EDITOR’S NOTE กาลเดินทาง เป็นโปรเจคทีเล่นทีจริง คือนอกจากจะทำ�เป็นงานส่งอาจารย์แล้ว ยังเกิดจากความนึกสนุก อยากนำ�เรื่องราวต่างๆ ที่พวกเราไปเที่ยว มาเล่าผ่านตัวหนังสือและรูปถ่ายสวยๆ เหมือนกำ�ลังเล่าให้ เพื่อนฟัง อาจเป็นเรื่องเบาๆ แต่หวังสร้างความอิจฉาตาร้อนหลายพันองศาเซลเซียส ใครที่อ่านแล้ว ไม่ อยากแบกเป้ออกเดินทาง ถือว่าใจแข็งมาก หากพูดถึงหัวหิน หลายคนคงนึกถึงทะเล ชายหาดสวย น้ำ�ใส หรือเพลินวาน เวเนเซียใกล้กัน 2 ตลาด เปิดใหม่ ที่หลายคนอยากลองไปเดินเที่ยวดู แต่ความที่เป็นเมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ เราจึงเชื่อว่าหัวหินมีดี มากกว่านั้น กาลเดินทางครั้งนี้ เราจะพิสูจน์ว่านอกจากทะเลแล้ว หัวหินยังมีภูเขา มีตลาด มีความเก่าแบบไทยๆ รอ คอยนักเดินทางไปเยีย่ มเยือนอีกมาก และด้วยความเก๋าแบบนีเ้ อง ทำ�ให้หลังจากนีค้ ณ ุ อาจจะมองหัวหิน ในมุมใหม่ แต่จะเป็นมุมไหน ลองอ่านเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราดูนะ
CREWS KODCHAKORN MEECHUEN QUANRAWEE SOYRAYA NATTAKORN LEARDTHANAPAICHIT RONNAPORN YAMKUM RATTHANON WANGSAWANGKUL SORAVIT TECHAVICHIAN
CONTENT INTERLUDE เรื่องรางระหว่างเรา เพราะรักเขามากกว่า เราดูหัวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนชายหาดหัวหิน ไม่โต้คลื่น โต้รุ่งก็ได้ ความฝันคือ... หาด ชาย ทะ เลน กินอิ่ม นอนหลับ เรื่องกิน เรื่องหลัก สนสงบเสงี่ยม ยอดเยี่ยม เยี่ยมยอด
2 3 6 9 11 14 16 17 17 20 20
1
INTERLUDE 13.73999°N 100.518143°E
วันที่ 20 มกราคม ปี 2557 เวลา 8 นาิกา 35 นาที พวกเรานักเดินทาง 5 คนโผล่หัวพ้น MRT สถานีหัวลำาโพงทุกคน ดูจะตื่นเต้นกับการเดินทางในครั้งนี้เป็นพิเศษ หลังจากยืนอึ้งตื่น ตะลึงกับจำานวนคนในสถานีหัวลำาโพงที่น้อยมาก ชนิดที่ร้านรวง ปิดทำาการ ร้านอาหารเปิดอยู่เพียงไม่กี่ร้าน ทางเดินกลางที่ตาม ปกติจะมี นักท่องเที่ยว คนทั่วไปวางกระเปา และนั่งกันอยู่เต็มทาง เดิน วันนี้ก็ไม่ปรากฏให้เห็น พวกเราเดินเข้าที่ห้องจองตั๋วหมายเลข 12 ซึ่งเป็นห้องสำาหรับ ตั๋วเดินทางด้วยรถไฟฟรี ด้านบนมีป้ายบอกตารางเดินรถไฟขนาด ใหญ่ และรถไฟขบวนใดที่กำาลังเทียบชานชาลาอยู่ พวกเรากำาลังมุ่ง หน้าลงทางใต้ของประเทศไทย สวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่นี่ในวัน นี้
‘เ ราจะไป ห ั วห ิ น กั น ใ น ฤด ู ห น า ว ’
2
3
เรื่องรางระหวางเรา 13.73999°N 100.518143°E
การนั่งรถไฟท่ามกลางอุณภูมิตำากว่า 20 องศา ให้ความสุข เกินคาด ลมเย็นที่พัดปะทะใบหน้าพวกเรานั้น สร้างความ หนาวในระดับพอเหมาะพอดี เป็นความสุขสบายที่หาไม่ได้ จากแอร์ในรถยนต์หรือรถทัวร์ ครั้งนี้รถไฟออกจากสถานีตรงเวลา สร้างความแปลกใจให้พวก เราเล็กน้อย ในขณะที่อยู่บนรถไฟ พวกเรามีโอกาสได้คุยกับช่างเครื่อง ประจำารถไฟ ถึงสาเหตุที่ทำาให้รถไฟอาจเกิดการดีเลย์ ทั้งพี่ช่าง เครื่องที่นั่งอยู่ทางซ้ายและพี่คนขับที่นั่งอยู่ทางขวา ต้อนรับเรา เป็นอย่างดี ด้วยคำาเชิญและรอยยิ้มเล็กๆ แต่รู้สึกได้ถึงพลัง บท สนทนานี้ทำาให้พวกเรารู้ว่าสาเหตุที่ทำาให้รถไฟล่าช้านั้นก็มา จากหลายสาเหตุ เช่น o รางรถไฟกำาลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุง ทำาให้รถไฟใช้ ความเร็วตามปกติไม่ได้
