ยุค มัง สว ิร ัต ิ
รากฐานของศาสนาคริสต คือ ความเมตตา กรุณ าของการเปนมัง สวิร ัติ
โดยทีมขาวสหรัฐอเมริกา (ตนฉบับเปนภาษาอังกฤษ)
จากหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตรและงานวิชาการคริสเตียน หลายคน พระเยซู คริสต และชาวคริสเตียนสมัยแรก ๆ เปนมังสวิรัติ เปนที่เชื่อกันวา พระเยซูเปนชาวนาซาเร็นส สมาชิกนิกายสันโดดในปาเลสไตนโบราณ ที่อาศัยอยูใกลกับภูเขาคารเมลในอิสราเอล (ชาวเอซเซนนีส) สมาชิกกลุมนี้นุงขาวและ ทานมังสวิรัติ ตามประวัติศาสตรของโบสถในศตวรรษที่ 4 อิพิพาเนียส นักปรัชญาชาวยิว ฟลโล ชาวเอ็สเซ็น ที่เปนยิวผูซึ่งถือปฏิบัติตามแบบชาวยิวทั้งหลาย แตไมกระทํารุนแรงตอ สิ่งมีชีวิตทั้งมวล และเห็นวาการทานเนื้อสัตวหรือบูชายัญดวยสัตวเปนสิ่งไมถูกตอง พระเยซูทานเปนสมาชิกของกลุมนี้ พระเยซูนาจะตองเปนนักมังสวิรัติ เหมือนกับพี่ชาย เจมส(จาคอบ) และลูกศิษยทุกคนของพระองค คัมภีรหลักของชาวเอซเซนซ คือ คําสอนของพระเยซู ในสิบสองคําสอนศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง เปนที่รูจักกันคือ คําสอนของพระเยซูแหงแนสอะเร็นนี้คือคําสอนของพระเยซูที่กลาวไว ครั้งแลวครั้งเลา อธิบายและถูกยกมาอางถึงโดยผูเขียนขอสังเกตของโบสถใน ศตวรรษที่ 1 อยางไรก็ตาม คัมภีรโบราณนี้ถูกเก็บหายไปหลายศตวรรษในอาราม ทิเบตและถูกคนพบใหมเมื่อป 2431 ทั้งหมดหลายคนเปนคุณพอของโบสถสมัยแรก ๆ ที่คนเคารพนับถือ พอ ๆ กับจํานวนของนักศึกษาที่นาประหลาดใจทุกวันนี้ ที่ไดเปด เผยวาคําสอนของพระเยซูในสิบสองศักดิ์สิทธิ์เปนคําสอนศักดิ์สิทธิ์ตนฉบับที่หายไป
เปนเวลานานตามประวัติของนักบุญ คําสอนของพระเยซูนี้ถูกเขียนรวบรวมขึ้นโดยผู เผยแพรศาสนาคริสตครั้งแรกจํานวนสิบสองคนอยางทันทีหลังจากที่พระคริสต สิ้นพระชนม และมันคือคัมภีรซึ่งทั้งหมดของไบเบิ้ลที่เกี่ยวกับประวัติของพระเยซูถูกนํา มาอางเปนหลักฐาน ดังนั้น มันจึงปรากฏในคําแปลในพระคริสตธรรมใหมวาของพระ เยซูเปนนักมังสวิรัติที่เครงครัดดวย พระคริสตธรรมใหมในปจจุบัน มีเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูใหขนมปงและปลาแกคน 5,000 คน (Mark 6:31-34) และที่ปรากฏเห็นเรื่องดังกลาวจากคําสอนของพระเยซูใน สิบสองคําสอนศักดิ์สิทธิ์วา อาหารนั้นมีเพียงขนมปงและองุนเทานั้น ไมมีปลา พระเยซู เลี้ยงคน 5,000 คน ดวยขนมปง 6 กอน และองุน 7 พวง (คําสอนของพระเยซูสิบสองคําสอนศักดิ์สิทธิ์ เลคชั่น XXIX 1:8) 1. และพิธีฉลองวันเปนอิสระของชาวยิวจากอียิปตใกลเขามา ผูเผยแพรศาสนาคริสต และผูติดตามไดรวมตัวกันตอพระเยซูและบอกพระองคทุกสิ่ง
ทั้งสิ่งที่พวกเขาไดทํา
