สารบัญ > สุริยะ หนุนพั ฒนาอุ ตสาหกรรม 6 ดาน ้
รองรับเศรษฐกิจฟื้ นตัว ปี ‘65 ..............................................
๑ ใน...อุ ตสาหกรรมไทย... วารสารเพื่ อส่งเสริมการ ธุ รกิจอุ ตสาหกรรมและการลงทุน ในรู ปแบบใหม่ฉบับปรับปรุ ง และเพิ่ ม Contents ใหม่ๆ ที่น่าสนใจและทันต่อเหตุการณ์ ใน แวดวงอุตสาหกรรมของประเทศ ตลอดจนไดรวบรวมรายชื อ่ ้ หนวยงานในสั งกัดกระทรวง รายชือ่ โรงงานอุตสาหกรรม ราย ่ ชือ่ บริษัท หางร วยงานและองค ก์ รตางๆ ทีป ่ ระกอบธุ รกิจ ้ านหน ้ ่ ่ เกีย่ วของทางด านการอุ ตสาหกรรม จัดท�ำเป็ นคูมื่ อซือ้ งาย-ขาย ้ ้ ่ สะดวก (INDUSTRY MARKET) UPDATE! 2022 โดยแยก ประเภทตางๆ ่ เป็ นหมวดหมูอย ่ างชั ่ ดเจน อาทิ กลุมธุ ่ รกิจกอสร ่ าง, ้ กลุ่มธุ รกิจเครื่องจักรกล, กลุ่มธุ รกิจรถยนต์, กลุ่มธุ รกิจไฟฟ้า และไฮโดรลิค, กลุมธุ การ ่ รกิจเหล็กและอลูมเิ นียม, สินคาและบริ ้ ด้านธุ รกิจ เป็ นต้น เพื่ อใช้ส�ำหรับเป็ นคู่มือติดต่อส�ำหรับภาค อุตสาหกรรมไดเป็ องคก์ ร บริษัท หางร ้ นอย่างดี หนวยงาน ่ ้ าน ้ ใดที่สนใจจะลงข้อมูลสินค้าและบริการของท่าน สามารถติดต่อ ไดที้ ่ โทร. 0-2380-3709-10 ขอบคุณครับ...
> กระทรวงอุ ตสาหกรรม
08
เดินหนานโยบายรถ EV เต็มสูบ ........................................... ้
20
ขาวสารอุ ตสาหกรรม ............................................................ ่
22
> สกูปพิ ่ งเจาะดิน “นิวบอร์น” ๊ เศษ เครือ ทำ�ใหงานขุ ดดินกลายเป็ นเรือ่ งงายๆ .................................. ้ ่
38
>
> INTERVIEW บจ.เอส.เจ.สกรูไทย
คุณศรีวกิ รณ์ จินทรักษา
......................................................
> HOTLINE สายดวนอุ ่ ตสาหกรรม
........................................
40 46
THAILAND INDUSTRY MARKET แนะน�ำสินคาและบริ การตางๆ UPDATE! 2022 ้ ่
ในแวดวงอุตสาหกรรม ......................................................... 47 ฉบับพิเศษ : ไทสมุทรเดลี่
บริษัท กิตวรินทร์ อาร์ตแอนด์มีเดีย จ�ำกัด ส�ำนักงาน 32/67 ถ.สุขุมวิท ต.ปากน�้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ 10270 0-2380-3709-10
magazine1nai@gmail.com
magazine1nai
1Nai Thailand ผู้ให้บริการโฆษณา
www.magazine1nai.com
ที่ปรึกษา พ.ต.ท. สมชาย ศรลัมพ์, มาลี ชื่นส�ำอางค์ ฝ่ายกฏหมาย นงคราญ นันชนะ ผู้อ�ำนวยการ วริยา แย้มเพียรวัฒนา บรรณาธิการบริหาร กิตติ ฉันทกิจนุกูล กองบรรณาธิการ สุเชาว์ ศรลัมพ์ , สุชาดา พุกทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป ปิยพร ม่วงศรี ผู้จัดการโครงการ นภาพร ดรุณพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประทุมมาศ สนทอง, พัชรีพร เชื้อบุญมี, จีรวรรณ ปลั่งเปล่ง ศิริพรรณ ชัยเกียรติ์สุนทร, สราลักษณ์ ชูประเสริฐ, ยุวดี พะบ�ำรุงษ์ รุ่งรัศมี ชาลี, นัฐธิวรรณ สุรีรัมย์, ศิริวรรณ ศิริพรวิวัฒน์ ฝ่ายศิลปกรรม พลากร ค�ำโครตสูนย์, ศักดิ์ชัย รันจัตุรัส ฝ่ายธุรการ-จัดส่ง อุรุพงษ์ รุ่งเรือง, อรรถพล นารูลา
‘สุริยะ’ หนุนพั ฒนา ภาคอุ ตสาหกรรม 6 ดาน ้
รองรับเศรษฐกิจฟื้ นตัวในปี 2565 นายสุ ริ ย ะ จึ ง รุ่ งเรื อ งกิ จ รั ฐ มนตรี ว่ าการกระทรวง อุตสาหกรรม กลาวปาฐกถาพิ เศษในงานสัมมนาของหนังสือพิ มพ์ ่ มติชนกาวสู ้ ปี่ ที่ 45 หัวขอ้ “สู่ศักยภาพใหม่ : Thailand 2022” ที่ผ่านมาว่า ปั จจุ บันประเทศไทยต้องเผชิญกับปั ญหาและความท้า ทายใหมๆ่ โดยเฉพาะสถานการณก์ ารแพรระบาดของโควิ ด-19 ที่ ่ สงผลกระทบต อสุ ิ ของประชาชน ซึง่ ยังคงเป็ น ่ ่ ขภาพ การด�ำรงชีวต ความเสี่ยงทีป ่ ระเทศไทยตองเผชิ ญ ้
แต่ดว้ ยมาตรการด้านสาธารณสุขและมาตรการสนับสนุนการ ฟืน้ ตัวทางเศรษฐกิจ และตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น จ�ำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ การส่งออกดี ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมา คึ ก คั ก ได้ อี ก ครั้ ง ล่ า สุ ด ส� ำ นั ก งานเศรษฐกิ จ อุ ต สาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม คาดการณ์ “ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม” ในปี 2565 จะยังคงขยายตัว 4.0-5.0% เช่นเดียวกับ “ผลิตภัณฑ์ มวลรวมภาคอุตสาหกรรม” ทีจ่ ะยังคงขยายตัว 2.5-3.5% สะท้อน ให้เห็นถึงทิศทางการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น “มีอุตสาหกรรมเด่นที่เติบโต เช่น อุตสาหกรรมอาหารและ อาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิน้ ส่วน อุตสาหกรรมเครือ่ ง ใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ อุตสาหกรรมคลังสินค้า ขนส่งสิน ค้ า และโลจิ ส ติ ก ส์ แ ละที่ เ กี่ ย วข้ อ ง อุ ต สาหกรรมเครื่ อ งจั ก รและ เทคโนโลยี อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์ และเครื่องมือและอุปกรณ์ ทางการแพทย์” นายสุริยะกล่าว และเพือ่ ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม แนวทางการปรับ โครงสร้างทางเศรษฐกิจทีร่ ฐั บาลให้ความส�ำคัญก็คอื การส่งเสริมการ
8
อุ ตสาหกรรมไทย
หมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจภายใน ประเทศ (local economy) ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐ ได้สนับสนุนการใช้งบประมาณของรัฐในการจัด ซื้อสินค้าได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) ด้วยการออกกฎกระทรวง ก�ำหนดพัสดุ และวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง พัสดุที่รัฐต้องการส่ง เสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 หนุนจัดซือ ้ ในประเทศ ส�ำหรับ Made in Thailand (MiT) นัน้ จะ ให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการจัดซื้อเพิ่ม มากขึน้ ผ่านการหารือกับหน่วยงานรัฐทีเ่ กีย่ วข้อง เพื่ อ หาแนวทางความเป็ น ไปได้ ที่ ภ าครั ฐ จะ สนั บ สนุ น ค่ า ใช้ จ ่ า ยบางส่ ว นของภาค อุ ต สาหกรรม ในการจั ด ซื้ อ พั ส ดุ ที่ ไ ด้ รั บ การ รับรอง รวมถึงการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเพือ่ กระตุ้นการจัดซื้อในภาคเอกชน โดยพัสดุที่จัดท�ำขึ้นหรือจ�ำหน่ายโดยผู้ ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือที่เรียกว่า Thai SME-GP ด้วยการออกกฎ
กระทรวง ก�ำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง พัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 และกระทรวงอุตสาหกรรมได้มี ความร่ ว มมื อ กั บ สภาอุ ต สาหกรรมแห่ ง ประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผลักดันให้ผู้ประกอบการ ที่มีศักยภาพเข้ามามีบทบาทในการจัดซื้อเพิ่ม มากขึน้ ด้วยการเข้าสูร่ ะบบการรับรอง Made in Thailand รวมถึงเตรียมความพร้อมและยกระดับ ผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน เข้าสู่ การรับรอง Made in Thailand ยกระดับอุ ตสาหกรรมชุมชน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมี แนวทางการส่งเสริมการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ในระบบเศรษฐกิ จ ภายในประเทศด้ ว ย “อุตสาหกรรมชุมชน” โดยทีผ่ า่ นมาประสบความ ส�ำเร็จสามารถยกระดับอุตสาหกรรมชุมชนให้มี ความเข้ ม แข็ ง ด้ ว ยการพั ฒ นาหมู ่ บ ้ า น อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ “หมูบ่ า้ น CIV” ภาย ใต้แนวคิดหลักคือ การสร้างหมู่บ้านแห่งความ
สมดุลที่น�ำทุนวัฒนธรรมวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ ชุมชน มาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการ ออกแบบเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและ บริการของชุมชน เชื่อมโยงกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ในชุมชน ก่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่าง ยั่งยืน โดยปัจจุบันมีหมู่บ้านที่ผ่านการพัฒนา แล้วจ�ำนวนกว่า 250 หมู่บ้านทั่วประเทศ และ ก�ำลังต่อยอดการพัฒนาการสร้างเส้นทางท่อง เที่ยว (routing) ที่เหมาะสมในแต่ละฤดูกาล (season) ด้วย DIProm CARE การสนับสนุนภาคธุ รกิจ 4 ดาน ้ ส่วนการยกระดับกระบวนการด�ำเนิน งานให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคม ยุคใหม่ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้มีขีด ความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้นโยบาย “DIProm CARE” หรือ “ดีพร้อม แคร์” ของกรม ส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม เพือ่ ให้ภาค อุตสาหกรรมปรับตัวเท่าทันการเปลีย่ นแปลงของ ปัจจัยแวดล้อมทัง้ ภายในและภายนอก และเป็น เครื่องยนต์ส�ำคัญในการขับเคลื่อนศักยภาพ ประเทศ จะมุง่ สูก่ ารพัฒนาเศรษฐกิจสร้างมูลค่า ทีเ่ ติบโตบนฐานนวัตกรรม องค์ความรู้ เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามโมเดลอุตสาหกรรมรายสาขาที่มีบทบาท ส�ำคัญภายใต้ส ถานการณ์ปัจจุบัน และเป็น อุตสาหกรรมที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ ในอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปเกษตร, อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์, อุตสาหกรรมชิ้น อุ ตสาหกรรมไทย
9
ส่ ว นยานยนต์ โดยเฉพาะการขั บ เคลื่ อ น อุตสาหกรรมบริการดิจทิ ลั และซอฟต์แวร์ (digital services and software industry) ซึ่งเป็น อุตสาหกรรมส�ำคัญทีจ่ ะมีบทบาทในการผลักดัน ศักยภาพของประเทศไทย ด้วยการสร้างมูลค่า (value creation) ให้แก่ธุรกิจและบริการต่าง ๆ ผ่านการน�ำนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์มา ประยุกต์ใช้ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศสู่ การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล (digital economy) ที่ เน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาโมเดล ธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคธุรกิจบริการ นอกจากนี้ยังจะให้ความส�ำคัญกับ การสร้ า งความเข้ ม แข็ ง อุ ต สาหกรรม สนับสนุนทีม่ หี ว่ งโซ่การผลิตในประเทศและ มี ส ่ ว นส� ำ คั ญ ต่ อ การพั ฒ นาอุ ต สาหกรรม ศักยภาพ เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล เครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์ พัฒนา บุ ค ลากรภาคอุ ต สาหกรรม ลดปั ญ หา อุ ป สรรคและอ� ำ นวยความสะดวกในการ ด�ำเนินธุรกิจและการประกอบการ และการ สร้างแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาตามโมเดล เศรษฐกิจ BCG บูรณาการ 6 ดาน ้ ทั้งนี้ เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างรวดเร็วกว่าในอดีตที่ผ่านมา ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมจ�ำต้องเร่งปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อ เตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงภายหลัง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า New Normal เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดย กระทรวงอุตสาหกรรมจะบูรณาการ การทํางานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่าน ประเด็นการพัฒนาสําคัญ 6 ด้าน ได้แก่
