36
12
42 Message From EDITOR จ�ำได้ว่ำ!!...ครั้งหนึ่งเมื่อนำนมำแล้ว สมัยที่ยังเป็นนักศึกษำอยู่ในรั้ว พ่อขุนฯ เคยปลอบใจเพื่อนในกลุ่มที่สอบตกวิชำเรียนวิชำหนึ่งว่ำ “มึงเตรียม ตัวเต็มที่กับการสอบครั้งนี้แล้วรึยัง...ถ้าเต็มที่กับมันแล้ว และยังสอบตกอยู่ อีก ก็ไม่ควรที่จะเสียใจไป เพราะถือว่ามึงได้ท�าดีที่สุดแล้ว เอาไว้สอบแก้ตัว ใหม่อีกครั้ง เพราะกูเชื่อว่าถ้าคนเราลองได้ท�าเต็มที่แล้ว แต่ถ้ามันพลาดพลั้ง ไป แล้วเรากลับมาพยายามท�าใหม่ด้วยความเต็มที่อีกครั้ง สักวันเราก็จะ ประสบความส�าเร็จ”...ซึ่งค�ำปลอบนี้ได้กลำยมำเป็นหนึ่งในหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ของตัวผมเอง เนื่องจำกหลำยต่อหลำยครั้งที่ต้องพบกับควำมผิดหวังในกำร ลงมือท�ำสิ่งต่ำงๆ แต่มันก็ไม่เคยท�ำให้ตัวเองย่อท้อเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพรำะ ถือว่ำเรำได้ลงมือท�ำทุกอย่ำงด้วยควำมเต็มที่แล้วนั่นเอง... และกับย่ำงก้ำวของ “FRM” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมพร้อมทีมงำนได้ ทุ่มเททุกสิ่งอย่ำงลงไปในเนื้องำน เพื่อให้ทุกเนื้อหำทุกเรื่องรำวของทุกหน้ำ กระดำษเต็มไปด้วยสำรประโยชน์และควำมเพลิดเพลิน โดยมีจุดประสงค์หลักก็เพื่อ ตอบแทนควำมไว้วำงใจของ “ผู้อ่าน” ที่ติดตำมนิตยสำรเล่มเล็กๆ เล่มนี้... ซึ่งแม้ว่ำวันนี้ “FRM” จะยังไม่ได้ก้ำวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของเส้น ทำงกำรท�ำงำน แต่เรำก็ยังคงจะมุ่งมั่นและทุ่มเทกับกำรท�ำงำนตำมแนวทำงที่เป็น อยู่ต่อไปเรื่อยๆ เพรำะเรำมีควำม “เชื่อมั่น” อยู่เสมอว่ำ...ถ้ำเรำท�ำดีและท�ำเต็มที่ แล้ว สักวันหนึ่งทุกคนก็จะมองเห็นและยอมรับ “FRM” อย่ำงแน่นอน...และนั่นก็ คือ “ความส�าเร็จ” ที่หอมหวำนส�ำหรับพวกเรำ...ยังไงก็อย่ำลืมเป็นก�ำลังใจให้ กับ “FRM” ตลอดไปนะครับ...
ISSUE 09 JUly 2013
News Update ............................................ 6 Hot Pick Of Month .................................12
New Suzuki Shogun Axelo R 125FI
Hot Pick Of Month .................................18
New SYM Joymax 300i
Yamaha Scoop........................................ 24
Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่..ใครขี่ก็ประหยัดขั้นเทพ
Yamaha All New Fino ............................26
"ฟีโน่ หัวฉีด" สุดขีดทุกไลฟ์สไตล์
The Journey ............................................28
Langkawi International Bikebike Fiesta 2013 Part I
Around The World .................................32
มุ่งหน้าเข้าสู่ ลักเซมเบิร์ก กันแล้ว...!!
TechKnow.................................................36
Let’s meet “Kevlar”– มาท�าความรู้จักเคฟล่ากันเถอะ
Gear Hunter ............................................ 40
Grip-Lock โอกาสที่ 2 ให้รถสุดรัก
FRM Lab ................................................... 42
Grip-Lock นายแน่แค่ไหน!! เจอ FRM หน่อยมั๊ย?
นพดล แผงเพชร
MotoGP Report #5 ................................ 46 Autodromo del Mugello
บรรณาธิการบริหาร nnaiae@gmail.com
MotoGP Report #6 .............................. 49
Catalunya facebook.com/FRMfans
e-mail : forridemagazine@gmail.com
Crazy Gadgets ......................................52
มีแต่ของเจ็บๆ โดนๆ อีกแล้ว!!
CONTENT
18
FRM TEAM
32
Executive Editor : Nopdon Phaengphet นพดล แผงเพชร Editorial : Kampol Gaensuwan กัมพล แก่นสุวรรณ์ Komz Giggs Mr. Black Nicky PH & Franco Angeloni VEDETT ///// Special Guest : Graphic Design : Komkrit Sakulvilailerd คมกริช สกุลวิไลเลิศ Photographer : FRM Team บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา : นพดล แผงเพชร โรงพิมพ์/เพลท : เอส.ออฟเซ็ทกราฟฟิคดีไซน์ จัดจ�าหน่าย : บริษัท ส�านักพิมพ์ นุชนารถ จ�ากัด ส�านักงาน ฟอร์ไรด์แมกกาซีน : 12/76 ซอยนาคนิวาส 59 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 0-2932-8716, 08-9499-1927
UPDATE
ยามาฮ่า เรียล เกมส์ เรียล เอ็กซ์พีเรียนซ์ ยกทัพบุกมาดริด นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด (คนกลาง) น�าทีมฟุตบอลตัวแทนประเทศไทย พร้อมคณะสือ่ มวลชน, คอลัมนิสต์ และ ดารา เดินทาง ไปกรุงมาดริด ประเทศสเปน เพื่อร่วมชมเกม เรียล มาดริด พบโอซาซูน่า ก่อนดวลแข้งนัดพิเศษ ใน สนาม ซานติอาโก เบอร์นาบิว เปิดประสบการณ์จริงให้ลูกค้ายามาฮ่า สานฝันโครงการ “ยามาฮ่า เรียล เกมส์ เรียล เอ็กซ์พีเรียนซ์” ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเร็วๆ นี้
ยามาฮ่า เปิดโครงการ ฟีโนเวทีฟ เทรนดี้ ดีไซน์ คอนเทสต์ นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ (แถวหน้า คนที่ 5 จากซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด ร่วมมือกับ สถาบันการศึกษาชั้น น�า จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการ ฟีโนเวทีฟ เทรนดี้ ดีไซน์ คอนเทสต์ ซึ่งเป็นการประกวดออกแบบอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด เพื่อ ตอกย�้าภาพลักษณ์ผู้น�าตัวจริงด้านการตกแต่งรถจักรยานยนต์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เมื่อเร็วๆ นี้ โดย นายธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอะไหล่และบริการ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด กล่าวว่า “ยามาฮ่าร่วมมือกับสถาบันการ ศึกษาชั้นน�าทางด้านการออกแบบ จัดเตรียมกิจกรรมเพื่อแฟนพันธุ์แท้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด ในโครงการ “ฟีโนเวทีฟ เทรนดี้ ดีไซน์ คอนเทสต์ (Finovative Trendy Design Contest 2013)” เพื่อเฟ้นหาแนวคิดใหม่ๆ ส�าหรับผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ โดยมุ่งเน้น ไปที่กลุ่มเยาวชนระดับอุดมศึกษา ที่มีความสามารถด้านการออกแบบ ได้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เพื่อน�าเสนอไอเดียใหม่ๆ ในการออกแบบอุปกรณ์ตกแต่งส�าหรับรถ จักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของยามาฮ่าที่มุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถด้านการตกแต่งรถจักรยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างการศึกษาภาคเอกชนและบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนให้นักออกแบบอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ได้มีเวทีแสดงความสามารถด้าน การออกแบบชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ พร้อมน�าเสนอแฟชั่นดีไซน์รูปแบบใหม่ๆ” 6
For Ride Magazine July 2013
เฉลิมพล ผลไม้ นักแข่งทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม”
โชว์ฟอร์มเทพคว้าที่ 4 ท่ามกลางสภาพอากาศแปรปวนอย่างหนัก!!
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ รายการ “MFJ Superbike All Japan Road Race Championship 2013” สนามที่ 3 ออโตพลิส เซอร์กิต เมืองฮิตะ จังหวัดโออิตะ “เฉลิมพล ผลไม้” นักแข่งทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม” เจ้าของฉายา “แดนเจอร์รัสบอย” ที่บรรดาสื่อมวลชน ญี่ปุ่นตั้งฉายาให้ ลงสนามเก็บคะแนนเป็นสนามที่ 3 คว้าอันดับ ที่ 4 ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก ยากต่อ การคาดเดาของทีมในการเซ็ทรถแข่ง ซึ่งมีทั้งแทร็คเปียกแห้ง ในเวลาเดียวกัน จากการซ้อมและการคอลิฟายก่อนการแข่งขัน “เฉลิมพล ผลไม้” สามารถท�าเวลาได้ดีมาตลอด เนื่องจากนักแข่งไทยมี ความคุ้นเคยกับสนามนี้เป็นอย่างดี อีกทั้ง เฉลิมพล ยังเคย ท�าเวลาต่อรอบที่ดีที่สุดในรุ่น ST600 อีกด้วย และจากผลการ คอลิฟาย เฉลิมพล ก็ไม่ท�าให้ทีมไทยต้องผิดหวัง โดยสามารถ ท�าเวลาต่อรอบอยูท่ ี่ 1 นาที 32 วินาที และสามารถคว้าต�าแหน่ง สตาร์ทในอันดับที่ 1 สร้างความมัน่ ใจให้กบั ทีมงานเป็นอย่างมาก ในการแข่งขันวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน เฉลิมพล พร้อม รถแข่ง Yamaha YZF-R6 หมายเลข 65 ออกสตาร์ทในอันดับ 1 ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย และแปรปรวนอย่างหนัก โดยสภาพแทร็คการแข่งขันมีทั้งเปียกและแห้งสลับกันไป มีฝน ตกปรอยๆ และหมอกลงอยูค่ รึง่ สนาม ซึง่ เป็นเรือ่ งยากต่อการ ควบคุมรถและการเซ็ทรถของแม็กคานิกส์ รวมไปถึงการเลือก ยางเพื่อใช้ท�าการแข่งขัน ท�าให้ช่วงการแข่งขัน เฉลิมพล ต้อง กดดันอย่างหนักกับสภาพอากาศ ส่งผลให้จบการแข่งขันคว้า อันดับที่ 4 คว้าแต้มเพิม่ อีก 18 คะแนน ท�าให้มคี ะแนนสะสมเป็น 43 คะแนน ซึ่งอยู่ในอันดับ 5 ของตารางการแข่งขันในรุ่น ST600 ส�าหรับการชิงชัยในสนามต่อไป นักแข่งทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิง่ ทีม” จะลงแข่งขันพร้อมกันทัง้ 2 รุน่ ทีส่ นาม สึกูบะ เซอร์กิต...ทีมงาน FRM จะน�าข่าวมารายงานกันต่อไป
Kawasaki Endurance Round 1 2013 เปิดสนามประลองความอึดของสาวกคาวาซากิ บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์(ประเทศไทย) จ�ากัด ยัง คงเดินหน้าจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์แบบ Endurance ซึง่ เป็นเกมการ แข่งขันทีพ่ สิ จู น์ความอึดทัง้ รถทัง้ คนว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ด้วยระยะ เวลาการขับขีท่ ใี่ ช้เวลานานกว่าการแข่งขันแบบอืน่ ๆ โดยการแข่งขัน Kawasaki Endurance 2013 สนามแรกของปีจดั ขึน้ เมือ่ กลางเดือนพฤษภาคมทีผ่ า่ น มา ณ สนามแข่งรถ Bonanza International Speedway Khao-Yai โดยมีรุ่นที่ท�าการแข่งขันแบบ Endurance ทั้งหมด 2 รุ่น คือ Ninja250 / 1ชั่วโมง และรุ่น KSR / 3ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการแข่งขัน Fun Ride ในรุ่น D-Tracker 250, 650 cc., 1000 cc. ซึ่งมีการแบ่งย่อยลงอีก เป็นรุ่นๆ ทั้ง Stock ,Modify ,Open และรุ่นสื่อมวลชน ส�าหรับการแข่งขัน Kawasaki Endurance 2013 สนามแรกนั้น เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพราะเป็นการแข่งขันทีต่ อ้ งใช้ความเป็นทีมอย่าง มาก นักแข่งต้องมีทั้งฝีมือและความแข็งแรงของร่างกายเพราะต้องขับขี่ เป็นเวลานานนับชั่วโมง และยังต้องสลับกันขี่เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไปและถูก ต้องตามกติกาที่ก�าหนดไว้ โดยสนามนี้มีนักแข่งสุภาพสตรีให้ความสนใจ เข้าร่วมการแข่งขันด้วยเช่นกัน โดยการแข่งขันเป็นไปแบบสบายๆ แดดไม่ แรงเกินไป ถึงแม้จะมีฝนตกลงมาบ้างแต่กไ็ ม่ทา� ให้การแข่งขันหมดความสนุก แม้แต่น้อย ส่วนผลการแข่งขัน Kawasaki Endurance 2013 สนามที่ 1 นั้น สามารถติดตามได้ที่ http://www.kawasaki.co.th For Ride Magazine July 2013
7
UPDATE
สมาร์ทสปอร์ตฯ จัดซิ่งเมืองกาญฯ มือใหม่สุดคึกพาเหรดลงซิ่ง! บริษัท สมาร์ทสปอร์ต โปรโมชั่น จ�ากัด โปรโมเตอร์จัดการแข่งขันรายการ IRC-D.I.D. RIDE FOR LIFE 2013 ได้จัดการชิงชัยในสนาม ที่ 5 ขึ้น ณ สนามแข่ง (เฉพาะกิจ) เอส.เค ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 8-9 มิถุนายน 2556 ซึ่ง ได้รบั การต้อนรับจากบรรดามือบิดหัวใจทางตรง อย่างล้นหลาม ท่ามกลางสภาพอากาศทีร่ อ้ นอบอ้าว โดยยังคงมีการแข่งขันชิงชัยกันครบทั้ง 5 รุ่น รุ่น สมาร์ท โอเพ่น แฮนด์จับบน หรีด 4 (2 จังหวะ) เปิดประเดิมความมันส์ทงั้ มือใหม่ซงิ ซิงและที่ ได้รบั การปลดล็อคลงบูก๊ นั เต็มสูบ โดยแชมป์รนุ่ นีต้ ก เป็นของ เสริมศักดิ์ พลายชุมพล โดยต�าแหน่งท่าน รองเป็นของสุรเชษฐ์ เกตุค�า ต่อด้วยรุ่น สมาร์ท
8
For Ride Magazine July 2013
จูเนียร์ ไม่เกิน 129 ซีซี. 2 จังหวะ(เปิดวัดซีซี.) โดย แชมป์รนุ่ นีจ้ ากสนามทีแ่ ล้วที่ จ.นครราชสีมา อย่าง ชาญณัฐ จันทุรตั น์ ก็มาร่วมลงชิงชัยด้วยเช่นกัน ก่อนจะพลาดท่าเสียแชมป์ให้กบั สุรเชษฐ์ เกตุคา� ใน รอบชิงอันดับ 1 ในรุน่ IRC Street King แบร็คเก็ต 14 วินาที เหล่าบรรดามือใหม่หัวใจทางตรงลง ขี่เทียบเวลากัน ก่อนที่ วัลลภ แสงอ่อน จะคว้า อันดับ 1 ไปครอง รุ่นสมาร์ท สายพาน โปรดักชั่น ลูกสูบ 59 มิล. ช่วงชัก 64 มิล. (เปิดวัด) ซึ่งถือได้ว่าเป็น ไฮไลท์ความเร้าใจ โดยที่ ชาญณัฐ จันทุรัตน กด คันเร่งท�าเวลาดีที่สุด 8.131 วินาที คว้าแชมป์ไป ครอง ก่อนที่จะส่งท้ายการแข่งขันสนามนี้ด้วยรุ่น
IRC Street King แบร็คเก็ต 12 วินาที ซึ่งความ กดดันได้เกิดขึ้นในรอบชิงอันดับ 1 ท�าให้ทั้งผู้ที่ คว้าแชมป์อย่าง เอกราช กวิลหวัง กับ วัชรินทร์ เทพนาง ต่างท�าเวลาได้ไม่ถงึ ตามทีก่ า� หนด ทว่าทาง ด้านของเอกราชท�าได้ 11.981 วิ. ดีกว่าวัชรินทร์ ท�าได้ 11.935 วิ. ส�าหรับการแข่งขัน IRC-D.I.D. RIDE FOR LIFE 2013 สนามที่ 6 จะจัดขึ้นในวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2556 ณ สนามบินค่ายนวมินทราชินี มทบ.14 จ.ชลบุรี ซึง่ ผูท้ สี่ นใจสามารถสอบถามเพิม่ เติมได้ทเี่ บอร์ 0-85 386-4252 และดูรายละเอียด แบบออนไลน์ได้ที่ facebook ค้นหา ไรด์ฟอร์ไลฟ์ หรือ http://rideforlifethailand.hi5.com
ฮอนด้า เอาใจคอบอลอังกฤษจับมือ ซีทีเอช ยิงสดพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลรวด ฮอนด้า เดินกลยุทธ์เสิร์ฟความสนุกอย่าง ต่อเนือ่ ง ล่าสุดประกาศจับมือ ซีทเี อช ร่วมถ่ายทอด สดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลกี อังกฤษ (English Premier League) 3 ฤดูกาลรวด เริม่ ตัง้ แต่ฤดูกาล 2013-2014 จนถึงฤดูกาล 2015-2016 เพือ่ ส่ง มอบความสนุกแบบทะลุจอให้กบั แฟนบอลทัว่ ประเทศ นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จ�ากัด เปิดเผยว่า “ภายใต้
แนวคิด ชีวติ สนุกถ้าไม่หยุดค้นหาอะไรใหม่ๆ ว้าว! ฮอนด้าพร้อมน�าเสนอความสนุกเหนือความ คาดหมายมาสู่คนไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจาก รถจักรยานยนต์ทมี่ คี วามทันสมัย และมีให้เลือก อย่างหลากหลายแล้ว เรายังไม่เคยหยุดนิง่ ในการ ส่งมอบกิจกรรมความสนุกให้กบั คนไทย ล่าสุด เราพร้อมแล้วส�าหรับการต่อยอดความสนุกขึน้ ไปอีกระดับด้วยการจับมือกับทางซีทีเอชร่วม
เจิดมาแน่ นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จ�ากัด (ที่ 2 จากขวา) ร่วมแสดง ความยินดีกับ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล ที่สนามซ้อมเมลวูด ประเทศอังกฤษ ในโอกาสที่เจ้า ตัวจะน�าทัพนักเตะหงส์แดงลงท�าศึกนัดพิเศษกับทีมชาติไทยในวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฏาคมนี้ ที่สนามราชมัง คลากีฬาสถาน โดยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้จัดแคมเปญให้ชาวไทยได้ร่วมลุ้นตั๋วเข้าชมในนัดดังกล่าวฟรี ถึง 500 ที่นั่ง ผ่านกิจกรรม “ฮอนด้า มันส์เลือกได้” เพียงพิมพ์รหัสมันส์ที่ได้รับจาก Honda Wing Center ตามด้วย “L” ส่งไปที่หมายเลข 4221800 ภายใน 13 กรกฏาคม 2556
ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกให้ คนไทยได้ชมกันอย่างเต็มอิ่มอย่างต่อเนื่องถึง 3 ฤดูกาลเต็ม ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีก หนึ่งกลยุทธ์ในการเสริมภาพลักษณ์ความเป็น แบรนด์แห่งความสนุกของฮอนด้าให้แข็งแกร่ง ยิ่งขึ้นไปอีก”
ผีพร้อมลุย นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จ�ากัด (ที่ 2 จากขวา) ร่วม แสดงความยินดีกับ เวยน์ รูนีย์, แอชลีย์ ยัง และ คริส สมอลลิง สามนักเตะดังจากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีส่ นามโอลด์แทรฟฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในโอกาสที่พลพรรคผีแดงจะยกทัพลงท�าศึกนัด พิเศษกับทีมออลสตาร์ไทยพรีเมียร์ลกี ในวันเสาร์ที่ 13 กรกฏาคมนี้ ทีส่ นามราชมังคลากีฬาสถาน โดย รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้จดั แคมเปญให้ชาวไทยได้ ร่วมลุ้นตั๋วเข้าชมในนัดดังกล่าวฟรีถึง 500 ที่นั่ง
ซูซูกิ ส่ง “ซูซูกิ สแมชใหม่!” ตอกย�้าความเป็นที่สุดของรถจักรยานยนต์ “แบบครอบครัว” บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด รุกตลาดรถจักรยานยนต์อีกครั้ง ด้วยการส่ง “ซูซูกิ สแมชใหม่!” รถจักรยานยนต์ครอบครัว 4 จังหวะ เครื่องยนต์สมรรถนะ 110 ซีซี. ขี่ง่าย เสริมความเท่ด้วยลายกราฟฟิกใหม่ มีให้เลือกโดนทัง้ สไตล์สสี วยสดและเลือกโลดแล่นในแบบสีเท่ขรึม พร้อมยืนยัน จุดยืนความประหยัดทุกยุคทุกสมัย สบายกระเป๋าด้วย ขี่ได้ทุกคน ด้วยรูป ทรงที่ทันสมัยออกแบบมา เพื่อให้ใช้งานง่ายที่สุด คล่องตัวสุดๆ “ซูซูกิ สแมชใหม่!” มาพร้อมสุดยอดเครื่องยนต์ ประหยัด ทนจัด คุ้มค่า เครื่องยนต์ ซูซูกิ สแมช ใช้เกียร์วน 4 ระดับ ขี่ง่าย ลื่นไหล ไม่สะดุด พร้อมก้านสูบยาวช่วยประหยัดน�า้ มันเชือ้ เพลิง ช่วยเสริมให้เครือ่ งยนต์ทนทาน ประหยัดนานคุ้มค่า ทั้งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ 6 ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิคพร้อม Coil Spring และ Oil Damper ระบบกันสะเทือนหลังแบบสวิงอาร์มร่วม
กับ Coil Spring เบาะต�่า สูงจากพื้นเพียง 750 มม. เหมาะกับสรีระคนไทย ขี่ ง่าย ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กล่องเก็บของอเนกประสงค์ใต้เบาะใหญ่จุใจ ทั้งยังรองรับน�้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 ขึ้นไป ประหยัดน�้ามันสุดๆ “ซูซูกิ สแมชใหม่!” สีใหม่ ลายโดน ลุคใหม่ กราฟฟิกใหม่ เท่สุดๆ โดนใจ ไปกับ 2 แบบ 2 สไตล์ ให้คุณเลือกแรงได้ทั้ง 2 แบบ ทั้งในแบบดิสก์เบรก ราคา เริ่มต้นเพียง 35,500 มาพร้อม 5 สีสวยสดใส สีขาว, สีน�้าเงิน, สีแดง, สีด�า, สีชมพู…พบกับตัวจริงของ “ซูซกู ิ สแมชใหม่!” ได้แล้ววันนีท้ โี่ ชว์รมู ซูซกู ทิ วั่ ประเทศ For Ride Magazine July 2013
9
UPDATE
ยามาฮ่าเดินหน้าสานต่อแคมเปญ Do>>Innovative โชว์แนวคิด “Yamaha>>Innovative Runway” พร้อมรถแต่งระดับเทพโชว์ในงาน
“Bangkok International Auto Salon 2013”
ยามาฮ่า ประกาศย�า้ ความเป็นผูน้ า� ทุกเทรนด์ เน้นแนวคิดผสานความเป็นสุดยอดเทคโนโลยี กับสุดยอดดีไซน์ทตี่ อบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ยกทัพรถแต่งดีกรีขนั้ เทพ จัดเต็มในงาน “Bangkok International Auto Salon 2013” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Yamaha>>Innovative Runway” ณ Challenger Hall 2 และ 3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 20 – 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายพิทักษ์ ทับทิม ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกิจกรรมการตลาด และประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด กล่าวว่า “ส�าหรับในปีนี้ ยามาฮ่ายังคงไม่หยุดนิ่งที่จะคิดและ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่รักการขับขี่ และรักการ ตกแต่งรถจักรยานยนต์ของตน สะท้อนความเป็นตัวตน และเกิดเป็นแฟชั่นที่นิยมกันใน หมูน่ กั แต่งรถ จึงเป็นทีม่ าของ Concept “Innovative Runway” เส้นทางทีก่ อ่ ก�าเนิดความ แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมขัน้ เทพของรถจักรยานยนต์ ทีย่ ามาฮ่าได้พฒ ั นาอย่างต่อเนือ่ งกับแฟชัน่ การตกแต่งรถในสไตล์ตา่ งๆ ทีม่ เี อกลักษณ์เฉพาะ ตน ท�าให้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าครองใจนักขับขีไ่ ด้เสมอมา ถือเป็นเทรนด์แฟชัน่ ทีท่ นั สมัยใน กลุม่ คนรักรถจักรยานยนต์ และภูมใิ จทุกครัง้ ทีไ่ ด้อวดโฉมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าของตนบน ท้องถนน ยามาฮ่ามุง่ มัน่ ทีจ่ ะสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยี อย่างต่อเนือ่ ง เพือ่ ให้ผขู้ บั ขีม่ นั่ ใจ และเป็นผูน้ า� เทรนด์ตวั จริง เสมือนกับวิถขี องยามาฮ่า Do>>Innovative” ส�าหรับพื้นที่น�าเสนอนวัตกรรมรถจักรยานยนต์ตกแต่งดีกรีขั้นเทพแบ่งเป็น 3 โซน หลักๆ ได้แก่
10 For Ride Magazine July 2013
โซนรถจักรยานยนต์ตกแต่ง โซนโชว์รถจักรยานยนต์ตกแต่งระดับเทพ พื้นที่พิเศษกับชุดตกแต่งชั้นเซียน สร้างสรรค์ขนึ้ เพือ่ งานนีโ้ ดยเฉพาะ ซึง่ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ รถจักรยานยนต์ สแตนดาร์ดตกแต่งหลากหลายรุ่นทั้งสไตล์เทรนดี้ เช่น All New Fino หัวฉีด, TTX หัว ฉีด, FILANO หัวฉีด, Spark 115 หัวฉีด, MIO 125 หัวฉีด, NOUVO SX หัวฉีด และ Spark 135 หัวฉีด ส่วนที่สองรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ตกแต่งสไตล์ เอ็กซ์ไซติ้ง ได้แก่ FJR1300, XT1200 SUPER TENERE, YZF-R1, FZ1, FZ8-N, TMAX และ YZF-R6 รถจักรยานยนต์ของ 2 นักแข่ง ดีกรีแชมเปีย้ นจากสนามแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ จากญี่ปุ่นในรายการ 2012 MFJ All Japan Road Race Championship ของ เดชา ไกรศาสตร์ และเฉลิมผล ผลไม้
โซนเทคโนโลยี สุดยอดเทคโนโลยีส�าหรับรถจักรยานยนต์จากยามาฮ่า ซึ่งจัดแสดงเครื่องยนต์ผ่า (Cut Engine) ของ YAMAHA All New Fino หัวฉีด และ NOUVO SX หัวฉีด ที่โชว์ เทคโนโลยีความทนทานขั้นเทพจากกระบอกสูบ DiASil ผสานเทคโนโลยีความอัจฉริยะ และ ประหยัดขัน้ เทพของระบบหัวฉีด YMJet_FI ลิขสิทธิห์ นึง่ เดียวของยามาฮ่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ Innovative Technology
โซนอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่ง น�าเอาอะไหล่และชุดตกแต่งรถจักรยานยนต์ของแท้จากยามาฮ่า พร้อมเครื่องแต่ง กาย ลิมิตเต็ดคอลเล็คชั่นของยามาฮ่า ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ มาให้เลือกเข้ากับไลฟ์ สไตล์สมกับที่เป็นผู้น�าเทรนด์ตัวจริง
นอกจากนี้ ส�าหรับลูกค้าทีซ่ อื้ รถจักรยานยนต์บกิ๊ ไบค์ยามาฮ่าภายในงาน “Bangkok International Auto Salon 2013” จะได้รับดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 3.75% ต่อปี ระยะ เวลาผ่อนช�าระนาน 18-48 เดือน พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้น 1 (1ปี), รับฟรีคูปอง อุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์มูลค่า 20,000 - 35,000 บาท และคูปองเติมน�้ามัน มูลค่า 1,000 บาท อีกด้วย ก่อนที่จะปิดท้ายงานในวันที่ 30 มิถุนายน ด้วยคอนเสิร์ต จากแรพเปอร์ระดับเทพของเมืองไทย “Buddha Bless” ที่มาสร้างสีสันและระเบิดความ มันแบบจัดเต็มจากยามาฮ่าอีกด้วย
For Ride Magazine July 2013 11
Hot Pick of Month
Shadow Blade New
Suzuki
Shogun
Axelo R125 FI
“คมมีดจากเงามืด” อาหละไม่ต้องตกใจไปครับ...เราไม่ได้มาทดสอบอุปกรณ์ ฆ่าฟันใคร แต่มันคือ “อาวุธลับ” มันคือแสนยานุภาพ ที่หลายคนอาจมองข้ามหรือหลงลืมมันไป...มันคือ New Suzuki Shogun Axelo R 125FI (ชื่อยาวได้อีก) รถเกียร์สไตล์ ครอบครัวตัวสปอร์ตที่ซ่อน “ของดี” ไว้แน่นเต็มคันรถแต่กลับ ถูกหลายคนลืมมันไว้ในเงามืด เหมือนดาบที่ไม่เคยถูกใช้แต่กลับมี ความคมพร้อมรบอยู่เสมอ...วันนี้แหละเราจะขอหยิบเจ้า Shogun Axelo คันนี้ออกมาจากเงามืดแล้วเผยให้เห็นความคมของมัน!
