หยุดกินเนื้อสัตว์ พบธรรมในนาที

Page 1


พบธรรม ในนาที เพือ่ ให้ความรูใ้ หม่ แด่ผใู้ ฝ่นพ ิ พาน


พบธรรมในนาที : หยุดกินเนื้อสัตว์ ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาล

โดย : อาจารย์ปริญญา ตันสกุล MBA,MS

นักวิชาการสัมผัสพิเศษ ประธานชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก The Universal of Chitchakraval Study Assembly สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2543 ห้ามลอกเลียนแบบ ถ่ายเอกสาร ตีพิมพ์ในรูปแบบใดๆ ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด ของหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะได้รับ อนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน

เจ้าของลิขสิทธิ์ พิมพ์ครั้งที่ เดือนปีที่พิมพ์

อาจารย์ปริญญา ตันสกุล 1 เมษายน 2557

ผู้ได้รับอนุญาตให้พิมพ์เผยแพร่ : สำ�นักพิมพ์ วิสุทธิปัญญา 147/2-3 ซอยลาดพร้าว 42 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10130 Tel.089-1052727

https://www.jitchakraval.com https://www.facebook.com/Visudhipunya https://www.psychoshowparinya.com


พบธรรมในนาที เพือ่ ให้ความรูใ้ หม่ แด่ผใู้ ฝ่นพ ิ พาน

ตอน : หยุดกินเนือ้ สัตว์ โดยทันที • ความรูเ้ รือ่ งสัตว์ประจำ�โลก... • ทำ�ไมต้องงดฆ่าสัตว์... • ทำ�ไมต้องงดกินเลือดเนือ้ ของสัตว์... • ไม่รกั ตนเอง ด้วยการทำ�ผิดบาป ต่อเครือ่ งยนต์แห่งกรรมของตนเอง เป็นอย่างไร... • ถามตอบธรรมะ เรือ่ งการกินเนือ้ สัตว์


4 พบธรรมในนาที

ความรูเ้ รือ่ งสัตว์ประจำ�โลก.... สัตว์โลกทุกชนิดล้วนรักชีวิตเหมือนเธอทุกคน สัตว์ทุกหมู่เหล่า พวกเขาล้วนเป็นครูของเธอทั้งนั้น จิตวิญญาณของเธอกับสัตว์ลว้ นมาจากผูใ้ ห้กำ�เนิดรูปธรรมเดียวกัน ดังนั้นมนุษย์กับสัตว์ จึงเป็นพี่ๆน้องๆกันทั้งหมดทั้งสิ้น จิตวิญญาณของสัตว์ประจำ�โลกทั้งหลายแม้จะคิดถึงบ้าน พวกเขา ก็นิพพานไม่ได้ เพราะสัตว์ทุกตัว มนุษย์ทุกคน ล้วนเป็นเพื่อนร่วมงาน กับดาวเคราะห์โลก จะขาดกันและกันไม่ได้ สรรพสั ต ว์ทั้งหลายถูกสร้างขึ้นไว้บนโลก ก่ อ นที่ ม นุ ษ ย์ จ ะได้ รับโอกาสให้มาเกิด ทั้งสัตว์และมนุษย์มีจิตวิญญาณแก่นแท้ที่มาจาก พระผู้ให้กำ�เนิดรูปธรรมเดียวกัน คือ องค์จิตจักรวาล ทั้ ง สั ต ว์ แ ละมนุ ษ ย์ ล้ ว นเป็ น พี่ น้ อ งกั น เพราะมาจากครอบครั ว เดียวกันและมาช่วยกันทำ�หน้าที่ใช้ความรักคํ้าจุนโลก ดังนั้นจำ�นวนสัตว์และมนุษย์ได้ถูกกำ�หนดเป็นค่าคงที่ไว้ โลกจะเสียสมดุลทันที ถ้าสัตว์ถูกฆ่าตายมาก หรือ มนุษย์ฆ่ากัน ตายมาก


