ยินดีต้อนรับสู่ ...
เมื่อพูดถึงจังหวัดสงขลามักจะนึกถึงความมีชื่อเสียงของเมืองการค้าชื่อ ดัง นั่นคือ หาดใหญ่ น้อยคนนักที่จะนึกถึงตัวเมืองสงขลา จริงๆแล้วเมือง สงขลาจัดได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นทั้งด้านอาหารการกินและ สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในเมือง สงขลาส่วนใหญ่นั้นมีโอกาสได้ท่องเที่ยวเพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเท่านั้น ทั้ง ที่จริงๆแล้วมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในตัวเมืองสงขลาอีกมากที่นักท่อง เที่ยวยังไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัส เช่น ย่านเมืองเก่า เขาตังกวน จุดชมวิวต่างๆ และสถานที่ที่มีความสำ�คัญทางประวัติศาสตร์ นิตยสารเล่มนี้จึงเป็นแนวทาง ในการศึกษาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสงขลาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก เมืองสงขลาในมุมต่างๆมากยิ่งขึ้น
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
1
ย่านเมืองเก่า
3
วัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา
7 9
พิพิธภัณฑ์พธำ�มะรงค์
11
กำ�แพงเมืองเก่าสงขลา
13
หาดสมิหลา
15
เขาตังกวน
19
เขาเก้งเส้ง(หัวนายแรง)
23
สวนสองทะเล
29
เกาะยอ
31
สะพานติณสูลานนท์
35
สถาบันทักษิณคดีศึกษา
37
สงขลาอควาเรียม สวนสัตว์สงขลา แผนที่
41 43 47
1
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
ศ
าลหลักเมืองสงขลา อยู่ที่ถนนนางงาม ชาวสงขลาเรียกว่า “ศาลเจ้า พ่อหลักเมืองสงขลา” เป็นที่เคารพสักการะของชาวสงขลาตัวอาคารมี ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน สร้างสมัยพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง ณ สงขลา) เป็นผู้สำ�เร็จราชการเมืองสงขลา สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเมือง สงขลาอันทำ�ให้บ้านเมืองใน ละแวกใกล้เคียงมีรูปทรงแบบสถาปัตยกรรมจีน
3
ย่านเมืองเก่า ย่านเมืองเก่าสงขลา ตั้งอยู่ใน เขตอำ�เภอเมือง มีถนนสายสำ�คัญน่า เดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม เป็น ถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและ
สถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นแหล่งเรียน รู้เรื่องราวความเป็นมาของชาวสงขลา ผ่านมุมมองทางสถาปัตยกรรม เมื่อ อดีตราว 200 ปีก่อน ตัวเมืองสงขลาตั้ง อยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบเรียกว่า
“เมืองสงขลา ฝั่งแหลมสน” จนกระทั่ง พ.ศ. 2385 จึงขยายมาทางฝั่งทิศตะวัน ออกบริเวณตำ�บลบ่อยาง เรียกกันว่า “เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง” โดยเริ่มแรก มีถนนสองสายคือ ถนนนครนอก เป็น ถนนเส้นนอกติดกับทะเลสาบ และถนน นครใน เป็นถนนเส้นในเมือง ต่อมามี การตัดถนนสายที่สามเรียกว่าถนนเก้า ห้องหรือย่านเก้าห้อง เพื่องานสมโภช เสาหลักเมือง ต่อมาเรียกกันว่า ถนน นางงาม
7
วัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง)
อ
ยู่ที่ถนนไทรบุรี เป็นวัดใหญ่และสำ�คัญที่สุด ใน จังหวัดสงขลา อายุ 400 ปี สร้างตอน ปลายอยุธยา เดิมเรียกว่าวัดยายศรีจันทร์ กล่าวกันว่า ยายศรีจันทร์ คหบดีผู้มั่งคั่งในเมืองสงขลาได้อุทิศเงิน สร้างขึ้น ต่อมามีผู้สร้างวัดเลียบ ทางทิศเหนือ และ วัดโพธิ์ ทางทิศใต้ ชาวสงขลาจึงเรียกวัดยายศรีจันทร์ ว่า “วัดกลาง” และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดมัชฌิมาวาส” โดยพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรสคราว เสด็จเมืองสงขลาเมื่อ พ.ศ. 2431
ในวัดมีโบราณสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิพระอุโบสถสร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เป็น ศิลปะประยุกต์ไทย-จีนภายในมีภาพจิตรกรรม ฝาผนังที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เช่น ภาพ ท่าเรือสงขลาที่หัวเขาแดงที่มีการค้าขาย กันคึกคัก ซุ้มประตู เป็นศิลปะจีนกับยุโรป นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัด ยังมี พิพิธภัณฑ์ ภัทรศิลป จัดแสดงโบราณวัตถุ ซึ่ง รวบรวม
ได้จาก เมืองสงขลา สทิงพระ ระโนด และ อื่นๆ ของทางภาคใต้ ไว้อีกมาก เป็นหลักฐาน ที่สำ�คัญ ทางประวัติศาสตร์ ควรค่าแก่การศึกษา เปิดให้ เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์-อังคารและวันหยุด ราชการ เวลา 13.00 - 16.00 น.
