GEN441 กล้วยไม้ออนทัวร์ ตอนกุฎีจีน

Page 1


บรรณาธิการ เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน พบกับวารสารกล้วยไม้ ออนทัวร์อีกครั้ง นะครับเนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำ�วัน ส่ง ผลกระทบต่อชุมชนและประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม ทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงเป็นเหตุให้ทางผู้จัดทำ�นำ�เสนอชุมชนดั่งเดิมที่มีหลากหลายศาสนา เชื้อ ชาติ และวัฒนธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์รากฐานของวัฒนธรรม ในตอนที่มีชื่อว่า ’ชุมชนกุฎีจีน’ คอลัมน์ของเราในครั้งนี้จะนำ�เสนอสิ่งที่คุณ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ โดยวิทยากร นายธีรนันท์ ช่วงพิชิต ทั้งยัง มี วัฒนธรรม,ประวัติความเป็นมาของชุมชน บรรยายโดยท่านอิหม่ามรอม ฎอน ท้วมสากล เป็นเกียรติอย่างมากในการให้ความรู้แก่ผู้จัดทำ�ทางผู้จัด ทำ�หวังว่าวารสารฉบับนี้จะมีประโยชน์และสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน ต่อผู้บริโภคไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใดทางผู้จัดทำ�ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ�




Culture 2 - วัฒนธรรมย่านกุฎีจีน Meet the Master 6 - เรื่องเล่าจาก ...อิหม่าม... Explore - สำ�รวจแหล่งท่องเที่ยวในกุฎีจีน

10

สักการะ 5 เทพจีน ในวัดกัลยา (วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร)

27

ขนมฝรั่งที่กุฏีจีน

36


1


Culture วัฒนธรรมย่านกุฎีจีน ทุกวันนี้ชุมชนบริเวณกุฏีจีน กุฏีขาว รวมไปถึงเขต ชุมชนในละแวกนั้น ทั้งหมดยังคงอนุรักษ์ความ งดงามในอดีตไว้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน หรือสถาน ที่สำ�คัญต่างๆ ใครที่แวะเวียนมาที่นี่ก็จะพบกับวิถี ชีวิตที่เรียกได้ว่า ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและ กันมีการเข้าร่วมงานเทศกาลต่างๆด้วยกัน โดย ไม่เกี่ยวกับศาสนาหรือความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ละคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน ขนมที่ขึ้นชื่อมากคือ ขนม กวยตัส และ กุตสลัง ลักษณะคล้ายคลึงกับ ขนมไข่

2


3

สิ่งที่น่าสนใจในชุมชนบริเวณนี้นั้น ก็คือจะสังเกตได้ ว่าที่นี่มีบุคคลที่นับถือความเชื่อมากมายแตกต่างกัน ไป เช่น ศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า ศาสนาคริสต์ ศาสนา อิสลาม แต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ความ สัมพันธ์ภายในชุมชนเป็นแบบสังคมขยาย รับ-ส่ง ข่าวสารกันแบบปากต่อปากไปเรื่อยๆ มีความสนิท สนมกันดี วิถีชีวิตของคนในชุมชนในอดีตจะเป็นการ ล่องเรือค้าขายไปตามรีบแม่น้ำ� จับกุ้ง จับปลา เพราะ บริเวณชุมชนนี้มีแม่น้ำ�ลำ�คลองค่อนข้างเยอะ เรียก ได้ว่าเป็นมรดกริมน้ำ�ที่มีสถานที่โบราณอยู่มาก


4

แต่ในปัจจุบันเนื่องด้วยความทันสมัยและค่านิยมใหม่ๆที่ถูกปลูกฝังกับคนรุ่น ปัจจุบัน ทำ�ให้ต้องรื้อถอนสิ่งต่างๆออก มีชาวบ้านจำ�นวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับ การกระทำ�เหล่านี้ เพราะโบราณสถานต่างๆมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์สืบต่อให้รุ่น ลูกหลานได้ศึกษาชื่นชม