หยุดกินเนื้อสัตว์ 5

ทำ�ไมต้องงดฆ่าสัตว์.... โลกจะเสียสมดุลทันที ถ้าจำ�นวนมนุษย์และสัตว์มีน้อยกว่า สัดส่วนที่ถูกกำ�หนดเอาไว้ ระบบชีววิทยามนุษย์ ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อรับ โปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นวัตถุดิบในการยังชีพ ฟันจึงกัดฉีกเนื้อสัตว์ไม่ได้ ทานเข้าไปก็ย่อยยาก ทานมากก็ขี้โรค-อายุสั้น สัตว์ทุกชนิดอาฆาตเป็น จึงพร้อมจองจำ�จองเวร ไม่ว่าจะยาวนาน นับพันปี ไม่ว่าสักกี่ภพชาติก็ตาม สัตว์ที่เจ็บปวดจนทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะถูกล่า-ฆ่า เขาจะ อาฆาตแค้นจนเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่จะคอยแก้แค้นเอาคืน ไปทุก ภพชาติ เธอจะอายุสั้น สุขภาพไม่ดี มีโรคประจำ�ตัวแทรกซ้อน สัตว์ทุกตัวแม้จะคิดถึงบ้าน ก็นิพพานไม่ได้ ...เพราะอาสามาเกิด เป็นสัตว์ประจำ�โลก มนุษย์ทกุ คนเมือ่ คิดถึงบ้านก็จะนิพพานได้เสมอ เพราะอาสามาเกิด บนดาวโลกเสรียุคละ 6 หมื่นปีเท่านั้น สัตว์โลกทุกชนิด ล้วนรักชีวิตเหมือนท่าน จงมีเมตตาต่อสัตว์ อย่าเบียดเบียนทำ�ร้ายซึ่งกันและกันอีกเลย... จงหยุดฆ่า หยุดล่า หยุดกินเนื้อสัตว์ ณ บัดนี้


6 พบธรรมในนาที

ทำ�ไมต้องงดกินเลือดเนือ้ ของสัตว์..... หยุดกินเนือ้ สัตว์ทนั ทีเพราะสัตว์ทกุ ชนิดไม่ได้พากันมาเกิดเพือ่ เป็น อาหารของมนุษย์ ร่างกายมนุษย์ก็ไม่ได้ถกู สร้างขึ้นเพื่อให้กินเนื้อสัตว์เป็น อาหาร ร่างกายจะไม่สามารถรับเอาสารโปรตีนจากสัตว์โดยตรงได้จึงต้อง ทานเมล็ดธัญพืช เพื่อผลิต DNA-RNA ในแบบที่ร่างกายต้องการ เนื้อสัตว์ย่อยยาก ...มันจะเข้าไปเน่าเสียในกระเพาะอาหารมนุษย์ ยังผลให้เซลอวัยวะและร่างกายเสื่อมสภาพจนมีอายุขัยสั้นลง งดกินเนื้อสัตว์ ณ บัดนี้ จงเลิกเบียดเบียนและทำ�ร้ายสัตว์ เพื่อการไถ่บาปต่อพระบิดา จงหยุดกินเนือ้ สัตว์ เลิกเบียดเบียน หยุดทำ�ร้าย เพือ่ การไถ่บาปต่อพระบิดา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 7

ไม่รกั ตนเอง ด้วยการทำ�ผิดบาป ต่อเครือ่ งยนต์แห่งกรรมของตนเอง เป็นอย่างไร.... “การไม่รักตนเอง” เป็นการทำ�ผิดบาปต่อเครื่องยนต์แห่งกรรม ของตนเอง มีหลายอย่างเช่น การใช้งานจนเกินกำ�ลัง การละเว้นการ พักผ่อนอย่างพอเพียง การไม่ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ การนำ�ตนเองเข้าไปอยู่ในท่ามกลางสนาม พลังงานที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น การทำ�ความผิดบาปเฉพาะกรณี “การกิน” 1.การกินอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ 2.การกินจนเกินความต้องการ 3.การกินในสิ่งที่ไม่ควรกิน การกินในสิ่งที่ไม่ควรกิน คือ ไม่ควรกิน“เลือดเนื้อของสัตว์ประจำ� โลก” เพราะพวกเขาต่างก็มีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้ซึ่งเดินทางมาจากแดน สุญญตา และมีพระบิดาเป็นอยู่ให้กำ�เนิดจิตวิญญาณพระองค์เดียวกัน เครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์ประกอบด้วยโครงสร้างทางชีววิทยาที่สลับ ซับซ้อน