9
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา
เ
ป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในเมือง สงขลา ตรงข้ามกำ�แพงเมือง จังหวัดสงขลา เป็นโบราณสถาน ของชาติ มีลักษณะสถาปัตยกรรม แบบจีน อายุกว่า 100 ปี ภายใน จัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ ของภาคใต้และของประเทศไทย อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา เป็นสถาปัตยกรรมแบบ จีนผสมยุโรป สร้างเป็นตึกก่ออิฐ สอปูน 2 ชั้น บ้านหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก หันหน้าสู่ทะเลสาบ สงขลา ลักษณะตัวบ้านยกสูงจาก พื้นดินประมาณ 1 เมตร ปลูก เป็น เรือนหมู่ 4 หลัง เชื่อมติดกัน ด้วยระเบียงทางเดิน มีบันไดขึ้น2 ทาง คือด้านหน้าและตรงกลาง ลานด้านใน กลางบ้านเป็นลานเปิด โล่ง สำ�หรับปลูกต้นไม้หรือการจัด กิจกรรมต่าง ๆ ด้านหน้าอาคารมี สนามและมีอาคารโถงขนาบสอง ข้าง ด้านหลังมีสนามเช่นเดียวกัน พื้นที่โดยรอบอาคารเป็นสนามหญ้า และสวนมีกำ�แพงโค้งแบบจีนล้อม รอบ อาคารชั้นบน ห้องยาวด้าน หลัง มีบานประตูลักษณะ เป็นบาน เฟี้ยม แกะสลักโปร่งเป็นลวดลาย เล่าเรื่องในวรรณคดีจีน สลับลาย พันธุ์พฤกษา หรือลายมังกรดั้นเมฆ เชิงไข่มุกไฟ ส่วนหัวเสาชั้นบน
ของอาคารมีภาพเขียนสีเป็น ภาพเทพเจ้าจีน หรือลายพฤกษา ภายในห้องตรงขื่อหลังคา จะมี เครื่องหมายหยินหยาง โป้ยป้อ หรือ ปากั้ว เพื่อป้องกันภยันตราย ต่าง ๆ ตามคตินิยมของชาวจีน หลังคามุงกระเบื้องสองชั้นฉาบ ปูนเป็นลอน สันหลังคาโค้ง ปลาย ทั้งสองด้านเชิดสูงคล้ายปั้นลม ของเรือนไทย ภายนอกอาคาร บริเวณผนังใต้จั่วหลังคา มีภาพ ประติมากรรมนูนต่ำ�สลับลาย ภาพ เขียนสี เป็นรูปเทพเจ้าจีนและลาย พันธุ์พฤกษา อาคารชั้นบน ประกอบ ด้วย ห้องเครื่องเรือนจีน ห้อง ณ สงขลา ห้องไม้จำ�หลัก ห้องศรีวิชัย หรือ ศิลปกรรมภาคใต้ ห้องเครื่อง เรือน ไทยห้องประวัติศาสตร์ ศิลปะไทย ส่วนอาคารชั้นล่าง ประกอบด้วย อาคารศิลปะพื้นบ้าน พื้นเมืองภาคใต้ ห้องศิลปกรรม ที่พบทาง ภาคใต้ ห้องศิลปทวาร วดี ห้องก่อนประวัติศาสตร์ ห้อง เครื่องถ้วยไทย-จีน ห้องศิลปวัตถุ ในคาบสมุทรภาคใต้ เช่น ห้องศิลป ทวารวดี ห้องเครื่องถ้วย ไทย-จีน ห้องประวัติศาสตร์ศิลปะไทยห้อง ศรีวิชัยหรือศิลปกรรมภาคใต้
11
พิ
พิธภัณฑ์พธำ�มะรงค์ หรือ บ้านของ ตระกูลติณสูลานนท์ ตั้งอยู่ที่เลข ที่ 1 ถนนจะนะ ตำ�บลบ่อยาง อำ�เภอเมือง สงขลา จังหวัดสงขลา(ใกล้กับพิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติสงขลา) ถือเป็นแหล่งท่อง เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำ�คัญอีก แห่ง หนึ่งของ จังหวัดสงขลา จัดสร้างขึ้น
โดยกรมราชทัณฑ์ในสมัยของนายสนิท รุจิ ณรงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในขณะนั้น ซึ่งเป็น สถานที่ตั้ง บ้านพัก เดิมของรองอำ�มาตย์โทขุน วินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) บิดาของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พิพิธภัณฑ์ฯ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทยที่สร้างขึ้นเพื่อ จำ�ลองสถานที่เกิดของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและ รัฐบุรุษ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสงขลา จากคำ�บอกเล่าความ ทรงจำ�ในอดีตสมัยที่บิดาของท่านดำ�รงตำ� แหน่งพัสดีเรือนจำ�สงขลา “พะทำ�มะรง” เป็น ตำ�แหน่งเก่าของข้าราชการกรมราชทัณฑ์
ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ควบคู่กับตำ�แหน่งพัสดี ปรากฎหลักฐานอยู่ ในกฎหมายตราสามดวง และอัยการลักษณะ ต่าง ๆ ตำ�แหน่งพะทำ�มะรงได้ใช้ติดต่อกันมา ตลอดจนได้มี การประกาศ ใช้พระราชบัญญัติ ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ตำ�แหน่งพะทำ�มะรงจึง ได้ถูกยกเลิกไป จากความทรงจำ�ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นเรือนไม้ยกพื้น ชั้นเดียว หลังคาทรงปั้นหยา 2 หลังคู่ มีชาน เปิด โล่งเชื่อมถึงกัน ภายในมีการจัดแสดง
ข้าวของเครื่องใช้ของครอบครัวติณสูลานนท์ ในอดีต และประวติสกุลวงศ์ ปัจจุบันเทศบาล นครสงขลาเป็นผู้รับผิดชอบดูแลและพัฒนา ให้เป็นศูนย์ข้อมูลการ ท่องเที่ยวอนึ่งที่มาของ ตระกูล “ติณสูลานนท์” นี้ได้รับ พระราชทาน มาจาก “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ หัว” เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปีพ.ศ. 2462
13
กำ�แพงเมืองสงขลาเป็นโบราณสถานที่สำ�คัญของจังหวัดสงขลา เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ ในสมัยพระยา วิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้น) ทางกรุงเทพฯ ได้มีท้องตราลงมาให้สร้างกำ�แพงและป้อม โดยพระราชทานยกเงินภาษี อากรเมืองสงขลาให้ ๒๐๐ ชั่ง แต่การก่อกำ�แพงยังไม่ทันแล้วเสร็จ หัวเมืองมลายูเป็นกบฏ (พ.ศ. ๒๓๘๑) ยก ทัพมาเผาเมืองจะนะ แล้วเลยเข้าตีเมืองสงขลา พระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) รักษาเมืองไว้จนทัพหลวงจากการ กรุงเทพฯ ยกลงมาช่วยตีทัพกบฏมลายูแตกกลับไป แล้วช่วยก่อกำ�แพงเมืองสงขลาจนสำ�เร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕
กำ�แพงเมืองเก่าสงขลา
15
หาดสมิหลา
ส
ถานที่ท่องเที่ยวสำ�คัญ ที่มีชื่อเสียงของสงขลา หาดสมิหลามีโขดหิน ขนาดย่อมยื่นลงทะเล หาด ทรายขาวละเอียดมากที่เรียกว่า “ทรายแก้ว” มีป่าสนร่มรื่น จาก หาดสมิหลาสามารถมองเห็น ทิวทัศน์อันงดงามของ เกาะหนู เกาะแมว จนมีคำ�กล่าวว่าใคร มาเยือนสงขลาแล้วไม่มาเยือน สมิหลาก็เหมือนมาไม่ถึงสงขลา มีสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงรูปปั้น นางเงือกทอง โดยรอบบริเวณ ได้จัดสวนหย่อมไว้ดูร่มรื่น เหมาะเป็นที่นั่งพักผ่อนยาม เย็น เมี่อมองออกไปในทะเลจะ เห็น เกาะหนู เกาะแมวอันเป็น อีกสัญลักษณ์หนึ่ง หาดสมิหลา เป็นชายหาดที่มีบรรยากาศสงบ เหมาะสำ�หรับมาพักผ่อนชมวิว
นิยายนางเงือกทอง
น
างเงือกทอง เป็นเรื่องในนิยายปรัมปราของ ไทย โบราณ ซึ่งขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้เล่าไว้ ในวันดีคืนดี นางเงือกจะมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำ� กระทั่งวันหนึ่ง มีชายชาวประมงเดินผ่านมาทำ�ให้นาง เงือกตกใจ รีบหนี ลงทะเล ไปโดยลืมหวีทองคำ�ไว้ ชาวประมงเห็นดังนั้น ก็เก็บหวีทองคำ�ไว้และเฝ้าคอย นางเงือกที่หาดนั้นเสมอ แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฏ กายให้เห็นอีกเลย สำ�หรับ “นางเงือกทอง” ถูกสร้าง ขึ้นในปี พ.ศ. 2509