5

อิหม่ามรอมฎอน ท้วมสากล


Meet the Master

6

เรื่องเล่าจาก ...อิหม่าม... ในคอลัมน์นี้ จะเป็นการพบกับ อิหม่ามรอมฎอน ท้วมสากล ซึ่งเป็นผู้นำ�ชุมชน บริเวณมัสยิดบาง หลวงหรือกุฏีขาว การพบกับกันครั้งนี้ อิหม่ามจะ ให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต รวมถึงประวัติศาสตร์ ของชุมชนบริเวณนี้ สำ�หรับมัสยิดบางหลวง สันนิษฐานว่าสร้าง ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2328) โดยพ่อค้า มุสลิมชื่อโต๊ะหยี ได้รวบรวมสมัครพรรคพวก ทำ�การก่อสร้างมัสยิดขึ้นในหมู่บ้าน “เป็นทรงไทย ก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง” มีหน้าบันหน้า-หลังประดับ ด้วยปูนปั้นลายศิลปะ 3 ชาติคือ ที่กรอบหน้าบัน เป็นเครื่องลำ�ยอง ประดับห้ามลายไว้บนยอด เป็น ศิลปะไทย ส่วนในหน้าบัน เป็นปูนปั้นลายก้านแย่ง ใบฝรั่งเทศ เป็นศิลปะฝรั่ง และที่ส่วนดอกไม้ เป็น ดอกเมาตาล เป็นศิลปะจีน ลายศิลปะ 3 ชาตินี้ ได้นำ�มาประดับที่กรอบ ประตูและหน้าต่างทุกบานของมัสยิด ในส่วนตัว อาคารที่เป็นปูน ทาสีขาวทั้งหมด ส่วนที่เป็นไม้จึงสี เขียว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กุฎีขาว” (คำ�ว่า กุฎี ถูกนำ�มาใช้เรียกศาสนสถานของมุสลิม มาแต่สมัยอยุธยา แต่เมื่อได้มีการประกาศใช้พระ ราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 ได้เปลี่ยนคำ� เรียกเป็นมัสยิด)


7

“พื้ น ที่ นี้ อ ยู่ ร วมกั น แบบมี ห ลายความเชื่ อ หลายศาสนา แต่ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน เหมือนบางที่บางชุมชน ถ้าดูตามเว็บไซต์ หลาย ประเทศมีการเผาวัด เผาสุเหร่า มัสยิด แต่ที่นี่กลับ ไม่มี ทั้งๆที่อยู่ในถนนเส้นเดียวกัน เดินด้วยกัน ตลอด นี่มุสลิม เดินออกไปก็เป็นวัดกัลยาฯ ออก ไปหน่อยก็เป็นกุฏีจีน มีลัทธิเต๋า แต่อยู่ได้ 300 กว่า ปี โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งใดๆ ” อิหม่ามได้ กล่าวแสดงถึงความเป็นกันเองในชุมชนแห่งนี้ ถ้ากล่าวถึงกุฏีขาวแล้ว ชุมชนแห่งนี้เป็น สังคมรูปแบบสังคมขยาย กล่าวคือ เป็นทุกคนใน สังคมรู้จักสนิทสนมกันเหมือนเครือญาติ ถ้ามี ข่าวสารอะไร ก็บอกต่อๆกัน ทำ�ให้ทราบกันทั่ว ชุมชน ซึ่งปัจจุบันนี้หาได้ยากในสังคมไทย แม้ว่า ชุมชนแห่งนี้จะมีคนที่นับถือหลากหลายความเชื่อ แต่ทุกคนก็คุยกันอย่างเป็นมิตร มีการช่วยเหลือกัน มีกิจกรรมที่ทำ�ร่วมกันบ่อยๆ อย่างเช่น กิจกรรมวัน พ่อ กิจกรรมวันแม่ เป็นต้น

“แต่เดิม ชุมชนเราเนี่ย จะมีมุสลิมอยู่ ประมาณ 90% ส่วนใหญ่จะเป็นมุสลิมหมด อย่าง บ้ า นที่ เ ห็ น ๆกั น เป็ น บ้ า นของมั ส ยิ ด ถ์ เ กื อ บหมด เลย เราให้อยู่ฟรีมา 300 กว่าปีโดยไม่เก็บค่าใช้ จ่ายแม้แต่บาทเดียว ที่นี้เป็นมัสยิดถ์แห่งเดียวใน ประเทศไทยที่มีที่ให้อาศัยอยู่ฟรี ถ้าคุณไปอยู่ที่อื่น ก็ให้คนจนอาศัยอยู่ต่อ จะมาทำ�เป็นบ้านเช่า เอา เงินเข้ากระเป๋าไม่ได้ มันบาป ปัจจุบันอาชีพดั้งเดิม มันเลือนหายไปแล้ว เพราะมันมีความเจริญมากขึ้น ในเรื่องของการศึกษา พายเรือขายผัก ขายผลไม้นี่ ไม่มีแล้ว” ในสมัยก่อนชุมชนแห่งนี้มีคลอง มีแหล่งน้ำ� มากมาย คนสมัยก่อน อยู่กับน้ำ�เป็น มีความสุขใน ฤดูน้ำ� ทุกบ้านมีเรือ แต่ปัจจุบันโดนถมทิ้งหลาย ที่มาทำ�เป็นเขื่อน แล้วก็มีความคิดที่ถูกปลูกฝังว่า น้ำ�เป็นแหล่งเชื้อโรคอันครายในอดีตสามารถลงไป จับกุ้งได้ในแม่น้ำ�เวลากลางคืน