Take a closer look! มาดูใกล้ๆ สิ!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือน 8 ปีที่แล้ว (2012) กับ Suzuki Axelo R 125FI ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นน้องล้อ ซี่ลวดอย่าง Shogun Axelo ซึ่ง....รุ่น Shogun Axelo R 125FI ที่มาพร้อมล้อแม็ก 10 ก้าน (หรือ 5 ก้านใหญ่) นั้น โดนใจเรามาตั้งแต่การทดสอบ Bike of The Year 2013 แล้ว ครับ สเป็คเครื่องยนต์คร่าวๆ มีดังนี้ เครื่องยนต์ 124 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ SOHC ก�าลังอัด 9.6:1 ใช้ระบบ หัวฉีดพร้อมเทคโลยีกระบอกสูบ SCEM (Suzuki Composite Electrochemical Material) หรือกระบอกสูบที่เคลือบด้วย กระบวนการทางเคมีและไฟฟ้านั่นแหละ งานนี้มั่นใจในความทน ของกระบอกสูบ SCEM ได้เลยครับ เพราะเค้าใช้กันมานานแล้ว โดยเฉพาะในรถเจ๋งๆ อย่าง BMW จุดเด่นภายในเครื่องที่เป็น เอกลักษณ์ของซูซูกิทุกรุ่นก็คือ “กรองน�้ามันเครื่อง” ซึ่งชาว ต่างจังหวัดและผู้ใช้ที่ไม่ชอบเปลี่ยนน�้ามันเครื่องอาจถูกใจในจุดนี้ มาดูกันต่อที่รูปลักษณ์ภายนอก...ไฟหน้าคู่ผสานความ “หล่อ” ด้วยไฟหรี่สีฟ้าตรงกลางหน้าผาก แฟริ่งด้านหน้าลู่ลมตามหลัก 12 For Ride Magazine July 2013
แอโรไดนามิก (อากาศพลศาสตร์) ชิ้นบังโคลนหน้าดูรวม เป็นหนึ่งเดียวกับแฟริ่งส่งผลให้ล้อดูลอย...แต่ปัญหานี้จะ หมดไปเมื่อขึ้นนั่งคร่อม (เพราะเราจะไม่เห็นตัวเองจากด้าน ข้าง...ฮา) หมดเวลาไร้สาระ ได้เวลามาดูกันต่อที่ช่วงหลัง... ไฮไลท์ของเจ้า Shogun Axelo R (อ่านว่า โช-กัน แอ๊ค-เซโล่ อา) อยู่ที่ระบบดิสก์เบรกหลัง แม้จะไม่ใช่เจ้าแรกที่น�าเอา ดิสก์เบรกมาใส่ด้านหลัง แต่เราว่ามันก็เจ๋งดีนะที่ไม่ต้องเจอ กับอาการ “หอน” ของดรัมเบรกรวมถึงความ “ดีเลย์” ของระบบเบรกแบบดรัม มาต่อกันที่ยาง...เมื่อจัดใส่แม็กไซส์ ใหญ่มาก็ต้องจัดยางใหญ่ไป (หน้า 70/90 หลัง 80/90 ขอบ 17 นิ้ว)…ส�าหรับข้อมูลเทคนิคเพิ่มเติมไปดูในแคตตา ล็อค (ล้อเล่นครับ เดี๋ยวมีสรุปตอนท้ายอีกที) For Ride Magazine July 2013 13
Beware of Revenging Performance จงระวังการแก้แค้นของพละก�าลัง
ถึงชื่อมันอาจจะฟังดูโอเว่อร์แต่มันเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อฟัง เสียงเครื่องยนต์หลังจากลองสตาร์ทแล้วดูเหมือน...เจ้า Shogun Axelo R คันนี้ต้องแอบเก็บอะไรซ่อนไว้แน่ๆ วิธีเดียวที่จะได้รู้ก็คือลองหวดดูซัก ร้อยกิโลเมตร (มาตรฐานขั้นต�่าในการทดสอบของ FRM) สตาร์ทการ ทดสอบจากหน้าศูนย์บัญชาการ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด ก่อน จะวิ่งยิงยาวไปยัง “เขื่อนขุนด่านปราการชล” ทันทีที่ตรวจเช็คความ พร้อมของรถและนักทดสอบเรียบร้อย...การทดสอบ Hot Pick of Month ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ จากหน้า บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด เรามุ่งหน้าไปตามถนนรังสิต-นครนายก ฝ่าการจราจรระดับปาน กลาง ใครที่เคยวิ่งสายรังสิต-นครนายกคงรู้กันดีว่าแม้ถนนจะเป็นทาง ตรงแต่ก็มีอุปสรรคเป็นรถชาวบ้านที่เลี้ยวเข้าหรือออกจากซอยแบบ “อิสระ” นั่นท�าให้เราต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในช่วงวิ่งผ่านตัว เมืองเราได้ทดสอบความคล่องตัวของรถด้วยการลัดเลาะไปตามช่องว่าง ระหว่างคันรถ ดูเหมือนแฮนด์ที่กว้าง (70 ซม.) พร้อมองศาแฮนด์ที่สูง ก�าลังดีรวมถึงท่านั่งตลอดจนพักเท้าและเบาะที่สามารถสไลด์ตัวไปมาหน้าหลังได้อย่างอิสระ (เบาะหนึบดีเมื่อเจอกับชุดหนัง) เมื่อทั้ง 3 ส่วนรวม กันท�าให้ท่านั่งของ Axelo ลงตัวพอดี...แต่ดูเหมือนรถครอบครัวสไตล์ สปอร์ตคันนี้จะถูกออกแบบมาให้สามารถนั่งได้ทั้งแบบขับขี่จ่ายตลาดและ นั่งหมอบแบบเรซซิ่ง....เพื่อสนับสนุนค�าพูดดังกล่าว เราจึงลองนั่งท่าที่ ชิลล์ที่สุดก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่านั่งแบบหมอบหลบลมสไตล์เรซซิ่ง พื้นที่นั่ง คนขี่โดยเฉพาะช่วงแฮนด์ไม่เบียดชิดจนติดเข่า ส่วนช่วงเบาะก็ไม่ใหญ่เทอะทะ จนท�าให้รู้สึกไม่เป็นหนึ่งเดียวกับรถ แม้จะเปลี่ยนท่านั่งเป็นการ “ผสาน” ร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเพื่อท�าความเร็วและทดสอบการทรงตัว ของรถ..เราพบว่า Axelo R ยังคงวิ่งได้นิ่งและแทบไม่ออกอาการส่าย (การเช็คลมยางหน้า-หลังให้ถูกต้องตามหลักการเติมลมจะช่วยให้สามารถ เรียกสมรรถนะที่แท้จริงของรถออกมาได้) แม้ก้นของนักทดสอบจะสไลด์ ไปจนเกือบถึงท้ายรถแต่เมื่อลดระดับร่างกายลงมาให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัว รถแล้วเรากลับพบว่าบาลานซ์ของตัวรถแทบไม่แตกต่างจากการนั่งขี่แบบ ชิลล์ๆ เลยทีเดียว หน้ายางขนาดใหญ่หน้า-หลังช่วยเพิ่มความมั่นคงและ เสริมการทรงตัวในจังหวะพลิกรถซ้าย-ขวาได้ดี...ทางตรงทรงตัวดี-ท่า นั่งได้อารมณ์สปอร์ต...แล้วความแรงล่ะ?
14 For Ride Magazine July 2013
Discovering the performance ค้นพบสมรรถนะ
อย่าคิดว่ารถครอบครัวนั้นไม่แรง! เพราะ Axelo R คันนี้โดด เด่นกว่าใครในด้านพละก�าลังวัดจากการออกตัวจากไฟแดงพร้อมๆ กัน...สับเกียร์ 1 ก่อนสัญญาณไฟจะสิ้นสุดลง (แหม...ท�าเป็นออกตัว MotoGP) เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเราก็บิดคันเร่งทะยาน ออกตัวไปก่อนใคร คันเร่งที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 80-90% ก่อนจะเปลี่ยน เกียร์อีกครั้ง ช่วงแรกทดสอบเบาๆ ด้วยการลากเกียร์ 1 ก่อนจะสับ เปลี่ยนเกียร์ใหม่ที่ความเร็ว 30 กม./ชม. แล้วเปลี่ยนเกียร์ 3 และ 4 อีกครั้งที่ความเร็ว 60 และ 80 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดที่เกียร์ 4 อยู่ที่ 110 กม./ชม. นั่นคือทางเลือกแรกส�าหรับผู้ใช้ขาชิลล์ แต่ ส�าหรับขาโหดที่ชอบลากเกียร์จนสุดความเร็วของแต่ละเกียร์ ท่าน สามารถลากเกียร์ 1 ได้จนถึง 40 กม./ชม. เกียร์ 2 ที่ 70 กม./ ชม. (ถ้าใช้ในเมือง...แค่เกียร์ 2 ก็สุดไฟแดงแล้วครับ) เกียร์ 3 ที่ 90 กม./ชม. และส�าหรับผู้รักความเร็ว-แรงทั้งหลาย..คุณสามารถหมอบ ลงเล็กน้อยแล้วเจ้า Axelo R คันนี้ก็พร้อมจะพาคุณพุ่งทะลุความเร็ว 130 กม./ชม. ได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่กล่องควบคุมตัด ความเร็วไว้แค่ 130 กม./ชม. แต่ลองคิดดูว่าขนาดนักทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 90 กก. + ชุดหนังอีก 10 กก. ยังสามารถท�าความ เร็วได้ถึง 130 กม./ชม. แล้วถ้าผู้ใช้ที่ตัวเล็กกว่านี้คงท�าความเร็วได้ ไม่ยากและคงรู้สึกแบบเดียวกับเราว่า “Axelo R คันนี้ซ่อนสมรรถนะ รอให้เราเค้นมันออกมา” ในส่วนของอัตราเร่ง...Axelo R นั้นจะเน้น ที่ก�าลังรอบกลาง-ปลาย เรียกว่าช่วงของการบิดแซงระหว่างเกียร์ 2 – 3 นั้นจะเริ่มแรงขึ้นเมื่อถึงรอบกลางหรือปลายขึ้นไป สังเกตได้ จากความเร็วในช่วงเกียร์ 3 ต่อเนื่องถึงเกียร์ 4 ที่สามารถไหลไปได้ ถึง 120-130 กม./ชม. อัตราเร่งแบบนี้น่าจะถูกใจคนที่ต้องเดินทาง ไกลหรือใช้งานในต่างจังหวัด เราล็อคคันเร่งไว้ที่ 130 กม./ชม. เป็น ระยะทางกว่า 60 กม. จนกระทั่งพบว่าการบิดคันเร่งสุดปลอกตลอด ทางท�าให้อัตราการบริโภคน�้ามันพุ่งขึ้นสูง...จากที่วัดคร่าวๆ พบว่า น�้ามัน 1 ถังเต็มความจุ 4.3 ลิตร (ค่อนข้างเล็ก) นั้นสามารถวิ่งแบบ โหดๆ ได้ประมาณ 85-90 กม. (ขึ้นอยู่กับน�้าหนักและส่วนสูงของผู้ ขี่ด้วยเช่นกัน) สรุปแล้วต่อให้เป็นระบบหัวฉีดแต่ตัวผู้ขี่หนักถึง 100 กก. แถมยังซัดสุดปลอกตลอดทาง...ยังไงก็คงต้องมีกินน�้ามันกัน บ้างหละครับ
Hot Pick of Month ข้อมูลทางเทคนิค เครื่องยนต์ : กระบอกสูบxช่วงชัก : อัตราอัด : ระบบเชื้อเพลิง : เกียร์ : โช้คหน้า : โช้คหลัง : เบรกหน้า : เบรกหลัง : ล้อหน้า : ล้อหลัง : มุมคาสเตอร์/ระยะเทรล : กว้างxยาวxสูง : ระยะห่างฐานล้อ : ท้องรถถึงพื้น : ความจุถังน�้ามัน :
Beating Bends With Extraordinary Suspension ตะลุยโค้งด้วยช่วงล่างทีไ่ ม่ธรรมดา
หลังจากทดสอบความเร็วทางตรงอัตราเร่งและท่านั่งไปแล้ว ช่วงต่อจากนี้คือความชื่น ชอบของเรา “การเทสต์โค้ง” เป้าหมายของเราคือการทดสอบทางโค้งและโค้งขึ้น-ลงเขาของ “เขื่อนขุนด่านปราการชล” ใช่แล้วครับ! เลี้ยวขวาแยกจากถนนเลียบคลองก่อนจะเจอกับทาง ขึ้นมายังเขื่อน แม้โค้งของถนนขึ้นไปยังเขื่อนจะมีไม่มากและระยะทางรวมแล้วแค่ไม่กี่กิโลเมตร...แต่ ด้วยหน้าที่นักทดสอบท�าให้เราถือโอกาสทดสอบวิ่งขึ้นลงเขื่อนอยู่ประมาณ 20 รอบจนสามารถ สรุปเกี่ยวโช้คให้แฟนๆ FRM ฟังได้ดังนี้ครับ
124 ซีซี. ระบายความร้อน ด้วยอากาศ SOHC 4 จังหวะ 53.5 x 55.2 มม. 9.6:1 หัวฉีด เกียร์วน 4 ระดับ เทเลสโคปิค แบบสปริง ดิสก์เบรก ดิสก์เบรก 70/90 ขอบ 17 80/90 ขอบ 17 27°/ 70 มม. 715x1,895x1,075 มม. 1,220 มม. 135 มม. 4.3 ลิตร
Suspension Tech-Spec โช้คหน้า ระยะยุบ 85 มม. ระยะ SAG ของนักทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 90 กก. + ไรดิ้งเกียร์ 10 กก. = 40 มม. ค�านวน SAG = 47% (สันนิษฐานว่าเกิดจากโช้ค หลังแข็งท�าให้น�้าหนักกดลงมาที่โช้คหน้าเยอะ) โช้คหลังไม่สามารถวัดจากแกนได้เราจึงค�านวน ด้วยการวัดจากการยุบของช่วงท้ายรถ ระยะ SAG ของโช้คหลังอยู่ที่ประมาณ 20% สรุปจากค่า SAG ได้ว่า Axelo R ถูก ออกแบบมาบนพื้นฐานของความเป็นรถครอบครัว ซึ่งค�าว่า “ครอบครัว” หมายความว่าใช้ได้ทั้ง ครอบครัวและอาจหมายถึงการนั่งซ้อนแบบ ครอบครัว...เพราะฉะนั้นโช้คหลังที่มีระยะยุบแค่ 20% ก็ถูกต้องและส่งผลดีกับคนตัวใหญ่หรือการมีผู้ ซ้อนด้านหลัง ส�าหรับคนขี่ตัวใหญ่ถ้าจัดท่านั่งให้ ถูกต้องในลักษณะของการสไลด์ตัวไปด้านหลังเล็ก น้อย...น�้าหนักที่เคยกดที่โช้คหน้าจะถูกกระจายไปที่ โช้คหลัง และเมื่อรถออกวิ่งน�้าหนักจะยิ่งถูกถ่ายไป ที่โช้คหลังมากขึ้นท�าให้ระยะ SAG ของโช้คหน้าและ หลังบาลานซ์กันอย่างลงตัวในที่สุด ต่อมาเป็นการ ทดสอบช่วงล่างบนพื้นผิวต่างๆ...
Truck’s Hole
หลุมนรกรถสิบล้อ
Not that smooth road
บนพืน ้ ถนนทีไ่ ม่ได้เรียบมากนัก บนถนนลาดยางที่ดูเหมือนจะปกติแต่กลับมีร่องรอย การเบรกของรถสิบล้อ เจ้า Axelo R คันนี้สามารถวิ่งผ่าน ด้วยความเร็ว 100-120 กม./ชม. โดยที่แทบไม่รู้สึกสะเทือน แม้แต่น้อย ส่วนนี้ต้องขอบคุณเบาะที่นุ่มก�าลังดี (แต่เมื่อนั่ง นานก็เมื่อยหลังเหมือนกัน)
ส่วนมากผู้ใช้รถ 2 ล้อจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหลุมรถสิบล้อ แต่เรากลับ “พุ่ง” ลงหลุมอย่างเบิกบาน ผลการทดสอบออกมาเป็น “โช้คกระแทกจนสุดแต่ไม่เสีย การทรงตัว” ถ้าดูเป็นภาพ Slo-Motion โช้คหน้าจะตกลงหลุมก่อนแต่กระเด้งกลับขึ้น พ้นจากหลุมอย่างรวดเร็ว ทิ้งน�้าหนักที่เหลือให้กับโช้คหลัง ซึ่งโช้คหลังเมื่อเจอกับหลุม ใหญ่และลึกจะยุบลงไปจนสุดระยะ...เมื่อโช้คยุบลงไปจนสุดระยะท�าให้แรงกระแทกส่งผ่านมา ถึงก้นของนักทดสอบ แต่ไม่ว่าโช้คจะยุบลงไปเร็วและแรงแค่ไหน สมดุลย์และการทรงตัว ของ Axelo R ยังคง “แน่น” ไม่ออกอาการส่ายให้ต้องลุ้น...สรุปแล้วหลุมสิบล้อผ่าน ได้สบายครับ...แต่อย่าไปลงมันเลย! For Ride Magazine July 2013 15
Hot Pick of Month
Broken Bridge
คอสะพานหักรักร้าวสาวไม่มอง ชื่อหัวข้อไม่ค่อยจะเกี่ยว...แต่คอสะพานหักๆ เป็นอีก หนึ่งอุปสรรคที่ระบบช่วงล่างต้องผ่านไปให้ได้! และเป็นอีก ครั้งที่โช้คหน้าและหลังของ Axelo R ประสานพลังกันได้ อย่างลงตัว...โดยทั่วไปส�าหรับโช้คเดิมๆ ติดรถจากโรงงาน มักจะชอบ “ดีด” จนตัวผู้ขี่ลอยเมื่อเจอกับคอสะพานที่ ความเร็วสูง แต่จุดที่ระบบช่วงล่าง Axelo R แตกต่างก็คือ เมื่อเราพุ่งเข้าหาคอสะพานด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. รถ และคนจะลอยขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วในช่วงวินาทีเดียวกันนั้น โช้คจะดีดตัวเองกลับมารองรับการแระแทกของจังหวะลง สัมผัสกับพื้นอีกครั้ง เรียกว่าขึ้นและลงอย่างนุ่มนวล (อย่าง น้อยรถก็ไม่ทิ้งให้เราลอยอยู่คนเดียว)
In the curve ณ ในโค้ง
จุดสุดท้ายที่เราต้องทดสอบคือความสามารถในการเข้าโค้ง...ทางขึ้นเขื่อนขุน ด่านปราการชลมีระดับความชันไม่มากไม่น้อยแถมมีโค้งมาคอยรองรับความต้องการ การขับขี่สไตล์มันส์ๆ ของเรา ความเร็วที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 60-80 กม./ชม. ส่วน มากจะใช้เกียร์ 2 ไล่ขึ้นไปแล้วตามด้วยเกียร์ 3 ส�าหรับทางชันไม่มาก ในโค้งที่ความเร็ว ประมาณ 80 กม./ชม. ช่วงล่างของ Axelo R ให้การทรงตัวที่ดีไม่ออกอาการย้วย หรือสับให้เห็น หน้ายางขนาดใหญ่และล้อแม็กเป็นอีกตัวช่วยให้เรารู้สึกสนุกไปกับการ โหนเข้าโค้งในแบบที่รถครอบครัวไม่น่าจะมีความสามารถแบบนี้แฝงอยู่ เมื่อช่วงล่าง-ยาง ดีและพักเท้าที่ยกสูงจากพื้นจนท�าให้การเข้าโค้งโหดๆ แทบต้องกังวลเรื่องพักเท้าว่าจะ ครูดพื้น...ทั้งหมดนี้ท�าให้เราสามารถสรุปได้ว่าช่วงล่างของ Axelo R นั้นพร้อมพา คุณพิชิตโค้งได้ทุกรูปแบบจริงๆ เมื่อความเร็วได้ที่ แรงดันลมยางถูกต้องรวมถึงการ ควบคุมคันเร่งที่สัมพันธ์กันจะช่วยให้ Axelo R พาคุณสนุกไปกับโค้งด้วยสมรรถนะแบบ สปอร์ตที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกของความเป็นรถครอบครัว...
Rear Disk Brake save the day ดิสก์เบรกหลังช่วยชีวต ิ
อีกจุดเด่นที่ถ้าเราไม่พูดถึงคงโดนแฟนๆ ซูซูกิรุมประนามแน่ๆ นั่นก็คือระบบเบรก....พระเอกของงานี้คงจะเป็น “ดิสก์เบรกหลัง” ที่ แปลกแหวกแนวจากรถ Suzuki รุ่นไหนๆ ที่มีในท้องตลาด ข้อดีของ การใช้ดิสก์เบรกหลังแทนดรัมเบรกก็คือความ “ปลอดภัย” แน่นอน ว่าของดิสก์เบรกหลัง *ถ้าใช้อย่างถูกวิธี* แล้วล่ะก็มันจะเพิ่มความ ปลอดภัยให้อย่างมากเลยทีเดียวครับ ช่วงแรกส�าหรับคนที่ยังไม่ชิน กับการใช้เบรกหลังแบบดิสก์เราแนะน�าให้ลองเหยียบแบบ “กระเดื่อง กลอง” ด้วยการเหยียบเบาๆ แต่ย�้าลงไปถี่ๆ ลักษณะจะคล้ายกับ ระบบ ABS ที่ไม่ได้จับจานเบรกให้หยุดในทีเดียว แต่จะค่อยจับปล่อย จับปล่อยไปเรื่อยๆ วิธีนี้นอกจากช่วยไม่ให้ล้อหลังล็อค (เพราะจาน ดิสก์หลังใหญ่เท่าจานดิสก์หน้าส่งผลให้ก�าลังแรงเบรกสูงจนน่า กลัว) ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. เมื่อผสานการท�างานของเบรก หน้าและหลังเข้าด้วยกันก็พบว่าก�าลังแรงเบรกทรงประสิทธิภาพจาก ระบบเบรกช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเบรกและช่วยให้ระยะเบรกสั้น ลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งถ้ารวมการใช้เบรกหน้า-หลังเข้ากับ Engine Brake (เบรกเครื่องยนต์ = การผ่อนคันเร่ง หรือเปลี่ยนเกียร์ลงให้ ต�่ากว่าเดิม) ยิ่งท�าให้การขับขี่ Axelo R สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น 16 For Ride Magazine July 2013
In the conclusion บทสรุปความแรง
หลังจากขึ้นลงๆ ภูเขา (ทางขึ้นเขื่อนขุนด่านฯ) อยู่หลายสิบรอบ ในที่สุดเราก็สามารถสรุปได้ว่า Suzuki Shogun Axelo 125R เป็นของดีที่ถูกลืม...มันเหมือน กับดาบซามูไรที่คมกริบพร้อมรบแต่ถูกเก็บอยู่ในฝัก และไม่มีใครสนใจมัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ดึงมันออกมาจาก มุมมืดมันก็พร้อมลุยด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นรอบตัว ไม่ ว่าจะเป็นบอดี้ที่ถูกออกแบบมาให้เพรียวแบบสปอร์ตแต่ นั่งสบายแบบรถครอบครัว เครื่องยนต์ 125 ซีซี. ทรง พลังแถมช่วยประหยัดน�้ามันด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ล้อแม็ก และระบบดิสก์เบรกหน้า-หลัง รวมถึงยางไซส์ ใหญ่ที่ถูกใส่เข้ามาเอาใจคุณผู้ชายอารมณ์เรซซิ่งหรือ คุณผู้หญิงที่ต้องการความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบ ช่วงล่างที่รองรับการใช้งานได้หลากหลายและขี่สบาย เมื่อนั่งคนเดียว แม้ว่าชื่อ Suzuki Shogun Axelo 125R อาจฟังดูไม่ค่อยคุ้นหูคุณเท่าไหร่ แต่ต่อไปนี้เจ้า รถครอบครัว 4 เกียร์สไตล์สปอร์ตคันนี้แหละจะเข้ามา เป็นหนึ่งในตัวเลือกของผู้ที่ก�าลังมองหารถครอบครัวที่ เพียบพร้อมด้วยของดีรอบคัน ลองดูด้วยตัวคุณเอง... แล้วจะรู้ว่าเจ้า Axelo R คันนี้โหด-เร็ว-แรงกว่าที่คุณคิด!
