คาสึโอะ อิชิงุโระ เขียน นันทวัน เติมแสงสิริศักดิ์ แปล
ยักษ์ ใต้พิภพ
The Buried Giant Kazuo Ishiguro เขียน
นันทวัน เติมแสงศิริศักดิ์ แปล
บรรณาธิการ วิลาส วศินสังวร บรรณาธิการบริหาร ชญานุช วศินสังวร ศิลปกรรม สนพ. เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง ออกแบบปก เฉลิมพันธุ์ ปัญจมาพิรมย์ The Buried Giant Copyright © Kazuo Ishiguro 2015
จัดท�ำโดย บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ำกัด 610/35-36 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 โทรศัพท์: 02 223 9460-3 โทรสาร: 02 622 4419 Facebook : http://www.facebook.com/EarnestPublishing จัดพิมพ์: บริษัท โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จ�ำกัด 113/13 ซอยวัดสุวรรณคีรี ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์: 02 424 6944 โทรสาร: 02 434 3802 จัดจ�ำหน่ายทั่วประเทศ: บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ำกัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม แขวงมหาสวัสดิ์ เขตบางกรวย นนทบุรี 11130 โทรศัพท์: 02 423 9999 โทรสาร: 02 499 9561-3 www.naiin.com สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 © บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ำกัด เลขมาตรฐานสากลประจ�ำหนังสือ 978-616-7691-50-3 พิมพ์ครั้งที่ 1 มิถุนายน 2561 ราคา 340 บาท
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ คาสึโอะ อิชิงุโระ เป็นนักเขียนที่เชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องผ่าน ความทรงจ�ำ นิยายของเขาหลายเรือ่ งจะวนเวียนและยึดติดอยูก่ บั ความทรงจ�ำ ในอดีต แต่แก่นหลักของเรื่อง หรือกลวิธีในการเล่า ล้วนแตกต่างออกไป ‘ยักษ์ใต้พิภพ’ เป็นนิยายเล่มล่าสุดของอิชิงุโระ เขาเขียนขึ้นสอง ปีก่อนจะได้รับรางวัลโนเบล ในนิยายเรื่องนี้ อิชิงุโระได้เข้าไปในพื้นที่ใหม่ โดยใช้ความเป็นแฟนตาซีเป็นเครื่องมือ เป็นเรื่องเล่าหลังยุคของกษัตริย์ อาร์เธอร์และพ่อมดเมอร์ลิน เป็นเรื่องราวของสองตายายที่ออกเดินทาง ตามหาลูกชายที่สูญหายไปนานปี
เดโบร่าห์ โรเจอร์ส 1938 - 2014
ภาค 1
บทที่ 1
ในกาลก่อนนัน้ ประเทศอังกฤษไม่ได้มถี นนหนทางคดเคีย้ วหรือท้องทุง่ เงียบ สงบดังที่เห็นทุกวันนี้ สมัยนั้นมองทางไหนเห็นแต่ผืนดินรกร้างว่างเปล่า ทางเดินรกเรือ้ ตัดผ่านเนินหินผาและท้องทุง่ แห้งแล้งเหีย้ นเตียนสุดลูกหูลกู ตา ถนนหนทางที่ชาวโรมันเคยเหยียบย�่ำท�ำลายถูกกลืนหายไปกับผืนป่ารกชัฏ ม่านหมอกเย็นเยือกปกคลุมตามแม่น�้ำและห้วยหนองคลองบึง กลายเป็น แหล่งพักพิงชั้นดีของบรรดายักษ์ซึ่งครองสถานะเจ้าถิ่นในเวลานั้น บางคน อาจสงสัยว่าในพื้นที่เสี่ยงอันตรายเช่นนั้น เหตุใดจึงยังมีชาวบ้านที่สิ้นคิด ไปตั้งถิ่นฐานในละแวกใกล้เคียง เหล่ายักษ์อสุรกายอาจสร้างความหวาด กลัวให้ก็จริง เสียงหายใจฟืดฟาดของพวกมันนั้นได้ยินดังแต่ไกลก่อนที่ร่าง อัปลักษณ์จะโผล่ออกมาจากหมอก กระนั้นพวกชาวบ้านก็เห็นเป็นเรื่องชิน เสียแล้ว ในยุคนัน้ ยังมีเรือ่ งอืน่ ให้กงั วลอีกจิปาถะ เช่นว่าผืนดินแห้งแล้งจน ไม่รจู้ ะเอาปัญญาหาข้าวสารจากทีไ่ หนมากรอกหม้อ ไหนจะต้องคอยตรวจ ตราเสบียงฟืนไม่ให้รอ่ ยหรอ ทัง้ ยังต้องสูร้ บปรบมือกับโรคร้ายทีค่ ร่าชีวติ หมู ทั้งเล้าภายในวันเดียวและท�ำให้เด็กในหมู่บ้านมีผื่นเขียวขึ้นที่แก้ม 11
คาสึโอะ อิชิงุโระ
จะว่าไปพวกยักษ์กไ็ ม่ได้รา้ ยกาจเสียทีเดียว เว้นแต่มใี ครไปยัว่ พวก มันก่อน นานทีปีหนจึงจะมียักษ์สักตัวที่อาจมีเหตุทะเลาะเบาะแว้งในกลุ่ม ตน บุกเข้ามาอาละวาดในหมูบ่ า้ นและขูจ่ ะท�ำร้ายใครก็ตามทีช่ กั ช้าขวางทาง มัน ท่ามกลางเสียงตะโกนเอ็ดอึงของพวกชาวบ้านทีถ่ อื อาวุธครบมือ หรือ ร้อยวันพันปีก็อาจมียักษ์แอบเข้ามาอุ้มเด็กในหมู่บ้านหายเข้าไปในหมอก คนสมัยนั้นท�ำได้เพียงยอมรับชะตากรรม ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ริมบึงขนาดใหญ่ตรงตีนเนินเขาซึ่งเรียงราย เป็นลูกคลื่น ยังมีตายายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ชื่อว่าแอกเซิลและบีทริซ ไม่รู้ หรอกว่าชื่อแซ่จริงๆ ของแกว่าอะไร แต่เอาเป็นว่าเรียกง่ายๆ แบบนี้แล้ว กันเพือ่ ความสะดวก สองตายายใช้ชวี ติ อยูอ่ ย่างสันโดษ แต่ในยุคนัน้ มีนอ้ ย คนที่ ‘สันโดษ’ ในความหมายตามที่เราเข้าใจ ชาวบ้านอยู่รวมกันเป็นหมู่ เหล่า ทั้งนี้ก็เพื่อความอุ่นกายและอุ่นใจด้วย ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในถ�้ำที่ขุด ลึกเข้าไปในตีนเขา โดยมีอุโมงค์ทางเดินใต้ดินเชื่อมต่อถึงกัน แต่ครั้นจะ เรียกว่า ‘สิ่งปลูกสร้าง’ ก็กระดาก ตายายคู่นี้ก็อาศัยอยู่ในวงกตถ�้ำใต้ดิน ทีว่ า่ นี้ พร้อมด้วยสมาชิกในหมูบ่ า้ นอีกราวหกสิบชีวติ หากท่านออกมาจาก ถ�้ำของสองตายายแล้วเดินลัดเลาะรอบเนินเขาต่อไปอีกยี่สิบนาที ก็จะเจอ กับหมู่บ้านข้างเคียงซึ่งลักษณะภายนอกดูไม่แตกต่างจากหมู่บ้านแรก ทว่า ในสายตาของชาวบ้านเองนัน้ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกสารพัดอันเป็น จุดสังเกตความแตกต่าง ข้ า พเจ้ า ไม่ อ ยากให้ ท ่ า นผู ้ อ ่ า นคิ ด ว่ า ประเทศอั ง กฤษในยุ ค นั้ น ป่าเถื่อนล้าหลัง ในขณะที่บ้านเมืองอื่นเขาเจริญรุ่งเรืองด้วยอารยธรรม แต่พวกเราที่นี่ยังดักดานไม่ต่างจากในยุคเหล็ก ยามเมื่อเที่ยวพเนจรไป ตามชนบท ท่านอาจไปพบเข้ากับปราสาทหลังงามที่มีการละเล่นดนตรี และกีฬา ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ หรือวิหารอารามบ�ำเพ็ญพรต แต่ โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก ในวันท้องฟ้าปลอดโปร่ง ต่อให้ขี่บนหลังอาชา แข็งแกร่ง ท่านอาจรอนแรมอยูห่ ลายวันในป่าเขาล�ำเนาไพรโดยไม่พบแม้เงา ของปราสาทหรือวิหารสักหลัง ทีพ่ บส่วนใหญ่คอื หมูบ่ า้ นลักษณะคล้ายๆ กับ 12
ยักษ์ ใต้พิภพ
