คนไขลาน พิมพ์ครั้งที่ 2

Page 1

คนไขลาน 1


2 แอนโธนี เบอร์เจสส์


คนไขลาน 3

ไลต์เฮาส์ พับลิชชิ่ง 1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330


4 แอนโธนี เบอร์เจสส์

คนไขลาน A Clockwork Orange เรื่อง แปล บรรณาธิการอำ�นวยการ ออกแบบปก ภาพประกอบ ศิลปกรรม

แอนโธนี เบอร์เจสส์ ปราบดา หยุ่น ‘คนเฝ้าประภาคาร’ Typhoon Studio จีรวรรณ มั่นคง จีรวรรณ มั่นคง

ข้อมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ เบอร์เจสส์, แอนโธนี คนไขลาน - A Clockwork Orange กรุงเทพฯ : ไลต์เฮาส์, 2558, 237 หน้า 1.นวนิยายอังกฤษ. I. ปราบดา หยุ่น, ผู้แปล II. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-616-92001-8-5 คนไขลาน : ผลงานลำ�ดับที่ 6 พิมพ์ครั้งที่สอง : พ.ศ. 2558 ไลต์เฮาส์ พับลิชชิ่ง 1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด ภาพพิมพ์ โทรศัพท์ 0-2879-9154-6 โทรสาร 0-2879-9153 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัท เอ-บุ๊ค ดิสทริบิวชั่น จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2968-9337 โทรสาร 0-2968-9511 Copyright © The Estate of Anthony Burgess 2015 All rights reserved.


คนไขลาน 5

คนไขลาน A Clockwork Orange


6 แอนโธนี เบอร์เจสส์

เกี่ยวกับการแปล ความพิเศษของ A Clockwork Orange ในต้นฉบับภาษาอังกฤษ อยู่ ที่ ก ารประดิ ษ ฐ์ ส แลงขึ้ น ให้ ตั ว ละครในแก๊ ง อั น ธพาลใช้ อ ย่ า งเป็ น ระบบ มีชื่อเรียกในเรื่องว่าภาษา Nadsat มีรากมาจากส่วนผสมของ กลุ่มภาษาสลาวิก (Slavic) คำ�ศัพท์ภาษารัสเซีย สแลงในภาษาอังกฤษ ที่มีอยู่แล้ว และคำ�ที่แอนโธนี เบอร์เจสส์ ผู้เขียนคิดขึ้นเอง รวมถึงยังมี การเล่นคำ�พ้องเสียงหรือสร้างคำ�ไร้ความหมายต่างๆ   อีกประปราย เพื่อ สร้างฉากและบรรยากาศของความเป็น “โลกอนาคตอันใกล้” ให้กับ เรื่อง ผู้แปลรู้สึกลำ�บากใจไม่น้อยเมื่อตัดสินใจถอดความหมายของ คำ�ศัพท์ Nadsat เป็นภาษาธรรมดา แทนที่จะคิดประดิษฐ์ภาษาใหม่ขึ้น เพือ่ รักษาคุณสมบัตกิ ารสร้างสรรค์ทางภาษาของต้นฉบับไว้ ด้วยเหตุผล ง่ายๆ   สองข้อ คือ หนึ่ง ภาษาที่เบอร์เจสส์ประดิษฐ์ขึ้น เป็นภาษาที่ สอดคล้องกับความเป็นไปได้ว่าประเทศอังกฤษในอนาคตอันใกล้อาจมี ภาษาทำ�นองนั้นผุดขึ้นมาจริง หากผู้แปลต้องประดิษฐ์ศัพท์ใหม่ๆ  ขึ้น ในภาษาไทย ก็เป็นธรรมดาที่ไม่อาจประดิษฐ์ขึ้นจากรากศัพท์เดียวกับ ที่เบอร์เจสส์ใช้ได้ แต่คงต้องเป็นศัพท์ผสมระหว่างภาษาที่น่าจะเข้ามา มีอิทธิพลในประเทศไทยในอนาคต เช่น อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน หรือ มิเช่นนั้นก็ต้องเป็นการเล่นกับรากบาลี–สันสกฤต หรือนำ�ภาษาสแลง ของวัยรุ่นยุคคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้กันอยู่ในปัจจุบันมาประยุกต์ ถึงแม้


คนไขลาน 7

ตัวเลือกทัง้ หมดนัน้ จะมีความเป็นไปได้และน่าทดลอง (อย่างยากลำ�บาก และถ้าสำ�เร็จก็อาจภาคภูมิใจได้ว่าเป็นงานแปลที่เมพขิงๆ) แต่ผู้แปล เห็นว่าแนวทางดังกล่าวจะเป็นการทำ�ลายเนื้อหาของตัวงานจนอาจถึง ขั้นทำ�ให้กลายเป็นเรื่องขำ�ขันมากกว่าจะเป็นความสร้างสรรค์ เนื่อง เพราะไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่ตัวละครชาวอังกฤษจะใช้สแลงแบบที่ คนไทยอาจใช้ในอนาคตแบบไทยๆ และ สอง ในเมื่อไม่อาจประดิษฐ์ คำ�ศัพท์ด้วยรากภาษาชุดเดียวกันกับต้นฉบับ ผู้แปลคิดว่าในกรณีของ การแปลงานวรรณกรรมอมตะสมัยใหม่ที่ยังไม่เคยได้รับการเผยแพร่ใน ภาษาไทยอย่างเป็นทางการเช่นนี้ การ “ถอดความ” ให้ผู้อ่านเข้าใจ เนื้อเรื่อง มีความสำ�คัญกว่าการพยายามจะรักษาความสร้างสรรค์ทาง ภาษา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงประเด็นของเรื่องได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนเกินไปนัก อย่างไรก็ตาม ในจุดที่พอทำ�ได้ (ซึ่งมีไม่มาก) ผู้แปลพยายาม รักษาการ “เล่นคำ�” บางอย่างไว้ เพื่อคงรสชาติ “แปลกหูแปลกตาทาง ภาษา” ของต้นฉบับ (เช่น “Bog” สแลงของ “God” ผู้แปลเห็นว่าเกือบ เป็น “ภาพสะท้อนกลับด้าน” ของกันและกัน ผู้แปลจึงใช้คำ�ผวนใน ภาษาไทย ให้ “พระผู้เป็นเจ้า” กลายเป็น “พระป้าวเป็นจู้” เป็นต้น) นอกจากนัน้ คำ�บางคำ�อาจไม่ใช่การเล่นคำ� แต่เป็นการใช้ค�ำ ปกติ ด้วยวิธีที่ดูพิลึก (เช่น “ป๊ะป๊ะป๋า” แทนคำ�ว่า “ป๊ะป๋า”) ซึ่งก็เพื่อพยายาม รักษา “สำ�เนียง” ของความแปร่งแปลก อันเป็นเอกลักษณ์ในการใช้คำ� ของตัวละครตามเรื่องเช่นกัน ทั้งนี้ หากมีความลักลั่น หรือมีการใช้คำ�ในจุดใดที่ทำ�ให้ผู้อ่าน