8 พบธรรมในนาที

ตัง้ แต่แรกเกิดพระบิดาทรงกำ�หนดสร้างขึน้ มา ไม่วา่ สัตว์หรือมนุษย์ พระองค์ทรงกำ�หนดให้ทกุ รูปธรรมกินธัญพืชเป็นอาหาร มิได้ทรงอนุญาต หรือยินยอมให้ใครเบียดเบียนใคร หรือมิทรงยินยอมให้ใครกินเลือด กินเนื้อผู้หนึ่งผู้ใดทั้งสิ้น สารอาหารต่างๆ และยาสมุนไพรรักษาอาการ เจ็บปวดป่วยไข้ของเครื่องยนต์แห่งกรรมของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงกำ�หนดสร้างเอาไว้ให้ในพืชพันธ์ธุ ญ ั หารต่างๆ อย่างสมบูรณ์ ทัง้ สัตว์และมนุษย์จงึ มิจำ�เป็นต้องแสวงหาเอามาจากเลือดเนือ้ และชีวติ ของ กันและกัน การที่ ม นุ ษ ย์ ได้ ผ่ า นการเวี ย นว่ า ยตายเกิ ด กั น มาหลายภพชาติ จิตสำ�นึกแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ สัตว์กับสัตว์ ด้วยกันและมนุษย์กับสัตว์ประจำ�โลกกลับวิปริตผิดแปลกไปจากเดิมคือ สัตว์หันมากินสัตว์ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเองเป็นอาหารอย่าโหดเหี้ยม “การกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร” หรือ “การกินเลือดเนื้อของพวก เดี ย วกั น ” เครื่ อ งยนต์ แห่ ง กรรมรู ป ธรรมมนุ ษ ย์ อั น เป็ น โครงสร้ า ง ทางชีววิทยาที่ยอดเยี่ยมแยบยล ก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ องค์จิตจักรวาลทรงกำ�หนดสร้างเอาไว้ให้ คือ การเปลี่ยนแปลงไปในทาง ตํ่าหรือเสื่อมโทรม เห็นได้ขัดเจนที่สุดคือ


หยุดกินเนื้อสัตว์ 9

1.มนุษย์กลายเป็นคนขี้โรคเพราะมีภูมิต้านทางโรคตํ่า 2.มนุษย์มีอายุขัยของเครื่องยนต์แห่งกรรมสั้นลงกว่าเดิม 3.มนุษย์มีสภาพร่างกายอ่อนแอ ไม่แข็งแรง ความเสื่อมทั้ง 3 ประการ เกิดจากการที่มนุษย์หันมากินเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นพวกเดียวกันกับมนุษย์เองเป็นอาหาร

ป.วิสุทธิปัญญา


ถามตอบธรรมะ เรือ่ งการกินเนือ้ สัตว์ โดย ป.วิสท ุ ธิปญ ั ญา



12 พบธรรมในนาที

ถามตอบธรรมะ เรื่ อ งการกิ น เนื้ อ สั ต ว์ โดย ป.วิสท ุ ธิปญ ั ญา

Q : การกินเนื้อสัตว์เป็นบาปแล้วการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์

(ที่ต้องฆ่า) บาปหรือไม่คะ? ( เช่น นํ้าปลา กระเป๋าหนังจระเข้ เข็มขัด หนังวัว รูปสลักจากงาช้าง เสื้อขนสัตว์ ฯลฯ คือถึงแม้เราจะไม่ได้ฆ่า โดยตรง แต่ถ้าเราเป็นลูกค้า เมื่อยังมีลูกค้า คนขายเขาก็ยังต้องอยากขาย เหมือนเป็นแบบสนับสนุนทางอ้อม เพราะว่ายังมีคนซื้อของเขาอยู่นั่นเอง)

A : การกินเนื้อสัตว์ล้วนเป็นบาป การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์