o การจัดระเบียบจราจรในทางรถไฟ (บางทีอาจเรียกว่า รอ หลีก) o การรอตำารวจจราจรปิดแยก เพราะจุดตัดทางรถไฟกับถนนมี เยอะมาก และการปิดแยกแต่ละครั้งก็จะทำาให้รถติดมากขึ้น o หัวรถจักรเป็นหัวรถจักรเก่า ขาดการซ่อมบำารุงที่เหมาะสม พวกเราและพี่ช่างเครื่องก็คุยกันไปเรื่อยเปอย จนมาถึงคำาถาม หนึ่งทำาให้รู้ว่าพี่คนนี้ทำางานกับการรถไฟมาแล้วเป็นเวลา 20 ปี พวกเราจึงสนใจถึงการเปลีย่ นแปลงของรถไฟ และชีวติ บนหัวรถ จักรว่าเป็นอย่างไรมากเป็นพิเศษ และตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อบท สนทนารวดเร็วพอๆ กับความเร็วของรถไฟ ณ ขณะนี้ o การทำางานตลอดระยะเวลา 20 ปี การรถไฟไม่เปลี่ยนแปลง ไปมากนัก รถจักรเดิม รางเดิม โบกี้เดิม ที่จะเปลี่ยนไปบ้างก็ คือ หมอนรถไฟ ที่ตอนนี้กำาลังทยอยเปลี่ยนจากหมอนไม้เป็น หมอนปูน o ที่รถไฟสายเหนือตกรางบ่อยกว่าสายใต้ เป็นเพราะว่าทาง สายเหนือเป็นหลายเส้นทางต้องผ่านภูเขา และแม่น้ำา ทำาให้ดิน บริเวณรางรถไฟไม่แข็งแรง เมื่อรถไฟที่มีน้ำาหนักมากวิ่งผ่าน จึง ตกราง o ไม่มีรถไฟประจำาตัว หมายความว่า จะไปประจำาเป็นช่าง
ห้องสมุดรถไฟ
4
เครือ่ งทีข่ บวนไหนก็ได้ แล้วแต่วา่ จะได้รบั มอบหมายให้ไปประจำ� อยู่ที่ไหน วันนี้เดินทางไปหัวหิน พรุ่งนี้อาจได้อยู่บนรถไฟไป เชียงใหม่ o ทางรถไฟที่พี่เขาชอบมากเป็นพิเศษ คือ ทางรถไฟสายเหนือ เนือ่ งจากเป็นทางรถไฟทีผ่ า่ นภูเขา ทำ�ให้ววิ ข้างทางสวยมาก มี ความเป็นธรรมชาติสูง และอากาศเย็น o ทางรถไฟที่คิดว่าอันตรายมากที่สุดคือ ทางรถไฟสายมรณะ เพราะมองลงไป 2 ข้างทางคือเหวลึก และ 2 ข้างทางไม่มีราว เหล็กใดๆ o แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความอันตรายระดับนี้ท�ำ ให้ได้รับการ ดูแลมากเป็นพิเศษ จึงยังไม่มีข่าวการเกิดอุบัติเหตุใดๆ o และทางรถไฟสายมรณะนี้ ก็เป็นทางที่พี่ช่างเครื่องแนะนำ�ให้ มาเที่ยวมากที่สุดแล้ว o วัยรุ่นนิยมใช้บริการรถไฟโดยเฉพาะรถไฟฟรีเยอะขึ้นกว่าแต่ ก่อนมาก พวกเราหันมาคุยกับพี่คนขับบ้าง แต่ด้วยด้วยความที่เกรงใจ ไม่อยากรบกวนการขับรถไฟมาก จึงได้คุยกันเพียงเล็กน้อย เท่านั้น o พี่คนขับคนนี้ทำ�งานอยู่กับการรถไฟมาแล้ว 15 ปี ก่อนจะ
เป็นคนขับก็เคยเป็นช่างเครื่องมาก่อน และใช้ประสบการณ์และ การสอบ ทำ�ให้ได้รับการเลื่อนขั้นมาเป็นพนักงานขับรถไฟ o การขับรถไฟไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนคิด ถึงแม้ว่าจะมีแต่ เดินหน้ากับถอยหลัง แต่ทุกย่างก็มีจังหวะของมัน ด้วยน้ำ�หนัก และความเร็ว ทำ�ให้เพิ่มความยากในการขับรถไฟเข้าไปอีก จึง ต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควรกว่าจะขับได้อย่างชำ�นาญ o ระหว่างทางถ้าสังเกตป้ายกลมๆ ข้างทางรถไฟทัน จะเห็นว่า มีตัวอักษรภาษาไทยอยู่ 2 ตัว ตัวแรก ว.แหวน กับ ต.เต่า o ว. หรือ “หวูด” หมายความว่าให้รถไฟบีบแตร เมื่อถึงป้าย นั้น o ส่วน ต. อาจจะมาแบบโดดเดี่ยวหรืออาจจะมาพร้อมตัวเลข เช่น 20, 40 หมายความว่า “เตือน” เป็นป้ายให้รถไฟใช้ ความเร็วตามที่ก�ำ หนด พวกเราบอกลาและขอบคุณพี่ช่างเครื่องและคนขับ ก่อนจะ ออกจากหัวรถจักรกลับมานั่งประจำ�ที่ผู้โดยสารอีกครั้ง หลัง การเดินทางเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมงบนรถไฟ เหลืออีกเพียง 3 สถานี เราก็จะถึงหัวหินกันแล้ว
