หนังสือ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ประจำมูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

Page 1

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ประจำมูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ทรงพระเจริญ ดวยเกลาดวยกระหมอม ขาพระพุทธเจา มูลนิธิวิปสสนาพรหมญาโณ พรอมดวยคณะศิษยานุศิษย


พระอาจารยธาดา พรหมญาโณ ผูกอตั้ง และที่ปรึกษา มูลนิธิวิปสสนาพรหมญาโณ ประเทศอินเดีย


พระอาจารยสิทธิโชค สิทฺธิชโย (สมโอหวาน), ดร. ประธานสงฆ มูลนิธิวิปสสนาพรหมญาโณ ประเทศอินเดีย


มหาสมุทร ทั่วทุงทองทะเลฟาสีคราม อันแผกวางใหญสุดไพศาล คณานับ ที่จะหาความ ดูความสงบราบเรียบ บนพื้นผิวน้ำทะเล ใหเห็นเสมอกันนั้น ไดยาก.. เพราะอาศัยแรงเทพ พฤทธิ์แหงวายุ และแรงดันอากาศ ความดึงดูดของโลก จึงเปนหตุ เปนปจจัย เปนผล ผลักดันใหเกิด “คลื่นทะเลธรรมชาติ” เผาพันธุ สัตวมนุษย ก็เชนกัน.. เพราะอาศัยราก ราคะ โทสะ โมหะ ตีชิ่ง กระทบชอนขาหากันเปนตัวอุปาทาน จึงเปนเหตุ เปนปจจัย เปนผล ผลักดันใหเกิด “ คลื่นทะเลความทุกข ความสุข ” คละเคลาเปปนกันไป หาที่สุดของการแกเงื่อนปม ของทางออก ใหแกชีวิต ไมได.. เพราะติดอยูแค คำวาสั้นๆ คือ “ ตัวหลง ” พรหมญาโณ ภิกขุ


สารบัญ คำบูชาแดนประสูติ คำอธิษฐาน ณ แดนประสูติ คำบูชาสถานที่ตรัสรู คำอธิษฐานใตตนพระศรีมหาโพธิ์ คำบูชาธัมเมกขะสถูป คำอธิษฐานที่ธัมเมกขะสถูป คำบูชาองคพระพุทธปรินิพพาน บทสวดมนตทำวัตรเชา คำบูชาพระรัตนตรัย ปุพพะภาคะนะมะการะ พุทธาภิถุติ ธัมมาภิถุติ สังฆาภิถุติ ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา สำหรับ พระภิกษุ - สามเณรสวด สำหรับอุบาสก, อุบาสิกา บทสวดมนตทำวัตรเย็น คำบูชาพระรัตนตรัย ปุพพะภาคะนะมะการะ พุทธานุสสติ

หนา ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๕ ๑๗ ๑๗ ๑๙ ๒๐ ๒๒ ๒๗ ๒๗ ๒๘ ๒๘ ๓๐ ๓๑


พุทธาภิคีติ ธัมมานุสสติ ธัมมาภิคีติ สังฆานุสสติ สังฆาภิคีติ อตีตปจจเวกขณปาฐะ บทกรวดน้ำอิมินา (อุททิสสนาธิฏฐานคาถา) ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร บทพิจารณาสังขาร ปจฉิมพุทโธวาทปาฐะ บทสวดบารมี ๓๐ ทัศ ของครูบาศรีวิชัย นักบุญแหงลานนาไทย อธิบาย บารมี ๓๐ ทัศ แปลเปนภาษาลานนา แปลเปนภาษาไทยกลาง ชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา) พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พุทธชัยมงคลคาถา มหาการุณิโก คำแปล มหาการุณิโก คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย (โต พรหมรังสี) อิติปโส นพเคราะห

๓๒ ๓๔ ๓๕ ๓๗ ๓๘ ๔๐ ๔๓ ๔๕ ๕๑ ๕๓ ๕๓ ๕๕ ๕๗ ๕๘ ๖๑ ๖๑ ๖๑ ๖๒ ๖๒ ๖๖ ๖๖ ๖๘ ๗๓


ปฏิจจสมุปบาท บทสวดมหาเมตตาใหญ (แบบพิสดาร) ของครูบาศรีวิชัย ยอดธรรม ยอดคาถา หลวงพอดาบส สุมโน ภาคที่ ๑ ภาคที่ ๒ ภาคที่ ๓ ภาคที่ ๔ บทสวดอิติปโสถอยหลัง ประโยชนของการสาธยายธรรมตามพระศาสดา พระไตรปฎก ลมที่ ๒๒ พระสุตตันตปฎก เลมที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปญจกฉักกนิบาต วิมุตติสูตร คติธรรมเตือนสติบางประการ

๗๘ ๘๐ ๑๒๒ ๑๒๕ ๑๒๙ ๑๓๐ ๑๓๑ ๑๓๓ ๑๓๖ ๑๓๗ ๑๔๐


คำบูชาแดนประสูติ วันทา มิ ภันเต ภะคะวา อิมัง สังเวชะนียัง ฐานัง, ยัตถาคะโตมหิ, สัทธัสสะ กุละปุตตัสสะ ทัสสะนียัง, อิธะ ลุมพินี วะเน ตะถาคะเตนะ มัชฌิเมสุ ชะนะปะเทสุ อะริยะ เกสุ มะนุสเสสุ อุปปนนัง ฯ ภาสิตา จะ อาสะภิวาจา อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ เชฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ, เสฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ, อะยะมันติมา เม ชาติ, นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ ฯ สาธุ โน ภันเต, อิเมหิ สักกาเรหิ อะภิปูชะยามิ, สวากขาตัญจะ นะมามิ, มัยหัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ขาแตพระผูมีพระภาคเจาผูเจริญ ขาพระพุทธเจา ไดจาริกตามรอยบาท พระศาสดา มาถึงแลว ขอถวายอภิวาทสังเวชนียสถานที่กุลบุตร ผูมีศรัทธา ควรทัสสนา(ควรเห็น) อันเปนสถานที่ที่พระตถาคตเจา เสด็จอุบัติขึ้นแลว ในหมูมนุษยชาวอริยกะ ในมัชฌิมชนบท ณ สวนลุมพินีนี้ และไดตรัส อาสภิวาจาวา “เราจะเปนผูเลิศที่สุดในโลก เราจะเปนผูเจริญที่สุดในโลก เราจะเปนผูประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดของเรานี้เปนชาติ สุดทาย บัดนี้จะไมมีภพใหมอีก” ขาแต พระองคผูเจริญ ขาพระพุทธเจาขอบูชาโดยยิ่ง ดวยเครื่องสักการะ เหลานี้ และขอนอมระลึกถึงพระธรรมที่ทรงแสดงไวดีแลว ขอการบูชา สักการะในครั้งนี้ จงเปนไปเพื่อประโยชน เพื่อความสุขแกขาพระพุทธเจา ตลอดกาลนาน เทอญ ฯ.

คำอธิษฐาน ณ แดนประสูติ ดวย อำนาจแหงบุญกุศล ที่ขาพเจาไดจาริกธรรม บำเพ็ญบุญ มาตลอด เสนทาง สังเวชนียสถาน ทั้ง สี่ ตำบลครบบริบูรณ ดวยศรัทธาเลื่อมใส ตอพระสัมมาสัมพุทธเจา ในครั้งนี้ ขอจงเปนบารมี อำนวยผล ใหชวี ติ ของขาพระพุทธเจา จงบังเกิดความ สำเร็จ เจริญรุงเรือง ในหนาที่การงาน หากเวียนวายตายเกิดในวัฎฎสงสาร ขอใหขาพเจาจงเกิดในตระกูลดี มีสัมมาทิฎฐิ ไดพบพระพุทธศาสนาในทุกภพ ทุกชาติ ไดพบพระพุทธเจา ไดฟงธรรม มีปญญารูธรรมที่ทรงแสดงแลว จนไดบรรลุถึงซึ่งความพนทุกขคือพระนิพพานดวยเทอญ...ฯ

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


คำบูชาสถานที่ตรัสรู วันทา มิ ภันเต ภะคะวา อิมัง โพธิรุกขะเจติยัง, สังเวชะนียัง ฐานัง, ยัตถาคะโตมหิ, สัทธัสสะ กุละปุตตัสสะ ทัสสะนียัง, อิธะ คะยาสีเส, ตถาคะเตนะ สะเทวะเก โลเก สมาระเก สะพรัหมะ เก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทธังฯ สาธุ โน ภันเต อิเมหิ สักกาเรหิ อภิปชู ะยามิ สวากขาตัญจะ นะมามิ มัยหัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๐


ขา แตพระผูม พี ระภาคผูเ จริญ ขาพระพุทธเจา ไดจาริกตามรอยบาท พระศาสดา มาถึงแลว ขอถวายอภิวาท ตนพระศรีมหาโพธิ์ และพระเจดียนี้ อันเปนสังเวชนียสถานที่กุลบุตรผูมีศรัทธา ควรมาเห็น เปนสถานที่ พระตถาคตเจา ตรัสรูพ รอมเฉพาะแลวซึง่ อนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสัตว พรอมทั้งสมณะพราหมณ เทวดาและมนุษย ณ ตำบล คยาสีสะประเทศแหงนี้ ฯ ขา แตพระองคผเู จริญ ขาพระพุทธเจา ขอบูชาโดยยิง่ ดวยเครือ่ งสักการะเหลานี้ และขอนอมระลึก ถึงพระธรรม ทีท่ รงแสดงไวดแี ลว ขออานุภาพแหงการสักการะในครัง้ นี้ จงเปนไปเพื่อประโยชน เพื่อความสุข แกขาพระพุทธเจา ตลอดกาลนาน เทอญ ฯ.

คำอธิษฐานใตตนพระศรีมหาโพธิ์ ขอ เดชะดวยอำนาจแหงบุญกุศล เจตนาอันมุงมั่น ความเพียรอันบริสุทธิ์ ที่ขาพระพุทธเจาตั้งใจเดินทาง จาริกมาในครั้งนี้ เพื่อนอมกราบนมัสการ องคพระพุทธ ดวยศรัทธาตอการตรัสรูธรรมขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา ดวย บุญกุศลนี้ ขอจงเปนบารมี เปนพลวะ ปจจัย อนุสยั ตามสง ใหขา พเจา ไดเกิดปญญาญาณ ไดดวงตาเห็นธรรม รูแจงเห็นจริง รูยิ่งเห็นตาม ซึ่ง พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจาไดทรงตรัสรูชอบแลว ณ สถานที่แหงนี้ หากแมนวาถาขาพระพุทธเจา ยังเวียนวายตายเกิด อยูในวัฏสงสาร ขอให ขาพเจาจงประสบความบริบูรณดวยศีลและโภคทรัพย พรอมดวยสติปญญา มีบญ ุ ทีจ่ กั ไดบำเพ็ญธรรมตามรอยบาทแหงองคพระศาสดา จนถึงความ พนทุกขคอื พระนิพพานในอนาคตกาล.ตอกาลไมนานดวยเทอญ สาธุ.สาธุ.สาธุ

๑๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


คำบูชาธัมเมกขะสถูป วันทา มิ ภันเต ภะคะวา อิมัง ธัมเมกขะเจติยัง สังเวชะนียัง ฐานัง, ยัตถาคะโตมหิ, สัทธัสสะ กุละปุตตัสสะ ทัสสะนียัง, อาสาฬะหะปุณณะมิยัง, อิธะ พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย ตะถาคะเตนะ ปญจะวัคคิ ยานัง ภิกขูนัง อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะฐะมัง ปะวัตเตตวา จัตตาริ อะริยะสัจจานิ ปะกาสิตานิฯ สาธุ โน ภันเต, อิเมหิ สักกาเรหิ อะภิปชู ะยามิ, สวากขาตัญจะ นะมามิ, มัยหัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๒


ขา แตพระผูมีพระภาคเจาผูเจริญ ขาพระพุทธเจาไดจาริกตามรอยบาท พระศาสดามาถึงแลว ขอถวายอภิวาท ธัมเมกขะสถูปนี้ อันเปนสังเวชนี-ยสถาน ที่กุลบุตรผูมีศรัทธา ควรมาเห็น เปนสถานที่พระตถาคตเจา ไดยังพระธรรมจักรใหเปนไปแกพระภิกษุปญจวัคคีย ที่ปาอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสีนี้ ในวันอาสาฬหปุณณมีฯ ขาแตพระองคผูเจริญ ขาพระพุทธเจาขอบูชาโดยยิ่งดวยเครื่องสักการะ เหลานี้ และขอนอมระลึกถึงพระธรรมที่ทรงแสดงไวดีแลว ขออานุภาพ แหงการบูชาสักการะในครั้งนี้ จงเปนไปเพื่อประโยชน เพื่อความสุข แกขาพระพุทธเจา ตลอดกาลนาน เทอญฯ

คำอธิษฐานที่ธัมเมกขะสถูป พุทธองค ทรงประสบความสำเร็จในการแสดงธรรม ทรงไดบริวาร เปนอริยสาวกผูไดดวงตาเห็นธรรมองคแรกและไดบริวารชุดแรก ดวยอำนาจ ศรัทธาที่มุงมั่นตั้งใจเดินทางมาไหวสถานที่นี้ ขอจงเปนบารมี การไดดวงตาเห็นธรรม รูแ จงเห็นจริงตามธรรม ที่พระพุทธองคทรงแสดงแลว จงบังเกิดมีแกขาพเจาดวย ขอบุญกุศลนี้ จงประทานพร ใหลูกหลาน บริวาร ญาติมิตรของขาพเจา (ระบุชื่อ.......) มีสติปญญา เจริญรุงเรือง ประสบความสุข สำเร็จ สมหวัง (เรื่องระบุ.......) ดวยเทอญ ฯ

๑๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


คำบูชาองคพระพุทธปรินิพพาน วันทามิ อิมัง พุทธะปะฏิมัง, อิมัสมิง กุสินารายัง สาละวะโนทเย พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปรินิพพานัฏฐาเน. อะยัง วันทะนา อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ ขาพเจา ขอกราบไหวพระพุทธปฏิมานี้ ณ สาลวโนทยาน ที่เมือง กุสินารานี้ อันเปนสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจา ขอการกราบไหวนี้ จงเปนไปเพื่อประโยชน เพื่อความสุข ความเจริญ ของขาพเจาทั้งหลาย เทอญ ฯ.

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๔


บทสวดมนตทำวัตรเชา คำบูชาพระรัตนตรัย โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ พระผูมีพระภาคเจานั้น พระองคใด, เปนพระอรหันต ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกขสิ้นเชิง ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรม เปนธรรมอันพระผูมีพระภาคเจา พระองคใด ตรัสไวดีแลว สุปะฏิปนโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา พระองคใดปฏิบัติดีแลว ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปเตหิ อะภิปูชะยามะ ขาพเจาทั้งหลายขอบูชาอยางยิ่งซึ่งพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น พรอมทั้งพระธรรมและพระสงฆ ดวยเครื่องสักการะทั้งหลายเหลานี้ อันยกขึ้นตามสมควรแลว อยางไร สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตป ขาแตพระองคผูเจริญพระผูมีพระภาคเจา แมปรินิพพานนานแลว, ทรงสรางคุณอันสำเร็จประโยชน ไวแกขาพเจาทั้งหลาย ปจฉิมา ชะนะตานุกัมปะมานะสา ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะหแกพวกขาพเจา อันเปนชนรุนหลัง อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ ขอพระผูมีพระภาคเจา จงรับเครื่องสักการะอันเปนบรรณาการ ของคนยาก-ทั้งหลายเหลานี้

๑๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ เพื่อประโยชนและความสุขแกขาพเจาทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เทอญฯ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พระผูมีพระภาคเจา เปนพระอรหันต ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกขสิ้นเชิง ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ขาพเจาอภิวาทพระผูมีพระภาคเจา ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน (กราบ) สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรมเปนธรรมที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวดีแลว ธัมมัง นะมัสสามิ ขาพเจานมัสการพระธรรม (กราบ) สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา ปฏิบัติดีแลว สังฆัง นะมามิ ขาพเจานอบนอมพระสงฆ (กราบ)

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๖


ปุพพะภาคะนะมะการะ (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความนอบนอมอันเปนสวนเบื้องตน แดพระผูมีพระภาคเจาเถิด นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลสตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลสตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลสตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง

พุทธาภิถุติ (หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะพระพุทธเจาเถิด โย โส ตะถาคะโต อะระหัง พระตถาคตเจานั้น พระองคใดเปนผูไกลจากกิเลส สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปนโน เปนผูตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง เปนผูถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ

๑๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สุคะโตโลกะวิทู เปนผูไปแลวดวยดีเปนผูรูโลกอยางแจมแจง อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ เปนผูสามารถฝกบุรุษที่สมควรฝกได อยางไมมีใครยิ่งกวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง เปนครูผูสอนของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย พุทโธ เปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน ดวยธรรม ภะคะวา เปนผูมีความจำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รัห๎มะกัง, สัสสะมะณะพ๎ราห๎มะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา ปะเวเทสิ พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด ไดทรงทำความดับทุกขใหแจง ดวยพระปญญา อันยิ่งเองแลว ทรงสอนโลกนี้ พรอมทั้งเทวดา มาร พรหม และหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณพรอมทั้งเทวดาและมนุษยใหรูตาม โย ธัมมัง เทเสสิ พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด ทรงแสดงธรรมแลว อาทิกัล๎ยาณัง ไพเราะในเบื้องตน มัชเฌกัล๎ยาณัง ไพเราะในทามกลาง ปะริโยสานะกัล๎ยาณัง ไพเราะในที่สุด พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๘


สาตถัง สะพ๎ยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พ๎รัห๎มะจะริยัง ปะกาเสสิ ทรงประกาศพรหมจรรย คือแบบแหงการปฏิบัติ,อันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ สิ้นเชิง พรอมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พรอมทั้งพยัญชนะ (หัวขอ) ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ ขาพเจานอบนอมพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น ดวยเศียรเกลา (กราบระลึกพระพุทธคุณ)

ธัมมาภิถุติ (หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะพระธรรมเถิด โย โส ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรมนั้นใด เปนสิ่งที่พระผูมี พระภาคเจา ไดตรัสไวดีแลว สันทิฏฐิโก เปนสิ่งที่ผูศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นไดดวยตนเอง อะกาลิโก เปนสิ่งที่ปฏิบัติได และใหผลได ไมจำกัดกาล เอหิปสสิโก เปนสิ่งที่ควรกลาวกะผูอื่นวา ทานจงมาดูเถิด

