Mining Magazine Sep-Oct 2018

Page 1



คณะกรรมการสภาการเหมืองแร่ ประจ�ำปี พ.ศ. 2561-2562

1. นายเข็มชาติ ว่องชาญกิจ 2. น.ส.อัญชลี ตระกูลดิษฐ 3. นายดิเรก รัตนวิชช์ 4. นายยุทธ เอีย่ มสอาด 5. นายวัลลภ การวิวฒ ั น์ 6. นายทวี ทวีสขุ เสถียร 7. นายอนุพงศ์ โรจน์สพ ุ จน์ 8. นายชาญณรงค์ ทองแจ่ม 9. นายศิรชิ ยั มาโนช 10. นายศิรสิทธิ์ สืบศิร ิ 11. นายสุรชิต มานะจิตต์ 12. นายเสกข์สรร ธีระวาณิชย์ 13. นายสุรพล อุดมพรวิรตั น์ 14. นายยงยุทธ รัตนสิร ิ 15. นายณรงค์ จ�ำปาศักดิ ์ 16. นายอภิชาติ สายะสิญจน์ 17. นายสุเทพ สุนทรารัณย์ 18. นายอับดุลลาเตะ ยากัต

ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่




8

5 เดือนกันยายน - ตุลาคม 2561

คณะกรรมการสภาการเหมืองแร่

1. นายเกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนตระกูล 2. นายเข็มชาติ ว่องชาญกิจ 3. นายยุทธ เอีย่ มสอาด 4. นายดิเรก รัตนวิชช์ 5. นายสุทธิเลิศ วีระไพบูลย์ 6. น.ส.อัญชลี ตระกูลดิษฐ 7. นายศิรชิ ยั มาโนช 8. นายทวี ทวีสขุ เสถียร 9. นายเสกข์สรร ธีระวาณิชย์ 10. นายอนุพงศ์ โรจน์สพ ุ จน์ 11. นายณรงค์ จ�ำปาศักดิ ์ 12. นายสุรชิต มานะจิตต์ 13. นายวัลลภ การวิวฒ ั น์ 14. นายยงยุทธ รัตนสิร ิ 15. นายสุเทพ สุนทรารัณย์ 16. นายศิรสิทธิ์ สืบศิริ 17. นายอภิชาติ สายะสิญจน์ 18. นายวรพจน์ โพธิแ์ ก้ว

ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ รองประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่ กรรมการสภาการเหมืองแร่

เลขาธิการสภาการเหมืองแร่ นายสมพร อดิศกั ดิพ ์ านิชกิจ

ผูช้ ว่ ยเลขาธิการสภาการเหมืองแร่ นางอรพิณ เปรือ่ งการ

ทีอ่ ยู่ สภาการเหมืองแร่

222/2 ซอยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดี-รังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0-2275-7684-6 แฟกซ์ 0-2692-3321 E-mail Contact : miningthai@miningthai.org Website : www.miningthai.org ID LINE : miningthai ที่ปรึกษา : เกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนตระกูล ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ วัลลภ การวิวัฒน์ กรรมการสภาการเหมืองแร่ และประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ สมพร อดิศักดิ์พานิชกิจ เลขาธิการสภาการเหมืองแร่ บรรณาธิการ : กิตติ วิสุทธิรัตนกุล กองบรรณาธิการ : สุรีย์พร วงศ์ศรีตระกูล / ทัศนีย์ เรืองติก / อ�ำพันธุ์ ไตรรัตน์ / ชุติภา จริตพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : เขมจิรา ปลาทิพย์ ฝ่ายโฆษณา : ศิริภรณ์ กลิ่นขจร / มนัส ไชยเพส / กษิรา เหมบัณฑิตย์ / กัลยา ทรัพย์ภริ มย์ จัดท�ำโดย : บริษัท เทคโนโลยี มีเดีย จ�ำกัด เลขที่ 471/3-4 อาคารพญาไทเพลส ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0-2354-5333 แฟกซ์ 0-2640-4260 **วารสารเหมืองแร่ จัดท�ำขึน้ เพือ่ ให้ขอ้ มูลข่าวสารทีเ่ ป็นประโยชน์แก่สมาชิกสภาการเหมืองแร่ ประชาสัมพันธ์การด�ำเนินงานและกิจการของสภาฯ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ ทีเ่ กีย่ วข้องกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ทัง้ นีบ้ ทความต่างๆ ใน วารสารเหมืองแร่ นีเ้ ป็นดุลพินจิ ของกองบรรณาธิการ โดยจะออกทุกๆ 2 เดือน



Contents ปีที่ 8 ฉบับที่ 5 ประจำ�เดือนกันยายน - ตุลาคม 2561

10 แวดวงชาวเหมือง 14 Cover Story คุณเข็มชาติ ว่องชาญกิจ ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่คนใหม่ “เรง่ ผลักดันจัดตั้งคณะกรรมการแร่ พรอ้ มเสนอรัฐใหบ้ ริการ One Stop Service” กองบรรณาธิการ

18 CSR กพร. จับมือสภาการเหมืองแร่ ดึงผู้ประกอบการ เป็น Big Brother ในโครงการหมูบ่ า้ นอุตสาหกรรม สรา้ งสรรค์ (CIV) กองบรรณาธิการ

21

Report กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รีไซเคิลภาครัฐแหง่ แรกในไทย ชูเป็นศูนยต์ น้ แบบ ถ่ายทอดเทคโนโลยีรีไซเคิล และการจัดการมลพิษ แบบครบวงจร กองบรรณาธิการ

25

กพร. ร่วมกับ เอสซีจี ซิเมนต์ วิจัยและพัฒนานวัตกรรม วัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรม เพิ่มมูลคา่ ทรัพยากรแร่ให้สูงขึ้น กองบรรณาธิการ

27 เหมืองแรส่ ีเขียว

พิธีมอบรางวัล Green Mining Award 2018 ยกระดับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของไทย สู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน กองบรรณาธิการ

33 เรื่องเลา่ จากชาวเหมือง นักวิ่งลมกรด

รุง่ ศักดิ์ อินทร์สิงห์

36 ธุรกิจเหมืองแร่

WIRTGEN จัดงาน Workshop 2018 สานสัมพันธ์ กับลูกคา้ พร้อมโชว์ศักยภาพการทำ�งานของเครื่องจักร กองบรรณาธิการ

37 ขา่ วเศรษฐกิจแร่



แวดวงชาวเหมือง l

กองบรรณาธิการ

สภาการเหมืองแร่ จัดประชุมวิสามัญประจำ�ปี 2561 ครั้งที่ 1 จัดเสวนาถาม-ตอบ “การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560” พร้อมเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ สภาการเหมืองแร่ จัดประชุมวิสามัญประจำ�ปี 2561 ครัง้ ที่ 1 โดยได้รบั เกียรติจาก วิษณ ทับเทีย่ ง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมจัดเสวนา ถาม-ตอบ “การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560” ในวันที่ 17 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยมีสมาชิกให้ความ สนใจเข้ า ร่ ว มรั บ ฟั ง และซั ก ถามประเด็ น ต่ า งๆ เป็นจำ�นวนมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำ�เนิน ธุรกิจเหมืองแร่ จากนั้ น ในช่ ว งบ่ า ยได้ มี ก ารเลื อ กตั้ ง คณะ กรรมการชุดใหม่ โดยมี เกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนตระกูล ประธานสภาการเหมืองแร่ และ สมพร อดิศกั ดิพ ์ านิชกิจ เลขาธิการสภาการเหมืองแร่ เป็น ผู้ดำ�เนินรายการ ซึ่งมีผู้ได้รับการเสนอชื่อและได้รับ การเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการทั้งสิ้นรวม 9 ท่าน ได้แก่ เข็มชาติ ว่องชาญกิจ อัญชลี ตระกูลดิษฐ สุรชิต มานะจิตต์ วัลลภ การวิวัฒน์ ชาญณรงค์ ทองแจ่ ม สุ ร พล อุ ด มพรวิ รั ต น์ ศิ ร สิ ท ธิ์ สื บ ศิ ริ อภิชาติ สายะสิญจน์ และ อับดุลลาเตะ ยากัด โดย กรรมการทั้ง 9 ท่าน จะมีวาระการดำ�รงตำ�แหน่ง ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2561-24 กันยายน 2563

เกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนตระกูล ประธานสภาการเหมืองแร่

วิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ประธานในพิธี

สมาชิกให้ความสนใจร่วมรับฟังคับคั่ง

ประธานสภาการเหมืองแร่มอบของที่ระลึกให้อธิบดี กพร.

10

September-October 2018

มอบของที่ระลึกให้ สุระ เพชรพิรุณ รองอธิบดี กพร.


มอบของที่ระลึกให้ สกล จุลาภา ผู้อ�ำนวยการกองบริการงานอนุญาต กพร.

มอบของที่ระลึกให้ อุบล ฤทธิ์เพชร นิติกรช�ำนาญการพิเศษ กพร.

บูทจัดแสดงสินค้าภายในงาน ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

เกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนตระกูล ประธานสภาการเหมืองแร่ และ สมพร อดิศักดิ์พานิชกิจ เลขาธิการสภาการเหมืองแร่ ร่วมด�ำเนินรายการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่

โฉมหน้าคณะกรรมการชุดใหม่ทั้งสิ้น 9 ท่าน

ร่วมถ่ายภาพกับคณะกรรมการชุดใหม่ 9 ท่าน

September-October 2018

11


กพร. จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ทิศทาง กพร. สู่ประเทศไทย 4.0” กรมอุ ต สาหกรรมพื้ น ฐานและการเหมื อ งแร่ (กพร.) จัดการประชุมเชิงปฏิบตั กิ าร “ทิศทาง กพร. สูป่ ระเทศไทย 4.0” มี ก ารบรรยายในหั ว ข้ อ “Circular Economy และศู น ย์ เทคโนโลยี รี ไ ซเคิ ล (พระประแดง)” โดยวิ ท ยากรจากกอง นวัตกรรมวัตถุดบิ อุตสาหกรรม เพือ่ ให้ความรูเ้ กีย่ วกับเทคโนโลยี ในการรีไซเคิลและเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมต่างๆ ที่ กพร. ได้ จัดทำ�เป็นองค์ความรู้และบอกต่อให้ทราบถึงภารกิจที่ กพร. ได้ดำ�เนินการอยู่ ก่อนจะเข้าสูห่ วั ข้อ “เหมืองแร่ 4.0 การพัฒนา เหมื อ งแร่ สู่ อ นาคต” โดยวิ ท ยากรจากกองบริ ห ารวั ต ถุ ดิ บ อุ ต สาหกรรม เพื่ อ กล่ า วถึ ง เป้ า หมายในการดำ�เนิ น การที่ สอดคล้องของภารกิจกรม และทิศทางเหมืองแร่ในอนาคต เพื่ อ ให้ เ จ้ า หน้ า ที่ ที่ ป ฏิ บั ติ ง านได้ ตื่ น ตั ว และเข้ า ใจถึ ง ความ เปลีย่ นแปลงของภารกิจดูแลกิจการเหมืองแร่ เพือ่ เข้าสู่ ยุค 4.0 ทีจ่ ะต้องมีความสมาร์ทและสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อุ ต สาหกรรมในอนาคต และมี ก ารบรรยายเกี่ ย วกั บ เรื่ อ ง “E-bidding” ซึ่งให้ความรู้เพื่ออัพเดทระเบียบหรือข้อบังคับ ต่างๆ ทีเ่ จ้าหน้าทีใ่ ช้ในการปฏิบตั ริ าชการ โดยวิทยากรจากกลุม่ งานคลัง สำ�นักงานเลขานุการกรม และปิดท้ายด้วยการบรรยาย ในหัวข้อ “ทิศทาง กพร. สู่ประเทศไทย 4.0” ซึ่งบรรยาย โดย วิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการ เหมืองแร่ (กพร.) เพื่อสรุปภาพรวมทิศทางการดำ�เนินงานของ กพร. ที่เข้าสู่ยุค 4.0 ไม่วา่ จะเป็นในส่วนของการปฏิบัติราชการ ต่างๆ รวมถึงภารกิจกรม ทีอ่ าจจะมีการเปลีย่ นแปลงในอนาคต ซึ่งจะสอดรับกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการ บริหารจัดการวัตถุดบิ อุตสาหกรรมและการกำ�กับดูแลเหมืองแร่ ในอนาคต ณ โรงแรมเดอะรีเจนท์ ชะอำ�บีช รีสอร์ท จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 20-21 กันยายน 2561

12

September-October 2018


ผู้บริหาร กพร. ร่วมกับ กระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำ�กิจกรรมจิตอาสา “เราทำ�ความดีด้วยหัวใจ” พัฒนาพื้นที่และดูแลรักษาท่อระบายน้�ำ ในพื้นที่บริเวณกระทรวงอุตสาหกรรม วิษณุ ทับเทีย่ ง อธิบดีกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) พร้อมด้วย สุระ เพชรพิรุณ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรม พืน้ ฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และ นิรนั ดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรม พื้ น ฐานและการเหมื อ งแร่ (กพร.) นำ�ที ม ผู้บริหาร กพร. และเจ้าหน้าที่ กพร. ร่วมกับ กระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำ�กิจกรรมจิตอาสา “เราทำ�ความดีด้วยหัวใจ” พัฒนาพื้นที่และ ดู แ ลรั ก ษาท่ อ ระบายน้ำ� ในพื้ น ที่ บ ริ เ วณ กระทรวงอุตสาหกรรม เพือ่ ถวายพระราชกุศล แด่ ส มเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว มหาวชิ ร าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อ วั น ที่ 29 สิ ง หาคม 2561 ณ กระทรวง อุตสาหกรรม ถ.พระรามที่ 6

กพร. จัดฝึกอบรม เรื่อง “การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในงานเหมืองแร่และเหมืองหิน” กรมอุ ต สาหกรรมพื้ น ฐาน และการเหมืองแร่ (กพร.) จัดฝึก อบรม เรือ่ ง “การเพิม่ ประสิทธิภาพ การผลิ ต ในงานเหมื อ งแร่ แ ละ เหมืองหิน” เพื่อให้ผู้ประกอบการ เหมืองแร่ได้นำ�องค์ความรู้ที่ได้ไป ปรับใช้ นำ�ไปสูก่ ารเพิม่ ประสิทธิภาพ การผลิตในธุรกิจเหมืองแร่ และลด ต้นทุนการผลิต โดยมีผปู้ ระกอบการ เหมืองแร่ร่วมรับฟังด้วยความสนใจ เมื่ อ วั น ที่ 24 สิ ง หาคม 2561 ณ โรงแรมกนกกาญจน์ อ.เมื อ ง จ.กาญจนบุรี

September-October 2018

13


Cover Story l

กองบรรณาธิการ

คุณเข็มชาติ ว่องชาญกิจ

ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่คนใหม่

่ ร แ ร า ก ม ร ร ก ะ ณ เ“ ร่งผลักดรัฐันใหจ้บัดรติกาั้งรคOne Stop Service” พร้อมเสนอ

14

September-October 2018


จากการมี พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ทำ�ให้การออกใบอนุญาต อาชญาบัตร ประทานบัตร และการต่ออายุประทานบัตร และ ใบอนุ ญ าตต่ า งๆ ที่ ยั ง คงค้ า งอยู่ ใ นขั้ น ตอนของหน่ ว ยงาน ภาครัฐต้องหยุดชะงัก เพราะต้องรอการแต่งตั้งคณะกรรมการ แร่ตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ทีจ่ ะเข้ามาพิจารณาคำ�ขออนุญาต ให้แล้วเสร็จตามกระบวนการนั้น คุณเข็มชาติ ว่องชาญกิจ ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่คนใหม่ ซึง่ ได้รบั การเลือกตัง้ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้แสดงความห่วงใยเกรงว่า ผู้ ป ระกอบการเหมื อ งแร่ ที่ ไ ม่ มี เ งิ น ทุ น เพี ย งพอจะแบกรั บ ภาระหนี้สินในระหว่างรอการพิจารณาไม่ได้ อาจต้องตัดสินใจ ปิ ด กิ จ การ ซึ่ ง จะส่ ง ผลกระทบต่ อ การผลิ ต วั ต ถุ ดิ บ ด้ า นแร่ ในอนาคต จนต้องนำ�เข้าจากต่างประเทศ จึงอยากวอนให้ หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องเร่งพิจารณาเรือ่ งดังกล่าว พร้อมเสนอให้มี การพิ จ ารณาเรื่ อ งคำ�ขออนุ ญ าตต่ า งๆ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ แร่ ให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องบริการเบ็ดเสร็จทุกเรื่องในจุดเดียว หรือที่เรียกว่า One Stop Service

วอนรัฐเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการแร่ ช่วยปลดล็อกแก้ปัญหาธุรกิจสะดุด

