๑ ใน...สระบุรี 2563

Page 1




ฉบับประจำ�ปี 2563

บท บรรณาธิการ

สระบุรี ตั้งอยูใ่ นบริเวณรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน เป็น

จังหวัดทีส ่ ำ� คัญ ทั้งด้านพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ ประเพณี และแหล่ง

ท่ องเที่ ยวทางธรรมชาติ อยู่เป็นจ� ำนวนมาก อี กทั้ งยังอยู่ไม่ไกลจาก

กรุ งเทพฯ สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียว และมีกิจกรรม ท่องเทีย ่ วต่าง ๆ ผลัดเปลีย ่ นหมุนเวียนกันไปในแต่ละฤดู ท�ำให้สามารถ

ท่องเที่ยวได้ท้ังปี และจากสถานการณ์โควิด 19 เรามาร่วมมือร่วมใจ ในการฝันฝ่าอุปสรรคในทุกภาคส่วน ก็จะท�ำให้พวกเราผ่านเหตุการณ์

นีไ้ ปได้ด้วยดี เพียงเราจะ... #สู้ไปด้วยกัน Magazine ๑ ใน... ขอร่วม

32.

>>> ชีวิตและผลงาน

คุณฉลวยศรี คงสวัสดิ์ (ครูต้อย)

เจ้าของกิจการ ครูต้อยเบเกอรี่

CONTENTS 22.

30.

เป็นหนึ่งในก�ำลังใจให้คนไทยผ่านวิกฤตในครั้งนีไ้ ปได้

Magazine ๑ ใน... วารสารเพื่อส่งเสริมธุรกิจและการท่อง

เที่ยว ในรูปแบบใหม่ฉบับปรับปรุงและเพิม ่ Contents ใหม่ๆ โดยได้น�ำ

เสนอข้อมูลท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดสระบุรี อาทิ สถานที่ท่อง

เที่ยวใหม่สระบุร,ี Unseen สระบุรี ฯลฯ นอกจากนั้นยังมี “คู่มอ ื บริการ นักท่องเที่ยว” รีวิว ร้านอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว สินค้าของฝากใน

2 สักการะ...รอยพระพุทธบาท .................. 20.

และบริการต่างๆ ในเขตจังหวัดสระบุรแ ี ละเขตติดต่อ น�ำเสนอข้อมูลที่

UNSEEN SARABURI

จังหวัด และคอลัมภ์ “SARABURI MARKET” ซึ่งได้รวบรวมสินค้า น่าสนใจส�ำหรับผู้ที่สนใจ โดยแยกประเภทหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อความ

สะดวกในการค้นหา อาทิ ด้านการศึกษา, ด้านการก่อสร้าง, ด้านบ้าน และเฟอร์ นิ เ จอร์ , ด้ า นรถยนต์ , ด้ า นสุ ข ภาพและความงาม, ด้ า น

การเกษตร, ด้านอุตสาหกรรม ฯลฯ หน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างร้าน ใดที่สนใจจะลงข้อมูลสินค้าและบริการของท่าน สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 0-2380-3709-10 ขอบคุณครับ... ประธานที่ปรึกษา ฝ่ายกฏหมาย ผู้อ�ำนวยการ บรรณาธิการบริหาร กองบรรณาธิการ ผู้จัดการโครงการ ผู้จัดการส่วนภูมภ ิ าค ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายศิลปกรรม ฝ่ายบัญชี-ธุรการ

พ.ต.ท. สมชาย ศรลัมพ์ พ.ต. ฉลาด วงศ์ไพศาล นงคราญ นันชนะ วริยา แย้มเพียรวัฒนา กิตติ ฉันทกิจนุกูล สุเชาว์ ศรลัมพ์ สุชาดา พุกทรัพย์ ่ ส�ำอางค์ มาลี ชืน ประทุมมาศ สนทอง ้ บุญมี พัชรีพร เชือ จีรวรรณ ปลั่งเปล่ง นภาพร ดรุ ณพันธ์ ศิริพรรณ ชัยเกียรติ์สน ุ ทร สราลักษณ์ ชูประเสริฐ ยุวดี พะบ�ำรุ งษ์ รุ ่งรัศมี ชาลี นัฐธิวรรณ สุรีรัมย์ พลากร ค�ำโครตสูนย์ ศักดิ์ชย ั รันจัตุรัส ปิยพร ม่วงศรี อุรุพงษ์ รุ ่งเรือง อรรถพล นารู ลา

ฉบับพิเศษ ไทสมุทรเดลี่ บจ. กิตวรินทร์ อาร์ตแอนด์มเี ดีย 32/67 ถ.สุขุมวิท อ.เมือง สมุทรปราการ

Tel/Fax 0-2380-3709-10 E-mail : magazine1nai@gmail.com

สถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ ...............................

22.

แนะน�ำ องค์การบริหารส่วนต�ำบลเริงราง สินค้า OTOP, สถานที่ท่องเที่ยว .......................

30.

ของดีสระบุรี เนื้อนุ่ม นมดี กระหรีด่ ัง ............... 34. คู่มอ ื บริการนักท่องเที่ยว

35.

แนะน�ำ ที่กิน ที่พก ั สินค้า OTOP ......................

New! Contents...SARABURI แนะน�ำสินค้าและบริการต่างๆ

MARKET’ 2020

ในเขต จ.สระบุรี และเขตติดต่อ ............

48.















ไฟเขียว

“เที่ยวปันสุข” 3 แพ็ กเกจ

กู้ชีพ ท่องเที่ยวไทย

คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและ สังคมภาคการท่องเที่ยว เป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ตาม ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการคลังเสนอ เป็น ระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2563 หลักการของมาตรการ “เที่ยวปันสุข” แบ่งได้เป็น 3 โครงการ แพ็กเกจ “ก�ำลังใจ” เพือ่ ตอบแทนบุคลากรแนวหน้าในการรับมือ

โควิด-19 โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจ�ำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้า หน้าทีโ่ รงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (รพ.สต.) รวม 1,200,000 ล้าน คน โดยจะให้ได้รับสิทธิพิเศษเดินทางท่องเที่ยวฟรี ผ่านบริษัทน�ำเที่ยว 2 วัน 1 คืน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ 2,000 บาทต่อคน แพ็กเกจ “เราไปเที่ยวกัน” เพื่อสนับสนุนค่าโรงแรมที่พักใน ลักษณะร่วมจ่าย จ�ำนวน 5 ล้านคืน ประมาณ 40% ของค่าห้องพักแต่ ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าอาหารและค่าใช้จ่ายสถานที่ ท่องเทีย่ วทีเ่ ข้าร่วมโครงการและ ททท. จะแจ้งรายชือ่ แก่ธนาคารกรุงไทย จ�ำนวน 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยจะต้องมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่ จังหวัดในทะเบียนบ้านของประชาชนผู้จองที่พัก แพ็กเกจ “เทีย่ วปันสุข” เพือ่ สนับสนุนการเดินทางของประชาชน จ�ำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน โดยจ�ำหน่ายบัตรโดยสารด้านการท่อง เที่ยว 3 กลุ่ม ได้แก่ สายการบินในประเทศไทย รถขนส่งไม่ประจ�ำทาง ข้ามจังหวัด และรถเช่าประมาณ 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท

18

สระบุรี


สระบุรี

19


2 สักการะ

พระพุทธบาทเบื้องซ้าย พระพุทธฉายเบื้องขวา

จากอดีตมีความเชื่อกันว่า รอยพระพุทธบาทเป็นอุเท สิกเจดีย์ หรือสิ่งที่สร้างขึ้นมาแทน พระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ต่อมาค้นพบหลักฐานและมีความเชื่อตามคติชาว ลังกาว่า พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับรอยพระพุทธบาท ไว้ห้าแห่ง ซึ่ง รอยพระพุทธบาทที่สระบุรี เป็นหนึ่งใน จ�ำนวนห้าแห่ง จึงมีความเชื่อว่า เป็นปูชนียสถานอัน ศักดิส์ ท ิ ธิท ์ สี่ ำ� คัญของชาวพุทธศาสนิกชน ทัง้ ชาวไทย และชาวต่างประเทศ เป็นสัญลักษณ์แทนพระสัมมาสัม พุทธเจ้า รอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย นี้ประดิษฐานอยู่ บนมณฑปซึง่ มีสถาปัตยกรรมทีง่ ดงามมาก อยูภ ่ ายใน วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ต�ำ บลขุนโขลน อ�ำเภอพระพุทธบาท นอกจากนี้แล้ว สระบุรียังมีรอยพระพุทธบาทอีกแห่ง หนึ่งที่ วัดพระพุทธฉาย เป็นรอยพระพุทธบาทเบื้อง ขวา ค้นพบในปี พ.ศ.2537 โดยกรมศิลปากร ได้ ท� ำ การซ่ อ มแซมมณฑปห้ า ยอดที่ ช� ำ รุ ด ทรุ ด โทรม ในการซ่อมแซมครั้งนี้ช่างได้ท�ำการเคลื่อนย้ายรอย พระพุทธบาทจ�ำลองออกไป จากนั้นได้ท�ำการทุบพื้น ซีเมนต์เก่าออก ก็พบว่ามีทรายหยาบๆ จ�ำนวนมาก ช่างได้ท�ำการคุ้ยทรายออก จึงปรากฏว่าพบ รอย พระพุทธบาท (เบื้องขวา) เด่นชัด ตรวจสอบว่ามีรอย ธรรมจักรถูกต้อง ตามลักษณะทุกประการ