ตำ�นานเกาะหนู เกาะแมว
มี
พ่อค้าชาวจีนผู้หนึ่งคุมเรือสำ�เภาเดิน ทางมาค้าขายระหว่างจีนกับสงขลาเป็น ประจำ� วันหนึ่งพ่อค้าผู้นี้ได้ซื้อหมากับ แมว ลงเรือไป เมืองจีนด้วย หมากับแมว อยู่บนเรือนานๆเกิดความเบื่อหน่ายจึงปรึกษา หาวิธีการที่จะกลับบ้าน หมากับแมวได้ทราบว่า พ่อค้ามีดวงแก้ว วิเศษที่ ทำ�ให้ไม่จมน้ำ� แมวจึง คิดอุบายโดยให้หนูไปขโมยแก้ววิเศษของพ่อค้า มา และหนูขอหนีขึ้นฝั่งไปด้วย ทั้งสามว่ายน้ำ� หนีลง จากเรือโดยที่หนูอมดวงแก้วเอาไว้ใน ปาก ขณะนั้นหนูนึกขึ้นได้ว่าถ้าถึงฝั่ง หมากับ แมวคงจะแย่งเอาดวงแก้วไปจึงคิดที่จะหนี ฝ่าย แมวซึ่งว่ายตามหลังมาก็คิดเช่นกัน จึงว่ายน้ำ�รี่ ไปหาหนู หนูตกใจว่ายน้ำ�หนีไม่ทันระวังตัว ดวง แก้ววิเศษที่อมไว้จึงตกลงจม หายไปในน้ำ� หนู และแมวต่างก็หมดแรงจมน้ำ�ตายกลายเป็น เกาะหนูเกาะแมวอยู่ที่อ่าวหน้าเมือง ส่วนหมา ตะเกียกตะกายว่ายน้ำ�ไป จนถึงฝั่งและสิ้นใจ ตายด้วยความเหน็ดเหนื่อยกลายเป็นหินบริเวณ เขาตังกวนอยู่ริมอ่าวสงขลา ดวงแก้ววิเศษที่ หล่นจากปากหนูแตก ละเอียดกลายเป็นหาด ทรายแก้วอยู่ทางด้านเหนือของแหลมสน
19
เ เขาตังกวน
ขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำ�คัญ แห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา เป็นเนินเขา สูง จากระดับน้ำ�ทะเลประมาณ 2,000 ฟุต บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐาน เจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัย อาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัย ทวารวดี ในเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีพิธีห่ม ผ้าองค์เจดีย์ ประเพณีลากพระและตักบาตรเท โว และยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง สงขลาและทิวทัศน์สองทะเล คือทะเลอ่าวไทย และทะเลสาบสงขลา และก่อนถึงยอดเขาตัง กวนจะมีศาลาวิหารแดง (พลับพลาที่ประทับ) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาวิเชียรคีรี (ชม) ผู้สำ�เร็จ ราชการเมืองสงขลาในสมัยนั้น สร้างพลับพลา นี้ถวายตามพระราชประสงค์ของพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.2431 บริเวณด้านล่างเขาตังกวนมีลิงอาศัยอยู่จำ�นวน มาก การขึ้นยอดเขาตังกวน มีบริการลิฟท์ขึ้น ยอดเขา หรืออาจเดินเท้าขึ้นไปตามบันไดนาค ก็ได้
ลานชมวิวเขาตังกวน
จากยอดเขาตังกวนก็จะมองเห็นวิวของเมือง สงขลาได้รอบด้านแบบ 360 องศา มีที่นั่งให้ นั่งชมวิว ลานชมวิวแห่งนี้มีรูปหลวงปู่ทวด อยู่ กลางลานบนฐานที่ยกสูงขึ้นไป วิวสวยเมือง สงขลา ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวงจะมอง เห็นตัวเมืองสงขลาได้กว้างไกลมากๆ ทั้ง วิวตัว เมืองและทะเลสาปสงขลา รวมทั้งหาดสมิหลา
23
เขาเก้าเส้ง-หัวนายแรง