ทีพ่ ดู ถึงเมือ่ กี้ และถ้าท่านไม่มขี า้ วของเงินทองติดตัว หรือติดอาวุธครบมือ ก็อย่าหวังว่าจะได้รบั การต้อนรับ ขออภัยทีบ่ รรยายภาพประเทศเราในยุคนัน้ เสียไม่มีดี แต่มันคือเรื่องจริง วกกลับมาที่แอกเซิลกับบีทริซ อย่างที่บอก ห้องของสองตายาย ตั้งอยู่ชั้นนอกสุดของถ�้ำซึ่งสัมผัสกับลมฝนมากที่สุด ทั้งยังแทบไม่ได้ไออุ่น จากกองไฟในห้องโถงใหญ่ซงึ่ ทุกคนในหมูบ่ า้ นไปประชุมกันในเวลากลางคืน ก่อนนีห้ อ้ งของพวกเขาอาจเคยอยูใ่ กล้กบั กองไฟมากกว่านีก้ เ็ ป็นได้ อาจเป็น ในสมัยทีท่ งั้ คูย่ งั อาศัยอยูก่ บั ลูกๆ นีค้ อื ความคิดทีม่ กั ผุดขึน้ ในหัวของแอกเซิล ยามเขานอนอยูบ่ นเตียงรอเวลารุง่ สาง ภรรยาของเขานอนหลับปุย๋ ข้างกาย แล้วความรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูกก็จะเข้ามารบกวนจิตใจ ท�ำให้เขา ข่มตาหลับต่อไม่ลง อาจด้วยเหตุนเี้ อง เช้าวันนีแ้ อกเซิลจึงลุกจากเตียง แล้วดอดออก ไปนั่งที่ม้านั่งแอ่นๆ ตัวเก่าตรงปากทางเข้าถ�้ำ รอเวลาอรุณเบิกฟ้า เข้าฤดู ใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศยังหนาวเหน็บ ทั้งที่เขาสวมเสื้อคลุมของบีทริซซึ่ง เขาคว้าติดมือมาด้วยตอนขาออกมา ทว่าเขามัวจมจ่อมอยู่ในภวังค์ความ คิด กว่าจะรู้สึกตัวว่าหนาว หมู่ดาวก็เลือนหายไปจากท้องนภาแล้ว แสง เรืองจับที่เส้นขอบฟ้า เหล่านกกาเริ่มขับขานทักทายจากในเงาสลัว ชายชราลุกขึน้ ยืนช้าๆ นึกต�ำหนิตวั เองทีอ่ อกมานัง่ ตากน�ำ้ ค้างเสีย นาน สุขภาพเขาแข็งแรงดี แต่หนสุดท้ายที่เขาจับไข้นั้นใช้เวลานานกว่าจะ หาย เขาไม่อยากให้ไข้กลับมาอีก เริ่มรู้สึกชื้นๆ ที่ขา ทว่าเมื่อกลับเข้าไป ข้างใน ก็เกิดความรู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด ด้วยในเช้าวันนี้เขาสามารถ จดจ�ำเรือ่ งราวทีเ่ คยหลงลืมไปได้ตงั้ หลายอย่าง อีกทัง้ มีความรูส้ กึ ว่าในไม่ชา้ นีเ้ ขาจะต้องตัดสินใจในเรือ่ งทีส่ ำ� คัญมากหลังจากทีผ่ ดั ผ่อนมาเนิน่ นานให้รสู้ กึ ตื่นเต้น จึงอยากรีบไปบอกให้ภรรยาของเขารับรู้ด้วย ทางเดินภายในถ�้ำยังคงมืดสนิท ชายชราจ�ำต้องใช้มือคล�ำเป็น ระยะทางสั้นๆ เพื่อกลับไปยังห้องของเขา เพื่อนบ้านครอบครัวอื่นไม่นิยม สร้าง ‘ประตู’ มีก็แต่ซุ้มทางเข้าโล่งๆ ที่ก�ำหนดเขตห้องพักของใครของ 13
คาสึโอะ อิชิงุโระ
มัน กระนั้นพวกชาวบ้านก็ไม่รู้สึกว่าสูญเสียความเป็นส่วนตัว กลับคิดว่า เป็นการเปิดทางให้ได้รับไออุ่นจากกองไฟใหญ่ส่วนกลางหรือกองไฟเล็กๆ จากในห้องพักอื่น ส่วนห้องของแอกเซิลและบีทริซซึ่งอยู่ไกลจากกองไฟไม่ ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่นั้นมีฝากั้นปิดที่คลับคล้ายกับประตู เกิดจาก การน�ำกิง่ ไม้เล็กๆ กับเถาวัลย์และไม้หนามไปติดในวงกบไม้ขนาดใหญ่ เวลา จะเดินเข้าออกก็คอ่ ยยกฝากัน้ นีข้ ยับออกไปด้านข้าง มันช่วยกันลมหนาวที่ พัดโกรกได้อย่างดี ล�ำพังแอกเซิลเองไม่ได้ใส่ใจว่าจะมีหรือไม่มีประตู ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปประตูบานนี้ก็ได้กลายเป็นสมบัติล�้ำค่าของบีทริซ บ่อยครั้ง เขากลับเข้ามาและเห็นภรรยาก�ำลังซ่อมแซมรอยโหว่บนประตูด้วยกิ่งไม้สด ซึ่งนางออกไปตัดเก็บรวบรวมมาในระหว่างวัน เช้าวันนีแ้ อกเซิลเลือ่ นฝากัน้ ออกนิดเดียว เพียงพอให้สอดตัวเข้าไป ได้ พยายามท�ำเสียงเบาทีส่ ดุ แสงรุง่ สางส่องเล็ดลอดผ่านร่องเล็กๆ บนผนัง ชั้นนอกเข้ามาภายในห้อง เขามองเห็นมือตัวเองอยู่เบื้องหน้ารางๆ ร่าง ของบีทริซยังคงนอนหลับใหลภายใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงปูหญ้า นึกอยากปลุกภรรยา ใจหนึง่ เขาเชือ่ ว่าถ้าปลุกนางขึน้ มาคุยในตอน นี้ ความลังเลสงสัยอะไรก็แล้วแต่ทฉี่ ดุ รัง้ ไม่ให้เขาตัดสินใจจะทลายลงในทีส่ ดุ แต่ยังอีกสักพักใหญ่กว่าคนในชุมชนจะลุกขึ้นมาท�ำกิจวัตรประจ�ำวัน เขา จึงหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ตัวเตี้ยๆ ตรงมุมห้องโดยยังห่มเสื้อคลุมของภรรยา กระชับรอบตัว เขาสงสัยว่าเช้าวันนี้หมอกจะลงหนาไหม และเขาจะเห็นไอหมอก ซึมผ่านเข้ามาตามรอยแตกของผนังห้องหรือเปล่าเมือ่ ฟ้าแจ้ง แต่แล้วความ คิดก็เลือ่ นลอยย้อนไปถึงค�ำถามทีร่ บกวนจิตใจเขามานาน พวกเขาใช้ชวี ติ อยู่ ล�ำพังสองตายายทีช่ ายขอบหมูบ่ า้ นมาตลอดเลยอย่างนัน้ หรือ รึวา่ เมือ่ ก่อน ไม่ใช่แบบนี้ เมือ่ กีต้ อนทีเ่ ขาอยูข่ า้ งนอก เศษเสีย้ วความทรงจ�ำหนึง่ ได้ยอ้ น กลับมาหาเขา แค่ชวั่ แวบสัน้ ๆ ภาพของตัวเขาก�ำลังเดินไปตามอุโมงค์ยาว ภายในถ�้ำ แขนข้างหนึ่งประคองลูกคนหนึ่งของเขาเอง เขาเดินหลังค่อม นิดๆ หากสาเหตุนนั้ หาใช่เพราะความเฒ่าชราดังเช่นทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะ 14
ยักษ์ ใต้พิภพ
ว่าเขาไม่อยากให้ศรี ษะไปโขกถูกคานเพดานในแสงสลัว คลับคล้ายคลับคลา ว่าเด็กน้อยพูดอะไรสักอย่างกับเขา เป็นเรื่องตลกขบขัน แล้วสองพ่อลูกก็ หัวเราะกัน เวลานีฟ้ า้ แจ้งจางปางแล้ว อาการหลงๆ ลืมๆ ดูเหมือนจะกลับ มาอีกครา ยิง่ เขาพยายามตัง้ ใจนึก ก็รสู้ กึ ว่ารายละเอียดต่างๆ เลือนรางลง ไป เป็นได้วา่ เขาอาจคิดเพ้อเจ้อไปเองตามประสาคนแก่ พระเจ้าอาจไม่เคย ประทานลูกให้พวกเขาเลยก็ได้ ท่านอาจสงสัยว่าเหตุใดแอกเซิลจึงไม่ไปขอให้คนในหมู่บ้านช่วย รื้อฟื้นความจ�ำในอดีตให้ มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เพราะคนในชุมชนนี้ ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องอดีตกัน แต่ไม่ถึงขั้นว่าเป็นเรื่องต้องห้าม ทว่าไม่รู้ด้วย เหตุผลกลใด อดีตมักถูกกลืนหายไปในสายหมอกซึ่งปกคลุมหนาทึบพอๆ กับบริเวณหนองน�้ำ ชาวบ้านที่นี่เขาไม่นึกถึงเรื่องอดีตกัน ถึงแม้เป็นเรื่อง ที่เพิ่งผ่านไปก็ตาม ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึง่ ซึง่ รบกวนจิตใจชายชรามาได้สกั ระยะ แล้ว เขาจ�ำได้แม่นว่าแต่ก่อนนี้เคยมีสตรีผมยาวสีแดงผู้หนึ่งอาศัยอยู่ใน หมู่บ้าน นางยังเป็นคนส�ำคัญในชุมชนด้วย เมื่อใดที่มีใครบาดเจ็บหรือล้ม ป่วยก็จะโร่ไปหาสตรีผมแดงผู้นี้ซึ่งเชี่ยวชาญในการรักษาโรค แต่ตอนนี้ไม่ ทราบว่านางหายไปอยู่ที่ไหนและดูเหมือนไม่มีใครนึกเอะใจเลยว่ามันเกิด อะไรขึน้ ไม่แม้แต่จะสนใจไยดีทนี่ างหายไป กระทัง่ วันหนึง่ เอกเซิลเอ่ยเรือ่ งนี้ ขึ้นกับเพื่อนบ้านสามคนที่ออกไปขุดกะเทาะน�้ำแข็งในทุ่งด้วยกัน หากทั้ง สามกลับท�ำหน้างงงวยว่าเขาก�ำลังพูดถึงเรือ่ งอะไร คนหนึง่ ในกลุม่ ถึงขนาด หยุดมือจากงานเพื่อพยายามนึก แต่ลงท้ายส่ายศีรษะ “ท่าจะผ่านมานาน มากแล้วสิ” ชายผู้นั้นว่า “ฉันก็จ�ำผู้หญิงที่คุณว่าไม่ได้เหมือนกัน” บีทริซพูดกับแอกเซิลเมื่อ เขาเอ่ยถึงเรือ่ งนีใ้ นคืนวันหนึง่ “คุณจินตนาการนางขึน้ มาเองมากกว่า แอกเซิล ทั้งที่คุณมีภรรยาที่หลังค่อมน้อยกว่าคุณอยู่ข้างกายทั้งคน” เหตุการณ์นนี้ า่ จะสักช่วงฤดูใบไม้รว่ งเมือ่ ปีกลาย ทัง้ คูน่ อนอยูข่ า้ ง กันบนเตียงในความมืดสนิท ฟังเสียงฝนสาดผนังถ�้ำ 15