คุณเข็มชาติ ว่องชาญกิจ ประธานกรรมการสภาการ เหมืองแร่ กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนสำ�หรับผูป้ ระกอบการเหมืองแร่ ในขณะนี้ คือความล่าช้าในการออกใบอนุญาตประทานบัตร, การต่อใบอนุญาตประทานบัตร, ใบอนุญาตอาชญาบัตร และ ใบอนุญาตต่างๆ หรือกิจการทีเ่ กีย่ วข้องกับการทำ�เหมืองแร่ เช่น โรงงานโม่ บด หรือย่อยหิน, โรงแต่งแร่, โรงประกอบโลหกรรม, คำ�ขอประทานบัตรในพื้นที่ลุ่มน้ำ�, พื้นที่ ส.ป.ก., พื้นที่นิคม อุตสาหกรรม, รวมถึงพื้นที่เอกสารสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 เนือ่ งจากต้องรอการลงนามการแต่งตัง้ คณะกรรมการแร่ จากรั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงอุ ต สาหกรรม เพื่ อ ที่ จ ะมา ดำ�เนินการพิจารณาคำ�ขออนุญาตต่างๆ ยังไม่แล้วเสร็จ ถ้ามอง ในแง่ดี คาดว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการแร่อาจแล้วเสร็จใน ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ หรืออาจจะล่าช้าออกไปอีก เพราะไม่มกี รอบระยะเวลาทีก่ ำ�หนดไว้ใน พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ว่า คณะกรรมการแร่จะต้องได้รบั การลงนามแต่งตัง้ ภายในกีว่ นั ภายหลังจากได้รับการพิจารณาเสนอชื่อแล้ว หากขั้ น ตอนการลงนามแต่ ง ตั้ ง คณะกรรมการแร่ จ าก รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงอุตสาหกรรมแล้วเสร็จ ผู้ประกอบการ เหมืองแร่จะสามารถบริหารจัดการเรือ่ งเวลาดำ�เนินการต่อไปได้วา่ จะต้องทำ�อย่างไร ซึ่งต่างก็ทราบขั้นตอนการดำ�เนินการนั้นๆ ดีอยูแ่ ล้ว เช่น หากคณะกรรมการแร่ได้รบั การลงนามแต่งตัง้ แล้ว

September-October 2018

15


ขั้ น ต่ อ ไปคณะกรรมการแร่ จ ะพิ จ ารณาเรื่ อ งคำ�ขอต่ า งๆ ที่ ผู้ประกอบการเหมืองแร่นำ�ส่งเข้าไปเพื่อพิจารณา หากได้รับ ความเห็นชอบก็จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ในการดำ�เนินการ ตามขั้นตอนต่างๆ จนเสร็จสิ้น เพื่อให้อธิบดีกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ลงนามอนุญาต แต่หากไม่เห็นชอบ ก็จะต้องส่งเรื่องกลับไปดำ�เนินการเรื่องคำ�ขอใหม่ “ในอนาคต หากมีรฐั บาลชุดใหม่ทไี่ ด้รบั การเลือกตัง้ เข้ามา ดูแลผู้ประกอบการเหมืองแร่ จะต้องปรับตัวตามนโยบายใหม่ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร” คุณเข็มชาติ กล่าว

ผู้ประกอบการเหมืองแร่ที่รอขอประทานบัตร– ขอใช้วัตถุระเบิด ต้องประคับประคองธุรกิจ

คุณเข็มชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ ดำ�เนิ น ธุ ร กิ จ ด้ ว ยความยากลำ�บากในการขอประทานบั ต ร เนื่องจากผู้ประกอบการเหมืองหินที่อยู่ในพื้นที่ของ ส.ป.ก., ผู้ ป ระกอบการเหมื อ งแร่ ยิ ป ซั ม และแร่ ช นิ ด อื่ น ที่ อ ยู่ ใ นพื้ น ที่ ส.ป.ก. และพื้นที่เอกสารสิทธิ์ ไม่สามารถขอประทานบัตรใหม่ ได้ เมื่อประทานบัตรเดิมหมดอายุแล้ว อาจจะต้องปิดตัวลง หากไม่ มี ก ารแก้ ไ ขให้ ส ามารถใช้ พื้ น ที่ ส.ป.ก. หรื อ พื้ น ที่ เอกสารสิทธิ์ในการทำ�เหมืองได้ กลับมาทีเ่ หมืองหิน ถึงแม้วา่ จะได้รบั อนุญาตประทานบัตร แล้ ว ผู้ ป ระกอบการก็ยังไม่สามารถดำ�เนิน ธุร กิจ ได้ เพราะ จะต้องยื่นคำ�ขออนุญาตใช้วัตถุระเบิดจากอีก 2 หน่วยงาน คือ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกว่าจะ ได้รับอนุญาตเร็วสุดต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน จึงจะเริ่ม ดำ�เนินการได้ นีค่ อื เหตุผลทีอ่ ยากให้มคี ณะกรรมการแร่โดยเร็ว หากการประกาศแต่งตัง้ คณะกรรมการแร่ลา่ ช้า ประทานบัตร ของเหมื อ งหิ น จะทยอยหมดอายุ ทำ�ให้ ใ นพื้ น ที่ นั้ น เกิ ด การ ขาดแคลนหินซึง่ เป็นวัตถุดบิ หลักในการก่อสร้าง จะทำ�ให้ตอ้ งมี การขนส่งวัตถุดบิ มาจากแหล่งข้างเคียง ซึง่ อาจมีระยะห่างเพิม่ ขึน้ จาก 100 กิโลเมตร เป็น 200 กิโลเมตร ทำ�ให้ตอ้ งเสียค่าขนส่ง เพิม่ ขึน้ ซึง่ ค่าขนส่งอาจจะแพงกว่าวัตถุดบิ ด้วยซ้ำ�ไป ได้แนะนำ�ให้ ผู้ประกอบการสต็อกวัตถุดิบไว้อย่างน้อย 1 ปี เผื่อระยะเวลา การขอประทานบัตร, การขอต่ออายุประทานบัตรล่าช้า ซึ่งจะ ส่งผลกระทบในระยะยาว ตรงจุดนี้ ภาครัฐมองไม่เห็นหรือ ไม่ ไ ด้ ม องว่ า ภาระต้ น ทุ น ที่ เ กิ ด ขึ้ น ทั้ ง หลายจะต้ อ งตกอยู่ กั บ ผู้บริโภคทั้งสิ้น “ภาครัฐยังคงมองว่าจะต้องเข้ามาควบคุมผู้ประกอบการ อย่างเข้มงวด เหมือนในอดีตเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เรื่องวัตถุระเบิด หรือขอบเขตการทำ�เหมือง ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ผูป้ ระกอบการทัง้ รุน่ เก่าและรุน่ ใหม่ทเี่ ข้ามาดูแลธุรกิจเหมืองแร่ จะปรั บ ตั ว ปฏิ บั ติ ใ ห้ ถู ก ต้ อ งตามกฎหมาย มุ่ ง เน้ น รั ก ษา

16

September-October 2018

สิ่งแวดล้อม ดูแลสุขภาพอาชีวอนามัยให้กับประชาชน และ พัฒนาฟืน้ ฟูพน้ื ทีช่ มุ ชนโดยรอบเหมืองแร่ แต่กไ็ ม่สามารถลบภาพ เชิงลบของผู้ประกอบการเหมืองแร่ได้” คุณเข็มชาติ กล่าว ส่วนเหมืองแร่ยิปซัมนั้น ติดปัญหาตรงที่ปัจจุบันภาครัฐ ไม่อนุญาตประทานบัตรที่ขอไป อาจเป็นเพราะภาครัฐมองว่า การทำ�เหมืองแร่ยิปซัมมีความจำ�เป็นที่ต้องใช้ภายในประเทศ เพียง 5% และการส่งออกแร่ยิปซัมไปจำ�หน่ายต่างประเทศ ไม่คุ้มค่า อีกทั้งระยะเวลาในการขออนุญาตประทานบัตรมี ระยะเวลาการพิจารณาอนุมตั นิ านถึง 5 ปี ทำ�ให้ผปู้ ระกอบการ แร่ยปิ ซัมค่อยๆ หายไปจากประเทศไทย และหากดูการประกอบ กิจการแร่ยิปซัมในปี พ.ศ. 2561 พบว่าการประกอบกิจการ ลดลงเรื่อยๆ

สภาการเหมืองแร่ สร้างความรู้ พ.ร.บ.แร่ ฉบับใหม่ แก่ผู้ประกอบการเหมืองแร่

อย่างไรก็ตาม สภาการเหมืองแร่ได้พยายามสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 แก่ผู้ประกอบการเหมืองแร่ ซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ตลอดเวลา เพื่อ ไม่ให้เกิดกรณีปัญหาที่ผู้ประกอบการเหมืองแร่กระทำ�ความผิด โดยแนะนำ�ให้ผู้ประกอบการส่งรายงานการประกอบกิจการแร่ รายงานการใช้วัตถุระเบิด และรายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ หน่ ว ยงานภาครั ฐ กำ�หนด เพราะบทลงโทษตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ค่อนข้างรุนแรง มีทั้งโทษปรับและโทษจำ�คุก “เชื่ อว่ า ผู้ ป ระกอบการเหมื อ งแร่ ไ ม่ มี ใ ครอยากทำ � ลาย สภาพแวดล้อม ไม่อยากมีปญ ั หากับชุมชนกับประชาชนโดยรอบ พื้ น ที่ เ หมื อ ง เพราะเมื่ อ เกิ ด ปั ญ หาย่ อ มส่ ง ผลกระทบที่ ไ ม่ ดี กลับมาสู่ผู้ประกอบการเหมืองแร่ และการทำ�เหมืองแร่ต่อไป ก็จะทำ�ได้ยาก เพราะจะถูกต่อต้านจากประชาชนโดยรอบอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้” คุณเข็มชาติ กล่าว

เสนอภาครัฐมีจดุ ให้บริการ One Stop Service ให้ธุรกิจเหมืองแร่ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สิ่งสำ�คัญที่สภาการเหมืองแร่พยายามเสนอ มาตลอด คือให้ภาครัฐมีจดุ ให้บริการเบ็ดเสร็จจุดเดียวทีเ่ รียกว่า One Stop Service สำ�หรั บ การยื่ น เรื่ อ งคำ�ขอต่ า งๆ ของ ผู้ ป ระกอบการเหมื อ งแร่ เนื่ อ งจากการยื่ น เรื่ อ งแต่ ล ะครั้ ง มี กระบวนการต่างๆ มากมายหลายขั้นตอน เพราะต้องผ่านการ พิจารณาจากหลายหน่วยงาน ทำ�ให้ธุรกิจเหมืองแร่สะดุด หาก มี One Stop Service ที่หน่วยงานต่างๆ เข้ามาพิจารณา ร่วมกันในการออกใบอนุญาต จะทำ�ให้กระบวนการการทำ�งานของ ผู้ประกอบการเหมืองแร่กับภาครัฐสะดวก รวดเร็ว คล่องตัว ยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำ�ให้ธุรกิจเหมืองแร่สามารถขับเคลื่อนไปได้


เผยผู้ประกอบการเหมืองแร่ ปรับตัวให้อยู่ร่วมกับสังคมและชุมชน

ปัจจุบัน ผู้ประกอบการเหมืองแร่พยายามปรับตัว เข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และประชาชนในบริเวณรอบๆ การประกอบกิจการแร่มากขึน้ เพือ่ สัมพันธภาพทีด่ ี สร้างมิตรภาพทีจ่ ริงใจให้เกิดขึน้ และ จริงจังในการแก้ไขปัญหา เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมของภาครัฐ เช่น โครงการเหมืองแร่สเี ขียว ของกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐาน และการเหมืองแร่, โครงการ EIA Mornitoring Award ของสำ�นักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล้อม, การจัดตัง้ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพชุมชนรอบ พื้นที่เหมืองแร่, กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมือง, การฟื้นฟูปรับปรุงพื้นที่เหมืองแร่เมื่อสิ้นสุดการทำ�เหมือง เป็นแหล่งน้ำ�สำ�หรับชุมชน เป็นต้น

ชี้อนาคตอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ไทย ตกที่นั่งลำ�บาก หากกฎหมายไม่เอื้อ ต่อการดำ�เนินธุรกิจอย่างแท้จริง

สำ�หรับทิศทางผู้ประกอบการเหมืองแร่ไทย ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า คุณเข็มชาติ มองว่า นับจากนี้ทิศทาง อุตสาหกรรมเหมืองแร่ไทยจะตกต่ำ� หาก พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ที่นำ�มาใช้กำ�กับดูแลผู้ประกอบการเหมืองแร่ไม่ได้ รับการปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามสถานการณ์แร่อย่าง แท้จริง โดยเฉพาะเรื่องขั้นตอนการขออนุญาตต่างๆ ที่มี ความยุง่ ยาก หลายขัน้ ตอน ใช้ระยะเวลาในการดำ�เนินการ นานเกิ น ไป ผู้ ป ระกอบการเหมื อ งแร่ ไ ด้ รั บ ผลกระทบ หลายด้าน อาจต้องปิดกิจการ ถึงแม้ผปู้ ระกอบการรุน่ ใหม่ จะพยายามปรับเปลีย่ นการประกอบกิจการให้ถกู ต้องตาม กฎหมาย ดูแลสภาพแวดล้อม ใส่ใจสุขภาพชุมชน ใช้ เครือ่ งจักรทีท่ นั สมัย เพือ่ ให้ชมุ ชนและเหมืองอยูร่ ว่ มกันได้ แต่ภาครัฐยังคงมองผู้ประกอบการในด้านลบ เชื่อว่าใน อนาคตผู้ประกอบการทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คงจะเหลือ ไม่กร่ี ายในประเทศ ซึง่ หากถึงเวลานัน้ จริงๆ ก็จะส่งผลกระทบ ต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะอุตสาหกรรมแร่เป็น อุตสาหกรรมต้นน้ำ� วัตถุดบิ ทีผ่ ลิตได้ในประเทศ เช่น หินยิปซัม และแร่อน่ื ๆ เมือ่ ไม่มใี นประเทศก็ตอ้ งนำ�เข้าจากต่างประเทศ ราคาก็จะแพงขึ้น ภาระต่างๆ ก็จะตกอยู่ที่ผู้บริโภค “ฝากถึงผูป้ ระกอบการเหมืองแร่ ควรจะตรวจขอบเขต เหมืองแร่ของตนเองทุกๆ 3 เดือน เพือ่ ตรวจสอบขอบเขต ประทานบัตรไม่ให้เกินพืน้ ที่ จ่ายค่าภาคหลวงให้ครบถ้วน หากพบจุดบกพร่อง ต้องรีบดำ�เนินการแก้ไขโดยทันที เพือ่ ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” คุณเข็มชาติ กล่าว

September-October 2018

17


CSR l

กองบรรณาธิการ

กพร. จับมือ สภาการเหมืองแร่

ดึงผูป้ ระกอบการเป็น Big Brother ในโครงการหมูบ่ า้ นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) โครงการหมูบ่ า้ นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) เป็นโครงการที่กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนภายใต้ยุทธศาสตร์ของชาติ โดยใช้ เทคโนโลยี นวัตกรรม Industry 4.0 และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้าง หมู่ บ้ า นแห่ ง ความสมดุ ล ที่ นำ�ทุ น ทางวั ฒนธรรม วิ ถี ชี วิ ต และอั ต ลั ก ษณ์ ชุ ม ชน มาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการของชุมชน เชื่อมโยงกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

น้อมนำ�ศาสตร์พระราชาเป็นปรัชญาในการขับเคลื่อน

แนวทางการขับเคลื่อนของโครงการ CIV ได้น้อมนำ�ศาสตร์พระราชา ในเรื่อง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการระเบิดจากข้างใน ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำ�รัสเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนสังคม ให้ประสบความสำ�เร็จ หมายถึง “ต้องมุ่งพัฒนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้คนและ ครอบครัวในชุมชนที่เข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมาสูส่ งั คมภายนอก” ผ่าน C ตัวแรก คือ Consensus ความคิดเห็น ร่ ว มกั น โดยให้ ช าวบ้ า นระเบิ ด ออกมาเอง ว่ า ต้ อ งการจะขั บ เคลื่ อ นด้ า นใดบ้ า ง โดยเริ่มจากกลุ่มวิสาหกิจ หรือกลุ่มแม่บ้านไม่กี่คนก็ได้ เพื่อให้ได้ผู้นำ�ที่เข้มแข็ง จากนั้นจึงมาหาอัตลักษณ์หรือเสน่ห์ของตัวเอง คือ I-Identity เพื่อนำ�ไปสู่การสร้าง การเพิ่มมูลค่า คือ V-Valuation โดยรวมเรียกว่า หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village) ซึ่งมีคำ�ย่อว่า CIV เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจได้โดยง่าย

กระทรวงอุตฯ ปิ๊งไอเดีย Big Brother สนับสนุนโครงการ CIV

นิรนั ดร์ ยิง่ มหิศรานนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ จัดทำ�โครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2559 ซึง่ ได้งบประมาณน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการจ้างทีป่ รึกษาภายใต้ กสอ. ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะราย ซึ่งไม่ตรงกับปรัชญาของรัฐมนตรีว่าการ 18

September-October 2018

นิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ รองอธิบดี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)

กระทรวงอุ ต สาหกรรมและรั ฐ มนตรี ช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทีต่ อ้ งการ ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน จึงเกิดแนวคิดใหม่ ที่จะขับเคลื่อนโดยไม่ใช้งบประมาณจาก ทางภาครัฐ ผ่านโครงการ Big Brother โดย ให้ทุกกรมที่สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม มีส่วนร่วมในโครงการ CIV เพื่อเฟ้นหา Big Brother กพร. ก็ เ ช่ น กั น ต้ อ งให้ ผู้ ป ระกอบการเหมื อ งแร่ เ ข้ า ร่ ว มเป็ น


Big Brother โดยสมัครใจ ในปีนี้มีเป้าหมายจังหวัดละ 1-2 หมู่บ้านที่มีศักยภาพและร่วมกับชุมชนเพื่อพัฒนาหมู่บ้านเป็น หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ “นอกจากการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนแล้ว ผู้ประกอบการ ต้องดูแลชุมชนผ่านโครงการ CSR ภายใต้นโยบาย จะไม่ทงิ้ ใคร ไว้ข้างหลัง เกิดเป็นโครงการ Big Brother ให้บริษัทใหญ่ๆ ที่ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และดูแล ชุมชน” นิรันดร์ กล่าว

