ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑
คำนำ ชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง วิชำภำษำไทย เรื่ องนิ รำศภูเขำทอง ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ ๑ เล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้นกั เรี ยนใช้เรี ยนรู ้เพิ่มเติมเองนอกเวลำเรี ยน เป็ นกำรเรี ยนที่ยดึ นักเรี ยนเป็ นสำคัญ และเรี ยนรู้ตำมศักยภำพของบุคคล โดยมีครู ผสู้ อนเป็ นผูแ้ นะนำ และให้คำปรึ กษำเมื่ อมีปัญหำอย่ำง ใกล้ชิด ชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง วิชำภำษำไทย เรื่ องนิ รำศภูเขำทองเล่มนี้ ประกอบไปด้วย ใบควำมรู้ที่ ๑ เรื่ อง ประวัติของสุ นทรภู่บรมครู กวีศรี รัตนโกสิ นทร์ นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู้ ประวัติของกวีเอกของโลก และเป็ นกวีที่สำคัญในช่วงรัตนโกสิ นทร์ ตอนต้น ใบควำมรู้ที่ ๒ เรื่ อง ผลงำนอันทรงคุณค่ำของสุ นทรภู่ นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้ผลงำนต่ำง ๆ ของสุ นทรภู่ที่มีคุณค่ำทำงสังคม และเรี ยนรู ้ประวัติของกำรประพันธ์ผลงำนนั้น ๆ ใบควำมรู้ที่ ๓ เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้เนื้ อหำของนิ รำศภูเขำทองตลอด ทั้งเรื่ อง และมีกำรถอดคำประพันธ์ เพื่อให้นกั เรี ยนเข้ำใจเรื่ องได้อย่ำงลึกซึ้ ง ใบควำมรู้ที่ ๔ เรื่ อง กลอนนิรำศ นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้หลักกำรกำรแต่งคำประพันธ์ ประเภทกลอนนิรำศ ใบควำมรู้ที่ ๕ เรื่ อง โวหำรภำพพจน์ นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้โวหำรภำพพจน์ที่ช่วยให้กวี นิพนธ์น้ นั มีคุณค่ำ และมีเนื้อหำที่น่ำอ่ำน ชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง วิชำภำษำไทย เรื่ องนิ รำศภูเขำทองเล่มนี้ ผูจ้ ดั ทำหวังเป็ นอย่ำงยิง่ ว่ำ ชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเองเล่มนี้ จะเป็ นประโยชน์กบั นักเรี ยนและผูท้ ี่สนใจศึกษำเป็ นอย่ำงยิง่ คณะผูจ้ ดั ทำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒
สำรบัญ เรื่ อง คำนำ สำรบัญ คำชี้แจงชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง คำชี้แจงสำหรับครู ผสู ้ อน คำชี้แจงสำหรับนักเรี ยน จุดประสงค์กำรเรี ยนรู้ มำตรฐำนกำรเรี ยนรู้ ตัวชี้วดั แบบทดสอบก่อนเรี ยน ใบควำมรู้ที่ ๑ ประวัติของสุ นทรภู่บรมครู กวีศรี รัตนโกสิ นทร์ ใบงำนที่ ๑ ตำรำงปริ ศนำตอบปัญหำพำเพลิน เฉลยใบงำนที่ ๑ ตำรำงปริ ศนำตอบปั ญหำพำเพลิน ใบงำนที่ ๒ โยงจับคู่หรรษำ เฉลยใบงำนที่ ๒ โยงจับคู่หรรษำ ใบควำมรู้ที่ ๒ ผลงำนอันทรงคุณค่ำของสุ นทรภู่ ใบงำนที่ ๓ ถูก ผิด คิดให้ดี เฉลยใบงำนที่ ๓ ถูก ผิด คิดให้ดี ใบงำนที่ ๔ ผลงำนนี้น่ำจดจำ เฉลยใบงำนที่ ๔ ผลงำนนี้น่ำจดจำ ใบควำมรู้ที่ ๓ นิรำศภูเขำทอง ใบงำนที่ ๕ ถอดคำประพันธ์หรรษำ เฉลยใบงำนที่ ๕ ถอดคำประพันธ์หรรษำ ใบงำนที่ ๖ ตอบคำถำมวัดควำมรู้นิรำศภูเขำทอง เฉลยใบงำนที่ ๖ ตอบคำถำมวัดควำมรู้นิรำศภูเขำทอง ใบงำนที่ ๗ ตำมรอยสุ นทรภู่สู่ภูเขำทอง เฉลยใบงำนที่ ๗ ตำมรอยสุ นทรภู่สู่ภูเขำทอง
หน้ำ ๑ ๒ ๔ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๐ ๑๕ ๓๑ ๓๓ ๓๕ ๓๖ ๓๗ ๔๗ ๔๘ ๔๙ ๕๒ ๕๕ ๗๐ ๗๔ ๗๘ ๘๕ ๙๒ ๙๕
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓
ใบควำมรู้ที่ ๔ กลอนนิรำศ ใบงำนที่ ๘ นิรำศของฉัน เฉลยใบงำนที่ ๘ นิรำศของฉัน ใบควำมรู้ที่ ๕ โวหำรภำพพจน์ ใบงำนที่ ๙ โวหำรภำพพจน์หรรษำ เฉลยใบงำนที่ ๙ โวหำรภำพพจน์หรรษำ แบบทดสอบหลังเรี ยน ภำคผนวก เฉลยแบบทดสอบก่อนเรี ยน เฉลยแบบทดสอบหลังเรี ยน สำรบัญภำพ บรรณำนุกรม ผูจ้ ดั ทำชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเอง เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง
๙๘ ๑๐๑ ๑๐๒ ๑๐๓ ๑๐๗ ๑๑๑ ๑๑๓ ๑๑๙ ๑๒๐ ๑๒๑ ๑๒๒ ๑๒๓ ๑๒๔
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔
ชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเอง เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง ใช้ประกอบกำรเรี ยน รำยวิชำภำษำไทย สำหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ ๑ กลุ่มสำระกำรเรี ยนรู้ ภำษำไทย หลักสู ตรกำรศึกษำ ขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ มีรำยรำยละเอียด ดังนี้ ๑. ชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเอง เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง มีใบควำมรู ้ท้ งั หมด ๕ เรื่ องด้วยกัน ดังนี้ ๑.๑ ใบควำมรู้ที่ ๑ เรื่ อง ประวัติของสุ นทรภู่บรมครู กวีศรี รัตนโกสิ นทร์ ๑.๒ ใบควำมรู้ที่ ๒ เรื่ อง ผลงำนอันทรงคุณค่ำของสุ นทรภู่ ๑.๓ ใบควำมรู้ที่ ๓ เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง ๑.๔ ใบควำมรู้ที่ ๔ เรื่ อง กลอนนิรำศ ๑.๕ ใบควำมรู้ที่ ๕ เรื่ อง โวหำรภำพพจน์
๒. ชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเอง เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง มีส่วนประกอบ ดังนี้ ๒.๑ ชื่อของชุดกิจกรรม ๒.๒ คำนำ ๒.๓ สำรบัญ ๒.๔ คำชี้แจงชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ๒.๕ คำชี้แจงสำหรับครู ผสู ้ อน ๒.๖ คำชี้แจงสำหรับนักเรี ยน ๒.๗ จุดประสงค์กำรเรี ยนรู้
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕
๒.๘ มำตรฐำนกำรเรี ยนรู้ ๒.๙ ตัวชี้วดั ๒.๑๐ แบบทดสอบก่อนเรี ยน ๒.๑๑ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรี ยน ๒.๑๒ ใบควำมรู้ ๒.๑๓ แบบฝึ กหัด ๒.๑๔ เฉลยแบบฝึ กหัด ๒.๑๕ แบบทดสอบหลังเรี ยน ๒.๑๖ เฉลยแบบทดสอบหลังเรี ยน ชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเองเล่มนี้ จัดทำขึ้นโดยกำหนดกิจกรรมให้ นักเรี ยนสำมำรถศึกษำเนื้ อหำ และประเมินผลกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ตำมคำชี้แจง สำหรับนักเรี ยนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้นกั เรี ยนจะต้องปฏิบตั ิตำมขั้นตอนและ คำแนะนำที่กำหนดไว้อย่ำงจริ งจัง เพื่อให้กำรเรี ยนรู้ประสบผลสำเร็ จ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖
๑. ครู เตรี ยมและสำรวจควำมพร้อมของชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ให้เพียงพอกับ จำนวนนักเรี ยน ๒. ครู ศึกษำเนื้อหำและลำดับขั้นตอนชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเองให้เข้ำใจชัดเจน ๓. ครู ควรอธิบำยให้นกั เรี ยนทรำบถึงจุดประสงค์ในกำรทำชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ย ตนเองแต่ละครั้งก่อนสอนหรื อปฏิบตั ิกิจกรรม และให้นกั เรี ยนเห็นประโยชน์และ คุณค่ำของกำรทำชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเอง ๔. ให้นกั เรี ยนทำแบบทดสอบก่อนเรี ยน ก่อนที่จะศึกษำชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ๕. ให้นกั เรี ยนศึกษำคำชี้แจงในใบงำนก่อนทำใบงำนแต่ละใบงำน ๖. ให้นกั เรี ยนทำใบงำนตำมลำดับ ๗. ครู ควรให้นกั เรี ยนมีส่วนร่ วมทุกครั้งในกำรทำใบงำน เช่น ร่ วมคิด ร่ วมแสดง อภิปรำย ตรวจผลงำน และสรุ ปองค์ควำมรู้ดว้ ยตนเอง ๘. ครู ควรคอยดูแลอย่ำงใกล้ชิด ขณะที่นกั เรี ยนศึกษำชุ ดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเอง และทำใบงำน หำกมีนกั เรี ยนคนใด หรื อกลุ่มใดสงสัยให้แนะนำเป็ นรำยบุคคล หรื อรำยกลุ่ม และควรมีกำรเสริ มแรงแก่นกั เรี ยนทุกครั้ง ๙. กำรทำชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเองต้องบันทึกผล เพื่อดูพฒั นำกำรของนักเรี ยน ๑๐. ให้นกั เรี ยนทำแบบทดสอบหลังเรี ยนอีกครั้งหนึ่ง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗
๑. อ่ำนคำชี้แจงเกี่ยวกับชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง และคำชี้แจงสำหรับนักเรี ยนให้ เข้ำใจ ก่อนที่จะลงมือศึกษำชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ๒. ทำแบบทดสอบก่อนเรี ยน ๓. ศึกษำชุดกำรเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ที่ครู จดั เตรี ยมไว้ให้ดว้ ยควำมตั้งใจและซื่อสัตย์ ๔. เมื่อนักเรี ยนศึกษำชุดกำรเรี ยนรู้ดว้ ยตนเองเสร็ จแล้ว หำกนักเรี ยนคนใดยังไม่ เข้ำใจเนื้ อหำใดก็ตำมให้กลับไปศึกษำทบทวนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดควำมเข้ำใจใน เนื้อหำดียงิ่ ขึ้น หลังจำกนั้นให้นกั เรี ยนทำแบบทดสอบหลังเรี ยน ๕. ในกำรทำใบงำน แบบทดสอบก่อนเรี ยน และแบบทดสอบหลังเรี ยน ขอให้ นักเรี ยนทำด้วยควำมซื่ อสัตย์ต่อตนเองให้มำกที่สุด โดยไม่เปิ ดดูเฉลยก่อน ๖. หำกนักเรี ยนได้คะแนนใบงำนใดคะแนนต่ำกว่ำครึ่ ง นักเรี ยนจะต้องเรี ยนรู ้ใบ ควำมรู ้น้ นั ซ้ ำ และทำแบบฝึ กหัดใหม่จนกว่ำจะผ่ำน
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘
๑. รู้และเข้ำใจ สำมำรถอธิบำย ประวัติของสุ นทรภู่ได้ ๒. รู ้และเข้ำใจ บอกรำยละเอียดเกี่ยวกับผลงำนของสุ นทรภู่ได้ ๓. รู ้และเข้ำใจเนื้อหำของนิ รำศภูเขำทองได้ ๔. สำมำรถถอดคำประพันธ์จำกบทร้องกรองได้ ๕. สำมำรถวิเครำะห์โวหำรภำพพจน์ที่ปรำกฏในคำประพันธ์ได้ ๖. สำมำรถเห็นคุณค่ำของนิ รำศภูเขำทองและนำคุณค่ำไป ประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวันได้
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙
มำตรฐำน ท ๔.๑ เข้ำใจธรรมชำติของภำษำและหลักภำษำไทย กำร เปลี่ยนแปลงของภำษำและพลังของภำษำ ภูมิปัญญำทำงภำษำ และ รักษำภำษำไทยไว้เป็ นสมบัติของชำติ มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและ วรรณกรรมไทยอย่ำงเห็นคุณค่ำและนำมำประยุกต์ใช้ในชีวติ จริ ง
สำระที่ ๔ หลักกำรใช้ภำษำไทย ม.๑/๕. แต่งบทร้อยกรอง สำระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๑/๑. สรุ ปเนื้ อหำวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่ำน ม.๑/๓. อธิ บำยคุณค่ำของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่ำน ม.๑/๔. สรุ ปควำมรู ้และข้อคิดจำกกำรอ่ำนเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวติ จริ ง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐
คำชี้แจง
๑. แบบทดสอบก่อนเรี ยน ใช้ทดสอบควำมรู ้ของนักเรี ยนก่อนเรี ยน เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง จำนวน ๒๐ ข้อ คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน ๒. กำรตอบแบบทดสอบ ให้นกั เรี ยนทำเครื่ องหมำย ✗ลงในช่อง ☐ ใต้ ตวั อักษร ก, ข, ค และ ง ที่เป็ นคำตอบที่ถกู ที่สดุ เพียงคำตอบเดียว บนกระดำษคำตอบ
๑. สุ นทรภู่เกิดในรัชสมัยใด ก. รัชกำลที่ ๑
ข. รัชกำลที่ ๒
ค. รัชกำลที่ ๓
ง. รัชกำลที่ ๔
๒. ในสมัยรัชกำลที่ ๒ พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย โปรดให้สุนทรภู่เป็ นครู สอนหนังสื อให้กบั บุคคลใด ก. สมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ข. พระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ ค. พระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ ง. พระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ ๓. บุคคลใดที่แต่งตั้งให้สุนทรภู่เป็ นเจ้ำกรมอำลักษณ์ ฝ่ ำยพระบวรรำชวัง มีบรรดำศักดิ์ เป็ นพระสุ นทรโวหำร ก. พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ ำจุฬำโลกมหำรำช ข. พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ค. พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ง. พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ๔. ในสมัยรัชกำลที่ ๒ สุ นทรภู่ได้แต่งผลงำนเรื่ องอะไร เมื่อครั้งที่จำคุก เพรำะทำร้ำยญำติ ผูใ้ หญ่ของตนจนบำดเจ็บสำหัส ก. โคบุตร
ข. สิ งหไตรภพ
ค. พระอภัยมณี
ง. พระไชยสุ ริยำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑
๕. นิรำศเรื่ องเดียวที่แต่งเป็ นโคลง คือ นิ รำศเรื่ องอะไร ก. นิรำศเมืองแกลง ค. นิรำศพระบำท
ข. นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ ง. นิรำศสุ พรรณ
๖. นิรำศเรื่ องแรกของสุ นทรภู่ คือ นิ รำศเรื่ องอะไร ก. รำพันพิลำป ค. นิรำศเมืองแกลง
ข. นิรำศภูเขำทอง ง. นิรำศพระประธม
๗. สุ นทรภู่แต่งนิ รำศภูเขำทองเมื่ออำยุเท่ำไร ก. ๔๐ ปี
ข. ๔๑ ปี
ค. ๔๒ ปี
ง. ๔๓ ปี
๘. สุ นทรภู่แต่งนิรำศภูเขำทองด้วยคำประพันธ์ใด
ก. โคลงสี่ สุภำพ ข. กลอนสุ ภำพ
ค. กำพย์ฉบัง
ง. ฉันท์
๙. ในนิรำศภูเขำทองสุ นทรภู่เดินทำงไปด้วยวัตถุประสงค์ใด ก. ต้องกำรเดินทำงไปอยุธยำเพื่อขออำศัยกับเจ้ำเมืองอยุธยำเพื่อนเก่ำ ข. ต้องกำรเดินทำงไปอยุธยำสักครั้งหนึ่ง ค. ต้องกำรไปนมัสกำรเจดียภ์ ูเขำทอง ง. ต้องกำรไปเยีย่ มชมเจดียภ์ ูเขำทอง
๑๐. เรื่ องนิ รำศภูเขำทอง สุ นทรภู่เริ่ มออกเดินทำงจำกที่ใด ก. วัดอรุ ณ ฯ ค. วัดรำชบูรณะ
ข. พระรำชวัง ง. วัดพระเชตุพน ฯ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๒
๑๑. ในเรื่ องข้อใดไม่ใช่สถำนที่ที่สุนทรภู่เดินทำงผ่ำน ก. พระบรมมหำรำชวัง โรงเหล้ำ ค. บำงจำก ตลำดขวัญ ๑๒. “สิ้ นแผ่นดินขอให้สิ้นชี วติ บ้ำง คำที่ขีดเส้นใต้ หมำยถึงอะไร
ข. วัดประโดนปัก บำงพลัด ง. บำงกระดี่ บำงยีเ่ รื อ อย่ำรู ้ร้ำงบงกชบทศรี ”
ก. ดอกบัว ข. พระเจ้ำแผ่นดิน ค. องค์พระมหำกษัตริ ย ์ ในที่น้ ี หมำยถึง พระบำทสมเด็จพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ง. องค์พระมหำกษัตริ ย ์ ในที่น้ ี หมำยถึง พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ๑๓. “ถึงสุ รำพำรอดไม่วอดวำย ไม่ใกล้กรำยแกล้งเมินก็เกินไป” หมำยควำมว่ำอย่ำงไร ก. สุ รำเป็ นสิ่ งที่ไม่ดีนกั แต่จะตัดขำดเลยก็เกินไป ข. ดื่มสุ รำแล้วพำลให้ทำผิดอย่ำงอื่นได้อีก ค. ดื่มสุ รำแล้วช่วยให้ลืมทุกข์ไปได้บำ้ ง ง. ดื่มสุ รำ ดีกว่ำบ้ำผูห้ ญิง ๑๔. “เหมือนเข็ญใจใฝ่ สู งไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ำกลับอัประมำณ” คำที่ขีดเส้นใต้ หมำยถึงอะไร ก. อับอำย ข. พอดิบพอดี ค. พอประมำณ ง. ไม่รู้จกั ประมำณ
๑๕. “ถึงบำงพูดพูดดีเป็ นศรี ศกั ดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่ อยจิต แม้นพูดชัว่ ตัวตำยทำลำยมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพรำะพูดจำ” คำกลอนบทนี้ให้คติธรรมในทำงใด ก. กำรคิด
ข. กำรพูด
ค. กำรทำ
ง. กำรฟัง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๓
๑๖. นิรำศ คืออะไร ก. กำรเดินทำง กำรรำพันถึงกำรจำกหรื อกำรพลัดพรำกจำกนำงอันเป็ นที่รัก ข. กำรบรรยำยถึงควำมยำกลำบำกในกำรเดินทำงทั้งทำงบก ทำงน้ ำ ค. กำรบรรยำยถึงควำมลำบำกที่ตอ้ งเดินทำงไปทำสงครำม ง. กำรรำพันถึงผูห้ ญิงของกวีที่ตอ้ งตำยจำกกันไป ๑๗. ข้อใดเป็ นลักษณะคำประพันธ์ประเภทกลอนนิรำศ ก. พรรณนำกำรเดินทำงและกล่ำวถึงสิ่ งพบเห็นไว้ดว้ ย ข. เล่ำเรื่ องสิ่ งที่ได้พบเห็นในระหว่ำงเดินทำง ค. แต่งเป็ นคำกลอนอย่ำงเดียว ง. แต่งเป็ นโคลงอย่ำงเดียว ๑๘. ข้อใดเป็ นควำมนิยมในกำรแต่งกลอนนิรำศ ก. นิยมเริ่ มบทแรกด้วยวรรคสดับ ตำมด้วยวรรครับ วรรครอง และวรรคส่ ง ข. นิยมเริ่ มบทแรกด้วย “วรรครับ” และจบด้วยคำว่ำ “เอย” ค. นิยมเริ่ มบทแรกด้วยวรรครับ และจบลงด้วยคำว่ำเอ๋ ย ง. นิยมแต่งเป็ นกลอนเท่ำนั้น ๑๙. “เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ ำระกำแฝง ทั้งรักแซงแซมสวำทประหลำดเหลือ เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ ำเจือ เพรำะรักเรื้ อแรมสวำทมำคลำดคลำย” สุ นทรภู่มีวธิ ี กำรใดในกำรแต่งคำประพันธ์บทนี้ ก. ใช้กำรเล่นคำ ค. ใช้กำรเปรี ยบเทียบ
ข. ใช้กำรเล่นเสี ยง ง. ใช้กำรกล่ำวเกินจริ ง
๒๐. ข้อคิดที่แทรกอยูใ่ นนิรำศภูเขำทอง ส่ วนใหญ่เป็ นอะไร ก. เป็ นคำสอนทำงพระพุทธศำสนำ ค. เป็ นคำสอนในกำรคบคน
ข. ชี้ให้เห็นควำมจริ งของชีวิต ง. เป็ นคำสอนเรื่ องกำรพูด
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๔
ชื่อ...........................................นำมสกุล.......................................ชั้น...............เลขที่.............. คะแนนที่ได้
๑๐ ข้อที่ // ตัวเลือก ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐.
ก
ข
ค
ง
ข้อที่ // ตัวเลือก ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕. ๑๖. ๑๗. ๑๘. ๑๙. ๒๐.
ก
ข
ค
ง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๕
ภำพที่ ๑ สุ นทรภู่ กวีเอกแห่งกรุ งรัตนโกสิ นทร์ ( ที่มำ: https://www.dek-d.com ) สกุลวงศ์ของสุ นทรภู่ บิดำมำรดำชื่อใดไม่ปรำกฏๆแต่วำ่ บิดำของ สุ นทรภู่เป็ นชำวบ้ำนกร่ ำ ในเขตอำเภอเมืองแกลง แขวงจังหวัดระยอง ฝ่ ำย มำรดำเป็ นชำวเมืองอื่น มำอยูด่ ว้ ยกันในกรุ งเทพฯ เกิดสุ นทรภู่เมื่อกรุ ง รัตนโกสิ นทร์ แล้วได้ ๔ ปี แล้วบิดำมำรดำหย่ำกันบิดำกลับออกไปบวชอยูท่ ี่ เมืองแกลงฝ่ ำยมำรดำได้สำมีใหม่มีลูกหญิงอีก ๒ คน ชื่อฉิ มคนหนึ่ง ชื่ อนิ่มคน หนึ่ง แล้วได้เป็ นนำงนมพระธิ ดำในกรมพระรำชวังหลัง (กล่ำวกันว่ำพระองค์ เจ้ำจงกล) เพรำะฉะนั้นสุ นทรภู่จึงได้อยูพ่ ระรำชวังหลังกับมำรดำ แล้วได้ถวำย ตัวเป็ นข้ำในกรมพระรำชวังตั้งแต่ยงั เล็ก กำรศึกษำของสุ นทรภู่ ควำมที่กล่ำวในนิรำชเมืองสุ พรรณมีเป็ นเค้ำ เงื่อนดูเหมือนจะได้เล่ำเรี ยนในสำนักวัดชีปะขำว
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๖
ภำพที่ ๒ สุ นทรภู่ ครู กวีสี่แผ่นดิน ( ที่มำ: https://www.youtube.com)
(ซึ่งพระรำชทำนนำมในรัชกำลที่ ๔ ว่ำ วัดศรี สุดำรำม) ที่ริมคลองบำงกอก น้อย รู้หนังสื อทำกำรเสมียนได้ ได้เคย เป็ นเสมียนนำยระวำงกรมพระคลัง สวน แต่อุปนิสัยไม่ชอบทำกำรงำน อย่ำงอื่น นอกจำกแต่งบทกลอน สันทัดถึงดอกสร้อยสักวำได้แต่รุ่น หนุ่ม แล้วกลับมำอยูท่ ี่พระรำชวังหลัง อย่ำงเดิม เห็นจะเป็ นเพรำเป็ นที่เจ้ำบท เจ้ำกลอนนัน่ เอง ชวนให้คะนองจนทำ
ให้เกิดควำมขึ้น ด้วยไปลอบลักรักใคร่ กบั ผูห้ ญิงข้ำงในคนหนึ่งชื่อจัน ถูกกริ้ วต้อง เวรจองจำทั้งชำยหญิง แต่ในเวลำนั้นกรมพระรำชวังหลังใกล้จะทิวงคตอยูแ่ ล้ว ติดเวรจำอยูไ่ ม่ชำ้ ทำนองจะพ้นโทษเมื่อกรมพระรำชวังหลังทิวงคตใน พ.ศ.