5
เขาหินเหล็กไฟ
เพราะรักเขามากกวา 12° 33.917’N 99° 56.590’E
‘หัวหิน กับ ทะเล’ อาจจะเป็นของคูก่ นั ตามคำาขวัญประจำาอำาเภอก็จริง แต่ดว้ ยความทีต่ อนนีย้ งั เป็นเดือนมกราคม ประเทศไทยตอนนีจ้ งึ ยัง อยู่ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุณหภูมิในปีนี้ชาวไทยสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำาว่า หนาวได้สมศักดิ์ศรีจริงๆ ด้วยความ หนาวระดับนี้ การจะเที่ยวทะเลช่วงนี้จึงดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ พวกเราคิดถึงหัวหินในอีกรูปแบบหนึง่ นัน่ คือ หัวหินทีไ่ ม่ได้คกู่ บั ทะเล จึงขอเป็นก้างขวางคอ กันทะเลออกไปจากหัวหิน และพวกเราหลาย คนชอบที่จะเดินทางไปตามภูเขา ชื่นชมผืนไม้มากกว่าผืนสมุทร ‘เพราะรักเขามากกว่า’ หลังเสียงฉึกฉัก สิ้นสุดลง สถานีรถไฟหัวหินและห้องสมุดรถไฟ คือสถานที่แรกที่พวกเราสนใจและหมายตาเอาไว้ตั้งแต่อยู่บนรถไฟ พวก เราได้สอบถามที่อยู่และเส้นทางอย่างแน่ชัดจากพี่ช่างเครื่องบนรถไฟมาเรียบร้อยแล้ว สถานีรถไฟหัวหิน อาคารสถาปัตยกรรมได้รับยกย่องเป็นอาคารอนุรักษ์ อาคารหลังแรกก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2454 แต่อาคารที่เห็นใน ปัจจุบัน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2469 โดยพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำาแพงเพ็ชรอัครโยธิน เมื่อครั้งทรงดำารงตำาแหน่งผู้บังคับบัญชาการรถไฟ แห่งกรุงสยาม โดยเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมวิคทอเรีย พวกเราเดินออกจากสถานีรถไฟหัวหิน ฝั่งตรงข้ามจะเป็น ห้องสมุดรถไฟ โดยเป็นห้องสมุดที่สร้างขึ้นโดยการนำาโบกี้รถไฟ รุ่น JR-West จำานวน 2 คัน มาดัดแปลงออกแบบสีน้ำาตาล คาดด้วยสีขาว บรรยากาศชวนให้มานั่งทอดตัวอ่านหนังสือชิวๆ เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยัง มี Wi-Fi ให้บริการฟรี เราอยู่ที่นี่กันไม่นาน เนื่องจากเขาหิน เหล็ก ไฟ ส่งเสียงเรียกพวกเราอยู่ลิบๆ แล้ว บนจุดชมวิวเขา หิน เหล็ก ไฟ ด้วยความสูง 162 เมตรจากระดับน้ำาทะเล ประกอบกับจุดชมวิวทั้ง 6 จุดบนพื้นที่ 352 ไร่ เราจะเห็นภาพ เมืองหัวหินฝั่งชายหาดได้ทั้งเมือง ทั้งด้านยาว กว้าง และสูงขึ้นไปหลายสิบกิโลเมตร ทำาให้ข้อมูล 2 มิติที่พวกเราเคยเรียนกันในบทเรียน กลายเป็น 3 มิติจับต้องได้ สัมผัสได้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งหันพระพักตร์ มองลงไปยังตัวเมืองที่พระองค์ท่านทรงโปรด เมื่อครั้งเสด็จมาประทับ และได้ทรงนำาความเจริญต่างๆ มาสู่หัวหิน ระหว่างทางบนจุดชมวิว ยังเหมาะแก่การเป็นสถานที่ถ่ายรูปแบบหาที่สุดไม่ได้ บางคนกดชัตเตอร์ไปหลายพันครั้ง ได้รูปลงอินสตาแกรม กันไปทั้งเดือน งานถ่ายรูป งานวินเทจ งานอินดี้ งานหัวหิน ต้องมา
“
แม้ลมข้างบนจะแรงและหนาวมาก แต่เหมือนหัวหินทั้งเมืองกําลังอยู่ภายใต้อ้อมกอดของพวกเรา สร้างความอบอุ่นทางหัวใจได้เป็นอย่างดี
”
ในขณะเดินทางลงจากเขา พวกเราพยายามจดจำาภาพของเมืองหัวหินไว้ให้ได้ละเอียดที่สุด และดีที่สุด เพราะไม่รู้ว่าจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ถ้ามีโอกาส เขาหิน เหล็ก ไฟ คือสถานที่อันดับต้นๆ ที่ต้องมาให้ได้อีกครั้ง