และที่พวกเขาคิด และพระองคพูดวา "มา พวกเธอที่ตางมายังทะเลทราย และนั่งพัก สักครู" สําหรับผูที่กําลังมาและกําลังไปจํานวนมาก และเขาไมมีเวลาวางมากพอที่จะ รับประทาน 2. และเขาออกเดินทางมาที่ทะเลทรายโดยเรืออยางสันโดษ และประชาชนตางก็เห็น การออกเดินทางไปของพวกเขา และหลายคนรูจักเขา และสาวเทาหนีออกมาจาก เมืองทั้งหลาย และ ไปจากพวกเขา และมารวมกันตอหนาพระพักตร 3. และพระเยซู เมื่อพระองคออกมา เห็นประชาชนจํานวนมากและเสด็จตรงไปยังพวก เขาดวยความเมตตา เพราะพวกเขาเหมือนลูกแกะที่ไมมีผ ูดูแล 4. และวันที่ถูกใชไป ลูกศิษยมาหาพระองคและพูดวา "ที่นี่เปนทะเลทราย และเวลาก็ ผานไปมาก สงเขาไป ที่ ๆ เขาอาจไปยังชนบท ไปยังหมูบานรอบ ๆ และหาซื้อขนมปง สําหรับตัวเอง เพราะไมมีอะไรจะกิน" 5. พระองคพูดกับพวกเขาวา "เธอใหอะไรเขาไปกิน" และพวกเขาพูดกับพระองควา "พวกเราจะไปและซื้อขนมปงสักสองรอยเพนนี และใหเขากินกันไดมั้ย? 6. พระองคพูดกับพวกเขาวา "เธอมีกี่กอนละ? ไปและดู" และเมื่อเขารู เขาพูดวา "หก กอนและองุนเจ็ดพวง" และพระองคสั่งเขาใหทําใหคนทั้งหมดนั่งลงเปนกลุม 50 กลุม บนสนามหญา และพวกเขานั่งแถวหนากระดานเปนรอย ๆ 50 แถว 7. และพระองคก็หยิบขนบปงหกกอนและองุนเจ็ดพวง และพระองคมองขึ้นบนสวรรค และใหพร และก็แบงขนมปงและองุนดวย และใหมันแกพวกลูกศิษยของพระองคที่อยู ตรงหนา และพวกเขาก็แบงตอ ๆ กันจนครบทุกคน 8. และพวกเขาก็รับประทานกันจนอิ่ม และก็ถือตระกราหกใบที่เต็มไปดวยเศษอาหาร ที่เหลือ และพวกเขาก็ไดรับประทานขนมปงและผลไมทั้งผูชาย ผูหญิง เด็ก ทั้ง 5,000 คน และพระองคก็สอนพวกเขาหลายอยาง
หลักฐานนี้บงบอกถึงเรื่องราวที่กลาวถึงการเลื้ยงผูคนจํานวนมากนั้นไมเกี่ยวกับปลา มีอีกหลายตอนที่นับไมถวนในพระคัมภีรสิบสองศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระเยซูไดสอนพวกเรา ใหรักสัตวและไมรับประทานเนื้อสัตว ยกตัวอยางเชน มีบางคนพูดวา "ชายคนนี้หวงใยสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย พวกนั้นเปนพี่นองกับเขาหรือ เขา จึงตองรักพวกนั้น?" แลวพระเยซูจึงบอกวา "พวกนี้คือเพื่อนที่มีชีวิตของเธอและของ ครอบครัวใหญของพระเจา ใชแลว พวกเขาเปนพี่นองของเธอซึ่งมีลมหายใจแหงชีวิต ในนิรันดรเชนเดียวกับเธอ ใครก็ตามที่รักหวงใยอยางนอยหนึ่งในพวกนี้ และให อาหารและน้ําเมื่อมันหิว ก็เหมือนกับไดกระทําใหแกฉัน ใครที่เจตนาใหมันตองเจ็บ ปวดทรมาน ไมปกปองเมื่อมันถูกกระทําอยางชั่วราย ก็เหมือนไดกระทําชั่วรายแกฉัน เชนกัน สําหรับสิ่งที่เธอไดกระทําในชาตินี้ เธอก็จะถูกกระทําในชาติตอไป (Lection XXXIV, 9-10) และอีกครั้งมีคนถามวา "ถามีใครซึ่งรับประทานเนื้อสัตวและดื่มเหลาอยางหนักมาหา เรา เราจะทําอยางไร?" พระเยซูไดกลาวกับเขาวา "ปลอยใหคนแบบนั้นทนอยูที่ลาน ขางนอกจนกวาพวกเขาไดชําระตัวเองจากสิ่งชั่วรายหยาบชาเหลานั้น จนกวาพวกเขา