Can be possible... ?

Page 1

จะเป็ นไปได้ไหม... ? ปาริฉตั ร กอนแก้ว



เมื่อข้าพเจ้าได้พบ ข้าพเจ้าแทบจะจินตนาการไม่ออกว่า ณ ที่แห่งนี้เคยงดงามเพียงใด เป็นไปได้ไหมหากจะฟืน้ ฟูให้ชม ุ ชนนีก้ ลับมามีชว ี ติ อีกครัง้


บ้ านเมืองกืด้

2

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


บ้ านเมืองกืด้

บ้ านเมืองกื ้ด ตังอยู ้ ท่ ี่ ต�ำบลกื ้ดช้ าง อ�ำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อยูห่ า่ ง จากอ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ประมาณ 61 กิโลเมตร การเดินทางหากเป็ นรถประจ�ำ ทางจะใช้ เวลานานประมาณ 2 ชัว่ โมงเห็นจะได้ ถนนหนทางเป็ นคอนกรี ตสลับกับ ราดยาง มีบางช่วงทางค่อนข้ างชัน แต่เมือ่ ข้ ามภูเขามาถึงข้ าพเจ้ ารับประกันได้ วา่ จะไม่ผดิ หวังเลยแม้ แต่น้อย หมูบ่ ้ านเล็กๆ ทีต่ งอยู ั ้ ใ่ นหุบเขา มีน� ้ำแม่แตงไหลผ่านตลอดทางด้ านทิศเหนือ ถึงตะวันออกเฉียงเหนือของหมูบ่ ้ าน แหล่งท่องเทีย่ วที่นา่ สนใจซึง่ เป็ นค�ำตอบของ ค�ำถามทีใ่ ครๆ ต่างพากันดันด้ ้ นมาถึงที่นี่ คือ "แก่งกื ้ด" แหล่งท่องเทีย่ วทีต่ ดิ อันดับ ต้ นๆ ของชาวต่างชาติ ที่พากันมาลิ ้มลองความโหด ความมันของการล่องแก่งที่ นี่ รวมไปถึงการขี่ช้าง ล่องแพ หรื อไม่วา่ จะเป็ นการขับรถ ATV ตะลุยไปตามเส้ น ทางธรรมชาติ

จะเป็ นไปได้ไหม... ?

3


ประวัตบิ ้ านเมืองกืด้

หมู่บ้านเมืองกื ้ดเป็ นหมู่บ้านที่มีประวัตคิ วามเป็ นมายาวนานหลายร้ อยปี สันนิษฐานว่าหมูบ่ ้ านเมืองกื ้ดตังขึ ้ ้นในสมัยราชวงศ์มงั ราย ค.ศ. 1296-1612 (พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2155) ซึง่ เป็ นเวลาประมาณ 400 ปี จากการเข้ าไปส�ำรวจและ สอบถามข้ อมูลของชาวบ้ าน ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ตงรกรากถิ ั้ ่นฐานอยูท่ เี่ มืองกื ้ดมาตังแต่ ้ สมัยบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตายาย หลายรุ่ นหลายชัว่ อายุคน เล่ากันว่า แต่เดิมเมืองกื ้ด เป็ นถิ่นทีอ่ ยูข่ องชาว “ลัวะ” ดังจะเห็นได้ จากหลักฐานที่ปรากฏอยูจ่ ากวัดเมืองกื ้ด ทีเ่ ก่าแก่เป็ นตัวอักษรสมัยโบราณทีไ่ ม่สามารถอ่านได้ เนื่องจากไม่มผี ้ใู ดทราบว่า เป็ นตัวอักษรของชนชาติใด และโบราณวัตถุตา่ งๆ ที่ขดุ พบอยูโ่ ดยทัว่ ไปในบริเวณ หมูบ่ ้ านและบริเวณวัดห่าง (วัดร้ าง) จากลักษณะการสร้ างวัดอยูบ่ นเนินเขา และ ลักษณะการสร้ างศาสนสถานของพวกลัวะในสมัยโบราณ โดยวัดร้ างหรื อวัดห่าง ซึง่ เป็ นวัดเก่าของลัวะนี ้ในปั จจุบนั เหลือสภาพให้ เห็นเพียงเศษอิฐ และเนินดินเตี ้ยๆ ปรากฏอยูเ่ ท่านัน้ ในบริเวณหมูบ่ ้ านเมืองกื ้ดนี ้เหลือวัดร้ างหรื อวัดห่างอยูป่ ระมาณ 5 แห่ง ด้ วยกันคือ ทีว่ งั กว๊ าน ทุ่งร้ อง ทุง่ บน โล๊ ะป่ าปูและห้ วยพระเจ้ า 4

