ซีมัวร์

Page 1

ไลต์เฮาส์ พับลิชชิ่ง 1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 1

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ Raise High the Roof Beam, Carpenters and Seymour, an Introduction เรื่อง แปล บรรณาธิการอำ�นวยการ ออกแบบปก

เจ.ดี. ซาลินเจอร์ ปราบดา หยุ่น ‘คนเฝ้าประภาคาร’ Typhoon Studio

ข้อมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ เจ.ดี. ซาลินเจอร์ ซีมัวร์ - Raise High the Roof Beam, Carpenters and Seymour, an Introduction กรุงเทพฯ : ไลต์เฮาส์, 2559, 189 หน้า 1.นวนิยายอเมริกัน. I. ปราบดา หยุ่น, ผู้แปล II. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-616-80530-1-0 ซีมัวร์ : ผลงานลำ�ดับที่ 18 พิมพ์ครั้งแรก : พ.ศ. 2559 ไลต์เฮาส์ พับลิชชิ่ง จัดพิมพ์โดย บริษัท ไบรทคิดส์ จำ�กัด 1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด ภาพพิมพ์ โทรศัพท์ 0-2879-9154-6 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัท เอ-บุ๊ค ดิสทริบิวชั่น จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2968-9337 โทรสาร 0-2968-9511 RAISE HIGH THE ROOFBEAM, CARPENTERS AND SEYMOUR, AN INTRODUCTION Copyright © 1955, 1959 by J.D. Salinger Copyright renewed: 1983, 1987 by J.D. Salinger arranged with: Harold Ober Associates Inc. 425 Madison Avenue, New York, NY 10017, USA through Tuttle-Mori Agency Co., Ltd.

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 2

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ และ ซีมัวร์ : อารัมภบท

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 3

9/18/2559 BE 2:12 PM


Seymour_Edit_2016_09_11.indd 4

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 5

9/18/2559 BE 2:12 PM


Seymour_Edit_2016_09_11.indd 6

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์

7

คืนหนึ่งราวยี่สิบปีก่อน ช่วงการระบาดของโรคคางทูมในครอบครัว

ขนาดใหญ่ของเรา แฟรนนี่น้องสาวคนสุดท้องของผม ถูกย้ายตัวพร้อม เตียงไปอยู่ในห้องปลอดเชื้อที่ผมอยู่ร่วมกับซีมัวร์พี่ชายคนโต ตอนนั้นผม อายุสบิ ห้า ซีมวั ร์อายุสบิ เจ็ด ประมาณตีสองเสียงร้องของเพือ่ นร่วมห้องคน ใหม่ปลุกผมตื่น ผมนอนนิ่งเฉยอยู่สองสามนาที ฟังเสียงร้องกระจองอแง จนกระทั่งได้ยินหรือรู้สึกถึงการขยับเขยื้อนของซีมัวร์บนเตียงข้างๆ ในยุค นั้นเราเก็บกระบอกไฟฉายไว้บนโต๊ะหัวเตียงที่คั่นกลางระหว่างเราสองคน เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งเท่าที่ผมจ�ำได้ก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ซีมัวร์เปิดไฟฉาย แล้วลุกจากเตียง “แม่บอกว่าขวดนมอยู่บนเตา” ผมบอกเขา “พี่เพิ่งให้เขา กินนมไม่นานมานีเ้ อง” ซีมวั ร์วา่ “เขาไม่ได้หวิ หรอก” เขาเดินฝ่าความมืดไป ยังตูห้ นังสือ แล้วส่องไฟไปตามกองหนังสือช้าๆ ผมลุกนัง่ บนเตียง “พีจ่ ะท�ำ อะไรเหรอ” ผมถาม “พีว่ า่ อาจจะอ่านอะไรสักอย่างให้เขาฟัง” ซีมวั ร์วา่ แล้ว หยิบหนังสือออกมาเล่มหนึง่ “เขาอายุเพิ่งจะสิบเดือนเองนะพี่ จะบ้าเรอะ” ผมว่า “รู้แล้วน่า” ซีมัวร์บอก “เด็กทารกก็มีหูนะ ฟังได้” เรือ่ งทีซ่ มี วั ร์อา่ นให้แฟรนนีฟ่ งั ในคืนนัน้ ด้วยแสงไฟฉายเป็นเรือ่ งโปรด ของเขา มันเป็นนิทานเต๋า จนถึงวันนีแ้ ฟรนนีย่ งั สาบานว่าเธอจ�ำเหตุการณ์

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 7

9/18/2559 BE 2:12 PM


8

เจ.ดี.ซาลินเจอร์

ตอนที่ซีมัวร์อ่านหนังสือให้เธอฟังได้ ขุนนางมู่แห่งรัฐฉินกล่าวกับ ป๋อ โล ว่า: “ท่านก็ชรามากแล้ว มีผู้ใดใน ตระกูลของท่านที่ข้าสามารถมอบหมายให้คัดสรรม้าให้ข้าแทนท่านได้หรือไม่” ป๋อ โล ตอบว่า: “ม้าที่ดีสามารถเห็นได้จากลักษณะรูปร่างของมัน แต่ม้าชั้น ยอด—แบบที่วิ่งโดยไร้ฝุ่นตลบและไม่ทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง—คือสัตว์หายาก พอๆ กับความว่างเปล่า พรสวรรค์ของบรรดาลูกชายข้านั้นอยู่ในระดับธรรมดา ทัง้ สิน้ พวกเขาแยกแยะม้าทีด่ ไี ด้เมือ่ พบเห็น ทว่าไม่อาจค้นพบม้าชัน้ ยอด แต่ขา้ มีสหายอยูผ่ หู้ นึง่ ชือ่ ฉู ฟัง เกา เขาเป็นพ่อค้าเร่ขายฟืนกับพืชผัก มีความสามารถ ในการดูม้าไม่ด้อยกว่าข้าเลย ขอให้ท่านไปพบเขาเถิด” ขุนนางมูท่ �ำตามค�ำชีแ้ นะ แล้วส่ง ฉู ฟัง เกา ไปตามหาม้าพันธุด์ ี สามเดือน ต่อมาเขากลับมารายงานว่าได้พบม้าชั้นเลิศหนึ่งตัว “ขณะนี้มันอยู่ที่ฉาชวี้” เขา เสริม “เป็นม้าแบบไหนกัน” ท่านขุนนางถาม “อ้อ ตัวเมียสีนำ�้ ตาลเทา” คือค�ำตอบ ทว่าเมื่อท่านขุนนางส่งคนไปจับม้า กลับพบว่ามันเป็นม้าตัวผู้สีด�ำ! ด้วยความ ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านขุนนางตามตัว ป๋อ โล ให้เข้าพบ “สหายของท่านนั่น น่ะ” เขากล่าว “ที่ข้าสั่งให้ไปหาม้า ไม่ได้เรื่องเลย เขาแยกแยะไม่ได้แม้กระทั่งสี และเพศของม้าด้วยซ�้ำ! แล้วเขารู้อะไรเกี่ยวกับม้าบ้างเล่า” ป๋อ โล ถอนใจด้วย ความชื่นชม “เขาไปไกลถึงขั้นนั้นแล้วหรือนี่” เขาครวญ “เช่นนั้นแล้ว มีเขาคน เดียวก็เท่ากับมีขา้ เป็นหมืน่ คน เปรียบกันไม่ได้เลย สิง่ ทีเ่ กาเล็งเห็นคือคุณสมบัติ ทางจิตวิญญาณ ท�ำให้เขาลืมรายละเอียดธรรมดาสามัญ เมื่อให้ค่ากับสิ่งที่อยู่ ภายใน เขาจึงไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายนอก เขาเห็นสิ่งที่เขาต้องการเห็น ไม่เห็นสิ่งที่ ไม่ต้องการเห็น และมองข้ามสิ่งที่ไม่จ�ำเป็นต้องมอง เกาเป็นนักเฟ้นม้าที่ปราด

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 8

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์

9

เปรื่องยิ่ง ท�ำให้เขามีคุณสมบัติในการตัดสินสิ่งอื่นที่ดีกว่าม้า” ไม่ผิดเลย เมื่อม้าเดินทางมาถึง มันก็เป็นม้าชั้นเลิศจริงๆ

ทีผ่ มน�ำนิทานเต๋าทัง้ เรือ่ งมาเล่าให้ฟงั ตรงนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะผมมักมี กะจิตกะใจแนะน�ำเรื่องดีๆ ให้กับผู้ปกครองหรือบรรดาพี่ชายของทารกวัย สิบเดือนไว้เล่าให้เด็กฟัง แต่ด้วยเหตุผลอื่นโดยสิ้นเชิง เรื่องที่ผมจะเล่าต่อ จากนี้คือบันทึกเหตุการณ์ของวันแต่งงานวันหนึ่งในปี 1942 ในความเห็น ของผมมันเป็นเรื่องที่สมบูรณ์ในตัวเอง มีตอนต้นและตอนจบ รวมทั้งคติ สอนใจครบถ้วน กระนัน้ เนือ่ งจากผมเป็นคนทีร่ คู้ วามจริง ผมรูส้ กึ ว่าควรระบุ ว่าในขณะนี้ ปี 1955 เจ้าบ่าวไม่ได้มชี วี ติ อยูแ่ ล้ว เขาฆ่าตัวตายในปี 1948 ขณะไปเที่ยวที่ฟลอริดากับภรรยา...แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมต้องการจะ บอกแน่ๆ ก็คือ: นับตั้งแต่ที่เจ้าบ่าวคนนั้นจากโลกนี้ไปอย่างถาวร ผมก็ยัง นึกไม่ออกเลยว่าจะส่งใครไปหาม้าแทนเขาได้ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมของปี 1942 บรรดาลูกๆ—ทั้งหมดเจ็ด คน—ของเลสกับเบสซี่ (แกลลาเกอร์) กลาส อดีตนักแสดงในคณะการ แสดงแพนเทเจสเซอร์กิต ต่างก็กระจัดกระจายกันไปอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา ถ้าจะกล่าวอย่างเวิ่นเว้อสักหน่อย เช่นลูกคนที่สองอย่างผมก็ไปอยู่ที่ศูนย์ พักฟื้นดูแลผู้ป่วยที่ ฟอร์ท เบนนิ่ง รัฐจอร์เจีย เพราะเป็นโรคเยื่อหุ้มปอด อักเสบ—ทีร่ ะลึกจากการฝึกขัน้ พืน้ ฐานในกองทหารราบนานสิบสามสัปดาห์ เจ้าคูแ่ ฝดวอลท์กบั เวเกอร์ ถูกแยกจากกันหนึง่ ปีกอ่ นหน้านัน้ แล้ว เวเกอร์ไป อยูท่ คี่ า่ ยส�ำหรับผูป้ ฏิเสธการรับราชการทหารในรัฐแมรีแลนด์ ส่วนวอลท์ไป

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 9

9/18/2559 BE 2:12 PM


10 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ อยูท่ ไี่ หนสักแห่งในแถบคาบสมุทรแปซิฟคิ —หรือก�ำลังเดินทางไปแถวนัน้ —กับกองก�ำลังปืนใหญ่ (เราไม่เคยแน่ใจจริงๆ ว่าขณะนั้นวอลท์อยู่ที่ไหน กันแน่ เขาเป็นคนไม่ถนัดการเขียนจดหมาย และมีข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับ เขาน้อยมาก—แทบไม่มีเลยก็ว่าได้—ที่เราได้รับหลังการตายของเขา เขา ตายในอุบัติเหตุทางทหารอันพิลึกพิลั่นไม่น่าเชื่อ ตอนปลายฤดูใบไม้ร่วง ปี 1945 ในประเทศญี่ปุ่น) บูบูน้องสาวคนโตของผมซึ่งเกิดระหว่างผมกับ คู่แฝดตามล�ำดับ ไปเป็นทหารในกองก�ำลังทหารหญิง ประจ�ำการเป็นครั้ง คราวอยู่ทฐี่ านทัพเรือในบลูคลิน ตลอดทั้งฤดูใบไม้ร่วงและฤดูร้อนนั้น เธอ พ�ำนักอยูท่ อี่ พาร์ทเมนต์เล็กๆ ในนิวยอร์ก ซึง่ ผมกับซีมวั ร์พชี่ ายของผมไม่ได้ อาศัยอยูแ่ ล้วตัง้ แต่ไปเกณฑ์ทหาร เด็กอายุนอ้ ยทีส่ ดุ ในครอบครัวสองคน คือ โซอี้ (เพศชาย) และแฟรนนี่ (เพศหญิง) อาศัยอยูก่ บั ผูป้ กครองของเรา ในลอส แองเจลีส ซึง่ พ่อของผมไปท�ำงานให้กบั สตูดโิ อแห่งหนึง่ ในฮอลลีวดู โซอีอ้ ายุสบิ สาม แฟรนนีอ่ ายุแปดขวบ ทุกสัปดาห์ทงั้ คูจ่ ะออกรายการตอบ ปัญหาทางวิทยุชอื่ “หนูนอ้ ยหัวใส” ซึง่ อาจตีความได้วา่ เป็นชือ่ ทีม่ คี วามย้อน แย้งอย่างแสบสันต์ ผมควรจะบอกไว้เลยด้วยว่า เด็กในครอบครัวเราทัง้ หมด ต่างก็เคยไปเป็น “แขกรับเชิญ” ในรายการ “หนูนอ้ ยหัวใส” มาแล้วไม่คราว ใดก็คราวหนึง่ หรือปีใดปีหนึง่ ซีมัวร์กบั ผมเป็นคูแ่ รกทีไ่ ปออกรายการในปี 1927 ตอนอายุสบิ และแปดขวบตามล�ำดับ ในยุคทีร่ ายการ “กระจายเสียง” จากห้องประชุมห้องหนึง่ ทีโ่ รงแรมเมอเรย์ ฮิลล์ พวกเราทัง้ เจ็ดคน ไล่ตงั้ แต่ ซีมวั ร์ไปจนถึงแฟรนนี่ ต่างก็ใช้ชอื่ ปลอมในรายการ ซึง่ อาจฟังดูผดิ ปกติอย่าง มาก ความที่เราเป็นทายาทของนักแสดงละครซึ่งเป็นคนประเภทที่มักไม่ ปฏิเสธการประชาสัมพันธ์ตัวเอง แต่ครั้งหนึ่งแม่ของผมเคยอ่านบทความ

