เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์
9
10 พัททริค ซึสคินท์
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 11
ไลต์เฮาส์พับลิชชิ่ง
สำ�นักพิมพ์ในเครือบริษัท ไบรทคิดส์ จำ�กัด 1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โทรศัพท์ 0-2612-3114-5 โทรสาร 0-2215-1654
12 พัททริค ซึสคินท์
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ เรื่อง พัททริค ซึสคินท์ ภาพ ฌ็อง-ฌาคส์ ซ็องเป แปล ชลิต ดุรงค์พันธุ์ ออกแบบปก รัตนา ลีเลิศชัย บรรณาธิการบทแปล รังสิมา ตันสกุล บรรณาธิการเล่ม กมลทิพย์ สิทธิกรโอฬารกุล ศิลปกรรม กมล ชัยสิทธิ พิสูจน์อักษร ธารา
ข้อมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ ซึสคินท์, พัททริค เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ Die Geschichte von Herrn Sommer.--กรุงเทพฯ : ไลต์เฮาส์, 2552. 120 หน้า. 1. นวนิยายเยอรมัน. I. ชลิต ดุรงค์พันธุ์, ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง. 833.914 ISBN 978-616-90076-0-9 พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2552 จัดพิมพ์ : ไลต์เฮาส์พับลิชชิ่ง สำ�นักพิมพ์ในเครือบริษัท ไบรทคิดส์ จำ�กัด 1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โทรศัพท์ 0-2612-3114-5 โทรสาร 0-2215-1654 พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด ภาพพิมพ์ โทรศัพท์ 0-2433-0026-7 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัท เอ-บุ๊ค ดิสทริบิวชั่น จำ�กัด 99/44 ซอยติวานนท์ 4 ถนนติวานนท์ อำ�เภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 0-2968-9337 โทรสาร 0-2968-9207
Die Geschichte von Herrn Sommer
Rights for the drawings by Jean-Jacque Sampé are by Editions Gallimard Paris. Rights for the text by Patrick Süskind are by Diogenes Verlag Zürich. All international rights are by Diogenes Verlag Zürich. All rights reserved. Copyright © 1991 by Diogenes AG Zürich Thai Language Copyright © 2009 by Lighthouse Publishing an imprint of BrightKids Company Limited 1 Rongmuang 5 Road Pathumwan Bangkok 10330 Thailand. Phone 0-2612-3114-5 Fax 0-2215-1654
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 13
14 พัททริค ซึสคินท์
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 15
พัททริค ซึสคินท์
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ ฌ็อง-ฌาคส์ ซ็องเป
ภาพ
16 พัททริค ซึสคินท์