กพร. ตั้งเป้าปี ’61 ขับเคลื่อนหมู่บา้ น CIV 7+1 หมู่บ้าน

ในส่วนของ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) คาดหวังว่าใน 1 จังหวัดทีม่ อี ตุ สาหกรรมเหมืองแร่นา่ จะมี ส่วนร่วมในการขับเคลื่อน Big Brother ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในทุกจังหวัด เช่น สำ�นักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และศูนย์ ภาคทั้งหลาย เพื่อร่วมขับเคลื่อนกับจังหวัด โดยปีนี้ กพร. มี โครงการ CIV รวม 7 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านวังหอน จังหวัด นครศรีธรรมราช หมู่บ้านหาดส้มแป้น จังหวัดระนอง ซึ่งเป็น ชุมชนเหมืองแร่เก่า หมู่บ้านเจริญสุข จังหวัดบุรีรัมย์ ย้อมผ้า สีสม้ มาจากดินภูเขาไฟ เรียกผ้าภูอคั นี หมูบ่ า้ นน้ำ�เกีย๋ น จังหวัด น่าน หมูบ่ า้ นต้นตาล จังหวัดสระบุรี หมูบ่ า้ นแม่แจ๋มและหมูบ่ า้ น แป้นใต้ จังหวัดลำ�ปาง ล่าสุด กพร. มีเป้าหมายที่จะช่วยอีกหมู่บ้าน คือ หมู่บ้าน เล่าเน้ง อำ�เภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นชุมชนชาวม้ง มีหัตถกรรมพื้นบ้านคือ ผ้าปักชาวม้ง ทำ�เป็นกระเป๋าผ้าปัก ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและปลูกหม่อน เลีย้ งไหม ทาง กพร. ได้พดู คุยพบว่าชาวบ้านใช้เวลาในการผลิต กระเป๋าผ้าปักนาน ทำ�ให้ผลิตไม่ทันความต้องการของตลาด จึงต้องการนำ�จักรอุตสาหกรรมมาทุ่นแรง ทางศูนย์ส่งเสริม อุตสาหกรรมภาคที่ 2 และสำ�นักงานอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ เขต 5 พิษณุโลก ได้พูดคุยเพื่อหาสเปค ที่เหมาะสมแล้วจะให้ Big Brother ซื้อให้ 2 ตัว โดยมีโจทย์วา่ ชาวบ้านต้องการใช้จริง และซ่อมจักรอุตสาหกรรมเป็น เพื่อ ใช้งานให้คมุ้ ค่าและยัง่ ยืน ถ้าโจทย์เสร็จภายในปีนี้ จะจัดหาจักร อุตสาหกรรมให้ชาวบ้านต่อไป

โดยภาพรวมหมู่ บ้ า นน้ำ� เกี๋ ย น ถื อ ว่ า มี ศั ก ยภาพมาก มีผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากสมุนไพร ยี่ห้อชีววิถี มีวัด มี ต้นใบหมี่ยักษ์อายุกว่า 100 ปี ในชุมชนหลายๆ จุดมีสถานที่ ท่องเที่ยว แต่ถนนหนทางยังไม่สะดวก ในเบื้องต้นต้องการหิน เพื่อปรับถมที่ จึงมอบหมายให้บริษัท ส. เต็งไตรรัตน์ (น่าน) จำ�กัด ซึง่ ดำ�เนินธุรกิจหินช่วยบริจาคหินและมีสว่ นร่วมในการทำ�ถนน “หมูบ่ ้านน้ำ�เกี๋ยน ได้รบั การขับเคลื่อนพิเศษร่วมกัน กพร. จึงให้บริษทั ส. เต็งไตรรัตน์ (น่าน) จำ�กัด ทำ�มากกว่าการบริจาค โดยให้บริษทั ส. เต็งไตรรัตน์ (น่าน) จำ�กัด ลงพืน้ ทีร่ ว่ มกับชุมชน มากกว่าเดิมในฐานะที่ปรึกษา โดยพัฒนาหมู่บ้านในภาพรวม ด้ ว ยความเห็ น ร่ ว มของชุ ม ชนให้ มี ก ารมั ด รวมกิ จ กรรม โดย ฝากโจทย์ ไ ป 1 เรื่ อ ง ให้ ขั บ เคลื่ อ นเพื่ อ ช่ ว ยบ้ า นหลั ง หนึ่ ง ซึง่ ต้องขับรถเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นบ้านของ 2 ลุง-ป้า ทำ�ข้าวแต๋น รสชาติอร่อย ให้บริษทั ส. เต็งไตรรัตน์ (น่าน) จำ�กัด ช่วยทำ�พืน้ ทีผ่ ลิตข้าวแต๋นให้ดสู ะอาดและให้หาวิธที ที่ �ำ ให้ทกุ คน ทีม่ าจังหวัดน่านจะต้องแวะมาทีบ่ า้ นลุง-ป้า นอกจากมากินข้าวแต๋น นั ก ท่ อ งเที่ ยวสามารถฝึ ก ทำ � เอง ทอดเองกิ น เอง ส่ ว นพื้ น ที่ 2-3 ไร่ ใกล้บ้านลุง-ป้า ให้ช่วยพัฒนาพื้นที่ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเพื่อเป็นจุด Check-in โดยสภาการ เหมืองแร่เข้าไปช่วย ส่วน กพร. จะมีทมี งานเข้าไปช่วยดูแลชุมชน ผ่านโครงการ CIV ด้วย” นิรันดร์ กล่าว

กพร. ชูหมูบ่ า้ นน้ำ�เกีย๋ น ขับเคลือ่ นโครงการผ่านสภาการเหมืองแร่

นิรันดร์ กล่าวว่า ในปีนี้ กพร. มอบหมายให้สภาการ เหมืองแร่ชว่ ยดูแลหมูบ่ า้ นน้ำ�เกีย๋ น ตำ�บลน้ำ�เกีย๋ น อำ�เภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งอยู่ห่างจากอำ�เภอเมืองเพียง 8 กิโลเมตร โดย ทีมที่ปรึกษาได้เข้าไปสำ�รวจเมื่อปีที่ผ่านมา เขียนโครงการเสร็จ เรี ย บร้ อ ยแล้ ว แต่ โ ครงการ CIV จะต้ อ งพั ฒนาต่ อ เนื่ อ ง มี สภาการเหมืองแร่ร่วมกับผู้ประกอบการในจังหวัดน่าน คือ บริษัท ส. เต็งไตรรัตน์ (น่าน) จำ�กัด พร้อมเป็น Big Brother September-October 2018

19


กพร. ชวนผู้ประกอบการสมัครเป็น Big Brother ผ่านสภาการเหมืองแร่

นิรันดร์ กล่าวว่า นอกจากหมู่บ้านน้ำ�เกี๋ยนที่ กพร. ต้องการ ชูโรงให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ได้เห็นภาพของโครงการ CIV โดย มอบหมายให้ ส ภาการเหมื อ งแร่ เ ข้ า มาดู แ ลแล้ ว ยั ง มี ห มู่ บ้ า นใน โครงการ CIV อีกหลายแห่งที่ต้องการให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ สมัครใจเข้ามาเป็น Big Brother เพื่อร่วมทำ� CSR อย่างแท้จริง กับกระทรวงอุตสาหกรรม สภาการเหมืองแร่ อุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เป็นพันธมิตรอีกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าจะทำ�ให้ธุรกิจ เหมืองแร่เป็นที่ยอมรับของชุมชน “ธุ ร กิ จ เหมื อ ง จะมี ค นทำ � งานด้ า นชุ ม ชนสั ม พั น ธ์ อ ยู่ แ ล้ ว คนเหล่านี้สามารถเข้ามาเป็น Big Brother ได้ โดยต้องลงพื้นที่ไป นัง่ คุยทำ�ความเข้าใจกับชาวบ้าน ร่วมรับฟังเอาปัญหามาคุยกัน มีความ ต้องการพัฒนาชุมชนตัวเองจริง มีความสามัคคี ทำ�แล้วได้ประโยชน์ จริง แล้วมาบอกเราว่าชุมชนต้องการพัฒนาเรือ่ งอะไรบ้าง มีเรือ่ งไหน ที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา เช่น ไม่มีที่ปรึกษาในการออกแบบ เราจะหาที่ปรึกษาลง และเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อน มั่นใจว่า ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทำ�ได้ เพราะชุมชนสัมพันธ์ของเหมืองเก่ง อยู่แล้ว โครงการนี้ ต้อง Follow ให้ชาวบ้านยืนได้ด้วยตัวเอง ใช้เวลา 3-5 ปี ถึงจะเห็นผล จากชุมชนที่มีรายได้น้อยเป็นมีรายได้เพียงพอ เป้าหมายถ้าทำ�สำ�เร็จ คือ ดึงลูกหลานให้มาทำ�แทนคนสูงอายุ ถ้า รายได้เศรษฐกิจชุมชนดี เชือ่ มัน่ ว่าลูกหลานต้องกลับมาทำ�งานทีบ่ า้ น แน่นอน” “เหมืองส่วนใหญ่เน้นบริจาค อยากให้เปลี่ยนรูปแบบการทำ� CSR แบบ Big Brother มากกว่าบริจาค โดยลงลึกและเป็น CSR ทีแ่ ท้จริง เพือ่ ให้ชมุ ชนกล่าวถึงเหมือง แล้วเหมืองจะเป็นทีย่ อมรับของ ชุมชน มีคุณค่าทางจิตใจ นอกจากนี้เกือบทุกเหมืองจะมีกองทุน พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน จึงสามารถใช้กองทุนพัฒนาชุมชน ให้คน ในท้องถิ่นบริหาร เราขอผู้ประกอบการที่พร้อมแบ่งลมหายใจให้ คนอืน่ โดยไม่จ�ำ เป็นต้องผูกพันหรือสร้างเงือ่ นไข ในหลายจังหวัดทีม่ ี เหมืองแร่ ถ้าทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าเราจะช่วยชุมชนจริงๆ น่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมเข้ามาขับเคลื่อนโครงการ ของรัฐ ที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นิรันดร์ กล่าว ท้ายนี้ขอเชิญผู้ประกอบการเหมืองแร่ที่พร้อมจะทำ� CSR ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม สมัครเข้ามาเป็น Big Brother โดยติดต่อมาที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และ สภาการเหมืองแร่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ CIV ร่วมกับ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สภาการเหมืองแร่ อุตสาหกรรมจังหวัด ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค และพันธมิตร อีกมากมาย ด้วยงบประมาณไม่มาก แต่ได้คุณค่าทางจิตใจ เพราะ ช่วยเหลือคนทัง้ ชุมชน ส่งผลให้โครงการ CIV กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นไปตามเป้าหมายทีว่ างไว้ และธุรกิจเหมืองแร่ได้การยอมรับจาก ชุมชนอย่างแท้จริง ฉบับหน้า มาทำ�ความรูจ้ กั โครงการหมูบ่ า้ นน้�ำ เกีย๋ น จังหวัดน่าน ชุมชนท่องเทีย่ วแห่งใหม่ อยูห่ า่ งจากอำ�เภอเมืองเพียง 8 กิโลเมตร 20

September-October 2018

ทำ�ความรู้จักหมู่บ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย ชุมชนต้นแบบ CIV

สำ�หรับชุมชนต้นแบบหมูบ่ า้ นอุตสาหกรรสร้างสรรค์ (CIV) ซึ่งเป็นตัวอย่างความสำ�เร็จของชุมชนที่เข้มแข็ง สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ได้แก่ หมู่บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย ปัจจุบัน โครงการ CIV ของจังหวัดต่างๆ จะพาไปดูงานทีน่ น่ั เพื่อรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนของ ผู้ นำ�ชุ ม ชนนำ�ไปสู่ ค วามสำ�เร็ จ โดยชุ ม ชนดั ง กล่ า วมี ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ผ้ า ทอ และชาวบ้ า นประกอบอาชี พ ทางการ เกษตร ได้มดั รวมกิจกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน จนเป็นชุมชน ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุโขทัย ที่ผ่านมา กระทรวง อุ ต สาหกรรม โดยกรมส่ ง เสริ ม อุ ต สาหกรรมได้ เ ข้ า ไป ขับเคลือ่ นผ่านศูนย์สง่ เสริมอุตสาหกรรมภาค ร่วมกับกลุม่ แม่บา้ นเพียง 1-2 คน ในการออกแบบลายผ้า ส่งเสริมการ ทำ�โฮมสเตย์ทถี่ กู หลัก ให้คำ�แนะนำ�พัฒนาสินค้า ด้วยความ เข้ ม แข็ ง ของชาวบ้ า น ประกอบกั บ ชาวบ้ า นพั ฒนาและ เติมเต็มความรู้ ใช้เวลา 10 ปีจนสำ�เร็จ ทุกวันนี้ ในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จะต้องจัดหาทีจ่ อดรถความยาวเป็นกิโลเมตร เพือ่ อำ�นวยความสะดวกแก่นกั ท่องเทีย่ ว ยอดขายผลิตภัณฑ์ ผ้าทอ จากเดิมปีละ 1 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มขึ้นปีละ ประมาณ 10 กว่าล้านบาท ส่วนโฮมสเตย์ จากเดิมมี ไม่กี่หลัง ปัจจุบันมีโฮมสเตย์ 30-40 หลัง และมีหมู่บ้าน ที่เข้าร่วมโครงการ 7-8 หมู่บ้าน โดยมีชาวบ้านในชุมชน ร่วมมือกันเกือบ 100% “ทำ � อย่ า งไรที่ จ ะทำ � ให้ ชุ ม ชนเข้ ม แข็ ง อย่ า งบ้ า น นาต้นจัน่ ให้ได้ ภาครัฐต่างๆ ทีเ่ ข้ามาก็ดี ถ้าตรงกับทีช่ มุ ชน ต้องการก็จะไปกันด้วยดี ถ้าไม่ตรงชุมชนก็ไม่เอา จะเห็น ได้วา่ ชุมชนเข้มแข็งมาก ภายใต้พนื้ ฐานทีต่ อ้ งร่วมกันพัฒนา คื อ ให้ บ้ า นน่ า อยู่ น่ า เที่ ย ว ให้ แ ต่ ล ะบ้ า นมี กิ จ กรรมที่ สร้างรายได้แล้วแบ่งรายได้กนั ช่วยกันบริหาร ความสำ�เร็จ ที่ เ กิ ด ขึ้ น เราไม่ ไ ด้ ทำ � ให้ ทั้ ง หมด เกิ ด จากชาวบ้ า นใน ชุมชนเอง” นิรันดร์ กล่าว


Report

l

กองบรรณาธิการ

เทคโนโลยีรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้และกากของเสีย

กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดศูนย์วิจัย

และพัฒนาเทคโนโลยีรี ไซเคิลภาครัฐแห่งแรกในไทย

ชูเป็นศูนย์ต้นแบบถ่ายทอดเทคโนโลยีรีไซเคิล และการจัดการมลพิษแบบครบวงจร

ระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐาน และการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีรไี ซเคิลแห่งแรกในประเทศไทย ทีอ่ ำ�เภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเป็นศูนย์ต้นแบบในการวิจัยและ พัฒนาเทคโนโลยีรไี ซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กบั ผูป้ ระกอบการ อย่างครบวงจร และถูกต้องตามหลักวิชาการ และเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม

เผยไทยมีขยะเฉลี่ยมากกว่า 50 ล้านตันต่อปี กพร. จึงจัดทำ� Urban Mining นำ�ขยะกลับมาใช้ ใหม่

ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง อุตสาหกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยกำ�ลังเผชิญกับปัญหาจัดการ ขยะทุกแบบในประเทศที่มีปริมาณเฉลี่ยกว่า 50 ล้านตันต่อปี เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ทใ่ี ช้แล้วทิง้ ปีละประมาณ 400,000 ตัน

และมีการนำ�มารีไซเคิลและยังเก็บไว้ที่บ้านกว่า 100,000 ตัน ที่เหลืออีกกว่า 300,000 ตัน นำ�ไปฝังและบำ�บัด ทั้งหมดนี้ แม้เป็นขยะอุตสาหกรรม แต่เป็นขยะชุมชนที่บ้านเรือนและ สถานประกอบการต่างๆ เป็นผู้ทิ้ง ส่วนพลาสติกมีการทิ้งปีละ ประมาณ 2 ล้านตัน จัดการบำ�บัดผ่านการนำ�กลับมาใช้ใหม่หรือ ผ่านกระบวนการรีไซเคิลประมาณปีละ 500,000 ตัน อีก 1.5 ล้านตัน กระจายไปที่ต่าง ๆ เช่น ตามแม่น้ำ�ลำ�คลองหรือนำ�ไป ฝั ง กลบ เผา เป็ น ต้ น ซึ่ ง หากกระทรวงอุ ต สาหกรรมและ หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องมีระบบบริหารจัดการทีม่ ปี ระสิทธิภาพและ ครบวงจรบูรณาการทำ�งานร่วมกับสังคม ชุมชน ภาครัฐ และ เอกชน ตั้งแต่กิจกรรมการแนะนำ�ชาวบ้านให้มีความรู้เรื่องขยะ กระบวนการที่ก่อให้เกิดขยะ กระบวนการคัดแยก การจัดเก็บ รวบรวม การขนส่ง การบำ�บัด การกำ�จัด และการนำ�มารีไซเคิล จะทำ�ให้ขยะกลับมามีมูลค่าใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง

September-October 2018

21


ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรม โดย กพร. ได้ดำ�เนิน โครงการต่อเนื่องเพื่อนำ�ขยะหรือของเสียทั้งจากภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผลพลอยได้ (หรือ By-products) จากกระบวนการผลิต กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ หรือที่เรียกกัน ในหลายประเทศว่า “การทำ�เหมืองแร่ในเมือง (Urban Mining)” เพือ่ เป็นแหล่งทรัพยากรทดแทนให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ลดการ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ ลดการเกิดขยะและปัญหามลพิษต่อ สิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเมือง อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การขับเคลื่อนสู่ Zero Waste Society และ Circular Economy

ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

กพร.จัดสร้าง “ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรี ไซเคิล” แห่งแรกในประเทศไทย

กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กพร. จึงมีแนวคิดจัดสร้าง “ศู น ย์ วิ จั ย และพั ฒ นาเทคโนโลยี รี ไ ซเคิ ล ” แห่ ง แรกใน ประเทศไทย ขึ้นที่อำ�เภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการก่อสร้าง รวมทั้งหา เครื่องจักรที่จำ�เป็นในการใช้งานภายในศูนย์วิจัยฯ โดยเป็น ของคนไทยกว่า 90% และอีกประมาณ 10% เป็นเครื่องจักร จากต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รีไซเคิลต้นแบบทีเ่ ป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม และเป็นส่วนหนึง่ ของ “ศูนย์ปฏิรปู อุตสาหกรรมสูอ่ นาคต” (Industry Transformation Center: ITC) ด้านเทคโนโลยีรีไซเคิลและนวัตกรรมวัตถุดิบ

วิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)

พิธีเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลภาครัฐแห่งแรกในไทย 22

September-October 2018


ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเน้นให้บริการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยี รี ไ ซเคิ ล ที่ เ ป็ น มิ ต รกั บ สิ่ ง แวดล้ อ ม ทั้ ง ระดั บ ห้ อ ง ปฏิบตั กิ าร (Lab Scale) และระดับโรงงานต้นแบบ (Pilot Scale) การสกั ด โลหะมี ค่าที่หายาก ด้วยเทคโนโลยีที่ทัน สมั ย เช่ น เทคโนโลยีรไี ซเคิลทองคำ� เงินและทองแดงบริสทุ ธิจ์ าก E-waste, การหลอมทองคำ�บริสุทธิ์จาก E-waste, เทคโนโลยีรีไซเคิล ส่วนประกอบทีไ่ ม่ใช่โลหะจากซาก PCBs, การถลุงทองแดง เป็นต้น รวมทัง้ ฝึกอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารถ่ายทอดเทคโนโลยีทงั้ ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อผลักดันเทคโนโลยี และนวัตกรรมสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ สร้างผู้ประกอบการ ที่ มี ก ระบวนการรี ไ ซเคิ ล ที่ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและเป็ น มิ ต รกั บ สิ่งแวดล้อม โดยจะเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการรีไซเคิลศึกษา เรียนรูก้ ระบวนการรีไซเคิลและการจัดการมลพิษทีเ่ กิดขึน้ อย่าง ครบวงจร ถูกต้องตามหลักวิชาการ และเป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม เพื่อเป็นอีกหนึ่งกลไกในการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะและ มลพิษของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ เศรษฐกิ จ หมุ น เวี ย น หรื อ Circular Economy ที่ มี ก ารใช้ ทรัพยากรอย่างคุม้ ค่าและเกิดประโยชน์สงู สุดอย่างเป็นรูปธรรม

ผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีรี ไซเคิล สู่การผลิตในเชิงพาณิชย์

วิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและ การเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รีไซเคิลของรัฐแห่งแรกของประเทศ พร้อมเปิดให้บริการสำ�หรับ ผู้ประกอบการภาครัฐและเอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมทำ�การวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลภายในศูนย์วิจัยฯ แห่งนี้ ทั้งใน ระดับห้องปฏิบัติการ และขยายผลไปสู่โรงงานต้นแบบ เพื่อ ผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีรไี ซเคิลสูก่ ารผลิตในเชิงพาณิชย์ รวมทัง้ เป็นต้นแบบให้ผปู้ ระกอบการได้ศกึ ษาเรียนรูก้ ระบวนการ รี ไ ซเคิ ล และการจั ด การมลพิ ษ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ตามหลั ก วิ ช าการ สามารถรองรับการฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีรีไซเคิลให้แก่ ผูป้ ระกอบการทัง้ ในศูนย์วจิ ยั ฯ และโรงงานต้นแบบได้ไม่นอ้ ยกว่า 200 รายต่อปี ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ ที่ ส นใจ โดยตั้ ง เป้ า หมายให้ วั สดุ เ หลื อใช้ แ ละกากของเสียที่ เกิดขึน้ ในประเทศไทยเฉลีย่ 50 ล้านตันต่อปี ให้กลายเป็นแหล่ง วัตถุดบิ ด้านแร่ โลหะ และพลังงานทดแทนทีส่ ำ�คัญของประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสียต่างๆ ที่จะเข้ามาใช้รีไซเคิล

September-October 2018

23


ภายในศูนย์วิจัยฯ แห่งนี้ประมาณ 200-250 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ไขปัญหาการจัดการขยะของประเทศด้วย “ปัจจุบัน กพร. มีเทคโนโลยีรีไซเคิลขยะหรือของเสีย ทั้งจากภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม รวม 79 ชนิด โดย 49 ชนิด ได้พฒ ั นาเป็นเทคโนโลยีรไี ซเคิลต้นแบบของ กพร. ซึ่ ง ผ่ า นการพิ สู จ น์ ค วามเป็ น ไปได้ ท างเทคโนโลยี แ ล้ ว และ มีศักยภาพในการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งภาคทฤษฎีและภาค ปฏิบัติให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการผลักดันให้ขยะหรือ ของเสียกลายเป็นแหล่งทรัพยากรทดแทนของภาคอุตสาหกรรม ได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังเช่นในประเทศที่พัฒนาแล้ว และมี เป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีรไี ซเคิลขยะหรือของเสียไม่นอ้ ย กว่ า 8 ชนิ ด ต่ อ ปี ” อธิ บ ดี ก รมอุ ต สาหกรรมพื้ น ฐานและ การเหมืองแร่ (กพร.) กล่าว สำ�หรับค่าใช้จา่ ยในการคิดค่าบริการกับผูป้ ระกอบการนัน้ ในช่วงการให้บริการ 2-3 เดือนแรกจะไม่คิดค่าบริการ ส่วนใน อนาคตต้องดูรายละเอียดการคิดค่าบริการตามสัดส่วนทีแ่ ท้จริง ของราคาผลิตภัณฑ์แร่โลหะที่รีไซเคิลหรือของเสียต่างๆ ว่าใน ตลาดการซือ้ ขายมีราคาเท่าไร เพือ่ กพร. จะได้ตงั้ ราคาค่าบริการ ได้ตามจริงและจะประกาศให้ทราบต่อไป

ดร.สมชาย หาญหิรัญ ชมนิทรรศการภายในศูนย์ ITC

เอสซีจี ซิเมนต์ จับมือ กพร. พัฒนาคุณภาพกลุ่มแร่หินปูนให้มีมูลค่าสูงขึ้น

โดยเบื้องต้น ผู้ประกอบการจากบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำ�กัด ได้ลงนามความร่วมมือด้านการวิจยั และพัฒนานวัตกรรม วัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรมระยะที่ 1 กับ กพร. เพื่อร่วมกันศึกษา พัฒนาคุณภาพกลุม่ แร่หนิ ปูนให้มมี ลู ค่าสูงขึน้ สามารถนำ�ไปเป็น วั ต ถุ ดิ บ คุ ณ ภาพสู ง ในอุ ต สาหกรรมยานยนต์ อุ ต สาหกรรม อาหาร อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมเครือ่ งมือแพทย์ และ จะมีการพัฒนาแร่อีก 3 ชนิด ได้แก่ แร่ยิปซัม จะพัฒนาเพื่อ นำ�ไปในใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร แร่บอลเคลย์ จะพั ฒนาเป็ นวั ต ถุ ดิ บ คุ ณ ภาพสู ง สำ�หรั บ อุ ต สาหกรรมผลิ ต พอลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ และแร่ไดอะตอมไมต์ จะพัฒนาเป็น วัตถุดิบคุณภาพสูงสำ�หรับอุตสาหกรรมเซรามิก “นวัตกรรมและเทคโนโลยีสามารถเปลีย่ นขยะหรือของเสีย ให้กลายเป็นแหล่งทรัพยากรทดแทนที่สำ�คัญ เพื่อรองรับการ พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคตของประเทศได้ โดย เฉพาะกลุ่ ม โลหะมี ค่ า โลหะหายาก และโลหะพื้ น ฐานที่ ประเทศไทยมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติจำ�กัด เช่น ทองคำ� เงิน แพลทินัม แพลเลเดียม โรเดียม นีโอดีเมียม ลิเทียม ทองแดง อะลูมิเนียม เป็นต้น” วิษณุ กล่าวทิ้งท้าย

แร่โดโลไมต์

แร่แบไรท์ 24

September-October 2018


Report

l

กองบรรณาธิการ

กพร. ร่วมกับ เอสซีจี ซิเมนต์

วิจัยและพัฒนานวัตกรรมวัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรม เพิ่มมูลค่าทรัพยากรแร่ให้สูงขึ้น

>> วิษณุ ทับเที่ยง (ขวา) อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และ ศาณิต เกษสุวรรณ Total Integrated Solution and Service Director เอสซีจี ซิเมนต์ ลงนามความร่วมมือวิจัยและพัฒนานวัตกรรมวัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรม

กรม

อุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุ ต สาหกรรม และบริ ษั ท เอสซี จี ซิเมนต์ จำ�กัด ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมวัตถุดบิ เพือ่ อุตสาหกรรม มุง่ ต่อยอด เพิ่มมูลค่าทรัพยากรแร่ให้สูงขึ้น ดร.สมชาย หาญหิรญ ั รัฐมนตรีชว่ ยว่าการกระทรวง อุตสาหกรรม เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนาม ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมวัตถุดิบ เพือ่ อุตสาหกรรม ระหว่างกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและ การเหมืองแร่ (กพร.) โดย วิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรม อุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กับ บริษทั เอสซีจี ซิเมนต์ จำ�กัด โดย ศาณิต เกษสุวรรณ Total Integrated Solution and Service Director เพื่ อ สนับสนุนความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม วัตถุดบิ เพือ่ อุตสาหกรรม ณ ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาเทคโนโลยี รีไซเคิล กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ อำ�เภอ พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

วิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า พิธลี งนามความร่วมมือ ในวันนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อน “ประเทศไทย 4.0” ที่มุ่งหวังผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จากภาคการผลิ ต ที่ เ น้ น การใช้ แ รงงานสู่ เ ศรษฐกิ จ ที่ ขับเคลือ่ นบนฐานของความรูจ้ ากนวัตกรรมทีส่ ร้างมูลค่าเพิม่ และนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมทีเ่ น้นการบูรณาการ การทำ�งานร่วมกับทุกภาคส่วนทีเ่ กีย่ วข้อง กรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ จึงส่งเสริมใหผู้ประกอบการ อุ ต สาหกรรมเหมื อ งแร่ ไ ด้ นำ�นวั ต กรรมมาใช้ ใ นการ ปรับปรุงพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ ให้มีมูลค่าสูงขึ้น “ความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งแร่ ของบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำ�กัด ที่มีอยู่ให้มีมูลค่าสูงขึ้น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านวัตถุดิบของ อุตสาหกรรมศักยภาพของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยใน ระยะที่ 1 จะเป็นการศึกษาพัฒนาคุณภาพกลุ่มแร่หินปูน

September-October 2018

25


ให้มมี ลู ค่าสูงขึน้ เพือ่ ให้สามารถนำ�ไปเป็นวัตถุดบิ คุณภาพ สู ง ในอุ ต สาหกรรมยานยนต์ อุ ต สาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมเครือ่ งมือแพทย์” อธิบดี กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าว สำ�หรับความร่วมมือในครัง้ นี้ นอกจากการพัฒนาแร่ หินปูนแล้ว จะมีการพัฒนาแร่อีก 3 ชนิด ได้แก่ แร่ยิปซัม พัฒนาเพื่อนำ�ไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร แร่ บ อลเคลย์ พั ฒ นาเป็ นวั ต ถุ ดิ บ คุ ณ ภาพสู ง สำ�หรั บ อุ ต สาหกรรมผลิ ต โพลิ เ มอร์ แ ละเคมี ภั ณ ฑ์ และแร่ ไดอะตอมไมต์ พัฒนาเป็นวัต ถุดิบคุณภาพสู ง สำ�หรับ อุตสาหกรรมเซรามิก ทั้งนี้ การนำ�นวัตกรรมมาใช้ในการ เพิ่ ม มู ล ค่ า แร่ จะก่ อ ให้ เ กิ ด ประโยชน์ ด้ า นความมั่ น คง ทางวัตถุดิบของประเทศอีกทางหนึ่ง ศาณิต เกษสุวรรณ Total Integrated Solution and Service Director บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำ�กัด กล่าวว่า เอสซีจี โดยบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำ�กัด เป็น ผู้ประกอบการเหมืองแร่ ผลิตแร่หินปูนและวัตถุดิบอื่นๆ สำ�หรับใช้ในการดำ�เนินธุรกิจ ได้เล็งเห็นว่า ทรัพยากรแร่ บางส่วนทีบ่ ริษทั สามารถผลิตได้ มีคณ ุ ภาพและคุณสมบัติ เพียงพอทีจ่ ะนำ�ไปพัฒนาต่อยอดสำ�หรับใช้ในอุตสาหกรรม อืน่ ๆ นอกเหนือจากการผลิตปูนซีเมนต์ได้ เช่น อุตสาหกรรม พลาสติก อุตสาหกรรมอาหารและยา เอสซีจีจึงมีความ ตั้ ง ใจที่ จ ะศึ ก ษาและพั ฒ นาทรั พ ยากรแร่ อ ย่ า งจริ ง จั ง เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรแร่ อย่างสูงสุด จึงได้ร่วมมือกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน

และการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม วิจยั และพัฒนา นวัตกรรมวัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรม โดยแผนระยะแรก จะร่ ว มกั น พั ฒ นาแร่ หิ น ปู น ให้ มี คุ ณ สมบั ติ เ หมาะสม ต่ อ การนำ�ไปใช้ ใ นอุ ต สาหกรรมผลิ ต ชิ้ น ส่ ว นยานยนต์ และอุตสาหกรรมอาหารและยา รวมถึงพัฒนาศักยภาพ บุ ค ลากรของทั้ ง สองหน่ ว ยงานให้ มี ค วามรู้ แ ละความ เชี่ ย วชาญ เพื่ อ ให้ ส ามารถพั ฒ นาและเพิ่ ม มู ล ค่ า ของ ทรัพยากรแร่ให้สูงสุด สำ�หรับแผนระยะแรก จะร่วมกันพัฒนาแร่หินปูน ให้มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการนำ�ไปใช้ในอุตสาหกรรม ผลิ ต ชิ้ น ส่ ว นยานยนต์ แ ละอุ ต สาหกรรมอาหารและยา พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน ให้มคี วามรูแ้ ละความเชีย่ วชาญ เพือ่ ให้สามารถพัฒนาและ เพิม่ มูลค่าของทรัพยากรแร่ให้สงู สุด ส่วน แผนระยะต่อไป จะมีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการซื้อเครื่องจักร หรือซื้อเครื่องมือที่จำ�เป็น พร้อมทั้งหาผู้เชี่ยวชาญจาก ต่ า งประเทศเข้ า มาสนั บ สนุ น ร่ ว มทำ�งานเสริ ม กลยุ ท ธ์ ความรู้ความแข็งแกร่งภายในศูนย์ ITC แห่งนี้ “เอสซีจี ซิเมนต์ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำ�คัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาทรัพยากรแร่อย่างยั่งยืน รวมถึงช่วย ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ทัดเทียมกับ นานาประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่าง มั่นคงต่อไป” ศาณิต กล่าว

>> ดร.สมชาย หาญหิรัญ (ยืนกลาง) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือฯ

26

September-October 2018


เหมืองแร่สีเขียว l

กองบรรณาธิการ

ดร.สมชาย หาญหิรัญ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

วิษณุ ทับเที่ยง

อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ (กพร.)