๒๓๔๙ สุ นทรภู่จึงออกไปหำบิดำที่เมืองแกลง แต่งนิ รำชเมืองแกลง ซึ่ งเป็ นนิ รำศ เรื่ องแรกของสุ นทรภู่เมื่อไปครำวนี้ พิเครำะห์เรื่ องรำวที่ปรำกฏในนิรำศประกอบศักรำชปี ที่เกิดสุ นทรภู่ ดู เหมือนเมื่อแต่งนิรำศเมืองแกลงอำยุจะรำวสัก ๒๑ ปี กล่ำวในนิรำศว่ำ มีศิษย์ ติดตำมไปด้วย ๒ คน ข้อนี้ส่อให้เห็นว่ำในเวลำนั้นสุ นทรภู่ทำนองจะมีชื่อเสี ยงใน กำรแต่งบทกลอนอยูแ่ ล้วจึงมีผฝู ้ ำกตัวเป็ นศิษย์น่ำจะมีหนังสื อเรื่ องอื่นที่สุนทรภู่ ได้แต่งไว้ก่อนนิ รำศเมืองแกลง ลองพิเครำะห์ดูหนังสื อกลอนของสุ นทรภู่ที่ยงั
ปรำกฏอยูบ่ ดั นี้ เห็นมีเงื่อนในทำงสำนวนว่ำจะแต่งก่อนนิ รำศเมืองแกลง แต่เรื่ อง โคบุตรเรื่ องเดียว มีคำขึ้นข้ำงต้นว่ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๗
ดังนี้ สำนวนดูเหมือนจะแต่งถวำยเจ้ำวังหลังองค์ใดองค์หนึ่งเป็ นหนังสื อ ๘ เล่ม สมุดไทย จะแต่งในครำวเดียวกันทั้งนั้นหรื อแต่งเป็ นหลำยครั้งหลำยครำว ข้อนี้ ทรำบไม่ได้ แต่วำ่ แต่งค้ำงอยูไ่ ม่หมดเรื่ อง กลอนเรื่ องอื่นของสุ นทรภู่ดูสำนวน เป็ นชั้นหลังเรื่ องโคบุตรทั้งนั้น สุ นทรภู่ไปเมืองแกลงครำวนั้น ออกจำกกรุ งเทพฯ ในเดือน ๗ ไปเรื อ ประทุน ศิษย์แจวไป ๒ คน กับมีคนขี้ยำชำวเมืองระยองรับนำทำงช่วยแจวอีกคน หนึ่ง ไปทำงคลองสำโรงและคลองศีรษะจระเข้ ออกปำกน้ ำบำงมังกง ไปขึ้นบก ที่บำงปลำสร้อย จังหวัดชลบุรี แล้วเดินบกต่อไป ควำมในนิรำศตอนไปในคลอง สุ นทรภู่อธิ บำยคำเก่ำไว้แห่งหนึ่งว่ำ
คำนี้เองเป็ นมูลที่ด่ำกันว่ำ “จองหองพองขน” คือ เปรี ยบเอำลงเป็ นลิง ยัง หำเคยพบใครอธิ บำยไว้ในที่อื่นไม่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๘
เมื่อสุ นทรภู่ลงไปถึงเมืองระยอง คนขี้ยำ ที่ทำหน้ำที่นำทำงไปถึงบ้ำนก็ หลบเสี ย แต่น้ นั สุ นทรภู่ตอ้ งพยำยำมถำมหนทำงตำมพวกชำวบ้ำน เดินต่อไป จนถึงวัดที่บิดำบวชอยู่ ณ เมืองแกลง กล่ำวในนิรำศว่ำ เวลำนั้นบิดำบวชมำได้ ๒๐ พรรษำข้อนี้ส่อให้เห็นว่ำบิดำกับมำรดำรเห็นจะพรำกกันตั้งแต่สุนทรภู่ยงั เป็ น เด็กเล็กทีเดียว และน้องสำว ๒ คนนั้นต่ำงบิดำกับสุ นทรภู่ในนิรำศกล่ำวควำมอีก ข้อหนึ่งว่ำ บิดำที่บวชอยู่ “เป็ นฐำนำนุประเทศอธิบดี จอมกษัตริ ยโ์ ปรดปรำน ประทำนนำมเจ้ำอำรำมอรัญธรรมรังสี ” ดังนี้ สันนิษฐำนว่ำเห็นเป็ นฐำนำนุกรม ของพระครู ธรรมรังสี เจ้ำคณะเมืองแกลง มิใช่ได้เป็ นตำแหน่งพระครู เอง ที่สุนทร ภู่ออกไปหำบิดำบำงทีจะคิดออกไปบวช ด้วยเวลำนั้นอำยุครบอุปสมบท และจะ ล้ำงอัปมงคลที่ตอ้ งถูกจำจองด้วยก็เป็ นได้ แต่หำได้บวชไม่ เพรำะไปอยูไ่ ด้หน่อย หนึ่งก็ป่วยเป็ นไข้ป่ำ อำกำรถึงประดำตำยรักษำพยำบำลกันอยูก่ ว่ำเดือนจึงหำย พอหำยก็กลับเข้ำมำกรุ งเทพฯ ในเดือน ๙ รวมเวลำที่สุนทรภู่ออกไปเมืองแกลง ครำวนั้นร่ วม ๓ เดือน เรื่ องประวัติสุนทรภู่ เมื่อกลับจำกเมืองแกลงแล้วมีอยูใ่ นนิรำศพระบำท ว่ำมำเป็ นมหำดเล็กพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์พระโอรสพระองค์นอ้ ยของกรม พระรำชวังหลัง ซึ่ งทรงผนวชอยู่ ณ วัดระฆัง แต่ตวั สุ นทรภู่น้ นั อยูท่ ี่พระรำชวัง หลัง และได้หญิงที่ชื่อจันนั้นที่เกิดควำมนั้นเป็ นภรรยำทำนองเจ้ำครองข้ำงใน ซึ่ ง เป็ นพระอัครชำยำของกรมพระรำชวังหลัง จะยกประทำน ด้วยปรำกฏในนิรำศเจ้ำ ฟ้ ำว่ำ เมื่อสุ นทรภู่มีบุตร เจ้ำครองในรับเข้ำไปทรงเลี้ยงดู เมื่อได้นำงจันทร์ เป็ น ภรรยำแล้ว อยูด่ ว้ ยกันปกติไม่เท่ำใด เห็นจะเป็ นสุ นทรภู่จบั เป็ นคนขี้เมำในตอนนี้ ถึงปี เถำะ ภรรยำโกรธ สุ นทรภู่ได้แสดงควำมไว้ขำ้ งต้นนิ รำศพระบำทว่ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๙
เมื่อสุ นทรภู่ตำมเสด็จพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ไปพระพุทธบำทครำวที่แต่ง นิรำศ ไม่ได้ลงเรื อลำทรง อำศัยไปในเรื อมหำดเล็กที่ตำมเสด็จ ต้องพำยเรื อไปเอง กล่ำวควำมอันนี้ไว้ในนิรำศเมื่อท่ำเรื อว่ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๐
ครั้นขึ้นเดินบก จะเป็ นด้วยสุ นทรภู่จะเมำเหล้ำหรื ออย่ำงไร ถูกเขำแกล้งให้ ขี้ขอช้ำงตัวบ่มมันที่ตอ้ งให้นำไปข้ำงหน้ำ กล่ำวไว้ในนิรำศว่ำ
เมื่อไปพักอยูท่ ี่ริมบริ เวณวัดพระพุทธบำท สุ นทรภูก่ ล่ำวในนิรำศว่ำไป เที่ยวทำงเขำขำดพบเจ้ำสำมเณรองค์ ๑ กั้นกลดหักทองขวำง เสด็จมำทำงนั้น พิเครำะห์ตำมศักรำช เห็นว่ำจะเป็ นสมเด็จกรมพระปรมำนุ ชิตชิโนรสเพรำะเวลำ นั้นทรงผนวชเป็ นสำมเณรอยูแ่ ล้ว คือพระยำคลังซึ่ งได้เป็ นเจ้ำพระยำรัตนำธิเบศร์ ที่สมุหนำยกในรำชกำลที่ ๒ หำนำยบุญยังนำยโรงละครนอกที่มีชื่อเสี ยงและเป็ น ผูส้ ร้ำงวัดละครทำในจังหวัดธนบุรีน้ นั ไปเล่นละครฉลองศำลำที่ท่ำนสร้ำงขึ้นใหม่ ในลำนพระพุทธบำทอำศัยเค้ำเงื่อนที่มีดงั ได้กล่ำวมำ สันนิ ษฐำนว่ำหนังสื อบท กลอนของสุ นทรภู่ที่ปรำกฎอยูเ่ ป็ นของแต่งในรัชกำลที่ ๑ เมื่อก่อนสุ นทรภู่เข้ำรับ รำชกำร ๓ เรื่ องคือเรื่ อง โคบุตรเรื่ อง ๑ นิรำศเมืองแกลงเรื่ อง ๑ นิรำศพระบำทเรื่ อง ๑ ตอมำในรัชกำรที่ ๒ เมื่อสุ นทรภู่เข้ำรับรำชกำรแล้วเห็นจะไม่มีโอกำสได้ไป ทำงไกลจึงไม่ปรำกฏว่ำแต่งนิรำศเรื่ องใดอีกจนตลอดรำชกำล
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๑
เรื่ องประวัติของสุ นทรภู่ ตอนจะเข้ำรับรำชกำรในรัชกำรที่ ๒ นั้นมีคำเล่ำ กันมำว่ำ เมื่อครำวทิ้งบัตรสนเท่ห์กนั ชุกชุมใน พ.ศ. ๒๓๕๙ ที่กรมหมื่นศรี สุเรนทร ต้องถูกชำระนั้นสุ นทรภู่ก็ถูกสงสัยว่ำ เป็ นผูแ้ ต่งหนังสื อทิ้งด้วยคนหนึ่ง ควำมข้อนี้ มีเค้ำเงื่อนอยูใ่ นนิ รำศเมืองเพชรบุรี ซึ่ งสุ นทรภู่แต่งเมื่อปลำยรัชกำรที่ ๓ กล่ำวควำม ย้อนขึ้นไปเมื่อครั้งตอนเป็ นหนุ่มคะนองว่ำ ได้เคยหนี ออกไปอยูท่ ี่เมืองเพชร ไปซุ่ม ซ่อนนอนอยูใ่ นถ้ ำเขำหลวงหลำยวัน แล้วไปอำศัยอยูก่ บั หม่อมบุนนำคที่กรม พระรำชวังหลัง ซึ่ งออกไปตั้งทำนำอยูเ่ มืองเพชร เมื่อกรมพระรำชวังหลังทิวงคต แล้ว บำงที่จะหนีไปในครำวที่ถูกสงสัยว่ำแต่งหนังสื อทิ้ง และบำงทีพระบำทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย จะได้ทอดพระเนตรเห็นสำนวนกลอนของสุ นทรภู่ใน เวลำสอบสำนวนหำตัวผูท้ ิ้งหนังสื อครำวนั้นเอง จึงเลยทรงพระกรุ ณำโปรดฯ ให้ เอำตัวมำรับรำชกำรเป็ นอำลักษณ์มูลเหตุ ที่สุนทรภู่จะเข้ำรับรำชกำรหำปรำกฏเรื่ อง เป็ นอย่ำงอื่นไม่ เมื่อสุ นทรภู่ได้เป็ นอำลักษณ์แล้ว มีเรื่ องเล่ำกันมำถึงที่สุนทรภู่ได้ทำ ควำมชอบในหน้ำที่วำ่ ในสมัยนั้นกำลังพระรำชนิพนธ์บทละครเรื่ องรำมเกียรติ์ ถึง ตอนนำงสี ดำผูกคอตำยบทพระรำชนิพนธ์รัชกำลที่ ๑ ซึ่ งเล่นละครกันมำ กล่ำวบท นำงสี ดำผูกคอตำยว่ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๒
ต่อนี้ถึงบทหนุมำนว่ำ
พระบำทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยทรงติวำ่ บทเก่ำตรงนี้กว่ำหนุ มำนจะเข้ำไปแก้ไขได้นำนนัก นำงสี ดำจะต้องตำยเสี ยแล้ว บทที่พระรำชนิพนธ์ ใหม่ จึงคิดจะให้หนุมำนเข้ำแก้ได้โดยรวดเร็ ว แต่งบทนำงสี ดำว่ำ
ต่อไปนี้ เกิดข้อข้องว่ำ จะแต่บทหนุมำนอย่ำงไรให้นำงสี ดำได้โดยเร็ วเหล่ำ กวีซ่ ึ งเป็ นที่ปรึ กษำไม่มีใครสำมำรถจะแต่งบทให้พอพระรำชหฤทัยได้ จึงดำรัสให้ สุ นทรภูแต่ต่อไปว่ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๓
ดังนี้ก็ชอบพระรำชหฤทัย ทรงยกย่องควำมฉลำดของสุ นทรภู่ครำวนี้ ด้วย กำรพระรำชนิพนธ์บทละครในรัชกำลที่ ๒ นั้น เล่ำกันมำว่ำ เมื่อทรงพระรำชนิพนธ์ บทขึ้นแล้วให้เอำบทไปซ้อมละครเสี ยก่อน ถ้ำบทยังขัดกับกระบวนเล่นละครก็ตอ้ ง แก้ไขบทละครจนกว่ำจะเล่นได้สะดวกจึงเอำเป็ นใช้ได้ แต่น้ นั ก็นบั สุ นทรภู่เป็ นกวีที่ทรงปรึ กษำด้วยอีกคนหนึ่งทรงตั้งเป็ นที่ขนุ สุ นทรโวหำรในกรมพระอำลักษณ์พระรำชทำนที่ให้ปลูกเรื อนใต้ท่ำช่ำงและเวลำที่ ทรงประพำสก็โปรดให้ลงเรื อพระที่นงั่ เป็ นพนักงำนอ่ำนเขียนในเวลำพระรำช นิพนธ์บทกลอน ตำแหน่งรับรำชกำรใกล้ชิดติดพระองค์เช่นนั้นไม่สำมำรถคุม้ ควำมทุกข์ ยำกได้ทีเดียว เหตุดว้ ยสุ นทรภู่ยงั เสพสุ รำไม่ทิง้ ครั้งหนึ่งกำลังเมำสุ รำไปหำมำรดำ มำรดำว่ำกล่ำว กลับขู่เข็ญมำรดำในขณะนั้นมีญำติผใู ้ หญ่เข้ำมำห้ำมจะเป็ นน้ำหรื อ ลุงคนหนึ่งเข้ำปรำมก็ถูกสุ นทรภู่ทุบตีจนถึงสำหัส เขำจึงทูลเกล้ำฯ ถวำยฎีกำก็ถูก กริ้ วมีรับสั่งให้นำตัวไปจำคุก เรื่ องสุ นทรภู่ติดคุกมีปรำกฎแต่งเสภำพรรณนำถึง ลักษณะติดคุกเมื่อตอนพลำยงำมจะขออยูใ่ นคุกกับขุนแผนและในครั้งนั้นสุ นทรภู่ เริ่ มแต่งหนังสื อเรื่ องพระอภัยมณี เมื่ออยูใ่ นคุกครำวนั้น ผูม้ ีชื่อเสี ยงเช่นสุ นทรภู่ก็เห็นจะได้ขำยฝี มือเลี้ยงปำกท้องเป็ นทำงหำกิน ของกวีที่ขดั สนมำช้ำนำนคุณพุม่ ธิ ดำพระยำรำชมนตรี ยงั แต่กลอนขำยมำจนถึงต้น รัชกำลที่ ๕ บอกไว้ในเพลงยำวเฉลิมพระเกียรติที่คุณพุม่ แต่ง สุ นทรภู่จะติดคุกนำน เท่ำใดมิปรำกฏเล่ำกันว่ำพระบำทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยทรงพระรำช นิพนธ์บทละครเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งเกิดติดขัดไม่มีผใู ้ ดจะต่อให้พอพระรำชหฤทัยได้ จึงรับสั่งให้เบิกตัวสุ นทรภู่มำจำกคุก สุ นทรภู่แต่งกลอนต่อได้ตรงประรำชประสงค์ ก็ทรงพระกรุ ณำโปรดฯให้พน้ โทษกับมำรับรำชกำรตำมเดิม ในตอนปลำยรัชกำล พระบำทสมเด็จฯพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยโปรดให้สุนทรภู่เป็ นครู สอนหนังสื อ ถวำยพระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ และสุ นทรภู่แต่งกลอนเรื่ องสวัสดิรักษำถวำย เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๔
สุ นทรภู่ต้ งั แต่เยำว์มำ ยังไม่ได้บวชจนตลอดรัชกำลที่ ๒ พอถึงรัชกำลที่ ๓ ก็ออกบวช เหตุที่บวชเพรำะหวำดหวัน่ เกรงพระรำชอำญำ ด้วยเห็นว่ำ พระบำทสมเด็จฯ พระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ทรงขัดเคืองแต่รัชกำลก่อน แต่ขอ้ นี้เมื่อ พิเครำะห์ดูตำมคำที่สุนทรภู่กล่ำวไว้ในนิรำศภูเขำทองว่ำ
คำของสุ นทรภู่ที่กล่ำวตรงนี้ ประหนึ่งว่ำ ถึงรัชกำลที่ ๓ ถูกถอดจำกขุน สุ นทรโวหำร แล้วออกบวช ถ้ำเวลำบวชยังเป็ นขุนนำง คงได้รับพระรำชูปถัมภ์ อีก ประกำรหนึ่งในรัชกำลที่ ๓ เมื่อครั้งแต่งจำรึ กวัดพระเชตุพนฯ มีแต่งกลอนเพลง ยำวกลบท เป็ นต้น ควำมจริ งในเรื่ องที่สุนทรภู่ออกบวชเห็นจะเป็ นด้วยเหตุ ๒ ประกำรคือ เพรำะยังไม่ได้ตำมประเพณี นิยำมประกำรหนึ่ง อีกประกำรหนึ่งสุ นทรภู่ววิ ำทกับ ญำติ เข้ำกับใครไม่ติด มีภรรยำก็อยูด่ ว้ ยกันไม่ยดื เป็ นคนตัวคนเดียวอยูแ่ ต่กบั บุตร มำแต่ในรัชกำลที่ ๒ ข้อนี้สังเกตได้ดว้ ยในนิ รำศของสุ นทรภู่เมื่อกล่ำวถึงญำติ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๕
เมื่อใด คงเป็ นคำโกรธแค้นว่ำพึ่งพำไม่ได้กล่ำวถึงภรรยำและคู่รัก ก็มกั ปรำกฏว่ำอยูด่ ว้ ยกันไม่ยดื ครั้นเมื่อมำถูกถอดในรัชกำลที่ ๓ เจ้ำนำยและผูม้ ี บรรดำศักดิ์ก็ไม่มีพระองค์ใดและท่ำนผูใ้ ดกล้ำชุบเลี้ยงเกื้อหนุนโดยเปิ ดเผย ด้วย เกรงจะฝ่ ำฝื นพระรำชนิยมในพระบำทสมเด็จฯพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั แม้นแต่เจ้ำ ฟ้ ำอำภรณ์ผเู ้ ป็ นศิษย์ก็ตอ้ งเพิกเฉย สุ นทรภู่ได้กล่ำวควำมไว้ในเพลงยำวว่ำ
สุ นทรภู่ตกยำกสิ้ นคิดจึงออกบวช ด้วยเห็นว่ำพระบำทสมเด็จฯพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ทรงเคำรพพระสงฆ์มำก ถ้ำบวชเป็ นพระใครจะอุปถัมภ์ก็เห็นจะไม่ ทรงติเตียน สุ นทรภู่เห็นจะบวชเมื่อรำวปี จอ พ.ศ.๒๓๖๙ เวลำนั้นอำยุได้ ๔๑ ปี แรก บวชที่วดั รำชบูรณะอยูไ่ ด้ ๓ พรรษำ สุ นทรภู่ถูกบัพพำชนิยกรรมขับไล่ไปจำกวัด รำชบูรณะ จึงแต่งเพลงยำวทูลลำเจ้ำฟ้ ำกลำง เจ้ำฟ้ ำปิ๋ วในเพลงยำวถวำยโอวำทว่ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๖
เมื่อสุ นทรไปถึงเจดียภ์ ูเขำทองก็ข้ ึนไปนมัสกำร แล้วจะเป็ นด้วยเหตุใดไม่ ปรำกฏ สุ นทรภู่ไปกลับใจไม่อยูห่ วั เมืองดังควำมคิดเดิม หวนกลับมำกรุ งเทพฯมำ อยูท่ ี่วดั อรุ ณฯแต่จะมำมีเหตุอนั ใดเกิดขึ้นหรื ออย่ำงไร สุ นทรภู่อยูว่ ดั อรุ ณฯไม่ชำ้ ก็ ย้ำยไปอยูว่ ดั เทพธิ ดำ เมื่อสุ นทรภู่ไปอยูว่ ดั เทพธิ ดำนั้น พระยำธรรมปรี ชำ บวชอยูว่ ดั เทพธิ ดำ พระยำธรรมปรี ชำเล่ำว่ำ สุ นทรภู่แต่งคำเทียบเรื่ องพระไชยสุ ริยำ เมื่ออยูว่ ดั เทพธิ ดำ รำมครำวนั้น และมีหนังสื อนิ รำศเมืองสุ พรรณอีกเรื่ องหนึ่ ง สุ นทรภู่เมื่อบวชอยู่ วัดเทพธิ ดำแต่งนิรำศสุ พรรณเป็ นโคลงเพรำะถูกปรำมำสว่ำแต่งเป็ นแต่เป็ นแต่ กลอนเพลงยำว จึงแต่งกำพย์คำเทียบเรื่ องพระไชยสุ ริยำและแต่งโคลง นิรำศเมือง สุ พรรณ พิสูจน์ให้ผอู ้ ื่นเห็นว่ำถ้ำจะแต่งได้ก็ไม่ถนัดเหมือนกลอนเพลงยำว สุ นทร ภู่จึงไม่แต่งโคลงกำพย์เรื่ องอื่นอีก ข้อนี้ไม่แต่สุนทรภู่เท่ำนั้นถึงสมเด็จฯกรม พระปรมำนุชิตชิโนรสก็รู้พระองค์วำ่ ทรงถนัดแต่ลิลิตและโคลงฉันท์ จึงไม่ทรง แต่งหนังสื อเป็ นกลอนสุ ภำพเลยสักเรื่ องเดียว เหตุที่สุนทรภู่ไปเมืองสุ พรรณครำวที่แต่งนิ รำศนั้นควำมปรำกฏในเรื่ อง นิรำศว่ำไปหำแร่ ทำนองจะเล่นแร่ แปรธำตุเองหรื อมิฉะนั้นก็ไปหำแร่ ให้ผอู ้ ื่นที่ เล่นแปรธำตุ เพรำะเชื่ อกันว่ำที่ในแขวงจังหวัดสุ พรรณ มีแร่ อย่ำงใดอย่ำงหนึ่งทรง คุณวิเศษสำหรับใช้แปรธำตุ พวกเล่นแร่ แปรธำตุยงั เชื่ อกันมำจนถึงทุกวันนี้ เมื่อสุ นทรภู่กลับจำกเมืองสุ พรรณแล้วย้ำยมำอยูว่ ดั พระเชตุพนฯเหตุที่ยำ้ ย มำนั้นเล่ำกันมำเป็ นสองนัย นัยหนึ่งว่ำมำพึ่งพระบำรมีอยูก่ บั สมเด็จฯกรม พระปรมำนุชิตชิโนรส ด้วยทรงปรำนีวำ่ เป็ นกวี อีกนัยหนึ่งว่ำเพรำะพระองค์เจ้ำ ลักขณำนุคุณ พระเจ้ำลูกเธอที่พระบำทสมเด็จนพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั โปรดปรำน มำกนัก ทรงพระปรำนีชกั ชวนให้มำอยูว่ ดั พระเชตุพนฯ คิดดูบำงทีก็จะเป็ นควำม จริ งทั้งสองนัย ด้วยพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ ทรงผนวชพระเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๕ เวลำ นั้นสุ นทรภู่บวชได้รำวสัก ๖ พรรษำ เมื่อสุ นทรภู่มำอยูว่ ดั พระเชตุพนฯบุตรคน ใหญ่ที่ชื่อพัดบวชเป็ นสำมเณร เห็นจะบวชมำแต่บิดำยังอยูว่ ดั เทพธิ ดำสุ นทรภู่มำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๗
อยูพ่ ระเชตุพนฯ แล้วพำเณรพัดกับบุตรคนเล็กที่ชื่อตำบไปพระนครศรี อยุธยำอีก ครั้งหนึ่งแต่งนิ รำศวัดเจ้ำฟ้ ำ เมื่อสุ นทรภู่เมื่อบวชนั้นได้ไปอยูว่ ดั มหำธำตุอีกวัดหนึ่ง ข้อนี้ก็เห็นจะเป็ นควำม จริ ง คงไปอยูเ่ มื่อกลับลงมำจำกพระนครศรี อยุธยำครำวนี้ เพรำะพระองค์เจ้ำ ลักขณำนุคุณลำผนวชเห็นจะทรงชวนให้ไปอยูใ่ กล้วงั ท่ำพระอันเป็ นที่ประทับ เพื่อจะได้สะดวกแก่กำรที่ทรงอุปถัมภ์คือ ส่ งสำรับอำหำรเป็ นต้น สุ นทรภู่สึกกลับ ออกเป็ นคฤหัสถ์หลังจำกแต่งสักวำรวมเวลำที่สุนทรภู่บวชอยูเ่ ห็นจะรำว ๗ หรื อ ๘ พรรษำ เมื่อสุ นทรภู่พ่ งึ พระบำรมีพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณอยูน่ ้ นั นอกจำกเป็ นผู้ บอกสักวำ คงจะได้แต่งหนังสื อบทกลอนถวำยอีก ได้ยนิ ว่ำ แต่งเป็ นกลอนเฉลิม พระเกียรติพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณเรื่ องหนึ่ง ผูท้ ี่ได้เคยอ่ำนยังมีตวั อยู่ แต่หนังสื อ นั้นหำฉบับยังไม่พบ นอกจำกนั้นจะแต่งเรื่ องใดอีกบ้ำงหำปรำกฏไม่ พิเครำะห์ดู โดยสำนำนกลอน เข้ำใจว่ำเรื่ องนิรำศอิเหนำสุ นทรภู่เห็นจะแต่งในตอนนี้ เรื่ อง หนึ่ง อนึ่งเรื่ องพระอภัยมณี ซ่ ึ งสุ นทรภู่ได้ริเริ่ มแต่งในรัชกำลที่ ๒ นั้น สังเกตเห็น ถ้อยคำมีบำงแห่งรู ้ได้แน่วำ่ มำแต่งต่อในรัชกำลที่ ๓ จะยกตัวอย่ำงดังคำนำง สุ วรรณมำลีวำ่ กับพระอภัยมณี เมื่อแรกดีกนั ที่เมืองสักวำว่ำ “ด้วยปี เถำะเครำะห์ กรรมเกิดน้ ำมำก ขึ้นท่วมปำกท่วมลิ้นเสี ยสิ้ นหนอ” อยูใ่ นเล่นสมุดไทยเล่ม ๓๕ ตรงนี้ เห็นได้วำ่ ต้องแต่งหนังสื อพระอภัยมณี เห็นจะแต่งทีละเล่มสองเล่มต่อ เรื่ อยมำด้วยเป็ นหนังสื อเรื่ องยำว ทำนองเจ้ำลักขณำนุคุณจะได้ทอดพระเนตร หนังสื อเรื่ องพระอภัยมณี เมื่อสุ นทรภู่ไปพึ่งพระบำรมี และมีรับสั่งให้แต่งถวำยอีก สุ นทรภู่จึงแต่งเรื่ องพระอภัยมณี อีกตอนหนึ่ง แต่จะไปค้ำงอยูเ่ พียงใดหำปรำกฏไม่ เพรำะสุ นทรภู่พ่ งึ บำรมีพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณอยูไ่ ด้ไม่ชำ้ พอถึง พ.ศ. ๒๓๗๘ พระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณสิ้ นพระชนม์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๘