10
อุ ตสาหกรรมไทย
1. การส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร โดยการส่งเสริมเทคโนโลยีในการเกษตรเพื่อ สร้างมูลค่าเพิ่ม สนับสนุนการใช้เครื่องจักรกล การเกษตรเพื่อเพิ่มผลิตภาพ และน�ำ IoT เข้ามา ประยุ ก ต์ ใ ช้ รวมทั้ ง พั ฒ นาการแปรรู ป ด้ ว ย นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร 2. การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566-2570) ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ ยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เครื่องมือและอุปกรณ์ การแพทย์ 3. การพัฒนาผูป้ ระกอบการและการ ผลิตสู่ 4.0 ส่งเสริม SME และวิสาหกิจชุมชนให้ มีผลิตภาพ ลดต้นทุน ลดของเสียในกระบวนการ ผลิต รวมทั้งพัฒนาปัจจัยที่เอื้อต่อการด�ำเนิน ธุรกิจ (ease of doing business) ลดอุปสรรค และอ�ำนวยความสะดวกผูป้ ระกอบการ และเพิม่
โอกาสในการเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุน 4. พัฒนาอุตสาหกรรมยั่ง ยืนและ เป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของ ชุมชน ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดมลพิษ ภาคอุตสาหกรรม การยกระดับอุตสาหกรรมเชิง นิเวศ และการก�ำจัดกากอุตสาหกรรม 5. การจัดตั้งและส่งเสริมการลงทุน นิคมอุตสาหกรรม ในพืน้ ทีเ่ ขตเศรษฐกิจพิเศษ รองรับการลงทุนที่ยึดโยงการพัฒนาในระดับ พื้นที่ 6. การยกระดับการให้บริการด้วย เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง บริการทีส่ ะดวก รวดเร็ว โดยการบูรณาการเชือ่ ม โยงข้อมูลกับหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องจัดท�ำเป็น Big Data
NEWS INDUSTRY
กระทรวงอุ ตสาหกรรม เดินหนานโยบาย EV เต็มสูบ ซึง่ ้ ล่าสุดบอร์ดส�ำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ไดไฟเขี ยวเพิ่ มมาตรฐานอีก 19 มาตรฐาน คาดวาจะประกาศใช ้ ่ ้ ภายในปี นี้ เพื่ อรองรับเทคโนโลยีวท ี จู ี (Vehicle to Grid - V2G) ใหรถยนต อ์ วี เี ป็ นแหลงไฟฟ ้ ่ ้ าส�ำรอง
ตามที่รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นฐาน การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่ส�ำคัญของโลก คณะกรรมการ นโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) โดยมีนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ได้กำ� หนดแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ ไฟฟ้า (EV) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว โดยการ จัดท�ำมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนือ่ งและมีการประกาศใช้ แล้วจ�ำนวน 116 มาตรฐาน รวมทัง้ ส่งเสริมให้มโี ครงสร้างพืน้ ฐานด้านการ ตรวจสอบรับรองทีม่ คี วามพร้อม เช่น ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่ง ชาติ (ATTRIC) ที่ส�ำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) อยู่ ระหว่างด�ำเนินการก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้าน EV ให้เกิด การผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศตามเป้าหมายการผลิตและ การใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ หรือ Zero Emission Vehicle: ZEV ลดการใช้ น�้ำมัน ลดการปล่อยไอเสีย รวมทั้งลดฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 อีกด้วย โดยในปี พ.ศ. 2565 นี้ สมอ. มีแผนจัดท�ำมาตรฐานอีกจ�ำนวน 19 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานเรือไฟฟ้า ชิ้นส่วนส�ำหรับดัดแปลงรถ จักรยานยนต์ที่ใช้น�้ำมันเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ระบบจอดอัตโนมัติ ของรถยนต์ และระบบแบตเตอรี่ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น โดย จะเร่งด�ำเนินการออกมาอย่างต่อเนือ่ ง เพือ่ ขับเคลือ่ นนโยบายรัฐบาลด้าน อีวีให้เป็นรูปธรรม ส�ำหรับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าที่จัดท�ำแล้วเสร็จและ ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
20
อุ ตสาหกรรมไทย
(กมอ.) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จ�ำนวน 19 มาตรฐานนั้น อ้างอิงมา จากมาตรฐานระหว่างประเทศของ ISO ซึ่งมีข้อก�ำหนดครอบคลุมทั้งด้าน ความปลอดภัย ด้านมลพิษ ด้านเสียง และด้านการใช้พลังงาน รวมทั้งยัง เป็นมาตรฐานที่รองรับเทคโนโลยีวีทูจี (Vehicle to Grid - V2G) ซึ่งเป็น เทคโนโลยีทสี่ ามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าส�ำรองไว้ในแบตเตอรีย่ านยนต์ไฟฟ้า มีศกั ยภาพในการควบคุมกระแสไฟฟ้าให้ไหลเข้าออกจากแบตเตอรีไ่ ด้อย่าง อิสระ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ บอร์ด กมอ. ยังได้เห็นชอบมาตรฐานอื่นๆ อีก 37 มาตรฐาน รวมเป็น 56 มาตรฐาน เช่น มาตรฐานระบบตรวจจับการบุกรุก และการโจรกรรมในอาคาร มาตรฐานตัวเป่าผม เครื่องขยายสัญญาณ ไมโครโฟน หูฟังคาดศีรษะและหูฟังใส่หู ถ้วยกระดาษส�ำหรับเครื่องดื่ม กระดาษพิมพ์และเขียน และผงสีอัลทรามารีน เป็นต้น รวมทั้งได้เห็นชอบ ให้เตาอบไมโครเวฟและเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดร้อนส�ำหรับงาน โครงสร้างเครื่องจักรกล เป็นสินค้าควบคุมอีกด้วย
NEWS INDUSTRY
“สุริยะ” เผย รัฐเตรียม
หนุนใชรถยนต ไ์ ฟฟ้าหลังยอดใชงานพุ ้ ้ ่ง “สุริยะ” รมว.อุ ตสาหกรรม พอใจ ภาพรวมงาน “มอเตอรโ์ ชว์ ครัง้ ที่ 43” เผย รั ฐ บาลเตรี ย มมาตรการสนั บ สนุ น ใช้ รถยนตไ์ ฟฟ้า หลังพบยอดการใชงานสู งขึน้ ้ แบบกาวกระโดด ้
ที่ ช าเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิ ม แพ็ ค เมืองทองธานี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. อุตสาหกรรม น�ำคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมการจัด งานบางกอก อินเตอร์เนชัน่ แนล มอเตอร์โชว์ ครัง้ ที่ 43 ซึ่งจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม -3 เมษายน 2565 โดยมีนายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงอุตสาหกรรม คณะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นายชาญ ตุลยะเสถียร นายโสภณ ตันประสิทธิกุล ดร.สฤษฎเกียรติ แจ่มสมบูรณ์ นายชัชวัฏ สุวรรณโณ นายกฤตณ์พทั ธ์ กังสุวรรณ นายธีระ บัวประดับกุล คณะผู้บริหารกระทรวง อุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารบริษัทยานยนต์ ชั้นน�ำ เข้าร่วม โดยงานบางกอก อินเตอร์เนชัน่ แนล มอเตอร์โชว์ 2022 จัดขึน้ ภายใต้แนวคิด “ก้าว ด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” หรือ “KEEP MOVING FORWARD TOGETHER” โดย บริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จ�ำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานหลัก โดยมี 27 บริษัท รถยนต์ 8 บริษัทรถจักรยานยนต์ และส่วนที่ เกีย่ วข้องกับการให้บริการด้านยานยนต์เข้า ร่วมจัดแสดงบนพื้นที่กว่า 170,960 ตาราง เมตร
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวชืน่ ชมคณะผูจ้ ดั งานทีเ่ ตรียมพร้อมตามมาตรการป้องกันการแพร่ ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างดี และดีใจที่ ประชาชนให้ความสนใจการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ซึ่ง รัฐบาลให้ความส�ำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะประเทศไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศหลักที่ ผลิตรถยนต์ของโลก โดยในประเทศอาเซียน ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ซึง่ ในปีนมี้ กี ารประกอบ รถยนต์ในประเทศไทยประมาณ 1,800,000 คัน ขณะที่ ก ารจั ด งานในปี นี้ พบว่ า มี บ ริ ษั ท ผู ้ ประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้อง กับนโยบายรัฐบาลทีต่ อ้ งการให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยรัฐบาล ตั้งเป้าภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีการผลิตรถยนต์ ไฟฟ้าในประเทศไม่น้อยกว่า 360,000 คัน โดย แบ่งเป็นใช้ในประเทศ 260,000 คัน และส่งออก
100,000 คัน จากสถิติในปีที่ผ่านมาพบว่า ประชาชน ให้ความสนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยในปี 2563 มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 3,000 คัน ปี 2564 มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 6,000 คัน ส่วนปีนี้คาดว่า จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 20,000 คัน ซึง่ เป็นอัตรา แบบก้าวกระโดด ซึ่งรัฐบาลเอง มีมาตรการใน การลดภาษีการน�ำเข้าของผูป้ ระกอบการ และลด ภาษีสรรพสามิต รวมถึงมีมาตรการสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการรถยนต์ จึงคาดว่า ในอนาคต รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแน่นอน
อุ ตสาหกรรมไทย
21
NEWS INDUSTRY
ดีพร้อม เปิ ดนโยบายเกษตรอุ ตสาหกรรม 65
ดันมูลคาเศรษฐกิ จกวา่ 1.2 พั นลาน ้ ลาดอาหารสุขภาพ ่ ้ ชีต ทางรอดสรางรายได ้ ้ แปรรูปผลิตภัณฑเ์ พิ่ มมูลคาสิ ่ นคาเกษตร ้
ดร.ณั ฐ พล รั ง สิ ต พล อธิบ ดีก รมส่ ง เสริ ม อุ ต สาหกรรม (กสอ.) หรื อ ดี พ ร้ อม (DIPROM) เปิ ดเผยว่ า มาตรการส่ งเสริ ม เกษตรอุ ต สาหกรรมในปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 ดีพรอม ดีพรอม ้ ขับเคลือ่ นดวยนโยบาย ้ ้ แคร์ เ กษตรอุ ต สาหกรรม มุ่ งเน้ นพั ฒนาผู้ ประกอบการในทุกมิติ เสริมสรางความแข็ งแรง ้ ให้ กั บ ธุ รกิ จ พร้ อมการยกระดั บ ห่ วงโซ่ อุตสาหกรรม ประกอบดวย ้ C-Customization
ปรับแนวทางการส่ง เสริมผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม โดยเพิ่ม ความหลากหลายของการด�ำเนินการสอดคล้องกับ ดี ม านด์ ข องผู ้ ป ระกอบการ เช่ น การส่ ง เสริ ม ผู ้ ประกอบการรุ่นใหม่ที่สนใจเป็นนักธุรกิจเกษตร รวม ทั้งพัฒนามาตรฐานให้สอดคล้องกับความต้องการ ของตลาด ทั้งยังปรับการด�ำเนินงานให้สอดคล้องกับ บริ บ ทของแต่ ล ะภู มิ ภ าค ส่ ง เสริ ม การพั ฒ นา เครือ่ งจักรตามความต้องการของชุมชน ตัวอย่างเช่น เครือ่ งขอดเกล็ดปลา เครือ่ งเผาข้าวหลาม และเครือ่ ง ตัดอ้อยขนาดเล็ก เป็นต้น พร้อมปรับใช้องค์ความรูด้ า้ นการจัดการฐาน ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ BIG DATA โดยพัฒนาระบบ วิเคราะห์ปัญหาการประกอบการ (I-Business Check up) เพิ่มความแม่นย�ำในการก�ำหนดทิศทาง และมาตรการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมทีส่ อดคล้อง กับสถานการณ์และสภาพปัญหาของห่วงโซ่อุปทาน