พิธีมอบรางวัล

Green Mining Award 2018

ยกระดับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของไทย สู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน

ระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐาน และการเหมืองแร่ (กพร.) จัดพิธมี อบรางวัล Green Mining Award 2018 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ของไทยมุง่ สูอ่ ตุ สาหกรรมสีเขียวอย่างยัง่ ยืน แก่สถานประกอบการ เหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานที่ผ่านเกณฑ์ประเมินจาก ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในปี พ.ศ. 2561 นี้ มีสถานประกอบการรายใหม่จำ�นวน 27 ราย ที่ผ่านเกณฑ์ และได้รับโล่รางวัลเหมืองแร่สีเขียวจากรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรม และมีผผู้ า่ นเกณฑ์การรักษามาตรฐาน เหมื อ งแร่ สี เ ขี ย วสำ�หรั บ สถานประกอบการเดิ ม ที่ มี ก าร ดำ�เนินการอย่างต่อเนือ่ งจำ�นวน 101 ราย ได้รบั ประกาศนียบัตร จากอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)

กพร. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้มาตรฐานเหมืองแร่สีเขียว ยกระดับธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-รับผิดชอบต่อสังคม ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง อุ ต สาหกรรม กล่ า วว่ า อุ ต สาหกรรมเหมื อ งแร่ เป็ น หนึ่ ง อุ ต สาหกรรมที่ มี ค วามสำ�คั ญ ต่ อ ระบบเศรษฐกิ จ ในฐานะ

อุตสาหกรรมต้นน้ำ�ที่ผลิตวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ ทัง้ นีก้ ารประกอบ ธุ ร กิ จ เหมื อ งแร่ อ าจก่ อ ให้ เ กิ ด การเปลี่ ย นแปลงต่ อ การใช้ ประโยชน์พื้นที่และสิ่งแวดล้อม จึงต้องมีการบริหารจัดการ ที่ ดี เพื่ อ ให้ ก ารใช้ ป ระโยชน์ จ ากทรั พ ยากรแร่ มี ค วามคุ้ ม ค่ า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่ส่งผลกระทบ ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมหรือส่งผลกระทบน้อยที่สุด กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ ส่ ง เสริ ม ให้ ส ถานประกอบการใช้ ม าตรฐานเหมื อ งแร่ สี เ ขี ยว เป็นเครื่องมือในการพัฒนาและยกระดับการประกอบธุรกิจที่ เป็นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นทีย่ อมรับ และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างราบรื่น ก่อให้เกิดการ พัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และประเทศอย่างยั่งยืน ทั้ ง นี้ ก ระทรวงอุ ต สาหกรรมได้ รั บ ความร่ ว มมื อ จาก สภาการเหมืองแร่ และสมาชิกสภาการเหมืองแร่ ที่ให้ความ ช่วยเหลือชุมชน SME โดยรับเป็นพี่เลี้ยง (Big Brother) ให้กับ ชุมชนเล็กๆ ในชนบทหลายชุมชน เพือ่ พัฒนาพืน้ ทีใ่ ห้เกิดความ ยั่งยืน เช่น หมู่บ้านเจริญสุข จังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ของจังหวัด

September-October 2018

27


ลำ�ปางและนครศรีธรรมราชซึง่ เป็นทีต่ งั้ ของโรงปูน ทีจ่ งั หวัดน่าน โดยบริษทั ส. เต็งไตรรัตน์ (น่าน) จำ�กัด ภายใต้การประสานงาน ของเลขาธิการสภาการเหมืองแร่ ในการให้ความสำ�คัญกับชุมชน พร้อมพัฒนาบนแนวคิด “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อบอก ให้สังคมรับรู้ว่า นโยบายเรื่องการพัฒนา การให้โอกาส ทำ�ให้มี ศักยภาพในพื้นที่ ช่วยให้ผลผลิตเจริญเติบโต

เผยรางวัล Green Mining Award จัดต่อเนื่อง 9 ปี มีสถานประกอบการผ่านเกณฑ์รวมทั้งสิ้น 219 ราย วิษณุ ทับเทีย่ ง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการ เหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปี ทีผ่ า่ นมา ตัง้ แต่ ปี พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบนั กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการ เหมืองแร่ (กพร.) ได้จดั กิจกรรมมอบรางวัล Green Mining Award แก่สถานประกอบการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานที่ ผ่านเกณฑ์ประเมินจากผูเ้ ชีย่ วชาญและหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องทัง้ จาก กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล้อม ร่วมพิจารณาคัดเลือกสถานประกอบการรวมทั้งสิ้น 219 ราย ตามนโยบายเหมืองแร่สีเขียว 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) การดำ�เนินกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสิง่ แวดล้อม ชุมชน และสังคม 2) ลด ป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม 3) ดูแลความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของคนงานและ ชุมชนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง 4) มีพื้นที่สีเขียวและทัศนียภาพ เรียบร้อยสะอาดตา 5) โปร่งใสตรวจสอบได้ และ 6) มีการใช้ ทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ของไทยให้มกี ารประกอบกิจการทีเ่ ป็นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม มีความ รับผิดชอบต่อชุมชน สังคมอย่างผาสุก รวมทั้งพัฒนาต่อยอด สู่อุตสาหกรรมสีเขียว หรือมาตรฐานอื่นๆ ในระดับที่สูงขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของสังคมมากยิ่งขึ้นต่อไป

ผู้บริหารถ่ายภาพร่วมกัน

28

September-October 2018

สำ�หรับในปี พ.ศ. 2561 นี้ มีสถานประกอบการรายใหม่ จำ�นวน 27 ราย ที่ผ่านเกณฑ์และรับโล่รางวัลเหมืองแร่สีเขียว จากรัฐมนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และมีผผู้ า่ นเกณฑ์ การรักษามาตรฐานเหมืองแร่สีเขียวสำ�หรับสถานประกอบการ เดิมที่มีการดำ�เนินการอย่างต่อเนื่องจำ�นวน 101 ราย ได้รับ ประกาศนี ย บั ต รจากอธิ บ ดี ก รมอุ ต สาหกรรมพื้ น ฐานและ การเหมืองแร่

แนะสถานประกอบการยกระดับขึ้นทุกปี พร้อมส่งเสริมให้ทำ� CSR อย่างต่อเนื่อง รศ. ดร.พิษณุ บุญนวล นายกสมาคมวิศวกรเหมืองแร่ไทย กล่ า วว่ า สถานประกอบการเหมื อ งแร่ ที่ เ ข้ า ร่ ว มโครงการ เหมืองแร่สีเขียว (Green Mining) นั้น แม้จะเคยได้รับรางวัล จากโครงการนี้ไปแล้วหรือเพิ่งเข้าร่วมโครงการ ควรตระหนัก และให้ความสำ�คัญกับการดำ�เนินธุรกิจเพือ่ พัฒนาต่อยอดยกระดับ สถานประกอบการของตนเองให้มีระดับที่ดีขึ้นในทุกๆ ปี ตาม หลักเกณฑ์การให้คะแนนของเจ้าหน้าที่ และควรเปิดโอกาสให้ ชุมชนและสังคมมีสว่ นร่วมมากทีส่ ดุ โดยเฉพาะด้านการมีความ รับผิดชอบต่อสิง่ แวดล้อมและสังคมเป็นทีต่ งั้ ซึง่ จะมีเจ้าหน้าที่ ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบจะมีคะแนนให้สถานประกอบการนั้นๆ สูงสุด 20 คะแนน โดยผูป้ ระกอบการเหมืองแร่จะต้องประกอบการ เหมืองแร่ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ควบคุม ผลกระทบให้ อยู่ ใ นระดั บ ที่ ย อมรั บ ได้ ต้ อ งรั บ ผิ ด ชอบต่ อ ความเสี ย หายที่ เกิดขึ้นเมื่อการประกอบธุรกิจเหมืองแร่ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อสิง่ แวดล้อมและชุมชนในระดับทีร่ นุ แรง และเกิดการร้องเรียน โดยจะต้องชดเชยความเสียหายให้กับผู้ได้รับผลกระทบอย่าง เหมาะสมและเป็นธรรม และดำ�เนินการแก้ไขและปรับปรุง สภาพแวดล้อมให้อยูใ่ นสภาพดีโดยเร็ว พร้อมกันนีจ้ ะส่งเสริมให้


ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทำ� Corporate Social Responsibility (CSR) หรือความรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม ซึง่ หากทำ� CSR ต่ อ เนื่ อ งจะได้ รั บ คะแนนเป็ น พิ เ ศษจากเจ้ า หน้ า ที่ ที่ ล งพื้ น ที่ ตรวจสอบอีกด้วย นอกจากนี้ ค วรมี ร ะบบการจั ด การที่ ไ ด้ ม าตรฐาน มี คะแนนให้ สู ง สุ ด 20 คะแนน ซึ่ ง จะต้ อ งลงมื อ ปฏิ บั ติ ต าม มาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่ทาง ราชการกำ�หนดอย่างเคร่งครัดและครบถ้วน มีระบบตรวจสอบ และเฝ้ า ระวั ง คุ ณ ภาพสิ่ ง แวดล้ อ มที่ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ และมี การศึกษาและนำ�เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ปรับปรุงระบบกำ�จัด มลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น แก๊ส ควัน ฝุ่นโลหะหนัก ผลกระทบทางน้ำ� ทั้งตะกอนแขวนลอย น้ำ�ขุ่นข้น น้ำ�ปนเปื้อน โลหะหนัก ตรวจค่า pH ในน้ำ�สม่ำ�เสมอ มลพิษทางเสียงและ แรงสัน่ สะเทือนจากการระเบิดเหมือง จากรถบรรทุกวิง่ เข้า-ออก พื้นที่เพื่อนำ�ส่งวัตถุดิบจากเหมืองแร่ โดยมีนโยบายสนับสนุน กิจกรรมคุณภาพต่างๆ เช่น 5 ส ISO 9000 ISO 14000 และ Clean Technology (CT) เพื่อควบคุมและป้องกันผลกระทบ จากการทำ�เหมืองแร่ทั้งภายในและภายนอก

แนะมีพื้นที่สีเขียวและทัศนียภาพสะอาดตา ภายในบริเวณเหมือง ต่อมาเป็น การดูแลความปลอดภัยและสุขภาพอนามัย ของคนงานและชุมชนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง มีคะแนนประเมิน สูงสุด 15 คะแนน ซึง่ การทำ�เหมืองแร่ของผูป้ ระกอบการเหมืองแร่ ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยและดูแลสุขภาพอนามัยที่ได้ มาตรฐาน มี ก ารประกอบการเหมื อ งแร่ ที่ ถู ก ต้ อ งตามหลั ก

วิชาการที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคนงานเหมืองและประชาชน ทั่วไป มีระบบตรวจสอบและควบคุมมลพิษไม่ให้แพร่กระจาย ออกสู่ภายนอกเหมืองแร่ มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดปริมาณ คาร์บอนมอนอกไซด์ ระบบฉุกเฉินแจ้งเตือนภัย ซักซ้อมและ แจ้งเวลาการระเบิดเหมืองให้รับทราบโดยทั่วกัน และที่สำ�คัญ ควรมีการจัดแพทย์ตรวจสุขภาพให้คนที่ทำ�งานภายในเหมือง และชุมชนโดยรอบอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ควร มีพื้นที่สีเขียว และทัศนียภาพเรียบร้อยสะอาดตาภายในบริเวณทำ�เหมืองแร่ อย่างเหมาะสม มีคะแนนให้ 25 คะแนนหากเหมืองแร่ใด สามารถทำ�ได้ ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ แ ล้ ว ผู้ ป ระกอบการเหมืองแร่จะ ทำ�การฟื้นฟูควบคู่ไปกับการทำ�เหมืองอยู่แล้วตามกระบวนการ ปรับปรุงพืน้ ทีภ่ มู ทิ ศั น์ทงั้ บริเวณสำ�นักงาน เส้นทางการขนส่งแร่ ปลูกต้นไม้สเี ขียวไว้ปอ้ งกันฝุน่ ป้องกันผลกระทบทางสิง่ แวดล้อม ต่างๆ ปลูกหญ้าแฝกยึดหน้าดินไม่ให้ถล่ม ปรับปรุงทัศนียภาพ ให้สวยงาม สร้างพื้นที่สีเขียวและสร้างสมดุลของระบบนิเวศ เพื่อลดสภาวะโลกร้อนที่กำ�ลังคุกคามโลกในปัจจุบัน นอกจากนี้ ผู้ ป ระกอบการจะต้ อ งตั้ ง กองทุ น ฟื้ น ฟู โ ดย จัดสรรจากกำ�ไรที่ได้จากการพัฒนาทรัพยากรแร่ เพื่อเป็นหลัก ประกันในการฟื้นฟูพื้นที่หลังจากประทานบัตรหมดอายุแล้ว พร้ อ ม เผยแพร่ ข้ อ มู ล ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การทำ�เหมื อ งแร่ ใ ห้ สาธารณชนรับทราบ เพือ่ ความโปร่งใสตรวจสอบได้ จากบุคคล ภายนอกและเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบได้ตลอดเวลา เช่น การ ติดป้ายแสดงขอบเขตเหมือง และการประชาสัมพันธ์ขอ้ มูลด้าน สิ่งแวดล้อม เป็นต้น หากทำ�ได้ครบจะมีคะแนนให้ 10 คะแนน และการใช้ทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่า มีคะแนนให้ 10 คะแนน โดยการประกอบธุรกิจเหมืองแร่จะต้องนำ�ทรัพยากรแร่มาใช้

ผู้บริหารถ่ายภาพร่วมกัน

September-October 2018

29


ดร.อรรณุวัฒน์ วัฒนวรรณ ผู้เชี่ยวชาญส�ำนักบริหาร สิ่งแวดล้อม กพร.

รศ. ดร.พิษณุ บุญนวล

นายกสมาคมวิศวกรเหมืองแร่ ไทย

ประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุด ศึกษาหาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ ทรัพยากรแร่ ตลอดจนศึกษาหาวิธนี ำ�ของเสียจากขบวนการผลิต มาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า โดยส่งเสริมให้มีการจัดทำ� 3 Rs (Reduce Reuse Recycle) เพื่อสร้างความตระหนักในการใช้ ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เหมืองแร่จะพัฒนาสู่อุตสาหกรรมสีเขียว จะต้องมองการทำ�งานให้ครบทุกมิติ

ดร.อรรณุวัฒน์ วัฒนวรรณ ผู้เชี่ยวชาญสำ�นักบริหาร สิ่ ง แวดล้ อ ม กรมอุ ต สาหกรรมพื้ น ฐานและการเหมื อ งแร่ (กพร.) กล่าวว่า การประกอบกิจการอุตสาหกรรมเหมืองแร่กับ การพัฒนาสู่อุตสาหกรรมสีเขียวให้ประสบความสำ�เร็จอย่าง ต่อเนือ่ งนัน้ อย่างน้อยผูป้ ระกอบการเหมืองแร่มคี วามตระหนัก รับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กรของแต่ละ สถานประกอบการอย่างเคร่งครัด มองให้ครบทุกมิตใิ นการทำ�งาน เช่น ระดับ 1 ควรมีความมุ่งมั่นในการสร้างกำ�หนดนโยบาย ด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร (Green Communication) ให้แต่ละส่วนงานรับทราบหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ เพื่อลดการใช้ ทรัพยากรที่ไม่จำ�เป็น ร่วมกันปกป้องและร่วมกันหาแนวทาง ฟืน้ ฟูธรรมชาติ ภาครัฐ ภาคเอกชน ต้องมีการร่วมมือกันระหว่าง การทำ�งานที่ทำ�ให้เกิดความยั่งยืน ระดับที่ 2 ปฏิบัติการทาง สิ่งแวดล้อม (Green Activity) ต้องมีคีย์เวิร์ดสำ�คัญที่ร่วมกัน ตัง้ เป้าหมายแล้วหาขัน้ ตอนให้บรรลุเป้าหมาย มีผรู้ บั ผิดชอบงาน ในแต่ละส่วนชัดเจน เช่น เรื่องการลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุน ค่าใช้จา่ ยทีไ่ ม่จำ�เป็น กำ�หนดกรอบเวลาแล้วนำ�ไปปฏิบตั จิ ริงเพือ่ ให้เกิดประสิทธิผล ระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green System) มีการนำ�กรอบแนวคิดและการทำ�งานในระดับที่ 1-2 มาบูรณาการ ทำ�งานอย่างสม่ำ�เสมอ ติดตามผลและรายงานผลที่เกิดขึ้นของ

30

September-October 2018

ปิยวัฒน์ เอกธัญวงศ์

วิศวกรเหมืองแร่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย (ทุ่งสง) จ�ำกัด

แต่ ล ะส่ ว นงานแก่ หั ว หน้ า ที่ รั บ ผิ ด ชอบเพื่ อ ประเมิ น ผลการ ทำ�งานด้านสิ่งแวดล้อม ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) ควรสร้างวัฒนธรรมองค์กรและสร้างความรับผิดชอบ ต่ อ สั ง คม เคารพหลั ก นิ ติ ธ รรม ยอมรั บ ในมาตรฐานสากล ที่จำ�เป็น รับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมบริหารงานหรือให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาอบรมช่วยเหลือให้ความรู้แก่ภายใน องค์กร เช่น การทำ� ISO สำ�คัญและเกีย่ วข้อง ได้แก่ ISO 9000 มาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ เป็นมาตรฐานระบบการ บริหารงานขององค์กร ซึ่งมุ่งเน้นด้านคุณภาพ, ISO 14000 มาตรฐานระบบการจัดการสิง่ แวดล้อม, ISO 18000 ระบบการ จัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย, ISO 26000 มาตรฐาน ความรับผิดชอบต่อสังคม, ISO 31000 มาตรฐานการบริหาร ความเสี่ยง, ISO 50001 มาตรฐานการบริหารจัดการด้าน พลังงาน เพือ่ ให้กระบวนการทำ�งานด้านสิง่ แวดล้อมมีผลกระทบ น้อยที่สุดและพร้อมรายงานผลต่อสาธารณชน และ ระดับที่ 5 เครื อ ข่ า ยสี เ ขี ย ว (Green Network) ส่ ง เสริ ม สร้า งและ สานสัมพันธ์เพื่อสร้างวัฒนธรรมด้านสิ่งแวดล้อมและความ รับผิดชอบต่อสังคมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย “ในระดับที่ 4 และระดับที่ 5 นีท้ างส่วนราชการทีเ่ กีย่ วข้อง จะทำ�หน้าทีเ่ ป็นผูป้ ระเมินและให้ค�ำ แนะนำ�ตามข้อกำ�หนดต่างๆ แก่ ส ถานประกอบการ ทั้ ง การสั ม ภาษณ์ ก ารทำ � งานด้ า น


พิธีมอบโล่แก่สถานประกอบการรายใหม่ที่ ได้รับรางวัล Green Mining Award 2018

สิ่งแวดล้อม มีกลไกและวิธีอะไรบ้างที่ทำ� สุ่มตรวจเอกสาร เป็นต้น เพื่อให้การทำ�งานประสบความสำ�เร็จเชื่อมโยงเป็น เครือข่ายทำ�งานร่วมกันอย่างยั่งยืนและสถานประกอบการที่ได้ ผลการประเมินที่ดีในระดับต่างๆ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้แก่สถาน ประกอบการที่ยังไม่ผ่านการประเมินในระดับต่างๆ ในทาง ปฏิบัติให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน” ดร.อรรณุวัฒน์ กล่าว