20

สระบุรี

วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ต�ำบลขุนโขลน อ�ำเภอพระพุทธบาทห่างจากตัวเมืองจังหวัด ประมาณ 28 กิโลเมตร มีทางเลี้ยวซ้ายก่อนถึงอ�ำเภอพระพุทธบาทเข้าไป ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชัน้ เอก สร้างขึน้ เมือ่ ปี พ.ศ 2167 ใน รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถานทีส่ ำ� คัญคือ “รอยพระพุทธบาท” ที่ ประทับไว้บนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรีรอย พระพุทธบาทมีความกว้าง 21 นิว้ ยาว 60 นิว้ ลึก 11 นิว้ ค้นพบในสมัยพระเจ้า ทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็น รอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาได้มี การสร้าง ต่อเติมกันอีกหลายสมัยและยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้นเสด็จ นมัสการรอย พระพุทธบาท


ลั ก ษณะของพระมณฑป เป็ น อาคารรู ป สี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุง กระเบื้องเคลือบ สีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับ ทุกชั้น มี เสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบฝา ผนัง ด้านนอกปิดทอง ประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม พุ่มข้าวบิณฑ์ บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรม ประดับมุกชั้นเยี่ยม ของ เมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อ เงินสาน ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาค สามสายซึ่ง หมายถึง บันไดเงิน บันได ทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลง จากสวรรค์หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองส�ำริด เป็น นาค 5 เศียร บริเวณรอบ พระมณฑปมีระฆังแขวนเรียง ราย เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนทั้ง หลาย ส่วนพระอุโบสถ และพระวิหารต่างๆ ที่อยู่ราย รอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมี พิพธิ ภัณฑสถาน แห่ ง ชาติ พ ระพุ ท ธบาท (วิ ห ารหลวง) ซึ่ ง เป็ น เก็ บ รวบรวม ศิลปวัตถุ อันมีคา่ อาทิ เครือ่ งทรงสมเด็จพระเจ้า ทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองส�ำริด โบราณ ศาสตราวุธ โบราณ รอยพระพุทธบาทจ�ำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่าพัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อ ประปาสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตาม คติของคนโบราณกล่าวไว้วา่ หากได้มานมัสการรอย พระพุทธบาทนี้ครบถึง 7 ครั้ง จะได้ไปจุติในสรวง สวรรค์ แม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชวี ติ มีความส�ำเร็จสมหวังในทุกประการ

วัดพระพุทธฉาย ตัง้ อยูเ่ ชิงเขาพุทธฉาย อ�ำเภอเมืองสระบุรี อยูภ่ ายในมณฑปสองยอดบน ไหล่ภเู ขา เป็นทีป่ ระดิษฐาน พระพุทธฉาย (เงาพระพุทธเจ้า) คือเงาเลือนลางทีเ่ ป็น รอยประทับอยูท่ หี่ น้าผา เชิงเขา บริเวณวัดพระพุทธฉาย มีลกั ษณะคล้าย พระพุทธ รูปยืน ตามประวัติการค้นพบ มีบันทึกไว้ว่า ถูกค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งขณะนั้นมีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขา ทุกแห่ง แล้วได้มาพบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา และพระพุทธฉาย ณ เงื้อมเขา แห่งนี้ จึงโปรดให้สร้างเป็นมหาเจดีย์สถาน มีพระมณฑปสวมรอยพระพุทธบาทไว้ และโปรดให้สร้างสังฆาราม ให้เป็นสถานทีเ่ คารพสักการะของพุทธศาสนิกชน หลัง จากผ่านเวลามายาวนานกว่า 400 ปี เป็นธรรมดาทีส่ งิ่ ปลูกสร้างเก่าแก่จะช�ำรุดทรุด โทรมลง จนเมื่อปีพ.ศ. 2537 ได้มกี ารซ่อมแซมมณฑปหลังเก่าและได้มีการเคลื่อน ย้ายรอยพระพุทธบาทจ�ำลองออก และทุบซ่อมแซมพืน้ จึงพบ “รอยพระพุทธบาท เบือ้ งขวา” ใต้กองทรายหยาบ ซึง่ ปัจจุบนั รอยพระพุทธบาทเบือ้ งขวานีป้ ระดิษฐาน อยู่ภายในมณฑปน้อย บนยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถขับรถอ้อมขึ้นไปจอด รถด้านบน และเดินขึ้นบันไดต่อไป อี ก เล็ ก น้ อ ย ก็ จ ะได้ สั ก การะรอย พระพุทธบาทเบื้องขวา พร้อมทั้งยัง ได้ชมวิวทิวทัศน์รอบๆ เขาพุทธฉาย ซึ่งมีทั้งบ้านเรือนของชาวบ้าน และ แนวเขาสลับกันไปสามารถมองได้ ไกลสุดสายตาเลยทีเดียว ส่วนพื้นที่วัดบริเวณเชิงเขา ซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางและร่มรื่นไป ด้วยต้นไม้ใหญ่มากมาย เมื่อเดินเข้ามาบริเวณวัดแล้ว เราจะเห็นบันไดนาคซึ่งจะ น�ำเราไปสู่มณฑปพระพุทธฉาย ปัจจุบันพระพุทธฉายนี้เป็นที่เคารพศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนเป็นจ�ำนวนมาก ต่างแวะเวียนมาสักการะ ปิดทองบนผาหินอย่าง ไม่ขาด ท�ำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และยังจัดเป็นวัดส�ำคัญของจังหวัด สระบุรีอีกด้วย สระบุรี

21


สถานที่ท่องเทีย ่ วแปลกใหม่

Unseen in Saraburi

มหาวิหารทรงบาตรคว�่ำ

วัดพระพุทธแสงธรรม อ.หนองแค จ.สระบุรี

วัดพระพุทธแสงธรรม ตั้ ง อยู ่ อ.หนองแค ติด ถนนพหลโยธิน ก่อ นถึงตั ว เมื อง จ.สระบุรี ประมาณ 15 กม. วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นสถานที่ปฏิบัติ ธรรมของส� ำ นั ก ปฏิ บั ติ แ สงธรรมส่ อ งชี วิ ต ท่ า มกลางความเงี ย บ สงบ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ นอกจากเป็นสถานปฏิบัติธรรมแล้วยังมี สถาปัตยกรรมสุดอันซีนที่สวยงามแปลกตาอยู่มากมาย และแน่นอน เป็นจุดเช็คอิน ถ่ายภาพ ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งก็คือ มหาวิหารทรง บาตรคว�ำ่ ครอบองค์พระประธานปางปฐมเทศนา สูง 50 เมตร กว้าง 90 เมตร อุโบสถไม้แดง ภายในท�ำจากไม้สีแดง ประดับด้วยโคมไฟ ภายในมี พระประธานองค์พุทธปฏิมากรสีขาว มีพระยืนปางห้าม สมุทรอยู่เบื้องซ้าย และปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อยู่เบื้องขวา สีขาว ล้วนสะท้อนกับแสงไฟดูสวยสะอาดตา ภายในอุโบสถค่อนข้างโอ่โถง เย็นสบาย ภายในตกแต่งด้วยไม้แดงอย่างปราณี ข้างในเย็นสบายจน ไม่อยากลุกออกมา ด้านตรงกันข้ามอุโบสถไม้แดงเป็น ศาลาปฏิบัติ ธรรม เข้าไปภายในมีคนนุ่งห่มขาวบวชปฏิบัติธรรมกันหนาตา เป็น ช่วงจังหวะเวลาที่ก�ำลังสอนธรรมมะ ภายในศาลาด้วยความที่วัดอยู่ ท่ามกลางธรรมชาติ จึงมีลมธรรมชาติพัดเข้ามาเย็นสบายเหมือน ภายในอุโบสถ นัง่ ฟังธรรมมะไปด้วย เวลาผ่านเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้ที่สนใจสามารถมาปฎิบัติธรรมที่วัดพระพุทธแสงธรรมได้ทุกวัน โดยไม่มคี า่ ใช้จา่ ยใดๆ นอกจากนีย้ งั มีจดุ ทีน่ า่ สนใจอีกหลายแห่ง เช่น อุทยานเจ้าแม่กวนอิม ที่มีการจัดสวนเอาไว้อย่างสวยงาม ข้างๆ กันเป็นสระน�้ำขนาดใหญ่ มองเห็นศาลา และโดมขนาดใหญ่ เป็นอีก จุดที่แนะน�ำว่าไม่ควรพลาดในการเก็บภาพสวยๆ สถานที่นี้จึงเหมาะ ส�ำหรับทั้งผู้ที่ชอบเข้าวัดเพื่อชมความงาม ท่ามกลางธรรมชาติ และ เหมาะกับผูท้ ตี่ อ้ งการมาปฏิบตั ธิ รรมได้อย่างลงตัว ท�ำให้ปจั จุบนั กลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของ จ.สระบุรี