22
อุ ตสาหกรรมไทย
โดยเก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วม โครงการจั ด ท� ำ ฐานข้ อ มู ล คุ ณ ภาพ ส� ำ หรั บ ใช้ วิเคราะห์แผนพัฒนาทีต่ รงจุด ผ่านหลากหลายเครือ่ ง มื อ อาทิ การวิ เ คราะห์ ส ถานประกอบการ (SHINDAN), การวิเคราะห์ DNA ของธุรกิจ และการ ท�ำโมเดลวิเคราะห์ตัวแปรไปสู่เป้าหมายองค์กร หรือ Business Canvas เป็นต้น A-Accessibility เพิ่มศักยภาพการให้ บริ ก ารผ่ า นการด� ำ เนิ น งานทั้ ง ในส่ ว นกลางและ ภูมิภาคผ่านศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค หรือ ดี พร้อมเซ็นเตอร์ (DIPROM CENTER) ทั้ง 11 แห่งทั่ว
ประเทศ ยกระดับการส่งเสริมการใช้งานเครื่องจักร กลให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน�้ำจนถึงปลายน�้ำ อาทิ เครื่องปรับระดับหน้าดินด้วยเลเซอร์ เครื่องให้ปุ๋ย อัตโนมัติ รถเกี่ยวอ้อย และบริการ OEM แปรรูป ผลผลิตจากข้าว พร้ อ มประสานความร่ ว มมื อ กั บ สภา อุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิภาพของดีพร้อมไอเอด แพลตฟอร์ม(DIPROM i-AID Platform) กระจาย โอกาสในการใช้งานเครือ่ งจักร การให้บริการด้านการ ออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ (DIPROM PACK) และการให้ค�ำปรึกษาเชิงลึกเพื่อการวางแผนปัจจัย
อย่างไรก็ดี เพือ่ เป็นการเพิม่ ขีดความสามารถ ในการเข้ า ตลาดเพื่ อ เพิ่ ม รายได้ ใ ห้ กั บ ผู ้ ป ระกอบ การเกษตรอุตสาหกรรม ดีพร้อม ได้ส่งเสริมการใช้ แพลตฟอร์ ม อี ค อมเมิ ร ์ ช ตั้ ง แต่ ช ่ ว งเริ่ ม ต้ น ของ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (Covid-19) ผ่านโครงการ ปั้น SMEs สู่ B2C ฝ่าวิกฤตโค วิด-19 ซึง่ เป็นโครงการส่งเสริมผูป้ ระกอบการ สูต่ ลาด อี ค อมเมิ ร ์ ช (e-Commerce) ท� ำ ให้ ผู ้ ป ระกอบ การเกษตรอุตสาหกรรม และผูป้ ระกอบการเอสเอ็มอี ก้าวผ่านวิกฤตและสร้างโอกาสในการด�ำเนินธุรกิจ เพิม่ ขึน้ พร้อมเสริมทักษะการวางแผนโลจิสติกส์ให้มี ศักยภาพ และสนับสนุนการพัฒนาเครื่องจักรกล ขนาดเล็กเพิม่ โอกาสในการเข้าถึงของผูป้ ระกอบการ เสริมศักยภาพให้พร้อมแข่งขันอย่างสมบูรณ์ ทางธุรกิจ โดยเพือ่ เพิม่ ขีดความสามารถในการเข้าถึง ของผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมให้ครอบคลุม มากขึ้น การด�ำเนินงานในปีนจี้ งึ เพิม่ เป้าหมายการใช้ เครื่ อ งจั ก รกลขนาดเล็ ก ที่ มี ค วามจ� ำ เป็ น ในการ ประกอบธุรกิจ เพื่อช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายผู้ประกอบ การเกษตรอุตสาหกรรมในยุคที่ต้นทุนการผลิตสูง และขาดแคลนแรงงาน อี ก ทั้ ง เป็ น การขยายความช่ ว ยเหลื อ สู ่ ผู ้ ประกอบการเกษตรฐานราก พร้อมขยายการให้ค�ำ แนะน�ำกับผู้ประกอบการผ่านช่องทางออนไลน์ที่ สอดคล้องกับบริบทของความเป็นปกติใหม่ ทั้งยัง เป็นการเพิม่ ประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการทีท่ วั่ ถึง R-Reformation ปฏิรูปโครงการพัฒนา เกษตรอุตสาหกรรมตามนโยบาย BCG โดยได้ริเริ่ม ทดลองด�ำเนินงานโครงการ The Gifted DIPROM BCG เพื่อศึกษาและพัฒนาแนวทางการเพิ่มผลิต ภาพแก่ธรุ กิจเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยังยืน่ โดยการ พัฒนาการเพิม่ มูลค่าผลิตภัณฑ์ หรือการใช้ทรัพยากร อย่างมีคุณค่า กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่ง แวดล้อม รวมทัง้ ปฏิรปู การพัฒนาทักษะผูป้ ระกอบการ ให้มีอาวุธครบด้านในการเริ่มหรือปรับปรุงธุรกิจผ่าน โครงการ DIPROM Agro Beyond Academy ปั้นผู้ ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมมืออาชีพ ทีส่ ามารถ น�ำความรู้ไปปรับใช้ได้จริงในกิจการ และสามารถ สร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างธุรกิจ การปรับเปลีย่ นโครงการและเนือ้ หาหลักสูตร ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในการประกอบ ธุรกิจที่แตกต่างกัน ผ่านกิจกรรมดีพร้อม จีเนียส อะ คาเดมี (DIPROM Genius Academy) สร้างงาน สร้างอาชีพ ผ่านโครงการปลูกปั้น รวมถึงพัฒนาผู้ ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมทีม่ ศี กั ยภาพให้เพิม่ ขี ด ความสามารถทางการแข่ ง ขั น ผ่ า นกิ จ กรรม DIPROM Hero E-Engagement ขยายพันธมิตรเกษตร อุตสาหกรรม โดยการประสานความร่วมมือกับผู้ ประกอบการรายใหญ่ ส่งเสริม สนับสนุนทุนเพือ่ ธุรกิจ
ส�ำหรับแนวโน้มการเติบโตของเกษตร อุตสาหกรรมเป็นทีน่ า่ จับตา ด้วยปัจจัยจากสถา การณ์ตา่ งๆ ส่งผลให้อตุ สาหกรรมอืน่ ๆ ยังอยูใ่ น ภาวะชะลอตัว และด้วยศักยภาพความพร้อม ของประเทศไทย ทีม่ คี วามพร้อมด้านการเกษตร ประกอบกับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่หัน ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่ เกี่ ย วข้ อ งกั บ อาหารสุ ข ภาพเติ บ โตอย่ า งก้ า ว กระโดด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าในปี ทีผ่ า่ นมาตลาดอาหารสุขภาพของไทยเติบโตถึง เปิดช่องทางการตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างราย 5,400 ล้านบาท ขณะที่ มู ล ค่ าตลาดทั่ ว โลกเติ บ โตจากการ ได้ ในช่องทางตลาดใหม่ หรือ Modern Trade รวม ทั้ ง พั ฒ นาความร่ ว มมื อ กั บ สมาคมเครื่ อ งจั ก รกล ประเมินของยะฮูไฟแนนช์ (Yahoo Finance) สูงถึง การเกษตร เพือ่ ชีเ้ ป้าการพัฒนา และบูรณาการความ 6 ล้านล้านบาท โดยอาหารสุขภาพได้แบ่งประเภท ร่วมมือเพื่อให้การพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยี ออกเป็ นหลายกลุม ขึน้ อยูกับเปาหมายของผูบริโภค ่ ่ ้ ้ สามารถตอบสนองผูป้ ระกอบการมากทีส่ ดุ ทัง้ ขยาย อาทิ อาหารคีโต ส�ำหรับผูที ่ องการลดปริ มาณการ ้ ต ้ ความร่วมมือไปยังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอี สภาหอการค้า และภาคเอกชน รับ ประทานแป้ ง อาหารแพลนต์เ บส ส� ำ หรับ ผู้ที่ เช่น เครือSCG, ปตท., บากจาก และ เครือCP เป็นต้น ต้องการบริโภคโปรตีนที่ท�ำมาจากพื ช ซึ่งจะเห็นได้ มอาหารสุ ขภาพนี้ มีชองทางส� ำหรับผู้ เพือ่ การต่อยอดและสร้างเครือข่ายการพัฒนาเกษตร วาตลาดในกลุ ่ ่ ่ อุตสาหกรรมให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ประกอบการที่มีความพร้อมในการเข้าถึงส่วนแบ่ง ดร.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ดีพร้อม มุ่งหวังให้ปี ชิน้ ส�ำคัญนี้ 2565 เป็นปีแห่งการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ ประกอบการ เพือ่ กระจายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยได้พัฒนา เครือ่ งมือและกลไกต่าง ๆ ให้สามารถปรับใช้ได้กบั ทุก ธุรกิจ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับ การพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ เตรียมความพร้อม ส�ำหรับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งการ ด�ำเนินงานในส่วนนี้ ได้มอบหมายให้ กองพัฒนา เกษตรอุตสาหกรรม รับหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมผู้ ประกอบการ ซึง่ คาดการณ์วา่ จะสามารถสร้างมูลค่า เพิม่ ให้แก่ภาคเกษตรอุตสาหกรรมไม่นอ้ ยกว่า 1,200 ล้านบาท ผูสนใจสามารถสอบถามข อมู ้ ้ ลเพิ่ มเติมไดที ้ ่
ส�ำนักงานเลขานุการกรม กรมสงเสริ มอุตสาหกรรม ่
โทรศัพท์ 0 2430 6865-66 ตอ่ 4 และติดตามขอมู อ่ นไหวไดที ้ ลขาวสารและความเคลื ่ ้ ่ www.facebook.com/dipromindustry หรือ www.diprom.go.th อุ ตสาหกรรมไทย
23
NEWS INDUSTRY
“สุริยะ” ก�ำชับ กนอ.เตรียมความ พร้อมพื้ นที่นิคมอุ ตสาหกรรมทุกภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ด้าน “วีรศ ิ ” เผย บอรด ั หิ ลักการจัด ์ กนอ.อนุมต ตัง้ นิคมอุตสาหกรรมใหมในพื ี ี เล็ง ่ ้ นทีอ่ อี ซ รองรับอุ ตสาหกรรมเป้าหมาย คาดหลัง เปิ ดด� ำ เนิ น การจะสร้ างเม็ ด เงิน ลงทุ น ใน ประเทศกวา่ 45,840 ลานบาท เกิดการจาง ้ ้ งานเพิ่ ม 11,460 คน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรี ว่ า การกระทรวงอุ ต สาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่าง ประเทศ (เอฟดีไอ) แต่มนั่ ใจว่าการบริหารจัดการ สถานการณ์และศักยภาพของประเทศไทยที่มี อยู่นั้น สามารถสร้างความสนใจให้กับหลาย ประเทศได้ จึงต้องอาศัยช่วงเวลานี้ บวกกับ ปัจจัยการย้ายฐานลงทุนและการผลิตของนัก ลงทุ น ต่ า งชาติ จ ากเหตุ ก ารณ์ ค วามขั ด แย้ ง ทางการค้า (เทรดวอร์) ของจีนและสหรัฐ เร่ง ดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศให้ได้ “ผมได้ก�ำชับให้การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (กนอ.) เร่งดึงดูดการลงทุนใน พืน้ ทีน่ คิ มอุตสาหกรรมโดยการโชว์ศกั ยภาพและ ความพร้อมรองรับการลงทุน ขณะเดียวกันให้
24
อุ ตสาหกรรมไทย
เตรียมความพร้อมนิคมอุตสาหกรรมทุกภูมภิ าค เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตที่ส�ำคัญของ ภาคอุตสาหกรรม โดยจะต้องตอบโจทย์ทุกการ แข่งขัน ทัง้ ศักยภาพของระบบโครงสร้างพืน้ ฐาน ที่ได้มาตรฐานสากลแบบครบวงจร รวมทั้งสิ่ง อ�ำนวยความสะดวก และการบริหารจัดการ อย่างทัว่ ถึง ซึง่ กนอ.เองก็มโี ปรโมชัน่ ส่งเสริมการ ขายและเช่าทีด่ นิ ในนิคมฯออกมาอย่างต่อเนือ่ ง” นายสุริยะ กล่าว
ด้านนายวีรศิ อัมระปาล ผูว้ า่ การการ นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.พร้อมด�ำเนินการตามนโยบายของ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงอุตสาหกรรม เพือ่ ดึงดูด นักลงทุนทัง้ ไทยและต่างชาติเข้ามาในพืน้ ทีน่ คิ ม อุตสาหกรรม โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะ กรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) อนุมตั ใิ นหลักการ ให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง โดยร่วม ด�ำเนินงานกับ บริษทั พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพือ่ การอุตสาหกรรมระยอง ไทย-จีน จ�ำกัด ในรูป แบบของนิคมอุตสาหกรรมร่วมด�ำเนินงาน ซึ่ง เป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่อี อีซี การขยายตัวของอุตสาหกรรมเป้าหมาย SCurve และ New S-Curve และอุตสาหกรรมที่ ได้รบั การส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก รวมถึงตอบสนองนโยบายส่ง เสริมและสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ในพื้ น ที่ ที่ มี ศั ก ยภาพ ตามยุ ท ธศาสตร์ ข อง ประเทศเชิงพื้นที่ (Area based) โดยเอกชน เป็ น ผู ้ ล งทุ น พั ฒ นาและให้ บ ริ ก ารระบบ สาธารณู ป โภคภายใต้ ก ารก� ำ กั บ ของ กนอ. โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหนองละลอก ตั้ ง อยู ่ ใ นพื้ น ที่ ต� ำ บลหนองละลอก อ� ำ เภอ บ้านค่าย จังหวัดระยอง พืน้ ทีป่ ระมาณ 1,546 ไร่ โดยที่ตั้งของโครงการฯ ถือว่ามีความได้เปรียบ จากการเป็นพืน้ ทีด่ อน ไม่มคี วามเสีย่ งต่อการถูก