คำ�นำ�ผู้แปล เรื่องราวของชายชราคนหนึ่งที่วัน ๆ ไม่ทำ�งานทำ�การอะไร เอา แต่เดินไปเดินมา ไม่ว่าอากาศร้อนหนาวชุ่มฉ่ำ�ฝนลมกระชาก กระชั้น ลูกเห็บโหมกระหน่�ำ รุนแรงแค่ไหนก็ไม่น�ำ พา ย่อมเป็นเรือ่ งทีส่ ะกิด ต่อม ความสนใจของผูอ้ า่ นให้ตน่ื ตัวเกิดความสนใจใคร่อยากรูถ้ งึ ทีม่ าที่ ไปเหตุ แห่งแรงบันดาลใจของการเดินดุ่มโดดเดี่ยวไร้อาการสะทกสะท้าน ต่อ โลกและเรื่องราวรอบตัวของชายชราผู้มีนามว่าคุณหน้าร้อนคนนี้ แต่เหตุไฉนยิ่งเล่าไป ผู้เล่ากลับไม่ยอมเข้าเรื่องและเตลิดไปไกล จากเรื่องที่ตั้งใจว่าจะเล่า... แน่ละ คนเล่ายอมรับเองว่าเขาเป็นคนที่เล่าแล้วชอบออกนอก เรื่องด้วยอาการผิดปกติบางอย่างของสมอง
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 17
แต่นั่นจะใช่เหตุผลเพียงอย่างเดียวหรือ เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องที่แปลก น่าตื่นเต้น มีแง่มุมความคิดลุ่มลึก น่าทึ่ง หรือน่าติดตาม เหมือนอย่างเรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์นั้น ถึงที่สุดแล้วเป็นเรื่องที่ไม่อาจเล่าถึงหรือไม่อาจเข้าใจได้ หรือเล่า แล้ว จะทำ�ให้ความแปลกความลึกลับมลายหายไป หรือว่าการไถลออกนอกเรื่อง เฉไฉไม่เล่าเรื่องที่ใหญ่โต แต่ทำ�ให้ เรื่องธรรมดาสามัญอย่างห้วงวัยแห่งการเติบโตของเด็กคนหนึ่ง กลายเป็นเรื่องขึ้นมาได้ คือ การสะท้อนภาพเปรียบเปรยหน้าที่ ของการเล่า หน้าที่ของวรรณกรรม หรือว่า จริง ๆ แล้วเวลาที่เราเล่าถึงเรื่องอื่น ๆ นั้น เราก็กำ�ลังเล่า เรื่องของตัวเราเองไปด้วย ลองอ่านดูนะครับ บางทีคุณอาจไม่เพียงเจอคำ�ตอบ แต่อาจ เจอคำ�ถามมากกว่าที่ผมเจอก็ได้
ชลิต ดุรงค์พันธุ์ ชะวาบัค เยอรมนี กันยายน 2552
18 พัททริค ซึสคินท์
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 19
เมื่
อครั้ ง ผมยั ง ปี น ป่ ายต้ น ไม้ อ ยู่ – น าน นานแสนนานแล้ ว หลายปี หลายสิบปีมาแล้ว ครั้งนั้นผมสูงเลยเมตรหนึ่ง เล็กน้อย สวมรองเท้าเบอร์ยี่สิบแปด และน้ำ�หนักตัวเบาจนบินได้ – ไ ม่ ค รั บ ไม่ ไ ด้ โ กหก ตอนนั้ น ผมบิ น ได้ จ ริ ง ๆ – ห รื อ อย่ า งน้ อ ย ก็เกือบได้ หรือพูดกันอย่างนี้ดีกว่าว่า ตอนนั้นหากผมต้องการ จริง ๆ หรือได้พยายามอย่างจริงจัง มันก็อยู่ในอำ�นาจของผมที่ จะบิ น ได้ เพราะ...เพราะผมจำ � ได้ แ ม่ น ว่ า ครั้ ง หนึ่ ง ผมเกื อ บจะ บินจริง ๆ ตอนนั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ ปีแรกที่ผมไปเรียน วันนั้น ระหว่างทางกลับจากโรงเรียนมีลมพัดแรงมากเสียจนผมสามารถ เดินต้านกระแสลมโดยเอนลำ�ตัวไปด้านหน้าจนเกือบขนานพื้น ไม่ต่างจากพวกนักแข่งกระโดดสกี จะว่าไปแล้วยังเอนไปมากกว่า พวกนักสกีเสียอีก เอนโดยไม่ล้ม...ครั้นผมวิ่งเข้าปะทะแรงลม วิ่งข้ามทุ่งหญ้าลงจากเนินเขาของโรงเรียน – เพราะโรงเรียนของผม ตั้งอยู่บนเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งนอกหมู่บ้าน – และออกแรงดันตัวขึ้นจาก พื้นเล็กน้อย พร้อมกางแขนออก แรงลมก็พัดตัวผมขึ้น จนผม