8

กุ้งมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถจับได้ด้วยมือ เปล่า แต่ปัจจุบันหาแทบจะไม่มีแล้ว กุ้งมีขนาดเล็ก ลงมาก วัฒนธรรมต่างๆ ความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมก็ ค่อยๆเลือนหายไป นับเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย ก่ อ นจะจากกั น นั้ น ท่ า นอิ ห ม่ า มยั ง มี บ ท กล่อมเด็กพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา นั่นก็คือ “อยากฟังผู้หลักผู้ใหญ่ให้ไปกุฎีใหญ่ อยากกินแกงไก่ให้ไปกุฎีแดง อยากไส้แห้งให้ไปกุฎีโต๊ะหยี อยากจู้จี้ไปกุฎีปลายนา”


9


Explore สำ�รวจแหล่งท่องเที่ยวในกุฎีจีน

10


11


12

วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หรือ เรียกกันว่า “วัดรั้วเหล็ก” เป็นพระ อารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ที่ สมเด็จพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เมื่อครั้งเป็นเจ้าพระยาคลัง ว่าที่กรมท่าและพระสมุหกลาโหม ได้ อุทิศสวนกาแฟสร้างเป็นวัดขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๑ และได้ถวายเป็นอารามหลวงใน สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ หัว รัชกาลที่ ๓ ได้รับพระราชทานนาม ว่า “วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร” จนถึง ปัจจุบันมีอายุ ๑๘๗ ปี เมื่อเข้ามาในวัด จะพบกับพระ อุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมแบบทรงไทย กว้าง 18.24 เมตร ยาว 25.20 เมตร มอง ไปก็จะเห็นกับพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ซึ่ง เป็นเจดีย์สีขาวสูงใหญ่ ใกล้ๆกลับเจดีย์ นั้น ก็จะเป็นที่ๆจัดเก็บวัตถุโบราณและ พระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย ยังมีอีกที่ๆ น่าสนใจในบริเวณวัด นั่นคือ “เขามอ” โดยเขาจะเป็นภูเขาจำ�ลองขนาดเล็ก มี สระน้ำ� มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ และเป็นสถานที่สวยงามสำ�หรับพักผ่อน หย่อนใจ


13


14

เขามอเป็ น ภู เ ขาจำ � ลองขนาด เล็ก ก่อด้วยศิลาตั้งอยู่กลางสระน้ำ� บริเวณหน้าวัด มีศาลาราย 8 หน้า ตั้ง อยู่ ริ ม สระน้ำ � เพื่ อ เป็ น ที่ ป ระดิ ษ ฐาน พระพุทธรูป และเป็นที่นั่งพักผ่อน หย่อนใจ มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขา บน ยอดเขาเป็ น ที่ ตั้ ง พระสถู ป หล่ อ ด้ ว ย ท อง เห ลื อ ง ลง รั ก ปิ ด ท อง สำ � หรั บ บรรจุพระพุทธ รูปสำ�คัญไว้ภายใน


15


16

โบสถ์ซางตาครู้ส เป็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบเรเนส ซองส์ แบบนีโอ-คลาสสิคและเป็นอาคาร ก่ออิฐฉาบปูน ภายในโบสถ์มีความ สวยงามผนั ง ด้ า นข้ า งมี รู ป บอกเล่ า เรื่ อ ง เกี่ยวกับคริสต์ศาสนา ตัวโบสต์หันหน้า ออกไปรับกับแม่น้ำ�เจ้าพระยาทำ�ให้มีลม พัดเข้ามาเบาๆ ทำ�ให้บรรยากาศโดยรอบ นั้นนับว่าค่อนข้างดี บริเวณใกล้เคียงโบสถ์ ก็ยังมีโรงเรียนที่หลายคนรู้จักกันดี นั่นก็ คือ โรงเรียงซางตาครู้สคอนแวนท์