น�ำ้ ท่วม ด้านหน้าโครงการติดถนนทางหลวงแผ่นดิน และห่างจากทางหลวง พิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางชลบุรี-พัทยา ประมาณ 14 กิโลเมตร อยูห่ า่ งจากท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 24 กิโลเมตร ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ประมาณ 40 กิโลเมตร ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ประมาณ 60 กิโลเมตร และห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 150 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังอยูใ่ กล้พนื้ ทีเ่ ขตประกอบการอุตสาหกรรมและ นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง อาทิ เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิว เอชเอ ระยอง ประมาณ 7 กิโลเมตร นิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี ประมาณ 8 กิโลเมตร และนิคมอุตสาหกรรม อาร์ ไอ แอล ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นต้น ทัง้ นี้ ตัวโครงการแบ่งพืน้ ทีเ่ ป็นพืน้ ทีเ่ ขตอุตสาหกรรมทัว่ ไป ประมาณ 1,123 ไร่ พื้นที่โรงไฟฟ้า ประมาณ 22 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 181 ไร่ พื้นที่ สีเขียวและแนวกันชน ประมาณ 218 ไร่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพืน้ ที่ ทัง้ หมดและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี โดยหลังเปิดด�ำเนินการแล้วจะก่อ ให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 45,840 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิม่ ขึ้นประมาณ 11,460 คน อย่างไรก็ตาม โครงการฯ อยู่ในพื้นที่เป้าหมาย ของ EEC อยู่ในท�ำเลที่มีศักยภาพ อีกทั้งผู้ประกอบการยังได้รับสิทธิ ประโยชน์ภายใต้มาตรการส่งเสริมของ EEC ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ขาย/ให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ในระยะเวลา 5 ปี “โครงการฯ ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่อีอีซี ของรัฐบาล ทีม่ กี ารขับเคลือ่ นและพัฒนาพืน้ ทีม่ าอย่างต่อเนือ่ ง ทัง้ การวาง โครงสร้างพื้นฐานในระบบสาธารณูปโภค อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลม ฉบังระยะที่ 3 และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 ซึ่งเป็นปัจจัย ส�ำคัญในการชักจูงให้มาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve โดย กนอ.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดเตรียม พืน้ ทีเ่ พือ่ รองรับนักลงทุนซึง่ จากการพิจารณาข้อเสนอของการจัดตัง้ นิคมฯ ดังกล่าวนัน้ กนอ.เห็นว่า นอกจากศักยภาพของโครงการฯ ทัง้ ในด้านท�ำเล ที่ตั้ง การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านคมนาคมขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐาน ต่างๆ แล้ว บริษัทยังมีความพร้อม มีฐานลูกค้า และมีประสบการณ์การ ด�ำเนินธุรกิจ คาดว่าจะท�ำให้โครงการฯ ประสบความส�ำเร็จได้” นายวีริศ กล่าว ส�ำหรับการจัดตัง้ นิคมฯ ดังกล่าว น�ำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรม เชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ โดย จัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบ พืน้ ทีโ่ ครงการฯ รวมทัง้ จัดสรรพืน้ ทีส่ เี ขียวภายในนิคมอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 มีการน�ำน�้ำทิ้งไปผ่านการบ�ำบัดและปรับปรุง คุณภาพเพือ่ น�ำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ (Recycle) เพือ่ ลดอัตราการระบาย
น�้ำทิ้งออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังใช้แนวคิดการออกแบบอาคารแบบ อารยสถาปัตย์ (Universal Design) รวมถึงการออกแบบอาคารเพื่อการ อนุรักษ์พลังงาน (Green Building) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และใช้ พลังงานทดแทน ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของคณะกรรมการ กนอ.ว่าด้วย มาตรฐานระบบสาธารณูปโภคสิ่งอ�ำนวยความสะดวกและบริการส�ำหรับ นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อุ ตสาหกรรมไทย
25
NEWS INDUSTRY
23 องคก ข์ บ ั เคลือ่ นธุ รกิจ ์ รเอกชนไทย เดินหนาเจตนารมณ ้ ดวยเศรษฐกิ จหมุนเวียน ลงนามความรวมมื ้ ่ อ CECI: Action For Sustainable Future
พลิกโฉมอุ ตสาหกรรมกอสร ่ ้างไทยเติบโตยั่งยืน
ภาคเอกชน 23 องคก ์ ร ลงนามความรวมมื ่ อ CECI: Action for Sustainable Future เพื่ อบรรลุเป้ าหมายในการยกระดับ อุ ตสาหกรรมก่อสร้างไทย ด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็ น รูปธรรม หนุน 5 ภาคสวนในอุ ตสาหกรรมชวยกั ่ ่ นขับเคลือ่ นการใช้ ทรัพยากรอยางคุ ่ มค ้ า่ ลดผลกระทบสิง่ แวดลอม ้ ตลอดทัง้ Supply Chain ดันอุ ตสาหกรรมกอสร ่ ้างไทยเติบโตยัง่ ยืน
23 องค์กรเอกชนที่ร่วมลงนามในครั้งนี้ ได้แก่ บริษัท ทรัสตี้ โปร เจค แมเนจเมนต์ จ�ำกัด บริษัท ทีม คอนซัลติ้งเอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท สถาปนิก 49 จ�ำกัด บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จ�ำกัด บริษทั เซ็นทรัลพัฒนา จ�ำกัด (มหาชน) บริษทั แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อป เม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จ�ำกัด บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จ�ำกัด บริษัท ศุภาลัย จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท สิงห์ เอส เตท จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท นันทวัน จ�ำกัด บริษัท เนาว รัตน์พัฒนาการ จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท พรพระนคร จ�ำกัด บริษัท ฤทธา จ�ำกัด บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จ�ำกัด บริษัท ขอ รีไซเคิล จ�ำกัด บริษัท จีอีพีพี สะอาด จ�ำกัด บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จ�ำกัด (CPAC) และบริษัท วัตคินสัน (ประเทศไทย) จ�ำกัด
คุ ณ นิ ธิ ภั ท รโชค President, Cement and Building Materials Business, SCG ในฐานะของบริษัทผู้ ผลิ ต และจั ด จ� ำ หน่ า ยวั ส ดุ ก่อสร้าง เปิดเผยว่า “CECI หรื อ กลุ ่ ม ความร่ ว มมื อ ด้ า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ห มุ น เ วี ย น ใ น อุตสาหกรรมก่อสร้าง ก่อตั้งใน ปี 2561 โดยเริ่มต้นจากการ ประชุมหารือร่วมกันระหว่างผู้ บริ ห ารของพั น ธมิ ต รองค์ ก ร เอกชนในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ตัง้ แต่ตน้ น�ำ้ ถึงปลายน�ำ้ ซึง่ มีอดุ มการณ์ ร่วมกันและเล็งเห็นถึงความส�ำคัญว่า หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เป็นหนึ่งในแนวทางส�ำคัญที่จะช่วยบริหารจัดการปัญหาเศษ วัสดุเหลือทิง้ ในอุตสาหกรรมก่อสร้างได้ ด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างคุม้ ค่า มุง่ สู่การด�ำเนินอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Construction เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและให้ผลตอบแทนทางสังคม เอสซีจี ในฐานะของบริษัทผู้ผลิตและจัดจ�ำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้ อุ ตสาหกรรมไทย
29
เข้าร่วมกลุ่ม CECI ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โดยให้ความ ส�ำคัญกับการพัฒนาสินค้าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้ง บริการ และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุม้ ค่า ผ่านกระบวนการ ผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ด้านการ ประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งาน และลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึง่ จะช่วยลดผลกระทบต่อ ภาวะโลกร้อน รวมถึงเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดีให้ กับผู้อยู่อาศัย ผ่านการรับรองสินค้า บริการ และ โซลูชนั ด้วยฉลาก “SCG Green Choice” นอกจาก นี้ เอสซีจียังได้น�ำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ใน กระบวนการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ “CPAC Green Solution” ทีจ่ ะช่วย ลดเวลาการก่อสร้าง เพิ่มความแม่นย�ำ ลดการใช้ ทรัพยากร ช่วยควบคุมต้นทุน และช่วยลดเศษวัสดุ ในไซต์งานก่อสร้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย” ขณะทีก่ ลุม่ บริษทั พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของโครงการ คุณจุฑาธรรม จิราธิวัฒน์ Head of Business Development บริ ษั ท เซ็นทรัลพัฒนา จ�ำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลอด 40 ปี เซ็นทรัลพัฒนา มีแนวคิดการพัฒนา โครงการควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบศูนย์การค้า การ เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการตั้งเป้าเป็นต้นแบบองค์กรที่จัดการขยะ การก่ อ สร้ า ง นั บ ตั้ ง แต่ เ ริ่ ม สร้ า งโครงการผ่ า น การน�ำขยะเสาเข็มมารีไซเคิล รวมถึงการเพิ่มการ ใช้ทรัพยากรทางเลือก เพือ่ ลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจก การได้รว่ มเป็นพันธมิตรกับทาง CECI เชือ่ ว่าจะท�ำให้โครงการใหม่ๆ ที่อยู่ในระหว่างการ พัฒนาจะเป็นรูปแบบการออกแบบก่อสร้างด้วย แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ผนวกวิถีแห่งเมือง และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การบดย่อยเศษคอนกรีตจากหัวเสาเข็มที่ตัดทิ้ง จากงานฐานราก น�ำกลับมาใช้เป็นวัสดุทดแทน
30
อุ ตสาหกรรมไทย
วัสดุรองทางถนนในโครงการเซ็นทรัลศรีราชา และ เซ็นทรัลจันทบุรี รวมปริมาณขยะเสาเข็มน�ำมา หมุนเวียน เท่ากับ 4,000 ตัน และวางแผนน�ำ แนวคิด Circular Design และ Sustainable Material มาใช้ในโครงการ ดุสติ เซ็นทรัล พาร์คอีกด้วย เซ็นทรัลพัฒนาพร้อมที่จะขยายความร่วมมือเพื่อ สร้างการเปลี่ยนแปลง ร่วมมือกับทุกท่าน ผลักดัน และขับเคลือ่ นสังคม โดยเราทุกคนมีหน้าทีต่ อ่ ส่วน รวม ในการสร้าง Sustainable Ecosystem ทีย่ งั่ ยืน ต่อผู้คน ชุมชน และ สิ่งแวดล้อม” ด้ า นคุ ณ สุ ท ธา เรื อ งชั ย ไพบู ล ย์ ประธานผู ้ อ� ำ นวยการ บริ ษั ท แมกโนเลี ย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด มี ความเห็นว่า “MQDC มีแนวทางอย่างชัดเจนใน การพั ฒ นาธุ ร กิ จ ทั้ ง ในกลุ ่ ม ที่ อ ยู ่ อ าศั ย อาคาร พาณิชย์ ส�ำนักงาน ศูนย์การค้า รวมถึงธุรกิจการ ให้บริการ ภายใต้พันธกิจ “For All Well-Being” โดยมีนโยบายการท�ำงานที่ให้ความส�ำคัญต่อสิ่ง แวดล้อม การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า และการจัดการขยะ โดย MQDC ได้น�ำส่วนหนึ่ง ของกระบวนการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาท�ำให้เกิด ขึ้นจริง เพื่อลดขยะจากงานก่อสร้างโครงการ เช่น การเปลี่ยนตาข่ายคลุมอาคาร ที่ ใ ช้ ป ้ อ งกั น ฝุ ่ น และอั น ตราย ระหว่ า งการก่ อ สร้ า งเป็ น ถุ ง ช็อปปิง้ ในห้างสรรพสินค้า หรือ การน�ำคอนกรีตจากหัวเสาเข็ม ที่ต้องตัดทิ้งและน�ำออกไปเป็น ขยะนอกไซด์งานก่อสร้างมา ผ่านกระบวนการแปรรูป เพื่อ น�ำกลับมาเป็นพืน้ คอนกรีตทีใ่ ช้ ในพืน้ ทีก่ อ่ สร้าง กลุม่ CECI ถือ