SCG มีแผนฟื้นฟูพื้นที่เหมืองแร่อย่างเป็นรูปธรรม รับฟังความคิดเห็นของชุมชน-อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ปิยวัฒน์ เอกธัญวงศ์ วิศวกรเหมืองแร่ บริษทั ปูนซิเมนต์ ไทย (ทุ่งสง) จำ�กัด กล่าวว่า SCG ได้ดำ�เนินธุรกิจและปฏิบัติ ตามข้อกำ�หนดและกฎหมายในการทำ�เหมืองแร่แบบอนุรักษ์ และฟืน้ ฟู ควบคูไ่ ปกับการอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคุมและลด Emission ให้ดีกว่ากฎหมายกำ�หนด อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นการใช้พลังงานและเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตแร่ การทำ�เหมืองแร่ ลดการใช้ของเสียทั้งในและนอกกระบวนการ ผลิตตามหลัก 3R ควบคุมระบบหมุนเวียนน้ำ�ทีใ่ ช้ในกระบวนการ ผลิตและใช้ทรัพยากรน้ำ�อย่างคุม้ ค่า โดยติดตัง้ สเปรย์นำ�้ อัตโนมัติ ล้างรถเข้า-ออกพื้นที่หน้างาน บนสายพานกระบวนการทำ�งาน

ฉีดน้ำ�พรมน้ำ�ก่อนและหลังระเบิดเหมืองเพื่อลดฝุ่นละออง จัดสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการตามมาตรฐานตามหลัก Green Procurement ติ ด ตั้ ง กรวยบอกทิ ศ ทางลมเพื่ อ ช่ ว ยในการ คำ�นวณทิศทางลมระหว่างการทำ�งาน ติดตั้งสัญลักษณ์พื้นที่ อันตรายด้วยสัญลักษณ์ธงสีแดง กระบวนการขนส่งสินค้าจาก โรงงานไปสู่ลูกค้าทุกกระบวนการขนส่งต้องมีมาตรฐาน สินค้า ไม่ตกหล่นตามถนน ท่าเรือ กลางทะเล และชุมชน รวมทั้ง สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในรถขนส่งแทนน้ำ�มันเชือ้ เพลิง ที่มีราคาแพง โดยมีสถานีบริการก๊าซ NGV ภายในสถานที่ ประกอบการให้บริการรถขนส่งทั้งในและนอกสังกัด มี GPS ตรวจสอบการขนส่งรถทุกคัน พร้อมทั้งพัฒนาคู่ค้าให้รู้วิธีการ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และสร้าง เครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน “ที่สำ�คัญคือ มีแผนการฟื้นฟูพื้นที่เหมืองแร่ในแต่ละจุด อย่างเป็นรูปธรรม รับฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยรอบใน ทุกๆ ปี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำ�งานให้เกิดการอยู่ร่วมกัน อย่างสงบสุข และจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลือ่ นทีต่ รวจสุขภาพ คนในองค์กรและคนในชุมชนอย่างสม่ำ�เสมอ 2-3 ครั้งต่อปี” ปิยวัฒน์ กล่าว

สถานประกอบการรายใหม่ที่ ได้รับรางวัล Green Mining Award 2018 ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

September-October 2018

31


สถานประกอบการรายเดิมที่ผ่านเกณฑ์การรักษามาตรฐานเหมืองแร่สีเขียวร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

สถานประกอบการรายใหม่ที่ ได้รับรางวัล Green Mining Award 2018 มี 27 ราย ประกอบด้วย • รางวัลเหมืองแร่สีเขียว ประเภทเหมืองแร่ มี 11 ราย 1. บริษัท สุวลี จำ�กัด 2. บริษัท เชียงราย เอส.เอส.พี จำ�กัด 3. ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด ศิริเฟลด์สปาร์ 4. บริษัท เหมืองแร่บุญญวัชร จำ�กัด 5. บริษัท เหมืองแร่ลิวง จำ�กัด 6. ห้างหุน้ ส่วนจำ�กัด พลัดแอกอุตสาหกรรมเหมืองแร่ 7. บริษัท โรงโม่หินสุวรรณ จำ�กัด 8. บริษัท พี.เอส.อุตสาหกรรมโม่หิน จำ�กัด 9. บริษัท พี.เอส.อุตสาหกรรมโม่หิน จำ�กัด 10. บริษัท แร่สัมพันธ์ จำ�กัด 11. บริษัท ส.เขมราฐอินดัสตรี้ จำ�กัด • รางวัลเหมืองแร่สีเขียว ประเภทโรงโม่ บด หรือ ย่อยหิน มี 12 ราย 1. ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด ศิลากำ�แพงเพชร 2. บริษัท โรงโม่หินทวีสิน จำ�กัด

3. บริษัท สุวลี จำ�กัด 4. บริษัท ธารรัก จำ�กัด 5. ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด สินทรัพย์คีรี 6. บริษัท เอส.สโตน จำ�กัด 7. ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด โรงโม่ตรังภูทอง 8. ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด รัตนพงษ์ลำ�ปาง 9. บริษัท เหมืองแร่ลิวง จำ�กัด 10. บริษทั ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำ�กัด จังหวัดสระบุรี 11. บริษัท พี.เอส.อุตสาหกรรมโม่หิน จำ�กัด 12. บริษัท ส.เขมราฐอินดัสตรี้ จำ�กัด •รางวัลเหมืองแร่สีเขียว ประเภทโรงแต่งแร่ มี 4 ราย 1. บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิปซั่ม จำ�กัด (มหาชน) 2. บริษัท ร็อคซ เวิลด์ อินดัสทรี้ จำ�กัด 3. บริษัท เอ็มซีเอสไมนิ่ง อินดัสทรี จำ�กัด 4. บริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ปส์ จำ�กัด (มหาชน)

พิธีมอบประกาศนียบัตรแก่สถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์การรักษามาตรฐาน เหมืองแร่สีเขียวส�ำหรับสถานประกอบการรายเดิมที่มีการด�ำเนินการอย่างต่อเนื่อง 32

September-October 2018


เรื่องเล่าจากชาวเหมือง l

เรือ

รุ่งศักดิ์ อินทร์สิงห์

นักวิ่งลมกรด

ขุดแร่ของบริษัท เอเชียสแตนนั่ม จำ�กัด ลอยลำ� ขุดแร่กลางทะเลอันดามันนอกชายฝั่งหาดบางเทา อำ�เภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ครั้งนั้นเมื่อหลายปีมาแล้ว... ภายหลังจากที่สมยศ ได้ใช้ชีวิตหลังจบมหาวิทยาลัย เตร็ดเตร่เร่ร่อนทำ�เหมืองทำ�แร่ บนบก อยู่ในป่าเขาลำ�เนาไพรเสียนานหลายปี และบังเอิญ โชคชะตาก็ มี อั น ผั น ผวน จั บ พลั ด จั บ พลู ใ ห้ ต้ อ งมาตะลอน ลงทะเลทำ�เหมื อ งเรื อ ขุ ด ที่ บ ริ ษั ท แห่ ง นี้ ซึ่ ง ก็ ทำ�ให้ ไ ด้ ประสบการณ์ ชี วิ ต ที่ แ ปลกแหวกแนว ฉี ก ไปอี ก รู ป แบบหนึ่ ง อย่างไม่เคยเจอะเจอมาก่อน ท้องทะเลยามรุง่ อรุณดูชา่ งงดงามตระการตา ดวงอาทิตย์ จับขอบฟ้าสาดส่องแสงเงินแสงทอง ส่งประกายมะลังเมลือง แพรวพราวงามผ่องทัว่ ท้องนภา ทะเลไม่เคยหลับใหล เคลือ่ นไหว ถ่ายเทขึ้นลงตามธรรมชาติชั่วกัปกัลป์ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล มองไปทางไหนเห็นแต่ท้องน้ำ�สีเขียวครามกว้างใหญ่สุดสายตา ลมทะเลพัดผ่านผิวน้ำ�เป็นระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ซัดสาด ลำ�เรื อ ดั ง ซู่ ซ่ า ครางครื น เป็ น ระยะไม่ ห ยุ ด หย่ อ น ก้ อ นเมฆ ขาวโพลนลอยละล่องตัดพืน้ ฟ้าสีน้ำ�เงิน มองดูเหมือนฉากละคร โรงใหญ่ ฝูงปลาหลากสีตา่ งพันธุแ์ หวกว่ายเวียนว่ายไปมาข้างลำ�เรือ ดูสวยงาม หมู่วิหคโผผินบินว่อนถลาเล่นลมอย่างอิสระเสรี ไร้ขอบเขตพรมแดนของท้องฟ้ากว้างไกล อา... บรรยากาศเกาะภู เ ก็ ต ยามนี้ ช่ า งงดงามยิ่ ง นั ก สมกับคำ�กล่าวอ้างร่ำ�ลือในเสน่ห์มนต์ขลัง ว่าเป็น “ไข่มุก แห่งทะเลอันดามัน” อย่างแท้จริง ทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งทะเลไทยนั้น เป็นทรัพยากร พื้นฐานในการช่วยกอบกู้เศรษฐกิจของชาติอย่างมาก คือแหล่ง แร่ดบี กุ อันอุดมสมบูรณ์ของชายฝัง่ ทะเลอันดามัน โดยมีเกาะภูเก็ต เป็นจุดเริม่ ต้นของตำ�นานเหมืองเรือขุดในทะเล... ทำ�การผลิตแร่ โดยเรือขุดขนาดใหญ่เป็นแห่งแรกของโลก ลั ก ษณะธรณีวิท ยาการเกิดแหล่งแร่ดีบุก ในทะเลก็ คื อ แร่ดีบุกที่เกิดเป็นสายแร่ในหินแกรนิตยุคครีเทเชียส ซึ่งเป็นหิน ต้นกำ�เนิดแร่ วางตัวเป็นแนวเทือกเขาสูงยาวพาดผ่านตั้งแต่ เหนือจรดใต้ทางซีกตะวันตกของประเทศ ได้ถูกกระบวนการ ทางธรรมชาติกัดกร่อน ชะล้างทำ�ลายเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

หลายล้านปี จนผุพังทลายหลุดออกจากสายแร่เดิม แร่ดีบุก เป็ นแร่ ที่ ห นั ก จึ ง เคลื่ อนตั ว ไหลลงสู่ ที่ ต่ำ�แอ่ ง กระทะซึ่ง เป็น ท้องทะเลมหาสมุทร พร้อมกรวดหินดินทรายสะสมตัวกันเป็น “กระสะแร่” อยู่ลึกใต้ก้นทะเล โดยมีดินทรายพื้นทะเลปิดทับไว้ ฝั่งทะเลอันดามันแถวภูเก็ต พังงา จะมีเพชรเกิดปะปนในแหล่ง ดีบุกด้วย แหล่งแร่ดีบุกในอดีตทั้งบนบกและทะเลมีอยู่ในจังหวัด ทีส่ ำ�คัญทางภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง สงขลา และ ยะลา เป็นต้น การทำ�เหมืองเรือขุดเป็นการทำ�เหมืองแร่ดีบุกที่ลงทุน สู ง มาก แต่ ค่ า ใช้ จ่ า ยในการทำ�เหมื อ งต่ อ ปริ ม าณดิ น หิ น กรวดทรายที่ขุดได้ตำ�่ กว่าวิธีการทำ�เหมืองวิธีอื่น เป็นวิธีการ ทำ�เหมืองทีเ่ หมาะสมกับแหล่งแร่ขนาดใหญ่ มีบริเวณกว้างขวาง ชั้นกระสะแร่ควรอยู่ในระดับน้ำ�ทะเลลึกปานกลาง สมยศ... เป็ นวิ ศ วกรเหมื อ งแร่ เรื อ ขุ ด แร่ ที่ ทำ�อยู่ นั้ น เป็นแบบตัดดูด (Cutter Suction Dredge) ที่หัวดูดจะมีหัวตัด ตีกวนแร่หินดินทรายให้ฟุ้งกระจาย แล้วหัวดูดก็จะทำ�การสูบ ด้วยเครือ่ งสูบทรายขึน้ เรือ ระบบเครือ่ งยนต์บนเรือจะเป็นระบบ เครือ่ งยนต์ดเี ซลไฟฟ้า ผสมผสานกับระบบขับเคลือ่ นไฮดรอลิก เครื่องยนต์ดีเซลจะขับเคลื่อนเครื่องปั่นไฟ เครื่องสูบน้ำ�และ เครื่องสูบทราย สำ�หรับเครื่องระบบไฮดรอลิกใช้ควบคุมระบบ เครื่องแยกแร่ ขับเคลื่อนหัวตัด ตะแกรงหมุน ยกท่อดูดขึ้นลง และระบบสวิงที่ใช้ในการบังคับขับเคลื่อนเรือ เครือ่ งจักรกลในเรือขุดจะทำ�งานส่งเสียงดังกระหึม่ กึกก้อง สลับกับเสียงดังของกรวดหินดินทรายที่ไหลกระทบปะทะเหล็ก ตะแกรงหมุนเพื่อคัดหินใหญ่ออก เรือจะค่อยๆ สูบแร่จากพื้น ก้นทะเลเข้าไปล้างในเครื่องแยกแร่ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ พร้ อ มกั บ ทิ้ ง มู ล ดิ น ทรายไหลออกท้ า ยเรื อ สี ขุ่ น คลั่ ก ทั บ ถม บริ เ วณที่ ถู ก ขุ ด ตามหลั ง ไปด้ ว ย ทำ�ให้ พื้ น ทะเลถู ก กลบใน สภาพเดิม ไม่เป็นหลุมบ่อ การทีจ่ ะรูว้ า่ จุดบริเวณทีก่ ำ�ลังขุดแร่มแี ร่ดหี รือไม่ สมบูรณ์ มากน้อยอย่างไรนัน้ ให้สงั เกตมูลดินทรายทีไ่ หลออกท้ายเรือ ถ้า September-October 2018

33


มีสดี ำ�คล้ำ�เป็นดินโคลนแสดงว่าเป็นเปลือกดินไม่มแี ร่ แต่ถา้ เป็น สีเหลืองขี้เป็ดหรือขาวเทา และมีกรวดหินปนมาก แสดงว่าแร่ดี เนื่องจากเป็นลักษณะของกระสะแร่ที่มาสะสมตัวกันนั่นเอง ชาวเหมื อ ง... ผู้ ที่ อุ ทิ ศ แรงกายแรงใจขุ ด ค้ น แสวงหา ทรัพยากรธรรมชาตินำ�มาใช้ประโยชน์สร้างความเจริญนานา ประการต่ อ มวลมนุ ษ ย์ ไม่ ว่ า แร่ จ ะซ่ อ นเร้ น อยู่ แ ห่ ง หนใด บนภูเขาสูง บนบก ธารน้ำ�ลำ�ห้วย ใต้พื้นดิน หรือแม้แต่ใน ทะเลลึก ฯลฯ ก็ไม่ทำ�ให้พวกเหมืองหวาดหวั่นท้อถอยที่จะ ขุดคุ้ยค้นหาได้พบจนได้ ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์อันเป็นยอด ปรารถนาสิง่ เดียวคือแร่... “ทัง้ ใต้ดนิ บนดินถิน่ ของเรา หนักก็เอา เบาก็สู้บูชาธรรม” คือคำ�ขวัญของชาวเหมืองแร่ การทำ�งานบนเรือขุดแร่กับผู้คนมากหน้าหลายตา ก็ย่อม มีอปุ สรรคปัญหาบ้างเป็นธรรมดา การทำ�งานให้มปี ระสิทธิภาพ นั้ น ผู้ ร่ ว มงานนอกจากจะมี ฝี มื อ ความรู้ ค วามสามารถแล้ ว ต้องรู้กฎกติกา มีระเบียบวินัย รักษากฎข้อบังคับของบริษัท โดยเคร่งครัด งานจึงจะก้าวหน้าราบรื่นไปด้วยดี แน่ละ ...เมื่อ เข้มงวดกันมากๆ คนที่เข้าใจรู้เรื่องกฎระเบียบ เมื่อทำ�ผิดก็พอ จะพูดคุยว่ากล่าวตักเตือนกันได้ แต่กับบางคนหัวหมอซื่อบื้อ ที่มือไม่พายชอบเอาเท้าราน้ำ� ทำ�ตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ไม่ ยอมรับรูร้ ะเบียบแบบแผนอะไรทัง้ นัน้ เมือ่ ถูกลงโทษก็ผกู ใจเจ็บ อาฆาตมาดร้ายเสียอีก เล่นเอาอารมณ์เสียปวดเศียรเวียนเกล้า เหมือนกัน เหมื อ นกั บ เรื่ อ งเซอร์ ไ พร์ ส ที่ ส มยศเผชิ ญ มาแล้ ว เหตุการณ์ประหลาดคาดไม่ถงึ ในครัง้ นัน้ เล่นเอาสมยศถึงกับ ทึ่งตะลึงงัน... ด้วยไม่เคยพบเจอเรื่องพิลึกกึกกือเช่นนี้มาก่อน ในชีวิต! วันนั้นเป็นวันแรงงาน ...ในทุกๆ ปี บริษัทจะหยุดงาน เพื่อถือโอกาสจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันขึ้น งานเลี้ยงเริ่มตั้งแต่ กลางวัน แรกเริ่มก็ดูสนุกสนานครึกครื้นกันดีอยู่หรอก พอ ตกเย็นเข้าต่างคนต่างชักเมา สมยศเองก็เพียบแปล้ด้วยฤทธิ์ แอลกอฮอล์ ครึ้มอกครึ้มใจที่วันนี้เป็นวันของพวกเขา ก็วัน กรรมกร ....วันของนักรบแรงงานผู้ยิ่งใหญ่ ยังไงล่ะครับ ขณะทีส่ มยศกำ�ลังพูดคุยเรือ่ งสัพเพเหระ สรวลเสเฮฮากับ พรรคพวกลูกน้องอยู่นั้น พลันไอ้น้อยก็เดินโซซัดโซเซ แอ่นหน้า แอ่นหลังแถมาที่โต๊ะ ยืนมองหน้าสมยศพร้อมกับพูดอ้อแอ้ เสียงยานด้วยความเมา “นายช่าง ขอท้าอะไรหน่อย อยากรู้ว่าจะแน่แค่ไหน” ทันทีที่มันพูดจบ ในวงเงียบกริบด้วยความงงงวย คนเขา กำ�ลังคุยกันสนุกอยู่ดีๆ มีคนเมาทะลุกลางปล้องมาหาเรื่อง พู ด จาท้ า ทาย ทำ�ให้ บ รรยากาศเสี ย หมด เหตุ ก ารณ์ ทำ�ท่ า ไม่ค่อยดี สมยศเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที “ท้าอะไร คุณจะชกกับผมหรือไง” สมยศโพล่งสวนขึ้น 34