๑๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


โอปะนะยิโก เปนสิ่งที่ควรนอมเขามาใสตัว ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิ เปนสิ่งที่ผูรู ก็รูไดเฉพาะตน ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ ขาพเจานอบนอมพระธรรมนั้น ดวยเศียรเกลา (กราบระลึกพระธรรม)

สังฆาภิถุติ (หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะพระสงฆเถิด โย โส สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมีพระ ภาคเจานั้นหมูใด ปฏิบัติดีแลว อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวก องพระผูมีพระภาคเจาหมูใด ปฏิบัติตรงแลว ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาหมูใด ปฏิบัติเพื่อรูธรรม เปนเครื่องออกจากทุกขแลว สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาหมูใด ปฏิบัติสมควรแลว พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๒๐


ยะทิทัง ไดแกบุคคลเหลานี้คือ จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา คูแหงบุรุษ ๔ คู นับเรียงตัวบุรุษได ๘ บุรุษ เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ นั่นแหละสงฆสาวก ของพระผูมีพระภาคเจา อาหุเนยโย เปนสงฆควรแกสักการะ ที่เขานำมาบูชา ปาหุเนยโย เปนสงฆควรแกสักการะ ที่เขาจัดไวตอนรับ ทักขิเณยโย เปนผูควรรับทักษิณาทาน อัญชะลิกะระณีโย เปนผูที่บุคคลทั่วไป ควรทำอัญชลี อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ เปนเนื้อนาบุญของโลก, ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระสงฆหมูนั้น ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ ขาพเจานอบนอมพระสงฆหมูนั้น ดวยเศียรเกลา (กราบระลึกพระสังฆคุณ)

๒๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา (หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สังเวคะวัตถุปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย กลาวคำนอบนอมพระรัตนตรัย และบาลีที่กำหนดวัตถุเครื่องแสดงความสังเวชเถิด พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว พระพุทธเจาผูบริสุทธิ์ มีพระกรุณา ดุจหวงมหรรณพ โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน พระองคใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก เปนผูฆาเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ขาพเจาไหวพระพุทธเจาพระองคนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน พระธรรมของพระศาสดา สวางรุงเรืองเปรียบดวงประทีป โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน สวนใด โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน ซึ่งเปนตัวโลกุตตระ, และสวนใดที่ชี้แนวแหงโลกุตตระนั้น วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ขาพเจาไหวพระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ สังโฆ สุเขตตาภ๎ยะติเขตตะสัญญิโต พระสงฆเปนนาบุญอันยิ่งใหญ กวานาบุญอันดีทั้งหลาย

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๒๒


โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก เปนผูเห็นพระนิพพาน, ตรัสรูตาม พระสุคต, หมูใด โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส เปนผูละกิเลสเครื่องโลเล เปนพระอริยเจา มีปญญาดี วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้นโดยใจเคารพเอื้อเฟอ อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปททะวา มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา บุญใดที่ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งวัตถุสาม คือพระรัตนตรัย อันควรบูชายิ่งโดยสวนเดียว ไดกระทำแลวเปนอยางยิ่งเชนนี้ ขออุปทวะ(ความชั่ว) ทั้งหลาย จงอยามีแกขาพเจาเลย ดวยอำนาจความสำเร็จอันเกิดจากบุญนั้น อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปนโน พระตถาคตเจา เกิดขึ้นแลวในโลกนี้ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ เปนผูไกลจากกิเลส ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก และพระธรรมที่ทรงแสดง เปนธรรมเครื่องออกจากทุกข อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก เปนเครื่องสงบกิเลส, เปนไปเพื่อปรินิพพาน สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต เปนไปเพื่อความรูพรอม เปนธรรมที่พระสุคตประกาศ

๒๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


มะยันตัง ธัมมัง สุต๎วา เอวัง ชานามะ พวกเราเมื่อไดฟงธรรมนั้นแลว จึงไดรูอยางนี้วา ชาติป ทุกขา แมความเกิดก็เปนทุกข ชะราป ทุกขา แมความแกก็เปนทุกข มะระณัมป ทุกขัง แมความตายก็เปนทุกข โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาป ทุกขา แมความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ ความคับแคนใจ ก็เปนทุกข อัปปเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ความประสบกับสิ่งไมเปนที่รัก ที่พอใจ ก็เปนทุกข ปเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก ที่พอใจ ก็เปนทุกข ยัมปจฉัง นะ ละภะติ ตัมป ทุกขัง มีความปรารถนาสิ่งใด ไมไดสิ่งนั้น นั่นก็เปนทุกข สังขิตเตนะ ปญจุปาทานักขันธา ทุกขา วาโดยยอ อุปาทานขันธทั้ง ๕ เปนตัวทุกข เสยยะถีทัง ไดแกสิ่งเหลานี้คือ รูปูปาทานักขันโธ ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือรูป เวทะนูปาทานักขันโธ ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือเวทนา

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๒๔


สัญูปาทานักขันโธ ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือสัญญา สังขารูปาทานักขันโธ ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือสังขาร วิญญาณูปาทานักขันโธ ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือวิญญาณ เยสัง ปะริญญายะ เพื่อใหสาวกกำหนดรอบรู อุปาทานขันธเหลานี้เอง ธะระมาโน โส ภะคะวา จึงพระผูมีพระภาคเจานั้น เมื่อยังทรงพระชนมอยู เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ ยอมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย, เชนนี้เปนสวนมาก เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ อนึ่งคำสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจานั้น ยอมเปนไปในสาวกทั้งหลายสวนมาก มีสวนคือการจำแนกอยางนี้วา รูปง อะนิจจัง รูปง อะนิจจัง เวทะนา อะนิจจา เวทนาไมเที่ยง สัญญา อะนิจจา สัญญาไมเที่ยง สังขารา อะนิจจา สังขารไมเที่ยง วิญญาณัง อะนิจจัง วิญญาณไมเที่ยง รูปง อะนัตตา รูปไมใชตัวตน เวทะนา อะนัตตา เวทนาไมใชตัวตน สัญญา อะนัตตา สัญญาไมใชตัวตน

๒๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สังขารา อะนัตตา สังขารไมใชตัวตน วิญญาณัง อะนัตตา วิญญาณไมใชตัวตน สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไมเที่ยง สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไมใชตัวตน, ดังนี้ เต (ตา) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา มะยัง โอติณณามะหะ พวกเราทั้งหลายเปนผูถูกครอบงำแลว ชาติยา โดยความเกิด ชะรามะระเณนะ โดยความแกและความตาย โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ ความคับแคนใจทั้งหลาย ทุกโขติณณา เปนผูถูกความทุกขหยั่งเอาแลว ทุกขะปะเรตา เปนผูมีความทุกขเปนเบื้องหนาแลว อัปเปวะนามิมสั สะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิรยิ า ปญญาเยถาติ ทำไฉนการทำที่สุดแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัดแกเราได

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๒๖


สำหรับ พระภิกษุ - สามเณรสวด จิระปะรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง เราทั้งหลาย อุทิศเฉพาะพระผูมีพระภาคเจา ผูไกลจากกิเลส ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง แมปรินิพพานนานแลวพระองคนั้น สัทธา อะคารัส๎มา อะนะคาริยัง ปพพะชิตา เปนผูมีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไมเกี่ยวของดวยเรือนแลว ตัส๎มิง ภะคะวะติ พ๎รห๎มะจะริยัง จะรามะ ประพฤติอยูซึ่งพรหมจรรย ในพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปนนา ถึงพรอมดวยสิกขาและธรรมเปนเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย ตัง โน พ๎รห๎มะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ ขอใหพรหมจรรยของเราทั้งหลายนั้น จงเปนไปเพื่อการทำที่สุดแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ เทอญ

สำหรับอุบาสก, อุบาสิกา จิระปะรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันตัง สะระณังคะตา เราทั้งหลาย ผูถึงแลวซึ่งพระผูมีพระภาคเจา แมปรินิพพานนานแลวพระองคนั้น เปนสรณะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ ถึงพระธรรมดวย ถึงพระสงฆดวย

๒๗

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง, ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปชชามะ จักทำในใจอยู ปฏิบัติตามอยู ซึ่งคำสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจานั้น ตามสติกำลัง สา สา โน ปะฏิปตติ ขอใหความปฏิบัตินั้นๆ ของเราทั้งหลาย อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ จงเปนไปเพื่อการทำที่สุด แหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ เทอญ (บทสวดทำวัตรเชา จบ)

บทสวดมนตทำวัตรเย็น คำบูชาพระรัตนตรัย โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ พระผูมีพระภาคเจานั้น พระองคใด เปนพระอรหันต ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกขสิ้นเชิง ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง ส๎วากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรม เปนธรรมอันพระผูมีพระภาคเจา พระองคใดตรัสไวดีแลว สุปะฏิปนโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา พระองคใดปฏิบัติดีแลว

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๒๘


ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปเตหิ อะภิปูชะยามะ ขาพเจาทั้งหลายขอบูชาอยางยิ่งซึ่งพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น พรอมทั้งพระธรรมและพระสงฆดวยเครื่องสักการะทั้งหลายเหลานี้ อันยกขึ้นตามสมควรแลวอยางไร สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตป ขาแตพระองคผูเจริญพระผูมีพระภาคเจา แมปรินิพพานนานแลวทรงสรางคุณ อันสำเร็จประโยชนไวแกขาพเจาทั้งหลาย ปจฉิมา ชะนะตานุกัมปะมานะสา ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะหแกขาพเจา อันเปนชนรุนหลัง อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ ขอพระผูมีพระภาคเจาจงรับเครื่องสักการะ อันเปนบรรณาการ ของคนยากทั้งหลายเหลานี้ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ เพื่อประโยชนและความสุข แกพวกขาพเจาทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เทอญฯ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พระผูมีพระภาคเจาเปนพระอรหันต ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกขสิ้นเชิงตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ขาพเจาอภิวาทพระผูมีพระภาคเจา ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน (กราบ)

๒๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรมเปนธรรมที่พระผูมีพระภาคเจาตรัสไวดีแลว ธัมมัง นะมัสสามิ ขาพเจานมัสการพระธรรม (กราบ) สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจาปฏิบัติดีแลว สังฆัง นะมามิ ขาพเจานอบนอมพระสงฆ (กราบ)

ปุพพะภาคะนะมะการะ (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความนอบนอมอันเปนสวนเบื้องตน แดพระผูมีพระภาคเจาเถิด นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น อะระหะโต ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลส สัมมาสัมพุทธัสสะ ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง ( สวด 3 จบ) พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๓๐


พุทธานุสสติ (หันทะ มะยัง พุทธานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความตามระลึกถึงพระพุทธเจาเถิด ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัล๎ยาโณ กิตติสัทโท อัพภุคคะโต ก็กิตติศัพทอันงามของพระผูมีพระภาคเจานั้น ไดฟุงไปแลวอยางนี้วา อิติป โส ภะคะวา เพราะเหตุอยางนี้ๆ พระผูมีพระภาคเจานั้น อะระหัง เปนผูไกลจากกิเลส สัมมาสัมพุทโธ เปนผูตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง วิชชาจะระณะสัมปนโน เปนผูถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ สุคะโต เปนผูไปแลวดวยดี โลกะวิทู เปนผูรูโลกอยางแจมแจง อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ เปนผูสามารถฝกบุรุษที่สมควรฝกได อยางไมมีใครยิ่งกวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง เปนครูผูสอนของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย

๓๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


พุทโธ เปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน ดวยธรรม ภะคะวา ติ เปนผูมีความจำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว ดังนี้

พุทธาภิคีติ (หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความขับคาถา พรรณนาเฉพาะพระพุทธเจาเถิด พุทธ๎ะวาระหันตะวะระตาทิคุณาภิยุตโต พระพุทธเจาประกอบดวยคุณ, มีความประเสริฐ แหงอรหันตคุณเปนตน สุทธาภิญาณะกะรุณาหิ สะมาคะตัตโต มีพระองคอันประกอบดวย พระญาณ, และพระกรุณาอันบริสุทธิ์ โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สูโร พระองคใดทรงกระทำชนที่ดี ใหเบิกบาน, ดุจอาทิตยทำบัวใหบาน วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา ชิเนนทัง ขาพเจาไหวพระชินสีหผูไมมีกิเลสพระองคนั้น ดวยเศียรเกลา พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง พระพุทธเจาพระองคใดเปนสะระณะอันเกษมสูงสุด ของสัตวทั้งหลาย ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง ขาพเจาไหวพระพุทธเจาพระองคนั้น อันเปนที่ตั้งแหงความระลึกองคที่หนึ่ง ดวยเศียรเกลา

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๓๒


พุทธัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ), คำในวงเล็บสำหรับผูหญิง พุทโธ เม สามิกิสสะโร ขาพเจาเปนทาสของพระพุทธเจา พระพุทธเจาเปนนาย มีอิสระเหนือขาพเจา พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม พระพุทธเจาเปนเครื่องกำจัดทุกข และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระพุทธเจา วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา จะริสสามิ พุทธัสเสวะ สุโพธิตัง ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม ซึ่งความตรัสรูดี ของพระพุทธเจา นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, พุทโธ เม สะระณัง วะรัง สะระณะอื่นของขาพเจาไมมี พระพุทธเจาเปนสะระณะอันประเสริฐ ของขาพเจา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน ดวยการกลาวคำสัตยนี้ ขาพเจาพึงเจริญในพระศาสนา ของพระศาสดา พุทธัง เม วันทะมาเนนะ (วันทะมานายะ) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวายัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระพุทธเจา ไดขวนขวายบุญใด ในบัดนี้ สัพเพป อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา อันตรายทั้งปวงอยาไดมี แกขาพเจา ดวยเดชแหงบุญนั้น (กราบหมอบลงวา) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี

๓๓

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง กรรมนาติเตียนอันใด ที่ขาพเจากระทำแลว ในพระพุทธเจา พุทโธ ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง ขอพระพุทธเจาจงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ เพื่อการสำรวมระวัง ในพระพุทธเจา ในกาลตอไป.

ธัมมานุสสติ (หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความตามระลึกถึงพระธรรมเถิด ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรมเปนสิ่งที่พระผูมีพระภาคเจา ไดตรัสไวดีแลว สันทิฏฐิโก เปนสิ่งที่ผูศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นไดดวยตนเอง อะกาลิโก เปนสิ่งที่ปฏิบัติได และใหผลได ไมจำกัดกาล เอหิปสสิโก เปนสิ่งที่ควรกลาวกะผูอื่นวา ทานจงมาดูเถิด โอปะนะยิโก เปนสิ่งที่ควรนอมเขามาใสตัว ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหีติ เปนสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน ดังนี้ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๓๔


ธัมมาภิคีติ (หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความขับคาถา พรรณนาเฉพาะพระธรรมเถิด ส๎วากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย พระธรรมเปนสิ่งที่ประเสริฐเพราะประกอบดวยคุณ คือความที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวดีแลวเปนตน โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท เปนธรรมอันจำแนก เปนมรรค ผลปริยัติ และนิพพาน ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี เปนธรรมทรงไวซึ่งผูทรงธรรม จากการตกไปสูโลกที่ชั่ว วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง ขาพเจาไหวพระธรรม อันประเสริฐนั้น อันเปนเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง พระธรรมใดเปนสะระณะอันเกษมสูงสุด ของสัตวทั้งหลาย ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง ขาพเจาไหวพระธรรมนั้นอันเปนที่ตั้งแหงความระลึก องคที่สอง ดวยเศียรเกลา ธัมมัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา ธัมโม เม สามิกิสสะโร ขาพเจาเปนทาสของพระธรรม พระธรรมเปนนายมีอิสระเหนือขาพเจา

๓๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม พระธรรมเปนเครื่องกำจัดทุกข และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระธรรม วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา จะริสสามิ ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม ซึ่งความเปนธรรมดีของพระธรรม นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, ธัมโม เม สะระณัง วะรัง สะระณะอื่นของขาพเจาไมมี พระธรรมเปนสะระณะอันประเสริฐของขาพเจา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน ดวยการกลาวคำสัตยนี้ ขาพเจาพึงเจริญในพระศาสนา ของพระศาสดา ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ (วันทะมานายะ) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระธรรม ไดขวนขวายบุญใดในบัดนี้ สัพเพป อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา อันตรายทั้งปวงอยาไดมี แกขาพเจา ดวยเดชแหงบุญนั้น (กราบหมอบลงวา) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง กรรมนาติเตียนอันใดที่ขาพเจากระทำแลวในพระธรรม ธัมโม ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง ขอพระธรรมจงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๓๖


กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม เพื่อการสำรวมระวังในพระธรรมในกาลตอไป

สังฆานุสสติ (หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความตามระลึกถึงพระสงฆเถิด สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด ปฏิบัติดีแลว อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติตรงแลว ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมี พระภาคเจา หมูใดปฏิบัติเพื่อรูธรรม เปนเครื่องออกจากทุกขแลว สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆสาวกของพระผูมี พระภาคเจาหมูใด ปฏิบัติสมควรแลว ยะทิทัง ไดแกบุคคลเหลานี้คือ จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา คูแหงบุรุษ ๔ คูนับเรียงตัวบุรุษได ๘ บุรุษ เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ นั่นแหละ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา อาหุเนยโย เปนสงฆควรแกสักการะ ที่เขานำมาบูชา

๓๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ปาหุเนยโย เปนสงฆควรแกสักการะ ที่เขาจัดไวตอนรับ ทักขิเณยโย เปนผูควรรับทักษิณาทาน อัญชะลิกะระณีโย เปนผูที่บุคคลทั่วไป ควรทำอัญชลี อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ เปนเนื้อนาบุญของโลก ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา ดังนี้

สังฆาภิคีติ (หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความขับคาถา พรรณนาเฉพาะพระสงฆเถิด สัทธัมมะโช สุปะฏิปตติคุณาทิยุตโต พระสงฆที่เกิดโดยพระสัทธรรม ประกอบดวยคุณ มีความปฏิบัติดีเปนตน โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ เปนหมูแหงพระอริยบุคคล อันประเสริฐแปดจำพวก สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต มีกายและจิตอันอาศัยธรรม มีศีลเปนตนอันบวร วันทามะหัง ตะมะริยานะ คะณัง สุสุทธัง ขาพเจาไหวหมูแหงพระอริยเจาเหลานั้น อันบริสุทธิ์ดวยดี สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง พระสงฆหมูใดเปนสะระณะอันเกษมสูงสุด ของสัตวทั้งหลาย พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๓๘


ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้น อันเปนที่ตั้งแหงความระลึกองคที่สามดวยเศียรเกลา สังฆัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา สังโฆ เม สามิกิสสะโร ขาพเจาเปนทาสของพระสงฆพระสงฆเปนนาย มีอิสระเหนือขาพเจา สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม พระสงฆเปนเครื่องกำจัดทุกข และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระสงฆ วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) คำในวงเล็บสำหรับผูหญิงวา จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิปนนะตัง ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม ซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง สะระณะอื่นของขาพเจาไมมี พระสงฆเปนสะระณะอันประเสริฐ ของขาพเจา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน ดวยการกลาวคำสัตยนี้ ขาพเจาพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (วันทะมานายะ) คำในวงเล็บสำหรับผูห ญิงวา ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระสงฆ ไดขวนขวายบุญใด ในบัดนี้ สัพเพป อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา อันตรายทั้งปวงอยาไดมี แกขาพเจา ดวยเดชแหงบุญนั้น

๓๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(กราบหมอบลงวา) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง กรรมนาติเตียนอันใดที่ขาพเจาไดกระทำแลวในพระสงฆ สังโฆ ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง ขอพระสงฆ จงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆในกาลตอไป (จบทำวัตรเย็น)

อตีตปจจเวกขณปาฐะ (ผูนำ) หันทะมะยังอะตีตะปจจะเวกขะณะปาฐังภะณามะ เส. (ขอวาดวยจีวร) อัชชะ มะยา อะปจจะเวกขิต๎วา ยัง จีวะรัง ปะริภุตตัง จีวรใด อันเรานุงหมแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ จีวรนั้น เรานุงหมแลว เพียงเพื่อบำบัดความหนาว อุณ๎หัสสะ ปฏิฆาตายะ เพื่อบำบัดความรอน ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดดและสัตวเลื้อยคลานทั้งหลาย ยาวะเทวะ หิริโกปนะปะฏิจฉาทะนัตถัง และเพียงเพื่อปกปดอวัยวะ อันใหเกิดความละอาย พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๔๐


(ขอวาดวยบิณฑบาต) อัชชะ มะยา อะปจจะเวกขิต๎วา โย ปณฑะปาโต ปะริภุตโต บิณฑบาตใด อันเราฉันแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ โส เนวะ ทะวายะ บิณฑบาตนั้น เราฉันแลว ไมใชเปนไปเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน นะมะทายะ ไมใชเปนไปเพื่อความเมามัน เกิดกำลังพลังทางกาย นะมัณฑะนายะ ไมใชเปนไปเพื่อประดับ นะวิภูสะนายะ ไมใชเปนไปเพื่อตกแตง ยาวะเทวะอิมัสสะกายัสสะฐิติยา แตใหเปนไปเพียงเพื่อความตั้งอยูไดแหงกายนี้ ยาปะนายะ เพื่อความเปนไปไดของอัตภาพ วิหิงสุปะระติยา เพื่อความสิ้นไปแหงความลำบากทางกาย พ๎รัห๎มะจะริยานุคคะหายะ เพื่ออนุเคราะหแกการประพฤติพรหมจรรย อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหังขามิ ดวยการกระทำอยางนี้เรายอมระงับเสียไดซึ่งทุกขเวทนาเกา คือ ความหิว นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ, และไมทำทุกขเวทนาใหมใหเกิดขึ้น

๔๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ยาต๎รา จะ เม ภะวิสสะติ, อะนะวัชชะตา จะ ผาสุวิหาโร จาติ อนึ่ง ความเปนไปโดยสะดวกแหงอัตภาพนี้ดวย ความเปนผูหาโทษมิได ดวยและความเปนอยูโดยผาสุกดวย จักมีแกเรา ดังนี้ (ขอวาดวยเสนาสนะ) อัชชะ มะยา อะปจจะเวกขิต๎วา ยัง เสนาสะนัง ปะริภุตตัง เสนาสนะใด อันเราใชสอยแลว, ไมทันพิจารณาในวันนี้, ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ เสนาสนะนั้น เราใชสอยแลว, เพียงเพื่อบำบัดความหนาว อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ เพื่อบำบัดความรอน ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิดจาก เหลือบ ยุง ลม แดด และสัตวเลื้อยคลานทั้งหลาย ยาวะเทวะ อุตุปะริสสะยะวิโนทะนัง ปะฏิสัลลานารามัตถัง, เพียงเพื่อบรรเทาอันตรายอันจะพึงมีจากดินฟาอากาศ และเพื่อความเปนผูยินดีอยูได ในที่หลีกเรนสำหรับภาวนา (ขอวาดวยคิลานเภสัช) อัชชะ มะยา อะปจจะเวกขิต๎วา โย คิลานะปจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ปะริภุตโต คิลานเภสัชบริขารใด อันเราบริโภคแลว ไมทันพิจารณาในวันนี้ โส ยาวะเทวะ อุปปนนานัง เวยยาพาธิกานัง เวทะนานัง ปะฏิฆาตายะ คิลานเภสัชบริขารนั้น เราบริโภคแลว เพียงเพื่อบำบัดทุกขเวทนาอันบังเกิดขึ้นแลว มีอาพาธตาง ๆ เปนมูล อัพ๎ยาปชฌะปะระมะตายาติ เพื่อความเปนผูไมมีโรคเบียดเบียน เปนอยางยิ่ง ดังนี้ พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๔๒


บทกรวดน้ำอิมินา อุททิสสนาธิฏฐานคาถา (หันทะ มะยัง อุททิสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เส) อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปชฌายา คุณุตตะรา ดวยบุญนี้ อุทิศให อุปชฌาย ผูเลิศคุณ อาจะริยูปะการา จะ แลอาจารยผูเกื้อหนุน มาตาปตา จะ ญาตะกา (ปยา มะมัง) ทั้งพอแมแลปวงญาติ (ผูเปนที่รักของขาพเจา) สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราป จะ สูรยจันทรและราชา ผูทรงคุณหรือสูงชาติ พรัหมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา พรหมมารและอินทราช ทั้งทวยเทพและโลกบาล ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาป จะ ยมราชมนุษยมิตร ผูเปนกลางผูจองผลาญ สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ขอใหเปนสุขศานติ์ทุกทั่วหนาอยาทุกขทน ปุญญานิ ปะกะตานิ เม บุญผองที่ขาทำจงชวยอำนวยศุภผล สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปง ปาเปถะ โวมะตัง ใหสุขสามอยางลน ใหลุถึงนิพพานพลัน อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ ดวยบุญนี้ที่เราทำ แลอุทิศใหปวงสัตว

๔๓

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะ เฉทะนัง เราพลันไดซึ่งการตัด ตัวตัณหาอุปาทาน เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง สิ่งชั่วในดวงใจ กวาเราจะถึงนิพพาน นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว มลายสิ้นจากสันดาน ทุกๆภพที่เราเกิด อุชุจิตตัง สะติปญญา มีจิตตรงและสติทั้งปญญาอันประเสริฐ สัลเลโข วิริยัมหินา พรอมทั้งความเพียรเลิศ เปนเครื่องขูดกิเลสหาย มารา ละภันตุ โนกาสัง โอกาสอยาพึงมีแกหมูมารสิ้นทั้งหลาย กาตุญจะ วิระเยสุ เม เปนชองประทุษรายทำลายลางความเพียรจม พุทธาธิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม พระพุทธผูบวรนาถ พระธรรมที่พึ่งอุดม นาโถ ปจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง พระปจเจกะพุทธสมทบ พระสงฆที่พึ่งผยอง เตโสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา ดวยอานุภาพนั้น ขอหมูมารอยาไดชอง ทะสะปุญญานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา ดวยเดชบุญทั้งสิบปอง อยาเปดโอกาสแกมารเทอญ (บทสวดทำวัตรเย็น จบ) พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๔๔


ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เอวัมเม สุตัง เอกัง สะมะยัง ภะคะวา พาราณะสิยัง วิหะระติ อิสิปะ ตะเน มิคะทาเย ตัตฺระ โข ภะคะวา ปญจะวัคคิเย ภิกขู อามันเตสิ เทฺวเม (อานวา ทเว-เม) ภิกขะเว อันตา ปพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา โย จายัง กาเมสุ กามะสุขลั ลิกานุโยโค หีโน คัมโม โปถุชชะนิโก อะนะ ริโย อะนัตถะสัญหิโต โย จายัง อัตตะกิละมะถานุโยโค ทุกโข อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต เอ เต เต ภิกขะเว อุโภ อันเต อะนุปะคัมมะ มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ กะตะมา จะ สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัม พุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค เสยยะถีทงั สัมมาทิฏฐิ สัมมาสัง กัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ อะยัง โข สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัม พุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพ ธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง ชาติป ทุกขา ชะราป ทุกขา มะระณัมป ทุกขัง โสกะปะริเทวะทุกขะ โทมะนัสสุปายา สาป ทุกขา

๔๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


อัปปเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ยัมปจฉัง นะ ละภะติ ตัมป ทุกขัง สังขิตเตนะ ปญจุปาทานักขันธา ทุกขา อิทงั โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ยายัง ตัณหา โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตฺระตัตฺราภินันทินี เสยยะถีทัง กามะตัณหา ภะวะตัณหา วิภะวะตัณหา อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ จาโค ปะฏินิสสัคโค มุตติ อะนาละโย อิทัง โข ปะนะภิกขะเวทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทาอะริยะสัจจัง อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค เสยยะถีทงั สัมมาทิฏฐิ สัมมา สังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมา สะติ สัมมาสะมาธิ อิทงั ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญเญยยันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทงั ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญญาตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ อิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุส สุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๔๖


ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะหาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะหีนันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ อิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะ ปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทงั ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทงั ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกะตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ อิทงั ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ภาเว ตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ภาวิตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะ ปาทิ ปญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ

๔๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ยาวะกีวัญจะ เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริ วัฏฏัง ทฺวาทะสาการัง ยะถาภูตงั ญาณะทัสสะนัง นะ สุวสิ ทุ ธัง อะโหสิ เนวะ ตาวาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพฺรัหฺมะเก สัสสะมะณะพฺราหฺมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปจจัญญาสิง ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวฏั ฏัง ทฺวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง สุวิสุทธัง อะโหสิ อะถาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพฺรหั มฺ ะเก สัสสะ มะณะพฺราหฺมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมา สัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปจจัญญาสิง ญาณัญจะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อุทะปาทิ อะกุปปา เม วิมุตติ อะยะ มันติมา ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ อิทะมะโวจะ ภะคะวา อัตตะมะนา ปญจะวัคคิยา ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง อิมัสฺมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสฺมิง ภัญญะมาเน อายัสฺมะโต โกณฑัญญัสสะ วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ ยังกิญจิ สุมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ ปะวัตติเต จะ ภะคะวะตา ธัมมะจักเก ภุมมา เทวา สัททะมะนุสสา เวสุง เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเนมิคะทาเย อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พฺราหฺมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พฺรัหฺมุนา วา เกนะจิวา โลกัสฺมินติ ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตฺวา จาตุมมะหาราชิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ จาตุมมะหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตฺวา ตาวะติงสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๔๘


ตาวะติงสานัง เทวานัง สัททัง สุตฺวา ยามา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ ยามานัง เทวานัง สัททัง สุตฺวา ตุสิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ ตุสิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา นิมมานะระตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ นิมมานะระตีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา พฺรัหฺมะปาริสัชชา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ พฺรัหฺมะปาริสัชชานัง เทวานัง สัททัง สุตวา พฺรัหฺมะปะโรหิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ พฺรัหฺมะปะโรหิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา มะหาพฺรัหฺมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ มะหาพฺรัหฺมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะริตตาภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ ปะริตตาภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อัปปะมาณาภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ อัปปะมาณาภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อาภัสสะรา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ อาภัสสะรานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะริตตะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ ปะริตตะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อัปปะมาณะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ

๔๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


อัปปะมาณะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา สุภะกิณฺหะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ สุภะกิณฺหะกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา เวหัปผะลา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ เวหัปผะลานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อะวิหา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ อะวิหานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อะตัปปา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ อะตัปปานัง เทวานัง สัททัง สุตวา สุทัสสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ สุทัสสานัง เทวานัง สัททัง สุตวา สุทัสสี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ สุทัสสีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา อะกะนิฏฐะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเนมิคะทาเย อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตงั อัปปะฏิวตั ติยงั สะมะเณนะ วา พฺราหฺมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสฺมินติ อิติหะเตนะ ขะเณนะ เตนะ มุหุตเตนะ ยาวะ พฺรัหฺมะโลกา สัทโท อัพภุคคัจฉิ อะยัญจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ สังกัมป สัมปะกัมป สัม ปะเวธิ อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ อะติก กัมเมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง อะถะโข ภะคะวา อุทานัง อุทาเนสิ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญติ อิติหิทัง อายัสฺมะโต โกณฑัญญัสสะ อัญญาโกณฑัญโญ เตฺววะ (อานวา ตเว-วะ)นามัง อะโหสีติ พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๕๐


บทพิจารณาสังขาร (หันทะ มะยัง ธัมมะสังเวคะปจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกลาวคาถาพิจารณาธรรมสังเวชเถิด สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารคือรางกายจิตใจ แลรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น มันไมเที่ยงเกิดขึ้นแลวดับไปมีแลวหายไป สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารคือรางกายจิตใจ แลรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น มันเปนทุกขทนยากเพราะเกิดขึ้นแลวแกเจ็บตายไป สัพเพ ธัมมา อะนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงทั้งที่เปนสังขารแลมิใชสังขาทั้งหมดทั้งสิ้น ไมใชตัวไมใชตน ไมควรถือวาเราวาของเราวาตัววาตนของเรา อะธุวัง ชีวิตัง ชีวิตเปนของไมยั่งยืน ธุวัง มะระณัง ความตายเปนของยั่งยืน อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง อันเราจะพึงตายเปนแท มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง ชีวิตของเรามีความตายเปนที่สุดรอบ ชีวิตัง เม อะนิยะตัง ชีวิตของเราเปนของไมเที่ยง

๕๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


มะระณัง เม นิยะตัง ความตายของเราเปนของเที่ยง วะตะ อะยัง กาโย ควรที่จะสังเวช รางกายนี้ อะจิรัง อะเปตะวิญญาโณ มิไดตั้งอยูนาน ครั้นปราศจากวิญญาณ ฉุฑโฑ อธิเสสสะติ อันเขาทิ้งเสียแลว จักนอนทับ ปะฐะวิง ซึ่งแผนดิน กะลิงคะรัง อิวะ นิรัตถัง ประดุจดังวาทอนไมและทอนฟน หาประโยชนมิได อะนิจจา วะตะ สังขารา สังขารทั้งหลายไมเที่ยงหนอ อุปปาทะวะยะธัมมิโน มีความเกิดขึ้นแลวมีความเสื่อมไปเปนธรรมดา อุปปชชิตฺวา นิรุชฌันติ ครั้นเกิดขึ้นแลวยอมดับไป เตสัง วูปะสะโม สุโข ความเขาไปสงบระงับสังขารทั้งหลาย เปนสุขอยางยิ่ง ดังนี้

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๕๒


ปจฉิมพุทโธวาทปาฐะ (หันทะ มะยัง ปจฉิมะพุทโธวาทะปาฐัง ภะณามะ เส) เชิญเถิด เราทั้งหลาย มาสวดบทปจฉิมโอวาทของพระพุทธเจากันเถิด หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว ดูกอนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนทานทั้งหลายวา วะยะธัมมา สังขารา สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเปนธรรมดา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ ทานทั้งหลาย จงทำความไมประมาทใหถึงพรอมเถิด อะยัง ตะถาคะตัสสะ ปจฉิมา วาจา นี่เปนพระวาจามีในครั้งสุดทายของพระตถาคตเจา

บทสวดบารมี ๓๐ ทัศ ของครูบาศรีวิชัย นักบุญแหงลานนาไทย ทานะ ปาระมี สัมปนโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปนโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา สีละ ปาระมี สัมปนโน , สีละ อุปะปารมี สัมปนโน , สีละ ปะระมัต ถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทติ า อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา

๕๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


เนกขัมมะ ปาระมี สัมปนโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปนโน , เนก ขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา ปญญา ปาระมี สัมปนโน , ปญญา อุปะปารมี สัมปนโน , ปญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปา ระมีสัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา วิริยะ ปาระมี สัมปนโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปนโน , วิริยะ ปะระ มัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา ขันตี ปาระมี สัมปนโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปนโน , ขันตี ปะระ มัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา สัจจะ ปาระมี สัมปนโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปนโน , สัจจะ ปะ ระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปนโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปนโน อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา เมตตา ปาระมี สัมปนโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปนโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปา ระมีสัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปนโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทติ า อุเปกขา ปา ระมีสัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๕๔


ทะสะ ปาระมี สัมปนโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปนโน , ทะสะ ปะ ระมัตถะปารมี สัมปนโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปนโน , อิติป โส ภะคะวา

อธิบาย บารมี ๓๐ ทัศ การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตวในชาตินั้นๆ บารมีที่บำเพ็ญนั้นคือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกวา บารมี ๓๐ (๓ x ๑๐) โดยแบงเปนบารมีชั้นธรรมดา ๑๐ (บารมี) บารมี ชั้นกลาง ๑๐ (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง ๑๐ (ปรมัตถบารมี) รวมเปน บารมี ๓๐ ประการ ในอรรถกถาจริยาปฎกพระไตรปฎก เลมที่ ๓๓ ไดจดั ชาดกเรือ่ งตางๆ ลงในบารมีทง้ั ๓๐ ประการ มีนยั โดยสังเขปทีน่ า ศึกษาดังนี้ ๑. ทานบารมี พระโพธิสตั วทรงบำเพ็ญทานบารมีในขณะทีเ่ สวยพระชาติ เปนพระเจาสีวริ าช (๒๗/๔๙๙) ทรงบำเพ็ญทานอุปบารมีในขณะทีเ่ สวย พระชาติเปนพระเวสสันดร (๒๘/๕๔๗) และทรงบำเพ็ญทานปรมัตถบารมี ในขณะที่เสวยพระชาติเปนกระตายปาสสบัณฑิต (๒๗/๓๑๖) ๒. ศีลบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญศีลบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเปน พญาชางฉัตทันตเลี้ยงมารดา (๒๗/๗๒) ทรงบำเพ็ญศีลอุปบารมีในขณะ ที่เสวยพระชาติเปนพญานาคภูริทัต (๒๘/๕๔๓) ๓. เนกขัมมบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีในขณะที่เสวย พระชาติเปนอโยฆรราชกุมาร (๒๗/๕๑๐) ทรงบำเพ็ญเนกขัมมอุปบารมี ในขณะที่เสวยพระชาติเปนหัตถิปาลกุมาร (๒๗/๕๐๙) และทรงบำเพ็ญ เนกขัมมปรมัตถบารมี ในขณะทีเ่ สวยพระชาติเปนพระเจาจูฬสุตโสม (๒๗/๕๒๗)