FRM Score
Rider’s report
Oat สกิล : Intermediate รายงานจากนักทดสอบ สูง 189 ซม. หนัก 90 กก. “กราบขอโทษแฟนๆ ซูซูกิเนื่องจากเมื่อครั้งที่ทดสอบในงาน Bike of The Year 2013 เราไม่มีโอกาสได้ลองท�าความเร็วสูงสุด...ที่ได้ลองหนักๆ ก็มีช่วงล่างและการเข้า โค้ง...แต่เมื่อได้ลองออกตัวจากไฟแดงพร้อมหวดทางตรงดูก็ได้รู้ว่ามันแรงและมีอัตรา เร่งที่ดีจนน่าตกใจ...ยิ่งได้รู้ว่าก�าลังแรงเครื่องมันจะมาตอนรอบกลาง-ปลายแบบนี้...ถ้า ลองได้ทดสเตอร์ให้มันเล็กลงคงจะดีดดีไม่น้อยเลยหละ รถเดิมๆ ออกวิ่งต่างจังหวัด สบาย ไหลยาวๆ ลากเนียนๆ แต่ที่น่าน้อยใจก็คือกล่องเก็บของใต้เบาะที่ใส่ได้แค่กระเป๋า ตังค์ มือถือ และข้าวกล่องอีก 1 กล่อง..ความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. ดูไม่ค่อยน่าเชื่อ เท่าไหร่ แต่มันก็เร็วจริงๆ นั่นแหละครับ...ของแบบนี้ต้องลองดูเองถึงจะรู้!”
เครื่องยนต์ : 6/5 นุ่มเงียบดีมีเทคโนโลยี SCEM (+1 ให้กรองน�้ามันเครื่องยนต์) อัตราเร่ง : 4/5 ต้นไม่ค่อยพุ่งแต่กลางเร่งดีส่วนปลายไหลเรื่อยๆ ระบบเชื้อเพลิง : 5/5 หัวฉีดไม่มีค�าว่างอแงแม้จะเจอกับการขี่โหดๆ การควบคุม : 5/5 พลิกรถซ้ายขวาได้เร็ว, สนุกและปลอดภัย ท่านั่ง-แฮนด์ : 5/5 แฮนด์กว้างควบคุมง่าย ท่านั่งสบายๆ สไตล์รถครอบครัว เบาะ นุ่มไปนิดเมื่อนั่งนานๆ พักเท้าดีแต่น่าจะมีตัวกันความร้อนที่เครื่องยนต์ เบรก : 6/5 (+1 ให้ดิสก์เบรกหลัง) แม้จะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ส�าหรับรถครอบครัว ในตลาด แต่การมีดิสก์เบรกหลังให้ใช้ก็นับว่ายอดเยี่ยม โช้ค : 5/5 โช้คนุ่มหนึบดีไว้ใจได้ในทุกสถานะการณ์ ยาง : 4/5 บนพื้นถนนแห้งเกาะถนนได้ดี แต่บนพื้นเปียกอาจต้องระวัง ดีไซน์ : 5/5 ด้านหน้าดูจิกเหมือนนกด้านข้างเพรียวไม่เทอทะด้านหลัง ออพชั่น : 3/5 กล่อง U-Box เล็กมากใส่ได้เฉพาะของที่จ�าเป็น ไม่มีเซ็นเซอร์ขาตั้ง ราคา : 4/5 ราคาหน้าร้านประมาณ 53,500-54,000 บาท ถือว่าคุ้มค่า แม้ว่าอาจ จะดูสูงไปซักหน่อย
For Ride Magazine July 2013 17
Hot Pick of Month
18 For Ride Magazine July 2013
New
SYM Joymax 300i
“The Hovering Couch”
“น้องจอยโซฟาถลาลม” From the past : จากอดีต...
จัด
กันไปให้เต็มอิ่มกับบททดสอบรถ รุ่นล่าสุดสดๆ ร้อนๆ จากโรงงาน SYM… มันคือ SYM Joymax 300i บิ๊กสกู๊ตเตอร์ ที่ใครๆ ก็ฝันถึง โดดเด่นด้านความสะดวก สบายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละก�าลัง ดูสุขุม น่าค้นหา แถมราคาล่อตาล่อใจที่ 15x,xxx... FRM ขอเชิญพบกับ SYM Joymax 300i “The Hovering Couch” ได้เลยคร๊าบ
ก่อนจะเจาะลึก “น้องจอย” Joymax 300i เรามาดูที่มาของมันกันก่อนดีกว่า บริษัท SYM หรือชื่อเต็มว่า “Sanyang Industrial” (อ่าน ซาน-ยาง) เป็นค่ายรถสัญชาติไต้หวัน แท้ๆ แรกเริ่มเดิมทีเปิดเป็นโรงงานท�าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จ�าพวกตัวปั่นไฟส�าหรับไฟหน้า จักรยาน ต่อมาในปี 1962 ได้จับมือกับ Honda เพื่อผลิตรถ 50-160 ซีซี. ออกขายใน ไต้หวัน เพราะเหตุนี้ Sanyang ในสมัยนั้นจึงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์ท้องถิ่นที่ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 30 % ต่อมาในปี 1969 Sanyang ก็เริ่มขยับ ขยายไลน์สินค้าด้วยการเริ่มผลิตรถยนต์โดยยังคงร่วมมือกับ Honda ในปี 2002 เมื่อ ปัญหาเรื่องการตลาดเกิดขึ้นระหว่าง 2 บริษัทดังกล่าว ท�าให้ทั้ง 2 ต้องแยกทางกันในที่สุด ในเวลาเดียวกันนั้นเอง Sanyang ได้ร่วมมือกับ Hyundai และผลิตรถขายในไต้หวันจนถึง ทุกวันนี้ เมื่อเริ่มผลิตรถมอเตอร์ไซค์ Sanyang ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Sanyang Motors of Taiwan ปี 1976 SYM เริ่มผลิตและใช้กระบอกสูบอัลลอย ปี 1982 SYM เริ่มกระจาย ตลาดด้วยการส่งรถมอเตอร์ไซค์ไปยังประเทศโดมินิกัน ปี 1992 SYM จับมือกับ VEMP ใน เวียดนาม ก่อนจะเป็นพันธมิตรกับ Xiashing Motorcycle และ Qingzhou Engineering Industry ต่อมาในปี 2000 SYM ก็ได้เป็นเจ้าของบริษัททั้ง 3 บริษัทที่เคยจับมือกัน นั่น ท�าให้ปี 2001 SYM สามารถเริ่มการผลิตเครื่องยนต์ที่ประเทศเวียดนามได้เป็นครั้งแรก… ตลอดเวลาที่ผ่านมา SYM ได้ส่งออกรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ไปทั่วโลกในปี 2011 ที่ Maxsym400i รถตระกูล Big Scooter ได้เปิดตัวและเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก...แม้ SYM จะ เป็นแบรนด์ไต้หวันแท้ๆ แต่กลับถูกหลายคนมองว่า “ก็เหมือนรถจีนนั่นแหละ” แต่จากตัวเลข ยอดขายและจ�านวน “รีวิว” ที่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะในประเทศโซนยุโรปรวมถึงอเมริการีวิว และให้คะแนนไว้นั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า SYM เป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ระดับ “Top-Shelf” (ระดับท็อปคลาส) มีนักทดสอบบางคนถึงกลับบอกว่า SYM เป็นรถทางเลือกส�าหรับคนที่ เบื่อรถญี่ปุ่นหรือรถอิตาลี่ซึ่งสมรรถนะนั้นไม่ด้อยกว่ากันเลยทีเดียว...
Hovering + Couch ? : ถลาลม + โซฟา ? หลายคนอาจสงสัยว่าท�าไมต้องชื่อ “The Hovering Couch” (อ่าน เดอะ-โฮ๊ฟ-เวอริ่ง-เค๊าช์) หรือ “โซฟาถลาลม” ต่อไปนี้คือค�าตอบว่าท�าไม... หลังจากเดินทางไปรับ “น้องจอย” SYM Joymax 300i จากศูนย์บัญชาการใหญ่ บริษัท เอ็ม ไบค์ มอเตอร์เซลส์ จ�ากัด จากนั้นก็พามันฝ่ารถติดกลับมายังออฟฟิศแถว ลาดพร้าวก่อนจะเตรียมความพร้อมเพื่อทดสอบทางไกลระยะทางไป-กลับกว่า 400 กม. จุด หมายปลายทางของเราคราวนี้อยู่ที่ “ซิลเวอร์เลค พัทยา”…เราเลือกเส้นทางนี้ก็เพราะว่า Joymax 300i เป็นรถ Big Scooter (บิ๊กสกู๊ตเตอร์) สไตล์ “Twist and Go” หรือ “บิด อย่างเดียว” ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไต้หวันและทั่วโลก....หมดเวลาพูดคุยได้เวลาหยิบ หมวกกันน็อคใส่เสื้อสวมถุงมือแล้วลุย! For Ride Magazine July 2013 19
Hot Pick of Month
Bypass its size ride no-fear มองข้ามขนาดตัวอย่ากลัวทีจ่ ะมุด
ไม่ว่าจะออกเดินทางเช้าแค่ไหนก็คงหนีไม่พ้นรถติด! และนี่ คืออุปสรรคแรกให้เราได้ทดสอบความคล่องตัว...ปัญหาก็คือ ไซส์ที่ใหญ่เกินรถทั่วไปของเจ้า Joymax คันนี้จะ “มุด” ช่วง รถติดไปได้ยังไง? ...ง่ายๆ ก็แค่เดินคันเร่งอย่างนุ่มนวลค่อยๆ ผ่านช่องว่างระหว่างตัวรถ จุดที่หลายคนเป็นกังวลที่สุดอาจ เป็นกระจกข้างที่ยื่นยาวแถมมีขนาดใหญ่ แต่เรากลับชอบที่ ต�าแหน่งกระจกมองข้างอยู่ติดกับตัวรถแถมเยื้องไปด้านหน้า แบบนี้ เหตุผลก็เพราะมันช่วยให้เรากะระยะได้ง่ายขึ้น สายตาที่ มองไปข้างหน้าเพื่อมองหาช่องว่างสามารถเช็คความกว้างและ เตรียมโยกรถหลบไปมาได้ในเวลาเดียวกัน เนื่องจาก Joymax 300i มีก�าลังแรงบิดค่อนข้างมากท�าให้การสะบัดคันเร่งเล่นไม่ใช่ ไอเดียที่ดีนัก การเดินคันเร่งช้าๆ และคอยรักษาบาลานซ์จะช่วย ให้ผ่านการจราจรติดขัดได้โดยง่าย...อีกหนึ่งตัวช่วยที่ท�าให้เรา สามารถควบคุมรถได้ง่ายก็คือแฮนด์ที่ท�ามุมหักเข้าหาตัวรถแต่ อาจอยู่ไกลไปนิดส�าหรับคนตัวเล็ก องศาแฮนด์ไม่มีผลต่อการ มุด (เพราะกระจกกว้างกว่าแฮนด์) อีกหนึ่งไฮไลท์ด้านดีไซน์ช่วย ให้สามารถบิด-เบรก-จอด-มุดได้ง่ายขึ้นก็คือ “พักเท้า” พัก เท้าของคนขี่นั้นถูกออกแบบมาให้เว้าเข้าหาตัวรถเพื่อให้ผู้ขับขี่ สามารถเอาเท้าลงแตะพื้นได้ง่ายซึ่งมันมีประโยชน์มากในจังหวะ เลี้ยวในที่แคบที่ต้องใช้เท้า 1 ข้างในการรักษาสมดุลย์ พักเท้า ของ Joymax ช่วยให้ “วางใจ” เมื่อต้องจอดติดไฟแดงเพราะ ขาและเท้าของเราจะอยู่แนบไปกับบอดี้ของรถไม่ยื่นออกไปเกะกะ เสี่ยงต่อการโดนรถทับ...สรุปได้ว่าการควบคุมรถที่ความเร็วต�่า ค่อนข้างคล่องตัว พักเท้า-กระจกมองข้าง-แฮนด์ถูกออกแบบ มาอย่างดี (เมื่อบวกกับสกิลการขับขี่ที่ดีแล้วยิ่งท�าให้เรามุดได้ เร็วกกว่ารถเล็กๆ ซะอีก)
20 For Ride Magazine July 2013
Battling the bumps! สูม ้ น ั ไอ้หลุมขรุขระ!
หลุดจากโซนลาดพร้าว-พระราม9-ศรีนครินทร์เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสายบางนาตราด...ถนนที่แสนเรียบที่เราคุ้นเคย (ประชด!) ถนนสายบางนา-ตราดนี่แหละเหมาะสมที่สุด ที่จะทดสอบช่วงล่าง...มาดูประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างกับหลุมแต่ละแบบกันดีกว่า (นัก ทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 90 กก. ปรับโช้คหลังไว้ที่ระดับ 1 หรือนุ่มสุด ใช้ความเร็วที่ 80-120 กม./ชม. แล้วแต่ความโล่งของถนน)
Annoying bumps
ถนนขรุขระน่าร�าคาญ
หลุมเล็กๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน�้าและการเวลาส่งผลให้พื้นยางมะตอยกลาย เป็นหลุมขรุขระแม้จะไม่เป็นอันตรายแต่ก็น่าร�าคาญ แต่เมื่อ Joymax 300i วิ่งผ่านด้วย ความเร็ว 100 กม./ชม. เราแทบไม่รู้สึกเลยว่ามันมีพื้นขรุขระอยู่ตรงนั้น ช่วงล่างดู เหมือนจะเจ๋งกว่าที่คิด
Middle Hits
หลุมขนาดกลางต่อยไม่หนักแต่จก ุ
ส�าหรับหลุมขนาดกลางที่ขนาดพอดีกับล้อหน้าไซส์ 14 และล้อหลังไซส์ 13 เราลองวิ่ง เข้าหาด้วยความเร็วเท่าเดิมแต่ใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิม... “ครึก” เสียงโช้คหน้าลงหลุมจาก นั้นซับแรงกระแทกไว้ส่วนหนึ่งก่อนจะส่งกระบอกโช้คกลับเข้าที่เดิมอย่างนุ่มนวล โช้คหลังดูดซับแรง กระแทกได้ระดับหนึ่งก่อนจะส่งแรงกระแทกกลับมาที่ก้นของเรา สรุปว่าหลุมขนาดกลางแค่ท�าให้เรารู้ ว่าตรงนั้นมันมีหลุดอยู่แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการท�าความเร็ว (เบาะที่นั่งที่นุ่มก็มีส่วน)
Trucker’s bumps
หลุมนรกสิบล้อมหาประลัย
ต้องมีคนว่าเราบ้าแน่ๆ แต่เราก็ “อยากรู้” ว่ามันจะเป็นยังไง ผลลัพธ์จากการกระแทกกับ หลุมสิบล้อค่อนข้างน่าพอใจ โช้คหน้าไม่ยุบตัวไปจนสุดแกนท�าให้ยังคงประสิทธิภาพการดูดซับแรง กระแทกได้ดี ส่วนโช้คหลังที่ดูเหมือนจะกระด้างนิดๆ เพราะจุดยึดโช้คหลังนั้นแทบจะตั้งฉาก 90% ท�าให้แรงกระแทกบริเวณคนขี่นั้นจะแรงเป็นพิเศษเมื่อเจอกับหลุมขนาดใหญ่...แม้ช่วงท้ายรถกระเด้ง จนตัวเราเกือบลอยขึ้นจากเบาะแต่การทรงตัวของรถยังคงดีอยู่และสามารถรอดพ้นจากหลุมได้ อย่างปลอดภัย ข้อมูลทางเทคนิค
Big fun bridge สะพานหรรษา
ไม่มีใครไม่รู้จักคอสะพานหรรษาของ ถนนสายบางนา-ตราด คอสะพานที่สุดเอ็กซ์ ตรีมที่พร้อม “ดีด” รถมอเตอร์ไซค์ให้ลอย ขึ้นฟ้าไปลุ้นตอนลงจอดกันอย่างสนุกสนาน... ผลลัพธ์จากการล็อคคันเร่งไว้ที่ 100 กม./ ชม. คือ....ช่วงตัวรถที่ยาวท�าให้ล้อหน้าและล้อ หลังกระแทกไม่พร้อมกันส่งผลให้ท้ายรถดีด ขึ้นจนตัวคนขี่ลอยเหนือเบาะ....เพื่อแก้ปัญหานี้ เราแนะน�าให้ลดความเร็วลงเหลือ 60-80 กม./ ชม. ดีกว่าครับ
278 ซีซี. 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน�้า กระบอกสูบเคลือบไฟฟ้า ระบบเชื้อเพลิง : หัวฉีดอัจฉริยะ E.F.I ระบบขับเคลื่อน : สายพาน โช้คหน้า : เทเลสโคปิค โช้คหลัง : ยูนิตสวิงอาร์มปรับสปริง 5 ระดับ CBS ปั๊มเบรก 4 พอต เบรกหน้า : จานเบรก 275 มม. CBS ปั๊มเบรก 2 พอต เบรกหลัง : จานเบรก 240 มม. ยางหน้า : 120/70 ขอบ 14 นิ้ว ยางหลัง : 140/60 ขอบ 13 นิ้ว กว้าง x ยาว x สูง : 760 x 2,160 x 1,420 มม. ระยะห่างฐานล้อ : 1,535 มม. น�้าหนักตัวรถ : 192 กก. ความจุถังน�้ามัน : 12 ลิตร เครื่องยนต์ :
Insight Suspension เจาะลึกช่วงล่าง
ระยะ SAG ของ Joymax 300i vs. นักทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 90 กก. โช้คหน้า : ระยะยุบประมาณ 140 มม. Riding SAG ของนักทดสอบหนัก 90 กก. อยู่ ที่ 45 มม. Riding SAG ของหัวหน้านักทดสอบหนัก 70 กก. อยู่ที่ 35 มม. ค�านวนเปอร์เซ็นต์ได้ดังนี้ : Riding SAG ของ นักทดสอบหนัก 90 กก. คือ 32.1% ส่วน Riding SAG ของนักทดสอบหนัก 70 กก. คือ 25 % แปลว่า.... - ส�าหรับนักทดสอบที่หนัก 90 กก. โช้คหน้า “นุ่ม” ก�าลังดีและ “หนึบ” ถูกใจ - ส�าหรับหัวหน้านักทดสอบหนัก 70 กก. (เป็น ตัวแทนของคนหุ่นปานกลาง) จะรู้สึกว่าโช้คหน้า “กระด้างเล็กน้อย” แต่ความหนึบมีค่อนข้าง มาก การแก้ปัญหาความกระด้างด้วยการลดลม ยางต�่ากว่าสเป็ค 1-2 PSI โช้คหลัง *เนื่องจากมีแกนพลาสติกบังอยู่จึง ต้องวัดด้วยวิธีค�านวณความต่างระยะ SAG - ระยะยุบ ‘สมมติ’ ของโช้คหลังอยู่ที่ 560 มม. - ระยะยุบตัวเมื่อนักทดสอบขึ้นนั่งอยู่ที่ 525 มม. - ค�านวณความต่างได้ที่ 35 มม. - อ้างอิงตามสูตรการวัดระยะ SAG จากผู้ ผลิตโคระดับโลกดังนี้ - ระยะ SAG > 40 มม. หมายความว่าโช้คนั้น “ยวบ” เกินไป - ระยะ SAG < 30 มม. หมายความว่าโช้คนั้น “กระด้าง” เกินไป - ระยะ SAG ของนักทดสอบหนัก 90 กก. อยู่ที่ 35 มม. = นุ่มก�าลังดี! *โช้คหลังสามารถปรับสปริงได้ 5 ระดับ ส�าหรับ หนุ่มๆ ที่มีสาวซ้อนท้ายก็สามารถเลือกปรับได้ตาม น�้าหนักได้ตามใจชอบ ส่วนพี่เบิ้มน�้าหนักเกิน 100 กก. ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องโช้คย้วยเพราะการหมุนปรับ สปริงขึ้น 3 ระดับก็เอาอยู่ แปลว่า... โช้คหลังที่เราปรับระดับไว้ที่ระดับ 1 นุ่มก�าลังดี ส�าหรับคนขี่หนัก 90 กก. ไม่ว่าจะหลุมเล็กหลุม น้อยก็แทบไม่รู้สึกสะเทือน เมื่อบวกความนุ่มของ เบาะที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกอีกชั้นเข้าไปด้วย แล้วยิ่งรู้สึกดีกับโช้คหลังของ Joymax คันนี้ แต่ส�าหรับคนที่หนักน้อยกว่า 70 กก. อาจรู้สึก กระด้างเมื่อกระแทกหลุมใหญ่ๆ แต่จะรู้สึกนุ่ม สบายเมื่อซ้อน 2 ท่าน
For Ride Magazine July 2013 21
Hot Pick of Month
Curve Surfer นักโต้โค้ง
From rough road to long straight จากทางขรุขระสูท ่ างตรงยาวววว...
หลังจากทดสอบช่วงล่างของ Joymax 300i กันอย่างจุใจ (จนมื้อเช้า ที่กินเข้าไปเขย่ารวมกันเป็นก้อนเหมือนโคอาล่ามาช) ในที่สุดเราก็หลุดจากเส้น บางนา-ตราดแล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) ก่อนจะมุ่งหน้าวิ่งตรงเข้า สู่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี...เนื่องจากลักษณะถนนสายบายพาสเป็นทางตรงยาวที่เป็น ใครก็คงอดใจไม่ไหวที่จะกระแทกคันเร่งให้มิดพิชิตขีดสุดความแรง เราก็เป็นหนึ่งใน นั้น...เมื่อใช้สายตาเช็คถนนทางตรงจนโล่งดีแล้วจากนั้นเราก็เริมเปิดคันเร่งขึ้นทีละ นิด ทันทีที่ได้รอบ (เพราะเครื่องยนต์ของรถออโตเมติกมีการตอบสนองค่อนข้าง ช้าแม้จะเปิดคันเร่งจนสุดตั้งแต่ก็ต้องรอให้ชามหมุนจนได้ระยะ) เครื่องยนต์ 278 ซี ซี. 4 วาล์ว หัวฉีด E.F.I พร้อมท�างานทันทีที่เราบิดคันเร่ง ความเร็วขยับจาก 60 กม./ชม. ผ่านช่วง 80 กม./ชม. ช่วงหลังจากนี้แหละคือช่วงเวลาที่ทุกท่าน รอคอย เครื่องยนต์แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาดันเข็มไมล์ให้พุ่งจาก 80-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที จังหวะเร่งแซงในช่วง 100-120 กม./ชม. สามารถ แซงรถ 4-10 ล้อได้สบายๆ แบบ “ไม่ต้องลุ้น” รอบเครื่อง “กระโดด” จาก 6,000 รอบ/นาที ไปเป็น 7,000 รอบ/นาที ในเวลาแค่อึดใจ ความเร็วในช่วง 120-140 กม./ชม. เป็นอะไรที่น่า “เอ็นจอย” (แปลว่าดื่มด�่า) ที่สุด...การล็อค คันเร่งไว้ที่ 140 กม./ชม. ที่ 8,000 รอบ/นาที ไม่พบอาการสั่นหรือเสียงดัง จากเครื่องยนต์ ห้องสายพานที่เป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์ออโตเมติกไม่มีเสียง “หอน” ให้ได้ยิน เมื่อลองเติมคันเร่งให้เต็ม 100% Joymax 300i คันนี้สามารถ วิ่งได้เร็วถึง 150 กม./ชม. ก่อนจะตัดรอบที่ 8,500 รอบ/นาที (ตัด Redline)... เจ้าบิ๊กสกู๊ตเตอร์เครื่องยนต์ 278 ซีซี. ที่สามารถท�าความเร็วยืนพื้นได้ที่ 140 กม./ชม. บวกกับท่านั่งที่สะดวกสบายผ่อนคลายตลอดการเดินทาง....ท�าให้เราไม่ ลังเลเลยที่จะเรียกมันว่า “The Hovering Couch” ความนุ่มสบายบนความเร็วที่ เลือกได้แบบนี้....ระยะทาง 100-200 กม. แทบไม่เป็นปัญหาในการเดินทางไกล 22 For Ride Magazine July 2013
หลังจากเต็มอิ่มความเร็วทางตรงของ Joymax 300i ใน ที่สุดเราก็มาถึงทางแยกเพื่อเลี้ยวซ้ายไปทางจังหวัดระยอง จุด หมายของเราคือซิลเวอร์เลคและเขาชีจรรย์ นอกจากวิวที่สวยงาม เรายังมาที่นี่เพื่อทดสอบสมรรถนะการเข้าโค้ง...แค่เลี้ยวซ้ายจาก ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เขาชีจรรย์เราก็จะเจอกับโค้งมากมายลัดเลาะไปตาม ภูเขา ช่วงแรกใช้ความเร็วที่ 60 กม./ชม. ซึ่งก็สามารถผ่านโค้ง มาได้แบบชิลล์ๆ ลักษณะการวางเท้าและท่านั่งสามารถนั่งแบบ “รี แล็กซ์” สบายๆ ยืดเท้าไปด้านหน้าแล้วพิงหลังช่วงล่างกับพนักพิง เล็กๆ แล้วสนุกไปกับโค้ง จากนั้นเราลองเพิ่มความเร็วและพุ่งเข้าหา โค้งที่แคบลง...ดูเหมือนองศาและจุดเลี้ยวจะค่อนข้างกว้างกว่ารถ ทั่วไปจนท�าให้เรารู้สึก “เหวอ” ในช่วงแรกของการเข้าโค้ง แต่เมื่อ ท�าความคุ้นเคยซักพักก็สามารถ “แบน” ลงไปได้จนสุดหน้ายาง การเข้าโค้งสไตล์สปอร์ตแบบโหนรถเข้าโค้งสามารถท�าได้โดนไม่มี อาการผิดปกติให้เห็น (เมื่อลมยางและเซ็ตโช้คได้ถูกต้องก็สามารถ ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ การเพิ่มความเร็วและการใช้ร่างกายช่วง ล่าง (ก้น) โยกย้ายถ่ายน�้าหนักลงไปด้านข้างจะช่วยให้รถเข้าโค้งได้ เร็วและเนียนขึ้น ข้อดีของ Joymax 300i คือเราสามารถเลือกนั่ง แบบผู้บริหาร (หลังตรง) หรือโหนเข้าโค้งแบบเรซซิ่งก็ได้ตามความ ถนัด ข้อดีของรถออโตเมติกกับการร้อยโค้งก็คือไม่ต้องกังวล เรื่องการเปลี่ยนเกียร์ เพียงแค่ควบคุมคันเร่งให้ดีก็สามารถพิชิตได้ ทุกเส้นทาง...ส่วนด้านลบของเครื่องยนต์ออโตเมติกอยู่ที่ “เอ็นจิ้น เบรกเบา” เมื่อผ่อนคันเร่ง...แทนที่เครื่องยนต์จะมีแรงฉุดเหมือนรถ แบบเกียร์แต่รถออโตเมติกกลับ “ไหล” ไปเรื่อยๆ....จุดนี้เองที่ท�าให้ เราได้ลองใช้เบรกหลังในโค้งและน�าพาไปสู่ค�าเตือน!