September-October 2018

“เปล่า...ไม่ได้ทา้ ชก ผมจะท้านายช่างวิง่ แข่ง นายช่างทำ�ให้ ผมอับอายได้ ผมอยากให้นายช่างได้อายบ้าง” พูดแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันมีเรื่องคับข้องขุ่นเคืองอะไร ไอ้น้อย มั น มี ค วามแค้ น ที่ ฝั ง แน่ น ในใจอยู่ กั บ สมยศ เพราะเคยตั ด เงินเดือนมัน ก็มนั ชอบกินเหล้าเมาค้างแล้วมาแอบหลับในเวลา ทำ�งานอยู่ บ่ อ ยๆ พอหลายครั้ ง เข้ า สมยศก็ เ ลยเรี ย กมั น มา ว่ากล่าวตักเตือน แต่มันตะแบงเอาสีข้างเข้าถู เถียงข้างๆ คูๆ ไม่ยอมรับผิด สมยศเลยตัดเงินเดือนและภาคทัณฑ์คาดโทษ ไว้ว่า ถ้าไม่ปรับปรุงประพฤติตัวให้ดีข้ึน เขาอาจพักงานหรือ เอามันออก คำ�สั่งประกาศลงโทษนี้เป็นที่ทราบโดยทั่วไป มัน มีความรู้สึกว่าถูกประจานเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี ทำ�ให้อับอาย เพื่อนฝูง จึงอาฆาตผูกใจเจ็บ อยากทำ�อะไรแก้แค้นให้สมยศได้ ขายขี้หน้าบ้าง แต่มันตลกพิลึกตรงที่ว่า อยากจะแก้แค้นล้างอายด้วย การท้าสมยศวิง่ แข่ง มันเป็นเรือ่ งราวคนละประเด็นไม่เกีย่ วกัน เลย มีปัญหาคาใจเรื่องงาน ดันมาขอล้างแค้นแก้เผ็ดเรื่องอื่น อีกอย่าง มันยังไงกัน ...หรือว่ามันเมาจนเพี้ยนไม่อยู่กับร่อง กับรอยแล้ว “ผมว่าเมาแล้วกลับไปนัง่ ดีกว่า ข้องใจอะไรไว้คยุ กันทีหลัง งานเขากำ�ลังสนุกกัน” สมยศพูดตัดบทไม่อยากต่อปากต่อคำ� ด้วย ขืนไม่เชือ่ ฟังเดีย๋ วได้เสียแน่ สมยศชักเดือดขึน้ มาเหมือนกัน “กลับไปนั่งโต๊ะคุณ...ไป๊” โดนสมยศไล่ตะเพิดต่อหน้าธารกำ�นัลคนเยอะแยะ ไอ้นอ้ ย ยิง่ อายใหญ่ ยืนนิง่ เงียบงันอยูค่ รู่ ไม่พดู ไม่จาอะไร จากนัน้ ก็เดิน สะเปะสะปะกลับไปที่โต๊ะด้วยความโมโห นั่งจ้องมาที่สมยศ ด้วยสายตาแค้นเคือง หลังจากที่ไอ้น้อยเดินกลับไป พรรคพวก ลูกน้องในวงเริ่มรวนจะเอาเรื่อง โดยเฉพาะไอ้ต๋องมีอารมณ์ เป็นเดือดเป็นแค้นแทนสมยศออกนอกหน้ากว่าใครอื่น “นายช่าง ถ้าไม่คิดว่าวันนี้เป็นวันสังสรรค์รื่นเริงละก้อ ผมได้ตะบันหน้ากับมันแน่ ทำ�ผิดไม่ยอมรับผิด เดี๋ยวได้ซวย ตายชักหรอก...” ไอ้ต๋องสบถด้วยความโมโห ด้วยมันรู้ต้นสายปลายเหตุ เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดนี้ดี “ช่างมันเถอะ.... มันยอมกลับไปนั่งโต๊ะมันแล้ว” สมยศว่า พร้อมกับพยายามข่มใจระงับอารมณ์ให้เป็นปกติไว้ พลางบอก ไอ้ต๋องให้ใจเย็นๆ อย่าวู่วาม เพราะไม่อยากมีเรื่องกันในงาน สมยศพู ด กลบเกลื่ อนบอกไอ้ ต๋ องไปว่า คนกินเหล้ าก็ อย่างนีแ้ หละ มักจะขาดสติ ก็ตอ้ งมีพดู จากระทบกระทัง่ กันบ้าง ตามธรรมดา อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา ทัง้ ทีใ่ จจริงส่วนลึกแล้ว เขาก็อยากกระทืบไอ้น้อยเต็มทีเหมือนกัน ไอ้ตอ๋ งมันบอกสมยศว่า ตัวมันเองกับไอ้นอ้ ยเคยเรียนร่วม โรงเรียนเดียวกันมา เมือ่ สมัยเด็กๆ ไอ้นอ้ ยเคยเป็นนักวิง่ มาก่อน


ชื่อเสียงลือกระฉ่อนของโรงเรียน เรียกว่าในสมัยนั้นไม่มีใครวิ่ง เที ย บชั้ น สู้ มั น ได้ มั น เองกั บ ไอ้ น้ อ ยเป็ น ไม้ เ บื่ อ ไม้ เ มากั น มา เคยมีเรื่องซัดปากกันก็หลายครั้ง จนไม่อยากสุงสิงตอแยกัน “มันมาตื๊อท้าผมวิ่งแข่งนี่ มันมีแผนอุบายอะไรซ่อนเร้น หรือเปล่า” สมยศถามด้วยความคลางแคลงสงสัย “ไม่ มี อ ะไรหรอก มั น ถื อ ว่ า มั น เก่ ง นายช่ า งอย่ า ไป หลวมตัวรับคำ�ท้ามันเชียวนะ เห็นมันเมาๆ อย่างนั้นน่ะ กิน มันยาก จะขายหน้าเสียฟอร์มเปล่าๆ” ไอ้ต๋องพูดเตือนสมยศ พร้อมกับบอกกล่าวกิตติศัพท์ของไอ้น้อยว่า “สมัยก่อน...มันมี ฉายามนุษย์ลมกรดเลยเชียวละ” สมยศเองเรื่องพะบู๊ก็พอเป็น สมัยก่อนเมื่อเด็กเคยขึ้น ชกมวยงานวัดก็หลายครั้ง แต่เพราะมีการศึกษา มีตำ�แหน่ง หน้าที่การงาน อายุอานามก็มากแล้ว การที่จะลดชั้นไปฟัด กับลูกน้องมันไม่สมควรเหมาะสม ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลก กับเกลือ ถ้าไม่หนักหนา หลีกเลี่ยงได้ก็อยากหลีก นอกจาก ตบะแตกทนไม่ไหวจริงๆ ในการทำ�งาน สิ่งที่ควรตระหนักคือเรื่องของ “คน” กูรู ทางด้านการบริหารบุคคลได้ให้ข้อคิดไว้ว่า... ระบบดีคนดี ก็ดีแน่ ระบบแย่คนดีก็ดีอยู่ ระบบดีคนแย่แย่น่าดู สุดอดสู ระบบแย่ แย่ทั้งคน จะเห็นได้วา่ “คน” เป็นทรัพยากรบุคคลทีส่ ำ�คัญอย่างยิง่ ต่อองค์กร ต่อให้ระบบดีอย่างไร ถ้าคนไม่ดีซะอย่าง อย่าหวัง เลยว่าองค์กรนั้นจะดีได้ สมยศนัง่ ดวดเหล้ากับพรรคพวกได้พกั ใหญ่ ลืมเหตุการณ์ เมื่ อ กี้ นี้ ไ ปสนิ ท ใจ พลั น ไอ้ น้ อ ยก็ โ ผล่ พ รวดมาที่ โ ต๊ ะ อี ก ครั้ ง กวาดสายตามองรอบโต๊ะ พร้อมกับพูดตอกย้ำ�ท้าทายขึ้นว่า “นายช่าง ผมขอท้าวิ่งแข่ง ถ้านายช่างไม่สู้ผม ใครก็ได้ ในโต๊ะนี้ที่คิดว่าแน่ อยากจะแข่งวิ่งกับผม...เชิญเลย” ทันทีที่ไอ้น้อยพูดจบ... เหมือนกับเอาน้ำ�มันไปราดบน กองไฟ ทีน้ีแหละวงเริ่มแตกชักจะคุมกันไม่อยู่แล้ว บรรยากาศ ที่กำ�ลังสนุกกันเมื่อครู่ชะงักงันลงอีกครั้ง เหตุการณ์ตึงเครียด ไม่สู้ดีนัก สมยศกำ�หมัดแน่นโกรธจนตัวสั่น กำ�ลังยับยั้งชั่งใจ นับหนึ่งถึงสิบ ว่าจะซัดหน้ามันสักเปรี้ยงดีไหม อารมณ์ยัวะ ร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง “ผมขอวิง่ แข่งกับมันเอง...นายช่าง” ไอ้ตอ๋ งหันขวับมาบอก สมยศ ตัดสินใจรับคำ�ท้าปุบปับทันทีทันใด “ไอ้นอ้ ย มา...มึงมาวิง่ แข่งกับกู กูจะสอนวิธกี ารวิง่ ให้มงึ แพ้ อย่างยับเยินทีส่ ดุ มึงจะต้องจดจำ�สไตล์การวิง่ ของกูครัง้ นีไ้ ปจน ชั่วชีวิต” ยังไม่ทันที่สมยศจะเอ่ยปากพูดว่าอะไร ไอ้ต๋องลุกเดิน เข้ า ไปหาพรรคพวกในวงที่ นั่ ง ร่ ว มโต๊ ะ เอามื อ ป้ อ งปากพู ด กระซิบกระซาบลักษณะคล้ายวางแผนอะไรบางอย่าง จากนั้น พรรคพวกก็รีบขมีขมันจัดเตรียมสถานที่การแข่งขัน หลังจาก

ช่วยกันมะรุมมะตุ้มเคลียร์สถานที่กันเรียบร้อยแล้ว ไอ้ต๋อง กระโดดวอร์มย๊อกแย๊กยืดเส้นยืดสาย ทำ�หน้าลอกแลกเหมือน ลิงหลอกเจ้า กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งโชยคลุ้ง ยืนจะล้มมิล้มแหล่ สมยศอดแปลกใจไอ้ตอ๋ งไม่ได้ จูๆ่ ก็เกิดนึกฟิตกระเหีย้ นกระหือรือ อยากประลองฝีเท้าเสียเต็มประดา... เกิดอะไรของมันวะนี่ “เฮ้ ย ช่ ว ยเชี ย ร์ กั นดั ง ๆ นะโว้ ย กู จ ะโชว์ ที เ ด็ด ล้มช้า ง โค่นแชมป์ให้ดูเป็นขวัญตา ฮ่ะ...ฮ่า” ฝ่ายกองเชียร์ก็เริ่มคึกคักตามประสาคนขี้เมา แต่ละคน ทำ�กรุ้ ม กริ่ ม อมยิ้ ม เหมื อ นมี ค วามมั่ น ใจในตั ว ไอ้ ต๋ อ งเสี ย เหลือเกินก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น ไอ้ต๋องชะเง้อหันมองมาที่ สมยศ พร้อมกับพูดปรัชญาตามสไตล์คนเมาว่า “นายช่าง...ปรัชญาของนักรบที่ยิ่งใหญ่คือการเอาชนะ โดยไม่ตอ้ งรบ และปรัชญาการวิง่ ของนักกรีฑาจำ�เป็นอย่างผม ก็คือ...วิ่งให้ชนะใจคนดูโดยเหนื่อยน้อยที่สุด” สมยศนั่งนิ่งด้วยความงวยงงสงสัยในคำ�พูดปริศนาของ ไอ้ต๋อง ไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป... นึกในใจมันจะวิ่งสู้กันได้ อย่างไร “ไอ้ต๋อง เดี๋ยวก็รู้ว่ามึงกับกูใครจะเป็นผู้ชนะ” พู ด จบไอ้ น้ อ ยเดิ น เข้ า ไปที่ จุ ด สตาร์ ต ด้ ว ยกิ ริ ย าอาการ มุ่งมั่นจริงจัง ผิดกับไอ้ต๋องที่แค่ก้าวเดินก็ยังไม่ค่อยจะตรงทาง เลย มันจะวิ่งไหวหรือ... สมยศชักเป็นห่วงกลัวมันจะหัวใจวาย ซะมากกว่า เมือ่ กรรมการให้สญ ั ญาณปล่อยตัว ไอ้นอ้ ยหลับหูหลับตา ห้อตะบึงวิง่ สุดแรงเกิด พร้อมกับเสียงกองเชียร์รอ้ งตะโกนเฮ...เฮ ก็ยงิ่ ทำ�ให้มนั เร่งสปีดเต็มฝีเท้า และแล้วในทีส่ ดุ ไอ้นอ้ ยก็ลอยลำ� นำ�ลิ่วเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกตามคาด ทันทีที่มันพุ่งเข้าเส้นชัย เสียงโห่ฮาหัวเราะระริกคิกคักก็ดังลั่นด้วยความขบขันชอบใจ ไอ้นอ้ ยวิง่ ฉลุยนำ�หน้าชนิดม้วนเดียวจบ ชัยชนะเป็นของ ไอ้ น้ อ ยอย่ า งท่ ว มท้ น ขาดลอย แต่ เ ป็ น ชั ย ชนะที่ มั น ต้ อ ง เข็ ด เขี้ ย วจดจำ�ฝั ง ใจอี ก ยาวนาน จะอะไรหรื อ ...ก็ ทั น ที ที่ กรรมการให้สัญญาณปล่อยตัว ขณะที่ไอ้น้อยวิ่งเต็มเหยียด สุดฝีเท้าอย่างไม่คิดชีวิตนั้น ไอ้ต๋องมันวิ่งซะที่ไหนเล่า เดิน หันหลังยิม้ แฉ่งทำ�ไม่รไู้ ม่ชกี้ ลับมาทีโ่ ต๊ะ นัง่ ตบมือหัวร่องอหาย ชอบอกชอบใจ ที่หลอกให้ไอ้น้อยวิ่งหน้าตั้งยังกะเป็นตัวตลก อะไรตัวหนึ่งได้ หลั ง จบเกมการแข่ ง ขั น ไอ้ น้อยไม่ ย อมนั่ ง กิ นเหล้าต่อ หายหัวกลับบ้านพักด้วยความอับอาย ใครจะกระเดือกเหล้า ได้ ล ง โดนพรรคพวกเล่ น ปาหี่ ห ลอกให้ แ สดงจำ�อวดวิ่ ง หัวปักหัวปำ� หอบซี่โครงบานลิ้นห้อยอยู่คนเดียว... เจ็บใจนัก ทัง้ หมดนีค้ อื เรือ่ งราวของนักวิง่ ลมกรด...ผูช้ นะทีน่ า่ สงสาร อยูด่ ไี ม่วา่ ดี ทะลึง่ แส่หาเรือ่ ง สวมหัวใจหมูทะเล่อทะล่า วิ่งชนปังตอหน้าแหกเอง...ช่วยไม่ได้ สมน้ำ�หน้ากะลาหัวเจาะ!!! September-October 2018

35


ธุรกิจเหมืองแร่ l

กองบรรณาธิการ

WIRTGEN จัดงาน Workshop 2018

สานสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมโชว์ศักยภาพ การทำ�งานของเครื่องจักร