8 แอนโธนี เบอร์เจสส์

ระคายตารำ�คาญใจ อันเป็นผลจากการ “ลองเล่น” ครัง้ นี้ ผูแ้ ปลขอรับผิด แต่เพียงผู้เดียว และหวังว่าในอนาคต หนังสือเล่มนี้จะได้รับการแปล อีกครั้ง โดยผู้แปลที่มีศักยภาพทางภาษาสูงกว่าผู้แปลคนนี้

ปราบดา หยุ่น


คนไขลาน 9

ภาค 1


10 แอนโธนี เบอร์เจสส์


คนไขลาน 11

1 ‘แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะ ฮึ​ึ’ ที่นั่นมีกระผม อเล็กซ์ อยู่กับสหายอีกสามตัว คือพีท จอร์จี้ และ 1 ทึม่ เจ้าทึม่ นีม่ นั เป็นคนสมองทึม่ จริงสมชือ่ เรานัง่ กันอยูท่ บ่ี าร์นมโคโรวา กำ�ลังตัดสินใจว่าจะกระทำ�การใดในคืนหนาวเหน็บหม่นมืดแห้งเหือด ฉิบหายนัน้ กันดี บาร์นมโคโรวาเป็นบาร์ประเภททีจ่ �ำ หน่ายน้ำ�นมผสมยา พี่น้องอาจจำ�ไม่ได้แล้วว่าบาร์พวกนี้เป็นอย่างไร ในยุคสมัยที่ทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงฉับไวและใครต่อใครต่างก็หลงง่ายลืมง่าย อีกทั้งยังไม่มี ใครสนใจใคร่อ่านหนังสือพิมพ์กันสักเท่าไรแล้ว บาร์แบบนั้นคือบาร์ที่ ขายน้ำ � นมผสมอื่นอื่น พวกเขาไม่มีใบอนุญาตให้ขายของมึนเมา แต่ ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายห้ามปรามการหยอดหยดสารใหม่ๆ ที่พวกเขา ผสมใส่ในน้ำ � นม ดังนั้นเราจึงสามารถซดนมผสมสารเวลโลเซ็ต สาร ซินธีเมสค์ สารเดรนครอม หรือสารอะไรอีกสองสามชนิดทีจ่ ะช่วยกระตุน้ ให้เราดื่มด่ำ �ถึงความหลอนล้ำ � ฉ่ำ � จิต จนรู้สึกเหมือนได้จุมพิตพระป้าว เป็นจู้และหมู่นางฟ้าและบรรดานักบุญของพระองค์ พลางเห็นแฉกไฟ แตกสว่ า งกระจ่ า งไสวไปทั่ ว ในหั ว ของเราเป็ น เวลาสิ บ ห้ า นาที อ ย่ า ง Dim  (ดิม)  คือชื่อของตัวละครตัวนี้ในต้นฉบับ  มีความหมายในภาษาอังกฤษว่าสลัว ไม่สว่าง หรือ โง่เง่า ไร้สมอง ซึ่งใกล้เคียงกับเสียงและความหมายของคำ�ว่า “ทึม” จึงขอ แปลงเป็น “ทึ่ม” ในภาษาไทย เพื่อให้เข้ากับความหมายในชื่อของตัวละคร – ผู้แปล

1


12 แอนโธนี เบอร์เจสส์

เคลิ บ เคลิ้ ม ขณะสายตามองจ้ อ งจ่ อ อยู่ กั บ รองเท้ า หรื อ ไม่ ง้ั น เราก็ สามารถซดนมผสมยาเสพติดแรงๆ ที่เราเรียกว่ามี้ก ซึ่งจะช่วยลับคมให้ เรากระชุ่มกระชวย รุ่มรวยพละกำ�ลัง และพร้อมสำ�หรับการออกไปรุม สกรัมกระทืบคนเล่น และนั่นละคือสิ่งที่พวกเรากำ�ลังยกซดกันอยู่ในคืน นี้ ตอนที่กระผมเริ่มเล่าเรื่อง กระเป๋ า ของพวกเราน่ ะ ตุ ง เต่ ง ไปด้ ว ยเงิ น ตราอยู่ แ ล้ ว จึ ง ไม่ มี ความจำ�เป็นอันใดเลยที่เราจะต้องจี้ปล้นค้นเอาเงินทองของคนอื่นโดย การทำ�ร้ายร่างกายใครในตรอกเล็กๆ  และยืนดูมันตะเกียกตะกายแหวก ว่ายอยู่ในแอ่งโลหิตของตัวเองระหว่างที่เรานับทรัพย์ที่ได้มาเพื่อหารสี่ เช่นเดียวกับที่ไม่จำ�เป็นต้องลงไม้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำ�มหิตกับหญิง ชราแขนขาสั่นเทา แล้วหัวร่อร่าฮาเฮกับกองเงินที่กระชากออกมาได้จาก เครื่องคิดเงินในร้านค้าของแก แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันนั่นละ คนเราใช่ว่า จะทำ�เพื่อเงินแต่เพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไรล่ะขอรับ พวกเราทั้งสี่ต่างแต่งกายในสไตล์สุดเท่เก๋ล้ำ � นำ�แฟชั่น ซึ่งใน ขณะนัน้ คือการใส่กางเกงรัดรูปสีด�ำ ฟิตเปรีย๊ ะ มีสง่ิ ทีเ่ ราเรียกว่ากระจับนิม่ กุมอยูก่ ลางเป้า ทัง้ เอาไว้ปกป้องของลับของหวงและทัง้ ยังเป็นการดีไซน์ ที่เห็นชัดในบางสภาพแสง ของกระผมเป็นรูปแมงมุม ของพีทเป็นรูปมือ ของจอร์จี้เป็นรูปดอกไม้สุดแจ่ม ส่วนของเจ้าทึ่มผู้น่าสมเพชนั่นเป็นรูป ใบหน้าตัวตลกแสนเสล่อ เจ้าทึ่มมันไม่เคยแยกแยะได้ว่าอะไรเท่อะไร ทุเรศ ไม่ต้องกังขาเลยว่ามันเป็นสมาชิกที่งี่เง่าที่สุดในหมู่พวกเราสี่คน นอกจากนั้นพวกเราสวมใส่แจ็กเก็ตไร้คอปก ยาวแค่เอว แต่ยัดไหล่ หนาเตอะ เลียนแบบพวกคนที่มีไหล่ใหญ่ๆ   แบบนั้น ยังไม่พอนะขอรับ