๕๕

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


๔. ปญญาบารมี พระโพธิสตั วทรงบำเพ็ญปญญาบารมีในขณะทีเ่ สวย พระชาติเปนสัมภวกุมาร (๒๗/๕๑๕) ทรงบำเพ็ญปญญาอุปบารมีในขณะ ทีเ่ สวยพระชาติเปนอำมาตยวธิ รุ บัญฑิต (๒๘/๕๔๖) และทรงบำเพ็ญปญญา ปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเปนเสนกบัณฑิต (๒๗/๔๐๒) ๕. วิริยบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญวิริยบารมีในขณะที่เสวยพระชาติ เปนพญากป (๒๗/๕๑๖) ทรงบำเพ็ญวิริยอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติ เปนพระเจาสีลวมหาราช (๒๗/๕๑) และทรงบำเพ็ญวิรยิ ปรมัตถบารมีใน ขณะที่เสวยพระชาติเปนพระมหาชนก (๒๘/๕๓๙) ๖. ขันติบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญขันติบารมีในขณะที่เสวยพระชาติ เปนจูฬธัมมปาลราชกุมาร (๒๗/๓๕๘) ทรงบำเพ็ญขันติอุปบารมีในขณะ ทีเ่ สวยพระชาติเปนธัมมิกเทพบุตร (๒๗/๔๕๗) และทรงบำเพ็ญขันติ ปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเปนขันติวาทีดาบส (๒๗/๓๑๓) ๗. สัจจบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญสัจจบารมีในขณะที่เสวยพระชาติ เปนวัฏฏกะ (ลูกนกคุม (๒๗/๓๕) ทรงบำเพ็ญสัจจอุปบารมีในขณะที่เสวย พระชาติเปนพญาปลาชอน (๒๗/๗๕) และทรงบำเพ็ญสัจจปรมัตถบารมี ในขณะที่เสวยพระชาติเปนพระเจามหาสุตโสม (๒๘/๕๓๗) ๘. อธิษฐานบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมีในขณะที่เสวย พระชาติเปนพญากุกกุระ (๒๗/๒๒) ทรงบำเพ็ญอธิษฐานอุปบารมีในขณะ ที่เสวยพระชาติเปนมาตังคบัณฑิต (๒๗/๔๙๗) และทรงบำเพ็ญอธิษฐาน ปรมัตถบารมีในขณะทีเ่ สวยพระชาติเปนพระเตมิยราชกุมาร (๒๘/๕๓๘) ๙. เมตตาบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญเมตตาบารมีในขณะที่เสวย พระชาติเปนสุวรรณสามดาบส (๒๘/๕๔๐) ทรงบำเพ็ญเมตตาอุปบารมี ในขณะที่เสวยพระชาติเปนกัณหาทีปายนดาบส (๒๗/๔๔๔) และทรง บำเพ็ญเมตตาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเปนพระเจาเอกราช พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๕๖


๑๐. อุเบกขาบารมี พระโพธิสัตวทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมีในขณะที่เสวย พระชาติเปนกัจฉปบัณฑิต (๒๗/๒๗๓) ทรงบำเพ็ญอุเบกขาอุปบารมีใน ขณะที่เสวยพระชาติเปนพญามหิส (๒๗/๒๗๘) และทรงบำเพ็ญอุเบกขา ปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเปนโลมหังสบัณฑิต (๒๗/๙๔) หมายเหตุ เลขหนาเปนลำดับเลมพระไตรปฎก เลขหลังเปนลำดับชาดก เชน (๒๗/๒๗๓) หมายถึง (พระไตรปฎกเลมที่ ๒๗ ชาดกเรื่องที่ ๒๗๓) การบำเพ็ญบารมี ของพระโพธิสัตวในชาติหนึ่ง ๆ มิใชวาจะทรงบำเพ็ญบารมีเพียงอยางใด อยางหนึง่ เชน ทรงบำเพ็ญทานบารมี หรือทรงบำเพ็ญศีลบารมีอยางเดียว เทานั้น แตในชาติเดียวกันนั้น ไดบำเพ็ญบารมีหลายอยางควบคูกันไป แตอาจเดนเพียงบารมีเดียว ทีเ่ หลือนอกนัน้ เปนบารมีระดับรองๆ ลงไป เชน ในชาติที่เปนพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง ๑๐ บารมี

แปลเปนภาษาลานนา สาธุ สาธุ สาธุ พระปญญาปารมีสามสิบตั๊ด สาธุพระปญญาปาระมี วังแวดลอม วิรยิ ะปาระมีลอ มระวังดี ศีลปาระมีบงั หอดาบ เมตตาปารมีผาบ แปทังปน ทานนะปาระมีหื้อเปนผืนตั้งตอ อุเบกขาปาระมีหื้อกอเปนเวียง สัจจะปาระมีแวดระวังดีเปนใต ขันติปารมีกา ยเปนหอกดาบบังหนาไมและ ปนไฟ อธิฐานะปารมีผันผาบไปทุกแหง แข็งๆ แรงๆ ผายปราบฝูงหมูมาร ผีสางพรายเผด ทุกทวีปภพถีบผัง้ ผายหนี นางธรณีอศั จรรย โสสะหมืน่ ผัน อยูข า ง น้ำนทีนองกวางตอกวางแตกตีฟองนานองนานอก เปนเขาตอก ดอกไมถวายบูชาพระแกวแกนไมสะทัน พระพุทธังจุง มาผายโผดอนุญาโตด โผดผูขาแตดีหลี แมธรณีออกมารีดผมอยูที่ขางธาตุจางรายขายคะจังงา สับดินพนน้ำนทีนองผัด ผาย คอพรายหักทบทาวพญามารอาวๆปูนกั๋ว กราบยอมือขึ้นทูนหัวใสเกลา ผูขานี้ไดจื่อวาลูกศิษยพระพุทธเจาตนมีบุญสม

๕๗

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ภารอันมากนัก พระพุทธเจาจึงจัดตั้งปารมีไวเกาจั้น ตั้งไวตั้งหนากไดเกาจั้น ตั้งไวตังหลังกาไดเกาจั้น ตั้งแตหัวแผวตีน กไดเกาจั้น ตั้งแตตีนแผวหัวกาได เกาจัน้ แสนวา ลูกปนจักมาเสมอเหมือนฝนแสนหา กจกั บมาไก ขาเจากเลย ไดวา พุทธะคุนัง ธรรมมะคุนัง สังฆะคุนัง พุทธะอินทา ธรรมะอินทา สังฆะ อินทา อัสอับอั้นแมธรณีผูอยูเหนือน้ำ ผูอยูก้ำแผนดิน กอนขาไดระลึกกึ๊ด ถึงคุณพระบิดา คุณพระมารดา คุณครูบาอาจารย คุณพระแกวตังสาม ผะกาน คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ คุณแดด คุณฝน คุณลม คุณกุศลราชเจากดี คุณพรุะตนภาวนากดี คุณนางอุตรากดี คุณธรณีเจากดี ขอหื้อจุงมาจวยฮักษาตังก้ำหนาและก้ำหลังตนตั๋วแหงขาพระเจาในคืน วันนี้ยามนี้จุงแตดีหลีแดเตอะ

แปลเปนภาษาไทยกลาง สาธุ สาธุ พระปญญาบารมีสามสิบทัศ สาธุพระปญญาบารมีวังแวดลอม วิริยะบารมีลอมระวังดี ศีละบารมีบังหอกดาบ เมตตาบารมีปราบแพทั้งปน ทานะบารมีใหเปนผืนตั้งตอ อุเบกขาบารมีใหกอเปนเวียงศรี สัจจะบารมี แวดระวังดีเปนไมไต ขันติบารมีกลายเกิดเปนหอกดาบบังหนาไมและปนไฟ อธิษฐานะบารมีผันปราบไปทุกแหง แข็งแข็ง แรงแรง ปราบฝูงหมูมาร ผีสาง พรายเปรตทุกทวีปพบถีบพังพายหนี นาง ธรณีอัศจรรยรูดมวยผมผันอยู ควางๆ น้ำนทีนองกวางตอกวางแตกตีฟองนะนอง นะนอกเปนขาวตอก ดอกไม มาถวายบูชาพระแกนไททรงธรรม พระพุทธังจุง มาผายโปรดจุง อนุญาตโทษโปรดผูขาแทดีหลี นางธรณีออกมารีดผมอยูธาตุชางรายคาย คะจังงาสับดินพนน้ำนทีลงพัดพายคอ พลายหักทบทาว พญามารอาวอาว ปูนกลัวกราบยกมือไหวทนู ใสหวั เกลา ขาผูน ช้ี อ่ื วาศิษยพระพุทธเจาตนมีบญุ สมภารอันมาก พระพุทธเจาจึงตั้งพระปญญาบารมีไว พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๕๘


เกาชั้น ตั้งไวขางหลังไดเกาชั้น ตั้งแตหัวถึงตีนก็ไดเกาชั้น ตั้งแตตีนถึงหัว ก็ไดเกาชั้นแสนวาลูกปนจักมาเสมอเหมือนฝนแสนหาก็บมีจัก มาใกลได ขาพเจาจึงไหววา พระพุทธะคุณณัง พระธรรมะคุณณัง พระสังฆะคุณณัง พุทธะอินทรา ธรรมะอินทรา สังฆะอินทรา อัสสะอับ แมธรณีอยูเหนือน้ำ ผูอ ยูค ำ้ แผนดิน ครัน้ ขาพเจาไดระลึกถึงยังคุณพระพุทธเจา คุณพระธรรมะ เจา คุณพระสังฆะเจา คุณพระบิดา คุณพระมารดา คุณครูบาอาจารย คุณพระแกวเจาทั้งสามประการคือ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ คุณแดด คุณฝน คุณน้ำ คุณลม คุณกุสสะราชเจาก็ดี คุณภาวนาก็ดี คุณนางอุทราก็ดี คุณพระปจเจกกะเจาก็ดี คุณแมธรณีก็ดี ขอจงมารักษา ยังตนตัวแหงขาในคือวันยามนี้เทอญ

๕๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


จะอยากดีมีจน รวยการศึกษา ดอยความรู รูปโฉมนามธรรม พริ้งเพลา หรือ จะดำต่ำตอยเตี้ย รางคอนแคระ เขาก็คน เราก็คน เหมือน ๆ กัน อยางหมางเมิงวัดคาของความเปนคน ตีราคาที่เห็นตาง เหมือนแลกซื้อหา ผัก ปลา ความเปนคน ไมไดวัดกันที่ฐานะ การศึกษา รูปโฉมนามธรรม ... หากขาดคุณธรรมนั้นแล จะเรียกวา คน ไดอีกเหรอ .... พรหมญาโณ ภิกขุ ..

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๖๐


ชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( 3 จบ ) พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ ทุติยัมป พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ทุติยัมป ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ ทุติยัมป สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ ตะติยัมป พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ตะติยัมป ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ ตะติยัมป สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

พุทธคุณ อิติป โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปนโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

ธรรมคุณ

๖๑

พระพุทธมนต์

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปสสิโก โอปะนะยิโก ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิติฯ

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สังฆคุณ สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ

พุทธชัยมงคลคาถา พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลังอุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ พญามารเนรมิตแขนตั้งรอย ถืออาวุธครบมือ ขี่ชางครีเมขละ พรอมดวย เสนามารโหรองกองกึกพระจอมมุนีทรงเอาชนะไดดวยธรรมวิธี มีทาน บารมี เปนตนดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๖๒


อาฬวกยักษผูกระดาง ปราศจากความอดทน ดุราย สูรบกับพระพุทธเจา อยางทรหดยิ่งกวามารตลอดราตรีพระจอมมุนีทรงเอาชนะไดดวยขันติวิธีที่ ทรงฝกฝนมาดีดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ พญาชางชื่อ นาฬาคิรี ตกมันดุรายยิ่งนัก ประดุจไฟปา จักราวุธ และสายฟาพระจอมมุนีทรงเอาชนะไดดวยวิธีรดดวยน้ำคือเมตตา ดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ โจรองคุลิมาล ถือดาบเงื้องาวิ่งไลฆา พระพุทธองคสิ้นระยะทาง ๓ โยชน พระจอมมุนีทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ทางใจเอาชนะไดราบคาบ ดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ นางจิญจมาณวิกา เอาไมกลมๆ มาผูกทอง ทำอาการประหนึ่งวามีครรภ ใสรายพระพุทธเจาทามกลางฝูงชนพระจอมมุนีทรงเอาชนะไดดวยวิธีสงบ ระงับพระหฤทัยอันงดงามดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน

๖๓

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ สัจจกนิครนถผูถือตัววาฉลาด เปนนักโตวาทะชั้นยอด สละเสียซึ่งสัจจะ ตั้งใจมาเพื่อวาทะหักลางพระพุทธองค เปนคนมืดบอดยิ่งนัก พระจอมมุนีผูสวางจาดวยแสงปญญาทรงเอาชนะได ดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ พญานาคชื่อนันโทปนันทะ ผูมีความรูผิด มีฤทธิ์มากพระจอมมุนีทรงมี พุทธบัญชาใหพระโมคคัลลานะพุทธชิโนรสไปปราบดวยวิธีแสดงฤทธิ์ ที่เหนือกวาดวยเดชแหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ พรหมชือ่ พกา ถือตัววามีความบริสทุ ธิ์ รุง เรืองและมีฤทธิย์ ดึ มัน่ ในความเห็น ผิด ดุจมีมอื ถูกอสรพิษขบเอาพระจอมมุนที รงเอาชนะไดดว ยญาณ ดวยเดช แหงชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแกทาน

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๖๔


เอตาป พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปญโญ คนมีปญญาสวดพุทธชัยมงคลคาถาทั้ง ๘ นี้เปนประจำ โดยไมเกียจคราน พึงขจัดอุปทวันตรายทั้งหลายไดบรรลุถึงซึ่งพระนิพพานอันเปนสุข การประพฤติปฎิบัติธรรมนั้น มันไมไดถูกเจาะจงจำกัดลงไว จำเพาะเพียงแควา ... จะเลือกเพศใด เพศหนึ่ง ก็หาไม ตัวรู ตัวใน ตัวเห็น ในญาณทัศนะคติ ของตัวมรรคผล นิพพาน นั้น ! มันเปนเหตุ เปนผล เปนปจจัย ของปจเจกบุคคล ที่พึ่งดำรงสติ ปญญาอันตั้งมั่น ไมหวั่นไหวดีแลว ชักนำจนขึ้นสูญาณทัศนะคติฝายกุศลธรรม แลนเขาไปสู ภายในตัวรู ตัวเห็น โดยธรรมชาติ ปราศจากการปรุงแตง ในตัวจริตวิตก วิจารณ ของอัตตาตัวรู ตัวเห็น นอกเหนือจากตัวสมมุติภายนอก โดยไมจำกัดกาลเวลา ไมจำกัดเพศ วัย หรือ ... ความรูอันยิ่งยวดจากภายนอก แตประการใด !

๖๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

พรหมญาโณ ภิกขุ


มหาการุณิโก มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลังฯ ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโนเอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ ชะยัสสุ ชะยะมัง คะเล อะปะราชิตะ ปลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเรอะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหัฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ จาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณา นิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เมฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เมฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เมฯ

คำแปล มหาการุณิโก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา พระผูทรงเปนที่พึ่งของสรรพสัตวทรง ประกอบดวยพระมหากรุณา ทรงบำเพ็ญพระบารมีทั้งปวง เพื่อประโยชน เกื้อกูลแกสรรพสัตว ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด ดวยการกลาว พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๖๖


สัจจวาจาน ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแกขาพเจา ขอขาพเจาจงมีชัยชนะ ในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนผี ยู งั ความปตยิ นิ ดีใหเพิม่ พูนแกชาวศากยะ ทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนตนมหาโพธิ์ทรงถึงความเปนเลิศยอดเยี่ยม ทรงปติ ปราโมทยอยูเหนืออชิตบัลลังกอันไมรูพาย ณ โปกขรปฐพี อันเปนที่ อภิเษกของพระพุทธเจาทุกพระองค ฉะนั้นเถิด เวลาที่กำหนดไวดี งาน มงคลดี รุงแจงดี ความพยายามดี ชั่วขณะหนึ่งดี ชั่วครูหนึ่งดี การบูชาดี แดพระสงฆผูบริสุทธิ์ กายกรรมอันเปนกุศล วจีกรรมอันเปนกุศล มโนกรรม อันเปนกุศล ความปรารถนาดีอนั เปนกุศล ผูไ ดประพฤติกรรมอันเปนกุศล ยอมประสบความสุขโชคดี เทอญ ขอสรรพมงคลจงมีแกขาพเจา ขอเหลาเทพยดาทั้งปวงจงรักษาขาพเจา ดวยอานุภาพแหงพระพุทธเจา ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแกขาพเจา ทุกเมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแกขาพเจา ขอเหลาเทพยดาทั้งปวงจงรักษาขาพเจา ดวยอานุภาพแหงพระธรรม ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแกขาพเจา ทุกเมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแกขาพเจา ขอเหลาเทพยดาทั้งปวงจงรักษาขาพเจา ดวยอานุภาพแหงพระสงฆ ขอความสุขสวัสดีทง้ั หลาย จงมีแกขา พเจา ทุกเมื่อ

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย (โต พรหมรังสี) พระคาถานี้เปนคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ทานเจาประคุณ สมเด็จฯคนพบในคัมภีรโบราณและไดดัดแปลงแตงเติมใหดีขึ้นเปน

๖๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


เอกลักษณพิเศษผูใดสวดภาวนาพระคาถานี้เปนประจำสม่ำเสมอจะทำ ใหเกิดความสิริมงคลแกตนเอง ศัตรูไมกลากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยตางๆ กอนเจริญภาวนาใหตั้งนะโม ๓ จบ แลว ระลึกถึงหลวงปูโตและตั้งคำอธิษฐานแลวเริ่มสวด เริ่มสวด นโม 3 จบ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นึกถึงหลวงปูโตแลวตั้งอธิษฐาน ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปยะตังสุตตะวา อิติปโสภะคะวา ยะมะราชาโน ทาวเวสสุวัณโณ มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