จะเขาใจและสํานึกผิดสิ่งเหลานี้ พวกเขาไมเหมาะที่จะไดรับรูความลับระดับที่สูงกวา (Lection XCI, 8) "เธอจงอยาคราเอาชีวิตใด ๆ ของสิ่งสรางจากพระเจาไปเพื่อความสุขสบายของ ทั้งไม ทําเพื่อประโยชนของเธอ ทั้งตองไมทรมานมัน" (Lection XLVI, 10) "เธอจงอยารับประทานเนื้อสัตว หรือดื่มเลือดของสิ่งมีขีวิตใด ๆ ที่ถูกฆา รวมทั้งไมรับ เอาสิ่งใด ๆ ที่ทําความยุงเหยิงใหแกสุขภาพและประสาทของเธอ" (Lection XLVI, 12) "เธอจงทะนุถนอมและปกปองผูที่ออนแอ และเหลาผูที่ถูกกดขี่ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ ทุกขทรมานจากความอยุติธรรม(Lection XLVI, 18) พระคัมภีรอีกเลมหนึ่ง พระคัมภีรเอสเซนแหงสันติภาพไดถูกคนพบเมื่อป 2466 ในที่ เก็บเอกสารลับของสํานักวาติกัน ตอไปนี้คือบางตอนของคําสอนที่พระเยซูไดแบงปน ใหกับชาวเอสเซน คัดมาจากพระคัมภีรนี้ 'เธอจงอยาฆา' เพราะชีวิตถูกมอบใหแกสรรพสัตวโดยพระเจา และชีวิตที่พระเจาได มอบใหนั้น หามมนุษยคราเอาไปเสีย ฉันบอกความจริงแกเธอ ชีวิตทั้งหมดบนโลกนี้ มาจากแมเดียวกันเทานั้นที่สรางมา ดังนั้น ผูที่ฆา คือฆาพี่นองของเขา และเขาจะถูก แมแหงโลกเบือนหนาหนี และถูกทิ้งออกจากเตานมแมโดยเร็ว และเขาจะถูกรังเกียจ จากทูตสวรรค แลวซาตานจะเขาอยูในรางกายของเขา และเลือดเนื้อของสัตวที่ถูกฆา อยูในรางกายของเขาจะกลายเปนหลุมฝงศพของเขา ฉันบอกความจริงแกเธอ คนที่ ฆา เขาฆาตัวเขาเอง และใครที่กินเลือดเนื้อของสัตวที่ถูกฆา เขาก็กินรางกายของศพ แลวทุกหยดเลือดของสัตวเหลานั้นจะกลายเปนพิษอยูในเลือดของเขา ลมหายใจของ เขาจะเนาเหม็นจากกลิ่นของสัตวเหลานั้น ในเลือดเนื้อของเขาจะเดือดพลานดวยเลือด
เนื้อจากสัตวเหลานั้น กระดูกของเขาถูกปนเหมือนกระดูกของสัตวเหลานั้น ในทอง ของเขาเนาเปอยเหมือนทองของสัตวเหลานั้น ตาของเขาเปนสะเก็ดเหมือนตาของ สัตวเหลานั้น ในหูของเขาจะมียางเหนียวไหลออกมาเหมือนหูของสัตวเหลานั้น และ ความตายของพวกนั้นจะกลายเปนความตายของเขา (Book 1) อยาฆา ทั้งไมกินเลือดเนื้อของเหยื่ออันบริสุทธิ์ของเธอ มิฉะนั้นเธอจะกลายเปนทาส ของซาตาน แลวนั่นคือหนทางของความทุกขทรมานและมันนําไปสูความตาย ใหทํา ตามพระประสงคของพระเจา แลวทูตสวรรคของพระองคจะมารับใชเธอตลอดชีวิตของ เธอ ดังนั้น จงเชื่อฟงถอยคําของพระเจาที่บอกวา "จงดู ฉันไดใหพืชสมุนไพรทุกชนิด เกิดมีเมล็ด ซึ่งจะงอกงามอยูทั่วพื้นผิวโลก และตนไมทุกชนิดที่มีผ ลซึ่งเมล็ดจะงอกเงย เปนตนออน เหลานี้จะเปนอาหารของเธอ และสัตวทุกตัวของโลกนี้ สัตวปกทุกตัวใน อากาศ และสัตวทุกตัวที่เลื้อยคลานอยูบนโลก ซึ่งมีลมหายใจแหงชีวตอยูภายใน ฉัน ไดใหพืชสมุนไพรทุกชนิดเปนอาหาร (Book 1) แตฉันขอบอกเธอวา หามฆามนุษยหรือสัตวหรือกระทั่งอาหารที่เขาไปในปากของเธอ เพราะถาเธอรับประทานอาหารที่มีชีวิตอยู ผลลัพธที่เหมือนกันจะเกิดแกเธอโดยเร็ว ถาเธอฆามาเปนอาหารของเธอ อาหารที่ตายนั้นจะฆาเธอเชนกัน เพราะชีวิตมาจาก ชีวิต และความตายยอมมาจากความตาย สําหรับทุกสิ่งที่ถูกฆามาเปนอาหารของเธอ ก็ฆาชีวิตของเธอเชนกัน และทุกสิ่งที่ฆารางกายของเธอก็ฆาวิญญาณของเธอดวยเชน กัน แลวรางกายของเธอจะกลายเปนเหมือนเชนอาหารที่เธอรับประทาน กระทั่งจิต วิญญาณของเธอก็เชนเดียวกันจะกลายเปนเหมือนความคิดของเธอ (Book 1)
ทําไมคําสอนบางอยางของพระเยซูในคัมภีรเอสเซนจึงตางไปหรือถูกแกไขจาก ไบเบิ้ล? ทําไมคริสตศาสนาในเวลาตอมาจึงละทิ้งรากฐานแหงการเปนมังสวิรัติของ มัน ตามที่สตีเวน โรเซน ไดเขียนในหนังสือของเขา อาหารสําหรับจิตวิญญาณ "พระ สงฆชาวคริสตในระยะแรกยึดมั่นอยูในระบบของการไมรับประทานเนื้อสัตว...ชาว คริสเตียนยุคแรกหลาย ๆ กลุมสนับสนุนวิถีชีวิตแหงการไมรับประทานเนื้อสัตว การ บันทึกของโบสถคริสตในยุคตนบงชี้วาการรับประทานเนื้อสัตวไมไดรับการอนุญาต เปนทางการ จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 4 เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินไดตัดสินใจวา คัมภีรศาสนาคริสตฉบับแปลของเขาควรจะเปนคัมภีรสําหรับทุก ๆ คน ดังนั้น การ อธิบายการรับประทานเนื้อสัตวในไบเบิ้ลจึงกลายเปนลัทธิที่เปนทางการของจักรวรรคิ
โรมัน แลวชาวคริสตที่เปนมังสวิรัติตองปฏิบัติอยางลับ ๆ หรือเสี่ยงตอการถูกฆา เพราะความเห็นนอกรีต มีการกลาววา คอนสแตนตินใชตะกั่วเหลวเทใสคอพวกเขาถา ถูกจับได" บางกลุมที่อางวาไดรับการสืบทอดการปฏิบัติทางจิตวิญญาณจากเอสเซนโบราณ และ สมาชิกในกลุมที่แสดงตัววาเปนชาวเอสเซน ซึ่งไดเขียนหนังสือ 27 เลมที่พวกเราเรียก กันในปจจุบันวาพระคริสตธรรมใหม และกระทั่งการแปลบางตอนของหนังสือที่ผ าน การพิจารณาของพระสงฆก็ถูกเซนเซอรออกในเรื่องความเชื่อที่แนนอน อยางเชน วัฏจักรการเวียนวายตายเกิด ความเปนสตรีอีกดานหนึ่งของพระเปนเจา และมังสวิรัติ กลุมเหลานี้ใชไบเบิ้ลฉบับนาซาเรนวิถีแหงชาวเอสเซน มวนพระคัมภีรฉบับเดดซี ตนฉบับของหองสมุดแหงนัค ฮัมมาเฮี และคัมภีรอื่น ๆ ที่เพิ่งคนพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ เปน พื้นฐานการปฏิบัติตามหลักความเชื่อของพวกเขา ถึงแมวาไบเบิ้ลจะไมสมบูรณและมีความขัดแยงกันระหวางการรับประทานเนื้อสัตว และมังสวิรัติ ซึ่งจําเปนตองใหมีการอธิบายอยางรอบคอบ มีหลาย ๆ ขอความที่ยังคง มีการอางถึงมังสวิรัติ ตอไปนี้คือบางตัวอยางจากฉบับแปลของกษัตริยเจมส