20 พัททริค ซึสคินท์
สามารถลอยขึ้นสูงจากพื้นสองสามเมตร และลอยลิ่วไปข้างหน้า ได้ไกลสิบหรือสิบสองเมตรโดยไม่ต้องออกแรงแต่อย่างใด–หรือ บางทีอาจไม่สูงและไม่ไกลขนาดนั้น แต่นั่นจะไปสำ�คัญอะไร! – เอาเป็นว่า ผมเกือบบินได้ในตอนนั้น และหากผมเพียงแต่ปลด กระดุมเสื้อโค้ตออกและใช้มือจับมันแผ่ออกทั้งสองข้างราวกับปีก แรงลมก็คงพัดพาตัวผมลอยขึ้นเป็นแม่นมั่น และผมก็คงบินร่อน จากเนินเขาของโรงเรียนข้ามหุบเขาเบือ้ งล่างไปยังป่าได้อย่างง่ายดาย และบินข้ามป่าไปยังทะเลสาบซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านผม และพอถึง ที่ โ น่ น ก็ ค งบิ น ตี ว งโค้ ง อย่ า งสง่ า งามอยู่ บ นฟ้ า ข้ า งบนเหนื อ สวน ของเรา พร้อมกับสร้างความตื่นตะลึงพึงเพริดให้แก่พ่อ แม่ พี่สาว และพี่ชายของผมซึ่งล้วนแต่อายุมากและหนักเกินกว่าจะบินได้ ก่อนจะโบยบินไปร่อนอยู่เหนือทะเลสาบ ไปจนเกือบถึงอีกฝั่งหนึ่ง และปล่อยให้สายลมพัดพากลับมาอย่างแช่มช้า แต่ถึงกระนั้น ก็ยังกลับมากินอาหารมื้อเที่ยงที่บ้านได้ตรงเวลา แต่ผมไม่ได้ปลดกระดุมเสือ้ โค้ตและไม่ได้บนิ ขึน้ สูงจริง ๆ แต่ นี่หาใช่เพราะผมกลัว แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะร่อนลงยังไง ร่อนลง ที่ ไ หน และไม่ รู้ ว่ า ตั ว เองจะร่ อ นลงได้ อี ก หรื อ เปล่ า ต่ า งหาก ระเบียงหน้าบ้านของเราก็แข็งเกิน สวนก็เล็กเกิน น้ำ�ในทะเลสาบ หรือก็เย็นเกินไปสำ�หรับการร่อนลง เรื่องบินขึ้นน่ะไม่ใช่ปัญหา แต่ขึ้นไปแล้วสิจะลงมายังไง? การปี น ต้ น ไม้ ก็ เ ช่ น กั น : การปี น ขึ้ น เป็ น เรื่ อ งที่ ส ร้ า งความ
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 21
22 พัททริค ซึสคินท์
ลำ�บากน้อยที่สุด เราเห็นกิ่งไม้อยู่ข้างหน้า ใช้มือสัมผัสมันได้ และสามารถประเมินความแข็งของมันได้ ก่อนจะใช้มือเหนี่ยวกิ่ง แล้วดึงตัวขึ้น และค่อยเอาเท้าเหยียบกิ่งนั้นตาม แต่ตอนปีนลง เรามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น และต้องใช้เท้าเขี่ยหยั่งที่กิ่งไม้ซึ่งอยู่ ต่ำ�ลงไปแบบสุ่ม ๆ ไม่มากก็น้อยกว่าจะพอหาที่วางเท้าอันมั่นคงได้ และบ่อยครั้งไอ้ตรงที่ที่วางเท้าลงไปนั้นมันก็ไม่ได้มั่นคงพอ แต่ กลับผุหรือไม่กล็ น่ื และเราก็ลน่ื หรือไม่กง่ิ ไม้นน้ั ก็หกั ร่วงลงไป และ หากไม่ได้เอามือทั้งสองเกาะเกี่ยวกิ่งไม้กิ่งใดกิ่งหนึ่งไว้อย่างแน่น หนาแล้ว ร่างเราก็จะร่วงลงไปสู่พื้นเบื้องล่างไม่ต่างอะไรจากหิน