17


18

ศาลเจ้าแม่กวนอิมเกียนอันเกง เดิ ม มี ศ าลเจ้ า สองหลั ง ติ ด กั น คือ ศาลเจ้าโจวซือกง และ ศาลเจ้า กวนอู ชาวบ้านแถบนี้บอกเล่ากันต่อๆ มาว่า ศาลเจ้าทั้งสองหลังนั้นสร้างใน สมัยกรุงธนบุรี โดยชาวจีนที่ตามเสด็จ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาสร้าง เมืองหลวงใหม่ที่กรุงธนบุรี ต่อมาในสมัย รัชกาลที่3 ได้มีชาวจีนฮกเกี้ยนจำ�นวน หนึ่งได้มารื้อศาลเจ้าเก่าทั้งสองแห่งลง แล้วสร้างขึ้นใหม่เป็นหลังเดียว อัญเชิญ เจ้าแม่กวนอิมขึ้นประดิษฐานแทน และ ให้ชื่อว่า ศาลเจ้ากวนอันเก๋ง ในเวลาต่อ มาตัวศาลเจ้ามีสภาพชำ�รุด ทรุดโทรม ขาดการทำ�นุบำ�รุง เมื่อครั้ง สมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ�รง ราชานุภาพ เสด็จมาร่วมงานหล่อระฆัง ใบใหญ่ที่วัด


19

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร สำ�หรับวัดนี้เรียกกันสั้นๆว่า วัด กัลยาณมิตร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยที่นี่มีพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงในการ ให้โชคลาภ นั่นก็คือ “พระพุทธไตรรัตน นายก” หรือที่เรียกติดปากกันว่า “ซำ� ปอกง” นอกจากนั้นยังมีเทพที่ให้โชค ลาภต่างๆของจีนอีกด้วย


20


21


22

กุฎีขาว มัสยิดบางหลวง กุฏีบางหลวง มั ส ยิ ด บางหลวงหรื อ อี ก ชื่ อ คื อ กุ ฏี ขาว ที่นี่จะเป็นมัสยิดที่ก่อสร้างและมี ลวดลายศิลปะของ 3 ชาติ เป็นจุดเด่นให้ คนทั้ ง ในประเทศและนอกประเทศเกิ ด ความสนใจ เป็นมัสยิดที่มมีคุณค่าทางด้าน ศิลปะและประวัติซาสตร์อย่างยิ่ง กำ�พง ของมัสยิดนั้นมีความหนา 1 เมตร ทำ�ให้ ภายในมัสยิดมีอากาศที่เย็น หน้าต่างยังใช้ แบบเปิดเข้าและขัดบาน ในการมาเยือน ครั้งนี้ เราก็จะได้พบกับ อิหม่ามอิหม่าม รอมฎอน ท้วมสากล ซึ่งเป็นผู้นำ�ชุมชน บริเวณนี้ มาให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต วัฒนธรรมต่างๆ


23


24

วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร ภายในตัววัดนั้น บางส่วนยังบูรณะ ไม่เสร็จดี แต่ก็มีความสวยงาม เหมาะ แก่การมาเยี่ยมเยือน โดยในอดีตนั้น วัดนี้ เป็นวัดสำ�คัญของบ้านเมืองแถบนี้ มีรูปปั้น ที่แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวจีน เช่น รูป ปั้นขุนนางจีนที่หน้าอุโบสถ เมื่อเข้าไปใน อุโบสถก็จะพบกับพระพุทธรูปที่สวยงาม ตั้งอยู่เรียงราย


25


26

วัดอรุณราชวราราม มหาราชวรวิหาร วัดนี้คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอน ต้น มีพระปรางค์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย และวัดนี้ก็อยู่ติดกับแม่น้ำ�เจ้าพระยา ทำ�ให้ วัดนี้มีบรรยากาศที่ดี เป็นที่สนใจของนักท่อง เที่ยวมากมาย กระเบื้องหลายจุดมีลวดลาย สวยงาม และจุดเด่นของที่นี่นอกจากพระ ปรางค์ที่สูงแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นยักษ์คู่ที่ถือ ตะบองยืนเป็นสง่าอยู่หน้าทางเข้าพระอุโบสถ


