Dailynews bnk test

Page 1

จุดเริ่มต้นเข้ามาเป็น BNK48 ได้อย่างไร?

“จุดเริ่มต้นเลยคือติดตาม AKB48 ที่เป็นวงพี่อยู่ที่ญี่ปุ่น อยู่แล้ว พอรู้ว่ามีประกาศเปิด BNK48 ที่ไทย ก็ดีใจมาก ตื่นเต้นมาก เพราะชอบคอนเซปต์นี้ที่ทำ�ให้คนมีความหวัง มองเห็นความพยายาม อยากเอาเขาเป็นตัวอย่างเป็นไอดอลว่า เขายังพยายามทำ�ตามความ ฝันของเขาเลย ทำ�ไมเราจะไม่ทำ�ตามบ้าง ตอนแรกเขารับสมัครถึงอายุ 18 ปี ซึ่งตอนนั้นหนู 20 แล้ว แต่พอเขาขยายอายุ หลายคนก็เชียร์ว่า ไปลองดูไหม เราก็เออไม่เสียหาย ก็เลยลองเข้าไปส่งใบสมัครเล่น ๆ ตัวเองก็ไม่เคยร้องเต้นมาก่อนเลย เพราะเรียนทางสายวิทยาศาสตร์ ตอนเด็ก ๆ เคยเต้น แต่ก็ทิ้งมันไปนานแล้ว ก็คิดว่าไม่ได้มีทักษะด้าน นี้เท่าไหร่นัก ไม่คิดว่าจะติด พอผ่านเข้ารอบมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มคิดหนัก แล้ว มาจนถึงช่วงที่ต้องเซ็นสัญญาก็คิดว่าจะเซ็นดีหรือเปล่า ก็นั่ง คิดว่าข้อดี ข้อเสียของการมาอยู่ตรงนี้เป็นอย่างไร เราจะไหวไหม กับการที่เรียนด้วย การมาถึงวันนี้รู้สึกดีใจมาก มันเป็นแค่จุดเริ่ม ต้น เป็นปีแรกจริง ๆ แต่มาได้ไกลขนาดนี้กับวงก็ถือว่าประสบความ สำ�เร็จพอสมควร รู้สึกคุ้มมากกับสิ่งที่เราทำ�ไป”

เรื่องการเล่นโซเชียลเห็นว่าทุกคนต้องเริ่มมีผู้ ติดตามจากศูนย์หมด?

“ใช่ค่ะ แต่เฌอเป็นคนที่ไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียขนาดนั้นอยู่แล้ว จะเอาไว้ส่องอย่างเดียว ก็เริ่มต้นจริงจังตอนเป็น BNK48 เมนหลัก ของ BNK การตลาดเขาเน้นทางโซเชียลเป็นหลัก รูปที่ลงก็จะเป็นการ ถ่ายชีวิตประจำ�วันของตนเอง เวลาออกงานว่าทำ�อะไรบ้าง เล่าในสิ่ง ที่ตัวเองเป็นค่ะ ที่คนตามเยอะอาจจะเป็นเพราะโพสต์ทุกวันมั้งคะ เลย เป็นจุดหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น คือเฌอเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดกับ ตัวเอง พอทางบริษัทบอกว่า ช่วงเริ่มต้นนี่ให้โพสต์ทุกวันนะ อัพเดท ให้แฟนคลับรู้ เขาไม่ได้มีการกำ�หนดว่าต้องโพสต์แบบไหน แต่ช่วงแรก ต้องเขียนแคปชั่นส่งไปที่บริษัทตรวจสอบก่อน หลัง ๆ ก็เริ่มมีการ ปล่อยมากขึ้น เพราะผ่านช่วงที่ฝึกฝนมาแล้วระดับหนึ่ง ระวังเยอะ มาก เฌอนั่งอ่านสิ่งที่ตัวเองพิมพ์หลายรอบก่อนจะโพสต์แต่ละครั้ง ซึ่งก็ต้องเช็กให้ดีว่ารูปเรานี่เป็นรูปโอเคขนาดไหน เห็นอะไรบ้าง พื้น หลังเช็กทั้งหมด คอนเทนต์แง่บวกแง่ลบ ความถูกต้องของภาษา บางทีเฌอก็ยังพลาดอยู่บ้างก็มีคนมาเตือน อย่างเขียนผิด แล้วก็มี โดนติเรื่องเวลาลงรูปที่ทำ�หน้าแปลก ๆ ตลก ๆ มันดูเป็นภาพลักษณ์ ที่ไม่โอเค”

เส้นทางสู่ไอดอล

"เฌอปราง BNK48"

จากร้องเต้นไม่เป็น ไม่ได้มี ประสบการณ์ พอได้มาเป็น BNK48 ก็แลกกับการ ต้องอยู่ในกฎ ก็คุ้มกัน


อึดอัดมั้ยในการทำ�ตามกฎระเบียบแบบนี้?

“มองว่าจากเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย จนมามีชื่อ BNK48 ต่อท้ายเข้ามา สามารถทำ�ให้ภายใน 1 ปี ยอด คนฟังคนติดตามมันเยอะขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก จากร้องเต้นไม่ เป็นไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้ พอได้มาเป็น BNK48 ก็แลกกับ การต้องอยู่ในกฎ ก็คุ้มกัน”

การได้เป็นกัปตันของวงนี่เขาคัดเลือกจาก อะไร?