ก้อนหนึ่ง เป็นไปตามกฎการตกของวัตถุซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาว อิตาเลียนผู้มีนามว่ากาลิเลโอ กาลิเลอี ได้ค้นพบไว้ตั้งแต่เมื่อกว่า สี่ร้อยปีก่อนและยังคงใช้ได้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ การตกต้นไม้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดของผมนั้นก็เกิดขึ้นใน ปีแรกที่ไปโรงเรียนนี้เช่นเดียวกัน เป็นการตกจากต้นสนต้นหนึ่งที่ ความสูงสี่เมตรครึ่ง เป็นไปตามกฎการตกของวัตถุข้อแรกของ กาลิเลโออย่างไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งก็คือกฎที่กล่าวไว้ว่า ช่วงระยะเวลา ที่เท่ากัน ระยะทางของวัตถุที่ตกเป็นสัดส่วนกับเวลายกกำ�ลังสอง (s = ½g . t2) และตามสมการที่ว่านี้ก็ใช้เวลาเบ็ดเสร็จแล้วเท่ากับ 0.9578262 วินาที ซึ่งนั่นเป็นเวลาที่สั้นเหลือเกิน เป็นเวลาที่สั้น กว่าเวลาที่เราใช้นับตัวเลขยี่สิบเอ็ดถึงยี่สิบสอง จะว่าไปแล้วก็สั้น กว่าเวลาที่เราต้องใช้เพื่อจะเอ่ยพูดคำ�ว่า “ยี่สิบเอ็ด” ออกมาอย่าง
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 23
24 พัททริค ซึสคินท์
ชัดถ้อยชัดคำ�เสียด้วยซ้ำ�! ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมไม่มี เวลากางแขน ไม่มีเวลาปลดกระดุมเสื้อโค้ตเพื่อใช้มันแทนร่มชูชีพ ใช่ แม้แต่จะนึกถึงเรื่องที่อาจช่วยผมในยามคับขันเช่นนั้นได้ นั่น คือเรื่องที่ว่าอันที่จริงแล้วผมบินได้ – ผมไม่สามารถคิดถึงอะไรได้ แม้แต่อย่างเดียวในห้วงเวลา 0.9578262 วินาทีนั้น และก่อนจะ สำ�นึกว่าตัวเองกำ�ลังตกลงนั้น ร่างผมก็กระแทกเข้ากับพื้นป่าตาม กฎการตกของวั ต ถุข้อ ที่ส องของกาลิเลโอตามสมการ (v = g . t) ด้วยความเร็วสุดท้ายมากกว่า 33 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเข้าให้แล้ว แถมยังตกลงอย่างแรงจนท้ายทอยผมกระแทกเอาท่อนไม้ขนาดโต เท่าแขนหักออกเป็นสองเสี่ยง เราเรียกเจ้าแรงที่ส่งผลให้เป็นเช่นนี้ ว่าแรงโน้มถ่วง เจ้าแรงทีว่ า่ นีไ้ ม่เพียงช่วยยึดเหนีย่ วภายในของโลก เอาไว้ด้วยกัน ทว่ามันยังมีคุณสมบัติที่ไม่ค่อยน่ารื่นรมย์เท่าไรนัก อยู่ ใ นตั ว ด้ ว ย กล่ า วคื อ เจ้ า แรงนี้ จ ะดู ด ดึ ง วั ต ถุ ทุ ก อย่ า งไม่ ว่ า ใหญ่โตหรือเล็กจิ๋วแค่ไหนด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลเข้าหาตัว มีแต่ เวลาอยู่ในท้องแม่หรือยามดำ�น้ำ�อยู่ใต้ผิวน้ำ�เท่านั้นที่ดูเหมือนเรา จะหลุดรอดจากโซ่ตรวนของเจ้าแรงโน้มถ่วงนี้ นอกจากความ สำ�นึกเข้าใจถึงกฎพื้นฐานข้อนี้แล้วหัวผมก็ได้รับรอยปูดโนมารอย หนึ่งเป็นของแถมจากการตกครั้งนั้น ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้นเจ้า รอยที่ว่านี้ก็หายไป แต่ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไรผมก็ยิ่งรู้สึกชา ๆ ซ่า ๆ อย่างแปลกประหลาดตรงตำ�แหน่งที่เคยเป็นรอยปูดโนนั้นเมื่อเวลา ทีอ่ ากาศกำ�ลังจะเปลีย่ น โดยเฉพาะอย่างยิง่ ก่อนเวลาจะมีหมิ ะตก