คาสึโอะ อิชิงุโระ
“จริงจ้ะ ที่รัก วัยที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ท�ำคุณดูแก่ลงเลย” แอกเซิลเอ่ย ชม “แต่สตรีนางนัน้ ไม่ใช่ความฝัน ถ้าคุณลองนึกดูดๆ ี ก็จะจ�ำได้ นางเพิง่ มาเหยียบหน้าประตูบา้ นเราเมือ่ เดือนก่อนนีเ้ อง อุตส่าห์มนี ำ�้ ใจมาถามไถ่วา่ เราขาดเหลืออะไรหรือเปล่า คุณต้องจ�ำได้สิ” “แต่ท�ำไมนางถึงมาถามว่าเราขาดเหลืออะไรไหม นางเป็นญาติโก โหติกาฝ่ายไหนของเราอย่างนั้นหรือ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ นางเพียงแค่อยากแสดงน�้ำใจ คุณนึกดู ดีๆ สิ นางเคยแวะเวียนมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเราอยู่บ่อยๆ” “แอกเซิล ฉันถามว่ามันเรื่องอะไรที่นางจะต้องมาใจดีกับเราเป็น พิเศษ” “ผมก็เคยสงสัยเหมือนกันจ้ะ ตอนนัน้ ร�ำ่ ลือกันว่าสตรีผนู้ เี้ ชีย่ วชาญ การรักษาโรค แต่เราสองผัวเมียก็แข็งแรงไม่น้อยกว่าใครในหมู่บ้าน ก็เลย คิดว่าคงจะมีข่าวลือเรื่องโรคระบาด นางถึงได้แวะเวียนมาดูเรา แต่ปรากฏ ว่าไม่มีโรคระบาด นางแค่มีน�้ำใจเฉยๆ นี่พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ นางเคยยืน อยู่ตรงนั้นแน่ะ มาบอกเราว่าไม่ให้ถือสาพวกเด็กๆ ที่ล้อเลียนเรา ใช่แล้ว หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เห็นนางอีกเลย” “สตรีผมแดงนางนีไ้ ม่เพียงเป็นจินตนาการเพ้อพกของคุณ แอกเซิล นางยังวิตกกังวลไม่เข้าท่าอีกต่างหาก” “คิดเหมือนผมตอนนั้นเลยจ้ะ เราน่ะรึจะไปถือสาหาความกับ พวกเด็กๆ เด็กมันก็หาเรื่องเล่นฆ่าเวลาด้วยว่าออกไปข้างนอกไม่ได้เพราะ อากาศหนาวจัด ผมบอกนางว่าเราไม่เคยเก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว แต่ที่นาง เตือนนั้นก็ด้วยปรารถนาดี ผมยังจ�ำได้อีกนะ นางบอกว่านางเห็นใจที่พอ ตกกลางคืนเราต้องอยู่กันมืดๆ โดยไม่มีเทียนสักเล่ม” “ถ้าแม่คนนีส้ งสารทีเ่ ราไม่มเี ทียน” บีทริซว่า “อย่างน้อยก็มเี รือ่ งนี้ ที่นางเข้าใจถูกต้อง ช่างท�ำกันได้ลงคอ ห้ามเราครอบครองเทียนในยาม ค�่ำคืน ทั้งที่มือไม้เราก็ยังแข็งแรงไม่แพ้คนอื่นๆ ดูอย่างบางบ้านที่มีเทียน เก็บไว้ใช้สิ ตกค�่ำก็กินเหล้าเมามายไม่เว้นแต่ละวัน ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งกัน 16
ยักษ์ ใต้พิภพ
ให้วนุ่ แต่คนทีโ่ ดนยึดเทียนกลับกลายเป็นเรา ดูสเิ นีย่ ฉันแทบมองไม่เห็น เค้าโครงของคุณแล้ว แอกเซิล ทั้งที่คุณอยู่ใกล้ฉันแค่นี้เอง” “อย่าน้อยอกน้อยใจไปเลยจ้ะ ที่รัก เขาปฏิบัติตามกันมาแบบนั้น ท�ำอย่างไรได้ล่ะ” “ไม่ได้มีแค่นางในความฝันของคุณหรอกนะที่คิดว่ามันแปลกที่เรา ถูกยึดเทียนไป เมื่อวานนี้หรือเมื่อวานซืน ฉันเดินผ่านผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ ริมแม่น�้ำ ฉันหูไม่ฝาดแน่ พอคล้อยหลังฉันไปแล้ว พวกนางก็แอบพูดกัน ว่าช่างน่าอดสูที่คนดีๆ อย่างเราสองผัวเมียต้องทนนั่งอยู่มืดๆ ทุกคืน เห็น ไหมล่ะว่าคิดเหมือนกับนางในฝันของคุณเลย” “ผมบอกแล้วไงจ๊ะว่าหญิงนางนัน้ ไม่ใช่ความฝัน เมือ่ เดือนก่อนทัง้ หมู่บ้านยังรู้จักนางและชื่นชมนางกันทุกคน เหตุใดใครๆ จึงหลงลืมว่านาง เคยมีตัวตน คุณเองก็เป็นไปด้วย” ขณะที่ย้อนนึกถึงบทสนทนาครั้งนั้นในอากาศยามเช้าของฤดูใบไม้ ผลิ แอกเซิลเริม่ ตัดใจได้แล้วว่าสตรีผมแดงนางนัน้ เป็นเรือ่ งทีเ่ ขาเข้าใจผิดไป เอง เขาแก่แล้วก็ย่อมขี้หลงขี้ลืมเป็นธรรมดา กระนั้นไอ้อาการความจ�ำสั้น ระบาดนี้ ไม่ได้มีตัวอย่างแค่กรณีสตรีผมแดง แต่ยังมีเหตุการณ์อื่นอีกนับ ไม่ถ้วน น่าโมโหที่เขานึกไม่ออก จ�ำได้แต่คราวที่เกิดเรื่องขึ้นกับเด็กหญิง มาร์ทา เด็กหญิงมาร์ทาอายุสักเก้าหรือสิบขวบ ชื่อเสียงเรื่องความใจกล้า ของเด็กคนนีร้ กู้ นั ตัง้ แต่หวั บ้านยันท้ายบ้าน เรือ่ งราวน่าสยองเกล้าทัง้ หลาย ทีไ่ ว้ใช้ขเู่ ด็กๆ ไม่ให้ตะลอนออกไปเทีย่ วเล่นนัน้ ไม่อาจท�ำลายจิตใจทีร่ กั การ ผจญภัยของเธอได้ ย�ำ่ สนธยาของวันหนึง่ รัตติกาลใกล้จะคลีค่ ลุมในอีกไม่ ถึงหนึง่ ชัว่ โมง หมอกคืบคลานเข้ามา หมาป่าเห่าหอนให้ได้ยนิ จากบนไหล่ เขา ชาวบ้านแตกตื่นเมื่อได้ยินว่ามาร์ทาหายตัวไป ต่างหยุดมือจากงานที่ ก�ำลังท�ำ ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเด็กหญิงดังระงมไปทั่วหมู่บ้าน เสียงฝีเท้าวิ่งอุตลุดตามอุโมงค์ทางเดินในขณะที่พวกชาวบ้านแยกย้ายกัน ค้นหาตามห้องหับ ช่องเก็บของ ซอกหลืบข้างใต้คาน ค้นดูทุกแห่งที่คิด 17
คาสึโอะ อิชิงุโระ
ว่าเด็กน่าจะไปแอบซ่อนตัวด้วยนึกสนุก แต่แล้วท่ามกลางความสับสนอลหม่านนี้ ชายเลี้ยงแกะสองคน กลับมาจากเนินเขาเมื่อถึงเวลาผลัดเปลี่ยนเวรยาม ทั้งสองเข้ามาในห้อง โถงใหญ่ ขณะก�ำลังนั่งผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่นอยู่นั้นเอง คนหนึ่งก็พูดขึ้น ว่าเมื่อวานทั้งคู่เห็นนกอินทรีภูเขาตัวหนึ่งบินวนเวียนอยู่เหนือหัว วนรอบ แรก รอบที่สอง แล้วรอบที่สาม เขาย�้ำว่าใช่อินทรีภูเขาไม่ผิดแน่ ถ้อยค�ำ ของเขาแพร่สะพัดไปทัว่ ทัง้ หมูบ่ า้ นอย่างรวดเร็ว และไม่ชา้ พวกชาวบ้านก็มา รวมตัวรอบกองไฟเพื่อฟังเรื่องราวจากคนเลี้ยงแกะ แอกเซิลก็แห่ไปกับเขา ด้วย ด้วยว่าร้อยวันพันปีจะมีอินทรีภูเขาสักตัวโผล่มาในแคว้นนี้ ร�่ำลือว่า อินทรีภูเขามีพิษสงเหลือร้าย สามารถขับไล่ฝูงหมาป่าให้แตกกระเจิง เคย ได้ยินหมู่บ้านอื่นว่ากันว่านกเหล่านี้จัดการพวกหมาป่าจนราบคาบ ทีแรกคนเลี้ยงแกะถูกสอบสวนเป็นการใหญ่ พวกชาวบ้านให้ทั้ง คู่ทบทวนเรื่องราวตั้งแต่ต้น ครั้นเล่าไปเล่ามา คนฟังก็ชักเริ่มเอะใจ ใคร คนหนึ่งชี้แจงขึ้นว่าที่ผ่านมาเคยได้ยินค�ำกล่าวอ้างท�ำนองนี้หลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่พบว่ามีมูลความจริง ใครอีกคนเสริมขึ้นว่าคนเลี้ยงแกะคู่นี้เคยอ้าง ว่าเห็นนกดังกล่าวครั้งหนึ่งแล้วเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีก่อนนี้เอง แต่กลับไม่เคย มีใครได้พบเห็นนกที่ทั้งคู่กล่าวอ้างถึง คนเลี้ยงแกะทั้งสองปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าไม่เป็นความจริง ไม่ช้าพวกชาวบ้านก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่ง ถือข้างคนเลี้ยงแกะ กับอีกฝ่ายที่เชื่อว่าคนทั้งคู่จ�ำสับสนกับเหตุการณ์เมื่อ ปีก่อน ระหว่างทีก่ ารโต้เถียงเริม่ ดุเดือดขึน้ แอกเซิลนึกรูส้ กึ ตงิดใจขึน้ มาอีก ว่ามันมีบางอย่างไม่ถกู ต้อง จึงผละจากเสียงตะโกนโหวกเหวกชุลมุน ออก ไปมองท้องฟ้ารัตติกาล ท่ามกลางม่านหมอกทีโ่ รยตัวห่มคลุมพืน้ ดิน สักพัก ชิ้นส่วนต่างๆ ก็เริ่มปะติดปะต่อขึ้นในความคิด นึกขึ้นได้ว่าเด็กหญิงมาร์ทา หายตัวไปและเมือ่ กีน้ พี้ วกชาวบ้านยังชวนกันออกตามหาอยูเ่ ลย แต่แล้วใน หัวเขาก็เริ่มสับสนขึ้นอีก เหมือนเวลาที่เราฝันแล้วพอตื่นขึ้นก็ลืม แอกเซิล ต้องใช้สมาธิยิ่งยวดเพื่อไม่ให้ความจ�ำเรื่องเด็กหญิงมาร์ทาถูกลบเลือนไป 18