22

สระบุรี

อุโบสถไม้แดง

ศาลาปฏิบัติธรรม


บ้านถ�้ำน�้ำพุ​

เมืองแห่งถ�้ำและประวัติศาสตร์ยุค​ทวาราวดี​

ถ�้ำเขาน�้ำพุ

บ้านถ�ำ้ น�ำ้ พุ ตัง้ อยูห่ มูท่ ี่ 10 ต�ำบลทับกวาง อ�ำเภอแก่งคอย ได้รบั การส่งเสริมให้เป็นชุมชนท่องเทีย่ ว OTOP นวัตวิถ ี ทมี่ เี ป้าหมาย ส�ำคัญเพื่อสร้างชุม ชนเข้มแข็ง ยกระดั บการพัฒนาผลิตภัณฑ์และ รายได้ให้แก่ชุมชน การสร้างตลาดใหม่ และการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ OTOP เข้ากับการท่องเทีย่ ว เชิงธรรมชาติมกี ารแสดงศิลปวัฒนธรรม​ มีบรรยากาศแบบธรรมชาติ​ สักการะพระพุ ทธเมตตาธรรมวัดถ�้ำ พระโพธิสัตว์​ ชมน�้ำ ตก​ จปร.​ อ่างเก็ บน�้ำบ้านถ�้ำน�้ำพุ​ โดยการใช้ เสน่ห์ ภูมิปั ญญา วิถีชี วิตวัฒ นธรรมและความคิดสร้างสรรค์มาเป็น ผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน บ้านถ�ำ้ น�ำ้ พุ อยูห่ า่ งจากทีว่ า่ การอ�ำเภอแก่งคอย ประมาณ 22 กิโลเมตร อยูห่ า่ งจากถนนมิตรภาพกิโลเมตรที่ 22 เข้าไปตามถนน เทศบาลเมืองทับกวางประมาณ 7 กิโลเมตร ในอดีตประชากรส่วน ใหญ่ได้อพยพมาจากจังหวัดในภาคอีสานและภาคกลาง เพือ่ มาท�ำไร่ ข้าวโพด ภาษาพูด เป็นภาษา อีสาน เอกลักษณ์ของหมู่บ้าน จะมีต้น จันผา ซึง่ เป็นต้นไม้พนื้ ถิน่ ปลูกริมถนนสองข้างทาง และในบริเวณบ้าน ทุกหลังคาเรือ่ น โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่จะสร้างอยูบ่ ริเวณเนินเขาลด หลั่นกันไป สภาพภูมิประเทศ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาหินปูน และ ป่าไม้ โดยมีถ�้ำขนาดใหญ่ เป็นจ�ำนวนมาก มีน�้ำตกที่สวยงาม และมี แหล่งโบราณคดี ภาพสลักนูนต�ำ่ สมัยทาวารวดีทสี่ ำ� คัญ มีสถานทีท่ อ่ ง เที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ ถ�ำ้ พระโพธิสตั ว์ หรือ ถ�ำ้ เขาน�ำ้ พุ เป็นถ�ำ้ ทีม่ คี วามส�ำคัญ เชิงประวัตศิ าสตร์ เนือ่ งจากเป็นทีพ่ บหลักฐานทางโบราณคดีทสี่ ำ� คัญ ภายในถ�้ำคือภาพสลั กนูนต�่ำที่สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี สภาพค่อน ข้างสมบูรณ์ คาดว่า สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรศที่ 13-15 ปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ วัดถ�้ำพระโพธิสัตว์ (วัดพระโพธิสัตว์, วัดถ�้ำเขา

น�ำ้ พุ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั มหาราช เคยเสด็จฯ ประพาสถ�้ำแห่งนี้ในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2439 สังเกตได้จากรอย แกะสลักอักษรพระปรมาภิธัย จ.ป.ร. บริเวณถ�้ำธรรมทัศน์ ซึ่งเป็นถ�้ำ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ถ�้ำธรรมทัศน์ เป็นถ�้ำขนาดใหญ่ สามารถเข้าออกได้ทาง เดียว โดยภายในถ�้ำมีหินงอกหินย้อยที่สายงาม ระยะทางความยาว ของถ�ำ้ ประมาณ 800 เมตร โดยช่วงแรกของถ�ำ้ จะมีความยากล�ำบาก ชาวบ้านขนานนามว่า ลงนรก จากนั้นจะเป็นทางเดินเรียบงาน ชาว บ้านขนานนามว่าสวรรค์ อ่างเก็บน�้ำบ้านถ�้ำน�้ำพุ เป็นอ่างเก็บน�้ำขนาดเล็ก ตั้งอยู่ ใจกลางหุบเขา เป็นแหล่งเก็บน�้ำของหมู่บ้านและสถานที่กางเต้นท์ จุ ด ชมค้ า งคาวบ้ า นถ�้ ำ น�้ ำ พุ เป็ น สิ่ ง มหั ศ จรรย์ ทาง ธรรมชาติที่ มีค้างคาว กว่า 1 ล้านตัว ที่บินออกจากถ�้ำ ออกมาเป็น สายยาว ใช่เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยค้างคาวจะบินออกจากถ�้ำเวลา 17.40 น. ของทุกวัน วัดถ�้ำพระโพธิสัตว์

สระบุรี

23


วัดป่าสว่างบุญ

อลังการมหาเจดีย์ทองค�ำ 500 ยอด วัดป่าสว่างบุญ ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี สร้างขึ้นใน ปี 2528 โดยหลวงพ่อสมชายปุญญมโน ในเนือ้ ทีก่ ว่า400 ไร่ ทางด้าน ในวัดเป็นสถานทีท่ สี่ งบเงียบเหมาะกับการปฏิบตั ธิ รรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ทางด้านหลังติดกับ เชิงเขามีอากาศที่ เย็นสบาย มาก และมีประชาชนเข้าไปปฏิบัติธรรมกันเป็นจ�ำนวนมากในช่วงวันหยุด สุดสัปดาห์ สิ่งที่โดดเด่นของวัดป่าสว่างบุญ คือ พระมหาเจดีย์ 500 ยอด มีชอื่ เต็มว่า “พระมหารัตนโลหะเจดียศ์ รีศาสนโพธิสตั ว์สว่าง บุญ” มีเจดีย์องค์ประธานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เมตร มีทั้งหมด 9 ชั้น มีบริวาร 500 องค์ มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง และมี องค์เจดียร์ ายองค์เล็กตัง้ ลดหลัน่ กันลงมาอยูร่ อบๆ ทิศ โดยมี ซุม้ ประตู ทางขึน้ ทัง้ สีม่ มุ ท�ำเป็นบันไดขึน้ ไปยังองค์เจดียท์ ตี่ งั้ อยูท่ างด้านบน ตวั องค์เจดีย์เป็นปูนปั้นรูปแบบ สวยงามประณีตเคลือบสีทอง ทั้งหมด ทุกองค์ผนังด้านในของเจดีย์องค์ประธานประดับกระจกทับทิม โดย รอบสวยงาม มีภาพพระธาตุเจดียส์ ำ� คัญๆ ทัว่ ประเทศ ไทยประดับไว้ ด้านบน ภายในองค์เจดีย์ ได้อญ ั เชิญพระบรมสารีรกิ ธาตุจากประเทศ เนปาล, อินเดีย, ศรีลังกา และสาธารณชน มาร่วม บรรจุในพระมหา เจดีย์ครบทั้ง 500 ยอด รวมทั้งได้น�ำพระบรมสารีริกธาตุ และวัตถุ มงคล ของมีค่ามาสักการบูชาจ�ำนวนมากบรรจุ อยู่ในพระเจดีย์องค์ ประธาน นอกจากเจดีย์ 500 ยอดแล้ว วัดป่าสว่างบุญยังมีสิ่งน่า สนใจ อาทิ พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 84,000 องค์ พระ อุโบสถ อาศรมรูปทรงสถูปดับขันธ์ปรินิพาน พระสัจจะเจดีย์ รวมถึง พระพุทธรูปที่มีความโดดเด่นทั้งพุทธลักษณะ และวัสดุการก่อสร้าง

24

สระบุรี

จ�ำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปหินปางปรินิพพานยาว 10.59 เมตรทีส่ ร้างด้วยหินชิน้ เดียวใหญ่ทสี่ ดุ ในเมืองไทย พระพุทธมหาทาน สว่างบุญ ปางเชียงแสนหนึ่ง หน้าตักกว้าง 109 นิ้ว ที่ประดิษฐานอยู่ ในโบสถ์ พระพุทธรูปแกะหินหนัก 30 ตัน พระยืนบนเขาพระหินทราย และทางวัดยังได้จัดสร้าง พระพุทธสีหไสยาสน์ พระพุทธ รูปปางปรินิพพานหรือปางโปรดอสุรินทราหู หรือปางไสยาสน์ ขนาด ใหญ่ ที่ชื่อว่า “พระมหาจักรพรรดิพุทธ สว่างบุญ” มีความยาว เกือบ 150 เมตร ความสูงเทียบเท่าตึก 16 ชั้น ประดิษฐานอยู่กลาง แจ้ง ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจีรอบบริเวณ ใกล้ศาลาธรรม เมื่อ ส�ำเร็จจะได้พระนอนสีทองที่งดงาม เป็น UNSEEN THAILAND อีก แห่งหนึ่งในประเทศไทย