แต่ต้องฆ่าจึงจะเอามาใช้ได้นั้น มันผิดบาปด้วยกันนั่นแหละ

มันผิดบาปทั้งคนฆ่า คนนำ�มันมาขาย คนซื้อไปใช้ และคนที่ชื่นชม ว่าสวย ว่าดี ว่างาม ว่าหรู ว่าเริ่ด! ผิดบาปยกพวงเลยครับ ถือว่าสามัคคี กันก่อกรรมทำ�ชั่วร่วมกันนั่นล่ะครับ พวกที่มีอุบัติเหตุต้องตายหมู่ บาดเจ็บเป็นหมู่ ทีเดียวพร้อมกัน หลายคน หลายครั้งที่มันเกิดก็เพราะมาจากผลกรรมทำ�นองนี้แหละครับ ป.วิสุทธิปัญญา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 13

Q : ถ้าตัวเรางดเนือ้ สัตว์แต่สมาชิกในครอบครัวยังไม่สนใจปฏิบตั ิ

เราเองต้องเป็นคนจัดหาอาหารให้(ตามหน้าที่ของภรรยาและแม่) จะผิด บาปหรือไม่อย่างไร

A : นอกจากความผิดบาป จะเกิดจากการกระทำ�ของตนเองแล้ว

การมีส่วนสนับสนุนส่งเสริมหรือเป็นเงื่อนไขให้คนอื่นกระทำ�ผิดบาป ตัว เราเองก็ย่อมมีความผิดบาปนั้นด้วยเสมอ

ป.วิสุทธิปัญญา

Q : สำ�หรับคนที่ยังรับประทานอาหารจากชีวิตสัตว์เพื่อนร่วมโลก

มีวิธีการอย่างใดหรือไม่ครับที่รับประทานเขาไปแล้วไม่ผิดบาป ไม่ผิดต่อ พันธะกรรม และพันธะสัญญา 6 หรือว่าไม่มีข้อยกเว้นครับ

A : ไม่มีข้อยกเว้นครับ

เพราะทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลที่ พระบิดาองค์จิตจักรวาล ทรงกำ�หนดสร้างไว้ สรรพสิ่งใดจะก้าวล่วงสรรพ สิ่งใดให้เกิดการสูญเสียความสมดุลไม่ได้เลย

ป.วิสุทธิปัญญา


14 พบธรรมในนาที

Q : พระพุทธเจ้าท่านมิได้บัญญัติศีลข้อหนึ่งออกมาใช้คำ�ตรงๆว่า

“ห้ามทานเนือ้ สัตว์”เพราะว่าข้อหนึง่ คือห้ามฆ่า ห้ามเบียดเบียนสัตว์นนั้ มัน ครอบคลุมไปถึงห้ามทานเนื้อสัตว์ด้วยใช่หรือไม่คะ??

A : ”ศีล” ของพระพุทธองค์ทรงหมายถึง “ข้อปฏิบตั อิ นั ควรละเว้น”

เป็นเสมือนคำ�สอนหรือคำ�แนะนำ�ของพระพุทธองค์ มิใช่ค�ำ สัง่ ห้ามแต่อย่าง ใด เพราะทรงทราบดีว่า มนุษย์จะต้องละเว้นด้วยจิตสำ�นึกของตนเอง เท่านั้น จะออกกฎ บังคับ หรือจูงใจให้ปฏิบัติตามไม่ได้ ถ้ายังมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งทานเนื้อสัตว์อยู่ สัตว์จำ�พวกนั้นก็จะต้อง ถูกมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งฆ่าอยู่ต่อไป ดังนั้น การที่พระพุทธองค์ทรงแนะ เน้นให้ละเว้นการฆ่าสัตว์ของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์ อีกกลุ่มหนึ่งได้บริโภคเนื้อสัตว์ไง เพราะทั้งการฆ่าและการบริโภคเลือด เนื้อของสัตว์นั้น ถือเป็นการสร้างกรรมก่อเวรซึ่งผิดบาปด้วยกันทั้งสอง กลุ่มนั่นแหละครับ

ป.วิสุทธิปัญญา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 15

Q : การขัดแย้งระหว่างพระพุทธเจ้าและพระเทวทัตทีแ่ ยกตัวกลุม่

สงฆ์ของตน แล้วอ้างว่า กลุ่มตนนั้นบริสุทธิ์กว่าเพราะไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ กลุ่มของท่านเจ้าชายสิทธัตถะยังทานเนื้อสัตว์ แสดงว่า พระเทวทัตเข้าใจ ผิด ใช่หรือไม่คะ??