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 10

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 11 ในนิตยสารเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดกับคนเริ่มท�ำงานตั้งแต่เด็ก—นั่นคือ การขาดปฏิสัมพันธ์กับสังคมธรรมดาทีเ่ ชื่อกันว่าพวกเขาควรมี—ท�ำให้แม่ มุง่ มัน่ ทีจ่ ะเคร่งครัดกับประเด็นนีโ้ ดยไม่มใี ครเปลีย่ นใจเธอได้ (นีไ่ ม่ใช่เวลา ทีจ่ ะมาถกเรือ่ งทีว่ า่ เด็กที่ “ท�ำงาน” ทุกคนควรเป็นเด็กต้องห้าม ได้รบั ความ เวทนาหรือถูกตัดสินว่าเป็นพวกสร้างความวุ่นวายให้สังคมหรือไม่ ผมแค่ จะบอกไว้ในที่นี้ว่ารายได้ของพวกเรารวมกันจากรายการ “หนูน้อยหัวใส” นั้นได้ส่งเสียเราทั้งหกร�่ำเรียนระดับมหาวิทยาลัยจนจบ และขณะนี้ก็เป็น เงินที่ส่งเสียคนที่เจ็ดอยู่ด้วย) ซีมวั ร์พชี่ ายคนโตของเรา—ซึง่ ผมจะพูดถึงเป็นพิเศษในเรือ่ งนี— ้ เป็น จ่าอากาศโทในหน่วยที่ยังเรียกว่ากองก�ำลังทหารอากาศในปี 1942 เขา ประจ�ำการอยู่ที่ฐานทัพ B-17 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งผมคิดว่าเขาท�ำงาน เป็นเสมียน ผมต้องกล่าวเสริมโดยไม่ต้องใส่วงเล็บด้วยว่าเขาเป็นคนที่ เขียนจดหมายน้อยที่สุดแล้วในครอบครัวเรา ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคย ได้จดหมายจากเขามากกว่าห้าฉบับ เช้าวันที่ 22 หรือ 23 เดือนพฤษภาคม (คนในครอบครัวผมไม่มีใคร เคยลงวันที่ในจดหมาย) จดหมายจากบูบูน้องสาวของผมร่อนมาถึงปลาย เตียงของผมในศูนย์พักฟื้นดูแลผู้ป่วยที่ฟอร์ท เบนนิ่ง ขณะที่กะบังลมของ ผมก�ำลังถูกพันรัดด้วยเทปกาว (เป็นขั้นตอนปกติส�ำหรับผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้ม ปอดอักเสบ ว่ากันว่าจะป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยไอแรงเกินไปจนร่างระเบิดได้) เมื่อถูกพันเสร็จผมจึงอ่านจดหมายของบูบู ผมยังเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ และน�ำมาเสนอด้านล่างนี้ชนิดค�ำต่อค�ำ:

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 11

9/18/2559 BE 2:12 PM


12 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ พี่บัดดี้ที่รัก ฉันก�ำลังต้องรีบเก็บของ ดังนัน้ จดหมายฉบับนีจ้ ะสัน้ แต่ตรงประเด็น ท่าน ผูบ้ งั คับบัญชาตัดสินใจว่าเขาจะต้องบินไปในแถบทีไ่ ม่มใี ครรูจ้ กั เพือ่ การสงคราม และนอกจากนัน้ ยังตัดสินใจว่าจะพาเลขานุการของเขาไปด้วยถ้าฉันท�ำตัวดี ฉัน จะทนไม่ไหวอยูแ่ ล้ว ยังไม่ตอ้ งพูดถึงซีมวั ร์ มันยังหมายถึงการอยูใ่ นสิง่ ปลูกสร้าง ชั่วคราวตามฐานทัพในอากาศแสนหนาวเหน็บ และการต้องเจอกับพฤติกรรม แซวสาวแบบเด็กผูช้ ายจากบรรดานักรบทัง้ หลาย รวมทัง้ พวกถุงกระดาษส�ำหรับ ใส่อ้วกในเครื่องบิน ประเด็นคือซีมัวร์ก�ำลังจะแต่งงาน—ใช่แล้ว แต่งงาน ดัง นั้นขอให้พี่ตั้งใจอ่านให้ดี ฉันไปร่วมงานไม่ได้ ฉันอาจจะหายไปเป็นระยะเวลา นานตั้งแต่หกสัปดาห์ถึงสองเดือนในการเดินทางครั้งนี้ ฉันได้พบว่าที่เจ้าสาว ของเขาแล้ว ฉันให้คะแนนศูนย์ แต่เธอหน้าตาดีมาก ฉันไม่ได้มั่นใจหรอกว่า เธอไม่ได้เรื่องถึงระดับศูนย์ เพราะในคืนที่ฉันพบเธอ เธอเปิดปากพูดไม่ถึงสอง ค�ำด้วยซ�้ำ เธอแค่นั่งยิ้มสูบบุหรี่อยู่เฉยๆ จะไปตัดสินเธออย่างนั้นก็ไม่ยุติธรรม เท่าไร ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรักของทั้งสองเลย นอกจากที่ว่าพวกเขาพบ กันตอนที่ซีมัวร์ประจ�ำการอยู่ที่มอนมิธช่วงฤดูหนาวปีก่อน ส่วนแม่ของเธอนั่น สุดๆ ไปเลย—สนใจศิลปวัฒนธรรมทุกรูปแบบ พบจิตแพทย์ที่เรียนทฤษฎีของ คาร์ล ยุงสองครั้งต่อสัปดาห์ (คืนที่ฉันเจอแม่ของเธอ เธอถามฉันถึงสองครั้งว่า ฉันเคยผ่านการวิเคราะห์จิตมาหรือเปล่า) เธอบอกฉันว่าเธออยากให้ซีมัวร์เข้า กับคนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ พลางก็บอกว่าแต่เธอก็รักซีมัวร์นะ ฯลฯ และบอกว่า เธอฟังซีมัวร์อย่างคลั่งไคล้ตลอดหลายปีที่เขาออกรายการวิทยุ ฉันรู้เท่านี้แหละ แต่พี่ต้องไปงานแต่งให้ได้นะ ถ้าพี่ไม่ไปละก็ฉันจะไม่มีวันให้อภัยพี่เลย ฉันพูด จริงนะ แม่กบั พ่อเดินทางมาจากฝัง่ ตะวันตกไม่ได้ เหตุผลหนึง่ คือแฟรนนีเ่ ป็นโรค

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 12

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 13 หัด ว่าแต่พไี่ ด้ฟงั แกพูดเมือ่ สัปดาห์กอ่ นหรือเปล่า แกเจือ้ ยแจ้วยืดยาวว่าเคยบิน ร่อนไปรอบอพาร์ทเมนต์ตอนเธออายุสขี่ วบ ช่วงทีไ่ ม่มคี นอยูบ่ า้ น ผูด้ �ำเนินรายการ คนใหม่นยี่ งิ่ แย่กว่าแกรนท์เสียอีก—ห่วยกว่าซัลลิแวนในยุคเก่าก่อนด้วยซ�ำ้ เขา บอกว่าแฟรนนีต่ อ้ งฝันไปแน่ๆ ว่าบินได้ แต่แม่เด็กน้อยนัน่ ยืนกรานขึงขังอย่างน่า ชืน่ ชม แกบอกว่าแกรูว้ า่ ตัวเองบินได้เพราะเมือ่ แกกลับลงสูพ่ นื้ แกมักจะมีฝนุ่ จับ อยูต่ ามนิว้ มือจากการแตะหลอดไฟ ฉันอยากเจอแกจัง อยากเจอพีด่ ว้ ย อย่างไร ก็ดี พีต่ อ้ งไปงานแต่งนะ ไปโดยไม่ตอ้ งท�ำเรือ่ งลาอะไรหรอก ถ้าจ�ำเป็นน่ะนะ แต่ ได้โปรดไปเถอะ วันที่ 4 มิถนุ ายน เวลาบ่ายสามโมง เป็นงานทีไ่ ม่มพี ธิ ที างศาสนา และเสรีนิยมมาก จัดที่บ้านยายของเจ้าสาวบนถนนสาย 63 จะมีผู้พิพากษาสัก คนเป็นผู้ท�ำพิธีสมรสให้ ฉันไม่รู้เลขที่บ้าน แต่มนั อยูส่ องหลังถัดไปจากบ้านหรูที่ คาร์ลกับเอมีเ่ คยอยู่พอดี ฉันจะโทรเลขไปบอกวอลท์ แต่ฉันคิดว่าเขาถูกส่งตัว ลงเรือไปแล้วละ ได้โปรดไปให้ได้นะพี่บัดดี้ น�้ำหนักของเขาแทบจะเท่าแมวตัว หนึ่งอยู่แล้วและชอบตีสีหน้าปลาบปลื้มเปี่ยมสุขแบบที่ท�ำให้ไม่อยากคุยด้วย มันอาจจะไม่มปี ญ ั หาอะไรเลยก็ได้ แต่ฉนั เกลียดปี 1942 เหลือเกิน ฉันว่าฉันจะ เกลียดปี 1942 ไปจนวันตาย เพื่อยืนยันหลักการน่ะนะ ด้วยรัก แล้วเจอกันเมื่อ ฉันกลับไป บูบู

สองสามวันหลังจากที่จดหมายฉบับนั้นมาถึง ผมก็ได้รับอนุญาตให้ ออกจากโรงพยาบาลได้ ภายใต้การควบคุมตัวโดยเทปกาวยาวประมาณ สามหลาทีพ่ นั รัดรอบซีโ่ ครงผม จากนัน้ ก็ตอ้ งเผชิญกับความยากล�ำบากใน

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 13

9/18/2559 BE 2:12 PM


14 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ การขออนุญาตไปร่วมงานแต่งงาน ในทีส่ ดุ ผมก็ท�ำได้ดว้ ยการท�ำตัวประจบ สอพลอผูบ้ งั คับบัญชาซึง่ บอกว่าตัวเองเป็นคนรักการอ่าน เขามีนกั เขียนคน โปรดคนเดียวกันกับผมพอดิบพอดี—แอล. แมนนิง่ ไวน์ส หรือไฮด์ส อะไร นีแ่ หละ แต่แม้จะมีการเชือ่ มโยงทางจิตวิญญาณระหว่างกันเช่นนีแ้ ล้ว ผม ก็สอพลอมาได้แค่การลาสามวันเท่านั้น ซึ่งอย่างมากก็พอให้ผมจับรถไฟ ไปนิวยอร์ก แวะไปทีง่ านแต่ง หามือ้ เย็นกระเดือกลงคอทีไ่ หนสักแห่ง แล้ว กลับจอร์เจียแบบเหงื่อยังแฉะ ทีน่ งั่ ชัน้ ประหยัดบนรถไฟในปี 1942 มีระบบถ่ายเทอากาศไม่ดนี กั เท่า ที่ผมจ�ำได้ มันอัดแน่นไปด้วยพวกนักศึกษา ฉุนไปด้วยกลิ่นน�้ำส้ม นม กับ วิสกีไ้ รย์ ผมนัง่ ไอไปทัง้ คืนและอ่านหนังสือการ์ตนู เอซคอมมิคส์ทมี่ คี นใจดี ให้ยืมมา เมื่อรถไฟถึงนิวยอร์ก—ตอนบ่ายสองสิบนาทีของวันพิธีแต่งงาน —ผมไอ อ่อนเพลีย เหงื่อโชก เสื้อผ้ายับย่น และเทปกาวก็คันยิกเป็นบ้า นิวยอร์กร้อนเกินบรรยาย ผมไม่มีเวลาแวะไปที่อพาร์ทเมนต์ของผม จึง ทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ในกล่องเหล็กเก็บของที่สถานีเพนน์ ในกระเป๋ามีแต่ ถุงผ้าใบติดซิปสภาพโทรมๆ และเพื่อให้สถานการณ์เร้าใจยิ่งขึ้น ขณะที่ ผมเดินหารถแท็กซี่อยู่ในย่านการ์เมนท์ดิสตริค นายทหารร้อยตรีจากกรม สื่อสารนายหนึ่งที่ดูเหมือนผมจะไม่ได้แสดงความเคารพตอนข้ามเซเว่น แอวินิว จู่ๆ ก็ลว้ งปากกาหมึกซึมออกมาบันทึกชือ่ เลขประจ�ำตัว และที่อยู่ ของผม ท่ามกลางสายตาของราษฎรแถวนัน้ กลุม่ หนึง่ ทีห่ นั มาให้ความสนใจ ผมอยูใ่ นสภาพอ่อนแรงเมือ่ หาแท็กซีไ่ ด้ในทีส่ ดุ ผมบอกคนขับให้ไป ส่งทีแ่ ถวๆ บ้านเก่า “ของคาร์ลกับเอมี”่ แต่ทนั ทีทเี่ ราไปถึงถนนนัน้ ทุกอย่างก็ ง่ายดายมาก ผมแค่ตามฝูงคนไป มีกระทัง่ เต็นท์ผา้ ใบตัง้ อยูด่ ว้ ยซ�ำ้ ถัดจาก

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 14

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 15 นั้นไม่นานผมเข้าไปในตึกอิฐเก่าหลังใหญ่ แล้วก็มีหญิงผมสีลาเวนเดอร์ผู้ สง่างามเข้ามาสอบถามว่าผมเป็นเพือ่ นเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว ผมตอบว่าเจ้า บ่าว “โอ้” เธอว่า “เราจับกลุม่ ทุกคนเข้าด้วยกันน่ะค่ะ” เธอหัวเราะดังเกินงาม เล็กน้อยแล้วพาผมไปยังเก้าอีพ้ บั ทีด่ เู หมือนจะว่างอยูเ่ ป็นตัวสุดท้ายในห้อง ขนาดใหญ่ทแี่ น่นไปด้วยผูค้ น สมองของผมได้ลบความทรงจ�ำเกีย่ วกับราย ละเอียดของห้องนั้นมานานสิบสามปีแล้ว นอกจากข้อมูลที่ว่ามันอัดแน่น ไปด้วยแขกเหรื่อและอบอ้าวจนหายใจไม่ออก ผมจ�ำได้แค่สองอย่าง: ว่า มีออร์แกนเล่นอยูแ่ ทบจะข้างหลังผมพอดี กับผูห้ ญิงทีน่ งั่ อยูใ่ นเก้าอีต้ ดิ กับ ผมทางขวาหันมากระซิบกระซาบอย่างชืน่ มืน่ ว่า “ฉันชือ่ เฮเลน ซิลส์เบิรน์ !” จากต�ำแหน่งทีเ่ รานัง่ อยูผ่ มเดาว่าเธอไม่ใช่แม่ของเจ้าสาว แต่เพือ่ ความไม่ ประมาท ผมยิม้ แล้วพยักหน้าอย่างเป็นมิตร ก�ำลังจะบอกกลับไปว่าผมเป็น ใคร แต่เธอยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตามมารยาทผู้ดี แล้วเราก็ต่างหันมอง ตรงไปข้างหน้า ตอนนัน้ เป็นเวลาราวๆ บ่ายสามโมง ผมหลับตาแล้วรอคอย อย่างตั้งอกตั้งใจไปหน่อย ให้นักเล่นออร์แกนหยุดบรรเลงเพลงเรื่อยเปื่อย แล้วเริ่มโหมโรงเพลง “โลฮังกรีน” เสียที ผมจ�ำได้ไม่ชดั ว่าเวลาหนึง่ ชัว่ โมงสิบห้านาทีนนั้ ผ่านไปอย่างไร นอกจาก ไม่มีการบรรเลงเพลง “โลฮังกรีน” ผมจ�ำได้ว่าใบหน้าไม่คุ้นตาของคนบาง กลุ่มแอบหันมามองหาที่มาของเสียงไอเป็นระยะๆ และจ�ำได้ว่าผู้หญิงฝั่ง ขวาพูดกับผมอีกครั้ง ด้วยน�้ำเสียงกระซิบกระซาบแบบร่าเริงเหมือนเดิม “ดูเหมือนจะมีความล่าช้าอะไรบางอย่างนะ” เธอว่า “คุณเคยเห็นท่านผู้ พิพากษาแรงเกอร์หรือเปล่า ใบหน้าของเขาดูราวกับเป็นนักบุญเลยทีเดียว” และผมก็จ�ำได้วา่ ช่วงหนึง่ ดนตรีจากออร์แกนเล่นสะเปะสะปะราวกับไปไม่