วัดถ�้ำกระบอก

สักการะ พระหินลาวา กลางเทือกเขา

วัดถ�้ำกระบอก ตั้งอยู่ที่ ต�ำบลขุนโขลน อ�ำเภอ พระพุทธบาท เมื่อก่อนนั้น วัดถ�้ำกระบอก เป็นสถานที่ ปฏิบัติธรรม ต่อมาได้กลายเป็นสถานบ�ำบัดผู้ป่วยติดสาร เสพติดทีส่ ำ� คัญของจังหวัดสระบุรี และมีชอื่ เสียงไปทัว่ โลก โดยการใช้สมุนไพรไทยเป็นส่วนหนึ่งในการบ�ำบัดรักษา อาการติดยา ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2500 โดย หลวงพ่อใหญ่ พระอาจารย์จำ� รูญ ปานจันทร์ และพระอาจารย์เจริญ ปาน จันทร์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ส�ำนักสงฆ์ถ�้ำกระบอก ได้รับประกาศตั้งเป็น วัดถ�้ำ กระบอก ในปีพ.ศ.2555 และได้รบั พระราชทานวิสงุ คามสีมา เมือ่ ปี พ.ศ.2558 สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย โดยมีพระอธิการ วิเชียร กิตฺติวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก นอกจากที่นี่จะเป็นสถานที่ ส�ำคัญที่ช่วยเหลือในด้านยาเสพติดแล้ว บริเวณวัดนั้นยังมีจุด ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระหินลาวา พระพุทธรูปที่ สร้างด้วยหิน แล้วน�ำมาหล่อด้วยความร้อนสูง จนละลายกลาย เป็นลาวา และขึน้ รูปเป็นพระพุทธรูปองค์สดี ำ� ใหญ่อย่างทีเ่ ห็นกัน ใหญ่และสวยงามมากๆ โดดเด่นสุดๆ ทีส่ ำ� คัญคือมีอริ ยิ าบถต่างๆ มากมาย และมีววิ ของเทือกเขาเป็นฉากหลังเลยท�ำให้สวยงามยิง่ กว่าเดิม และอีกจุดท่องเทีย่ ว คือ ถ�ำ้ ธรรมชาติ ทีส่ ามารถเข้าไป สักการะพระพุทธรูปและชมธรรมชาติภายในถ�้ำได้อีกด้วย ในส่ ว นของ พระอุ โ บสถ นั้ น จะถู ก ล้ อ มไปด้ ว ย พระพุทธรูปปางต่างๆ อยู่รอบเสาของอุโบสถ เป็นอีกจุดเด่น ของที่นี่ เพราะเป็นประติมากรรมที่พระสงฆ์ของ วัดถ�้ำกระบอก นี้ สร้างขึ้นมาเอง นอกจากนี้ยังมีประติมากรรม พระบรมรูป ลาวาในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ได้ชมกันอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่ง

วัดสวย ที่ซ่อนความสวยงามเอา ไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และมีจุด ถ่ายรูปประติมากรรมที่สวยงาม อยู่มากมาย วัดถ�้ำกระบอก เปิด เปิ ด ให้ เ ข้ า ชมทุ ก วั น เวลา 08.30-16.30 น. วัดเข้าทาง ถนนพหลโยธิ น ตรงหลั ก กิ โ ลเมตรที่ 132 ต� ำ บลขุ น โขลน อ�ำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สระบุรี

25


อ่างเก็บน�้ำมวกเหล็ก

ขับ-ปั่ น-วิ่ง เพลินชมทิวเขาสวย มองไกลถึงเขื่อนป่าสักฯ

อ่างเก็บน�ำ้ มวกเหล็ก แหล่งท่องเทีย่ วแห่งใหม่ ของสระบุรี ที่มีถนนเลียบสันเขื่อน บวกกับภูเขาล้อม รอบเป็นธรรมชาติ ด้านซ้ายของ อ่างเก็บน�้ำมวกเหล็ก จะเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ที่สามารถมองเห็นวิวของ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้อย่างสวยงาม ใครที่เป็นสายปั่น จักรยานหรือสายนักวิง่ แล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดทีจ่ ะมาวิง่ และปั่นสัมผัสบรรยากาศแสนบริสุทธิ์ให้ได้สักครั้งหนึง่ ที่ส�ำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย อ่างเก็บน�้ำมวกเหล็ก ตั้งอยู่ใน ต�ำบลค�ำพราน อ�ำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน กว้าง 9 เมตร สูง 44 เมตร ยาว 1,157 เมตร สามารถเก็บกักน�้ำได้ ราว 61 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ชลประทานกว่า 25,500 ไร่ ในเขตอ�ำเภอวังม่วง และยังใช้เป็นแหล่งน�ำ้ ส�ำหรับ การผลิตน�้ำประปาที่ส�ำคัญในเขตเทศบาลต�ำบลวังม่วงอีก ด้วย อ่างเก็บน�ำ้ แห่งนี้ สามารถเก็บกักน�ำ้ ไว้ใช้ ส�ำหรับส่ง ให้พนื้ ทีช่ ลประทานกว่า 5,500 ไร่ เป็นอีกหนึง่ โครงการทีช่ ว่ ย แก้ปญ ั หาการขาดแคลนน�ำ ้ เพือ่ การเกษตรในพืน้ ทีต่ า่ งๆ และ ยังเป็นแหล่งน�้ำส�ำคัญไว้ส�ำหรับอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน ในอ�ำเภอวังม่วง เพราะด้วยจังหวัดสระบุรี ที่ชาวบ้านส่วน ใหญประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก เช่น ปลูกอ้อย ข้าวโพด และทานตะวัน แต่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจาก ฝนทิ้งช่วง ภาวะภัยแล้งต่างๆ และพื้นที่มีระดับสูงเกินกว่าที่ จะส่งน�้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขึ้นไปได้

26

สระบุรี

อุโมงค์ต้นไม้ ตั้งอยู่ต�ำบลแสลงพัน อ�ำเภอวังม่วง เป็น ความงามตามธรรมชาติที่ต้นไม้สองฟากฝั่งของถนนโน้มกิ่งก้า เข้าหากันเหนือท้องถนน คล้ายกับจะเป็นอุโมงค์ให้รถลอดผ่าน ความงดงามตามธรรมชาติ การเติบโตของต้นไม้ที่โน้มเข้าหา กันเป็นอุโมงค์นี้ ไม่ได้มีเพียงที่เดียว แต่อุโมงค์ต้นไม้แสลงพัน ก็เป็นอีก ที่หนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึง และชักชวนกันไปชมจนกลายเป็นแลนด์ มาร์ค จุดพักชมของนักท่องเที่ยวที่ผ่านเส้นทางมวกเหล็ก-วังม่วง หรือ ถนนหมายเลข 2089 จังหวัดสระบุรี ป้ า ยบอกทาง อุ โ มงค์ ต ้ น ไม้ (TREE TUNNEL) เป็ น เครื่องหมายบอกว่า มีนักท่องเที่ยวจ�ำนวนไม่น้อยมุ่งที่จะไปเห็นกับ ตา ด้วยระยะทางยาวถึงกว่า 200 เมตรของอุโมงค์ต้นไม้ที่เกิดจากการ พยายามโตข้ามฝั่งของต้นกระถิน บนถนนที่มีทางโค้งไปกับภูเขา หลาย จุดที่ดูงดงามมากๆ เพราะล�ำต้นจากข้างทางไม่ใช่ต้นไม้ต้นใหญ่มหึมา แต่เป็นต้นบอบบาง มีกิ่งเล็ก กิ่งน้อย สวยตั้งแต่ทรงต้นจนถึงใบที่แผ่ ปกคลุมเป็นซุ้มโค้งที่เรียกว่าอุโมงค์ หากมีโอกาสขับรถผ่านไปเส้นทางนี้ สวยงามถูกใจจะลงไป แชะเช็คอิน ก็คงต้องค่อยชะลอจอดรถข้างทางอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ เป็นการกีดขวางทางสัญจรของผู้อื่นและอาจเกิดอันตรายต่อตัวคุณเอง เพื่อได้ภาพสวยๆ ไปอวดกัน


แชะ...ชิลล์ ทุ่งดอกไม้แสนสวย

สระบุรี

ทุ่งทานตะวัน ตามเส้นทางสายพัฒนานิคม-วังม่วง ซึ่งเป็นเขตรอย ต่อระหว่างจังหวัดลพบุรี และสระบุรี เป็นแหล่งปลูกทานตะวัน แหล่งใหญ่ของไทย มีการท�ำไร่ทานตะวันกันมากมายหลายราย มีขนาดพืน้ ทีต่ งั้ แต่ 50 ไร่ 70 ไร่ ไปจนถึงแปลงขนาดใหญ่ มีพนื้ ที่ เป็น 1000 ไร่ ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะ เป็นช่วงเวลาที่ดอกทานตะวัน ในแปลงปลูกแต่ละแปลงจะได้ เวลาบานพร้อมกัน แลสะพรัง่ ไปด้วยสีเหลืองของดอกทานตะวัน เหลืองอร่ามไปทัง้ ทุง่ กว้างไกลสุดสายตา สวยงามน่าตืน่ ตาตืน่ ใจ เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวชม ทานตะวั น เป็ น พื ช ตระกู ล ถั่ ว ประเภทเดี ย วกั บ เบญจมาศ ค�ำฝอย ดาวเรือง บัวตอง เป็นพืชน�้ำมันที่ส�ำคัญทาง เศรษฐกิจรองจากถัว่ เหลือง และปาล์มน�ำ้ มัน ทานตะวันค่อนข้าง ทนแล้งได้ดี เมื่อเปรียบเทียบกับพืชไร่ชนิดอื่น เช่น ข้าวโพด ถั่ว เหลือง และถั่วเขียว เมล็ดทานตะวันมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ส่วนกากทีไ่ ด้หลังจากสกัดน�ำ้ มันแล้วมีโปรตีน 40-50 เปอร์เซ็นต์ น�ำ้ มันทานตะวันมีกรดไขมันไม่อมิ่ ตัวประมาณ 88 เปอร์เซ็นต์ สูง กว่าถั่วเหลือง และน�้ำมันปาล์ม และมีสาร antioxidants กันหืน ได้ดสี ามารถเก็บไว้ได้นานกว่าน�ำ้ มันพืชชนิดอืน่ เนือ่ งจากน�ำ้ มัน ทานตะวันมีคณ ุ ค่าสูง จึงเป็นทีต่ อ้ งการของตลาดทัง้ ในและต่าง ประเทศเพือ่ การบริโภค และใช้ในอุตสาหกรรมเช่น น�ำ้ มันชักเงา น�้ำมันหล่อลื่น สีทาบ้าน ส่วนล�ำต้นทานตะวันสามารถน�ำไปท�ำ กระดาษคุณภาพดี เกษตรกรจะท�ำการเพาะปลูกหรือหว่านเมล็ดพันธุ์ ตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายนเป็นต้นไป ดอกทานตะวันจะ บานและให้เมล็ดเมื่ออายุครบ ๕๕-๖๐ วัน และจะบานสวยงาม เต็มที่ประมาณ ๑๕ วัน หลังจากนั้นเกษตรกรจะปล่อยให้เมล็ด ทานตะวันแห้งคาต้น แล้วจึงเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต

