู้ ริหารแบบชาวนาก็ยงั ดี คือมุง่ ผลผลิต คือถึง แม้จะไม่ทำงานหวือหวาแต่ชาวนาที่ดีก็คือยังหวังที่จะมี ผลผลิตทีด่ เี สมอ เช่นเดียวกันกับผูบ้ ริหารทีไ่ ม่เพิม่ งานใหม่ แต่ก็ยังพยายามที่จะบริหารงานหน้าตักให้มีผลงอกเงยก็ ยังนับว่าเป็นผู้บริหารที่ใช้ได้
24
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ว.วชิรเมธี 25
ผู้บริหารแบบชาวประมง เสี่ยง กล้า ท้าทาย
ชาวประมง ที่ออกทะเลไปนั้นพื้นที่ไม่จำกัด และมีความ เสี่ยงเพราะว่าตรงที่ที่เส้นขอบฟ้าสิ้นสุดนั้นไม่ใช่ว่าทะเล จบแค่นน้ั ชาวประมงต้องกล้าทีจ่ ะแล่นเรือออกไป ขยายเส้น ขอบฟ้าออกไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าคลื่นลมจะมาเมื่อไหร่และใต้ มหาสมุทรจะมีปลามากน้อยแค่ไหนชาวประมงไม่รู้ ฉะนั ้ น ผู ้ บ ริ ห ารแบบชาวประมงคื อ เป็ น นั ก เสี ่ ย ง เป็นนักท้าทาย เป็นนักแสวงโชค เชือ่ มัน่ ในตนเองสูง กล้าคิด กล้าทำ กล้านำ กล้ารับผิดชอบ และกล้าเสี่ยง ข้อดีของชาวประมงคือถ้าไม่มีทักษะคุณก็จับปลา ว.วชิรเมธี 27
ไม่ได้ แต่ข้อเสียก็คือเสี่ยง แต่ส่วนมากแล้วชาวประมงก็ กล้าที่จะเสี่ยง เพราะถ้าเสี่ยงจนเกิดทักษะแล้ว เสี่ยงนั่นเอง ก็ ก ลายเป็ น โชค เราจึ ง เรี ย กผู ้ บ ริ ห ารที ่ ก ล้ า ท้ า ทายว่ า นักเสี่ยงโชค เห็นไหม เสี่ยงต้องมากับโชค คนไทยมักบอกว่าเสี่ยงต้องมากับเซียมซีเท่านั้น คนไทยคิดได้แค่นี้ ความกล้าเสี่ยงของคนไทยคือกล้า เสี่ยงเซียมซีแต่นักบริหารทั้งหลายต้องกล้าที่จะเสี่ยงโชค ต้องพร้อมที่จะเริ่มต้นจากศูนย์ ตอนที่ สตีฟ จอบส์ ซึง่ เป็นผูก้ อ่ ตัง้ Apple ถูกลูกน้อง ของตัวเองเชิญออก นี่เป็นภาษาสุภาพ แต่ความเป็นจริงคือ ถูกลูกน้องและผู้ถือหุ้นไล่ออกจากบริษัทของตัวเอง สตีฟ จอบส์ ออกไปเหมือนหมาหัวเน่า เดินลงจากตึกด้วยน้ำตา นองหน้า เขาบอกว่าในโลกนี้มีใครแย่กว่าฉันอีกไหม ถูกไล่ ออกจากบริษัทที่ตัวเองตั้งมากับมือ ตั้งบริษัทแอปเปิลจาก โรงรถ แล้วพอบริษัทมีทรัพย์สินกว่าพันล้าน จู่ๆ โดน ไล่ออก แต่เขาหายไปได้เพียงครึ่งปี เนื่องจากเขามีสัญชาต28
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ญาณผู้บริหารแบบชาวประมง แว่บหนึ่ง สตีฟ จอบส์ ก็คิด ขึ้นได้ว่า เราแค่ถูกไล่ออกจากบริษัทแต่ศักยภาพในการ คิดงานยังอยู่กับเราครบทุกอย่าง พอปิ๊งแว่บขึ้นมาได้ ก็ไปตัดผมใหม่ แล้วเดินไปจดทะเบียนบริษัทใหม่ชื่อว่า บริษัท เน็กซ์ บริษัทนี้ผลิตคอมพิวเตอร์มาเป็นคู่แข่งกับ แอปเปิลเหมือนเดิม ภายในไม่กี่ปียอดขายของบริษัทเน็กซ์ก็ทะลุทะลวง เคียงบ่าเคียงไหล่หายใจลดต้นคอกับบริษัทแม่คือแอปเปิล ผู้ถือหุ้นบริษัทเดิมนั่งคุยกัน ว่าเราจะปล่อยให้ สตีฟ จอบส์ ท้าทายพวกเราอย่างนี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นแอปเปิลจะเข้าตาจน ในที่สุดผู้ถือหุ้นทั้งหมดรวมหัวกัน ขอควบรวมกิจการกับ บริษัทใหม่ของ สตีฟ จอบส์ เขามองเห็นช่องทาง จึงยินดีให้ ควบรวมกิจการบริษัทแอปเปิลกับเน็กซ์จึงกลายมาเป็น บริษัทเดียวกัน สิ่งแรกที่ จอบส์ ทำในฐานะที่เขากลับมาอีกครั้งหนึ่ง คือเขานึกถึงความผิดพลาดครั้งแรกของเขา นั่นคือเขาตั้ง แอปเปิลขึ้นมาแล้วพอกำไรมากๆ แล้วเขาบริหารไม่ไหว ว.วชิรเมธี 29
จึงไปเชิญ super CEO คนหนึ่งขึ้นมาบริหารแทน แล้วเจ้า คนนี้เองที่เตะเขาออกไป ฉะนั้นการกลับมาครั้งนี้ สิ่งแรกที่ สตีฟ จอบส์ ทำคือ ปลด CEO คนนั้นแล้ว เขาบริหารเอง มาจนทุกวันนี้ แล้วหลังจากนั้น สตีฟ จอบส์ ก็กลายเป็น ผู้ทรงอิทธิพลของโลก ว่ากันว่าทุกครั้งที่ สตีฟ จอบส์ ออกนวัตกรรมใหม่ นั่นหมายความว่า โลกเปลี่ยนแปลง ไปแล้วอีกยุคหนึ่ง ไม่นานมานี้อาตมาลงจากเครื่องบินได้ซื้อนิตยสาร Times เล่มหนึ่งมาอ่านฉบับร้อยผู้ทรงอิทธิพลของโลก อาตมาพลิกดูคนไทย จะมีบ้างไหมหนอ ไม่เจอเลย อาตมา เจอคนเอเชียเยอะเลย เจ็ท ลี คนเอเชีย และที่ขาดไม่ได้ สตีฟ จอบส์ ติดทุกโผบนเวทีโลก ปีนี้ก่อนหน้าที่ Times จะจัดให้เป็นหนึ่งในร้อย ผู้ทรงอิทธิพลของโลก สตีฟ จอบส์ได้รับการยกย่องให้เป็น นักธุรกิจอันดับหนึ่ง ในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเพราะจอบส์ เป็นสุดยอดนักธุรกิจ ความเป็นสุดยอดของเขาเห็นได้จาก การที่เขาป่วยเป็นมะเร็ง หุ้นในบริษัทในเครือตกกันระนาว 30
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
พอเขารักษาเกือบหายขาด เขาปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งหุ้นดี ขึ้นและธุรกิจทุกตัวที่อยู่ในเครือดีหมด แสดงว่าผู้ชายคน นี้ถือดุลในตลาดทุนบนเวทีโลกไว้สูงมาก นี ่ ค ื อ ตั ว อย่ า งคนที ่ ก ล้ า จะเสี ่ ย งแบบชาวประมง คือถูกเตะออกไป เหลือแต่ศูนย์แต่กล้าเสี่ยงที่จะตั้งบริษัท และกล้าที่จะออกนวัตกรรมอย่างไอโฟน ล่าสุดก็ ไอแพด ก่อนหน้านั้นเขาออกโทรศัพท์มือถือ ลองคิดดูว่า ก่อนหน้า ที่จะมีโทรศัพท์มือถือ เรามีเพจเจอร์ใช่ไหม โห สิบปีที่แล้ว ใครใช้นี่เท่ห์สุดๆ เลยนะ แล้วก็โทรศัพท์รุ่นต่อมาก็เครื่อง เท่ากระดูกเลยใหญ่โตมาก แต่ตอ่ มาไม่นานพอโทรศัพท์มอื ถือเครือ่ งเล็กๆ มาเท่านัน้ เองโลกก็เปลีย่ น เรายินดีปรีดากับ มือถืออยู่แป๊บเดียวเองก็มีไอพอดมา ไอพอดมาไม่กี่ปีอายุ สั้นมาก จากนั้นก็มา ไอโฟน จากนั้นก็เป็นไอแพด คนที ่ เ ปลี ่ ย นแปลงโลกได้ น ั ้ น เขาเป็ น นั ก บริ ห าร ในลักษณะชาวประมง คือมีความกล้าเสีย่ งและขณะเดียวกัน ก็มีทักษะในการเสี่ยงด้วย ผู้บริหารชนิดนี้มีไม่มาก เพราะ ผู้บริหารโดยมากมักจะรักษาเนื้อรักษาตัว ว.วชิรเมธี 31
ดังนัน้ ผูบ้ ริหารสีแ่ บบนี้ ลองคิดดูสวิ า่ เราเป็นผูบ้ ริหาร ประเภทไหน ฟังแล้วเปลี่ยนใจยังทัน ถ้าเป็นแบบพนักงาน รถไฟกลับไปดูองค์กรตัวเอง เออเรานี้มันบริหารแบบกรม ศิลป์มาตลอด ไม่เสี่ยงเลย ว่าไปตามวงรอบ กลไกทำงาน ไม่เสี่ยง ไม่ท้าทาย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นี่แบบรถไฟ หรือมีปัญหาจึงลุกขึ้นมาบริหารแบบแพทย์ หรือมิเช่นนั้นก็ เอาเท่าที่มีนี้พอละ อย่าไปคิดมากนี่ก็แบบชาวนา พอเพียง พอเพียง แต่ถ้าลุกขึ้นมาวางวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ กลยุ ท ธ์ ทุ ก อย่ า ง ทำการวิ เ คราะห์ แ ล้ ว ก็ ล งมื อ ทำงาน คนเก่งอยูไ่ หนไปดึงมาทำงาน บริหารแบบกล้าท้าทายความ เสี่ยง แล้วก็ประสบความสำเร็จ งานสัมฤทธิ์ชีวิตรื่นรมย์ ถ้าได้อย่างนี้ก็เป็นผู้บริหารแบบชาวประมง บรรดาผู้บริหารทั้งหมดนั้น อาตมาคิดว่ามีข้อดีมีข้อ เสียอยู่ปะปนกัน เราไม่จำเป็นต้องไปเป็นผู้บริหารแบบ ใดแบบหนึ่ง ต้องเอาความรู้จักระแวดระวังแบบพนักงาน รถไฟ มาบวกกับความกล้าเสี่ยง ก็จะทำให้ได้ผู้บริหาร 32
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ที่กล้าเสี่ยงแบบรอบคอบ เราเอานักแก้ปัญหาแบบนาย แพทย์ มาบวกกับความกล้าเสีย่ ง ก็จะเป็นคนทีเ่ สีย่ งไปด้วย ขณะเดียวกันก็แก้ปัญหาองค์กรได้ด้วย เราเอาผู้บริหาร แบบชาวนา คือ ทำธุรกิจในสายงานการผลิตที่ตัวเองเชี่ยว ที่สุด ไม่ออกไปในน่านน้ำที่มองไม่เห็นว่าตัวเองจะชนะ ไม่จับปลาในที่ๆ คาดการณ์จำนวนปลาไม่ได้ แต่ทำธุรกิจ เฉพาะทีต่ วั เองเชีย่ วชาญและถนัดเท่านัน้ แบบชาวนา เอามา บวกกับความกล้าเสี่ยงแบบชาวประมงก็ได้ ฉะนั้นในสี่แบบนี้เราบูรณาการให้เหลือเพียงแบบ เดียวแต่มีสี่ทักษะก็ได้ ถ้าใครทำได้ นั่นคือผู้บริหารที่พึง ประสงค์ ระมัดระวังแบบพนักงานรถไฟ กล้าผ่าตัดแบบ แพทย์ ทำในสิ่งที่องค์กรของตนเองเชี่ยวชาญแบบชาวนา และกล้าท้าทายโอกาส กล้าตัดสินใจกล้าลงทุนแบบชาว ประมง ผู้บริหารสี่แบบเรารวมให้เหลือแบบเดียวเราก็จะ ได้ผู้บริหารที่พึงประสงค์ แต่ถ้าเป็นแต่ละแบบนั้น อันตรายมากเพราะเสี่ยง อย่างเดียวไม่ระมัดระวังก็อันตราย ระมัดระวังอย่างเดียว ว.วชิรเมธี 33
ไม่เสี่ยงเลยก็อยู่ที่เก่า การแก้ปัญหาอย่างเดียวแต่ไม่ลุกขึ้น มาสร้างสรรค์ก็ไม่ไปไหนอีก ทำเฉพาะที่ตัวเองถนัด มันก็ วนอยู่ในหนังสือเท่านั้น ผูบ้ ริหารทีด่ ตี อ้ งรูจ้ กั บูรณาการ บูรณาการทักษะการ บริหารแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน นี้คือทฤษฎีผู้บริหารที่ผู้รู้ เขาพูดต่อๆ กันมาในตะวันตก
34
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ว.วชิรเมธี 35
ทักษะของผู้บริหาร
ทีนี้ จากประสบการณ์ของอาตมา ที่ได้ทำงานกับผู้บริหาร มาเยอะแยะมากมาย ในแต่ละองค์กรตั้งแต่ระดับชาติ ลงมาจนถึงระดับวัด ระดับ อบต. ระดับเทศบาล อาตมาก็ ได้คน้ พบทักษะของผูบ้ ริหารว่ามี ๔ แบบเหมือนกัน ลองจัด อันดับดูแล้วทุกท่านก็ลองพิจารณาดูสวิ า่ เอ๊ะ เราเป็นผูบ้ ริหาร ประเภทไหน
๑. ผู้อาวุโส ผู้บริหารคือผู้อาวุโส ได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารเพราะว่า ทำมาก่อนใครเขา สำนวนไทยเขาเรียกว่า แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน มองไปนี้ไม่มีใครแก่เท่าเขาละทั้งอายุตัว ทั้งอายุงาน ลูกน้องก็อัญเชิญขึ้นสู่เก้าอี้ผู้บริหาร ผลคือ บริหารไม่เป็นเพราะหมดแรงเสียก่อน ผู้ใหญ่ที่อาวุโสมากๆ นี้ ผ่านโลกมามาก เวลารุ่น น้องคนรุ่นใหม่ไปปรึกษาอะไร คุณไม่ต้องคิดมากหรอก ผมผ่านมาหมด คนรุน่ ใหม่กจ็ ะไฟมอดไปเลย นีค้ อื ผูใ้ หญ่ดบั ฝันตัวจริง ไม่ต้องทำอะไร เชื่อผม ผมอาบน้ำร้อนมาก่อน อันนีย้ งั พอฟังนะ แต่ถา้ เป็นประเภทว่า คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ถ้าพูดอย่างนี้กับลูกน้อง เป็นอย่างไร คนเก่งๆ จะอยู่ไหม ไม่เหลือ ฉะนั้นผู้บริหารประเภทอาวุโสนี้ก็คือพอขึ้นมาแล้ว ก็มักจะติดกับดักผู้อาวุโส คือไฟในการบริหารจัดการ เหลือไม่มากนัก ไม่อยากจะท้าทายอะไร นั่งดูลูกดูหลานไป พับนกไปพับกระดาษไป เลี้ยงแมวไป ไม่ชอบลุ้น ไม่ชอบ ท้าทาย มุ่งไปที่ความปลอดภัยขององค์กร 38
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
อยู่ไปวันๆ แล้วก็อำลาจากไปด้วยความปลอดภัย ทุกอย่าง ไม่ตัดสินใจ ไม่เรียกร้อง ไม่ต้องมายื่นเงื่อนไข ไม่ต้องมายื่นใบประกาศ ฉันไม่คิดอะไรต่อจากนี้ขอให้ฉัน กลับไปเลีย้ งหลานก็พอ ขอสบายๆ เพราะว่าใกล้เกษียณเต็ม ทีไม่ขอทำอะไรแล้ว ผลก็คือองค์กรขาดโอกาส เพราะตราบ ใดก็ตามทีผ่ บู้ ริหารทีม่ อี าวุโสสูงสุดมีอายุงานนาน แต่ไม่คดิ งานใหม่เพราะว่าไม่กล้าเสี่ยง องค์กรก็ขาดโอกาสในการ ก้าวไปข้างหน้า ฉะนัน้ ผูบ้ ริหารแบบนีจ้ ึงเป็นผูบ้ ริหารแบบที่ ณ เวลานี้ในโลกก็เหลือน้อยมากแล้ว แม้แต่ในองค์กรของพระพุทธเจ้าเอง เวลาเลือก ผู้บริหาร พระพุทธเจ้าก็ใช้หลักการในการเลือกเช่นกัน นั ่ น คื อ ในแง่ ก ารเคารพกั น พระพุ ท ธเจ้ า ใช้ ห ลั ก ความ อาวุโส ตามเวลาที่บวช คนไหนบวชก่อนคนนั้นได้รับการ เคารพก่อน สมมุติอาตมาอายุแค่ยี่สิบห้าอาตมาบวชก่อนมา ห้าปี เมื่อวานนี้มีพระบวชใหม่รูปหนึ่ง อายุหกสิบแต่ใน แง่ ข องการเคารพ พระพุ ท ธเจ้ า บอกว่ า ให้ เ คารพตาม ว.วชิรเมธี 39
อายุของสมาชิกภาพ อาตมาเป็นวัยรุ่นก็จริง แต่อาตมา บวชก่อน หลวงตานี้อายุหกสิบเพิ่งมาบวชเมื่อวานจะบอก ว่าผมอายุมากกว่าพระหนุ่มต้องมาไหว้ผมไม่ได้ ในทางพระพุทธศาสนา ความเคารพนีท้ า่ นก็ให้วา่ ตาม วันเวลาของการเข้ามาสูส่ มาคมสงฆ์ แต่ในแง่ของการทำงาน พระพุทธเจ้าใช้อีกเกณฑ์หนึ่ง นั่นคือ ในแง่ของการทำงาน พระพุทธเจ้าใช้คนเก่ง แต่ในแง่ของการอยู่ร่วมกันใน องค์กรพระพุทธเจ้าใช้ความอาวุโส ในเรื่องของการเคารพนบนอบนั้น ว่าไปตามอาวุโส ใครมาก่อนคนนั้นก็เป็นพี่ใหญ่ ใครมาหลังคนนั้นก็เป็น น้อง ไม่เอาอายุ เอาวันเวลาที่เข้ามาสู่องค์กรสงฆ์ แต่ในแง่ ของการทำงานพระพุทธองค์จะทรงใช้คนทีท่ ำงานได้ไม่เน้น ที่อาวุโส เช่นในโอกาสที่จะเลือกอัครสาวกซ้ายขวา ตัวแทน พระสงฆ์นี้โหวตกันเยอะแยะมากมาย ส่งรูปนั้นเข้ามา ส่งรูปนี้เข้ามาพระอรหันต์ทั้งนั้น แต่พระพุทธเจ้าไม่เลือก พระพุทธเจ้าเลือกพระหนุ่มสองรูปซึ่งเพิ่งบวชใหม่ คนหนุ่มสองคนนั้นเป็นนักปรัชญาที่มีชื่อมากใน 40
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
อินเดีย เมื่อเดินเข้าวัดมา พระพุทธเจ้าก็กำลังแสดงธรรม อยู่ แต่พระพุทธเจ้ายุตกิ ารแสดงธรรมแล้วชีไ้ ปทีส่ องคนนัน้ และบอกต่อที่ประชุมสงฆ์ว่า พวกเธอดูนะ สองคนนี้ต่อไป จะเป็นอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้ายของฉัน ในขณะที่มี พระเถระมากมายนั่งอยู่ในที่ชุมนุมสงฆ์ พระพุทธองค์ ไม่เลือก พระอัครสาวกซ้ายขวาก็คือมือซ้ายขวา ที่จะมา เป็นมือทำงาน พระพุทธเจ้าเลือกคนหนุ่ม ที่มีไฟในการ ทำงาน ส่วนผูท้ ม่ี าก่อนเป็นผูอ้ าวุโสพระพุทธองค์กใ็ ห้เคารพ นบน้อบกันไป เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข นี่ก็เป็นตัวอย่างว่า แม้แต่การทำงานในคณะสงฆ์ พระพุทธองค์ก็ทรงแบ่งชัดเจนว่า เรื่องเคารพว่ากันไปตาม สมาชิกภาพ อายุของสมาชิกภาพ แต่ในแง่ของการทำงาน แล้วก็ต้องว่ากันไปตามความรู้ความสามารถ ผู้บริหารแบบที่เป็นผู้อาวุโสนั้น ถ้าเป็นผู้อาวุโส ที ่ ม ี ไ ฟในการทำงาน มี ข ้ อ ดี เนื ่ อ งจากผ่ า นวั ย มามาก จึงมีความรอบคอบสูง แต่ถ้าเป็นผู้อาวุโสประเภทที่ไฟก็ ไม่เหลือ ความสามารถก็ไม่ถึง แต่เคราะห์กรรมนำท่าน ว.วชิรเมธี 41
ให้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ อันนี้ก็เป็นเคราะห์มวลรวมขององค์กร เป็นกรรมหมู่ขององค์กรไป ที่ลูกน้องหรือพนักงานก็ต้อง นั่งเฝ้าท่านจนเกษียณจนลาจากเก้าอี้ไป ฉะนั้นผู้บริหาร คือผู้อาวุโสนี้ ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ดีอย่างเดียวเท่านั้นคือองค์กรมีหัวเอาไว้เซ็นจดหมาย นอกนั้นประโยชน์ไม่มาก ๒. ผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารคือผู้ดำรงตำแหน่ง หมายความว่า ได้ ตำแหน่งมาแต่บริหารงานไม่เป็นซึ่งก็มีมาก เช่น ผู้ใหญ่ ส่งมา ข้ามห้วยมา หรือว่าเป็นเครือญาติของผู้ก่อตั้ง และก็ มานั่งเป็นผู้บริหารในตำแหน่งใหญ่โต แต่ทำอะไรก็ไม่เป็น แบบนี้ก็มีเยอะมาก อันนี้คงไม่ต้องยกตัวอย่างพบได้ทั่วไป ๓. ผู้บริหารร่างทรง นีเ่ ป็นศัพท์ทท่ี นั สมัยมาก ผูบ้ ริหารนอมินหี รือร่างทรง ก็แล้วแต่คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ถ้าชักใยอยู่เบื้องหลังเก่ง 42
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ก็ดีไป ถ้าชักใยอยู่เบื้องหลังไม่เก่งเบื้องหน้าก็ไม่เก่งก็จบ ไปด้วยกันทั้งข้างหน้าและข้างหลัง เดี ๋ ย วนี ้ เ มื อ งไทยของเราก็ จ ะมี ผ ู ้ บ ริ ห ารแบบนี ้ อยู ่ เ ยอะมาก คื อ ผู ้ บ ริ ห ารประเภทร่ า งทรงหรื อ นอมิ น ี ตอนนี้คนทรงตกงานหมด เพราะว่า คนทรงนี้เสกอะไร ไม่ ค ่ อ ยได้ แต่ ว ่ า ผู ้ บ ริ ห ารที ่ เ ป็ น ร่ า งทรงหรื อ นอมิ น ี น ี ้ เสกได้ ท ุ ก อย่ า ง เมื ่ อ หลายสิ บ ปี ก ่ อ นเราอาจบอกว่ า รัฐมนตรีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลงเล่นการเมืองใครๆ ก็อยากเป็นรัฐมนตรี แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากเป็นแล้วเพราะ เกิดการค้นพบความลับทางการเมืองใหม่ เป็นรัฐมนโท นี่แหละคืออยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีนี้ ใหญ่กว่าเยอะ และตัดสินใจอะไรก็ได้ ลงงบได้แค่ไหนก็ได้ไม่ต้องรับผิด ชอบด้วย ผู้บริหารร่างทรง ถ้าข้างหลังเก่งข้างหน้าก็เก่ง แต่ ถ้าข้างหลังไม่เก่งข้างหน้าไม่เก่งก็ไปไม่ได้ หรือข้างหน้าเก่ง แต่ข้างหลังไม่เก่งก็ไปไม่ได้อีก ฉะนั้นผู้บริหารแบบที่สามก็ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ว.วชิรเมธี 43
๔. ผู้นำการเปลี่ยนแปลง ผู ้ บ ริ ห ารคื อ ผู ้ น ำการเปลี ่ ย นแปลง นี ่ จ ึ ง เป็ น ของจริง เป็นตัวของตัวเองกล้าท้าทายกล้าเสีย่ ง มีบคุ ลิกภาพ พิเศษที่เรียกกันว่า charisma leader เห็นปุ๊บรู้เลย คนคน นี้ช่างมีเสน่ห์มีแรงดึงดูด ลุกขึ้นพูดลุกขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ท่วงทีลลี าในการบริหาร เรียกว่าคนในองค์กรเห็นแล้วอุน่ อก อุ่นใจ เหมือนกับ บารัก โอบามา วั น ที ่ เ ขาชนะเลิ ศ เขาประกาศชั ย ชนะที ่ ชิ ค าโก อาตมาจำได้ ด ี ช ่ ว งที ่ ก ำลั ง หาเสี ย งกั น เป็ น ช่ ว งที ่ อ าตมา ได้เดินสายบรรยายธรรมที่สหรัฐอเมริกาเกือบเดือนก็ ได้เห็นบรรยากาศ ช่วงที่เขาไปบอสตัน อาตมาก็อยู่ที่นั่น ช่ ว งที ่ ไ ปชิ ค าโกอาตมาก็ อ ยู ่ ท ี ่ น ั ่ น เรี ย กว่ า ลู ก ศิ ษ ย์ เป็นห่วงพระอาจารย์กลัวว่าจะตกเทรนด์ ซื้อตั๋วให้ไปฟัง อาตมาก็อยากจะรู้ว่าอะไรกันนักกันหนานะกับคนคนหนึ่ง ที่ชิคาโกอาตมาก็ได้ไป อยู่ไกลๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้หรอก อยู่ไกลๆ ไปดูบรรยากาศ สนามฟุตบอลที่ใหญ่โตจุคน ได้หลายหมื่นคนนี้ คนเต็มหมดแล้ว ทั้งที่ซื้อตั๋วเข้าไปฟัง 44
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เพราะว่าต้องช่วยเขาหาเสียงต้องจ่ายเงินเข้าไปฟังแล้ว แทบไม่มีที่ยืน ไปฟัง ส.ว. หนุ่มคนหนึ่งพูด ลูกศิษย์ ซื้อตั๋วให้อาตมาตั้งห้าใบอาตมาก็อยากจะรู้ว่าทำไมผู้ชาย คนนี้ถึงมีเสน่ห์นัก เราก็ไปยืนดูอยู่ไกลๆ ก็เห็นท่วงทีลีลา ที่เขาพูดที่เขาปรากฏตัว เรารู้สึกชัดเลยว่าผู้นำที่เรียกว่า charisma leader แม้แต่มองไกลๆ ก็สัมผัสได้ถึงแรง ดึงดูด ดังนั้นในทันทีที่เขาชนะจึงมีผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ โอบามา ยืนชิดขอบเวที จับมือคุณป้า คุณครับคุณร้องไห้ทำไม ผมชนะแล้ว ผมชนะแล้วไม่ต้องลุ้นแล้วนะ คุณป้าบอกว่า ที่ฉันร้องไห้นี้ เพราะว่าฉันรู้สึกว่าวันที่รอมันช่างยาวนาน ใจฉั น อยากให้ ค ุ ณ เป็ น ประธานาธิ ป ดี ต ั ้ ง แต่ ว ั น แรกๆ ที่ลงหาเสียงด้วยซ้ำไป ฉันรอวันนี้แทบไม่ไหวเพราะฉันให้ คุณเป็นมาตั้งแต่ต้นแล้ว โอบามาซึ้งน้ำตาไหล เขาก็ถามว่า คุณป้าให้ผม เป็ น ได้ อ ย่ า งไร ผมยั ง ไม่ ไ ด้ ท ำอะไรเลย คุ ณ ป้ า บอก ไม่รู้สิ แต่เห็นหุ่นก็อุ่นใจแล้ว นี่คือ charisma leader ว.วชิรเมธี 45
ผู้นำที่มีศักยภาพพิเศษ ทั้งบุคลิก สติปัญญา วิสัยทัศน์ การปรากฏตัวแล้วก็สำคัญที่สุดคือจิตสำนึก มารวมกัน ได้อย่างลงตัว ยิ่งในช่วงที่จะมีการประกาศชัยชนะนั้น เป็นช่วงที่ คุณยายโอบามาเสีย ประมาณสามสีว่ นั เขากลับไปอยูก่ บั ยาย บุ ค ลิ ก ภาพแบบนี ้ เ ป็ น บุ ค ลิ ก ภาพที ่ อ เมริ ก ั น ชนนั ้ น ไม่ได้พบมานานมาก ตลอดแปดปีของรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งนำพาอเมริกาเข้าสู่สงคราม บุกอัฟกานิสถาน บุกอิรัก แล้วก็ถูกบินลาเดนถล่ม ตลอดเวลาแปดปีนั้นอเมริกันชน นี้เบื่อสุดๆ แล้ว แม้กระทั่งว่า รถยางแตกในนิวยอร์ค ตกใจกันไปทั้งเมือง ช่วงนั้นชาวอเมริกันกลัวมาก แต่พอโอบามามาถึงปั๊บ เขาก็ได้นำพาประเทศไปอีก ทางหนึง่ เป็นผูช้ ายที่ family man อบอุน่ สนใจคนเล็กคนน้อย แล้วทุกครัง้ ทีล่ กุ ขึน้ พูด ก็สะกดผูฟ้ งั ได้ทง้ั หมด แล้วนัน่ เป็น เหตุให้ทำงานได้เพียงเก้าเดือนก็ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คนที ่ ม ี โ อกาสเช่ น นี ้ ม ี ส องคนในโลก ต่ า งก็ เ ป็ น 46
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ประธานาธิบดีด้วยแล้วก็มีของแถมเป็นรางวัลโนเบลซึ่ง เป็นรางวัลสูงสุดของโลก คนแรกคือ เนลสัน มันเดลา และคนที่สองคือ บารัก โอบามา ในปีนั้นทุกคนก็รู้สึกว่านโยบายมันจะไม่ change ตามที่แถลงไว้ แต่ปีนี้ปรากฏว่า Change พระราชบัญญัติ สุขภาพก็ดี นโยบายเรือ่ งอาวุธนิวเคลียร์ซง่ึ มีการต่อต้านก็ดี การแก้วิกฤติเศษฐกิจก็ดี เริ่มเห็นผลมากขึ้นๆ นี่คือตัวอย่างของผู้บริหารในแบบผู้นำการเปลี่ยน แปลง กล่าวคือมีวิสัยทัศน์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง มี นโยบายที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง มีแผนปฏิบัติการที่นำ ไปสูก่ ารเปลีย่ นแปลง และทีส่ ำคัญทีส่ ดุ เขาสามารถเปลีย่ น วิธคี ดิ ของคนทัง้ สังคมได้ จากการทีอ่ เมริกนั เป็นตำรวจโลก ก็เปลี่ยนใหม่ บอกว่าอเมริกันไม่ต้องเป็นตำรวจโลกหรอก เหนื่อย เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโลกดีกว่า คนอเมริกันเมื่อใช้ ท่าทีนี้ ประเทศอื่นผ่อนคลายเลย ความรู้สึกในเชิงที่จะถูก กดจากอเมริกานี้ ผ่อนคลายหมด ดังนั้นเมื่อเดือนที่แล้วมีการสำรวจทัศนคติของ ว.วชิรเมธี 47
ประชาคมโลกต่อสหรัฐอเมริกาผลก็คือ ดัชนีภาพลักษณ์ ของอเมริกาตีตื้นขึ้นมาในรอบสี่สิบปีองค์กรโลกเล่นบท ตำรวจโลก จริงหรือไม่จริงเป็นอีกเรือ่ งหนึง่ แต่ในแง่ของการ ประชาสัมพันธ์ถือว่าเขาทำสำเร็จ นี้แหละก็คือ changing leader ผู้นำที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารที่กล้าที่จะ เปลี่ยนแปลง เราทุกคนก็เป็นผูบ้ ริหารกันอยูแ่ ล้ว เราสามารถเลือก รูปแบบการบริหารได้ ว่าจะเอาแบบไหน จะเอาแบบต้มยำก็ได้ คือรวมๆ กันไปเลยสี่อย่างนี้ขอให้เหลือฉันหนึ่ง และฉันก็ จะกลายเป็นผู้บริหารแบบใหม่ คือหนึ่งต้องดีสุดหรือไม่ก็ ประหลาดไปเลย แล้วแต่ว่าจะเขย่าให้มันลงตัวได้อย่างไร ถ้าเขย่าให้ลงตัวก็จะเป็นผู้บริหารที่วิเศษมากแต่ถ้าเขย่าไม่ ลงตัวก็อาจออกมาประหลาดได้ นีค่ อื ผูบ้ ริหารสองแบบใหญ่ๆ แต่กม็ แี ปดแบบย่อยๆ ที่นำมาบอกเล่าเก้าสิบเพื่อที่จะได้ทบทวนกันว่า เรานั้นเป็น ผู้บริหารประเภทไหนกันแน่ เป็นประเภทผู้อาวุโสที่เอาแต่ รอวันเกษียณ เป็นประเภทผูด้ ำรงตำแหน่งทีเ่ อาแต่เกาะเก้าอี้ 48
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เป็นประเภทร่างทรงหรือนอมินที แ่ี ล้วแต่คนชักใยจะสัง่ การ หรือเป็นประเภท changing leader ที่เมื่อลุกขึ้นมาบริหาร แล้วกล้าที่จะประกาศว่าในยุคสมัยของฉันจะเกิดความ เปลี่ยนแปลงในด้านใดบ้าง ลองทบทวนดูแล้วก็เลือกเอาแบบของผู้บริหารที่ ตนเองประทับใจ
ว.วชิรเมธี 49
ผู้นำต้องรับได้ ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ
ถ้าถามอาตมาว่าชอบแบบไหน อาตมาชอบแบบชาวประมง แล้วก็แบบผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือถ้าเป็นผู้บริหารทั้งที แล้วอยู่กับที่มันเสียชื่อ แต่ถ้าเป็นผู้บริหารที่กล้าท้าทาย ความเสี่ยงต้องไม่ลืมว่ากล้าท้าทายความเสี่ยงก็ต้องพร้อม ที่จะรับความเสี่ยงด้วย นั่นหมายความว่าถ้าคุณกล้าที่จะ ลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ก็ต้องระวังจะถูกด่า อาตมาก็เลย ถือคติประจำใจว่า ถูกชมก็เข้าท่าถูกด่าก็ไม่เลว นีค่ อื ถ้าจะเป็นผูบ้ ริหารแบบชาวประมงหรือ changing leader นี้ก็ต้องกล้าเสี่ยง ต้องกล้ารับทั้งดอกไม้และ
ก้อนอิฐ ถ้าไม่กล้าลุกขึ้นมาทำอะไรก็ไปเป็นลูกน้อง ท่าน อาจารย์พทุ ธทาสเคยเขียนความเรียงเอาไว้วา่ หลังจากทีท่ า่ น ลุกขึน้ มาทำสวนโมขพลารามซึง่ เป็นการเปลีย่ นหรือเป็นการ ปฎิรูปครั้งใหญ่ในประเทศไทย ในยุคนัน้ พ.ศ. ๒๔๗๕ มีผนู้ ำความคิดสองคนทีเ่ ป็น ผู้นำการเปลี่ยนแปลง หรือเป็นผู้บริหารแบบชาวประมง ในทางอาณาจักรคือปรีดี พนมยงค์ อภิวัฒน์ประเทศไทย ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ นำประชาธิปไตยมาให้ประเทศไทย และในทางศาสนจักร คือ พุทธทาสภิกขุ ตัดสินใจทิง้ กรุงเทพ และกลับไปที่บ้านเกิด ไปอาศัยอยู่ในวัดป่าที่พุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฎก เองและเผยแผ่แบบใหม่ ท่านอาจารย์พุทธทาสเป็นพระไทยรูปแรกที่ลุกขึ้น ยื น เทศน์ เป็ น พระไทยรู ป แรกที ่ ใ ช้ ส ไลด์ ใ นการเทศน์ ใช้ภาพประกอบในการเทศน์ ใช้งานปัน้ ประกอบในการเทศน์ ใช้นิตยสารในการอธิบายพุทธธรรม และเป็นพระรูปแรก เหมือนกันที่เอาศาสตร์ร่วมสมัย เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ 52
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ประวัติศาสตร์มาอธิบายพุทธศาสนา จนคนรุ่นใหม่ยกให้ เป็นนักปฏิรูป คนหนึ่งปฎิรูปอาณาจักรอีกคนหนึ่งปฎิรูป ศาสนจักร ทุกวันนี้ทั้งสองคนเป็นบุคคลสำคัญของโลก เมื ่ อ สวนโมกขพลารามครบสิ บ ปี ท่ า นอาจารย์ พุ ท ธทาสได้ เ ขี ย นบทสรุ ป เอาไว้ เ ตื อ นคนหนุ ่ ม สาวว่ า ถ้ า หากคนหนุ ่ ม คนสาวอยากจะลุ ก ขึ ้ น มาเปลี ่ ย นแปลง อะไรสักอย่างก็ขอให้จำเอาไว้ว่า คุณจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกท้าทายอย่างหนักจากสังคมรอบข้างและขอให้โปรด จำเอาไว้ว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องพบเจอ อย่าได้กลัว อย่าได้ท้อ จงบากบั่นต่อไป อาตมาเองได้อ่านพบข้อเขียนของท่านชิ้นนี้เมื่อ ประมาณสิบปีที่แล้วตอนยังเป็นสามเณรน้อย โตขึ้นเมื่อ ได้ลงมือทำงานไประดับหนึ่งก็ได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ถ้าเรา ไม่พร้อมทีจ่ ะรับทัง้ ดอกไม้และก้อนอิฐเราก็ไม่สามารถทีจ่ ะ เป็นผูน้ ำการเปลีย่ นแปลงได้ ไม่ใช่เรือ่ งง่ายทีจ่ ะรับก้อนอิฐได้ ดอกไม้นี้ใครๆ ก็รับได้ แต่ก้อนอิฐคือการถูกจับขึงพืดและ วิจารณ์ ในสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งในอินเทอร์เน็ต หน้าจอโทรทัศน์ ว.วชิรเมธี 53
ถูกสแกนชีวิตร้อยแปดสิบองศาไม่ใช่ง่าย คำเตือนของท่านพุทธทาส มีประโยชน์ตอ่ อาตมามาก อาตมาคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทุกคนด้วย คนส่วนมากพร้อมทีจ่ ะยอมรับช่อดอกไม้เมือ่ ทำงาน สำเร็จ แต่ไม่พร้อมที่จะยอมรับเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้ง ต่อหน้าและลับหลัง ดังนั้นผู้บริหารยังจะไม่ได้ชื่อว่าเป็น ผูบ้ ริหารทีป่ ระสบความสำเร็จถ้ายังไม่พร้อมทีจ่ ะยอมรับทัง้ ดอกไม้และก้อนอิฐในราคาที่เท่ากัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้บริหารสามารถให้ราคาระหว่าง คำชมคำด่ า ดอกไม้ แ ละก้ อ นอิ ฐ สำเร็ จ และล้ ม เหลว ด้วยราคาที่เท่ากัน เมื่อนั้นคุณเป็นผู้บริหารมืออาชีพ แต่ถ้า คุณเป็นผู้บริหารที่รับเฉพาะด้านที่ดี แต่ในด้านที่ล้มเหลว ยกให้ลูกน้อง นั่นยังไม่ใช่ผู้บริหารมืออาชีพ ในวันที่ โทมัส อัลวา เอดิสัน ได้พบกับอุบัติเหตุครั้ง สำคัญในชีวติ ของท่าน คือโรงงานที่ เมนโลพาร์ก ถูกไฟไหม้ เพื่อนผู้ร่วมวิจัยพนักงานหลายร้อยคนวิ่งหนีกันอลหม่าน 54