บทพระคาถาชินบัญชร ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปวิงสุ นะราสะภา. พระพุทธเจาและพระนราสภาทั้งหลาย ผูประทับนั่งแลวบนชัยบัลลังก ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผูพรั่งพรอมดวยเสนาราชพาหนะแลว เสวย อมตรสคืออริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เปนผูนำสรรพสัตวให ขามพนจากกิเลสและกองทุกข พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๖๘


ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา. มี ๒๘ พระองคคือ พระผูทรงพระนามวา ตัณหังกรเปนตน พระพุทธเจาผูจอมมุนีทั้งหมดนั้น สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร. ขาพระพุทธเจาขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกลา องคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ประดิษฐานอยูบนศีรษะ พระธรรมอยูที่ดวงตาทั้งสองพระสงฆผูเปนอากร บอเกิดแหงสรรพคุณอยูที่อก หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ โกณฑัญโญ ปฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก. พระอนุรุทธะอยูที่ใจพระสารีบุตรอยูเบื้องขวา พระโมคคัลลานอยูเบื้องซาย พระอัญญาโกณทัญญะอยูเบื้องหลัง ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก. พระอานนทกับพระราหุลอยูหูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยูที่หูซาย เกสันเต ปฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปนโน โสภิโต มุนิปุงคะโว มุนีผูประเสริฐคือพระโสภิตะผูสมบูรณดวยสิริดังพระอาทิตยสองแสง อยูที่ทุกเสนขน ตลอดรางทั้งขางหนาและขางหลัง

๖๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร. พระเถระกุมาระกัสสะปะผูแสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยูปากเปนประจำ ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี เถรา ปญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเปนกระแจะจุณเจิมที่หนาผาก เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา. สวนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผูมีชัยและเปนพระโอรส เปนพระสาวกของพระพุทธเจาผูทรงชัย แตละองคลวน รุงเรืองไพโรจนดวยเดชแหงศีลใหดำรงอยูทั่วอวัยวะนอยใหญ ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง ธะชัคคัง ปจฉะโต อาส วาเม อังคุลิมาละกัง พระรัตนสูตรอยูเบื้องหนาพระเมตตาสูตรอยูเบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยูเบื้องซาย พระธชัคคะสูตรอยูเบื้องหลัง ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาส เสสา ปาการะสัณฐิตา พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เปนเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยูบนนภากาศ ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา วาตะปตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปททะวา. พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๗๐


อนึ่งพระชินเจาทั้งหลาย นอกจากที่ไดกลาวมาแลวนี้ ผูประกอบพรอมดวยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเปนอาภรณมาตั้งลอมเปนกำแพงคุมครองเจ็ดชั้น อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปญชะเร. ดวยเดชานุภาพแหงพระอนันตชินเจา ไมวา จะทำกิจการใดๆเมือ่ ขาพระพุทธเจาเขาอาศัยอยูใ นพระบัญชรแวดวง กรงลอม แหงพระสัมมาสัมพุทธเจา ขอโรคอุปทวะทุกขทั้งภายนอกและ ภายในอันเกิดแตโรคราย คือ โรคลมและโรคดีเปนตนเปนสมุฏฐาน จงกำจัดใหพินาศไปอยาไดเหลือ ชินะปญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา. ขอพระมหาบุรุษผูทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลขาพระพุทธเจา ผูอยูในภาคพื้น ทามกลางพระชินบัญชร ขาพระพุทธเจาไดรับการคุมครองปกปกรักษาภายในเปนอันดีฉะนี้แล อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ ชิตุปททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปญชะเรติ. ขาพระพุทธเจาไดรับการอภิบาลดวยคุณานุภาพแหงสัทธรรม จึงชนะเสียไดซึ่งอุปทวอันตรายใดๆ ดวยอานุภาพแหงพระชินะพุทธเจา ชนะขาศึกศัตรูดวยอานุภาพแหงพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงดวย อานุภาพ แหงพระสงฆ ขอขาพระพุทธเจาจงไดปฏิบัติ และรักษาดำเนินไป โดยสวัสดีเปนนิจนิรันดรเทอญฯ

๗๑

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ความคมของใบมีดแผนบางๆ ขนาดเล็กๆ ที่ไวใชสำหรับโกนผมบนศรีษะ ทั่วไป ... ถาความคม ของใบมีดโกนนั้น! เปรียบเหมือน ตัวปญญา! มีความคิดการอาน อันคมกริบ เด็ดขาด ฉับไว คนทุกคน บนโลกใบนี้ คงไมมีใคร ที่จะมานั่งบนเพอละเมอ อมทุกข โพทนาโทษตนเองวา เปนคนเขลา แตในทางกลับกันแลว โดยหลักจริงๆ คนทุกคนบนโลกใบนี้ ก็ลวนมีปญญาพุทธะ ในการเสมอภาคเทาเทียมกัน แตทวา ? คนสวนใหญ ยังไมรูจักที่จะดึงตัวปญญา ภายใน ที่แทจริงออกมาใช เทานั้นเอง ... แตกลับใชปญญา แถ ไปอีกทาง คือ แถ วิ่งออกไปลง ขางๆ คูๆ ตามอำนาจความ อยาก ! ของกิเลส ตัวตัณหา อุปาทาน เมื่อคนสวนใหญ ยังไมยอมที่จะหยิบ จะจับ ตัวแกนแทปญญา นำออกมาใชใหเกิดผลจริง จึงพากันมานั่งลอมวงจับเจา กอดรัดชันเขา แลวนั่งอมทุกข กัดฟนบนเสียงพร่ำเพอ ออดๆ แอดๆ เล็ดรอด ออกมาจากริมฝปาก เบาๆ วา ทุกขๆๆๆๆ ยากหลาย พรหมญาโณ ภิกขุ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๗๒


อิติปโส นพเคราะห (อาทิตย) อิติปโสภะคะวา พระอาทิตยเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ โมระปริตร ตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (อะ วิช สุ นุต สา นุต ติ 6 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 6 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา (จันทร) อิติปโสภะคะวา พระจันทรเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ อภัยยะปะริตตัง รักขันตุ สัพพะทา (อิ ระ ชา ตะ ระ สา 15 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 15 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา

๗๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(อังคาร) อิติปโสภะคะวา พระอังคารเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ กะระณียะเมตตาสุตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง 8 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 8 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา (พุธ) อิติปโสภะคะวา พระพุธเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ โพชฌังคะปะริตตังมังรักขันตุ สัพพะทา (ป สัม ระ โล ปุ สัต พุท 17 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 17 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา (ราหู) อิติปโสภะคะวา พระราหูเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ สุริยะจันทะ พุทธะ ปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (คะ พุท ปน ทู ทัม วะ คะ 12 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 12 ป พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๗๔


เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา (พฤหัส) อิตปิ โ สภะคะวา พระพฤหัสบดีเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ รัตตะนะ สุตตัง อะระหังพุทโธ นะโม พุทธายะ วัฏฏะกะปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ 19 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 19 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา (ศุกร) อิตปิ โ สภะคะวา พระศุกรเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ ธะชัคคะ สุตตัง อะระหังสุคะโต ภะคะวะตา อาฏานาติยะปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (วา โธ โน อะ มะ มะ วา 21 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 21 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา

๗๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(เสาร) อิติปโสภะคะวา พระเสารเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะ อังคุลิมาละปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (โส มา ณะ กะ ริ ถา โร 10 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 10 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา (พระเกตุ) อิติปโสภะคะวา พระเกตุเทวา วิญญาณะสัมปนโน โสธายะชะยะปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (อะระหัง สุคะโต ภะคะวา 9 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแหงขาพเจาได 9 ป เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห กันย ตุลย พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ มีน ตองลัคน ตองจันทร ตองพระเคราะหตวั นอก พระเคราะหตวั กลาง พระเคราะหตัวใน ตองพระเคราะหตัวใดๆ ขอใหคุมโทษ คุมภัย คุมเสนียด จัญไร ขอใหมีชัยมงคล คุมโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปโส ภควา

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๗๖


บางคนชอบการภาวนา แตเมื่อภาวนาไป ก็ไปถือเอาความพอใจยินดี ~ ติดในความสงบ ~ ติดในรูปนิมิตสัญญา ~ ติดในวสี แสงสี ~ ติดในฤทธิ์อำนาจญาณวิสัยโลกีย ฯลฯ เปรียบเสมือนหมือนของที่ตกหลน จากหนาผาที่สูงชัน แตไปติดคาง ปลายคาที่คบกิ่งไมบาง ที่ซอกหินบาง มตกลวงหลน ลงสูพื้นลางเสียทีเดียวเลย เพราะเหตุนี้แล สภาวะธรรมอันยวดยิ่ง ยอมไมปรากฎ เพราะอาศัยเหตุในวิตก วิจารณ จริต คอยเนนย้ำคิดหวนกลับ วก วนเวียนไปหาแตในเรื่องเดิม ๆ กลายเปนคนที่ขี้ลังเล ขี้สงสัย ขาดความเชื่อมั่น หรือ มีความเชื่อมั่นในตัวตน จนเกิดไปกวาเหตุ ... พรหมญาโณ ภิกขุ

๗๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ปฏิจจสมุปบาท (นำ) หันทะ มะยัง ปะฏิจจะสะมุปปาทะธัมมะปาฐัง ภะณามะ เส ฯ (รับ) อิธะ ภิกขะเว อะริยะสาวะโก ปะฏิจจะสะมุปปาทัญเญวะ สาธุกัง โยนิโส มะนะสิกะโรติ ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ยอมกระทำไวในใจ โดยแยบคายเปนอยางดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้วา อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ยอมมี อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปชชะติ เพราะความเกิดขึ้นแหงสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ เมื่อสิ่งนี้ไมมี สิ่งนี้ยอมไมมี อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ เพราะความดับไปแหงสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป ยะทิทัง ไดแกสิ่งเหลานี้ คือ อะวิชชาปจจะยา สังขารา เพราะมีอวิชชาเปนปจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย สังขาระปจจะยา วิญญาณัง เพราะมีสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ วิญญาณะปจจะยา นามะรูปง เพราะมีวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๗๘


นามะรูปะปจจะยา สะฬายะตะนัง เพราะมีนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ สะฬายะตะนะปจจะยา ผัสโส เพราะมีสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ ผัสสะปจจะยา เวทะนา เพราะมีผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนา เวทะนาปจจะยา ตัณหา เพราะมีเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา ตัณหาปจจะยา อุปาทานัง เพราะมีตัณหาเปนปจจัย จึงมีอุปาทาน อุปาทานะปจจะยา ภะโว เพราะมีอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ ภะวะปจจะยา ชาติ ชาติปจจะยา ชะรามะระณัง เพราะมีภพเปนปจจัย จึงมีชาติ เพราะมีชาติเปนปจจัย ชรา มรณะ โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติ โสกะปริเทวะทุกขโทมนัส อุปายาสะทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถวน เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะสะมุทะโย โหติ ความเกิดขึ้นพรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้ อะวิชชายะเต๎ววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ เพราะความจางคลายดับไปโดยไมเหลือ แหงอวิชชานั้นนั่นเทียว จึงมีความดับแหงสังขาร สังขาระนิโรธา วิญญาณะนิโรโธ เพราะมีความดับแหงสังขาร จึงมีความดับแหงวิญญาณ วิญญาณะนิโรธา นามะรูปะนิโรโธ เพราะมีความดับแหงวิญญาณ จึงมีความดับแหงนามรูป

๗๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


บทสวดมหาเมตตาใหญ (แบบพิสดาร) ของครูบาศรีวิชัย เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปณฑิกัสสะ อาราเมฯ ตัตระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ภิกขะโวติฯ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะคะวะโต ปจจัสโสสุง ภะคะวา เอตะทะโวจะ เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ กะตะเม เอกาทะสะฯ (๑) สุขัง สุปะติ (๒) สุขัง ปะฏิพุชฌะติ (๓) นะ ปาปะกัง สุปนัง ปสสะติ (๔) มะนุสสานัง ปโย โหติ (๕) อะมะนุสสานัง ปโย โหติ (๖) เทวะตา รักขันติ (๗) นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ (๘) ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ (๙) มุขะวัณโณ วิปะสี ทะติ (๑๐) อะสัมมุฬโห กาลัง กะโรติ (๑๑) อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรัหมะโลกูปะโค โหติฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๘๐


เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ อัตถิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ อัตถิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ อัตถิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ กะตีหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ กะตีหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ กะตีหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ ปญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ กะตะเมหิ ปญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ (๑) สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ อัตตะภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๘๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


อิเมหิ ปญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ กะตะเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ (๑) สัพเพ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆาสุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ ยามาเทวาอะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๑) สัพเพ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๘๒


(๑๒) สัพเพ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๓) สัพเพ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๔) สัพเพ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๕) สัพเพ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๖) สัพเพ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๗) สัพเพ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๘) สัพเพ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๙) สัพเพ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๐) สัพเพ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๑) สัพเพ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๒) สัพเพ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๓) สัพเพ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๘๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๒๔) สัพเพ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๕) สัพเพ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๖) สัพเพ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๗) สัพเพ อมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ฯ (๒๘) สัพเพ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒๙) สัพเพ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓๐) สัพเพ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓๑) สัพเพ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓๒) สัพเพ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓๓) สัพเพ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓๔) สัพเพ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓๕) สัพเพ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๘๔


อิเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ กะตะเมหิ ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๘๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปาณา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๘๖


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๘๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทสิ ายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๘๘


(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อัตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อตตภาวะปะริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๘๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌาอะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๙๐


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๙๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌ อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๙๒


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทสิ ายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ จาตุมมหาราชิกาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๙๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ตาวะติงสาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๙๔


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌาอะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ยามาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ตุสิตาเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๙๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ นิมมานะระตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๙๖


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๙๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อินทา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๙๘


(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ พรหมา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๙๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๐๐


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ จตุโลกะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ยมมะราชา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๐๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ยะมะปาลา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๐๒


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ สิริคุตตะระอะมัจจา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๐๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ยักขา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๐๔


(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ กุมภัณฑา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ครุทธา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๐๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ครุทธา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ กินนรา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๐๖


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ กินนะรี อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ กินนะรี อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๐๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ นาคา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๐๘


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๐๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะมะนุสสา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๑๐


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ วิริยะปะติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ มิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๑๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะมิตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๑๒


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๑๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ติรัฉฉา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๑๔


(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ เปติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๑๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ เปตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะสุระกายา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๑๖


(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆาสุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ เปตาวัตถุโย อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ

๑๑๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ เปตวิเสยยา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๒) สัพเพ ปจฉิมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๑๘


(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๖) สัพเพ ปจฉิมายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา สัพเพ ปุคคะลา สัพเพ อัตตะภาวะปริยาปนนา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ สัพเพ อิตถิโย สัพเพ ปุริสา สัพเพ อะริยา สัพเพ อะนะริยา สัพเพ จาตุมมหาราชิกาเทวา สัพเพ ตาวะติงสาเทวา สัพเพ ยามาเทวา สัพเพ ตุสิตาเทวา สัพเพ นิมมานะระตีเทวา สัพเพ ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา สัพเพ อินทา สัพเพ พรหมา สัพเพ จตุโลกะปาลา สัพเพ ยมมะราชา สัพเพ ยะมะปาลา สัพเพ สิริคุตตะระอะมัจจา สาสะนัง อนุรักขันตุ อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ สัพเพ ยักขา สัพเพ กุมภัณฑา สัพเพ ครุทธา สัพเพ กินนรา สัพเพ กินนะรี สัพเพ นาคา สัพเพ มะนุสสา

๑๑๙

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สัพเพ อะมะนุสสา สัพเพ วิริยะปะติกา สัพเพ มิตตา สัพเพ อมิตตา สัพเพ มัชฌะตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ สัพเพ ติรัฉฉา สัพเพ เปติกา สัพเพ เปตา สัพเพ อะสุระกายา สัพเพ เปตาวัตถุโย สัพเพ เปตวิเสยยา สัพเพ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ อิมัสมิง จะอาราเม สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌาอะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ อิมัสมิง ชมภูทีเป สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ อิมัสมิง มังคลาจักกะวาเฬ สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌา อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ ทะสา สุทิสา สุรัฐธิตายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปชฌาอะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ อิเมหิ ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ สัพเพสัง สัตตานัง ปฬะนัง วัชเชตวา อะปฬะนายะ อุปะฆาตัง

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๒๐


วัชเชตวา อะนุปะฆาเตนะ สันตาปง วัชเชตวา อะสันตาเปนะ ปะริยาทานัง วัชเชตวา อะปะริยาทาเนนะ วิเหสัง วัชเชตวา อะวิเหสายะ สัพเพ สัตตา อะเวริโน โหนตุ มา เวริโน สุขิโนโหนตุ มา ทุกขิโน สุขิตัตตา โหนตุ มา ทุกขิตัตตาติ อิเมหิ อัฏฐะหากาเรหิ สัพเพ สัตเต เมตตายะตีติ เมตตาตัง ธัมมัง เจตะยะตีติ เจโต สัพพะพยา ปาทะปะริยุฏฐาเนหิ มุจจะตีติ วิมุตติ เมตตา จะ เจโตวิมุตติ จาติ เมตตาเจโตวิมุตติฯ เมตตาพรัหมะวิหาระภาวนา นิฏฐิตา …………………………..