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


ประวัตบิ ้ านเมืองกืด้

มีเรื่ องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับประวัติของหมู่บ้านเมืองกื ้ดในอดีตหลาย อย่าง เช่น เรื่ องของพม่าทีก่ วาดต้ อนผู้คนในสมัยทีย่ กทัพเข้ ามาตีเอาเมืองเชียงใหม่ ผ่านเมืองกื ้ดนี ้ มีชาวบ้ านหนีเข้ าป่ าเป็ นจ�ำนวนมาก เพราะไม่อยากถูกจับไปเป็ น เชลย เมือ่ พม่ายกทัพผ่านไปหมดแล้ ว พวกทีห่ นีเข้ าไปอาศัยอยูใ่ นป่ าก็ออกมา ละทิ ้ง ถิ่นฐานในป่ ารวมถึงวักเก่าและตอนนี ้กลายเป็ นวัดร้ าง กลับออกมาตังถิ ้ ่นฐานที่ เมืองกื ้ดนี ้เหมือนเดิมและอาศัยอยูม่ าจนถึงปั จจุบนั และเรื่ องที่นา่ สนใจอีกเรื่ อง หนึง่ ก็คอื การยกทัพของพระนเรศวรมหาราชทีย่ กทัพผ่านเมืองกื ้ด เพือ่ ไปยังพม่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยกกองทัพไปตีพม่าในปี ค.ศ. 1605 (พ.ศ. 2148) ได้ เสด็จผ่านเมืองกื ้ดและได้ พกั กองทัพพร้ อมกับทรงเยีย่ มเยือนวัดเมืองกื ้ด ทรงปลูก ต้ นโพธิ์ 1 ต้ น และเจ้ าอาวาสปลูกอีก 1 ต้ น ไว้ ทเี่ มืองกื ้ด ในปั จจุบนั ยังคงเหลือต้ น โพธิเ์ ดิมอยู่ 1 ต้ น และปลูกภายหลังอีก 1 ต้ น ในสมัยของเจ้ าน้ อยค�ำวงษา ได้ มีการเกณฑ์ไพร่ พล เพื่อท�ำการสร้ างทาง (ถนน) ขึ ้นไปยังเมืองคอง (อ�ำเภอเชียงดาว) และเวียงแหง (อ�ำเภอเวียงแหง) ตาม แนวทางเดินในอดีต เจ้ าน้ อยวงษาได้ใช้ไม้ สกั มาท�ำเป็ นหลักกิโลเมตร ปั กไปเป็ นแนว ตลอดทางไปยังเมืองคองและเวียงแหง ท�ำให้ เกิดการแพร่ หลายในการค้ าขาย วัวต่าง ม้ าต่างในสมัยนันเป็ ้ นอันมาก ผู้คนสามารถเดินทางไปมาหาสูก่ นั ได้ สะดวกยิ่งขึ ้น ในอดีตหมู่บ้านเมือ งกื ด้ เป็ นที่ตัง้ ของที่ว่าการอ�ำเภอแม่แ ตงเป็ นแห่ ง แรก จนกระทังถึ ้ งปี ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ า เจ้ าอยูห่ วั รั ชการที่5 ได้ ทรงย้ ายที่วา่ การอ�ำเภอแม่แตงในหมูบ่ ้ านเมืองกื ้ด ไปยัง อ�ำเภอแม่แตงในปั จจุบนั ค�ำว่า “กื ้ด” ทีป่ รากฏเป็ นชือ่ ของหมูบ่ ้ าน สันนิษฐานจากค�ำบอกเล่าของชาว บ้ าน สามารถให้ คำ� จ�ำกัดความได้ 2 ความหมาย คือ 1. “กื ้ด” หมายถึง บริเวณทีล่ ำ� น� ้ำแม่แตงไหลผ่านหุบเขา ทีล่ กึ และน� ้ำไหล เชี่ยว จนแม้ แต่ท่อนซุงใหญ่ตกลงไปในล�ำน� ้ำแม่แตงแล้ วไหลผ่านเมืองกึด๊ นี ้ต้ อง แหลก ไม่เหลือซากออกมาให้ เห็น 2. “กื ้ด” มีความหมายจากค�ำว่า “งื ้ด” ในภาษาพื ้นเมือง แปลว่า แปลก จะเป็ นไปได้ไหม... ?