เป็นความร่วมมือของหลากหลายภาคส่วนที่มี ความมุง่ มัน่ และตัง้ ใจทีเ่ หมือนกันในการริเริม่ และ ผลักดันให้เกิดเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการ เศรษฐกิจหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือ ระหว่างพันธมิตร การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การ ต่อยอดองค์ความรูเ้ พือ่ ให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพือ่ ให้เกิดการท�ำงานอย่างทีม่ ปี ระสิทธิภาพอย่าง ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง” ทั้งนี้ คุณวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้ จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จ�ำกัด (มหาชน) เสริมว่า “ทางสหพัฒน์ให้ความ ส� ำ คั ญ กั บ การด� ำ เนิ น ธุ ร กิ จ ที่ เ ป็ น มิ ต รต่ อ สิ่ ง แวดล้อมมาโดยตลอด และน�ำมาเป็นแนวทางการ ด�ำเนินธุรกิจ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการ Pilot Project ที่สหพัฒน์ได้พัฒนาร่วมกับหลาย บริษัทพันธมิตรในอุตสาหกรรมก่อสร้างในกลุ่ม CECI ภายใต้ชื่อโครงการ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ (KingBridge Tower) พระราม 3 ที่ได้รับการ ออกแบบภายใต้แนวคิด The Spirit of Synergy เพราะเราเชือ่ ว่าการผนึกก�ำลังกันระหว่างพันธมิตร ที่ดีนั้น จะสร้างผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยอาคารนี้ถือ เป็ น ต้ น แบบอาคารอนุ รั ก ษ์ พ ลั ง งานและสิ่ ง
แวดล้อมในประเทศไทย ผ่านองค์ประกอบตั้งแต่ ด้านการออกแบบของอาคาร ใช้เทคโนโลยีการ ก่อสร้างทีเ่ ป็นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม การเลือกใช้วสั ดุ รีไซเคิลในการก่อสร้าง และการใช้พลังงานอย่างมี ประสิทธิภาพ นับเป็นจุดเริม่ ต้นส�ำหรับการพัฒนา ให้เกิดระบบและโครงการอืน่ ๆ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพยิง่ ขึน้ เพือ่ ยกระดับวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างสูก่ าร พัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป” คุ ณ เกชา ธี ร ะโกเมน ประธาน กรรมการบริษัท และกรรมผู้จัดการ บริษัท อี อีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จ�ำกัด ตัวแทนจาก กลุ ่ ม สถาปนิ ก และที่ ป รึ ก ษาโครงการกล่ า วว่ า “กลุ่มบริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค เป็นบริษัท วิศวกรที่ปรึกษา และ Unisus ที่เป็นบริษัทพัฒนา ระบบสาธารณูปโภคและนวัตกรรมด้านพลังงาน มีเป้าหมายตรงกับกลุ่ม CECI ในการขับเคลื่อน กระบวนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแก้ปัญหา วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากการสร้างวงจรที่ เป็ น Value Chain การใช้ ท รั พ ยากรอย่ า งมี ประสิทธิภาพ และการลดของเสียแล้ว เศรษฐกิจ หมุนเวียนยังเกี่ยวข้องกับพลังงาน สิ่งแวดล้อม ความเป็นอยูท่ ดี่ ี และการลดการปล่อยคาร์บอนอีก ด้วย โดยกลุ่มบริษัท อีอีซี และ Unisus มีบทบาท ส�ำคัญในการออกแบบก่อสร้างโครงการที่เป็นต้น แบบส�ำหรับอนาคตที่ส�ำคัญหลายโครงการ เช่น โครงการประเภท Mixed Use, New Town Development และ Eco Industry ที่มีเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงสู่ อุตสาหกรรมก่อสร้าง” ขณะทีภ่ าคส่วนผูร้ บั เหมาก่อสร้าง ดร.ธีร เดช ทั ง สุ บุ ต ร ประธานเจ้ า หน้ า ที่ บ ริ ห าร บริษัท ฤทธา จ�ำกัด กล่าวว่า “หลักเศรษฐกิจ หมุนเวียน ในมุมมองของบริษทั ผูร้ บั เหมาก่อสร้าง แม้ ว ่ า อาจจะท� ำ ได้ ย าก เพราะสิ น ค้ า ใน อุตสาหกรรมนี้ มีระยะเวลาการใช้งานที่ค่อนข้าง นาน และเมื่อหมดอายุการใช้งาน ก็มักจะนิยม ก่อสร้างใหม่ตามการออกแบบที่เป็นสมัยนิยม อย่ า งไรก็ ต าม หลั ก เศรษฐกิ จ หมุ น เวี ย น ก็ ยั ง สามารถท�ำได้จากกระบวนการต่างๆ ในระหว่าง การก่อสร้าง เช่น การลดวัสดุ Packaging Material การจัดการขยะ การลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง การจั ด การของเหลื อ ที่ เ กิ ด จากกระบวนการ ก่อสร้างเพื่อน�ำมาใช้ใหม่ รวมทั้งการลดการใช้ พลังงาน และการใช้น�้ำ ซึ่งก็มีตัวอย่างดีๆ ของ หลายบริษัทในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และมีแรง ผลักดันที่ช่วยกันเราพยายามจะสร้างนวัตกรรม ใหม่ๆ หรือแนวปฏิบัติที่จะช่วยผลักดันให้หลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถด�ำเนินการได้จริง เพือ่ ความยัง่ ยืนและลดปัญหาด้านสิง่ แวดล้อม ไว้
ให้ลูกหลานเราต่อไป” ด้ า น คุ ณ กมลวั ฒ น์ วี ร ศุ ภ กาญจน์ ประธานฝ่ า ยปฏิ บั ติ ก าร บริ ษั ท วั ต คิ น สั น (ประเทศไทย) จ�ำกัด ตัวแทนจากภาคส่วนผู้ให้ บริการจัดการของเหลือจากการก่อสร้าง เผยว่า “วัตคินสัน ได้รบั โอกาสจากหลายองค์กรพันธมิตร ในกลุ ่ ม CECI ให้ เ ข้ า มาเริ่ ม ทดลองรี ไ ซเคิ ล คอนกรีตจากหัวเสาเข็ม เพื่อใช้ในการถมที่หรือใช้ ทดแทนหินคลุกในหลายโครงการก่อสร้าง ซึ่งเปิด โอกาสให้ เ ราได้ มี ส ่ ว นร่ ว มในการพั ฒ นา อุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การก่อสร้างถนนโดยใช้วัสดุจากการรีไซเคิล เพื่อ ลดของเหลือจากอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเราเชือ่ มัน่ เป็นอย่างยิง่ ว่าวัสดุรไี ซเคิลจากการจัดการของ วั ต คิ น สั น นั้ น สามารถทดแทนวั ต ถุ ดิ บ จาก ธรรมชาติได้ ถึงแม้วา่ จะมีความท้าทายในเรือ่ งของ การบริหารต้นทุนที่สูงกว่า แต่สิ่งที่อยากให้พวก เราทุกคนเล็งเห็นร่วมกันก็คอื ต้นทุนทางธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อมทีเ่ ราต้องค�ำนึงถึงและรักษาไว้ เพือ่ ให้มนั่ ใจว่าจะยังคงเก็บสิง่ ดีๆ บนโลกใบนีใ้ ห้คงอยู่ สืบต่อไป” ทั้งนี้กลุ่ม CECI คาดหวังความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมก่อสร้างของ ไทย โดยเริ่มจากความเข้าใจในหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน น�ำไปสู่การยอมรับและประยุกต์ใช้ หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้ง 23 องค์กรพร้อม เป็นต้นแบบในการพัฒนานวัตกรรม ส่งต่อองค์ความรู้เพื่อช่วยยกระดับผู้ประกอบการใน อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย เพื่อมุ่งสู่ Green Construction ในอนาคต และเติบโตยั่งยืนร่วมกัน ติดตามขอมู ้ ลขาวสารของ ่
กลุมความร วมมื จหมุนเวียนในอุตสาหกรรมกอสร ่ ่ อดานเศรษฐกิ ้ ่ าง ้ หรือ Circular Economy in Construction Industry (CECI) ไดที ้ ่ https://www.facebook.com/CECIOfficialpage/ อุ ตสาหกรรมไทย
31
สศอ.เคาะ 6 แนวทางพั ฒนา
อุ ตสาหกรรมแหงอนาคต ่ ส� ำ นั ก งานเศรษฐกิ จ อุ ตสาหกรรม เผยแผนงานบู ร ณาการพั ฒนา อุ ตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต พ.ศ. 2566 เคาะ 6 แนวทางการพั ฒนา อุตสาหกรรม เพื่ อปรับโครงสรางภาคการผลิ ตและบริการไปสูการเป็ นเศรษฐกิจฐาน ้ ่ นวัตกรรม ยกระดับความสามารถการแขงขั ตกรรมและเทคโนโลยี ่ นภาคในดานนวั ้ มุงสร างรายได และฟื ้ นฟู เศรษฐกิจของประเทศไทย ่ างงานสร ้ ้ ้
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าว ว่า ส�ำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ในฐานะเจ้าภาพแผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและ บริการแห่งอนาคต มีแนวทางในการขับเคลือ่ นการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ประจ�ำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยให้ความส�ำคัญกับการเชื่อมโยงและการบรรลุเป้าหมายตาม
32
อุ ตสาหกรรมไทย
ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมี ขี ด ความสามารถในการแข่ ง ขั น ที่ สู ง ขึ้ น จึ ง ได้ ก�ำหนดแนวทางการพัฒนาส�ำคัญ คือ การต่อย อดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (Product Innovation / Capability) การน�ำนโยบาย BCG มาขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่ความ ยั่งยืน (BCG Model) และการส่งเสริมการใช้ เทคโนโลยี Smart System เพื่อปรับโครงสร้าง ภาคการผลิตและบริการไปสู่การเป็นเศรษฐกิจ ฐานนวัตกรรมและสามารถเติบโตได้อย่างยัง่ ยืน โดยแผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและ บริการแห่งอนาคต ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ประกอบด้วย 6 แนวทาง ดังนี้ 1. ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม ชีวภาพและอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต โดยมุ่งเน้นการส่งเสริม อุตสาหกรรมชีวภาพ ให้ เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพให้มากขึ้น เช่น วัสดุชีวภาพทางการแพทย์ ชีวเภสัชภัณฑ์ สาร สกัดสมุนไพร โอเลโอเคมี Smart Packaging รวม ถึ ง การสร้ า งผู ้ ป ระกอบการและบุ ค ลากรใน อุตสาหกรรมชีวภาพเพื่อรองรับการผลักดันให้ เกิดอุตสาหกรรมชีวภาพในไทยมากขึ้น ในขณะ ทีก่ ารส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต จะ มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food Innovation) โดยการสนับสนุนการ ถ่ายทอดและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Process /
NEWS INDUSTRY พาณิชย์ รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยี สองทางที่สามารถต่อยอดเทคโนโลยีไปพัฒนา อุ ต สาหกรรมอื่ น ๆ เพื่ อ ลดการพึ่ ง พาด้ า น เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากต่างประเทศ ตลอด จนลงทุนพัฒนาต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมส่งออก ต่อไป 6. พัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม และบริการแห่งอนาคต มุ่งเน้นการยกระดับ สถานประกอบการ บุ ค ลากรและพั ฒ นา โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเติบโตของ อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้อย่างยั่งยืน ................................................................