ยักษ์ ใต้พิภพ
ท่ามกลางเสียงวิวาทเกี่ยวกับนกอินทรีจากในถ�้ำ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง ร้องเพลงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวเด็กหญิงมาร์ทาจะโผล่จาก หมอกมายืนเบื้องหน้า “หนูนแี่ ปลกคน” แอกเซิลเอ่ยขึน้ เมือ่ เด็กหญิงเดินกระโดดโลดเต้น ไปหาเขา “ไม่กลัวความมืดหรือไง ไหนจะพวกหมาป่าและยักษ์ด้วย” “อ้อ กลัวสิคะ” เด็กหญิงตอบยิม้ ๆ “แต่หนูหลบเก่ง นีพ่ อ่ แม่หนู คงไม่ได้ตามหาหนูหรอกนะ หนูไปเจอที่ซ่อนใหม่เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง” “ใครว่าล่ะ ทั้งหมู่บ้านออกตามหาหนูกันให้วุ่นเชียว ฟังเสียง ตะโกนโหวกเหวกข้างในนั้นสิ เพราะหนูทีเดียวเป็นต้นเหตุ” มาร์ทาหัวเราะ ย้อนว่า “ท่านผู้เฒ่าอย่ามาอ�ำหนูเลย! หนูรู้ว่า ไม่มีใครคิดถึงหนูหรอก และเท่าที่ฟัง พวกชาวบ้านก็ไม่ได้ก�ำลังทะเลาะ เรื่องหนูสักหน่อย” ได้ฟงั ดังนัน้ แล้ว แอกเซิลจึงตระหนักได้วา่ จริงของแม่หนูนอ้ ย เสียง ตะโกนข้างในถ�้ำไม่ได้ทุ่มเถียงเกี่ยวกับมาร์ทาอีกแล้ว แต่กลายเป็นคนละ เรื่องกันเลย เขาโน้มตัวไปใกล้ปากถ�้ำเพื่อฟังให้ถนัดขึ้น ฟังอยู่สักครู่จึง จับใจความได้ว่ามันเกี่ยวกับคนเลี้ยงแกะกับนกอินทรีภูเขา เขาก�ำลังชั่งใจ อยูว่ า่ ควรจะอธิบายเรือ่ งราวให้มาร์ทาฟังดีหรือไม่ ก็ปรากฏว่าเด็กหญิงเดิน กระโดดน�ำหน้าเข้าไปในถ�้ำเสียแล้ว ชายชราตามเด็กหญิงเข้าไป คิดว่าพวกชาวบ้านคงจะดีใจโล่งอก เมือ่ เห็นหนูนอ้ ยกลับมาแล้ว และสารภาพตามตรง เขาคิดว่าการทีเ่ ขาเข้าไป พร้อมกับเด็ก เขาก็น่าจะได้ความดีความชอบส่วนหนึ่งที่พาเด็กกลับมาได้ อย่างปลอดภัย ทว่าเมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องโถงใหญ่ พวกชาวบ้านก็ยังไม่ เลิกทุ่มเถียงถึงเรื่องคนเลี้ยงแกะ มีเพียงสองสามคนในนั้นชายตามายังทั้ง คู่ มารดาของเด็กหญิงปลีกตัวจากกลุ่มคน เข้ามาดุลูกสาวว่า “อยู่นี่เอง! แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ให้ออกไปเที่ยวตะลอนแบบนี้!” จบค�ำนางก็รีบ กลับไปร่วมวงวิวาททีร่ อ้ นระอุขนึ้ เรือ่ ยๆ รอบกองไฟ เห็นดังนัน้ แล้วมาร์ทา จึงฉีกยิ้มให้แอกเซิลราวกับจะเยาะเย้ยว่า “หนูบอกแล้วก็ไม่เชื่อ” ก่อนจะ 19
คาสึโอะ อิชิงุโระ
เดินหายเข้าไปในเงามืดเพื่อไปหาเพื่อนๆ ของเธอ ภายในห้องสว่างขึ้นมากแล้ว ห้องของพวกเขาอยู่ชั้นนอกสุด มีหน้าต่างเล็กๆ เจาะไว้ชอ่ งหนึง่ แต่มนั อยูส่ งู เกินไป ต้องขึน้ ไปยืนบนเก้าอี้ จึงจะมองเห็นด้านนอก เวลานีม้ ผี า้ ผืนหนึง่ ขึงปิดไว้ แสงตะวันส่องเล็ดลอด เข้ามาอาบร่างของบีทริซซึ่งยังอยู่ในภวังค์นิทรา ในล�ำแสงนั้น แอกเซิล สังเกตเห็นตัวอะไรสักอย่างคล้ายแมลงไต่อยูก่ ลางอากาศเหนือศีรษะภรรยา เขา เพ่งดูจงึ เห็นว่าเป็นแมงมุมทีก่ ำ� ลังชักใยล่องหนจากเพดาน ขณะทีม่ อง ดูอยู่นี้ มันก็ยังคงโรยตัวลงมาช้าๆ แอกเซิลจึงค่อยๆ ลุกขึ้นเดินย่องข้าม ห้องขนาดคับแคบ ใช้มือปัดเหนือศีรษะของภรรยาซึ่งยังหลับปุ๋ย คว้าตัว แมงมุมไว้ในอุง้ มือ จากนัน้ ยืนก้มมองภรรยาอยูส่ กั ครู่ ใบหน้าในยามนิทรา นั้นดูสงบ ทุกวันนี้น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นสีหน้าแบบนี้ในยามนางตื่น ชวน ให้รสู้ กึ ตืน้ ตันขึน้ มาอย่างบอกไม่ถกู เขาตัดสินใจแน่นอนแล้ว นึกอยากปลุก ภรรยาขึน้ มาเสียให้รแู้ ล้วรูร้ อด จะได้ปลดเปลือ้ งความในใจนีส้ กั ที แต่คดิ อีก ที ท�ำแบบนัน้ ดูจะเห็นแก่ตวั ไปสักหน่อย อีกอย่างเขาก็ไม่แน่ใจว่านางจะมี ปฏิกริ ยิ าเช่นไร สุดท้ายจึงเดินย่องกลับไปทีเ่ ก้าอี้ ขณะก�ำลังหย่อนก้นก็นกึ ขึ้นได้ว่ายังก�ำแมงมุมอยู่ในมือ จึงคลายฝ่ามือออกช้าๆ เมื่อกี้ในระหว่างที่เขาเฝ้ารอแสงอรุณเบิกฟ้าอยู่บนม้านั่งด้านนอก เขาพยายามนึกทบทวนว่าเขาหรือบีทริซที่เป็นต้นคิดเรื่องจะออกเดินทาง ไกล จ�ำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าทั้งสองเคยปรึกษากันถึงเรื่องนี้ในคืนหนึ่ง ภายในห้องนี้นี่ละ ขณะที่มองดูเจ้าแมงมุมไต่ไปตามสันฝ่ามือก่อนกระโดด ลงไปบนพืน้ ดิน เขามัน่ ใจว่ามันเป็นคืนเดียวกับในวันทีม่ หี ญิงแปลกหน้าสวม ผ้าคลุมสีด�ำมาปรากฏตัวในหมู่บ้าน เช้าวันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่แน่ใจว่าใช่เดือนพฤศจิกายนปีกลาย หรือเปล่า แอกเซิลสาวเท้าฉับๆ อยู่บนทางเลียบแม่น�้ำ ใต้กิ่งก้านระย้า ของทิวต้นหลิว ชายชรารีบร้อนออกจากทุ่งกลับไปยังหมู่บ้าน คลับคล้าย ว่าเขาจะกลับไปเอาเครื่องมืออะไรสักอย่าง หรืออาจจะโดนหัวหน้าเรียก ตัวไปสั่งงาน เอาเป็นว่าเขาต้องหยุดชะงักกลางทางเพราะได้ยินเสียงคน 20
ยักษ์ ใต้พิภพ
ร้องตะโกนดังมาจากหลังพุม่ ไม้ทางด้านขวามือ แวบแรกเขานึกถึงยักษ์ จึง รีบสอดส่ายสายตามองหาก้อนหินหรือท่อนไม้ เงี่ยหูฟังจึงรู้ว่าเสียงตะโกน นั้นมาจากสตรีกลุ่มหนึ่ง น�้ำเสียงฟังดูเป็นเดือดเป็นแค้น หากไร้ซึ่งแววตื่น ตระหนกอย่างคนทีถ่ กู ยักษ์ท�ำร้าย เขาตัดสินใจฝ่าเข้าไปในพุม่ จูนเิ ปอร์แล้ว ก้าวโซเซออกไปยังลานโล่ง เบือ้ งหน้านัน้ คือสตรีหา้ นาง ไม่ใช่สาวดรุณแี รก รุ่น แต่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ หันหลังให้เขา สตรีทั้ง ห้าส่งเสียงร้องตะโกนไปยังอีกฟากหนึง่ ชายชราเข้าไปใกล้จะถึงตัว ก็พอดี คนหนึ่งในกลุ่มสังเกตเห็นเขาเสียก่อน ถึงกับสะดุ้งตกใจ คนที่เหลือหันมา มองผู้มาใหม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม “ดูสิใครมา” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “มันบังเอิญหรือว่ามีอะไรดลใจหนอ สามีนางโผล่มานี่แล้ว หวังว่าเขาจะพูดให้เมียเขาได้สติขึ้นบ้าง” สตรีทเี่ ห็นเขาเป็นคนแรกเสริมต่อว่า “เราห้ามนางแล้วนะ แต่นาง ไม่ฟัง ดึงดันจะเอาอาหารไปให้หญิงแปลกหน้าผู้นั้น