“เป็นการคัดเลือกจากผู้บริหาร กัปตันคือคนที่ออกหน้า รับสื่อเป็นหลัก คอยคุมสเตจและสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งด้วยวุฒิ ภาวะเฌอด้วยมั้งเกือบแก่สุดในวง ตั้งแต่สมัยมัธยมเฌอเป็น พวกเด็กกิจกรรมเลยได้ทำ�โน่นนี่ค่อนข้างเยอะ แล้วนิสัยเป็นคน ที่มีระเบียบ เขามองว่าน่าจะเยอะกว่าคนอื่นในวง ก็เลยเลือกให้ เป็นช่วงหนึ่งก่อน เพราะตั้งแต่แรกเลยที่เขาให้เป็นคือเป็นกัปตัน ชั่วคราว โดยการนั่งต่อหน้าสื่อทั้งหมด แล้วสื่อถามว่า ตอนนี้ มีกัปตันวงไหม ตอนนั้นก็ยังไม่มีการเลือกใด ๆ แล้วหนึ่งในผู้ บริหารก็ชี้มาที่เฌอว่าให้เป็นไปก่อนชั่วคราว เพราะดูทำ�อะไรได้เยอะ ดี ภาษาสื่อสารได้ ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่นได้เล็กน้อย อายุได้ก็ให้คอย ดูน้อง ๆ แล้วไม่รู้ว่าเขาเห็นยังไง ก็เหมือนกับเป็นพี่ น้อง ๆ ก็จะ ฟัง ตอนแรกก็เหมือนจะไม่ได้ทำ�ต่อ เพราะมีคนคอมเมนต์ว่าเฌอ ดุไป ระเบียบจัดเกินไปกับน้อง เฌอก็รู้สึกผิด ถ้าไม่ได้เป็นต่อก็ไม่ เป็นไร เพราะจริง ๆ ก็เข้าใจว่าตำ�แหน่งตรงนี้การเป็นผู้ประสาน งาน การเป็นผู้นำ�มันก็เหนื่อยและมีความกดดัน แต่ได้เป็นมันก็ดีใจ มีความภูมิใจในตัวเอง ที่เราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเหมาะที่จะทำ�หน้าที่ ตรงนี้ แต่ก็เครียดด้วยว่าเราจะทำ�ได้จริง ๆ เหรอ เฌอเองก็ไม่ได้ เพอร์เฟกต์ มีผิดกฎด้วยเรื่องถ่ายรูปออกไปข้างนอก คือเราถ่าย กับเพื่อนที่รู้จักกันในวงการคอสเพลย์ เราก็คิดว่าเจอเพื่อนน่าจะ สามารถทำ�ได้ แต่ก็มีดราม่าว่าทำ�ไมถ่ายได้ ก็เข้าใจและเรียนรู้ว่ามัน ก็ไม่ควร กฎเขาห้ามถ่ายรูป ถ่ายเซลฟี่นี่ไม่ได้เลย ถ่ายกับเพื่อนนี่ก็ ต้องถ่ายเป็นกลุ่มมากกว่า 3 คน หรือบางทีก็ถ่ายไว้แล้วห้ามโพสต์ แต่ทางที่ดีไม่ถ่ายเลยจะดีกว่า ตอนแรกก็อึดอัด ค่อย ๆ เรียนรู้ ปรับตัวจากคนธรรมดาที่ทำ�อะไรก็ได้มาเป็นคนสาธารณะ ก็ต้องดู ว่าอะไรเหมาะสม เพราะบางอย่างที่เรากระทำ�มันจะส่งผลกระทบถึง แฟนคลับที่ติดตามพวกเราอยู่”การต้องอยู่ในกฎ ก็คุ้มกัน”

มีผู้ชายมาจีบบ้างไหม?

“ตอนนี้ไม่มีนะคะ เพราะเขาก็รู้ว่าจีบไม่ได้ จีบไปเฌอก็ตัด ฉึบเลย จริง ๆ ก่อนเข้าวงการคือก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่พอจะเข้าเราก็ ตัดสินใจเลิกกันดีกว่า ถ้าเราเป็นคนธรรมดาเรามีแฟนได้ แต่พออยู่ ตรงนี้มีคนสนับสนุนเรา ก็ไม่อยากทำ�ให้เขาผิดหวัง เราก็เลยเลือกที่จะ ต่างคนต่างไปก่อน ถ้าเวลาเหมาะสมในอนาคตก็ค่อยว่ากันหรือยังไง แต่เราต่างคนต่างเป็นประเภทที่งานเป็นหลัก เขาก็เข้าใจว่ามันคืองาน เป็นสิ่งที่เฌอเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้ ถ้าจะเรียกว่าการมาอยู่ตรงนี้เป็น ความเสียสละก็โอเค มันก็เป็นโอกาสที่ไม่ได้มาง่าย ๆ ในความคิดเฌอ นะ ถ้ารักกันจริงต้องรอได้ ถ้าไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เราต่างคน ต่างเป็นได้ ยังไงในอนาคตมันก็น่าจะไปไม่รอดเหมือนกัน”

ในวง BNK48 นี่ต้องแข่งกันเองด้วยใช่ไหม?

“ใช่ค่ะ มันเป็นเอกลักษณ์ของวง (หัวเราะ) เราต้องผลักตัว เอง แต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนกันกับคนในวง เราหวังดีซึ่งกันและกันแต่ฉัน ก็จะมุ่งไปข้างหน้าเหมือนกัน เธอจะตามฉันทันไหม ฉันจะตามเธอทัน ไหมทุกคนพยายามหมด ทุกคนตั้งใจ แต่ว่ามันก็เป็นโชคหรือเป็นอะไร ดลใจคนข้างนอกให้ชอบคนนั้นคนนี้ มันก็มีลึก ๆ แหละ เราปฏิเสธไม่ ได้ว่าอิจฉากัน หนูก็อิจฉาที่น้องได้ทำ�งานที่ตัวเองไม่ได้ทำ� อย่างการ ไปทำ�งานต่างประเทศ ฉันก็อยากไปบ้าง แต่มองอีกทางหนึ่งก็คือ เรา ก็ได้งานอื่นแล้ว บางทีเขาอาจจะเหมาะสมกว่าเราในงานนั้น ๆ เราไม่ สามารถเก่งได้หมดทุกด้าน อย่างเฌอนี่ไม่เก่งร้องไม่เก่งเต้นเท่าคน อื่นเลย แต่อาจจะดูโตเป็นผู้ใหญ่หน่อย”

การมาอยู่ตรงนี้พ่อแม่สนับสนุนไหม?