6
7
8 อำ�เภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับประกาศยกฐานะจากกิ่งอำ�เภอหัวหิน อำ�เภอปราณบุรี ตั่งแต่วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2492 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2492 เป็นอำ�เภอที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดิมมีชื่อว่า บ้านสมอ เรียง หรือ บ้านแหลมหิน มี พื้นที่ 838.9 ตร.กม. ประชากร 95,769 คน (พ.ศ. 2552) อยู่ห่างจาก กรุงเทพมหานครเพียง 196 กิโลเมตร (ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/อำ�เภอหัวหิน)
9
เราดูหัวพระอาทิตยลับขอบฟา บนชายหาดหัวหิน
12°569643’N 99°961853’E
10
หลังลงมาจากเขา พวกเราก็เดินทางเข้าสูท่ พี่ กั เปลีย่ นเสือ้ ผ้า ใส่รองเท้าแตะ ใส่เสือ้ ผ้าเตรียมลง ไปเดินเล่นกันที่ชายหาด บางคนไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย คงเพราะรู้ตัวว่าจะโดนแกล้ง จับโยนลงน้ำ�แน่ๆ หัวหินนับเป็นสถานทีต่ ากอากาศทีเ่ ก่าแก่ทสี่ ดุ ในประเทศไทย จากแต่เดิมทีเ่ ป็นเพียงหมูบ่ า้ นชาว ประมง และได้ถูกเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนติดทะเล และเนื่องจาก ชายหาด ในสมัยโบราณนั้น มีบ้านพักของขุนนางและพระญาติของพระมหากษัตริย์ เพื่อมิให้มีผู้บุกรุก ทางชายหาดและทะเล หาดหัวหินจึงไม่มีถนนเลียบหาด ก้าวแรกที่นิ้วโป้งเท้าซ้ายสัมผัสกับทรายบนชายหาดหัวหิน พวกเราเรารู้สึกเหมือนกำ�ลังสัมผัส ลงบนแป้งเด็กทารก โดยเฉพาะท่ามกลางความหนาวเหน็บแบบนี้ ความนุ่ม และความละเอียด เล็กๆ ของเม็ดทรายสีขาวได้ส่งผ่านความอุ่นเล็กๆ ขึ้นมาถึงหัวใจ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก กลายเป็นความรู้สุข สุขที่ได้มาสัมผัสกับทรายทะเลหาดหัวหิน ทะเลเป็นสีฟ้า แม้จะไม่ใส แต่ ให้ความรู้สึกเหมือนท้องฟ้าอยู่ตรงหน้าพวกเรานี่เอง ร่มทุกคันตลอดแนวชายฝั่งความยาวราว 20 กิโลเมตรถูกหุบเก็บเรียบร้อย หลายคนเดินออก จากหาดไป ผู้หญิง 2 คนนั่งบนโขดหินริมหาด เป็นพยานเหตุการณ์ตะวันลับขอบทะเลของวัน นี้ พวกเราพยายามเก็บความอบอุ่นสุดท้ายของวันนี้ให้ได้มากที่สุด เสียง ซ่า... ซ่า... ของทะเลทีด่ งั ขึน้ อาจจะเป็นเสียงของพระอาทิตย์อนุ่ ๆ กำ�ลังจมลงสูท่ ะเลก็เป็นได้
ไมโตคลื่น โตรุงก็ได 12° 34.261’N 99° 57.313’E
11
ภายหลังจากที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก็ถึงเวลาที่พวกเราเริ่ม ออกหากิน ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราไม่ใช่ค้างคาวที่ไหน แต่ที่ซอยหัวหิน 72 มีตลาดโต้รุ่ง (Night Market) ซึ่งเป็นถนน คนเดิน โดยเริ่มแรกในตลาดมีเพียงร้ายขายอาหารและเสื้อผ้า กินพื้นที่ถนนความยาว 100-300 เมตรเท่านั้น หลังจากนั้นใน ปี 2540 จึงเริ่มขยับขยายพื้นที่ และดูแลโดยเทศกิจ จึงมีร้านค้า เพิ่มขึ้นมากมาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นของกินเล่น ขนมขบเคี้ยว และร้านอาหารทะเล อาหารตามสั่ง ของที่ระลึก และเสื้อผ้าเป็น ส่วนใหญ่ โดยมีความยาวถึง 700 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้นตลาดหัวหินจึงเหมาะสำาหรับ ขาช็อป ได้เดินจับจ่ายซื้อของทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า กางเกง ของฝาก ของจุกจิก รวมไปถึงโปสการ์ดของเฮนเมด และอื่นๆ อีกมากมาย ขาชิม ที่ตลาดแห่งนี้มีอาหารน่าอร่อยมากมาย โดยมี 5 ร้านดัง ควรไปลอง ได้แก่ ร้านผัดไทย (แม่ใหญ่)