๑๒๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ยอดธรรม ยอดคาถา ใหศรัทธาทองบนจดจำ ยอดธรรมยอดคาถานี้ ใหแมนยำ จัดเปนการชวยตัวเอง ใหรอดพนจากมวลทุกขฯ โดยทานพระคุณเจา หลวงพอดาบส สุมโน ยะโขธัมมัง วรังตัสสะ เยชะนาเต ชะนาวะรัง โกจิตตังสัง ขะตังมุตโต เอโสปาระโม ทุกขังขะโย ยะโขธัมมัง ธรรมใดแล, เปนธรรมไมมีที่ภายในและที่ภายนอก, ไมมีที่ลวงมาแลว และที่ยังมาไมถึง, ไมมีทั้งที่กำลังเปนอยู, เปนธรรมกวมทั่ว (คงที่), ผองใส ปราศจากอารมณตางๆ อันจักถึงติดตอง, เปนธรรมวางเปลาจากปวงสังขตะ ที่เกิดดับ วะรังตัสสะ ธรรมนั้นแล, เปนธรรมจักพึงประจักษเฉพาะตน, อันบุคคลจักพึงเห็น เอง, คือ พระนิพพาน เปนที่หลุดรอด, ที่เรียกวาฝง, ลวงวังวน เปนที่ตั้ง อยูแหงความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยาก, เปนธรรมประเสริฐ, อันพระ ตถาคตเจา ตรัสแสดงไวดีแลวฯ

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๒๒


เยชะนาเต บรรดามนุษยทั้งหลาย, ชนเหลาใด ที่เปนผูพนทุกขเขาถึงฝง, ลวงวังวน เปนที่ตั้งอยูแหงความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยาก ชนเหลานั้นมีประมาณ นอย, สวนหมูส ตั วคอื ชนนอกจากนีๆ้ , ยอมเลาะเลียบไปตามชายฝง , คือ ไปแลวในอารมณตางๆ, ตามเห็นรูป รส โผฏฐัพพะ เสียง กลิ่น อยูนั่นแหละ เหมือนหลับอยู, ก็ชนทั้งหลายเหลาใด ประพฤติตามธรรม ในธรรมที่ พระตถาคตตรัสแสดงไวดีแลว, ชนทั้งหลายเหลานั้น จักเปนผูพนทุกขเขา ถึงฝง, ลวงวังวน เปนที่ตั้งอยูแหงความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยากนั้นฯ ชะนาวะรัง ก็ชนใด ทำจิตของตน, ไมใหมีที่ภายในและที่ภายนอก, ไมใหมีที่ลวงมา แลวและที่ยังมาไมถึง, ไมใหมีทั้งที่กำลังเปนอยู, ไมใหตามเห็นอารมณตางๆ, ใหผองใส ปราศจากอารมณตางๆ อันมาติดตอง, ใหวางเปลาจากปวงสังขตะ ที่เกิดดับ, ชนนั้น จักเปนผูพนทุกข เขาถึงฝง, ลวงวังวนเปนที่ตั้งอยูแหง ความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยากนั้น ฯ หรือมิฉะนั้น ชนใด, เปนผู กำหนดรูอารมณ อันใดอันหนึ่งเปนที่ตั้ง (มีรูปอารมณเปนตน) โดยความ แยบคายแหงจิตอยูเฉพาะ, ชนนั้น ก็จะประจักษแจงอารมณตางๆ, ตาม ความเปนจริงที่มันไมจริง, คือวางเปลา, แลวระอาทอถอย, เหนื่อยหนาย คลายวาง, เปนผูพนทุกขเขาถึงฝง, ลวงวังวนเปนที่ตั้งอยูแหงความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยากนั้นฯ โกจิตตังสัง ก็จิตของเรานี้เลา, มันเพลินเที่ยวไปแลวในอารมณตางๆ, ตามเห็นรูป รส โผฏฐัพพะ เสียง กลิ่น อยูเหมือนหลับอยู, ขะตังมุตโต ไฉนเลา เราจักเปนผูพนทุกข, จิตของเรา จักเขาถึงฝง, ลวงวังวนเปน ที่ตั้งอยูแหงความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยากนั้นไดฯ

๑๒๓

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


เอโสปาระโม เหตุนั้น กาลบัดนี้, เราจักทำจิตของเรา ไมใหมีที่ภายในและที่ภายนอก, ไมใหมีที่ลวงมาแลวและที่ยังมาไมถึง, ไมใหมีทั้งที่กำลังเปนอยู, ไมให ตามเห็นอารมณตางๆ, ใหผองใส ปราศจากอารมณตางๆอันมาติดตอง, ใหวางเปลาจากปวงสังขตะที่เกิดดับ, ทุกขังขะโย เปนผูพ น ทุกข เขาถึงฝง , ลวงวังวนเปนทีต่ ง้ั อยูแ หงความตาย, อันบุคคล ขามไดแสนยากนัน้ ฯ หรือ มิฉะนัน้ , เราจักกำหนด รูอ ารมณอนั ใดอันหนึง่ เปนทีต่ ง้ั , (มีรปู อารมณเปนตน) โดยความแยบคายแหงจิตอยูเ ฉพาะ, เพือ่ ประจักษแจงอารมณตา งๆ ตามความเปนจริงทีม่ นั ไมจริง, คือ วางเปลา, แลวระอาทอถอย, เหนื่อยหนายคลายวาง, เปนผูพนทุกขเขาถึงฝง, ลวงวังวน เปนที่ตั้งอยูแหงความตาย, อันบุคคลขามไดแสนยากนั้น, ซึ่งเปนธรรม ประเสริฐ, คือพระนิพพาน เปนที่หลุดรอด, ตามที่พระตถาคตเจาตรัสแสดง ไวดีแลว…….นั้นนั่นแล. ฯ “บุคคลใด แมมาเจริญ คือ สาธยายยอดธรรมยอดคาถานี้อยูเนืองๆ บุคคลนัน้ จักประสบประโยชนใหญหลวง เปนผูม โี ชคใหญ จักไมเขาถึง ความตาย ความตายจักไมแลเห็นผูนั้น จักบรรลุคุณวิเศษอันหาคามิได”

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๒๔


พระดาบส สุมโน อาศรมไผมรกต อำภอเมือง จังหวัดเชียงราย ภาคที่ ๑ ความเปนมาแหงยอดธรรมยอดคาถา พระคณเจาดาบส สุมโน ไดแสดงธรรมคาถาเทศนา ณ ทีถ่ ำ้ เจดียแ กว หรือที่อาศรมวิเวกเจดียแกว (ถ้ำผาตบ) จังหวัดนาน ในพรรษาศีลที่ ๖ เดือน ๑๑ เหนือ ตรงกับวันอาทิตยขึ้น ๘ ค่ำ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ปมะโรง มีความสำคัญดังตอไปนี้... กอนทีจ่ ะกำเนิดมาเปนพระคาถา ยอดธรรม ยอดคาถานีข้ น้ึ มาไดนน้ั มีสาเหตุเกิดขึน้ จาก ณ บนสวรรคคอื ในกาลนัน้ ไดมเี ทพบุตร ๒ ตน คือ ตนหนึ่งมีเครื่องทรงเศราหมอง อีกตนหนึ่งมีทิพยอาสนรอนเพราะใกล จะถึงเวลาจุติ (เคลื่อน) ก็ใหบังเกิดความกลัวเปนอยางยิ่งเพราะไมอยาก จุติจากทิพยสมบัติในสวรรค ภายหลังไดรับอนุเคราะหจาก "ธรรมโฆษ เทพบุตร" ธรรมโฆษเทพบุตร จึงไดเลาประวัติความเปนมาแหงตนจาก การไดดำรงไวซึ่งยอดธรรม ยอดคาถา ใหเทพบุตรเหลานั้นฟง มีความวา ดังนี้... เมื่อกอนธรรมโฆษตนนี้ชื่อวา "อุโปสถะเทพบุตร" เมื่อใกลจะจุติจาก สวรรค (เรียกวาหมดบุญ) จึงระลึกไดวา เมือ่ ตนจะหมดบุญแลวจะตองลง ไปเกิดยังยมโลก เปนสัตวนรกอยูถึง ๘ แสน ๔ หมื่นกัปลจากนรกแลว จะตองไปเกิดเปนสัตวเดียรฉานอีก ๙ จำพวก ๆ ละ ๕๐๐ ชาติเมื่อพนวิบาก จากการเกิดเปนสัตวเดียรฉานแลวก็จะตองไปเกิดเปนมนุษย พิกลพิการ หูหนวก ตาบอด งอยเปลี้ย เสียขา ไมครบอาการ ๓๒ อีก ๕๐๐ ชาติ เพราะ กรรมวิบากของตนที่ไดกระทำไวแลว ความชั่วในปางกอนติดตามทันเมื่อ

๑๒๕

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


อุโบสถะระลึกไดดังนั้นก็ตกใจมีความกลัวเปนกำลัง ขณะนั้นพอไดทราบวา สมเด็จพระพุทธเจาขึ้นมาโปรดสัตวชั้นดาวดึงส ทรงประทับอยูใตตนปริชาติ อุโปสถะจึงนอมเกลาเขาไปขอธรรมะ เพือ่ ใหระงับการจุตเิ สียในขณะนัน้ เพื่อจะไดบำเพ็ญกุศลสืบตอไป พระสัมมาสัมพุทธเจาจึงไดเทศนายอดธรรม ยอดคาถา โปรดอุโปสถะเทพบุตร เมื่ออุโปสถะเทพบุตรไดยอดธรรม ยอดคาถา โปรดอุโบสถะเทพบุตร เมื่ออุโปสถะเทพบุตรไดยอดธรรม ยอดคาถา มาดำรงไวในตนจึงบันดาลใหอุโปสถะเทพบุตรกลับมีสภาพใหม และไดนามวา "ธรรมโฆษเทพบุตร" แตนั้นมาและมีอายุยืน ไมไดจุติลงไป ยังยมโลกและโลกมนุษยตราบเทาทุกวันนี้. ยอดธรรม ยอดคาถา มี ๑๖ คำ ดังนี้... "ยโขธมฺมํ วรํตสฺส เยชนาเต ชนาวรํ" ยอดธรรม ยอดคาถาแบงออกเปน ๒ ตอน ๆ ละ ๔ บท ทานแสดงวาไว ยะโขธัมมัง ประกอบไปดวยพยัญชนะบทความ ๖๔ คำ วะรังตัสสะ " ๖๔ คำ เยชะนาเต " ๑๓๕ คำ ชะนาวะรัง " ๔๗๒ คำ รวมเปนพยัญชนะบทความ ๗๓๕ คำ ความเปนมาแหงยอดธรรม ยอดคาถา วรรคที่ ๒ คือ "เยชนาเต ชนาวรํ" สมเด็จพระอริยะเมตตรัยเจาใหยอดธรรม ยอดคาถา วรรคที่ ๒ แก ธรรมโฆษเทพบุตรในชั้นดาวดึงส แลวจึงเลาชาติกำเนิดของพระองคปาง เมือ่ เกิดเปนกษัตริยช อ่ื วา "สังขะจักร" มีปราสทาทประดับไปดวยแกว ๗ ประการ มีจกั รแกว ชางแกว มาแกว นางแกว คฤหบดีแกว ปรินายกแกว มณีแกว มาในวันหนึ่งจึงใครไดยินคำวา "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ" พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๒๖


เมื่อผูใดบอกขาวคำนี้ใหทราบขาพเจาจะยกราชสมบัติทั้ง ๔ ชมภูทวีป ใหครอบครอง มีวนั หนึง่ ไดมเี ณรนอยองคหนึง่ เดินเขามาในพระราชวังที่ กษัตริยสังขะจักรประทับอยูร ะหวางทางมีชาวเมืองทัง้ หลายกลาวรายหาวา เปนบาบาง เปนยักษบา ง เปนอมนุษยบา ง และตามทีก่ ลาวราย เณรนอย เขาไปในพระราชฐาน กษัตริยสังขะจักรจึงไดหามไวแลว จึงไตถามเณรวา กษัตริยสังขะจักร เณรเปนยักษจริงหรือ หรือเปนมนุษยเราชาวเมือง ไมเคยเห็นมากอนเลย เณร ตอบวา เปนมนุษย กษัตริยสังขะจักร ถามวา เปนลูกเตาเหลาใคร เณร ตอบวา เปนลูกของพระสงฆ กษัตริยสังขะจักร ไดฟงคำที่ตองการมานั้น จึงบังเกิดความปติยินดี สลบไปนาน เมื่อฟนขึ้นมาแลว จึงไตถามเณรตอไปวา พระสงฆเปนลูก ของใคร เณร ตอบวา เปนลูกของพระพุทธ กษัตริยสังขะจักร เมื่อไดยินคำนี้อีกก็บังเกิดความปติยินดียิ่งขึ้น จึงสลบ ไปอีกเปนครัง้ ที่ ๒ เมือ่ ฟน ขึน้ มาก็ถามตอไปวา พระพุทธเปนลูกของผูใ ด เณร ตอบวา พระพุทธเปนองคสัมพพัญูตรัสรูดวยตนเองกษัตริย สังขะจักร ไดยินดังนั้นก็สลบไปเปนครั้งที่ ๓ เพราะไดยินคำที่กลาวจริง ของเณรนอย เปนความตองการตามที่ตนปรารถนา อยากจะไดยินไดฟง มาครบถวน เมือ่ ฟน ขึน้ มาแลวก็ขอยกเอาราชสมบัตใิ หเณรนอยครอบครอง ตัวกษัตริยส งั ขะจักรก็ออกเดินทางดวยเทาเขาปา เพือ่ ไปเฝาพระพุทธเจา ที่ปุพผารามวิหาร เปนระยะทาง ๖๐ โยชน จนเทาแตกเดินไมได จึงคลาน ไปดวยเขาตอไป จนเขาและเนื้อแตกสุก คลานไมได จึงกลิ้งไป ถัดไป จนหนาอกแตกเปนเลือด จึงรอนไปถึงเทวราช พระเทวราชจึงไดนิมิตร แปลงตัวลงมาขับขอสวนทางมา แลวคนขับลอก็บอกใหกษัตริย

๑๒๗

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สังขะจักรหลีกทางไป กษัตริยสังขะจักรก็ไมยอมหลีกกลับบอกใหคนขับ ลอวา ทานจงหลีกไปเถิด คนขับลอก็ไมยอมหลีกแลวก็ถามวา ทานจะไป ณ ที่ใด คนที่คลานก็ตอบวา ขาพเจาจะไปเฝาพระพุทธเจา ทานจงหลีก ไปเถิด เมือ่ คนขับลอไดยนิ ดังนัน้ จึงบอกใหกษัตริยผ คู ลานและเลือดเต็ม ตัวนั้นขึ้นลอไปดวย จะไปสงถึงที่ ๆ พระพุทธเจาประทับอยูระหวางทาง มีผูหญิงนำเอาอาหารมาใหบริโภคเมื่อบริโภคแลวแผลตามเนื้อตามตัวก็ กลัวหาย โดยผูขับลอคือ พระอินทร ผูที่นำเอาอาหารที่เปนทิพยมาให บริโภคก็คอื พระนางสุชาดา พระมเหสีของพระอินทรนน่ั เอง ซึง่ จากนัน้ ได เขาไปเฝาพระพุทธเจาองคชื่อ " พระศิริมามิ่งโมรี" พระพุทธเจาศิริมามิ่งโมรี จึงเทศนาธรรมอันมีชื่อวา "ยอดธรรม ยอดคาถา" มีเนื้อความวา ยโขธมฺมํ วรํตสฺส ซึ่งแปลเปนภาษามนุษยวาดังนี้ ยะโขธัมมัง ธรรมใดแล เปนธรรมที่ไมมีภายใน ๑ และที่ภายนอก ๑ ไมมีที่ลวงมาแลว ๑ และที่ยังไมมาถึง ๑ ไมมีกำลังเปนอยู ๑ เปนธรรมกวมทั่ว ๑ ผองใสปราศจากอารมตาง ๆ กอันจักถึงติดตอง ๑ เปนธรรมวางเปลา จากปวงสังขตะที่เกิดดับ ๑ วะรังตัสสะ ธรรมนั้นแลเปนธรรม จักพึงประจักษเฉพาะตน ๑ อันบุคคลจักพึงเห็นเอง ๑ เปนธรรมประเสริฐ ๑ อันพระตถาคตเจาตรัสแสดงไวดีแลว ๑ วรรค ๔ ตัวแรก ยะโขธัมมัง แปลได ๖๔ คำ วรรค ๔ ตัวที่สอง วะรังตัสสะ แปลได ๖๔ คำ

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๒๘


ภาคที่ ๒ เมื่อกษัตริยสังขะจักรไดฟงและไดนำยอดธรรม ยอดคาถา นี้มาคิด ทบทวนดูคำแปลดังนี้แลว ก็ไดมาคิดคำนึงถึงยอดธรรม ยอดคาถาที่ พระพุทธเจาเทศนามานี้เปนยอดธรรม ยอดคาถา อันหาคามิไดจึงคิดวา จะหาสิง่ ใดมาถวายเปนพุทธบูชายิง่ กวานีม้ ไิ ด อันธรรมนีส้ งู สุดยิง่ กวาศีรษะ ของตนเอง เมือ่ เปรียบเทียบศีรษะกับยอดธรรม ยอดคาถานีแ้ ลว ศีรษะ ของตนไมมีอะไรจะมีคาเทียบได จึงสละตัดศีรษะของตนเองถวายเปน พุทธบูชาแกพระพุทธเจาในกาลนั้น เมื่อกษัตริยสังขะจักรสิ้นชีวิตแลว ก็ไดไปเกิดเปนเทพบุตรโพธิสัตว อริยเมตตรัย สถิตยอยูในชั้นดุสิตสัคคาลัยพิภพ ขณะที่เลาใหธรรมโฆษ เทพบุตรฟง ณ บัดนั้น พระโพธิสัตวอริยเมตตรัยจึงไดตอพระคาถาใหอีก ๘ คำ คือ เยชะนาวะรัง รวมเปน ๑๖ คำ เพื่อใหผูหนึ่งผูใดที่ไดทองบน ในธรรมคาถาทีเ่ พิม่ อีก ๘ คำหลังนี้ ก็จะไดถงึ ความหลุดพนจากทุกข นานาประการ หรือมิฉะนั้นจะไดไปเกิดในศาสนาที่ทานลงมาตรัสเปน พระอริยเมตตรัยเจา (ศรีอารย) นัน่ เอง (รวมความยอดธรรม ยอดคาถา ๑๖ คำนี้ ทั้งหมดได ๗๓๕ คำ ซึ่งรวมอยูในหนังสือยอดธรรม ยอดคาถา ทีท่ า นพระคุณเจาดาบส สุมโน ไดจดั ใหศรัทธา ณ ทีถ่ ำ้ จักรพรรดิ์ (ผากับ๊ ) บานอิม ตำบลเวียงตา อำเภอลอง จังหวัดแพร นั้นแลว หรือทีไดนำมา จัดพิมพรวมไวอยูในขางหนาเลมนี้แลว

