issue 5
ข้อความจากห้องใต้หลังคา สวัสดีเหล่าสมาชิกเด็กห้องใต้หลังคา เคยได้ยินคำ� กวีที่ว่า “ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกล นัก” หรือไม่ นี่เป็นบทหนึ่งของพระราชนิพนธ์แปล ใน รัชกาลที่ 6 ซึ่งจากต้นฉบับของ วิลเลี่ยม เช็กเปียร์ ที่เรา ถามก็เพราะว่าครั้งนี้ประตูหน้าต่างบ้านเล็กประจำ�ห้องใต้ หลังคาที่พวกเราใช้มันเปิดไปสู่โลกกว้างจะพาพวกเราไป ยังโลกแห่งเสียงดนตรี ย้อนอดีตไปในยุครุ่งเรืองของดนตรี คลาสสิก ไปทำ�ความรู้จักกับเครื่องดนตรีที่เป็นเครื่องมือ สร้างงานชิ้นสำ�คัญของกวีเอกของโลกหลายต่อหลายคน และยังมีความมหัศจรรย์ของเสียงดนตรีอีกมากมายให้เรา ได้ท่องค้นหา สำ�รวจสัมภาระให้เรียบร้อยเพราะเรากำ�ลังจะ ออกเดินทาง ณ บัดนี้
ผู้บัญชาการ ห้องใต้หลังคา
บรรณาธิการบริหาร: กุลนันท์ จันทร์แสนตอ บรรณาธิการ: เบญจมาภรณ์ ศรีอุบล ที่ปรึกษา: ศรรวริษา เมฆไพบูลย์ พิสูจน์อักษร: ศุทธิรักษ์ ยิ้มแย้ม ข้อมูล: ธีราภรณ์ สายวิรัช ฝ่ายศิลป์: อัญญพร ชวาลภาฤทธิ์, มณฑกานต์ ธรรมวิศ ฝ่ายประชาสัมพันธและการตลาด์: รสนันท์ สายวิรัช จัดพิมพ์: โรงพิมพ์สายเมฆหมอก 205/1 สุขุมวิท21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 ติดต่อ: 123/216 บ้านพวงชมพู ถ.พญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. 10100 โทร: 02-2223-115 Fax: 02-2223-116 E-mail: editor@attickids.com
ท่วงทำ�นอง จากขอบแก้ว เรื่อง: ธีราภรณ์ สายวิรัช
ใครเคยลองเล่นเพลงจากปาก แก้วไวน์บาง ลองแตะนิ้วกับนํ้า พอให้ไม่ฟืดแล้วไปถูที่ปากแก้วไวน์ เบาๆเป็นวงกลมจะเกิดเสียงหวีดเบาๆคล้าย เครื่องเป่า ซึ่งเกิดจากการสั้นสะเทือนของเนื้อแก้ว เหมือนเสียงที่เกิดจากการเคาะแต่จะได้เสียงที่บางและใส กว่า แก้วที่มีขนาดและรูปทรงต่างกันจะให้เสียงที่ต่างกัน ลองคิด ดูว่าหากเรานำ�แก้วเหล่านั้นมาวางเรียงกันและทำ�ให้เกิดเสียงจะกลายเป็น ท่วงทำ�นองที่ไพเราะขนาดไหน
วิธีการเล่นกลาสฮาโม้นิก้า หรือฮาร์โนนิก้าแก้ว ใช้นิ้วสัมผัสกับของแก้วที่ให้ เสียงที่ต้องการโดยที่ตัวแก้วจะหมุนไปเรื่อยๆ
คลิน ง ร ฟ แ น ิ ม เบนจา กลาส น ์ ้ ค ด ิ ค ะ ล ์แ ผู้ประดิษฐ ือ กลาสฮาร์ หร อาร์โมนิก้า โนนิก้า