ตำ�นานเล่าถึงเขาเก้าเส้ง หรือที่เรียก กันในภาษาพื้นเมืองว่า “หัวนายแรง” ว่า “ครั้งนั้นทางเมืองนครศรีธรรมราช กำ�หนดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในเจดีย์ และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต บรรดา 12 หัว เมืองปักษ์ใต้ต่างก็นำ�เงินทองไปบรรจุในพระบรม ธาตุ เมืองที่นายแรงเป็นเจ้าเมืองก็เป็นเมืองขึ้น นครศรีธรรมราชด้วย ประกอบกับนายแรงมี ความศรัทธาในพุทธศาสนา จึงขนเงินทองเป็น จำ�นวนมากถึงเก้าแสนบรรทุกเรือสำ�เภา พร้อม ด้วยไพร่พลออกเดินทางไปเมืองนครศรีธรรมราช ขณะกำ�ลังเดินทางเรือสำ�เภาถูกคลื่นลมชำ�รุด จึงเข้าจอดเรือที่ชายฝั่งหาดทรายแห่งหนึ่ง เพื่อ ซ่อมแซมเรือ พอได้ทราบข่าวว่าทางเมือง นครศรีธรรมราชได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จ แล้ว นายแรงเสียใจมาก จึงให้ไพร่พลขนเงินทอง บรรจุไว้บนยอดเขาลูกหนึ่ง สั่งให้ลูกเรือตัดหัวของ ตนไปวางไว้ที่ยอดเขา นายแรงกลั้นใจตาย ลูกเรือ ต้องจำ�ใจตัดหัวเจ้านายไปวางไว้บนยอดเขาตาม คำ�สั่ง เขาลูกนี้ภายหลังเรียกว่า “เขาเก้าแสน” เรียกเพี้ยนไปเป็น “เก้าเส้ง”ก้อนหินที่ปิดทับบน ยอดเขาเรียกว่า“หัวนายแรง” ชาวบ้านเชื่อว่าดวง วิญญานของนายแรงยังเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์มาจน ทุกวันนี้”
มี
พระพุทธเมตตา
พระเจดีย์ยอดเขาเก้าเส้ง พระยา วิเชียรคีรี (บุญสังข์ ณ สงขลา) สร้าง ขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2372 และพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ พระราชดำ�เนินทอดพระเนตรเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2402 พระเจดีย์นี้เป็นศิลปะ รัตนโกสินทร์ตอนต้น (ท้องถิ่นภาคใต้) เป็น พระเจดีย์ทรงลังกาฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐ ถือปูน เป็นโบราณสถานเด่นบนยอดเขาริม ทะเล
พระพุทธรูปปางประสูติ เป็นพระพุทธรูป ปางประสูติที่งดงามมากสีทองอร่ามการสร้าง พระพุทธรูปปางประสูตินั้นเริ่มมาจากลุมพิ นีวัน (ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเนปาล) อัน เป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ ต่อมา พระพุทธรูปปางนี้ได้แพร่หลายเข้ามายังเมือง ไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้ด้วยความเชื่อที่มีมานาน แล้วว่า ผู้ที่ได้บูชาพระพุทธรูปปางประสูติ จะ เป็นผู้ได้เริ่มต้นชีวิตอันเจริญรุ่งเรือง เพราะ ปางประสูติเป็นอากัปกิริยาเริ่มแรกของ พระพุทธเจ้านั่นเอง พระพุทธรูปปางประสูติ วัดเขาเก้าแสนประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร พระพุทธมารดา
พระพุทธรูปปางประสูติ วิวเขาเก้าเส้ง นอกเหนือจากศาลปู่ทวดนายแรงแล้วที่นี่ยังมีวิวสวยๆ ให้เราได้ ชมกัน ท้องทะเลสีครามกับวันฟ้าใสท่ามกลางโขดหินริมทะเลรู้สึกสดชื่นมากครับ
ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ�(สวนสองทะเล)
29
สวนสองทะเล
ส
วนสองทะเล เป็นสวนสาธารณะอยู่ระหว่าง ท่าแพขนานยนต์สงขลา และศาลกรม หลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ส่วนที่น่าสนใจใน สวนสองทะเลที่ถือเป็นไฮไลท์ก็คือ จุดที่อยู่ระหว่าง ทะเลสาบสงขลา และทะเลฝั่งอ่าวไทย มีทิวทัศน์ที่ สวยงามมากแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา มีการสร้าง ส่วนเศียรหรือส่วนหัวพญานาค เพื่อความเป็นสิริ มงคลแก่เมืองสงขลา โดยนายอุทิศ ชูช่วย นายก เทศมนตรีนครสงขลา มีความคิดที่จะสร้างขึ้นจึงให้ อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัย ทักษิน เป็นผู้ดำ�เนินการออกแบบ โดยแบ่งพญานาค ออกเป็นสามส่วน สำ�หรับส่วนหัวจะหมายถึง “สติ ปัญญาอันเป็นเลิศของชาวสงขลา” สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2549 สำ�หรับนาคหรือพญานาค เชื่อกันว่าเป็น สัญลักษณ์ของการกำ�เนิดน้ำ� ความยิ่งใหญ่แห่งน้ำ� เป็นเทพเจ้าแห่งการให้น้ำ�และความอุดมสมบูรณ์แก่