ดูสารรูปรึก็อย่างกับ ปีศาจหรือภูติปลอมตัวมา” “ภรรยาผมอยู่ในอันตรายหรือไม่ วานบอกทีเถิด” “มีผหู้ ญิงท่าทางแปลกๆ คนหนึง่ มาป้วนเปีย้ นแถวหมูบ่ า้ นตัง้ แต่เช้า” อีกคนหนึ่งเล่า “ผมยาวสยายถึงกลางหลัง สวมเสื้อคลุมเก่าๆ ขาดๆ สีด�ำ นางอ้างตัวเป็นชาวแซกซอน แต่การแต่งเนือ้ แต่งตัวไม่เหมือนชาวแซกซอน ที่เราเคยเห็น นางย่องเข้ามาข้างหลังเราบนริมฝั่งแม่น�้ำตอนเราก�ำลังซักผ้า แต่เราเห็นก่อนจึงขับไล่นางไปเสีย แต่นางก็ย้อนกลับมาอีกเรื่อยๆ ท�ำท่า ทางอย่างกับคนหัวใจสลาย ประเดีย๋ วก็มาขออาหารจากเรา น่ากลัวว่านาง คงตั้งใจร่ายมนตราใส่ภรรยาท่านเป็นแน่ เมื่อเช้านี้เราต้องช่วยกันฉุดแขน ภรรยาท่านไว้ถึงสองครั้งสองครา เพราะนางดึงดันจะไปหานางปีศาจนั่น ให้ได้ สุดท้ายนางก็ดิ้นหลุด ตอนนี้กำ� ลังขึ้นไปหานางปีศาจที่รออยู่ในดง หนามเก่าโน่นแน่ะ พวกเราออกแรงฉุดรัง้ เต็มทีแ่ ล้วนะ แต่คงเพราะถูกพลัง ปีศาจเข้าสิงเป็นแน่ ไม่รวู้ า่ ยายแก่ๆ ตัวผอมแห้งไปเอาเรีย่ วแรงมหาศาลมา จากไหน” 21
คาสึโอะ อิชิงุโระ
“ดงหนามเก่า…” “นางเพิง่ ออกไปเมือ่ กีน้ เี้ อง แต่หญิงแปลกหน้าผูน้ นั้ เป็นปีศาจแน่ๆ ถ้าท่านจะตามไป ก็ระวังอย่าสะดุดล้มแล้วกัน เกิดโดนหนามพิษต�ำเข้า รับรองว่าไม่มีทางรักษา” แอกเซิลพยายามซ่อนอาการร�ำคาญสตรีกลุม่ นี้ ตอบไปอย่างสุภาพ ว่า “ขอบคุณมาก แม่หญิง ผมจะตามไปดูภรรยาสักหน่อย ขอตัวละ” ในหมู่บ้านเรานี้ ‘ดงหนามเก่า’ หมายถึงจุดชมทิวทัศน์ที่มีต้น ฮอว์ธอร์นต้นหนึ่งยืนอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางโขดหินใกล้กับริมหน้าผา เดิน จากหมู่บ้านเราไปไม่กี่นาทีก็ถึง ในวันท้องฟ้าแจ่มใส ถ้าลมไม่แรง มัน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการไปนั่งเล่นหย่อนใจ มองเห็นทิวทัศน์ท้องทุ่งลง ไปถึงล�ำน�้ำคดเคี้ยวเบื้องล่างและห้วยหนองคลองบึงถัดออกไป วันอาทิตย์ พวกเด็กๆ ชอบมาวิง่ เล่นกันใต้ตน้ ไม้ตน้ นีซ้ งึ่ รากยาวเป็นตะปุม่ ตะป�ำ่ บ้างก็ รวบรวมความกล้ากระโดดลงไปจากริมหน้าผาซึ่งจริงๆ นั้นเตี้ยนิดเดียว ไม่ ท�ำให้เด็กเจ็บตัว อย่างดีก็กลิ้งหลุนๆ เหมือนถังไม้ลงไปตามเนินหญ้า แต่ หากเป็นช่วงเช้าของวันปกติ ทั้งผู้ใหญ่และเด็กต่างมีภาระหน้าที่ต้องรับผิด ชอบ พื้นที่บริเวณนี้จึงร้างผู้คน และเมื่อแอกเซิลเดินฝ่าหมอกขึ้นไปถึงบน เนิน จึงไม่แปลกใจทีเ่ ห็นสตรีทง้ั สองอยูต่ ามล�ำพัง ร่างของทัง้ คูเ่ ป็นเงาด�ำๆ ตัดกับผืนฟ้าขาวกระจ่างด้านหลัง หญิงแปลกหน้าซึ่งนั่งเอนหลังพิงก้อน หินอยู่นั้นแต่งตัวพิกลจริงๆ ด้วย มองจากระยะไกล เสื้อคลุมของนางดู เหมือนเย็บขึ้นจากเศษผ้าหลายๆ ชิ้นต่อกัน มันปลิวสะบัดไปมาในสายลม ท�ำให้ตัวเจ้าของดูเหมือนนกยักษ์ที่ตั้งท่ากางปีกบิน ข้างกันนั้น บีทริซยืน โน้มศีรษะลงไปหาอีกฝ่าย แลดูตัวลีบเล็กบอบบาง คนทั้งสองก�ำลังคุยกัน อย่างเคร่งเครียด ครั้นเห็นแอกเซิลเดินมุ่งหน้าขึ้นไปหาจึงหยุดมอง บีทริซ ไปที่ริมผาแล้วตะโกนลงมา “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยค่ะคุณ อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้! เดี๋ยวฉันลงไป หาเอง อย่าปีนขึ้นมารบกวนความสงบของหญิงอาภัพผู้นี้ นางเพิ่งได้นั่ง พักกินขนมปังค้างคืนจากเมื่อวาน” 22
ยักษ์ ใต้พิภพ
แอกเซิลหยุดรอตามค�ำสั่ง สักครู่ก็เห็นภรรยาลงจากเนินมาตาม ถนนสายยาว เข้ามายืนประชิดแล้วกระซิบกับเขาเสียงเบา ด้วยกังวลว่า สายลมจะหอบเอาค�ำพูดของพวกเขาไปเข้าถึงหูหญิงแปลกหน้า “นางหน้าโง่พวกนัน้ ให้คณ ุ มาตามฉันหรือคะ สมัยฉันอายุเท่าพวก นาง เคยเห็นแต่คนแก่คนเฒ่าที่หลงงมงาย หวาดกลัวในเรื่องไม่เป็นเรื่อง หาว่าหินทุกก้อนต้องค�ำสาปและแมวจรจัดทุกตัวเป็นผีร้าย แต่พอฉันเอง แก่ตัวลง กลับพบว่าคนหนุ่มสาวงมงายเสียยิ่งกว่า ราวกับไม่เคยได้ยินค�ำ สัญญาจากพระผูเ้ ป็นเจ้าทีว่ า่ จะทรงอยูเ่ คียงข้างเราทุกโมงยาม ดูหญิงแปลก หน้าอาภัพนัน้ สิ ดูดว้ ยตาของคุณเอง นางทัง้ เหน็ดเหนือ่ ยและโดดเดีย่ ว สี่ วันแล้วทีน่ างร่อนเร่พเนจรผ่านทุง่ นาป่าเขา ผ่านไปถึงหมูบ่ า้ นไหนก็โดนขับ ไล่ไสส่ง บ้านเมืองเราเป็นเมืองคริสต์แท้ๆ แต่ปฏิบัติราวกับนางเป็นปีศาจ หรือคนเป็นโรคเรื้อนน่ารังเกียจทั้งที่ผิวพรรณนางก็ไม่ได้มีตุ่มหนอง เอาละ หวังว่าคุณคงไม่ได้มาเพือ่ จะห้ามไม่ให้ฉนั แสดงน�ำ้ ใจและแบ่งเศษอาหารเหลือ ให้หญิงอาภัพผู้นี้หรอกนะ” “ผมไม่ท�ำแบบนั้นอยู่แล้วจ้ะ เพราะผมเห็นด้วยตาตนเองแล้วว่า สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง ก่อนจะเดินมานี่ ผมยังคิดอยู่เลยว่าช่างน่าอดสู ที่คนทุกวันนี้แล้งน�้ำใจกับคนแปลกหน้า” “ถ้าเช่นนั้นก็ไปจัดการธุระของคุณต่อเถิดค่ะ ประเดี๋ยวจะโดนชาว บ้านบ่นเข้าให้อีกว่าคุณท�ำงานอืดอาด แล้วพวกเด็กๆ ก็จะมาล้อเลียนเรา อีก” “ไม่เคยมีใครว่าผมท�ำงานอืดอาดเลยนะ ทีร่ กั คุณไปได้ยนิ มาจาก ไหน ผมไม่เคยได้ยินใครบ่นแบบนี้เลย ก�ำลังวังชาผมยังดีไม่แพ้หนุ่มๆ ที่ อายุอ่อนกว่ายี่สิบปี” “ฉันแค่ล้อเล่นน่ะค่ะ ไม่มีใครกล้าบ่นคุณหรอก” “ถ้าพวกเด็กๆ ล้อเลียนเรา มันก็ไม่เกีย่ วกับทีว่ า่ ผมท�ำงานเร็วหรือ ช้า แต่เป็นเพราะพ่อแม่ของเด็กพวกนัน้ โง่เขลาเบาปัญญา รึไม่กเ็ อาแต่ดมื่ เหล้าเมามายจนไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกตัวเอง” 23
คาสึโอะ อิชิงุโระ
“ใจเย็นๆ สิคะ บอกแล้วไงว่าฉันแค่ลอ้ เล่น ต่อไปฉันจะไม่ลอ้ เล่น แบบนี้อีกแล้ว หญิงแปลกหน้าเล่าเรื่องน่าสนใจมากให้ฉันฟัง ถ้าคุณได้ฟัง ก็คงจะเห็นด้วย แต่นางยังเล่าไม่จบ ดังนัน้ ฉันจะขอร้องอีกครัง้ ว่าให้คณ ุ รีบ ไปสะสางงานการของคุณเถิด ฉันจะไปฟังนางเล่าต่อ เผื่อว่าจะช่วยเหลือ จุนเจืออะไรนางได้บ้าง” “ผมขอโทษนะที่รัก ถ้าเมื่อกี้ผมเสียงดังกับคุณ” ทว่าภรรยาเขาหันหลังเดินกลับขึน้ ไปหาสตรีในชุดคลุมปลิวสะบัดที่ ใต้ต้นฮอว์ธอร์นแล้ว ครูต่ อ่ มา หลังเสร็จจากธุระทีห่ มูบ่ า้ น แอกเซิลก็ยอ้ นกลับไปยังทุง่ แห่งนั้นอีก และทั้งที่รู้ว่าพรรคพวกของเขาอาจหมดความอดทนที่รอนาน แต่ชายชราก็เบี่ยงออกจากเส้นทางเพื่อจะได้ผ่านดงหนามเก่า จริงอยู่เขา เห็นด้วยกับภรรยาและนึกต�ำหนิที่หญิงสาวกลุ่มนั้นมีจิตหวาดระแวงจนเกิน ไป แต่เขาอดรูส้ กึ ไม่ได้วา่ สตรีแปลกหน้านัน้ ไม่นา่ ไว้ใจ และเขาก็ไม่สบายใจ ที่ทิ้งภรรยาไว้ตามล�ำพังกับนาง จึงให้โล่งใจนักเมื่อเห็นร่างของภรรยาเขา