๑๒๙

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ภาคที่ ๓ พระศรีอริยเมตตรัยเลาใหธรรมโฆษเทพบุตร ตอนที่จะมาตรัสเปน พระพุทธเจาธรรมโฆษเทพบุตรไดนำเทพบุตรทั้งหลาย เขาไปหาพระศรี อริยเมตตรัยโพธิสัตว ณ ลานพระเจดียเกษแกวจุฬามณี เพื่อสังสรรค สนทนาในพระธรรมคาถาอยูเสมอ จึงในวันพระหนึ่งธรรมโฆษเทพบุตร ไดถามถึงการตัดศีรษะถวายพระพุทธเจา เพือ่ เปนพุทธบูชานัน้ คงจะมีแต พระศรีอริยเมตตรัยพระองคเดียวไมมผี ใู ดอีกหรืออยางไร พระโพธิสตั ว ศรีอริยเมตตรัย จึงตอบวาหามิได สุระคิระสุทธิเทพบุตรก็ไดตัดศีรษะ ถวายพระพุทธเจาทีท่ รงพระนามวา "กกุสนั โธ" ดวยเหมือนกัน ธรรมโฆษ เทพบุตรจึงใครไดฟงเรื่องราวของสุระศิระสุทธิเทพบุตร พระศรีอริยเมตตรัย โพธิสตั วจงึ ไดเลาความเปนมาแหงเทพบุตรสุระศิระสุทธิเทพบุตรใหธรรมโฆษ เทพบุตรฟงดังนี้ ปางเมื่อพระสุระศิระสุทธิเทพบุตรเปนกษัตริยครองชมภูทวีปทั้ง ๔ และกอรปไปดวยทวีปนอยใหญ ๒,๐๐๐ (สองพัน) ทวีป ทรงพระนามวา มหาปนารถบรมจักรพรรดิ์ มีรัตนะ ๗ ประการคือ มี จักรแกว ชางแกว มาแกว นางแกว (เบญจกัลนาณี) ทรงโฉมอันเลอเลิศ ปรินายกแกว คฤหบดีแกว มณีแกว วันหนึ่งมหาปนารถบรมจักรพรรดิ์ไดสั่งให จักรแกวไปนำมณีแกวยัง ทองสมุทรมาพันหนึง่ และแกวอืน่ ๆ ไปนำเอาแกวชนิดนัน้ ๆ แตละอยาง จากที่ตาง ๆ มาเชนเดียวกัน ไดมาทุกอยางทุกแหง เวนแตขุนคลังแกว ไดไปพบพระพุทธเจา ซึ่งพระนามวา "กกุสันโธ" เมื่อขุนคลังแกวไดเขาไป หาพระพุทธเจา ก็เห็นลักษณะรปราง ผิวพรรณ สงาผองใส นาเคารพรักใคร นับถือ จึงถามวา "มา น เว" ทานเปนใครจึงไดมีลักษณะผิวพรรณงดงาม อยางนี้ พระพุทธเจากกุสนั โธก็ทรงตอบวา เราคือ กกุสนั โธสัมมาสัมพุทธเจา เปนพระพุทธเจามีคณ ุ วิเศษอยางไร กกุสนั โธสัมมาสัมพุทธเจา ก็ทรงตอบวามี พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๓๐


"พุทธคุณ" แลวก็ทรงแสดงพระพุทธคณคือวา "อิติปโส ภควาติ" ขุนคลัง ไดยินดังนั้นจึงไดจารึกพระพุทธคุณลงในแผนทอง พรอมดวยรูปของ กกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจานำมาถวายพระมหาปนารถบรมจักรพรรดิ์ พระมหาปนารถบรมจักรพรรดิ์ก็มีความยินดีเปนอยางยิ่ง จึงมอบราชสมบัติ พรอมทัง้ รัตนะ ๗ ประการ และทวีปใหญนอ ยใหขนุ คลังครอบครองตอไป แลวมหาปนารถบรมจักรพรรดิ์ก็ออกเดินทางดวยเทา ไปเฝาพระกกุสันโธ สัมมาสัมพุทธเจา เมือ่ เดินทางเขาปาไปถึงตนไทรใหญตน หนึง่ จึงไดพกั อยู ณ ที่นั่นทรงตั้งสัตยอธิฐานเปนพระภิกษุ เพื่อเขาไปเฝาพระกกุสันโธ สัมมาสัมพุทธเจา และอธิฐานขอใหมีเครื่องบริขารพรอม เครื่องบริขารก็ ตกลงมาจึงไดกระทำการบวชตนเองเปนพระภิกษุ ปฎิบตั ธิ รรม ภาวนา มหาสติปฎฐาน ๔ จนไดสำเร็จญาณเหาะไดเหาะไปเฝาพระพุทธเจาทรง แสดงพระธรรมเทศนาเรื่อง "พระพุทธคุณ" ตามที่ขุนคลังไดจารึกไปใหนั้น ตรงกัน และรูปที่จารึกนั้นก็เหมือนกัน จึงเกิดความปติเห็นคุณประโยชน ยอดยิง่ จึงไดตดั ศีรษะถวายเปนพุทธบูชา และเมือ่ พระมหาปนารถบรม จักรพรรดิส์ น้ิ ชีพก็ไดมาเกิดเปนสุระศิระ สุทธิเทพบุตรอยูใ นชัน้ ดุสติ นี้ เชนเดียวกันกับพระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว ดวยองคหนึ่ง ภาคที่ ๔ ธรรมโฆษเทพบุตร เห็นวาพระศรีอริยเมตตรัยมีพระบารมียอดยิ่ง จึงมีความเคารพสักการะยิง่ และในวันพระตอมาก็ไดนำเทพบุตรทัง้ หลาย เพื่อเขาไปสังสรรคสนทนาธรรม โดยธรรมโฆษเทพบุตรถามวา เมื่อใด พระองคจึงตรัสเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา พระศรีอริยเมตตรัยตอบวา ยังอีกนานคือ จะตองสรางบารมีนับอสงไขย คือวา เมื่อใดเมืองพาราณสี เปลี่ยนชื่อเปน "มัณฑนคร" และมัณฑนครเปลี่ยนชื่อเปน "เกตุมลดีศรี มหานคร" แลวจึงบำเพ็ญพระองคใหสำเร็จเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา ศรีอริยเมตตรัย

๑๓๑

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ธรรมโฆษเทพบุตร ถามตอไปวาจะเสด็จลงไปเกิดในตระกูลไหน พระศรีอริยเมตตรัยตอบวา จะกำเนิดในตระกูลพราหมณคือ "สุพรหม พราหมณ" เปนพระราชบิดา และ "พรหมวดีพราหมมณี" เปนพระราชมารดา พระองคจะสรางบารมีโดยการครองคฤหัสถ ๔ หมื่นปกอน จึงจะไดตรัส เปนสัมมาสัมพุทธเจา และพระองคจะมีพระชนมายุ ๘ (แปด) หมื่นป จึงจะไดเสด็จดับขันธปรินิพพาน ประชาชนก็มีอายุ ๘ หมื่นปเหมือนกัน (สมัยของกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจามีอายุ ๔ หมื่นป) พระสมณโคดม สัมมาสัมพุทธเจา มีอายุ ๘๐ ป "พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจาของเราแสดงปรารถใหพระอานนท เห็นวา จะปลงสังขาร ๑๖ ครั้ง ๑๖ แหง แตพระอานนทไมเห็นใจ จึงไม ไดขออาราธนาใหอยูตอไปเพื่อสั่งสอนสัตวโลก มาขอตอนใกลจะเสด็จดับ ขันธปรินิพพาน แตพระองคทรงปลงสังขารเสียแลว อานิสงส ยอดธรรม ยอดคาถา มีอานิสงส อันกลาวไวในกาลกอนดังนี้ ๑. ผูใดศรัทธา ดำรงไวในตนโดยเคารพ ไมไปอบายภูมิ คือ ไมไปนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน ๒. มีอายุยืน มีความสุข ถึงแมเปนเทวดาแลว ก็ไมพลันจุติ ๓. ตายจากมนุษย ยอมไปเกิดสวรรค เสวยความสุข เลิศล้ำนักหนา ๔. จะเปนอริยบุคคลในชาติปจจุบัน มิฉะนั้นจะไดสดับธรรมในสำนัก พระอริยเมตตรัยสัมมาสัมพุทธเจา แลวไดบรรลุธรรมเปนอริยบุคคล ในศาสนาของพระองค

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๓๒


อีกประการหนึ่งวา ผูปฎิบัติตามแนวยอดธรรม ยอดคาถา ๑. จะเปนอริยบุคคลในชาติปจจุบัน ๒. ถาชาติปจจุบันยังไมบรรลุเปนอริยบุคคล ตายจากชาตินี้จะไปเกิดใน แดนสวรรค เสวยสุขอยูจนกวาพระเมตตรัยสัมมาสัมพุทธเจามาตรัสจึง จะจุติลงมาเกิด แลวไดสำเร็จมรรคผลในพระศาสนานั้น ๓. ผูทองจำได สวดได รูความหมาย เจริญอยเนือง ๆ จะมีความสุขสวัสดีมี อายุยืน ๔. ผูทองจำได สวดได แตไมรูความหมาย ดำรงไวในตนดวยศรัทธาเคารพ จะไมไปอบายฯ

บทสวดอิติปโสถอยหลัง ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ สุ โน ปน สัม ณะ ระ จะ ชา วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ อะ วา คะ ภะ โส ป ติ อิ ฯ บทอิติปโส ถอยหลัง เมื่อสมัยพุทธกาล มีเหลาพระสงฆอยูกลุมหนึ่ง ไดออกธุดงคไปในปาเขาแหงหนึง่ ซึง่ เปนปา ทีว่ า กันวา ไมมนี กั บุญทานใด อยูไดนาน เพราะมักจะมีเหลาอสูรกายมาหลอกหลอน ใหตบะพังจน สติแตกอยูร่ำไป พระสงฆกลุมนี้ไดปกกรด และจำศีลอยูที่นั่น ซึ่งมีกัน ทั้งหมด 8 องค ตกกกลางคืน เหลาอสูรกายก็ออกฤทธิ์ ทั้งหัวเราะทั่ว หุบเขา ทั้งแปลงเปนผี ควักไสพุง ตาถลน

๑๓๓

พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ทั้งหมดกลัวสุดขีดแตไดตั้งสติและสวดมนต โดยเฉพาะอิติปโส แตพอ สวด อสูรกายกลับกลายรางเปนยักษโลน(รางแทๆ) ปดกลดกระเด็นไปคน ละทิศละทาง ทัง้ หมดทุกทานนำเรือ่ งนีไ้ ปกราบทูลพระพุทธเจา พระพุทธเจา ไดใหบทสวด อิติปโส แตใหสวดถอยกลับ เพื่อไปปลดปลอยยักษตนนั้นที่ หวงที่ เหลาพระสงฆเหลานั้น ก็กลับไปที่เดิม ตกกลางคืน มาอีกหนักกวา ครั้งที่แลว ทั้งพายุ ฝนทั้งฟาผา และมันกำลังจะกระทืบไปที่เหลาพระสงฆ กลุม นัน้ ทัง้ หมดหอมลอมและทอง อิตปิ โ ส ถอยหลัง ยักษตนนัน้ ปวดหัว ทรมานอยางแรง จนตองออนวอนใหพระสงฆกลุมนั้นหยุดทองคาถานี้ หัวหนาคณะไดใหยักษสาบานดวยวาจาสัตยวาตองไมทำรายใครอีก และ ตองจำศีลเพื่อใหหลุดพนจากวัฏสงสารที่เปนอยูนี้ ยักษจึงตกลง..และ ในทีส่ ดุ ก็มาเปนบทคาถาบทหนึง่ ทีไ่ มใชแคคมุ ครองผูส วด แลว ยังปองกัน ภัยอันตรายทั้งหลาย ยามจำเปนตองพักในที่ที่เราไมคุนเคย คาถาอิตปิ โ สถอยหลัง เปนมหาจินดามณีมนต (คาถาแกวสารพัดนึก) คาถาบทนี้มี 56 ตัว เพียงแตทองจากขางหลังยอนมาขางหนา (แบบ ปฏิโลม) หรือ” ถอยหลังครอบจักรวาล” เมื่อภาวนา กอนออกเดินทาง ไปสารทิศใด ๆ จะแคลวคลาดปราศจากทุกภัยพิบัติทั้งปวง หรือ ศัตรูบมิ กล้ำกราย เปนที่เสนหาเทพารักษ..ปลุกเสกกาย คงกระพันชาตรี.หาก ภาวนาไดครบ 108 คาบ ติดตอกัน จะตัวเบา เสกหรือสะเดาะเคราะห สะเดาะกุญแจ หรือโซตรวนของจองจำ การถอนคุณไสยมนตดำสิ่งอัปมงคล ตาง ๆ โบราณจารย ที่นิยมใชพระคาถาอิติปโสถอยหลัง เชน หลวงพอแชม วัดตากอง หลวงปูขุย หลวงพอทบ วัดชนแดน หลวงปูบุญ วัดกลางบางแกว หลวงปูศุข วัดปากคลองมะขามเฒา พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๓๔


การใชอติ ปิ โ สถอยหลัง อุปเทห (หลากหลาย) ของ ครูอาจารยโบราณ ตั้งจิตบริกรรม ทำมนตน้ำหมาก *..ทอง ๕ คาบ เสกหมากกิน เสกน้ำมันทา๕คาบ เพื่อลุยไฟ *..ทอง ๑๐ คาบ ยืนเหนือลมเปาไป..จะแกคุณไสย *..ทอง ๑๔ คาบ ขื่อคาหลุดลุย เปาไปขื่อคา ใหออน กินคงกระพัน *..ทอง ๑๕ คาบ (เอาลิ้นดุนเพดาน) ใชเปนจังงัง เปาไป พรอมกระทืบตีน อาวุธ ลุยหลุดจากมือศตรู *..ทอง ๑๙ คาบ หักกิ่งไมเสกขวาง ศัตรูตามมาไมทัน *..ทอง ๑๗ คาบ ทำผาประเจียดโพกหัว คนไมเห็นเรา *..ทอง ๑๐๘ คาบ เดินไปเขาในฝูงชน ที่พากันหลับใหล *... สวดติดตอกัน 108 จบเพียงครั้งเดียว แกดวงตก กลับเคราะหราย ใหกลายเปนดี พลิกดวงชะตา *..หากวาตกอยูในสถานการณคับขัน มีศัตรูลอมหนาหลัง ใหกลั้นใจ ภาวนา อิติปโสถอยหลัง (ยอ ) "อะ วา คะ ภะ โส ป ติ อิ"เปนมหาจังงัง จะแคลวคลาดปลอดภัย จากศัตรูและสัตวรายทั้งปวง

๑๓๕

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


ประโยชนของการสาธยายธรรมตามพระศาสดา ๑. เพื่อความตั้งมั่นของพระสัทธรรม ( หนึ่งในเหตุหาประการเพื่อความตั้งมั่นของพระสัทธรรม ) อํ. ปฺจก. ๒๒/๑๖๑/๑๕๕ ๒. เปนเครื่องใหถึงวิมุตติ ( หนึ่งในธรรมใหถึงวิมุตติหาประการ ) อํ. ปฺจก. ๒๒/๒๓/๒๖ ๓. เปนอาหารของความเปนพหูสูตร อํ. ทสก. ๒๔/๑๒๐/๗๓ ๔. เปนองคประกอบของการเปนบริษัทที่เลิศ อํ. ทุก. ๒๐/๖๘/๒๙๒ ๕. ทำใหไมเปนมลทิน อํ. อฐก. ๒๓/๑๔๙/๑๐๕ ๖. เปนบริขารของจิตเพื่อความไมมีเวรไมเบียดเบียน ( หนึ่งในหาบริขารของจิต ) ม. มู. ๑๓/๕๐๐/๗๒๘ ๗. เปนเหตุใหละความงวงได ( หนึ่งในแปดวิธีละความงวง ) อํ. สตฺตก. ๒๓/๗๓/๕๘

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๓๖


พระไตรปฎก ลมที่ ๒๒ พระสุตตันตปฎก เลมที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปญจกฉักกนิบาต

วิมุตติสูตร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุแหงวิมุตติ ๕ ประการนี้ ซึ่งเปนเหตุใหจิตของภิกษุผูไมประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ที่ยังไมหลุดพน ยอมหลุดพนอาสวะที่ยังไมสิ้น ยอมถึงความสิ้นไป หรือ เธอยอมบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ที่ยังไมไดบรรลุ เหตุแหง วิมุตติ ๕ ประการเปนไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีผูอยูในฐานะ ครูบางรูป แสดงธรรมแกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอยอมเขาใจอรรถเขาใจ ธรรมในธรรมนั้นตามที่พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี ผูอยูในฐานะ ครูแสดงแกเธอ เมือ่ เธอเขาใจอรรถ เขาใจธรรมยอมเกิดปราโมทย เมือ่ เกิด ปราโมทยแลว ยอมเกิดปติ เมื่อใจเกิดปติกายยอมสงบผูมีกายสงบแลว ยอมไดเสวยสุข เมื่อมีสุข จิตยอมตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เปนเหตุแหงวิมุตติขอที่ ๑ ซึ่งเปนเหตุให จิตของ ภิกษุผูไมประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ที่ยังไมหลุดพน ยอมหลุดพน อาสวะที่ยังไมสิ้นไป ยอมถึงความสิ้นไป หรือเธอยอมไดบรรลุธรรมอันเกษม จากโยคะชั้นเยี่ยม ที่ยังไมไดบรรลุ อีกประการหนึง่ พระศาสดาหรือเพือ่ นสพรหมจารี ผูอ ยูใ นฐานะครู บางรูป ก็ไมไดแสดงธรรมแกภกิ ษุ ก็แตวา ภิกษุยอ มแสดงธรรมเทาทีไ่ ดสดับ ไดศกึ ษาเลาเรียนมาแกชนเหลาอืน่ โดยพิสดาร เธอยอมเขาใจอรรถเขาใจ ธรรมในธรรมนั้น ที่ภิกษุแสดงธรรม เทาที่ไดสดับ ไดศึกษาเลาเรียน

๑๓๗

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


มาแกชนเหลาอืน่ โดยพิสดาร เมือ่ เธอเขาใจอรรถ เขาใจธรรม ยอมเกิด ปราโมทย เมื่อมีสุข จิตยอมตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เปนเหตุแหงวิมุตติขอที่ ๒ อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีผูอยูในฐานะครูบางรูป ก็ไมไดแสดง ธรรมแกภิกษุ แมภิกษุก็ไมไดแสดงธรรมเทาที่ไดสดับ ไดศึกษาเลาเรียน มาแกชนเหลาอื่นโดยพิสดาร ก็แตวาภิกษุยอมทำการสาธยายธรรมเทาที่ ไดสดับ ไดศึกษาเลาเรียนมาโดยพิสดาร เธอยอมเขาใจอรรถ เขาใจธรรม ในธรรมนั้น ตามที่ภิกษุสาธยายธรรมเทาที่ไดสดับ ไดศึกษาเลาเรียนมา โดยพิสดาร เมื่อเธอเขาใจอรรถ เขาใจธรรม ยอมเกิดปราโมทย เมื่อมีสุข จิตยอมตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เปนเหตุแหงวิมุตติขอที่ ๓ อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีผูอยูในฐานะครูบางรูป ก็ไมไดแสดง ธรรมแกภกิ ษุ ภิกษุกไ็ มไดแสดงธรรมเทาทีไ่ ดสดับ ไดศกึ ษาเลาเรียนมา แกชนเหลาอื่นโดยพิสดาร แมภิกษุก็ไมไดทำการสาธยายธรรมเทาที่ไดสดับ ไดศกึ ษาเลาเรียนมาโดยพิสดาร ก็แตวา ภิกษุยอ มตรึกตรองใครครวญธรรม เทาทีไ่ ดสดับ ไดศกึ ษาเลาเรียนมาดวยใจเธอยอมเขาใจอรรถ เขาใจธรรม ในธรรมนั้น ตามที่ภิกษุตรึกตรองใครครวญธรรมตามที่ไดสดับไดศึกษา เลาเรียนมาดวยใจ เมื่อเธอเขาใจอรรถ เขาใจธรรมยอมเกิดปราโมทย เมื่อ มีสุข จิตยอมตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เปนเหตุแหงวิมุตติขอที่ ๔ อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีผูอยูในฐานะครูบางรูป ก็ไมไดแสดง ธรรมแกภกิ ษุ ภิกษุกไ็ มไดแสดงธรรมเทาทีไ่ ดสดับไดศกึ ษาเลาเรียนมาแก ชนเหลาอื่นโดยพิสดาร ภิกษุก็ไมไดสาธยายธรรมเทาที่ไดสดับไดศึกษาเลา เรียนมาโดยพิสดาร แมภกิ ษุกไ็ มไดตรึกตรอง ใครครวญธรรมเทาทีไ่ ดสดับ ไดศึกษาเลาเรียนมาดวยใจ ก็แตวาสมาธินิมิตอยางใดอยางหนึ่ง เธอเลาเรียน พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๓๘