คนใต้มีความเชื่อว่า นาคหรือพญานาค จะพ่นโปรย น้ำ�ทิพย์มาชโลมไล้ให้มนุษย์มีความสุขสดชื่น เพื่อ ชะล้างมลทินทั้งกายและทางใจ ชาวภาคใต้นับถือ นาคหรือพญานาค เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบไหว้ ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของตนสืบไป ส่วนหัว ของพญานาคจะมีน้ำ�พ่นออกมาทุกวันเวลาประมาณ 8.00 น. ส่วนสะดือของพญานาคอยู่บริเวณระหว่าง แหลมสนอ่อนและหาดสมิหลา ส่วนหางพญานาคอยู่ ที่หาดชลาทัศน์รวมความยาวประมาณ 4 กิโลเมตร
31
เกาะยอ
เกาะยอ เป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลสาบ การเข้าไป ตั้งถิ่นฐานทำ�มาหากินของผู้คนเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทำ�ให้เกิดชุมชนที่ขยายตัวไปรอบๆ เกาะ และได้ สร้างสังคม วัฒนธรรม บนพื้นฐานความเชื่อดั้งเดิมและความเชื่อทางพุทธศาสนา จนพัฒนาเป็นเอกลักษณ์ที่ สะท้อนให้เห็นถึงวิถีทางสังคมและวัฒนธรรมเฉพาะของ ชาวเกาะยอได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของ บ้านเรือน วัด การทอผ้า การทำ�เครื่องปั้นดินเผา การเกษตรและอาหารการกิน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นความภาค ภูมิใจที่ชาวเกาะยออยากให้นักท่องเที่ยวได้มารับ รู้ถึงคุณค่าแห่งวิถีชีวิตที่สงบสุขและวัฒนธรรมที่พวกเขาได้ สืบสานมา
นั่งเรือหางยาวล่องทะเลสาบ เรียนรู้วิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ชมธรรมชาติยามเช้ารอบๆ เกาะยอ ในทะเลสาบสงขลา ร่วมประสบการณ์กู้ไซ วางกัด ตกปลาแบบประมงพื้นบ้าน และอีกหนึ่งในกิจกรรม ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอันทรงเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งบนเกาะยอ นั่นก็คือกิจกรรมการพักค้างแบบโฮม เสตย์
เลือกซื้อ เลือกชิม สินค้าพื้นเมืองเกาะยอ มาถึง เกาะยอ อย่าลืมสนับสนุนงาน หัตถกรรมล้ำ�ค่า ผ้าทอเกาะยอ อาหารพื้นเมืองและผลไม้ที่ขึ้น ชื่อ เช่น จำ�ปาดะขนุน ละมุด มะพร้าวน้ำ�หอม และยำ�สาย (สาหร่ายผมนาง)
35
สะพานติณสูลานนท์ สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาว ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในอำ�เภอเมืองสงขลา และอำ�เภอ สิงหนคร โดยเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน ระหว่างฝั่งบ้านน้ำ� กระจาย อำ�เภอเมืองสงขลา และบ้านเขาเขียว อำ�เภอ สิงหนคร ความยาวของสะพาน 2 ช่วงแรก 940 เมตร และ 1,700 เมตร ตามลำ�ดับ รวมเป็น 2,640 เมตร ก่อสร้างขึ้นในสมัย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำ�รงตำ�แหน่งนายกรัฐมนตรี สะพานติณสูลานนท์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ ทางหลวงหมายเลข 4146 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทางหลวง หมายเลข 4083 (ระโนด-เขาแดง) กับทางหลวง หมายเลข 407 (สงขลา-หาดใหญ่) ชาวจังหวัดสงขลา นิยมเรียกสะพานนี้ติดปากว่า “สะพานป๋าเปรม” “สะพานติณ” หรือ “สะพานเปรม” และถือเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัด เพราะมีทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบสงขลานั่นเอง