คนไขลาน 13


14 แอนโธนี เบอร์เจสส์

พี่น้อง พวกเรายังผูกผ้าพันคอสีขาวนวล รูปร่างบวมฟูเหมือนมันฝรั่งที่ ถูกบดจนน่วม มีลวดลายที่คล้ายถูกกรีดเป็นริ้ว ผมเผ้าของพวกเราไม่ ยาวยุ่ง และสวมรองเท้าบูตสุดเท่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับใช้กระทืบคน ‘แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะ ฮึ’ มีสาวๆ  นั่งอยู่ด้วยกันที่เคาน์เตอร์บาร์สามนาง แต่พวกเรามีกัน อยูส่ ค่ี น โดยปกติพวกเราจะต้องแบ่งของกันทัว่ ถึงครบทีม สาวๆ  พวกนัน้ ต่างก็แต่งตัวเก๋ไก๋ตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน สวมวิกสีม่วง เขียว และส้ม ไว้บนกบาล กระผมคะเนว่าแต่ละชิ้นราคาไม่ต่ำ � กว่ายอดรวมค่าจ้าง งานในระยะเวลาสามสี่สัปดาห์ของพวกหล่อน แถมการแต่งหน้าของ แต่ละนางก็แจ่มเจิดไม่แพ้เครื่องแต่งกายเลยทีเดียว (คือมีสีรุ้งแต้มรอบ ดวงตา และทาริมฝีปากหนาเตอะ) พวกหล่อนสวมกระโปรงชุดสีดำ�ทรง ตรงยาว ที่บริเวณหน้าอกหน้าใจมีป้ายสีเงินกลัดไว้ บนป้ายเป็นชื่อ ผู้ชาย เช่น โจ ไมค์ และอะไรห่าเหวเทือกนั้น นัยว่าเป็นชื่อของบรรดา ชายหนุ่มที่พวกหล่อนฟันฟาดมาแล้วตั้งแต่ก่อนอายุสิบสี่ พวกหล่อน เอาแต่ช�ำ เลืองมองมาทางพวกเรา และกระผมแทบอยากจะเสนอ (ด้วย การส่งสัญญาณทางหางตาน่ะนะ) ให้พวกเราสามคนควงพวกหล่อน ออกไปอึ๊บกันสักหน่อย แล้วทิ้งไอ้เจ้าทึ่มมันนั่งโด่อยู่ตัวเดียว อย่างมาก เราก็แค่ต้องเลี้ยงนมมันสักครึ่งลิตร แต่เป็นนมผสมซินธีเมสค์จำ�นวน หนึ่งลงไปด้วย ก็เท่านั้น แต่นั่นจะเป็นการปฏิบัตินอกกติกา ไม่แฟร์ไป สักหน่อย แม้เจ้าทึ่มจะมีหน้าตาสุดแสนอัปลักษณ์และงี่เง่าเข้ากับชื่อ แต่มันก็เป็นนักสู้ที่อำ�มหิตไม่หยอก แถมยังมีทักษะในการใช้รองเท้าบูต กระทืบคนได้อย่างช่ำ�ชอง


คนไขลาน 15

‘แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะ ฮึ’ ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ  กระผม บนที่นั่งทรงยาวตัวใหญ่สุดหรูที่เลื้อย กินพื้นที่ถึงสามผนัง กำ�ลังเคลิบเคลิ้มได้ที่ นัยน์ตาของเขาเคลือบขุ่น พลางพึมพำ�คำ�พูดไร้ความหมายทำ�นอง ‘อริสโตเติลเรรวนโลเลร่อนเร่ ดอกไม้เรไรไปปรับใช้ให้ชาญฉลาด’ เขากำ�ลังล่องลอยในความเมามาย แล้วเป็นแน่ ลอยล่องออกไปไกลมาก หมุนคว้างโคจรไปรอบๆ กระผม รู้ดีว่ามันเป็นความรู้สึกยังไง เพราะกระผมเองก็เคยลองมาแล้วเช่นเดียว กับคนอื่นๆ แต่ตอนนั้นกระผมชักเริ่มคิดว่ามันช่างเป็นพฤติกรรมแสนจะ อ่อนเสียเหลือเกินขอรับพี่น้อง พอดื่มไอ้น้ำ�นมนั่นแล้ว มันก็จะทำ�ให้คน ดื่มนอนนิ่งพลางคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นอดีตไปหมดหรืออะไร สักอย่าง ทุกอย่างยังมองเห็นได้อยู่นั่นแหละ เห็นชัดด้วย  —  เห็นโต๊ะ เห็นเครื่องเสียง เห็นไฟ เห็นพวกสาวๆ หนุ่มๆ — แต่จะรู้สึกราวกับว่า อะไรบางอย่างที่เคยอยู่ที่นั่นไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว และรู้สึกเหมือน กับว่าถูกสะกดจิตให้จอ้ งไปทีร่ องเท้าบูตหรือทีเ่ ล็บมือ แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกราวถูกกระชากคอขึ้นเขย่าแรงๆ เหมือนกับเป็นแมว ถูกเขย่า เขย่า ไปเรื่อยๆ  จนไม่มีอะไรหลงเหลือ ชื่อเสียงเรียงนามหายไป ร่างกายหาย ไป ตัวตนหายไป แต่คนคนนั้นก็จะไม่ใส่ใจเลยสักนิด ได้แต่เฝ้ารอจน กระทั่งรองเท้าบูตหรือเล็บมือกลายเป็นสีเหลือง เหลืองขึ้น และเหลือง ขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นแสงไฟจะเริ่มแตกเปรี๊ยะๆ  เหมือนพลังงานปรมาณู และรองเท้าบูต เล็บมือ หรืออาจเป็นเศษดินที่เปื้อนตูดกางเกงของเจ้า ตัวนั่นแหละที่ขยายขนาดเป็นพื้นที่ใหญ่ยักษ์ ใหญ่กว่าโลกทั้งใบเสียอีก และคนคนนั้นก็จะได้ทำ�ความรู้จักกับพระป้าวเป็นจู้หรือพระผู้เป็นเจ้า