๑๓๙

มาดวยดี ทำไวในใจดวยดี ทรงไวดวยดี แทงตลอดดวยดี ดวยปญญา เธอยอมเขาใจอรรถ เขาใจธรรมในธรรมนัน้ ตามทีเ่ ธอเลาเรียนสมาธินมิ ติ อยางใดอยางหนึ่งมาดวยดี ทำไวในใจดวยดี ทรงไวดวยดี แทงตลอดดวยดี ดวยปญญา เมื่อเธอเขาใจอรรถ เขาใจธรรม ยอมเกิดปราโมทย เมื่อเกิด ปราโมทยแลวยอมเกิดปติ เมือ่ มีใจเกิดปติ กายยอมสงบ ผูม กี ายสงบแลว ยอมไดเสวยสุข เมื่อมีสุขจิตยอมตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เปนเหตุแหงวิมุตติขอที่ ๕ ซึ่งเปนเหตุให จิตของ ภิกษุผูไมประมาทมีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยูที่ยังไมหลุดพนยอมหลุดพน อาสวะทีย่ งั ไมสน้ิ ยอมถึงความสิน้ ไป หรือเธอยอมไดบรรลุธรรมอันเกษม จากโยคะชั้นเยี่ยม ที่ยังไมไดบรรล ดูกรภิกษุทง้ั หลาย เหตุแหงวิมตุ ติ ๕ ประการนีแ้ ลซึง่ เปนเหตุใหจติ ของภิกษุผูไมประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู ที่ยังไมหลุดพนยอม หลุดพน อาสวะที่ยังไมสิ้น ยอมถึงความสิ้นไป หรือเธอยอมไดบรรลุธรรม อันเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ที่ยังไมไดบรรลุ ฯ สรุปเหตุแหงวิมุตติ ๕ ประการ คือ ๑. ไดฟง ธรรม และเขาใจอรรถ เขาใจธรรมในธรรมนัน้ ตามทีพ่ ระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารีไดแสดงธรรมไว ๒. ไดแสดงธรรมเทาที่ไดฟง ไดศึกษาเลาเรียนมา และเขาใจอรรถเขาใจ ธรรม ในธรรมที่ตนแสดง ๓. ไดทำการสาธยายธรรมเทาที่ไดฟง ไดศึกษาเลาเรียนมา และเขาใจ อรรถ เขาใจธรรม ในธรรมที่ตนสาธยาย ๔. ไดตรึกตรองใครครวญธรรมเทาที่ไดฟง ไดศึกษาเลาเรียนมาดวยใจ และเขาใจอรรถ เขาใจธรรมในธรรมนั้น ตามที่ตรึกตรองใครครวญ ๕. ไดเลาเรียนสมาธินิมิตอยางใดอยางหนึ่งมาดวยดี ทำไวในใจดวยดี ทรงไวดวยดี แทงตลอดดวยดี ดวยปญญา และเขาใจอรรถ เขาใจธรรม ในธรรมนั้น ตามสมาธินิมิตอยางใดอยางหนึ่งที่เลาเรียนมา พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


คติธรรมเตือนสติบางประการ ในการดำเนินตามหลักวิถีทางของชีวิต คือ .... 1) สัมมาทิฏฐ : ความเห็นที่ถูกตอง 2) สัมมาสังกัปปะ : ความคิดที่ถูกตอง 3) สัมมาวาจา : วาจาที่ถูกตอง 4) สัมมากัมมันตะ : การปฎิบัติที่ถูกตอง 5) สัมมาอาชีวะ : การเลี้ยงชีพที่ถูกตอง 6) สัมมาวายามะ : ความเพียรที่ถูกตอง : การมีสติที่ถูกตอง 7) สัมมาสติ 8) สัมมาสมาธ : การมีสมาธิที่ถูกตอง เมื่อปฎิบัตตนไดดังนี้แลว ! ยอมขึ้นชื่อวา เปนชาวพุทธมามกะเปน ผูแ สวงหาบุญเขต ในเพระพระพุทธศาสนา เปนผูม สี ติสมั ปชัญญะเขาใจ ในเนื้อหา ของการเกิดมามีชีวิตขึ้นมา มากขึ้น โดยการใชชีวิตเปนผูอยู อยางไมประมาทเปนผูไ มหลงทำกาลกิรยิ าวิปลาสใดๆ เปนผูไ มตน่ื ขาว มงคล และ อวมงคล เปนผูไมแสวงหาเนื้อนาบุญ นอกเขตพระพุทธศาสนา ดังนี้.... ยอมเปนผูมีดวงตาเห็นธรรมงามในเบื้อมตน งามในที่สุดคือ ยอดแหง พระนิพพาน อมตะวาจาพุทธพจนตามที่บรมพระศาสดาจารย ผูทรงเปนบรมครูของเหลาวเทวดาและมนุษยทั้งหลาย พรหญาโณ ภิกขุ. การเลื่อมใสในบุญ ดีกวา การเลื่อมใส ในบาปธรรมทั้งหลาย พระพุทธมนต์

ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๔๐


สิ่งที่เปนคูเวร คูศัตรู คูมิตร ทีใ่ กลชดิ กับตัวเราเองมากทีส่ ดุ คือ เจาความคิดสิ่งที่เปนคุณลักษณะ ของความดีงาม และความชั่วชา บาปกรรมลามก มันก็หาใชผูอื่นที่ จะมาแสแสรงแสดง เสกสรรปนแตง ดลบันดาลอิทธิผลใหแตมนั ไหล ออกมาจากเจาความคิดของตัว เราเอง นั่นแหละถาเราไมเพียรฝกฝนการตั้งมั่นของการมีสติ ใหเกิดความ สมบูรณแบบในวันนี้ ดวยการหมั่นคอยอบรม บมนิสัยใจคอ ลงในสมาธิ จิตตภาวนาเพื่อที่จะใหเกิดเปนพื้นฐานในการพัฒนา รองรับตัวปญญา ในวันขางหนาตัวสติ ที่เราใชอยูในชีวิตประจำวันยังไมเพียงพอ ตอความ ตองการ ในการที่จะนำออกมาแกไข ปญหาของชีวิต ในแตละประจำวัน ไดดพี ออยางแทจริง มันเปนเพียงแค สติ ทีร่ ะลึกได ตืน่ รู ในรสของกามคุณ ทั้งหา หาใชเปนตัวแกนในของ ตัวสติในการตื่นรู เห็นรอบในปญญาของ พุทธะ.... คือเห็นสังสารวัฏ ทุกข สมุทัย นิโรธ มรรคในอริยสัจสี่ ตามหลัก สัจธรรมของธรรมชาติ ในการเขาไปแกไขดับตนตอของปญหาทุกขโทษ เวรภัยทั้งมวล ดับสนิท โดยไมมีสวนเหลือ อยางแทจริง พรหมญาโณ ภิกขุ.

๑๔๑

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


น้ำในมหาสมุทร ถาไมมีลมพายุคลื่นใตน้ำ และ .... พระพาย ไมสำแดงเดช หมุนงวงชางพัดพาด ฉันใด ผืนน้ำที่กวางไกลสุดลูกหูลูกตา ก็นิ่งงัง ราบเรียบเงียบสงบ ดุจดั่งราว ถูกมนตสะกด ฉันนั้น ... อันจิตของคนเรา ถาถูกฝกฝนอบรมเพาะบม ... เจริญในสติ สัมปชัญญะ ตั้งมั่นในกายคตา สติ ดีแลว ยอมมีใจที่นิ่ง ไมสั่นไหว ของกระแส ความยั่วยุ ในกามคุณทั้งหา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เมื่อจิตหมั่นประกอบการงาน คือ วิปสสนากรรมฐาน เปนที่ตั้งมั่น ดีแลว จิตของคนเรานั้น ก็จะไมเรารอน ถูกนาย คือตัวตัณหา มาคอยกด คอยจิก หัวใหขึ้นๆ ลงๆ สำลักในตัวกิเลสตัณหา ไหลจมอยูกับวังวน ในกองทุกข กองสุข เพราะเหตุนี้ จิตของคนเรา จึงมีความแตกตางกัน ทางดานจิตใจ อารมณ ความรูสึกนึกคิดในการอานขบคิด ตีโจทย หาคำตอบวา .... ตัวเรานี้ เกิดมาเพื่ออะไร ??? พรหมญาโณ ภิกขุ.

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๔๒


แสงแหงองค พระสยมภูสุริยเทพ คือดวงตาของโลก / ยังมีขึ้น มีลง ชีวิตของคนเรา ก็ยังมีขึ้น มีลง หมุนไปตามกงลอ โลกธรรมแปด มียศ เสื่อมยศ / มีลาภ เสื่อมลาภ มีสรรเสริญ ก็มีนินทา / มีสุข ก็มีทุกข คละเคลา เขามาคลอเคลียปะปนเป กันไป อนิจจัง บนความไมเที่ยงแท เปนของที่ไมแนนอน วาจะเปนหลัก ประกันภัยที่จะยึดมั่น ถือมั่น คุมครองชีวิตนี้ ไดดีจริงหนอ ชีวิตที่ ผานรอน ผานหนาว ผานฝน มาอยางโชกโชน บนคราบน้ำตาเปอนรอยยิ้ม แหง ความสุข ความสมหวัง และ ..... บนความทุกขยาก ลำบากเข็ญใจ ดั่งบทประพันธวนิยายโลดแลนไปตามจังหวะ ของตัว บทละครชีวิต การเกิด เปนเพียงแค ใบผานทาง การใชชวี ติ ทีเ่ จริญเติบโต ตามวัยยอม มีขึ้น มีลง ไมคงที่ บนความไมแนนอนการชรา เจ็บไขไดปวย ความพลัด พรากไมมีใครเคยคิดที่จะขวักมือเรียกรองโหยหา แมสักคนเลยหนอ….

๑๔๓

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย


สุดทาย ก็ทายสุด ก็ตองลงเอย .... ดวยการปดฉาก รูดหนามานปดเวที ละครชีวิต พรอมกับ เสียงคร่ำครวญ บนใบหนาอาบชุม เต็มไปดวย หยาดน้ำตา ที่หลั่นรินไหล ความตายหนอ มายื้อยุด ฉุดกระชากดวงใจ ของตัวละคร ใหมาแดดิ้น มอดมวย ดับสิ้น วายชีวา ไมวายเวนเหลือแต กองผงเถากระดูก ที่ขาวโพลน ทิ้งไวใหดูตางหนา มีแตเพียง ... รอยทรงจำในอดีต แตปางหนหลัง ใหแกผูที่อยูเบื้องหลัง คอยย้ำทบทวน หวลระลึกนึกถึง สักพักก็จะไมนานหนอ ความทรงจํานั้น ก็จะดูจืดจางเลือนลางหายไป ในความทรงจำ โอหนอ อนิจจา เราเกิดมาทำไมกันหนอ ตายแลวจักลองลอย ไปทางไหนกันหนอ พรหมญาโณ ภิกขุ. ชีวิตคนเรา ก็เหมือนใบไม ที่รอวัน จะปลิดพริ้ว พลัดลวงหลน จากตนไมใหญ

พระพุทธมนต์ ฉบับตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล มูลนิธิวิปัสสนาพรหมญาโณ อินเดีย

๑๔๔


สรุปรายชื่อผูบริจาคปจจัยรวมบุญเปนเจาภาพ

1.

2. 3.

4. 5.

ปรับปรุง ตอเติม อาคารสถานที่ ณ อาคารพุทธวิหารมูลนิธิวิปสสนาพรหมญาโณ อินเดีย รวมเปนเงินทั้งสิ้น 34,800 บาท คุณรักศักดิ์ ชีนาเรือน คุณนภากาญจน ขีนาเรือน ด.ช.นวพรรษ ชีนาเรือน คุณรัญชิดา ชีนาเรือน คุณโอฬาร ญาณวุฒิ คุณศรีทอง ญาณวุฒิ คุณสุโรจน ญาณวุฒิ จำนวน 2,000 บาท และ ตระกูล ศรีชวย ตระกูล ทวีโภควัฒนกุล จำนวน 2,000 บาท คุณชัยประเสริฐ เนตรอนงค คุณภูริพันธ เนตรอนงค คุณบุศรินทร เนตรอนงค คุณทนงศักดิ์ เนตรอนงค คุณภูริพร เนตรอนงค จำนวน 1,200 บาท คุณประภาพรรณ มณีรัตนและครอบครัว จำนวน 2,000 บาท ด.ญ. กรองแกว โพธิ์สุข คุณธมกร โมกขเวศ คุณวดีนรา เพชรมุข ด.ญ. ภิญากรณ พฤทธิพันธุ คุณอัจฉรา เชาวลิต คุณณัฐณิศา เพชรมุข ด.ญ. วฤณพร สุระอำนาจ คุณอุบล สุระอำนาจ คุณวิริยา สุขีอัตตะ จำนวน 3,800 บาท


คุณมณีรัตน นาละออง 6. คุณติ๊บ พุทธวงค คุณเขมทัต พุทธวงค คุณประทวน นาละออง ด.ญ.นท พุทธวงค คุณ.กุลนาถ นาละออง จำนวน 1,000 บาท คุณณุรวี บุญอวน 7. คุณอริญชยวิชญ บุญอวน ด.ญ.ศรัญญา บุญอวน คุณปฐวาณี บุญอวน ด.ญ.นภาตรา บุญอวน จำนวน 2,000 บาท 8. คุณธนะพัตน เรืองกานตสกุล คุณบุปผา เรืองกานตสกุล คุณกฤตยชญ เรืองกานตสกุล คุณกมลรัตน เรืองกานตสกุล จำนวน 2,000 บาท 9. คุณสนั่น วงศมูล คุณผองพรรณ วงศมูล คุณเจนณรงค กันทอน คุณจิราพร วงศมูล คุณบัวเกี๋ยง ศิริวงคทอง ด.ช. ปยะชาติ กันทอน คุณพรรณี ศิริวงคทอง จำนวน 1,600 บาท 10. ส.อ.บุญฤทธิ์ สูไทย และครอบครัว คุณจุฑามาศ ยลประสาน และครอบครัว จำนวน 1,200 บาท 11. คุณฉมาพรรณ ศรีมหาราชา คุณสุประจักษ สามารถ จำนวน 2,000 บาท 12. คุณประยูร เมืองพรม คุณปราณี เมืองพรม คุณภาวิณี เมืองพรม คุณปรารถนา เมืองพรม คุณกนกพิชญ เมืองพรม คุณพัฒนธนันภ ู เมืองพรม จำนวน 2,000 บาท


13. คุณสกุลศักดิ์ สุขใส จำนวน 400 บาท 14. คุณหทัยชนก ใจสอาด คุณธนานุรักษ ใจสอาด จำนวน 1,000 บาท 15. คุณจักรพันธ วุฒิวณิชย คุณภาณุมาส วุฒิวณิชย จำนวน 200 บาท 16. ส.อ.ไกรราช โพธรรม ด.ช.ปญญพัฒน โพธรรม จำนวน 200 บาท 17. คุณธุวานนท แสงศรีจันทร คุณคำซอน แสงศรีจันทร จำนวน 3,000 บาท 18. คุณอภิรักษ แกววงคเขียว คุณทัศน แกววงคเขียว คุณจันทา สิทธิขันแกว จำนวน 1,000 บาท 19. คุณประไพร คำเจริญ คุณธณาทัตติ์ ภูไกลาศ จำนวน 1,000 บาท 20. คุณเศรษฐพัส พุฒิชัยตระกูล จำนวน 2,000 บาท 21. คุณปรีดา ใจผาวัง จำนวน 400 บาท

คุณณัฐธิดา บุญยัง คุณบัวกลาย ใจสอาด คุณจันทรจิรา ใจสอาด คุณปราณี วุฒิวณิชย คุณสุภาวดี โพธรรม ด.ช.ปุญญพัฒน โพธรรม คุณวนิดา แสงศรีจันทร คุณบัวคำ ปูชัย คุณกรรณิการ สิทธิขันแกว คุณสุรเดช ปญญาเขียว คุณยุทธนา ภูไกรลาศ คุณภูรดา ภูไกรลาศ

คุณวาสนา บำเรอวงศ


22. คุณสมพงษ ชัยสวัสดิ์ คุณบุศราภรณ จันทรเจริญ คุณ.วัชรีญาณ วิบูลสุนทรางกูล ด.ญ.กุลพรภัสร ชัยสวัสดิ์ คุณสมิตานันท ชัยสวัสดิ์ จำนวน 2,000 บาท 23. ครอบครัว อนันตศิริขจร และคุณพีรเศรษฐ โสภคณิสฐ จำนวน 600 บาท

คุณจลินดา ชัยสวัสดิ์ คุณเกริกฤทธิ์ ชัยสวัสดิ์ ด.ญ.กุลภัสสรณ ชัยสวัสดิ์ คุณผดุงเกียรติ ชัยสวัสดิ์ คุณจิระนันท อนันตศิริขจร


สิทธิกิจจัง ขอใหการงานสำเร็จ สิทธิกัมมัง ขอใหการกระทำทุกอยางสำเร็จ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง ขอใหมีลาภตลอดกาลนาน สิทธิเตโช ชะโยนิจัง ขอใหมีเดชมีอำนาจที่ยั่งยืน สัพพะสิทธิ ภะวันตุเต ขอความสำเร็จทั้งหลาย จงมีแกทุกทาน ขออนุโมทนา.




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.