ยืนอยู่คนเดียวเบื้องหน้าโขดหินที่ริมผา สายตาทอดมองออกไปยังท้องฟ้า นางดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด จึงไม่สังเกตเห็นเขา จนกระทั่งเขา ตะโกนเรียก เขามองภรรยาเดินลงมาตามทางอย่างเชื่องช้ากว่าที่เคย นี่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสังเกตว่าท่าทางการเดินของนางในระยะหลังนี้ดูแปลกไป แม้ไม่ถงึ กับเดินกะเผลก แต่เหมือนว่านางเจ็บปวดตรงไหนสักแห่งในร่างกาย ครัน้ นางเดินลงมาถึง เขาจึงถามว่าสหายแปลกหน้าของนางไปไหนเสียแล้ว บีทริซตอบสั้นๆ ว่า “ก็ไปตามทางของนางน่ะสิ” “นางคงซาบซึง้ ในความกรุณาของคุณมากทีเดียว ทีร่ กั คุณคุยกับ นางอยู่นานไหม” “ก็นานพอดู นางมีเรื่องคุยเยอะเชียว” “แต่ผมดูออกนะจ๊ะว่านางพูดอะไรที่ท�ำให้คุณไม่สบายใจ สาวๆ กลุ่มนั้นอาจเข้าใจถูกแล้วว่าไม่ควรไปสุงสิงกับนาง” “ฉันไม่ได้ไม่สบายใจ แอกเซิล แต่ค�ำพูดของนางท�ำให้ฉันได้คิด” 24
ยักษ์ ใต้พิภพ
“คุณพูดจาแปลกๆ แน่ใจนะว่านางไม่ได้ร่ายค�ำสาปใส่คุณก่อนจะ หายตัววับไป” “เดินขึ้นไปที่ต้นฮอว์ธอร์นนั้นสิ คุณจะเห็นนางเดินอยู่บนถนน นางเพิ่งแยกไปเมื่อกี้นี้เอง นางหวังว่าจะเจอสักหมู่บ้านที่ต้อนรับนาง” “งัน้ ผมไปก่อนละนะ เห็นคุณปลอดภัยก็ดแี ล้ว พระเจ้าจะต้องทรง สรรเสริญที่คุณมีจิตใจดีเสมอมา” แต่หนนี้ภรรยาเขาออกอาการลังเลเหมือนไม่อยากให้เขาไป นาง คว้าแขนสามีไว้คล้ายกับจะพยุงตัว แล้วจึงพิงศีรษะซบบนหน้าอกเขา และ ราวกับโดยสัญชาตญาณ มือของแอกเซิลเอือ้ มขึน้ ไปลูบผมภรรยาซึง่ ถูกลม พัดจนพันกันยุ่ง ครั้นเหลือบมองลงไปก็แปลกใจที่เห็นว่าดวงตาของนางยัง เบิกกว้าง “คุณดูแปลกไปจริงๆ นั่นละ” เขาตั้งข้อสังเกต “หญิงแปลกหน้า พูดอะไรกับคุณอย่างนั้นหรือ” นางยืนซบอกสามีอยู่อีกสักครู่ ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วผละออกจาก เขา “ฉันมาคิดดูแล้วนะ แอกเซิล ไอ้ที่คุณเคยพูดมาตลอดนั้นน่ะ มันชัก จะยังไงอยู่ น่าแปลกที่คนเราขี้หลงขี้ลืมถึงขนาดจดจ�ำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ วานหรือเมื่อวานซืนไม่ได้ อย่างกับเป็นโรคระบาด” “ไม่ผิดค�ำพูดผมเลยจ้ะ ดูอย่างสตรีผมแดงนั่นก็ได้...” “ช่างนางผมแดงคนนั้นเถอะ แอกเซิล ฉันหมายถึงเรื่องอื่นที่เรา หลงลืมไปต่างหาก” นางพูดพลางมองเหม่อไปยังม่านหมอกไกลออกไป ครัน้ นางหันกลับมาจ้องตาอีกครัง้ เขาก็พบว่าแววตานางนัน้ เต็มไปด้วยความ โศกาอาดูร แล้วจูๆ ่ นางก็ตดั พ้อขึน้ ว่า “คุณไม่เคยเห็นดีเห็นงามด้วยตัง้ แต่ ไหนแต่ไรแล้ว แอกเซิล ฉันรู้ แต่มนั ถึงเวลาทีเ่ ราจะต้องทบทวนเรือ่ งนีใ้ หม่ เราจะต้องรีบออกเดินทาง รอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว” “ออกเดินทางหรือจ๊ะ จะเดินทางไปไหน” “ไปหมู่บ้านของลูกชายเราน่ะสิ อยู่ไม่ไกลหรอก เราค่อยๆ เดิน กันไป อย่างมากก็ใช้เวลาแค่สองสามวัน มันอยู่ถัดจากที่ราบใหญ่ขึ้นไป 25
คาสึโอะ อิชิงุโระ
ทางทิศตะวันตกนิดเดียว นี่ก็ใกล้เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว” “ก็ไปสิจ๊ะ ว่าแต่หญิงแปลกหน้าพูดอะไรสะกิดใจคุณเข้าอย่างนั้น หรือ” “ฉันคิดอยูใ่ นหัวมาตัง้ นานแล้ว แอกเซิล แต่คำ� พูดของหญิงอาภัพ นั้นท�ำให้ฉันตัดสินใจว่าจะรอช้าไม่ได้อีกแล้ว ลูกชายเรารอเราอยู่ที่หมู่บ้าน เขา จะต้องให้เขารอไปอีกนานสักแค่ไหน” “รอให้เข้าใบไม้ผลิกอ่ นเถอะ แล้วเราค่อยวางแผนเดินทางกัน แต่ ท�ำไมคุณถึงพูดว่าผมเป็นฝ่ายคัดค้านเรื่องนี้มาโดยตลอดล่ะ” “ฉันก็จ�ำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้แล้ว แอกเซิล รู้แต่ว่าคุณค้าน หัวชนฝามาตลอดโดยไม่สนความรู้สึกฉันเลย” “เอาเถอะ เรือ่ งนีเ้ อาไว้กอ่ น เวลานีผ้ มยังมีงานรออยู่ พวกเพือ่ น บ้านยิง่ จ้องจะว่าเราชักช้าอยูด่ ว้ ย ผมไปท�ำงานก่อนนะ แล้วเราค่อยคุยกัน ทีหลัง” แต่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทั้งคู่ก็ได้แต่เก็บเรื่องการเดินทางนี้ไว้ใน ใจ ยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะสักที ด้วยว่าพวกเขาจะรู้สึก ตะขิดตะขวงเมื่อไรก็ตามที่อีกฝ่ายหนึ่งเปรยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา และไม่ช้าต่าง ฝ่ายก็รู้กันเองในใจประสาคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมานานว่าควรหลีกเลี่ยง หัวข้อสนทนานี้ให้มากที่สุดเท่าที่ท�ำได้ ที่ใช้ค�ำว่า ‘เท่าที่ท�ำได้’ นี้ เพราะ มันก็มีบางเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อาจทนเก็บง�ำ...หรือทนเก็บกดต่อไปได้ อีก กระนั้นบทสนทนาดังกล่าวเป็นต้องลงเอยปิดฉากอย่างรวดเร็วทุกครั้ง ไป ด้วยว่าอีกฝ่ายเกิดบ่ายเบี่ยงหรือโมโหขึ้นมา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แอกเซิล ถามภรรยาเขาตรงๆ ว่าหญิงแปลกหน้าพูดอะไรกับนางในดงหนามเก่าวัน นั้น สีหน้าของบีทริซเศร้าหมองลง ท�ำท่าเหมือนบ่อน�้ำตาจะแตก หลัง จากนั้นแอกเซิลก็ระวังไม่เอ่ยถึงหญิงแปลกหน้าผู้นั้นอีกเลย ผ่านไปสักระยะ แอกเซิลก็จ�ำไม่ได้แล้วว่าแผนการเดินทางที่ว่านี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากไหนและมันมีความส�ำคัญอย่างไรกับทั้งคู่ ทว่าตอนเช้า มืดของวันนี้ ขณะทีน่ งั่ ตากอากาศหนาวอยู่ขา้ งนอก ความทรงจ�ำบางส่วน 26
ยักษ์ ใต้พิภพ
เหมือนชัดเจนขึ้น ภาพต่างๆ ย้อนกลับเข้ามาในความนึกคิด ทั้งสตรีผม แดง เด็กหญิงมาร์ทา หญิงแปลกหน้าในชุดคลุมด�ำ รวมถึงเรื่องราวอีก หลายอย่างสารพัดสารเพ และเขาจ�ำได้แจ่มชัดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัน อาทิตย์ทเี่ พิง่ ผ่านมาไม่กสี่ ปั ดาห์นเี้ อง พวกชาวบ้านมารุมยือ้ แย่งเทียนจาก ภรรยาเขา วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนของคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะหยุด พักจากการงานในทุ่ง แต่ยังคงต้องดูแลปศุสัตว์และสะสางกิจธุระอื่นๆ ที่ ค้างคา บาทหลวงอะลุม่ อล่วยให้พวกลูกบ้านท�ำงานเบาๆ ได้ ในวันอาทิตย์ นั้นแอกเซิลซ่อมรองเท้าบู๊ตอยู่ทั้งเช้า เสร็จแล้วจึงออกไปรับอากาศแจ่มใส ภาพที่เขาเห็นคือพวกเพื่อนบ้านมาชุมนุมกันด้านหน้าปากถ�้ำ บ้างนั่งบน พื้นดินซึ่งมีหญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆ บ้างหย่อนก้นบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ หรือบน ท่อนซุง