พระคริสตธรรมเกา พระเจาตรัสวา จงดู ฉันใหพืชสมุนไพรทุกชนิดที่ออกดอกผล ซึ่งอยูบนพื้นโลกทั้งหมด และตนไมทุกตนที่มีผ ลซึ่งมีเมล็ดที่งอกเปนตนใหมได มันจะเปนอาหารสําหรับเธอ สวนสําหรับสัตวทุกตัวของโลก สัตวปกทุกตัวบนอากาศ และสัตวเลื้อยคลานทุกตัวบน พื้นโลก ซึ่งมีชีวิตอยูภายใน ฉันไดใหพืชสมุนไพรทุกชนิดเปนอาหาร และมันจงเปน เชนนั้น (เจเนซิส 1:29-30) แตรางกายที่มีชีวิต ซึ่งมีเลือด เธอจงอยากิน (เจเนซิส 9:4) พวกเธอจงอยาฆา(เอ็กโซดัส 20:13) อาหารมื้อค่ําที่เปนพืชสมุนไพรซึ่งมีความรัก
ยอมดีกวาเนื้อวัวจากคอกสัตวซึ่งมีแต
ความเกลียดอยูขางใน จงอยาอยูทามกลางคนขี้เมา 23:20)
ทามกลางคนหมกมุนรับประทานเนื้อสัตว(Proverbs
จุดประสงคใดมากมายในการบูชาของเจาที่มีใหแกฉัน? พระเจาตรัส : ฉันเหลือจะทน กับการสังเวยดวยการเผาแกะตัวผู และไขมันของสัตวเลี้ยง และฉันไมชื่นชอบในเลือด ของวัว หรือลูกแกะ หรือแพะ...และเมื่อเจายกมือวิงวอนขอรอง ฉันจะเบือนหนาหนีจาก เจา แมมื่อเจาสวดภาวนามากมาย ฉันก็จะไมรับฟง:มือของเจาเต็มไปดวยเลือด จงไป ลาง ลางตัวเจาใหสะอาด หยุดการกระทําชั่วรายทั้งหลายตอหนาฉัน จงหยุดการกระ
ทําชั่วราย(อิสซายาห1:11, 15-16)
พระคริสตธรรมใหม เนื้อสําหรับกระเพาะ และกระเพาะที่กินเนื้อสัตว พระเจาจะทําลายทั้งเนื้อและกระเพาะ ทั้งหลายนั้น(โครินเธียนส 6:13) (พระเยซูตรัสวา) ฉันมีความเมตตาให อยามาสังเวยใหฉัน (แมทธิว 9:13 & 12:7) (เซนตปอล หนึ่งในลูกศิษยของพระเยซู กลาวในจดหมายที่เขียนถึงชาวโรมัน) มันดีทั้ง ไมรับประทานเนื้อสัตวและทั้งไมดื่มไวน ทั้งไมกระทําสิ่งใด ๆ ซึ่งผิดตอพี่นองของเธอ หรือขุนเคืองใจ หรือรังแก (โรมัน 14:21) ชาวคริสตผูรอบรูหลายคนไดลงความเห็นวา การเปนมังสวิรัติถูกตองหลักจริยธรรม และตรงกันกับหลักคําสอนของพระเยซู กลุมชาวคริสตหลายกลุมในยุคของพระเยซู ไดปฏิบัติแบบมังสวิรัติ ในกลุมเหลานี้มีกลุม the Seventh Day Adventist ซึ่งคงเปน ที่รูจักกันมากที่สุด จากประวัติศาสตรที่ผ านมา ชาวคริสตจํานวนมากไดรับรูถึงความโหดรายและนิสัย การรับประทานเนื้อสัตวซึ่งเปนพฤติกรรมที่ไมเหมือนพระคริสต ในปจจุบันนี้ ชาว คริสเตียนจํานวนมากมายนับไมถวนไดกลายมาเปนมังสวิรัติ ซึ่งเปนวิถีการใชชีวิตที่มี ความเมตตาและความกรุณามากกวา เว็บไซตอางอิง http://www.ivu.org/news/1-96/essenes.html http://www.ivu.org/history/christian/christ_veg.html http://www.all-creatures.org/discuss/svtxbibessene8ms.html http://www.thenazareneway.com/ght_table_of_contents.htm http://www.thenazareneway.com/essene_gospel_of_peace_book1.htm http://www.ashlandweb.com/human.capacities/gospel/index.html http://reluctant-messenger.com/essene/index.html http://www.jesusveg.com http://www.all-creatures.org/cva/
http://bible.cc/ http://en.wikipedia.org/wiki/Essene <<
สารบัญ สงหนานี้ตอใหเพื่อน ๆ
>>