ร้านไอศกรีม (ป้านิ), ข้าวเหนียวมะม่วงท่านขุน, ลูกชิน้ หมูหวั หิน และกะปิโบราณ (ป้าสาลี่) พวกเราได้ทาำ การชิมจนหมดทุกร้านแล้ว ยกเว้นร้านกะปิโบราณ (เพราะไม่มใี ครกินกะปิ) จึงรับประกันได้ถงึ ความอร่อยและรสชาติ แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร แต่มีอยู่ร้านหนึ่ง ที่พวกเราฟลุ้คไป เจอเข้านั่นก็คือ ร้านขนมครก แม้จะไม่ใช่ร้านแนะนำา แต่พวก รับเอาต่อมรับรสเป็นประกันได้เลยว่าอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำากว่า ขนมครกที่ใดๆ ในประเทศไทย เพราะขนมครกของที่นี่เขาบอก ว่าใช้ส่วนผสมจาก ข้าวและน้ำากะทิเท่านั้น โดยไม่มีส่วนผสม ของแป้งเจือปน ทำาให้ได้ขนมครกที่หอม หวาน ไม่มัน และไม่ เลี่ยนจนเกินไป ขาชม ด้วยบรรยากาศแบบบ้านๆ มีร้านค้าแผงลอย มีลมพัด เย็นๆ มีแสงไฟสีส้มกลางคืน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้ออะไรกินหรือได้ ของติดไม้ติดมือกลับไป แต่ด้วยความยาวกว่า 700 เมตร ตลอด ซอยหัวหิน 72 รับรองได้ว่าจะอิ่มใจกลับไปแน่นอน
นอกจากตลาดโต้รุ่งหัวหินแล้ว พวกเรายังมีโอกาสได้เดิมชมตลาดข้างๆ กัน ซึ่งเป็นตลาดนัดเปิดใหม่ ในชื่อ “ตลาดฉัตรศิลา” โดยตลาด นี้มีทั้งของทำ�มือ ของกิน เสื้อผ้า และของฝากต่างๆ โดยบรรยากาศภายในเป็นการจำ�ลองบรรยากาศให้เหมือนกับสมัยโบราณ และตรง กลางตลาดยังมีบ้านไม้ 2 ชั้นหลังเก่า ซึ่งถูกจัดเป็นแกลลอรี่แสดงภาพถ่ายของเมืองหัวหินในสมัยก่อนให้เราได้ชมกันอีกด้วย คืนนีน้ อกจากพวกเราจะอิม่ ท้องแล้วยังอิม่ ใจ รูส้ กึ เหมือนกำ�ลังเดินอยูใ่ นบ้านเมืองสมัยก่อน เป็นการย้อนเวลา พร้อมหย่อนใจได้เป็นอย่างดี
“
ตลาดโต้รุ่งหัวหิน อยู่บริเวณถนนเดชานุชิต ตัดกับถนนเพชรเกษม หลายคนคงจะรู้จัก และคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าใครที่เคยมาหัวหิน ก็คงจะพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเดิน จับจ่ายซื้อของ หรือหาอาหารอร่อยๆ จากที่นี่รับประทานกัน
”
12
13
14
ความฝนคือ... 12°697533’N 99°962271’E
เช้าวันที่สอง อากาศยังคงแจ่มใส แม้ว่าอุณหภูมิจะลดต่ำาลงอีก เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะวันนี้แพลนของพวกเราคือ จะไปปั่นจักรยานกันในพระราชนิเวศน์มฤคทายวันกัน อากาศ แบบนี้ เหมาะกับการปั่นจักรยานเป็นอย่างยิ่ง เมือ่ ไปถึง พวกเราจัดการเช่าจักรยานแบบขีค่ นเดียวไม่มคี นซ้อน กัน คันละ 20 บาท โดยสามารถปั่นได้ทั้งวัน จนถึงเวลาบ่าย 3 โมง 40 นาที แต่สำาหรับจักรยานแบบมีเบาะซ้อนท้ายนั้น ราคา อาจจะแพงขึ้นไปอีกหน่อยเป็น 30 บาท จักรยานเหล่านี้ถูก ดูแลจากพี่ทหารเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของเบรก เบาะ โซ่ ลมยาง แฮนด์จบั และจักรยานทุกคันดูใหม่ ไม่มฝี นุ่ จับ เห็นแบบนีก้ ใ็ จชืน้ รับรองได้ว่าจะปั่นไปได้อย่างไม่มีปัญหา ไปตลอดวัน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์และ สถาปัตยกรรมอันล้ำาค่า เพราะเป็นอาคารไม้ที่สร้างขึ้นด้วยไม้ สักทองทัง้ หลัง ตัง้ อยูท่ า่ มกลางธรรมชาติของพรรณไม้รม่ รืน่ และ หาดทรายขาวสะอาดตา ผสานเสียงเกลียวคลืน่ ดังกระทบฝัง่ เป็น ระยะๆ นับเป็นบรรยากาสที่สงบร่มรื่นเป็นที่สุด