เมื่อพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณสิ้ นพระชนม์ เห็นจะไม่มีใครกล้ำรับอุปกำระ สุ นทรภู่ เวลำนั้นเจ้ำฟ้ ำกุณฑลก็ยงั มีพระชนม์อยู่ ชะรอยจะทรงขัดเคือง ด้วยสุ นทร ภู่โจทเจ้ำไปพึ่งบุญพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ จึงทรงเฉยเสี ย แต่เล่ำกันว่ำ สมเด็จเจ้ำ ฟ้ ำฯกรมพระยำบำรำบปรปั กษ์น้ นั ยังทรงสงสำรสุ นทรภู่ ถ้ำไปเฝ้ ำเมื่อใดก็มกั จะ ประทำนเงินเกื้อหนุน แต่สุนทรภู่ก็อดที่กระดำกเองด้วย จึงไม่กล้ำไปพึ่งสมเด็จเจ้ำ ฟ้ ำฯกรมพระยำบำรำบปรปั กษ์ ต้องตกยำกอีกครั้งหนึ่ง กลับอนำถำยิง่ กว่ำครำว ก่อน นัยว่ำถึงไม่มีบำ้ นเรื อนอำศัย ต้องลงลอยเรื อจอดอยูต่ ำมสวน หำเลี้ยงชีพด้วย รับจ้ำงเขำแต่งกลอนกับทำกำรค้ำขำยประกอบกัน
สุ นทรภู่จะตกยำกอยูส่ ักกี่ปี ข้อนี้ไม่ทรำบชัด ปรำกฏแต่วำ่ พ้นทุกข์ยำก ด้วยพระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั เมื่อยังดำรงพระยศเป็ นสมเด็จพระเจ้ำ น้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทรงพระปรำณี โปรดให้ไปอยูท่ ี่ พระรำชวังเดิมซึ่ งเป็ นที่เสด็จประทับในสมัยนั้นและต่อมำกรมหมื่นอัปสรสุ ดำ เทพ พระเจ้ำลูกยำเธอที่พระบำทสมเด็จ ฯ พระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ทรงพระเมตตำ มำกอีกพระองค์หนึ่ง ทรงอุปกำระด้วย เหตุที่กรมหมื่นอัปสรสุ ดำเทพ จะทรง อุปกำระสุ นทรภู่น้ นั กล่ำวกันว่ำเดิมได้ทรงหนังสื อเรื่ องพระอภัยมณี (ชะรอยจะ ได้หนังสื อมรดกของพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ โดยเป็ นอนุชำร่ วมเจ้ำจอมมำรดำ กัน) ชอบพระหฤทัย ทรงเห็นว่ำเรื่ องที่แต่งไว้ยงั ค้ำงอยู่ จึงมีรับสัง่ ให้สุนทรภู่แต่ง ถวำยให้ทรงต่อไป สุ นทรภู่แต่งเรื่ องพระอภัยมณี มำได้ ๔๙ เล่มสมุดไทย หมำยจะ จบเพียงพระอภัยมณี ออกบวช (ควำมตั้งใจของสุ นทรภู่เห็นได้ชดั ในหนังสื อที่แต่ง นั้น) แต่กรมหมื่นอัปสร ฯ มีรับสั่งให้แต่งต่อไปอีก ด้วยเหตุน้ ีสุนทรภู่จึงต้องคิด เรื่ องพระอภัยมณี ตอนหลัง ตั้งแต่เล่มสมุดไทยที่ ๕๐ ขยำยเรื่ องออกไปจนจบต่อ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๒๙
ต่อเล่มที่ ๙๔ แต่พิเครำะห์ดูเรื่ องพระภัยมณี ตอนหลัง สำนวนไม่ใช่ของสุ นทรภู่คน เดียวเล่ำกันว่ำกรมหมื่นอัปสร ฯ มีรับสั่งให้แต่งถวำยเดือนละเล่ม ถ้ำเช่นนั้นจริ งก็ จะเป็ นด้วยสุ นทรภู่เบื่อ หรื อถูกเวลำมีกิจติดขัดแต่งเองไม่ทนั จึงวำนศิษย์หำให้ ช่วยแต่ง ก็จะเป็ นได้ นอกจำกเรื่ องพระอภัยมณี สุนทรภู่แต่งเรื่ องสิ งหไตรภพถวำย กรมหมื่นอัปสร ฯ อีกเรื่ องหนึ่งหนังสื อนั้นจึงขึ้นต้นว่ำ "ข้ำบำทขอประกำศ ประกอบเรื่ อง" ดังนี้ แต่แต่งค้ำงเพียง ๑๕เล่มสมุดไทย ชะรอยจะหยุดเมื่อกรม หมื่นอัปสรสุ ดำเทพ สิ้ นพระชนม์ใน พ.ศ.๒๓๘๘ ในระยะเวลำเมื่อสุ นทรภู่อยูใ่ นอุปกำระของ พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำ เจ้ำอยูห่ วั และกรมหมื่นอัปสร ฯ นั้น ได้ไปพระปฐมเจดีย ์ จึงได้แต่งนิรำศพระประ ธมอีกเรื่ องหนึ่ง ไปครำวนี้บุตรไปด้วยทั้ง ๒ คน สังเกตสำนวนในนิ รำศเห็นได้วำ่ แต่งโดยใจคอชื่นบำน ต่อมำเห็นจะเป็ นเมื่อกรมหมื่นอัปสรสุ ดำเทพ สิ้ นพระชนม์แล้ว สุ นทรภู่ ทูลรับอำสำพระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ไปหำของต้องพระประสงค์ที่ เมืองเพชรบุรี แต่จะเป็ นของสิ่ งใดหำปรำกฏไม่ ได้แต่งนิ รำศเมืองเพชรบุรีอีกเรื่ อง หนึ่งเป็ นนิรำศสุ ดท้ำยของสุ นทรภู่ นับถือกันว่ำแต่งดีถึงนิรำศภูเขำทอง อันเป็ น อย่ำงยอดเยีย่ มในนิ รำศของสุ นทรภู่ เรื่ องประวัติของสุ นทรภู่ ที่ปรำกฏในนิรำศเรื่ องนี้ ว่ำมีบุตรน้อยไปด้วยอีก คนซึ่ งชื่อนิล ชะรอยจะเป็ นลูกมีกบั ภรรยำที่ชื่อม่วง บุตรคนใหญ่ที่ชื่อพัดนั้นก็ไป ด้วย ถึงตอนนี้เป็ นหนุ่มแล้ว แต่บุตรที่ชื่อตำบไม่ปรำกฏในนิรำศเรื่ องนี้ อนึ่ง ใน เวลำเมื่อสุ นทรภู่ไปเมืองเพชรบุรีครำวนี้ เป็ นเวลำอยูต่ วั คนเดียวไม่มีภรรยำ ถึงรัชกำลที่ ๔ พอพระบำทสมเด็จปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั บวรรำชำภิเษกแล้ว ก็ ทรงตั้งสุ นทรภู่ให้เป็ นเจ้ำกรมอำลักษณ์ฝ่ำยบวรรำชวัง มีบรรดำศักดิ์เป็ นพระ สุ นทรโวหำร คงใช้รำชทินนำมตำมที่ได้พระรำชทำนเมื่อรัชกำลที่ ๒ เวลำนั้น สุ นทรภู่อำยุได้ ๖๖ ปี
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๐
หนังสื อสุ นทรภู่แต่งเมื่อในรัชกำลที่ ๔ มีปรำกฏ ๒ เรื่ อง คือบทละคร เรื่ องอภัยนุ รำช แต่งถวำยพระองค์เจ้ำดวงประภำพระรำชธิ ดำในพระบำทสมเด็จ พระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั เป็ นหนังสื อ ๑ เล่มสมุดไทยเรื่ องหนึ่ง กับเสภำเรื่ องพระรำช พงศำวดำร พระบำทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ดำรัสสั่งให้แต่งอีกเรื่ องหนึ่ง เป็ นหนังสื อ ๒ เล่มสมุดไทย นอกจำกนี้ยงั มีบทเห่สำหรับกล่อมเจ้ำนำยที่ยงั ทรง พระเยำว์ กล่ำวกันว่ำบทเห่ เรื่ องจับระบำ กับบทเห่เรื่ องกำกี เรื่ องพระอภัยมณี และ เรื่ องโคบุตรเป็ นของสุ นทรภู่แต่ง บทเห่ เหล่ำนี้จะแต่งเมื่อใด ดูโอกำสที่สุนทรภู่จะ แต่งมีอยู่ ๓ ครำว คือแต่งสำหรับกล่อมหม่อมเจ้ำในพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ ครำวหนึ่ง หรื อสำหรับก่อนลูกเธอในพระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั เมื่อยัง เป็ นกรมอยูใ่ นรัชกำลที่ ๓ ครำวหนึ่ง หรื อมิฉะนั้นก็แต่งถวำยสำหรับกล่อมพระ เจ้ำลูกยำเธอในพระบำทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั อย่ำงไรก็ดีเมื่อในรัชกำล ที่ ๔ บทเห่กล่อมของสุ นทรภู่ใช้กล่อมบรรทมเจ้ำนำยทัว่ ทั้งพระรำชวัง จนตลอด รัชกำล ตั้งแต่สุนทรภู่ได้เป็ นที่พระสุ นทรโวหำร รับรำชกำรอยู่ ๕ ปี ถึงแก่กรรม ในรัชกำลที่ ๔ เมื่อปี เถำะ พ.ศ. ๒๓๙๘ มีอำยุได้ ๗๐ ปี
ภำพที่๓ สุ นทรภู่ครู กวี ( ที่มำ: https://www.kaidee.com)
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๑ คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๑ ตารางปริศนาตอบปัญหาพาเพลิน
๑๐ ให้นกั เรี ยนหำคำตอบจำกตำรำงปริ ศนำ แล้วนำคำตอบไปตอบ
คาชี้แจง บ้ ร น ด ง กุ ล ก ง ร ป ด
ท ำ ภ เ มื อ ง เ พ ช ร ขุ
คำถำมด้ำนล่ำงของตำรำงปริ ศนำให้ถูกต้อง
ย ล น ป ย ท ย ภ ก ล น ป
ท ย ก ก ง น ป ง วั สุ เ ล
งี ง น ท ร่ ง ท ด น พ มื ส
น ก ล ล ม ํำ ชี ท ง ร อ วั
ป ย ป ย ภ ป ร ป ย ร ง ส
โ ท ท น ะ โ ย ล ม ณ แ ดิ
นำคำตอบที่ได้จำกตำรำงปริ ศนำ ตอบคำถำมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ๑. บิดำของสุ นทรภู่เป็ นชำว ๒. กำรศึกษำของสุ นทรภู่ ได้เล่ำเรี ยนในสำนัก ๓. นิรำศเรื่ องแรกของสุ นทรภู่ คือ นิ รำศ ๔. นิทำนเรื่ องแรกที่สุนทรภู่แต่งในรัชกำลที่ ๑ คือเรื่ อง ๕. รัชกำลที่ ๒ ทรงแต่งตั้งให้สุนทรภู่เป็ นกวีที่ปรึ กษำ ทรงแต่งตั้งเป็ น ในกรมพระอำลักษณ์
ค ก ง ข ว ล ม ท ล ปี ก รั
บุ น ำ ห ก น ม น ม ย ล ก
ต ว ำ ล ภู เ ข ำ ท อ ง ษ
ร ร พ ร ะ อ ภั ย ม ณี น ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๒ ๖. เมื่อสุ นทรภู่จำคุก เพรำะทำร้ำยญำติผใู ้ หญ่ ได้แต่งนิทำนเรื่ อง ๗. ตอนปลำยรัชกำลที่ ๒ โปรดให้สุนทรภู่เป็ นครู สอนหนังสื อถวำยพระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ สุ นทรภู่ แต่งกลอนเรื่ อง
ถวำยเจ้ำฟ้ ำอำภรณ์
๘. ในรัชกำลที่ ๓ สุ นทรภู่ได้ออกบวช ได้แต่งนิ รำศ
เมื่อครั้งไป
นมัสกำรพระเจดียภ์ ูเขำทอง ๙. เมื่อสุ นทรภู่ไปอยูว่ ดั เทพธิ ดำ ได้แต่งโคลงนิ รำศ
สำเหตุที่แต่งเป็ น
โคลง เพรำะว่ำถูกปรำมำสว่ำแต่งเป็ นแต่กลอนเพลงยำว ๑๐. สุ นทรภู่รับอำสำ พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ไปหำของต้องพระประสงค์ ได้แต่งนิ รำศ ซึ่ งเป็ นนิรำศเรื่ องสุ ดท้ำยของสุ นทรภู่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๓ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๑ ตารางปริศนาตอบปัญหาพาเพลิน
๑๐ ให้นกั เรี ยนหำคำตอบจำกตำรำงปริ ศนำ แล้วนำคำตอบไปตอบ
คาชี้แจง บ้ ร น ด ง กุ ล ก ง ร ป ด
ท ำ ภ เ มื อ ง เ พ ช ร ขุ
คำถำมด้ำนล่ำงของตำรำงปริ ศนำให้ถูกต้อง
ย ล น ป ย ท ย ภ ก ล น ป
ท ย ก ก ง น ป ง วั สุ เ ล
งี ง น ท ร่ ง ท ด น พ มื ส
น ก ล ล ม ํำ ชี ท ง ร อ วั
ป ย ป ย ภ ป ร ป ย ร ง ส
โ ท ท น ะ โ ย ล ม ณ แ ดิ
ค ก ง ข ว ล ม ท ล ปี ก รั
บุ น ำ ห ก น ม น ม ย ล ก
นำคำตอบที่ได้จำกตำรำงปริ ศนำ ตอบคำถำมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ๑. บิดำของสุ นทรภู่เป็ นชำว
บ้ำนกร่ ำ
๒. กำรศึกษำของสุ นทรภู่ ได้เล่ำเรี ยนในสำนัก ๓. นิรำศเรื่ องแรกของสุ นทรภู่ คือ นิ รำศ
วัดชีปะขำว เมืองแกลง
๔. นิทำนเรื่ องแรกที่สุนทรภู่แต่งในรัชกำลที่ ๑ คือเรื่ อง
โคบุตร
๕. รัชกำลที่ ๒ ทรงแต่งตั้งให้สุนทรภู่เป็ นกวีที่ปรึ กษำ ทรงแต่งตั้งเป็ น ขุนสุ นทรโวหำร ในกรมพระอำลักษณ์
ต ว ำ ล ภู เ ข ำ ท อ ง ษ
ร ร พ ร ะ อ ภั ย ม ณี น ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๔ ๖. เมื่อสุ นทรภู่จำคุก เพรำะทำร้ำยญำติผใู ้ หญ่ ได้แต่งนิทำนเรื่ อง
พระอภัยมณี
๗. ตอนปลำยรัชกำลที่ ๒ โปรดให้สุนทรภู่เป็ นครู สอนหนังสื อถวำยพระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ สุ นทรภู่ แต่งกลอนเรื่ อง
สวัสดิรักษำ
ถวำยเจ้ำฟ้ ำอำภรณ์
๘. ในรัชกำลที่ ๓ สุ นทรภู่ได้ออกบวช ได้แต่งนิ รำศ
ภูเขำทอง
เมื่อครั้งไป
นมัสกำรพระเจดียภ์ ูเขำทอง ๙. เมื่อสุ นทรภู่ไปอยูว่ ดั เทพธิ ดำ ได้แต่งโคลงนิ รำศ
สุ พรรณ
สำเหตุที่แต่งเป็ น
โคลง เพรำะว่ำถูกปรำมำสว่ำแต่งเป็ นแต่กลอนเพลงยำว ๑๐. สุ นทรภู่รับอำสำ พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ไปหำของต้องพระประสงค์ ได้แต่งนิ รำศ เมืองเพชร
ซึ่ งเป็ นนิรำศเรื่ องสุ ดท้ำยของสุ นทรภู่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๕
ใบงานที่ ๒ โยงจับคู่หรรษา
คะแนนที่ได้
๑๐
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนโยงจับคู่ขอ้ ควำมให้ตรงกับเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละ รัชสมัยให้ ถกู ต้ อง
รับรำชกำรเป็ นอำลักษณ์
รัชกำลที่ ๑
ออกบวช ทำร้ำยญำติผใู ้ หญ่จนบำดเจ็บสำหัส
รัชกำลที่ ๒
แต่งนิรำศเมืองแกลง เป็ นเจ้ำกรมอำลักษณ์ ฝ่ ำยพระบวรรำชวัง มี
บรรดำศักดิ์เป็ นพระสุ นทรโวหำร
รัชกำลที่ ๓
สุ นทรภู่เกิด เป็ นมหำดเล็ก พระองค์เจ้ำปฐมวงศ์
รัชกำลที่ ๔
พระรำชโอรสพระองค์นอ้ ยของ กรมพระรำชวังหลัง
เป็ นครู สอนหนังสื อถวำยลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำ อำภรณ์ สุ นทรภู่ถึงแก่กรรม แต่งนิรำศภูเขำทอง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๖ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๒ โยงจับคู่หรรษา ๑๐ ให้นกั เรี ยนโยงจับคู่ขอ้ ควำมให้ตรงกับเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละ
คาชี้แจง
รัชสมัยให้ ถกู ต้ อง
รับรำชกำรเป็ นอำลักษณ์
รัชกำลที่ ๑
ออกบวช ทำร้ำยญำติผใู ้ หญ่จนบำดเจ็บสำหัส
รัชกำลที่ ๒
แต่งนิรำศเมืองแกลง เป็ นเจ้ำกรมอำลักษณ์ ฝ่ ำยพระบวรรำชวัง มี
บรรดำศักดิ์เป็ นพระสุ นทรโวหำร
รัชกำลที่ ๓
สุ นทรภู่เกิด เป็ นมหำดเล็ก พระองค์เจ้ำปฐมวงศ์
รัชกำลที่ ๔
พระรำชโอรสพระองค์นอ้ ยของ กรมพระรำชวังหลัง
เป็ นครู สอนหนังสื อถวำยลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำ อำภรณ์ สุ นทรภู่ถึงแก่กรรม แต่งนิรำศภูเขำทอง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๗
หนังสื อบทกลอนที่สุนทรภู่แต่งมีมำก ที่ได้ยนิ แต่ชื่อเรื่ องยังหำไม่พบก็มี ที่หำย สำบสู ญไปเสี ยแล้ว ไม่ได้ยนิ ชื่อเรื่ องมำถึงชั้นนี้ทีเดียวก็เห็นจะมี จะกล่ำวถึงแต่ เฉพำะเรื่ องที่ยงั มีฉบับอยูใ่ นปั จจุบนั นี้มี ๒๔ เรื่ อง คือ นิรำศ ๙ เรื่ อง ๑. นิรำศเมืองแกลง แต่งเมื่อ ต้น พ.ศ. ๒๓๕๐ ๒. นิรำศพระบำท แต่งเมื่อ ปลำย พ.ศ. ๒๓๕๐ ๓. นิรำศภูเขำทอง แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๑ ๔. นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ แต่งเมื่อรำว พ.ศ. ๒๓๗๕ ๕. นิรำศอิเหนำ แต่งในสมัยรัชกำลที่ ๓ ๖. นิรำศเมืองสุ พรรณ (แต่งเป็ นโคลง) แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๔ ๗. รำพันพิลำป แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ ๘. นิรำศพระประธม แต่งเมื่อ พ.ศ.๒๓๘๕ ๙. นิรำศเมืองเพชร แต่งระหว่ำง พ.ศ. ๒๓๘๘-๒๓๙๒ นิทำน ๕ เรื่ อง ๑๐. เรื่ องโคบุตร แต่งในสมัยรัชกำลที่ ๑ ๑๑. เรื่ องพระอภัยมณี แต่งในสมัยรัชกำลที่ ๓ ๑๒. เรื่ องพระไชยสุ ริยำ (แต่งเป็ นกำพย์คำเทียบสอนอ่ำน) แต่งในสมัย รัชกำลที่ ๓ ๑๓. เรื่ องลักษณวงศ์ (มีผแู ้ ต่งต่ออีก)
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๘
๑๔. เรื่ องสิ งหไตรภพ ตอนต้นแต่งในสมัยรัชกำลที่ ๒ สุ ภำษิต ๓ เรื่ อง ๑๕. สวัสดิรักษำ แต่งระหว่ำง พ.ศ. ๒๓๖๔-๒๓๖๗ ๑๖. เพลงยำวถวำยโอวำท แต่งเมื่อรำว พ.ศ. ๒๓๗๓ ๑๗. สุ ภำษิตสอนหญิง แต่งเมื่อรำวระหว่ำง พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓ บทละคร ๑ เรื่ อง ๑๘. เรื่ องอภัยนุ รำช แต่งเมื่อรำวสมัยรัชกำลที่ ๔ บทเสภำ ๒ เรื่ อง ๑๙. เรื่ องขุนช้ำงขุนแผน ตอนกำเนิดพลำยงำม แต่งในสมัยรัชกำลที่ ๒ ๒๐. เรื่ องพระรำชพงศำวดำร แต่งในสมัยรัชกำลที่ ๔ บทเห่กล่อม ๔ เรื่ อง ๒๑. เห่เรื่ องจับระบำ ๒๒ เห่เรื่ องกำกี ๒๓ เห่เรื่ องพระอภัยมณี ๒๔. เห่เรื่ องโคบุตร บทเห่เป็ นบทสั้นๆ รวมกันทั้ง ๔ เรื่ อง โดยจะขอบอกรำยละเอียดของนิรำศทั้ง ๙ เรื่ องและสุ ภำษิต ๓ เรื่ อง
ภำพที่ ๔ ครู กวีสุนทรภู่ ( ที่มำ: https://pantip.com)
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๙
ภำพที่ ๕ หนังสื อนิรำศเมืองแกลง ( ที่มำ: http://blogspot.com)
๑. นิรำศเมืองแกลง เป็ นนิรำศเรื่ องแรก ของสุ นทรภู่ สันนิษฐำนว่ำแต่งใน รำชกำรที่ ๑ พ.ศ. ๒๓๕๐ เมื่อครั้งที่สุนทรภู่เดินทำง ไปหำบิดำที่เมืองแกลง สมเด็จพระเจ้ำ บรมวงศ์เธอ กรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ทรงประมวลเรื่ องรำวที่ปรำกฏในนิรำศ เรื่ องนี้ ประกอบกับศักรำชปี เกิดของ สุ นทรภู่ แล้วทรงวิเครำะห์วำ่ สุ นทรภู่
คงจะแต่งขึ้นเมื่อมีอำยุประมำณ ๒๐ ปี และคงจะมีชื่อเสี ยงในกำรแต่งกลอน ถึงกับมีผฝู ้ ำกตัวเป็ นศิษย์ เพรำะปรำกฏในนิรำศเรื่ องนี้วำ่ มีศิษย์ติดตำมไปด้วย ๒ คน นิรำศเมืองแกลงนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๗ โรงพิมพ์ครู สมิธ บำง คอแหลม พิมพ์จำหน่ำย ๒. นิรำศพระบำท แต่งเมื่อปลำย พ.ศ. ๒๓๕๐ เมื่อครั้งที่สุนทรภู่เป็ น มหำดเล็กอยูใ่ นพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ พระโอรสกรมพระรำชวังหลัง ได้ตำม เสด็จพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ซ่ ึงทรง ผนวชอยูว่ ดั ระฆังโฆษิตำรำม ขึ้นไป นมัสกำรพระพุทธบำทในเดือน ๓ ภำพที่ ๖ หนังสื อนิรำศพระบำท (วันที่ ๘ กุมภำพันธ์ ๒๓๕๐) ( ที่มำ: http://www.rimkhobfabooks.com)
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๐
นอกจำกจะได้ทรำบเรื่ องเกี่ยวกับชีวติ รักระหว่ำงสุ นทรภู่กบั นำงจันทร์ ซ่ ึ งเป็ น ภรรยำจำกนิรำศเรื่ องนี้แล้ว ยังช่วยให้เรำรู ้เรื่ องกำรเดินทำงไปพระพุทธบำทและ สภำพของพระพุทธบำทในสมัยนั้นเป็ นอย่ำงดี นิรำศพระบำทนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ รวมอยูใ่ นประชุม กลอนนิรำศต่ำง ๆ ภำค ๑ ของสุ นทรภู่ ครั้นถึง พ.ศ. ๒๕๑๓ นำยธนิต อยูโ่ พธิ์ ซึ่ งดำรงตำแหน่งอธิ บดีกรมศิลปำกรอยูใ่ นขณะนั้นได้ทำเชิ งอรรถเพิม่ เติม และ นำงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ ผูอ้ ำนวยกำรกองวรรณคดีและประวัติศำสตร์ ซึ่ ง ขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้ำแผนกอักษรศำสตร์ และวรรณคดีได้ช่วย ตรวจสอบและตรวจทำนฉบับพิมพ์ที่ตีพิมพ์เนื่องในกำรจัด "วรรณคดีสัญจร" ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภำคม ๒๕๐๓ กำรพิมพ์ครั้งนั้นกรมศิลปำกรได้นำ ภำพและแผนผังมำประกอบด้วย เรื่ องนี้ได้มีผขู ้ อพิมพ์ต่อมำอีกหลำยครั้ง ๓. นิรำศภูเขำทอง แต่งรำว พ.ศ. ๒๓๗๑ ใน รัชกำลที่ ๓ เมื่อครั้งที่สุนทรภู่ได้อุปสมบทเป็ น พระภิกษุจำพรรษำอยู่ ณ วัดรำชบูรณะหรื อวัด เลียบ และได้เดินทำงไปกรุ งเก่ำโดยทำงเรื อ นำย ธนิต อยูโ่ พธิ์ สันนิษฐำนว่ำสุ นทรภู่คงจะแต่ง นิรำศเรื่ องนี้เมื่อท่ำนมีอำยุได้ ๔๒ ปี และ อุปสมบทมำได้รำว ๔ หรื อ ๕ พรรษำ นิรำศ ภำพที่ ๗ หนังสื อนิรำศภูเขำทอง ภูเขำทองนี้นอกจำกจะมีคำกลอนไพเรำะแล้วยัง ( ที่มำ: https://www.se-ed.com) ช่วยให้ทรำบเรื่ องรำวเกี่ยวกับชีวประวัติสุนทรภู่ มำก เรื่ องนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ รวมอยูใ่ นประชุมกลอนนิรำศ สุ นทรภู่ ภำค ๑