ข้อควรระวัง! กับ CBS ไฮไลท์ของ SYM Joymax 300i นอกจากเครื่องยนต์ รุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบหัวฉีดและอีกจุดเด่นก็คือระบบเบรก CBS (Combine Brake System) ระบบเบรกแบบ CBS พิเศษและ “ดี” กว่าระบบเบรกแบบธรรมดาตรงที่เมื่อใช้งานเบรกหลัง...เบรกหน้า จะท�างานด้วย เรียกได้ว่า 2 in 1 ก็ว่าได้ ข้อดีของ CBS จะเห็น เด่นชัดเมื่อเบรกในช่วงทางตรง การแตะเบรกหลังที่ความเร็ว 120 กม./ชม. จะท�าให้เบรกหน้าท�างานร่วมด้วยช่วยให้ระยะเบรกสั้นกว่า การใช้เบรกหลังอย่างเดียวถึง 2 เท่า...CBS เหมาะมากส�าหรับผู้ที่ “ชิน” กับการใช้เบรกหลังเป็นหลัก...แต่!! เราก็มีค�าเตือนส�าหรับคน ที่ชินกับการใช้เบรกหลังอย่างเดียวดังนี้ครับ
At Last : ในทีส่ ดุ หลังจากใช้เวลาท�าความรู้จักกับ SYM Joymax 300i 1 วันเต็มๆ บนเส้นทางการทดสอบกว่า 400 กม. ต้อง เจอทั้งทางขรุขระเพื่อทดสอบช่วงล่างซึ่ง Joymax ก็ผ่าน ฉลุย แต่คอสะพานเป็นเรื่องที่ควรระวังโดยเฉพาะถ้ามีคน ซ้อน ในส่วนของก�าลังแรงบิดสามารถพุ่งจาก 0 ถึง 80 กม./ชม. ในเวลาแค่ 8 วินาทีเท่านั้น ในส่วนของสมรรถนะ เครื่องยนต์และระบบหัวฉีดท�างานสัมพันธ์กันดีเยี่ยมส่งผลให้ ก�าลังเครื่องยนต์ในช่วง 100-140 กม./ชม. แรงแบบ “สั่ง ได้” การขี่ท่องเที่ยวทางไกลด้วยความเร็วยืนพื้น 120-140 กม./ชม. จึงเป็นเรื่องหมูๆ ส�าหรับน้องจอยคันนี้ นอกจาก สมรรถนะที่โดดเด่นเข้าตาแล้ว Joymax 300i ยังมีอุปกรณ์ อ�านวยความสะดวกอัดแน่นรอบคันไม่ว่าจะเป็นวิลด์ชีลด์ขนาด ใหญ่ช่วยตัดแรงลมปะทะด้านหน้า (แต่คนตัวสูง 180 ซม. ขึ้น ไปจะโดนลมตีในช่วงหัว...แก้ไขด้วยการก้มหลบเล็กน้อย), ไฟ หรี่ด้านหน้าแบบ LED เรียงกันเป็นคิ้วอยู่เหนือไฟหลัง, ไฟ เลี้ยว-ไฟเบรกเป็น LED, ไฟหน้าคู่แบบฮาโลเจนสว่างชัด ครอบคลุมพื้นที่ด้านหน้ารถให้ความปลอดภัยในเวลากลาง คืน, ไฟตัดหมอกส�าหรับท่องเที่ยวเมืองหนาวหรือเมื่อวิสัย ทัศน์ไม่เอื้ออ�านวย, ไฟกระพริบฉุกเฉิน, กระจกข้างขนาดใหญ่ ได้อารมณ์เหมือนขับรถยนต์, ในคอนโซลรถมีช่องเก็บของ และที่ส�าคัญมีที่ชาจแบบ USB ให้ด้วย, กล่องเก็บของ, แฮนด์ ควบคุมมีปุ่มสวิทช์ต่างๆ ที่จ�าเป็นรวมถึงปุ่มเปิดเบาะไฟฟ้า, เบาะที่นั่งที่สามารถสไลด์พนักพิงคนขับได้ด้วยการคลาย น็อต 6 เหลี่ยม 2 ตัวใต้เบาะช่วยให้ผู้ใช้ทุกขนาดสามารถ ขับขี่ Joymax ได้โดยไม่รู้สึกว่ารถนั้นเล็กหรือใหญ่เกินไป, คน ซ้อนมีพนักพิงด้านหลังช่วยให้ไม่เมื่อยเมื่อต้องเดินทางไกล, ยางหน้าหลังขนาดใหญ่รองรับทุกสภาพถนน, พักเท้าคน ซ้อนมีกลไกล็อคแบบพิเศษสามารถใช้มือกดให้ตัวพักเท้าเด้ง ออกมาได้, หน้าจอแสดงผลของเรือนไมล์มีสถานะต่างๆ ให้ ดูเช่น ไฟชาร์จ, ระยะทางรวม, ระยะทางทริป, เวลา, วัดรอบ เครื่องยนต์, วัดความเร็ว, ปริมาณน�้ามันและความร้อน...ที่ ส�าคัญที่สุดที่ SYM Joymax 300i คันนี้มีให้กับผู้ใช้ทุกคนก็ คือ “ความสบาย” แนะน�าให้ลองนั่งเอนหลังบน Joymax ซัก ครั้งแล้วคุณอาจจะอยาก “นอกใจ” รถเกียร์คันโปรดมาขี่ น้องจอยคันนี้ก็ได้!
Rider’s Report
Oatto Height 189 cm. Weight 90 kg. Skill: Intermediate “โอ้วพระเจ้า มันเหมือนเอาโซฟามาติดเครื่องยนต์ใส่ล้อแล้วก็แฮนด์ยังไง ยังงั้น มันช่างนุ่มชวนให้หลับแต่เครื่องยนต์ 278 ซีซี. ก็คอยปลุกผมให้ตื่น แรง บิดติดมือในขณะที่ไม่ต้องห่วงเรื่องคลัทช์และเกียร์ แค่คิดว่าจะไปที่ไหนแล้วบิดมัน ออกไปเลย แว๊บแรกที่ได้ขี่มีแต่ความประทับใจแต่เมื่อลองหวดโค้งดูหนักๆ แล้วลอง เบรก...วูบแรกก็ตกใจกับอาการบานของรถเพราะ CBS มันดันดึงเอาเบรกหน้าและ ล้อหน้าให้ตั้งขึ้นและค่อยๆ บานออกนอกโค้ง แต่โชคดีที่แก้ไขได้ด้วยการกดตัวรถให้ กลับเข้าไลน์และเข้าโค้งไปต่อได้อย่างปลอดภัย CBS เป็นดาบสองคมซึ่งมีประโยชน์ สูงสุดส�าหรับคนใช้เป็นและอาจเป็นฝันร้ายส�าหรับคนที่ยังไม่รู้จักการท�างานของ มัน แต่รวมๆ แล้ว Joymax เป็นเหมือนบ้าน เหมือนโซฟา เหมือนกล่องเก็บของ เหมือนที่นอน เหมือนแฟนที่ท�าได้สารพัด...สมรรถนะแบบนี้ในราคาแสนห้าผมว่าคุ้ม ค่าน่าทุบกระปุกหมูไปสอยมาซักคัน!!”
FRM Score (เราให้คะแนนเต็มไว้กอ่ นจากนัน้ หักลบจุดทีไ่ ม่ดอี อก) เครื่องยนต์ : 5/5 ท�างานเงียบกริบไม่สั่น ไม่มีเสียงดังหอนจากห้องสายพาน อัตราเร่ง : 5/5 แม้จะมีดีเลย์จังหวะออกตัว แต่จะพุ่งบิดติดมือเมื่อได้รอบ ระบบเชื้อเพลิง : 5/5 หัวฉีดตอบสนองไวตามมือไม่มีอาการสะดุด สตาร์ทติดง่าย ตลอดเวลา การควบคุม : 5/5 หน้ายางใหญ่ องศามุมเลี้ยวก�าลังดี พลิกรถซ้าย-ขวาได้ง่าย ท่านั่ง-แฮนด์ : 5/5 แฮนด์ไม่กว้างมากแต่ก็ไม่เกะกะแถมให้ความรู้สึกแบบสปอร์ต แอโรไดนามิก : 5/5 รถไม่มีอาการส่ายเมื่อเจอกับความเร็ว 150 กม./ชม. ความสบาย : 4/5 แม้เบาะจะนุ่มมากแต่พนักพิงคนขี่ถูกออกแบบมาให้เอนไปด้านหลัง มากเกินไปท�าให้เมื่อยก้นกบเมื่อต้องเดินทางไกล เบรก : 4/5 (-1 ให้การออกแบบ) CBS เป็นเบรกที่ดีเยี่ยมถ้าใช้อย่างถูกวิธีแต่ในยาม ฉุกเฉินอาจให้ผลเสียมากกว่าผลดี โช้ค : 4/5 โช้คหน้าดีเยี่ยมแกนใหญ่สะใจแต่โช้คหลังอาจกระด้างส�าหรับคนตัวเล็ก ยาง : 5/5 ยาง Maxxis เกาะถนนได้ดีเข้าโค้งได้จนสุดขอบยาง หน้ายางใหญ่ก�าลังดี ดีไซน์ : 4/5 หน้าตาจิกดูโฉบเฉี่ยว ชิ้นส่วนต่างๆรอบคันออกแบบมารับกันได้อย่าง ลงตัว แต่น่าเสียดายที่กล่องเก็บของหายไปกลายเป็นช่องระบายความร้อนแทน ออพชั่น : 9/5 +1 ให้ที่ชาร์จ USB / +1 ให้กล่องเก็บของขนาดใหญ่ยักษ์เก็บหมวก เต็มใบได้สบายๆ / +1ให้ปุ่มเปิดเบาะไฟฟ้า / +1 ให้ไฟตัดหมอก ราคา : 5/5 ราคาอยู่ที่ประมาณ 155,000 บาท คุ้มทุกบาททุกสตางค์กับสมรรถนะ และออฟชั่นที่ได้มา For Ride Magazine July 2013 23
ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่...
ใครขี“ท้่กาประหยั ็ประหยั ด ขั น ้ เทพจริ ง ๆ !! ด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่”
บทพิสูจน์จาก
ประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” คือ กิจกรรมที่ทาง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด ได้จัดขึ้นทั่ว ทุกภูมิภาคของประเทศไทย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วไปได้ ร่วมพิสูจน์ความประหยัดน�้ามันของรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ในรูปแบบของการขับขี่แรลลี่ทัวริ่งบนถนนจริง สภาพการจราจร จริง ตามลักษณะภูมิประเทศของแต่ละจังหวัด เพื่อให้ผู้ขับขี่ทดสอบได้สัมผัสกับ ความประหยัดขั้นเทพของรถครอบครัวรุ่นนี้ด้วยตัวเอง...
โดยกิจกรรม “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัว ฉีดใหม่” นี้ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2555 หลังจากการเปิดตัวอย่าง เป็นทางการของ “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” จากนั้นก็เดินสาย จัดกิจกรรมไปตามจังหวัดต่างๆ กว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาถึง 6 เดือนเต็ม โดยมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งชายและหญิงที่มีหลาก หลายอาชีพและช่วงอายุมากกว่า 600 คน เข้าร่วมการขับขี่ทดสอบหาค่าความ ประหยัดขั้นเทพของ “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็ สามารถขับขี่ได้ประหยัดกว่าสถิติที่สื่อมวลชนได้ท�าไว้ที่ 84.15 กม./ลิตร ด้วย กันทั้งนั้น 24 For Ride Magazine July 2013
สถิติผลการแข่งขัน “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” 10 อันดับแรก ประเภททีม อันดับ 1 อันดับ 2 อันดับ 3 อันดับ 4 อันดับ 5 อันดับ 6 อันดับ 7 อันดับ 8 อันดับ 9 อันดับ 10
101.551 กม./ลิตร 100.856 กม./ลิตร 100.250 กม./ลิตร 98.140 กม./ลิตร 98.140 กม./ลิตร 96.603 กม./ลิตร 96.335 กม./ลิตร 95.775 กม./ลิตร 95.160 กม./ลิตร 94.633 กม./ลิตร
จ.ราชบุรี จ.ตรัง จ.กาฬสินธ์ จ.เลย จ.นนทบุรี จ.กาญจนบุรี จ.น่าน จ.ล�าพูน จ.พะเยา จ.พัทลุง
ในกิจกรรม “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในท้องถิ่นที่เข้าร่วมการขับขี่จะได้รับการแนะน�าเทคนิคการขับขี่ รถจักรยานยนต์ให้ประหยัดน�้ามันจากสื่อมวลชนที่น�าทีม ซึ่งเป็นเทคนิคที่ผู้ขับขี่รถ จักรยานยนต์ทั่วไปสามารถท�ากันได้และสามารถน�าไปใช้ในชีวิตจริงบนท้องถนนได้อีก ด้วย และตลอดระยะเวลาของการจัดกิจกรรมนี้ ตัวเลขสถิติค่าความประหยัดน�้ามัน ขยับสูงขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดือนแรกของกิจกรรมตัวเลขความประหยัดจะ อยู่ที่ประมาณ 85-90 กม./ลิตร จากนั้นก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 90-95 กม./ลิตร และ ในช่วงท้ายๆ ของกิจกรรม ผู้ขับขี่สามารถท�าสถิติทะลุเกิน 100 กม./ลิตร ได้อยู่ เป็นประจ�า ซึ่งสถิติเกินหลัก 100 กม./ลิตร นี้ มีผู้ขับขี่สามารถท�าได้รวมกันถึง 14 จังหวัดเลยทีเดียว โดยตัวเลขสถิติสูงสุดของกิจกรรม “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ก็คือ 107.618 กม./ลิตร โดยเป็น ผลงานการขับขี่ขั้นเทพของชาวราชบุรีนั่นเอง และนี่ก็คือ “ความประหยัดน�้ามัน...ขั้นเทพ” ของรถจักรยานยนต์ครอบครัว “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ที่มาพร้อมกับระบบหัวฉีด YEC_FI ที่ให้ ความประหยัดน�้ามันไม่ว่าใครจะขับขี่ก็ตาม ซึ่งกิจกรรม “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ที่จัดขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยที่มีผู้ ขับขี่รถจักรยานยนต์ในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมการทดสอบนี้ เป็นเครื่องยืนยันและบท พิสูจน์ว่า... “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่…แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ” ได้ เป็นอย่างดี…
สถิติผลการแข่งขัน “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับ ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” 10 อันดับแรก ประเภทบุคคล อันดับ 1 อันดับ 2 อันดับ 3 อันดับ 4 อันดับ 5 อันดับ 6 อันดับ 7 อันดับ 8 อันดับ 9 อันดับ 10
107.618 กม./ลิตร 105.156 กม./ลิตร 104.100 กม./ลิตร 103.525 กม./ลิตร 103.251 กม./ลิตร 103.125 กม./ลิตร 103.028 กม./ลิตร 102.826 กม./ลิตร 102.769 กม./ลิตร 102.078 กม./ลิตร
จ.ราชบุรี จ.ล�าปาง จ.บุรีรัมย์ จ.ล�าพูน จ.พัทลุง จ.เลย จ.ขอนแก่น จ.นนทบุรี จ.ตรัง จ.กาญจนบุรี
For Ride Magazine July 2013 25
“ฟีโน่ หัวฉีด...
สุดขีดทุกไลฟ์สไตล์” ชวนคนรุ่นใหม่หัวใจอินเทรนด์...
ค้นหาความเป็นตัวเองของคุณ
26 For Ride Magazine July 2013
ยามาฮ่า “ชวนคนรุ่นใหม่หัวใจอิน เทรนด์...ค้นหาความเป็นตัวเอง” ด้วยการ เดินหน้าจัดกิจกรรมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ ออโตเมติกสุดฮิตอย่าง “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัว ฉีด” เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับนิยามของค�าว่า “All New Fino, All New Feeling” กัน แบบใกล้ชิดในกิจกรรม “ฟีโน่ หัวฉีด... สุดขีด ทุกไลฟ์สไตล์” ที่จัดขึ้นในสไตล์มินิมอเตอร์ โชว์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าตามหัวเมือง ใหญ่ทั่วทุกภาคของเมืองไทย โดยในครั้งนี้จัด ขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 11-17 มิถุนายน 2556
ส�าหรับกิจกรรม “ฟีโน่ หัวฉีด... สุดขีดทุกไลฟ์สไตล์” ที่จัดขึ้น นี้ บริษัท ไทยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด ผนึกก�าลังกับร้านผู้จ�าหน่ายในพื้นที่ อย่าง “ประดิษฐพงศ์มอเตอร์” เนรมิตลานชั้น 1 ของห้างฯ ซึ่งมีพื้นที่ กว่า 600 ตรม. ให้กลายเป็นลานมินิมอเตอร์โชว์ขนาดย่อมๆ ที่อัดแน่นไปด้วย รถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” หลากหลายภาพลักษณ์ รวมทั้ง ยังมีเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวการรถจักรยานยนต์ออโตเมติกยอดฮิตรุ่นนี้ให้ชาว สุราษฎร์ได้สัมผัสกันอย่างเต็มที่ โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ ดังนี้ โซนที่ 1 เป็นการน�าเสนอเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกายสุดอินเทรนด์เข้า กับภาพลักษณ์ของ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” ที่ถูกดีไซน์มาเพื่อตอบสนองทุก ไลฟ์สไตล์ของทุกคน ซึ่งเป็นผลงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาสาขาแฟชั่นดีไซน์ คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยลัยรังสิต โซนที่ 2 จะพบกับ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” ที่แต่งเต็มในสไตล์โดนๆ กับ ดีไซน์ขั้นเทพ ในทุกโมเดลของรถรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมี่ยม, แฟชั่น และ สปอร์ต ซึ่งรับรองว่าเห็นแล้วต้องอยากเป็นเจ้าของกันอย่างแน่นอนเลยทีเดียว พร้อม การจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษจากร้านผู้จ�าหน่ายที่จัดให้ส�าหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” ในงานนี้เท่านั้น โซนที่ 3 เป็นแกลอรี่ภาพเรื่องราวความเป็นมาของ “ฟีโน่” ตั้งแต่อดีต จนมาเป็น “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” ในวันนี้ พร้อมเรื่องราวความประทับใจ ต่างๆ รวมถึงมุมมองในอีกแง่มุมที่ใครหลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยพบเห็นจาก ยามาฮ่า ฟีโน่ อีกด้วย โซนที่ 4 “แชะแล้วแชร์” เพียงถ่ายภาพคู่กับ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” ในมุมดิสเพลย์มันส์ที่อยู่ภายในลานกิจกรรม แล้วอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊ค www. facebook.com/HumanRiderClub ผ่านแอพพลิเคชั่น พร้อมทั้งร่วมเกม ตอบค�าถามบนเวทีเกี่ยวกับ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” เพื่อลุ้นรับสิทธิ์รับบัตร ชมคอนเสิร์ตจากศิลปินสุดแนวอย่าง “วงมายด์” ที่ผับสุดหรูอย่าง Pool Bar ในวันที่ 15 มิถุนายน อีกทั้งยังมีโอกาสลุ้นชิงเก้าอี้ดินเนอร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ สุดขีดกับดาราสาวแสนสวย “จั๊กจั่น อคัมย์สิริ” ในวันที่ 17 มิถุนายน เพียง 20 คนที่โชคดีเท่านั้นอีกด้วย
นอกจากนี้ในวันที่ 16 มิถุนายน ทางยามาฮ่ายังได้จัดกิจกรรม All New Fino All New Feeling…Reality Contest 2013 ที่เปิด โอกาสให้สถาบันการศึกษาอาชีวะในพื้นที่ได้ท�าการตกแต่ง “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด” เข้ามาประชันกัน โดยมีข้อแม้ว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไหล่ ตกแต่งจากยามาฮ่าไม่น้อยกว่า 50% โดยทางยามาฮ่าได้สนับเงิน ทุนในการตกแต่งทีมละ 10,000 บาท เพื่อชิงเงินรางวัลทั้งสิ้นกว่า 50,000 บาท ซึ่งในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้ากับตัวรถนั้นจะ ต้องท�ากันแบบสดๆ ต่อหน้าคณะกรรมการและประชาชนที่อยู่ในลาน กิจกรรมอีกด้วย โดยผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศไปครองในครั้งนี้ คือ ทีมจาก วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี นั่นเอง… ส�าหรับกิจกรรม “ฟีโน่ หัวฉีด... สุดขีดทุก ไลฟ์สไตล์” นี้ จะจัดขึ้นครั้งสุดท้ายที่ จ.ชลบุรี ใน ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ใครที่อยากสัมผัสกับ “ยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด…All New Fino, All New Feeling” พร้อมกิจกรรมที่ให้ความรู้สึกใหม่ๆ ในแบบ ที่ไม่ซ�้าใคร...อย่าพลาดการติดตามนะครับ!! For Ride Magazine July 2013 27
The Journey
Rock On Board : Langkawi International Bikebike Fiesta 2013 Part I กินลมชมเกาะเลาะดูอาทิตย์ตกที่นี่ “ลังกาวี” กับงานรวมพลชาว 2 ล้อมาเลเซีย ตอนที่ 1 ต้องมีคนร้องว่า “มาเลเซียอีกแล้วหรอ!?” แน่ๆ เพราะคอลัมน์นี้เราจะพาทุกท่านกลับไปเที่ยว ประเทศมาเลเซียอีกครั้ง (นับตั้งแต่ FRM Vol.1 ที่เราพาเที่ยวภูเขา 5 ลูก) คราวนี้แตกต่างจาก เดิมที่จุดหมายปลายทางและวิธีการเดินทาง...คราวก่อนเราซัดรถ 650 ซีซี. เป็นพันๆ กิโลเมตร จากไทยไปท่องเที่ยวจนทั่วมาเลเซีย แต่คราวนี้เราเปลี่ยนเป็นการใช้รถออโตเมติก (ของเราเอง) เพื่อเดินทางไปร่วมงาน Langkawi Internation Bigbike Fiesta 2013 งานรวมพลสิงห์ มอเตอร์ไซค์ของประเทศมาเลเซีย – ไทย – สิงค์โปร์ – บรูไนและอินโดนีเซีย เรียกว่ารวมกลุ่ม AEC เลยก็ว่าได้...สาเหตุที่เรา “ต้อง” ไปงานนี้ก็เพราะว่ามันเป็นไบค์วีคที่จัดบนเกาะเป็นครั้งแรก ของมาเลเซีย...ต้องข้ามเรือเฟอรี่ต้องขี่รอบเกาะต้องเจอกับฝูงรถใหญ่...แค่ฟังก็มันส์แล้วครับ
> Preparing Yourself : Where we are going ? เตรียมตัวให้พร้อม: แล้วเราจะไปไหนกัน? เป้าหมายของเรา: เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ก่อนอื่นเราต้องขอแนะน�าวิธีการน�ารถมอเตอร์ไซค์สุดรักข้ามประเทศกัน อีกครั้งเริ่มด้วยการรู้จัดมุ่งหมายก่อนว่าจะไปที่ไหน อย่างในกรณีนี้เราก�าลังจะไป ประเทศมาเลเซียเพื่อข้ามต่อไปยังเกาะลังกาวี เป้าหมายที่เราจะต้องผ่านก็คือด่าน สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา...มีคนถามว่าท�าไมไม่ไปข้ามทางสตูล เพราะเรามีเหตุผล ว่า “เราต้องการขี่เที่ยว” บวกกับทางฝั่งสตูลไม่มีบริการขนมอเตอร์ไซค์ลง เรือมีแต่เรือเฟอรี่ส�าหรับให้คนนั่งข้ามไป ตัดกลับมาที่การเตรียมตัวกันดีกว่า...รถ ที่เราจะน�าไปใช้ขี่คราวนี้คือ Yamaha Nouvo Elegance 135 ซึ่งเป็นรถส่วน ตัวของกองบรรณาธิการ สาเหตุของการใช้รถของตัวเองก็เพราะเราสามารถขี่ ข้ามประเทศได้ง่ายและขั้นตอนยุ่งยากน้อยกว่าการยืมรถชาวบ้าน 28 For Ride Magazine July 2013
> How to reach the border? เราจะไปถึงด่านชายแดนได้ยังไง ?