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 25
และทุกวันนี้ – สี่สิบปีต่อมา – ท้ายทอยของผมก็ทำ�หน้าที่เหมือน ปรอทวั ด อุ ณ หภู มิ ที่ ผ มเชื่ อ ใจได้ และผมก็ พ ยากรณ์ ไ ด้ อ ย่ า ง แม่นยำ�ยิ่งกว่ากรมอุตุนิยมวิทยาเสียอีกว่าพรุ่งนี้จะมีหิมะหรือว่ามี ฝนตกหรือไม่ หรือว่าจะมีแดดออกหรือจะมีพายุ นอกจากนี้ผม ก็เชื่อว่า อาการเลอะ ๆ เลือน ๆ และขาดสมาธิที่ผมเริ่มเป็นมาเมื่อ ไม่นานนี้ก็น่าจะเป็นผลจากการตกจากต้นสนครั้งนั้นที่มาแสดงตัว เอาในภายหลัง อย่างเช่นผมรู้สึกว่าตัวเองชอบพูดออกนอกเรื่อง และไม่ ส ามารถจะพู ด ถึ ง เรื่ อ งไหนและความคิ ด ใดแบบสั้ น ๆ หรือกระชับจับใจความได้ และเวลาเล่าเรื่องอย่างที่กำ�ลังเล่าอยู่นี้ ผมก็ตอ้ งระวังอย่างยิง่ ยวดไม่ให้เฉไฉไปไกลจนกูไ่ ม่กลับ ไม่อย่างนัน้ ก็จะออกนอกเรื่องไปไกลจนไม่รู้ว่าตอนเริ่มนั้นเล่าเรื่องอะไรเอาไว้ เอาละนะ กลับมาพูดถึงไอ้เรื่องเกี่ยวกับเมื่อครั้งที่ผมยังปีน ป่ายต้นไม้อยู่ – อีกอย่างหนึ่ง ตอนนั้นผมปีนต้นไม้เยอะมากและ ปีนเก่งด้วย ไม่ใช่มีแต่ตกต้นไม้อย่างเดียว! แม้แต่ต้นไม้ที่ตรง ช่วงโคนต้นไม่มีกิ่งผมก็ปีนขึ้นไปได้ ประเภทที่ต้องไต่ตามโคนต้น ขึ้ น ไปก่ อ น และผมก็ ส ามารถคลานจากต้ น ไม้ ต้ น หนึ่ ง ไปอี ก ต้ น หนึ่ ง ได้ และก็ ไ ปสร้ า งนั่ ง ร้ า นไว้ บ นต้ น ไม้ ต่ า ง ๆ นั บ ไม่ ถ้ ว น และครั้งหนึ่งก็ถึงกับสร้ างบ้านบนต้นไม้จริง ๆ แบบมีหลังคากับ หน้าต่างกับพรมปูพื้นด้วย กลางป่าเลย ที่ระดับความสูงสิบเมตร – จ ะว่ า ไป ผมว่ า ผมใช้ เ วลาส่ ว นใหญ่ ใ นวั ย เด็ ก อยู่ บ นต้ น ไม้ ผมกินและอ่านและเขียนและนอนบนต้นไม้ ท่องคำ�ศัพท์ภาษา
26 พัททริค ซึสคินท์
อั ง กฤษบนนั้ น รวมถึ ง กริ ย าผั น ผิ ด ปกติ ใ นภาษาละติ น สู ต ร คณิ ต ศาสตร์ และกฎฟิ สิ ก ส์ อย่ า งเช่ น กฎการตกของวั ต ถุ ข อง กาลิเลโอ กาลิเลอี ทุกอย่างบนต้นไม้ การบ้านผมก็ท�ำ บนต้นไม้ ทัง้ การบ้านอ่านและการบ้านเขียน และที่ชอบมากก็คือ การฉี่ลงมา จากบนต้นไม้ ฉี่ให้มันโค้งเป็นวงสูง ๆ โปรยปรายลงผ่านใบสน บนต้ น ไม้ เ งี ย บสงบ และไม่ มี ใ ครมาวุ่ น วายด้ ว ย ไม่ มี เสี ย งเรี ย กของแม่ ค อยกวน ไม่มีเสียงพี่ช ายตะโกนสั่งโน่นสั่งนี่ เล็ดลอดมาถึงที่นี่ ที่นี่มีแต่สายลม และเสียงใบไม้ดังกรอบแกรบ และเสียงเอีย้ ดอ้าดอ่อนโยนของต้นไม้...