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๑
๔. นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ แต่งรำว พ.ศ. ๒๓๗๕ เมื่อ ครั้งที่สุนทรภู่ยงั อุปสมบทเป็ นพระภิกษุ แต่ แต่งเป็ นสำนวนเณรหนูพดั ผูเ้ ป็ นบุตร เรื่ องนี้ โรงพิมพ์ครู สมิธ บำงคอแหลม พิมพ์จำหน่ำย ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๗ ภำพที่ ๘ หนังสื อนิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ ( ที่มำ: https://sites.google.com) ๕. นิรำศอิเหนำ แต่งในสมัยรัชกำลที่ ๓ เมื่อ สุ นทรภู่สึกเป็ นฆรำวำสแล้ว สมเด็จพระเจ้ำ บรมวงศ์เธอกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ทรง สันนิษฐำนว่ำ คงจะแต่งถวำยพระเจ้ำบรมวงศ์ เธอพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ พระเจ้ำลูกยำเธอ ในพระบำทสมเด็จพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ซึ่ ง สุ นทรภู่ฝำกตัวพึ่งพระบำรมีอยูใ่ นเวลำ นั้น ไม่ใช่เป็ นเรื่ องเดินทำงไกลเหมือนนิ รำศเรื่ อง อื่น ๆ สุ นทรภู่นำเรื่ องอิเหนำตอนติดตำมนำง ภำพที่ ๙ หนังสื อนิรำศอิเหนำ บุษบำเมื่อถูกลมหอบหำยไปมำแต่งขึ้นเป็ น ( ที่มำ: http://vajirayana.org) นิรำศอิเหนำ ทำนองเดียวกับฉันท์รำชำพิลำป ของโบรำณที่แต่งว่ำด้วยพระรำมตำมนำงสี ดำ เรื่ องนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ รู ปอยูใ่ นประชุมกลอนนิ รำศ สุ นทรภู่ ภำค ๒
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๒
๖. โคลงนิรำศสุ พรรณ แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๔ เป็ นนิ รำศเรื่ องเดียวของสุ นทรภู่ที่ แต่งเป็ นโคลงสี่ สุภำพเรื่ องนี้ นอกจำกจะมี ควำมไพเรำะซำบซึ้ งและให้ควำมสนุก เพลิดเพลินตำมท้องเรื่ องแล้ว ยังทำให้ผอู ้ ่ำน ได้ทรำบรำยละเอียดในเรื่ องกำรเดินทำงไป ภำพที่ ๑๐ หนังสื อโคลงนิรำศสุ พรรณ สุ พรรณบุรีของสุ นทรภู่ ซึ่ งจะเป็ น ( ที่มำ: http://vajirayana.org) ประโยชน์ในกำรศึกษำชีวประวัติของท่ำน เพิ่มเติมอีกด้วย นอกจำกนี้ที่สำคัญก็คือได้ ช่วยให้ผทู ้ ี่หลงใหลในเรื่ องเล่นแร่ แปรธำตุ และหำยำอำยุวฒั นะ ซึ่ งปั จจุบนั นี้ก็ยงั มีผเู ้ ชื่อว่ำมี ได้ทรำบว่ำเรื่ องดังกล่ำวเป็ น เรื่ องเหลวไหลไร้สำระ ดังที่สุนทรภู่ได้แถลงไว้ชดั เจนแล้วในตอนสุ ดท้ำยของ โคลงนิรำศเรื่ องนี้ โคลงนิรำศสุ พรรณนี้ได้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ แจกเป็ นอนุสรณ์ใน โอกำสที่มหำเสวกโทพระยำสุ วรรณศิริ (ทองดี สุ วรรณศิริ) ได้รับพระมหำ กรุ ณำที่คุณโปรดเกล้ำฯ ให้เป็ นพระยำยืนชิงช้ำ กำรพิมพ์ครั้งนั้นมีโคลงทั้งหมด เพียง ๒๔๑ บท แต่เขียนไว้ขำ้ งท้ำยว่ำ "จบบริ บูรณ์" ทั้งนี้เข้ำใจว่ำเดิมคงจะพบ ต้นฉบับโคลงนิรำศสุ พรรณของสุ นทรภู่แต่เพียง ๑ เล่มสมุดไทย ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ เจ้ำหน้ำที่กองหอสมุดแห่งชำติ กรมศิลปำกร ได้พบต้นฉบับโคลง นิรำศสุ พรรณของสุ นทรภู่เพิ่มขึ้นอีก ๒ เล่มสมุดไทย มีบทโคลงเพิ่มขึ้นและ ดำเนินควำมต่อไปอีก ๒๒๑ บท รวมกับของเดิมที่พิมพ์ไว้ก่อนแล้ว ๒๔๑ บท จึงเป็ น ๔๖๒ บท ต่อมำ นำยธนิต อยูโ่ พธิ์ ซึ่ งดำรงตำแหน่งอธิ บดีกรมศิลปำกร ในขณะนั้น ได้มอบให้เจ้ำหน้ำที่กองวรรณคดีและประวัติศำสตร์ คือ นำยหรี ด เรื องฤทธิ์ เปรี ยญ อ่ำนและตรวจสอบชำระโคลงนิรำศสุ พรรณส่ วนที่พบใหม่ และ นำงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ ได้ตรวจสอบชำระเพิม่ เติมในครำวตีพิมพ์ฉบับ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๓
สมบูรณ์น้ ีเป็ นครั้งแรกเนื่องในวันคล้ำยวันเกิดของสุ นทรภู่ ในวันที่ ๒๖ มิถุนำยน ๒๕๑๐ กำรพิมพ์ครั้งนั้นได้รักษำอักขรวิธีตำมต้นฉบับเดิมในสมุดไทย ทั้งนี้เพื่อให้ท่ำนผูอ้ ่ำนได้ศึกษำวิธีเขียนสะกดกำรันต์และเสี ยงอ่ำนเสี ยงพูดที่เคย ใช้กนั ในสมัยโบรำณ ส่ วนคำที่ลกั ลัน่ นั้น นำยธนิต อยูโ่ พธิ์ ได้ทำเชิงอรรถคำ เทียบปั จจุบนั ไว้นอกจำกนั้นยังได้พิมพ์สถำนที่ที่กล่ำวถึงในโคลงนิ รำศสุ พรรณ พร้อมทั้งภำพและแผนที่สังเขปแสดงระยะทำงเดินไว้ดว้ ย ๗. รำพันพิลำป สุ นทรภู่ได้แต่งขึ้นตำมควำมฝัน ของท่ำนในคืนวันจันทร์ เดือน ๘ ปี ขำล พ.ศ. ๒๓๘๕ ซึ่ งเวลำนั้นท่ำนมีอำยุ ๕๖ ปี ยังครอง เพศเป็ นสมณะและจำพรรษำอยู่ ณ วัดเทพธิ ดำ รำม ข้อควำมรำพันในหนังสื อเรื่ องนี้ช่วยให้ ผูอ้ ่ำนได้ทรำบถึงควำมเป็ นไปในชีวติ ของ ภำพที่ ๑๑ หนังสื อรำพันพิลำป สุ นทรภู่ได้ทรำบถึงสิ่ งก่อสร้ำงและพืชพรรณไม้ ( ที่มำ: http://stoubook.stou.ac.th) ที่มีอยูใ่ นวัดเทพธิ ดำรำมในครั้งนั้นตลอดจน พรรณนำถึงเครื่ องปัจจัยไทยทำน ซึ่งนิยมจัดทำ ถวำยพระในสมัยนั้นด้วย เรื่ องนี้นอกจำกจะช่วยให้ผอู ้ ่ำนได้ทรำบประวัติของ สุ นทรภู่เพิ่มเติมแล้ว ยังช่วยให้เห็นจินตนำกำรอันลี้ลบั ของท่ำนที่น่ำสนใจยิง่ ต้นฉบับ "รำพันพิลำป" ที่ใช้เป็ นฉบับพิมพ์มีอยู่ ๑ เล่มสมุดไทย พระยำ รำชสมบัติ (เอิบ บุรำนนท์) ได้นำมำมอบให้แก่หอสมุดแห่ งชำติ กรมศิลปำกร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้ตีพิมพ์ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ และพิมพ์ต่อมำอีกหลำย ครั้ง ครั้นถึง พ.ศ. ๒๕๐๔ นำยธนิต อยูโ่ พธิ์ ได้ตรวจสอบชำระและทำเชิงอรรถ ประกอบ แล้วตีพิมพ์เป็ นครั้งแรกเนื่ องในวันครบรอบ ๑๗๕ ปี ของสุ นทรภู่ (๒๖ มิถุนำยน ๒๕๐๔)
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๔
๘. นิรำศพระประธม แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ หลังจำกที่สุนทรภู่ได้ลำสิ กขำบทแล้ว นำยธนิต อยูโ่ พธิ์ สันนิษฐำนว่ำสุ นทรภู่คงจะสึ กรำวข้ำงขึ้น เดือน ๘ ก่อนเข้ำพรรษำในปี นั้น แล้วเข้ำถวำยตัว พึ่ง พระบำรมีอยูใ่ นพระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำ เจ้ำอยูห่ วั ซึ่ งขณะนั้นเสด็จดำรงพระอิสริ ยยศเป็ น สมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำ ฯ กรมขุนอิศเรศ รังสรรค์ และประทับอยู่ ณ พระรำชวังเดิม ธนบุรี ภำพที่ ๑๒ หนังสื อนิรำศพระประธม (ซึ่ งเป็ นโรงเรี ยนนำยเรื อบัดนี้ ) ครั้นต่อมำในเดือน ( ที่มำ: http://vajirayana.org) ๑๒ ปี ขำล พ.ศ. ๒๓๘๕นั้นเอง สุ นทรภู่ก็เดินทำง ไปนมัสกำรพระปฐมเจดียพ์ ร้อมกับบุตรชำย ๒ คน คือ นำยตำบ และนำยนิล เข้ำใจว่ำลงเรื อแถวท่ำพระรำชวังเดิม จังหวัดธนบุรี บอกวันออกเดินทำงไว้ใน เบื้องต้นนิ รำศพระประธมของท่ำนว่ำ "ถวิลวันจันทร์ ทิวำขึ้นห้ำค่ำ" เข้ำใจว่ำ เป็ น วันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ พ.ศ. ๒๓๘๕ ซึ่งเป็ นเวลำภำยหลังจำกเหตุกำรณ์ ใน "รำพันพิลำป" รำว ๓-๔ เดือน เรื่ องนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ รวมอยูใ่ นประชุมนิรำศสุ นทรภู่ ภำค ๒ ต่อมำในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ กรมศิลปำกรได้ตรวจสอบชำระทำเชิงอรรถเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดทำแผนที่และภำพประกอบตลอดจนพิมพ์สถำนที่ที่กล่ำวถึงในนิรำศ พระประธมไว้ทำ้ ยเรื่ องด้วย ๙. นิรำศเมืองเพชร เป็ นนิ รำศเรื่ องสุ ดท้ำยของท่ำนสุ นทรภู่ แต่งขึ้นระหว่ำง พ.ศ. ๒๓๘๘-๒๓๙๒ ในรัชกำลที่ ๓ นับถือกันว่ำเรื่ องนี้แต่งดีถึงขนำดนิ รำศภูเขำทองซึ่ ง ถือเป็ นเรื่ องยอดเยีย่ มในนิ รำศของสุ นทรภู่ ในเวลำที่แต่งเรื่ องนี้สุนทรภู่ได้เข้ำไปพึ่ง พระบำรมีในพระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั เมื่อยังดำรงพระยศเป็ นสมเด็จ พระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำ ฯ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ กล่ำวกันว่ำสุ นทรภู่ได้รับอำสำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๕
ไปหำของที่ตอ้ งประสงค์ที่เมืองพริ บพรี หรื อ เพชรบุรีและได้แต่งนิ รำศเมืองเพชรขึ้นใน ครำวนั้น เรื่ องนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖
ภำพที่ ๑๓ หนังสื อนิรำศเมืองเพชร ( ที่มำ: http://www.finearts.go.th) ๑๐. สวัสดิรักษำคำกลอน สุ นทรภู่แต่งในตอน ปลำยรัชกำลที่ ๒ ประมำณ พ.ศ. ๒๓๖๔ ถึง ๒๓๖๗ เพื่อถวำยพระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ ซึ่งพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ทรง มอบให้เป็ นศิษย์ศึกษำอักขรสมัยในสำนักของ ภำพที่ ๑๔ หนังสื อสวัสดิรักษำ สุ นทรภู่ ( ที่มำ: http://vajirayana.org) ๑๑. เพลงยำวถวำยโอวำท สุ นทรภู่แต่งใน รัชกำลที่ ๓ ประมำณ พ.ศ. ๒๓๗๓ เมื่อออก จำกรำชกำรแล้วไปบวชอยูท่ ี่วดั รำชบูรณะ เจ้ำ ฟ้ ำอำภรณ์ซ่ ึงเจริ ญพระชันษำ ได้เสด็จออกมำ ประทับอยูว่ งั นอกและเริ่ มฝึ กหัดเข้ำรับ รำชกำร พระองค์ทรงเพิกเฉยไม่กล้ำเกื้อหนุน สุ นทรภู่ดว้ ยเกรงจะเป็ นกำรฝ่ ำฝื นพระรำช ภำพที่ ๑๕ หนังสื อเพลงยำวถวำยโอวำท นิยมในพระบำทสมเด็จพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ( ที่มำ: http://www.finearts.go.th) แต่เจ้ำฟ้ ำกุณฑลทิพยดีพระรำชมำรดำยังทรง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๖
ปรำนีสุนทรภู่อยู่ ได้ทรงมอบพระรำชโอรสอีกสองพระองค์ซ่ ึ งยังทรงพระเยำว์ คือ สมเด็จเจ้ำฟ้ ำ ฯ กรมพระยำบำรำบปรปั กษ์ ซึ่ งเรี ยกกันในสมัยนั้นว่ำ เจ้ำฟ้ ำ กลำง กับเจ้ำฟ้ ำปิ๋ ว ให้เป็ นศิษย์สุนทรภู่ เช่นเดียวกับที่พระบำทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้ำนภำลัย ได้เคยมอบเจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ให้เป็ นศิษย์มำก่อน และทรงอุปถัมภ์ บำรุ งสุ นทรภู่อยูต่ ลอดมำ สุ นทรภู่ได้รับควำมสุ ขอยูไ่ ม่นำนก็ตอ้ งอธิ กรณ์ ถูกขับ ไล่ออกจำกวัดรำชบูรณะ สุ นทรภู่คิดจะออกไปอยูต่ ำมหัวเมืองรอให้เรื่ องอธิ กรณ์ สงบเงียบ ก็จะกลับเข้ำมำอยูก่ รุ งเทพ ฯ อีก จึงได้แต่งเพลงยำวบทนี้ทูลลำและ ถวำยโอวำทเจ้ำฟ้ ำซึ่ งเป็ นศิษย์ท้ งั สอง แล้วจึงออกเดินทำงไปจังหวัด พระนครศรี อยุธยำ ต่อมำเกิดเปลี่ยนควำมคิด กลับลงมำอยูท่ ี่วดั อรุ ณรำชวรำรำม ๑๒. สุ ภำษิตสอนสตรี สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรม พระยำดำรงรำชำนุภำพ ทรงอธิ บำยไว้วำ่ "สุ นทรภู่เห็น จะแต่งเมื่อรำวระหว่ำงปี พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓ พิเครำะห์ตำมสำนวนดูเหมือนหนังสื อเรื่ องนี้สุนทรภู่ จะแต่งขำย เป็ นสุ ภำษิตสำหรับสอนสตรี สำมัญทัว่ ไป ควำมไม่บ่งว่ำแต่งให้แก่ผหู ้ นึ่ งผูใ้ ดโดยเฉพำะดังเรื่ อง อื่นบำงเรื่ อง เช่น เพลงยำวถวำยโอวำทและสวัสดิรักษำ ภำพที่ ๑๖ หนังสื อชีวติ สุ นทรภู่ ต้นฉบับเดิมที่หอพระสมุด ฯ ได้มำเรี ยกว่ำสุ ภำษิตไทย ( ที่มำ: http://www.suเป็ นคำสมมติของผูอ้ ื่น ดูเหมือนผูส้ มมติจะไม่รู้วำ่ เป็ น usedbook.com) กลอนของสุ นทรภู่ดว้ ยซ้ ำไป ถ้อยคำในต้นฉบับก็ วิปลำสคลำดเคลื่อน ต้องซ่อมแซมในหอพระสมุด ฯ หลำยแห่ง แต่นบั ว่ำแต่งดี น่ำอ่ำน" กำรที่สมเด็จ ฯ กรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ทรงอธิ บำยไว้เช่นนี้คงจะ ได้ทรงพิจำรณำสำนวนกลอนและโวหำรในสุ ภำษิตเรื่ องนี้ประกอบกัน อย่ำงไร ก็ดี เมื่อไม่นำนมำนี้ได้มีผสู้ นใจค้นคว้ำศึกษำเรื่ องสุ ภำษิตสอนสตรี และเสนอ ควำมเห็นว่ำเป็ นสำนวนกลอนของผูอ้ ื่น มิใช่สำนวนของสุ นทรภู่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๗ คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๓ ถูก ผิด คิดให้ดี
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนใส่ เครื่ องหมำย หน้ำข้อควำมที่ถูกต้องและใส่ เครื่ องหมำยหน้ำข้อควำมที่ไม่ถูกต้อง
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๘ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๓ ถูก ผิด คิดให้ดี
คาชี้แจง
ใ
ให้นกั เรี ยนใส่ เครื่ องหมำย หน้ำข้อควำมที่ถูกต้องและใส่ เครื่ องหมำยหน้ำข้อควำมที่ไม่ถูกต้อง
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๙ คะแนนที่ได้
๑๐
ใบงานที่ ๔ ผลงานนี้น่าจดจา
คาชี้แจง
ตอนที่ ๑ ให้นกั เรี ยนเรี ยงลำดับผลงำนของสุ นทรภู่ที่ประพันธ์ก่อน และหลังต่อไปนี้ให้ถูกต้องตำมลำดับ
เพลงยำวถวำยโอวำท
นิรำศสุ พรรณ
รำพันพิลำป
นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ
นิรำศภูเขำทอง
สวัสดิรักษำ
นิรำศพระบำท
นิรำศเมืองเพชร
สุ ภำษิตสอนหญิง
นิรำศพระประธม
นิรำศอิเหนำ
นิรำศเมืองแกลง
๑.
แต่งเมื่อ
๒.
แต่งเมื่อ
๓.
แต่งเมื่อ
๔.
แต่งเมื่อ
๕.
แต่งเมื่อ
๖.
แต่งเมื่อ
๗.
แต่งเมื่อ
๘.
แต่งเมื่อ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๐ ๙.
แต่งเมื่อ
๑๐.
แต่งเมื่อ
๑๑.
แต่งเมื่อ
๑๒.
แต่งเมื่อ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๑
คาชี้แจง
ตอนที่ ๒ ให้นกั เรี ยนนำตัวอักษรหน้ำข้อควำมต่อไปนี้ นำไปใส่ หน้ำ ชื่อผลงำนของสุ นทรภู่ให้สัมพันธ์กนั ให้ถูกต้อง
ก. นิรำศเรื่ องแรกของสุ นทรภู่ ข. แต่งเมื่อตำมเสด็จพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ ไปนมัสกำรพระพุทธบำท ค. แต่งเป็ นสำนวนเณรหนูพดั ผูเ้ ป็ นบุตร ง. แต่งถวำยพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ จ. แต่งเมื่อได้อุปสมบทเป็ นพระภิกษุจำพรรษำอยู่ ณ วัดรำชบูรณะหรื อวัดเลียบ ฉ. แต่งรำว พ.ศ. ๒๓๗๕ ช. สุ นทรภู่รับอำสำ พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั เมื่อยังดำรงพระ ยศเป็ นสมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำ ฯ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ไปหำของที่ตอ้ งประสงค์ที่เมืองพริ บพรี จึงได้ แต่งนิ รำศเรื่ องนี้ข้ ึน ซ. แต่งขึ้นตำมควำมฝัน ฌ. แต่งเป็ นโคลงสี่ สุภำพ ญ. นำเรื่ องอิเหนำ ตอน ติดตำมนำงบุษบำ เมื่อถูกลมหอบหำยไปมำแต่งขึ้นเป็ นนิรำศ ฎ. แต่งเมื่อครั้งไป นมัสกำรพระปฐมเจดีย ์ ฏ. เนื้อหำได้ทรำบถึงและพืชพรรณไม้ที่มีอยูใ่ นวัดเทพธิ ดำรำมในครั้งนั้น ฐ. แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ หลังจำกที่ได้ลำสิ กขำบทแล้ว ฑ. นิรำศเรื่ องสุ ดท้ำยของสุ นทรภู่ ฒ. แต่งเมื่อสุ นทรภู่เดินทำงไปหำบิดำ ณ. มีเนื้อหำเรื่ องเล่นแร่ แปรธำตุและหำยำอำยุวฒั นะภำยในเรื่ อง ด. แต่งเมื่อปลำย พ.ศ. ๒๓๕๐ ต. มีกำรเดินทำงไปกรุ งเก่ำโดยทำงเรื อ
นำตัวอักษรใส่ หน้ำข้อควำมให้สัมพันธ์กบั ผลงำนให้ถูกต้อง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๒ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๔ ผลงานนี้น่าจดจา
คาชี้แจง
๑๐
ตอนที่ ๑ ให้นกั เรี ยนเรี ยงลำดับผลงำนของสุ นทรภู่ที่ประพันธ์ก่อน และหลังต่อไปนี้ให้ถูกต้องตำมลำดับ
เพลงยำวถวำยโอวำท
นิรำศสุ พรรณ
รำพันพิลำป
นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ
นิรำศภูเขำทอง
สวัสดิรักษำ
นิรำศพระบำท
นิรำศเมืองเพชร
สุ ภำษิตสอนหญิง
นิรำศพระประธม
นิรำศอิเหนำ
นิรำศเมืองแกลง
๑.
นิรำศเมืองแกลง
แต่งเมื่อ
ต้น พ.ศ. ๒๓๕๐
๒.
นิรำศพระบำท
แต่งเมื่อ
ปลำย พ.ศ. ๒๓๕๐
๓.
สวัสดิรักษำ
แต่งเมื่อ
ระหว่ำง พ.ศ. ๒๓๖๔-๒๓๖๗
๔.
นิรำศภูเขำทอง
แต่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๗๑
๕.
เพลงยำวถวำยโอวำท
แต่งเมื่อ
รำว พ.ศ. ๒๓๗๓
๖.
นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ
แต่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๗๕
๗.
นิรำศอิเหนำ
แต่งเมื่อ
สมัยรัชกำลที่ ๓
๘.
สุ ภำษิตสอนหญิง
แต่งเมื่อ
รำวระหว่ำง พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๓
๙.
นิรำศเมืองสุ พรรณ
แต่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๘๔
๑๐.
รำพันพิลำป
แต่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๘๕
๑๑.
นิรำศพระประธม
แต่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๘๕
๑๒.