16 แอนโธนี เบอร์เจสส์

เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง แล้วก็กลับมาที่นี่ในสภาพสะอื้นไห้กระซิกๆ พลาง ปากก็พร้อมจะแหกร้องโฮโฮโฮ มันก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวหรอก แต่ก็ อ่อนเอามากๆ เราไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เพียงเพื่อจะพบกับพระผู้เป็นเจ้า เท่ า นั้ น หรอกขอรับ อาการพรรค์น้ันสามารถดูดกลืนกำ �ลังวังชาและ บรรดาความดีงามทั้งหลายแหล่ในตัวคนออกไปได้หมดเลยทีเดียว ‘แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะ ฮึ’ ในตอนนั้นเครื่องเสียงเปิดบรรเลงอยู่ รู้สึกได้ว่าเสียงของนักร้อง เปลีย่ นตำ�แหน่งการกระจายไปตามจุดต่างๆ  ในบาร์ เหินขึน้ ไปบนเพดาน แล้วทะยานลงมาอีกครั้ง แล้วก็กระพือกระโดดจากผนังหนึ่งไปยังอีก ผนังหนึ่ง เป็นเสียงของเบอร์ต ิ ลาสกิ  ครวญเพลงโบราณคร่ำ�ครึชื่อ “You Blister My Paint” หนึ่งในสามสาวที่เคาน์เตอร์ คนที่ สวมวิ กเขี ยว นั่งเบ่งพุงเข้าออกไปกับจังหวะของสิ่งที่ผู้คนเรียกว่าดนตรี กระผมเริ่ม รูส้ กึ ได้วา่ ยาในน้ำ�นมเริม่ ออกฤทธิ์ และกระผมก็เริม่ จะพร้อมแล้วสำ�หรับ การกระทืบคน จึงร้องออกไปว่า ‘ไป ไป ไป ไป!’ ราวเสียงเห่าของหมา ตัวน้อย จากนั้นกระผมชกไอ้ผู้ชายคนที่นั่งเคลิ้มครางหงิงอยู่ข้างๆ ซัด อย่างแรงเข้าไปที่กกหูของมัน แต่มันไม่รู้สึกอะไร ได้แต่พูดเพ้อต่อไป ว่า ‘เครื่องเคราโทรเสียงและเมื่อไม่เพียงไปไกลไกลเพื่อให้ถูไถไถถูถู ถูไถ’ แต่เมื่อมันสร่างเมาและกลับคืนมาสู่โลกแล้วละก็  มันจะต้องรู้สึก แน่ๆ ‘ไปไหนล่ะ’ จอร์จี้ถาม ‘อ้อ ไปเดินเล่นเรือ่ ยๆ  กอ่ น’ กระผมว่า ‘ดูวา่ มีอะไรให้ท�ำ บ้างน่ะสหาย’ พวกเราจึงพุง่ ออกไปสูค่ นื หนาวแล้วเดินไปตามถนนมาร์กาห์นติ า้


คนไขลาน 17

ไปเลี้ยวที่ถนนบูธบี แล้วเราก็พบกับสิ่งที่เราต้องการ เพื่อเริ่มต้นราตรี อย่างเบาะๆ  กันก่อน เราพบไอ้แก่ตัวสั่นท่าทางเหมือนอาจารย์ สวมแว่น ปากอ้าหวอรับลมเย็น เขาหนีบหนังสือไว้ใต้รักแร้ ถือร่มห่วยๆ  คันหนึ่ง กำ�ลังเดินเลี้ยวมาจากห้องสมุดสาธารณะ ซึ่งไม่ค่อยมีคนใช้บริการสัก เท่าไรแล้วในยุคนั้น ไม่ค่อยมีไอ้พวกชนชั้นกลางโผล่ออกมาเดินนอก บ้านให้เห็นกันสักเท่าไรในช่วงพลบค่ำ� เพราะขาดแคลนตำ�รวจ และมี เหล่ า อันธพาลเท่ๆ  แบบพวกเราระรานอยู่ท่ัวไป ไอ้แก่ท่าทางเหมือน อาจารย์นน่ั เป็นคนเดียวเท่านั้นที่เดินอยู่บนถนนทั้งสาย เราจึงเดินไปหา เขาอย่างนอบน้อม แล้วกระผมก็พูดกับเขาว่า  : ‘ขออภัยขอรับพี่ชาย’ เขาดูจะหวาดหวั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นพวกเราสี่คนเดินเข้ามาหา อย่างเงียบๆ  และสุภาพ พร้อมรอยยิ้ม แต่เขากล่าวว่า  : ‘ทำ�ไม มีอะไรรึ’ ด้วยน้ำ � เสียงตึงตังขึงขังแบบเสียงครูบาอาจารย์ ราวกับจะประกาศให้ พวกเราเห็นว่าเขาไม่กลัว กระผมพูดว่า  : ‘พีช่ าย กระผมเห็นพีช่ ายหอบหนังสือมาด้วย มันช่างเป็นความรูส้ กึ ดีที่หายาก  ที่ได้เห็นว่ายังมีคนอ่านหนังสืออยู่ในยุคสมัยนี้ขอรับพี่ชาย’ ‘อ้อ’ เขากล่าวเสียงสั่น ‘งั้นเหรอ เข้าใจละ’ แล้วเขาก็ได้แต่จ้อง มองพวกเราทีละคน พบว่าตัวเองกำ�ลังอยู่ท่ามกลางกลุ่มเด็กหนุ่มที่ สุภาพอ่อนโยนยิ้มแย้ม ‘ถูกแล้วขอรับ’ กระผมว่า ‘ไม่ทราบว่าพี่ชายจะกรุณาอนุญาตให้ กระผมดูหน่อยได้ไหมขอรับว่าพี่ชายหนีบหนังสืออะไรไว้ใต้แขนของ พี่ชายบ้าง กระผมสนใจใคร่รู้จริงๆ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่กระผมชื่นชอบ มากไปกว่าการได้อ่านหนังสือแจ่มๆ  ใสๆ  ดีๆ  สักเล่มน่ะขอรับพี่ชาย’