5


ผ่ านมาเจอ ข้ าพเจ้ ายังอ่านเจอในหนังสือของศาสตราจารย์สรั สวดี อ๋องสกุล เรื่ อง "ชุมชนโบราณในแอ่งเมืองเชียงใหม่-ล�าพูน" ว่า บ้ านเมืองกื ้ดนันอยู ้ ใ่ นรายนาม ชุมชนโบราณสมัยอาณาจักรล้ านนาตังแต่ ้ ต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ถึงปลายพุทธ ศตวรรษที่ 21 ภายใต้ การปกครองของราชวงศ์มงั ราย ซึง่ เป็ นเมืองโบราณทีไ่ ม่มี คูน� ้าคันดิน เพราะเมืองประเภทนี ้มักตังอยู ้ ร่ อบนอกหรื อตามภูเขา สันนิษฐานว่า เมืองกื ้ดคงเป็ นชุมชนเก่าแก่ที่สืบไปถึงสมัยล้ านนา เป็ นชุมชนของชาวพื ้นเมือง ในอดีต ประชากรแถบนี ้เป็ นลัวะ และคาดว่าเมืองกื ้ดในอดีตเป็ นรัฐอิสระของชน พื ้นเมือง ในหนังสือยังระบุอกี ว่าบ้ านเมืองกื ้ดนันเป็ ้ นเส้ นทางเดินทัพของสมเด็จ พระนเรศวรออกสูป่ ระเทศพม่า กระนันจึ ้ งไม่นา่ แปลกใจทีม่ กี ารเล่าลือว่าพบวัตถุ โบราณหลายชิ ้น พระพุทธรู ปโบราณ เครื่ องปั น้ ดินเผารวมไปถึงศาสตราวุธโบราณ ต่างๆ แต่สงิ่ ทีข่ ้ าพเจ้ าสนใจและสงสัยก็คอื หากเมืองกื ้ดนันเป็ ้ นเมืองโบราณอย่างที่ ว่า มีความเป็ นไปได้ วา่ น่าจะมีร่องรอยอืน่ ที่ชว่ ยยืนยันและระบุได้ ชดั ยิ่งขึ ้นว่าพื ้นที่ ในหุบเขาแห่งนี ้มีความส�าคัญและเคยรุ่งเรื องอย่างไร และสิ่งที่ข้าพเจ้ าเจอนันเป็ ้ น ค�าตอบที่นา่ พึงพอใจ