Product / People) เพื่อแปรรูปอาหารอนาคต รวมทั้งการสร้างปัจจัยพื้นฐาน (Enabling) เช่น การสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับ การสร้าง ระบบมาตรฐาน การสร้างตราสัญลักษณ์ Functional Food เป็นต้น 2. ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม และบริการการแพทย์ครบวงจร มุ่งเน้นการ เชื่อมโยงต่อยอดการวิจัย พัฒนาวัสดุอุปกรณ์ และเครื่ อ งมื อ แพทย์ ข องไทยสู ่ ก ารผลิ ต เชิ ง พาณิชย์ ท�ำการตลาดหรือสร้างเครือข่ายร่วมกับ โรงพยาบาลและเครื อ ข่ า ยโรงพยาบาลกลุ ่ ม สถาบันการแพทย์ศาสตร์แห่งประเทศไทยให้ วั ส ดุ อุ ป กรณ์ แ ละเครื่ อ งมื อ แพทย์ ที่ ผ ลิ ต ใน ประเทศเกิดการยอมรับในวงกว้าง 3. ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม และบริการเทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูลปัญญา ประดิ ษ ฐ์ หุ ่ น ยนต์ ระบบอั ต โนมั ติ และ อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ อั จ ฉริ ย ะ โดยการส่ ง เสริ ม อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ จะเร่ง พัฒนาบุคลากรและจัดท�ำมาตรฐานด้านฝีมือ แรงงานและวิชาชีพให้มเี พียงพอรองรับกับความ ต้องการของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการสร้าง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และ ระบบอัตโนมัติให้ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ผลิตขึ้น ในประเทศ ได้รับการยอมรับด้านมาตรฐาน ซึ่ง จะเป็นการสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ขึน้ ในประเทศ ในขณะทีก่ ารส่งเสริมอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์อจั ฉริยะ จะให้ความส�ำคัญกับการ พัฒนาทักษะด้าน IC/PCB/Sensor Design ซึ่ง เป็นอุตสาหกรรมต้นน�้ำส�ำคัญ และสร้างมูลค่า เพิ่มได้สูง รวมถึงการสร้างนวัตกรรมต้นแบบ ผลิตชิน้ ส่วนและอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์อจั ฉริยะ Sensor มู ล ค่ า สู ง หรื อ Advanced IC ให้
สอดคล้องกับความต้องการ ที่มีแนวโน้มเพิ่ม สูงขึ้น 4. ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม ยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์สมัยใหม่ มุง่ เน้น การพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานและผู้ประกอบ การเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนไปสู่ยานยนต์ ไฟฟ้า ยานยนต์อัตโนมัติ และชิ้นส่วนยานยนต์ สมัยใหม่ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์อตั โนมัติ และ ชิ้ น ส่ ว นยานยนต์ ส มั ย ใหม่ เพื่ อ สนั บ สนุ น ให้ ประเทศไทยมี ศั ก ยภาพด้ า นเทคโนโลยี แ ละ นวั ต กรรมตั้ ง แต่ ก ารออกแบบผลิ ต ภั ณ ฑ์ กระบวนการผลิต รวมไปถึงการพัฒนาชิ้นส่วน หรื อ อุ ป กรณ์ ย านยนต์ ไ ฟฟ้ า และยานยนต์ อัตโนมัติ 5. ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม ความมั่นคงของประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนา อุ ต สาหกรรมป้ อ งกั น ประเทศไปสู ่ ก ารผลิ ต ยุทโธปกรณ์และยุทธภัณฑ์ทางการทหารในเชิง
“ แ ผ น ง า น บู ร ณ า ก า ร พั ฒ น า อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตเป็น 1 ใน 11 แผนงานบู ร ณาการประจ� ำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่จะเป็นกลไก ส�ำคัญในการขับเคลื่อนแผนระดับชาติ ต่างๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี หน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการจ�ำนวน 37 หน่วยงาน (8 กระทรวง 1 รัฐวิสาหกิจ 1 ส่วนราชการ) อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อน แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรม และบริการแห่งอนาคตให้เกิดผลได้อย่าง เป็นรูปธรรมคงต้องได้รับการสนับสนุน งบประมาณในการด�ำเนินงานอย่างต่อ เนื่ อ ง เพื่ อ ให้ ภ าคการผลิ ต ของไทย สามารถยกระดับความสามารถในการ แข่ ง ขั น ด้ า นนวั ต กรรมและเทคโนโลยี รวมถึงเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่ง จะส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติ ได้ต่อไป” นายทองชัย กล่าว ...........................................................
อุ ตสาหกรรมไทย
33
NEWS INDUSTRY
สมาคมอุ ตสาหกรรมยานยนตไ์ ทยมัน ่ ใจ ตลาดรถปี นีฟ ้ ื้ นตัวตอเนื บ ่ อ่ ง พรอมขานรั ้ มาตรการสนับสนุนยานยนตไ์ ฟฟ้าของรัฐ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนตไ์ ทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) จัดกิจกรรมแลกเปลีย่ นความคิดเห็นกับสือ่ มวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวขอ้ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนตไ์ ทย” มองแนวโนมตลาดรถสามารถฟื ้ นตัวไดต ้ ้ อ่ เนือ่ งจากวิกฤตโควิด-19 ในประเทศทีเ่ ริม ่ ลาย มัน ทีพ ่ รอม ่ ใจนโยบายภาครัฐตางๆ ่ คลีค ่ ้ สนับสนุนการพลิกฟื้ นภาคเศรษฐกิจทัง้ ระบบ รวมถึงมาตรการสงเสริ ม ยานยนต ไ ฟฟ ์ ้ าที่ ่ จะเพิ่ มความแข็งแกรงให ้ ่งขึน ่ กั้ บอุตสาหกรรมยานยนตไ์ ทยใหมากยิ ้ นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายก สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า “ในปี พ.ศ. 2565 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดย รวมที่ 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอด ผลิต 1.68 ล้านคัน โดยแบ่งเป็นผลิตเพือ่ จ�ำหน่ายใน ประเทศ 8 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคัน และได้คาดการณ์ยอดจ�ำหน่ายรถยนต์ทุกประเภท ในปีนี้จะอยู่ที่ 8.5 แสนคัน เพิ่มขึ้น 90,000 คันจาก ยอดจ�ำหน่ายปีทแี่ ล้ว หรือประมาณ 12% ส่วนตัวเลข รถจักรยานยนต์ คาดการณ์ยอดผลิตที่ 2,000,000 คัน และยอดจ�ำหน่ายปีนี้ 1,650,000 คัน เพิม่ ขึน้ 3% เพราะมีปจั จัยบวกสนับสนุนในหลายส่วน ได้แก่ การ ที่รัฐบาลเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจ�ำ ถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เนื่องจากมีผู้ได้รับ วัคซีนมากกว่า 80% ของประชากรทัง้ ประเทศและมี การปรับวิถชี วี ติ อยูร่ ว่ มกับโควิดได้ดขี นึ้ นโยบายเปิด ประเทศโดยการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ การ เพิ่มพื้นที่สีฟ้าเพื่อน�ำร่องการท่องเที่ยว การเปิดรับ นักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ เช่น มาตรการ Test & Go ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนการเดิน ทางที่จะเริ่มในวันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นต้น ส่งผลให้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยสภา พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์แนว โน้มเศรษฐกิจไทยตลอดปี พ.ศ. 2565 ว่าจะขยายตัว เพิ่มขึ้นถึง 4% โดยมาจากการขยายตัวของภาคการ
34
อุ ตสาหกรรมไทย
ส่งออก 4.9% การอุปโภคบริโภค 4.5% การลงทุน ภาคเอกชน 3.8% และการลงทุนภาครัฐ 4.6% รวม ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ ใน การช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการ และผู้ได้รับ ผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการก ระตุ้นเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา” ส่วนดานปั ้ จจัยลบ ทางสมาคมฯ มองวา่ มี 2 สาเหตุหลัก กลาวคื ่ อ
ปัจจัยลบนอกประเทศ เช่น ปัญหาการ ขาดแคลนและการถู ก ปรั บ ราคาขึ้ น ของชิ้ น ส่ ว น อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ เ นื่ อ งจากความต้ อ งการสิ น ค้ า อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัญหา Logistic & Supply chain disruption จากการแพร่ ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ การแข่งขันทางการ ค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ปัญหาความรุนแรง ระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ส่งผลให้ราคาน�้ำมันโลก สูงขึ้น รวมถึงมาตรการคว�่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ปัจจัยลบภายในประเทศ ได้แก่ ค่าครอง ชี พ ที่ สู ง ขึ้ น จากราคาน�้ ำ มั น เชื้ อ เพลิ ง ที่ ป รั บ ตั ว สู ง อย่างต่อเนื่องทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และ ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อก�ำลังการ ซื้อของประชาชนที่ลดลง ส�ำหรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่ ก�ำลังเป็นเทรนด์ของทัว่ โลก เนือ่ งจากเทคโนโลยีนไี้ ด้ เข้ามาตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน
ประเทศต่างๆ หันมาส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะในจีนและสหรัฐอเมริกา ล่าสุดรัฐบาลไทย ได้ผา่ นร่างมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า แห่งชาติ (บอร์ดอีว)ี ก�ำหนดนโยบาย 30@30 คือ การ ตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ.2030 หรือ พ.ศ.2573 เพือ่ ก้าวเข้าสูส่ งั คมคาร์บอนต�ำ่ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิต ยาน ยนต์ ไ ฟฟ้ า และชิ้ น ส่ ว นที่ ส� ำ คั ญ ของโลกหรื อ ศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub) นายสุวชั ร์กล่าวเสริมว่า “มาตรการส่งเสริม ยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่เพิ่งประกาศล่าสุด เช่น การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของยาน ยนต์ไฟฟ้าเป็นการกระตุ้นตลาด เพื่อให้รถไฟฟ้ามี ราคาที่ น ่ า สนใจส� ำ หรั บ ผู ้ บ ริ โ ภค โดยในปี นี้ ค าด การณ์ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีแนว โน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส�ำหรับประเภทรถยนต์ นัง่ ไฟฟ้า คาดว่าน่าจะทะลุ 10,000 คัน ส่วนเรือ่ งการ สร้างไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเหมือน กับรถกระบะ และรถอีโค่คาร์นั้น สมาคมฯ มองว่า ไทยมีศักยภาพที่เหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในด้าน บุคลากรทักษะสูง ประสบการณ์ ความช�ำนาญใน การประกอบและผลิตรถยนต์ทไี่ ด้รบั การยอมรับตาม มาตรฐานสากลมาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีเครือ ข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ (Supply Chain) ที่ แข็งแกร่ง และยังมีนโยบายรัฐเพือ่ ส่งเสริมและดึงดูด การลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันเรายัง ต้ อ งการตลาดขนาดใหญ่ ขึ้ น ทั้ ง ภายในและต่ า ง ประเทศ เพือ่ ให้การผลิตมี Economy of Scales รวม ถึงเราต้องมีการประเมินศักยภาพของประเทศรอบ ข้าง และมาตรการสนับสนุนต่างๆอย่างสม�่ำเสมอ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายได้”