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เอาตัวรอด เอดิสัน มาจากงานแล้วก็เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ทุกคนร้องห่มร้องไห้เสียดายงานทดลองในนั้น แต่ โทมัส อัลวา เอดิสันหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลงของโลกยืนยิ้ม แล้วบอกพนักงานไปเรียกภรรยามาดู พนักงานถามว่า ทำไมครั บ ทำไมต้ อ งเรี ย กภรรยามาดู เอดิ ส ั น บอกว่ า มันสวยมาก เปลวไฟพวยพุ่ง มันสวยมาก ประกายของ ดวงไฟที่พวยพุ่งเป็นลำ เป็นรูป แตกต่างขึ้นไปสู่ฟ้าสีแดง เพลิงเช่นนี้ไม่ใช่จะหาดูได้ง่ายๆ พนักงานทุกคนร้องห่ม ร้องไห้ แต่เอดิสันคิดว่านี้คือสิ่งสุนทรีย์ของชีวิต นี ่ แ หละตั ว อย่ า งของผู ้ บ ริ ห าร ในวั น ที ่ ฟ ้ า สดใส ก็แย้มยิ้มพิมพ์ใจ แต่ในวันที่ฟ้าหม่นก็ยังยิ้มแย้มอยู่ได้ เห็นไหม หายากนะคนอย่างนี้ เรียกว่ามีวุฒิภาวะในการ บริหาร เห็นทั้งความสำเร็จ เห็นทั้งความล้มเหลวในราคา เดียวกัน ผู้บริหารเช่นนี้หาได้ยากมาก หลวงวิจิตรวาทการเคยเขียนเอาไว้ว่า คนที่ยิ้มได้ และน่าชื่นชมนี้นะ คือคนที่ยิ้มในเวลาวิกฤติ ท่านบอกว่า
ว.วชิรเมธี 55
เป็นการง่าย ยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา ฉะนั้นผู้บริหารทุกคน ถ้าจะไปสู่การเป็นผู้บริหาร มื อ อาชี พ ก็ ต ้ อ งยอมรั บ ได้ ท ั ้ ง ดอกไม้ แ ละก้ อ นอิ ฐ ใน ราคาเดียวกัน ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ก็เป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะในการ บริหาร คนส่วนใหญ่เมื่อภัยมาไม่ทันได้ยิ้ม ตกใจ ยิ้มหาย หมดเลย อาตมาก็เจอประสบการณ์นี้ตรงๆไปเมื่อเดือนที่ แล้ ว จากคอร์ ส วิ ป ั ส สนากรรมฐานที ่ เ ชี ย งรายขณะที ่ อาตมากำลั ง สอนเจริ ญ มรณสติ พิ จ ารณาว่ า เราทุ ก คน เป็นท่อนไม้ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในชีวิตของเราเรากำลัง ตายอยู่ตรงนี้ ซักแป๊บหนึ่ง ฝนตก พายุซัด ลมกระหน่ำ เปียกฝน มะล่อกมะแล่ก ทุกคนวิ่งเข้ากำบังหมดเหลือ อาตมาอยู่รูปเดียว ในสถานการณ์ ท ี ่ เ จี ย นอยู ่ เ จี ย นไปหรื อ อั น ตราย 56
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ถึงตัวมีใครยิ้มบ้าง ลืมรอยยิ้มที่มุมปากไปเลย ทุกคน วิ ่ ง เข้ า ศาลาหมด อาตมาก็ ห ลบฝนอยู ่ ข ้ า งต้ น ฉำฉา แล้วก็จับไมค์บอกว่า ไหน เมื่อกี้เราฝึกกันไว้ไม่ใช่หรือว่า ความตายมาแล้วเราจะไม่ประหวั่นพร่ำพรึง นี้ยังไม่ตาย สักคน หนีกันหมดเลย กระทั่งพระอาจารย์อยู่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ โอโห อาตมาให้ถ่ายภาพเลยว่านี้คือหลักฐาน มันชัดเจนว่าในทาง ปฎิบตั นิ ่ี ไม่ใช่งา่ ย ดังนัน้ ฝากไว้ดว้ ย ผูบ้ ริหารทัง้ หลาย เวลา นาทีเป็นนาทีตายมาถึงยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้ไหม
ว.วชิรเมธี 57
ควรมีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจชีวิต
ขอเล่าอีกเรื่องหนึ่ง เนลสัน มันเดลา มีหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ขายดีมากในเวทีโลก นั่นคือ “เดอะ เวย์ ออฟ เนลสัน มันเดลา” เมื่อแปลเป็นภาษาไทยใช้ชื่อว่า “วิถีของเนลสัน มันเดลา” หนังสือเล่มนี้มีท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีอาตมาแล้วก็อีกหลายท่านได้ร่วมเขียนคำนิยมด้วย ในส่วนของอาตมาที่ได้รับโอกาสให้เขียนคำนิยม ก่ อ นที ่ จ ะเขี ย นคำนิ ย มนั ้ น หนั ง สื อ เล่ ม ไหนอาตมาก็ ต้องอ่าน หรือคำนิยมก็เหมือนกัน ถ้าส่งมาให้เขียนคำนิยม อาตมาก็ตอ้ งอ่าน เพราะบางเล่มอ่านแล้วมันไม่นา่ นิยม แต่เขา
ขอให้เราเขียนคำนิยมก็ต้องหาแง่มุมที่มันน่านิยมให้ได้ เล่มนี้อาตมาอ่านแล้วรู้สึกว่า เขียนคำนิยมน้อยไป อาตมาได้รับประโยชน์มากจริงๆ ขอเปลี่ยนเป็นคำนำเสนอ ก็เลยเขียนเป็นบทความให้เขาไปหกหน้า ทำไมเขียนได้ ขนาดนั้นเพราะอาตมาประทับใจ ประทับใจในภาวะผู้นำ ของผู้บริหารท่านนี้มาก เนลสั น มั น เดลาเป็ น ตั ว อย่ า งของผู ้ บ ริ ห ารที ่ ม ี วุฒิภาวะ ท่านถูกจับขังคุก ๒๗ ปีเมื่อกลับออกมาแล้วมี นักข่าวสัมภาษณ์ว่า ๒๗ ปีในคุกท่านได้อะไร ท่านตอบว่า ผมได้วุฒิภาวะ อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าวุฒิภาวะ ท่านก็บอกว่า คุณคุยกับผมไปแล้วคุณจะรู้เองว่าสิ่งที่เรียกว่าวุฒิภาวะ คืออะไร วันหนึ่งนักข่าวคนนี้ ที่เกาะติดชีวิตของเนลสัน มัน เดลาไปทุก หนทุก แห่งเหมือ นองค์ด าไล ลามะ ที่ม ี นักข่าวฝรั่งคนหนึ่งตามอยู่สามสิบปี เก็บภาพทุกภาพ เก็บบทเทศน์ บทบรรยายทุกอย่าง เป็นเวลาสามสิบปี แล้ว จัดพิมพ์เป็นหนังสือภาพชือ่ A Simple Monk ขายดีทว่ั โลก 60
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
คุ้มกับสามสิบปีที่รอคอย เช่นเดียวกันเนลสัน มันเดลา ก็มีนักเขียนฝรั่งคนนี้ ตามติ ด ทุ ก ฝี ก ้ า ว แล้ ว วั น หนึ ่ ง เขาก็ ไ ด้ ค ำอธิ บ ายคำว่ า วุฒิภาวะ คืนที่นั่งเครื่องบินไปด้วยกัน วันหนึ่งเนลสัน มันเดลาก็ไปหาเสียงในพื้นที่อันตราย เขาเรียกว่าเป็นโซน สีแดงก็ว่าได้ นี้ที่แอฟริกาใต้ พื้นที่สีแดงซึ่งมีสงคราม กลางเมืองระหว่างคน ผิวขาว รัฐบาลผิวขาวกับแอฟริกัน ผิวดำ เนลสัน มันเดลา เขาอยากพิสูจน์ภาวะผู้นำของเขา เขาต้องไปที่ประเทศของตนเองได้ในทุกจุด วันนั้นเขานั่งเครื่องบินไป ก่อนที่เครื่องบินจะลง ปรากฏว่าเครื่องยนต์ดับไปหนึ่งตัว นักบินขวัญหนีดีฝ่อ แล้วนักข่าวจะไปเหลืออะไร นักข่าวนี่เหงื่อแตกพลั่กๆ แต่ขณะทีน่ กั บินขวัญหนีดฝี อ่ พยายามประคองเครือ่ งบินให้ ลงนุม่ ทีส่ ดุ ขณะทีน่ กั ข่าวกำลังขวัญหนีดฝี อ่ โทรสัง่ ลูกสัง่ เมีย เขาก็หันไปดูเนลสัน มันเดลา ปรากฏว่า เนลสัน มันเดลา นี้ กางหนังสือพิมพ์ออกอ่านอย่างนี้เลย ไม่มีเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีการตกใจ ว.วชิรเมธี 61
ที่นั่งของท่านต่อจากนักบิน ส่วนนักข่าวนั้นทำอะไร ไม่ถูกโทรสั่งลูกสั่งเมียเรียบร้อยแล้ว พอเครื่องลงจอดได้ นักข่าวรีบถาม ท่านครับ ท่านรูไ้ หมครับว่าเครือ่ งยนต์มนั เสีย ไปแล้วหนึ่งเครื่องเป็นตายเท่ากันนะครับ มันเดลาบอก ทำไมผมจะไม่รู้ ท่านไม่กลัวเหรอครับ ทำไมผมจะไม่กลัว นักข่าวสงสัย เอ้า ก็ไม่เห็นท่านแสดงอาการอะไรเลย มันเดลา บอกก็ทุกคนกลัวกันหมดแล้ว ถ้าผมก็อีกคนเครื่องมันก็ ตกพอดี นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าผู้นำต้องเป็นขวัญและกำลังใจ ได้ในยามวิกฤติ ถึงกลัว ก็ไม่ควรจะแสดงอาการออกมา เพราะว่าถ้าแสดงอาการออกมาแล้ว ลูกน้องจะเอาขวัญ และกำลังใจที่ไหนมาทำงาน ผู้บริหารจำนวนมากมักจะ ขาดทักษะข้อนี้ เวลาบริหารแล้วองค์กรขาดทุน ก็เลยบ่น เริ่มปล่อยผมเป็นกระเซิง บุคลิกลีลาท่าทางไม่น่าไว้ใจ ประหลาดๆ ทรงเจ้าเข้าผี เปลี่ยนชื่อ ไปหาสิงโตมาตั้งหน้า บริษัท บอกว่าย้ายฮวงจุ้ยบ้างอะไรบ้าง หาปี่เซี๊ยะมาบูชา แล้วก็เริ่มทำตัวประหลาดๆ 62
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ในขณะที่ผู้บริหารไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะขาด ความมั่นอกมั่นใจในธุรกิจ รู้ไหมถ้าลูกน้องสังเกตเห็นเข้า เสียขวัญไหม ขวัญไม่เหลือแล้ว นีก่ ค็ อื สิง่ ทีเ่ รียกว่าวุฒภิ าวะ จะได้สิ่งนี้มาไม่ใช่จากการจัดสรร แต่มาจากความจัดเจน ในการใช้ชีวิต ดังนั้นผู้บริหารอย่ามัวแต่บริหารอย่างเดียว ต้อง ทำความเข้าใจโลกเข้าใจชีวิต เพื่อแสวงหาความจัดเจน ด้วย บางคนบริหารงานอย่างเดียวแต่ไม่ได้บริหารชีวิตนั่น ก็เป็นเหตุให้เก่งมากในเรื่องบริหารงานแต่พอมาถึงชีวิต ทำอะไรไม่เป็น ตัวอย่างที่เห็นชัดมากก็คือ ไมเคิล แจ๊กสัน ใน ด้านของการทำงานนั้นเขาได้ปริญญาเอก แต่เรื่องปริญญา ชีวิตนั้นเขาได้ปริญญาตรี อาตมาสรุปว่า ไมเคิล แจ๊กสัน นั้นปริญญาเอกทางดนตรี แต่ปริญญาตรีทางวิชาชีวิต เพราะว่าเขาขาดทักษะการบริหารจัดการชีวิต เขาเก่งมากในเรื่องของดนตรี เวลาที่เขาอยู่บนเวที ทุกคนจะรูส้ กึ เลยว่าคนคนนีเ้ ป็นเทพ แจ๊กสันเคยพูดเอาไว้วา่ ว.วชิรเมธี 63
เมื ่ อ แสดงคอนเสิ ร ์ ต แต่ ล ะครั ้ ง เขาจะไปนอนบนเวที เพราะเขารู ้ ส ึ ก ว่ า เขา top form ที ่ ส ุ ด ตอนอยู ่ บ นเวที แต่พอเขาลงมาแล้ว เขาไม่รู้ว่าการ์ดคนไหน พี่เลี้ยงของลูก คนไหนจะเอาความลับเขาไปขาย เขาบริหารจัดการอะไร ไม่ได้ แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาค้นพบว่าเขาถูกเอาเปรียบสุดๆ จากพวกนักธุรกิจ เขาลงทุนทำห้องอัดเสียงเอง แต่เขาไม่ ได้ถูกออกแบบมาให้ทำทุกเรื่อง ก็ขาดทุนไปพันกว่าล้าน นัน่ ก็เป็นทีม่ าของหนีแ้ ละก็ปญ ั หาทับถมมากมายนับไม่ถว้ น สุดท้ายก็ต้องพึ่งยานอนหลับกันเป็นกำๆ ฉะนั้นผู้บริหารนั้นต้องไม่ลืมนะว่าเก่งในเรื่องการ บริหารงาน สุดท้ายก็ต้องไม่ลืมการบริหารชีวิตด้วยทำ อย่างไรงานกับชีวิตจะต้องไปด้วยกัน อาตมาขอให้หลักง่ายๆ ว่า จุดที่งานประสานกับ คุณภาพของชีวิต นั่นคือผลสัมฤทธิ์ของการเป็นนักบริหาร เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณประสบความสำเร็จในงานนักบริหาร แต่ชีวิตของคุณนั้นเต็มไปด้วยปัญหา ก็ถือว่าคุณประสบ ความสำเร็จเพียงด้านเดียว ผูบ้ ริหารทีด่ นี น้ั นอกจากบริหาร 64
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
งานแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารชีวิตด้วย มิเช่นนั้น แล้วก็จะกลายเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จในด้าน บริ ห ารแต่ ก ลั บ ล้ ม เหลวในฐานะมนุ ษ ย์ นอกจากเป็ น นักบริหารแล้วควรเป็นมนุษย์ด้วย
ว.วชิรเมธี 65
อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง
ขอจบเรื่องนี้ด้วยนิทานพุทธปรัชญาเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้ยิน ได้ฟังมาจากนิทานปรัชญาเซน เรื่องของผู้บริหารที่เก่งการ ทำงานแต่ไม่เก่งการบริหารชีวิตและมีจุดจบอย่างไร ที ่ ว ั ด เซนแห่ ง หนึ ่ ง ในประเทศญี ่ ป ุ ่ น ยั ง มี ไ ก่ อ ยู ่ ครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก กางปีกปกป้องภรรยาและลูกทุกตัว อยูก่ นั มาอย่างมีความสุข ทุกๆ เช้าเวลาตีห้า ไก่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจะบินขึ้น ไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้และโก่งคอขันเสียงก้องไปทั้งพงไพร ประมาณหกโมงเช้า พระอาทิตย์ก็จะอรุโณทัยฉายแสงขึ้น
มาส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสากลโลก ไก่ตัวนี้จะมีความสุข มากที่ได้เห็นตะวันค่อยๆ ทอแสงสุกสว่างขึ้นมา เขาจะยืน ชื่นชมแสงตะวันและก็ยืนภาคภูมิใจว่า เพราะฉันขันตะวัน จึงขึ้น มีความสุข นี่คือผลงานของฉัน ทุกๆ เช้าไก่ตัวนี้ก็จะบินขึ้นมาเกาะกิ่งไม้และเมื่อ ขันเสร็จแล้วก็รอดูตะวันขึ้นที่เหนือยอดเขา พอตะวัน ขึ้นเสร็จแล้วก็บินกลับลงมาหาอยู่หากินกับลูกกับเมีย เขามีความสุขมาก ต่ อ มาวั น หนึ ่ ง เนื ่ อ งจากตรากตรำภาระหนั ก เหลือเกิน ร่างกายทนไม่ไหว ก็ป่วย เช้าตรู่วันนั้น ไก่ตัวนั้น ก็บินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้ที่เดิม ขณะจะขันเพื่อเรียกตะวัน ขึ ้ น ก็ ร ่ ว งตกลงมา รู ้ ส ึ ก ไม่ ม ี เ รี ่ ย วไม่ ม ี แ รง ลู ก ชายซึ ่ ง เป็ น ไก่ โ ต้ ง คนรุ ่ น ใหม่ ไ ฟแรงเดิ น เข้ า มาประคองพ่ อ “พ่ อ ผมว่ า ถ้ า พ่ อ ขั น ไม่ ไ หว วั น นี ้ ผ มขั น แทนเอาไหม” ไก่พอ่ ซึง่ เป็นซีอโี อ ก็ยดื อกขึน้ มาชีห้ น้าลูก “น้ำหน้าอย่างแก ถ้าขันตะวันมันจะขึ้นไหม หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างสิ” เจอผู้ใหญ่ดับฝันแบบนี้ลูกหัวหดเลย 68
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เช้าตรูว่ นั นัน้ ทัง้ ๆ ทีป่ ว่ ย ไก่ซอี โี อตัวนีก้ บ็ นิ ขึน้ ไปเกาะ บนกิ่งไม้และก็ขันครั้งสุดท้าย ขันได้ครั้งเดียว ตกลงมา ดิ้นพราดๆ ก่อนจะขาดใจตาย เรียกประชุมด่วน ทั้งภรรยา และลูกมากันครบ สั่งเสียว่า “เธอที่รัก ลูกพ่อ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พี่คง ไม่มีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว และจากนี้เป็นต้นไป พอพี่ไม่ขัน ตะวันก็จะไม่ขึ้น โลกก็จะเข้าสู่กลียุค ฉะนั้นขอให้เธอและ ลูกดูแลบริษัทของเราให้ดีๆ ถ้าไม่มีพี่แล้วจะอยู่กันด้วย ความยากลำบาก มนุษยชาติก็จะถึงคราววิบัติ ดูแลกันดีๆ นะที่รัก” เสร็ จ แล้ ว ก็ ล ่ ว งลั บ ดั บ ขั น ธ์ ไ ป พร้ อ มกั บ ความ เข้าใจผิดว่า เพราะฉันขันตะวันจึงขึ้น หารู้ไม่ว่าวันรุ่งขึ้น พอไก่ตวั นีต้ ายไปแล้ว ตะวันก็ยงั ขึน้ เหมือนเดิม โลกดำเนิน ต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไก่ตัวนั้นไม่ได้นำเอาตะวันไป ด้วยซักนิด พระอาทิตย์ยังคงอุทัย พระจันทร์ยังคงทอแสง สายน้ำยังคงไหลเอือ่ ย ดอกไม้ยงั คงผลิบาน โลกนีย้ งั คงมีขา้ ว ปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ นกก็ยังมีข้าวปลาอาหาร ผู้คนต่าง ว.วชิรเมธี 69