6

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


เตาเผาบ้ านเมืองกืด้

ข้ าพเจ้ าได้ มโี อกาสพูดคุยกับพ่ออุ๊ยสุขใจ นันติ หรื อพ่ออุ๊ยแก้ ว บุคคลซึง่ เคย ท�ำดินกี่หรื ออิฐในบ้ านเมืองกื ้ดเพื่อส่งขายให้ กบั ชุมชนใกล้ เคียง พ่ออุ๊ยแก้ วเล่าว่า เมือ่ ก่อนนันกิ ้ จการดินกีร่ ุ่งเรื องมีทงดิ ั ้ นกีแ่ บบสีเ่ หลีย่ มผืนผ้ า แบบทีโ่ ค้ งงอส�ำหรับ ท�ำบ่อน� ้ำ และดินขอมุงหลังคา คนทีม่ าสอนนันเป็ ้ นชาวแม่เหียะ พ่ออุ๊ยแก้ วเล่าถึง การท�ำดินกีท่ ตี่ ้ องเอาดินไปหมักริ มน� ้ำแม่แตงนานแรมเดือน จากนันค่ ้ อยเอามาวาง ในบล็อคไม้ สเี่ หลีย่ มพอเป็ นรู ปทรงแล้ วค่อยปาดหน้ าปาดหลังให้ เรี ยบ พักให้ ดนิ แข็ง ตัวถึงจะน�ำไปเผาได้ ส่วนวิธีการเผานันข้ ้ าพเจ้ าเข้ าใจว่าเป็ นแบบเดียวกับการท�ำ เครื่ องปั น้ ดินเผาที่บ้านเหมืองกุง อ�ำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึง่ เป็ นการเผา แบบเปิ ดทีไ่ ม่กอ่ เตา แต่ทนี่ จี่ ะขุดหลุมเป็ นสีเ่ หลีย่ มผืนผ้ าขนาดใหญ่ กว้ างประมาณ 6 เมตร ยาว 12 เมตร ลึก 1 เมตร เวลาเผาก็ทำ� เป็ นชันๆ ้ เพือ่ ใส่ดนิ ได้ หลายก้ อน ด้ านล่างสุดใส่ฟืนส�ำหรั บจุดไฟ ตรงกลางบรรจุก้อนดินกี่หลายชัน้ ส่วนด้ านบน เอาแกลบมาสุมทิ ้งไว้ แบบนี ้ประมาณ 1 เดือนเศษจึงจะออกมาเป็ นดินกีให้ใช้ กนั ปั จจุบนั หยุดการท�ำดินกีไ่ ปนานแล้ ว เหลือเพียงหลุมสีเ่ หลีย่ นขนาดใหญ่บนที่ดนิ ส่วนบุคคลของนายทุนไม่ทราบชือ่

จะเป็ นไปได้ไหม... ?

7


วัดร้ างบ้ านเมืองกืด้

นอกจากเตาเผาแล้ วทีบ่ ้ านเมืองกื ้ดยังมีร่องรอยของวัดร้ าง เป็ นทีท่ ราบโดย ทัว่ กันของผู้เฒ่าผู้แก่ทนี่ วี่ า่ มีวดั ร้ างอยูห่ ลายแห่ง ด้ วยความทีข่ ้ าพเจ้ าอยากจะรู้ นกั ว่าวัดร้ างที่พดู ถึงกันนันเป็ ้ นรู ปร่ างรู ปทรงแบบไหน แต่เมื่อข้ าพเจ้ าได้ไปเห็นช่าง ต่างกับสิง่ ที่ข้าพเจ้ าคิดเหลือเกิน วัดร้ างที่ข้าพเจ้ าพบเหลือเพียงเนินอิฐทังเป็ ้ นกอง และกระจัดกระจาย มีทงหมด ั้ 3 แห่ง ตังอยู ้ ต่ ามเชิงเขารอบหมูบ่ ้ าน โดยทังหมด ้ นันไม่ ้ มผี ใ้ ู ดทราบถึงอายุ ยุคสมัย หรื อรู ปร่ างลักษณะของสถาปั ตยกรรม วัดแห่ง แรกที่ข้าพเจ้ าเข้ าไปเยีย่ มชมตังอยู ้ ใ่ นไร่ ของนายมนูศกั ดิ์ หงส์สร้ อย เป็ นกองอิฐทีม่ ี ฐานเป็ นวงกลม เส้ นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เมตร สูงประมาณ 1.5 เมตร นาย มนูศกั ดิ์ หรื อลุงแดง เล่าว่า ตนมักจะพบเศษเครื่ องปั น้ ดินเผาคล้ ายเศษถ้ วยชาม กระจายอยูต่ ามไร่ แต่ตนไม่ได้ นำ� มาเก็บรวบรวมไว้ เลยสักชิ ้น