“ตอนแรกคุณพ่อค้านไม่อยากให้มา คุณพ่อถามว่า ไหนว่า จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ จะเรียนไหวเหรอ จะทำ�ได้เหรอ มันไม่จำ�เป็น ขนาดนั้นมั้ง มันไม่ใช่ทางของเรานี่ เฌอก็แบบเราก็ได้โอกาสมานะ เราจะทิ้งโอกาสที่คนพันกว่าคนต้องการเหรอ มันก็ท้าทายดีนะ การ มาทำ�ตรงนี้หนูสามารถทำ�อะไรได้มากกว่าการเป็นนักวิทยาศาสตร์ เฉย ๆ ด้วยซ้ำ� จริง ๆ ก็อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ว่าได้โอกาส เป็นคนที่เป็นไอดอล มีชื่อเสียง ทำ�งานวงการบันเทิงมันจะดีไหม อาจารย์ที่ปรึกษาบอกให้ลองเปรียบเทียบคนที่พูดแล้วคนฟังได้ เยอะมาก ๆ กับนักวิทยาศาสตร์ที่นั่งทำ�ผลงานไปแต่ไม่ค่อยมีคน อ่าน แต่ถ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียง เวลาเขาพูดคนฟังเขามากกว่า เรา เป็นคนธรรมดาเราพูดอะไรไปก็ไม่ค่อยมีคนฟัง


มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ยังมีอยู่ ไหม?

ทำ�งานนี้ต้องมีงานจับมือด้วย พ่อแม่โอเค ไหม?

“มันเป็นงานค่ะ ต้องแยกว่ามันเป็นงานที่เราเลือกที่จะมา ทำ� คุณพ่อคุณแม่ก็กังวล แต่ก็บอกว่า ดูแลตัวเองดี ๆ นะ การ รักษาความปลอดภัยเขาก็ดูให้เราพอสมควร มีรั้วกั้น มีการ์ด คอยยืนคุม มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้น มันเป็นการจับมือเป็นการ ให้กำ�ลังใจ แล้วเขาเข้ามาเพราะอยากเจอเรา เขาไม่ได้เดินดูแล้วเจอ เราได้ปกติทั่วไป เป็นข้อแตกต่างกับศิลปินท่านอื่น ๆ ด้วยมั้งคะว่า เรามีตัวตนอยู่จริง ๆ ที่เขาเอื้อมถึง มาจับมือได้ ก็เป็นการให้กำ�ลัง ใจ มันก็แล้วแต่คนจะมอง แต่หน้าที่ของเราคือ มอบกำ�ลังใจผ่าน ความรู้สึกจากการจับมือ”

ตอนนี้เรียนอะไรอยู่?

“เรียนวิทยาศาสตร์ค่ะ ที่ ม.มหิดล นานา ชาติ อาจจะเป็น ข้อดีของตัวเองที่ติดความเป็น เพอร์เฟกชั่นนิสต์ แต่ก็เรียนรู้แล้วนะว่าบางอย่าง ก็มันก็เพ อร์เฟกต์ไม่ได้ แต่เราพยายามทำ�ให้มันสมบูรณ์แบบที่สุด เราก็เลย พัฒนาออกมาเรื่อย ๆ ทำ�มันให้ดีที่สุดในแต่ละวัน เป็นความตั้งใจ ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งเลยว่า ฉันอยากได้เกียรตินิยม ตั้งเป้าให้ตัวเอง พยายามทำ�ให้ดีที่สุด เกรดมันก็ดีมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่มาเป็น BNK48 เกรดไม่ตก ได้ประมาณ 3.4 ตอนนี้ก็เรียนอยู่ปี 4 ค่ะแต่ว่าเฌอ จะต้องจบ 5 ปี เพราะมีวิชาโทฟิสิกส์ วิชาเอกเป็นเคมี ก็มีน้อง ๆ ชอบเราที่เรียนเก่ง เขามองเราอยู่ก็ไม่อยากทำ�ให้เขาผิดหวัง”

“มีอยู่ค่ะ เรียกว่าการที่ได้มาเป็น BNK เนี่ยเป็นความใฝ่ฝัน ของเด็กทุกคนมากกว่า หนูว่าเด็กผู้หญิงทุกคนต้องมีความฝันสัก ครั้งว่า ฉันอยากเดินบนสเตจที่ได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ มีคนเชียร์ฉัน ซึ่ง มันก็เป็นความฝันที่ทำ�ได้แค่ช่วงเวลาตรงนี้เท่านั้น อายุเกินกว่านี้ก็ไม่ ได้แล้ว แต่การเป็นนักวิทยาศาสตร์มันเป็นความฝันทั้งชีวิต เป็นเป้า หมายหลัก ระหว่างทางเราได้เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตตัวเองใน เรื่องได้ออกสื่อ ทำ�งานวงการบันเทิง ได้เป็นบุคคลสาธารณะ แต่พอ ถึงจุดหนึ่งที่เราตันกับการอยู่ใน BNK แล้ว เราก็จะเริ่มจบการศึกษา ตัวเองออกไป ได้เวลาที่จะมอบโอกาสตรงนี้ให้คนอื่นต่อ ถ้ามันมี 16 คน ทุกครั้งที่จะได้ออกซิงเกิ้ล ถ้าไม่มีคนออกไปก็จะไม่มีคนรุ่นใหม่ที่จะ ได้เข้ามาอยู่ตรงนี้บ้าง”

จุดสูงสุดของการเป็น BNK คืออะไร?

“การได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงค่ะ คนที่เด่นที่สุดในเพลง อย่าง เพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” จะเป็นโมบาลย์ ทุกครั้งที่จะปล่อยเพลงใหม่ ก็จะมีการเลือกคนที่มายืนตรงกลาง มันก็เหมือนแข่งขันกันตลอด เวลาว่า ฉันจะอยู่ตรงไหนได้บ้าง แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน ก็รู้ว่าแต่ละคน ผ่านอะไรมา เพราะเราก็ซ้อมด้วยกันมา เราก็ช่วยเหลือกันตลอดเวลา อย่าเรียกว่าแข่งกับคนอื่นเลย เราก็แข่งกับตัวเองมากกว่า เพื่อความ สบายใจ แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการแข่งขัน” เรียกว่าหนทางกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เส้น ทางไอดอลสาวของเฌอปรางยังต้องเจออะไรอีกเยอะ แต่สาวคน นี้ก็ถือว่า เป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ดีมาก ๆ เป็นสาว น้อยที่น่าจับตาอีกคนของวงการ [ ]