การสร้าง เสียงเพลงด้วยแก้วไม่ใช่เรื่องใหม่ ตั้ง แต่ปีพ.ศ. 2035 มีการบันทึกไว้ว่าใน ประเทศแถบยุโรปและจีนมีการเล่น ดนตรีการเครื่องดนตรีแก้ว แต่ใน ยุคนั้นเป็นเพียงการเล่นแบบพิณแก้ว (Glass harp) คือการใช้แก้วหลายๆ ขนาดและใส่น้ำ�ในปริมาณที่ต่างกันมาส ร้างเสียงตัวโน้ตที่แตกต่างกัน และใน ปี พ.ศ. 2304 เบนจามิน แฟรงคลิน
(Benjamin Franklin) นักประดิษฐ์ และหนึ่งในแกนนำ�ผู้ก่อตั้งประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้สร้างฮาร์โมนิก้า แก้ว (Glass Harmonica หรือ Glass Armonica) ขึ้นมาเป็นครั้ง แรกหลังจากประทับใจเสียงดนตรี ที่เพื่อนร่วมงานบรรเลงจากแก้ว ไวน์ ที่โรงทำ�แก้วแห่งหนึ่งใน ลอนดอน โดยเริ่มจากการนำ� ถ้วยแก้วหลายสิบที่มีรู้ตรงก้น หลายขนาดมาวางซ้อนกัน ทางด้านข้างและแต่ละใบจะ ทาสีให้ต่างกันเพื่อความง่าย ในการจดจำ� เบนจา-มิน ไล่ขนาดของแก้วโดยให้ใบ ใหญ่ที่สุดอยู่ทางซ้ายมือ และไล่เล็กลงไปเรื่อยๆ ทางขวามือ ถ้วยแก้ว แต่ละใบจะถูกยึดด้วย ลวดที่ร้อยฝ่านจุกค็อกที่อุดอยู่ที่ก้น ถ้วยแต่ละใบ และลวดนี้จะเชื่อมต่อกับ เฟื่องและแท่นเหยียบที่อยู่ด้านล่างของ เครื่องสำ�หรับใช้หมุนถ้วยแก้วเวลาเล่น เครื่องดนตรีของเบนจามินถูก ปรับปรุงให้มีขนาดที่เล็กลง ทำ�ให้ สามารถถูที่ขอบของถ้วยได้ทุกใบ เหมือนการเล่นคีย์บอร์ดที่ไล่เสียงไว้ให้ แล้ว และด้วยขนาดและช่วงห่างของ ของขอบถ้วยแต่ละใบที่ไม่ห่างมากนักผู้ เล่นสามารถเล่นพร้อมกันหลายๆเสียง
เหมือนเล่นคอร์ดเปียโนได้ เบนจามินได้ตั้งชื่อเครื่องดนตรี ของเขาโดยแปลงมาจากฮาร์โมนิก้า ว่า “กลาสส์ อาร์โมนิก้า” ตามการ ของเสียงของชาวยุโรปที่ในสมัยนั้นไม่ นิยมออกเสียงตัว h เพื่อเป็นเกียรติให้ แก่เจ้าของภาษาและฮาร์โมนิกาแก้ว ก็ถือว่าเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ชาว อเมริกันเป็นผู้คิดค้น
หลังจากนั้นฮาร์โมนิก้าแก้วก็ได้รับความ นิยมอย่างมากในยุโรปและแม้ว่าฮาร์โม นิก้าแก้วจะติดค้นขึ้นโดยเบนจามิน แฟ รงค-ลินซึ่งเป็นชาวอเมริกัน แต่เยอรมัน ได้กลายเป็นบ้านหลังที่สองของมัน เพราะที่เยอรมันมีผลงานเพลงมากมาย ที่แต่งสำ�หรับเล่นโดยฮาร์โมนิก้าแก้ว และยังมีผลของศิลปินคลาสสิกที่มีชื่อ อย่าง โมสาร์ท และบีโทเฟนอีกด้วย
กลาส อ ฮาร์โน าร์โมนิก้า หร น ือ แฟรงค ิก้า ตัวแรกที่เ กลาส บ ล โรงงาน ินเป็นผู้ประด นจามิน แก้วใน ิษ ลอนดอ ฐ์ขึ้นที่ น