ก็ยังคงทำงานต่อไปได้เหมือนเดิม ฉะนัน้ ผูบ้ ริหารทุกคน เมือ่ เราบริหารงานไปได้ระดับ หนึ่งแล้วอย่าหลงตัวเองว่าองค์กรนั้นถ้าขาดฉันแล้วไปต่อ ไม่ได้ ควรเตือนตัวเองเอาไว้บ่อยๆ ว่า ถ้าขาดฉันแล้วมัน จะไปได้ดี เพื่อจะได้ไม่หลงตัวเอง ผู้บริหารจำนวนมาก ทันทีที่ประสบความสำเร็จก็ ล้มเหลวในวันนั้น เพราะทันทีที่ประสบผลสำเร็จก็เริ่มหลง ตัวเอง และนี่แหละคือจุดจบของผู้บริหาร ฉะนั้นจำนิทาน เรื่องนี้ไว้ วันหนึ่งถ้าเราประสบความสำเร็จ ก็อย่าไปหลง ตัวเองว่าเราต้องเป็นหนึ่งในตองอูเท่านั้นจนไม่ยอมบริหาร จัดการ อำนาจ ความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นเลย
70
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ผู้บริหารที่ดีจึงไม่ใช่ผู้ที่แบกหนักที่สุด ผู้บริหาร ทีด่ คี อื ผูท้ แ่ี บกหนักพอสมควร และกระจายภาระให้คนอืน่ แบก และประการสำคัญที่สุด ผู้บริหารจะไม่ทำงานจน ป่วยตาย
ว.วชิรเมธี 71
๗ ปุจฉาจากผู้บริหาร
ปุจฉาที่ ๑ เป้ า หมายของบริ ษ ั ท คื อ การเติ บ โต และ กำไร เป้าหมายของคนทำงาน คือ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะทำอย่างไร ให้เป้าหมายของคนกับงานมีความ สอดคล้องและไปด้วยกัน วิสัชนา เราไม่ จ ำเป็ น ต้ อ งแยกการทำงานออกจากชี ว ิ ต จึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่เราสามารถทำสองอย่างไป ว.วชิรเมธี 73
พร้อมๆ กันได้ โดยใช้หลักธรรมเรื่อง “ทางสายกลาง” หรือหลักแห่งความสมดุลตามแนวทางพุทธศาสนา หลักการ “สมดุลงาน สมดุลชีวิต” นี้ มีวิธีปฏิบัติ ตามบทสรุปที่ว่า “การทำงานประสานกั บ คุ ณ ภาพของชี ว ิ ต คื อ ผลสัมฤทธิ์ของทางสายกลาง” การสร้างทางสายกลางระหว่างการทำงานและการ ใช้ชีวิตนี้ เราต้องฝึกให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะหากไม่ฝึก ไม่พัฒนา เมื่อทำงานไปหลายคนอาจเสพติดการทำงาน หนัก จนพานคิดไปว่า ผลของการทำงานก็คือเรื่องเดียวกัน กับคุณภาพชีวิต โดยหารู้ไม่ว่า บางทีผลสัมฤทธิ์ของงาน ที่เพิ่มขึ้นๆ นั้น ต้องจ่ายด้วยคุณภาพชีวิตราคาแสนแพง เช่น ยิ่งมีความรับผิดชอบสูง มองในแง่การทำงานแสดงว่า มีตำแหน่งสูงขึ้น ก้าวหน้าขึ้น แต่หากมองในแง่สุขภาพอาจ ยิ่งทรุดต่ำลง เพราะต้องแบกความเครียดมากขึ้น เมื่อเครียดมากขึ้น บุคลิกภาพก็เปลี่ยนไปไม่อยาก พูด ไม่อยากสังสรรค์กับใครอารมณ์เสียกับเรื่องต่างๆ 74
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ได้ง่ายขึ้น เวลาสำหรับตัวเองและคนในครอบครัวก็น้อยลง พอมีวันหยุด ก็ไม่อยากไปไหน อยากนอนให้สาแก่ใจเพียง อย่างเดียว เวลากิน เวลาอยูก่ บั ครอบครัวก็ไม่วายคิดถึงแต่ เรื่องงาน แม้จะกลับบ้านแต่หัวค่ำ แต่เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ก่อนนอนก็ยังไม่วายลุกมานั่งพิจารณาเอกสารหรืออ่าน อีเมลงาน บางทีทำอยู่อย่างนี้จนตีสอง ตีสาม จึงเข้านอน ครั้นถึงตีห้าหรือหกโมงเช้า ก็ต้องรีบตื่นขับรถไป ทำงาน อาหารเช้าก็ไม่กินนอกจากกาแฟเพียงแก้วเดียวเมื่อ ไปถึงที่ทำงาน แฟ้มงานก็กองสุมรออยู่บนโต๊ะแล้ว สายๆ หน่อยมีแขกมาพบ พอเที่ยง ก็นั่งกินข้าวบนโต๊ะทำงาน กินไป ตาก็กวาดดูเอกสารไปพลาง มือข้างหนึ่งจับช้อน มืออีกข้างพลิกดูเอกสาร หูยังเสียบบลูทูธฟังไป คุยไป บ่ายๆ ถึงเย็น ติดประชุมกับกรรมการบอร์ดอีกสองสามนัด สี่โมงโทรตามคนรถให้ไปรับลูก ลูกเป็นตัวแทนห้องเรียน แสดงละคร ทำกิจกรรม แม่หรือพ่อก็แทบไม่ว่างไปให้ กำลังใจ พอหกโมงเย็นก็ขบั รถออกจากสำนักงาน รถไปติดอ ว.วชิรเมธี 75
ยูบ่ นทางด่วนร่วมสองชัว่ โมง ตลอดเวลานีก้ ห็ งุดหงิดอารมณ์ เสีย ต่อโทรศัพท์หาคนนัน้ คนนีไ้ ปทัว่ คุยไปพลาง บ่นไปพลาง ในหัวมีแต่ความขุ่นมัวของอารมณ์ ทุ่มหรือบางวันสองทุ่ม จึงฝ่ารถติดกลับถึงบ้าน เมื่อถึงบ้าน ลูกๆ ทำการบ้านอยู่กับ พีเ่ ลีย้ ง แล้วก็แยกไปนอน พ่อกับแม่ทำได้อย่างดีแค่หอมลูก หนึง่ ฟอด แล้วก็พดู ออกไปเหมือนหุน่ ยนต์วา่ “พ่อ/แม่รกั ลูก หลับฝันดีนะคะ” จากนั้น รีบอาบน้ำอย่างลวกๆ แล้วออกมานั่งกิน อาหารมื้อสุดท้ายของวัน ตาจ้องดูโทรทัศน์อย่างแกนๆ ไม่ได้ตั้งใจดูอะไรเป็นพิเศษ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร อย่างต่อเนื่อง ละครก็ไม่สนใจ บ้านเมืองก็น่าเบื่อ เกมส์ โชว์ก็มีแต่ตลกและดาราหน้าซ้ำๆ โผล่มาให้ฮาแบบฝืดๆ ด้วยมุกเดิมๆ กี่ปี ก็เป็นอย่างนี้ กินข้าวเสร็จ เข้าห้องนอน เห็นสามีหลับเป็นตายเพราะเหนื่อยหนักไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ตัวเองยังตาสว่าง อย่ากระนั้นเลย หยิบไอแพดคู่ใจ มาเปิดอีเมล เช็คดูงานที่ยังคั่งค้าง จากนั้นองค์คนทำงาน จนเสพติดลงประทับ 76
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
นั ่ ง ทำงานเพลิ น ต่ อ ไปจนถึ ง ตี ห นึ ่ ง หรื อ ตี ส อง จนตาล้าเต็มที จึงข่มตานอน เอ๊ะ เหนื่อยขนาดนี้ทำไม ยังนอนไม่หลับ (ร่างกายผิดปกติขนาดนี้ก็ยังไม่รู้สึก) ลุกขึ้นมาหยิบยานอนหลับใส่ปากสองเม็ด แล้วก็ล้มตัวลง นอนในสภาพอิดโรย เพื่อที่จะรีบตื่นมาอีกทีตอนเช้าใน สภาพนอนไม่เต็มอิม่ แต่ไม่มที างเลือก ถึงอย่างไรก็ตอ้ งตืน่ ไปทำงาน ชีวิตที่ใช้ไปอย่างสมบุกสมบันเช่นนี้ มีราคาที่ต้อง จ่ายแพงเหลือเกิน ในขณะที่คุณได้ตำแหน่งหน้าทีท่ สี่ งู ขึ้นมีอำนาจมาก ขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น แต่คณ ุ ภาพชีวติ ของคุณกลับหายไป คุณไม่ตา่ งอะไร กับหุ่นยนต์ที่ทำอะไรซ้ำๆ เหมือนถูกวางโปรแกรมเอาไว้ แล้ว ไม่นานหลังจากการใช้ชวี ติ อย่างชนิดบอกลาทางสาย กลาง ร่างกายและจิตใจก็ประท้วงคุณด้วยการแสดงให้เห็น ว่า ใจหนักอึ้งไปด้วยความเครียด อารมณ์มีแต่ความขุ่นมัว ว.วชิรเมธี 77
ร่างกายถ้าไม่ผ่ายผอมเพราะไม่ได้ดูแล ก็อ้วนเผละเพราะ กินไม่เลือกเพื่อดับความเครียด มนุษยสัมพันธ์กับคน อื่นลดน้อยถอยลงไป ความมีชีวิตชีวาติดลบ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะนานๆ ครัง้ คนรอบข้างจึงได้เห็น ขณะทีร่ า่ งกาย ก็อุทธรณ์ด้วยการเหนื่อยง่าย กินอาหารไม่อร่อย น้ำหนัก ลดหรือเพิ่มอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งเหนื่อยล้าเต็มทีแวะไปให้ หมอตรวจ หมอวินิจฉัยว่า เสียใจด้วยคุณป่วยด้วยโรคร้าย คงมีชีวิตอยู่ไปได้อีกไม่กี่ปี... นี่คือ ชีวิตของมนุษย์ในสังคมทุนนิยมบริโภค นี่คือ ชีวิตของมนุษย์ในเมืองที่ต้องแข่งขันกันทำมา หากินและมุ่งไปสู่กำไรสูงสุด นี่ไม่ใช่ชีวิตสำเร็จรูปของคนเมืองทั้งหมด แต่นี่คือ ภาพจำลองชีวิตของคนส่วนใหญ่ในเมืองทุกวันนี้ ที่ต่างคน ต่ า งทำงาน จนหลงลื ม ที ่ จ ะกลั บ มาดู แ ล “กาย – ใจ” ให้คนื สูค่ วามสมดุล เป็นความสมดุลทีก่ ายและใจควรได้รบั แต่แล้วเรากลับมองข้ามมันไป เพื่อที่จะกลับมาตระหนัก รูอ้ กี ครัง้ หนึง่ ว่า ความสมดุลหรือทางสายกลางสำคัญแค่ไหน 78
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียความสมดุลนั้นไปแล้ว ชีวิตที่ดี ไม่ใช่ชีวิตที่มีเงินมาก หรือมีอำนาจล้นฟ้า มีชื่อเสียงฟุ้งกระจายเสมอไป แต่ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่มีความสมดุลของกายและใจ ของงานและของชีวิตอย่างลงตัว คุณมีทกุ อย่างไม่วา่ จะเป็นยศ ทรัพย์ อำนาจ ชือ่ เสียง กามารมณ์ แต่หากคุณไม่มีความสุขเพราะกายป่วยและใจ เครียด สิ่งที่คุณมียังจะมีความหมายอีกไหม หลักสมดุลงาน สมดุลชีวิต จึงเป็นหลักที่คนทำงาน ทุกคนควรนำมาเป็นแนวทางในการทำงานและการใช้ชีวิต อยู่เสมอ ในทางปฏิบัติ หากเราอยากสร้างชีวิตคน ชีวิตงาน ให้ก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน ก็ควรเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า “คนต้องสำราญ งานต้องสัมฤทธิ์” ไม่ใช่ “งานสัมฤทธิ์ แต่ชีวิตไม่สำราญ” หรือเขียนเตือนตนไว้ในห้องทำงาน เพื่อเป็นการ เตือนตนไม่ให้เสพติดการทำงานจนเสียคุณภาพชีวิตว่า “การทำงานประสานกับคุณภาพชีวติ คือผลสัมฤทธิ์ ของทางสายกลาง” ว.วชิรเมธี 79
ปุจฉาที่ ๒ ทำงานดี แต่ลูกน้องไม่รัก มีลูกน้องฝีมือดีก็อยู่ ด้วยกันได้ไม่นาน เข้าข่าย งานสำเร็จ คนไม่สำเร็จ จะมี วิธีแก้ไขอย่างไร วิสัชนา ปัญหาของคุณแสดงให้เห็นว่า คุณยังขาดความเข้าใจ ในเรื่องคน และเรื่องการบริหาร การที่ลูกน้องไม่รัก คุณคงต้องมานั่งถามตัวเองว่า ตัวเองมีบุคลิกภาพการทำงานแบบใด อำนาจนิยมมากเกิน ไปหรือเปล่า บ้าทำงานมากเกินไป จนลูกน้องเหนื่อยมาก เกินไปเวลาอยูก่ บั คุณหรือเปล่า อัจฉริยะเกินไป จนลูกน้อง ตามไม่ทันหรือเปล่า หรือว่า เป็นคนมาตรฐานสูงเกินไป จนลูกน้อง พัฒนาไม่ทันหรือเปล่า เหล่านี้ คือ คำถามที่คณ ุ ต้องย้อนกลับมามองตัวเอง อย่างตรงไปตรงมา หากเห็นว่า เป็นปัญหาในข้อไหน ก็ควรหาทางแก้จน 80
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เกิดสมดุลในเรื่องนั้นให้ได้ ส่ ว นสาเหตุ ท ี ่ ล ู ก น้ อ งฝี ม ื อ ดี แต่ อ ยู ่ ด ้ ว ยกั น ได้ ไม่นานนั้นเป็นเพราะว่า คุณเป็นคนทำงานดี แต่ใจร้อน หรือเฉียบขาด อำนาจนิยมมากเกินไป จนบรรยากาศการ ทำงานเครียดมากเกินไปหรือเปล่า หรือว่า คุณปล่อยให้ ลูกน้องฝีมอื ดี ทำงานดี แต่วา่ เงินเดือนและสวัสดิการต่ำจน เขารับไม่ได้หรือเปล่า ธรรมชาติของคนทำงานนั้น ต้อง “กินอิ่ม นอนอุ่น” เขาจึงจะอุทิศตนทำงานเต็มที่ แต่ ถ ้ า เขาฝี ม ื อ ดี ทว่ า บริ ษ ั ท กลั บ ปล่ อ ยให้ เ ขา “กินไม่อิ่ม นอนไม่อุ่น” เงินเดือนน้อย สวัสดิการดีๆ ก็ไม่มี ถ้าเป็นอย่างนี้ เก่งแค่ไหน ก็คงต้องโบกมือลา ลองพิจารณาดูเถิดว่า ปัญหาของคุณอยู่ตรงไหน ถ้าพอจะสืบสาวหาสมุทัยแห่งปัญหาได้แล้ว ก็ควรรีบลง มือแก้เสียแต่วันนี้ เพราะขืนปล่อยไป ก็ทำให้เสียทั้งงาน ทั้งคุณภาพชีวิต หากคุณเป็นคนเก่งงาน ก็ควรเพิ่มความเก่งคนเข้า ไปด้วย ว.วชิรเมธี 81
หากคุณเป็นคนเก่งคน ก็ควรพัฒนาความเก่งงาน เข้าไปด้วย ถ้าคุณเก่งทั้งคน และเก่งทั้งงานเมื่อไหร่ ชีวิตการทำ งานก็จะสดชื่นรื่นรมย์อย่างยิ่ง ในกรณีของคุณนี้ ขอให้คติการปรับปรุงตัวเองไว้ สั้นๆ ว่า “ก่อนสร้างงาน จงอย่าลืม สร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับคนทำงานด้วย” หรือ “จงอย่ามัวแต่ใช้คนให้ทำงาน แต่จงสร้าง คนที่ทำงานร่วมกับคุณด้วย” ปุจฉาที่ ๓ ลูกน้องเก่งเกินหน้านาย ทำอย่างไรดี วิสัชนา ๑. พัฒนาตนให้เก่งยิ่งกว่าลูกน้อง ๒. ยกย่องลูกน้องให้ขึ้นมาเป็นนายอีกคนหนึ่งของ บริษัท 82
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ปุจฉาที่ ๔ ทำอย่างไรจึงเป็นที่รักของพนักงาน วิสัชนา พระพุทธเจ้าทรงมอบหลักธรรมสำหรับสร้างเสน่ห์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิธี “ธรรมเสน่ห์” สำหรับคนที่ ต้องการเป็นที่รักดังต่อไปนี้ ๑.เอื้ออารี คือ รู้จักเป็นผู้ให้ไม่ใช่ผู้เห็นแก่ตัว ๒.วจีไพเราะ คือ รู้จักปากหวานขานเพราะเสนาะหู ๓.สงเคราะห์มวลชน คือ มีจิตอาสา ไม่เย็นชาเมื่อ ผู้อื่นเดือดร้อน ๔.วางตนสม่ ำ เสมอ คือ ก้าวหน้าแล้วไม่ลืมตัว มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ใครปฏิบตั ติ ามหลักสีป่ ระการนี้ จะมีเสน่หท์ นั ตาเห็น นายรัก ลูกน้องนิยม สังคมยกย่อง เพื่อนพ้องอุปถัมภ์
ว.วชิรเมธี 83
ปุจฉาที่ ๕ ทำอย่างไรเมื่อลูกน้องไม่ยอมพัฒนาศักยภาพของ ตนให้ไปพร้อมกับบริษัท วิสัชนา ๑. ชีแ้ จงให้ทราบถึงแนวนโยบาย เป้าหมายของบริษทั จนลูกน้องมองเห็นทิศทางที่บริษัทกำลังจะมุ่งไป หากแนว นโยบายไม่ชัด วิสัยทัศน์ไม่แจ่ม คนทำงานก็ไม่รู้ว่า ทิศทาง ที่จะมุ่งหน้าไปนั้นอยู่ตรงไหน เป้าหมายสูงสุดคืออะไร เหมือนเรือที่ออกจากฝั่ง แต่ไม่รู้ว่าจะเทียบท่าตรงไหน ย่อมแล่นไปอย่างไร้ทิศทาง ๒. เมื่อลูกน้องทราบทิศทางของบริษัทชัดเจนแล้ว ก็ขอให้เขาปรับตัว หากเขาปรับแล้ว ยังดีไม่พอ ก็ควรจัด สภาพแวดล้อมให้เขาได้เรียนรูก้ บั “มืออาชีพ” ในด้านต่างๆ เช่น จัดอบรม หรือ training เฉพาะเรื่อง เฉพาะทักษะ จนกว่ า เขาจะพั ฒ นาศั ก ยภาพได้ ด ี ข ึ ้ น จนสามารถเป็ น พนักงานคุณภาพของบริษัทได้ในที่สุด 84
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
๓. เพิม่ แรงจูงใจในการทำงาน ทัง้ เงินเดือน สวัสดิการ และคุณภาพชีวิตที่เขาควรจะได้รับอย่างสมเหตุสมผล ๔. ยกย่องคนเก่ง คนเด่น คนดี ของบริษัท ให้เป็น ที่ปรากฏเพื่อเป็นแรงบัลดาลใจ สำหรับคนที่ยังไม่มีแก่ใจ พัฒนาตนเอง ปุจฉาที่ ๖ จะดำเนินการเช่นไร หากเกิดปัญหาการเมืองภาย ในขึ้นในองค์กร วิสัชนา การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง วิธีการทางการเมือง ที ่ ด ี ท ี ่ ส ุ ด คื อ การเจรจา แต่ ก ่ อ นเจรจาเพื ่ อ แก้ ป ั ญ หา ผู้บริหารของบริษัท ก็ต้องรู้จักวิเคราะห์ปัญหาจนค้นพบ สาเหตุที่แท้จริงเสียก่อน แล้วจึงลงมือแก้ปัญหา หลักใน การวิเคราะห์ปัญหาตามแนวพุทธ ก็คือ หลักอริยสัจ ๔ ที่ประกอบด้วย ว.วชิรเมธี 85
๑. อะไรคือตัวปัญหา / what ๒. ปัญหานี้มีที่มาจากสาเหตุใด / why ๓. ทางออกของปัญหาเป็นอย่างไร / how ๔. วิธีแก้ปัญหานั้นต้องทำอย่างไร / how to เมื่อพิเคราะห์จนเห็นปัญหาที่ชัดเจนแล้ว จงลงมือ แก้ปัญหาที่สาเหตุอย่างตรงจุด ถ้าทำตามขั้นตอนดังกล่าว มานี้ ปัญหาการเมืองภายในบริษทั ก็จะอันตรธานไปในไม่ชา้ แต่ถ้าแก้ปัญหาด้วยการบ่น นินทา ด่าทอ วิพากษ์วิจารณ์ หรือแบ่งฝ่าย ยิ่งแก้ จะยิ่งยุ่ง ยิ่งใช้ความรุนแรงปัญหาจะ ยิ่งทวีคูณ ปุจฉาที่ ๗ จะทำอย่างไรให้พนักงานทำงานอย่างสร้างสรรค์ วิสัชนา ผู ้ น ำขององค์ ก รต้ อ งเป็ น ตั ว อย่ า งที ่ ด ี ข องการ ทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพราะถ้าหากอยากให้พนักงาน 86