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 15

9/18/2559 BE 2:12 PM


16 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ถูก เปลีย่ นจากบาคเป็นเพลงยุคแรกๆ ของร็อดเจอร์กบั ฮาร์ท แต่โดยรวมๆ ผมเกรงว่าผมจะฆ่าเวลาไปกับการสงสารตัวเองที่ต้องคอยระงับอาการไอ เอาไว้ ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในห้องนั้น ผมรู้สึกว่าผมก�ำลังจะตกเลือดหรือ อย่างน้อยก็ท�ำซี่โครงหัก แม้จะมีเทปกาวรัดไว้แล้วก็ตาม ตอนสีโ่ มงยีส่ บิ นาที—หรือจะกล่าวอย่างทือ่ ๆ อีกแบบได้วา่ หนึง่ ชัว่ โมง กับอีกยีส่ บิ นาทีผา่ นไปอย่างดูเหมือนจะไร้ความหวังใดๆ—เจ้าสาวทีย่ งั ไม่ ได้สมรส คอตก ขนาบด้วยพ่อและแม่ของเธอ ถูกพาออกมาจากตึกแล้ว ค่อยๆ ประคองลงจากขั้นบันไดหินสู่ทางเท้า จากนั้นเธอก็ถูกส่ง—เหมือน แทบจะถูกจูงมือ—เข้าไปในรถเช่าสีด�ำคันหรูทจี่ อดเทียบรออยูร่ มิ ถนน มัน เป็นจังหวะเวลาทีต่ รึงตา—แบบภาพบนหน้าหนังสือพิมพ์แทบลอยด์—และ ก็เช่นเดียวกับภาพบนหน้าแทบลอยด์ มันเป็นจังหวะทีม่ คี นรูเ้ ห็นเป็นจ�ำนวน มาก เนื่องจากบรรดาแขกเหรื่อ (รวมทั้งผมด้วย) ได้เริ่มหลั่งไหลออกมา จากตึกกันเป็นฝูงในอาการตกตื่น หากว่าพอจะมีความผ่อนคลายอยู่ใน ภาพเหตุการณ์นั้นบ้างก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะสภาพอากาศ ตะวันเดือน มิถุนายนร้อนแรงและจัดจ้าอย่างยิ่ง ส่องประกายแปลบปลาบจนท�ำให้ ภาพของว่าที่เจ้าสาวดูเลือนรางในจังหวะส�ำคัญขณะเธอก้าวลงขั้นบันได หินอย่างทุลักทุเล เมื่อรถเจ้าสาวเคลื่อนจากไปแล้ว ความตึงเครียดบนทางเท้า—โดย เฉพาะบริเวณหน้าเต็นท์ผา้ ใบ ตรงริมทางทีอ่ ย่างน้อยก็มผี มยืนเตร่อยู— ่ เริม่ จางลงในแบบที่ถ้าตึกนั้นเป็นโบสถ์และวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ก็คงดูเหมือน การแยกย้ายกันอย่างงุนงงตามปกติ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงประกาศดังขึ้น—ว่า

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 16

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 17 กันว่ามาจากลุงอัลของเจ้าสาว—ว่าให้แขกเหรือ่ ใช้รถยนต์ทจี่ อดอยูร่ มิ ทาง ไม่ว่าจะมีพิธีหรือไม่ จะมีการเปลี่ยนแผนหรือเปล่า ถ้าจะยึดปฏิกิริยาจาก คนรอบๆ ตัวผมเป็นตัววัด ดูเหมือนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่ามันเป็นข้อเสนอ ที่ดี แต่ไม่ได้ระบุไว้ว่าจะขึ้นรถพวกนั้นได้ก็ต่อเมื่อกองทัพท่าทางน่าเกรง ขาม—เรียกกันว่า “ญาติสนิท” ของเจ้าสาว—ได้เลือกยานพาหนะในการ เดินทางของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว และหลังจากความล่าช้าอันค่อนข้าง งุนงงติดขัด (ซึ่งในเวลานั้นผมปักหลักอยู่ต�ำแหน่งเดิมได้อย่างไม่น่าเชื่อ) บรรดา “ญาติสนิท” ทัง้ หลายก็เริม่ ขยับเขยือ้ น อัดกันเข้าไปในรถถึงหกหรือ เจ็ดคนต่อคัน หรือบางคันก็มแี ค่สามหรือสี่ ซึง่ ผมคิดว่าเป็นจ�ำนวนทีข่ นึ้ อยู่ กับปัจจัยทางอายุ พฤติกรรม และขนาดสะโพกของคนแรกๆ ทีเ่ ข้าไปในรถ แล้วจู่ๆ จากค�ำแนะน�ำก�ำชับก่อนปลีกตัวไปของใครบางคน ผมก็ พบว่าตัวเองยืนประจ�ำการอยู่ริมทาง ตรงหน้าเต็นท์ผ้าใบพอดี เพื่อช่วย ส่งคนขึ้นรถ เหตุผลทีท่ �ำให้ผมถูกเลือกให้ท�ำหน้าทีน่ คี้ วรได้รบั การวิเคราะห์สกั เล็ก น้อย เท่าทีผ่ มรู้ ชายวัยกลางคนผูไ้ ม่ทราบชือ่ สกุลทีใ่ ช้ให้ผมรับต�ำแหน่งนัน้ ไม่ระแคะระคายแม้แต่นอ้ ยว่าผมเป็นน้องชายของเจ้าบ่าว ดังนัน้ โดยตรรกะ แล้วการที่ผมถูกเลือกน่าจะมีเหตุผลอื่นที่ไม่น่าสนใจเท่าไร ตอนนั้นเป็นปี 1942 ผมอายุยสี่ ิบสาม เพิ่งถูกเกณฑ์เป็นทหาร ผมเข้าใจว่าเหตุผลมีเพียง อายุและเครือ่ งแบบ รวมทัง้ ลีลาท่าทางของความเป็นคนชอบบริการคนอืน่ ทีเ่ ปล่งแสงเรืองรองรอบตัวผม ท�ำให้ผมดูมคี ณ ุ สมบัตคิ รบถ้วนอย่างไม่ตอ้ ง สงสัยของการท�ำหน้าที่เป็นยามหน้าประตู ไม่เพียงแต่ผมจะอายุยสี่ บิ สาม แต่เป็นคนอายุยสี่ บิ สามทีป่ ญ ั ญาอ่อน

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 17

9/18/2559 BE 2:12 PM


18 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ อย่างเห็นได้ชดั จ�ำได้วา่ ผมส่งคนขึน้ รถโดยปราศจากการไตร่ตรองใดๆ ทัง้ สิน้ ตรงกันข้าม ผมท�ำหน้าทีอ่ ย่างทือ่ ตรงเป็นหุน่ เหมือนพวกนายทหาร เมือ่ เวลาผ่านไปได้สักสองสามนาที ผมก็ตระหนักรู้ว่าตัวเองก�ำลังช่วยเหลือ กลุ่มคนที่ส่วนใหญ่จะแก่กว่า ตัวเตี้ยกว่า เรือนร่างหย่อนย้วยกว่า ท�ำให้ การท�ำหน้าที่พยุงแขนและปิดประตูของผมยิ่งดูราวจะมีพลังอย่างไม่มี เหตุผล ผมเริ่มวางตัวให้เหมือนคนร่างยักษ์ผู้คล่องแคล่วและใส่อกใส่ใจ ที่ไอไปด้วยตลอดเวลา แต่ความร้อนของบ่ายนั้นจะบอกว่าร้ายกาจก็ยังน้อยไป และผมคง รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการขออนุญาตจากหน่วยเพื่อมาร่วมงานนี่ช่างไม่มี ประโยชน์อะไรเลย จู่ๆ ทั้งที่ฝูงคนซึ่งเป็น “ญาติสนิท” ยังไม่ทันกระจาย หายไปหมด ผมก็กระโจนเข้าไปในรถทีเ่ พิง่ เปิดรับคนขึน้ ตอนทีม่ นั ก�ำลังจะ แล่นออกสู่ถนน การท�ำเช่นนั้นท�ำให้ศีรษะของผมกระแทกหลังคารถเสียง ดัง (เหมือนเป็นผลกรรมอะไรสักอย่าง) ผู้โดยสารคนหนึ่งในรถไม่ใช่ใคร ที่ไหน เฮเลน ซิลส์เบิร์น พรายกระซิบเพื่อนผมนั่นเอง เธอเริ่มกล่าวแสดง ความเห็นใจกับผม ดูเหมือนเสียงกระแทกจะดังกังวานไปทั้งรถ แต่ในวัย ยีส่ บิ สามผมเป็นชายหนุม่ ประเภททีเ่ วลาประสบอุบตั เิ หตุเล็กๆ น้อยๆ ก็ยงั ไม่ถึงกับกะโหลกร้าว จะฝืนเปล่งเสียงหัวเราะแกนๆ ออกมาเท่านั้น รถแล่นไปในทิศตะวันตก พุง่ เข้าหาความร้อนระอุราวเตาหลอมของ ท้องฟ้ายามบ่ายแก่ มันแล่นไปทางตะวันตกอีกสองช่วงถนน จนถึงเมดิสนั แอวินวิ จากนัน้ ก็หกั เลีย้ วขึน้ เหนือ ผมรูส้ กึ เหมือนกับว่าเราต่างก�ำลังได้รบั การกอบกูใ้ ห้รอดพ้นจากร่างแหของดวงอาทิตย์โดยความช�ำนาญและความ ว่องไวของคนขับนิรนาม

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 18

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 19 บทสนทนาภายในรถระหว่างสี่หรือห้าช่วงถนนขึ้นเหนือไปเมดิสัน แอวินิว จ�ำกัดอยู่กับค�ำพูดท�ำนอง “คุณมีที่นั่งพอหรือเปล่า” และ “ฉันไม่ เคยร้อนขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้” ตามที่ผมได้เก็บข้อมูลจากการแอบ ฟังคนคุยกันขณะยืนอยูข่ า้ งถนน ผูห้ ญิงทีไ่ ม่เคยร้อนขนาดนีม้ าก่อนในชีวติ คือเพือ่ นเจ้าสาว เธอเป็นสาวเจ้าเนือ้ อายุราวๆ ยีส่ บิ สีห่ รือยีส่ บิ ห้า สวมชุด ผ้าแพรซาตินสีชมพู มีรดั เกล้าเป็นดอกฟอร์เก็ทมีนอ็ ทส์ปลอมกลัดไว้กบั ผม ท่าทางของเธอดูมีความเป็นนักกีฬา เหมือนจะเป็นไปได้ว่าเมื่อปีสองปีที่ ผ่านมาเธอจะศึกษาวิชาพละเป็นวิชาเอกในมหาวิทยาลัย เธอถือช่อดอก การ์เดเนียส์ไว้บนตักในลักษณะทีเ่ หมือนกับว่ามันเป็นลูกวอลเลย์บอลฟีบๆ ลูกหนึ่ง เธอนั่งอยู่ในเบาะหลัง สะโพกเบียดเสียดระหว่างสามีของเธอกับ ชายชราตัวเล็กในหมวกท็อปแฮทกับเสือ้ โค้ตหางยาว ถือซิการ์เคลียร์ฮาวานา ทีย่ งั ไม่ได้จดุ คุณนายซิลส์เบิรน์ กับผม—เข่าด้านในของเราสัมผัสกันอย่าง สุภาพ—นั่งอยู่ในเบาะเสริม ผมหันไปมองชายชราร่างเล็กนั่นสองครั้งโดย ไม่มเี หตุผลอะไรนอกจากความชอบส่วนตัว ตอนทีผ่ มท�ำหน้าทีส่ ง่ คนขึน้ รถ และจับประตูเปิดไว้ให้เขา ผมรูส้ กึ อยากจะอุม้ เขาขึน้ แล้วสอดร่างเขาเข้าไป ทางหน้าต่างรถอย่างนุม่ นวล เขาเป็นตัวแทนของความจิว๋ อย่างแท้จริง สูง ไม่เกินสีฟ่ ตุ เก้าหรือสีฟ่ ตุ สิบแน่ๆ โดยทีไ่ ม่ได้เป็นคนแคระแกร็นแต่อย่างไร ในรถเขานั่งนิ่งจดจ้องไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ตอนที่ผมช�ำเลืองมองเขา เป็นครั้งที่สอง ผมสังเกตว่ามีคราบซอสอยู่บนโค้ตของเขาซึ่งดูจะเก่ามาก แล้ว นอกจากนั้นยังเห็นว่าหมวกผ้าไหมของเขาอยู่ห่างจากเพดานรถราว สี่ห้านิ้วเลยทีเดียว...แต่โดยส่วนใหญ่ ช่วงสองสามนาทีแรกที่อยู่ในรถ ผม ใช้เวลาไปกับการกังวลเรือ่ งสุขภาพของตัวเองมากกว่า นอกจากโรคเยือ่ หุม้