NEWS INDUSTRY
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม โตตอเนื ่ อ่ ง 6 เดือนติด
คาดปี ’65 โต 3.5-4.5% จับตาสงครามรัสเซีย-ยูเครน นายสุรย ิ ะ จึงรุงเรื ่ องกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิ ดเผย วา่ เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยขยายตัวใกลเคี ้ ยงกับชวง ่ ก่อนหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ โควิด -19 โดย ส�ำนักงานเศรษฐกิจอุ ตสาหกรรม (สศอ.) ได้ประมาณการ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพี ไอ) ปี 2565 ขยายตัว 3.54.5% และคาดอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑม์ วลรวม (จี ดีพี) ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 2.2-3.2%
“แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซียยูเครน ทีส่ ง่ ผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึน้ เป็ น ตั ว เร่ ง ให้ อั ต ราเงิ น เฟ้ อ ปรั บ ตั ว เพิ่ ม ขึ้ น เช่ น กั น ซึ่ ง กระทรวง อุตสาหกรรมได้กำ� ชับให้หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชดิ ” นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อ�ำนวยการ สศอ. กล่าวว่า ส�ำหรับดัชนีเอ็มพีไอเดือนก.พ. 2565 อยู่ที่ระดับ 102.00 ขยายตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.75% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็น เดือนที่ 6 นับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 อัตราการใช้ก�ำลังการผลิตอยู่ที่ 64.80% เนือ่ งจากเศรษฐกิจภายในประเทศกลับมาขยายตัวเพิม่ ขึน้ หลังการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมถึงการสนับสนุนผ่าน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐและการเปิด ประเทศ “ภาคอุตสาหกรรมได้รับค�ำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องและการส่ง ออกขยายตัวต่อเนือ่ งเป็นเดือนที่ 12 ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มจะขยายตัวใน 1-2 เดือนข้างหน้า ตามเศรษฐกิจประเทศ คู่ค้าที่มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการจะเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุน การผลิตทีป่ รับตัวสูงขึน้ โดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าขนส่ง รวมถึงความ ผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบน�ำเข้า แต่ภาพรวมผู้ ประกอบการยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้ค่อนข้างดี โดย อุตสาหกรรมหลักทีด่ ชั นีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนก.พ. 2565 ได้แก่ น�ำ้ มัน ปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.88% จากการผ่อน คลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 การเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวแบบ test & go ส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจใกล้ ระดับปกติมากขึ้น เบียร์ ขยายตัว 40.94% เพราะตัวแทนจ�ำหน่ายเร่งสต๊อกสินค้า ส� ำ หรั บ จ� ำ หน่ า ยในช่ ว งเทศกาลสงกรานต์ ชิ้ น ส่ ว นและแผ่ น วงจร อิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัว 6.18% จากความต้องการสินค้าในตลาดโลกทีส่ งู ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยานยนต์ ขยายตัว 2.22% จากผลิตรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นงั่ ขนาดกลาง และเครือ่ งยนต์ดเี ซลเป็นหลัก โดยขยายตัวทัง้ ตลาด ในประเทศและตลาดส่งออก เสือ้ ผ้าส�ำเร็จรูป (ผ้าทอ) ขยายตัว 23.26 จาก ผลิตภัณฑ์ชดุ กีฬา เสือ้ ยืด และชุดชัน้ ใน เป็นต้นจากความต้องการทัง้ ตลาด ส่งออกและตลาดในประเทศ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อุ ตสาหกรรมไทย
35
NEWS INDUSTRY
“กองทุนเอสเอ็มอี” เผยผลงานปี 64 ดันมูลคาเพิ ่ ลาน ่ ่ มเศรษฐกิจ 1.9 หมืน ้ “กองทุนเอสเอ็มอี” เผยผลการ ด�ำเนินงานปี 64 หนุนผู้ประกอบการ ขนาดกลางขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งทุนสู้ วิกฤติ ชี้ เอสเอ็มอีสรางมู ้ ลคาเพิ ่ ่ มทาง เศรษฐกิจ 1.9 หมืน ่ ลาน ้ เตรียมแผนสิน เชือ่ หนุนธุ รกิจ “บีซจี ”ี
นายกอบชั ย สั ง สิ ท ธิ ส วั ส ดิ์ ปลั ด กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะ กรรมการบริหาร กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตาม แนวประชารัฐ (กอป.) เปิดเผยว่า ผลการด�ำเนิน งานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชา รัฐ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ช่วยลด ต้นทุน เพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่ม ทางเศรษฐกิจของประเทศ 19,000 ล้านบาท นายเดชา จาตุ ธ นานั น ท์ ผู ้ ต รวจ ราชการกระทรวงอุ ต สาหกรรม และ ผู ้ อ�ำนวยการส�ำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็ มอีตามแนวประชารัฐ กล่าวเพิ่มเติม ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติวันที่ 17 ม.ค.2560 เห็นชอบตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนว ประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้น การลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี ซึ่ง เป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทย รวมถึง พัฒนาและเพิ่มผลิตภาพให้ 10 กลุ่มอุตสาห
36
อุ ตสาหกรรมไทย
กรรมเป้ า หมาย และอุ ต สาหกรรมอื่ น ตาม นโยบายรัฐบาล ทัง้ นี้ ทีผ่ า่ นมา กองทุนฯ ได้ชว่ ยเหลือเอส เอ็มอีทงั้ ในส่วนสินเชือ่ เพือ่ เพิม่ ศักยภาพ และเงิน ทุ น หมุ น เวี ย นเสริ ม สภาพคล่ อ งให้ เ อสเอ็ ม อี 13,000 กิจการ รวมวงเงิน 19,000 ล้านบาท และ การส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถเอสเอ็ม อี 5,000 กิจการ ส� ำ หรั บ ปี ง บประมาณ พ.ศ.2564
ส� ำ นั ก งานกองทุ น พั ฒ นาเอสเอ็ ม อี ต ามแนว ประชารัฐ ได้ประเมินผลด�ำเนินงานกองทุนฯ จาก กลุ่มเป้าหมายทั้งเอสเอ็มอี ที่ได้รับเงินสินเชื่อ โครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีโตไวไทยยั่งยืน วงเงิน 3,000 ล้านบาท โครงการสินเชือ่ เสริมพลัง สร้าง อนาคตเอสเอ็มอีไทย วงเงิน 1,000 ล้านบาท รวมถึงกลุม่ เอสเอ็มอี ทีไ่ ด้รบั การเติมทุน เพื่อฟื้นฟูธุรกิจจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และมีกลุ่มเอสเอ็มอีเข้าร่วมมาตรการพักช�ำระ หนี้ และเอสเอ็มอีได้รับการส่งเสริมพัฒนา รวม จ�ำนวนกว่า 8,000 กิจการ ทั่วประเทศ“กองทุน เอสเอ็ ม อี ” เผยผลงานปี 64 ดั น มู ล ค่ า เพิ่ ม เศรษฐกิจ 1.9 หมื่นล้าน ส�ำหรับการติดตามประเมินผลในครั้งนี้ เป็นการติดตามความก้าวหน้าการน�ำเงินทุนไป ใช้ในการพัฒนาธุรกิจของผู้เอสเอ็มอี ที่ได้รับสิน เชือ่ การส�ำรวจขีดความสามารถและผลิตภาพที่ เพิ่มขึ้นของเอสเอ็มอี ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนา และการส�ำรวจผลกระทบและการปรับตัวของ เอสเอ็มอี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด 19 ทั้งนี้ จากผลลัพธ์การประเมินพบว่า สิน เชื่อกองทุนฯ ช่วยลดต้นทุนด้านต่างๆ ต่อราย
เฉลีย่ 9 แสนบาท ช่วยเพิม่ รายได้ให้ธรุ กิจเอสเอ็ม อีต่อรายเฉลี่ย 1.2 ล้านบาท เกิดการลงทุนใน สินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยรายละ 4 ล้านบาท สร้ า งมู ล ค่ า เพิ่ ม ทางเศรษฐกิ จ ของประเทศ 19,000 ล้านบาท ช่วยลดปัญหาการว่างงานจาก การหยุดกิจการกะทันหัน 1,000 กิจการ ตลอด จนส่งเสริมการจ้างงาน 8,500 คน “กองทุนเอส เอ็มอี” เผยผลงานปี 64 ดันมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจ 1.9 หมื่นล้าน ส�ำหรับเอสเอ็มอี ที่ได้รับการส่งเสริม พัฒนามีขีดความสามารถและผลิตภาพเพิ่มขึ้น เฉลี่ยต่อราย 20% หรือคิดเป็นจ�ำนวนเงินราย ได้ที่เพิ่มขึ้น หรือต้นทุนลดลงเฉลี่ยต่อราย 1.8 ล้านบาท รวมทั้งจากผลการส�ำรวจการปรับตัว ของเอสเอ็มอีจากสถานการณ์การระบาดของ “โควิด-19” พบว่า ธุรกิจลดค่าใช้จ่ายไม่จ�ำเป็น ควบคู่การปรับปรุงกิจการให้เหมาะสม เช่น การ เพิ่มบริการหรือการขายผ่านช่องทางออนไลน์ การน�ำเครือ่ งมือดิจทิ ลั มาประยุกต์ในการบริหาร จัดการธุรกิจ “ผลการประเมินข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การด�ำเนินงานของกองทุนฯ ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อเอสเอ็มอีโดยตรง ทัง้ การสนับสนุนสินเชือ่ เพือ่ เพิ่มศักยภาพและเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพ คล่องธุรกิจ และการส่งเสริมและพัฒนาขีดความ สามารถเอสเอ็มอี” นายเดชา กล่าว ................................................................... ส�ำหรับทิศทางการท�ำงานของกองทุนฯ ระยะถัดไปจะเน้นบริการสินเชื่อ เพื่อช่วยยก ระดับภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีและ นวัตกรรม เร่งผลักดันให้เกิดและเพิ่มจ�ำนวน ธุรกิจในกลุ่ม BCG ในประเทศให้มีมากขึ้น รวม ถึ ง บู ร ณาการหน่ ว ยงานพั น ธมิ ต รในและต่า ง ประเทศเพื่อหาช่องทางการตลาดส�ำหรับเอสเอ็ มอี ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ เติบโตยั่งยืน