นิรำศเมืองเพชร
แต่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๘๘-๒๓๙๒
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๔
คาชี้แจง
ตอนที่ ๒ ให้นกั เรี ยนนำตัวอักษรหน้ำข้อควำมต่อไปนี้ นำไปใส่ หน้ำ ชื่อผลงำนของสุ นทรภู่ให้สัมพันธ์กนั ให้ถูกต้อง
ก. นิรำศเรื่ องแรกของสุ นทรภู่ ข. แต่งเมื่อตำมเสด็จพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ ไปนมัสกำรพระพุทธบำท ค. แต่งเป็ นสำนวนเณรหนูพดั ผูเ้ ป็ นบุตร ง. แต่งถวำยพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณ จ. แต่งเมื่อได้อุปสมบทเป็ นพระภิกษุจำพรรษำอยู่ ณ วัดรำชบูรณะหรื อวัดเลียบ ฉ. แต่งรำว พ.ศ. ๒๓๗๕ ช. สุ นทรภู่รับอำสำ พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั เมื่อยังดำรงพระ ยศเป็ นสมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำ ฯ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ไปหำของที่ตอ้ งประสงค์ที่เมืองพริ บพรี จึงได้ แต่งนิ รำศเรื่ องนี้ข้ ึน ซ. แต่งขึ้นตำมควำมฝัน ฌ. แต่งเป็ นโคลงสี่ สุภำพ ญ. นำเรื่ องอิเหนำ ตอน ติดตำมนำงบุษบำ เมื่อถูกลมหอบหำยไปมำแต่งขึ้นเป็ นนิรำศ ฎ. แต่งเมื่อครั้งไป นมัสกำรพระปฐมเจดีย ์ ฏ. เนื้อหำได้ทรำบถึงและพืชพรรณไม้ที่มีอยูใ่ นวัดเทพธิ ดำรำมในครั้งนั้น ฐ. แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ หลังจำกที่ได้ลำสิ กขำบทแล้ว ฑ. นิรำศเรื่ องสุ ดท้ำยของสุ นทรภู่ ฒ. แต่งเมื่อสุ นทรภู่เดินทำงไปหำบิดำ ณ. มีเนื้อหำเรื่ องเล่นแร่ แปรธำตุและหำยำอำยุวฒั นะภำยในเรื่ อง ด. แต่งเมื่อปลำย พ.ศ. ๒๓๕๐ ต. มีกำรเดินทำงไปกรุ งเก่ำโดยทำงเรื อ
นำตัวอักษรใส่ หน้ำข้อควำมให้สัมพันธ์กบั ผลงำนให้ถูกต้อง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๕
รับกฐินภิญโญโมทนำ ออกจำกวัดทัศนำดูอำวำส สำมฤดูอยูด่ ีไม่มีภยั โอ้อำวำสรำชบุรณะพระวิหำร เหลือรำลึกนึกน่ำน้ ำตำกระเด็น จะยกหยิบธิ บดีเป็ นที่ต้ งั จึ่งอำลำอำวำสนิรำศร้ำง ถึงหน้ำวังดังหนึ่งใจจะขำด โอ้ผำ่ นเกล้ำเจ้ำประคุณของสุ นทร พระนิพพำนปำนประหนึ่งศีรษะขำด ทั้งโรคซ้ ำกรรมซัดวิบตั ิเป็ น จะสร้ำงพรตอตส่ ำห์ส่งส่ วนบุญถวำย เป็ นสิ่ งของฉลองคุณมุลิกำ ถึงหน้ำแพแลเห็นเรื อที่นงั่ เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย เคยทรงแต่งแปลงบทพจนำรถ จนกฐินสิ้ นแม่น้ ำแลลำคลอง เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุ คนธ์ตรลบ
เดือนสิ บเอ็ดเสร็ จธุระพระวสำ ชุลีลำลงเรื อเหลืออำลัย เมื่อตรุ ษสำรทพระวสำได้อำศัย มำจำไกลอำรำมเมื่อยำมเย็น แต่น้ ีนำนนับทิวำจะมำเห็น เพรำะขุกเข็ญคนพำลมำรำนทำง ก็ใช้ถงั แทนสัดเห็นขัดขวำง มำอ้ำงว้ำงวิญญำณ์ในสำคร คิดถึงบำทบพิตรอดิศร แต่ปำงก่อนเคยเฝ้ ำทุกเช้ำเย็น ด้วยไร้ญำติยำกแค้นถึงแสนเข็ญ ไม่เล็งเห็นที่ซ่ ึ งจะพึ่งพำ ประพฤติฝ่ำยสมถะทั้งวสำ ขอเป็ นข้ำเคียงพระบำททุกชำติไป คิดถึงครั้งก่อนมำน้ ำตำไหล แล้วลงในเรื อที่นงั่ บัลลังก์ทอง เคยรับรำชโองกำรอ่ำนฉลอง มิได้ขอ้ งเคืองขัดหัทยำ ละอองอบรสรื่ นชื่นนำสำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๖
สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรสสุ คนธำ ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ทั้งปิ่ นเกล้ำเจ้ำพิภพจบสำกล ถึงอำรำมนำมวัดประโคนปัก เป็ นสำคัญปั นแดนในแผ่นดิน ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย อำยุยนื หมื่นเท่ำเสำศิลำ ไปพ้นวัดทัศนำริ มท่ำน้ ำ มีแพรผ้ำสำรพัดสี ม่วงตอง ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ ทำบุญบวชกรวดน้ ำขอสำเร็ จ ถึงสุ รำพำรอดไม่วอดวำย ไม่เมำเหล้ำแล้วแต่เรำยังเมำรัก ถึงเมำเหล้ำเช้ำสำยก็หำยไป ถึงบำงจำกจำกวัดพลัดพี่นอ้ ง เพรำะรักใคร่ ใจจืดไม่ยดื ยืน ถึงบำงพลูคิดถึงคู่เมื่ออยูค่ รอง ถึงบำงพลัดเหมือนพี่พลัดมำขัดเคือง ถึงบำงโพธิ์ โอ้พระศรี มหำโพธิ ขอเดชะอำนุภำพพระทศพล ถึงบ้ำนญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง ตรงหน้ำโรงโพงพำงเขำวำงรำย จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถำน ถึงเขมำอำรำมอร่ ำมทอง
วำสนำเรำก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุ คนธ์ ตั้งสติเติมถวำยฝ่ ำยกุศล ให้ผอ่ งพ้นภัยสำรำญผ่ำนบุรินทร์ ไม่เห็นหลักลือเล่ำว่ำเสำหิ น มิรู้สิ้นสุ ดชื่อที่ลือชำ แม้นมอดม้วยกลับชำติวำสนำ อยูค่ ู่ฟ้ำดินได้ดงั ใจปอง แพประจำจอดรำยเขำขำยของ ทั้งสิ่ งของขำวเหลืองเครื่ องสำเภำ มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย พระสรรเพชญโพธิญำณประมำณหมำย ไม่ใกล้กรำยแกล้งเมินก็เกินไป สุ ดจะหักห้ำมจิตคิดไฉน แต่เมำใจนี้ประจำทุกค่ำคืน มำมัวหมองม้วนหน้ำไม่ฝ่ำฝื น จึงต้องขืนในพรำกมำจำกเมือง เคยใส่ ซองส่ งให้ลว้ นใบเหลือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมำร้อนรน ร่ มนิ โรธรุ กขมูลให้พนู ผล ให้ผอ่ งพ้นภัยพำลสำรำญกำย มีขอ้ งขังกุง้ ปลำไว้คำ้ ขำย พวกหญิงชำยพร้อมเพรี ยงมำเมียงมอง ทรมำนหม่นไหม้ฤทัยหมอง พึ่งฉลองเลิกงำนเมื่อวำนซืน
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๗
โอ้ปำงหลังครั้งสมเด็จพระบรมโกศ ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยัง่ ยืน โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง เป็ นบุญน้อยพลอยนึกโมทนำ ดูน้ ำวิง่ กลิ้งเชี่ยวเป็ นเกลียวกลอก บ้ำงพลุ่งพลุ่งวุง้ วงเหมือนกงเกวียน ทั้งหัวท้ำยกรำยแจวกระชำกจ้วง โอ้เรื อพ้นวนมำในสำชล ตลำดแก้วแล้วไม่เห็นตลำดตั้ง โอ้รินริ นกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคง เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ ำระกำแฝง เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ ำเจือ ถึงแขวงนนท์ชลมำรคตลำดขวัญ ทั้งของสวนล้วนแต่เรื อเรี ยงรำย มำถึงบำงธรณี ทวีโศก โอ้สุธำหนำแน่นเป็ นแผ่นพื้น เมื่อเครำะห์ร้ำยกำยเรำก็เท่ำนี้ ล้วนหนำมเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ ถึงเกร็ ดย่ำนบ้ำนมอญแต่ก่อนเก่ำ เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุก๊ ตำ โอ้สำมัญผันแปรไม่แท้เที่ยง นี่หรื อจิตคิดหมำยมีหลำยใจ ถึงบำงพูดพูดดีเป็ นศรี ศกั ดิ์ แม้นพูดชัว่ ตัวตำยทำลำยมิตร ถึงบ้ำนใหม่ใจจิตก็คิดอ่ำน ขอให้สมคะเนเถิดเทวำ
มำผูกโบสถ์ก็ได้มำบูชำชื่น ทั้งแปดหมื่นสี่ พนั ได้วนั ทำ เพรำะตัวต้องตกประดำษวำสนำ พอนำวำติดชลเข้ำวนเวียน กลับกระฉอกฉำดฉันฉวัดเฉวียน ดูเปลี่ยนเปลี่ยนคว้ำงคว้ำงเป็ นหว่ำงวน ครรไลล่วงเลยทำงมำกลำงหน ใจยังวนหวังสวำทไม่คลำดคลำ สองฟำกฝั่งก็แต่ลว้ นสวนพฤกษำ เหมือนกลิ่นผ้ำแพรดำร่ ำมะเกลือ ทั้งรักแซงแซมสวำทประหลำดเหลือ เพรำะรักเรื้ อแรมสวำทมำคลำดคลำย มีพว่ งแพแพรพรรณเขำค้ำขำย พวกหญิงชำยชุมกันทุกวันคืน ยำมวิโยคยำกใจให้สะอื้น ถึงสี่ หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร ไม่มีที่พสุ ธำจะอำศัย เหมือนนกไร้รังเร่ อยูเ่ อกำ ผูห้ ญิงเกล้ำมวยงำมตำมภำษำ ทั้งผัดหน้ำจับเขม่ำเหมือนชำวไทย เหมือนอย่ำงเยีย่ งชำยหญิงทิ้งวิสัย ที่จิตใครจะเป็ นหนึ่งอย่ำพึงคิด มีคนรักรสถ้อยอร่ อยจิต จะชอบผิดในมนุษย์เพรำะพูดจำ จะหำบ้ำนใหม่มำดเหมือนปรำรถนำ จะได้ผำสุ กสวัสดิ์จำกัดภัย
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๘
ถึงบำงเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลำด เหมือนคนพำลหวำนนอกย่อมขมใน ถึงบำงหลวงเชิงรำกเหมือนจำกรัก เป็ นล่วงพ้นรนรำครำคำ ถึงสำมโคกโศกถวิลถึงปิ่ นเกล้ำ ประทำนนำมสำมโคกเป็ นเมืองตรี โอ้พระคุณสู ญลับไม่กลับหลัง โอ้เรำนี้ที่สุนทรประทำนตัว สิ้ นแผ่นดินสิ้ นนำมตำมเสด็จ แม้นกำเนิดเกิดชำติใดใด สิ้ นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้ำง เหลืออำลัยใจตรมระทมทวี ถึงบ้ำนงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสู ง ด้วยหนำมดกรกดำษระดะตำ งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ใครทำชูค้ ู่ท่ำนครั้นบรรลัย เรำเกิดมำอำยุเพียงนี้แล้ว ทุกวันนี้วปิ ริ ตผิดทำนอง โอ้คิดมำสำรพัดจะตัดขำด ถวิลหวังนัง่ นึกอนำถใจ ดูห่ำงย่ำนบ้ำนช่องทั้งสองฝั่ง เป็ นที่อยูผ่ รู ้ ้ำยไม่วำยเว้น พระสุ ริยงลงลับพยับฝน ถึงทำงลัดตัดทำงมำกลำงนำ เป็ นเงำง้ ำน้ ำเจิ่งดูเวิง้ ว้ำง เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสำวเสี ยงกรำวเกรี ยว
บังเกิดชำติแมลงหวีม่ ีในไส้ อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอำ สู ้เสี ยศักดิ์สังวำสพระศำสนำ ถึงนำงฟ้ ำจะมำให้ไม่ไยดี พระพุทธเจ้ำหลวงบำรุ งซึ่งกรุ งศรี ชื่อปทุมธำนีเพรำะมีบวั แต่ชื่อตั้งก็ยงั อยูเ่ ขำรู ้ทวั่ ไม่รอดชัว่ เช่นสำมโคกยิง่ โศกใจ ต้องเที่ยวเตร็ ดเตร่ หำที่อำศัย ขอให้ได้เป็ นข้ำฝ่ ำธุลี อย่ำรู ้ร้ำงบงกชบทศรี ทุกวันนี้ก็ซงั ตำยทรงกำยมำ ไม่มีฝงู สัตว์สิงกิ่งพฤกษำ นึกก็น่ำกลัวหนำมขำมขำมใจ ดังขวำกแซมเสี้ ยมแซกแตกไสว ก็ตอ้ งไปปี นต้นน่ำขนพอง ยังคลำดแคล้วครองตัวไม่มวั หมอง เจียนจะต้องปี นบ้ำงหรื ออย่ำงไร ตัดสวำทตัดรักมิยกั ไหว ถึงเกำะใหญ่รำชครำมพอยำมเย็น ระวังทั้งสัตว์น้ ำจะทำเข็ญ เที่ยวซ่อนเร้นตีเรื อเหลือระอำ ดูมวั มนมืดมิดทุกทิศำ ทั้งแฝกคำแขมกกขึ้นรกเรี้ ยว ทั้งกว้ำงขวำงขวัญหำยไม่วำยเหลียว ล้วนเรื อเพรี ยวพร้อมหน้ำพวกปลำเลย
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๙
เขำถ่อคล่องว่องไวไปเป็ นยืด ต้องถ่อค้ ำร่ ำไปทั้งไม่เคย กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้ ำถ่อถอน เงียบสงัดสัตว์ป่ำคณำนก ไม่เห็นคลองต้องค้ำงอยูก่ ลำงทุ่ง เป็ นกลุ่มกลุ่มกลุม้ กำยเหมือนทรำยซัด แสนวิตกอกเอ๋ ยมำอ้ำงว้ำง จนดึกดำวพรำวพร่ ำงกลำงอัมพร ทั้งกบเขียดเกรี ยดกรี ดจังหรี ดเรื่ อย วังเวงจิตคิดคะนึงรำพึงควำม สำรวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม โอ้ยำมเข็ญเห็นอยูแ่ ต่หนูพดั จนเดือนเด่นเห็นกอกระจับจอก เห็นร่ องน้ ำลำคลองทั้งสองฝ่ ำย จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผกั เหล่ำบัวเผื่อนแลสล้ำงริ มทำงจร สำยติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่ำ กระจับจอกดอกบัวบำนผกำ โอ้เช่นนี้สีกำได้มำเห็น ที่มีเรื อน้อยน้อยจะลอยพำย ถึงตัวเรำเล่ำถ้ำยังมีโยมหญิง คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมำ นี่จนใจไม่มีเท่ำขี้เล็บ พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุ ริยน มำทำงท่ำหน้ำจวนจอมผูร้ ้ ัง จะแวะหำถ้ำท่ำนเหมือนเมื่อเป็ นไวย
เรื อเรำฝื ดเฝื อมำนิจจำเอ๋ ย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้ำพงรก เรื อขย่อนโยกโยนกระโถนหก น้ ำค้ำงตกพร่ ำงพรำยพระพำยพัด พอหยุดยุงฉู่ชุมมำรุ มกัด ต้องนัง่ ปั ดแปะไปมิได้นอน ในทุ่งกว้ำงเห็นแต่แขมแซมสลอน กระเรี ยนร่ อนร้องก้องเมื่อสองยำม พระพำยเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวำม ถึงเมื่อยำมยังอุดมโสมนัส อยูแ่ วดล้อมหลำยคนปรนนิบตั ิ ช่วยนัง่ ปั ดยุงให้ไม่ไกลกำย ระดะดอกบัวเผือ่ นเมื่อเดือนหงำย ข้ำงหน้ำท้ำยถ่อมำในสำคร ดูน่ำรักบรรจงส่ งเกสร ก้ำมกุง้ ซ้อนเสี ยดสำหร่ ำยใต้คงคำ เป็ นเหล่ำเหล่ำแลรำยทั้งซ้ำยขวำ ดำษดำดูขำวดัง่ ดำวพรำย จะลงเล่นกลำงทุ่งเหมือนมุ่งหมำย เที่ยวถอนสำยบัวผันสันตะวำ ไหนจะนิ่งดูดำยอำยบุปผำ อุตส่ ำห์หำเอำไปฝำกตำมยำกจน ขี้เกียจเก็บเลยทำงมำกลำงหน ถึงตำบลกรุ งเก่ำยิง่ เศร้ำใจ คิดถึงครั้งก่อนมำน้ ำตำไหล ก็จะได้รับนิมนต์ข้ ึนบนจวน
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๐
แต่ยำมยำกหำกว่ำถ้ำท่ำนแปลก เหมือนเข็ญใจใฝ่ สู งไม่สมควร มำจอดท่ำหน้ำวัดพระเมรุ ขำ้ ม บ้ำงขึ้นล่องร้องลำเล่นสำรำญ บ้ำงฉลองผ้ำป่ ำเสภำขับ มีโคมรำยแลอร่ ำมเหมือนสำเพ็ง อ้ำยลำหนึ่งครึ่ งท่อนกลอนมันมำก ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู ได้ฟังเล่นต่ำงต่ำงที่ขำ้ งวัด ประมำณสำมยำมคล้ ำในอัมพร นำวำเอียงเสี ยงกุกลุกขึ้นร้อง ไม่เห็นหน้ำสำนุศิษย์ที่ชิดเชื้อ แต่หนูพดั จัดแจงจุดเทียนส่ อง ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ครั้นรุ่ งเช้ำเข้ำเป็ นวันอุโบสถ ไปเจดียท์ ี่ชื่อภูเขำทอง อยูก่ ลำงทุ่งรุ่ งโรจน์สันโดษเด่น ที่พ้นื ลำนฐำนบัทม์ถดั บันได มีเจดียว์ หิ ำรเป็ นลำนวัด ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน
อกมิแตกเสี ยหรื อเรำเขำจะสรวล จะต้องม้วนหน้ำกลับอัประมำณ ริ มอำรำมเรื อเรี ยงเคียงขนำน ทั้งเพลงกำรเกี้ยวแก้กนั แซ่เซ็ง ระนำดรับรัวคล้ำยกับนำยเส็ ง เมื่อครำวเคร่ งก็มิใคร่ จะได้ดู ช่ำงยำวลำกเลื้อยเจื้อยจนเหนื่ อยหู จนลูกคู่ขอทุเลำว่ำหำวนอน จนสงัดเงียบหลับลงกับหมอน อ้ำยโจรจรจู่จว้ งเข้ำล้วงเรื อ มันดำล่องน้ ำไปช่ำงไวเหลือ เหมือนเนื้ อเบื้อบ้ำเคอะดูเซอะซะ ไม่เสี ยของขำวเหลืองเครื่ องอัฏฐะ ชัยชนะมำรได้ดงั ใจปอง เจริ ญรสธรรมำบูชำฉลอง ดูสูงล่องลอยฟ้ ำนภำลัย เป็ นที่เล่นนำวำคงคำใส คงคงลัยล้อมรอบเป็ นขอบคัน ในจังหวัดวงแขวงกำแพงกั้น เป็ นสำมชั้นเชิงชำนตระหง่ำนงำม
ภำพที่ ๑๗ เจดียว์ ดั ภูเขำทอง ( ที่มำ: http://m.donmueangairportthai.com )
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๑
บันไดมีสี่ดำ้ นสำรำญรื่ น ประทักษิณจินตนำพยำยำม มีหอ้ งถ้ ำสำหรับจุดเทียนถวำย เป็ นลมทักขิณำวัฏน่ำอัศจรรย์ ทั้งองค์ฐำนรำญร้ำวถึงเก้ำแสก โอ้เจดียท์ ี่สร้ำงยังร้ำงรัก กระนี้หรื อชื่อเสี ยงเกียรติยศ เป็ นผูด้ ีมีมำกแล้วยำกเย็น ขอเดชะพระเจดียค์ ีรีมำศ ข้ำอุตส่ ำห์มำเคำรพอภิวนั ท์ จะเกิดชำติใดใดในมนุษย์ ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่ำใกล้กรำย ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ขอฟุ้ งเฟื่ องเรื องวิชำปั ญญำยง อีกสองสิ่ งหญิงร้ำยแลชำยชัว่ ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิ ญำณ พอกรำบพระปะดอกปทุมชำติ สมถวิลยินดีชุลีกร กับหนูพดั มัสกำรสำเร็ จแล้ว มำนอนกรุ งรุ่ งขึ้นจะบูชำ แสนเสี ยดำยหมำยจะชมบรมธำตุ โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล สุ ดจะอยูด่ ูอื่นไม่ฝืนโศก พอตรู่ ตรู่ สุริยฉ์ ำยขึ้นพรำยพรรณ ประทับท่ำหน้ำอรุ ณอำรำมหลวง นิรำศเรื่ องเมืองเก่ำของเรำนี้
ต่ำงชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสำม ได้เสร็ จสำมรอบคำนับอภิวนั ท์ ด้วยพระพำยพัดเวียนอยูเ่ หี ยนหัน แต่ทุกวันนี้ชรำหนักหนำนัก เผลอแยกยอดสุ ดก็หลุดหัก เสี ยดำยนักนึกน่ำน้ ำตำกระเด็น จะมิหมดล่วงหน้ำทันตำเห็น คิดก็เป็ นอนิจจังเสี ยทั้งนั้น บรรจุธำตุที่ต้ งั นรังสรรค์ เป็ นอนันต์อำนิสงส์ดำรงกำย ให้บริ สุทธิ์ สมจิตที่คิดหมำย แสนสบำยบริ บูรณ์ประยูรวงศ์ ให้ชนะใจได้อย่ำใหลหลง ทั้งให้ทรงศีลขันธ์ในสันดำน อย่ำเมำมัวหมำยรักสมัครสมำน ตรำบนิพพำนภำคหน้ำให้ถำวร พบพระธำตุสถิตในเกสร ประคองซ้อนเชิญองค์ลงนำวำ ใส่ ขวดแก้ววำงไว้ใกล้เกศำ ไม่ปะตำตันอกยิง่ ตกใจ ใจจะขำดคิดมำน้ ำตำไหล เสี ยน้ ำใจเจียนจะดิ้นสิ้ นชีวนั กำเริ บโรคร้อนฤทัยเฝ้ ำใฝ่ ฝัน ให้ล่องวันหนึ่งมำถึงธำนี ค่อยสร่ ำงทรวงทรงศีลพระชินสี ห์ ไว้เป็ นที่โสมนัสทัศนำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๒
ด้วยได้ไปเคำรพพระพุทธรู ป เป็ นนิสัยไว้เหมือนเตือนศรัทธำ ใช่จะมีที่รักสมัครมำด ซึ่ งครวญคร่ ำทำทีพิร้ ี พิไร เหมือนแม่ครัวคัว่ แกงพะแนงผัด อันพริ กไทยใบผักชีเหมือนสี กำ จงทรำบควำมตำมจริ งทุกสิ่ งสิ้ น นักเลงกลอนนอนเปล่ำก็เศร้ำใจ
ทั้งสถูปบรมธำตุพระศำสนำ ตำมภำษำไม่สบำยพอคลำยใจ แรมนิรำศร้ำงมิตรพิสมัย ตำมนิสัยกำพย์กลอนแต่ก่อนมำ สำรพัดเพียญชนังเครื่ องมังสำ ต้องโรยน่ำเสี ยสักหน่อยอร่ อยใจ อย่ำนึกนินทำแกล้งแหนงไฉน จึงร่ ำไรเรื่ องร้ำงเล่นบ้ำงเอย
ภำพที่ ๑๘ เจดียภ์ ูเขำทอง ( ที่มำ: https://www.matichon.co.th )
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๓
ถึงเดือน ๑๑ ซึ่ งออกจำกกำรจำพรรษำแล้ว เมื่อรับกฐินอย่ำงยินดีเสร็ จแล้ว ก็ตอ้ งลงเรื อไปด้วยควำมเศร้ำโศก ออกจำกวัดก็มองดูวดั ที่เคยอำศัย เมื่อปี ที่ผำ่ นมำ ได้อยูอ่ ำศัย อีกทั้ง ๓ ฤดูที่อยูม่ ำก็ไม่มีอะไรมำกวนใจ อีกทั้งวัดรำชบุรณะพระ วิหำรนี้คงอีกนำนกว่ำจะได้มำเห็น นึกแล้วเศร้ำใจยิง่ นักทั้งนี้เป็ นเพรำะมีคนพำล มำรังแกใส่ ร้ำย คิดจะนำผูใ้ หญ่คอยช่วยเหลือท่ำนก็ไม่มีควำมยุติธรรม จึงต้อง อำลำวัดไปจนต้องมำอ้ำงว้ำงอยูก่ ลำงสำยน้ ำ ถึงหน้ำวังก็เศร้ำโศกมำก คิดถึงพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยผู้ ซึ่ งมีพระคุณกับสุ นทรภู่อย่ำงมำก เมื่อก่อนเคยเข้ำเฝ้ ำท่ำนอย่ำงใกล้ชิดและ บ่อยครั้ง เมื่อพระองค์สวรรคตก็เหมือนกับสุ นทรภู่ตำยไปด้วยเพรำะไม่มีญำติ หรื อคนคอยช่วยเหลือชีวิตจึงยำกแค้นแสนเข็ญ อีกทั้งมีโรคมีกรรมเข้ำมำรุ มล้อม ไม่เห็นใครที่จะพึ่งพำได้ จึงได้บวชเพื่ออุทิศส่ วนกุศลให้แก่รัชกำลที่ ๒ ประพฤติ ตนอยูใ่ นศีลธรรมตลอดเวลำ เพื่อเป็ นสิ่ งทดแทนคุณพระองค์ แม้เกิดชำติใดใดก็ ขอให้เป็ นข้ำรับใช้พระองค์ตลอดไป เมื่อถึงหน้ำแพก็เห็นเรื อพระที่นงั่ คิดถึงเมื่อก่อนก็เศร้ำจนน้ ำตำไหล เคย หมอบกรำบรัชกำลที่ ๒ กับพระจมื่นไวย แล้วก็ลงไปในเรื อบัลลังก์ทอง เคยแต่ง แปลงบทควำม เคยรับรำชโองกำรอ่ำนในงำนฉลอง จนเรื อที่มำทอดกฐินหมดแล้ว ก็ยงั มิได้ทำให้พระองค์ขดั ใจแต่อย่ำงใดเคยหมอบกรำบใกล้จนได้กลิ่นหอมจำก พระวรกำย กลิ่นหอมนั้นหอมจนติดจมูก แต่เมื่อพระองค์สวรรคตก็สิ้นกลิ่นหอม ไปด้วย อีกทั้งยังเหมือนวำสนำของสุ นทรภู่ก็สิ้นตำมกลิ่นไปด้วย มองไปในวังยังเห็นหอที่เก็บพระอัฐิของรัชกำลที่ ๒ ก็ต้ งั สติถวำยส่ วยบุญ สวยกุศล ทั้งส่ งส่ วนกุศลไปให้รัชกำลที่ ๓ ให้พน้ ภัยในกำรปกครองบ้ำนเมือง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๔