ต่างพูดคุยสรวลเสเฮฮา เด็กๆ เล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว เด็กอีก กลุ่มหนึ่งมุงดูชายสองคนที่ก�ำลังประกอบล้อติดกับเกวียนบนพื้นหญ้า มัน เป็นวันอาทิตย์แรกของปีทสี่ ภาพอากาศเอือ้ อ�ำนวยต่อการท�ำกิจกรรมกลาง แจ้ง บรรยากาศจึงดูครึกครื้น ทว่าขณะที่เขายืนอยู่ตรงปากถ�้ำและมองถัด จากพวกชาวบ้านไปยังบริเวณเนินที่ลาดลงไปยังหนองน�้ำ แอกเซิลเริ่มเห็น หมอกจับตัวหนาขึน้ อีก ตกบ่ายเมฆฝนครึม้ คงจะปกคลุมท้องฟ้าอีกคราหนึง่ เขายืนอยูต่ รงนัน้ สักครูจ่ งึ สังเกตเห็นคนกลุม่ หนึง่ เอ็ดตะโรกันอยูต่ รง ริมรั้วทุ่งเลี้ยงสัตว์ด้านล่าง ทีแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก แต่แล้วสายลมหอบเอา บางอย่างมากระทบหูทำ� ให้เขาชะงักกึก หลายปีนถี้ งึ แม้สายตาเขาฝ้าฟางลง มาก แต่หูยังใช้การได้ดี ท่ามกลางเสียงเอะอะโหวกเหวกจากกลุ่มคนที่ริม รั้วนั้น เขาได้ยินเสียงร้องตื่นตระหนกของบีทริซ คนอื่นๆ หยุดจากสิ่งที่ท�ำอยู่และพร้อมใจหันไปมองทางต้นเสียง แอกเซิลรีบแทรกตัวผ่านฝูงคนจนเกือบชนเข้ากับเด็กๆ ที่วิ่งซนและเกือบ สะดุดกับข้าวของที่กองอยู่บนสนามหญ้า ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าไปถึงกลุ่ม คนมุงเล็กๆ ที่ก�ำลังชุลมุนชุลเก จู่ๆ บีทริซก็แทรกตัวออกมาจากกลางวง กอดสิ่งของบางอย่างไว้แนบอกด้วยสองมือ สีหน้าของกลุ่มคนที่ล้อมนาง 27
คาสึโอะ อิชิงุโระ
อยูน่ นั้ แลดูขบขันเสียมากกว่า แต่แล้วสตรีผหู้ นึง่ พรวดพราดตามมาด้านหลัง ภรรยาของเขา ภรรยาม่ายของช่างตีเหล็กที่ตายไปเพราะพิษไข้เมื่อปีกลาย นั้นเอง นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น บีทริซสะบัดตัวหนี สีหน้า ดูเหม่อลอยว่างเปล่าเหมือนใส่หน้ากากไว้ แต่เมื่อเห็นแอกเซิลเดินไปหา อารมณ์จึงปะทุขึ้นบนใบหน้านั้น มาย้อนนึกดูตอนนี้ แอกเซิลคิดว่าสีหน้าของภรรยาที่เขาเห็นใน ตอนนั้นน่าจะเกิดจากความโล่งอกมากกว่า ใช่ว่าบีทริซเชื่อว่าทุกอย่างจะ ลงเอยด้วยดีเมื่อเขามาถึง แต่การปรากฏตัวของเขาก็ช่วยสร้างความอุ่นใจ ให้กบั นาง แววตาทีน่ างมองเขานัน้ ไม่เพียงแสดงถึงความโล่งใจ หากยังเจือ ด้วยแวววิงวอน นางยื่นสิ่งของที่ประคองไว้อย่างหวงแหนไปให้ผู้เป็นสามี “นี่ของเรา แอกเซิล! เราจะไม่ทนนั่งอยู่มืดๆ อีกต่อไปแล้ว รีบ มารับไปสิคะคุณ มันเป็นของเรา!” สิง่ ทีน่ างยืน่ มาให้นนั้ คือเทียนสัน้ กุดเล่มหนึง่ ภรรยาม่ายของช่างตี เหล็กพยายามเข้าไปยื้อแย่งอีกครั้ง แต่บีทริซปัดป้องมือที่เอื้อมมานั้นออก ไป “รับไปสิคะคุณ! แม่หนูนอ้ ยนอราตรงโน้นน่ะ แกท�ำเองกับมือแล้ว เอามาให้ฉันเมื่อเช้านี้ แกเห็นใจที่เราต้องอยู่กันมืดๆ ตอนกลางคืน” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นอีกเป็นระลอกสอง สลับกับเสียง หัวเราะเยาะเย้ย บีทริซยังคงไม่ละสายตาจากสามี แววตาเปี่ยมด้วยความ เชื่อใจระคนอ้อนวอน ภาพสีหน้าของนางในเวลานั้นเป็นสิ่งแรกที่ย้อนกลับ มาในห้วงค�ำนึงขณะที่เขานั่งอยู่บนม้านั่งตรงปากถ�้ำเมื่อเช้ามืดวันนี้ เขาลืม เหตุการณ์นไี้ ปได้อย่างไรในเมือ่ มันเพิง่ เกิดขึน้ ไม่ถงึ สามอาทิตย์นเี้ อง ท�ำไม เขาเพิ่งมานึกออกเอาป่านนี้ แอกเซิลเหยียดแขนออกไป แต่เอื้อมไม่ถึงเทียนเพราะชาวบ้าน กลุ่มนั้นเข้ามารุมฉุดเขาไว้ เขาจึงตะเบ็งเสียงตะโกนออกไปว่า “ไม่เป็นไร นะ ที่รัก ไม่ต้องห่วง” แม้รู้แก่ใจดีในขณะที่พูดว่ามันเป็นเพียงค�ำปลอบที่ ไร้ความหมาย เขาประหลาดใจนักเมือ่ เห็นกลุม่ คนมุงสงบลง กระทัง่ ภรรยา 28
ยักษ์ ใต้พิภพ
ม่ายของช่างตีเหล็กยังยอมถอยออกไป แต่แล้วจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าปฏิกิริยา ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นผลจากค�ำพูดของเขา แต่เพราะบาทหลวงเดินขึ้นมาทาง ด้านหลังเขาต่างหาก “วันพระวันเจ้าก็ไม่ละเว้นเลยรึ” บาทหลวงเดินไปยืนด้านหน้าแอกเซิล จ้องถมึงทึงไปยังกลุ่มชาวบ้านซึ่งตอนนี้เงียบกริบ “มันเรื่องอะไรกัน” “แม่หญิงบีทริซน่ะสิคะ” ภรรยาม่ายของช่างตีเหล็กออกโรงฟ้อง “นางมีเทียนไว้ในครอบครอง” สีหน้าของบีทริซนั้นนิ่งสนิทเหมือนใส่หน้ากากอีกครั้ง หากนางก็ ไม่หลบสายตาเมื่อบาทหลวงหันไปจ้องประจัน “หลักฐานเห็นอยู่คาตา แม่หญิงบีทริซ” บาทหลวงกล่าว “นี่อย่า ลืมสิว่าที่ประชุมลงมติแล้วว่าท่านและสามีไม่มีสิทธิ์ครอบครองเทียนไว้ใน บ้าน” “ท่านคะ เราผัวเมียไม่เคยท�ำเทียนล้มสักเล่มในชีวติ เราจะไม่ยอม ทนอยู่ในความมืดคืนแล้วคืนเล่า” “ค�ำตัดสินออกมาแล้ว และท่านต้องปฏิบัติตามนั้น จนกว่า ที่ประชุมจะมีมติเป็นอื่น” แอกเซิลมองเห็นไฟโทสะคุกรุ่นขึ้นในดวงตานาง “ช่างใจจืดใจด�ำ โหดร้ายที่สุด” นางบ่นพึมพ�ำ ยังจ้องเขม็งที่บาทหลวง “ริบเทียนจากนางซะ” บาทหลวงออกค�ำสั่ง “ท�ำตามที่บอก ไป แย่งเอามาให้ได้” ท่ามกลางมือทีเ่ อือ้ มไปมะรุมมะตุม้ ภรรยาเขา แอกเซิลมีความรูส้ กึ ว่าบีทริซยังไม่คอ่ ยเข้าใจในสิง่ ทีบ่ าทหลวงพูด นางยืนท�ำหน้าสับสนอยูก่ ลาง วงและยังก�ำเทียนไว้แน่นราวกับลืมตัวไปชัว่ ขณะ แต่แล้วอารามตืน่ ตระหนก นางยื่นเทียนไปให้แอกเซิลอีกครั้งทั้งที่ซวนเซจนเกือบจะล้มลงเพราะพวก ชาวบ้านที่รุมเบียดเสียด นางพยุงตัวขึ้นใหม่แล้วยื่นเทียนไปให้เขาอีกครั้ง เขาพยายามเอื้อมไปรับ แต่มีมือใครไม่รู้มาฉวยไปเสียก่อน แล้วเสียงของ บาทหลวงก็ดังโพล่งขึ้นอีก 29
คาสึโอะ อิชิงุโระ
“พอที! เลิกวุ่นวายกับแม่หญิงบีทริซได้แล้ว และห้ามใครพูดจา ว่าร้ายนางเด็ดขาด นางแก่แล้วก็เลยหลง บอกว่าหยุดได้แล้ว! ไม่สมควร มาตีกันในวันพระวันเจ้า” แอกเซิลเข้าถึงตัวภรรยาในที่สุด เขากอดนางไว้ในอ้อมแขนขณะที่ กลุ่มชาวบ้านเริ่มทยอยแยกย้าย เขาจ�ำได้ว่ายืนอิงแอบกับภรรยาอยู่อย่าง นัน้ ครูใ่ หญ่ นางซบศีรษะลงบนอกเขา เหมือนในวันทีห่ ญิงแปลกหน้าเข้ามา ในหมู่บ้าน ราวกับว่านางนั้นอ่อนล้าและอยากพักเหนื่อย เขายังประคอง นางไว้ในอ้อมแขนขณะที่บาทหลวงตะโกนย�้ำว่าให้ทุกคนแยกย้าย สุดท้าย เมือ่ ทัง้ สองผละจากกันและมองไปรอบตัว ก็พบว่าเหลือพวกเขาเพียงล�ำพัง อยู่ข้างคอกกั้นทุ่งเลี้ยงวัว “เกิดอะไรขึ้นที่รัก” เขาถาม “จะเอาเทียนไปท�ำอะไร เราก็อยู่กัน สุขสบายดีมาได้ตั้งนานนี่นา จะมีเทียนหรือไม่มีก็เถอะ” เขามองภรรยาอย่างพิจารณา สีหน้านางดูเลือ่ นลอยเหมือนไม่ทกุ ข์ ร้อน “ฉันขอโทษนะ แอกเซิล” นางบอก “เทียนโดนแย่งไปเสียแล้ว รู้ แบบนีฉ้ นั เก็บเป็นความลับรูก้ นั แค่เราสองคนก็ดหี รอก ฉันดีใจมากไปหน่อย ตอนที่แม่หนูน้อยคนนั้นเอาเทียนมาให้ แกว่าแกตั้งใจท�ำเองกับมือเลยนะ ดันมาโดนแย่งไปเสียได้ น่าเสียดาย” “ช่างมันเถอะจ้ะ” “ชาวบ้านคิดว่าเราสองผัวเมียสติไม่ดี แอกเซิล” นางเขยิบขึ้นมาก้าวหนึ่งและซบศีรษะลงบนอกสามีอีกครั้ง ตอน นั้นเองที่นางพูดขึ้นด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบาจนทีแรกเขาคิดว่าหูแว่วไปเอง “ลูกชายของเรา แอกเซิล คุณจ�ำลูกชายเราได้หรือเปล่า เมื่อกี้ ตอนฉันโดนรุม จู่ๆ ฉันก็นึกถึงลูกขึ้นมา เขาแข็งแรงสมชายชาตรี แล้วไย เราจึงต้องทนดักดานอยูท่ นี่ อี่ กี ไปทีห่ มูบ่ า้ นของลูกชายเราเถอะนะ เขาจะ ปกป้องไม่ให้ใครมาท�ำร้ายเรา คุณจะไม่เปลีย่ นใจเลยเชียวหรือ แอกเซิล นี่ ก็ล่วงเลยมาตั้งหลายปีแล้ว คุณยังจะดื้อดึงไม่ยอมไปหาเขาอีกหรือ” 30