"ปัญ BNK48"เดินตามฝัน ไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง ถ้าถามว่าเมมเบอร์คนไหนในวงไอดอลชื่อดังอย่าง “บี เอ็นเค48” (BNK48) ที่มีเสน่ห์ น่ารัก ขี้เล่น เน้นเฮฮา แต่ก็มีความ เท่อยู่ในตัวต้องยกให้ฉลามน้อยน่ารักกัปตันทีมบีทรี(BIII) อย่าง “ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร” วัย 17 ปี ผู้มีความสามารถล้นตัว จน ทำ�ให้แฟนคลับหลายคนโอชิเธอมากมาย แต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าเธอ จะก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกบีเอ็นเค48 ที่ฮอตสุด ๆ ได้นั้นไม่ใช่ เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ความสามารถที่มีในตัวอย่าง บัลเลต์, เปีย โน, ไวโอลิน, บาสเกตบอล, นักแสดง, ร้องแร็พ พิสูจน์ตัวเอง จนเข้ามาเป็นหนึ่งในเมมเบอร์วงบีเอ็นเค48 ได้ วันนี้ “ดาวต่าง มุม” จึงนัดแนะสาวปัญมานั่งพูดคุยถึงชีวิต ณ ปัจจุบัน ในฐานะ ไอดอลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตอนนี้ เธอเรียนรู้อะไรและชีวิตมีอะไร เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ติดตามได้ในสัมภาษณ์กันเลยค่า

ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นที่ทำ�ให้ปัญลองมาออดิ ชั่น บีเอ็นเค 48?

“หนูเรียนร้องเพลงและเต้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนมีประกาศ รับสมัคร บีเอ็นเค48 ที่โรงเรียนสอนเต้น พอจะรู้ว่ามีรุ่นพี่วง “เอ เคบี48” (AKB48) ของญี่ปุ่น คุณแม่บอกให้ปัญไปลองออดิชั่นดู จนสมัครแล้วผ่านเข้ารอบ ก็แอบคิดนะว่านี่ใช่ที่ของเราไหม เพราะ คนอื่น ๆ เขาคาวาอี้ ญี่ปุ่นน่ารักทุกคน แต่หนูจะแมน ๆ กว่า ซึ่ง ความสามารถหนูคือร้องแร็พและเต้น จนสมัครเข้ามาผ่านเข้ารอบ เข้ามา ระหว่างทางมีเวิร์กช็อปเยอะแยะ หนูจึงได้ช่วยแนะนำ�เพื่อน ๆ คนอื่นเรื่องการเต้น จนรอบคัดเลือก ต้องร้องเพลงภาษาญี่ปุ่น กรรมการก็ไม่ยิ้มสักคน หนูน่าจะไม่ผ่าน(หัวเราะ) แต่ในใจแอบคิด บวกว่าปัญเหมือนน้ำ�ไม่เต็มแก้วนะคะ ถ้าหนูเข้าไปได้ก็ยังสามารถ ฝึกฝนหนูได้อีก จนไปเจอรอบสัมภาษณ์พี่ที่คุยด้วยเขาคุยสนุก ปัญเลยสบายใจพูดอะไรเยอะ อาจจะเป็นหนึ่งตัวเลือกว่าเด็กคนนี้

อะไรเยอะ อาจจะเป็นหนึ่งตัวเลือกว่าเด็กคนนี้พูดเก่ง ช่วยเหลือเพื่อน เรื่องการเต้นเลยเลือกเราก็ได้ค่ะ คิดว่าเขาเลือกหนูจากตรงนี้และ ความเป็นตัวของตัวเองนี่แหละ”

ชีวิตเปลี่ยนไปแค่ไหนเมื่อมีชื่อเสียงขึ้นกลายเป็น ที่รู้จัก?

“รู้สึกหนูโตขึ้น เมื่อก่อนคิดบวกอยู่แล้ว แต่จะชอบคิดว่าฉัน ไม่น่าจะทำ�ได้ ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าตัวเองจะทำ�ได้หรือไม่ได้ ขอทำ�ให้ดีที่สุดไว้ ก่อน เพราะถึงทำ�ได้เราก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่ดี ตอนนี้มีชื่อเสียง คนรู้จักมากขึ้นก็จริง แต่สำ�หรับหนูความเป็นตัวของตัวเองยังมี อยู่ สิ่งที่เปลี่ยนคือมีงานที่รับผิดชอบมากขึ้น และต้องระมัดระวังตัว เองขึ้น ไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ไม่ดีกับวงค่ะ”อะไรเยอะ อาจจะเป็นหนึ่ง ตัวเลือกว่าเด็กคนนี้พูดเก่ง ช่วยเหลือเพื่อนเรื่องการเต้นเลยเลือก เราก็ได้ค่ะ คิดว่าเขาเลือกหนูจากตรงนี้และความเป็นตัวของตัวเองนี่ แหละ”

การอยู่ในบีเอ็นเค48 มีกฎ ระเบียบ ที่เข้มเรา รับมือได้แค่ไหน?

“หนูเข้าใจว่าแต่ละวัฒนธรรมมีแนวทางไม่เหมือนกัน อย่าง การทำ�วงของบีเอ็นเค48 มีต้นแบบมาจากญี่ปุ่น ก่อนกรอกใบสมัคร มีคำ�ถามว่าเราโอชิใครมาก่อน หนูไม่รู้จักการโอชิเลยลองเสิร์ชหาใน เว็บดูพบเรื่องราวของ “โฟร์ตี้เอทกรุ๊ป” เลยรู้เบื้องต้นว่ามีกฎห้าม ถ่ายรูป ห้ามมีแฟน ห้ามแตะเนื้อต้องตัว มีอีเวนต์จับมือกับแฟนคลับ เราก็เข้าใจจนเข้ามาได้ พี่ ๆ ก็อธิบายข้อปฏิบัติที่ไม่ควรทำ� เรื่องไม่ ควรมีแฟนปัญไม่ซีเรียส เพราะไม่โฟกัสเราขอทำ�ตรงนี้เต็มที่ไม่มีเวลา ให้ใครหรอก


หนูเข้ามาตรงนี้ด้วยตัวเอง ก็อยากจะรักษาให้เต็มที่ก่อน รวมถึง การใช้โซเชียลมีเดียเยอะขึ้น ที่จริง ปัญไม่ชอบเล่นเลย แต่เข้าใจแล้ว ว่าโซเชียลเป็นช่องทางที่ทำ�ให้เราได้เล่าสตอรี่ตัวเองสื่อสารถึงแฟน ๆ นั่นเองค่ะ”

จริง ๆ ปัญมีความฝันอยากเป็นอะไร วัยเด็ก ครอบครัวเลี้ยงเรามาแบบไหน?