ถึงวัดประโคนปั กก็มองไปไม่เห็นเสำหิ นที่ลือกัน เป็ นเสำที่สำคัญใน แผ่นดิน ถึงจะไม่เห็นก็ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย ขอให้อำยุยนื หมื่นๆปี เท่ำดังเสำ ศิลำ อยูค่ ู่ฟ้ำดินได้ตลอดไป พอเรื อล่องเลยวัดก็มองดูริมท่ำน้ ำ มีแพมำจอดขำย ของอยูเ่ รี ยงรำย มีขำยทั้งผ้ำแพรสี ม่วงและสี อื่นๆ ทั้งสิ่ งของทีมำจำกเมืองจีน ถึงโรงเหล้ำก็มีควันออกมำจำกเตำกลัน่ มำกมำย มีเครื่ องตักน้ ำผูกไว้ปลำย เสำ สุ นทรภู่เคยดื่มน้ ำเหล้ำจนเมำเหมือนคนบ้ำ จึงได้บวชเพื่อจะได้พน้ จำก อบำยมุข ขอให้ได้ตรัสรู ้ดงั พระพุทธเจ้ำ แต่เหล้ำเคยทำให้รอดชี วติ ดังนั้นจะเมิน ไปก็เกินไป ถึงจะไม่เมำเหล้ำแต่ยงั เมำรักอยู่ หักห้ำมจิตใจไม่ให้รักไม่ได้ กำรเมำ เหล้ำนั้นพอรุ่ งขึ้นก็หำยไป แต่กำรเมำรักนี้จะเป็ นทุก ๆ คืน ถึงบำงจำกไม่อยำกได้ยนิ คำว่ำจำก เพรำะสุ นทรภู่จำกหลำยๆอย่ำงมำ ต้องมี ใจมัวหมองเพรำะรักนั้นไม่ยนื ยำว จึงต้องจำกเมืองพรำกมำ ถึงบำงพลูคิดถึงนำงจันเมื่อแต่งงำนกัน เคยส่ งหมำกพลูโดยใส่ ซองให้ ทั้งหมดเป็ นใบเหลืองซึ่ งอร่ อยมำก ถึงบำงพลัดก็ไม่อยำกได้ยนิ คำว่ำพลัดเพรำะได้ พลัดจำกนำงจัน ทั้งยังพลัดจำกเมืองและอื่นๆอย่ำงร้อนรน ถึงบำงโพก็คิดถึงต้นโพธิ์ ให้ร่มเงำ ให้ควำมร่ มเย็นทั้งยังทำให้โคนต้นไม้ งอกงำมได้ ขอเดชะของพระพุทธเจ้ำ ให้พน้ ภัยพำลตลอดไป ถึงบ้ำนญวนเห็นมีโรงแลมำกมำย มีคนค้ำขำยของเช่นกุง้ หรื อปลำโดยกำร ขังไว้ในข้อง ข้ำงหน้ำโรงวำงที่สำหรับดักปลำวำงเรี ยงไว้ มีท้ งั ผูห้ ญิงและผูช้ ำยมำ จับจ่ำยซื้ อของ จะมองกลับไปยังประเทศบ้ำนเกิดก็ทรมำนเหมือนโดนไฟไหม้ จิตใจก็หม่นหมอง ล่องเรื อมำจนถึงวัดเขมำ ก็รู้วำ่ พึ่งเลิกงำนฉลองไปเมื่อวำนซื น คิดถึงเมื่อก่อนซึ่ งรัชกำลที่ ๒ ได้มำตัดหวำยลูกนิมิต ได้ชมพระพิมพ์ท้ งั ๘๔,๐๐๐ องค์ซ่ ึ งเท่ำกับจำนวนพระธรรมที่อยูใ่ นพระไตรปิ ฎกที่อยูร่ ิ มผนัง แต่ครั้ง นี้ไม่ได้เห็นกำรเล่นฉลองเพรำะสุ นทรภู่ตอ้ งหมดวำสนำและลำบำก เป็ นเพรำะ บุญน้อยก็นึกเศร้ำ แต่แล้วเรื อก็ติดน้ ำวน มองเห็นน้ ำวิง่ เชี่ยวหมุนเป็ นเกลียว พุง่ ไป มำตัดกัน บำงส่ วนก็พงุ่ วนเหมือนกงเกวียน ดูเวียนๆเป็ นเหมือนพำยุวน ทั้งหัวท้ำย เรื อได้รับแจวเรื อดังนั้นเรื อจึงหลุดน้ ำวนออกมำได้ แต่ถึงเรื อจะพ้นน้ ำวนมำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๕
แล้วแต่ใจก็ยงั ไม่พน้ จำกควำมรัก ถึงตลำดแก้วแต่ไม่เห็นมีตลำดตั้งขำยของทั้งสองฝั่งเห็นแต่ตน้ ไม้พืชพันธุ์ ต่ำงๆ ได้กลิ่นดอกไม้หอมไปเรื่ อยๆตลอดทำงและกลิ่นเหมือนผ้ำแพรที่ยอ้ มด้วย มะเกลือ เห็นต้นโศกใหญ่และต้นระกำเป็ นแฝงแต่แปลกที่มีตน้ รักขึ้นแซมอยูด่ ว้ ย เหมือนควำมโศกเศร้ำระกำใจที่สุนทรภู่ตอ้ งเป็ นเพรำะรักแม่จนั ถึงจังหวัดนนทบุรีก็เห็นมีตลำดน้ ำ มีแพอยูซ่ ่ ึ งขำยเสื้ อผ้ำเครื่ องนุ่งห่ม มีท้ งั เรื อจอดอยูเ่ พื่อขำยผลไม้จำกสวนแท้ มีท้ งั ผูห้ ญิงผูช้ ำยมำประชุมซื้ อของกันทุกวัน ทุกคืน มำถึงหมู่บำ้ นบำงธรณี ก็โศกเศร้ำมำกขึ้นมำก เพรำะตอนลำบำกพำให้ใจ สะอื้นมำก ทั้งที่แผ่นดินหนำขนำดสองแสนสี่ หมื่นโยชน์แต่เมื่อถึงครำวลำบำก แม้แต่แผ่นดินก็ไม่มีที่อำศัย เหมือนโดนหนำมเสี ยดแทงเจ็บแสบมำก เหมือนกับ นกไม่มีรังที่จะอำศัยต้องเร่ ร่อนไปเรื่ อย ๆ ถึงตำบลปำกเกร็ ดซึ่งเป็ นบริ เวณที่ชำวมอญอพยพมำ ตำมธรรมเนียมผูห้ ญิง มอญจะเกล้ำผม แต่สมัยนี้ผหู ้ ญิงมอญมำถอนไรผมเหมือนตุก๊ ตำ ทั้งยังใช้ เครื่ องสำอำง ใช้แป้ งผัดหน้ำซึ่ งเหมือนกับชำวไทย ทำให้เห็นได้วำ่ สมัยนี้ทุกสิ่ งทุก อย่ำงไม่มีควำมเที่ยงแท้ เหมือนดังที่ชำวมอญละทิ้งประเพณี วฒั นธรรมของตนเอง แล้วจะนับประสำอะไรกับจิตใจของคน ซึ่ งไม่มีใครมีใจเดียวแต่มีหลำยใจ ถึงหมู่บำ้ นบำงพูดสุ นทรภู่ก็นึกถึงคำว่ำพูด ดังว่ำ ถ้ำใครพูดดีก็จะมีคนรัก แต่ถำ้ พูดไม่ดีก็อำจจะเป็ นภัยต่อตนเองได้อีกทั้งยังไม่มีใครคบ ไม่มีเพื่อนสนิท มิตรสหำย ทั้งกำรจะดูวำ่ ใครดีไม่ดีดูได้จำกกำรพูด ถึงบ้ำนใหม่สุนทรภู่ก็คิดอยำกจะได้บำ้ นซักหลังตำมที่ตอ้ งกำรโดยขอกับ เทวดำให้สมดังปรำรถนำ เพรำะ กำรมีบำ้ นใหม่จะได้มีควำมสุ ขและมีที่อำศัยอย่ำง ปลอดภัย ถึงบำงเดื่อก็คิดถึงลูกมะเดื่อที่ภำยนอกนั้นดูสวยงำมน่ำรับประทำนแต่ ภำยในกลับมีแมลงมีหนอนชอนไชอยู่ เหมือนกับคนพำลที่ปำกพูดดีแต่ในใจคิด ทำอันตรำย
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๖
ถึงบำงหลวงเหมือนจำกนำงจันมำนำนแล้วเรำต้องสละจำก ยศถำบรรดำศักดิ์เพื่อมำบวชเพื่อจะได้พน้ จำกกิเลสทั้งหลำยทั้งปวง ถึงจะมีนำงฟ้ ำ มำยัว่ ก็ไม่สนใจ ถึงสำมโคกก็คิดถึงพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยซึ่ งพระองค์ ปกครองเมืองกรุ งเทพฯ พระองค์ได้พระรำชทำนนำมเมืองจำกสำมโคกซึ่งเป็ นหัว เมืองชั้นสำมเป็ นเมืองปทุมธำนีเป็ นเพรำะมีบวั เยอะ ถึงพระองค์จะเสด็จสวรรคต ไปแล้วแต่ชื่อปทุมธำนีคงอยูต่ ลอดไป แต่ทำไมชื่อของสุ นทรภู่ชื่อขุนสุ นทร โวหำรที่ได้รับพระรำชทำนนำมมำแต่กลับไม่มีชื่อในแผ่นดินหลังจำกพระองค์ สวรรคตเลยซึ่ งต่ำงกับปทุมธำนี สุ นทรภู่ตอ้ งเร่ ร่อนหำที่อำศัยเพรำะขณะนี้ไม่มี บ้ำน สุ นทรภู่ขอให้เกิดทุกชำติได้เป็ นข้ำรับใช้พระองค์ตลอดไป พอพระองค์ สวรรคตสุ นทรภู่ก็ขออยำกตำยตำมบ้ำงเพื่อจะได้รับใช้และพึ่งพระองค์ เดี๋ยวนี้ก็ เศร้ำโศกใจทุกข์ระทมอย่ำงทวีคูณมำก ต้องเร่ ร่อนไปเรื่ อย ๆ ชีวติ ไม่มีจุดมุ่งหมำย ถึงหมู่บำ้ นบ้ำนงิ้วก็เห็นมีแต่ตน้ งิ้วซึ่ งไม่มีนกหรื อสัตว์อื่นๆอยูบ่ นกิ่งเลย เพรำะต้นงิ้วมีหนำมขึ้นอยูม่ ำกมำยนึกถึงก็น่ำกลัวหนำมเพรำะถ้ำโดนคงเจ็บมำก แต่งิ้วในนรกยำวถึง ๑๖ ข้อนิ้วแหลมเหมือนกับไม้ไผ่เหลำทำกับดัก ซึ่ งใครมีชูเ้ มื่อ ตำยไปแล้วก็ตอ้ งไปปี นต้นงิ้วในนรก แต่สุนทรภู่เกิดมำอำยุมำกแล้วแต่ยงั ครองตัว อยูใ่ นศีลธรรมไม่มีชู้ แต่ทุกวันนี้ผคู ้ นวิปริ ตมีชูก้ นั มำกคงต้องไปปี นต้นงิ้วในนรก กันบ้ำง ทั้งหมดที่คิดมำนั้นสุ นทรภู่สำมำรถตัดขำดได้แต่กำรตัดควำมรักนั้นยำกยิง่ นัก นัง่ นึกอนำถใจไปจนเย็นก็ถึงเกำะใหญ่รำชครำม มองไปเห็นบ้ำนเรื อนต่ำงๆ อยูห่ ่ำงจำกสองฝั่งมำก ในที่น้ ี ตอ้ งระวังจระเข้จะทำร้ำย ทั้งที่นี่ยงั เป็ นที่อยูข่ อง ผูร้ ้ำยซึ่งมำคอยดักตีเรื อ สุ นทรภู่คิดแล้วน่ำเบื่อยิง่ นัก เมื่อพระอำทิตย์ตกก็มีเมฆมืดครึ้ มมำจนดูมืดมัวไปทุกทิศทุกทำง พำยเรื อถึง ทำงลัดซึ่ งเป็ นทำงตัดกลำงนำก็เห็นมีตน้ แฝกต้นคำต้นแขมต้นกกขึ้นปะปนกันอยู่ มำกมำย เงำของต้นพวกนี้ทอดลงน้ ำทำให้ดูเวิง้ ว้ำงดูกว้ำงขวำงเหลียวมองทีไรก็ รู ้สึกขวัญหำยทุกที มองเห็นเงำของหญิงชำยทั้งยังมีเสี ยงคุยกัน เรื อของพวกเขำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๗
เพรี ยวเล็กและมีปลำอยูบ่ นเรื ออีกด้วย พวกเขำถ่อเรื อคล่องแคล่วเดินทำงไปอย่ำง รวดเร็ ว แต่เรื อของสุ นทรภู่ไปช้ำมำกช่ำงน่ำสงสำรลูกศิษย์ที่ตอ้ งถ่อเรื ออย่ำงเหน็ด เหนื่ อยทั้งๆที่ไม่เคยเส้นทำง บำงทีเรื อก็เสยเข้ำพงหญ้ำรกรุ งรัง จะถอยหลังก็ถอย ยำก เรื อก็โคลงจนกระโถนใส่ หมำกหก พอเงี่ยหูฟังก็ไม่ได้ยนิ เสี ยงสัตว์เลยซักตัว มีแต่น้ ำค้ำงตกเพรำะลมพัด มองไปไม่เห็นคลองเลยต้องค้ำงอยูก่ ลำงทุ่ง แต่พอ หยุดเรื อหยุดก็มำรุ มกัดเจ็บเหมือนโดนทรำยซัด เลยไม่ได้นอนเพรำะต้องนัง่ ตบยุง สุ นทรภู่รู้สึกอ้ำงว้ำงมำก มองไปในทุ่งกว้ำงเห็นมีแต่ตน้ แขมขึ้นอยูป่ ะปน กัน จนดึกก็มีดำวอยูก่ ลำงท้องฟ้ ำ มีนกกระเรี ยนบินร่ อนและร้องก้องเมื่อตอนเที่ยง คืน มีเสี ยงกบเขียดร้องเรื่ อยๆ มีลมพัดเฉื่ อยๆ สุ นทรภู่รู้สึกวังเวงก็คิดรำพึงเมื่อ ตอนมียศถำบรรดำศักดิ์ ได้หวั เรำะเฮฮำกับเพื่อน มีคนคอยปรนนิบตั ิรับใช้ แต่ยำม ลำบำกเห็นแต่หนูพดั ลูกชำยคอยช่วยนัง่ ปั ดยุงให้จนพระจันทร์ ข้ ึนก็เห็นต้นกระจับ จอก มีดอกบัวเผื่อนขึ้นมำกเมื่อคืนเดือนหงำย มองเห็นคลองทั้งสองด้ำนหัวท้ำย เรื อก็รีบถ่อเรื อลงคลอง จนพระอำทิตย์ข้ ึนก็เห็นพันธุ์ผกั ดูน่ำรักส่ งเกสรแก่กนั มี บัวเผือ่ นอยูส่ องข้ำงทำงที่เรื อพำยไป มีตน้ ก้ำมกุง้ ขึ้นอยูก่ บั สำหร่ ำยใต้น้ ำ มีตน้ สำยติ่งขึ้นสลับกับต้นตับเต่ำเป็ นกลุ่มๆมองไปเหมือนกับดำวบนท้องฟ้ ำ เหล่ำนี้ถำ้ ผูห้ ญิงได้มำเห็นก็คงจะลงเล่นกลำงทุ่ง ที่มีเรื อก็คงจะพำยไปเก็บสำยบัว ถ้ำสุ นทร ภู่มีโยมผูห้ ญิงก็คงไม่นิ่งเฉยให้อำยดอกไม้ คงจะใช้ให้ศิษย์ไปเก็บของฝำกเท่ำที่ทำ ได้ในตอนนี้ แต่นี่จนใจไม่มีเงินซักนิด ทั้งยังขี้เกียจเก็บจึงเลยมำ พอมีแสงอ่อนๆ ของพระอำทิตย์ก็ถึงกรุ งศรี อยุธยำ สุ นทรภู่รู้สึกเศร้ำใจ เมื่อถึงหน้ำจวนของเพื่อนของสุ นทรภู่ สุ นทรภู่ก็คิดถึงเมื่อก่อนจนน้ ำตำ ไหล สุ นทรภู่ต้ งั ใจจะแวะหำถ้ำยังเหมือนเมื่อก่อนก็คงจะได้รับนิมนต์ข้ ึนบนจวน แต่ถำ้ หำกว่ำท่ำนแปลกไปก็คงจะโดนหัวเรำะเยำะจะต้องอำยมำก รู ้สึกไม่กล้ำใฝ่ สู งเป็ นเพื่อนได้ จึงได้เดินทำงต่อไปยังเจดียภ์ ูเขำทอง จอดเรื อที่ขำ้ งวัดพระเมรุ ซ่ ึ งริ มวัดมีเรื อจอดเรี ยงอยู่ บำงลำมีคนร้องเล่นเต้น สำรำญ บำงลำก็ร้องเพลงเกี้ยวกัน บำงลำฉลองผ้ำป่ ำด้วยกำรขับเสภำ ทั้งยังมีคนตี ระนำดซึ่ งตีเก่งเหมือนนำยเส็ ง (คนเก่งระนำดสมัยสุ นทรภู่) มีโคมแขวนอยู่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๘
เรี ยงรำยเหมือนอยูส่ ำมเพ็ง เมื่อครำวเคร่ งในพระศำสนำก็ไม่ได้ดู มีเรื อลำหนึ่ง กลอนมันมำก ร้องกลอนยำกลำกเลื้อยฟังแล้วเหนื่อยหู กลอนลดเลี้ยวเหมือนทำงงู จนลูกคู่บอกว่ำง่วงนอน ได้กำรละเล่นต่ำงๆที่ขำ้ งวัดพอดึกก็นอน ประมำณสำม ยำมก็มีโจรขึ้นเรื อ พอมีเสี ยงกุกกักสุ นทรภู่ก็ลุกขึ้นโวยวำย โจรก็รีบดำน้ ำไปอย่ำง ว่องไว มองไปไม่เห็นหน้ำลูกศิษย์ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกด้วยควำมกลัวแต่หนูพดั จุด เทียนส่ องดูวำ่ มีอะไรหำยไปบ้ำง แต่ไม่มีเลยแม้แต่เครื่ องอัฐบริ ขำร ทั้งนี้ดว้ ยเดชะ ตบะบุญและพระพุทธ ทำให้ชนะมำรได้ วันรุ่ งขึ้นจะเป็ นวันพระซึ่ งจะได้บูชำพระธรรม ได้ไปเจดียภ์ ูเขำทองซึ่ งดูสูง เสี ยดฟ้ ำ อยูก่ ลำงทุ่งดูโดดเด่นมีน้ ำใสอยูร่ อบๆที่ฐำนพื้นที่เป็ นรู ปกลีบบัวถัดจำก บันไดมีน้ ำไหลล้อมรอบเป็ นขอบ มีเจดียม์ ีวหิ ำรมีลำนวัด มีกำแพงกั้นอยู่ กำรย่อ เหลี่ยมไม้ ๑๒ มุมอย่ำงสวยงำม มีเป็ นสำมชั้นอย่ำงงดงำม บันไดมี ๔ ด้ำน คณะ ของสุ นทรภู่ชวนกันขึ้นไปชั้น ๓ ตั้งใจเดินวนขวำ ๓ รอบจนครบก็กรำบเจดีย ์ มี ห้องที่เป็ นถ้ ำสำหรับจุดเทียนเพรำะลมจะพัดแรงพำธูปเทียนดับ ตอนนั้นบังเกิดสิ่ ง อัศจรรย์มีลมพัดเวียนขวำรำวกับจะเวียนเทียนด้วย ทุกวันนี้พระเจดียเ์ ก่ำและทรุ ด โทรมมำก ที่ฐำนร้ำวถึงเก้ำแฉก ที่ยอดก็หกั องค์พระเจดียก์ ็ทรุ ด เป็ นเพรำะเจดีย ์ ไม่มีคนคอยดูแล นึกแล้วเสี ยดำยจนน่ำร้องไห้ แล้ววจะเทียบอะไรกับชื่อเสี ยง เกียรติยศของมนุษย์ ก็คงหมดไปในไม่นำน เหมือนกับเป็ นผูด้ ีแล้วลำบำก เป็ นคน มัง่ มีแล้วยำกจน คิดแล้วทุกอย่ำงไม่แท้เที่ยง ขอเดชะแห่งเจดียภ์ ูเขำทองซึ่ งบรรจุพระบรมสำริ กธำตุ สุ นทรภู่ขอให้ที่ ได้มำกรำบในครั้งนี้ให้เป็ นบุญเพื่อเป็ นอำนิสงส์ให้พน้ ภัยต่ำงๆ ถ้ำจะเกิดชำติ ไหนๆก็ขอให้ตนบริ สุทธิ์ ท้ งั กำยและใจ ทั้งควำมทุกข์ควำมโศกอย่ำได้มำใกล้ สบำยไปตลอดกำล ทั้งควำมโลภ โกรธ หลง ขอให้ตนชนะได้ ขอให้มีสติปัญญำ หลักแหลม ให้มีศีลธรรมอยูใ่ นใจ ทั้งผูห้ ญิงร้ำยและผูช้ ำยชัว่ ก็ขอให้อย่ำได้รู้จกั คบ หำกัน ขอให้สมดังหวังแม้แต่ชำติหน้ำก็ขอให้เป็ นดังหวัง พอก้มลงกรำบพระพุทธรู ปเงยขึ้นมำก็เห็นดอกบัวและก็เห็นพระบรม สำรี ริกธำตุอยูใ่ นเกสรก็ดีใจมำกและช้อนประคองลงเรื อ พอหนูพดั กรำบไหว้
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๖๙
เสร็ จแล้วก็ใส่ พระบรมสำรี ริกธำตุไว้ในขวดแก้วแล้วก็วำงไว้ใกล้ศีรษะเมื่อนอน ตั้งใจว่ำจะไปนอนที่กรุ งศรี อยุธยำและรุ่ งเช้ำจะบูชำพระบรมสำรี ริกธำตุแต่พอตื่น มำมองไม่เห็นพระบรมสำรี ริกธำตุก็ตกใจอย่ำงมำกทั้งที่วำงไว้ใกล้ศีรษะ สุ นทรภู่ ว่ำเป็ นเพรำะบุญตนน้อยทำให้พระธำตุลอยน้ ำไปไกล สุ นทรภู่คิดว่ำไม่สำมำรถอยู่ ที่เจดียภ์ ูเขำทองต่อได้เพรำะจะยิง่ เศร้ำโศกและร้อนใจยิง่ ขึ้น พอเช้ำตรู่ พระอำทิตย์ ขึ้นส่ องฉำย ก็ล่องเรื อถึงกรุ งเทพฯโดยใช้เวลำเดินทำง ๑ วัน ถึงหน้ำวัดอรุ ณก็ค่อยสร่ ำงจำกควำมเศร้ำเพรำะได้กรำบพระพุทธรู ป นิรำศ ภูเขำทองของสุ นทรภู่เรื่ องนี้ไว้เป็ นที่อ่ำนเมื่อเศร้ำจะได้มีควำมสุ ข เพรำะได้ไป กรำบไว้พระพุทธรู ป ทั้งกรำบไว้พระบรมสำรี ริกธำตุ เพรำะคนที่นบั ถือศำสนำ พุทธเมื่อไม่สบำยใจก็จะกรำบไหว้พระพุทธรู ปเพื่อให้สบำยใจ ตอนนี้สุนทรภู่ใช่ ว่ำจะมีคนรักหรื อพึ่งจะจำกรักมำ แต่ที่กล่ำวถึงผูห้ ญิงก็เพรำะเป็ นธรรมเนียมกำร แต่งนิ รำศแต่โบรำณ เหมือนแม่ครัวจะปรุ งอำหำรประเภทพะแนงนอกจำกจะใส่ เครื่ องปรุ งและเนื้อสัตว์แล้วยังต้องใส่ พริ กไทยใบผักชีเพื่อเพิ่มควำมน่ำ รับประทำนแก่อำหำร และผูห้ ญิงก็เหมือนพริ กไทยใบผักชีเพื่อให้นิรำศนี้น่ำอ่ำน ขอให้ทรำบควำมจริ งทุก ๆ อย่ำงว่ำสุ นทรภู่ไม่ได้มีผหู ้ ญิงเลยขออย่ำได้นินทำให้ เสี ยหำย เพรำะคนที่มีควำมสำมรถในเชิงกลอนจะนัง่ ๆ นอน ๆ เฉย ๆ ก็จะน่ำเบื่อ และเศร้ำใจ จึงจะต้องแต่งกลอนเพื่อคลำยเหงำและคลำยควำมเศร้ำใจ และให้ ได้ผลงำนเป็ นที่ประจักษ์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๐ คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๕ ถอดคาประพันธ์หรรษา
๑๐
ให้นกั เรี ยนถอดคำประพันธ์จำกบทร้อยกรองที่กำหนดให้ต่อไปนี้ให้
คาชี้แจง
ถูกต้อง
๑. ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง
มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ
โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย
ถอดคำประพันธ์
๒. ถึงเกร็ ดย่ำนบ้ำนมอญแต่ก่อนเก่ำ
ผูห้ ญิงเกล้ำมวยงำมตำมภำษำ
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุก๊ ตำ
ทั้งผัดหน้ำจับเขม่ำเหมือนชำวไทย
ถอดคำประพันธ์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๑
๓. ถึงบำงพูดพูดดีเป็ นศรี ศกั ดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่ อยจิต
แม้นพูดชัว่ ตัวตำยทำลำยมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพรำะพูดจำ
ถอดคำประพันธ์
๔. เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ ำระกำแฝง
ทั้งรักแซงแซมสวำทประหลำดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ ำเจือ
เพรำะรักเรื้ อแรมสวำทมำคลำดคลำย
ถอดคำประพันธ์
๕. เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุ คนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่ นชื่นนำสำ
สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรสสุ คนธำ
วำสนำเรำก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุ คนธ์
ถอดคำประพันธ์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๒
๖. สิ้ นแผ่นดินสิ้ นนำมตำมเสด็จ
ต้องเที่ยวเตร็ ดเตร่ หำที่อำศัย
แม้นกำเนิดเกิดชำติใดใด
ขอให้ได้เป็ นข้ำฝ่ ำธุลี
ถอดคำประพันธ์
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว
ใครทำชูค้ ู่ท่ำนครั้นบรรลัย
ก็ตอ้ งไปปี นต้นน่ำขนพอง
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ถอดคำประพันธ์
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว
๘. ครั้นรุ่ งเช้ำเข้ำเป็ นวันอุโบสถ
เจริ ญรสธรรมำบูชำฉลอง
ไปเจดียท์ ี่ชื่อภูเขำทอง
ดูสูงล่องลอยฟ้ ำนภำลัย
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ถอดคำประพันธ์
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๓
๙. ทั้งองค์ฐำนรำนร้ำวถึงเก้ำแฉก
เผลอแยกยอดสุ ดก็หลุดหัก
โอ้เจดียท์ ี่สร้ำงยังร้ำงรัก
เสี ยดำยนักนึกน่ำน้ ำตำกระเด็น
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ถอดคำประพันธ์
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว
๑๐. จะเกิดชำติใดใดในมนุษย์
ให้บริ สุทธิ์ สมจิตที่คิดหมำย
ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่ำใกล้กรำย
แสนสบำยบริ บูรณ์ประยูรวงศ์
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ถอดคำประพันธ์
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๔ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๕ ถอดคาประพันธ์หรรษา
คาชี้แจง
๑๐
ให้นกั เรี ยนถอดคำประพันธ์จำกบทร้อยกรองที่กำหนดให้ต่อไปนี้ให้ ถูกต้อง
๑. ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง
มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ
โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย
ถอดคำประพันธ์ ถึงโรงเหล้ำก็มีควันออกมำจำกเตำกลัน่ มำกมำย มีเครื่ องตักน้ ำผูกไว้ปลำยเสำ สุ นทรภู่เคยดื่ม น้ ำเหล้ำจนเมำเหมือนคนบ้ำ
๒. ถึงเกร็ ดย่ำนบ้ำนมอญแต่ก่อนเก่ำ
ผูห้ ญิงเกล้ำมวยงำมตำมภำษำ
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุก๊ ตำ
ทั้งผัดหน้ำจับเขม่ำเหมือนชำวไทย
ถอดคำประพันธ์ ถึงตำบลปำกเกร็ ดซึ่งเป็ นบริ เวณที่ชำวมอญอพยพมำ ตำมธรรมเนียมผูห้ ญิงมอญจะเกล้ำผม แต่สมัยนี้ผหู ้ ญิงมอญมำถอนไรผมเหมือนตุก๊ ตำ ทั้งยังใช้เครื่ องสำอำง ใช้แป้ งผัดหน้ำซึ่ งเหมือนกับ ชำวไทย
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๕
๓. ถึงบำงพูดพูดดีเป็ นศรี ศกั ดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่ อยจิต
แม้นพูดชัว่ ตัวตำยทำลำยมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพรำะพูดจำ
ถอดคำประพันธ์ ถึงหมู่บำ้ นบำงพูดสุ นทรภู่ก็นึกถึงคำว่ำพูด ดังว่ำ ถ้ำใครพูดดีก็จะมีคนรัก แต่ถำ้ พูดไม่ดีก็ อำจจะเป็ นภัยต่อตนเองได้อีกทั้งยังไม่มีใครคบ ไม่มีเพื่อนสนิทมิตรสหำย ทั้งกำรจะดูวำ่ ใครดีไม่ดีดู ได้จำกกำรพูด