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ได้โปรดเกล้าฯให้สร้าง พระราชนิเวศน์แห่งนี้ขึ้นในปีพ.ศ. 2467 โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ตำารวจตระเวนชายแดนค่ายพระราม 6 ประกอบด้วยหมูพ่ ระทีน่ งั่ ใหญ่ 3 องค์ ปลูกเรียงรายไปตามแนวชายหาด ทุกองค์สร้างตาม แบบยุโรป และออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพภูมปิ ระเทศและภูมิ อากาศบริเวณนั้นอย่างแท้จริง สิ่งที่พวกเราชอบมาที่สุดคือ แนวระเบียงเชื่อมองค์พระที่นั่งทั้ง สามอย่าง ฝรั่ง ที่เรียกว่า คัฟเวอร์เวย์ (Cover Way) ให้ความ สะดวกสบาย และปลอดภัยในการสัญจรไปมา ไม่ต้องเดินขึ้น ลง บันไดบ่อยๆ และ Cover Way นี้ได้วางตัวพาดยาวไปจนถึง ชายหาด พวกเราฝันอยากมีบ้านแบบนี้บ้าง การเดินชมบนพระราชนิเวศน์นนั้ ชวนให้พวกเรานึกจินตนาการ ไปถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต ห้องที่ประทับแต่ละห้องจะมี การจัดวางสิง่ ของเครือ่ งใช้ให้เหมือนกับตอนทีห่ อ้ งนีย้ งั มีชวี ติ อยู่ มากที่สุด เหมือนเรื่องราวกำาลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ เหมือน พวกเราได้นั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปสู่อดีต เป็นความฝันของอดีตในปัจจุบัน
15
16
หาด ชาย ทะ เลน 12°697533’N 99°962271’E
ไม่ไกลจากพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ระยะทีป่ นั่ จักรยาน 5 นาทีกถ็ งึ มีปา่ ชาย เลนในอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิ รินธร ตัง้ อยูด่ ว้ ย โดยสามารถเข้าไปเดิน ชมป่าชายเลนได้ 2 ทางคือทางฝั่งหอดู นก และฝั่งชายหาด
ไม้มากั้นปิดไว้ที่ปากทาง ในครั้งแรก พวกเรานึกว่าที่นี่กำาลังปิดปรับปรุง แต่ เมื่อลองคิ ด ดู แ ล้ ว เขาน่ า จะนำ า ไม้ มา กั้นเนื่องจากไม่อนุญาตให้นำาจักรยาน เข้าไปมากกว่า ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ว่า
พวกเราเข้าทางตัวเลือกแรก ถึงแม้วา่ จะ ขี้นชื่อว่าหอหูนก แต่เมื่อขึ้นไปแล้ว เรา สามารถเห็นพื้นที่ป่าชายเลนได้เกือบ ทั้งหมด พื้นที่เขียวขจีซ้อนกันหลายชั้น ข้างหน้า ทำาให้นึกว่าพวกเรากำาลังบิน อยู่เหนือป่าอะเมซอน เสียดายที่ไม่มี ใครดูนกเป็น พวกเราก็ได้แต่ถ่ายรูปกัน ไปคนละภาพสองภาพก่อนจะลงจาก หอ และเดินเท้าเข้าสู่ป่าชายเลนต่อไป
ภายในป่ า ชายเลนเต็ ม ไปด้ ว ยต้ น โกงกางแน่นหนา เมือ่ พวกเราเดินเข้าไป ได้ 80 เมตรก็จะเจอกับทางแยก ซ้าย มือเป็นสะพานแขวนซึง่ เชือ่ มระหว่างป่า ชายเลนทั้งสองฝั่งที่ถูกกั้นด้วยน้ำาทะเล ขวามือเป็นทางปกติทตี่ รงยาวต่อไป นัก เดินทางอย่างพวกเราย่อมเลือกเดินข้าม สะพานแขวนก่อนอยู่แล้ว
หน้าทางเข้าป่าชายเลนนั้นดูไม่ค่อยจะ ต้อนรับเราสักเท่าไหร่ เนื่องจากมีแผง
เมือ่ เดินข้ามสะพานแขวนมาและเดินไป จนสุดทาง จะเจอกับถนนและศาลาไว้ สำาหรับนั่งพัก พร้อมป้ายไม้สีน้ำาตาล