27

สักการะ 5 เทพจีน ในวัดกัลยา (วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร) วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารหรือที่เรียกติดปากกันว่า “ซำ�ปอกง” เป็นวัดที่ มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับจีน จึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งไทยและจีนภายในวัด ที่ โดดเด่นคือ”พระพุทธไตรรัตนนายก” ที่คนไทยรู้จักในนาม ’หลวงพ่อโต’ วิธีสักกา ระนั้นได้แก่ ธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่ และดอกไม้พวงมาลัยเพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนวิธีการไหว้พระพุทธรูปอื่นๆ คือ จุดธูปบูชา มีกระถางธูปให้ปักอยู่ 5 ใบ ให้ ปักธูปเรียงจากกระถางใหญ่ที่มีภาษาจีนสีแดงก่อนจากนั้นจึงปักธูปตามลำ�ดับจาก กระถางซ้าย กระถางตรงกลาง กระถางขวา และกระถางด้านหลังสุด กระถางละ 3 ดอก รวมทั้งหมด 15 ดอกพอดี ซึ่งคนไทยน่าจะทราบในจุดๆนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นผู้จัดทำ�จึงเกิดข้อสงสัยว่า เทพจีน 5 องค์ มีนามว่าอะไร แล้วสักการะ ขอพรอย่างไร จึงทำ�ให้เกิดคอลัมน์นี้ขึ้นมาเพื่อไขข้อสงสัยและมอบความรู้ให้กับ ท่านผู้อ่านนั้นเอง


28

จากการค้นคว้าและสืบค้นข้อมูลจากท่านกูรูหลายท่าน จึงสรุปได้ว่า 5 เทพ จีน จริงๆคือ การสร้างเทพเจ้าขึ้นมาเพื่อรับพุทธพานิชที่เข้ามาถึงจากการท่อง เที่ยว แต่เดิมเป็นเพียง อับเฉา (ตุ๊กตาศิลาจีน) เมื่อประมาณ พ.ศ.2545 โดยอุป โหลกตุ๊กตาเหล่านั้น ให้กลายมาเป็นสัญลักษณ์จากเทพต่าง ๆ พร้อมทั้งทาสีทอง ทั้งเทพแห่งความรัก, คหบดี(เศรษฐี), มั่นคง, หมอยา และการต่อสู้ ล้วนเป็นความ หมายที่คนเข้าหาวัดด้วยปัญหาที่ไม่พ้นจากเทพทั้งห้าเหล่านี้ ทางผู้จัดทำ�จึงสืบหา ข้อมูลว่าอับเฉาแต่ละอัน เป็นสัญลักษณ์ของเทพจีนองค์ใด


29

เทพเจ้าแห่งความรัก เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน หรือเย่ว์ เทพเจ้ า เยว่ เ หล่ า หรื อ ชายแก่ ใ ต้ แสงจันทร์ถือได้ว่าเป็นกามเทพที่พึ่งของ หนุ่มโสดสาวโสดทั้งหลาย โดยวิธีขอพรนั้นคือ คนไหว้จะต้อง อธิษฐานแล้วโยนไม้เ สี่ยงทายคว่ำ�หงาย ถามคำ�ถาม จากนั้นก็เขียนคำ�อธิษฐาน ใส่ซองแดงส่งถึงเยว่เหล่า ก่อนกลับต้อง นำ � เชื อ กแดงและซองใส่ ผ งสี ช มพู ติ ด ตั ว กลับไปด้วย โดยผงชมพูใช้แต้มที่บริเวณ ขมับสองข้าง เพื่อเพิ่มพลังงานในร่างกาย สำ�หรับดึงดูดรักแท้ ส่วนเชือกแดงให้ผูกข้อมือหรือข้อเท้าเอา ไว้โดยมีความเชื่อว่าเชือกอีกข้างจะไปช่วย ผูกคู่แท้ให้เข้ามาหา