“พ่อแม่ให้อิสระปัญมาตลอด ขอแค่เราไม่ใช้ชีวิตอันตราย เรียนให้จบ ปัญมีพี่ชาย 1 คน สนิทกันมาก แม่เลยให้เราไปไหน มาไหนกับพี่ชายตลอด เราเลยแมน ๆ แบบนี้ ปัญจบโรงเรียน นานาชาติ RAIS ตอน ม.2 ลองสอบหลักสูตร IGCSE แล้วผ่าน ก็เทียบเท่ากับเราเรียนจบ ม.6 เลยมายื่นเข้ามหาวิทยาลัย ตอน นี้เรียนอยู่ปี 2 คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย นานาชาติแสตมฟอร์ดค่ะ เรียนด้านนี้เพราะอยากมีธุรกิจของตัว เอง หนูไม่ค่อยมีความฝันว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราอยากเข้า วงการน่าจะมาจากซึมซับความฝันจากเพื่อน ๆ ที่เรียนเต้นด้วยกัน ทุกคนพยายามกันมากจนกระตุ้นเรา แต่หนูไม่ได้ทะเยอทะยานนะคะ แค่คิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากลอง กระทั่งมาเป็นบีเอ็นเคน48 ซึ่งเรา ก็ทำ�ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อไปค่ะ”

ทำ�งานกับเพื่อนสมาชิกเป็นยังไงเพราะจำ�นวน สมาชิกเยอะ?

มีอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวหนูไม่มีเรื่องอิจฉา มองดูเพื่อนที่เก่ง ๆ แล้ว หยิบมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำ�ให้ดีขึ้นจะดีกว่า ซึ่งการทำ�งานมี เปลี่ยนแปลงได้ตลอด วันนี้เพื่อนหรือเราไม่ได้เป็นเซ็มบัตซึ วันหน้า อาจจะได้เป็นก็ได้ แค่เราเตรียมตัวให้พร้อมค่ะ”

จริง ๆ ปัญมีความฝันอยากเป็นอะไร วัยเด็ก ครอบครัวเลี้ยงเรามาแบบไหน? “ตอนแรกหนูไม่คิดว่าวงจะมีคนติดตามเท่าไหร่ เพราะไอ ดอลผู้หญิงบ้านเราคนจะชอบยาก เราเองเป็นแฟนคลับมาก่อนเรา จะรู้ว่าผู้หญิงมีแฟนคลับยากไม่เหมือนวงผู้ชาย หนูเลยวางตัวให้ ผู้หญิงก็ชอบและผู้ชายก็ชอบเราได้ ถ้าเรามีความสามารถจะเป็น ตัวเชื่อมแฟนคลับทั้งชายและหญิงได้ วันที่ขึ้นไปบนเดบิวต์สเตจ ไม่ คิดว่ามีคนเยอะขนาดนั้น ย้อนกลับไปดูทุกที่ที่โรดโชว์คนเยอะมากมี ความสุขมากเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ตัวเราที่ทำ�ให้มันเกิดขึ้นได้ ยังมีเพื่อน ๆ ทีมงานทุกคนด้วย แฟนคลับ หรือแม้แต่พี่ ๆ ศิลปินในวงการที่ชื่น ชอบซัพพอร์ตเราทางอ้อมทำ�ให้เรามีวันนี้ ขอบคุณทุกคนจริง ๆ ค่ะ”

แล้วคิดว่าตัวเองดังเป็นสตาร์หรือยัง?

“หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองดังมีชื่อเสียงมากเลยค่ะ หนูคือคน ธรรมดาแค่มีชื่อเสียง ซึ่งชื่อเสียงมันมีวันหมดไปไม่มีคำ�ว่าตลอด กาล แต่ความสามารถ ความรู้ ประสบการณ์จะทำ�ให้ปัญเป็นคน ที่มีความสามารถเพื่อใช้ชีวิตที่ดีต่อไปได้ หนูเลยจะแคร์เรื่องการ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นมากกว่า ถ้าถามเราไอดอลในแบบของเราคือ อะไร “บีเอ็นเค48” น่าจะเป็นคนที่ปล่อยพลังให้คนทุกคนมีความสุข นั่นเองค่ะ”

“แรก ๆ หนูเป็นคนไม่ค่อยเข้าหาคน ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ไม่ ได้หยิ่งเลย แค่ไม่กล้าคุยกับใคร แรก ๆ ตัวติดอยู่กับเจนนิษฐ์เพราะ รู้จักกันมาก่อน จนไปเข้าคอร์สไอซ์เบรกกิ้งต้องจับคู่ทำ�กิจกรรมกับ เพื่อน ๆ วนเจอกันครบจนสนิทกับทุกคน กลายเป็นทำ�งานไม่ยาก แค่ เราต้องรู้จักวิธีการพูดให้เขาโอเคกับเรา ช่วยเหลือและเดินไปด้วยกัน ชื่อเสียงมักตามมาด้วยกระแสทั้งดีและไม่ดี พอสนิทกันแล้วพี่ ๆ เพื่อน ๆ บางคนยังมาคุยกับปัญว่าแรก ๆ ทุก คนคิดว่าปัญต้องหยิ่งมากแน่ ๆ แต่สรุปหนูนี่แหละติ๊งต๊องที่สุดเลย จากโซเชียลมีเดียเช่นกัน? “ใช่ค่ะ หนูเคยเห็นคนคอมเมนต์ว่าหนูเต้นแรงเกินเพื่อน (หัวเราะ)” (หัวเราะ) การแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิของทุกคนอยู่ที่ตัวเรา โลกของผู้หญิงจะมีเรื่องหยุมหยิมมากมาย มากกว่าว่าจะมองให้เป็นบวกหรือลบ ถ้าชีวิตหนูได้รับแต่คำ�ชม อย่างเดียวคงแปลก ๆ ฉะนั้นถ้าจะมีแรงเสียดทานบ้าง จะยิ่งอยาก หรือความไม่เข้าใจกัน? พัฒนาและพิสูจน์ตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ถ้ามัวแต่คิดว่าคนนั้นคนนี้มาด่า “หนูเป็นคนยืดหยุ่น ไม่จุกจิกจู้จี้เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้ารู้สึก ยิ่งเครียด หนูไม่เอามาบั่นทอนดีกว่า สุดท้ายเรารู้ดีว่าตัวเองเป็น ว่าเมื่อไหร่มุมส่วนตัวของใครทำ�ให้ส่วนรวมไม่ดี หนูจะเลือกบอกเขา อย่างไร ซึ่งบางการคอมเมนต์ก็อาจเป็นกระจกสะท้อนตัวเราเช่น ว่าต้องปรับนะ เมมเบอร์ต้องฝึกซ้อมเพื่อขึ้นเป็นระดับแถวหน้า การ กัน ก็จะพิสูจน์และปรับปรุงตัวเองต่อไปค่ะ” เป็น “เซ็มบัตซึ” คือตำ�แหน่งที่ทุกคนจะมองว่าคือทุกอย่างของฉัน จะพยายามเพื่อติดให้ได้ แต่สำ�หรับหนูพอติดแล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีใจมาก เพราะยังมีเพื่อนที่เขาต้องเป็นอันเดอร์อยู่ การแข่งขันกันมันต้อง