ส�าหรับนักบิดฮาร์ดคอร์ทั้งหลายอาจเลือกที่จะ “ซัด” มอเตอร์ไซค์ไปจากกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากเวลาเรามีจ�ากัดท�าให้เราเลือก ที่จะ “ยกรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟ” วิธีนี้นอกจากช่วยประหยัดค่าน�้า มันแล้วยังช่วยให้ไม่ต้องหาที่พักอีก 1 คืนแถมไม่ต้องเหนื่อยขี่ระยะทาง 1,000 กม.อีกด้วย ขั้นตอนการยกรถขึ้นรถไฟท�าได้ง่ายๆ ดังนี้ 1. ซื้อตัวรถไฟซะก่อน...แนะน�าให้ซื้อขาไปและกลับไปเลยจะได้หมด ปัญหาเรื่องขากลับ ก่อนซื้อถามเจ้าหน้าที่ว่าขบวนที่เราจะไปมีตู้สัมภาระ หรือไม่ เพราะรถมอเตอร์ไซค์จะได้ไปขบวนเดียวกับเรา 2. วันเดินทางเตรียมสมุดจดทะเบียนรถติดตัวมาด้วยจากนั้นถ้า ขึ้นที่สถานีหัวล�าโพงให้แวะจุดโหลดรถมอเตอร์ไซค์ (ถามทางเข้าจาก บริเวณโหลดพัสดุก็ได้ครับ) จากนั้นยื่นเอกสารดังนี้ - ตั๋วรถไฟ - บัตรประชาชน - เล่มทะเบียนรถ - จากนั้นรอฟังค่าใช้จ่าย - ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามซีซี. ของรถ ส่วนรถที่เราขนไป นั้นมีความจุ 135 ซีซี. ท�าให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่ากับรถบิ๊กไบค์ที่ราวๆ 1,100 บาท (รู้งี้เอาพวก 125 ซีซี.ไปดีกว่า) - จากนั้นจะมีเจ้าหน้าอีกคนเดินมา “ขอค่าแรงยกรถ” เราคาด ว่าไม่น่าจะใช้พนักงานที่ถูกว่าจ้างโดยการรถไฟ เพราะในค่าใช้จ่ายที่เรา จ่ายไปมีค่ายกรถอยู่แล้ว...แต่เพื่อความสบายใจจ่ายไปซัก 20-50 บาท ก็พอครับ - ถ้ารถของคุณใช้กระจกมองข้างอย่างดีมีมูลค่าเราแนะน�าให้ “ถอด” ออกก่อน เพราะบางครั้งเหตุไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ระหว่าง การเดินทางบนรถไฟ - ขั้นตอนสุดท้ายเก็บกุญแจรถไว้กับตัว (ไม่ต้องล็อคคอ) แล้วไป เดินช็อปปิ้งเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไฟได้เลย! 3. เมื่อยกรถขึ้นรถไฟแล้ว (เจ้าหน้าที่เค้าจะจัดการให้เองครับ) ก็ ถึงเวลายกรถลง เมื่อเราเดินทางมาถึง อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สถานีชุมทางหาดใหญ่ เมื่อขนสัมภาระเราลงมาหมดแล้วให้เดินไปที่จุดรับ พัสดุ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะเจอรถมอเตอร์ไซค์ขอเรายืนยิ้มรออยู่และ จะมีเจ้าหน้าที่ (ซึ่งก็ไม่น่าใช่เจ้าหน้าที่จริงๆ) ยืนท�าหน้าราวกับว่าการยก รถลงจากรถไฟเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสพร้อมพูดว่า “ขอค่ายกรถล งด้วยครับ”…เราขอบอกว่าไม่ว่าเราจะยกรถไปเหนือหรือใต้ก็เจอแบบ นี้ตลอดครับ ทั้งๆ ที่ค่าใช้จ่ายมันรวมอยู่ใน 1,100 บาที่เราต้องเสีย อยู่แล้ว...แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ควักให้ไป 20-50 บาทก็พอครับ (หวัง ว่าการรถไฟจะมาอ่านคอลัมน์นี้แล้วน�าไปปรับปรุงบ้างนะครับ)
ไม่ว่าจะยกรถขึ้นรถไฟหรือจะขี่ตะลุยมาจนถึง อ.หาดใหญ่ แต่ในที่สุดเราก็ มาถึงที่หมายและเป้าหมายต่อไปคือ “อ.สะเดา” ซึ่งเป็นที่ตั้งของด่านมิตรภาพ ไทย-มาเลเซีย ระยะทางจาก อ.หาดใหญ่สู่ อ.สะเดาประมาณ 60 กม.จะใช้เวลา เดือนทางที่ราวๆ 30-40 นาที ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้และช่วงเวลาที่เดินทาง เนื่องจากพื้นที่ทางผ่านไปยัง อ.สะเดา เป็นที่ตั้งของโรงงานและชุมชนมากมาย ท�าให้เราอาจต้องค�านวณเวลาให้ดีเพื่อให้ไปถึงด่านชายแดนตามเวลา ...กรณี ของเรา “มีนัด” ที่จะต้องไปขึ้นเรือ Ferry (เรือเฟอรี่ หรือ เรือข้ามฟาก) ให้ ทันก่อน 10.30 น. ซึ่งถ้าเวลาที่นัดไว้เป็นเวลาจากฝั่งมาเลเซีย เราต้อง “ลบ 1 ชั่วโมง” ให้เป็นเวลาฝั่งไทยเพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดนัด ยกตัวอย่าง...เราลง รถไฟเวลา 7.20 น. เดินทางมาถึงด่านสะเดา 8.20 (เสียเวลาเติมน�้ามันกับเจอ รถติด) ที่หน้าด่านสะเดา...ทันทีที่เราข้ามฝั่งไทยไปเวลาจะบวกขึ้น 1 ชั่วโมงทันที นั่นหมายความว่า 8.30 จากฝั่งไทยเมื่อก้าวข้ามประตูไปจะกลายเป็น 9.30 เวลา มาเลเซีย เวลานัดของเราคือ 10.30 แปลว่าเรามีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมง...ก่อน จะไปต่อเราขอย้อนกลับไปที่ “วิธีผ่านด่าน” กันก่อน
For Ride Magazine July 2013 29
Langkawi International Bikebike Fiesta 2013 Part I
The Journey
> Passing the border การข้ามด่าน
ในกรณีที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ข้ามด่านและรถคันนั้นจดทะเบียนเป็นชื่อของคุณ เอง...เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้ 1. ใบแปลเล่มทะเบียน – สามารถติดต่อขอ “ใบแปลเล่มทะเบียน” ได้จาก กรมขนส่งทางบก ค่าใช้จ่าย 25 บาท ระยะเวลาการท�าเอกสาร 1 ชั่วโมง เหตุผลก็เพื่อแปลรายละเอียดต่างๆ ในเล่มทะเบียนให้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ท�าใบขออนุญาตขับขี่รถในประเทศมาเลเซียรวมถึงใช้ท�าประกัน หลักฐานที่ใช้ - ส�าเนาบัตรประชาชน - ส�าเนาทะเบียนบ้าน - สมุดจดทะเบียนรถตัวจริง 2. ใบขับขี่แบบ Smart Card หรือใบขับขี่รุ่นใหม่ที่มีชื่อของ เราเป็นภาษาอังกฤษ...เราสามารถใช้ใบขับขี่รุ่นใหม่นี้ท่องเที่ยวไปได้ ในทุกประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาเซียนครับ 3. พาสปอร์ต เอกสารที่ส�าคัญที่สุดในการข้ามประเทศ ตรวจเช็คให้ดีว่าหมดอายุหรือยัง 4. เอกสารจ�าพวกส�าเนาบัตรประชาชน / ส�าเนาทะเบียนบ้าน / ส�าเนาใบขับขี่ / ส�าเนาทะเบียนรถ ให้เตรียมถ่ายเอกสารไว้อย่างละ 2 ชุด (เผื่อเอาไว้) 5. เมื่อเอกสารพร้อม – คนพร้อม ก็เริ่มจากการข้ามด่านฝั่ง ไทย ขั้นตอนมีดังนี้ (5.1) ขี่รถช้าๆ ข้ามด่านฝั่งไทยไปจอดที่หน้าด่าน หรือจะขี่ข้าม ด่านผ่านทางช่องมอเตอร์ไซค์ (สังเกตป้าย) แล้วจอดรถตรงที่มีวิน มอเตอร์ไซค์จอดกันเยอะๆ ล็อคคอ ล็อคหมวกให้ดี จากนั้นเดินย้อน กลับไปที่ตู้ตรวจคนเข้าเมือง (5.2) ขอใบเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่จากนั้นกรอกให้เรียบร้อย (กรอกทั้งใบเข้าและออกทีเดียวไปเลย) (5.3) ต่อคิวยื่นบัตรเข้า-ออกเมืองรวมถึงพาสปอร์ตที่ตู้ตรวจ (5.4) ยิ้มให้กล้องและยิ้มให้เจ้าหน้าที่จากนั้นก็เป็นอันเรียบร้อย (5.5) ไม่ต้องซื้อประกันหรือพรบ. หรือตัดสติ๊กเกอร์จากฝั่งไทย เพราะบางครั้งใช้เวลานานและราคาแพง เราแนะน�าให้ไปท�าที่ฝั่งมาเลเซียครับ 30 For Ride Magazine July 2013
(5.6) กลับมาที่รถขอเราแล้วออกสตาร์ทเดินทางข้ามด่าน...จาก ด่านไทยออกมานิดเดียวจะเจอป้าย Welcome To Malaysia และจะ เห็น Duty Free (ร้านค้าปลอดภาษี) ทางขวามือ ค่อยๆ ขี่มาเรื่อยๆ จะ เจอกับด่านมาเลเซีย...ให้ขี่เข้าช่องที่มีป้ายรูปมอเตอร์ไซค์ไปเลยครับ 6. การผ่านด่านมาเลเซีย (6.1) การผ่านด่านมาเลเซียนั้นง่ายยิ่งกว่าง่าย ไม่ต้องท�าอะไรเลย นอกจากเตรียมพาสปอร์ตให้พร้อม ขี่รถไปตามช่องแล้วหยุดที่หน้าตู้ จากนั้นยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 2 นาทีเสร็จแล้วก็ขี่ออกไปได้ เลยครับ (6.2) จากนี้ไปเราจะได้ใช้เอกสารเกี่ยวกับทะเบียนรถที่เตรียมไว้ ซะที เมื่อข้ามด่านและเจอป้ายต้อนรับเข้าสู่มาเลเซียให้ขี่ตรงเลยไปอีกนิด แล้วกลับรถจากนั้นจอดข้างๆ ตึกสีส้มมีป้ายเขียนว่า “JPJ” ล็อคคอ รถให้ดีแล้วเดินผ่านหน้าตึก JPJ ขึ้นบันไดเล็กๆ ไปซื้อประกันก่อนครับ (6.3) ร้านขายประกันจะมีตัวหนังสือภาษาไทยบอกไว้เลย ว่าร้านนี้ขายประกัน แค่เดินเข้าร้านแล้วยื่นเอกสารดังนี้ เอกสาร แปลทะเบียนรถ ใบขับขี่ และบอกเค้าว่า “ซื้อประกัน 1 เดือน ครับ” ประกันขั้นต�่าที่เราต้องซื้อคือ 1 เดือน จากนั้นบอกว่า “ตัดสติ๊กเกอร์ทะเบียนด้วยครับ” แล้วนั่งรอ....ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ จะให้เซ็นเอกสารและจ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 680 บาท (อาจมีการ เปลี่ยนแปลง) เมื่อเอกสารเรียบร้อยก็ไปต่อกันที่ตึก JPJ (6.4) JPJ ท�าหน้าที่คล้ายๆ กับกรมขนส่งบ้านเรา คือออกใบ อนุญาตให้น�ายานพาหนะมาใช้ที่ประเทศมาเลเซียได้ โดยมีก�าหนดเวลา จ�ากัดไว้ แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ 2 อาทิตย์ขึ้นไป ปัญหาของการติดต่อ ที่ JPJ คือ...การใช้ภาษาอังกฤษ เมื่อเราติดสติ๊กเกอร์ทะเบียนที่เป็นภาษา อังกฤษที่รถของเราเรียบร้อย จากนั้นก็เข้าไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่... ธรรมดาเค้าจะไม่ถามอะไรมาก แต่รอบนี้เค้าบอกให้เราน�ารถมาจอดที่หน้า ตึกเพื่อเช็คว่ารุ่นรถและรายละเอียดตรงกับในใบแปลเอกสารหรือไม่...เมื่อ ทุกอย่างเรียบร้อยเราจะได้ป้ายวงกลมและเอกสารรับรองให้เก็บไว้กับตัว เผื่อเจอเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ...แค่นี้ก็พร้อมเดินทางต่อแล้ว!
> FRM Advice
ค�าแนะน�าก่อนจะผจญภัยในมาเลเซีย
1. พยายามใช้น�้ามันให้หมดถังหรือบริหารน�้ามัน ให้เกือบหมดก่อนจะข้ามด่าน เพราะน�้ามันฝั่งมาเลเซีย ถูกกว่าบ้านเรามาก (เบนซิน 95 ลิตรละ 19 บาท) ระยะทางจากด่านมาปั๊มน�้ามันไม่ถึง 2 กม. เท่านั้น 2. หากคุณไม่ได้แลกเงินตั้งแต่ก่อนเดินทางให้ เตรียมแบงค์พันเอาไว้แล้วใช้ตอนที่ซื้อประกันที่ฝั่ง มาเลเซีย ทางร้านขายประกันจะทอนเงินให้เป็นเงิน มาเลเซียท�าให้เราสามารถใช้เติมน�้ามันที่ปั๊มข้างหน้าได้ 3. ออกจาก JPJ ให้มุ่งหน้าไปตามถนนสาย E1 จากนั้นจะเจอกับปั๊มท้องถิ่นปั๊มแรกให้ขับเลยไปอีก หน่อยจะเจอกับ Petronas…ให้แวะเติมที่นี่ก่อนเลยครับ 4. วิธีการเติมน�้ามัน ให้จอดรถที่หน้าหัวจ่าย จะ เป็น 95 หรือ 97 ก็แล้วแต่ จากนั้นดับเครื่องแล้วเอา กุญแจติดตัวไปด้วย เดินไปที่เคาเตอร์จ่ายเงินแล้วบอก ว่า เลขหัวจ่าย / น�้ามันอะไร / เท่าไหร่ อย่างเช่นจะ เติม 97 ที่หัวจ่ายเบอร์ 4 เป็นเงิน 10 ริงกิต ก็บอก ว่า “นัมเบอร์โฟ (4) นายตี้เซเว่น (97) เท็นริงกิต (10RM)” จากนั้นเดินมาดึงหัวจ่ายน�้ามันออกแล้ว เติมได้เลย ถ้าเติมแล้วเงินเหลือก็ให้เก็บหัวจ่ายแล้วเดิน ไปยืนยิ้มให้เค้า เดี๋ยวเค้าคืนเงินให้เอง...ทุกปั๊มจะต้องท�า แบบนี้ตลอดเพราะเค้าไม่มีคนคอยเติมให้ 5. จากปั๊ม Petronas มุ่งหน้าตรงต่อมาอีกนิด (1 กม.) จะสังเกตุเห็นจุดจอดรถที่มีรถทัวร์จอดกัน เยอะพร้อมป้ายด้านหน้าทางเข้าเขียนว่า TCT…หรือ สังเกตจากจุดกลับรถอันแรกนับจากที่ออกจากปั๊ม ให้เลี้ยวเข้าไปใน TCT นี้เพื่อแลกเงินและซื้อซิมโทรศัพท์ ก่อนจะไปต่อ 6. แลกเงินง่ายๆ ด้วยการยื่นเงินไทยแล้วบอก ว่า “ริงกิต” เค้าจะแลกเงินให้เป็นเงินริงกิตมาเลเซีย จากนั้นก็เดินไปร้านข้างๆ เพื่อซื้อซิม...การซื้อซิมต้อง ใช้พาสปอร์ตด้วยครับ และเมื่อซื้อซิมได้แล้วให้เติม เงินไปเพื่อไว้ซัก 20 ริงกิต (200บาท) ถ้าต้องการ ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยให้บอกเจ้าหน้าที่ เค้าจะกดรหัสให้ ครับ (ซึ่งจริงๆ เรากดเองก็ได้) 7. ถ้ายังไม่ได้ทานอะไรและมีเวลาเหลือให้หาอะไร ทานที่นี่ได้เลยครับ ราคาไม่แพงมากและรสชาติกลางๆ แบบคนมาเลเซีย เมนูแนะน�าคงหนีไม่พ้นแกงกะหรี่เนื้อ หรือไก่กับกาแฟเนสกาแฟรสมอคค่า (สีม่วง) 8. ตรวจเช็ครถคันเก่งให้พร้อมก่อนเดินทาง ไกล (น�้ามันเครื่อง, น�้ายาหม้อน�้า, น�้ามันเฟือง, สายพาน, เม็ด, เบรก, ยาง ฯลฯ ) 9. การผจญภัยในมาเลเซียก�าลังจะเริ่มนะบัดนี้ .....ดูเหมือนพื้นที่การเล่าเรื่องราวจะหมด แค่นี้ ท�าให้เราต้องมาต่อกันการเดินทางผจญภัย ในมาเลเซียบนหลังรถออโตเมติกคันเล็กของเรา ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามแล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะ ครับ! For Ride Magazine July 2013 31
AR
UND The World
เรื่อง : NICKY PH ภาพ : VEDETT® ///// MOTOTOURS & IMAGINATIVE ENTERPRISES
The Lands of safe business, Chocolate and beer…and, Ever heard of Spa?
มุง่ สูด่ นิ แดนแห่งธุรกิจ ไปยังเมืองแห่งช๊อคโกเลต เบียร์ และ เมืองต้นก�ำเนิดของ สปำ ประเทศลักเซมเบิร์ก เป็นประเทศที่คุ้นหูกันน้อย มากส�าหรับบางคนเลยทีเดียว เพราะเป็นประเทศ เล็กๆ ระหว่างอาณาจักรยุโรป ลักเซมเบิร์ก หรือ ชื่อทางการคือ ราชรัฐลักเซมเบิร์ก เป็นนครรัฐที่ ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ ทวีปยุโรป มีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับประเทศ เยอรมนี ด้านใต้ติดกับฝรั่งเศส และด้านตะวันตก ติดกับเบลเยียม ราชรัฐลักเซมเบิร์กเป็นนครรัฐ มี ประวัติความเป็นมาย้อนหลังมากกว่า 1,000 ปี ใช้ภาษา ฝรั่งเศส เยอรมัน และภาษาลักเซมเบิร์ก มีประชากรแค่ 5 แสนกว่าๆ เท่านั้น เป็นประเทศที่ สะอาด น่าอยู่ และมีระเบียบ
ลักเซมเบิร์ก ประเทศเดียวในโลกที่ยังคงมีต�ำแหน่งแกรนด์ดยุคอยู่ โดยเป็นประ เทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่ำงเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส และเยอรมนี มีขนำดเมื่อวัดตำมควำม ยำวเพียง 50 ไมล์ ขณะที่มีควำมกว้ำงเพียง 32 ไมล์ แม้ว่ำจะมีพื้นที่ไม่มำก แต่ ลักเซมเบิร์กถือได้ว่ำเป็นประเทศที่มีควำมหลำกหลำยทำงเชื้อชำติมำกที่สุดแห่งหนึ่ง ของโลก จำกจ�ำนวนของชำวต่ำงชำติที่เข้ำมำอำศัยอยู่ซึ่งมำกที่สุดในประเทศกลุ่ม ยุโรป นอกจำกนี้ภูมิประเทศยังมีควำมหลำกหลำยอีกด้วย ชำวลักเซมเบิร์กค่อนข้ำง จะรักสงบ มีกำรผสมผสำนของวัฒนธรรมหลำยชนชำติ...ภำคกลำงและภำคใต้ของ ประเทศมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเนินเขำยำวสุดลูกหูลูกตำ ป่ำไม้เขียวขจีและไร่องุ่น ขณะที่ทำงภำคเหนือของประเทศคุณจะพบกับกำรก่อตัวของหินทรำยรูปร่ำงแปลก ประหลำด ป่ำไม้อุดมสมบูรณ์และหุบเขำ 32 For Ride Magazine July 2013
For Ride Magazine July 2013 33
>> Around The World....
ประวัติศำสตร์ของต�ำแหน่งแกรนด์ดยุคของประเทศได้ผ่ำนช่วงเวลำยำกล�ำบำกมำกว่ำ หนึ่งพันปี ซึ่งในปัจจุบันแกรนด์ดยุคของลักเซมเบิร์กได้เป็นหนึ่งในสมำชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มประเทศยุโรป องค์กรส�ำคัญๆ ของกลุ่ม EU หลำยแห่งมีส�ำนักงำนอยู่ที่ลักเซมเบิร์กซิตี้ เมืองหลวงของประเทศ ลักเซมเบิร์กซิตี้ เป็นศูนย์กลำงทำงธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ย่ำนเมืองเก่ำซึ่งได้กลำยเป็นหนี่งในมรดกโลก เพรำะหอคอยเก่ำแก่ ป้อมปรำกำรตระหง่ำน รวมไป ถึงซอกซอยอันสวยงำม และย่ำนเมืองใหม่ Plâteau du Kirchberg สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ำมำใน เมืองนี้นอกจำกควำมแตกต่ำงของเมืองทั้งสองส่วนแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ชื่อดัง แหล่งช็อปปิ้งสุดหรู ร้ำนอำหำรหลำกหลำยเชื้อชำติ รวมไปถึงแหล่งบันเทิงยำมรำตรีที่มีอยู่มำกมำยในเมืองนี้ ทีนี้เรำก็รู้ประวัติคร่ำวๆ ของเมืองเล็กๆ อย่ำงลักเซมเบิร์กกันแล้ว เมื่อกำรขี่ข้ำมชำยแดนเข้ำ มำยังประเทศเล็กๆ นี้ จำกฝรั่งเศสเข้ำมำก็จะเห็นควำมแตกต่ำงไปอีกรูปแบบหนึ่ง ตึกมีทั้งแบบเก่ำ ที่สวยงำมและตึกรำมที่ใหม่ จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนเดินขวักไขว่ไปทั่ว รถติดแทบจะไม่มี และที่ ส�ำคัญ น�้ำมันถูกลงไปอีกหน่อย จำกประเทศก่อนหน้ำที่ผ่ำนมำ เนื่องจำกประเทศที่เล็กเรำก็จะขี่รถ ผ่ำนไปโดยไม่แวะนอน ตอนแรกกะจะทำนอำหำรกลำงวันที่นี้ แต่เนื่องจำกวนรถไปมำชมควำมสวยงำม โดยรอบในตัวเมืองแล้ว ก็เลยคิดว่ำเรำไปทำนอำหำรกลำงวันที่ประเทศถัดไปดีกว่ำ คือประเทศเบลเยี่ยม เพรำะนอกจำกขึ้นชื่อด้ำนช็อคโกเลตแล้ว ยังมีชื่อด้ำนเครื่องดื่มมอสต์สกัดที่มีฟองสีขำวนวลน่ำดื่ม ที่ต้องแนะน�ำให้ลิ้มลองแบบถูกต้องไม่ได้ เมำเอ๋ คือ เบียร์นั่นเอง หลำยคนอำจจะคิดว่ำ เยอรมันมีชื่อ ด้ำนเบียร์ แต่เบลเยี่ยมมีควำมเป็นมำเรื่องเบียร์ที่ยำวนำน เพรำะนักบวชในสมัยก่อนเป็นผู้ผลิตเบียร์ ไว้ดื่มในยำมฤดูหนำวมำเยือนนั่นเอง ว่ำแล้วก็อยำกที่จะรีบไปให้ถึงร้ำนอำหำรเร็วๆ จริงๆ กำรขี่รถได้ สักพักกับกำรได้ดื่มเบียร์พอประมำณ แค่หนึ่งขวดเล็ก ก็สำมำรถท�ำให้กำรเดินทำงชุ่มฉ�่ำได้ แต่ไม่แนะน�ำ ในกำรเมำแล้วขับขี่นะจ๊ะ
AR
UND The World
ตึกข้ำงทำงแลดูสวยมำกจุดที่เด่นสุดจะเป็นสะพำนข้ำมแม่น�้ำ ที่มีหอสูงที่บน ยอดมีหญิงสำว ที่เป็นรูปปั้นสีทองตระหง่ำนอยู่ ถนนหนทำงสะอำดสะอ้ำนมำก จริงๆ แทบจะมองไม่เห็นเศษขยะแม้แต่น้อย เป็นเมืองที่คนมักจะน�ำเงินไปฝำกหรือไป เปิดบริษัทที่โน่น คือ ไปท�ำกำรจดทะเบียนบริษัท เพรำะเป็นเมืองสวรรค์ที่ไม่ต้องมี กำรเสียภำษี และไม่มีใครสำมำรถมำเช็คที่มำที่ไปของบริษัทและเงินออมได้ นับว่ำเป็น ประเทศหนึ่งที่มีคนสนใจในเรื่องธุรกิจ เช่นนี้ไม่แพ้กับทำงประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลย ทีเดียว แต่ในปัจจุบันกำรควบคุมก็มีมำกตำมล�ำดับ ไม่สำมำรถที่จะท�ำได้สะดวกสบำย เหมือนแต่ก่อน แต่ก็นับว่ำยังคงเป็นประเทศที่น่ำอยู่อีกประเทศหนึ่ง ขำตีออกจำกประเทศนี้ ก็เห็นตำยำยคู่หนึ่งที่ตำช่วยดูแลยำยขึ้นรถ เห็นมำ ตั้งแต่เข็นรถกันมำ และช่วยประคองขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ ในต่ำงประเทศจะเห็นคู่รักสูง อำยุยังช่วยกันประคับประคองและรักกันแบบอบอุ่น มีที่เห็นบำงที่ประเทศไทยแต่มัก จะไม่ค่อยพบเจอบ่อยนักอำจจะเป็นเนื่องจำกวัฒนธรรมบ้ำนเรำที่ท�ำให้เกิดกำรเขิน อำยก็เป็นได้ แต่ควำมรักและห่วงใยเช่นนี้จนกระทั่งชรำภำพเห็นแล้วเป็นภำพที่อดที่จะ เก็บมำฝำกไม่ได้จริงๆ...
และแล้วอีกไม่นานก็ผ่านเข้าประเทศเบลเยี่ยม เบลเยี่ยม หรือชื่อทำงกำรว่ำ รำชอำณำจักรเบลเยี่ยม เป็นประเทศในยุโรปตะวันตกเฉียง เหนือ มีอำณำเขตติดต่อกับประเทศเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และทะเลเหนือ เบลเยี่ยมเป็นสมำชิกรุ่นก่อตั้งของสหภำพยุโรป และเป็นที่ตั้งของส�ำนักงำนใหญ่เช่นเดียวกับของ อีกหลำยองค์กรระหว่ำงประเทศ รวมถึงองค์กำรสนธิสัญญำป้องกันแอตแลนติกเหนือ เบลเยี่ยมมีควำมหลำกหลำยทำงภำษำค่อนข้ำงสูง ส่งผลต่อระบบกำรปกครองที่ค่อน ข้ำงซับซ้อน เบลเยี่ยมแบ่งออกเป็นสองภูมิภำคใหญ่ๆ ได้แก่ ฟลำนเดอร์ ซึ่งประชำกรส่วนใหญ่ พูดภำษำดัตช์ และวัลโลเนีย ซึ่งประชำกรส่วนใหญ่พูดภำษำฝรั่งเศส บรัสเซลส์ เมืองหลวงของ เบลเยี่ยม เป็นเขตทวิภำษำ ตั้งอยู่ในฟลำนเดอร์ นอกจำกนี้ยังมีชุมชนที่พูดภำษำเยอรมันในทำง ตะวันออกของวัลโลเนียด้วย ค�ำว่ำเบลเยี่ยม (Belgium ในภำษำอังกฤษ België และ Belgique ในภำษำดัตช์และฝรั่งเศส) มีที่มำจำก Gallia Belgica ซึ่งเป็นจังหวัดในยุคโรมัน มีกลุ่มชำว Belgae อยู่อำศัย ที่น่ำสนใจ อีกอย่ำงของประเทศเบลเยี่ยมคือ เมืองที่ชื่อว่ำ สปำ ซึ่งเมื่อเวลำขับรถผ่ำนไปจะเห็นป้ำยบอกทำง SPA ที่มำจำกชื่อที่เรำคุ้นหูกันมำกที่สุด คือ กำรท�ำสปำนั่นเอง เพื่อนๆ อำจจะทรำบและรู้เรื่องรำวประวัติควำมเป็นมำของกำรนวดกันเเล้ว ว่ำท�ำไมถึงต้อง นวด แต่ถ้ำบำงคนอำจจะยังไม่ทรำบนัก ก็จะน�ำเรื่องรำวมำบอกกัน จริงๆ แล้วร่ำงกำยของคนเรำ ประกอบไปด้วย ธำตุต่ำงๆ มีทั้งน�้ำ ลม และเเร่ธำตุต่ำงๆ ที่ผสมผสำกันเช่น ธำตุเหล็กที่อยู่ในเลือด ของเรำ เส้น เลือด ลม ต้องอยู่ในระดับสมดุล จึงท�ำให้ร่ำงกำยเป็นไปในทำงที่ดี และมีสุขภำพที่ดี แต่เมื่อคนเรำใช้ร่ำงกำยอย่ำงผิดวิธี ไม่ว่ำจะเดิน นั่ง หรือ นอน อิริยำบท ต่ำงๆ ท�ำให้ร่ำงกำย ไม่ สมดุล เส้น เลือด ลม ต่ำงๆ ไหลเวียนไม่ทั่ว จึงต้องนวดไล่ลม ไล่เลือด เเก้เส้น ในสมัยพุทธกำล และก่อนพุทธกำล กำรนวด กำรฝึกโยคะ และกำรบ�ำบัดวิธีทำงธรรมชำติมีมำนำนแล้ว จำกกำรนวด เป็นที่เรียบร้อย ในทำงตะวันตกก็มีกำรบ�ำบัดเช่นกันโดยใช้น�้ำ คือ เเร่เป็นตัวช่วย สมุนไพร กลิ่น หอมเพื่อสร้ำงขบวนกำรให้สมองได้ปรับสมดุลเเละผ่อนคลำย เป็นที่มำของค�ำว่ำ สปำ 34 For Ride Magazine July 2013
The Lands of safe business, chocolate and beer…and, ever heard of Spa?
>> Around The World....