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ทำงานอย่างสร้างสรรค์ ทว่าผู้นำกลับเป็นคนอนุรักษนิยม ติดกรอบคิดแบบเก่าๆ มีความคิดและวิธีการทำงานเชยๆ ไม่ยอมปรับเปลีย่ นทัศนคติ ถือตัวเองเป็นใหญ่ อำนาจนิยม ไม่ยอมกระจายอำนาจ ผูกขาดการพูด การนำ และการทำ โดดเด่นอยู่คนเดียวในบริษัท รับประกันได้เลยว่าถ้าผู้นำ มีลักษณะเช่นนี้ ไฟในการสร้างสรรค์จะอันตรธานไปอย่าง สิ้นเชิง แต่หากเมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผู้นำเป็นคนหัวก้าวหน้า ยอมรับความหลากหลายของความคิด พร้อมปรับตัวรับ ความเปลี่ยนแปลง ไม่ผูกขาดความรับผิดชอบอยู่คนเดียว เห็นคนเก่งแล้วไม่ขดั ขวาง แต่สง่ เสริมให้กา้ วหน้ายิง่ ๆ ขึน้ ไป ไม่ใช้อำนาจอย่างขาดเหตุผล อารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ กล้าคิดนอกกรอบ มีความยืดหยุ่นในการทำงานสูงใช้คน ให้เหมาะกับงาน รู้จักเสริมแรงด้วยเงินเดือนดีๆ และมอบ รางวัลเมือ่ ถึงโอกาสอันควร ก็เป็นอันมัน่ ใจได้เลยว่าพนักงาน จะมีไฟแห่งการสร้างสรรค์กันไม่หยุดหย่อน บรรยากาศ ในทีท่ ำงานจะมีชวี ติ ชีวา นวัตกรรมใหม่ๆ จะเกิดขึน้ งานก็จะ สัมฤทธิ์ ชีวิตก็จะรื่นรมย์ ว.วชิรเมธี 87
๗ ปุจฉาจากพนักงาน
ปุจฉาที่ ๑ ทำงานมาหลายสิบปี รู้สึกเบื่อหน่ายกับการทำงาน จึงทำงานไปเรื่อยๆ อย่างไร้แรงบันดาลใจ จะทำอย่างไร ให้รู้สึกมีความสุข และสนุกกับการทำงาน วิสัชนา อาหารที ่ แ สนอร่ อ ย แต่ ถ ้ า เรารั บ ประทานซ้ ำ ๆ เพียงสามมื้อ ในที่สุด เราก็จะไม่รู้สึกตื่นเต้นกับความอร่อย นัน้ อีกแล้ว หรือบางที ไม่เพียงไม่รสู้ กึ ตืน่ เต้น แต่อาจจะถึงขัน้ 88
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เบื่อหน่าย เย็นชา และไม่ถามหาอีกเลยเป็นเวลานาน นี่คืออาการเบื่อความซ้ำซาก จำเจ ใครทีม่ อี าการอย่างนีข้ อแนะนำให้หาอะไรมาทำสลับ กับความจำเจ เช่น ขอเว้นวรรค ด้วยการพักผ่อน เดินทาง หรือขอปรับเปลี่ยนแผนกเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียน รู้งานใหม่ๆ จะได้มีทักษะใหม่ๆ มีความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต แต่ถ้าพิจารณาแล้วพบว่า ตัวเองเป็นเพียงพนักงาน เล็กๆ คนหนึง่ ไม่สามารถปรับเปลีย่ นอะไรในทีท่ ำงานได้เลย ก็ขอแนะนำให้ปรับเปลีย่ นวิธคี ดิ แทน ด้วยการบอกตัวเองว่า แม้งานจะจำเจ แต่ถ้าเราไม่ทำ ก็จะกระทบถึงความอยู่รอด หรือความมัน่ คงในชีวติ ดังนัน้ ก็จำเป็นต้องทำงานนัน้ ต่อไป ถึงแม้ใจไม่รัก แต่ก็ต้องเอาความจำเป็นมาเป็นเงื่อนไขให้ ตัวเองทำต่อไป ให้เต็มทีแ่ ละทำให้ดที ส่ี ดุ เพราะนีค่ อื โลกแห่ง ความเป็นจริงที่แม้เราไม่ชอบ แต่เราปฏิเสธไม่ได้ แต่หากทนทำต่อไปไม่ไหว เพราะใจไม่อยากอยู่อีก แล้ว ก็ขอแนะนำให้ลุกขึ้นมาท้าทายตัวเองด้วยการเปลี่ยน ว.วชิรเมธี 89
งานใหม่ ซึ่งหากมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากพอ ก็ต้องหาที่ และงานที่เหมาะกับตัวเองได้อยู่แล้ว ผู้เขียนรู้จักพนักงาน ต้อนรับบนเครื่องบินอยู่คนหนึ่งที่ทำงานบนอากาศมานาน กว่า ๑๐ ปี ทำอย่างนี้จนรู้สึกว่า ไม่มีอะไรใหม่ให้ตื่นเต้น อีกแล้ว วันหนึ่งเขาเบื่อสุดๆ จนไม่มีแก่ใจไปทำงาน จึงขอ ลาหยุดงานยาวกว่าสิบวัน เพื่อถามตัวเองว่าชีวิตที่เหลือ จะทำอะไร ในที่สุดก็ได้คำตอบว่า ต้องออกมาหาอะไรให้ ตัวเองทำ มิเช่นนัน้ แล้ว คงเฉาตายเป็นแน่ เทวดาเบือ่ สวรรค์ คนนี้ ตัดสินใจทำธุรกิจใหม่ด้วยการเปิดร้านอาหารซึ่งเป็น สายงานที่เขาไม่รู้จักมาก่อน แต่อาศัยความที่เป็นคนเดินทางท่องโลกมามาก เห็นร้านอาหารมาแล้วทั่วทุกมุมโลก เขาจึงเริ่มแต่งนั่น ประดับนี่ ทำไปทำมา เขาก็กลายเป็นเจ้าของร้านอาหาร ชื่อดัง หากนับจากวันแรกถึงวันนี้ เขาก็มีร้านอาหาร เป็นของตัวเองแล้วห้าร้าน และกำลังสนุกสนานอย่างเต็มที่ กับสิ่งที่เขา “เลือกทำ” เพื่อหนีความจำเจ 90
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
คนทุกคนสามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้ตั้งมากมาย ถ้าหากเขามี “ความกล้าที่จะท้าทาย” ตัวเอง แต่ถึงแม้จะมี ความสามารถมากมาย ทว่าถ้าไม่กล้า ก็ต้องก้มหน้าอยู่ในที่ เดิมต่อไปจนกว่าวันเวลาในที่ทำงานเดิมจะหมดลง คุณจะเลือกอย่างไร ระหว่างทนอยู่ในที่เดิมกับ ความเป็นจริง หรือลุกขึ้นมาแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ แต่กไ็ ม่มอี ะไรเป็นเครือ่ งรับประกันว่าจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว ลองถามใจตัวเองดู ปุจฉาที่ ๒ จะทำอย่างไร เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำงานดีอยู่แล้ว แต่มันยังไม่ดีพอสำหรับเจ้านายและบริษัท วิสัชนา การที่คนๆ หนึ่งรู้สึกว่า ตัวเองทำงานดีอยู่แล้ว เป็น เรื่อ งที่ต้องพิจารณาอย่างลึก ซึ้ง เพราะการที่ค นๆ ว.วชิรเมธี 91
หนึ่งจะรู้สึกเช่นนี้ได้ มีความเป็นไปได้สองทาง ๑. เป็ น การทำงาน ดี จ ริ ง ๆ ดี จ นตั ว เองรู ้ ส ึ ก ได้ และคนอื่นก็ยอมรับ ๒. เป็นการรูส้ กึ ไปเอง แต่คนอืน่ เขาเห็นว่า ยังดีไม่พอ จึงอยากให้ปรับเปลี่ยน ถ้าเป็นแบบที่หนึ่ง กล่าวคือ คุณทำได้ดีอยู่แล้ว เพือ่ นร่วมงานก็ยอมรับ แต่นายยังต้องการให้ดยี ง่ิ กว่านัน้ อีก ถ้าคุณเชื่อมั่นว่า คุณมีความสามารถพอ ก็ควรจะพัฒนา ตัวเองต่อไปให้ถึงที่สุด เพราะยิ่งพัฒนา คุณก็มีโอกาส ก้ า วหน้ า มากยิ ่ ง ขึ ้ น ไปอี ก แต่ ถ ้ า หากคุ ณ พิ จ ารณาแล้ ว พบว่า ขืนพัฒนาต่อไป คงต้องแบกความเครียดตายแน่ๆ ขอทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดแบบนี้ดีกว่า ก็ควรจะต้องเจรจา กั บ นาย ว่ า ตั ว เองทำได้ แ ค่ น ี ้ จ ริ ง ๆศั ก ยภาพของตนมี ข้อจำกัด ถ้าหากนายยอมรับได้ ก็เป็นเรื่องดีแต่ถ้าหากนาย ไม่ยอมรับฟัง และบริษัทก็ไม่ยอมเปิดโอกาสตามที่คุณขอ คุณก็คงต้องพิจารณาหางานใหม่ๆ ทำ ในโลกยุคทุนนิยมบริโภค เป็นธรรมดาที่พนักงาน 92
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ทุกคนจะถูกประเมินคุณค่าจากกำไรหรือยอดขายที่คุณทำ ให้กบั บริษทั สำหรับคนทีท่ ำยอดขายหรือกำไรเก่ง ก็คงชอบ ชีวิตการทำงานแบบนี้ แต่ถ้าคนที่ไม่เก่ง แต่จำเป็นต้องมา อยู่ในองค์กรแบบนี้ ชีวิตก็คงไม่สนุกเท่าไหร่นัก ทางที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรดีไปกว่า ลองพัฒนาตัวเอง ตามทีน่ ายและบริษทั ต้องการดูกอ่ น แต่ถา้ พยายามอย่างถึง ทีส่ ดุ แล้ว มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องหาทางลงให้ตวั เอง นุ่มๆ ด้วยการมองหางานที่เหมาะกับสไตล์การทำงานของ ตัวเอง คนทุกคนมีศกั ยภาพทีพ่ ฒ ั นาได้ แต่ศกั ยภาพนัน้ ก็มี ขีดจำกัดของมันอยู่เหมือนกัน ถ้าเราทำอะไรก็ตามจนสุดๆ ศักยภาพแล้ว ก็ควรยอมรับว่า เราทำได้แค่นน้ั แต่ถา้ นายยัง ต้องการจากเรามากกว่านั้นจนเราแบกไม่ไหว เหมือนเรา เป็นดอกบานไม่รโู้ รย แต่นายอยากให้เราสวยเท่าดอกทิวลิป ถ้าทำงานกับคนที่ไม่เข้าใจเช่นนี้ ก็ควรหาทางหนีทีไล่ให้ ตัวเองได้อยู่ในที่สอดคล้องกับความเป็นตัวเองของตัวเอง น่าจะดีที่สุด ว.วชิรเมธี 93
ปุจฉาที่ ๓ รูส้ กึ แย่ทบ่ี ริษทั เติบโต ทำให้งานเข้าตัวเอง จะจัดการ กับความคิดและความรู้สึกของตัวเองอย่างไร วิสัชนา การที่บริษัทเติบโต นับเป็นเรื่องดีแน่สำหรับผู้เป็น เจ้าของบริษัท แต่สำหรับพนักงานอาจไม่รู้สึกเช่นนั้นเสมอ ไป อย่างน้อยก็คณ ุ คนหนึง่ ละ การทีร่ สู้ กึ แย่คณ ุ ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะ “งานเข้า” มากกว่าปกติ มองในแง่ดี แสดงว่า คุณ คงเป็นคนเก่งหรือเป็นคนสำคัญคนหนึง่ ทีเดียว ยิง่ บริษทั โต ภาระของคุณจึงเพิ่มขึ้น ในโลกของการทำธุรกิจ คงไม่มีบริษัทไหนที่ไม่ อยากเติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป คนทำงานอย่างคุณก็คงเหมือนกัน คุณเองก็คงไม่อยากหยุดอยู่กับที่ ทำไมคุณไม่มองว่า ไม่ ใช่แต่บริษัทเท่านั้นที่เติบโต การที่คุณมี “งานเข้า” มากขึ้น นัน่ ก็แสดงว่าคุณเองก็เติบโตหรือก้าวหน้าขึน้ ด้วยเหมือนกัน ลองคิดอีกทางหนึง่ บริษทั ยิง่ โต แต่งานคุณกลับเหมือนเดิม 94
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
แสดงว่า คุณไม่ได้เติบโตหรือก้าวหน้าขึน้ มาเลย ถ้าเป็นเช่นนี้ แสดงว่าเป็นเรื่องผิดปกติ คุณควรทำใจให้ยอมรับบทบาท ใหม่ๆ ภารกิจใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น เพราะในแง่หนึ่งมันก็คือสิ่งที่ สะท้อนว่า คุณกำลังก้าวหน้า แต่ถา้ คุณรูส้ กึ ว่าแบกไม่ไหว ภาระมากมายเกินตัว ก็ ไม่ควรจะทนก้มหน้าแบกจนเครียด จนความเครียดบัน่ ทอน สุขภาพกายสุขภาพใจ ควรตัดสินใจคุยกับผู้บริหารแล้ว หาทางออกร่ ว มกั น ว่ า ทางสายกลางควรอยู ่ ต รงไหน ตนเองมีศักยภาพที่จะทำงานได้เพียงใด หากคุณรู้สึก ว่ า งานหนั ก เกิ น ไป แต่ ก ็ ไ ม่ ย อมแจ้ ง ให้ ผ ู ้ บ ริ ห ารทราบ ปัญหาก็จะยังคงเป็นปัญหา และคุณก็จะยังคงรู้สึกอยู่ ต่อไป ความรู้สึกเช่นนี้ หากทิ้งไว้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อ สุขภาพจิต ควรเปิดอกคุยกันกับผู้บริหารจะดีที่สุด ครั้งหนึ่งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยได้รับจดหมาย เชิญให้เป็นประธานาธิบดีของประเทศอิสราเอล แต่เขา ตอบปฏิ เ สธกลั บ ไปโดยให้ เ หตุ ผ ลว่ า “ผมไม่ ถ นั ด ” ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงยังคงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ว.วชิรเมธี 95
มาจนทุกวันนี้ หากบริษัทเติบโต แล้วคุณกำลังได้รับมอบ หมายให้ทำงานทีต่ วั เองไม่ถนัด ยิง่ ทำ ยิง่ เหนือ่ ย ยิง่ ทำ ยิง่ แย่ ไม่มีทางออกอื่นใด นอกจากคุณจะต้องใจกล้าเดินไปบอก กับผู้บริหารว่า “ขอไม่ทำงานที่ตนไม่ถนัด” บอกกล่าวกับ ผู้บริหารเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่าทนทำงานที่คุณไม่ถนัด ไม่ไหว หรือไม่มีใจให้ เพราะยิ่งทนๆ ทำไป ทั้งตัวคุณและตัวงานก็ จะแย่พอๆ กัน ปุจฉาที่ ๔ ทำงานเรื่อยๆ เขาก็ว่าเฉื่อยชาไม่พัฒนาไปพร้อมกับ บริษัท เขาก็ว่าแย่ แต่ทำตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้ ก็รู้สึกหนัก เหนื่อย และเป็นทุกข์ จะทำอย่างไรดี วิสัชนา ทำงานเรื่อยๆ เขาก็ว่าเฉื่อยชา ไม่พัฒนาไปพร้อมกับบริษัท เขาก็ว่าแย่ ลั ก ษณะที ่ ก ล่ า วมาข้ า งต้ น นี ้ เป็ น นิ ส ั ย การทำ 96
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
งานที ่ ไ ม่ พ ึ ง ประสงค์ ท ั ้ ง คู ่ ถ้ า หากใครมี ล ั ก ษณะเช่ น นี ้ ก็สมควรแล้วที่จะถูกว่า ถูกตำหนิเพราะการทำงานแบบ เฉื่อยๆ เนือยๆ เรื่อยๆ นั้น สุดโต่งไปทางขี้เกียจ ส่วนการ ไม่ยอมพัฒนาไปตามบริษัทนั้น ก็สุดโต่งไปทางไม่ยอม ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร คุณอยู่ในบ้านเขา แต่ไม่ยอมฟังเจ้าของบ้าน แล้วอย่างนี้คุณจะมีความก้าว หน้าได้อย่างไร ดังนั้น ทางที่ถูกก็ควรจะปรับตัวให้เป็นคนที่ตื่น ตัว ขยัน มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มศักยภาพ และก็ควรจะ เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมหรือวิสัยทัศน์ของ บริษัทให้ได้ ถึงแม้ว่า ในการปรับตัวให้เข้ากับลักษณะ การทำงานของบริษัทจะทำให้เหนื่อยมากขึ้น แต่ก็ควรจะ ต้องปรับตัวอยูด่ ี เพราะคุณอยูก่ บั เขา แต่ถา้ คุณไม่รอ้ งเพลง เดี ย วกั บ เขา ก็ ม ี แ ต่ จ ะทำให้ เ ป็ น ปั ญ หากั น ทั ้ ง สองฝ่ า ย ฝ่ายคุณก็คงอึดอัด ไม่มีความสุข ฝ่ายบริษัทก็คงรู้สึกไม่ดี ที่มีพนักงานนอกคอก สุภาษิตจีนมีอยูบ่ ทหนึง่ ว่า “หากคุณขึน้ ไปนัง่ อยูบ่ น ว.วชิรเมธี 97
เรือของใคร ก็จงฟังคนทีเ่ ป็นเจ้าของของเรือลำนัน้ ” ถ้าคุณ ไม่อยากทำตามเจ้าของเรือ คุณก็ควรจะลงมาเสียจากเรือ ลำนั้น อย่าไปนั่งขวางหูขวางตาเขาอยู่ตรงนั้น ปุจฉาที่ ๕ นายที่ชอบเอาหน้า เวลาผิดก็โยนให้ลูกน้อง ไม่เคย ปกป้ อ งลู ก น้ อ งเมื ่ อ เกิ ด ปั ญ หา จะทำอย่ า งไรกั บ นาย ประเภทนี้ วิสัชนา ลั ก ษณะของนายดั ง ที ่ ก ล่ า วมา นั บ ว่ า เข้ า ตำรา “นายกโทษ” (อ่านว่า นา-ยะ-กะ-โทด) นี้คือนายที่มีลักษณะ อันเป็นโทษ คำแนะนำสำหรับคุณก็คอื ถ้าพบนายประเภทนี้ ก็ควรถือคติ “ต่างคนต่างไป” ไม่ควรจะเสียเวลาอยู่ใกล้ๆ ให้ยือเยื้อยาวนานออกไป เพราะขืนอยู่ไป ก็เปลืองตัว นานหลายปีมาแล้ว ผู้เขียนเคยมีเหตุให้ต้องทำงาน กั บ ผู ้ ใ หญ่ ป ระเภทนี ้ อ ยู ่ บ ้ า งเหมื อ นกั น ต่ อ มาได้ ค ้ น พบ 98
บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