การทำ�งานกับพี่ น้อง เพื่อน ตรงนี้ให้อะไร บ้าง?

“ดีใจที่รู้จักกับทุกคน ตอนแรกไม่รู้ใครจะเป็นยังไง จน รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เราสามารถเล่าเรื่องราวของเรา หรือ เขาไว้ใจเราเล่าให้ฟังได้ หนูไม่มีเพื่อนเยอะ ฉะนั้นคนอื่นหนูจะนับเขา เป็นแค่คนรู้จักในชีวิต แต่สมาชิกในวงไม่ใช่แค่คนรู้จัก เราสามารถ เป็นเพื่อนที่สุขทุกข์ได้ด้วยจริง ๆ การเป็นบีเอ็นเค48 ทำ�ให้เราต้อง ดูแลตัวเองมากขึ้น เรียนแต่งหน้า ออกกำ�ลังกาย ดูแลผิวพรรณ สมัยก่อนดูชีรีส์ตาแฉะ กินเยอะ ตอนนี้ก็เริ่มดูแลอาหารการกิน ออกกำ�ลังกาย นอนเร็ว แม้ตอนนี้จะนอนเร็วไม่ค่อยได้เพราะงาน เยอะขึ้น แฟนคลับชอบแซวปัญ ๆ ใต้ตาเริ่มมาแล้วนะ(ยิ้ม) ซึ่งใต้ตา หนูเซ้นซิทีฟมาก อย่างพี่เฌอปรางร้องไห้หรือนอนดึกยังไงตาก็ ไม่บวม แต่หนูกินโซเดียมเยอะ นอนน้อย ตาและปากจะบวมทันทีก็ พยายามดูแลให้ดีขึ้นค่ะ”

แฟนคลับล่ะมีความสำ�คัญต่อเรายังไง จาก คนธรรมดาแล้วมีคนมารักมาติดตามขนาด นี้?

“ดีใจมากที่มีคนให้ความรักเราขนาดนี้ ก็ไม่อยากทำ�ให้เขา ผิดหวัง เขาอาจไม่ชอบเรานานหรืออาจเบื่อเราก็ได้ แต่ตอนนี้ที่เขา ชอบเราอยู่ก็จะตอบแทนความรักที่ให้มาให้มากที่สุด ยิ่ง อีเวนต์จับมือกับแฟน ๆ เจอคนร้องไห้ เรารับรู้ได้เขาเต็มที่กับเรา มาก คำ�พูดที่ได้ฟังตอนเราจับมือกันมีแต่กำ�ลังใจที่มอบให้แก่กันและ กันจริง ๆ หนูดีใจที่ได้รู้จักแฟนคลับทุกคน จะตั้งใจทำ�ทุกหน้าที่ให้ดี ยิ่งขึ้นนะคะ”

อนาคตมองตัวเองในการทำ�งานไว้ยังไงบ้าง ผลงานที่แฟน ๆ สามารถติดตามได้?

“ขอทำ�งานตรงนี้ไปก่อน อยากได้รับโอกาสด้านการแสดง ร้องเพลง หรืออะไรก็ได้ จะได้ต่อยอดไปหลาย ๆ ด้าน ส่วนผล งานล่าสุดเราเพิ่งไปร่วมถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลง “ชู้กะชู้ ” ของพี่เอ๊ะ ละอองฟอง มา พี่เอ๊ะเป็นครูใหญ่ของพวกเรา ในที่สุดก็ได้ร่วมงาน กัน ครูเอ๊ะสอนอะไรหลาย ๆ อย่างมาก ครูเอ๊ะคือไอดอลในชีวิตของ หนูเลย รวมทั้งแฟน ๆ สามารถติดตามปัญและเมมเบอร์คนอื่น ๆ ที่ แคมปัส เธียเตอร์ คาเฟ่ ดิจิตัลไลฟ์สตูดิโอที่ ดิ เอ็มควอเทียร์ และเฟ ซบุ๊ก ไอจี ที่จะอัพเดทข่าวสาร แล้วเดี๋ยวมีน้อง ๆ บีเอ็นเค48 รุ่นที่ สองมาเป็นครอบครัวใหญ่ขึ้น ด้วย แล้วก็คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ของ “บีเอ็นเค48” ในวันที่ 31 มี.ค. นี้ เรากำ�ลังซ้อมเต็มที่เพื่อโชว์ ออกมาให้ดีที่สุดนะคะ”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงคนที่ติดตาม และเปิด ใจติดตามผลงานเราบ้าง? “ก่อนอื่นปัญขอขอบคุณทีมงานบีเอ็นเค48 ทุกคนที่ดูแล พวกเราอย่างดี และขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสมายืนตรงนี้ และ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่มาทำ�ความรู้จักกัน มาเป็นคอมฟอร์ทโซน ของกันและกัน ปัญจะทำ�ตรงนี้ให้ดีที่สุด มาทำ�ความรู้จักและเดินไป ด้วยกันนะคะ เพราะถ้ารู้จักบีเอ็นเค48 แล้วชีวิตของคุณจะสดใสยิ่ง ขึ้นแน่นอนค่ะ(หัวเราะ)”