สวนดอกคอสมอส ทุ่งสิริสมัย ตัง้ อยูท่ า่ มกลางเทือกเขาพระพุทธบาทน้อย อ�ำเภอแก่งคอย บน เนือ้ ที่ 4 ไร่ โดยท่านอาจารย์อจั ฉราวดี วงศ์สกล วิปสั สนาจารย์แห่งสายธร รมเตโชวิปัสสนา ได้เปิดทุ่งนี้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงามของดอก คอสมอสนี้ หลังจากเห็นว่าควรพัฒนาให้สวนดอกคอสมอส เป็นสถาน ที่ท่องเที่ยวฤดูหนาวแห่งหนึ่งของ จังหวัดสระบุรี โดยให้เข้าชมแบบฟรีๆ ตามอัธยาศัย ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงแต่ต้องช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดความ เสียหาย ในทุกช่วงนี้สิ้นปีสระบุรีเริ่มมีอากาศเย็นบ้างแล้ว เหมาะมากที่ จะไปถ่ายรูปสวยๆ คูก่ บั เหล่าดอกคอสมอสสีชมพูกว่า 4 หมืน่ ต้นนี้ โดยมี ฉากหลังเป็นเทือกเขาพระพุทธบาทน้อย บรรยากาศรอบตกแต่งให้เหมาะ กับการเป็นสถานทีพ่ กั ผ่อนหย่อนใจ มีรา้ นกาแฟ มีรา้ นขายของว่าง สินค้า ของผู้ปฏิบัติธรรม รวมถึงสินค้าจากชาวบ้านและสินค้าชุมชน สระบุรี

27


ส�ำหรับทุ่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ในทุกช่วงปลาย ปีกลางเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมที่มีอากาศเย็นสบาย ช่วง เวลา 07.30 น. -17.00 น.

ชมความยิ่งใหญ่ของเรือยาว...วัดเสาไห้

ศิลปะภูมิปญ ั ญาท้องถิ่นไทยทีต ่ �ำนานเทพนรสิงห์ สวนบิ๊กเต้ มวกเหล็ก สวนดอกไม้ตงั้ อยูท่ ตี่ ำ� บลหนองย่างเสือ อ�ำเภอมวกเหล็ก มี ลักษณะเป็นสวนเบญจมาศขนาดใหญ่ ปลูกไว้ในโรงเรือนหลากหลาย สายพันธุ์และสีสัน เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้นักท่อง เที่ยวที่ชื่นชอบดอกไม้สามารถเข้ามาเที่ยวชมและถ่ายภาพกับดอก เบญจมาศได้อย่างใกล้ชิด มีดอกเบญจมาศให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชมท่านละ 20 บาท

ทุ่งดอกเก๊กฮวยสระบุรี ตัง้ อยูใ่ นพืน้ ทีข่ อง บิก๊ โจ๊ย คันทรี่ รีสอร์ท ทีพ่ กั สไตล์คาวบอย ในอ�ำเภอมวกเหล็ก โดยจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ปลายเดือนธันวาคม ดอกเก๊กฮวยสีเหลืองบานสะพรั่ง โดยปลูกไล่ ระดับบนเนินที่ไม่สูงมาก บรรยากาศโอบล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เขียวขจี โดยการเข้าชมทุง่ ดอกเก๊กฮวย สามารถเข้าชมได้ทกุ วัน เวลา 8:00น.-18:00น.ค่าเข้าชมสวน 50 บาท/ท่าน น�ำคูปองไปรับฟรีน�้ำ เก็กฮวย 1 แก้ว หรือ ไอศครีม 1 แท่ง ภายในสวนมีการจัดพรอพน่ารัก เป็นมุมให้ถา่ ยภาพตามจุดต่างๆ ทัง้ กระโจมสไตล์อนิ เดีย รังนกบาหลี ระเบียงยกสูงพร้อมที่นั่งแบบฟางมีป้ายชื่อทุ่งดอกเก๊กฮวยโดดเด่น

28

สระบุรี

คนไทยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับสายน�้ำธรรมชาติ และ มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจ�ำชาติมายาวนาน ในเทศกาลบุญผ้าป่า บุญทอดกฐินในเทศกาลออกพรรษา และเลย ไปถึงงานลอยกระทง จึงน�ำเรือซึ่งเป็นพาหนะส�ำคัญในการสัญจร มาแต่อดีต อัญเชิญผ้าป่า ผ้าห่ม หรือกฐิน ไปทอดถวายตามคุม้ วัด ต่างๆ ทีอ่ ยูร่ มิ น�ำ้ ทัว่ ไป ระหว่างนีเ้ องจึงมีการประลองฝีพายของคุม้ บ้านและคุม้ วัดต่างๆ ก่อก�ำเนิดเป็นวัฒนธรรมประเพณีอนั ดีงามบน สายน�้ำ และวิวัฒนาการมาเป็นการแข่งขันเรือยาวประเพณี อันยิ่ง ใหญ่เกรียงไกรในวิถชี วี ติ ของชาวไทย สืบทอดกันมาจวบจนปัจจุบนั ในสนามแข่งขันของเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นสนามหน้า วัดของท้องถิ่นนั้นๆ ที่วัดเสาไห้ก็เช่นกัน เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีชื่อเสียง ด้านการแข่งเรือยาวมาช้านาน และตลอดย่านล�ำน�้ำป่าสักที่ทอด ยาวมาหลายจังหวัด คงจะไม่มีใครไม่เคยได้ยิน กิตติศัพท์ความ ฉกาจฉกรรจ์ของ เรือเทพนรสิงห์ และ เรือเทพนรสิงห์ 88 ซึ่ง เป็นเรือต�ำนานอมตะ ที่ท�ำชื่อเสียงให้แก่อ�ำเภอเสาไห้ และจังหวัด สระบุรเี ป็นอย่างมาก กวาดรางวัลชนะเลิศประเพณีการแข่งเรือยาว ต่างๆ มาแล้วมากมายทัว่ ประเทศ ถือว่าเป็นเรือทีด่ ดุ นั ทัง้ ฝีฝายและ ตัวเรือที่สวยงามยิ่งใหญ่ ความยิง่ ใหญ่ของต�ำนานเรือยาวเจ้าแห่งลุม่ น�ำ้ ป่าสัก เทพ นรสิงห์แห่งวัดเสาไห้ ถ้าใครเคยดูประเพณีแข่งขันเรือยาวของเมือง ไทยต้องรู้จักชื่อของเรือเทพนรสิงห์เป็นแน่แท้ เพราะถือว่าเป็นเจ้า แห่งสายน�้ำในหลายสนามของไทย มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วคุ้งน�้ำ ในหลายจังหวัด เป็นเรือที่สรรค์สร้างโดยช่างฝีมือชาวบ้าน ซึ่งรัก และผูกพันกับการสร้างเรือมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือ ช่างด�ำแห่ งอ.หลังสวน จังหวัดชุมพรซึ่งเป็นช่างขุดเรือแบบโบราณชาวบ้าน ฝีมือเอกท่านหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว


เสาร้องไห้

ต�ำนานของเจ้าแม่ตะเคียนทอง ตัง้ อยูใ่ นศาลนางตะเคียนทอง ณ วัดสูง ต�ำบลเสาไห้ ห่างจาก ที่ว่าการอ�ำเภอเสาไห้ประมาณ 500 เมตร เป็นเสาไม้ตะเคียนขนาด ใหญ่ โดยถือกันว่าเป็นเจ้าแม่ เพราะสิ่งของที่น�ำไปบูชาล้วนเป็นของ สตรีทั้งสิ้น มีต�ำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้ มีการเกณฑ์เสาจากหัวเมืองต่างๆ เพื่อคัดเลือกเสาที่มีลักษณะงดงาม เพื่อจัดเป็นเสาเอก ทางเมืองสระบุรีได้จัดส่งเสาต้นหนึ่งที่มีลักษณะ งดงามมากล่องลงมาตามล�ำน�้ำ ป่าสัก แต่มาถึงกรุงเทพฯ ช้าไปเล็ก น้อย และได้มีการคัดเลือกเสาเอกไปก่อนแล้ว จึงได้เป็นเสารอง ซึ่งถ้า เสาต้นนีม้ าทันเวลาก็ตอ้ งได้เป็นเสาเอกอย่างแน่นอน เพราะมีลกั ษณะ ใหญ่ และสวยงามมาก ด้วยความยาว 13 เมตร กล้าว 0.75 เมตร เสา ต้นนี้จึงเกิดความเสียใจลอยทวนน�้ำกลับขึ้นมาจมลง ณ ต�ำบลแห่งนี้ อยู่ประมาณ 100 กว่าปี เมื่อปี พ.ศ. 2501 ได้มีชาวบ้านน�ำขึ้นจากน�้ำ ไปไว้ที่ศาลหน้าพระอุโบสถวัดสูงจนถึงปัจจุบันนี้ พอตกเวลากลางคืน ชาวบ้านมักได้ยินเสียงร้องไห้ จึงได้ให้ชื่อต�ำบลนี้ว่า ต�ำบลเสาร้องไห้ และได้กลายเป็น “อ�ำเภอเสาไห้” ในปัจจุบัน เมื่อประมาณปี 2501 นางเฉลียว จันทร์ประสิทธิ์ ได้ฝันว่ามี หญิงคนหนึ่ง บอกว่าเป็นนางไม้ประจ�ำเสาที่จมน�้ำอยู่ ให้บอกสามีเอา เสาขึ้นมาจากน�้ำด้วย นายเผ่าผู้เป็นสามีก็ไม่เชื่อ มีคนเล่าต่อกันมาว่า นางไม้ของเสาต้นนี้ได้ไปเข้าทรงกับผู้อื่นอีกหลายครั้ง จนในที่สุดชาว บ้านหลายคนก็ได้ไปร้องขอให้นายเผ่าเอาเสาต้นนี้ขึ้นมาให้ได้ ตาม ค�ำล�่ำลือ จนน�ำมาสู่การน�ำเอาเสาขึ้นมาจากน�้ำ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2501 และในวันนี้เอง ได้รับค�ำบอกเล่าจากนายจ�ำลอง ขาววรรณะว่า วันนั้นแดดร้อนจัดมากขณะที่ก�ำลังน�ำเสาขึ้นจากน�้ำ ท้องฟ้าก็มืดครื้ม ไปหมดทันที มีเสียงฝ้าผ่าดังมากเป็นประกายสีเขียวไปทัว่ เสียงฟ้าร้อง ค�ำรามท�ำท่าคล้ายฝนจะตก ท�ำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีกันเป็นจ�ำนวน มากต่างตื่นตาตื่นใจ

วั น ที่ 23 เมษายน 2501 เป็ น วั น ที่ เ ชิ ญ เสาไป ประดิษฐานที่วัดสูง เวลา 9.00 น. เริ่มพิธีเคลื่อนเสาไปสู่วัดสูง โดยตั้งศาลสูงเพียงตา มีหัวหมูซ้ายขวา บายศรี 3 ชั้น ใช้ด้ายสาย

สิญจน์ผูกที่เสาแล้วใช้เชือกผูกแพที่รับเสาไห้ประชาชนดึง เมื่อ ได้ฤกษ์ พระสงฆ์ 9 รูปเจริญชัยมงคลคาถา ประชาชนที่อยู่บนฝั่ง หน้าที่ว่าการอ�ำเภอเสาไห้ก็ดึงเชือกแพลูกบวบให้เคลื่อน ไปทาง ทิศตะวันออก มีเรือแตรวงน�ำขบวน มีเรือต่างๆ ร่วมขบวนอีกเป็น จ�ำนวนมาก ในวันนัน้ ทีน่ ำ� เสาขึน้ จากน�ำ้ มีประชาชนมาร่วมพิธเี ป็นจ�ำนวน มากประมาณสามหมื่นคน นับเป็นวันประวัติศาสตร์ครั้งส�ำคัญของชาว อ�ำเภอเสาไห้ที่ต้องจารึกไว้ ต่อมาจึงได้สร้างศาลถาวรขึ้นที่หน้าพระ อุโบสถในวัดสูง เป็นศาลกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร มีมขุ ออกด้านตะวัน ออก พื้นคอนกรีต มีฐานก่ออิฐสูงรองรับเสาตะเคียน ต่อมาเมื่อวัดสูงได้ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น จึงได้ดัดแปลงศาลาการเปรียญหลัง เดิมเป็นอาคารทรงไทยสวยงาม และอัญเชิญเสาแม่นางตะเคียนมา ประดิษฐานที่ศาลหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2530 มาจนถึงทุกวันนี้

สระบุรี

29






ของดี...สระบุรี

เมือง “เนื้ อนุ่ม นมดี กะหรีด ่ ัง” เนื้อนุ่ม นมดี กะหรี่ดัง เพียงแค่ได้ฟังค�ำขวัญก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่า สระบุรีนี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของกินอย่างปฏิเสธไม่ได้ ว่ากันว่าถ้ามาถึงสระบุรีแล้ว แต่ยังไม่ได้ลองกิน ของดีทั้งสามอย่างนี้ แปลว่ายังมาไม่ถึงจริงๆ มีค�ำกล่าวที่พูดถึงกันมาช้านานเกี่ยวกับ ของดีเมืองสระบุรีนั้นคือ สเต๊กเนื้อโคขุน นมโคไทย-เดนมาร์ค และกะหรี่ปั๊บ ที่อ�ำเภอ มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี สเต๊กเนื้อนุ่ม ชิมเนื้อสเต๊กจากเนื้อโคขุนคุณภาพชั้นเลิศที่นุ่มละมุน สระบุรีนั้นเต็มไปด้วยร้านสเต๊กขึ้น ชื่อมากมายหลายเจ้า แต่ละเจ้านั้นต่างก็มีเอกลักษณ์ของรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่ซ�้ำกัน ทั้งจากการ เลือกใช้เนื้อ การท�ำน�้ำซอส ที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านไหน ก็รับประกันได้ว่า “อร่อย” ไม่แพ้กันเลยค่ะ “เนื้อนุ่ม” คือค�ำโฆษณาที่บ่งบอกถึงรสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นของเนื้อที่น�ำ มาท�ำสเต๊ก เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักและขนมปังอบร้อนๆ อร่อยมาก สุดยอดนมโค “นมดี” เป็นผลิตผลจากวัวนมที่เลี้ยงกันเป็นล�่ำเป็นสันในพื้นที่สระบุรี นมวัวที่จ�ำหน่ายกัน ส่วนมากในประเทศก็มาจากสระบุรนี แี่ หล่ะ ถ้านมไม่ดจี ริง ไหนเลยจะขายกันได้ทวั่ ประเทศ สุดยอด นมโค จากแม่โคสายพันธุ์ดี ณ ฟาร์มโคนมแห่งแรกของเมืองไทย ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อ.มวก เหล็ก จ.สระบุรี องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ ต�ำบล มิตรภาพ ฝัง่ ตรงข้ามกับตลาด อ.ส.ค. เปิดให้ผสู้ นใจเข้าชมเพือ่ ให้เป็นแหล่งท่องเทีย่ วเชิงเกษตร และ จุดเรียนรู้ด้านโคนมอย่างครบวงจร และสถานที่แห่งนี้ยังถือเป็นประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นการเลี้ยง โคนมของประเทศไทย หนึ่งในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวท่องเที่ยวเชิงเกษตรจะได้สัมผัสในการเยี่ยม ชมฟาร์มแห่งนี้ กะหรีป ่ ๊ บหลากไส้ ั พลาดไม่ได้กบั การแวะลองกะหรีป่ บ๊ั มีชอื่ ทีม่ ใี ห้เลือกหลายรสชาติดว้ ยกันทีอ่ ำ� เภอมวกเหล็ก หวานมันเค็มลองมาหมดแล้วค่ะ บอกได้คำ� เดียวอร่อยมาก ขนมขึน้ ชือ่ อย่าง “กะหรีป่ บ๊ั ” นัน้ ก็ไม่ควร พลาดด้วยประการทัง้ ปวง ทีน่ ขี่ ายกันวันต่อวัน ทอดขายกันสดๆ แป้งบาง ไส้หนา มีให้เลือกชิมถึงสิบ กว่ารสชาติ สระบุรีมีสินค้าให้เลือกช็อปกันมากมาย และแนะน�ำให้ซื้อกลับไปเป็นของฝากเพื่อนฝูง ญาติผู้ใหญ่ก็คือ “กะหรี่ปั๊บ” ที่ขายดิบขายดีจนแทบไม่พอขายกันในแต่ละวันเลยทีเดียว สังเกตได้ จากภายในร้านค่ะที่ไปถึงเมื่อไร ก็จะต้องเห็นพนักงานก�ำลังปั้นและทอดกะหรี่ปั๊บอยู่ร�่ำไป สิ่งนี้จึง สามารถยืนยันได้ในเรื่องความสดใหม่ของกะหรี่ปั๊บได้เป็นอย่างดี นอกจากกะหรี่ปั๊บที่ขึ้นชื่อแล้วยังมี ขนมปังแลบลิ้น ครูต้อยเบเกอรี่ ร้านขนมเจ้า ดัง ต�ำนานความอร่อยที่ไม่เหมือนใครมากว่า 20 ปี มีจ�ำหน่ายที่ร้านในอ�ำเภอบ้านหมอ จ.สระบุรี และผ่านตัวแทนจ�ำหน่ายทั่วประเทศ นอกจากนั้นก็มีผลไม้อย่างองุ่นที่ปลูกกันเยอะมาก นักท่องเที่ยว สามารถหาซื้อองุ่นสดๆ ราคาถูกได้ตามฟาร์มองุ่นที่มักเปิดเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวเช่นกัน ภายในก็จะมีทั้งองุ่นสดๆ ทั้งแบบมีเมล็ดและไร้เมล็ด มีน�้ำองุ่นที่คั้นกันสดๆ รสชาติเข้มข้นสดชื่นถึงใจ รวมไปถึงไวน์องุ่นที่ หมักจากองุ่นพันธ์ดีอย่างชิราส อีกด้วย