สปา (spa) เป็นชื่อเรียกการบ�าบัดด้วยน�้า ซึ่งมีหลายความหมายด้วยกัน โดยชื่อของสปา นั้นมาจากชื่อเมืองสปาในประเทศเบลเยี่ยม ในยุคกลำง ชำวโรมันได้มีกำรพบบ่อน�้ำพุร้อนในเมืองสปำ โดยได้น�ำน�้ำแร่จำกบ่อน�้ำใช้ล้ำงบำดแผล และรักษำอำกำรบำดเจ็บของกล้ำมเนื้อ ควำมเจ็บปวดที่เกิดจำกขำดธำตุเหล็ก (chalybeate ที่มีธำตุ เหล็กเป็นส่วนประกอบ) และในปี ค.ศ. 1571 วิลเลียม สลิงส์บี (William Slingsby) ได้มีกำรค้นพบ chalybeate ในยอร์กไชร์ จึงได้สร้ำงบ่อน�้ำและเกิดมีกำรสร้ำงรีสอร์ทตำขึ้นมำ ซึ่งในขณะนั้นทำงอังกฤษ สะกดค�ำว่ำสปำว่ำ spaw ในยุคปัจจุบันได้มีกำรนิยำมศัพท์ภำษำละตินมำเพื่อให้เป็นค�ำเต็มของค�ำว่ำสปำ อำทิ เช่น "Salus Per Aquam หรือ "Sanitas Per Aquam" ซึ่งหมำยถึงสุขภำพที่ดีด้วยน�้ำ ค�ำเหล่ำนี้เป็นค�ำที่สร้ำงขึ้นมำ ภำยหลังจำกกำรใช้งำนของค�ำว่ำสปำเอง และไม่มีกำรใช้ในสมัยอดีตแต่อย่ำงใด และในสมัยโรมันเอง ก็จะพบเห็น สปำทั่วไป ที่มีไว้ให้ทหำรหำญไปอำบน�้ำช�ำระล้ำงร่ำงกำยให้ สะอำด เพรำะน�้ำที่ชำวโรมันใช้อำบ ดื่ม นั้นเป็นน�้ำเเร่ที่มีเเร่ธำตุต่ำงๆ มำกมำยนั่นเอง ไม่ว่ำจะเป็นพระนำง คลีโอพัตรำที่สวยอมตะก็อำบน�้ำเเร่ ท�ำสปำเช่นกัน ครำวนี้คนที่ชอบท�ำสปำ ก็รู้แหล่งที่มำที่ไปแล้ว แต่ที่ เมืองในต่ำงประเทศ กำรท�ำสปำในสมัยก่อนที่มีมำจนปัจจุบันนั้น คือ เป็นเหมือนแหล่งน�้ำบ�ำบัด คล้ำยๆ กับบ่อน�้ำร้อนของบ้ำนเรำ ที่เปิดเป็นสำธำรณะ บำงที่เรำจะได้บรรยำกำศย้อนยุคไปในสมัยก่อนเลยที่เดียว นอกจำกสปำแล้วอย่ำงที่กล่ำวมำตอนต้นคือ เบียร์ ฟองขำว น�้ำข้ำวบำร์เลย์ ข้ำวมอตล์ ที่ให้ พลังงำนควำมอบอุ่นในฤดูหนำว และยังเป็นที่มำของพลังงำน เพรำะท�ำกำรหมักจำกธรรมชำติล้วนๆ แต่ถ้ำดื่มเกิดขอบเขต แอลกอฮอล์ก็จะท�ำให้ร่ำงกำยไม่ดีเช่นกัน เพรำะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่ำงต้องมีควำม พอดี ที่เริ่มแรกจะเป็นบำทหลวงในสมัยก่อนที่หมักและท�ำเบียร์ จำกควำมมุ่งมั่นและศรัทธำ และ สมัยก่อน ต้องเตรียมอำหำรให้เพียงพอกับฤดูหนำวที่จะมำถึง พร้อมทั้งจ�ำหน่ำยเพื่อน�ำรำยได้เข้ำมำเพื่อกำรใช้ จ่ำย เบียร์ในเบลเยี่ยมจะมีหลำกหลำยยี่ห้อมำก ขวดกะทัดรัด มักจะจ�ำหน่ำยทั่วไปในขวดเล็กที่เมื่อรินมำ จะได้หนึ่งแก้วขนำดประมำณ 250 cc. จะไม่ค่อยมีนักที่เป็นกระป๋องเท่ำไหร่ มีบรรจุในขวดใหญ่ด้วยแต่ไม่ ค่อยมำกนัก ที่มีชื่อ คือ ดูว์เฟล Duval ที่จะรำคำสูงสักหน่อย แต่อร่อยชื่นใจ ต่อมำ Hoegaargen หรือ Leffe และก็มีระดับพระกำฬ อย่ำง CHIMAY จะเป็นรสชำติที่เข้ำลุ่มลึก กลำยเป็น 1 ใน 7 เบียร์ตระกูล Trappist ของโลกที่ต้องจิบให้ได้ เบียร์จะมีหลำกหลำยชนิดและสีสรร เบียร์ขำว เบียร์น�้ำตำล เบียร์สีทอง เบียร์เเดง เบียร์ชมพู ไปจนถึงเบียร์ด�ำ สีน�้ำตำลซ่อนเร้นสีส้มแดง ส่วนฟองหนำนุ่มเหมือนมูส บำง เบียร์มีกลิ่นหอมของคำรำเมล ผลไม้ต่ำงๆ ที่เมื่อผ่ำนไปที่เบลเยี่ยมต้องลงจิบจริงๆ สำมำรถไปนั่งดื่ม ที่ร้ำนรวงต่ำงๆ ที่เป็นบำร์ หรือจะไปหำได้ตำมซุปเปอร์ สโตร์ ที่มักขำยแยกขวดหรือยกแพค ว่ำแล้ว เรำก็ขี่รถจนไปหำที่ที่สำมำรถนั่งจิบเบียร์ แกล้มกับแซนวิชอบแฮมชีสที่รสชำดเข้ำกันได้อย่ำงกลมกลืนที่ เดียว นอกจำกเบียร์อีกอย่ำงที่มีชื่อไม่แพ้กันคือ ช็อคโกเลตเบลเยี่ยมที่เป็นผู้ผลิตช็อคโกเลตชั้นน�ำและ มีคุณภำพ คือ Belgian, Godiva, Guylian ที่เรำมักเห็นได้ชัดว่ำจะออกแบบเป็นตัวกุ้ง หอย อย่ำง สวยงำม แต่ช็อคโกเลตไม่แนะน�ำให้แกล้มกับเบียร์นะ เพรำะดูเหมือนจะไม่ได้รสชำดของทั้งเบียร์และช็อคโก เลตเลย คิดแล้วถ้ำมีโอกำศได้พักก็คงจะไปถึงเมืองสปำแช่น�้ำแร่ และจิบเบียร์ คงได้แรงเดินทำงต่อไปแบบ พลังงำนไม่มีหมดแน่นอน บรรยำกำศที่เบลเยี่ยม จะไม่ต่ำงกันนักกับเมืองที่เรำสำมำรถเห็นทั่วไปในรำยกำรท่องเที่ยว คือ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ บ้ำนเรือนมักจะเป็นทรงเดิม ที่สร้ำงด้วยอิฐเรียงกันสลับสวยงำม แต่มีควำม แตกต่ำงกันเพียงเล็กน้อยเท่ำนั้น เมื่อจิบเบียร์พักเหนื่อยกันเรียบร้อย ก็มุ่งหน้ำต่อไปยังประเทศของ รองเท้ำไม้ และ กังหันลม คือ เนเธอร์แลนด์….
For Ride Magazine July 2013 35
TECHKNOW
Let’s meet
Kevlar มาท�าความรู้จักเคฟล่ากันเถอะ
• DuPont บริษัทเคมีภัณฑ์จากประเทศอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1802 โดยเริ่ม ผลิตสิ้นค้าชิ้นแรกคือ “ดินปืน” นั่นเป็นจุดเริ่มต้นและท�าให้ DuPont เป็น ที่รู้จักไปทั่วโลกและขณะนี้เป็น 1 ใน 3 ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของโลก ความส�าเร็จของบริษัทมาจากการวิจัยและผลิตสารจ�าพวกโพลิเมอร์ จาก การผสมนู่นนี่นั่นจนได้เป็นวัสดุชนิดใหม่ที่กลายเป็นที่ต้องการของตลาด อย่างเช่น Vespel (เวสเปล), neoprene (นีโอพรีน), nylon (ไนล่อน), Corian (โคเรียน), Teflon (เทฟล่อน), Mylar (ไมล่า), Kevlar (เคฟล่า), Zemdrain (เซมเดรน), M5 Fiber (เอ็มไฟว์ ไฟเบอร์), Nomex (โนเม็กซ์), Tyvek (ไทเว็ค), Sorona (โซโรน่า), Lycra (ไลคร่า)....พอจะมีชื่อไหนคุ้นหู บ้างมั้ยครับ? สังเกตชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ พวกนี้แหละคือวัสดุ ใหม่ที่ผสมกันขึ้นมาภายใต้ลิขสิทธิ์ชื่อของ DuPont
36 For Ride Magazine July 2013
• Kevlar – เคฟล่า เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีอุปกรณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ท�าจากวัสดุยอดนิยมชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Kevlar ว่า แต่ท�าไมมันถึงเป็นที่นิยมนักและเจ้า Kevlar นี่มันมีที่มา ยังไงล่ะ? จริงๆ แล้ว Kevlar (เคฟล่า) นั้นจัดอยู่ใน หมวกเส้นไฟเบอร์ชนิดหนึ่ง (ไฟเบอร์แปลว่าเส้นใย) ลักษณะของเคฟล่าจะเป็นเส้นใยสีเหลืองจัดอยู่ใน ประเภท Aramid Fiber (เส้นใยทนความร้อน) เจ้า เคฟล่าแท้จริงแล้วเป็นชื่อที่ถูกจดทะเบียนขึ้นโดยบริษัท DuPont (ดู-ป๊อง หรือ ดู-พอนท์) เพื่อใช้เรียกเจ้า เส้นใยชนิดนี้และให้คนรู้ว่าเมื่อพูดถึงเคฟล่าต้องนึกถึง DuPont ว่าแต่ DuPont คือใครล่ะ?
• The Born of Kevlar – ต้นก�าเนิดเคฟล่า เรายังคงอยู่กับบริษัท DuPont แต่ย้อนกลับไป ณ วันที่เจ้าเส้นใยเคฟล่าได้ถือ ก�าเนิดขึ้น ในปี 1964 นักเคมีชื่อ สเตฟานี่ โควเลค และทีมงานได้พยายามค้นคว้าหา วัสดุชนิดใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่และช่วยท�าให้ยางรถยนต์นั้นน�้าหนักเบาแต่ทนทานเพื่อต่อสู้ กับปัญหาน�้ามันขาดแคลน เช่นเดียวกับการค้นพบเจ๋งๆ ทั่วโลก...เธอคนนี้ “บังเอิญ” ทดลองผสมวัสดุชิ้นใหม่ขึ้นจาก “โพลี-พี-ฟีนิลิน-เทเรฟทาเรท และ โพลีเบนซาไมด์” (เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าหมายถึงอะไร แต่....) แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นห่างไกลจากค�าว่า “ประสพความส�าเร็จ” นัก เจ้าของเหลวที่ได้จากการผสมนี้เป็นลักษณะของคริสตอล เหลวที่ดูขุ่นและกึ่งโปร่งแสงและเมื่อลองคนดดูก็พบว่ามัน “ไม่ค่อยหนืด” ส่วนมากผล การทดลองแบบนี้มักจะถูกโยนทิ้งไป แต่ว่าโควเล็คไม่ยอมแพ้และขอให้ช่างเทคนิคผู้คุม เครื่องปั่น “Spinneret” เพื่อท�าการทดสอบปั่นให้เจ้าของเหลวตัวนี้กลายเป็นเส้น แล้ว ทุกคนก็ต้องร้อง “ ว๊าว ว๊าว ว๊าว” เมื่อพบว่าเส้นใยที่ได้จากการปั่นนั้นไม่ “แตกหัก” เหมือนไนลอน จากความบังเอิญนี้เองที่ท�าให้ Kevlar ได้ถูกพัฒนาขึ้นและเริ่มเป็นที่นิยม ในปี 1971
• Grade of Kevlar – ชนิดของเคฟล่า เคฟล่านั้นแบ่งออกเป็นอีกหลายเกรดขึ้นอยู่กับกระบวนการ ผลิตแถมขั้นตอนการผลิตเคฟล่านั้นค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้อง ผ่านกรรมวิธีมากมายไม่ว่าจะเป็นการใช้กรดซัลฟิวริก, ต้องใช้น�้า ช่วยหล่อเลี้ยงและต้องปั่นออกมาเป็นเส้น เมื่ออกมาเป็นเส้นแล้ว เคฟล่ายังแบ่งออกเป็นเกรดได้ตามนี้ 1. Kevlar K-29 ใช้ท�าสายเคเบิ้ล, ใช้แทนแร่ใยหิน, ท�าผ้า เบรก, ท�าแฟริ่งหรือบอดี้ของรถ 2. Kevlar K-49 มีความเหนียวมากกว่า K-29 แต่ก็มีมวล หนากว่า ใช้ท�าเชือกหรือสายเคเบิ้ล 3. Kevlar K-100 เป็นคฟล่าเวอร์ชั่นที่ใส่สีสันเข้าไป 4. Kevlar K-129 มีความหนืดมากขึ้นเหมาะกับการกัน กระสุน 5. Kevlar AP ยืดหยุ่นได้ดีกว่า K-29 15% 6. Kevlar XP น�้าหนักเบากว่ารุ่นไหนๆ 7. Kevlar KM2 เพิ่มความหนืดมากขึ้นกันกระสุนได้ดีขึ้น เหมาะกับการท�าชุดเกราะอย่างดี นอกจากนี้ DuPont ยังคิดค้นวัสดุใหม่ๆ โดยพัฒนาจาก เคฟล่าแตกสาขาออกไปจนครอบคลุมการใช้งานแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเคฟล่าแบบกันไฟ, เคฟล่าแบบรวงผึ้ง, เส้นใยเคฟล่า, เคฟล่าแบบยางยืดและอีกมากมาย แต่ในเมื่อมันมีข้อดีมันก็ต้อง มีข้อเสีย ข้อเสียของเคฟล่าคือ “แพ้รังศี UV” หรือแพ้แดด นั่นเอง เส้นใยเคฟล่าถ้าไม่มีการผสมกับอะไรเลยจะถูกแดดท�าให้ เปื่อยลงไปเรื่อยๆ และสลายตัวในที่สุด...เพราะงั้นจึงไม่ค่อยมี ใครน�าวัสดุเคฟล่ามาใช้กับงานที่ต้องโดดแดดตรงๆและโดนแดด ทั้งวัน... For Ride Magazine July 2013 37
TECHKNOW
• Temperature Property – คุณสมบัติด้านอุณหภูมิ เป็นที่รู้กันดีว่าเคฟล่าสามารถทนความร้อนได้ดีแต่มันก็สามารถทนความเย็นได้ดีเช่น เดียวกัน มันสามารถทนความเย็นได้มากถึง -196 องศาเซลเซียส (ยิ่งเย็นมันจะยิ่งแกร่ง) แม้มันจะสามารถทนความร้อนได้ดีแต่มันก็มีลิมิตของตัวมันเองอยู่ อัตราการเพิ่มขึ้นของ อุณหภูมิและระยะเวลาที่ได้รับความร้อนนั้นมีผลต่อความสามารถในการต้านทานอย่าง สัมพันธ์กัน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเคฟล่าได้รับความร้อน 160 องศาเซลเซียสความแกร่ง จะลดลง 10% เมื่อเวลาผ่านไป 500 ชม. (เหมือนเอาผ้าเคฟล่ามาเผาไฟทิ้งไว้ 20 วัน.... นานไปมั้ยพี่) อีกตัวอย่าง ที่อุณหภูมิ 260 องศา...เมื่อเวลาผ่านไป 70 ชม.ความแกร่ง จะลดลง 70%
• What can Kevlar do? – เคฟล่าเอามาท�าอะไรได้มั่ง? ระบบหล่อเย็น – เคฟล่าสามารถทนความเย็นได้ดีและยังคงความแกร่งอยู่ตลอดเวลา นั่นท�าให้การใช้ท�าเป็นวัสดุบุกันไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกไปหรือกันไม่ให้ความร้อนมาเจอกับ ความเย็นเป็นอะไรที่เคฟล่าถนัด ชุดเกราะ – เคฟล่าได้รับความนิยมมาในการท�าชุดเกราะส�าหรับสวมใส่ เริ่มตั้งแต่หมวก กันกระสุนไปจนถึงหน้ากากกันกระสุน เหตุนี้เองที่ท�าให้ชุดเกราะกันกระสุนของทั้งทหารและ ต�ารวจจึงให้ความไว้วางใจเคฟล่าให้ช่วยรับกระสุนแทน อุปกรณ์ป้องกันแบบสวมใส่ – ไม่จ่าจะเป็นถุงมือขี่มอเตอร์ไซค์ หมวกกันน็อค ชุดหนัง รองเท้า กางเกงยีนส์และสารพัดอุปกรณ์ป้องกันสมัยใหม่ที่ต้องเน้นความเบาและ ความบางเป็นหลักท�าให้ Kevlar กลายเป็นที่นิยมในเครื่องป้องกันแบบสวมใส่เหล่านี้ ตั้งแต่นัก ปั่นจักรยานไปจนถึงนักแข่ง F1 ต่างก็ต้องใช้ชีวิตใกล้ชิดกับวัสดุเคฟล่าเหล่านี้ อุปกรณ์การกีฬา – เชื่อหรือไม่ว่ายางจักรยานยางรุ่นก็ท�าจากเคฟล่าเพราะมัน ช่วยลดน�้าหนักให้กับยางแต่ยังคงความแข็งแกร่งเหมือนยางที่ใช้ผ้าใบทั่วไป ในกีฬาเทนนิสเคฟ ล่าถูกใช้เสริมเข้าไปในตัวไม้เพื่อท�าให้ตัวไม้ยืดหยุ่นและรับแรงกระแทกจากลูกเทนนิสได้ดีขึ้น ใน การแข่งรถมอเตอร์ไซค์ที่ความเร็วค่อนข้างสูง...การใช้เคฟล่าเข้ามาช่วยรองรับการเสียดสี และรองรับแรงดึงมหาศาลจากการล้มของนักแข่งกลายเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส�าหรับกีฬาเสี่ยงตายอย่างเครื่องร่อนหรือการโดดร่มชูชีพ...เคฟล่าก็เป็นวัสดุหลักที่ทั้งเบา และแข็งแรงทนต่อแรงดึงดูดของโลกและแรงลมได้ดี ในกีฬาแข่งเรือเคฟล่าถูกใช้ท�าใบเรือเพื่อให้ เรือท�าความเร็วได้ดีที่สุด 38 For Ride Magazine July 2013
รองเท้า – Nike น�าเอาเคฟล่าไปใช้ท�ารองเท้าครั้งแรกในรุ่น Elite II หน้าที่หลัก
ของมันคือช่วยลดการยืดบริเวณปลายเท้าเพราะวัสดุเดิมๆ อย่างไนลอนจะยืดหรือให้ ตัวมากเกินไปจนท�าให้นักบาสเก็ตบอลไม่สามารถวิ่งหรือกระโดดได้อย่างที่ใจต้องการ (ไนลอนขยายตัวได้ 30% ในขณะที่เคฟล่ายืดตัวออกไปแค่ 1 %) ล�าโพง – เคฟล่าถูกค้นพบว่าเมื่อยัดเข้าไปในล�าโพงแล้วมันจะท�าให้เสียงทุ้มนุ่มลื่น หูและมันถูกผสมกับใยแก้วเพื่อให้น�าเสียงออกจากล�าโพงได้ดีขึ้น เครื่องสาย – เครื่องสายบางประเภทปัจจุบันใช้สายที่ท�าจากเคฟล่าสาเหตุเพราะ มันแข็งแรงแต่ยืดหยุ่นได้ดี กลอง – ใช้ท�าหน้ากลองโดยเฉพาะกลองสแนร์ที่ต้องรองรับการกระหน่พตี อย่างหนักหน่วงรวดเร็วและรุนแรง กระบองไฟ – ใช้คู่กับวัสดุอย่างอื่นเช่นนุ่นหรือใยแก้วเพราะเคฟล่ามีการดูดซับ น�้ามันได้ไม่ค่อยดีแต่ทนไฟได้ดีเยี่ยม กระทะทอด – ใช้แล้วครับบางครั้ง Kevlar ก็ถูกใช้แทน Teflon ในการท�ากระทะ ทอด เพื่อให้อาหารไม่ติดกับกระทะ เชือก/เคเบิ้ล – สายเคเบิ้ลบางประเภทจะใช้เคฟล่าหุ้มไว้ด้านนอกเช่นเดียวกับ เชือกขนาดใหญ่ที่ต้องการการปกป้องผิวด้านนอกโดยเคฟล่าจะคอยท�าหน้าที่รองรับ การตัดหรือเฉือนหรือการเสียบดสีที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งาน สิ่งปลูกสร้าง – เคฟล่าเคยถูกใช้ท�าหลังคาที่พับได้ของสนามแข่งโอลิมปิค มอนทรีอัลในปี 1976 ในช่วงโอลิมปิคฤดูร้อน ซึ่งมันไม่ค่อยประสบความส�าเร็จนัก ผ้าเบรก – เคฟล่าทนความร้อนได้ดีและทนแรงเสียดทานได้มาก ท�าให้การใช้ผ้า เบรกที่ท�าจากเคฟล่าโดยเฉพาะในการแข่งขันอย่าง F1 หรือ MotoGP นั้นช่วยลด ความเร็วจาก 300 กม./ชม. ลงมาได้อย่างรวดเร็ว หวังว่าแฟนๆ FRM จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าเส้นใยวิเศษ Kevlar นี้มากขึ้นและ อาจช่วยให้ติดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่ท�าจากเคฟล่าหรือมีส่วนผสมของเคฟล่าได้ดี ขึ้น...แต่ตอนนี้เราเชื่อว่าต้องมีคนเกิดค�าถามในหัวว่า “แล้วเคฟล่าเหมือนหรือต่าง กันกับคาร์บอนไฟเบอร์?”….ฉบับหน้าเราจะมาท�าความรู้จักคาร์บอนไฟเบอร์กัน ครับ!
For Ride Magazine July 2013 39
Grip-Lock
Your bike’s 2nd chance
โอกาสที่ 2 ให้รถสุดรัก ช่
วงนี้มีข่าวรถหายบ่อย...ไม่ว่าจะเป็น เพราะพิษเศรษฐกิจไม่ดีหรือเป็นเพราะใครคนนั้น (โจร) หลงรักรถคันโปรดของคุณ ไม่ว่าเหตุผล อะไรก็ตาม คุณคงไม่อยากให้รถมอเตอร์ไซค์คัน โปรดของคุณต้องอันตรธานหายไปก่อนเวลาอัน ควรใช่มั๊ยครับ? FRM เชื่อว่าชาว 2 ล้อทุกท่าน ต้องมีวิธีป้องกันรถหายในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ว่านั้นคงจะหนีไม่พ้นการ “ล็อค” รถ...ว่าแล้ว FRM ก็ไปสรรหาอุปกรณ์ล็อครถ มาตัวนึงที่น่าสนใจทั้งในด้านหน้าตาและรูปแบบการ ล็อค...มันคือ “Grip-Lock”
Getting know Grip-Lock
มาท�าความรูจ้ กั Grip-Lock กันก่อน
ค�าว่า Grip แปลว่า การเกาะยึดแต่ในที่นี้หมาย ถึงปลอกแฮนด์หรือคันเร่ง ส่วน Lock แปลตรงตัว เลยครับว่าการล็อค เมื่อ 2 ค�านี้มารวมกันจึงกลาย เป็น Grip-Lock = การล็อคปลอกแฮนด์ หรือ ล็อค ติดไม่ขยับ หรือ ล็อคน้องกิ๊ฟ (อันนี้ไม่เกี่ยว) ที่มา ของเจ้าตัวล็อครถหน้าตาประหลาดอันนี้มีต้นก�าเนิด มาจากประเทศนิวซีแลนด์ แดนกีวี่ บริษัท Grip-Lock เริ่มผลิตอุปกรณ์ล็อคแฮนด์-คันเร่งมาตั้งแต่ปี 1996 และต่อมาได้รับรางวัล Govenrment Industry Award ในปี 2008 ปัจจุบัน Grip-Lock ก็ยังคงเป็น ผลิตภัณฑ์ล็อคคันเร่งที่เป็นแบรนด์ของนิวซีแลนด์ 100% และออกวางจ�าหน่ายใน 15 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป อเมริกา แอฟริกา และทวีปที่มียอด การโจรกรรมรถเยอะไม่แพ้ใครอย่างเอเชีย!
ข้อมูลทางเทคนิค ตัวล็อค : กุญแจ : บอดี้ : ตัวเสริมความแกร่ง : สี : น�้ำหนัก : ยำว x กว้ำง x สูง : สลักยึด : กลไกกำรล็อค : ผิวภำยนอก :
40 For Ride Magazine July 2013
สามารถใช้ได้กับมอเตอร์ไซค์ (เกือบ) ทุกรุ่นที่มีขนาดความ กว้างของปลอกแฮนด์ที่ 27-38 มม. มีแผ่นยาง 3 แผ่น กุญแจตัดด้วยเลเซอร์พร้อมฟัน 2 ด้านเพื่อป้องกันการ โจรกรรม 2 ดอก วัสดุหลักของบอดี้ตัวล็อคท�าจากไนลอนผสมไยแก้ว 30% ด้านในมีโครงเหล็กท�าจากเหล็กกลม 3 ชิ้นหนา 3.1 มม. เป็นเหล็กชุบแข็งที่ออกแบบมาให้แข็งกว่าใบเลื่อย มี 5 สีให้เลือกได้แก่ ด�า, เหลือง, แดง, เขียว, ชมพู 330 กรัม 15 x 4.5 x5 ซม. สลักสแตนเลสพร้อมตัวล็อคสลักเพื่อความทนทานต่อ สภาพอากาศ เสริมวงแหวนป้องกันการโจรกรรมส�าหรับป้องกันการเจาะ กระแทก เคลือบโพลีคาร์บอเนตเพื่อให้ทนต่อทุกสภาพอากาศ (อากาศในนิวซีแลนด์ค่อนข้างโหด)
Gear Hunter
How to
use it 1. ใช้กุญแจปลดล็อคแล้วเปิด Grip-Lock ออกจำกกัน 2. น�ำ Grip-Lock ใส่เข้ำไปโดยหันด้ำนที่มีชิ้นพลำสติก ส�ำหรับล็อคก้ำนเบรกไว้ด้ำนล่ำง 3. วำงต�ำแหน่งแผ่นยำงล็อคแฮนด์ให้ตรงกับร่องจำกนั้น ดึงก้ำนเบรกมำด้ำนหลังให้ลงไปในร่องล็อค 4. กรณีที่ก้ำนเบรกมีระยะไม่พอดีกับตัวล็อคให้สไลด์ตัว ล็อคจนได้ต�ำแหน่งที่พอใจ 5. จำกนั้นลองประกบตัวล็อคเข้ำหำกันเพื่อเช็คว่ำแฮนด์ ของรถเรำพอดีกับร่องล็อคหรือไม่ ถ้ำเล็กเกินไปให้ใส่แผ่น ยำง 2 แผ่น ถ้ำแน่นเกินไปให้เปลี่ยนแผ่นยำงเป็นอันที่เล็กกว่ำ หรือใช้แผ่นยำงแค่แผ่นเดียว (ยกตัวอย่ำง Nouvo Elegance ที่มีปลอกแฮนด์ใหญ่ท�ำให้ใช้แผ่นยำง 1 แผ่นก็เพียงพอ) 6. เมื่อสำมำรถประกบ Grip-Lock ได้จนสนิทให้ลองเช็ค ว่ำระยะเบรกพอดีหรือไม่ ถ้ำต้องกำรให้ Grip-Lock ดึงเบรก ไว้จนแน่นก็ให้เลื่อนแผ่นล็อคก้ำนเบรกมำด้ำนหลังอีกเล็ก น้อย...จำกนั้นลองประกบดูอีกครั้ง 7. ขั้นตอนสุดท้ำยคือกำรประกบ Grip-Lock เข้ำหำกัน จำกนั้นกดปุ่มล็อคเข้ำไป...แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ แต่!! อย่ำมัว ดีใจว่ำมีที่ล็อคคันเร่งแล้วแต่กลับลืมกุญแจไว้ที่รถนะครับ
They say… - เค้าพูดว่า... แม้จะมีอุปกรณ์กันขโมยอยู่มากมายหลายแบบในท้องตลาด ซึ่ง แต่ละเจ้าก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว...แล้ว Grip-Lock เค้ามีดีอะไรถึงได้กล้า รับประกัน 100% Satisfaction Guarantee (รับประกันความพึงพอใจ 100%) …เรามาฟังจากปากผู้ผลิตกันเลยดีกว่า... - จุดเด่นที่เตะตาสะดุดใจและอาจท�าให้โจรเปลี่ยนใจ “ไปขโมยรถคัน อื่น” อยู่ที่สีสันและดีไซน์ที่ใครเห็นเป็นต้องหยุดมอง - ไซส์กะทัดรัดสามารถเก็บในกระเป๋าได้ง่าย - ผ่านการทดสอบการกระแทกอย่างรุนแรงในห้องทดลองมาแล้ว - น�้าหนักเบาแต่แข็งแกร่งด้วยโครงสร้างเหล็กภายในที่ถูกออกแบบ มาสู้กับฟันของใบเลื่อยโดยเฉพาะ - ใช้ได้กับรถสกู๊ตเตอร์ทุกรุ่น รวมถึงมอเตอร์ไซค์ทั่วไปและ ATV - ไม่มีวันลืมปลดล็อคมันออกเหมือนตัว “ล็อคดิสก์” ทั่วไป...นั่น ช่วยตัดปัญหาเรื่องดิสก์เบรกคดหรือปั๊มเบรกพัง - สามารถปรับระยะการล็อคก้านเบรก-ก้านคลัทช์ได้ นั่นหมายความ ว่าคุณสามารถเลือกได้ว่าจะล็อคให้เบรกแน่นแค่ไหน - รูกุญแจชนิดพิเศษป้องกันการเจาะหรือสะเดาะด้วยการผสมผสาน สลักกว่า 50,000 แบบ - ไม่ต้องใช้กุญแจเสียบในการล็อค - การล็อคเบรกหน้าไว้จะป้องกันไม่ให้รถถูกผลักลงจากขาตั้งคู่หรือ ขาตั้งเดี่ยวได้ง่าย - การล็อคคลัทช์และเข้าเกียร์ไว้จะช่วยให้ไม่สามารถ “เข็นกระตุก” ได้ - การล็อคเบรกหลังส�าหรับรถสกู๊ตเตอร์ไว้ล้อหลังไม่หมุนมี ประโยชน์อย่างยิ่งในการเซอร์วิสชุดล้อหรือชุดขับเคลื่อน
Gear Hunter
And we say… - ส่วนตัวเราคิดว่า... ถ้าพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก...เราคิดว่ามันดูเตะตาดีแต่ไซส์ออกจะใหญ่ ไปนิดเมื่อเทียบกับตัวล็อคดิสก์เบรก...แต่แน่นอนว่าส�าหรับใครที่ไม่อยากนั่ง ก้มลงไปล็อคดิสก์และเวลาจะขี่ก็ต้องก้มลงไปปลดล็อคมันอีก ดีไม่ดีถ้าลืม ล็อคดิสก์ไว้อาจท�าให้ดิสก์เบรกคดได้ง่ายๆ...นี่ยังไม่ได้พูดถึงเวลาที่เราพึ่ง จอดรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆ แล้วดิสก์เบรกร้อนจนทอดสเต็กได้นะครับ...การ ล็อคที่แฮนด์นอกจากมีผลทางด้านกายภาพ (ความสะดวกในการใช้และความ ประสิทธิภาพในการล็อค) เรายังคิดว่ามันยังมีผลด้านจิตวิทยาอีกด้วย... การที่ตัวล็อคนั้นสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายก็อาจมีผลท�าให้ผู้ไม่หวังดี (โจร) อาจเปลี่ยนใจหรือเปลี่ยนเป้าหมายไม่อยากขโมยรถของคุณที่มี Grip-Lock โชว์หราอยู่แบบนั้นก็เป็นได้....อย่างน้อยการเสียเงินราวๆ 2 พันบาทเพื่อซื้อ “โอกำสที่ 2” ให้รถสุดรักของคุณรอดพ้นจากเงื้อมือผู้ไม่หวังดีก็เป็นการ ลงทุนที่คุ้มค่าครับ
For Ride Magazine July 2013 41
? e r a u o y h How toug k c o L p i r G FRM vs.