จากการพูดคุยกับ “ปัญ-ปัญสิกรณ์” วงบีเอ็นเค48 ใน ครั้งนี้เราได้เห็นมุมมอง ความคิด ที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่อง ซึ่ง ไม่แปลกใจว่าทำ�ไมเธอถึงมีแฟนคลับให้ความรักมากมายขนาดนี้ ยัง ไงฝากทุกคนติดตามผลงานของปัญในทุก ๆ โอกาสต่อไปกันด้วยนะ คะ [ ]


เจนนิษฐ์BNK48 ไม่หยุดล่าฝัน มุ่ง มั่นทำ�ทุกอย่างให้ดีที่สุด ถึงคิวของสาวคนนี้ “เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ” หนึ่งในสมาชิก BNK 48 สาวฮอตอีกคนที่มีฉายาว่าลูกพี่ ของวงกับนิสัยตรง ๆ และหน้าตาที่น่ารัก ทำ�ให้หลายคนหลงรักได้ไม่ยากกับสาวคนนี้ เพราะเธอเป็นเซ็นเตอร์ ในเพลง “365 วันกับเครื่องบินกระดาษ” และยังเป็นรองกัปตันบีทรี อีกด้วย แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ของเด็กสาววัย 18 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายกับเส้นทางสายนี้ของเธอ และในวันนี้ เจนนิษฐ์ จะมาพูดคุยกับเราถึงทุกเรื่องราวของเธอที่กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นมันต้องมีความพยายามมากน้อยแค่ไหน

ข่าวว่าตอนนี้กำ�ลังเตรียมเข้ามหา’ลัยแล้ว เลือกคณะยังไง?

“ตอนนี้เตรียมทยอยสอบที่ต้องไปยื่นเข้ามหา’ลัยค่ะ ที่ เลือกไว้ก็มีพวกคณะอินเตอร์อักษร จุฬาฯ หรือไม่ก็วิทย์เคมี ประยุกต์ค่ะ”

มั่นใจแค่ไหนกับการสอบที่จะถึง?

“ก็มั่นใจนะคะ ปกติก็ไม่ได้เรียนเก่งมาก กลาง ๆ ตอน เรียนอยู่ห้องเด็กฉลาด แต่ดันเป็นเด็กกิจกรรม แต่ก็ยังเอาตัว รอดมาได้ค่ะ เจนนิษฐ์ จบมาจากโรงเรียนอินเตอร์ ตอนแรกเรียน อยู่สามเสนวิทยาลัย แต่พอออดิชั่นติดรอบแรกก็ย้ายมาตอน ม.5 ย้ายออกมาสอบเทียบเรียนอินเตอร์ จะได้จบเร็ว ๆ”

เหมือนต้องเรียนหนักเป็นสองเท่าไหม?

“ของอินเตอร์จะเป็นสอบเทียบ เหมือนสมัยก่อน แต่อีก อันหนึ่งจะเป็นเหมือนเรียนจบวุฒิ ม.6 เขาเรียนกันประมาณสอง สามปี หนูก็เรียนเทอมครึ่งเอาให้จบ แล้วก็สอบให้ผ่านจะได้จบ พอดี”

เจนนิษฐ์ ตั้งใจที่จะมาอยู่ในวงนี้เลยมั้ย?

“ใช่ค่ะ เหมือนเราก็ซื้อเวลามาซ้อมด้วย ช่วงนั้นคือเหนื่อย ที่สุดแล้วค่ะ”

เคยท้อไหม?

“ไม่เชิงว่าท้อ แต่เหนื่อยเพราะเราอยากทำ�ตามความฝัน”


ฝันตั้งแต่เด็กไหมว่าอยากเข้าวงการ?

“ก็ฝันนะ เพราะหนูเคยแสดงหนังตอน 6 ขวบ เรื่องแปด วัน แปลกคน เป็นหนังแนวอินดี้ขาวดำ� ก็ได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณ หงส์ และก็ได้มีโอกาสแสดงโฆษณาแล้วก็เดินแบบนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ แต่ก็ชอบ คือหลังจากเล่นหนังก็ได้เรียนการแสดงเลย”

พอรู้ว่ามีโปรเจคท์นี้ เราตัดสินใจยังไงที่จะมา แคส?

“หนูพาแม่ไปงานเปิดตัวด้วยค่ะ มันจะมีประกาศอะไรซัก อย่าง เราก็เลยพาแม่ไปหลังเลิกเรียน เขาก็เลยประกาศออดิชั่นวัน นั้นก็ถามแม่ แม่ก็ให้ ก็เลยสมัครเลย เพราะแม่ก็ส่งเรียนเต้นเพราะ แม่เห็นว่าหนูชอบเต้น”

ตอนนั้นเราคิดไหมว่าจะได้มาเป็นหนึ่งใน สมาชิกวงนี้?

“ก็ตอนที่ออดิชั่นไปรอบหนึ่งรอบสองรอบสามก็เริ่มมี ความมั่นใจพอสมควรค่ะ”

พอรู้ว่าได้เข้ามา ความรู้สึกแรกเป็นยังไง?