18 แอนโธนี เบอร์เจสส์

‘แจ่มๆ ใสๆ’ เขากล่าว ‘ดีๆ งั้นรึ’ จากนั้นพีทก็กระชากหนังสือ พวกนั้นมาจากเขา แล้วแจกจ่ายในหมู่พวกเราอย่างรวดเร็ว เพราะมี หนังสืออยู่สามเล่ม พวกเราจึงได้ดูกันคนละเล่ม ยกเว้นเจ้าทึ่ม เล่มที่ กระผมได้มาชื่อ สารผลึกวิทยาระดับเบื้องต้น กระผมเปิดมันออกแล้ว กล่าวว่า  : ‘เยี่ยม ชั้นหนึ่งจริงๆ’ พลางพลิกหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้ว กระผมก็กล่าวด้วยน้ำ � เสียงตื่นตกใจว่า  : ‘แต่นี่มันอะไรกันเล่าขอรับ คำ�ศัพท์ลามกจกเปรตนี่มันอะไรกัน กระผมทนเห็นมันไม่ได้ พี่ชายทำ�ให้ กระผมผิดหวังเหลือเกิน จริงๆ  นะขอรับ’ ‘แต่’ เขาพยายามค้าน ‘แต่ แต่’ ‘นี’่ จอร์จว้ี า่ ‘นีค่ อื สิง่ ทีก่ ระผมควรเรียกว่าอุจาดจริง มีศพั ท์ค�ำ หนึง่ ขึ้นต้นด้วยสระเอ ยอยักษ์ อีกคำ�สะกดด้วยหอหีบ สระอี’ หนังสือในมือ ของเขาชื่อ ปาฏิหาริย์แห่งเกล็ดหิมะ ‘โอ้’ เจ้าทึ่มพูด พลางชะโงกหน้าข้ามไหล่พีท แต่ชะโงกมากไป หน่อย ตามประสามัน ‘มีเขียนอยู่ตรงนี้ด้วยว่าผู้ชายทำ�อะไรกับผู้หญิง แถมยังมีภาพประกอบอีกซะด้วยแน่ะ เฮ้ย’ มันว่า ‘แกมันก็ไอ้แก่ลามก ดี  ๆ  นเ่ี องนี่หว่า’ ‘อายุอานามก็ขนาดนี้แล้วนะขอรับพี่ชาย’ กระผมว่า แล้วกระผม ก็เริ่มฉีกหนังสือที่ถืออยู่ออกเป็นชิ้นๆ คนอื่นก็ทำ�เช่นเดียวกันกับหนังสือ ที่พวกเขาถืออยู่ เจ้าทึ่มกับพีทกำ�ลังยื้อแย่งหนังสือ ระบบโครงสร้างผลึก พวกนั้น ไอ้แก่ท่าทางเหมือนอาจารย์เริ่มตะโกนร้อง  : ‘แต่หนังสือพวกนี้ ไม่ใช่ของฉันนะ พวกมันเป็นสมบัติของเมือง การกระทำ�ของพวกแกมัน เป็นการทำ�ลายทรัพย์สนิ ทีป่ า่ เถือ่ นแท้  ๆ’ หรืออะไรห่าเหวทำ�นองนัน้ แล้ว


คนไขลาน 19

เขาก็พยายามดึงหนังสือกลับไปจากพวกเรา ซึ่งน่าสมเพชมาก ‘พี่ชาย สมควรต้องถูกสั่งสอนเสียหน่อย’ กระผมว่า ‘สมควรจริงๆ’ หนังสือ เกี่ยวกับผลึกที่กระผมถืออยู่นั้นได้รับการเข้าเล่มไว้แข็งแรงจนยากต่อ การฉีกเป็นชิ้นๆ ความที่มันเก่าแก่และถูกผลิตขึ้นในยุคที่สิ่งของถูกสร้าง ให้มีอายุใช้งานยืนนาน แต่กระผมก็สามารถฉีกมันออกมาเป็นหน้าๆ  ได้ แล้วโยนมันเหมือนเกล็ดหิมะก้อนใหญ่ใส่ร่างชายแก่ผู้กำ�ลังแหกปาก ตะโกน จากนั้นคนอื่นๆ  ก็ทำ�ตามกระผมด้วยหนังสือในมือพวกมัน ส่วน เจ้าทึม่ ได้แต่กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ตามประสาตัวตลก ‘เป็นไง’ พีทว่า ‘ปาตีห่านแห่งเป็ดหิมะของเอ็งไงล่ะ ไอ้นักอ่านเรื่องลามกโสมม’ ‘ไอ้เฒ่าจิตทราม’ กระผมว่า แล้วพวกเราก็เริ่มกลั่นแกล้งเขา พีท ตรึงแขนของเขา จอร์จ้ีง้างปากของเขาค้างไว้ และเจ้าทึ่มกระชากฟัน ปลอมของเขาออกจากปาก ทั้งด้านบนและด้านล่าง มันเขวี้ยงฟันปลอม ลงบนพื้นแล้วกระผมก็กระทืบตามด้วยรองเท้าบูต แต่มันแข็งแกร่งเป็น บ้าทีเดียว ทำ�ขึ้นด้วยพลาสติกอย่างดีชนิดใหม่อะไรสักอย่าง ไอ้แก่เริ่ม ส่ ง เสี ย งพึ ม พำ � ประมาณ — ‘อุ๊ บ อ๊ า บ โอ๊ บ ’ — จอร์ จี้ ก็ เ ลยหยุ ด แหก ริมฝีปากของเขา แล้วปล่อยหมัดใส่ปากเขาด้วยนิ้วประดับแหวน ซึ่ง ทำ�ให้ไอ้แก่โอดร้องรุนแรง จากนั้นเลือดก็ทะลักออกมาเลยละขอรับ พี่น้อง แจ่มมากๆ จากนั้นพวกเราจึงทำ�แค่ถลกเสื้อผ้าชั้นนอกของเขา ออก เปลื้องจนเหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงในขายาว (โบราณสุดๆ  : เจ้าทึ่มขำ�จนหัวแทบหลุด) แล้วพีทก็เตะเข้าที่พุงของเขาอย่างงดงาม แล้ ว พวกเราก็ ป ล่ อ ยเขาเดิ น โซซั ด โซเซจากไป ที่ จ ริ ง พวกเราก็ ไ ม่ ไ ด้ รุนแรงกับเขาสักเท่าไรหรอก เขาส่งเสียงร้อง ‘โอ โอ โอ’ อย่างไม่รู้สึกรู้สา