นิทานก่อนนอน ครอบครัว แต่ในปีนี้โมสชี่ก็ไม่สามารถซื้อตุ้น ไว้ได้มากเหมือนปีก่อนๆ เพราะเขานำ�นมที่ จะไปขายในเมืองไปแบ่งให้ชาวบ้าน “แต่เรายังเหลือขนมปังและแป้ง สาลี ที่มากพอจะทานไปตลอดฤดูหนาวนะ ที่รัก” โมสชี่พยายามปลอบภรรยาของเขา “แต่นั้นไม่มันดีพอ” เบลล่าตะโกน สุดเสียง หน้าเธอแดงกํ่าเหมือนมะเขือเทศสุก “ถ้าไม่มีมันฝรั่ง ฉันไม่ทำ�อาหารอะไรให้ คุณทานอีกเลย” เบลล่าตะโกนแล้วเดินหนีไป กลางดึกคืนนั้น โมสชี่เห็นชาวบ้านผู้หิวโหยจำ�นวน มากมาร้องขออาหารจากเขา แม้จะรู้ตัวว่าอาหารที่ตุ้นไว้เหลือน้อย แต่เขาก็ยังแบ่งขนมปังและนมบางส่วน ให้อย่างเต็มใจ และเขาก็ตื่นขึ้นโดยที่คิดว่านั้นคือความฝัน วันรุ่งขึ้น ที่คอกวัว โมสชี่กำ�ลังคิดหนัก เขารักภรรยามากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหามันฝรั่งมาจากไหน และขณะที่เขากำ�ลังนั่งกลุ้มใจอยู่นั้นเอง เขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างโผล่ออกมาจากกองฟาง
โมสชี่ กับ ปาฏิหาริย์แห่งฤดูหนาว
เรื่อง: ลอร่า เมลเมด, ธีราภรณ์ สายวิรัช ภาพ: เดวิด สโลนิม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โมสชี่และเบลล่า สองสามีภรรยาอาศัยอยู่ในบ้านไม้แถบชนบทในเมือง ที่หิมะตกในเวลาหน้าหนาว แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วย ทุ่งดอกเดซี่ในฤดูร้อน โมสชี่มีอาชีพรีดนมวัวซึ่งมีอยู่ แค่สองตัว เขาเป็นคนจิตใจ ขยัน และช่วยเหลือเพื่อน บ้านอยู่เสมอๆ วันหนึ่งในฤดูหนาว ่โมสชี่กลับมาจากโรงรีด นม เบลล่าก็เขามาโวยวายกับเขาหลังอาหารมื้อคํ่า “ตอนนี้เราจะไม่มีอาหารแล้วนะ ของที่ตุ้นไว้ สำ�หรับหน้าหนาวกำ�ลังจะหมดแล้ว” เบลล่าพูด “เรายังมีอาหารมากพอสำ�หรับฤดูหนาว”
โมสชี่ตอบ เขายังเห็นอาหารในตู้เก็บของที่ตุ้นไว้ยัง พอเหลือ “แต่เราไม่มีมันฝรั่งสำ�หรับทำ�แพนเค้กมันฝรั่ง สำ�หรับเหลืออีกแล้วสำ�หรับวันฉลองฤดูหนาวนี้ และ นั้นก็เพราะเธอเอาไปแจกพวกชาวบ้านนั้นแหละ” เบลล่าตะโกน พร้อมโบกผ้าเช็ดโต๊ะไปมาใส่หน้าโมสชี่ หน้าเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ในเมืองที่โมสชี่อาศัยอยู่ ทุกคนนิยมทาน แพนเค้กมันฝรั่งกับเนื้อสัตว์ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นใน ร่างกายในฤดูหนาว โดยเฉพาะวันงานเฉลิมฉลองฤดู หนาวที่ทุกบ้านจะขอพรและทานอาหารคํ่าร่วมกันใน