8

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


วัดร้ างบ้ านเมืองกืด้

วัดร้ างแห่งทีส่ องที่ข้าพเจ้ าพบคือวัดร้ างในสวนของนายมูล บุญเลิศ ซึง่ ตัง้ อยูบ่ นเนินเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของหมูบ่ ้ าน เป็ นลักษณะเนินอิฐลาดยาว ประมาณ 18 เมตร กว้ าง 9 เมตร และสูง 1 เมตร ข้ าพเจ้ าพบเศษอิฐและกระเบื ้อง ดินขอกระจัดกระจายโดยทัว่ เมือ่ ได้ พดู คุยกับลุงมูล จึงทราบว่าหลายคนทีม่ าช่วย ตนท�ำการเกษตรบริเวณนี ้มักจะพบวัตถุโบราณเช่น เศษกระบอกยาสูบ เศษถ้ วย ชาม และพบกระบอกบดหมากทีเ่ ป็ นโลหะ ส่วนใหญ่จะทิ ้งไว้ ทเี่ ดิม ไม่ได้ เก็บมา รักษาแต่อย่างใด แต่มเี ศษถ้ วยชิ ้นหนึ่งที่ตนน�ำมาเก็บไว้ในกระท่อม เป็ นชิ ้นส่วน ประมาณ 2 ส่วน 3 ของถ้ วย เนื ้อดินเป็ นสีขาวนวลเคลือบสีเขียวอ่อนข้ าพเจ้ าคาด ว่าเป็ นเครื่ องถ้ วยเคลือบศิลาดล คล้ ายกับเครื่ องถ้ วยเตาเผาอินทขิล แต่เนื ้อดินสี ขาวนวลคล้ ายเตาสันก�ำแพง ข้ าพเจ้ ายิง่ หลงรักเมืองในหุบเขานี ้เข้ าไปทุกทีและรู้สกึ ว่าที่นี่มคี วามพิเศษขึ ้นเรื่ อยๆ จะเป็ นไปได้ไหม... ?

9


วัดร้ างบ้ านเมืองกืด้ และวัดร้ างทีส่ ดุ ท้ ายที่ข้าพเจ้ าเจออยูใ่ กล้ ๆ กันกับแหล่งทีส่ องอยูเ่ ชิงเขาถัด ไป บนทีด่ นิ ของพ่ออุ้ยฝน กอนแก้ ว เป็ นเนินอิฐในลักษณะคล้ ายกันแต่มฐี านค่อน ข้ างกลมเส้ นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร มีความสูงประมาณ 1 เมตร ก้ อน อิฐกระจัดกระจายรวมถึงเศษกระเบื ้องดินขอ พ่ออุ้ยฝนพาข้ าพเจ้ าไปดูก้อนอิฐ ที่มีลกั ษณะค่อนข้ างสมบูรณ์คือเป็ นสีเ่ หลีย่ มผืนผ้ าขนาดความยาว 27.5 เซ็นติ เมตร กว้ าง 14 เซ็นติเมตร หนา 4 เซ็นติเมตร พ่ออุ้ยฝนเล่าว่าตนมักจะน�ำดอกไม้ ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ไปกราบไหว้ บริเวณเนินอิฐทุกวันพระใหญ่ เพราะเชือ่ ว่า เป็ นสิ่งศักดิส์ ทิ ธิ์ปกปั กรักษาไร่ ของตน

10

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


ศิลปวัตถุ ด้ วยนิสยั ส่วนตัวของข้ าพเจ้ าชอบส�ารวจนัน่ นี่ ช่างบังเอิญนักทีเ่ ดินไปเจอ กองไม้ เป็ นลักษณะของไม้ ฉลุลายสีแดงทอง เมือ่ ข้ าพเจ้ าเดินเข้ าไปดูใกล้ ๆ ถึงรู้ วา่ เป็ นกองปราสาทรู ปทรงแปลกตาแตกต่างจากศิลปะในแถบนี ้ ข้ าพเจ้ าขออนุญาต เจ้ าอาวาสน�าเอาปราสาทเหล่านันมาประกอบร่ ้ าง เมือ่ เห็นลวดลายและรู ปทรงซ้ อน ชันของหลั ้ งคาปราสาทข้ าพเจ้ ารู้ ทนั ทีวา่ เป็ นศิลปะแบบไทใหญ่ อันได้ แก่ ปราสาท พระพุทธรู ป แท่นประดิษฐ์ สถานพระพุทธรู ป ปราสาทพระพุทธรู ป 9 องค์ รวมไป ถึงหีบธรรมและสัตภัณฑ์ ศิลปะแบบล้ านนา

ปราสาทพระพุทธรู ป พบทีว่ ดั เมืองกื ้ด

จะเป็ นไปได้ไหม... ?