20 แอนโธนี เบอร์เจสส์

ว่าอะไรคืออะไร พวกเราหัวเราะเยาะส่งท้าย แล้วจึงสำ�รวจกระเป๋า เสื้อผ้าของเขา ขณะที่เจ้าทึ่มกระโดดโลดเต้นไปมาพร้อมร่มคันกระจอก ของเขา แต่ในกระเป๋าไม่มีอะไรนัก มีจดหมายเก่าๆ  อยู่สองสามฉบับ บางฉบับลงวันที่ย้อนไปถึงปี 1960 โน่นเลย ขึ้นต้นจดหมายทำ�นอง ‘ที่รัก สุดทีร่ กั ของฉัน’ และอะไรงีเ่ ง่าห่าเหวทำ�นองนัน้ มีพวงกุญแจและปากกา เลอะๆ  เ ก่ า ๆ  ห นึ่ ง ด้ า ม เจ้ า ทึ่ ม เลิ ก เต้ น ระบำ � ร่ ม แล้ ว เริ่ ม อ่ า นหนึ่ ง ใน จดหมายพวกนั้นออกมาดังๆ ตามประสามัน ราวจะประกาศให้ถนน โล่งๆ  สายนั้นรับรู้ว่ามันอ่านหนังสือออก ‘ที่รักของฉัน’ มันอ่านด้วยเสียง สูง ‘ฉันจะนึกถึงเธอในยามที่เธออยู่ไกล และหวังว่าเธอจะไม่ลืมสวม เสื้อผ้าให้อบอุ่นก่อนจะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน’ จากนั้นมันปล่อย เสียงหัวร่อออกมาดังๆ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” — แล้วแกล้งทำ�เป็นใช้จดหมายเช็ด ปาก ‘เอาละ’ กระผมว่า ‘พอได้แล้วสหาย’ ในกระเป๋ากางเกงของไอ้แก่ นั่นมีเศษเงินอยู่นิดหน่อยเท่านั้น — ไม่ถึงสามกอลลี เราจึงโปรยเหรียญ เส็งเคร็งของเขากระจัดกระจายไปทั่วๆ เพราะมันเป็นแค่เศษขี้เมื่อเทียบ กับจำ�นวนเงินที่เรามีอยู่แล้ว จากนั้นเราก็ทำ�ลายร่มและฉีกเสื้อผ้าของ เขาออกเป็นชิ้นๆ แล้วปล่อยมันไปกับสายลมขอรับพี่น้อง แล้วพวกเราก็ จบสิ้นภารกิจกับไอ้แก่ท่าทางเหมือนอาจารย์นั่น กระผมรู้ดีว่าพวกเรา ไม่ได้ทำ�อะไรมากมาย แต่ราตรีเพิ่งจะเริ่มต้น ไม่มีเหตุผลต้องเสียดง เสียดายอะไร สารเคมีในน้ำ � นมผสมกำ�ลังเริ่มทำ�งานแทงทิ่มอารมณ์ อย่างงดงามและยอดเยี่ยมแล้ว ขั้นต่อมาคือกิจกรรมการกุศล ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการกำ�จัดเงินของ พวกเราออกไปบ้ า ง จะได้ มี แ รงกระตุ้ น ให้ อ อกปล้ น ร้ า นรวงต่ า งๆ


คนไขลาน 21

นอกจากนั้นมันยังจะเป็นข้อแก้ต่างให้พวกเราไว้ล่วงหน้า พวกเราจึง เข้าไปที่บาร์ ดุ๊ค ออฟ นิวยอร์ก บนถนนเอมิส และแน่นอนว่าในนั้นมีป้า แก่สามสี่นางกำ�ลังดื่มเบียร์ฟองฟอดด้วยเงินสงเคราะห์ของรัฐ พวกเรา ทำ�ตัวเป็นสุภาพบุรษุ ยิม้ แย้มอย่างสำ�รวมให้กบั ทุกคน ทว่าป้าแก่พวกนัน้ เริม่ แสดงอาการประหม่า มือเหี่ยวย่นและปูดโปนของพวกหล่อนสั่นเทา ไปรอบๆ  แก้วเบียร์​ทำ�เอาฟองกระฉอกหกบนโต๊ะ ‘อย่ามาก่อกวนพวก เราเลยน่าหนุ่มๆ’ หนึ่งในนั้นว่า ใบหน้าของหล่อนยับยู่จากอายุที่มาก เป็นพันๆ  ปี ‘พวกเราก็แค่หญิงแก่จนๆ  เท่านั้นแหละ’ แต่เราก็แค่ฉีกยิ้ม แฉ่งแฉ่งแฉ่ง แล้วนั่งลง กดกริ่ง รอเด็กเสิร์ฟ เมื่อเขามาถึงในอาการตื่น ตระหนก ถูไถมือไม้ตัวเองกับผ้ากันเปื้อนโสโครกของเขาไปมา เราก็สั่ง ทหารผ่านศึกสี่แก้ว — ทหารผ่านศึกคือรัมผสมบรั่นดีเชอร์รี ซึ่งกำ�ลังเป็น เครือ่ งดืม่ ในความนิยมขณะนัน้ บางคนก็ชอบหยอดน้ำ�มะนาวลงไปด้วย นั่นเป็นการผสมแบบแคนาดา แล้วกระผมก็พูดกับเด็กเสิร์ฟว่า  : ‘จัดเครื่องดื่มชุ่มคออะไรสักอย่างไปให้พวกป้าๆ  ตรงนั้นหน่อยสิ สก็ อ ตช์ แ ก้ ว ใหญ่ ใ ห้ ทุ ก คนและอะไรสั ก อย่ า งสำ � หรั บ ให้ พ วกเธอถื อ กลับบ้านไปด้วย’ แล้วกระผมก็เทเงินในกระเป๋าลงบนโต๊ะ อีกสามตัวก็ ทำ�ตามเช่นกันขอรับพี่น้อง แล้วเครื่องดื่มหนักสองชุดก็ถูกจัดมาให้พวก สาวแก่ พวกเธอทำ�ตัวไม่ถกู พูดอะไรไม่ออก หนึง่ ในนัน้ เอ่ยขึน้ ว่า ‘ขอบใจ นะหนุ่มๆ’ แต่ดูก็รู้ว่าพวกเธอรู้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีตามมา อย่างไรก็ตาม พวกหล่อนได้รับแยงก์เจเนรัลคนละขวด นั่นคือคอนยัค สำ�หรับถือกลับ บ้าน แล้วกระผมก็สั่งให้ทางร้านจัดส่งเบียร์ให้พวกเธอคนละโหลใน เช้าวันรุ่งขึ้น โดยให้พวกเธอทิ้งที่อยู่บ้านหญิงชราของพวกเธอไว้บน