k c o L p i r G ะ ท ะ ป นายแน่แค่ไหน FRM
ต่อเนื่องจากคอลัมน์ที่แล้วที่เราน�าเสนอที่ล็อคคันเร่ง-เบรก Grip-Lock…เพื่อเป็นการตอบค�าถามล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นกับสินค้าตัว นี้ (และตอบข้อสงสัยของ FRM เอง)...เราจึงสร้างคอลัมน์น้องใหม่ ล่าสุด “FRM Lab” เพื่อท�าการทดสอบไอเท็มแต่ละชิ้นที่เราสนใจ โดย เฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์กันขโมยที่ต้องใช้มากกว่าหน้าตาที่สวยงาม... แต่มันต้องใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพที่สมกับราคาด้วย! งั้นเรามา เริ่มยกแรกกันเลยดีกว่า... 42 For Ride Magazine July 2013
FRM Lab
Round 1 Hack Saw – ยกแรกเลือ่ ยมือ ทาง Grip-Lock โฆษณาไว้ว่า “เนื้อวัสดุหลักท�าจากไนลอนผสมไยแก้ว 30%”...ไม่รู้หละ ถ้ามัน ถูกออกแบบมาให้ล็อครถมันก็ต้องป้องกันการถูกโจรกรรมและการขโมยได้ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องรองรับ การถูกเลื่อยช�าแหละซึ่งก็เป็นพื้นฐานของการขโมยได้! ผลลัพธ์ – ล็อค Grip-Lock ในต�าแหน่งปกติจากนั้นใช้เลื่อยและคนเลื่อยที่มีหน่วยก้านดีคนหนึ่ง ลองออกแรงเต็มที่ดู....ปรากฏว่าในเวลา 40 วินาที...คนเลื่อยหมดแรงซะก่อน ตรวจสอบดูพบว่ารอย เลื่อยผ่านชั้นพลาสติกได้อย่างสบายแต่ไปหยุดอยู่ที่ชั้น “ผิว” ของแกนเหล็กด้านใน...เสียงตอบรับจาก คนเลื่อยคือ “จากชั้นพลาสติกถึงชั้นเหล็กน่ะง่าย แต่เมื่ออยู่ที่แกนเหล็ก...เลื่อยยังไงก็เหมือนอยู่ที่ เดิม” เราลองเลื่อยซ�้าอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิมคือ...คนเลื่อยหมดแรงก่อนจะตัดผ่านเหล็กชั้นแรกได้...รวม เวลาในการเลื่อย 2 ครั้งเกือบ 2 นาทีแถมมุมองศาการเลื่อยก็ไม่ “สะดวก” เท่าไหร่...นี่แหละการป้องกัน ชั้นแรกที่ได้ผล – สรุปว่าการเลื่อยผ่านครับ!
Round 2 Cutting lever – ลองตัดก้านเบรก มีค�าถามจากทางบ้านเข้ามาว่า “แล้วถ้าตัดก้านเบรกแล้วดึง GripLock ออกล่ะ?” ถามมาแบบนี้ก็จัดไปครับ ใช้เลื่อยตัดปลายก้านเบรกดูว่า จะเป็นยังไง ผลลัพธ์ – แม้จะตัดหมุดกลมๆ ที่ปลายก้านเบรกออกซึ่งใช้เวลาตัด หมุดแค่ 10 กว่าวินาทีเท่านั้น...แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถดึง Grip-Lock ออกได้ตรงๆ อยู่ดี เพราะผ่านยางที่ท�าหน้าที่ล็อคคันเร่งไว้นั่นเอง แต่แล้ว เราก็ลองอีกวิธีคือการตัดที่โคนของก้านเบรก...วิธีนี้ท�าให้ก้านเบรกหลุด ออกแต่ก็ต้องใช้เวลาราวๆ 20 วินาที....แม้ว่าก้านเบรกจะหลุดออกมาแต่ Grip-Lock ก็ยังคงล็อคอยู่แบบนั้น...ต่อให้ขโมยไปได้ก็ไม่สามารถหรืออาจจะ ขี่รถได้ แต่เต็มไปด้วยความล�าบากเพราะ Grip-Lock ที่แฮนด์เป็นอุปสรรคใน การขับขี่อย่างมาก
Round 3 Hack Saw vs. Pin Lock – เลือ่ ยบานพับ ลองมองหาจุดที่น่าจะ “เป็นจุดอ่อน” ของ Grip-Lock ดูเราก็พบว่าตรงบริเวณ บานพับน่าจะอ่อนแอและไม่มีเหล็กมารองรับแน่ๆ แต่.... ผลลัพธ์ - ...แค่คิดจะเลื่อยตรงบานพับก็พลาดแล้วหละครับเพราะมุมองศามันช่าง ไม่เอื้ออ�านวยในการเลื่อย...และเมื่อลองเลื่อยไปเกือบ 1 นาที....สุดท้ายเราก็มาหยุดอยู่ที่ “แกนเหล็ก” มันช่างท�าร้ายจิตใจขโมยอย่างเราซะจริง! อะไรมันจะรอบคอบขนาดท�าให้แกน เหล็กให้ยาวมาจนถึงบานพับแบบนี้ แม้จะเลื่อยพลาสติกไปแล้ว Grip-Lock ก็ยังคงแข็งแรง และเป็นไปไม่ได้ที่จะพยายามบิดให้มันเบี้ยว...ถึงจุดนี้โจรเริ่มปวดมือแล้วหละครับ For Ride Magazine July 2013 43
Round 4 Smashing Hammer! – ทุบมันเลย! เพื่อเป็นการปลอดภัยต่อรถเรา...ในกรณีที่เราทดสอบแล้วเกิดการผิดพลาดจาก การใช้ค้อนทุบที่รูกุญแล้วท�าให้ไม่สามารถปลดล็อคได้ เราจึงถอด Grip-Lock ออกมา “ทุบ” กับพื้นโดยมีเป้าหมายอยู่ที่เบ้ากุญแจซึ่งเราคิดว่าถ้าทุบมันแรงๆ มันคงพังแล้วกระ เด้งเปิดตัวเองออกมาในที่สุด แต่ที่เราคิดไว้นั้นมัน...... ผลลัพธ์ – ไอ้ที่เราคิดไว้มันผิดพลาดไปหมด ไม่ว่าจะออกแรงทุบยังไงมันก็ไม่ ยอมออก สังเกตแป้นกุญแจมีรอยบุบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่ขนาดเราถอดออกมาทุบ แบบจั๋งหนับแบบนี้มันยังไม่ยอมออก แบบนี้ลืมไปได้เลยถ้าคิดจะใช้ค้อนทุบตอนที่มันล็อค อยู่กับแฮนด์ เพราะมุมและความแรงในการทุบไม่เท่ากับที่เราทดลองแน่นอน...หลังจาก ลองทุบและไขกุญแจพบว่า..มันก็ยังใช้งานได้อยู่
Last Round Hammer + Screw Driver – ค้อน + ไขควงทะลวง ในเมื่อใช้วิธีไหนๆ มันก็ไม่ยอมออก...งั้นเราใช้วิธีสุดคลาสสิคสุดโหดเลยแล้วกัน มันต้องเจอกับค้อนและ ไขควง เราคิดว่าการใช้ไขควงปากแบนตอกเข้าไปในรูกุญแจมันจะท�าให้เฟืองและเขี้ยวกุญแจพังและปลดล็อคตัว เองออกมาจนได้ (ออกเถอะนะขอร้อง) ผลลัพธ์ – ตอกมันเข้าไปแรงๆ ตอกจนไขควงปักคาอยู่ในรูกุญแจ Grip-Lock ก็ไม่ยอมเปิดออก ลองตอกซ�้าแล้วซ�้าอีกรูกุญแจก็ไม่มีท่าทีว่าจะ “บี้” เข้าไปแม้แต่น้อย ลองตอกจากด้านข้างตัวพลาสติก...ไขควง ก็ปักคาอยู่แบบนั้นแต่ล็อคก็ยังคงไม่เปิดออก ลองตอกจากข้างแป้นกุญแจ Grip-Lock ก็ยังคง “ปิดตาย” สุดท้ายแล้วก็ไม่มีวิธีไหนที่จะเปิด Grip-Lock ได้นอกจากใช้กุญแจของตัวมันเอง แต่ข้อเสียที่เราพบก็คือ ถ้า ถูกตอกรูกุญแจอย่างหนักหน่วงอาจท�าให้ไม่สามารถใช้กุญแจไขได้อีกต่อไป แต่อย่างน้อยเราก็ควรภูมิใจที่ Grip-Lock ได้ท�าหน้าที่ของมันคือ “ป้องกันการโจรกรรม” 44 For Ride Magazine July 2013
FRM Lab
Finally the result is… - ผลการทดลองก็คอื .. Grip-Lock เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้ล็อคคันเร่งและเบรกได้ใน เวลาเดียวกัน ข้อดีหลักๆ ที่เราเจอก็คือ : Advantage – ข้อดี 1. มันโดดเด่นเตะตาทั้งดีไซน์และสีสัน 2. มันล็อคอยู่ด้านบนแตกต่างจากล็อคดิสก์ที่ต้องก้มลงไปข้างล่าง 3. มันไม่ท�าร้ายชิ้นส่วนไหนๆ ของตัวรถ แตกต่างจากล็อคดิสก์ที่ถ้า เผลอลืมถอดออกก่อนออกรถอาจท�าให้ดิสก์คดหรือาจท�าให้สายเซ็นเซอร์ ABS ถูกบี้จนขาดได้ (เสียเงินอีกเป็นพัน) 4. มันสามารถใช้ล็อคได้ทั้งเบรกหน้าและเบรกหลังหรือล็อคคลัทช์เพื่อให้ ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้ 5. มันเลื่อยไม่เข้าเพราะมีโครงเหล็กอยู่ด้านใน 6. เบ้ากุญแจแกร่งจนแทบท�าอะไรมันไม่ได้เลย 7. แม้จะเลื่อยตุ้มปลายก้านเบรกออกตัวล็อคก็ยังแน่นจนไม่สามารถดึง Grip-Lock ออกจากแฮนด์ได้ 8. น�้าหนักเบามากและตัววัสดุน่าจะทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี : Disadvantage – ข้อเสีย 1. ถ้าถูกตอกรูกุญแจจนเสียหายแล้ว วิธีเดียวที่จะปลดล็อคมันออกได้ คือการตัดมันออก 2. ขนาดใหญ่ไปนิดแต่ก็เหมาะส�าหรับคนที่มีกล่อง U-Box 3. ราคา (2,200 บาท) พอๆ กับตัวล็อคดิสก์เบรกแบรนด์ดังท�าให้ ตัดสินใจล�าบาก *ข้อดีและข้อเสียดังกล่าวเกิดจากความเห็นส่วนบุคคลซึ่งอาจแตกต่างกันไปในผู้ใช้แต่ละคน
หลังจาก “สนุก” อยู่กับเจ้า Grip-Lock 1 ชั่วโมงเต็มๆ พยายามแกะแงะงัดตอกเลื่อยดึงกระแทก...สุดท้ายแล้วเราต้อง บอกว่า “น่าจะเชื่อวิดีโอทดสอบของ Grip-Lock ตั้งแต่แรก... ไม่น่ามานั่งปวดมือปวดแขนลองเองเลย” สรุปแล้ว GripLock เป็นอุปกรณ์ล็อครถที่ช่วยเพิ่มโอกาส “รอด” จากการ ถูกขโมยหรือจะเรียกว่า “ถ่วงเวลา” การถูกขโมยรถออกไปก็ ว่าได้ เพราะความจริงที่ว่าไม่มีอุปกรณ์กันขโมยชิ้นไหนป้องกันได้ 100% ท�าให้เราควรคิดว่าอุปกรณ์ล็อครถแบบไหนที่ “ถูกใจ” และสะดวกต่อการใช้งานกับรถสุดรักมากกว่ากัน แต่ถ้าใครที่มอง หาอุปกรณ์ล็อครถดีๆ ซักอัน...เราแนะน�าให้ลองดู Grip-Lock ที่ล็อคแฮนด์-คันเร่ง-เบรกในเวลาเดียวกัน ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ตัวแทนจ�าหน่ายอย่างเป็นทางการร้าน Panda Rider โทร 02-940-4477 หรือ 087-590-4244 หรือ www.pandarider.com
For Ride Magazine July 2013 45
MotoGP Report
Autodromo del Mugello แรงมาตัง้ แต่กอ่ นสงครามโลก!
เรามาขุดคุ้ยประวัติสนามแข่งชื่อดังกันต่อกับสนามที่ 5 Mugello (มูเจลโล่) แห่งแดนมักกะโรนีประเทศอิตาลี่ สนามที่มี ทางตรงยาวที่สุดสนามหนึ่งในการแข่งขัน MotoGP แถมเป็น สนามบ้านเกิดของนักแข่งในต�านานอย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ มา ดูที่มาที่ไปของสนามแห่งนี้กัน!
• From dust to asphalt – จากฝุ่นสู่ยางมะตอย ณ ตอนเหนือของประเทศอิตาลี่คือที่ตั้งของสนามแข่งที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนานนับตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อก่อนเมืองมูเจลโล่นั้นก็มี การจัดการแข่งขันแบบ Road Racing (แข่งบนถนน) อยู่แล้ว เพียงแต่สมัยนั้น ถนนหนทางยังคงเป็นดินอยู่ ท�าให้แข่งขันแต่ละทีฝุ่นฟุ้งตลบอบอวนเนื่องจากรถ ที่ใช้แข่งจะเป็นรถยนต์ท�าให้มูเจลโล่ในสมัยนั้นเป็นสนามแข่งที่ค่อนข้าง “เละเทะ” เป็น พิเศษ ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 การแข่งขันรถยนต์รายการต่างๆ เริ่มให้ความสนใจกับเมืองมูเจลโล่และเริ่มจัดการแข่งขันบนถนนแบบปิดโดยใช้ระยะ ทางทั้งหมด 66 กม. การแข่งขันเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นจนกระทั่งในปี 1970 มี นักแข่งเสียหลักพุ่งรถเข้าใส่กลุ่มคนดูเป็นเหตุให้เด็กวัย 7 ขวบเสียชีวิต รวมถึง อุบัติเหตุที่มักเกินขึ้นบ่อยครั้งท�าให้การแข่งขันแบบ Road Race ต้องยุติลง สนามประลองความเร็วถือก�าเนิดขึ้นอีกครั้งในปี 1973 และ สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1974 และเริ่มสานต่อการแข่งขันความเร็ว ระดับโลกต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ สนามมูเจลโล่ถูกออกแบบมาอย่าง ดีโดยเตรียมพร้อมจัดเซฟตี้ต่างๆ ส�าหรับเหตุไม่คาดคิด อย่างเช่น Run-Off Area (พื้นที่โล่งนอกโค้ง) ที่กว้างซะจนสามารถหยุดรถที่ วิ่งด้วยความเร็วสูงไม่ให้หลุดออกนอกพื้นที่สนามแข่งหรือชนกับรั้ว ได้ นั่นท�าให้การแข่งขัน F1, MotoGP และ World Superbike ต่าง บรรจุสนามมูเจลโล่เข้าเป็นหนึ่งในสนามที่ต้องมาแข่งขันในทุกๆ ปี อีก เหตุผลที่ท�าให้สนามมูเจลโล่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็เพราะว่าเจ้าของ สนามนี้คือ Scuderia Ferrari ทีมแข่ง F1 เฟอรารี่ที่ใช้สนามนี้เป็นที่ ซุ่มซ้อมส่วนตัว 46 For Ride Magazine July 2013
• Technical Data สนามมูเจลโล่นั้นอยู่ภายใต้การบริหารของ Paolo Poli (เปาโล โพลี่) ตัวสนามมีพื้นที่แพ็ดดอกรองรับทีมแข่งได้มากถึง 20 ช่องด้วยกัน แต่ละ ช่องกว้าง 12 คูณ 12 เมตร ซึ่งพื้นที่ขนาดนี้เพียงพอส�าหรับการแบ่งทีม เตะฟุตซอลได้เลย (เว่อไปมั้งพี่?) ในส่วนของความปลอดภัย...กล้อง CCTV 27 ตัวถูกควบคุมโดยห้องควบคุมที่มีเจ้าหน้าที่คอยจับตาดูทุกส่วนทุกโซน ของสนามแข่ง ออกจากห้องควบคุมมาดูในสนามกันบ้าง...ตามโค้งอันตราย จะมีแอร์แบคยักษ์เอาไว้ช่วยเซฟนักแข่งไม่ให้ลอยออกไปหาช่างภาพหรือ กระแทกกับรั้วเหล็ก ก�าแพงยางส�าหรับโค้งที่เร็วแบบปานกลางและบ่อกรวด ในช่วง Run-Off เพื่อชะลอความเร็วรถที่หลุดโค้ง ความยาวสนามทั้งหมด 5.245 กม. กว้าง 14 เมตร ลักษณะการวิ่งแบบ ‘ตามเข็มนาฬิกา’ มีโค้ง ขวาทั้งหมด 9 โค้ง ไฮไลท์ของโค้งขวาอยู่ที่แฮร์พิน (โค้งรูปตัวยู) และชิเคน (โค้งรูปตัว S) เนื่องจากมูเจลโล่ถูกออกแบบมารองรับการแข่งขันรุ่นใหญ่สุด อย่าง F1 ซึ่งความเร็วนั้นสามารถทะลุ 400 กม./ชม. ได้อย่างสบายท�าให้ สนามต้องมีชิเคนคอยลดความเร็วเป็นระยะ ดูต่อกันที่โค้งซ้าย 6 โค้ง ไฮไลท์ คือโค้ง 15 โค้งแฮร์พินขนาดใหญ่ที่ส่วนใหญ่มักยัดคันเร่งเติมความแรงออก มาจากโค้งชิเคน 13-14 (ก่อนจะมาหลุดโค้งนี้) สนามมูเจลโล่นับว่าเป็นอีก หนึ่งสนามที่มีทางตรงยาวสุดๆ ยาวมากถึง 1,411 เมตร เป็นทางตรงที่ ลากจากโค้งสุดท้ายให้นักแข่งเติมคันเร่งแล้วใส่กันให้สุดก่อนจะวิ่งผ่านเข้าเส้น ชัย ผ่านหน้าแฟนๆ แล้วไปลุ้นกับโค้งขวาใหญ่ “ซาน โดนาโต้” สนามมูเจลโล่เป็นสนามประเทศบ้านเกิดของนักแข่งเจ๋งๆ อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ แต่ก็เป็นสนามที่นักแข่งแดนกระทิงดุอย่าง ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ นั้นคว้าแชมป์สนามติดต่อกันมาถึง 2 ครั้งด้วยกัน ต้องลุ้นกัน ว่าสนามนี้ใครจะคว้าแชมป์ไปครอง!
Lorenzo’s Back
คว้าชัยชนะจารึกประวัตศิ าสาตร์ 3 สมัยติดกันทีน่ ี่ Mugello!