11


ศิลปวัตถุ

แท่นประดิษฐ์ สถานพระพุทธรู ป พบทีว่ ดั เมืองกื ้ด

ปราสาทพระพุทธรู ป 9 องค์ พบทีว่ ดั เมืองกื ้ด

12

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


ศิลปวัตถุ

ท�ำไมข้ าพเจ้ ารู้ สึกเหมือนได้ ยินเสียงร้ องไห้ ระงมของพ่ออุ๊ยแม่อ๊ ยุ เหล่านี ้ ศิลปวัตถุอนั ใช้ ค� ้ำจุนศาสนาถือว่าเป็ นวัตถุที่มีคา่ มาตังแต่ ้ อดีตจนถึงปั จจุบนั ยิ่ง เป็ นโบราณวัตถุอย่างนี ้แล้ วยิง่ ควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้ในสถานทีท่ เี่ หมาะสม และ เมื่อข้ าพเจ้ าดูรายละเอียดต่างๆ ของลวดลายแกะสลักและลายฉลุไม้ แบบเครื่ อง ประดับหลังคาของชาวไทใหญ่ ลวดลายการลงรักปิ ดทองบนสัตภัณฑ์ รวมไปถึง แก้ วจืนและวัสดุทใี่ ช้ในการประดับตกแต่งแล้ วศรั ทธาหรื อคนที่มอบถวายนันน่ ้ า จะเป็ นคนทีม่ ฐี านะพอสมควร ยิ่งฝี มือช่างด้ วยแล้ วน่าจะเป็ นช่างทีม่ ฝี ี มือเก่งกาจ ข้ าพเจ้ าสอบถามเจ้ าอาวาส ทราบว่า เดิมของบางชิ ้นยังใช้ งานอยูบ่ นวิหาร แต่เมือ่ เวลาผ่านไปต่างพากันหลงลืมว่าแต่ละชิ ้นนันใช้ ้ งานอย่างไรและควรจะวาง ไว้ ตรงไหนของวิหาร ส่วนเรื่ องทีม่ าของศิลปวัตถุแต่ละชิ ้นนันไม่ ้ มผี ใ็ู ดทราบว่ามา จากไหน ตังแต่ ้ เมือ่ ใด จะอย่างไรก็ตาม ข้ าพเจ้ าคิดว่าเราควรจะท�ำความสะอาดเบื ้องต้ นโดยอ้ างอิง ตามหลักการอนุรักษ์ จากนันควรหาที ้ เ่ ก็บรักษาใหม่ ทีม่ คี วามปลอดภัย หรื อควร จะจัดแสดงเพือ่ เป็ นความรู้ให้ แก่ผ้ ทู มี่ าเยีย่ มชม ทังหมดที ้ ข่ ้ าพเจ้ าพบทีน่ เี่ ป็ นจุดเริ่ ม ต้ นของค�ำถามทีว่ า่ เราจะสามารถจัดสร้ างพิพธิ ภัณฑ์ชมุ ชนได้ไหม หีบธรรม พบทีว่ ดั เมืองกื ้ด

สัตภัณฑ์ พบทีว่ ดั เมืองกื ้ด จะเป็ นไปได้ไหม... ?

13


จะเป็ นไปได้ไหม... ? เมื่ อ ข้ า พเจ้ าเกิ ดค�ำถามในใจเป็ น เหตุให้ ข้าพเจ้ าพยายามค้ นหาค�ำตอบและ วิธีการ ข้ าพเจ้ าศึกษาท�ำการเทียบเคียง อายุของบ้ านเมือ งกืด้ จากหนังสือเรื่ อ ง ชุมชนโบราณในแอ่งเมืองเชียงใหม่-ล�ำพูน ทีไ่ ด้ กล่าวไปข้ างต้ นระบุว่าบ้ านเมืองกืด้ เป็ นกลุ่ม ชนพื น้ เมื อ งหรื อลัว ะเดิ ม นั น้ สถาปั ตยกรรมน่าจะเป็ นแบบเรี ยบง่าย ยิ่ งมีการระบุว่าอาจจะเป็ นการหลบหนี สงครามขึ ้นไปอาศัยชัว่ คราวตามเนินเขา แล้ ว ยิ่งท�ำให้ ข้าพเจ้ าคิดว่าสถาปั ตยกรรม ต่างๆ น่าจะเป็ นแบบชัว่ คราว ไม่ได้ มีการ ประดับตกแต่งลวดลายมากมายแต่อย่าง ใด ข้ าพเจ้ าลองจ�ำลองภาพสามมิติจาก โปรแกรม Sketchup โดยใช้ ความกว้ าง ยาว เฉลีย่ จากวัดร้ างบ้ านเมืองกื ้ด แหล่งที่ 2 และ 3 เนื่องจากเป็ นสถานที่ที่พบดินกี่ และเศษกระเบื ้องดินขอนัน่ หมายความว่า จะต้ องมีการสร้ างสถาปั ตยกรรมทีม่ หี ลังคา คลุม ส่วนรู ปแบบหลังข้ าพเจ้ าท�ำเป็ นจัว่ แบบธรรมมาเนื่องจากเหตุผลข้ างต้ นที่วา่ สถานที่เหล่านี ้อาจเป็ นเพียงสถานที่ลี ้ภัย ชัว่ คราว และหน้ าต่างข้ าพเจ้ าท�ำเป็ นแบบ ที่มีซไี่ ม้ เนื่องจากข้ าพเจ้ าได้ แบบมาจาก วัดท่าข้ าม อ�ำเภอแม่แตง ซึง่ สันนิษฐานว่า น่าจะอยูใ่ นช่วงเวลาใกล้ เคียงกัน 14