ศรัณย์ เวียงสงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) จ�ำกัด

บริษัท เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) จำ�กัด ผู้นำ�ทางด้านเทคโนโลยีโซลูชัน เครื่องจักรก่อสร้าง งานถนน และงานเหมือง เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างครบ วงจร ภายใต้แบรนด์เครื่องจักรชั้นนำ� อาทิ WIRTGEN, VOGELE, HAMM, KLEEMANN และ CIBER จัดงาน Workshop 2018 เพื่อสานสัมพันธ์กับ ลูกค้า พร้อมโชว์ศักยภาพการทำ�งานของเครื่องจักร ศรัณย์ เวียงสงค์ กรรมการผูจ้ ดั การ บริษทั เวิรท์ เก้น (ประเทศไทย) จำ�กัด กล่าวว่า WIRTGEN THAILAND เป็นบริษัทในเครือของ WIRTGEN GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทนานาชาติ ในธุรกิจประเภทเครื่องจักรก่อสร้าง โดยดำ�เนินงาน ร่วมกับบริษทั ผลิตเครือ่ งจักรแบรนด์ชนั้ นำ� อาทิ WIRTGEN, VOGELE, HAMM, KLEEMANN และ CIBER ในฐานะผู้นำ�ด้านเทคโนโลยี ได้นำ�เสนอโซลูชันการ ใช้งานเครื่องจักรแบบเคลื่อนที่ได้ สำ�หรับงานก่อสร้างทาง และงานปรับปรุง ผิวพื้นทาง งานในเหมือง ตลอดจนกระบวนการผลิตแร่หรือ Plant สำ�หรับวัสดุ Recycling เพือ่ ผลิตยางมะตอยอัดแท่ง การปรับปรุงคุณภาพดินรีไซเคิลร้อนและ เย็น และงานเหมืองแร่ผวิ ด้วยจุดเด่นทีแ่ ตกต่างจากคูแ่ ข่งรายอืน่ ๆ คือ เรือ่ งความ แข็งแกร่งทนทานของเครื่องจักร นวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง และมีบริการ หลั ง การขายที่ มี ที ม ช่ า งผู้ เ ชี่ ยวชาญคอยดู แ ลช่ ว ยเหลื อ ลู ก ค้ า อย่ า งสม่ำ� เสมอ โดยในปี พ.ศ. 2560 WIRTGEN GROUP มียอดขายรวมทัง้ สิน้ 3,000 ล้านยูโร และมีพนักงานในเครือทัง้ สิน้ 8,200 คน สำ�หรับประเทศไทย ขณะนีม้ เี ครือ่ งจักร แบรนด์ WIRTGEN ประมาณ 58 เครื่อง และทีมงานที่ชำ�นาญการประมาณ 30 คน พร้อมให้บริการลูกค้า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม Workshop 2018 เพื่อสานสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำ�งานระหว่าง WIRTGEN THAILAND กับ ลูกค้าที่คอยสนับสนุนและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของ WIRTGEN ด้วยดีเสมอมา พร้อมทัง้ มีการจัดแสดงศักยภาพการทำ�งานของเครือ่ งจักรต่างๆ ของ WIRTGEN ภายในงานด้วย พิเชฏฐ์ สุขกันหา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กลุ่มเหมืองแร่และโรงโม่ บริษัท เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) จำ�กัด กล่าวว่า เครื่องจักร WIRTGEN มีราคาค่อนข้าง 36

September-October 2018

พิเชฏฐ์ สุขกันหา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ กลุ่มเหมืองแร่และโรงโม่ บริษัท เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) จ�ำกัด

สูงกว่าคูแ่ ข่ง แต่เมือ่ เปรียบเทียบประสิทธิภาพ การใช้งานที่ทำ�งานได้คุณภาพสูง สม่ำ�เสมอ ระยะเวลาของความทนทานของเครื่องจักร แต่ ล ะประเภทแล้ ว ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ใ นเครื อ WIRTGEN ไม่เป็นสองรองใคร เห็นได้จาก เสียงตอบรับจากลูกค้าในงานเหมือง งานถนน ที่ต่างยอมรับในประสิทธิภาพของเครื่องจักร ของ WIRTGEN โดยเฉพาะ KLEEMANN Mobile Crusher ซึ่งเป็นเครื่องโม่หินแบบ เคลือ่ นทีม่ คี ณ ุ ภาพสูง รองรับการทำ�งานหนัก มีความแข็งแรง ทนทาน ติดตั้งง่าย ประหยัด น้ำ�มัน มีความสามารถในการคัดแยกวัสดุ ที่ ป ะปนกั น ได้ ดี เพราะมี ร ะบบคั ด แยกที่ ออกแบบมารองรับที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้ง พั ฒ นาระบบการส่ ง กำ�ลั ง เป็ น แบบไฟฟ้ า ทำ�งานได้ 24 ชั่วโมง โดยรถไม่เกิดอาการ กระตุก Break Down ลูกค้าที่เลือกซื้อไป ใช้งานต่างให้การยอมรับ ทั้งนี้ WIRTGEN จะแนะนำ�ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้งานตามประเภทกิจการ โดยเข้าไปฝึก อบรมการทำ�งานของเครื่องจักรให้กับลูกค้า ก่ อ นนำ�ไปใช้ ง าน รวมทั้ ง ลงพื้ น ที่ ห น้ า งาน เพื่อติดตามการทำ�งานของเครื่องจักรอย่าง สม่ำ�เสมอ เรียกได้ว่าทำ�งานไปพร้อมๆ กับ ลูกค้า เมื่อลูกค้าสามารถทำ�งานได้มากขึ้น มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพที่ ดี ขึ้ น ได้ ผ ลกำ�ไรที่ ดี ขึ้ น WIRTGEN ก็รสู้ กึ ประสบความสำ�เร็จไปด้วย


ข่าวเศรษฐกิจแร่ l

กองบรรณาธิการ

ศาลปกครองสูงสุด มีคำ�พิพากษายกฟ้อง

ในคดีที่ประชาชนที่มีภูมิล�ำ เนารอบเหมืองลิกไนต์แม่เมาะฟ้องขอให้เพิกถอน มติคณะรัฐมนตรีกรณีก�ำ หนดพื้นที่แหล่งซากหอยขมดึกดำ�บรรพ์ ในพื้นที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำ�ปาง ศาลปกครองสูงสุด มีคำ�พิพากษายกฟ้อง ในคดีที่ เฉลียว ทิสาระ กับพวกรวม 18 ราย ซึ่งเป็นประชาชนที่มีภูมิลำ�เนา รอบเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ ฟ้องขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี กรณีกำ�หนดพื้นที่แหล่งซากหอยขมดึกดำ�บรรพ์ในพื้นที่เหมือง แม่เมาะ จังหวัดลำ�ปาง เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า มติคณะรัฐมนตรี (ผูถ้ กู ฟ้องคดีที่ 1) ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ทีก่ ำ�หนดพืน้ ทีซ่ ากหอยขมดึกดำ�บรรพ์แม่เมาะเป็นพืน้ ทีอ่ นุรกั ษ์ เนื้อที่ 52 ไร่ โดยเป็นพื้นที่แหล่งหอยขมดึกดำ�บรรพ์ 18 ไร่ รวมพื้นที่ อื่นอีก 34 ไร่ ซึ่งมีผลเป็นการเพิกถอนมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2547 ที่กำ�หนดพื้นที่ซากหอยขม ดึกดำ�บรรพ์แม่เมาะเป็นพืน้ ที่ 43 ไร่ เป็นมติทชี่ อบด้วยกฎหมาย และกรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ (ผูถ้ กู ฟ้องคดีท่ี 3)

ก็ได้ตรวจสอบและทำ�การรังวัดกันเขตพื้นที่ประทานบัตรเลขที่ 24349/15341 ของการไฟฟ้ า ฝ่ า ยผลิ ต แห่ ง ประเทศไทย (กฟผ./ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ออกจากพื้นที่อนุรักษ์ซากหอยขม ดึกดำ�บรรพ์ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การทำ�เหมืองของ กฟผ. จึงเป็นการกระทำ�นอก พื้นที่อนุรักษ์แหล่งซากหอยขมดึกดำ�บรรพ์ตามมติของคณะ รัฐมนตรีดงั กล่าว นอกจากนีย้ งั ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ซากหอยขม ดึกดำ�บรรพ์ส่วนที่เหลือเนื้อที่ 18 ไร่ ในพื้นที่อนุรักษ์ยังคง ตั้ ง อยู่ ไ ด้ จึ ง ยั ง ไม่ มี เ หตุ ที่ ศ าลจะกำ�หนดคำ�บั ง คั บ ให้ กฟผ. ดำ�เนินการจัดทำ�สิง่ ป้องกันมิให้เกิดการพังทลายของซากหอยขม ดึ ก ดำ�บรรพ์ อั น เกิ ด จากการทำ�เหมื อ ง ซึ่ ง หากมี เ หตุ ก ารณ์ พั ง ทลายเช่ นว่ า นั้ น เกิ ด ขึ้ น จริ ง ผู้ ฟ้ อ งคดี ก็ ช อบที่ จ ะฟ้ อ งคดี ต่อศาลเป็นอีกเรื่องหนึ่งได้ต่อไป

ทาทา สตีล เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปีการเงิน 2562 โต 18% ชูนวัตกรรม “3 เซฟ” รองรับเมกะโปรเจกต์ ดันยอดขายสิ้นปีทะลุ 220,000 ตัน บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำ�กัด (มหาชน) แจงผลประกอบการไตรมาสแรกปีการเงิน 2561 (เดือน เมษายนถึงเดือนมิถนุ ายน) ว่า มีปริมาณการขายเหล็กจำ�นวน 281,000 ตัน ตัวเลขยอดขายสุทธิ 5,443 ล้านบาท สูงขึ้น ร้อยละ 18 เมือ่ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีทผี่ า่ นมา และ ในไตรมาสนี้ยังคงทำ�กำ�ไรสุทธิก่อนหักภาษีได้ 75 ล้านบาท สูงกว่ากำ�ไรสุทธิกอ่ นหักภาษีในไตรมาสเดียวกันของปีทผ่ี า่ นมา พร้อมกันนีไ้ ด้เปิดตัวนวัตกรรม “3 เซฟ” ด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ เหล็กเส้นข้ออ้อยแรงดึงสูง SD50 เหล็กเส้นเหนียวพิเศษต้าน แผ่นดินไหว และเหล็กเส้นตัดและดัดสำ�เร็จรูป (Cut & Bend) เพื่อตอบสนองการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมตั้ง เป้ า หมายภายในสิ้ น ปี ก ารเงิ น 2562 จะผลั ก ดั น ยอดขาย นวัตกรรม “3 เซฟ เพิ่มขึ้นรวมเป็น 220,000 ตัน

มร.ราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำ�กัด (มหาชน) กล่าวว่า ปริมาณการขาย ในไตรมาสที่ 1 ปี ง บประมาณการเงิ น ของบริ ษั ท ระหว่ า ง เดือนเมษายน-มิถุนายน มีจำ�นวน 281,000 ตัน ลดลงเมื่อ เปรี ย บเที ย บกั บ ไตรมาสที่ ผ่ า นมา ซึ่ ง มี ป ริ ม าณการขาย 316,000 ตัน แต่ยังคงมีปริมาณการขายที่สูงกว่าไตรมาส เดียวกันในปีท่ีผ่านมา จำ�นวนร้อยละ 2 โดยมีตัวเลขยอดขาย สุทธิ 5,443 ล้านบาท สูงขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับไตรมาส เดียวกันของปีที่ผ่านมา และในไตรมาสนี้ยังคงทำ�กำ�ไรสุทธิ ก่ อนหั ก ภาษี ไ ด้ 75 ล้า นบาท และกำ�ไรสู ง สุ ด หลั งหักภาษี 56 ล้านบาท ในขณะที่ EBITDA (Earnings Before Interest, Taxes, Depreciation and Amortization) ในส่วน EBITDA อยู่ที่ 216 ล้านบาท สูงขึ้น 56% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา September-October 2018

37


“แม้ว่าความต้องการเหล็กเส้นและเหล็กลวดสำ�เร็จรูป ในประเทศจะยังคงชะลอตัว จากบรรยากาศภาพรวมของตลาด ที่ซบเซา อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายสินค้าภายในประเทศ ทีล่ ดลงได้ถกู ชดเชยด้วยปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังประเทศ อิ น เดี ย กั ม พู ช า และลาว ที่ สู ง ขึ้ น นอกจากนี้ จ ะเห็ น ได้ ว่ า

ราคาขายเหล็กก็ปรับตัวสูงขึน้ เช่นเดียวกัน เมือ่ เทียบกับไตรมาส เดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น สำ � หรั บ สถานการณ์ ท างเศรษฐกิ จ สงครามการค้ า ระหว่ า ง ประเทศมหาอำ � นาจยั ง คงไม่ ส่ ง ผลกระทบต่ อ อุ ต สาหกรรม เหล็กไทย” มร.ราจีฟ กล่าว

BGC เตรียมขาย IPO 194,444,000 หุ้น

คาดนำ�บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลายปี พ.ศ. 2561 บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำ�กัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ ผ ลิ ต และจำ�หน่ า ยผลิ ต ภั ณ ฑ์ แ ก้ ว และบรรจุ ภั ณ ฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการทีเ่ กีย่ วข้องแบบครบวงจร เตรียม เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำ�นวนไม่เกิน 194,444,000 หุ้น หรือไม่เกิน 28% ของจำ�นวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำ�ระแล้วทั้งหมดของ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยในช่วงปลายปี พ.ศ. 2561 ศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำ�กัด (มหาชน) หรือ BGC กล่าวว่า BGC มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็น ผู้ผลิตและจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์แก้ว และบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน ตั้งแต่ต้นน้ำ� ถึงปลายน้ำ� ปัจจุบันมีกำ�ลังการผลิต 3,095 ตันต่อวัน จาก 4 โรงงาน 10 เตาหลอม ประกอบด้วย โรงงานทีจ่ งั หวัดปทุมธานี ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี และจะขยายเพิ่มเป็น 11 เตาหลอม อีก 1 โรงงานที่จังหวัดราชบุรี ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2561 นี้ ท ดแทนโรงงานที่ จั ง หวั ด ระยองที่ ปิ ด ไปเมื่ อ ช่ ว งปลายปี พ.ศ. 2560 ซึ่ ง จะใช้ เ งิ น ทุ น ก่ อ สร้ า งโรงงานที่ ทันสมัยด้วยการนำ�เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้เสริมเทคโนโลยี เครื่องจักรเก่าที่ใช้มากว่า 30 ปี จากการก่อตั้งโรงงานในอดีต ที่ผ่านมา เช่น นำ�ระบบสื่อสารข้อมูลการผลิตแบบออนไลน์ เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสามารถผลิตสินค้า ในปริ ม าณมาก เพื่ อ ให้ ไ ด้ ต้ น ทุ น การผลิ ต ต่ อ หน่ ว ยต่ำ� และ มี ค วามยื ด หยุ่ น ในการปรั บ เปลี่ ย นสายการผลิ ต ภายใต้ งบประมาณก่อสร้างโรงงาน 2,500 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณ ในการก่อสร้างนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากการยื่นแบบคำ�ขออนุญาต เสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย หลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำ�นักคณะกรรมการกำ�กับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึง่ มีการจัดสรรหุน้ จำ�นวนไม่เกิน 19,444,000 หุ้น หรือคิดเป็น 10% ของจำ�นวนหุ้นสามัญ ให้แก่ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของกลุ่มบริษัทฯ โดย หากก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำ�ให้กำ�ลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว ของ BGC เพิ่มขึ้นจาก 3,095 ตันต่อวัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 38

September-October 2018

พ.ศ. 2561 เพิม่ ขึน้ อีก 400 ตันต่อวัน หรือรวมเป็น 3,495 ตัน ต่อวัน เพื่อเดินเครื่องในโรงงานทั้งหมดทำ�การผลิตสินค้าใน 5 กลุ่ ม หลั ก คื อ 1. ขวดเบี ย ร์ 2. ขวดเครื่ อ งดื่ ม ที่ ไ ม่ ผ สม แอลกอฮอล์ (Soft Drinks) 3. ขวดอาหาร 4. ขวดยาและ ยาฆ่าแมลง 5. ขวดผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เครื่องดื่มที่ให้พลังงาน สุราต่างๆ พงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำ�กัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษา ทางการเงิ น ของบริ ษั ท บี จี คอนเทนเนอร์ กล๊ า ส จำ�กั ด (มหาชน) (BGC) กล่าวว่า หลังจาก BGC ได้ยื่นแบบคำ�ขอ อนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการ เสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำ�นักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอ เสนอขายหุ้ น สามั ญ เพิ่ ม ทุ น ต่ อ ประชาชนทั่ ว ไปเป็ น ครั้ ง แรก (IPO) ล่าสุด สำ�นักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำ�ขออนุญาต เสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิง่ เป็นทีเ่ รียบร้อยแล้วเมือ่ วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ทีผ่ า่ นมา โดย บมจ. บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จะเสนอขายหุ้น IPO จำ�นวนไม่เกิน 194,444,000 หุ้น หรื อ คิ ด เป็ น ไม่ เ กิ น 28% ของจำ�นวนหุ้ น สามั ญที่ อ อกและ เรียกชำ�ระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งมีการจัดสรรหุ้นจำ�นวน ไม่ เ กิ น 19,444,000 หุ้ น หรื อ คิ ด เป็ น ไม่ เ กิ น 10% ของ จำ�นวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ให้แก่ กรรมการ ผู้บริหาร และพนั ก งานของกลุ่ ม บริ ษั ท ฯ ในมู ล ค่ า ที่ ต ราไว้ (Par) หุ้นละ 5 บาท วัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้เพื่อชำ�ระเงินกู้ยืม สำ�หรับการขยายโรงงานผลิตบรรจุภณ ั ฑ์แก้วแห่งใหม่ในจังหวัด ราชบุรี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งหลังจากที่ สำ�นักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้เสนอขายหุ้น IPO และแบบไฟลิ่ง มีผลใช้บงั คับ จะกำ�หนดวันเสนอขายหุน้ IPO และคาดว่าจะนำ� BGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน ปี พ.ศ. 2561 นี้ หากผ่านการอนุมัติจากสำ�นักงาน ก.ล.ต. ส่ ว นแผนการโรดโชว์ ใ นการ IPO ครั้ ง นี้ จ ะโรดโชว์ ภ ายใน กรุงเทพฯ เนื่องจากระยะเวลามีจำ�กัดและจะขายให้เฉพาะ นักลงทุนในประเทศเท่านั้น




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.