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 19

9/18/2559 BE 2:12 PM


20 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ปอดอักเสบและหัวโน ผมยังประสาทเสียไปว่าผมเริม่ เจ็บคอ ผมนัง่ ตวัดลิน้ หาจุดทีอ่ าจผิดปกติในช่องปาก จ�ำได้วา่ ผมนัง่ จ้องมองไปข้างหน้า ตรงกับ คอคนขับ ซึง่ เต็มไปด้วยแผลเป็นปูดนูน เมือ่ จูๆ่ เพือ่ นร่วมเบาะเสริมพูดกับ ผมว่า​: “ฉันไม่ทันได้ถามเธอตอนเราอยู่ข้างใน คุณแม่ผู้น่ารักของเธอเป็น ยังไงบ้าง เธอคือดิ๊คกี้ บริกานซ่าใช่ไหม” ตอนทีเ่ ธอถามผมนัน้ ลิน้ ของผมม้วนลึกเข้าไปถึงเพดานปากส่วนใน ผมคลายลิน้ กลับ กลืนนำ�้ ลาย แล้วหันไปหาเธอ เธออายุราวห้าสิบ แต่งกาย ตามสมัยและมีรสนิยม แต่งหน้าหนา ผมตอบเธอว่าเปล่า—ผมไม่ใช่ดิ๊คกี้ เธอหรี่ตาเพ่งมองผมเล็กน้อยแล้วบอกว่าผมดูเหมือนลูกชายของ ซีเลีย บริกานซ่า ไม่มผี ดิ โดยเฉพาะบริเวณรอบปาก ผมพยายามท�ำสีหน้า ในลักษณะที่ว่าใครๆ ก็คงจ�ำผมผิดได้ แล้วผมก็หันกลับไปมองต้นคอของ คนขับรถ ในรถเงียบกริบ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเพือ่ เปลีย่ นทัศนียภาพ “เธอชอบเป็นทหารไหม” จู่ๆ คุณนายซิลส์เบิร์นก็ถามขึ้นเพื่อสร้าง บทสนทนา ในจังหวะนัน้ ผมมีอาการไอรุนแรงต่อเนือ่ ง เมือ่ หยุดแล้ว ผมหันไปหา เธอด้วยพลังทีห่ ลงเหลือแล้วตอบว่าผมได้เพือ่ นใหม่เยอะมาก ผมหันไปใน ทิศของเธอไม่ถนัดเท่าไรนักเพราะเทปกาวที่พันรัดรอบกะบังลม เธอพยักหน้า “ฉันว่าพวกเธอยอดเยีย่ มมาก” เธอกล่าวลอยๆ “เธอเป็น เพื่อนฝ่ายเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวจ๊ะ” แล้วเธอก็ถามตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม อย่างสุภาพ “คือ จริงๆ แล้วผมไม่เชิงว่าเป็นเพื่อนของ—” “หวังว่าเธอจะไม่บอกว่าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ” ผู้เป็นเพื่อนเจ้าสาว

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 20

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 21 พูดแทรกขึ้นจากเบาะหลัง “ฉันละอยากจะบีบคอเขาสักสองนาที ขอแค่ สองนาทีเท่านั้นแหละ” คุณนายซิลส์เบิร์นหันไปยิ้มให้คนพูดควับหนึ่ง—แต่หันไปทั้งศีรษะ แล้วจึงหันกลับไปมองข้างหน้าอีกครัง้ เราหมุนศีรษะแทบจะพร้อมกัน หาก วัดจากระยะเวลาเพียงครูเ่ ดียวทีค่ ณ ุ นายซิลส์เบิรน์ หันไป รอยยิม้ ทีเ่ ธอฝาก ไว้กบั เพือ่ นเจ้าสาวนัน้ ต้องเรียกว่าเป็นลีลาจากเบาะเสริมอันงดงามทีเดียว มันเป็นยิม้ ทีแ่ จ่มชัดพอจะแสดงความเข้าถึงคนหนุม่ สาวทัว่ ทัง้ โลก แต่โดย เฉพาะอย่างยิง่ เป็นการเห็นพ้องกับสาวผูเ้ ป็นตัวแทนของหนุม่ สาวในรถคัน นี้ ซึ่งเธออาจไม่เคยแม้จะรู้ชื่อสกุลด้วยซ�้ำ “ยายคนกระหายเลือด” เสียงผูช้ ายกล่าวกลัว้ หัวเราะ คุณนายซิลส์เบิรน์ กับผมหันไปอีกครั้ง เจ้าของเสียงคือสามีของเพื่อนเจ้าสาว เขานั่งอยู่ข้าง หลังผมพอดี ฟากซ้ายของภรรยาของเขา เขากับผมจ้องมองกันด้วยสายตา ว่างเปล่าชัว่ ขณะ เป็นการมองตาอย่างไร้ความเป็นมิตร ซึง่ ในความมึนเมา ของปี 1942 จะมีก็แต่นายทหารกับพลทหารที่จะมองกันแบบนั้นได้ เขามี ยศร้อยโทในหน่วยกองก�ำลังสื่อสาร สวมหมวกแก๊ปกองทัพอากาศที่ดูน่า สนใจมาก—มันเป็นหมวกมีกะบังที่มีโครงก้านเหล็กถอดออกจากบริเวณ กลางกระหม่อมซึ่งปกติจะท�ำให้คนสวมดูอาจหาญอย่างตั้งใจ แต่ในกรณี ของเขามันไม่เป็นเช่นนัน้ ดูเหมือนมันจะไม่มปี ระโยชน์อะไรนอกจากท�ำให้ หมวกเครือ่ งแบบทีข่ นาดใหญ่เกินไปของผมดูเหมือนหมวกตัวตลกทีใ่ ครบาง คนเก็บขึ้นมาจากเตาเผาขยะอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาซีดเหลืองและ ดูน่าเกรงขาม เหงื่อแตกท่วมตัวจนชุ่ม—ทั้งที่หน้าผาก ริมฝีปากบน และ กระทัง่ ทีป่ ลายจมูก—จนถึงจุดทีเ่ ขาแทบควรจะกินน�ำ้ เกลือทดแทนอยูแ่ ล้ว

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 21

9/18/2559 BE 2:12 PM


22 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ “ฉันแต่งงานกับผูห้ ญิงกระหายเลือดทีส่ ดุ ในสามโลก” เขากล่าวกับคุณนาย ซิลส์เบิร์นแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมาอีกครั้ง และยศของเขาเกือบท�ำให้ผม เปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ ตามเขาไปด้วย—เสียงหัวเราะสัน้ ๆ ไร้ความหมาย แบบทีค่ นแปลกหน้าและทหารเกณฑ์จะหัวเราะเพือ่ แสดงให้เห็นว่าผมเป็น พวกเดียวกับเขาและคนอื่นๆ ในรถ ไม่เป็นปฏิปักษ์กับใคร “ฉันพูดจริงนะ” เพื่อนเจ้าสาวว่า “ขอแค่สองนาที—เท่านั้นแหละ พ่อคุณ โอ้ ถ้าสองมือเล็กๆ ของฉันได้—” “เอาละ เอาละ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ” สามีของเธอว่า ดูเหมือนจะด้วย อารมณ์หยอกล้อระหว่างคู่รัก “ใจเย็นๆ เถอะน่า แล้วเธอจะอายุยืนขึ้น” คุณนายซิลส์เบิรน์ หันไปด้านหลังของรถอีกครัง้ แล้วชืน่ ชมเพือ่ นเจ้า สาวด้วยการฉีกยิ้มกว้าง “มีใครเห็นคนจากฝั่งของเขาที่งานบ้างไหม” เธอ ถามเบาๆ โดยเน้นเสียงตรงค�ำสรรพนาม—อย่างไม่เกินงาม เพือ่ นเจ้าสาวตอบด้วยนำ�้ เสียงเปล่งดังปวดแก้วหู “ไม่คะ่ พวกเขาอยู่ ฝั่งตะวันตกกันหมดหรือที่ไหนสักแห่ง ฉันละอยากจะเจอซะจริง” เสียงหัวเราะของสามีเธอดังขึ้นอีกครั้ง “เธอจะท�ำอะไรเหรอที่รัก ถ้า เจอพวกเขาน่ะ” เขาถาม—แล้วขยิบตาให้ผมอย่างไม่มีเหตุผล “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันคงท�ำอะไรสักอย่างแน่ๆ” เพื่อนเจ้าสาวว่า เสียงหัวเราะจากฟากซ้ายของเธอดังขึ้นกว่าเดิม “ฉันต้องพูดอะไรกับพวก เขาสักอย่างแน่ ให้ตายเถอะ” เธอกล่าวอย่างมัน่ อกมัน่ ใจขึน้ เรือ่ ยๆ ราวกับ รู้สึกจากการต่อปากต่อค�ำกับสามีของเธอว่าบรรดาพวกเราที่อยู่ในระยะ การได้ยินก�ำลังชื่นชมความตรงไปตรงมา—ความใจถึง—ในหลักการเรื่อง ความเป็นธรรมของเธอ ไม่ว่ามันจะเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อนแบบคนหนุ่ม

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 22

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 23 สาวหรือไร้แก่นสารแค่ไหนก็ตาม “ฉันก็ไม่รวู้ า่ จะพูดอะไรกับพวกเขาหรอก คงไปพล่ามอะไรงีเ่ ง่าๆ นัน่ แหละ แต่ให้ตายเถอะ พูดจริงๆ นะ! ฉันทนเห็น คนหลุดพ้นความผิดไปอย่างนัน้ ไม่ได้เลย มันท�ำให้ฉนั เดือดดาล” เธอหยุด ชะงักอารมณ์นานพอจะได้รับสายตาของความเข้าอกเข้าใจจากคุณนาย ซิลส์เบิร์น คุณนายซิลส์เบิร์นกับผมได้หันตัวไปด้านหลังในเบาะเสริมของ เราจนรอบแล้ว เพื่อการปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ฉันพูดจริงๆ นะ” เพือ่ นเจ้าสาวกล่าว “คนเราไม่ใช่วา่ อยากจะท�ำร้ายความรูส้ กึ ใครตอน ไหนก็ได้ตามอ�ำเภอใจนะ” “ฉันเกรงว่าฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนั้นสักเท่าไร” คุณนายซิลส์เบิร์นกล่าวเบาๆ “ที่จริงฉันยังไม่เคยเจอเขาด้วยซ�้ำ ตอนแรก ที่ฉันได้ข่าวว่ามิวเรียลหมั้น—” “ไม่มีใครเคยเจอเขาหรอกค่ะ” เพื่อนเจ้าสาวกล่าวอย่างค่อนข้างมี อารมณ์ “ฉันเองก็ยงั ไม่เคยเจอเขาเลย เรามีการซักซ้อมกันสองครัง้ ทัง้ สอง ครัง้ พ่อผูน้ า่ สงสารของมิวเรียลต้องแทนทีเ่ ขา เพราะเครือ่ งบินของเขาบินขึน้ ไม่ได้ เขาควรต้องบินมาทีน่ เี่ มือ่ คืนวันอังคารทีแ่ ล้วกับเครือ่ งบินทหารบ้าบอ อะไรนี่แหละ แต่หิมะตกหรืออะไรสักอย่างในโคโรราโดหรือแอริโซนาหรือ ที่ไหนบ้าๆ ท�ำนองนั้น ท�ำให้กว่าเขาจะมาถึงก็ตีหนึ่งเมื่อคืนนี้ แล้วจากนั้น —ในโมงยามบ้าๆ นัน่ —เขาโทร.หามิวเรียลจากลองไอแลนด์หรือทีไ่ หนสัก แห่ง แล้วขอให้เธอไปพบเขาทีล่ อ็ บบีโ้ รงแรมห่วยๆ สักแห่งเพือ่ คุย” เพือ่ นเจ้า สาวท�ำสัน่ เสียงอย่างมีศลิ ปะ “คุณก็รนู้ คี่ ะว่ามิวเรียลเป็นคนน่ารักทีพ่ ร้อมจะ ยอมให้ใครๆ เอาเปรียบเธอได้ นัน่ แหละคือสิง่ ทีท่ �ำให้ฉนั พูดไม่ออก คนแบบ เธอมักจะต้องพบกับความเจ็บปวดในตอนท้ายเสมอ...นัน่ แหละค่ะ แล้วเธอ

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 23

9/18/2559 BE 2:12 PM


24 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ก็แต่งตัว นัง่ แท็กซีอ่ อกไปเจอเขาทีล่ อ็ บบีโ้ รงแรมกระจอกแห่งหนึง่ คุยกับเขา ถึงเกือบๆ จะตีหา้ ” เพือ่ นเจ้าสาวปล่อยมือจากช่อดอกการ์เดเนียส์นานพอให้ ชูสองก�ำปัน้ ขึน้ เหนือตัก “โอย มันท�ำให้ฉนั โมโหมากๆ!” เธอว่า “โรงแรมอะไรครับ” ผมถามเพือ่ นเจ้าสาว “คุณพอจะรูไ้ หม” ผมพยายาม พูดด้วยน�ำ้ เสียงปกติ ราวกับจะให้เหมือนว่าพ่อผมอาจท�ำธุรกิจโรงแรม และ เป็นเรือ่ งเข้าใจได้ถา้ ผมจะสนใจว่าคนมานิวยอร์กเข้าพักกันทีไ่ หน ในความ เป็นจริงแล้วค�ำถามของผมไม่มีความหมายอะไรเลย ผมก็แค่คิดออกมา ดังๆ เท่านั้น ผมสนใจข้อมูลที่ว่าพี่ชายของผมขอให้คู่หมั้นไปเจอที่ล็อบบี้ โรงแรม แทนที่จะเป็นอพาร์ทเมนต์ที่ไม่มีคนอยู่ การชวนแบบนั้นไม่ได้ผิด ปกติไปจากบุคลิกของเขาแม้แต่น้อย แต่ผมก็ยังสนใจมันนิดหน่อยอยู่ดี “ฉันไม่รู้หรอกว่าโรงแรมไหน” เพื่อนเจ้าสาวตอบอย่างหงุดหงิด “ก็ แค่โรงแรมสักแห่ง” เธอจ้องมองผม “ท�ำไมเหรอ” เธอซัก “เธอเป็นเพื่อน ของเขางั้นหรือ” สายตาทีเ่ พ่งมาของเธอดูนา่ เกรงขามทีเดียว มันดูเหมือนจะเป็นการ เพ่งมองจากแก๊งที่มีผู้หญิงคนเดียว ที่เป็นทั้งแม่บ้านและนักฆ่าตามแต่ เวลาและโอกาสอ�ำนวย ผมหวาดกลัวแก๊งทุกชนิดมาตลอดชีวิต “เราเคย เล่นด้วยกันตอนเด็กๆ น่ะครับ” ผมตอบแบบโง่ๆ “อ้อ เธอนี่โชคดีนะ!” “ใจเย็นๆ น่า” สามีของเธอว่า “ฉันขอโทษนะ” เพือ่ นเจ้าสาวพูดกับเขาแต่บอกเราทุกคน “คุณไม่ได้ อยูใ่ นห้อง ไม่ได้เห็นเด็กสาวผูน้ า่ สงสารนัน่ ร้องห่มร้องไห้จนตาบวมนานหนึง่ ชัว่ โมงเต็มๆ นีค่ ะ มันไม่ตลกนะ—อย่าลืมล่ะ ฉันเคยได้ยนิ เรือ่ งเจ้าบ่าวเกิด