ยักษ์ ใต้พิภพ
ขณะที่นางกระซิบแผ่วเบาบนหน้าอกเขา ชิ้นส่วนความทรงจ�ำ หลายอย่างเริ่มปะติดปะต่อขึ้นในความคิดของแอกเซิล เขารู้สึกหน้ามืดขึ้น มาจึงคลายอ้อมแขนจากภรรยาแล้วก้าวถอยหลัง ด้วยเกรงว่าเขาอาจเซและ ฉุดนางให้ล้มลงด้วย “พูดอะไรของคุณน่ะ ทีร่ กั ผมน่ะหรือเคยขัดขวางไม่ให้เราเดินทาง ไปหมู่บ้านลูกชายเรา” “ก็ใช่น่ะสิ แอกเซิล คุณค้านหัวชนฝาเลยเชียว” “ผมเคยพูดเมื่อไรว่าจะไม่ไป ที่รัก” “ก็ฉันเข้าใจแบบนั้นมาตลอด แต่...โอ้ แอกเซิล พอคุณถามแบบ นีฉ้ นั ก็ชกั ไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าแต่ทำ� ไมเราถึงมายืนกันอยูต่ รงนีล้ ะ่ วันนีอ้ ากาศ ดีจังเลย” บีทริซดูสับสนอีกครั้ง นางมองหน้าสามีแล้วจึงหันมองรอบตัว มองที่ดวงตะวันฉาย พวกชาวบ้านกลับไปจดจ่อกับงานที่ท�ำอยู่ตามเดิม “กลับห้องเราเถอะ” นางเอ่ยชวนหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ขอให้ เราได้อยูต่ ามล�ำพังสักพัก อากาศแจ่มใสก็จริง แต่ฉนั เพลียเหลือเกิน กลับ เข้าข้างในเถอะ” “ดีจ้ะ เข้าไปหลบแดดนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนเถอะ” เวลานีค้ นอืน่ ๆ ในหมูบ่ า้ นเริม่ พากันตืน่ ขึน้ คนเลีย้ งแกะน่าจะออก ไปได้สักพักแล้ว เขามัวคิดเหม่ออยู่จึงไม่ได้ยินเสียงของภรรยาจากอีกฟาก ห้อง นางส่งเสียงครางเบาๆ ราวกับตั้งท่าจะร้องเพลง แล้วจึงพลิกตัวข้าง ใต้ผ้าห่ม เห็นดังนั้นแอกเซิลจึงเดินข้ามไปที่เตียง ค่อยๆ หย่อนก้นนั่งบน ขอบเตียงแล้วรอ บีทริซพลิกตัวกลับมานอนหงาย ลืมตาปรือขึ้นมองที่ผู้เป็นสามี “อรุณสวัสดิค์ ะ่ คุณ” นางเอ่ยในทีส่ ดุ “ค่อยยังชัว่ ทีด่ วงวิญญาณไม่ ได้พรากคุณไปตอนที่ฉันหลับ” “ที่รัก ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” บีทริซคงไม่ละสายตาจากผู้เป็นสามี เปลือกตายังหรี่ครึ่งหนึ่ง 31
คาสึโอะ อิชิงุโระ
นางชันกายขึ้นมาในท่านั่ง ใบหน้ากระทบกับล�ำแสงที่เมื่อกี้สาดส่องถูกเจ้า แมงมุม ผมสีดอกเลาพันยุ่งเป็นสังกะตัง ปล่อยยาวสยายถึงไหล่ หาก แอกเซิลกลับรู้สึกอิ่มเอิบใจกับภาพตรงหน้า “มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ แอกเซิล ฉันยังไม่ทันตื่นเต็มตาเลย” “ก็เรื่องที่เราเคยคุยค้างไว้ยังไงล่ะ เรื่องการเดินทางของเราน่ะ นี่ ก็เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว น่าจะสมควรแก่เวลาสักที” “อย่างนั้นรึ แอกเซิล จะเดินทางกันเมื่อไรดี” “เร็วทีส่ ดุ เราคงไปแค่ไม่กวี่ นั คนในหมูบ่ า้ นคงไม่วา่ หรอก เราจะ ไปคุยกับบาทหลวง” “แล้วเราจะไปหาลูกชายเราหรือเปล่า แอกเซิล” “นั่นละคือจุดหมายปลายทางของเรา ไปหาลูกชายเราไงจ๊ะ” เหล่านกกาประสานเสียงขับขาน บีทริซหันไปทางหน้าต่าง แสง ตะวันส่องลอดผ่านเศษผ้าที่ขึงไว้เข้ามา “บางวันฉันก็จ�ำลูกได้แจ่มชัด” นางว่า “พออีกวันก็เหมือนมีอะไร มาบดบังความทรงจ�ำ แต่ลูกเราเป็นชายชาตรี ข้อนี้ฉันมั่นใจ” “ท�ำไมตอนนี้ลูกถึงไม่ได้อยู่กับเราล่ะ ที่รัก” “ไม่รสู้ ิ แอกเซิล เป็นได้วา่ เขาอาจเคยมีเรือ่ งวิวาทกับพวกผูอ้ าวุโส ก็เลยต้องออกจากหมู่บ้าน ฉันไปถามคนในหมู่บ้านดูแล้ว แต่ไม่มีใครจ�ำ เขาได้เลย แต่ฉันมั่นใจว่าลูกเราไม่ได้ท�ำเรื่องเสียหาย นี่คุณจ�ำอะไรไม่ได้ เลยหรือ แอกเซิล” “เมือ่ กีผ้ มออกไปนัง่ คนเดียวเงียบๆ ข้างนอก พยายามนึกทบทวน อยู่หลายตลบ ก็พอจะจ�ำอะไรๆ ขึ้นมาได้บ้าง แต่ผมจ�ำลูกชายเราไม่ได้สัก นิด ไม่ว่าใบหน้าหรือน�้ำเสียงเขา แต่บางทีก็เหมือนจ�ำได้คลับคล้ายคลับ คลาตอนทีเ่ ขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ผมจูงมือเขาเดินอยูร่ มิ แม่นำ�้ หรือมีครัง้ หนึง่ ทีเ่ ขาร้องไห้แล้วผมเอือ้ มไปปลอบเขา แต่ทกุ วันนีเ้ ขาหน้าตาเป็นอย่างไร บ้านช่องอยู่ที่ไหน หรือเขามีหลานชายให้เราหรือยัง ผมจ�ำไม่ได้เลย ก็ได้ แต่หวังว่าความจ�ำของคุณจะดีกว่าผม” 32
ยักษ์ ใต้พิภพ
“เขาเป็นลูกชายเรา” บีทริซตอบ “ความรู้สึกของเราสื่อถึงกัน ถึง แม้จำ� ได้ไม่ชดั เจน และฉันรูว้ า่ เขาอยากให้เราย้ายไปอยูก่ บั เขา ให้เขาได้ดแู ล ปกป้อง” “ในเมื่อเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา ท�ำไมเขาถึงจะไม่ต้อนรับ เราล่ะ” “งัน้ ก็เถอะ ฉันคงคิดถึงทีน่ ี่ แอกเซิล ห้องรูหนูของเราและหมูบ่ า้ นนี้ ใจหายพอนึกว่าจะต้องจากที่ที่เคยอยู่มาทั้งชีวิต” “ไม่มีใครเร่งรัดเรานี่จ๊ะ เมื่อกี้ระหว่างนั่งรอให้ฟ้าสาง ผมคิดอยู่ ว่าเราจะต้องเดินทางไปหมู่บ้านลูกชายเราแล้วคุยกับเขา เพราะถึงเราเป็น พ่อแม่บังเกิดเกล้าก็จริง แต่มันก็ไม่สมควรถ้าจู่ๆ เราเดินไปบอกเขาว่าจะ ขอย้ายไปอยู่ด้วย” “จริงของคุณค่ะ” “ยังมีอีกเรื่องที่ผมไม่สบายใจ คุณบอกว่าหมู่บ้านของลูกเรานี้ใช้ เวลาเดินทางไม่กี่วันก็ถึง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันอยู่ที่ไหน” บีทริซนิ่งเงียบ มองเหม่อไปเบื้องหน้า ไหล่สองข้างกระเพื่อม เบาๆ ตามจังหวะหายใจ “ฉันว่าเดี๋ยวเราไปเรื่อยๆ ก็คงจะรู้เอง แอกเซิล” นางตอบในที่สุด “ถึงแม้เรายังไม่รู้ที่ตั้งแน่นอนของหมู่บ้านเขา แต่ฉันเคย ตระเวนไปหมู่บ้านแถวนี้มาหมดแล้วตอนที่เอาน�้ำผึ้งกับดีบุกไปเร่ขายกับ พวกสาวๆ ในหมู่บ้าน ให้ปิดตาเดินไปถึงที่ราบใหญ่ก็ยังได้ อย่างหมู่บ้าน แซกซอนทีอ่ ยูถ่ ดั ขึน้ ไปนี้ พวกเราก็เคยไปแวะพักบ่อยๆ หมูบ่ า้ นลูกชายเรา น่าจะอยูถ่ ดั ไปอีกไม่ไกลมาก หาไม่ยากหรอก แอกเซิล เรารีบไปกันดีไหม” “ดีจ้ะ เราเริ่มเตรียมตัวกันวันนี้เลยนะ” 33