22 แอนโธนี เบอร์เจสส์

เคาน์เตอร์ และด้วยเงินที่เหลือของเรานะขอรับพี่น้อง เราก็ใช้มันซื้อ พายเนื้อ เพรเซิล แครกเกอร์ชีส มันฝรั่งทอดกรอบ และช็อกโกแล็ตแท่ง และเราก็ซื้อของทั้งหมดนั่นให้พวกสาวแก่เช่นกัน แล้วเราก็บอกพวกเธอ ว่า  : ‘อีกแป๊บจะกลับมานะขอรับ’ พวกป้าๆ  ก็ยังคงพูดว่า  : ‘ขอบใจนะ หนุ่มๆ’ และ ‘โชคดีนะหนุ่มๆ’ แล้วพวกเราก็ออกไปจากที่น่ันโดยไม่มี สตางค์หลงเหลืออยูใ่ นกระเป๋าแม้แต่แดงเดียว ‘เมื่อกี๊รู้สึกดีเหมือนกันว่ะ’ พีทว่า เจ้าทึ่มสมองทื่อดูเหมือนจะ ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร แต่มันไม่ปริปากพูด ด้วยกลัวจะถูกประณามว่า เป็นเด็กงี่เง่าสมองกลวง แล้วพวกเราก็เดินเลี้ยวไปถนนแอทท์ลี ที่ยังมี ร้านขายของชำ�เปิดบริการอยู่ พวกเราไม่ได้แวะก่อกวนพวกมันเป็น เดือนๆ  แล้ว ที่ผ่านมาทั้งย่านนั้นค่อนข้างอยู่ในความสงบ ทำ�ให้พวก ตำ�รวจและหน่วยลาดตระเวนไม่ค่อยเวียนมาบ่อยนัก เดี๋ยวนี้พวกมันมัก จะไปโผล่แถวตอนเหนือของแม่น้ำ � มากกว่า พวกเราสวมหน้ากาก — หน้ากากพวกนี้เป็นของใหม่ ทำ�ออกมาได้เจ๋งมากๆ  ; เป็นใบหน้าของ บุคคลสำ�คัญในประวัติศาสตร์ (มีชื่อกำ�กับบอกมาด้วยตอนซื้อ) ของ กระผมเป็นหน้าดิซราเอลี ของพีทเป็นเอลวิส เพรสลีย์ จอร์จี้เป็นเฮนรี ที่แปด ส่วนเจ้าทึ่มได้หน้าของกวีชื่อพีบี เชลลีย์ หน้ากากพวกนี้ทำ�ออก มาได้เหมือนเป็นอุปกรณ์ปลอมตัวสุดๆ มีเส้นผมอะไรพวกนั้นด้วย ทำ� จากพลาสติกพิเศษที่สามารถม้วนเก็บเมื่อใช้เสร็จและซ่อนไว้ในรองเท้า บูตได้ — แล้วพวกเราก็บุกเข้าไปในร้านกันสามคน พีททำ�หน้าที่เป็นผู้ คุมสถานการณ์อยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรต้องเป็นห่วงนักหรอก ทันทีที่เราบุกเข้าไปในร้านเราก็รไ่ี ปทีซ่ เลาส์ เจ้าของร้านร่างใหญ่ตยุ้ นุย้ ผู้


คนไขลาน 23

เข้าใจสถานการณ์ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบพุ่งไปหลังร้าน ตรงที่มี โทรศัพท์และอาจมีกระบอกปืนวับวาวของเขาวางอยู่ บรรจุกระสุนหก นัดไว้พร้อมเพรียง เจ้าทึ่มกระโจนเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ พลิ้วไวราววิหค ร่อน ทำ�ให้ซองบุหรี่ลอยกระจายไปทั่ว พลางหัวร่อกับคัตเอาต์ที่เป็น ภาพหญิงสาวยืนยิงฟันขาวจั๊วะให้ลูกค้า โฆษณาบุหรี่ยี่ห้อใหม่ หน้าอก หน้าใจของเธอแทบทะลักออกมากองข้างนอก ภาพที่เห็นชัดในตอนนั้น คือก้อนกลมใหญ่กลิ้งอยู่ในร้านหลังผ้าม่าน ซึ่งก็คือเจ้าทึ่มกับซเลาส์ กำ�ลังปลุกปล้ำ�กันอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นก็มีเสียงหืดหอบ เสียง คราง เสียงเตะถีบอยู่ และเสียงข้าวของร่วงกราวไปทั่ว เสียงสบถ ตาม ด้วยเสียงแก้วแตกดังเพล้ง เพล้ง เพล้ง ซเลาส์ผู้เมียยืนแข็งทื่ออยู่หลัง เคาน์เตอร์ พวกเราคะเนว่าเธอคงจะส่งเสียงแผดร้องขอความช่วยเหลือ ถ้ามีโอกาส กระผมจึงรุดเข้าไปหลังเคาน์เตอร์แล้วยึดร่างเธอไว้ ตัวเธอ เองก็มีลักษณะเป็นก้อนกลมใหญ่เอาเรื่องเสียด้วย แถมกลิ่นตัวโชยเฉ่า นมขนาดเบ้ อ เร่ อ เท่ อ กระเพื่ อ มขึ้ น ลง กระผมโอบกุ ม ปากเธอเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เธอแผดร้องโหยหวนออกไปทำ�ลายภารกิจของพวกเรา แต่ อีสัตว์เสือกกัดลงบนแขนของกระผม ทำ�ให้กระผมต้องเป็นฝ่ายส่งเสียง ร้องเสียเอง แล้วเธอก็แหกปากเอ็ดตะโรเรียกหาตำ�รวจ เธอจึงต้องโดน ทุบอย่างแรงด้วยตุ้มน้ำ �หนักจากตาชั่ง ตามด้วยการฟาดด้วยชะแลงที่ พวกมันใช้เปิดกล่องสินค้า เรียกเอาเลือดสีแดงๆ  ออกมาทักทายราวกับ เพื่อนเก่าที่คุ้นเคย เธอล้มลงบนพื้น แล้วเราก็ถลกเสื้อผ้าของเธอออก เพื่อความครื้นเครง แล้วใช้รองเท้าบูตเหยียบไปบนร่างเพื่อระงับเสียง ครวญครางของเธอ เมื่อได้เห็นเธอนอนโชว์อกเปลือยเปล่า กระผมถาม