30

สระบุรี










สระบุรี

19








สถานที่ท่องเทีย ่ วแปลกใหม่

Unseen in Saraburi

มหาวิหารทรงบาตรคว�่ำ

วัดพระพุทธแสงธรรม อ.หนองแค จ.สระบุรี

วัดพระพุทธแสงธรรม ตั้ ง อยู ่ อ.หนองแค ติด ถนนพหลโยธิน ก่อ นถึงตั ว เมื อง จ.สระบุรี ประมาณ 15 กม. วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นสถานที่ปฏิบัติ ธรรมของส� ำ นั ก ปฏิ บั ติ แ สงธรรมส่ อ งชี วิ ต ท่ า มกลางความเงี ย บ สงบ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ นอกจากเป็นสถานปฏิบัติธรรมแล้วยังมี สถาปัตยกรรมสุดอันซีนที่สวยงามแปลกตาอยู่มากมาย และแน่นอน เป็นจุดเช็คอิน ถ่ายภาพ ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งก็คือ มหาวิหารทรง บาตรคว�ำ่ ครอบองค์พระประธานปางปฐมเทศนา สูง 50 เมตร กว้าง 90 เมตร อุโบสถไม้แดง ภายในท�ำจากไม้สีแดง ประดับด้วยโคมไฟ ภายในมี พระประธานองค์พุทธปฏิมากรสีขาว มีพระยืนปางห้าม สมุทรอยู่เบื้องซ้าย และปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อยู่เบื้องขวา สีขาว ล้วนสะท้อนกับแสงไฟดูสวยสะอาดตา ภายในอุโบสถค่อนข้างโอ่โถง เย็นสบาย ภายในตกแต่งด้วยไม้แดงอย่างปราณี ข้างในเย็นสบายจน ไม่อยากลุกออกมา ด้านตรงกันข้ามอุโบสถไม้แดงเป็น ศาลาปฏิบัติ ธรรม เข้าไปภายในมีคนนุ่งห่มขาวบวชปฏิบัติธรรมกันหนาตา เป็น ช่วงจังหวะเวลาที่ก�ำลังสอนธรรมมะ ภายในศาลาด้วยความที่วัดอยู่ ท่ามกลางธรรมชาติ จึงมีลมธรรมชาติพัดเข้ามาเย็นสบายเหมือน ภายในอุโบสถ นัง่ ฟังธรรมมะไปด้วย เวลาผ่านเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้ที่สนใจสามารถมาปฎิบัติธรรมที่วัดพระพุทธแสงธรรมได้ทุกวัน โดยไม่มคี า่ ใช้จา่ ยใดๆ นอกจากนีย้ งั มีจดุ ทีน่ า่ สนใจอีกหลายแห่ง เช่น อุทยานเจ้าแม่กวนอิม ที่มีการจัดสวนเอาไว้อย่างสวยงาม ข้างๆ กันเป็นสระน�้ำขนาดใหญ่ มองเห็นศาลา และโดมขนาดใหญ่ เป็นอีก จุดที่แนะน�ำว่าไม่ควรพลาดในการเก็บภาพสวยๆ สถานที่นี้จึงเหมาะ ส�ำหรับทั้งผู้ที่ชอบเข้าวัดเพื่อชมความงาม ท่ามกลางธรรมชาติ และ เหมาะกับผูท้ ตี่ อ้ งการมาปฏิบตั ธิ รรมได้อย่างลงตัว ท�ำให้ปจั จุบนั กลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของ จ.สระบุรี

22

สระบุรี

อุโบสถไม้แดง

ศาลาปฏิบัติธรรม


บ้านถ�้ำน�้ำพุ​

เมืองแห่งถ�้ำและประวัติศาสตร์ยุค​ทวาราวดี​

ถ�้ำเขาน�้ำพุ

บ้านถ�ำ้ น�ำ้ พุ ตัง้ อยูห่ มูท่ ี่ 10 ต�ำบลทับกวาง อ�ำเภอแก่งคอย ได้รบั การส่งเสริมให้เป็นชุมชนท่องเทีย่ ว OTOP นวัตวิถ ี ทมี่ เี ป้าหมาย ส�ำคัญเพื่อสร้างชุม ชนเข้มแข็ง ยกระดั บการพัฒนาผลิตภัณฑ์และ รายได้ให้แก่ชุมชน การสร้างตลาดใหม่ และการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ OTOP เข้ากับการท่องเทีย่ ว เชิงธรรมชาติมกี ารแสดงศิลปวัฒนธรรม​ มีบรรยากาศแบบธรรมชาติ​ สักการะพระพุ ทธเมตตาธรรมวัดถ�้ำ พระโพธิสัตว์​ ชมน�้ำ ตก​ จปร.​ อ่างเก็ บน�้ำบ้านถ�้ำน�้ำพุ​ โดยการใช้ เสน่ห์ ภูมิปั ญญา วิถีชี วิตวัฒ นธรรมและความคิดสร้างสรรค์มาเป็น ผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน บ้านถ�ำ้ น�ำ้ พุ อยูห่ า่ งจากทีว่ า่ การอ�ำเภอแก่งคอย ประมาณ 22 กิโลเมตร อยูห่ า่ งจากถนนมิตรภาพกิโลเมตรที่ 22 เข้าไปตามถนน เทศบาลเมืองทับกวางประมาณ 7 กิโลเมตร ในอดีตประชากรส่วน ใหญ่ได้อพยพมาจากจังหวัดในภาคอีสานและภาคกลาง เพือ่ มาท�ำไร่ ข้าวโพด ภาษาพูด เป็นภาษา อีสาน เอกลักษณ์ของหมู่บ้าน จะมีต้น จันผา ซึง่ เป็นต้นไม้พนื้ ถิน่ ปลูกริมถนนสองข้างทาง และในบริเวณบ้าน ทุกหลังคาเรือ่ น โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่จะสร้างอยูบ่ ริเวณเนินเขาลด หลั่นกันไป สภาพภูมิประเทศ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาหินปูน และ ป่าไม้ โดยมีถ�้ำขนาดใหญ่ เป็นจ�ำนวนมาก มีน�้ำตกที่สวยงาม และมี แหล่งโบราณคดี ภาพสลักนูนต�ำ่ สมัยทาวารวดีทสี่ ำ� คัญ มีสถานทีท่ อ่ ง เที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ ถ�ำ้ พระโพธิสตั ว์ หรือ ถ�ำ้ เขาน�ำ้ พุ เป็นถ�ำ้ ทีม่ คี วามส�ำคัญ เชิงประวัตศิ าสตร์ เนือ่ งจากเป็นทีพ่ บหลักฐานทางโบราณคดีทสี่ ำ� คัญ ภายในถ�้ำคือภาพสลั กนูนต�่ำที่สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี สภาพค่อน ข้างสมบูรณ์ คาดว่า สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรศที่ 13-15 ปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ วัดถ�้ำพระโพธิสัตว์ (วัดพระโพธิสัตว์, วัดถ�้ำเขา

น�ำ้ พุ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั มหาราช เคยเสด็จฯ ประพาสถ�้ำแห่งนี้ในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2439 สังเกตได้จากรอย แกะสลักอักษรพระปรมาภิธัย จ.ป.ร. บริเวณถ�้ำธรรมทัศน์ ซึ่งเป็นถ�้ำ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ถ�้ำธรรมทัศน์ เป็นถ�้ำขนาดใหญ่ สามารถเข้าออกได้ทาง เดียว โดยภายในถ�้ำมีหินงอกหินย้อยที่สายงาม ระยะทางความยาว ของถ�ำ้ ประมาณ 800 เมตร โดยช่วงแรกของถ�ำ้ จะมีความยากล�ำบาก ชาวบ้านขนานนามว่า ลงนรก จากนั้นจะเป็นทางเดินเรียบงาน ชาว บ้านขนานนามว่าสวรรค์ อ่างเก็บน�้ำบ้านถ�้ำน�้ำพุ เป็นอ่างเก็บน�้ำขนาดเล็ก ตั้งอยู่ ใจกลางหุบเขา เป็นแหล่งเก็บน�้ำของหมู่บ้านและสถานที่กางเต้นท์ จุ ด ชมค้ า งคาวบ้ า นถ�้ ำ น�้ ำ พุ เป็ น สิ่ ง มหั ศ จรรย์ ทาง ธรรมชาติที่ มีค้างคาว กว่า 1 ล้านตัว ที่บินออกจากถ�้ำ ออกมาเป็น สายยาว ใช่เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยค้างคาวจะบินออกจากถ�้ำเวลา 17.40 น. ของทุกวัน วัดถ�้ำพระโพธิสัตว์