ขนาดกลางบอกชือ่ ของป่าชายเลน พวก เรานัง่ พักคนละ 3 นาที ก่อนจะเดินกลับ ทางเดิม อีกทางหนึ่งเมื่อเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะพบกับทางออก หรือทางเข้าอีกทาง หนึง่ ซึง่ อยูต่ ดิ กับทะเล มีปา่ สนและถนน กั้นระหว่างกลาง มีแนวหินสูงประมาณ 1 เมตรครึ่ง ทอดตัวจากป่าสนลงสู่ทะเล พวกเราตัดสินใจเดินเข้าไปถ่ายรูปกัน ที่นั่น ก่ อ นจะกลั บ ไปเอาจั ก รยานและเดิ น ทางออกจากพระราชนิเวศน์ มีคู่บ่าว สาวกำาลังมาถ่ายรูป Pre-Wedding กัน ทีแ่ นวหิน แนวหาดนีด้ ว้ ย เป็นภาพทีน่ า่ รัก ทำาพวกสาวๆ ในกลุ่มของพวกเรา อิจฉาตาร้อนกันขึ้นมาทันที
17
กินอิ่ม นอนหลับ
เรื่องกิน เรื่องหลัก
12° 34.261’N 99° 57.313’E
12° 34.261’N 99° 57.313’E
คืนสุดท้าย เราไปพักกันทีโ่ ฮมสเตย์แถวเขาตะเกียบ เพราะเช้าวัน รุ่งขึ้นเราจะเที่ยวอยู่ในละแวกนี้ หัวหินเป็นเมืองที่การเดินทางไปไหนยังลำาบาก ต่างจากพัทยา หรือระยองมาก มีรถเดินสารสาธารณะให้บริการน้อย รวมไป ถึงสถานที่เที่ยวแต่ละที่นั้นอยู่ห่างไกลกันพอสมควร การเหมา รถเป็นที่ๆ ไปนั้นจึงมีราคาแพงมาก ต้องเหมารายวันอย่างเดียว จึงจะใช้บริการได้คุ้มเงิน
เสียงจากนาฬิกาปลุกทำาให้พวกเราตื่นกันทั้งห้อง ทุกคนรีบลุก ขึน้ จากเตียง เตรียมตัวออกไปกินมือ้ เช้าทีเ่ ล็งไว้ตงั้ แต่เมือ่ คืนวาน
พวกเรายังใช้เวลาในคืนสุดท้ายในการเดินตลาดโต้รงุ้ ให้ทวั่ และ ตัดตลาดฉัตรศิลาออกไป เราลองไปชิมอาหารร้านทีย่ งั ไม่เคยชิม ซื้อกลับไปกินในที่พัก เป็นคืนหนึ่งที่อิ่มท้องกว่าเมื่อวาน เพราะ มีนกั ท่องเทีย่ วบางตากว่าคืนแรกอย่างเห็นได้ชดั เราจึงเดินช็อป และชิม กันอย่างสบายใจ การมาท่องเที่ยวในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง จากที่ดูคร่าวๆ บริเวณที่พักของพวกเรานั้นไม่ค่อยมีร้านอาหาร สักเท่าไหร่ เพื่อความมั่นใจพวกเราจึงเล็งร้านอาหารไว้สำาหรับ มือเช้าในวันพรุง่ นี้ ก่อนจะเดินหิว้ ลูกชิน้ ปิง้ และข้าวเหนียวมะม่วง กลับที่พักอย่างอิ่มใจเป็นที่สุด
ร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะ อยู่หัวมุมตรงสี่แยก เป็นตึกแถวขนาด 2 คูหา บรรยากาศภายในร้านสไตล์ไทยโบราณ มีโต๊ะหินอ่อน เก้าอี้ไม้ อยู่ไม่มาก แต่เท่านี้ก็ทำาให้ที่ว่างระหว่างโต๊ะเหลือนิด หน่อย พอให้นั่งรับประทานอาหารกันอย่างไม่อึดอัดนัก ตอน เช้าให้บริการข้าวต้ม เกาเหลา กาแฟ นมร้อนเป็นนมตราหมี พร่องมันเนยและธรรมดาผสมกัน และโจ๊ก ส่วนตอนเย็นจะให้ บริการอาหารตามสั่ง ถ้าใครจะกินปาท่องโก๋ดว้ ย ให้หนั หน้าออกจากร้าน มองเยือ้ งไป ทางขวาฝั่งตรงข้าม จะเจอกับร้านสีส้มๆ ขายปาท่องโก๋อยู่ มีดิป ให้จมิ้ ด้วย ทัง้ สังขยา และนมข้นหวาน สามารถซือ้ มากินกับกาแฟ โอวัลติน นมร้อนได้ พวกเราไปลองมาเรียบร้อยแล้ว อร่อยมาก จากนั้นถ้าใครยังไม่อิ่ม สามารถเดินออกมาริมถนน เลือกหา ร้านข้าวเหนียวมะม่วงไปรับประทานได้ ร้านไม่มที นี่ งั่ ให้ แต่ขา้ ว เหนียวมะม่วงอร่อยเกินคำาบรรยายมาก โดยเฉพาะกะทิสตู รของ ทางร้าน อร่อยจับใจอย่าบอกใครเชียว
18
19
หาดสวนสนประดิพัทธ์
เขาตะเกียบ
พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร
สนสงบเสงี่ยม 12°49786’N,99°97281’E กองทัพนักเดินทางแบกพุงหนักๆ หลังอาหารมื้อเช้าแบบจัดเต็ม ไปต่อกันที่หาดสวนสนประดิพัทธ์ ซึ่งต้องเดินทางกลับมายัง บริเวณเขาตะเกียบ แล้วเลี้ยวแยกออกไปเป็นระยะทางไกลพอ สมควร บนถนนทางไปหาดสวนสนนั้นเรียบจนรถไม่มีกระดก กระเดียด หรือขรุขระเลยแม้แต่นอ้ ย สองข้างทางยังเป็นต้นไม้สงู ใหญ่ นึกไปแล้วก็อยากให้มีถนนแบบนี้ในกรุงเทพเยอะๆ สวนสนประดิพัทธ์ ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองแก ตำาบลหนองแก อำาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นบริเวณที่มีความสงบ ร่มรื่น มีทิวสนอยู่ตลอดแนว โดยอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของ ศูนย์การทหารราบ ทำาให้หาดทรายที่นี่สะอาดมาก ไร้ขยะใดๆ อยู่บนหาด แถมวันนี้ไม่ใช่วันเทศกาลท่องเที่ยว หาดนี้จึงเงียบ สงบเป็นพิเศษ แต่ผิดกับทะเลและลมที่แรงจนเหมือนจะพัดพวก เราปลิวไปได้ไกลเป็นสิบๆ เมตร
พวกเราเล่นต้านลมบนหาดกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะไปพบกับฝรั่ง พ่อลูกคู่หนึ่ง และเป็นมนุษย์ 2 คนบนหาดนี้นอกจากพวกเรา กำาลังเล่นทราย ก่อปราสาทกันอย่างสนุกสนาน สำาหรับเขา นี่ อาจเป็นเพียงช่วงเวลาที่สุดแสนจะธรรมดาก็เป็นได้ เพราะบ้าน เขาไม่ใช่เมืองร้อนอย่างของพวกเรา แต่สำาหรับพวกเราแล้ว นี่ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นเดียวท่ามกลางอากาศหนาวและลมแรง ของชายหาดที่นี่ เนื่องจากทะเลมีคลื่นสูงจนน่ากลัว พวกเราตัดสินใจใช้เวลาอยู่ บริเวณหาดไม่นาน ก่อนจะไปเดินเล่นกันที่ สถานีรถไฟสวน สนประดิพัทธ์ ซึ่งนานๆ จะมีรถไฟผ่านมาสักทีหนึ่ง จึงทำาให้ เราสามารถลงไปเดินบนราง ถ่ายรูปบนรางรถไฟกันได้อย่าง สบายใจเฉิบ สถานีรถไฟนี้ยังไม่ค่อยมีคนมารอรถไฟ แถม บริเวณนี้ยังไม่ค่อยมีคน เราจึงถ่ายรูปแอคท่ากันได้อย่างไม่ต้อง เกรงใจใคร เป็นประสบการณ์การถ่ายรูปบนรางรถไฟที่พวกเราไม่เคยทำา
ยอดเยี่ยม เยี่ยมยอด 12° 30.984’N 99° 58.916’E การเดินทางมาเขาตะเกียบไม่จำาเป็นต้องฝ่าดงพงไพรใดๆ ทั้งสิ้น มีถนนที่อนุญาตให้รถขึ้นไปได้อย่างไม่ยากลำาบากนัก เขาตะเกียบ เป็นชื่อของภูเขาสองลูกที่อยู่ใกล้กัน และมีโขดหินยื่นออกไปในทะเล มีวัดเขาตะเกียบตั้งอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ ประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้ว (พระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) การจะขึ้นเป็นสักการะนั้นต้องเดินขึ้นบันไดจำานวน 128 ขั้น ส่วนอีกยอดเขาหนึ่งทางด้านทิศเหนือของวัดเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำาลอง และเป็นมุมที่สามารถมองเห็นหาดเขา ตะเกียบยาวไปสุดจนทางอีกด้วย พวกเราเลือกขึ้นไปสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้วก่อน ก่อนจะเดินข้ามมาถ่ายรูปวิวชายหาดเขาตะเกียบพร้อมทั้งสักการะรอยพระพุทธบาท เพราะจากด้านฝั่งนี้ เราสามารถเดินลงไปที่ชายหาดด้านล่างได้เลย ด้านข้างเขาฝั่งพระพุทธบาทจำาลองยังมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ขนาดใหญ่ และร้านอาหารทะเลมากมายตั้งเรียงรายกันอยู่ริมหาดอีกด้วย เรียกได้ว่าการมาเที่ยวหัวหินครั้งนี้ เราแทบจะไม่ได้อยู่ติดพื้นดิน เพราะแต่ละที่ที่เราไปนั้นมักจะเป็นยอดเขา ซึ่งสามารถมองเห็นหัวหิน เป็นภาพกว้างได้เสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นยังทำาให้เราได้รู้ว่า ยอดเขานั้นยอดเยี่ยม หัวหินไม่ได้มีดีแค่ทะเล จริงๆ
20
GALLERY
22
23
24
25