24 แอนโธนี เบอร์เจสส์

ตัวเองว่าจะจัดการสักทีดีไหม แต่กิจกรรมอย่างนั้นควรเก็บไว้สำ�หรับ ตอนดึกๆ แล้วพวกเราก็กวาดเก็บเงินในลิ้นชักจนเกลี้ยง ได้มาไม่น้อย เลยทีเดียวในคืนนั้น พวกเราคว้าบุหรี่ชั้นดีติดมือไปคนละสองสามซอง ขอรับพี่น้อง แล้วจึงเผ่นไปจากร้าน ‘ไอ้ สั ต ว์ นั่ น มั น ตั ว ใหญ่ ม หึ ม าเอาเรื่ อ งจริ ง ๆ’ เจ้ า ทึ่ ม พร่ำ � บ่ น ซ้ำ�ซาก กระผมไม่ชอบสภาพของเจ้าทึ่ม มันดูสกปรกและไม่เรียบร้อย เอาเลย ดูเหมือนคนที่เพิ่งไปมีเรื่องต่อยตีมาหยกๆ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น จริงๆ  ก็ใช่ แต่เราต้องไม่อยู่ในสภาพที่ดูเป็นอย่างนั้น ผ้าพันคอของมันดู เหมือนถูกคนย่ำ�กระทืบ หน้ากากของมันถูกกระชากออก และมีเศษดิน เปื้ อ นอยู่ บนใบหน้า พวกเราจึงพามันเข้าไปหลบในตรอกเล็กๆ  เพื่อ ทำ�ความสะอาด ถ่มน้ำ � ลายรดผ้าเช็ดหน้าของพวกเราให้เปียกเพื่อใช้ ปาดเศษดินออก พวกเราดูแลเจ้าทึ่มดีเหลือเกิน พวกเรากลับเข้าไปใน บาร์ ดุ๊ค ออฟ นิวยอร์กอย่างว่องไว จากนาฬิกาของกระผม ดูเหมือนว่า เราไม่น่าจะหายตัวไปนานเกินสิบนาที ยายป้าพวกนั้นยังคงซดเบียร์ และสก็อตช์ที่พวกเราซื้อให้ พวกเราทักขึ้นว่า: ‘ฮาโหล สาวๆ รับอะไรอีก ดีละขอรับ’ พวกป้าพูดย้ำ�ซ้ำ�ๆ  ซากๆ เหมือนเดิมว่า ‘ใจดีจริงๆ เลยหนุ่มๆ เจริญๆ  เถอะนะจ๊ะ’ พวกเรากดกริ่ง คราวนี้เด็กเสิร์ฟคนใหม่โผล่มาแทน คนก่อน แล้วเราก็สั่งเบียร์ผสมรัมมาดื่มกัน ด้วยความกระหายน่ะขอรับ พี่น้อง และสั่งอะไรก็ตามที่พวกป้าๆ  ต้องการ แล้วกระผมก็พูดกับพวก นั้นว่า  : ‘พวกเราไม่ได้ออกไปไหนกันมาเลยใช่ไหมขอรับ พวกเราอยู่กันที่ นี่ตลอดเวลาใช่ไหมขอรับ’ พวกป้าเข้าใจอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า  : ‘ถูกต้องจ้ะ หนุ่มๆ ไม่ได้หายไปจากสายตาพวกเราเลย เจริญๆ


คนไขลาน 25

เถอะนะหนุ่มๆ’ แล้วจึงยกแก้วดื่ม จริงๆ  แล้วมันก็ไม่ได้สลักสำ�คัญอะไรนักหรอก ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก่อนที่จะมีสัญญาณเคลื่อนไหวจากพวกตำ�รวจ ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงแค่ เจ้าหน้าที่หนุ่มสองนายเท่านั้นที่เดินเข้ามา ใบหน้าใต้หมวกของพวกมัน เป็นสีชมพูก่ำ� หนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า  : ‘พวกเอ็งรู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านของซเลาส์คืนนี้ บ้างมั้ย’ ‘พวกเราน่ะรึ’ กระผมพูดอย่างซื่อใสบริสุทธิ์ “ทำ�ไมหรือขอรับ เกิด อะไรขึ้น’ ‘ปล้นทรัพย์และประทุษร้ายร่างกาย สองคนถูกส่งโรงพยาบาล พวกเอ็งไปไหนกันมาล่ะคืนนี้’ ‘กระผมไม่ปลื้มกับน้ำ�เสียงแบบนั้นนะขอรับ’ กระผมว่า ‘กระผม ไม่ชอบการพูดมีนัยยะแบบนี้สักเท่าไหร่ แบบนี้มันส่อแววไม่น่าไว้ใจนะ ขอรับพี่ชาย’ ‘พวกนั้นอยู่ที่นี่กันทั้งคืนจ้ะหนุ่มๆ ’ พวกสาวแก่เริ่มพูด ‘ไม่มี หนุ่มๆ ที่ไหนจะใจดีมีเมตตามากเท่าพวกนี้อีกแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ตลอด ทั้งคืนจริงๆ พวกเรายังไม่เห็นพวกเขาขยับไปไหนเลย’ ‘พวกเราก็แค่สอบถามเท่านั้น’ ตำ�รวจหนุ่มอีกนายกล่าว ‘เรา ก็มีหน้าที่ของเรา เหมือนกับคนอื่นๆ’ แต่พวกมันส่งสายตาเชิงตักเตือน มายังพวกเราก่อนจะออกไปจากบาร์ ขณะทีพ่ วกมันเดินออกไป พวกเรา ช่วยส่งด้วยเสียงยั่วล้อ  : แบรรรรรรรร แต่สำ�หรับตัวกระผมเอง กระผม อดไม่ได้ที่จะรู้สึกค่อนข้างผิดหวังกับสังคมในวันเวลาช่วงนั้น ไม่มีอะไร


26 แอนโธนี เบอร์เจสส์

ท้าทายให้ต่อกรด้วยเลยจริงๆ ทุกอย่างง่ายดายเป็นบ้า แต่ทว่าค่ำ � คืน ยังเยาว์นัก


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.