สัจธรรมว่า ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งเสียดายเวลา ทั้งยังมองไม่เห็น หนทางก้าวหน้า จึงขอลาออกมาทำงานที่ตัวเองรัก แต่ก่อน จะจากมาผู้เขียนได้บันทึกบทสรุปไว้เตือนตัวเองว่า “อยู่กับคนที่ไม่เห็นคุณค่า แม้เพียงนาทีเดียวก็ ไม่คุ้ม” ปุจฉาที่ ๖ ทำอย่างไรให้เพื่อนพ้องน้องนายรัก ขณะเดียวกันก็ ก้าวหน้าอย่างสง่างาม วิสัชนา คุณต้องเรียนรูท้ จ่ี ะปฏิบตั ติ ามคาถาเมตตามหานิยม ดังต่อไปนี้ ๑. ทำงานใดจงทำให้เต็มที่ และทำให้ดีที่สุด ๒. มีความรับผิดชอบเป็นอย่างสูง ๓. ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ๔. ไม่ฉกชิงเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นของตน ว.วชิรเมธี 99
๕. ไม่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ๖. รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ๗. มีมนุษยสัมพันธ์ดี ๘. รักษาเกียรติประวัติให้ขาวสะอาด ๙. ก้าวหน้าแล้วไม่หลงตัวเอง ๑๐. รู้จักวางตัวให้สอดคล้องกับตำแหน่งหน้าที่ของ ตนและคนที่ต้องทำงานร่วม หากทำตามคาถาเมตตามหานิยมนีไ้ ด้ครบ รับประกัน ได้เลยว่า “นายดึ ง ลู ก น้ อ งดั น คนเสมอกั น ยอมรั บ ” อย่างไม่ต้องสงสัย ปุจฉาที่ ๗ เป็ น คนดี เด่ น ดั ง จนเป็ น ที ่ ช ั ง ของเพื ่ อ นพ้ อ ง จะทำอย่างไร วิสัชนา คุณสมบัติ “ดี-เด่น-ดัง” นับเป็นคุณสมบัติของ ยอดคน 100 บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
แต่ น ่ า เสี ย ดายที ่ ใ ครก็ ต ามที ่ ม ี ค ุ ณ สมบั ต ิ เ ช่ น นี ้ มักหนีไม่พ้นถูกหมั่นไส้ ถูกเกลียดชัง ถูกสกัดทั้งข้างหน้า ข้างหลัง หรือหากร้ายกว่านัน้ ก็อาจถูกทำอันตรายถึงแก่ชวี ติ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ท่านเคยพบสถานการณ์เช่นที่ว่า มานี้ ท่านจึงเขียนกวีไว้เตือนตนเองว่า “อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน” ทางออกสำหรับคนที่ดี เด่น ดัง ก็คือ ควรเลือก อยู่ในที่ๆ เมื่อเขาเห็นว่าเราดี เด่น ดัง แล้ว เขายังใจกว้าง ยอมรับเราได้ แต่ถ้าเขาเห็นเราดี เด่น ดัง แล้วเขาชังเป็นทวีตรีคูณ ก็ควรจะพาตัวเองเดินออกมาเสียจากบรรยากาศเช่นนั้น เพราะขืนอยู่ไปก็จะเป็นอันตรายต่อตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้ว่าเราดี เด่น ดัง แล้วก็ยังหา คนที่เห็นคุณค่าของเราไม่ได้จริงๆ ก็มีอีกทางเลือกสุดท้าย ว.วชิรเมธี 101
นั่นคือ เราต้องก้าวออกมาเป็นนายของตัวเอง ในเมื่อไม่มี ใครอยากให้เราอยู่ในอาณาจักรของเรา เพราะเราเด่นเกิน ก็ควรจะถือเสียว่า มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นมาสร้าง อาณาจักรของตัวเอง ในอดีตซิกมุนฟรอยด์ ก็เคยพบสภาวะเช่นนี้ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็เคยเป็นเช่นนี้ สองคนนี้ก็เลยเดินหนีออกมาจากวงการของตัวเอง แล้วสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นมาอย่างที่ตัวเองอยากเห็น และ อย่างที่เป็นตัวของตัวเอง ขอให้เชื่อมั่นว่า คนดีจริง เด่นจริง และเก่งจริงนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สร้างตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ เสมอ
102 บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
ว.วชิรเมธี 103
ภาคพิเศษ
ทางออกประเทศไทย
ปุจฉา : ขณะนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะสับสน วุน่ วาย เพือ่ ให้ประเทศชาติดขี น้ึ ก็เลยอยากจะขอให้ทา่ นว. ช่วยแนะทางออกทีด่ ที ส่ี ดุ สำหรับพวกเราและประเทศชาติ ด้วยค่ะ วิสัชนา ถ้ามองในมุมของธรรมะ ความขัดแย้งนี้มันเป็น ธรรมดา แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือ เราปล่อยให้ความขัดแย้ง นั้นกลายเป็นความรุนแรง มนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงที่เวลา ขัดแย้งกันจะไม่กัด แต่สุนัขก็ดีไก่ก็ดีเวลาขัดแย้งก็กัด ก็ จ ิ ก นี ่ ค ื อ สั ต ว์ สั ต ว์ ข าดศั ก ยภาพในการหั ก ห้ า มใจ จึงได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ แต่มนุษย์มีศักยภาพในการหักห้ามใจ จึงได้ชื่อว่ามนุษย์เพราะมนุษย์แปลว่า ผู้มีใจสูง ในรอบหลายปี ม านี ้ ว ุ ฒ ิ ภ าวะของคนไทยลดลง ไปมาก เราเข้าสู่สังคมผลประโยชน์เต็มรูปแบบซึ่งเป็นกัน ทั่วโลก โลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยโลภาภิวัตน์ คือความโลภ วิกฤติต้มยำกุ้งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๔๐ นี้ตามหลักมันไม่ควร 106 บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
จะเกิดแล้ว โลกน่าจะได้รับบทเรียนแล้ว แต่มันไปเกิดที่ ประเทศต้นขั้วเลย ที่อเมริกา นี่แหละคือสิ่งที่เป็นคลื่นใต้น้ำและมันโผล่ขึ้นมา เหนือน้ำเป็นความขัดแย้งในสังคมไทยลึกๆ ความขัดแย้ง ทัง้ หมดมันเป็นเรือ่ งของการบริหารจัดการทีไ่ ม่ลงตัว เช่น การ บริหารจัดการอำนาจทีไ่ ม่ลงตัว การบริหารจัดการทรัพยากร ที่ไม่ลงตัว การบริหารจัดการโอกาสในเข้าถึงแหล่งเงินและ แหล่งทุนที่ไม่ลงตัว การบริหารความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัว ระหว่างคนในสังคม และปะทุออกมาเป็นความขัดแย้ง และเราก็ จ ึ ง ไปเรี ย กร้ อ งหามาตรการทางกฎหมายไป เรียกร้องหาสันติวิธี บางทีเรียกร้องในลักษณะสามวัน เจ็ดวันก็จบ อาตมาเองถู ก สั ม ภาษณ์ วั น ก่ อ นมี ผ ู ้ ส ื ่ อ ข่ า วมา สัมภาษณ์ บอกว่า พระอาจารย์เทศน์บ่อยมากอะไรก็ไม่ดี ผมก็หงุดหงิด หงุดหงิดพระด้วย อาตมาก็ถามว่า ปัญหานี้ รากของมันซักเจ็ดสิบปีได้คุณจะให้อาตมาเทศน์แล้วให้ ปัญหามันหายวันนี้เลยไหม เทศน์เสร็จปุ๊ปพอลับกันแล้ว ว.วชิรเมธี 107
มั น หายเลยไหม คนที ่ ท ำอย่ า งนั ้ น ได้ ม ี ค นเดี ย วคื อ เผด็ จ การ ถ้ า เห็ น ว่ า ประชาธิ ป ไตยมั น ทำให้ ห งุ ด หงิ ด ลองเผด็จการสักห้าปีไหม เห็นไหม ก็ไม่เอา เพราะฉะนั ้ น เราต้ อ งยอมรั บ อย่ า งหนึ ่ ง ว่ า ใน ประชาธิปไตยจะต้องมีความขัดแย้งเพราะทุกคนมีสิทธิ มี เ สี ย ง ถ้ า พวกเราทนไม่ ไ ด้ ก ็ ล องไปใช้ เ ผด็ จ การดู ประชาธิ ป ไตยนี ้ ถ ึ ง อย่ า งไรก็ ต าม เราก็ ย ั ง เป็ น เจ้ า ของ ความคิ ด เจ้ า ของคำพู ด เจ้ า ของโอกาส เจ้ า ของเงิ น แต่ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์ ทุกอย่างทันใจหมด ยิ่งถ้าเป็น เผด็จการรวดเร็วมาก แต่เราไม่ใช่เจ้าของชีวิต เรามีแต่ศพ เดินได้เท่านั้น จะเอาไหม อาตมาว่าถึงเป็นอย่างนี้ก็ยังดีกว่าคอมมิวนิสต์ หรือเผด็จการอยูด่ ี เราจะต้องทำความเข้าใจเกีย่ วกับธรรมชาติของประชาธิปไตย ว่ามันจะมีความขัดแย้งอย่างนีแ้ หละ ตราบใดก็ตามที่เรายังไม่สามารถบริหารจัดการอำนาจ ผลประโยชน์ความสัมพันธ์ในแต่ละภาคส่วนให้มันลงตัว ตัวละครที่เห็นอยู่บนเวทีนี้ทั้งหมด เป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น 108 บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เหยื่อของการบริหารอำนาจที่ขาดสมดุล เหยื่อของการ จัดสรรทรัพยากรธรรมชาติทข่ี าดสมดุล เหยือ่ ของการบริหาร ทางเศรษฐกิจทีท่ ำให้นกั ลงทุนแต่ละกลุม่ ๆ เข้าถึงตลาดเงิน ตลาดทุนด้วยข้อเด่นข้อด้อยที่ไม่เท่ากัน เหยื่อของการถูก กระทำทางการเงินโดยกฎหมายที่มีสองมาตรฐาน ฉะนัน้ ตัวละครบนเวทีทง้ั หมดนีเ้ ป็นเหยือ่ ของระบบ ที่อ่อนเปลี้ย แล้วก็ไม่ค่อยดี รวมทั้งคนไทยซึ่งอยู่ในบริบท เดียวกันก็กลายเป็นเหยื่อไปด้วย อาตมาบอกผู้สื่อข่าวว่า พระเทศน์ทุกวันมันยังไม่ดี ถ้าไม่เทศน์มันจะขนาดไหน เมื่อเดือนที่แล้วรายการคุณสรยุทธ์ส่งผู้สื่อข่าวมา สัมภาษณ์ว่าพระอาจารย์ก็ได้พูดแล้วเตือนแล้วแต่ไม่ดีขึ้น พระอาจารย์คิดว่าต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไร อาตมาก็เลย บอกว่ า อาตมาก็ จ ะรอดู ว ่ า คนที ่ ไ ม่ ฟ ั ง พระมั น จะเป็ น อย่างไร ผูใ้ หญ่ในบ้านเมืองทัง้ หมด องค์กรต่างๆ ในบ้านเมือง ทั้งหมดทำหน้าที่ของตนเองแล้ว ตอนนี้สิ่งที่นักสันติวิธี อย่างเราๆ จะทำกันได้ก็คือ รอเหตุการณ์สงบแล้วก็จัด ว.วชิรเมธี 109
ทำบุญประเทศ ต้องบายศรีสู่ขวัญประเทศไทย อาตมา คิดว่าต้องทำตรงนั้น เพราะเพื่อเรียกขวัญ ตอนนี้ขวัญหนี ดีฝ่อไปหมด ฉะนั้นที่เราเห็นมันเป็นแค่เปลวไฟที่มันหลุดออก มาจากปล่องภูเขาไฟ คุณไม่รู้หรอกว่าข้างใต้นั้นหมักดอง อะไรเอาไว้ ฉะนั้นถ้าเรามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันไม่จบ ตอนนี้จึงมีแนวคิดที่ว่าต้องปฎิรูปประเทศไทยทุกภาคส่วน ต้องปฎิรูปหมด มิเช่นนั้นจะไปต่อไม่ได้ แต่ประเทศไทยมีจุดแข็งอยู่สองเรื่อง คือ ๑. ความกลมเกลียวกันในหมู่คนไทยมีสูงมากถ้า เป็นที่อื่นนะป่านนี้สงครามกลางเมือง เกิดไปแล้ว ถูกยั่ว ถูกยุ ถูกปั่นด้วยข้อมูลปฎิกูลข่าวสารขนาดนี้ ที่อื่นเขาลุก ขึ้นมางัดแล้วแต่คนไทยนี้ แย้วๆ พอจะเอาเข้าจริงๆ ถอย นี่คือไทยแลนด์ ตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง นายกรัฐมนตรีไป เข้ากับญีป่ นุ่ ญีป่ นุ่ มาตัง้ ฐานทัพในไทย แต่พอญีป่ นุ่ แพ้ ไทย ประกาศอิสรภาพร่วมกับสัมพันธมิตรเป็นไงล่ะไทยแลนด์ 110 บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เราไม่ ไ ด้ อ ยากฆ่ า กั น หรอก นิ ส ั ย ของเราจริ ง ๆ เป็นอย่างนี้คือความเป็นมิตรสูงมาก ถ้าเป็นที่อื่นถูกปลุก ถูกปั่นอย่างนี้ไม่เหลือ นี่คือเอกลักษณ์ของไทย ๒. เราคนไทยนี่ยังมีคนดีอยู่จำนวนมากซึ่งไม่ได้ เป็นนักการเมือง สังเกตไหมว่า วิกฤติขนาดนี้แต่เศรษฐกิจ ไทยแข็งโป๊ก อาตมาจึงรู้สึกดีนะว่าเรามีนักธุรกิจที่เก่งๆ จำนวนมาก และเท่าที่อาตมาได้รู้จักคุ้นเคย อาตมาพูดได้ เลยว่าเรามีนักธุรกิจที่ดีกว่าคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของบ้านนี้เมืองนี้อีกเป็นร้อยคน เสียอย่างเดียวคือเขาไม่ กล้าไปเป็นนายกเท่านั้น นี่คือจุดแข็ง ผู้ใหญ่ที่พูดประโยคนี้กับอาตมาคือท่านอานันท์ ปันยารชุน ท่านบอกว่าถ้าเราไม่มีนักธุรกิจที่เก่งและแกร่ง เมืองไทยตอนนี้เหลือแต่ซาก ฉะนั้นภาคการเมืองร้อนแต่ ภาคธุรกิจยังคงอยู่ได้ ตรงนี้ต้องเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา ที่ทำให้รากฐานของประเทศในเชิงธุรกิจยังคงดำรงอยู่ได้ แต่สิ่งที่อาตมาอยากจะเตือนคืออยากให้นักธุรกิจทั้งหลาย มีสำนึกในเชิงสังคมให้มากขึ้น นั่นคือการช่วยเหลือสังคม ว.วชิรเมธี 111
ไม่เพียงแต่เป็น CSR เท่านั้นแต่ควรจะลึกกว่าคือไม่ใช่แค่ งาน event เอาผ้าห่มไปแจกอาตมาว่ามันต้องมากกว่านั้น คือต้องทำให้เป็นวิถีชีวิต เป็น green business ที่ทำจน เป็นวิถีชีวิตขององค์กรจริงๆ ไม่ใช่แค่ event ถ่ายรูปแล้ว ก็ลงข่าวสังคม อาตมาคิดว่า ต้องทำให้เป็นเส้นเลือดใหญ่ขององค์กร องค์กรจะต้องมีสำนึกในเชิงสังคม ดังนั้นนี่คือสิ่งที่อาตมา อยากจะขอจากบรรดานักธุรกิจและผูบ้ ริหารทุกท่านอย่าลืม มิติเชิงสังคมด้วย ถ้าสังคมอยู่ธุรกิจของเราก็อยู่ ถ้าสังคม อยู่ไม่ได้ธุรกิจของเราก็เจ๊งเหมือนกัน วิธีที่จะแสดงสำนึกรับผิดชอบทางการเมืองและ สังคมมันไม่จำเป็นจะต้องใช้ความรุนแรง มันมีหลายวิธีที่ พอจะช่วยกัน อย่างอาตมาเป็นพระอาตมาก็เทศน์ วู้ดดี้ เขาถาม อาตมากลัวไหมทำไมฉันจะไม่กลัว แต่เราก็มี ความรับผิดชอบต่อสังคม สังคมนี้ให้ข้าวปลาอาหารเรา ถ้ า พระกลั ว แล้ ว โยมจะไปเหลื อ อะไร เพราะฉะนั ้ น พระก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม 112 บริหารคนให้สำราญ บริหารงานให้สัมฤทธิ์
เช่นเดียวกันกับนักธุรกิจก็ตอ้ งมีความรับผิดชอบต่อ สังคม อย่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อย่าทำตัวเป็นพลังเงียบ พลังเงียบหมายความว่าไม่สนอะไรเลย ขายของอย่างเดียว แล้วก็ดลู ะครน้ำเน่า ดูซรี ส่ี เ์ กาหลี พอเขาตีกนั ฉันบินไปนอก อันนี้คือพลังเงียบ พลังเงียบมีสองอย่างแบบแรกคือไม่เอาอะไรเลย รอรับแต่สิ่งดีๆ แต่พลังเงียบอีกแบบหนึ่งเป็นพลังเงียบ คิดเงียบๆ ก็ได้ห่วงใยเงียบๆ ก็ได้ เช่นห่วงใยคนไทย อยู่เงียบๆ ที่บ้าน คุณก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ประเทศแย่ลงแล้ว แต่พลังเงียบที่น่าตำหนิคือไม่สนเลย บ่นแล้วก็หลบรอให้ ประเทศกลับมาดีแล้วก็ค้าขาย อันนี้เป็นพลังเงียบที่น่า ตำหนิ ส่วนพลังเงียบที่ไม่ทำอะไรแต่เป็นห่วงอยู่ที่บ้าน พูดเรื่องนั้นคุยเรื่องนี้ หาวิธีประนีประนอมออมชอมแม้จะ ทำเงียบๆ ไม่เป็นที่ปรากฏต่อสังคม แต่นี่ก็เป็นพลังเงียบที่ น่ายกย่องแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่เราจะช่วยกันได้ สรุปสัน้ ๆ คือหนึง่ ช่วยทำความเข้าใจ สองช่วยกันรัก เมืองไทย ในวิธีที่ถูกต้อง ทำได้แค่นั้นก็ประเสริฐมากแล้ว ว.วชิรเมธี 113