๔. เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ ำระกำแฝง
ทั้งรักแซงแซมสวำทประหลำดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ ำเจือ
เพรำะรักเรื้ อแรมสวำทมำคลำดคลำย
ถอดคำประพันธ์ เห็นต้นโศกใหญ่และต้นระกำเป็ นแฝงแต่แปลกที่มีตน้ รักขึ้นแซมอยูด่ ว้ ย เหมือนควำม โศกเศร้ำระกำใจที่สุนทรภู่ตอ้ งเป็ นเพรำะรักแม่จนั
๕. เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุ คนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่ นชื่นนำสำ
สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรสสุ คนธำ
วำสนำเรำก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุ คนธ์
ถอดคำประพันธ์ เคยหมอบกรำบใกล้จนได้กลิ่นหอมจำกพระวรกำย กลิ่นหอมนั้นหอมจนติดจมูก แต่เมื่อ พระองค์สวรรคตก็สิ้นกลิ่นหอมไปด้วย อีกทั้งยังเหมือนวำสนำของสุ นทรภู่ก็สิ้นตำมกลิ่นไปด้วย
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๖
๖. สิ้ นแผ่นดินสิ้ นนำมตำมเสด็จ
ต้องเที่ยวเตร็ ดเตร่ หำที่อำศัย
แม้นกำเนิดเกิดชำติใดใด
ขอให้ได้เป็ นข้ำฝ่ ำธุลี
ถอดคำประพันธ์ สุ นทรภู่ตอ้ งเร่ ร่อนหำที่อำศัยเพรำะขณะนี้ไม่มีบำ้ น สุ นทรภู่ขอให้เกิดทุกชำติได้เป็ นข้ำรับใช้ พระองค์ตลอดไป
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว
ใครทำชูค้ ู่ท่ำนครั้นบรรลัย
ก็ตอ้ งไปปี นต้นน่ำขนพอง
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว ถอดคำประพันธ์ งิ้วในนรกยำวถึง ๑๖ ข้อนิ้วแหลมเหมือนกับไม้ไผ่เหลำทำกับดัก ซึ่ งใครมีชูเ้ มื่อตำยไปแล้วก็ ต้องไปปี นต้นงิ้วในนรก
๘. ครั้นรุ่ งเช้ำเข้ำเป็ นวันอุโบสถ
เจริ ญรสธรรมำบูชำฉลอง
ไปเจดียท์ ี่ชื่อภูเขำทอง
ดูสูงล่องลอยฟ้ ำนภำลัย
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว ถอดคำประพันธ์ วันรุ่ งขึ้นจะเป็ นวันพระซึ่ งจะได้บูชำพระธรรม ได้ไปเจดียภ์ ูเขำทองซึ่ งดูสูงเสี ยดฟ้ ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๗
๙. ทั้งองค์ฐำนรำนร้ำวถึงเก้ำแฉก
เผลอแยกยอดสุ ดก็หลุดหัก
โอ้เจดียท์ ี่สร้ำงยังร้ำงรัก
เสี ยดำยนักนึกน่ำน้ ำตำกระเด็น
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว ถอดคำประพันธ์ ที่ฐำนร้ำวถึงเก้ำแฉก ที่ยอดก็หกั องค์พระเจดียก์ ็ทรุ ด เป็ นเพรำะเจดียไ์ ม่มีคนคอยดูแล นึกแล้ว เสี ยดำยจนน่ำร้องไห้
๑๐. จะเกิดชำติใดใดในมนุษย์
ให้บริ สุทธิ์ สมจิตที่คิดหมำย
ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่ำใกล้กรำย
แสนสบำยบริ บูรณ์ประยูรวงศ์
๗. งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว ถอดคำประพันธ์ จะเกิดชำติไหน ๆ ก็ขอให้ตนบริ สุทธิ์ ท้ งั กำยและใจ ทั้งควำมทุกข์ควำมโศกอย่ำได้มำใกล้ สบำยไปตลอดกำล
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๘ คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๖ ตอบคาถามวัดความรู้นิราศภูเขาทอง
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนตอบคำถำมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
๑. จำกคำประพันธ์ที่กำหนดให้สะท้อนแง่คิดในเรื่ องใดของกวี “ทั้งองค์ฐำนรำญร้ำวถึงเก้ำแสก เผลอแยกยอดสุ ดก็หลุดหัก โอ้เจดียท์ ี่สร้ำงยังร้ำงรัก เสี ยดำยนักนึกน่ำน้ ำตำกระเด็น กระนี้หรื อชื่อเสี ยงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้ำทันตำเห็น เป็ นผูด้ ีมีมำกแล้วยำกเย็น คิดก็เป็ นอนิจจังเสี ยทั้งนั้น” ตอบ
๒. คำประพันธ์น้ ีบอกอะไรกับผูอ้ ่ำน “ถึงสำมโคกโศกถวิลถึงปิ่ นเกล้ำ พระพุทธเจ้ำหลวงบำรุ งซึ่งกรุ งศรี ประทำนนำมสำมโคกเป็ นเมืองตรี ชื่อปทุมธำนีเพรำะมีบวั ”
ตอบ
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๗๙
๓. จำกคำประพันธ์น้ ีเรำสำมำรถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้อย่ำงไร “ถึงบำงเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลำด บังเกิดชำติแมลงหวีม่ ีในไส้ เหมือนคนพำลหวำนนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอำ” ตอบ
๔. ให้หำคำประพันธ์จำกเรื่ องนิรำศภูเขำทองที่เกี่ยวข้องกับศีลข้อ ๓ ตอบ
๕. “แต่ยำมยำกหำกว่ำถ้ำท่ำนแปลก อกมิแตกเสี ยหรื อเรำเขำจะสรวล เหมือนเข็ญใจใฝ่ สู งไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ำกลับอัประมำณ” จำกคำประพันธ์ขำ้ งต้นผูป้ ระพันธ์ตอ้ งกำรสอนในเรื่ องใด ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๐
๖. ให้หำคำประพันธ์จำกเรื่ องที่แสดงให้เห็นเกี่ยวกับเรื่ องคติในกำรพูด ตอบ
๗.กำรเดินทำงไปของสุ นทรภู่ ผ่ำนสถำนที่อะไรบ้ำง กว่ำจะถึงเจดียภ์ ูเขำทอง ตอบ
๘. “มำถึงบำงธรณี ทวีโศก ยำมวิโยคยำกใจให้สะอื้น โอ้สุธำหนำแน่นเป็ นแผ่นพื้น ถึงสี่ หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร เมื่อเครำะห์ร้ำยกำยเรำก็เท่ำนี้ ไม่มีที่พสุ ธำจะอำศัย ล้วนหนำมเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่ อยูเ่ อกำ” ข้อควำมนี้ชวนให้ผอู ้ ่ำนรู ้สึกอย่ำงไร ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๑
๙. นอกจำกชุมชนชำวไทยแล้ว ยังมีชุมชนต่ำงชำติอะไรอีก ซึ่ งอยูร่ ่ วมกันอย่ำง สงบสุ ข มีอิสระในกำรดำเนินชีวติ ตอบ
๑๐. เหตุใดนิรำศภูเขำทอง จึงสะท้อนควำมจริ งของชีวิตได้ ตอบ
๑๑. ควำมสะเทือนใจของผูอ้ ่ำนนิรำศภูเขำทอง เกิดจำกอะไร ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๒
๑๒. “โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย”
ข้อคิดนี้สอนอะไร ตอบ
๑๓. ในนิรำศภูเขำทอง สุ นทรภู่ได้บนั ทึกอะไรไว้ ตอบ
๑๔. สุ นทรภู่ได้สอดแทรกเกร็ ดควำมรู ้อะไรไว้บำ้ งในนิ รำศภูเขำทอง ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๓
๑๕. สิ่ งที่สุนทรภู่สอดแทรกไว้ เกิดประโยชน์แก่ผอู ้ ่ำนอย่ำงไร ตอบ
๑๖. สุ นทรภู่ได้เล่ำเรื่ องควำมทุกข์ยำกของตนไว้กี่อย่ำง อะไรบ้ำง ตอบ
๑๗. “คิดถึงบำทบพิตรอดิศร” ข้อควำมนี้สุนทรภู่คิดถึงใคร ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๔
๑๘. “พระนิพพำนปำนประหนึ่งศีรษะขำด ด้วยไร้ญำติยำกแค้นถึงแสนเข็ญ” ข้อควำมนี้มีควำมหมำยว่ำอย่ำงไร ตอบ
๑๙. จุดประสงค์ในกำรแต่งนิ รำศภูเขำทอง คืออะไร ตอบ
๒๐. ข้อคิดที่แทรกอยูใ่ นนิรำศภูเขำทอง ส่ วนใหญ่เป็ นอะไร ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๕ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๖ ตอบคาถามวัดความรู้นิราศภูเขาทอง
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนตอบคำถำมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
๑. จำกคำประพันธ์ที่กำหนดให้สะท้อนแง่คิดในเรื่ องใดของกวี “ทั้งองค์ฐำนรำญร้ำวถึงเก้ำแสก เผลอแยกยอดสุ ดก็หลุดหัก โอ้เจดียท์ ี่สร้ำงยังร้ำงรัก เสี ยดำยนักนึกน่ำน้ ำตำกระเด็น กระนี้หรื อชื่อเสี ยงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้ำทันตำเห็น เป็ นผูด้ ีมีมำกแล้วยำกเย็น คิดก็เป็ นอนิจจังเสี ยทั้งนั้น” ตอบ กำรเข้ำถึงสัจธรรมที่วำ่ ชีวติ ไม่มีควำมเที่ยงแท้แน่นอน ลำภยศสรรเสริ ญไม่มีควำมยัง่ ยืน
๒. คำประพันธ์น้ ีบอกอะไรกับผูอ้ ่ำน “ถึงสำมโคกโศกถวิลถึงปิ่ นเกล้ำ พระพุทธเจ้ำหลวงบำรุ งซึ่งกรุ งศรี ประทำนนำมสำมโคกเป็ นเมืองตรี ชื่อปทุมธำนีเพรำะมีบวั ” ตอบ ทรำบที่มำของชื่ อจังหวัดปทุมธำนี ปิ่ นเกล้ำ หมำยถึงรัชกำลที่ ๒
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๖
๓. จำกคำประพันธ์น้ ีเรำสำมำรถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้อย่ำงไร “ถึงบำงเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลำด บังเกิดชำติแมลงหวีม่ ีในไส้ เหมือนคนพำลหวำนนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอำ” ตอบ กำรคบคน อย่ำมองเพียงหน้ำตำภำยนอกเพียงอย่ำงเดียว
๔. ให้หำคำประพันธ์จำกเรื่ องนิรำศภูเขำทองที่เกี่ยวข้องกับศีลข้อ ๓ ตอบ งิ้วนรกสิ บหกองคุลีแหลม ใครทำชูค้ ู่ท่ำนครั้นบรรลัย
ดังขวำกแซมเสี้ ยมแทรกแตกไสว ก็ตอ้ งไปปี นต้นน่ำขนพอง
๕. “แต่ยำมยำกหำกว่ำถ้ำท่ำนแปลก อกมิแตกเสี ยหรื อเรำเขำจะสรวล เหมือนเข็ญใจใฝ่ สู งไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ำกลับอัประมำณ” จำกคำประพันธ์ขำ้ งต้นผูป้ ระพันธ์ตอ้ งกำรสอนในเรื่ องใด ตอบ ต้องกำรสอนให้เรำรู้จกั กำรประมำณตน
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๗
๖. ให้หำคำประพันธ์จำกเรื่ องที่แสดงให้เห็นเกี่ยวกับเรื่ องคติในกำรพูด ตอบ ถึงบำงพูดพูดดีเป็ นศรี ศกั ดิ์ แม้นพูดชัว่ ตัวตำยทำลำยมิตร
มีคนรักรสถ้อยอร่ อยจิต จะชอบผิดในมนุษย์เพรำะพูดจำ
๗.กำรเดินทำงไปของสุ นทรภู่ ผ่ำนสถำนที่อะไรบ้ำง กว่ำจะถึงเจดียภ์ ูเขำทอง ตอบ ผ่ำน พระบรมมหำรำชวัง วัดประโคนปั ก โรงเหล้ำ บำงจำก บำงพลู บำงพลัด บำงโพ บ้ำนญวน วัดเขมำฯ ตลำดแก้ว ตลำดขวัญ บำงธรณี เกำะเกร็ ด บำงพูด บ้ำนใหม่ บำงเดื่อ บำงหลวง บ้ำนงิ้ว เมื่อเข้ำเขตพระนครศรี อยุธยำ ผ่ำนหน้ำจวนเจ้ำเมือง วัดหน้ำพระเมรุ แล้วจึงเดินทำงถึง เจดียภ์ ูเขำทอง
๘. “มำถึงบำงธรณี ทวีโศก ยำมวิโยคยำกใจให้สะอื้น โอ้สุธำหนำแน่นเป็ นแผ่นพื้น ถึงสี่ หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร เมื่อเครำะห์ร้ำยกำยเรำก็เท่ำนี้ ไม่มีที่พสุ ธำจะอำศัย ล้วนหนำมเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่ อยูเ่ อกำ” ข้อควำมนี้ชวนให้ผอู ้ ่ำนรู ้สึกอย่ำงไร ตอบ ชวนให้รู้สึกสังเวช สลดใจในชะตำกรรมของสุ นทรภู่ ที่ตกอับอย่ำงถึงที่สุด
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๘
๙. นอกจำกชุมชนชำวไทยแล้ว ยังมีชุมชนต่ำงชำติอะไรอีก ซึ่ งอยูร่ ่ วมกันอย่ำง สงบสุ ข มีอิสระในกำรดำเนินชีวติ ตอบ ชุมชนบ้ำนญวน และชุมชนบ้ำนมอญ เป็ นต้น
๑๐. เหตุใดนิรำศภูเขำทอง จึงสะท้อนควำมจริ งของชีวิตได้ ตอบ เพรำะกวีแต่งจำกประสบกำรณ์ชีวติ ของตน
๑๑. ควำมสะเทือนใจของผูอ้ ่ำนนิรำศภูเขำทอง เกิดจำกอะไร ตอบ เกิดจำกควำมเข้ำใจชะตำชีวติ ที่พลิกผันของสุ นทรภู่ จำกสุ ขที่สุดเป็ นทุกข์ที่สุด และเกิดจำก กลวิธีกำรแต่งของสุ นทรภู่ที่กล่ำวรำพันควำมทุกข์ยำกของตนเองขณะแต่งเรื่ องนี้
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๘๙
๑๒. “โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย”
ข้อคิดนี้สอนอะไร ตอบ สอนไม่ให้ดื่มสุ รำ เพรำะทำให้มึนเมำขำดสติ ผิดศีลข้อ ๕
๑๓. ในนิรำศภูเขำทอง สุ นทรภู่ได้บนั ทึกอะไรไว้ ตอบ บันทึกเรื่ องรำววิถีชีวติ และวัฒนธรรมของผูค้ นร่ วมสมัย
๑๔. สุ นทรภู่ได้สอดแทรกเกร็ ดควำมรู ้อะไรไว้บำ้ งในนิ รำศภูเขำทอง ตอบ เกร็ ดควำมรู ้เกี่ยวกับวิถีชีวติ ชำวบ้ำน วัฒนธรรมและศิลปะแขนงต่ำง ๆ เป็ นต้น
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๐
๑๕. สิ่ งที่สุนทรภู่สอดแทรกไว้ เกิดประโยชน์แก่ผอู ้ ่ำนอย่ำงไร ตอบ ทำให้ผอู ้ ่ำนนึกเห็นภำพเเละเข้ำใจสภำพสังคมร่ วมสมัยต้นรัตนโกสิ นทร์
๑๖. สุ นทรภู่ได้เล่ำเรื่ องควำมทุกข์ยำกของตนไว้กี่อย่ำง อะไรบ้ำง ตอบ ๔ อย่ำง คือ ๑. ควำมไร้ญำติขำดมิตร ๒. ควำมยำกแค้นแสนเข็ญ ๓. ควำมมีโรคภัยไข้เจ็บ และ ๔. ควำมถูกเครำะห์กรรมซ้ ำเติม
๑๗. “คิดถึงบำทบพิตรอดิศร” ข้อควำมนี้สุนทรภู่คิดถึงใคร ตอบ คิดถึงพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๑
๑๘. “พระนิพพำนปำนประหนึ่งศีรษะขำด ด้วยไร้ญำติยำกแค้นถึงแสนเข็ญ” ข้อควำมนี้มีควำมหมำยว่ำอย่ำงไร ตอบ หมำยถึง กำรเสด็จสวรรคตของรัชกำลที่ ๒ เท่ำกับชีวติ ของสุ นทรภู่ได้ตำยไปด้วย เพรำะไม่ มีญำติช่วยเหลือ จึงได้รับควำมทุกข์เดือดร้อนมำก
๑๙. จุดประสงค์ในกำรแต่งนิ รำศภูเขำทอง คืออะไร ตอบ เพื่อบอกเล่ำกำรเดินทำงจำกวัดรำชบุรณะไปนมัสกำรพระเจดียภ์ ูเขำทองที่จงั หวัด พระนครศรี อยุธยำ
๒๐. ข้อคิดที่แทรกอยูใ่ นนิรำศภูเขำทอง ส่ วนใหญ่เป็ นอะไร ตอบ เป็ นคำสอนทำงพระพุทธศำสนำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๒
คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๗ ตามรอยสุนทรภู่สู่ภูเขาทอง
คาชี้แจง
๑๐
ให้นกั เรี ยนใส่ ชื่อสถำนที่ที่ปรำกฏในแผนที่ เส้นทำงตำมรอย สุ นทรภู่สู่ภูเขำทอง พร้อมยกตัวอย่ำงบทประพันธ์ที่ปรำกฏชื่อ สถำนที่ในเส้นทำง ๕ สถำนที่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๓
ตามรอยสุนทรภู่สภู่ ูเขาทอง คำสัง่ ใส่ ชื่อสถำนที่ที่ปรำกฏในแผนที่ เส้นทำงตำมรอยสุ นทรภู่สู่ ภูเขำทอง ข้ำงต้นให้ ถูกต้อง ๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๔
ยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่ปรากฏชื่อสถานที่ในเส้นทาง ๕ สถานที่
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๕ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๗ ตามรอยสุนทรภู่สู่ภเู ขาทอง
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนใส่ ชื่อสถำนที่ที่ปรำกฏในแผนที่ เส้นทำงตำมรอย สุ นทรภู่สู่ภูเขำทอง พร้อมยกตัวอย่ำงบทประพันธ์ที่ปรำกฏชื่อ สถำนที่ในเส้นทำง ๕ สถำนที่
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๖
ตามรอยสุนทรภู่สภู่ ูเขาทอง คำสั่ง ใส่ ชื่อสถำนที่ที่ปรำกฏในแผนที่ เส้นทำงตำมรอยสุ นทรภู่สู่ ภูเขำทอง ข้ำงต้นให้ ถูกต้อง ๑
วัดราชบูรณะ
๒
พระราชวัง
๓
วัดเสาประโคน/วัดประโคนปัก
๔
โรงเหล้า
๕
บางจาก
๖
บางพลู
๗
บางพลัด
๘
บางโพธิ์
๙
บ้านญวน
๑๐
วัดเขมาฯ
๑๑
ตลาดแก้ว
๑๒
นนทบุรี
๑๓
ตลาดขวัญ
๑๔
บางธรณี
๑๕
ปากเกร็ด
๑๖
บางพูด
๑๗
บ้านใหม่
๑๘
บางเดื่อ
๑๙
บำงหลวง/บำงหลวงเชิงรำก
๒๐
สามโคก/ปทุมธานี
๒๑
บ้ ำนงิ ้ว
๒๒
เกาะราชคราม
๒๓
กรุงเก่า
๒๔
วัดหน้าพระเมรุ
๒๕
เจดีย์ภูเขาทอง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๗
ยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่ปรากฏชื่อสถานที่ในเส้นทาง ๕ สถานที่
สถำนที่ที่ ๑ สถำนที่ที่ ๒ สถำนที่ที่ ๓ สถำนที่ที่ ๔ สถำนที่ที่ ๕
ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย ถึงบำงจำกจำกวัดพลัดพี่นอ้ ง มำมัวหมองม้วนหน้ำไม่ฝ่ำฝื น เพรำะรักใคร่ ใจจืดไม่ยดื ยืน จึงต้องขืนในพรำกมำจำกเมือง ถึงบำงโพธิ์ โอ้พระศรี มหำโพธิ์ ร่ มนิ โรธรุ กขมูลให้พนู ผล ขอเดชะอำนุภำพพระทศพล ให้ผอ่ งพ้นภัยพำลสำรำญกำย ถึงบ้ำนญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีขอ้ งขังกุง้ ปลำไว้คำ้ ขำย ตรงหน้ำโรงโพงพำงเขำวำงรำย พวกหญิงชำยพร้อมเพรี ยงมำเมียงมอง ตลำดแก้วแล้วไม่เห็นตลำดตั้ง สองฟำกฝั่งก็แต่ลว้ นสวนพฤกษำ โอ้รินริ นกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคง เหมือนกลิ่นผ้ำแพรดำร่ ำมะเกลือ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๘
กลอนนิรำศก็คือกลอนแปด แต่กลอนนิ รำศนี้ จะเริ่ มด้วยวรรครับ วรรครอง วรรคส่ ง และลงท้ำยนิรำศด้วยคำว่ำ เอย วรรณคดีประเภทกลอนนิรำศนี้ เป็ นของที่นิยมแต่งกันในสมัยโบรำณ ไม่ เพียงแต่กลอนสุ ภำพเท่ำนั้นที่ใช้แต่งนิรำศได้ คำประพันธ์ต่ำง ๆ ก็สำมำรถนำมำแต่ง เป็ นนิ รำศได้ เช่น โคลง ฉันท์ กำพย์ เป็ นต้น แต่ในปั จจุบนั นั้นนิยมแต่งเป็ นกลอน สุ ภำพ ตัวอย่ำงนิ รำศ เช่น นิ รำศนรำธิ ป นิรำศนริ นทร์ นิรำศพระอภัยมณี นิ รำศเดือน เป็ นต้น คำว่ำนิรำศนี้ เป็ นคำสันสกฤต แปลว่ำไปจำก, กำรพลัดพรำก บำงแห่งใช้คำว่ำ นิรำ ไม่ใช่วำ่ นิ รำศ แต่ไม่วำ่ จะใช้นิรำ หรื อนิรำศ ล้วนแล้วแต่แต่งขึ้น เพรำะจำกนำงผู ้ เป็ นที่รักเป็ นสำคัญ หนังสื อนิ รำศจึงมีควำมร้ำงรักเป็ นแก่นของเรื่ อง แม้แต่สุนทรภู่ ที่แต่งนิรำศภูเขำ ทอง ในขณะบวชเป็ นพระภิกษุ ยังต้องมีกำรคร่ ำครวญถึงคนรัก ทั้งๆ ที่ไม่มีคนรัก ดังที่ สุ นทรภู่กล่ำวไว้ในตอนจบว่ำ “ใช่จะมีที่รักสมัครมำด แรมนิรำศร้ำงมิตรพิสมัย ซึ่ งครวญคร่ ำทำทีพิร้ ี พิไร ตำมนิสัยกำพย์กลอนแต่ก่อนมำ เหมือนแม่ครัวคัว่ แกงพะแนงผัด สำรพัดเพียญชนังเครื่ องมังสำ อันพริ กไทยใบผักชีเหมือนสี กำ ต้องโรยน่ำเสี ยสักหน่อยอร่ อยใจฯ”
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๙๙
กลอนนิรำศก็เป็ นเหมือนกลอนแปดทัว่ ๆ ไป แต่มกั เริ่ มบทแรกด้วย “วรรค รับ” ไม่เริ่ มด้วยวรรคสดับ จึงเหลือเพียง ๓ วรรค คือ วรรครับ วรรครอง และ วรรคส่ ง แล้วจบท้ำยด้วยคำว่ำ “เอย” ควำมยำวนั้นไม่จำกัดจำนวนจะแต่งยำว เท่ำไรก็ได้ เนื้อหำสำระของกลอนนิรำศเป็ นกำรบันทึกเรื่ องเดินทำงไกลกล่ำวถึงสิ่ ง ต่ำง ๆ ที่ได้พบเห็นระหว่ำงทำงเอำไว้ดว้ ย มีสอดแทรกควำมรู ้สึกเกี่ยวกับเรื่ องคน รัก มีบทรำพึงรำพันถึงกำรพลัดพรำกจำกคนรักอย่ำงออกรสได้อำรมณ์เป็ นที่สุด โดยหญิงคนรักจะมีตวั ตนจริ งหรื อไม่ก็ตำม ฉันทลักษณ์และตัวอย่ำงคำประพันธ์
จำนวนคำ (พยำงค์) ในแต่ละวรรคมี ๘ คำ ๒ วรรคเป็ น ๑ คำกลอน (บำท) ๒ คำกลอน เท่ำกับ ๑ บท สัมผัสบังคับ คำสุ ดท้ำยของวรรคแรก (วรรคสดับ) ส่ งสัมผัสไปยังคำที่ ๓ หรื อ ๕ ของ วรรคที่ ๒ (วรรครับ) คำสุ ดท้ำยของวรรคที่สอง (วรรครับ) ส่ งสัมผัสไปยังสุ ดท้ำยของวรรคที่ ๓ (วรรครอง)
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๐
คำสุ ดท้ำยของวรรคที่สำม (วรรครอง) ส่ งสัมผัสไปยังคำที่ ๓ หรื อ ๕ ของ วรรคที่ ๔ (วรรคส่ ง) คำสุ ดท้ำยของวรรคที่สี่ (วรรคส่ ง) ส่ งสัมผัสไปยังสุ ดท้ำยของวรรคที่ ๒ (วรรครับ) ในบทถัดไปเรี ยกว่ำ สัมผัสระหว่ำงบท หมำยเหตุ ตัวสุ ดท้ำยของวรรครับห้ำมใช้เสี ยงสำมัญนิยมใช้เสี ยงจัตวำ ตัว สุ ดท้ำยของวรรครองนิยมใช้เสี ยงสำมัญ สัมผัสใน จะเป็ นสัมผัสตัวที่ ๓ ส่ งไปยังตัวที่ ๔ หรื อ ตัวที่ ๕ ส่ งไปยัง สัมผัสตัวที่ ๖ หรื อ ตัวที่ ๕ ไปยังตัวที่ ๗ ก็ได้ ตัวอย่ำงคำประพันธ์ เดือนสิ บเอ็ดเสร็ จธุระพระวสำ
รับกฐินภิญโญโมทนำ
ชุลีลำลงเรื อเหลืออำลัย
..................................
........................................