ส.อ.ท. หนุนเกษตร ‘ขับเคลือ ่ น’ อุ ตสาหกรรม ประธานสภาอุ ต สาหกรรมแห่ งประเทศไทย ชู แ นวคิ ด ขั บ เคลื่ อ นภาค อุตสาหกรรมไทยในอนาคตใหเข นศูนยก์ ลางทางดานผลผลิ ต ้ มแข็ ้ ง ผลักดันใหไทยเป็ ้ ้ ทางการเกษตรและอาหาร ชวยให เกษตรกรมี รายไดเพิ ้ ่ ้ ้ ่ มขึน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. ระบุ ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ทิศทางของประเทศไทยจึงจ�ำเป็นต้องเปลีย่ นแปลงตาม ภายใต้อตุ สาหกรรมแห่งอนาคต ทีไ่ ทยมีความได้เปรียบเป็นทุนเดิม จึงควรมุง่ เนันผลักดัน ส่งเสริมในสิง่ ทีป่ ระเทศไทยเชีย่ วชาญ โดยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านผลผลิตการเกษตรและอาหาร ควรเริ่มจากการช่วย ให้ตน้ ทุนของเกษตรกรต�ำ่ ลงก่อน หากต้นทุนต�ำ่ ลงจะท�ำให้เกษตรกรมีรายได้ดขี นึ้ วัตถุดบิ ทีจ่ ะ เข้าสู่อุตสาหกรรมที่มีราคาต�่ำ จะท�ำให้ภาคอุตสาหกรรมก็จะมีต้นทุนที่ต�่ำลงไปด้วย ทั้งนี้ ไทย ก็ควรจะปรับตัวเองให้เข้าสู่ Future Food เพื่อเปลี่ยนการเกษตรแบบดั่งเดิม เป็นการเกษตร สมัยใหม่ทเี่ น้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยี เพือ่ ให้ผลิตได้อย่างแม่นย�ำ โดยใช้ทรัพยากร ที่ประหยัด สร้างรายได้มากขึ้นด้วย ส� ำ หรั บ วั น นี้ เป็ น การประชุ ม สามั ญ ประจ� ำ ปี 2565 ของสภาอุ ต สาหกรรมแห่ ง ประเทศไทย พร้อมทั้งจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ ส.อ.ท. วาระปี 2565-2567 โดยมีตัวเก็ง ประธาน ส.อ.ท. คนใหม่แทน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ที่ครบวาระ คือนายเกรียงไกร เธียรนุ กุล รองประธาน ส.อ.ท. ประธานสายงานส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม รับผิดชอบดูแล 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 11 คลัสเตอร์ ส�ำหรับ ทิศทางการท�ำงานของ ส.อ.ท. จะเป็นการท�ำงานสานต่อในเรื่องที่ก�ำลังท�ำ อยู ่ อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ งโดยให้ ค วามส� ำ คั ญ อั น ดั บ แรกในการช่ ว ยให้ ส มาชิ ก ทั้ ง หมด 45 กลุ ่ ม อุตสาหกรรม สามารถเปลีย่ นผ่านสูก่ ารใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เกิดการยกระดับการผลิตด้วย ระบบดิจิทัลและออโตเมชั่น เพิ่มปริมาณและคุณภาพในการผลิต รวมทั้งการฝึกทักษะบุคคลา กรด้วยการ Upskill และ Reskill ให้สามารถสร้างคุณภาพของสินค้าและบริการที่สูงขึ้น พร้อม ทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและหาสินค้าใหม่ที่ไทยได้เปรียบและสามารถแข่งขันกับต่าง ประเทศได้ โดยเฉพาะในธุรกิจทีเ่ กีย่ วข้องกับเศรษฐกิจ BCG ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจ หมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว อุ ตสาหกรรมไทย
37
การขุดเจาะดิน ถือเป็ นอีกหนึง่ เรื่องทีส่ �ำคัญของเกษตร เพราะเป็ น จุ ดเริ่มต้นของการเพาะปลูก แม้ว่าการขุดหลุมฟั งดูแล้วอาจเป็ นเรื่องงาย ่ แต่หากต้องขุ ดหลุมเพื่ อปลูกผลผลิตนับพั นต้น ก็คงจะไม่ธรรมดาอย่าง แนนอน โดยเฉพาะในชวงฤดู แลง้ ดินมีสภาพแข็งกวาปกติ งานทีค ่ ด ิ วาง ่ ่ ่ ่ าย ่ จึงกลายเป็ นเรือ่ งยากในทันที
แต่ในปัจจุบันเรื่องดังกล่าวจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่อ “ปรีชา บุญส่งศรี” เกษตรกรจังหวัดลพบุรี ได้ประดิษฐ์ “เครือ่ งขุดหลุมนิวบอร์น” อุปกรณ์เจาะดินแบบ มีรถเข็น ที่ช่วยให้การขุดหลุมกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาในทันที เครื่องเจาะดินนิวบอร์น เริ่มก่อก�ำเนิดมาจากการท�ำงานภาคเกษตร และ ได้พบปัญหา ในการผลิตสินค้าเกษตร ทัง้ เรือ่ ง ต้นทุน ค่าแรงงาน เครือ่ งมือต่างๆ ทีใ่ ช้ ปญ ั หา แรงงาน และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็น ปัจจัยส�ำคัญในการจุดประกายให้ประดิษฐ์ เครื่องเจาะดินขึ้นมาก็คือ 1. แรงงานภาคเกษตรหายากมาก ต้องพยายามหาเครื่องมือทุ่นแรงมาช่วย เพื่อ ลดแรงงานคน 2. เครื่องมือที่มีขายในท้องตลาด ยังไม่ตอบโจทย์ในการท�ำงาน หรือ ที่มีอยู่ ราคาก็แพงมากเกินความสามารถทีเ่ กษตรกร รายย่อยจะซื้อหามาไว้ใช้
คุณปรีชา บุญส่งศรี
ผูประดิ ษฐ์ “เครื่องเจาะดินนิวบอร์น” ้ 28 หมู่ 6 บานห ้ วยส ้ ม ้ ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี โทร. 086 618 2302
3. เวลาที่มีอยู่อย่างจ�ำกัด ต้องท�ำงานให้เสร็จทัน เวลา หากท�ำไม่ทันจะเกิดความเสียหาย จากปัจจัยต่างๆ ที่เราได้พบ ปัญหาต่างๆ ที่เราได้ เจอ จึงพยายามคิดค้น ต่อยอด เครือ่ งมือเกษตร ไว้เป็นเครือ่ ง ทุ่นแรง ส�ำหรับเกษตรกรรายย่อย และเราได้ปรับปรุง แก้ใข จุดบกพร่องของเครื่องขุดดิน เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน ประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย โดยเครือ่ งเจาะดินบอร์นสามารถเจาะได้ไว การ ขุดเบาประหยัดแรงและเวลาในการขุด สามารถขุด หลุ ม ได้ 300-500 หลุ ม ต่ อ วั น สภาพดิ น ทั่ ว ไปเวลา ประมาณ 10-12 วินาที ต่อหลุม เครื่องเจาะดินนิวบอร์น ได้อยู่ใน 10 สุดยอดสิ่ง ประดิ ษ ฐ์ เ พื่ อ ความเป็ น อยู ่ ที่ ดี ข องชุ ม ชน เป็ น โครงการ ประกวดสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมช่างชุมชนจัดขึ้นโดยการร่วม มือของบริษัท ช.การช่าง จ�ำกัด (มหาชน) และส�ำนักงาน นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และสถาบัน เชนจ์ฟิวชั่น อีกด้วย
ผลิตภัณฑท ี่ นะน�ำ ์ แ รุ่น A43 รุ่น M52
เครือ่ งยนตเ์ บนซิน 4 จังหวะ ขนาด 43 CC พรอมดอก 8 นิว้ ้
ราคา 7500 บาท รองรับดอก 2 ถึง 8 นิว้ แทนเจาะเสาเข็ มเล็ก ่ เครือ่ งยนตเ์ บนซิน 2 จังหวะ ขนาด 52 cc พรอมดอก 8 นิว้ ้
ราคา 6500 บาท รองรับดอก 2 ถึง 10 นิว้
เครื่องเจาะดิน รุ่น 196 cc - เครือ่ งยนตเ์ บนซิน 4 จังหวะ ขนาด 196 ซีซี ดอก 16 นิว้ ราคา 21000 บาท รองรับดอก 2 ถึง 16 นิว้
- เครือ่ งยนตเ์ บนซิน 2 จังหวะ ขนาด 68 ซีซี พรอมดอก 6 นิว้ ้ ราคา 22000 บาท รองรับดอก 2 ถึง 6 นิว้ เจาะลึก 3 เมตร เครื่องรุ่นใหญแบบ 2 ลอ ่ ้
แทนเจาะเสาเข็ มใหญ่ ่
รุ่น M63 - เครือ่ งยนตเ์ บนซิน 2 จังหวะ ขนาด 68 ซีซี พรอมดอก 8 นิว้ ้
ราคา 9500 บาท
รองรับดอก 2 ถึง 12 นิว้
ายทาง
ิ ปล ็ เงน ั สดเุ กบ พ ง ส ร า ่ ก ิ ร บ
- ดอกเจาะพรอมเครื อ่ ง เจาะลึก 1 เมตร ้ ขนาด 16 นิว้ รองรับดอกเจาะขนาด 2-12 นิว้
ราคา 26000 บาท
- เครือ่ งยนตเ์ บนซิน 4 จังหวะ ขนาด 196 cc ดอก 8 นิว้ เจาะลึก 3 เมตร ราคา 35000 บาท รองรับดอก 2 ถึง 12 นิว้ เจาะลึก 3 เมตร
สนใจผลิตภัณฑ์ เครื่องเจาะดินนิวบอร์น ติดตอสอบถามและชมรายละเอี ยดเพิ่ มเติมไดที ่ ้ ่
086 618 2302
แฟนเพจ
เช็คราคาเครือ่ งเจาะดิน
เพิ่ มเพื่ อน
สายด่วนอุ ตสาหกรรม HOTLINE 1563 ชื่อหน่วยงาน/Internet
โทรศัพท์
โทรสาร
ฝ่ายเรื่องราวร้องทุกข์และการเมือง
0-2202-3137-8
0-2202-3140
สำ�นักงานปลัดกระทรวงฯ http://www.industry.go.th
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานห้องสมุด
0-2202-3039-41 0-2202-3051
0-2202-3268
กรมทรัพยากรธรณี http://www.dmr.go.th.
ฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
0-2202-3558, 0-2202-3910
0-2202-3560
0-2202-4007, 0-2202-4014 0-2202-4019, 0-2202-3968
0-2202-4218
0-2202-3992, 0-2202-3995
0-2202-3995
l
สำ�นักงานเลขานุการรัฐมนตรี
l
l
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ http://www.diw.go.th. ศูนย์สารสนเทศ ศูนย์ให้คำ�ปรึกษาแนะนำ�ด้านการลงทุน ศูนย์บริการเพื่อการลงทุน ศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมสำ�นักเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมโรงงาน “Safety Clinic” ศูนย์เทคโนโลยีความปลอดภัย ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตราย l
0-2202-4171, 0-22024173 0-2280-0447, 0-2280-0448 0-2202-4230, 0-2202-4227
0-2281-8463 0-2202-4015
l
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม http://www.dip.go.th.
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 0-2246-4286, 0-2202-4416 0-2246-0031 สำ�นักพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม 0-2202-4488, 0-2246-4303-4 0-2246-4300 สำ�นักพัฒนาอุตสาหกรรมในครอบครัว 0-2202-4477-8, 0-2245-5166 0-2246-1157 ศูนย์โอกาสการลงทุน 0-2202-4426-7
สำ�นักงาน มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม http://www.tisi.go.th
กองส่งเสริมและฝึกอบรม ศูนย์สนเทศมาตรฐาน ศูนย์ทดสอบ (บางปู) ศูนย์ทดสอบ (บางยี่ขัน)
l
0-2202-3426-9, 0-2247-8749 0-2202-3510, 0-2246-4086 0-2246-8734 0-2324-0710-9, 0-2323-0661 0-2323-9514 0-2433-5782-3 0-2433-5786
สำ�นักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม http://www.oie.go.th. ศูนย์ข้อมูลอุตสาหกรรม
0-2202-4356, 0-2202-4345
0-2202-4346
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย http://www.ieat.go.th กองส่งเสริมการลงทุน
0-2253-2965, 0-2251-2494
0-2253-2965
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ http://www.ftpi.or.th
0-2272-4033-43
0-2271-3007
l
สถาบันไทย-เยอรมัน
(038) 215-033-47
(038) 743-467
l
สถาบันอาหาร
0-2642-5335-40
0-2642-5342
l
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
0-2712-1592, 713-5497-9
0-2712-1593
l
l
l