“ตอนนั้นพอรู้ก็เปลี่ยนแผนชีวิตตัวเองใหม่หมดเลย จาก ที่จะเข้าสัตวแพทย์ ก็เปลี่ยนหมดเลย คือเตรียมตัวใหม่หมดเลย”

ตอนเด็ก ๆ คิดว่าเรามีความสามารถทางด้าน นี้ไหม? “ถ้าโดยรวมเต็ม 10 ก็ให้ 5 แล้วกันค่ะ ก็บังเอิญเรียน เต้นมาก่อน ก็มีงานแสดงบนเวทีบ้าง แต่อาจจะนิดหน่อย”

จริง ๆ เป็นเด็กพูดมากหรือเงียบ ๆ

“ส่วนใหญ่จะพูดมากกับคนที่รู้จักกัน บางทีก็แล้วแต่ อารมณ์ บางวันไม่พูดก็คือไม่พูด แต่ถ้าพูดก็พูดไม่หยุดเลย”

พอได้เข้ามาอยู่ในวงนี้ พอเริ่มซ้อมตั้งใจขนาด ไหน? “ตอนซ้อมก็ต้องตั้งใจกว่าเดิม เหมือนเขาจับทุกคนที่เคย มีพื้นฐานมาก่อนมาเรียนรวมกัน แต่ละคนจะมาจากการเต้นคนละ แบบ เพราะฉะนั้นก็ปรับกันใหม่ ปูใหม่ ให้ไปทางเดียวกัน ตามที่มัน ควรจะออกมาเป็นแบบนั้น แต่สำ�หรับเจนนิษฐ์ อาจจะได้เปรียบ ตรงที่จำ�ท่าได้ไวกว่านิดหน่อยค่ะ”

สมาชิกในวงมีเยอะ เราจะต้องต่อสู้มากน้อย แค่ไหน ที่จะทำ�ให้เราถูกเลือกได้เป็นเซ็นเตอร์ เพลง?

“เอาจริง ๆ ตรงนี้หนูคิดว่าเขาเลือกจากความเหมาะ เห็นว่าตอนแรกอยากเป็นสัตวแพทย์? สม ด้วยตัวคาแรกเตอร์เพลง กับคาแรกเตอร์ของเรา และก็ “ใช่ค่ะ คือพ่อแม่เปิดร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง หนูเลยโต ความสามารถส่วนหนึ่ง ก็เหมือนเป็นดวงนิดหน่อย แต่ก็คือถ้าเรา มากับสัตว์เลี้ยง ก็เลยคิดว่าโตมาอยากเป็นสัตวแพทย์แต่พอมีสิ่งที่ พยายามตั้งใจซ้อม เขาก็จะเห็นว่าเรามีความตั้งใจ เขาก็จะให้คะแนน ชอบมากกว่าเข้ามา ก็ต้องตัดสินใจเลือกซักอย่าง เพราะว่าถ้าเรียน เรามากขึ้น แล้วมันก็มีผลดีกับตัวเราเอง เหมือนมันทำ�ให้เราพัฒนา สัตวแพทย์มันจะต้องมีการลงภาคสนามตามต่างจังหวัด ซึ่งเราก็ ตนเองไปได้เรื่อย ๆ ยังไงถึงถ้าเราไม่ได้ตอนนี้ ถ้าเราตั้งใจซ้อม ไปไม่ได้อยู่แล้ว” ขยันฝึกตัวเองให้เก่งขึ้น ๆ สักวันมันก็จะมีวันที่เราประสบความ สำ�เร็จ”

แล้วทำ�ไมอยากเรียนอักษรศาสตร์ด้วย?

“พอดีเป็นคนชอบเรียนภาษาตั้งแต่เด็กเลย ก็เลยอยาก พูดได้หลายภาษา เผื่ออยากจะไปทำ�งานต่างประเทศ แต่คนโดย ทั่วไปแล้ว จะรู้ว่าหนูเป็นคนอนุรักษ์ภาษาไทย คือเวลาที่เห็นเพื่อน พิมพ์ผิด ก็จะบอกให้เพื่อนแก้ให้ถูกต้อง (หัวเราะ) เพราะตอนเด็ก ๆ แม่เคยให้ครูมาสอนภาษาไทยก็เลยชอบตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ เลยชอบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษค่ะ”

งานนอกเหนือจากในวงแล้ว เจนนิษฐ์ ยัง อยากทำ�อะไรบ้าง?

“ตัวหนูชอบการแสดง เคยเรียนแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เรียน มีโอกาสไปแคสก็ได้รับงานแสดงซีรีส์เรื่อง บีมายบอย ซึ่งจะออก อากาศทางช่อง 5 เร็ว ๆ นี้ค่ะ”


ขอถามเรื่องกฎของวงหน่อย รู้สึกอึดอัดกับกฎระเบียบบ้างไหม?

“พอดีหนูก็รู้มาบ้างอยู่แล้ว บางทีก็รู้สึกเสียใจ บางทีเพื่อนมาขอถ่ายรูปเราก็ต้องแบบ เฮ้ย ขอโทษนะ แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทอธิบาย กันก็เข้าใจ”

เคยเจอคนข้างนอกที่ไม่รู้กฎ แล้วไม่เข้าใจไหม?

“ก็มีค่ะ เวลาที่มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปแล้วเขาไม่รู้กฎของวง พอเราบอกถ่ายด้วยไม่ได้ปฏิเสธเขาไป เขาก็จะทำ�หน้าแบบเสียใจและ เสียดาย เราเองก็รู้สึกผิด แต่เราก็ต้องเคารพกฎ”

เหมือนมีกฎห้ามมีแฟนด้วย?

“ก็ไม่เชิงเป็นกฎ ก็เหมือนปกติ อย่างดาราไทย มีแฟนบางทีแฟนคลับอาจจะไม่ชอบ คุณก็ต้องยอมรับผลของมันก็แค่นั้น คือมัน ทำ�ให้เราโฟกัสกับงานมากกว่าที่จะคิดเรื่องนั้น คือเราเองก็ยังเด็กด้วยถ้ามีแฟนอาจจะไม่มีสมาธิในการทำ�งาน เราอาจจะไม่อยู่กับร่องกับ รอย ก็อายุเพิ่งจะ 18 ตอนนี้ก็เอาเวลาไปทำ�งานกับพักผ่อนดีกว่า แล้วยังมีเรื่องเรียนอีก ถึงจะเหนื่อยแต่หนูว่ามันก็คุ้มค่ะ ได้ทำ�อะไรที่ชอบ เร็วด้วยค่ะ แล้วตอนนี้เราก็แฮปปี้กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้”

ขอเป็นกำ�ลังใจให้สาวน้อยคนนี้ เดินหน้าสู่ความสำ�เร็จ อย่างที่มุ่งหวังและตั้งใจ กับสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้ในชีวิต.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.