จงทรำบควำมตำมจริ งทุกสิ่ งสิ้ น อย่ำนึกนินทำแกล้งแหนงไฉน นักเลงกลอนนอนเปล่ำก็เศร้ำใจ จึงร่ ำไรเรื่ องร้ำงเล่นบ้ำงเอยฯ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๑ คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๘ นิราศของฉัน
๑๐
ให้นกั เรี ยนแต่งนิ รำศ ๕ บท ให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์และตำม
คาชี้แจง
ลักษณะกำรประพันธ์ พร้อมทั้งวำดภำพสถำนที่ที่ปรำกฏในนิรำศที่ นักเรี ยนแต่ง
วำดภำพสถำนที่ที่ปรำกฏในนิรำศ
แต่งนิ รำศ ๕ บท ให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์และตำมลักษณะกำรประพันธ์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๒ คะแนนที่ได้
เฉลยใบงานที่ ๘ นิราศของฉัน
๑๐
ให้นกั เรี ยนแต่งนิ รำศ ๕ บท ให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์และตำม
คาชี้แจง
ลักษณะกำรประพันธ์ พร้อมทั้งวำดภำพสถำนที่ที่ปรำกฏในนิรำศที่ นักเรี ยนแต่ง
วำดภำพสถำนที่ที่ปรำกฏในนิรำศ
แต่งนิ รำศ ๕ บท ให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์และตำมลักษณะกำรประพันธ์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๓
โวหำรภำพพจน์ คือ กลวิธีกำรนำเสนอสำรโดยกำรพลิกแพลงภำษำที่ใช้พดู หรื อเขียน ให้แปลกออกไปจำกภำษำตำมตัวอักษร ทำให้ผอู ้ ่ำนเกิดภำพในใจ เกิด ควำมประทับใจ เกิดควำมรู ้สึกสะเทือนใจ เป็ นกำรเปรี ยบเทียบให้เห็นภำพอย่ำง ชัดเจน ลักษณะของโวหำรภำพพจน์ ๑. อุปมำ คือ กำรเปรี ยบเทียบว่ำสิ่ งหนึ่งเหมือนสิ่ งหนึ่งโดยใช้คำ เปรี ยบเทียบว่ำ เหมือน ดุจ ประดุจดัง ดัง่ เฉก รำว รำวกับ เปรี ยบ ประดุจ เล่ห์ ปำน ประหนึ่ง เพียง เพี้ยง พ่ำง ละม้ำย แม้น ฯลฯ ตัวอย่ำง ปัญญำประดุจดังอำวุธ ไพเรำะกังวำนปำนเสี ยงนกร้อง ท่ำทำงหล่อนรำวกับนำงพญำ ตำเหมือนตำมฤคมำศ งำมละม้ำยคล้ำยอูฐกะหลำป๋ ำ ๒. อุปลักษณ์ คือ เป็ นกำรเปรี ยบเทียบเหมือนกันแต่เป็ นกำรเปรี ยบเทียบ สิ่ งหนึ่งเป็ นอีกสิ่ งหนึ่งมักใช้คำว่ำ คือ และ เป็ น ตัวอย่ำง ครู คือแม่พิมพ์ของชำติ ทหำรเป็ นรั้วของชำติ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๔
น้ ำพระเนตรหยำดหยดเป็ นสำยเลือด เธอคือดอกฟ้ ำแต่ฉนั นั้นคือหมำวัด ขอเป็ นเกือกทองรองบำทำ ไปจนกว่ำชีวนั จะบรรลัย ๓. ปฏิพำกย์ หรื อ ปรพำกย์ คือ กำรใช้ถอ้ ยคำที่มีควำมหมำยตรงกันข้ำม หรื อขัดแย้งกันมำกล่ำวอย่ำงกลมกลืนกันเพื่อเพิ่มควำมหมำยให้มีน้ ำหนักมำก ยิง่ ขึ้น ตัวอย่ำง เลวบริ สุทธิ์ น้ ำผึ้งขม สนุกฉิบหำย สวรรค์บนดิน ยิง่ รี บยิง่ ช้ำ ๔. อติพจน์ หรื อ อธิ พจน์ คือ โวหำรที่กล่ำวเกินควำมจริ ง เพื่อเน้น ควำมรู ้สึกทำให้ผฟู ้ ังเกิดควำมรู ้สึกที่ลึกซึ้ ง ภำพพจน์ชนิดนี้นิยมใช้กนั มำกแม้ใน ภำษำพูดเพรำะเป็ นกำรกล่ำวที่ทำให้เห็นภำพได้ง่ำยและแสดงควำมรู ้สึกของกวีได้ อย่ำงชัดเจน ตัวอย่ำง คิดถึงใจจะขำด คอแห้งเป็ นผง รักคุณเท่ำฟ้ ำ เหนื่อยสำยตัวแทบขำด ทำงำนตัวเป็ นเกลียว
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๕
๕. บุคลำธิษฐำน หรื อ บุคคลวัต คือ กำรสมมุติสิ่งต่ำง ๆ ให้มีกิริยำอำกำร ควำมรู ้สึกเหมือนมนุษย์ (บุคลำธิ ษฐำน มำจำกคำว่ำ บุคคล+อธิ ษฐำน หมำยถึง อธิษฐำนให้กลำยเป็ นบุคคล) ตัวอย่ำง ต้นไม้แต่งตัว ทะเลไม่เคยหลับใหล สำยลมโลมไล้เอำอกเอำใจ ดวงตะวันยิม้ แย้ม เสี ยงซำกอิฐปูนสะอื้น ๖. สัญลักษณ์ คือ กำรเรี ยกชื่อสิ่ ง ๆ หนึ่งโดยใช้คำอื่นมำแทน ไม่เรี ยกตรง ๆ ส่ วนใหญ่คำที่นำมำแทนจะเป็ นคำที่เกิดจำกกำรเปรี ยบเทียบและตีควำมซึ่ งใช้ กันมำนำนจนเป็ นที่เข้ำใจและรู ้จกั กันโดยทัว่ ไป ตัวอย่ำง เมฆหมอก แทน อุปสรรค แสงสว่ำง แทน สติปัญญำ รุ ้ง แทน ควำมหวัง พลัง กำลังใจ ทะเล แทน ควำมอ้ำงว้ำง สี ขำว แทน ควำมบริ สุทธิ์ ๗. สัทพจน์ คือ ภำพพจน์ที่เลียนเสี ยงธรรมชำติ เช่น เสี ยงดนตรี เสี ยงสัตว์ เสี ยงคลื่น เสี ยงลม เสี ยงฝนตก เสี ยงน้ ำไหล ฯลฯ กำรใช้ภำพพจน์ประเภทนี้จะทำ ให้เหมือนได้ยนิ เสี ยงนั้นจริ งๆ ตัวอย่ำง ป๊ ะโท่นป๊ ะโท่นป๊ ะโท่นโท่น อ้อยอี๋เอียง อ้อยอี๋เอียงส่ งเสี ยงร้อง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๖
ฝนตกแปะ ๆ เปรี้ ยง ๆ ดังเสี ยงฟ้ ำฟำด ลูกนกร้องจิ๊บ ๆ
๙. นำมนัย คือ กำรใช้คำหรื อวลีซ่ ึ งบ่งลักษณะหรื อคุณสมบัติของสิ่ งใดสิ่ ง หนึ่งแทนอีกสิ่ งหนึ่ง คล้ำย ๆ สัญลักษณ์ แต่ต่ำงกันตรงที่นำมนัยนั้นจะดึงเอำ ลักษณะบำงส่ วนของสิ่ งหนึ่งมำกล่ำวให้หมำยถึงส่ วนทั้งหมดหรื อใช้ชื่อ ส่ วนประกอบสำคัญของสิ่ งนั้นแทนสิ่ งนั้นทั้งหมด เช่น เมืองโอ่ง
แทน จังหวัดรำชบุรี
เมืองย่ำโม
แทน จังหวัดนครรำชสี มำ
ฉัตร มงกุฎ
แทน กษัตริ ย ์
เก้ำอี้
แทน ตำแหน่ง หน้ำที่
เวที
แทน กำรแสดง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๗
คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๙ โวหารภาพพจน์หรรษา
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนตอบคำถำมต่อไปนี้วำ่ คำประพันธ์ที่กำหนดให้ในแต่ละ ข้อนั้นใช้โวหำรภำพพจน์ใด
๑. เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุ คนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่ นชื่นนำสำ
สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรสสุ คนธำ
วำสนำเรำก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุ คนธ์
ตอบ ๒. เมื่อเครำะห์ร้ำยกำยเรำก็เท่ำนี้
ไม่มีที่พสุ ธำจะอำศัย
ล้วนหนำมเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ
เหมือนนกไร้รังเร่ อยูเ่ อกำ
ตอบ ๓. พระนิพพำนปำนประหนึ่งศีรษะขำด ด้วยไร้ญำติยำกแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งโรคซ้ ำกรรมซัดวิบตั ิเป็ น
ไม่เล็งเห็นที่ซ่ ึ งจะพึ่งพำ
ตอบ ๔. ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย
แม้นมอดม้วยกลับชำติวำสนำ
อำยุยนื หมื่นเท่ำเสำศิลำ
อยูค่ ู่ฟ้ำดินได้ดงั ใจปอง
ตอบ
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๘ ๕. ทั้งกบเขียดเกรี ยดกรี ดจังหรี ดเรื่ อย
พระพำยเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวำม
วังเวงจิตคิดคะนึงรำพึงควำม
ถึงเมื่อยำมยังอุดมโสมนัส
ตอบ ๖. จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผกั
ดูน่ำรักบรรจงส่ งเกสร
เหล่ำบัวเผื่อนแลสล้ำงริ มทำงจร
ก้ำมกุง้ ซ้อนเสี ยดสำหร่ ำยใต้คงคำ
ตอบ ๗. ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง
มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ
โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย
ตอบ ๘. ไปพ้นวัดทัศนำริ มท่ำน้ ำ
แพประจำจอดรำยเขำขำยของ
มีแพรผ้ำสำรพัดสี ม่วงตอง
ทั้งสิ่ งของขำวเหลืองเครื่ องสำเภำ
ตอบ
๙. นำวำเอียงเสี ยงกุกลุกขึ้นร้อง
มันดำล่องน้ ำไปช่ำงไวเหลือ
ไม่เห็นหน้ำสำนุศิษย์ที่ชิดเชื้อ
เหมือนเนื้ อเบื้อบ้ำเคอะดูเซอะซะ
ตอบ
๑๐. สำยติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่ำ
เป็ นเหล่ำเหล่ำแลรำยทั้งซ้ำยขวำ
กระจับจอกดอกบัวบำนผกำ
ดำษดำดูขำวดัง่ ดำวพรำย
ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๐๙ คะแนนที่ได้
ใบงานที่ ๙ โวหารภาพพจน์หรรษา
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนตอบคำถำมต่อไปนี้วำ่ คำประพันธ์ที่กำหนดให้ในแต่ละ ข้อนั้นใช้โวหำรภำพพจน์ใด
๑. เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุ คนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่ นชื่นนำสำ
สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรสสุ คนธำ
วำสนำเรำก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุ คนธ์
ตอบ ๒. เมื่อเครำะห์ร้ำยกำยเรำก็เท่ำนี้
ไม่มีที่พสุ ธำจะอำศัย
ล้วนหนำมเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ
เหมือนนกไร้รังเร่ อยูเ่ อกำ
ตอบ ๓. พระนิพพำนปำนประหนึ่งศีรษะขำด ด้วยไร้ญำติยำกแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งโรคซ้ ำกรรมซัดวิบตั ิเป็ น
ไม่เล็งเห็นที่ซ่ ึ งจะพึ่งพำ
ตอบ ๔. ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย
แม้นมอดม้วยกลับชำติวำสนำ
อำยุยนื หมื่นเท่ำเสำศิลำ
อยูค่ ู่ฟ้ำดินได้ดงั ใจปอง
ตอบ
๑๐
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๐ ๕. ทั้งกบเขียดเกรี ยดกรี ดจังหรี ดเรื่ อย
พระพำยเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวำม
วังเวงจิตคิดคะนึงรำพึงควำม
ถึงเมื่อยำมยังอุดมโสมนัส
ตอบ ๖. จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผกั
ดูน่ำรักบรรจงส่ งเกสร
เหล่ำบัวเผื่อนแลสล้ำงริ มทำงจร
ก้ำมกุง้ ซ้อนเสี ยดสำหร่ ำยใต้คงคำ
ตอบ ๗. ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง
มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ
โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย
ตอบ ๘. ไปพ้นวัดทัศนำริ มท่ำน้ ำ
แพประจำจอดรำยเขำขำยของ
มีแพรผ้ำสำรพัดสี ม่วงตอง
ทั้งสิ่ งของขำวเหลืองเครื่ องสำเภำ
ตอบ
๙. นำวำเอียงเสี ยงกุกลุกขึ้นร้อง
มันดำล่องน้ ำไปช่ำงไวเหลือ
ไม่เห็นหน้ำสำนุศิษย์ที่ชิดเชื้อ
เหมือนเนื้ อเบื้อบ้ำเคอะดูเซอะซะ
ตอบ
๑๐. สำยติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่ำ
เป็ นเหล่ำเหล่ำแลรำยทั้งซ้ำยขวำ
กระจับจอกดอกบัวบำนผกำ
ดำษดำดูขำวดัง่ ดำวพรำย
ตอบ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๑
เฉลยใบงานที่ ๙ โวหารภาพพจน์หรรษา
คาชี้แจง
ให้นกั เรี ยนตอบคำถำมต่อไปนี้วำ่ คำประพันธ์ที่กำหนดให้ในแต่ละ
ข้อนั้นใช้โวหำรภำพพจน์ใด
๑. เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุ คนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่ นชื่นนำสำ
สิ้ นแผ่นดินสิ้ นรสสุ คนธำ
วำสนำเรำก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุ คนธ์
ตอบ อุปมำ ๒. เมื่อเครำะห์ร้ำยกำยเรำก็เท่ำนี้
ไม่มีที่พสุ ธำจะอำศัย
ล้วนหนำมเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ
เหมือนนกไร้รังเร่ อยูเ่ อกำ
ตอบ อุปมำ ๓. พระนิพพำนปำนประหนึ่งศีรษะขำด ด้วยไร้ญำติยำกแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งโรคซ้ ำกรรมซัดวิบตั ิเป็ น
ไม่เล็งเห็นที่ซ่ ึ งจะพึ่งพำ
ตอบ อุปมำ ๔. ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย
แม้นมอดม้วยกลับชำติวำสนำ
อำยุยนื หมื่นเท่ำเสำศิลำ
อยูค่ ู่ฟ้ำดินได้ดงั ใจปอง
ตอบ อติพจน์
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๒
๕. ทั้งกบเขียดเกรี ยดกรี ดจังหรี ดเรื่ อย
พระพำยเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวำม
วังเวงจิตคิดคะนึงรำพึงควำม
ถึงเมื่อยำมยังอุดมโสมนัส
ตอบ สัทพจน์ ๖. จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผกั
ดูน่ำรักบรรจงส่ งเกสร
เหล่ำบัวเผื่อนแลสล้ำงริ มทำงจร
ก้ำมกุง้ ซ้อนเสี ยดสำหร่ ำยใต้คงคำ
ตอบ บุคลำธิษฐำน ๗. ถึงโรงเหล้ำเตำกลัน่ ควันโขมง
มีคนั โพงผูกสำยไว้ปลำยเสำ
โอ้บำปกรรมน้ ำนรกเจียวอกเรำ
ให้มวั เมำเหมือนหนึ่งบ้ำเป็ นน่ำอำย
ตอบ อุปมำ ๘. ไปพ้นวัดทัศนำริ มท่ำน้ ำ
แพประจำจอดรำยเขำขำยของ
มีแพรผ้ำสำรพัดสี ม่วงตอง
ทั้งสิ่ งของขำวเหลืองเครื่ องสำเภำ
ตอบ นำมนัย ๙. นำวำเอียงเสี ยงกุกลุกขึ้นร้อง
มันดำล่องน้ ำไปช่ำงไวเหลือ
ไม่เห็นหน้ำสำนุศิษย์ที่ชิดเชื้อ
เหมือนเนื้ อเบื้อบ้ำเคอะดูเซอะซะ
ตอบ สัทพจน์
๑๐. สำยติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่ำ
เป็ นเหล่ำเหล่ำแลรำยทั้งซ้ำยขวำ
กระจับจอกดอกบัวบำนผกำ
ดำษดำดูขำวดัง่ ดำวพรำย
ตอบ อุปมำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๓
คำชี้แจง
๑. แบบทดสอบก่อนเรี ยน ใช้ทดสอบควำมรู ้ของนักเรี ยนก่อนเรี ยน เรื่ อง นิรำศภูเขำทอง จำนวน ๒๐ ข้อ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ๒. กำรตอบแบบทดสอบ ให้นกั เรี ยนทำเครื่ องหมำย ✗ลงในช่อง ☐ ใต้ ตวั อักษร ก, ข, ค และ ง ที่เป็ นคำตอบที่ถกู ที่สดุ เพียงคำตอบเดียว บนกระดำษคำตอบ
๑. ข้อใดเป็ นควำมนิยมในกำรแต่งกลอนนิ รำศ ก. นิยมเริ่ มบทแรกด้วยวรรคสดับ ตำมด้วยวรรครับ วรรครอง และวรรคส่ ง ข. นิยมเริ่ มบทแรกด้วย “วรรครอง” และจบด้วยคำว่ำ “เอย” ค. นิยมเริ่ มบทแรกด้วย “วรรครับ” และจบด้วยคำว่ำ “เอย” ง. นิยมเริ่ มบทแรกด้วย “วรรคส่ ง” และจบด้วยคำว่ำ “เอย” ๒. ข้อใดเป็ นลักษณะคำประพันธ์ประเภทกลอนนิรำศ ก. พรรณนำกำรเดินทำงและกล่ำวถึงสิ่ งพบเห็นไว้ดว้ ย ข. เป็ นกำรบันทึกกำรเดินทำงของกวี ค. แต่งเป็ นคำกลอนอย่ำงเดียว ง. แต่งเป็ นฉันท์อย่ำงเดียว ๓. นิรำศ คืออะไร
ก. กำรรำพันถึงสิ่ งที่จำกมำ ข. กำรบรรยำยเส้นทำงในกำรเดินทำงทำงเรื อ ค. กำรรำพันถึงผูห้ ญิงของกวีที่ตอ้ งตำยจำกกันไป ง. กำรเดินทำง กำรรำพันถึงกำรจำกหรื อกำรพลัดพรำกจำกนำงอันเป็ นที่รัก
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๔
๔. บุคคลใดที่แต่งตั้งให้สุนทรภู่เป็ นเจ้ำกรมอำลักษณ์ ฝ่ ำยพระบวรรำชวัง มีบรรดำศักดิ์ เป็ นพระสุ นทรโวหำร ก. พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ข. พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ค. พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ง. พระบำทสมเด็จพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั
๕. ในสมัยรัชกำลที่ ๒ พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย โปรดให้สุนทรภู่เป็ นครู สอนหนังสื อให้กบั บุคคลใด ก. สมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ ำกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ข. พระบำทสมเด็จพระนัง่ เกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ค. พระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ ำอำภรณ์ ง. พระองค์เจ้ำดวงประภำ ๖. นิรำศเรื่ องเดียวที่แต่งเป็ นโคลง คือ นิ รำศเรื่ องอะไร ก. นิรำศพระประธม ค. นิรำศสุ พรรณ
ข. นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ ง. รำพันพิลำป
๗. ในสมัยรัชกำลที่ ๒ สุ นทรภู่ได้แต่งผลงำนเรื่ องอะไร เมื่อครั้งที่จำคุก เพรำะทำร้ำยญำติ ผูใ้ หญ่ของตนจนบำดเจ็บสำหัส ก. พระอภัยมณี
ข. สวัสดิรักษำ
ค. ลักษณวงศ์
ง. โคบุตร
๘. นิรำศเรื่ องแรกของสุ นทรภู่ คือ นิ รำศเรื่ องอะไร ก. นิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ ค. นิรำศเมืองแกลง
ข. นิรำศเมืองเพชร ง. นิรำศพระประธม
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๕
๙. สุ นทรภู่เกิดในรัชสมัยใด ก. รัชกำลที่ ๔
ข. รัชกำลที่ ๓
ค. รัชกำลที่ ๒
ง. รัชกำลที่ ๑
๑๐. ข้อคิดที่แทรกอยูใ่ นนิ รำศภูเขำทอง ส่ วนใหญ่เป็ นอะไร
ก. เป็ นคำสอนเรื่ องกำรพูด ข. เป็ นคำสอนทำงพระพุทธศำสนำ ค. ชี้ให้เห็นควำมจริ งของชีวิตและของโลก ง. เป็ นคำสอนในกำรทำควำมดีละเว้นควำมชัว่ ๑๑. “เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ ำระกำแฝง ทั้งรักแซงแซมสวำทประหลำดเหลือ เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ ำเจือ เพรำะรักเรื้ อแรมสวำทมำคลำดคลำย” สุ นทรภู่มีวธิ ี กำรใดในกำรแต่งคำประพันธ์บทนี้
ก. ใช้กำรเล่นคำ ค. ใช้กำรเปรี ยบเปรย
ข. ใช้กำรเล่นเสี ยง ง. ใช้กำรเล่นสัมผัสสระ
๑๒. “ถึงบำงพูดพูดดีเป็ นศรี ศกั ดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่ อยจิต แม้นพูดชัว่ ตัวตำยทำลำยมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพรำะพูดจำ” คำกลอนบทนี้ให้คติธรรมในทำงใด ก. กำรคิด
ข. กำรพูด
ค. กำรใช้ชีวติ
ง. กำรไม่ประมำท
๑๓. “เหมือนเข็ญใจใฝ่ สู งไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ำกลับอัประมำณ” คำที่ขีดเส้นใต้ หมำยถึงอะไร ก. อับอำย ข. พอประมำณ ค. กำรไม่รู้จกั พอ ง. ควำมคับแค้นใจ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๖
๑๔. ในเรื่ องข้อใดไม่ใช่สถำนที่ที่สุนทรภู่เดินทำงผ่ำน ก. พระบรมมหำรำชวัง โรงเหล้ำ ข. เกำะรำชครำม กรุ งเก่ำ ค. ตลำดแก้ว บำงธรณี ง. บำงกระดี่ บำงยีเ่ รื อ ๑๕. “สิ้ นแผ่นดินขอให้สิ้นชี วติ บ้ำง คำที่ขีดเส้นใต้ หมำยถึงอะไร
อย่ำรู ้ร้ำงบงกชบทศรี ”
ก. ดอกบัว ข. พระเจ้ำอยูห่ วั ค. องค์พระมหำกษัตริ ย ์ ในที่น้ ี หมำยถึง พระบำทสมเด็จพระปิ่ นเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ง. องค์พระมหำกษัตริ ย ์ ในที่น้ ี หมำยถึง พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ๑๖ “ถึงสุ รำพำรอดไม่วอดวำย ไม่ใกล้กรำยแกล้งเมินก็เกินไป” หมำยควำมว่ำอย่ำงไร ก. ดื่มสุ รำทำให้ชีวติ วอดวำย อย่ำได้เข้ำไปยุง่ เด็ดขำด ข. สุ รำเป็ นสิ่ งที่ไม่ดีนกั แต่จะตัดขำดเลยก็เกินไป ค. ดื่มสุ รำแล้วพำลให้ทำผิดอย่ำงอื่นได้อีก ง. ดื่มสุ รำไม่ช่วยให้ชีวติ มีควำมสุ ข ๑๗. เรื่ องนิรำศภูเขำทอง สุ นทรภู่เริ่ มออกเดินทำงจำกที่ใด ก. วัดประยุรวงศ์ ฯ ค. พระรำชวัง
ข. วัดรำชบูรณะ ง. โรงเหล้ำ
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๗
๑๘. ในนิรำศภูเขำทองสุ นทรภู่เดินทำงไปด้วยวัตถุประสงค์ใด ก. ต้องกำรเดินทำงไปอยุธยำ ข. ต้องกำรไปเยีย่ มชมเจดียภ์ ูเขำทอง ค. ต้องกำรไปนมัสกำรเจดียภ์ ูเขำทอง ง. ต้องกำรเดินทำงไปทำบุญตำมสถำนที่ต่ำง ๆ ๑๙. สุ นทรภู่แต่งนิ รำศภูเขำทองด้วยคำประพันธ์ใด ก. กำพย์ห่อโคลง ค. ร่ ำยห่อโคลง
ข. โคลงสี่ สุภำพ ง. กลอนสุ ภำพ
๒๐. สุ นทรภู่แต่งนิ รำศภูเขำทองเมื่ออำยุเท่ำไร ก. ๔๑ ปี
ข. ๔๒ ปี
ค. ๔๓ ปี
ง. ๔๔ ปี
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๘
ชื่อ...........................................นำมสกุล.......................................ชั้น...............เลขที่.............. คะแนนที่ได้
๑๐
ข้อที่ // ตัวเลือก ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐.
ก
ข
ค
ง
ข้อที่ // ตัวเลือก ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕. ๑๖. ๑๗. ๑๘. ๑๙. ๒๐.
ก
ข
ค
ง
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๑๙
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๒๐
๑) ก.
๑๑) ง.
๒) ข.
๑๒) ง.
๓) ง.
๑๓) ก.
๔) ค.
๑๔) ก.
๕) ง.
๑๕) ข.
๖) ค.
๑๖) ก.
๗) ค.
๑๗) ก.
๘) ข.
๑๘) ข.
๙) ค.
๑๙) ก.
๑๐) ค.
๒๐) ก.
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๒๑
๑) ค.
๑๑) ก.
๒) ก.
๑๒) ข.
๓) ง.
๑๓) ก.
๔) ค.
๑๔) ง.
๕) ค.
๑๕) ง.
๖) ค.
๑๖) ข.
๗) ก.
๑๗) ข.
๘) ค.
๑๘) ค.
๙) ง.
๑๙) ง.
๑๐) ข.
๒๐) ข.
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๒๒
สำรบัญภำพ ภำพที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘
หน้ำ สุ นทรภู่ครู กวี สุ นทรภู่ ครู กวีสี่แผ่นดิน สุ นทรภู่ครู กวี ครู กวีสุนทรภู่ หนังสื อนิรำศเมืองแกลง หนังสื อนิรำศพระบำท หนังสื อนิรำศภูเขำทอง หนังสื อนิรำศวัดเจ้ำฟ้ ำ หนังสื อนิรำศอิเหนำ หนังสื อโคลงนิรำศสุ พรรณ หนังสื อรำพันพิลำป หนังสื อนิรำศพระประธม หนังสื อนิรำศเมืองเพชร หนังสื อสวัสดิรักษำ หนังสื อเพลงยำวถวำยโอวำท หนังสื อชีวติ สุ นทรภู่ เจดียว์ ดั ภูเขำทอง เจดียภ์ ูเขำทอง
๑๒ ๑๓ ๒๗ ๓๕ ๓๖ ๓๖ ๓๗ ๓๘ ๓๘ ๓๙ ๔๐ ๔๑ ๔๒ ๔๒ ๔๒ ๔๓ ๕๗ ๕๙
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๒๓
บรรณำนุกรม กรมศิลปำกร. (๒๕๑๙). ชี วติ และงำนของสุ นทรภู่. กรุ งเทพ ฯ : เสริ มวิทย์บรรณำคำร. เอกรัตน์ อุดมพร. (๒๕๕๔). มินิภำษำไทย ม.๑ วรรณคดีวจิ ักษ์ และวิวธิ ภำษำ. กรุ งเทพ ฯ : พ.ศ. พัฒนำ. กระทรวงศึกษำธิกำร. (๒๕๕๙). หนังสื อเรียน รำยวิชำพืน้ ฐำนภำษำไทย วรรณคดีวจิ ักษ์ ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๘. กรุ งเทพ ฯ : สกสค. อัมพร ทองใบ. (๒๕๕๕). วรรณคดีวจิ ักษ์ ฉบับใหม่ ล่ำสุ ด. นนทบุรี : ธิงค์ บียอนด์. สมศักดิ์ อัมพรวิสิทธิ์ โสภำ. (มปป.). วิวธิ ภำษำ และวรรณคดีวจิ ักษ์ ม.๑. กรุ งเทพ ฯ : ภูมิบณั ฑิต. เสำวณี ย ์ นิวำศะบุตร. (๒๕๕๙). นิรำศภูเขำทอง โดย สุ นทรภู่. กรุ งเทพ ฯ : ภำพพิมพ์.
ชุ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง เ รื่ อ ง นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๑๒๔
ผู้จัดทำชุดกำรเรียนรู้ ด้วยตนเอง เรื่อง นิรำศภูเขำทอง
จัดทำโดย นำยวีรยุทธ บุตรศรี รหัสนักศึกษำ ๕๘๘๑๑๒๔๐๑๐ เลขที่ ๓ นำยอัครชัย ทรงจำรัส รหัสนักศึกษำ ๕๘๘๑๑๒๔๐๑๒ เลขที่ ๔ กลุ่ม D๒
เป็ นส่วนหนึ่งของกำรศึกษำวิชำ กำรใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อกำรเผยแพร่ วฒั นธรรมไทย (๑๑๒๓๐๒) สำขำวิชำ ภำษำไทย คณะ ครุ ศำสตร์ มหำวิทยำลัยรำชภัฏบ้ำนสมเด็จเจ้ำพระยำ