30

เทพเจ้ า แห่ ง คหบดี แ ละมั่ น คง ไฉซิ้งเอี้ย หรือ จ่ายสินเอี้ย เป็นเทพแห่งคหบดีและมั่นคง ซึ่ง สำ � หรั บ ชาวจี น แล้ ว ถื อ เป็ น เทพเจ้ า ที่ มี ความสำ � คั ญ มากที่ สุ ด ในการเริ่ ม เข้ า สู่ ปี นักษัตรใหม่ (ปีใหม่จีน)เชื่อว่าไฉซิ้งเอี้ย จะ เสด็จมายังโลกมนุษย์เพียงปีละครั้ง คือ ในวันตรุษจีน ดังนั้น ชาวจีนตั้งแต่โบราณ เมื่อเข้าสู่วันตรุษจีน (นับตั้งแต่ 0.00 น.) จะทำ�การตั้งโต๊ะบูชาไฉซิ้งเอี้ย โดยการ หันหน้าไปทิศต่าง ๆ ที่เชื่อว่าไฉซิ้งเอี้ยจะ เสด็จลงมา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละ ปี โดยเวลาที่จะทำ�การบูชา คือ 23.0001.00 น. ของวันตรุษจีน ซึ่งของที่ทำ�การ บูชาใช้ของหวาน เช่น ผลไม้, อาหารเจ, บัวลอย, สาคู หรือของรับประทานต่าง ๆ ที่มีสีสันสดใส พร้อมนำ�สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ เงินทอง เช่น สมุดบัญชีธนาคาร, เช็ค หรือ กระเป๋าเงิน มาตั้งวางไว้ด้วย เป็นต้น แต่ ยกเว้นของคาวหรือเนื้อสัตว์


31

เทพเจ้าแห่งหมอยา ฮั่วท้อเซียงซือ หรือ ฮั่วท้อ ท่านยังเป็นผู้มีอัจฉริยะในการแพทย์ คนที่ ให้ท่านรักษาล้วนหายขาดจากโรคเหมือน รั ก ษาคนตายให้ ฟื้ น จากประวั ติ ข้ า งต้ น ยามใดที่เจ็บป่วย ชาวจีนหรือชาวไทยสาย เลือดจีนจะมาบนบานขอให้ฮั่วท้อเซียน ซือ ช่วยปัดเป่าความเจ็บความป่วยให้ หมดสิ้นไป การขอยาจะบูชาเซ่นไหว้ตรง หน้ า เทวรู ป จำ � ลองของท่ า นโดยเขย่ า ติ้ ว ถ้าตกหมายเลขใดก็ไปเจียดยาที่ห้องยา หรือใช้ซินแสหยิบยาให้ตามหมายเลขที่ได้ รับ โดยจะได้รับคำ�แนะนำ�จากวิธีการใช้ ตามสูตรของฮั่วท้อที่ได้รับการสืบทอดมา โดยไม่มีการเรียกเก็บค่ารักษาแม้แต่น้อย


32

เทพเจ้าแห่งการต่อสู้ กวนอู กวนอู เ ป็ น ผู้ ที่ มี คุ ณ สมบั ติ ข องการ เป็ น ผู้ นำ � ที่ มี จ ริ ย ธรรมในด้ า นความสั ต ย์ ซื่อและความกล้าหาญ ได้รับการยกย่อง สรรเสริ ญ เป็ น อย่ า งมากจากผู้ ป กครอง ในหลายดิ น แดนว่ า เป็ น บุ ค คลดี เ ด่ น ใน ประวัติศาสตร์และกลายมาเป็นเทพเจ้าที่ ได้รับการเคารพบูชากราบไหว้ กวนอูได้ รับเกียรติอย่างสูงสุดคือได้รับการยกย่อง ให้เทียบเท่ากับขงจื๊อ คือได้รับการขนาน นามว่า “เป็นนักบุญพฤติธรรม” และ “เทพเจ้าแห่งสงคราม” ส่วนคำ�สวดขอพรท่านกวนอูนั้น ให้ จุดธูป 3 ดอกแล้วท่อง นะโม กวน ฝ่า ลี่ จุ 3 จบ แล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้า (แจ้งชื่อ นามสกุลจริง ) ขอน้อมทูลเชิญญาณพระ บารมีท่านกวนอู ได้โปรดเสด็จลงมาปก ปักรักษาคุ้มครองให้ข้าพเจ้าและบุคคลใน ครอบครัวได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขด้วย พุทธบารมีของท่านกวนอูด้วยเทอญ