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 24

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ 25 อาการปอดแหกมาก่อนแหละนะ แต่ไม่ใช่มาท�ำกันตอนวินาทีสดุ ท้ายแบบ นี้ ฉันหมายถึงว่าอย่ามาท�ำให้ตอ้ งอับอายขายหน้าผูค้ นดีๆ ตัง้ มากมายและ แทบจะท�ำลายจิตใจของเด็กสาวคนหนึ่งอย่างนั้น! ถ้าเขาเปลี่ยนใจ ท�ำไม ไม่เขียนจดหมายหาเธอและอย่างน้อยก็ลม้ เลิกมันอย่างเป็นสุภาพบุรษุ ล่ะ ให้ตายเถอะ ก่อนจะเป็นเรื่องเป็นราวเละเทะอย่างนั้น” “เอาละ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ น่า” สามีของเธอว่า เสียงหัวเราะของเขา ยังดังอยู่แต่ฟังดูฝืนๆ ขึ้นเล็กน้อย “ก็ฉนั พูดจริงนี!่ ท�ำไมเขาถึงไม่เขียนจดหมายไปบอกเธอแบบลูกผูช้ าย จะได้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้นมาล่ะ” จู่ๆ เธอก็มองมาที่ผม “เธอพอ จะรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน” เธอซักด้วยน�้ำเสียงเย็นเยียบราวแท่งเหล็ก “ถ้า เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาละก็ เธอน่าจะพอมี—” “ผมเพิง่ มาถึงนิวยอร์กเมือ่ สองชัว่ โมงทีแ่ ล้วนีเ่ องครับ” ผมตอบอย่าง ประหม่า ไม่เพียงแค่เพือ่ นเจ้าสาวกับสามีของเธอเท่านัน้ ทีจ่ อ้ งมองผม คุณนาย ซิลส์เบิร์นก็ร่วมวงด้วย “ผมยังไม่มีโอกาสได้ไปใกล้โทรศัพท์สักเครื่องเลย ด้วยซ�้ำ” ผมจ�ำได้ว่าในจังหวะนั้นผมก็กระหน�่ำไอออกมา มันเกิดขึ้นโดย ธรรมชาติ แต่ต้องบอกว่าผมก็ไม่ได้พยายามจะระงับมันเลย “นายได้ไปตรวจอาการไอนัน่ หรือยัง” นายร้อยโทถามเมือ่ ผมหยุดไอ ในจังหวะนั้นผมก็ไออีกชุด—แปลกที่มันเกิดตามธรรมชาติโดยแท้ ผมยังอยู่ในท่าหันตัวเฉียงในเบาะเสริม เอียงไปด้านหน้าของรถเพื่อจะไอ โดยถูกสุขอนามัยได้อย่างเหมาะสม มันออกจะดูผิดที่ผิดทางอยู่มาก แต่ผมคิดว่าควรแทรกย่อหน้าเข้า

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 25

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 83

9/18/2559 BE 2:12 PM


Seymour_Edit_2016_09_11.indd 84

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 85

การได้เห็นตัวตนของบรรดานักแสดงท�ำให้ผมมัน่ ใจอย่างเจ็บปวดเสมอว่าสิง่ ที่ ผมเขียนไว้เกีย่ วกับพวกเขามาจนถึงบัดนีน้ นั้ ผิดเพีย้ นเป็นส่วนใหญ่ ผิดเพีย้ นด้วย เหตุทวี่ า่ ผมเขียนถึงพวกเขาด้วยรักอันแน่วแน่ (แม้แต่สงิ่ ทีผ่ มก�ำลังเขียนอยูน่ กี้ ผ็ ดิ เพีย้ นเช่นกัน) แต่ดว้ ยศักยภาพต่างกัน และความไม่สมำ�่ เสมอของศักยภาพนีไ้ ม่ อาจน�ำเสนอนักแสดงได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง กลับถูกกลบกลืนด้วยความรักซึง่ จะไม่มวี นั พึงพอใจกับศักยภาพดังกล่าว ส่งผลให้ความรักส�ำคัญตนว่าได้ท�ำการ ปกป้องนักแสดงโดยการหักห้ามมิให้ศักยภาพท�ำหน้าที่ของมัน ราวกับว่า (เพื่อเปรียบให้เห็นชัดขึ้น) ผู้เขียนเผลอไผลท�ำปากกาลื่นหลุด และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นรู้ตัวว่ามันคือความผิดพลาด เป็นไปได้ว่านี่ไม่ใช่ ความผิดพลาด หากแต่เป็นหัวใจส�ำคัญของเรื่องทั้งหมดอย่างลึกซึ้ง หากเป็น เช่นนัน้ ก็เหมือนกับว่าความผิดพลาดดังกล่าวก�ำลังท�ำการขบถต่อผูเ้ ขียน เพราะ รังเกียจเขา ห้ามมิให้เขาแก้ไขมัน และบอกเขาว่า “ไม่ ข้าจะไม่ยอมถูกลบทิง้ ข้า จะยืนหยัดเป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นนักเขียนที่ไร้ศักยภาพเพียงไร”

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 85

9/18/2559 BE 2:12 PM


86 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ บอกตามตรง บางครั้งผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในวัยสี่สิบผมก็เห็น นักอ่านทั้งหลายเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ผมจะให้ความไว้วางใจอย่างแท้จริง และผมก็ได้รับค�ำขอไว้ตั้งแต่ก่อนล่วงผ่านวัยรุ่น โดยผู้เชี่ยวชาญชื่อดังที่ทั้ง น่าชื่นชมและช่างถ่อมตัวที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก ให้รักษาความสัมพันธ์อัน ดีนั้นไว้ ไม่ว่ามันจะแปลกประหลาดหรือน่าปวดหัวเพียงไรก็ตาม ในกรณี ของผม เขาเล็งเห็นว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแต่แรกแล้ว ค�ำถามก็คือ ผู้ เขียนจะรักษาความสัมพันธ์อันดีได้อย่างไรหากเขาไม่รู้จักคนอ่านของเขา แน่ละว่าความสัมพันธ์ที่คนอ่านมีต่อผู้เขียนเป็นเรื่องปกติ แต่มีครั้งไหน กันที่ผู้เขียนจะถูกถามว่าเขาคิดว่าคนอ่านของเขาเป็นเช่นไร เพื่อเป็นการ ชี้ประเด็นของผมให้ชัดขึ้น—ผมไม่คิดว่ามันเป็นประเด็นประเภทที่ควรน�ำ เสนอให้ยืดเยื้อ—โชคดีที่ผมค้นพบทุกอย่างที่ผมควรรู้เกี่ยวกับคนอ่านของ ผมมาหลายปีแล้ว ผมหมายถึงคุณนั่นแหละ ผมเกรงว่าคุณจะปฏิเสธเป็น พัลวัน แต่ผมไม่อยู่ในสถานะที่จะฟังค�ำโต้แย้งของคุณได้ คุณเป็นคนรักนก ตัวยง ไม่ต่างกับชายในเรื่องสั้นชื่อ “สกูล สเกอร์รี่” ของจอห์น บั๊คแคน ที่ อาร์โนลด์ แอล. ชูการ์แมน จูเนียร์ บังคับให้ผมอ่านครั้งหนึ่งระหว่างคาบ ทบทวนต�ำราที่ไม่มีครูคุม คุณเป็นคนจ�ำพวกที่ศึกษาเกี่ยวกับนกเพราะ นกกระตุ้นจินตนาการคุณ พวกมันน่าสนใจส�ำหรับคุณเพราะ “ในบรรดา สิ่งมีชีวิตทั้งหมด พวกมันดูจะใกล้เคียงความเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์มาก ที่สุด—สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่มีอุณหภูมิร่างกายปกติอยู่ที่ 125 องศา” คุณคง คิดเชื่อมโยงอย่างสนุกสนานเหมือนนายจอห์น บั๊คแคนคนนี้ ผมแน่ใจว่า คุณจะบอกตัวเองว่า: “นกกระจิ๊ดกระหม่อมสีทอง ซึ่งมีขนาดหน้าท้องไม่ ใหญ่ไปกว่าเมล็ดถ้่ว สามารถโบยบินข้ามทะเลเหนือ! นกชายเลนปากโค้ง

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 86

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 87 ซึ่งเพาะพันธุ์ไกลขึ้นไปเหนือสุดจนมีคนแค่ประมาณสามคนเท่านั้นที่เคย เห็นรังของมัน บินไปพักผ่อนที่แทสเมเนีย!” คงเหลือเชื่อเกินไปที่จะหวัง ว่าคนอ่านของผมคือหนึ่งในสามคนที่เห็นรังของนกชายเลนปากโค้ง แต่ ผมรู้สึกว่าผมรู้จักเขา—คุณ—มากพอจะเดาได้ว่าคุณต้องการให้ผมหยิบ ยื่นเรื่องดีๆ แบบไหนให้ในเวลานี้ ดังนั้น เพื่อนเอย ในความไว้วางใจที่เรา มีต่อกัน ก่อนที่เราจะสมาคมกับผู้กล้าอื่นๆ ในทุกหนแห่ง แน่นอนว่ารวม ไปถึงบรรดาคนบ้าความเร็วที่ดึงดันจะพาพวกเราโลดแล่นไปถึงดวงจันทร์ พวกนักแสวงธรรมพเนจร ผู้ผลิตตัวกรองบุหรี่ส�ำหรับนักคิด พวกนักเขียน สกุลบีท สกุลเบี้ยว สกุลบึ้ง พวกสาวกลัทธิ พวกผู้เชี่ยวชาญหัวสูงที่รู้ดีเหลือ เกินว่าเราควรท�ำหรือไม่ท�ำอะไรกับอวัยวะเพศของเรา พวกหนุ่มเครางาม เย่อหยิ่ง ไร้การศึกษา และมือกีต้าร์ไร้ฝีมือ กับพวกฆาตกรเซน พวกตาม กระแสแฟชั่นเท็ดดี้บอยที่ปรายตากลวงเปล่ามองดาวเคราะห์แสนวิเศษ ซึ่ง (อย่าเพิง่ หุบปากผม) คนอย่างคิลรอย พระเยซู และเช็คสเปียร์ เคยแวะ เยือน—ก่อนที่เราจะสมาคมกับคนเหล่านั้น ผมขอกล่าวเป็นการส่วนตัว กับคุณ เพื่อนยาก (เกรงว่าจะเป็นการบอกคุณมากกว่า) ว่ากรุณารับช่อ ดอกนขลิขิตที่เพิ่งผลิบานนี้จากผมด้วย: (((()))) ผมคงไม่ได้อยากให้มัน เป็นสัญลักษณ์งดงามเหมือนดอกไม้อะไรอย่างนั้น แต่เป็นภาพความโก่ง งอ—ที่สะท้อนสภาวะทางจิตใจและร่างกายของผมขณะเขียนเรื่องนี้ หาก กล่าวในทางวิชาชีพ ซึ่งเป็นการกล่าวแบบที่ผมชื่นชอบมากที่สุด (ถ้าจะพูด ยกยอตัวเองเสียหน่อยก็ต้องเสริมว่าผมพูดได้เก้าภาษาอย่างลื่นไหล สี่ใน เก้าภาษานั้นเป็นภาษาที่ตายสนิทไปแล้ว)—กล่าวในทางวิชาชีพ ผมขอย�้ำ ต้องบอกว่าผมเป็นคนที่มีความสุขอย่างเปี่ยมล้น ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 87

9/18/2559 BE 2:12 PM


88 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ อ้อ อาจจะมีครั้งหนึ่ง ตอนอายุสิบสี่ที่ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวละครที่มี แผลเป็นจากการดวลดาบ—ทั้งพระเอก ตัวร้าย นางเอก แม่นมของเธอ ม้าและหมาทุกตัว อาจจะกล่าวได้ว่าตอนนั้นผมก็ค่อนข้างจะมีความสุข ดี แต่ไม่ถึงกับเปี่ยมล้นเหมือนตอนนี้ กล่าวให้ตรงประเด็น: ผมรู้อยู่อย่าง หนึ่งว่านักเขียนที่มีความสุขอย่างเปี่ยมล้นกับการเขียนส่วนใหญ่น่าร�ำคาญ ที่จะอยู่ใกล้ แน่ละว่าในหมู่คนประเภทนี้พวกกวีคือพวกที่อยู่ด้วย “ยาก” ที่สุด แต่กระทั่งนักเขียนร้อยแก้วในสภาวะดังกล่าวก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่ จะประพฤติตัวกับคนรอบข้างเช่นนั้นได้: ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็นสภาวะอัน วิเศษหรือไม่ อาการปลื้มปีติเกินเหตุก็คืออาการปลื้มปีติเกินเหตุ และแม้ ผมจะคิดว่านักเขียนร้อยแก้วผู้เปี่ยมสุขสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ บนหน้า กระดาษได้ไม่น้อย—ผมหวังด้วยว่าจะเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมที่สุด—ก็เป็นเรื่อง จริงเช่นกัน และเห็นชัดอย่างยิ่งว่าเขาไม่อาจควบคุมตัวเองให้เขียนแต่ พองาม อย่างใจเย็น หรืออย่างรวบรัด เขาไม่อาจเขียนย่อหน้าสั้นๆ ได้เลย เขาไม่อาจตัดขาด—หรือตัดได้เพียงในบางกรณีและอย่างน่าสงสัย—จาก คลื่นที่ซัดโถมต่อเนื่องในห้วงแห่งความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่และผลาญเผาเช่น ความสุข เขาจ�ำเป็นต้องยอมทิ้งวิถีของการปรากฏบนหน้ากระดาษอย่าง เยือกเย็นส�ำรวม ซึ่งแม้จะเป็นสภาวะที่ไม่เลอเลิศอะไรนัก ส�ำหรับนัก เขียนก็ยังนับว่าเป็นความรื่นรมย์ไม่น้อย ผมคิดว่าที่แย่ที่สุดคือเขาจะ ไม่อยู่ในสถานะที่จะตอบสนองสิ่งที่ผู้อ่านต้องการทันทีได้ นั่นคือความ ต้องการให้คนเขียนรีบด�ำเนินเรื่องต่อเสียที นี่คือเหตุผลส่วนหนึ่งของการ มอบเครื่องหมายนขลิขิตให้เมื่อหลายประโยคก่อนหน้านี้ ผมรู้ดีว่ามีผู้คน มากปัญญาจ�ำนวนไม่น้อยที่ทนการแทรกวงเล็บเยอะๆ ระหว่างการเล่า