จะเป็ นไปได้ไหม... ?


จะเป็ นไปได้ไหม... ?

และโบราณวัตถุอกี หนึง่ ชิ ้นทีข่ ้ าพเจ้ าท�ำการศึกษา ข้ าพเจ้ าศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของเครื่ องปั น้ ดินเผาจาก เตาเผาอินทขิล อ�ำเภอแม่แตง ซึง่ เป็ นแหล่งเตาทีอ่ ยูใ่ กล้ ทีส่ ดุ และถ้ วยทีข่ ้ าพเจ้ าพบมีลกั ษณะคล้ายกับเครื่ องถ้ วย จากเตาอินทขิลอย่างมาก ได้ แก่ แหล่งเตาเผาอินทขิลจะ เคลือบสีเขียวอ่อนหรื อเรี ยกว่าศิลาดล ใช้ ดนิ ขาวคุณภาพ ดี และจากการขุดค้ นเตาอินทขิลมักจะไม่ปรากฏเครื่ อง ถ้ วยที่มีลวดลายแต่อย่างใด หรื อหากมีลวดลายมักจะ พบบริ เวณก้ นของภาชนะ ซึ่งข้ าพเจ้ าไม่พบลวดลายใด บนก้ นของถ้ วยที่พบเลย จึงจ�ำลองภาพสามมิตขิ องถ้ วย ที่พบ ออกมา 2 รู ปแบบโดยอ้ างอิงจากรู ปแบบเดิมของ ถ้ วยที่นา่ จะเป็ นถ้ วยทรงสูงก้ นลึก

จะเป็ นไปได้ไหม... ?

15



จะเป็ นไปได้ไหม... ? © 2015 (พ.ศ. 2558) โดย ปาริ ฉตั ร กอนแก้ ว สงวนลิขสิทธิ์ พิมพ์ครัง้ แรกเมือ่ ตุลาคม พ.ศ. 2558 จัดพิมพ์โดย ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจติ รศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรี ยบเรี ยงและออกแบบโดย ปาริ ฉตั ร กอนแก้ ว ออกแบบโดยใช้ ฟอนท์ cordie new หนังสือเล่มนี ้เป็ นส่วนหนึง่ ของการเรี ยนการสอน เพือ่ ส่งเสริ ม และต่อยอดศักยภาพการศึกษา ภายในภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจติ รศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เมื่อข้าพเจ้าได้พบ ข้าพเจ้าแทบจะจินตนาการไม่ออกว่า ณ ที่แห่งนี้เคยงดงามเพียงใด แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่Êามาร¶ ทíาให้บรรยากาÈแบบนั้นกลับมาได้ แต่¢้าพเจ้าเช×่อมั่นว่า การชี้นíาและปลูก½˜งให้คนในชุมชน คนในÊังคมเหçนคุณค่าในâบราณʶาน วัดร้าง หร×อâบราณวัต¶ุชิ้นเลçกชิ้นใหÞ่เหล่านี้ เป็นหนÖ่งวิ¸ีที่จะทíาให้บ้านเม×องกลับมามีชีวิต เบ่งบาน และงดงามอีกครั้ง จะดีไหม หากเราจะช่วยกัน จะเป็นไปได้ไหม... ?


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.