สนามที่ 5 กับการแข่งขันที่เพิ่มความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ MotoGP Round 5 สนาม Mugello (มูเจลโล่) ประเทศอิตาลี่บ้านเกิดของนักแข่งดังๆ อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่, อังเดร เอียนโนเน่, อังเดร โดวิสิโดโซ่, มิเคเล่ เปียโร่ และ คลอดิโอ คอร์ติ แต่ไม่ใช่แค่เจ้าบ้านเท่านั้นที่จะรู้สึก “คุ้นเคย” ที่นี่ เพราะ แชมป์เก่าอย่าง ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ก็ “ช�านาญ” สนามนี้ไม่แพ้กัน เมื่อย้อนดูปี 2011 และ 2012 ที่ ลอเรนโซ่คว้าแชมป์สนามมูเจลโล่นี้ไปครองก็พอจะคาดเดาได้ว่าสนามนี้ปีนี้ “สนุก” แน่นอน...สภาพ อากาศค่อนข้างเป็นใจไม่มีปัญหาเรื่องสายฝนอย่างสนามที่ผ่านมา นั่นท�าให้แต่ละทีมเซ็ตรถและเตรียมใส่ ยางเพื่อลงหวดกันอย่างเต็มที่ For Ride Magazine July 2013 47
MotoGP Report มาดูที่กริดสตาร์ทกันบ้างดีกว่า...ต�าแหน่งผู้น�ากริดสตาร์ทตกเป็นของ ดานี่ เพโดรซ่า ที่ ท�าเวลาดีที่สุดในรอบควอลิฟาย ตามมาด้วย ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ต�าแหน่งที่ 3 กับนักบิดอิตา เลี่ยนที่ฟอร์มก�าลังกลับมาแรง อังเดร โดวิสิโอโซ่ แถวที่ 2 น�าขบวนด้วย คาล ครัทช์โลว, สเตฟาน แบรดดอล และ มาร์ค มาเคซ ที่พลาดล้มในรอบซ้อมท�าให้เวลาไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แถมที่ 3 วาเลนติโน่ รอสซี่, นิกกี้ เฮย์เด้น และ อัลวาโร่ เบาทิสต้า...คันเร่งถูกล็อค คลัทช์ถูก เหนี่ยว เกียร์ถูกตบลง...และเมื่อสัญญาณไฟดับลง การแข่งขัน MotoGP สนามที่ 5 ก็ได้ เริ่มต้นขึ้น เพโดรซ่าพุ่งทะยานออกน�าจากต�าแหน่งโพลก่อนจะถูกลอเรนโซ่เสียบแซงด้านในในช่วง โค้งแรกส่วนมาเคซดาวรุ่งพุ่งแรงทะยานมาจากการออกตัวแถว 2 ไล่ขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้น�า แต่แล้วเหตุการณ์เข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) ก็เกิดขึ้น เมื่อเบาทิสต้าจากทีม Go&Fun Honda Gresini เกิดปะทะกับเดอะด็อกเตอร์ (รอสซี่) เป็นเหตุให้ทั้งคู่พุ่งออกนอกสนามในช่วงโค้งที่ 2 จากเหตุการณ์นี้ท�าให้รอสซี่ออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรมาก...จะ มีก็แค่แฟนๆ ที่อึ้งและเงียบกันไปพักใหญ่ ตัดมาดูกันต่อที่กลุ่มผู้น�า...ลอเรนโซ่น�าอยู่ไม่ไกลจากเพโดรซ่าและมาเคซนักแต่ก็ค่อยๆ ทิ้งห่างออกไปในทุกรอบการแข่งขัน ไฮไลท์ของกลุ่มผู้ตามมีครัทช์โลวที่บู๊กับโดวิสิโอโซ่ อยู่พักหนึ่งก่อนจะทิ้งให้โดวิสิโอโซ่แลกหมัดกับเพื่อนร่วมทีมอย่างเฮย์เด้น ตลอดช่วงการ แข่งขัน 2 คู่หูทีม Ducati ผลัดกันแซงอย่างเมามันส่วนไอ้หนูมาเคซก็พยายามหาช่องว่าง แซงรุ่นพี่เพโดรซ่าซึ่งก็ไม่ประสบความส�าเร็จ ในที่สุดแฟนๆ ก็ได้ลุกขึ้นลุ้นอีกครั้งกับการ พลาดหลุดโค้งของมาเคซที่ดูเหมือนจะกดดันตัวเองมากเกินไปจนพลาดต�าแหน่งที่ 2 ไปอย่าง เสียดายปล่อยให้เพโดรซ่า ขยับขึ้นมารั้งที่ 2 ส่วนครัทช์โลวที่ช่วงท้ายการแข่งขันรั้งที่ 4 ก็ โชคดีได้ปิดโพเดี้ยมต�าแหน่งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย แม้จะได้ครองแชมป์สนามมูเจลโล่ 3 ครั้งติดต่อกันแต่ลอเรนโซ่ที่สามารถคว้าที่ 1 ใน สนามนี้ก็ยังมีคะแนนไล่ตามหลังเพโดรซ่าอยู่อีก 12 คะแนน สนามนี้มีล้มกันบ้างแต่ทุกคนล้วน แล้วแต่ลุกขึ้นมาสู้ใหม่...หวังว่าสนามหน้าสภาพอากาศจะยังคงดีแบบนี้และไม่มีใครหลุดออก นอกสนามไปก่อนจบการแข่งขันนะครับ
• ผลการแข่งขัน 1. ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing 25 คะแนน 2. ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda 20 คะแนน 3. คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 16 คะแนน 4. สเตฟาน แบรดดอล ทีม LCR Honda MotoGP 13 คะแนน 5. อังเดร โดวิสิโอโซ่ ทีม Ducati 11 คะแนน
How was the result today? • ดานี่ เพโดรซ่า
• มาร์ค มาเคซ
“ใช่ครับวันนี้มันเป็นการแข่งที่ค่อนข้างยากพอตัว ฟอร์มการขี่ของผมก็ไม่ค่อยดีในช่วงซ้อม ยางที่ใช้ก็ รู้สึกไม่ค่อยเกาะท�าให้เราต้องปรับแต่งรถหลายจุด ช่วง แรกที่แข่งยางมันก็โอเคอยู่นะครับ แต่พอผมเริ่มพยายาม กดเวลาลงยางมันก็ดันไม่ค่อยจะเกาะเท่าไหร่ท�าให้ผมไม่ สามารถขี่ได้อย่างที่ต้องการ แต่ยังไงวันนี้ก็ได้ที่ 2 ซึ่งผม ก็ดีใจและขอบคุณทีมด้วยครับ”
“วันนี้เป็นการแข่งที่ไม่จบครั้งแรก ของผม หลังจากที่เจอกับการแข่งโหดๆ ติดกันมาถึง 3 ครั้ง ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ นะว่าท�าไมผมถึงล้ม ผมเสียการควบคุม ทั้งหน้าและหลังในเวลาเดียวกันซึ่งผมไม่ สามารถแก้ไขอะไรได้เลย ยังไงซะมันก็เป็น ความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ตัวได้ ผมดูจาก บันทึกย้อนหลังของตัวรถก็พบว่าผมเข้า มาด้วยความเร็วเท่าเดิมไลน์เดิมแต่มันก็ยัง ล้ม...ยังไงซะผมก็พึ่งลงแข่ง MotoGP เป็นปีแรกและผมต้องการเรียนรู้จากการ แข่งครั้งนี้ ต้องขอโทษทีมด้วยนะครับ ที่ผลักดันและท�างานหนักด้วยกันมาโดย ตลอด สนามหน้าผมสู้ใหม่แน่นอน”
ทีม Repsol Honda
• ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่
ทีม Yamaha Factory Racing
“ตอนแรกผมคิดว่าวันนี้มันจะต้อง เป็นการแข่งขันที่โหดหินมาก เพราะสภาพ อากาศที่แตกต่างซึ่งเมื่อเช้ามันร้อนกว่า ตอนนี้ซะอีก ช่วงเช้าตอนซ้อมผมขี่ได้เร็ว กว่าดีกว่าช่วงบ่าย...ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้นี้ไม่เร็ว นะครับ แต่ว่ามันไม่เหมือนเมื่อเช้า ตอน แรกเพโดรซ่าตามมามาติดๆ และเกาะติดอยู่ แบบนั้นจนกระทั่งหลังรอบที่ 13 ที่ผม เริ่มพยายามทิ้งห่าง นั่นแหละคือที่ผมท�า ในวันนี้” 48 For Ride Magazine July 2013
• คาล ครัทช์โลว
ทีม Monster Yamaha Tech 3
ทีม Repsol Honda
“อ่ะเฮ้อมันเยี่ยมมากเลยครับที่ได้ขึ้นโพเดี้ยม ตอนแรกเราก็ไม่คาดว่าจะได้ขึ้นโพเดี้ยมหรอกครับ อันที่ จริงผมเกลียดการส้มหล่นแบบนี้ที่สุด แต่มาเคซหลุดโค้งไปท�าให้ผมได้ขึ้นมายืนต�าแหน่งที่ 3 ซึ่งจริงๆ ผมก็ สามารถสู้เพื่อชิงที่ 3 ได้อยู่แล้วนะครับ ตั้งแต่รอบที่ 10 ผมก็รู้ว่าผมสามารถไปได้เร็วกว่านี้ และเมื่อมาเคซ หลุดออกนอกสนามไป...ผมก็ผ่อนลงเล็กน้อยเพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะเสี่ยงไล่บี้ชิงที่ 2...ยังไงซะมีคะแนน เก็บเข้ากระเป๋าก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ผลงานที่ดีสนามนี้จะช่วยให้เราสู้ต่อไปสนามหน้าๆ ที่บาเซโลน่าครับ”
บุกสนามหัวกระทิงแดนกระทิงดุ
Catalunya
ดูยังไงสนามที่ 6 ที่ MotoGP จะเดินทางมาแข่งขันต่อไปนี้มัน ก็ดูคล้าย “หัวกระทิง” ซะจริงๆ สนามที่ 6 นี้มีชื่อว่า Circuit de Catalunya (เซอร์กิต เด คาตาลุนย่า) ตั้งอยู่ในเขตของเมืองบา เซโลน่า, คาตาโลเนีย ประเทศสเปน จะมัวรอช้าอยู่ท�าไมมาดูราย ละเอียดและที่มาของสนามนี้กันเลยดีกว่า
• History Time สนามแข่งคาตาลุนย่าเริ่มสร้างขึ้นจากก้อนหินก้อนแรกในปี 1989 ด้วยความ ร่วมมือจากรัฐบาลและเอกชน (RACC) รวมถึงสภาชุมชนของเมืองมอนต์เมโล่ ใน ปี 1991 การก่อสร้างสนามเสร็จสิ้น และประเดิมสนามด้วยการแข่งขัน Spanish Touring Car Championship โดยนักแข่งที่ควง F1 เข้าเส้นชัยในสนามนี้คือ ลูอิส เปเรซ ซาล่า ในวันที่ 29 กันยายน 1991 สนามคาตาลุนย่าได้กลับมาสร้างสีสันให้ เมืองคาตาโลเนียอีกครั้งเมื่อ Spanish F1 Grand Prix ตัดสินใจกลับมาใช้สนามแข่ง คาตาลุนย่า เพื่อท�าการแข่งขันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 17 ปี และในที่สุด การแข่งขัน Motorcycle World Championship ก็ได้เดินทางมาเหยียบพื้นสนาม คาตาลุนย่าในเวลา 1 เดือนต่อมา ปัจจุบันนี้บริษัทที่บริหารสนามแข่งคาตาลุนย่ามีชื่อ ว่า Circuit de Catalunya SL (เซอร์กิต เด คาตาลุนย่า เอสแอล) เมื่อลองดูภาพ สนามจากด้านบนจะสังเกตเห็นว่าลักษณะของสนามดูคล้ายหัวของวัวกระทิงซึ่งเป็น สัญลักษณ์ของประเทศสเปน ปัจจุบันนี้สนามคาตาลุนย่ามีความพร้อมที่จะรองรับการแข่งขันเจ๋งๆ จากทั่ว ทุกมุมโลกในหลากหลายประเภทการแข่งขัน ตั้งแต่ F1 ยัน MotoGP แต่ด้วยความที่ สนามคาตาลุนย่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนท�าให้ทีม F1 หลายทีมโดยเฉพาะ ทีมเจ้าถิ่นชอบลงซ้อมในสนามนี้กันเป็นว่าเล่น นั่นท�าให้แต่ละทีมที่ลงซ้อมได้เปรียบทีม อื่นและรู้สึก “ชิน” กับไลน์ของสนามท�าให้เมื่อท�าการแข่งขันจริงทีมเหล่านี้จะรู้เหลี่ยม มุมดีกว่าทีมอื่นส่งผลให้การแข่งขัน “น่าเบื่อ” การเปลี่ยนแปลงในส่วนของตัวสนาม มีขึ้นในปี 2007 เมื่อชิเคนถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงสุดท้ายของสนาม (ตั้งแต่โค้ง 10-13) เหตุผลก็เพราะเพื่อเพิ่มจุดแซงและความมันส์ในการรับชมของแฟนๆ แต่ส�าหรับการ แข่ง F1…อุปสรรคที่เพิ่มเข้ามาก็ดูเหมือนจะไม่มีผลในการช่วยให้แซงกันได้ง่ายขึ้น ส�าหรับการแข่งขัน MotoGP รูปแบบของสนามจะยังคงเป็นเหมือนเมื่อแรกเริ่มก่อตั้ง จะไม่มีชิเคนมาคอยรบกวนใจซึ่งนั่นท�าให้โค้ง 10-13 จะเป็นโค้งกว้างความเร็วสูง โค้ง ที่ 10 เป็นโค้งยอดฮิตที่นักแข่งหลายคนชอบ “หลุดโค้ง” กัน...ว่าแต่ไฮไลท์ของสนาม มันอยู่ตรงไหนล่ะ ? For Ride Magazine July 2013 49
MotoGP Report
• 1 รอบกับสนาม Catalunya ความยากของคาตาลุนย่านอกจากทางตรงยาวที่นัก แข่งแต่ละคนจะบิดกันมาแบบเต็มสปีดแล้ว โค้งกว้างๆ ที่ต้องใช้ ความเร็วสูงยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องระวัง ไม่ใช่แค่ตัวสนามที่โหด หินสภาพแวดล้อมของสนามแข่งก็โหดร้ายไม่แพ้กัน กระแสลมที่ พัดในทิศทางที่แตกต่างกันในช่วงเช้าและบ่ายเป็นอีกหนึ่งปัญหาให้ แต่ละทีมต้องหาทางรับมือ ขนาดพวก F1 ยังต้องปรับแต่งแอโร ไดนามิกรถกันยกใหญ่แล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็คงได้รับผลกระทบไม่ แพ้กัน จุดแซงที่ฮอตฮิตของสนามนี้อยู่ที่โค้ง 1 เมื่อออกสตาร์ท จากจุดสตาร์ทท�าความเร็วมากสุดเท่าที่จะท�าได้ก่อนจะมาเลือกว่าจะ เบรกลึกหรือเบรกตื้น เข้าไลน์นอกหรือไลน์ใน จากนั้นไปลุ้นกันอีก ครั้งที่โค้ง 5 ซึ่งเป็นโค้งซ้ายและโค้ง 10 ซึ่งเป็นโค้งซ้ายที่ความร็ว ค่อนข้างสูงนั่นท�าให้ถ้าแซงส�าเร็จก็เป็นจุดเปลี่ยนของการแข่งขัน แต่ถ้าแซงไม่ส�าเร็จก็อาจได้ไปนอนแช่บ่อกรวดนอกโค้ง โค้งสุดท้าย ก่อนเข้าเส้นชัยโค้ง 13 เป็นโค้งขวากว้างๆ แต่ก็สามารถแซงได้เช่น กัน จ�านวนโค้งขวาทั้งหมด 8 โค้ง โค้งซ้าย 5 โค้ง สถิติเวลาดี ที่สุดเป็นของ ดานี่ เพโดรซ่า ท�าไว้ในปี 2008 ที่ 1 นาที 42.358 วินาที...จากนี้ไปต้องมาลุ้นกันว่าสนามนี้ใครจะแซงใครที่ไหนยังไง เพราะการแข่งขันเริ่มเข้มข้นทุกที...อะไรก็เกิดขึ้นได้ที่นี่ คาตาลุนย่า เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน
Lorenzo ใส่ไม่ยงั้ คว้าชัยอีกสนาม
Pedrosa พยายามสุดฝีมอื
Maquez ไล่บตี้ ลอดทาง
ใน Catalunya
50 For Ride Magazine July 2013
สนามที่ 6 ของการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาล 2013 เรามาอยู่กันที่สนามคาตาลุนย่าประเทศสเปนบ้านเกิดของ นักแข่งกว่า 50% สภาพอากาศค่อนข้างเป็นใจแต่ติดตรง ที่อุณหภูมิพื้นสนามร้อนระอุจนแต่ละทีมต้องเลือกยางและ เตรียมกลยุทธ์กันให้ดีเพราะถ้าหวดกันเต็ม 100 ตั้งแต่สตาร์ท จะท�าให้หน้ายางหมดเร็วจนไม่เหลือใว้ใช้ในรอบท้ายๆ มาดู กริดสตาร์ทกันดีกว่า เริ่มจากหัวแถวของสนามนี้กันก่อน... โพลโพสิชั่นของสนามนี้ตกเป็นของ ดานี่ เพโดรซ่า ตามมา ด้วย คาล ครัทช์โลว และ ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ แถวที่ 2 มีผู้น�า เป็น อัลวาโร่ เบาทิสต้า, นิกกี้ เฮย์เด้น, มาร์ค มาเคซ แถวที่ 3 มี วาเลนติโน่ รอสซี่, อังเดร เอียนโนเน่, อังเดร โดวิสิโอโซ่ และเมื่อสัญญาณไฟปล่อยตัวดับลง..นาทีที่ทุกคนรอคอยก็ มาถึง... จังหวะสตาร์ทลอเรนโซ่และเพโดรซ่าออกตัวได้ดีสูสีกันและ ตีคู่กันไปในช่วงทางตรงยาวก่อนจะเข้าโค้งแรกซึ่งลอเรนโซ่เป็น ฝ่ายขึ้นน�าเป็นจ่าฝูงตามมาด้วยเพโดรซ่าและไอ้หนูตัวแสบมาร์ค มาเคซที่แม้จะสตาร์ทที่ 6 แต่กลับไล่ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ตามหลัง เพื่อนร่วมทีมจนได้ (เหมือนเดจาวูจากสนามก่อนๆ เลย) ส่วน รอสซี่ที่คราวก่อนมีคดีกับเบาทิสต้าสนามนี้ก็เกือบไม่ได้แข่งต่อ เมื่อเบาทิสต้าพลาดล้มในโค้งจังหวะเดียวกับที่รอสซี่เข้าโค้งอยู่ โชคดีที่รอสซี่รอดอย่างหวุดหวิด โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก สถานะการณ์ด้านหน้ายังคงคลุมเครือเมื่อลอเรนโซ่ เพโดรซ่า และมาเคซยังคงเกาะกลุ่มกันแบบไม่ปล่อยให้ใครหนีไปไหนได้ โค้ง 10 ดูเหมือนจะเป็นโค้งปราบเซียนจริงๆ เพราะมีนักแข่งหลาย คนหลุดโค้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเบาทิสต้า เอียนโนเน่ และเฮย์เด้น...
เมื่อการแข่งขันเดินทางมาถึงช่วงท้ายๆ แต่ละคนก็เริ่มงัดไม้ตาย ออกมาใช้ไม่ว่าจะเป็นเพโดรซ่าที่พยายามลดระยะห่างจากลอเรนโซ่ ส่วน มาเคซก็พยายามหาจังหวะแซงเพโดรซ่า แต่ลอเรนโซ่ดูเหมือนจะเก็บหน้า ยางไว้ใช้ช่วงท้ายท�าให้สามารถยืดระยะห่างออกไปจาก 2 คู่หูทีม Repsol Honda ได้ส�าเร็จและค่อยๆ ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าเส้นชัย... สนามนี้มีลุ้นกับมาเคซและเพโดรซ่าเมื่อไอ้หนูเลือดร้อนพยายามเสียงแซง แต่เกือบเสียหลัก โชคดีที่ยังควบคุมรถไว้ได้จนกระทั่งเข้าเส้นชัย สรุป ยอดโพเดี้ยมด้วยที่ 1 ที่ตกเป็นของลอเรนโซ่ ที่ 2 เพโดรซ่า และที่ 3 มาเคซ...จากแชมป์สนามนี้และสนามที่แล้วท�าให้ลอเรนโซ่จาก Yamaha Factory Racing มีแต้มขยับเข้าใกล้ผู้น�าแต้มรวม (เพโดรซ่า) ซึ่งมีแต้ม น�าอยู่ 123 คะแนน ส่วนลอเรนโซ่มีแต้มรวมขยับขึ้นเป็น 116 คะแนน.... สนามต่อไปเนเธอร์แลนด์ต้องมาลุ้นกันใหม่ครับ!
• Race Result – สรุปผลการแข่งขัน
1. ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing 25 คะแนน 2. ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda 20 คะแนน 3. มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda 16 คะแนน 4. วาเลนติโน่ รอสซี่ ทีม Yamaha Factory Racing 13 คะแนน 5. สเตฟาน แบรดดอล ทีม LCR Honda MotoGP 11 คะแนน
• World Standing – คะแนนรวม
1. ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda 123 คะแนน 2. ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing 116 คะแนน 3. มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda 93 คะแนน 4. คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 71 คะแนน 5. วาเลนติโน่ รอสซี่ ทีม Yamaha Factory Racing 60 คะแนน
• วาเลนติโน่ รอสซี่
ทีม Yamaha Factory Racing
“เราพยายามที่จะขึ้นโพเดี้ยมให้ได้...แต่ยังไงซะมัน ก็เป็นการแข่งที่ยอดเยี่ยม จากประสบการณ์สนามที่ ผ่านๆ มาโดยเฉพาะที่มูเจลโล่...เราเรียนรู้มาเรื่อยๆ และ พยายามปรับการขี่ให้ดีขึ้น ช่วงแรกของการแข่งที่ สนามนี้ผมไม่สามารถเค้นสมรรถนะให้ได้จนสุด แต่ผ่าน ไปซักพักผมก็เริ่มขี่ดีขึ้นและสามารถไล่ตามพวกจ่าฝูงได้ วันนี้ผมท�าได้ดีแล้วและต่อไปเป็นรอบซ้อม 2 วันที่เราจะ พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อให้สู้กับพวกผู้น�าให้ได้!”
• มาร์ค มาเคซ
ทีม Repsol Honda
“เป็นสนามที่ยาก...เรารู้ว่าสนามนี้โหดแต่ไม่คิดมา ก่อนว่าจะต้องบู๊กับลอเรนโซ่และเพโดรซ่า ยังไงผม ก็พอใจกับผลงานวันนี้นะครับ หลังจากรอบซ้อม ที่ค่อนข้างวุ่นวายท�าให้เรารู้ว่าจะต้องเซ็ตรถแบบไหน สนามนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเพโดรซ่า ตลอดช่วงที่ผมตามหลังเค้า ผมหวังไว้แค่ติด 1 ใน 5 แต่การได้ขึ้นโพเดี้ยมเป็นอะไรที่เยี่ยม มาก สนามต่อไปแอสเซนเราต้องลุ้นกัน ว่าจะสามารถปรับแต่งรถเพิ่มเติมได้ จากการซ้อมที่อาราก้อนมั้ย”
How was the race ? ผลงานการแข่งเป็นยังไง? • ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่
ทีม Yamaha Factory Racing
“เป็นวันที่เพอร์เฟค...ผมไม่คิดว่าจะชนะ แค่รู้ว่าพอมีโอกาส มันไม่เหมือนที่ มูเจลโล่ที่ผมรู้เลยว่าชนะได้แน่ๆ แต่วันนี้เป็นการแข่งที่ยากมากและร้อนสุดๆ ผม ขี่เต็ม 100% ตลอดการแข่งเพราะถ้าพลาดไปคงไม่สวยแน่ๆ ตอนออกตัวผม แค่คิดว่าจะแซงแค่ครัทช์โลวแต่ผมกลับแซงเพโดรซ่าไปด้วย ผมอาศัยโอกาสนี้ แหละทิ้งห่างออกไป ผมกับเพโดรซ่าเราสู้กันแต่ในช่วงท้ายผมรู้ว่าผมยังไปได้ อีกผมเลยทิ้งห่างออกไปและชนะในที่สุด”
• คาล ครัทช์โลว
ทีม Monster Yamaha Tech 3
“โอ้วมันช่างน่าผิดหวังทั้งๆ ที่ตลอดสุดปสัปดาห์เราท�า ผลงานมาดีตลอดแต่กลับพลาดล้มจนได้ ผมต้องยอมรับ เลยว่ามันเป็นความผิดพลาดโง่ๆ ของผมเอง ผมมีปัญหา เรื่องการเบรกในขณะที่รถค่อนข้างหนักเพราะมีน�้ามันเต็มถัง ผมไปกระแทกเอาสันของร่องบนพื้นสนามเข้าท�าให้ล้มในที่สุด ผมรู้สึกเสียใจกับทีมที่ขี่พลาดเองทั้งๆ ที่ผมค่อนข้างมั่นใจ ในการแข่งวันนี้”
• ดานี่ เพโดรซ่า
ทีม Repsol Honda
“ผมว่าวันนี้แปลกๆ ผมไม่สามารถขี่ให้มันเต็มก�าลังรถแถมสนามนี้ก็ ค่อนข้างยาก ทั้งความร้อนที่มีผลกับรถและกับยาง ตอนที่ผมเปิดคันเร่ง ช่วงหน้าของรถมันพยายามจะสบัดให้ได้ นั่นท�าให้ผมต้องคอยระวังตลอด ทาง วันนี้เรา 3 คนไม่ได้สู้กันเท่าไหร่หรอกแต่เราต้องสู้กับสภาพสนามที่ เลวร้ายซะมากกว่า ผมผิดหวังนะที่ไม่สามารถไล่ตามลอเรนโซ่ได้ทั้งๆ ที่ เราก็ห่างกันไม่มาก ยังไงซะเราก็เข้าเส้นชัยและมันก็เป็นการเก็บแต้มทีส�าคัญ ส�าหรับสนามนี้” For Ride Magazine July 2013 51
s t e g d a G Crazy ฝันที่เป็นจริงรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 160 แรงม้าราคา 75,000 เหรียญ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นโปรเจ็คที่ใครหลายต่อหลายคนพัฒนากันมาอย่างยาวนานจน กระทั่งเริ่มมีการจัดการแข่งขันขึ้น เทคโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆ จากการแข่งขันท�าให้วันนี้ฝันของใครบางคนได้เป็นความจริงขึ้นมา เมื่อ Mission RS จาก Mission Motorcycles พร้อมผลิตออกจ�าหน่ายให้ผู้ที่ชื่นชอบได้ครอบครอง เจ้า Mission RS คันนี้มีก�าลังแรงม้าอยู่ที่ 160 แรงม้า สามารถท�าความเร็วสูงสุดได้ที่ 240 กม./ชม. เร่ง จาก 0-96 กมในเวลา 3 วินาที ทั้งแรงทั้งประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแถมไม่มีเสียง เครื่องยนต์ให้ร�าคาญใจแบบนี้มีราคาค่าตัวที่ 75,000$ (ราคาเท่ารถสปอร์ตเจ๋งๆ เลยที่เดียว)
โอ้วฟ้าประทาน สวรรค์ของคนรักเบคอน Bacon Maple Coffee นี่น่าจะเหมาะกับพวกที่หลงไหลคลั่งไคล้ในกลิ่นและรสชาด เบคอนเมื่อ Boca Java ผลิตกาแฟอาราบิก้า 100% พร้อมแต่ง กลิ่นให้เป็นเมเปิ้ลไซรัปผสมเบคอน เราไม่อยากจะนึกเลยว่าเมื่อกลิ่น ของของความมาผสมกับของหวานแล้วมาผสมกับกาแฟอีกทีนึง เนี่ยมันจะออกมาเป็นยังไง แต่มีจุดที่ทั้ง 3 กลิ่นนั้นเหมือนกันก็คือ “มันเป็นเมนูมื้อเช้าเหมือนกัน” ราคาต่อถุงอยู่ที่ 8$
เอ็นจอยปาร์ตี้เบียร์แบบพระราชากับ Electric Amphibious Vehicle ปาร์ตี้เบียร์กับเพื่อนทั้งทีไม่ว่าจะเป็นริมระเบียง ที่สนามหญ้าหรือ ริมสระน�้า...ช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดคงจะเป็นตอนที่คุณต้องไปหยิบ เบียร์กระป๋องใหม่แล้วกลับมาพบว่าเก้าอี้ตัวเก่งของคุณถูกเพื่อนชิง ไปซะแล้ว! ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าใช้บริการเจ้า Electric Amphibious Vehicle รถจนส่งเบียร์ที่สามารถควบคุมได้ด้วยรีโมทพร้อมมีช่อง ส�าหรับใส่เบียร์ได้ 4 ขวด/กระป๋อง ที่ส�าคัญมีปืนฉีดน�้าเอาไว้ยิงใส่คน ที่พยายามขโมยเบียร์ของคุณด้วย...ว่าแต่ใครจะหยิบเบียร์ใส่ให้เจ้าทาส รับใช้ตัวนี้ล่ะ? ราคา 99$ 52 For Ride Magazine July 2013
“แอบ” สูบบุหรี่แบบน่าสงสารอย่างมีสไตล์ด้วย The Puffit Vaporizer เดี๋ยวนี้การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะกลายเป็นเรื่องน่าอายและมักถูกคนที่ไม่สูบบุหรี่ มองด้วยสายตาเหยียดหยามกันไปแล้ว เพราะที่สาธารณะควรจะเป็นที่ที่คนเลือก หายใจเอาอาการบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างชื่นใจ เพราะงั้นการคาบบุหรี่ไว้ที่ปากจึงเป็น เรื่องที่น่าละอาย แต่เรามีตัวเลือกที่ดีให้คนที่อยากเลิกสูบบุหรี่และไม่อยากเป็นจุด สังเกตมันคือ Puffit Vaporizer บุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาให้หน้าตาเหมือนเครื่อง พ่นยาส�าหรับคนเป็นโรคหอบ ค่าตัวอยู่ที่ 139$
Springblade สับก้าวกระโดดพุ่งไปกับ Adidas มาอีกแล้ว!! รองเท้าหน้าตาประหลาดจาก Adidas ดูจากด้าน ข้างอาจไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อพลิกฝ่าเท้าขึ้นมาดูจะต้องร้องว้าวเมื่อเจอ กับ Springblade พื้นรองเท้าแบบใหม่จาก Adidas ที่ถูกออกแบบ มาเพื่อให้ผู้ใส่สามารถวิ่งไปด้านหน้าได้ดีขึ้น ด้วยแรงที่จะสมอยู่ในพื้น รองเท้ามันจะ “ดีด” ตัวเราไปข้างหน้าช่วยลดแรงที่ต้องใช้ลงในขณะ ที่เพิ่มระยะการวิ้งได้ไกลขึ้น ราคาค่าตัว 180$ พร้อมให้เป็นเจ้าของ พร้อมกันวันที่ 1 สิงหาคมนี้
รักวัวให้ผูกรักลูกให้ซิ่ง Longboard Stroller คุณเบื่อมั้ยครับกับการเข็นรถเข็นช้าๆ พาลูกไปไหนต่อไหน บางครั้งรถ เข็นเด็กก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อและเกะกะเวลาที่เจอกับคนเยอะๆ หรือต้องเข็นเป็น ระยะทางไกล...ในที่สุดก็มีนักคิดไอเดียดีต้องการให้พ่อแม่รู้สึกสนุกไปกับการ เลี้ยงลูกด้วยการรวมเอา Longboard (สเก็ตบอร์ดแบบยาว) เข้ากับรถเข็น เด็ก งานนี้นอกจากพ่อแม่จะสนุกไปกับการไถลองก์บอร์ดแล้ว เจ้าตัวเล็กคง มันส์ไปกับความเร็วในเวลาเดียวกัน แต่ว่าเจ้า Longboard Stroller ยังอยู่ใน ขั้นตอนการพัฒนา...ไม่ว่ามันจะถูกกฏหมายหรือไม่หรือว่าราคาค่าตัวจะซัก เท่าไหร่...แต่ไอเดียนี้อาจท�าให้ลูกของคุณกลายเป็นนักแข่งในอนาคตก็ได้ For Ride Magazine July 2013 53