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 88

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 89 เรื่องไม่ได้ (เราได้รับการชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ทางไปรษณีย์—โดย ส่วนใหญ่โดยพวกเตรียมท�ำวิทยานิพนธ์ ด้วยแรงเร้าตามธรรมชาติที่จะ แอบเขียนถึงเราในนอกเวลาเรียน ทว่าเราอ่านและปกติเราจะเชื่อว่า ไม่ ว่าจะดี เลว หรือไม่มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษ การเรียงร้อยถ้อยค�ำใน ภาษาอังกฤษตรึงความสนใจเราได้ราวกับว่าถูกส่งมาจากท่านโปรสเปโร่ เลยทีเดียว) ผมก�ำลังเขียนเพื่อเตือนว่า ไม่เพียงแต่การออกนอกลู่นอก ทางของผมจะอาละวาดหนักนับแต่นี้ไป (ผมไม่แน่ใจด้วยซ�้ำว่าจะหลีก เลี่ยงการใส่เชิงอรรถลงไปสักแห่งสองแห่งได้หรือเปล่า) แต่ผมยังตั้งใจ มั่นว่าจะท�ำลายสมาธิท่านผู้อ่านเป็นระยะๆ เมื่อเห็นบางอย่างน่าสนใจ หรือคุ้มค่ากับการเลี้ยวไปหาระหว่างการเล่าเรื่องหลัก ความรวดเร็วใน การด�ำเนินเรื่องไม่มีความหมายใดๆ กับผมโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ท่านผู้อ่านที่ต้องการงานเขียนแบบกระชับ ตามขนบ และประณีตที่สุด ผมขอเสนอ—ด้วยความจริงใจที่สุดเท่าที่นักเขียนจะเสนออะไรท�ำนอง นี้ได้—ให้ท่านเลิกอ่านเสียแต่ตอนนี้ ในขณะที่ผมคิดว่ายังเลิกได้ไม่ยาก เย็น ผมคงจะช่วยชี้ทางออกให้อีกเมื่อเรื่องด�ำเนินไป แต่ไม่แน่ใจว่าผม จะแสร้งท�ำเป็นจริงใจได้อีกหรือไม่ ผมอยากเริ่มต้นด้วยการพูดยาวๆ ถึงสองข้อเขียนที่ผมใช้เปิดเรื่อง “การได้เห็นตัวตนของบรรดานักแสดง...” มาจากคาฟคา ข้อเขียนที่สอง —“ราวกับว่า (เพื่อเปรียบให้เห็นชัดขึ้น) ผู้เขียนเผลอไผลท�ำปากกาลื่น หลุด...”—มาจากเคียร์เคกอร์ด (และมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมท�ำได้ในการหัก ห้ามตัวเองจากการถูมืออย่างครึ้มใจเมื่อนึกว่าข้อเขียนของเคียร์เคกอร์ด ชิ้นนี้อาจท�ำให้นักปรัชญาอัตถิภาวนิยมบางคน กับพวกเสนาชาวฝรั่งเศส

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 89

9/18/2559 BE 2:12 PM


90 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ที่เขียนหนังสือมากเกินควร ต้องแปลกใจอยู่บ้าง)1 ผมไม่รู้สึกว่าใครจะ ต้องมีเหตุผลอันรัดกุมในการอ้างงานของนักเขียนที่เขารัก แต่ผมยอมรับ ว่าถ้ามีก็ดีเสมอ ในกรณีนี้ ผมเห็นว่าสองข้อเขียนนั้น โดยเฉพาะเมื่อเรียง ต่อกัน เป็นตัวอย่างที่งดงามของความสุดยอด ไม่เพียงแต่ของคาฟคากับ เคียร์เคกอร์ด แต่ของชายที่ล่วงลับไปแล้วทั้งสี่คน สี่ชายป่วยผู้อื้อฉาวกัน คนละแบบ หรือชายโสดผู้แปลกแยก (คงมีเพียงแวนโก๊ะห์ ในบรรดาทั้ง สี่ ที่จะไม่ต้องปรากฏตัวบนหน้ากระดาษเรื่องนี้) ที่ผมมักจะวิ่งเข้าหาบ่อย ทีส่ ดุ —บางครัง้ ด้วยความตึงเครียด—เมือ่ ผมต้องการข้อมูลน่าเชือ่ ถือเกีย่ ว กับขัน้ ตอนการสร้างสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ใดๆ ก็ตาม ผมได้น�ำข้อเขียน สองชิ้นนั้นมาเสนอเพื่อชี้ให้เห็นว่าผมคิดว่าจุดยืนของผมคืออะไรในข้อมูล ทัง้ หมดทีผ่ มหวังจะเรียบเรียงออกมานี— ้ ผมไม่กลัวทีจ่ ะบอกว่าเป็นสิง่ ทีใ่ น บางกลุม่ ถือเป็นเรือ่ งทีน่ กั เขียนไม่สามารถเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งได้ หรือไม่ ควรท�ำเร็วเกินไป แต่ในบางมุมผมจะรู้สึกดีที่ได้คิดได้ฝันว่าข้อเขียนสั้นๆ สองชิ้นนั้นอาจสามารถเป็นประโยชน์ต่อบรรดานักวิจารณ์พันธุ์ใหม่—คน งานผูต้ รากตร�ำจ�ำนวนมาก (อาจเรียกพวกเขาว่าเป็นทหารหาญก็นา่ จะได้) ในคลินคิ ศิลปะและการประพันธ์ยคุ ฟรอยเดียนใหม่อนั แออัด ผูท้ มุ่ เทเวลา ยาวนานให้กบั มันโดยปราศจากความสามารถในการแยกแยะอยูบ่ อ่ ยๆ โดย เฉพาะพวกนักเรียนที่ยังเยาว์และผู้เชี่ยวชาญที่ยังไม่สุกงอม มีสุขภาพจิต การระรานเล็กๆ น้อยๆ นีน้ า่ รังเกียจเป็นทีส่ ดุ แต่ขอ้ เท็จจริงทีว่ า่ เคียร์เคกอร์ดผูย้ งิ่ ใหญ่ไม่เคย เป็นเคียร์เคกอร์เดียน ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่เคยเป็นนักปรัชญาอัตถิภาวนิยม น�ำความสะใจ มาให้กับปัญญาชนท้ายแถวคนนี้ไม่จบสิ้น ท�ำให้เขาไม่หมดศรัทธาในเรื่องกรรมตามสนอง หรือเรื่องซานตาคลอส 1

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 90

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 91 แข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจาก (ผมคิดว่าไม่อาจปฏิเสธได้) การถูกล่อให้มอง ความงามอย่างหดหู่ ซึ่งมุ่งมั่นว่าวันหนึ่งจะศึกษาด้านเวชศาสตร์แห่ง สุนทรียะ (ยอมรับว่านี่คือวิชาที่ผมรู้สึกต่อต้านมาตั้งแต่อายุสิบเอ็ด และ ได้เห็นศิลปินชายป่วยที่ผมรักที่สุดในโลกนี้ สมัยที่เขายังนุ่งกางเกงขาสั้น ถูกตรวจสอบโดยกลุ่มจิตแพทย์มืออาชีพสายฟรอยเดียนนานถึงหกชั่วโมง สี่สิบห้านาที ในความเห็นทีไ่ ม่อยูก่ บั ร่องกับรอยนักของผม พวกเขาไม่ท�ำก็ แต่การเอาชิน้ ส่วนสมองของเขาไปส่องกล้องจุลทรรศน์เท่านัน้ และผมปักใจ เชื่ออยู่นานหลายปีว่าสาเหตุเดียวที่พวกเขาไม่ท�ำเช่นนั้นเพราะตีสองเป็น เวลาทีด่ กึ เกินไป ด้วยเหตุนผี้ มจึงยืนยันว่าผมรูส้ กึ ต่อต้านการกระท�ำเช่นนัน้ แต่ไม่ใช่ความขัดเคือง แต่ผมก็เข้าใจว่ามีเพียงเส้นหรือแผ่นกระดานบางๆ กั้นกลางระหว่างสองความรู้สึก แต่ผมก็จะพยายามเดินอยู่บนเส้นนั้นต่อ ไปสักพัก ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ ผมได้รอคอยที่จะรวบรวมและปลดปล่อย ความรูส้ กึ เหล่านีม้ าหลายปีแล้ว) แน่ละว่ามีขา่ วลือมากมายเกีย่ วกับศิลปิน สร้างสรรค์ผลู้ ำ�้ เลิศ—ผมพูดถึงพวกจิตรกรและกวีโดยเฉพาะ หนึง่ ในข่าวลือ —และเป็นข่าวทีส่ ร้างความบันเทิงให้ผมมากทีส่ ดุ —คือข่าวทีว่ า่ แม้แต่ใน ช่วงก่อนยุคมืดที่ถูกวิเคราะห์จิต เขาไม่เคยให้ค่ากับบรรดานักวิจารณ์มือ อาชีพที่วิจารณ์เขา และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาจับกลุ่มให้คนพวกนั้นอยู่กับ เหล่าผู้พิมพ์หนังสือตัวจริงกับพวกนายหน้าค้างานศิลปะ และพวกเศรษฐี ที่ติดตามงานศิลป์ทั้งหลาย และบอกว่าคนพวกนี้ถ้าเป็นไปได้ก็จะเลือก งานทีส่ ภุ าพกว่า แต่สงิ่ ทีผ่ มคิดว่าเรามักได้ยนิ เกีย่ วกับกวีหรือจิตรกรผูข้ ยัน ขันแข็งอย่างน่าแปลกใจแม้สภาพร่างกายอ่อนแอ อย่างน้อยก็ในยุคสมัย ใหม่ คือเขาเป็นคนมีปญ ั หาทางจิตอย่างลึกซึง้ แต่กม็ คี ณ ุ สมบัติ “ตามสูตร”

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 91

9/18/2559 BE 2:12 PM


92 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ของความเป็นคนผิดปกติที่มักไม่ยอมให้ความผิดปกติครอบง�ำ หรือกล่าว อย่างเรียบง่ายคือเป็นคนป่วยผู้ไม่โอดครวญถึงความเจ็บปวดทรมานของ ตัวเอง แม้ว่าบางทีเขาจะปฏิเสธด้วยความดื้อรั้นแบบเด็กๆ ก็ตาม ราวกับ ว่าเขาจะสละทิ้งทั้งงานศิลปะและจิตวิญญาณของเขาเพื่อให้คนอื่นเห็น ว่าเขาเป็นปกติดี แต่กระนั้น (ข่าวลือยังว่าต่อไป) เมื่อห้องพักคับแคบที่ดู ไม่ดีต่อสุขภาพของเขาถูกบุกรุก และใครสักคน—ส่วนใหญ่จะเป็นใครสัก คนที่รักเขาจริงๆ—เข้าไปไถ่ถามอย่างห่วงใยว่าความเจ็บปวดอยู่ตรงไหน เขาจะไม่ตอบ หรือดูเหมือนจะไม่สามารถพูดถึงมันในทางทีม่ ปี ระโยชน์ตอ่ การรักษา แล้วในยามเช้า อันเป็นช่วงเวลาทีแ่ ม้แต่กวีและจิตรกรผูย้ งิ่ ใหญ่ ยังรู้สึกสดชื่นเบิกบานกว่าปกติ เขายิ่งเกิดความมุ่งมั่นบ้าบิ่นกว่าเดิม ที่จะ ปล่อยให้ความป่วยของเขาด�ำเนินไปตามวิถีของมัน ราวกับว่าแสงของวัน ใหม่ วันที่คาดว่าจะได้สร้างสรรค์งานต่อ ท�ำให้เขานึกขึ้นได้ว่ามนุษย์ทุก ชีวิต รวมทั้งที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ต่างต้องตายในที่สุด และโดยมาก ก็มักตายอย่างไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ทว่าผู้โชคดีเช่นเขา อย่างน้อยก็จะ ตายด้วยมือของคูห่ คู คู่ ดิ ทีเ่ ร้าจิตเร้าใจทีส่ ดุ ทีเ่ ขารูจ้ กั ไม่วา่ จะมีโรคภัยหรือ ไม่ก็ตาม โดยรวมๆ แล้วแม้จะฟังดูไม่น่าไว้ใจเพราะมาจากผมซึ่งมีศิลปิน ผู้ล่วงลับแบบนั้นอยู่ในครอบครัว ดังที่ผมได้อ้างถึงมาตลอดในข้อเขียนที่ เกือบจะเข้าข่ายการถกเถียงนี้ ผมไม่เห็นว่าใครจะสามารถสรุปอย่างเป็น เหตุเป็นผลจากข่าวลือ (ที่ยากอธิบาย) ข้อหลังนี้ไม่ได้มีที่มาจากข้อมูล น่าเชื่อถือพอสมควร ระหว่างที่ญาติคนพิเศษของผมยังมีชีวิต ผมจับตา มองเขา—บางครั้งผมก็คิดว่าผมจับตามองเขาจริงๆ—ราวกับเหยี่ยว เขา เป็นสิ่งมีชีวิตที่สุขภาพไม่ปกติตามความหมายของความป่วยทุกประการ