และทิวทัศน์ทเ่ี ห็น ทิวทัศน์ อันงดงามยาวไกล: ผมไม่เพียงสามารถมองข้ามพ้นบ้านของเรา กั บ สวนเท่ า นั้ น แต่ ยั ง สามารถมองข้ า มพ้ น บ้ า นหลั ง อื่ น ๆ และสวนอื่น ๆ ข้ามทะเลสาบและอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบไปจน จรดเทือกเขา และตอนเย็นยามดวงอาทิตย์ตก ผมก็ยังสามารถ มองเห็นดวงอาทิตย์หลังเทือกเขาเมื่อผมยืนอยู่บนยอดไม้ของผม ซึ่งสำ�หรับผู้คนที่อยู่เบื้องล่างนั้นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันลับหาย พ้นตาไปนานแล้ว เกือบคล้ายกับการบินทีเดียว บางทีอาจไม่น่า เร้าใจและไม่สง่างามเท่า แต่อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่มาทดแทน การบินได้เป็นอย่างดี เพราะยิง่ วันผมเองก็อายุมากขึน้ สูงหนึง่ เมตร กับสิบแปดเซนติเมตร หนักยี่สิบสามกิโลกรัม ซึ่งไม่อาจปฎิเสธ ได้ว่าหนักเกินไปสำ�หรับการที่จะบิน ถึงจะมีพายุพัดแรงจัดและถึง ผมจะปลดกระดุมเสื้อโค้ตและกางมันออกกว้างสักแค่ไหนก็ตาม
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 27
แต่สำ�หรับการป่ายปีนต้นไม้นั้น – ตอนนั้นผมคิดเช่นนั้น – เป็นเรื่อง ที่ผมสามารถทำ�ได้ตลอดชีวิต ต่อให้อายุสักร้อยยี่สิบปี ต่อให้ กลายเป็ น ตาแก่ เ ดิ น โซเซสั่ น เทาผมก็ ยั ง จะขึ้ น ไปนั่ ง อยู่ บ นนั้ น บนยอดของต้นเอล์มสักต้น ต้นบีชสักต้น หรือไม่ก็ต้นสนสักต้น เหมือนลิงแก่สักตัว และปล่อยให้สายลมพัดตัวเอนไปมา ทอดตา มองไปเหนือแผ่นดิน เหนือทะเลสาบ ไปจนจรดเทือกเขาโน่น... แต่ผมมามัวเล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องการบินและการปีนต้นไม้ อยูน่ !่ี โม้เรือ่ งกฎการตกของวัตถุของกาลิเลโอ กาลิเลอี เรือ่ งแผลเป็น ซึ่งทำ�หน้าที่ราวกับเทอร์โมมิเตอร์ตรงท้ายทอยซึ่งทำ�ให้ผมสับสน! ทั้ ง ๆ ที่ จ ริ ง ๆ แ ล้ ว ผมต้ อ งการเล่ า ถึ ง เรื่ อ งอี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ต่ า งหาก เรือ่ งนัน้ ก็คอื เรือ่ งของมิสเตอร์ซอมเมอร์ – เล่าเท่าทีจ่ ะเล่าได้ เพราะ อันที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีแก่นสารอะไร มีแต่มนุษย์สุดแปลก ประหลาดผู้นี้เพียงผู้เดียว ซึ่งทางชีวิตของแกนั้น – ไม่รู้เหมือนกันว่า ผมควรเรียกมันว่า: ทางเดินของแก จะดีกว่าไหม? – มาตัดเข้ากับ ทางชีวิตของผมเข้าสองสามครั้ง แต่ทางที่ดีนั้นผมเริ่มตั้งแต่ต้น อีกครั้งหนึ่งดีกว่า ครั้งที่ผมยังปีนป่ายต้นไม้อยู่ ผมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของ เรา...หรือจะพูดให้ถูกแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ในหมู่บ้านของเรา คือ ไม่ใช่ในอูนเทิร์นเซ แต่อยู่ในหมู่บ้านถัดไปคือ โอเบิร์นเซ แต่ ตอนนัน้ ไม่มใี ครแยกแยะเรือ่ งนีไ้ ด้ เพราะโอเบิรน์ เซและอูนเทิรน์ เซ รวมถึ ง หมู่ บ้ า นอื่ น ๆ ทั้ ง หมดไม่ ไ ด้ ตั้ ง แยกตั ว ออกจากกั น อย่ า ง