สระบุรี

23



อ่างเก็บน�้ำมวกเหล็ก

ขับ-ปั่ น-วิ่ง เพลินชมทิวเขาสวย มองไกลถึงเขื่อนป่าสักฯ

อ่างเก็บน�ำ้ มวกเหล็ก แหล่งท่องเทีย่ วแห่งใหม่ ของสระบุรี ที่มีถนนเลียบสันเขื่อน บวกกับภูเขาล้อม รอบเป็นธรรมชาติ ด้านซ้ายของ อ่างเก็บน�้ำมวกเหล็ก จะเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ที่สามารถมองเห็นวิวของ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้อย่างสวยงาม ใครที่เป็นสายปั่น จักรยานหรือสายนักวิง่ แล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดทีจ่ ะมาวิง่ และปั่นสัมผัสบรรยากาศแสนบริสุทธิ์ให้ได้สักครั้งหนึง่ ที่ส�ำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย อ่างเก็บน�้ำมวกเหล็ก ตั้งอยู่ใน ต�ำบลค�ำพราน อ�ำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน กว้าง 9 เมตร สูง 44 เมตร ยาว 1,157 เมตร สามารถเก็บกักน�้ำได้ ราว 61 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ชลประทานกว่า 25,500 ไร่ ในเขตอ�ำเภอวังม่วง และยังใช้เป็นแหล่งน�ำ้ ส�ำหรับ การผลิตน�้ำประปาที่ส�ำคัญในเขตเทศบาลต�ำบลวังม่วงอีก ด้วย อ่างเก็บน�ำ้ แห่งนี้ สามารถเก็บกักน�ำ้ ไว้ใช้ ส�ำหรับส่ง ให้พนื้ ทีช่ ลประทานกว่า 5,500 ไร่ เป็นอีกหนึง่ โครงการทีช่ ว่ ย แก้ปญ ั หาการขาดแคลนน�ำ ้ เพือ่ การเกษตรในพืน้ ทีต่ า่ งๆ และ ยังเป็นแหล่งน�้ำส�ำคัญไว้ส�ำหรับอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน ในอ�ำเภอวังม่วง เพราะด้วยจังหวัดสระบุรี ที่ชาวบ้านส่วน ใหญประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก เช่น ปลูกอ้อย ข้าวโพด และทานตะวัน แต่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจาก ฝนทิ้งช่วง ภาวะภัยแล้งต่างๆ และพื้นที่มีระดับสูงเกินกว่าที่ จะส่งน�้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขึ้นไปได้

26

สระบุรี

อุโมงค์ต้นไม้ ตั้งอยู่ต�ำบลแสลงพัน อ�ำเภอวังม่วง เป็น ความงามตามธรรมชาติที่ต้นไม้สองฟากฝั่งของถนนโน้มกิ่งก้า เข้าหากันเหนือท้องถนน คล้ายกับจะเป็นอุโมงค์ให้รถลอดผ่าน ความงดงามตามธรรมชาติ การเติบโตของต้นไม้ที่โน้มเข้าหา กันเป็นอุโมงค์นี้ ไม่ได้มีเพียงที่เดียว แต่อุโมงค์ต้นไม้แสลงพัน ก็เป็นอีก ที่หนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึง และชักชวนกันไปชมจนกลายเป็นแลนด์ มาร์ค จุดพักชมของนักท่องเที่ยวที่ผ่านเส้นทางมวกเหล็ก-วังม่วง หรือ ถนนหมายเลข 2089 จังหวัดสระบุรี ป้ า ยบอกทาง อุ โ มงค์ ต ้ น ไม้ (TREE TUNNEL) เป็ น เครื่องหมายบอกว่า มีนักท่องเที่ยวจ�ำนวนไม่น้อยมุ่งที่จะไปเห็นกับ ตา ด้วยระยะทางยาวถึงกว่า 200 เมตรของอุโมงค์ต้นไม้ที่เกิดจากการ พยายามโตข้ามฝั่งของต้นกระถิน บนถนนที่มีทางโค้งไปกับภูเขา หลาย จุดที่ดูงดงามมากๆ เพราะล�ำต้นจากข้างทางไม่ใช่ต้นไม้ต้นใหญ่มหึมา แต่เป็นต้นบอบบาง มีกิ่งเล็ก กิ่งน้อย สวยตั้งแต่ทรงต้นจนถึงใบที่แผ่ ปกคลุมเป็นซุ้มโค้งที่เรียกว่าอุโมงค์ หากมีโอกาสขับรถผ่านไปเส้นทางนี้ สวยงามถูกใจจะลงไป แชะเช็คอิน ก็คงต้องค่อยชะลอจอดรถข้างทางอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ เป็นการกีดขวางทางสัญจรของผู้อื่นและอาจเกิดอันตรายต่อตัวคุณเอง เพื่อได้ภาพสวยๆ ไปอวดกัน



เสาร้องไห้

ต�ำนานของเจ้าแม่ตะเคียนทอง ตัง้ อยูใ่ นศาลนางตะเคียนทอง ณ วัดสูง ต�ำบลเสาไห้ ห่างจาก ที่ว่าการอ�ำเภอเสาไห้ประมาณ 500 เมตร เป็นเสาไม้ตะเคียนขนาด ใหญ่ โดยถือกันว่าเป็นเจ้าแม่ เพราะสิ่งของที่น�ำไปบูชาล้วนเป็นของ สตรีทั้งสิ้น มีต�ำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้ มีการเกณฑ์เสาจากหัวเมืองต่างๆ เพื่อคัดเลือกเสาที่มีลักษณะงดงาม เพื่อจัดเป็นเสาเอก ทางเมืองสระบุรีได้จัดส่งเสาต้นหนึ่งที่มีลักษณะ งดงามมากล่องลงมาตามล�ำน�้ำ ป่าสัก แต่มาถึงกรุงเทพฯ ช้าไปเล็ก น้อย และได้มีการคัดเลือกเสาเอกไปก่อนแล้ว จึงได้เป็นเสารอง ซึ่งถ้า เสาต้นนีม้ าทันเวลาก็ตอ้ งได้เป็นเสาเอกอย่างแน่นอน เพราะมีลกั ษณะ ใหญ่ และสวยงามมาก ด้วยความยาว 13 เมตร กล้าว 0.75 เมตร เสา ต้นนี้จึงเกิดความเสียใจลอยทวนน�้ำกลับขึ้นมาจมลง ณ ต�ำบลแห่งนี้ อยู่ประมาณ 100 กว่าปี เมื่อปี พ.ศ. 2501 ได้มีชาวบ้านน�ำขึ้นจากน�้ำ ไปไว้ที่ศาลหน้าพระอุโบสถวัดสูงจนถึงปัจจุบันนี้ พอตกเวลากลางคืน ชาวบ้านมักได้ยินเสียงร้องไห้ จึงได้ให้ชื่อต�ำบลนี้ว่า ต�ำบลเสาร้องไห้ และได้กลายเป็น “อ�ำเภอเสาไห้” ในปัจจุบัน เมื่อประมาณปี 2501 นางเฉลียว จันทร์ประสิทธิ์ ได้ฝันว่ามี หญิงคนหนึ่ง บอกว่าเป็นนางไม้ประจ�ำเสาที่จมน�้ำอยู่ ให้บอกสามีเอา เสาขึ้นมาจากน�้ำด้วย นายเผ่าผู้เป็นสามีก็ไม่เชื่อ มีคนเล่าต่อกันมาว่า นางไม้ของเสาต้นนี้ได้ไปเข้าทรงกับผู้อื่นอีกหลายครั้ง จนในที่สุดชาว บ้านหลายคนก็ได้ไปร้องขอให้นายเผ่าเอาเสาต้นนี้ขึ้นมาให้ได้ ตาม ค�ำล�่ำลือ จนน�ำมาสู่การน�ำเอาเสาขึ้นมาจากน�้ำ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2501 และในวันนี้เอง ได้รับค�ำบอกเล่าจากนายจ�ำลอง ขาววรรณะว่า วันนั้นแดดร้อนจัดมากขณะที่ก�ำลังน�ำเสาขึ้นจากน�้ำ ท้องฟ้าก็มืดครื้ม ไปหมดทันที มีเสียงฝ้าผ่าดังมากเป็นประกายสีเขียวไปทัว่ เสียงฟ้าร้อง ค�ำรามท�ำท่าคล้ายฝนจะตก ท�ำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีกันเป็นจ�ำนวน มากต่างตื่นตาตื่นใจ

วั น ที่ 23 เมษายน 2501 เป็ น วั น ที่ เ ชิ ญ เสาไป ประดิษฐานที่วัดสูง เวลา 9.00 น. เริ่มพิธีเคลื่อนเสาไปสู่วัดสูง โดยตั้งศาลสูงเพียงตา มีหัวหมูซ้ายขวา บายศรี 3 ชั้น ใช้ด้ายสาย

สิญจน์ผูกที่เสาแล้วใช้เชือกผูกแพที่รับเสาไห้ประชาชนดึง เมื่อ ได้ฤกษ์ พระสงฆ์ 9 รูปเจริญชัยมงคลคาถา ประชาชนที่อยู่บนฝั่ง หน้าที่ว่าการอ�ำเภอเสาไห้ก็ดึงเชือกแพลูกบวบให้เคลื่อน ไปทาง ทิศตะวันออก มีเรือแตรวงน�ำขบวน มีเรือต่างๆ ร่วมขบวนอีกเป็น จ�ำนวนมาก ในวันนัน้ ทีน่ ำ� เสาขึน้ จากน�ำ้ มีประชาชนมาร่วมพิธเี ป็นจ�ำนวน มากประมาณสามหมื่นคน นับเป็นวันประวัติศาสตร์ครั้งส�ำคัญของชาว อ�ำเภอเสาไห้ที่ต้องจารึกไว้ ต่อมาจึงได้สร้างศาลถาวรขึ้นที่หน้าพระ อุโบสถในวัดสูง เป็นศาลกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร มีมขุ ออกด้านตะวัน ออก พื้นคอนกรีต มีฐานก่ออิฐสูงรองรับเสาตะเคียน ต่อมาเมื่อวัดสูงได้ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น จึงได้ดัดแปลงศาลาการเปรียญหลัง เดิมเป็นอาคารทรงไทยสวยงาม และอัญเชิญเสาแม่นางตะเคียนมา ประดิษฐานที่ศาลหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2530 มาจนถึงทุกวันนี้

สระบุรี

29







































Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.