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 92

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 93 ในคืนและบ่ายแก่ที่ทุกข์ทรมานที่สุดของเขา เขาจะครวญครางไม่เพียง เพราะเจ็บปวดแต่เพราะต้องการความช่วยเหลือ และเมื่อความช่วยเหลือ มาถึงเขาก็จะไม่ตอบด้วยภาษาที่เข้าใจได้ว่าจุดก�ำเนิดของความเจ็บปวด อยู่ตรงไหน ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องขอต�ำหนิบรรดาผู้อ้างตนว่าเชี่ยวชาญ ด้านนี้—พวกนักวิชาการ นักเขียนชีวประวัติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก ปัญญาชนบนหอคอยทีม่ อี ทิ ธิพลในปัจจุบนั ทีไ่ ด้รบั การศึกษาจากสถาบัน สอนการวิเคราะห์จิตชื่อดังสักแห่ง—และผมต�ำหนิพวกเขาอย่างดุเดือด ที่สุดในประเด็นนี้: พวกเขาไม่ตั้งใจฟังเสียงโอดครวญของความเจ็บปวด อย่างถูกต้องเมื่อพวกเขามาให้ความช่วยเหลือ แน่ละว่าพวกเขาท�ำไม่ได้ หรอก พวกเขาเป็นพวกสูงศักดิ์หูท�ำด้วยกระป๋องสังกะสี คนที่มีอุปกรณ์ ผิดเพี้ยนเช่นนั้น มีหูแบบนั้น จะไปได้ยินที่มาของความเจ็บปวดผ่านเสียง ได้อย่างไร อุปกรณ์การฟังห่วยๆ แบบนั้น ผมคิดว่าอย่างมากก็จะได้ยิน เพียงเสียงแทรกแผ่วๆ—ไม่ใช่แม้แต่เสียงสอดประสานของท�ำนอง—จาก ปัญหาในวัยเด็กหรือแรงกระตุ้นทางเพศที่ผิดปกติ แต่จริงๆ แล้วความ เจ็บปวดมากมายก่ายกองนั้นมาจากไหนกัน มันต้องมาจากไหน กวีหรือ จิตรกรตัวจริงเป็นผูห้ ยัง่ รูม้ ใิ ช่หรือ มิใช่หรือว่าเขาเป็นผูห้ ยัง่ รูเ้ พียงหนึง่ เดียว ทีเ่ รามีบนพืน้ พิภพ เพราะนักวิทยาศาสตร์กด็ จู ะไม่ใช่ ยิง่ จิตแพทย์ยงิ่ ไม่ใช่ (แน่นอนว่ากวีผู้ยิ่งใหญ่คนเดียวที่พวกจิตแพทย์เคยมีก็คือฟรอยด์นั่นเอง ไม่ต้องสงสัยว่าเขาก็มีปัญหาทางการได้ยินเหมือนกัน แต่คนสติดีที่ไหน จะปฏิเสธว่าเขาเป็นกวีผู้ยิ่งยง) ขอโทษที: ผมพล่ามเกือบจบแล้ว อวัยวะ ส่วนไหนของมนุษย์ในตัวผู้หยั่งรู้จะจ�ำเป็นต้องเจอกับการถูกทารุณกรรม มากที่สุด แน่นอนว่าเป็นดวงตา ท่านผู้อ่านครับ (ถ้ายังอยู่กันน่ะนะ) เพื่อ

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 93

9/18/2559 BE 2:12 PM


94 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ เอาใจผมเป็นครั้งสุดท้าย ได้โปรดย้อนไปอ่านข้อเขียนสองชิ้นโดยคาฟคา กับเคียร์เคกอร์ดที่ผมน�ำเสนอไว้ในตอนต้นอีกครั้ง มันชัดเจนเลยใช่ไหม เสียงครวญครางดังตรงออกมาจากดวงตาใช่ไหม ไม่ว่าผลการชันสูตรศพ จะขัดแย้งอย่างไร—จะรายงานว่าการตายเกิดจากโรค ความเดียวดาย หรือ การฆ่าตัวตาย—มันไม่ชดั เจนหรือว่าศิลปินผูห้ ยัง่ รูท้ แี่ ท้นนั้ ตายอย่างไร ผม ขอประกาศว่า (และทุกอย่างทีจ่ ะตามมาในหน้ากระดาษของเรือ่ งนีล้ ว้ นจะ ลงเอยว่าอย่างน้อยผมก็คิดเกือบถูก)—ผมขอประกาศว่าศิลปินผู้หยั่งรู้ตัว จริง คนเขลาผู้วิเศษที่สามารถสร้างความงดงามได้อย่างแท้จริงนั้นพบกับ จุดจบโดยความสับสนของเขาเอง จากรูปทรงและสีสนั อันเจิดจ้าพร่ามัวใน ส�ำนึกศักดิ์สิทธิ์ของความเป็นมนุษย์ของเขาเอง ความเชื่อของผมถูกประกาศแล้ว ผมนั่งพัก ผมถอนหายใจ—อย่าง มีความสุข ผมจุดบุหรี่มูร้าด แล้วด�ำเนินเรื่องต่อไป ตรงนี้ผมขอเขียน—อย่างกระชับ ถ้าผมท�ำได้—ถึงหัวข้อย่อย “อารัมภบท” ที่อยู่ใต้ชื่อเรื่อง ตัวละครหลักในเรื่องของผม อย่างน้อยก็ ในจังหวะเวลาที่ผมจะรวบรวมสมาธิตัวเองให้นั่งลงเขียนอย่างมีสติ คือ ซีมัวร์ กลาส พี่ชายคนโตของผม ผู้ซึ่ง (และผมคิดว่าผมอยากกล่าวถึงใน หนึ่งประโยคตามแบบฉบับของการเขียนข่าวมรณกรรม) ในปี 1948 เมื่อ เขาอายุสามสิบเอ็ด ขณะไปเที่ยวอยู่ที่รัฐฟลอริดากับภรรยา ได้ท�ำการ อัตวินิบาตกรรม เขาเป็นผู้ที่มีความหมายมากมายส�ำหรับคนไม่น้อยตอน ยังมีชวี ติ อยู่ และเป็นทุกสิง่ ทุกอย่างส�ำหรับน้องชายและน้องสาวของเขาใน ครอบครัวทีค่ อ่ นข้างใหญ่ของเรา แน่นอนว่าเขาเป็นตัวแทนของเรือ่ งจริงทุก

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 94

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 95 เรือ่ งส�ำหรับพวกเรา: เป็นม้ายูนคิ อร์นลายน�ำ้ เงิน เป็นเลนส์รวมแสงอาทิตย์ เป็นที่ปรึกษาอัจฉริยะ หรือจิตส�ำนึกเคลื่อนที่ เป็นผู้ดูแลการส่งของ และ เป็นกวีเต็มตัวหนึ่งเดียวของพวกเรา และผมคิดว่านอกจากการสงวนทีท่า เก็บวาจาจะไม่ใช่คุณสมบัติที่โดดเด่นของเขาแล้ว เขายังใช้เวลาเกือบเจ็ด ปีในวัยเด็กไปกับการเป็นดาราในรายการตอบปัญหาส�ำหรับเด็กทางวิทยุที่ ออกอากาศไปทั่วประเทศ แปลว่าไม่ค่อยมีอะไรที่ไม่ได้ออกสื่อในที่สุด ไม่ ทางใดก็ทางหนึ่ง—ผมคิดว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกันที่เขายังเป็น “ผู้น�ำทาง จิตวิญญาณ” ที่ค่อนข้างพิลึกและเป็น “พวกไม่อยู่กับร่องกับรอย” ของเรา และในเมื่อเห็นได้ชัดว่าผมก�ำลังซัดเต็มที่ตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้น ผมก็ขอแถลง เพิ่มเติม—หากว่าคนเราสามารถแถลงและกู่ตะโกนได้พร้อมๆ กัน—ว่า ไม่ว่าเขาจะคิดเรื่องการฆ่าตัวตายไว้ในหัวหรือเปล่า เขาก็เป็นบุคคลเดียว ที่ผมปรึกษาด้วยเป็นประจ�ำ เที่ยวเล่นด้วย ที่มักมีความเห็นสอดคล้องกับ แนวคิดแบบมุกตะ ทีแ่ ปลว่าผูต้ นื่ รูใ้ นภาษาสันสกฤต เป็นผูห้ ยัง่ รูถ้ งึ พระเจ้า อย่างไรก็ตาม ตัวตนของเขาไม่อาจถูกบรรยายอย่างรวบรัดด้วยถ้อยค�ำใด ทีผ่ มเคยได้ยนิ มา และผมก็นกึ ไม่ออกว่าใครจะนัง่ เขียนถึงเขาอย่างรวบรัด ได้แม้แต่ตัวผมเอง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรียงล�ำดับเวลาเป็นเดือนหรือปี ก็ตาม ผมมาถึงประเด็นทีว่ า่ : แผนดัง้ เดิมของผมในเรือ่ งนีค้ อื การเขียนเรือ่ ง สั้นเกี่ยวกับซีมัวร์และให้ชื่อมันว่า “ซีมัวร์ หนึ่ง” โดยค�ำว่า “หนึ่ง” นั้นจะ เป็นประโยชน์ส�ำหรับผม บัดดี้ กลาส มากกว่าส�ำหรับท่านผูอ้ า่ น—เป็นการ เตือนอย่างโจ่งแจ้งว่าจะต้องมีเรือ่ งอืน่ ๆ (ซีมวั ร์ สอง สาม และอาจจะสี)่ ตาม มา แผนนีถ้ กู พับไปแล้ว หรือถ้ายังมีอยู— ่ ผมเดาเอาว่าสถานการณ์คงเป็น เช่นนีม้ ากกว่า—มันก็หลบซ่อนไปก่อน โดยเข้าใจว่าผมอาจจะไปเคาะเรียก

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 95

9/18/2559 BE 2:12 PM


96 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ เมือ่ พร้อม แต่ในตอนนีผ้ มไม่ใช่นกั เขียนเรือ่ งสัน้ แน่ๆ ถ้าพูดถึงพีช่ ายของผม ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเป็นคือพจนานุกรมรวมศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงใน การแนะน�ำตัวตนของเขาอย่างล�ำเอียง ผมเชื่อว่าผมยังคงเป็นสิ่งที่ผมเป็น เสมอมา—เป็นผู้เล่าเรื่อง แต่เป็นผู้เล่าเรื่องประเภทที่มีความต้องการส่วน ตัวสูง ผมต้องการแนะน�ำ ผมต้องการบรรยาย ผมต้องการถ่ายทอดความ ทรงจ�ำ หยิบยื่นเครื่องราง ผมต้องการเปิดกระเป๋าสตางค์ออกแล้วหยิบ ภาพถ่ายออกมาส่งต่อให้ทุกคนดู ผมอยากท�ำตามสัญชาตญาณของตัว เอง ในอารมณ์นผี้ มไม่มคี วามอาจหาญจะเข้าใกล้รปู แบบการเขียนเรือ่ งสัน้ แม้แต่นอ้ ย มันจะกลืนนักเขียนจอมล�ำเอียงอย่างผมไปทัง้ ตัวได้เลยทีเดียว แต่ผมมีเรื่องที่ฟังดูไม่เหมาะสมจะเล่าให้ฟังมากมาย อย่างเช่นผม ได้พูดถึงพี่ชายไปเยอะแยะตั้งแต่เริ่มต้น ผมคาดว่าคุณต้องรู้สึกแล้ว คุณ อาจสังเกตด้วย—ผมรู้ว่าผมยังให้ความสนใจมันอยู่—ว่าทุกสิ่งที่ผมได้พูด มาเกีย่ วกับซีมวั ร์ (และเกีย่ วกับกรุป๊ เลือดของเขาอย่างกว้างๆ อะไรท�ำนอง นัน้ ) ล้วนแต่เป็นการสรรเสริญเยินยออย่างโจ่งแจ้ง ต้องยอมรับว่ามันท�ำให้ ผมต้องทบทวน แม้วา่ ผมไม่ได้มาเขียนเพือ่ โจมตีแต่เพือ่ ระลึกถึงและชืน่ ชม ผมก็เข้าใจว่ามันจะท�ำให้เกียรติยศของนักเล่าเรื่องผู้เยือกเย็นไร้อารมณ์ ทุกหนแห่งอาจต้องมัวหมอง ซีมัวร์ไม่มีข้อบกพร่องรุนแรง ไม่มีความเลว ร้าย ไม่มีความโหดเหี้ยมใดๆ ที่สามารถเขียนถึงได้เลยเชียวหรือ เขาเป็น อะไรกันแน่ เป็นนักบุญผู้ดีเลิศอย่างนั้นหรือ โชคดีที่นั่นไม่ใช่ค�ำถามที่ผมมีหน้าที่ต้องตอบ (อ้า วันมีโชค!) ขอให้ ผมได้เปลีย่ นประเด็นและบอกโดยไม่ตอ้ งไตร่ตรองว่าเขาเป็นคนทีม่ บี คุ ลิก หลากหลายในระดับที่จะท�ำให้เยาวชนทุกคนในครอบครัวหันไปพึ่งสุราได้

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 96

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 97 ในช่วงเวลาต่างๆ กันและขึ้นอยู่กับความอ่อนไหวใจบางของแต่ละคน ข้อ แรกคือคุณสมบัติหลักที่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ในทุกบุคคลที่แสวงหาพระเจ้า และประสบความส�ำเร็จอย่างมากในพืน้ ทีแ่ ปลกๆ—อย่างเช่นในผูป้ ระกาศ วิทยุ ในหนังสือพิมพ์ ในรถแท็กซีท่ มี่ มี เิ ตอร์ช�ำรุด คือในทุกหนทุกแห่งจริงๆ (ผมขอบันทึกไว้ว่าพี่ชายของผมในวัยบรรลุนิติภาวะมีนิสัยน่าร�ำคาญของ การชอบส�ำรวจที่เขี่ยบุหรี่ที่ล้นพูนด้วยการใช้นิ้วชี้เกลี่ยก้นบุหรี่ไปไว้รอบ ขอบ—พลางฉีกยิม้ กว้าง—ราวกับคาดว่าจะได้เห็นพระเยซูนอนขดเหมือน ทูตสวรรค์อยู่ตรงกลาง และดูเหมือนเขาจะไม่เคยผิดหวังเสียด้วย) นั่นคือ คุณสมบัตขิ องพวกเคร่งศาสนาอย่างก้าวหน้าทีไ่ ร้นกิ ายหรือแบบอืน่ ๆ (และ ในค�ำว่า “พวกเคร่งศาสนาอย่างก้าวหน้า” แม้จะเป็นวลีที่น่ารังเกียจ ผม นับรวมคริสตศาสนิกชนทุกคนตามความหมายแบบท่านวิเวกะนันทะ ที่ ว่า “เห็นพระเยซูเจ้าแล้วท่านก็จักเป็นคริสตศาสนิกชน อย่างอื่นเป็นเพียง ลมปาก”)—คุณสมบัติที่มักบ่งบอกตัวตนของบุคคลดังกล่าวมากที่สุดคือ เขาจะท�ำตัวราวคนเขลาอยู่บ่อยๆ อาจถึงขั้นเป็นคนงี่เง่าไม่เต็มบาทเลยก็ ว่าได้ มันเป็นความท้าทายส�ำหรับครอบครัวที่มีบุคคลชั้นเลิศอยู่ด้วยแต่ ไม่อาจวางใจว่าเขาจะประพฤติตัวเช่นนั้น ผมก�ำลังจะเริ่มยุติการไล่เรียง คุณสมบัติต่างๆ แล้ว แต่ผมจะหยุดตรงนี้เลยไม่ได้หากยังไม่กล่าวถึงสิ่ง ที่ผมคิดว่าเป็นบุคลิกที่ชวนหงุดหงิดที่สุดของเขา มันเกี่ยวกับนิสัยในการ พูด—หรือจะกล่าวให้ถูกคือนิสัยการพูดอย่างมีล�ำดับเสียงผิดแผกไปจาก ปกติ ในทางวาจาเขาจะเป็นได้ทั้งคนพูดน้อยแบบคนเฝ้ารั้วของอารามวัด นิกายแทร็ปปิสท์—บางคราวก็ไม่ปริปากเป็นวันหรือเป็นสัปดาห์—หรือเป็น ได้ทงั้ นักเจือ้ ยแจ้วไม่รจู้ กั หยุด ในยามทีเ่ ขาอารมณ์เสีย (และเพือ่ เจาะจงให้