33

จะสังเกตได้ว่า 5 เทพจีนจะเป็นอับเฉา เพศชายทั้งหมดและสัญลักษณ์ของเทพ แห่ ง ความร่ำ � รวยและมั่ น คงคื อ เทพองค์ เดียวกันนั่นเอง ทั้งนี้ยังมีเทพจีนอีก 2 องค์ ภายในวัดแต่เป็นเทพที่คนไทยรู้จักดีคือ

พระสังกัจจายน์ พระสังกัจจายน์ หรือ “หมีเล่อฝอ” หรือ ที่นิยมเรียกกันว่า “พระสังกัจจายน์ โพธิสัตว์” เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะ อ้วนพลุ้ยเปลือยอก มีใบหน้าที่สดชื่นร่าเริง สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และมักหัวเราะเริงร่า อยู่เสมอ สองหูยาวจรดบ่า “ผู้ใดบูชาพระ สังกัจจายน์ ย่อมเป็นมหามงคลอุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” วิธีขอพร คือ ตั้งจิตอธิฐาน ใช้มือ ข้างขวา ลูบที่พุงวนขวาตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ


34

ทีกงเต็ง (เสาประทีปบูชาฟ้าดิน) ทีกงเต็ง ทีตี่เปาะบ้อ หรือเทพยดา ฟ้าดินนั้น ชาวจีนมีความเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ อยู่คู่กับโลกมนุษย์มาก่อนสิ่งอื่นใด จึงต้อง ไหว้เป็นอันดับแรกเมื่อสักการะบูชาแล้ว จะดลบันดาลความร่มเย็นเป็นสุข บันดาล ความอุดมสมบูรณ์และการสักการะบูชา ทีกงเต็ง ถือเป็นการแสดงความกตัญญู กตเวทีต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษด้วย วิธีไหว้ ไหว้ด้วยธูป5ดอก


35


36

ขนมฝรั่งที่กุฏีจีน หากเอ่ยถึงขนมย่านกุฏีจีนแล้ว ก็ คงหนีไม่พ้นขนมอย่าง “ฝรั่งกุฏีจีน” หรือที่เรียกกันว่าขนมฝรั่ง โดยขนมนี้ เป็นขนมโบราณที่มีมากว่า 200 ปี มี ต้นกำ�เนิดมาจากชาวโปรตุเกสที่มายัง อยุธยา ซึ่งปัจจุบันมีเหลือเพียงไม่กี่ ร้านที่ยังทำ�ขนมฝรั่งขายอยู่


37

วัตถุของขนมฝรั่ง มีแป้ง ไข่ และ น้ำ�ตาล เพียงแค่ 3 อย่างนี้ตีให้ส่วน ผสมเข้ากันจนขึ้นฟู โรยด้วยลูกเกด ลูก พลับ ฟักเชื่อม และน้ำ�ตาลทราย แล้ว นำ � ไปเทใส่ แ ม่ พิ ม พ์ แ ล้ ว อบจนขนม สุก โดยจะนำ�มาทานกับชาหรือกาแฟ ในตอนเช้าก็ได้ หรือจะนำ�ไปทานเป็น ของว่างหลังมื้ออาหารก็ดี เนื่องจากลูก พลับอบแห้ง และลูกเกด มีคุณค่าทาง สารอาหาร นอกจากนั้นชาวจีนมีความ เชื่อว่า หากทานขนมกุฏีจีนแล้วจะ มั่งคั่ง ร่มเย็น ขนมฝรั่งกุฏีจีนนั้น จะมี 2 แบบ จะเป็นแบบที่ไม่มีหน้า กับแบบ ที่มีหน้า แต่แบบไหนก็รสชาตินุ่ม หอม


38

หากท่านได้สนใจก็สามารถแวะ มาทานได้ที่ชุมชนกุฏีจีน ซึ่งหาได้ไม่ ยากมากนัก จะซื้อไปฝากคนรู้จักหรือ ทานเองก็ได้ ถือเป็นการช่วยอุดหนุน และอนุรักษ์ขนมโบราณให้อยู่กับเราไม่ จนสู่รุ่นลูกรุ่นหลานให้ได้กิน ได้ซึมซับ ประวัติศาสตร์ไปในตัว


39

ผู้ร่วมทีม

นายณัฐชนก พุทธคุณ 56080501622 MDT

นายธนศักย์ โกวิทวีรธรรม 56080501626 MDT

นายพูนทัศน์ เจนประดิษฐ์วงศ์ 5680501655 MDT

นายรชต ลิ้มประเสริฐ 56080501657 MDT


40



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.