ประวัติและผลงาน ว.วชิ ร เมธี เป็นนามปากกาของ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ภูมิลำเนาของท่านอยู่ที่บ้านครึ่งใต้ ตำบลครึ่ง อำเภอเชียง ของ จังหวัดเชียงราย ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๖ ด้วยความที่มารดาของท่านเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ นิสัยนี้จึง ถ่ายทอดมาถึงท่านตั้งแต่เด็ก ทำให้ท่านเป็นคนที่รักการอ่าน สนใจเรียนรู้ข่าวสาร อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า และหมั่น ปรับปรุงพัฒนาตนเองเสมอ หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีท ี่ ๖ ท่านก็ได้ขออนุญาต บิ ด ามารดาบรรพชาเป็ น สามเณรที ่ ว ั ด ครึ ่ ง ใต้ แล้ ว ก็ ต ั ้ ง ใจ ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมจนจบนักธรรม ชั้นเอก แล้วย้ายมาพำนักที่วัดพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงราย เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีจนสำเร็จการ ศึกษาเปรียญธรรม ๖ ประโยค ต่อมาเมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบ้านเกิด แล้วย้ายมา พำนั ก ที ่ ว ั ด เบญจมบพิ ต รฯในกรุ ง เทพมหานคร จนสำเร็ จ การศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่งถือเป็นการศึกษาขั้น สูงสุดของคณะสงฆ์ไทย
ในระหว่างที่ท่านศึกษานักธรรม และบาลีนั้น ท่านก็ ไม่เคยทอดทิ้งการศึกษาเรียนรู้ในทางโลก หากจะสรุปประวัติ การศึกษา ผลงาน และรางวัลที่ท่านได้รับ มีตามลำดับดังนี้
การศึกษา
ป.ธ.๙ สำนักวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม (๒๕๔๓) ศษ.บ. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (๒๕๔๓) พธ.ม. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (๒๕๔๖) ศศ.ด. มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (๒๕๕๒) ศศ.ด. มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเซีย (๒๕๕๓)
การทำงาน
อาจารย์พิเศษบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร อาจารย์พิเศษ สถาบันพระปกเกล้า วิทยาลัยป้องกัน ราชอาณาจักร โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
อาจารย์ พ ิ เ ศษและวิ ท ยากรบรรยายพุ ท ธศาสนากั บ ศาสตร์ร่วมสมัย ของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำ ของรัฐ และเอกชนมากมาย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศิลปากร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้น อนุกรรมการทูตสันติภาพฝ่ายศาสนสัมพันธ์ โครงการ ทูตสันติภาพ (Ambassador for Peace) ของสหพันธ์นานาชาติและศาสนาเพื่อสันติภาพโลก (ประเทศไทย) สหพันธ์ สันติภาพสากล ที ่ ป รึ ก ษาคณะกรรมการส่ ง เสริ ม การอ่ า นเพื ่ อ สร้ า ง สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ คอลั ม นิ ส ต์ บ ทความเชิ ง วิ ช าการ กึ ่ ง วิ ช าการ และ บทความทั ่ ว ไปให้ ก ั บ หนั ง สื อ พิ ม พ์ แ ละนิ ต ยสารมากมาย เช่น เนชั่นสุดสัปดาห์ มติชนสุดสัปดาห์ ประชาชาติธุรกิจ โพสต์ทเู ดย์ กรุงเทพธุรกิจ แพรว WE, HEALTH & CUISINE ชีวจิต ชีวิตต้องสู ้ WHO ฯลฯ
วิทยากรบรรยายธรรมและนำภาวนาตามสถาบันและ องค์กรของรัฐรวมทั้งเอกชน ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ ผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัย (Vimuttayalaya Institute) อันเป็นสถาบันเพือ่ การศึกษา วิจยั ภาวนา และนำเสนอ ภูมปิ ญ ั ญาทางพุทธศาสนาสูป่ ระชาคมโลก โดยเน้นปรัชญาการ ทำงานในลักษณะพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพโลก (Buddhism for World Peace) ผูก้ อ่ ตัง้ เว็บไซต์ dhammatoday.com (ธรรมะออนไลน์ เพื่อไทยเพื่อโลก) ผู ้ ร ิ เ ริ ่ ม เผยแผ่ ธ รรมนวั ต กรรม ผ่ า น Facebook, twitter อันเป็นการเปิดมิติใหม่ในการเผยแผ่พุทธศาสนาโดย ใช้เทคโนโลยีแห่งยุคข้อมูลข่าวสารในการประยุกต์พุทธธรรม สำหรับคนรุ่นใหม่ วิทยากรประจำรายการโทรทัศน์หลายรายการ เช่น ชุ ม ชนนิ ม นต์ ย ิ ้ ม (ช่ อ ง ๓), ธรรมะติ ด ปี ก (ที ว ี ไ ทย), เมืองไทยวาไรตี้, กล้าคิดกล้าทำ, พุทธประทีป, สยามทูเดย์ (ททบ.๕), ที่นี่หมอชิต, เช้านี้ที่หมอชิต (ช่อง ๗), ตาสว่าง (โมเดิร์นไนน์ทีวี), มหัศจรรย์แห่งปัญญา (NBT), รอยธรรม,
ธรรมาภิวัฒน์ (ASTV), และอื่นๆ วิทยากรบรรยายรายการวิทยุ คลื่นการเดินทางของ ความคิด FM 96.5 MHz รายการคลื่นลูกใหม่ FM 93 MHz
ผลงานนิพนธ์ ภาษาไทย
ผลงานนิพนธ์ภาคภาษาไทยมีมากกว่า ๑๐๐ เล่ม เช่น ธรรมะติดปีก, ธรรมะดับร้อน, ธรรมะหลับสบาย, ธรรมะ บันดาล, ธรรมะทำไม, ธรรมะรับอรุณ, ธรรมะราตรี, ธรรมะ เกร็ดแก้ว, ธรรมะสบายใจ, ธรรมะทอรัก, ธรรมะชาล้นถ้วย, ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง, สบตากับความตาย, ในหลวง ครองราชย์พุทธทาสครองธรรม, หนังสือเรียนพระพุทธศาสนา (ม.๑ – ม.๖) กำลังใจแด่ชีวิต, คลื่นนอกคลื่นใน, ตื่นรู้อยู่ด้วย รัก, ทุกข์กระทบธรรมกระเทือน, สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นด้วยตา แค่ปล่อยก็ลอยตัว, ธัมมิกประชาธิปไตย, ธัมมิกเศรษฐศาสตร์, ตะแกรงร่อนทอง, ว่ายทวนน้ำ, ลายแทงแห่งความสุข, มอง ลึก นึกไกล ใจกว้าง, รูก้ อ่ นตายไม่เสียดายชาติเกิด, เปลีย่ น เคราะห์เป็นโชค เปลีย่ นโรคเป็นครู, งานสัมฤทธิ ์ ชีวติ รืน่ รมย์, ความทุกข์มาโปรด ความสุขโปรยปราย, คิดถูก โปร่งใส
ใจสูง, เคล็ดลับหัวใจเศรษฐี, สิ่งที่สูงกว่าเงิน, ถามจากสมอง ตอบจากหัวใจ เป็นต้น
ภาษาอังกฤษ
ผลงานภาคภาษาไทย ที ่ ไ ด้ ร ั บ การแปลเป็ น ภาษา อังกฤษ เช่น Anger Management (ธรรมะหลับสบาย) Love Managment (ธรรมะทอรัก) Dharma at Dawn (ธรรมะรับอรุณ) Dharma at Night (ธรรมะราตรี) Looking Death in the Eye (สบตากับความตาย) Mind Management (ธรรมะสบายใจ) อนึง่ หนังสือ “ธรรมะหลับสบาย ธรรมะทอรัก และ สบตากับความตาย” นอกจากได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้ว ปัจจุบันยังได้รับการแปลเป็นภาษาสเปน อินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และศรีลังกาอีกด้วย
เกียรติคุณและรางวัล
พ.ศ. ๒๕๔๗ ผลงาน “ ธรรมะติ ด ปี ก ” ได้ ร ั บ การนำไปดั ด แปลง เป็ น ละครโทรทั ศ น์ ท างไทยที ว ี ส ี ช ่ อ ง ๓ ได้ ร ั บ รางวั ล จาก สถาบันต่างๆ กว่าสิบรางวัล พ.ศ. ๒๕๔๘ รางวัล “ผู้มีผลงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ดีเด่น” (จากผลงานนิพนธ์ ๔ เรือ่ ง คือ ธรรมะติดปีก ธรรมะ หลั บ สบาย ธรรมะดั บ ร้ อ น ธรรมะบั น ดาล) จากมู ล นิ ธ ิ ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต สภาศาสนาเพือ่ สันติภาพโลก ยกย่องเป็น “ทูตสันติภาพ โลก” พ.ศ. ๒๕๔๙ นิตยสาร Positioning ยกย่องให้เป็นหนึง่ ใน “๕๐ ผูท้ รง อิทธิพลของสังคมไทย ปี ๒๕๔๙” รางวัล “The Great Dharma Putta Award” (พระธรรมทูตผู้มีผลงานดีเด่นระดับโลก) จากรัฐบาลและคณะสงฆ์ แห่งประเทศศรีลังกา และองค์กร WBSY (World Buddhist
Sangha Youth) ในฐานะเจ้ า ภาพจั ด งาน “ สมโภช ๒๕๕๐ ปีแห่งพระพุทธศาสนายุกาล” (The Celebration of 2550th Buddha Jayanti) พ.ศ. ๒๕๕๐ รางวัล BUCA HONORARY AWARDS ในฐานะผู้มี ผลงานโดดเด่นในการนำเสนอธรรมะแบบอินเทรนด์ และมี คุณปู การต่อวงการวิชาชีพนิเทศศาสตร์ จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ รางวัล “รตนปัญญา” (Gem of Wisdom Award) ซึง่ เป็นรางวัลเกียรติยศสำหรับพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิปัญญาเป็นเอก จากคณะสงฆ์และประชาชนจังหวัดเชียงราย รั บ พระราชทานรางวั ล “เสาเสมาธรรมจั ก รทองคำ” ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา สาขาการแต่ง หนังสือทางพระพุทธศาสนา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในงานสัปดาห์วิสาขบูชาโลก ณ มณฑล พิธีท้องสนามหลวง รับพระราชทานรางวัล “บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อ เยาวชน” สาขาการศึ ก ษาและวิ ช าการ จากสมเด็ จ พระบรมโอรสาธิ ร าชฯ สยามมกุ ฎ ราชกุ ม าร เนื ่ อ งในโอกาส
วันเยาวชนแห่งชาติ ณ อาคารกีฬาเวสน์ ๒ ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) รางวัล “Young & Smart VOTE 2007 สาขาคนรุน่ ใหม่ ทีม่ บี ทบาทต่อสังคม” จากนิตยสารสุดสัปดาห์ บริษทั อมรินทร์ พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) รางวัล “ผู้มีอุปการคุณต่อวงการห้องสมุด และการ ศึกษาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์” จาก สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ. ๒๕๕๑ รางวัล “นักเขียนบทความดีเด่นประจำปี ๒๕๕๑” จาก มูลนิธิ ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล รางวัลกิตติคณ ุ สัมพันธ์ “สังข์เงิน” ในฐานะผูท้ ม่ี ผี ลงาน การประชาสัมพันธ์ดีเด่น จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่ง ประเทศไทย ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล รางวัล “ผู้มีอุปการคุณต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา” ของมูลนิธิรวมใจเผยแผ่ธรรมะ จากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
รางวัล “ผู้บำเพ็ญประโยชน์ในการพัฒนาจิต ประจำปี ๒๕๕๑” จากสภาชาวพุทธร่วมกับมูลนิธิโลกทิพย์ รางวั ล “ ผู ้ ท ำคุ ณ ประโยชน์ แ ละสร้ า งชื ่ อ เสี ย งให้ แ ก่ บัณฑิตวิทยาลัย” จากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รางวั ล “ ลู ก ที ่ ม ี ค วามกตั ญ ญู ก ตเวที อ ย่ า งสู ง ต่ อ แม่ ประจำปี ๒๕๕๑” จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รบั คัดเลือกเป็น “๑ ใน ๑๐๐ บุคคลผูเ้ ป็นแรงบันดาล ใจ” (100 idols) จากนิตยสาร a day ได้ ร ั บ ยกย่ อ งจากกรุ ง เทพธุ ร กิ จ และกรุ ง เทพธุ ร กิ จ ออนไลน์เป็น นักคิดนักเขียนแห่งปี ได้ ร ั บ ยกย่ อ งจากหนั ง สื อ พิ ม พ์ โ พสต์ ท ู เ ดย์ ใ ห้ เ ป็ น “คนรุ่นใหม่ผู้เป็นความหวัง” พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้รับคัดเลือกให้เป็นสุดยอดนักคิด ปี ๒๕๕๑ จาก สถานีวิทยุ อสมท. F.M.96.5 MHz คลื่นความคิด รางวัล “บุคคลต้นแบบคนดีศรีแผ่นดิน ปี ๒๕๕๑” จาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
รางวัล “พุทธคุณูปการ รัชตเกียรติคุณ” ผู้มีพุทธคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา จากคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้รบั รางวัลการจัดอันดับให้เป็น ๒๐ คนกรุงทีน่ า่ จับตา มอง (The Bangkok Hot List : 20 people to watch) จากซีเอ็นเอ็นจีโอเอเชีย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎี บัณฑิตกิตติมศักดิ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ รางวัล “ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๓” จาก กระทรวงวัฒนธรรม รางวัล “ผู้ทำคุณประโยชน์ด้านนันทนาการสาขาการ อ่าน การพูด การเขียน” จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รางวัล “พุทธคุณูปการ กาญจนเกียรติคุณ” ผู้มีพุทธคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาจากคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันท่านพำนักอยู่ที่วัดศรีศักดาราม ตำบลห้วยสัก อำเภอเมื อ ง จั ง หวั ด เชี ย งราย พร้ อ มกั บ ดำเนิ น การจั ด ตั ้ ง ศูนย์วปิ สั สนาไร่เชิญตะวัน เพือ่ เป็นสถานทีบ่ ม่ เพาะปัญญาและ ความสงบให้กับผู้ที่สนใจทั่วไป
ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว. วชิรเมธี) ที่ตั้งสถาบัน เลขที่ ๗/๙-๑๘ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๗ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ ความเป็นมา พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว. วชิรเมธี) ปรารถนาที่จะเห็นโลกนี้ มีสนั ติภาพปราศจากสงครามการเบียดเบียนทำลายล้างกันในทุกรูปแบบ มนุษยชาติสามารถอยูร่ ว่ มกันอย่างสงบสุข เฉกเช่นพีน่ อ้ งร่วมท้องมารดา เดียวกัน ประชาชนในประเทศต่างๆ ทั่วทั้งโลกนี้มีความสมานสามัคคีกัน อารยธรรมของมนุษย์ล้วนถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเกื้อกูลต่อสันติสุข อย่างยั่งยืน มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ สรรพชีพ สรรพสัตว์ สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ทรัพยากรและโลก ด้วยท่าทีอันเปี่ยมด้วยไมตรี จิตมิตรภาพ เพื่อให้เจตนารมณ์ดังกล่าวนั้นสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม จึง ก่อตั้ง “สถาบันวิมุตตยาลัย” ซึ่งเป็น “สถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนา สันติภาพโลก” ขึ้นมาทำงานอย่างเป็นระบบ ณ (วันวิสาขบูชา) วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ปรัชญา
“นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ : ไม่มีสุขใดยิ่งไปกว่าสันติสุข”
วิสัยทัศน์ “สันติส่วนบุคคล คือ สันติภาพสากลของมนุษยชาติ” พันธกิจ
๑. ส่งเสริมการศึกษา ค้นคว้า วิจยั และพัฒนาองค์ความรูท้ าง พระพุทธศาสนาให้เป็นขุมคลังทางปัญญาสำหรับมนุษยชาติ ๒. ส่งเสริมการเจริญสมาธิภาวนาอันเป็นรากฐานของการ สร้างสรรค์สันติภาพโลกอย่างยั่งยืน ๓. ประยุ ก ต์ พ ุ ท ธธรรมนำมาแก้ ป ั ญ หาของสั ง คมไทย สิ่งแวดล้อม มนุษยชาติ และของโลกได้อย่างร่วมสมัย ๔. การเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยยุทธศาสตร์การทำงาน เชิงรุกทุกรูปแบบ ๕. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่าง ลัทธินิกายในพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๖. นำมนุษยชาติให้เป็นอิสระจากพันธนาการแห่งความโลภ (ความอยาก) ความโกรธ (ความรุนแรง) และความหลง (ความด้อยการศึกษา) ๗. สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่พร้อม อุทิศตนทำงานเพื่อสันติสุขของมวลมนุษยชาติ