28 พัททริค ซึสคินท์
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 29
ชัดเจน แต่ตั้งเรียงรายอยู่ต่อกันและมีถนนใช้ร่วมกันไปตามริมฝั่ง ทะเลสาบ โดยไม่มีจุดเริ่มและจุดจบสิ้นที่เห็นได้ชัด เป็นแต่เพียง แนวสวนและบ้านและโรงนาและโรงจอดเรือที่เรียงร้อยต่อกันไป ราวสายโซ่ . ..ในเขตที่ ว่ า นี้ มี ช ายคนหนึ่ ง ชื่ อ ‘มิ ส เตอร์ ซ อมเมอร์ ’ ใช้ชีวิตอยู่ บ้านของแกอยู่ห่างจากบ้านเราไปไม่เกินสองกิโลเมตร ไม่มีใครรู้ว่ามิสเตอร์ซอมเมอร์มีชื่อหน้าว่าอะไร จะชื่อว่าเพเทอร์ หรือเพาล์ หรือไฮนริช หรือว่าฟรันซ์-ชาเวอร์ หรืออาจมีตำ�แหน่ง เป็นดอกเตอร์ซอมเมอร์ หรือศาสตราจารย์ซอมเมอร์หรือเปล่า เหล่านีไ้ ม่มใี ครทราบ – ผคู้ นรูจ้ กั ชายผูน้ ภ้ี ายใต้ชอ่ื ๆ นเ้ี พียงหนึง่ เดียว เท่านั้น ‘มิสเตอร์ซอมเมอร์’ และก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่า มิสเตอร์ ซอมเมอร์ ป ระกอบสัม มาอาชีพ อะไร หรือ กระทั่งว่าแกมีอาชีพ หรื อ เปล่ า หรื อ เคยทำ � อาชี พ อะไรหรื อ ไม่ ผู้ ค นรู้ กั น แต่ เ พี ย งว่ า ภรรยาของแกคือ มิส ซิส ซอมเมอร์นั้นมีอ าชีพ อย่างหนึ่ง นั่นคือ อาชีพทำ�ตุ๊กตา วันแล้ววันเล่าเธอจะนั่งอยู่ในบ้านของครอบครัว ซอมเมอร์ซึ่งอยู่ที่ใต้ถุนบ้านของครอบครัวนายช่างทาสีมิสเตอร์ ชตังเงลไมเยอร์ และทำ�ตุก๊ ตารูปเด็กตัวเล็ก ๆ จากขนสัตว์ ผ้า และ ขี้เลื่อย ตุ๊กตาที่เสร็จแล้วก็จะเอาใส่กล่องใบใหญ่และแบกไปส่ง ที่ไปรษณีย์สัปดาห์ละครั้ง ขากลับมิสซิสซอมเมอร์ก็จะแวะที่ร้าน ขายของชำ� ร้านขนมปัง ร้านขายเนื้อ และร้านขายผักตามลำ�ดับ หิ้วถุงซึ่งอัดแน่นด้วยข้าวของมุ่งหน้ากลับบ้าน และจะไม่ออกจาก บ้านอีกตลอดสัปดาห์ และเริ่มทำ�ตุ๊กตารุ่นใหม่ต่อไป ครอบครัว
30 พัททริค ซึสคินท์
ซอมเมอร์เป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครรู้ ตอนไหนสักตอนหนึ่ง พวกเขาก็ ย้ า ยเข้ า มาอยู่ ที่ นี่ – เ ธอโดยสารรถเมล์ ม า ส่ ว นสามี ของเธอเดิ น มา – แ ละนั บ จากนั้ น ทั้ ง สองก็ อ ยู่ ที่ นี่ ทั้ ง คู่ ไ ม่ มี ลู ก ไม่มีญาติ และไม่เคยมีใครแวะเวียนมาเยี่ยม แม้ไม่มใี ครรูอ้ ะไรเกีย่ วกับครอบครัวซอมเมอร์และโดยเฉพาะ อย่ า งยิ่ ง เกี่ ย วกั บ ตั ว มิ ส เตอร์ ซ อมเมอร์ สั ก เท่ า ไร แต่ ก็ ไ ม่ ผิ ด นั ก หากจะกล่าวว่า สมัยนั้นในเขตย่านแถวนั้นไม่มีผู้ชายคนไหนที่ มีคนรู้จักมากเท่ากับมิสเตอร์ซอมเมอร์ ในรัศมีอย่างน้อยหกสิบ กิโลเมตรรอบ ๆ ทะเลสาบ ไม่มีมนุษย์หน้าไหน ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง ลูกเด็กเล็กแดง – หรือแม้กระทั่งหมา – ที่ไม่รู้จักมิสเตอร์ซอมเมอร์ เพราะมิ ส เตอร์ ซ อมเมอร์ เ ดิ น ไปเดิ น มาของแกอยู่ ต ลอดเวลา มิสเตอร์ซอมเมอร์เดินไปเรื่อยตั้งแต่เช้าจรดมืดค่ำ� ไม่มีวันไหน ในรอบปี ที่ มิส เตอร์ซ อมเมอร์ไ ม่อ อกมาเดิน ต่อ ให้หิมะตกหรือ ลู ก เห็ บ ลง ต่ อ ให้ มี ฝ นตกหนั ก ราวฟ้ า รั่ ว ต่ อ ให้ ด วงอาทิ ต ย์ สาดแสงจั ด จ้ า หรื อ มี ล มพายุ พั ด โหม – มิ ส เตอร์ ซ อมเมอร์ ก็ จ ะ เดินของแกไปเรื่อย บ่อยครั้งแกออกจากบ้านตอนดวงอาทิตย์ขึ้น เหมือนอย่างพวกชาวประมงซึ่งออกเรือไปเก็บตาข่ายดักปลาใน ทะเลสาบกันตัง้ แต่ตอนตีส ่ี และบ่อยครัง้ กว่าแกจะกลับมาก็ดกึ ดืน่ ตอนดวงจันทร์ขึ้นสูงอยู่บนฟ้าแล้ว สำ�หรับมิสเตอร์ซอมเมอร์การ เดินรอบทะเลสาบสักรอบหนึ่งซึ่งกินระยะทางราวสี่สิบกิโลเมตร หาได้เป็นเรื่องพิเศษอะไรนัก การเดินไปเมืองใหญ่ที่อยู่ถัดไปและ
เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ 31
เดิ น กลั บ วั น ละสองสามเที่ ย ว – เ ที่ ย วหนึ่ ง สิ บ กิ โ ลเมตร – สำ � หรั บ มิสเตอร์ซอมเมอร์กไ็ ม่มปี ญ ั หาแต่อย่างใด! ทุกเช้าตอนเจ็ดโมงครึง่ เวลาที่เด็ก ๆ อย่างพวกเราพากันเดินงัวเงียไปโรงเรียน มิสเตอร์ ซอมเมอร์ ซึ่ ง ออกเดิ น มาหลายชั่ ว โมงแล้ ว ก็ มั ก เดิ น สวนมาด้ ว ย ท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ครั้นตอนบ่ายเวลาที่พวกเราเดิน ด้วยอาการเหนื่อยล้าหิวโซกลับบ้าน มิสเตอร์ซอมเมอร์ก็มักเดิน แซงพวกเราขึ้นไปด้วยฝีเท้าเร็วรี่ และวันเดียวกันนั้นในตอนค่ำ� ก่อนเข้านอนหากผมมองออกไปนอกหน้าต่างก็อาจเป็นไปได้ว่า ผมจะเห็นเงาร่างสูงใหญ่ผอมเกร็งของมิสเตอร์ซอมเมอร์ยังเดิน ดุ่ม ๆ อยู่ที่ถนนเลียบทะเลสาบ แกเป็นคนทีส่ งั เกตได้ไม่ยาก ต่อให้อยูไ่ กลแค่ไหนก็ยงั รูไ้ ด้วา่ เป็นแก ตอนหน้าหนาวแกมักสวมเสือ้ โค้ตคลุมกันหนาวตัวยาว ๆ สดี �ำ เสื้อตัวนั้นใหญ่และกว้าง อีกทั้งท่าทางแข็งทื่ออย่างไรพิกล เวลา แกเดิ น แต่ ล ะก้ า วจึ ง ดู ร าวกั บ มี เ ปลื อ กอั น ใหญ่ เ ทอะทะกระโดด กระเด้งหุ้มอยู่รอบ ๆ ตัวแก นอกจากนั้นแกก็สวมรองเท้าบูตยาง และบนหั ว ก็ ส วมหมวกไหมพรมแบบมี จุ ก อยู่ ต รงหั ว ทว่ า ใน หน้ า ร้ อ น–สำ � หรั บ มิ ส เตอร์ ซ อมเมอร์ นั้ น หน้ า ร้ อ นคื อ ช่ ว งเวลา ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนตุลาคม นั่นหมายถึงว่าเป็น ช่ ว งเวลาอั น ยาวนานที่ สุ ด ของปี สำ � หรั บ แก – ใ นช่ ว งนั้ น มิ ส เตอร์ ซอมเมอร์จะสวมหมวกสานทรงแบน ๆ ทำ�จากฟาง และมีสายรัด ทำ�จากผ้าสีดำ� ใส่เสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีน้ำ�ตาลไหม้และสวมกางเกง