เอาไว้ เธอตั้งใจจะทำ�แพนเค้กมันฝรั่งให้ได้เยอะที่สุด และนำ�ไปขายให้แก่ชาวบ้านอื่นๆ “นี้จะทำ�ให้เรามีเงินมากมาย ไม่ต้องกินแต่ขนมปังแข็งๆพวกนั้นอีกต่อไป” เบลล่าพูดกับตัวเองขณะ นำ�กระทะมาเตรียมตั้งไฟ เธอนึกโกรธโมสชี่ทุกครั้งที่เขาแบ่งอาหารให้แก่ชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน แต่เบลล่าลืมไปว่าเวทย์มนต์นี้มีเพียงโมสชี่ที่ใช้ได้ ทันทีที่กระทะแตะเตาไฟ มันก็เด้งขึ้นและกลายร่าง เป็นภูตตัวเล็กๆหน้าตาน่าเกลียดหลายตัวเดิมล้อมเข้ามาหาเธอ “เจ้าเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดที่ข้าเคยเจอ” ภูติตนหนึ่งตะโกนใส่เธอ และพวกมันทั้งหลายต่างก็ร้อง ตะโกนขู่และส่งเสียงหน้ากลัวจนเบลล่าสลบไป หลังจากนั้นมาเบลล่าก็กลายเป็นคนพูดเพราะ และช่วยงานโมสชี่ที่คอกวัวมากขึ้น ในขณะที่โมสชี่ก็ กลับช่วยงานบ้านมากขึ้นเช่นกัน แล้วทั้งสองก็อยู่อย่างมีความสุข ปาฏิหาริย์วันฉลองฤดูเกิดขึ้นกับพวกเขา จริงๆ
“นี่มันคือกระทะหนิ” โมสชี่ร้อง “มันมาอยู่ ตรงนี้ได้ยังไง เอ๊ะมันไม่ใช่ของบ้านเราหนิ” เขาพูดต่อ อย่างสงสัย แล้วทันใดนั้นเองก็มีเสียงชาวบ้านคนใดคน หนึ่งเหมือนในความฝันเมื่อคืนดังขึ้นจากที่ใดโมสชี่ไม่ แน่ใจ เสียงนั้นบอกเขาว่า “ท่านเป็นคนดี คนขยัน เราของมอบกระทะ นี้ให้ท่าน ท่านจะมีแพนเค้กมันฝรั่งมากเท่าที่เจ้าขอ แต่ผู้ที่ใช้พรนี้ได้จะต้องเป็นท่านคนเดียวเท่านั้น” เสียงนั้นดังก้องอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เงียบไป โมสชี่ดีใจมาก เขารีบกลับไปบอกภรรยาใน ทันที ในตอนแรกเบลล่าไม่ยอมเชื่อ แต่เมื่อโมสชี่นำ� กระทะตั้งไฟ ก็ราวกับมี
เวทย์มนต์เกิดขึ้น แพนเค้กมันฝรั่งก็ค่อยๆพองขึ้นๆ มาจากก้นกระทะ “สุดยอดเลย” เบลล่าร้องอย่างดีใจ “ใช่แล้ว แค่นี้เราก็มีแพนเค้กมันฝรั่งสำ�หรับ ตลอดฤดูหนาว และมีมากพอที่จะแจกให้พวกชาว บ้านคนอื่นๆด้วย” โมสชี่กล่าวอย่างดีใจ แต่เบลล่าไม่คิดเช่นนั้น เธอคิดในใจว่าสามี ของเธอช่างโง่เหลือเกินที่คิดจะแบ่งแพนเค้กมันฝรั่ง ให้คนอื่นโดย่ไม่ได้อะไรตอบแทน แต่เบลล่าก็ไม่ได้พูด อะไรออกไป เพียงแค่นั่งทานมื้อเย็นอย่างมีความสุข เช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันที่ทุกบ้านจะเฉลิม ฉลองวันฤดูหนาวในคืนนี้ เมื่อโมสชี่ออกไปทำ�งานที่ คอกวัวตามปกติ เบลล่าก็เริ่มทำ�ตามแผนที่เธอวาง