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 97

9/18/2559 BE 2:12 PM


98 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ตรงประเด็นก็ต้องบอกว่าทุกคนท�ำให้เขาอารมณ์เสียได้ตลอดเวลา แล้วก็ ไปนั่งจี้ประชิดตัวเขาเพื่อจะไชลงไปในสมองของเขาได้ถนัดขึ้น)—เมื่อเขา อารมณ์เสีย การไม่พูดอะไรนานต่อกันหลายชั่วโมงถือเป็นเรื่องปกติ บาง ครั้งบางหนก็ท�ำโดยไม่รับรู้ด้วยซ�้ำว่ามีคนสองหรือสิบคนอยู่ในห้องกับเขา ด้วย ผมยืนยันว่าเขาเป็นนักพูดไม่หยุดที่ยอดเยี่ยม ทว่าแม้แต่นกั พูดเจือ้ ย แจ้วชัน้ เลิศก็ไม่อาจท�ำได้ถกู ใจคนฟังอย่างสมำ�่ เสมอ และผมควรเสริมว่าที่ พูดอย่างนัน้ ไม่ใช่เพราะมีความรูส้ กึ ต่อต้านแรงกล้ากับการท�ำตัว “เป็นธรรม” กับคนอ่านที่มองไม่เห็นของผม แต่—อาจแย่ไปกว่านั้น—เพราะผมเชื่อว่า นักเจือ้ ยแจ้วไม่หยุดคนนีส้ ามารถทนทานต่อค�ำวิจารณ์ทกุ รูปแบบได้ อย่าง น้อยก็จากผม ผมอยูใ่ นสถานะพิเศษทีส่ ามารถเรียกพีช่ ายของผมว่าเป็นนัก เจื้อยแจ้วไม่รู้จักหยุดออกมาได้ตรงๆ—ซึ่งผมคิดว่าเป็นการนิยามที่ไม่รื่น หูไม่ว่าจะใช้เรียกใครทั้งนั้น—และในขณะเดียวกันก็สามารถท�ำตัวผ่อน คลายเฉกเช่นผู้ถือไพ่เหนือกว่าไว้ในมือแล้วร�ำลึกอย่างง่ายดายถึงปัจจัย อื่นๆ มากมายที่ท�ำให้ค�ำพูดนั้นเบาบางได้ (และ “เบาบางลง” เป็นการใช้ ค�ำที่ไม่ถูกเสียด้วย) ผมสามารถอัดรวมมันไว้ด้วยกันในคราวเดียว: เมื่อ ซีมัวร์ล่วงเข้าช่วงกลางๆ ของการเป็นวัยรุ่น—อายุสิบหก สิบเจ็ด—เขาไม่ เพียงได้ฝกึ ฝนการควบคุมส�ำเนียงพูดดัง้ เดิม การใช้วาจาแบบนิวยอร์กทีไ่ ร้ ความเป็นผูล้ ากมากดี แต่ยงั สร้างคลังศัพท์กวีของเขาเองได้อย่างสมบูรณ์ การพูดโดยไม่หยุดหย่อนของเขา บทพูดต่างๆ ของเขา ค�ำกล่าวที่เกือบจะ เรียกได้ว่าการปราศรัยปลุกใจของเขาแทบจะฟังได้อย่างรื่นรมย์ตั้งแต่ต้น จนจบ—อย่างน้อยก็ส�ำหรับพวกเราหลายคน—พอๆ กับผลงานมากมาย ของเบโธเฟนหลังจากที่เขาหลุดพ้นจากข้อจ�ำกัดของการได้ยิน ผมนึกถึง

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 98

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 99 บทดนตรีควอเท็ทบีแฟลตเมเจอร์กับซีชาร์ปไมเนอร์เป็นพิเศษ แม้อาจดู จุกจิกไปเสียหน่อย อย่างไรก็ตาม เดิมทีเราเป็นครอบครัวที่มีพี่น้องเจ็ดคน และไม่มีคนไหนลิ้นจุกปาก มันเป็นเรื่องหนักหนาไม่ใช่น้อยที่เด็กช่างพูด ช่างสาธยายหกคนมีนักพูดผู้ไร้เทียมทานอยู่ร่วมกันในบ้าน จริงอยู่ เขาไม่ เคยพยายามทีจ่ ะได้รบั ต�ำแหน่งนัน้ และเขาก็หวังว่าจะได้เห็นใครสักคนใน หมู่พวกเราสามารถเอาชนะหรือแค่โต้เขาได้นานกว่าในการถกเถียงอะไร สักอย่าง ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัว—เขาก็มีจุดบอดเหมือนคนทั่วไป—เป็นสิ่ง ทีท่ �ำให้พวกเรายิง่ หงุดหงิดขึน้ ไปอีก ความจริงก็คอื เขาเป็นผูค้ รองต�ำแหน่ง นัน้ เสมอ และแม้ผมจะคิดว่าเขาแทบจะยอมแลกทุกอย่างในโลกเพือ่ จะสละ มันทิ้ง—นี่เป็นประเด็นที่หนักหนาสาหัสที่สุดอย่างแน่แท้ และผมจะยังไม่ อาจวิเคราะห์มันได้อย่างลึกซึ้งจนกระทั่งอีกสองสามปีให้หลัง—แต่เขาไม่ เคยสามารถหาวิธที งี่ ดงามหมดจดในการปลดตัวเองจากต�ำแหน่งไปได้เลย ณ จุดนี้ ผมคงต้องบอกว่าผมเคยเขียนถึงพี่ชายของผมมาก่อนแล้ว และผมอาจจะต้องยอมรับอย่างเบิกบานด้วยว่าแทบไม่มชี ว่ งเวลาไหนเลย ทีผ่ มไม่ได้เขียนเกีย่ วกับเขา และหากว่าพรุง่ นีม้ คี นเอาปืนมาจ่อหัวบังคับให้ ผมเขียนเรือ่ งเกีย่ วกับไดโนเสาร์สกั ตัว ก็จะไม่แปลกใจเลยหากผมจะใส่บคุ ลิก บางอย่างของซีมวั ร์ให้กบั เจ้าสัตว์ยกั ษ์—เช่นลีลาการกัดกินยอดไม้ หรือ การกวัดแกว่งหางยาวสามสิบฟุตอย่างน่าเอ็นดู หรืออะไรท�ำนองนัน้ —มีบาง คน—ทีไ่ ม่ใช่เพือ่ นสนิท—เคยถามผมว่าผมได้ใส่ตวั ตนของซีมัวร์ไม่น้อยให้ กับตัวละครน�ำหนุม่ น้อยในนวนิยายเรือ่ งหนึง่ ทีผ่ มได้ตพี มิ พ์ใช่หรือไม่ ทีจ่ ริง แล้วคนพวกนีส้ ว่ นใหญ่ไม่ได้ถามผมหรอก พวกเขาบอกผมเลยด้วยซ�ำ้ ผม พบว่าการพยายามปฏิเสธค�ำกล่าวหานีท้ �ำให้ผมชักดิน้ ชักงอ แต่ผมบอกได้

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 99

9/18/2559 BE 2:12 PM


100 เจ.ดี.ซาลินเจอร์ ว่าไม่เคยมีใครทีร่ จู้ กั พีช่ ายของผมเคยถามหรือบอกอะไรอย่างนัน้ กับผมเลย —ซึ่งผมต้องขอบคุณและค่อนข้างรู้สึกทึ่งไม่น้อย เนื่องจากตัวละครหลักๆ ของผมหลายตัวพูดด้วยส�ำเนียงและโวหารแมนฮัตตันอย่างคล่องแคล่ว ใจกล้าบ้าบิ่นกับเรื่องที่คนงี่เง่าทั่วไปไม่กล้าแตะ และมีแรงดลใจจากสิ่งที่ ผมอยากจะเรียกคร่าวๆ ว่าชายชราแห่งขุนเขา แต่สิ่งที่ผมสามารถบอก และควรบอกคือผมเคยตีพิมพ์เรื่องสั้นสองเรื่องที่เกี่ยวกับซีมัวร์โดยตรง เรื่องล่าสุดจากสองเรื่องนั้นได้รับการตีพิมพ์เมื่อปี 1955 เป็นเรือ่ งเล่าอย่าง ครอบคลุมเกีย่ วกับวันแต่งงานของเขาในปี 1942 มีการลงรายละเอียดชนิด ที่ผู้อ่านแทบสามารถเก็บร่องรอยของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งกลับบ้าน เป็นของช�ำร่วยได้เลยทีเดียว แต่ซมี วั ร์เอง—ตัวละครหลัก—ไม่ปรากฏกาย อยูใ่ นเรือ่ งเลย ในขณะเดียวกัน เรือ่ งสัน้ กว่าทีผ่ มเขียนออกมาช่วงทศวรรษ สีศ่ นู ย์ตอนปลายๆ เขาไม่เพียงปรากฏตัว แต่ยงั เดินเหิน พูดคุย ลุยน�ำ้ ลงไป ว่ายในทะเล และลัน่ กระสุนปืนทะลุสมองในย่อหน้าสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ญาติสนิทของผมจ�ำนวนหนึง่ ผูน้ ยิ มจับผิดงานตีพมิ พ์ของผม ได้ชใี้ ห้ผมเห็น อย่างนุม่ นวล (นุม่ นวลเกินไปด้วยซ�ำ้ เพราะปกติพวกเขาจะตีโพยตีพายใส่ ผมราวกับเป็นนักไวยากรณ์) ว่าชายหนุ่มในเรื่องที่ชื่อ “ซีมัวร์” ผู้เดินเหิน พูดจา ยังไม่นับการลั่นไกปืน นัน่ ไม่ใช่ซมี วั ร์แม้แต่นอ้ ย แต่เป็นใครบางคน ที่มีความคล้ายคลึง—ซวยละ—กับตัวผมเองอย่างน่าประหลาด ซึ่งผมคิด ว่าเป็นความจริง หรือก็จริงพอจะท�ำให้ผมในฐานะผู้เขียนรู้สึกสะอึก และ แม้วา่ จะไม่มขี อ้ แก้ตวั อะไรดีพอส�ำหรับความผิดพลาดแบบนัน้ ผมก็อดไม่ ได้ทจี่ ะบอกว่าเรือ่ งสัน้ ดังกล่าวถูกเขียนขึน้ เพียงไม่กเี่ ดือนหลังการตายของ ซีมวั ร์ และไม่นานหลังจากทีผ่ มเพิง่ กลับจากสนามรบในยุโรป เช่นเดียวกับ

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 100

9/18/2559 BE 2:12 PM


ซีมัวร์ : อารัมภบท 101 ซีมัวร์ในเรื่องและในชีวิตจริง ตอนนั้นผมใช้เครื่องพิมพ์ดีดเยอรมันสภาพ ร่อแร่ในการเขียนหนังสือ อา ความสุขนี้ช่างเข้มข้นนัก ช่างเป็นความรู้สึกแห่งเสรีภาพอัน งดงาม ผมคิดว่าผมมีอิสระที่จะบอกสิ่งที่คุณต้องการฟังมาตลอดได้เสียที นั่นหมายความว่าถ้าคุณเป็นคนที่รักบรรดานกน้อยจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เรือนร่างอุ่น 125 องศาในเวลาปกติมากกว่าสิ่งใดในโลก ซึง่ ผมรูว้ า่ คุณ รัก ซึ่งแปลว่าสิ่งที่คุณรักเป็นรองถัดมาคือมนุษย์—ทั้งแบบที่รักพระเจ้า หรือเกลียดพระเจ้า (ดูเหมือนว่าแทบไม่มีคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างคน สองประเภทนี้) พวกนักบุญหรือนักบาป พวกเคร่งศีลธรรมหรือปราศจาก ศีลธรรมโดยสิ้นเชิง—ที่สามารถประพันธ์บทกวีที่เป็นบทกวีอย่างแท้จริง ท่ามกลางมนุษย์มนาเขาคือนกชายเลนปากโค้ง และผมอดรนทนไม่ได้ที่ จะเล่าให้คุณฟังถึงสิ่งที่ผมทึกทักเอาว่าตัวเองรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการ เดินทางของเขา อุณหภูมิของเขา และหัวใจอันประเสริฐของเขา นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 1948 ผมหมกตัวอยู่กับ—ครอบครัวผมคิดว่าผม หมกตัวจริงๆ—สมุดโน้ตทีแ่ น่นไปด้วยบทกวีสนั้ ๆ จ�ำนวนหนึง่ ร้อยแปดสิบ สี่บทที่พี่ชายผมเขียนไว้ในช่วงสามปีสุดท้ายของชีวิตเขา ทั้งระหว่างและ หลังเป็นทหาร แต่ส่วนใหญ่จะเขียนตอนเป็นทหารอย่างเข้มข้น ผมตั้งใจ ว่าอีกไม่นานนี— ้ ผมบอกตัวเองว่าอีกเพียงไม่กวี่ นั หรือไม่กสี่ ปั ดาห์—ผมจะ ปลีกตัวจากบทกวีราวร้อยห้าสิบบทแล้วปล่อยให้ผสู้ นใจจะพิมพ์ ผูส้ วมสูท รีดเรียบและใส่ถงุ มือสะอาดสีเทามาน�ำพวกมันไปสูแ่ ท่นพิมพ์อนั ไม่นา่ ไว้ใจ ของเขา แล้วพวกมันก็คงจะถูกพิมพ์ออกมาบนหน้ากระดาษระหว่างปกหุม้

Seymour_Edit_2016_09_11.indd 101

9/18/2559 BE 2:12 PM


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.