37
สถาบันทักษิณคดีศึกษา
พิ
พิธภัณฑ์คติชนวิทยา ตั้งอยู่ภายในสถาบัน วัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา จัดแสดง เรื่องราวให้ความรู้และให้การศึกษาเฉพาะ เรื่อง แบ่งเป็นส่วนๆได้แก่ เรื่องเรือนไทยมุสลิม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เครื่องมือและเครื่อง ใช้พื้นบ้าน ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน โบราณวัตถุ ประเภทเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์สมัยก่อน ประวัติศาสตร์ และจากแหล่งชุมชนสมัยแรกเริ่ม ประวัติศาสตร์เมืองโบราณยะรัง เครื่องถ้วย ความ เชื่อพื้นถิ่นและเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีการ บริการเอกสารเกี่ยวกับภาคใต้และโสตทัศนูปกรณ์ อื่น ๆ ที่บันทึกวัฒนธรรมพื้นบ้าน
จุดชมวิว
ทางสถาบันมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยว ห้องสัมมนา และร้านขายสินค้าพื้นเมือง เช่น หัตถกรรม กระจูด หัตถกรรมปาหนัน หัตถกรรมย่านลิเพา ผ้าทอเกาะยอ ผลิตภัณฑ์จากเปลือกหอย ผลิตภัณฑ์จาก กะลามะพร้าว เครื่องเงิน เป็นต้น สถาบันได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย ประเภทแหล่งท่องเที่ยวดีเด่นทางวัฒนธรรม และโบราณสถาน ปี 2543 จากจุดชมวิวของสถาบันสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบสงขลา เปิดให้ผู้สนใจเข้า ชมทุกวัน ระหว่างเวลา 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ 60 บาท เด็ก 30 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7433 1184-9
41
สงขลาอควาเรียม
เ
ป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ� ทั้ง ด้านชีววิทยาและนิเวศวิทยา เราจะนำ�คุณสู่โลก ใต้ทะเล ชมความยิ่งใหญ่ของปลาหมดทะเล น้ำ�หนัก กว่า 200 กิโลกรัม ที่ใหญ่และมากที่สุดในประเทศ ฉลามเสือดาวที่แสนเชื่อง และกลุ่มปลาสวยงามตาม แนวปะการัง ซึ่งคุณจะสัมผัสกับชีวิตแห่งโลกใต้น้ำ� ที่แท้จริง สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ� สงขลา คือสถาน ที่ท่องเที่ยวที่ท่านจะต้องมาสัมผัส ท่านจะได้รับความ สุข ความประทับใจ ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกที่จะทำ�ให้ท่านรู้สึก ผ่อนคลาย หายเหนื่อย เพลิดเพลิน ไปกับบรรยากาศ ของที่นี่ ภายนอกจัดให้มีต้นไม้ที่ให้ความสวยงาม สบายตา ชื่นใจกับพันธุ์ไม้และดอกไม้ต่างๆมากมาย ที่ท่านสามารถถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจที่มีฉากหลัง อันสวยงามนี้ไว้