วัดป่าวิมุตตยาลัย ความเป็นมา ยุคที่ ๑ : ธรรมะติดปีก นับแต่สำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค (พ.ศ.๒๕๔๓) และพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย ในปี พ.ศ.๒๕๔๖ แล้ว พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว. วชิรเมธี ได้อุทิศตนทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เชิงรุกครบวงจรทัง้ โดยการเทศน์ การสอน การผลิตผลงานทางวิชาการ การเขียนหนังสือธรรมะออกเผยแผ่โดยใช้ภาษาร่วมสมัย การทำ รายการธรรมะทางโทรทั ศ น์ วิ ท ยุ และการเปิ ด เว็ บ ไซต์ ธ รรมะ (dhammatoday.com, vimuttayalaya.net)ตลอดจนการเดิน ทางไปปาฐกถา และสอนสมาธิภาวนาทั้งในประเทศไทยและต่าง ประเทศ จนก่อให้เกิดความสนใจธรรมะในหมูป่ ระชาชนแทบทุกกลุม่ อย่างกว้างขวาง ก่อเกิดเป็นกระแส “ธรรมะติดปีก, ธรรมะอินเทรนด์, ธรรมะประยุกต์” อย่างแพร่หลาย ต่อมาเมื่อปริมาณงานเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้สนใจธรรมะ ทำให้ ท ่ า นตั ด สิ น ใจก่ อ ตั ้ ง “สถาบั น วิ ม ุ ต ตยาลั ย ” (Vimuttayalaya Institute) ซึ ่ ง เป็ น “สถาบั น การศึ ก ษาเพื ่ อ พั ฒ นา สันติภาพโลก” ขึ้นมาขับเคลื่อนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเชิงรุก ต่อไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐
ยุคที่ ๒ : สถาบันวิมุตตยาลัย สถาบันวิมุตตยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาทางเลือก มีวิสัยทัศน์ในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกครบวงจร โดยมีภารกิจ ๔ ประการ คือ ๑. การศึกษา (จัดตั้งโรงเรียนเตรียมสามเณร) ๒. การเผยแผ่ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกทุกรูปแบบ) ๓. การพัฒนาสังคม (ร่วมแก้ปัญหสังคมไทยโดยใช้พุทธธรรม) ๔. การสร้างสันติภาพโลก (สอนสมาธิภาวนาทั้งในไทยและต่างประเทศ) การทำงานในรูปแบบสถาบันวิมตุ ตยาลัยของพระมหาวุฒชิ ยั วชิรเมธี ทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนามีประสิทธิภาพ เป็นระบบ และอำนวยประโยชน์โสตถิผลแก่สังคม ประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทำให้มีสถาบัน องค์กรต่างๆ ถวายรางวัลแก่พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี จำนวนมาก เช่น รางวัลพระธรรมทูตผู้มีผลงานดีเด่นระดับโลก จากองค์กรยุวพุทธสงฆ์โลก (WBSY) ซึ่งถวายโดย ฯพณฯ มหินทระ ราชปักษะ ประธานาธิบดีแห่งประเทศศรีลังกา, รางวัลเสาเสมาธรรม จักรทองคำ สาขาผู้นิพนธ์หนังสือพระพุทธศาสนาดีเด่น จากสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, รางวัลเกียรติคุณ สัมพันธ์สังข์เงิน จากสำนักนายกรัฐมนตรี, รางวัลสุดยอดนักคิด
ประจำปี ๒๕๕๒ จากสถานี ว ิ ท ยุ โ ทรทั ศ น์ แ ห่ ง ประเทศไทย, รางวัลนักเขียนบทความดีเด่นแห่งปี จากมูลนิธิอายุมงคล โสณกุล, รางวั ล การเผยแผ่ พ ระพุ ท ธศาสนาดี เ ด่ น จากมู ล นิ ธ ิ จ ำนงค์ ทองประเสริฐ เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน และได้รับการคัดเลือก ให้เป็น ๑ ใน ๑๐๐ บุคคลผู้เป็นต้นแบบจากหนังสือ a day เป็นต้น ยุคที่ ๓ : วัดป่าวิมุตตยาลัย (พุทธศาสนาไทยเพื่อสันติภาพโลก) ผลแห่งการอุทิศตนทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่าง ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ทำให้มีผู้ได้รับประโยชน์จากธรรมะที่ เผยแผ่โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) แพร่หลายออกไป ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ทำให้ศิษยานุศิษย์ซึ่งเห็นคุณค่าของ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก (Applied Buddhism) ได้รว่ มกัน แสวงหาที่ดินจำนวนหนึ่งเพื่อจัดตั้งเป็นสำนักงานกลาง สำหรับขับ เคลื่อนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยตรง นั่นจึงเป็นที่มาของการ น้อมถวายที่ดินจำนวน ๑๐๐ ไร่ โดยคุณยายทัศนีย์ บุรุษพัฒน์ (อดีตเจ้าของโรงเรียนปริญญาทิพย์) ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีโฉนดอยู่ ณ รังสิตคลอง ๑๔ ต.หนองสามวังใต้ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี แด่ พระมหาวุ ฒ ิ ช ั ย วชิ ร เมธี (ว.วชิ ร เมธี ) เพื ่ อ ให้ พ ั ฒ นาเป็ น “วัดป่าวิมุตตยาลัย” อันจักเป็นศาสนสถานสำคัญสำหรับการทำงาน เผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก จากเมืองไทยสู่ประชาคมโลกต่อไป ในอนาคต
บนเนื้อที่ ๑๐๐ ไร่ ณ รังสิตคลอง ๑๔ มุ่งขับเคลื่อนเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก (Applied Buddhism) ภายใต้วิสัยทัศน์ “พุทธศาสนาไทยก้าวไกลเพื่อสันติภาพโลก” พัฒนาวัดให้เป็นแหล่ง “ความรู้” (wisdom) คู่ “ความตื่น” (mindfulness)
แบบจำลองโครงสร้างวัดป่าวิมุตตยาลัย
สถานีธรรมะ
สถานีธรรมะของท่านว. วชิรเมธี (V. Vajiramedhi’s Dhamma Station) สถาบันวิมุตตยาลัย เลขที่ ๗/๙-๑๘ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๗ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๓ ๐๘-๙๘๙๓-๒๑๓๖, ๐๘-๑๘๘๙-๐๐๑๐, ๐๘-๗๐๘๐-๗๗๗๙ โทรสาร ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๘ E- mail : dhammatoday@gmail.com www.dhammatoday.com รายการโทรทัศน์ ๑. รายการเช้านี้ที่หมอชิต ออกอากาศ ทางช่อง ๗ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๗.๒๐ น. ๒. รายการกล้าคิด กล้าทำ ออกอากาศ ทางช่อง ๕ ทุกวันเสาร์ เวลา ๑๗.๓๐ น. ๓. รายการหมุนตามโลกกับวิกรม ออกอากาศ ทางช่อง ๕ ทุกวันอังคาร เวลา ๐๙.๓๐ น. ๔. รายการ ว. วชิรเมธี ชี้ทางธรรม ออกอากาศ ทางช่อง ๙ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา ๑๓.๐๐ น. ๕. รายการสาระธรรมเพื่อมวลชน ออกอากาศ ทางช่อง ๙ ทุกวัน ทุกต้นชั่วโมง ๖. รายการกรรมลิขิต ออกอากาศ ทางช่อง ๕ ทุกวันอังคาร เวลา ๒๑.๒๐ น. ๗. รายการธรรมะวันอาทิตย์ ออกอากาศ ทางช่อง ๗ ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๐๖.๐๐ น. รายการวิทยุ ๑. FM 96.5 MHz รายการการเดินทางของความคิด ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา ๒๑.๑๐ น. ๒. FM 93.0 MHz รายการคลื่นลูกใหม่ ทุกวันพระ เวลา ๒๐.๑๕ น. ๓. สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ รายการสาระธรรม ทุกต้นชั่วโมง
คอลัมน์ประจำ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ คอลัมน์ปัญญาภิวัฒน์ วางแผงทุกวันอาทิตย์ หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก คอลัมน์คันฉ่องและโคมฉาย วางแผงทุกวันพระ นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ คอลัมน์ธรรมาภิวัฒน์ วางแผงทุกวันศุกร์ นิตยสาร Health & Cuisine คอลัมน์จาริกนอก จรรโลงใน วางแผงทุกต้นเดือน นิตยสาร Secret คอลัมน์ Answer key วางแผงทุกวันที่ ๑๐ และวันที่ ๒๕ ของเดือน นิตยสาร M&C แม่และเด็ก คอลัมน์ธรรมะประจำเล่ม วางแผงทุกต้นเดือน นิตยสาร WHO คอลัมน์ Who’s mind วางแผงทุกวันที่ ๑ และวันที่ ๑๖ ของเดือน นิตยสาร THAI SMILE MAGAZINE (เฉพาะภาคพื้นยุโรป) คอลัมน์ถามจากสมองตอบจากหัวใจ วางแผงทุกต้นเดือน (แจกฟรี) นิตยสาร All Magazine วางแผนทุกวันที่ ๒๕ นิตยสาร computer today วางแผนทุกวันที่ ๑ และวันที่ ๒๕ ของเดือน นิตยสาร INTO วางแผงทุกต้นเดือน (แจกฟรี) นิตยสารคลังสมอง วางแผงทุก ๓เดือน วารสารครอบครัวพอเพียง คอลัมน์ธรรมะติดปีก วางแผงทุกต้นเดือน เว็บไซต์ : Socail Network http://www.dhammatoday.com http://www.facebook.com/v.vajiramedhi http://www.twitter.com/vajiramedhi
ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่งปัน ร่วมสร้างโลกแห่งสันติภาพและมิตรภาพกับสถาบันวิมุตตยาลัยโดย
สมัครเป็น “โพธิสัตวภาคี” (พธส./Dhamma Volunteer) ●
“ผูย้ นิ ดีในการรับใช้เพือ่ นมนุษย์ เช่น อ่านหนังสือเสียงธรรมะถอดเทป คำบรรยายธรรมะ ตัดต่อเสียงธรรมบรรยาย จัดพิมพ์ตน้ ฉบับธรรมะ จัดพิมพ์หนังสือธรรมะเพือ่ แจกเป็นธรรมทาน ทำรายการวิทยุโทรทัศน์ ธรรมะ วิทยากรในงานทางธรรมะ อาสาสมัครงานบุญที่เกี่ยวกับการ เผยแผ่ธรรมะในรูปแบบต่างๆ ร่วมเผยแผ่ธรรมะและกิจกรรมของสถาบันวิมตุ ตยาลัยใน โครงการต่างๆ เช่น โครงการหนังสือธรรมะแจกฟรี ซีดีธรรมะ ให้เปล่า โครงการกะทิกะทำ โครงการถวายความรูแ้ ก่พระภิกษุสามเณร ฯลฯ และกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นการเกื้อกูลมนุษยชาติให้มีชีวิตดีงาม
●
● ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างอาคารวิปัสสนากรรมฐาน “วั ด ป่ า วิมุตตยาลัย” ซึ่งอยู่ในการดูแลของสถาบันวิมุตตยาลัย (Vimuttayalaya Institute) อัน จัก เป็น ศาสนสถานสำคัญสำหรับการ ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก จากเมืองไทยสู่ประชาคมโลก ต่ อ ไปในอนาคต ผู ้ ส นใจสามารถโอนเงิ น ผ่ า นบั ญ ชี อ อมทรั พ ย์
ชือ่ บัญชี พระมหาวุฒชิ ยั วชิรเมธี (โครงการวัดป่าชานเมือง) ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ ๐๑๖-๔-๑๔๖๗๖-๔ ● บริจาคเพือ ่ ร่วมสนับสนุนกองทุน “โครงการหนังสือธรรมะ แจกฟรี ซีดธี รรมะให้เปล่า” ในการพิมพ์หนังสือธรรมะ สำเนาซีดธี รรมะ พิมพ์โปสการ์ดธรรมะ จัดทำเสือ้ ธรรมะพูดได้และสือ่ ธรรมะอืน่ ๆ เพือ่ แจกฟรีเป็นธรรมทาน ผู้สนใจสามารถโอนเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “ธรรมนวัตตกรรม” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช บัญชีออมทรัพย์เลขที่ ๐๑๖-๔-๑๖๒๙๗-๒
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิมุตตยาลัย เลขที่ ๗/๙-๑๘ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๗ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๓, ๐๘-๙๘๙๓-๒๑๓๖, ๐๘-๑๘๘๙-๐๐๑๐, ๐๘-๗๐๘๐-๗๗๗๙ โทรสาร ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๘ Email : dhammatoday@gmail.com www.dhammatoday.com
สมัครสมาชิกรับหนังสือธรรมะ และ ซีดี ธรรมะ ข้าพเจ้า........................................................................................................................................................... มีความประสงค์สมัครเป็นสมาชิกรับหนังสือธรรมะ : สมาชิกใหม่ ต่ออายุสมาชิก มีกำหนด............................................ปี เริม่ ตัง้ แต่เดือน............................................เป็นต้นไป ทัง้ นีไ้ ด้สง่ เงินจำนวน.........................................................บาท มาชำระให้พร้อมนีแ้ ล้วโดย ชำระด้วยตัวเอง โอนเงิน อัตราค่าสมาชิก : ระยะเวลา ๑ ปี เป็นเงินจำนวน ๖๐๐ บาท ระยะเวลา ๒ ปี เป็นเงินจำนวน ๑,๐๐๐ บาท โปรดจัดส่งหนังสือไปที่ : (เขียนตัวบรรจง) ชือ่ ผูร้ บั ..........................................................................................................................................................
สถานทีต่ ดิ ต่อ เลขที.่ ...........................................หมูบ่ า้ น/อาคาร...............................................................
ตรอก/ซอย............................................................ถนน...............................................................................
แขวง......................................................................เขต.................................................................................
จังหวัด.........................................รหัสไปรษณีย์.................................โทรศัพท์..........................................
ลงชื่อ..................................................................ผู้สมัคร (............................................................) หมายเหตุ : การส่งเงิน ๑. โอนเงินผ่านบัญชีชอ่ื ธรรมนวัตตกรรม ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิรริ าช บัญชีออมทรัพย์เลขที่ ๐๑๖-๔-๑๖๒๙๗-๒ ๒. หากสมาชิกเปลีย่ นทีอ่ ยูใ่ หม่ โปรดแจ้งให้สถาบันวิมตุ ตยาลัย ทราบโดยด่วน ๓. สมาชิกจะได้รบั หนังสือธรรมะจากสถาบันวิมตุ ตยาลัย เดือนละ ๑ เล่ม ตามระยะเวลาทีท่ า่ นระบุมา
สถาบันวิมตุ ตยาลัย ๗/๙-๑๘ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๗ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐
โทร. ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๓ โทรสาร ๐-๒๔๒๒-๙๑๒๘