มีอยู่หลายจุดที่ท่านจะเลือกความ สวยงามเก็บไว้ในกล้อง อัลบั้มรูปถ่าย ของท่าน ภายในจัดแสดงพันธุ์ปลากว่า พันชนิด ที่จัดแยกออกเป็น 4 โซนด้วย กัน คือ ระบบนิเวศน้ำ�จืด ระบบนิเวศ น้ำ�กร่อย ระบบนิเวศน้ำ�เค็ม และทะเล อ่าวไทย ที่ท่านจะได้พบกับปลามากมาย หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งสวยงาม น่า รัก แปลกประหลาด และน่ามหัศจรรย์ เช่น ปลาหมอทะเล ปลาฉลามเสือดาว ปลากระเบนลายหินอ่อน ปลาช่อนทะเล ปลาการ์ตูน ม้าน้ำ� ปลากะพง ปลาแรด เป็นต้น มีโชว์การให้อาหารปลาโดยนัก ดำ�น้ำ�ที่มีอยู่ทุกวัน ท่านจะได้สัมผัสถึงวิธี การให้อาหารปลาอย่างถูกวิธี และน่าตื่น เต้น ให้อาหารปลาหมอทะเลที่มีน้ำ�หนัก กว่า 200 กิโลกรัม ให้อาหารปลาฉลาม เสือดาวที่มีความน่ารักและคุ้นกับนักดำ� น้ำ�
43
สวนสัตว์สงขลา
มี
สัตว์มากมายหลายชนิด ทั้งที่มีถิ่นกำ�เนิดในประเทศ และต่างประเทศ เช่น อูฐ นกชนิดต่างๆ วัวแดง เสือ จระเข้ เป็นต้น นอกเหนือจาก สัตว์ป่าชนิดต่างๆ อันควรค่าแก่ การศึกษา สวนสัตว์สงขลายัง มีจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควร พลาดคือ จุดชมวิวซึ่งสามารถ มองเห็นทัศนียภาพของเมือง สงขลา บริเวณนั้นมีร้านอาหารไว้ คอยบริการนักท่องเที่ยว นอกจาก นี้ มีรูปปั้นไดโนเสาร์และมนุษย์ ดึกดำ�บรรพ์และสัตว์ป่าที่หายาก จัดแสดงไว้ให้ท่านได้ชมอีกด้วย
ส่วนแสดงสัตว์เท้ากีบ จัดแสดงสัตว์หลาก หลายชนิดได้แก่ กวาง ชนิดต่างๆ เช่น กวาง ดาว ละมั่ง (ละอง) กวางป่า เก้งแดง เก้ง หม้อ กระจง เลียงผา วัว แดง กระทิงและในโซน นี้ได้จัดแสดงสัตว์ที่มีน้ำ� หนักตัวมากๆ ไว้ด้วย คือ สถานที่จัดแสดงช้าง และสถานที่จัดแสดง ฮิปโปโปเตมัส
ศูนย์เสือ ประกอบด้วยเสือ ส่วนแสดงสัตว์ประเภทลิง ชนิดต่างๆ เช่น เสือ จัดแสดงลิงชิมแพนซี โคร่งพันธุ์เบงกอล เสือ ลิงอุรงั อุตัง ลิงไทยชนิด โคร่งพันธุ์อินโดจีน เสือ ต่างๆ ค่าง ชะนีฯลฯ จากัวร์ดำ� เสือดาว เสือ ปลพได้จดั แสดงสถานที่ ลายเมฆ และสัตว์ ไว้ให้มีความเหมาะสม ตระกูลเสืออีกหลายๆ กับสัตว์แต่ละประเภท ชนิด ที่หาดูได้ยาก จาก และใกล้เคียงกับที่อยู่ ศูนย์เสือขึ้นไปประมาณ ของสัตว์ในธรรมชาติ 100 เมตร เป็นสถานที่ มากที่สุด จัดแสดงหมี
ส่วนแสดงสัตว์ปีก จัดแสดงสัตว์ปีก ทั้งในและต่างประเทศ ตระกูลนกแก้ว นกมา คอว์ นกน้ำ� นกเงือก ไก่ฟ้าและนกสวยงาม หลากหลายชนิดที่หาดูได้ ยาก สำ�หรับนกเงือกนั้น ในเมืองไทยมีสายพันธุ์ อยู่ 13 ชนิด ที่สวนสัตว์ สงขลามีจัดแสดงอยู่ 6 ชนิด
สวนน้ำ�สงขลา สวนน้ำ� เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการภายในสวนสัตว์สงขลา โดยภายใน สวนน้ำ�จัดให้มีส่วนบริการสระน้ำ� สำ�หรับเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ในลักษณะของน้ำ�หมุนวนที่เลี้ยวลด ไปมาตามพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติที่มองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมืองสงขลา สะพานติณสูลานนท์ เกาะ ยอ เกาะหนู เกาะแมว ผู้ที่มาใช้บริการจะได้สัมผัสกับความอลังการของสระน้ำ�ขนาดใหญ่ พร้อมโลดแล่ นบนสไลเดอร์รางคู่สูงกว่า 7 เมตร เย็นฉ่ำ�กับน้ำ�พุ น้ำ�ตก และมุมพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมจุดให้บริการต่างๆ ภายในสวนน้ำ� ทั้งจุดบริการชุดว่ายน้ำ� รองเท้า ร้านจำ�หน่ายของที่ระลึก มุมถ่ายภาพ พร้อมอาหารและ เครื่องดื่ม
47