A : พระพุทธองค์ ทรงทราบดีว่า การฆ่าสัตว์และการบริโภค

เลือดเนื้อสัตว์ประจำ�โลกทั้งหลายนั้นเป็นการกระทำ�ที่ผิดต่อพันธะสัญญา 6 ในข้อ 2 ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ในมนุษย์แต่ละคนได้ให้สัจจะต่อ พระบิดาองค์จิตจักรวาลไว้ตั้งแต่ภพชาติแรกเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พระพุทธองค์ ยังทรงทราบด้วยว่า การงานทุกสิ่งที่มนุษย์จะ แสดงออกหรือกระทำ�นั้น มันจะต้องขับเคลื่อนออกมาจากจิตสำ�นึกของ ตนเองเท่านัน้ จะถูกจูงใจให้ทำ�หรือว่าถูกบังคับให้ทำ�ไม่ได้ พระองค์จงึ ทรง ใช้วิธีแนะนำ�ให้ฆราวาสพึงละเว้นการกระทำ�นั้นแทนการห้าม!!! ที่เธอกล่าวว่า “กลุ่มของท่านเจ้าชายสิทธัตถะยังทานเนื้อสัตว์...” ไม่ทราบว่าเขียนผิดหรือเข้าใจผิด? ระหว่างพระพุทธเจ้ากับเจ้าชายสิทธัตถะ นะครับ?? ท่านเทวทัตเข้าใจผิดจริงๆ เนือ่ งจากเทวทัตเห็นพระพุทธองค์ไม่ทรง บังคับหรือสั่งห้ามใคร จึงเข้าใจว่าพระพุทธองค์ทรงเห็นดีเห็นงามด้วย

ป.วิสุทธิปัญญา


16 พบธรรมในนาที

Q : มีหลานตัวเล็กๆ อยู่หลายคนอยากสอนให้เด็กๆเข้าใจธรรมะ

เคยสอนให้ทานผัก-ผลไม้ ให้งดเนื้อสัตว์โดยให้ใช้ความรัก ความเมตตา และความสงสารกับสัตว์เหล่านั้น แต่หลานกับบอกว่า “ครูสอนว่าเนื้อสัตว์ เป็นอาหารของมนุษย์” จะสอนอย่างไรดีคะ

A : เรื่องการสอนเด็กให้ทานเนื้อสัตว์หรือการสอนจิตลูกหลานให้

เบี่ยงเบนไปจากสภาวธรรมแต่เดิม ด้วยคำ�สอนหรือข้อธรรมะที่บิดเบือน ของมนุษย์ผู้ใหญ่ที่จิตบอด ปัญญามืดบอดนี้มันมีมานานแล้ว ด้วยเหตุ นี้แล้วจิตสำ�นึกมนุษย์ของเด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่จึงดิ่งลงๆเรื่อยมาจน กลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมมนุษย์เองที่หาสันติสุขกันไม่ได้แล้ว ยังผล ให้ดาวโลกพลอยบอบชํ้าเพราะความวิกฤติด้านจิตสำ�นึกของมนุษย์ตาม ไปด้วยอย่างทีเ่ ป็นอยู่ เธอคงเข้าใจเพิม่ ขึน้ แล้วใช่มยั้ ว่า ทำ�ไมบวชนานแล้ว ใยนิพพานไม่ได้ทั้งคฤหัสถ์ทั้งนักบวช ทุกอย่างเสื่อมหมดเพราะจิตเสื่อม นี่เอง สังขารเสื่อม สมองเสื่อมตามๆกันเลยทีเดียว

ป.วิสุทธิปัญญา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 17

Q : การไม่ทานเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเนื้อนั้นมันอยู่ในจานของ

เราแล้วเราก็เขี่ยทิ้งเสีย...กับเราทานเนื้อนั้นเข้าเพราะเห็นว่าเขี่ยทิ้งไปมันก็ จะเป็นการทิ้งขว้างเนื้อของเขาโดยเปล่าประโยชน์ (ในกรณีที่เลือกไม่ได้)... กระผมอยากทราบว่าทำ�แบบไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด

A : หลักการทานอาหารจากจานที่มีเนื้อสัตว์โดยมิให้ผิดบาป 1.ต้องไม่มีเจตนาจะทานเนื้อสัตว์ในอาหารจานนั้นตั้งแต่ต้น 2.ต้องไม่เป็นคนสั่งให้ปรุงอาหารจานนั้นเสียเอง 3.ต้องไม่เป็นคนปรุงอาหารนั้นเสียเอง 4.หากไม่มีอาหารจานอื่นที่ปรุงโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ให้เลือกทานได้ เธอก็สามารถทานอาหารจานที่มีเนื้อสัตว์ผสมอยู่นั้นได้ แต่ต้องเขี่ยแยก เอาเนื้อสัตว์ออกไว้ข้างๆจาน แล้วทานพืชผักในจานนั้นแทน 5.ขณะเขี่ยเนื้อของเขาออกไว้ข้างๆ ก็ให้ใช้จิตนึกนำ�กล่าวคำ�ขอ อโหสิกรรมต่อเจ้าของเนื้อชิ้นนั้นด้วย พร้อมๆกับมอบความรักความ เมตตาให้เขาไป 6.อย่าอ้างว่าเพราะเสียดายเนื้อสัตว์ในจานนั้น ไหนๆมันอยู่ในจาน ของเธอแล้ว จึงคิดว่ากินมันดีกว่าเขวี้ยงทิ้งไปโดยเด็ดขาด เนื่องจากการ คิดเช่นนี้แม้จะดูเหมือนว่าเธอเป็นคนประหยัด แต่เธอจะใช้วิธีประหยัด ด้วยการมีส่วนร่วมเอาชีวิตผู้อื่นนั้นมันจะไม่ใจดำ�ใจร้ายไปสักหน่อยหรือ?

ป.วิสุทธิปัญญา


18 พบธรรมในนาที

Q:

สรุปแล้วคือ งดเว้นการทำ�ร้าย และเบียดเบียนชีวิตอื่น คำ� กล่าวอ้างใดๆที่ทำ�ให้เราต้องกินเนื้อสัตว์ล้วนเป็นข้อแก้ตัวให้ตนเองรู้สึก ไม่ผิด ที่จริงแล้วมิได้มีเจตนาที่จะประหยัด หรือเสียดาย แต่ตอนนั้น เจตนาของผมคือ ผมคิดว่าถ้าทานเนื้อสัตว์นั้นเข้าไปแล้วจะเป็นประโยชน์ ต่อเค้ามากกว่าที่จะเขี่ยทิ้งไปเฉยๆ...ผมคิดอย่างนั้นจริงๆครับ แต่ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด...ต่อไปนี้ผมจะรอบคอบเรื่องการสั่งอาหารให้มาก ขึ้นครับ...จะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดเวลาเขี่ยมันทิ้งไปเฉยๆ...

A : ความถูกต้องเหมาะสมดีงามและความสมดุล มันจะต้องเกิด

จากทุกฝ่ายล้วนมีส่วนร่วมพิจารณาและรับผิดชอบเสมอ เราว่าถูกต้อง เหมาะสมดีงามแล้ว คนอื่นๆ(หลายๆคนมิใช่เฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง)เขาเห็น พ้องด้วยกันกับเราหรือเปล่า เราว่าโอเคแล้วสมดุลแล้วแต่คนอื่นๆเขาเห็น เช่นนั้นด้วยหรือเปล่า สัจธรรมข้อนี้พวกเธอพึงสังวรไว้เช่นที่ถามมาและ การร่วมแสดงความเห็นมาก็นับว่าน่าชื่นชมในปัญญาและเมตตาต่อสัตว์ ผู้ยากของเธอทั้งสองเป็นที่ยิ่ง คำ�ว่า “คนอื่นๆหรือผู้อื่น” ในที่นี้มิได้หมายถึงเพื่อนมนุษย์ของเธอ อย่างเดียว แต่เราหมายถึงสัตว์ผู้เป็นเจ้าของชิ้นเนื้อชิ้นนั้นด้วย เขาจะเสีย สมดุลมั้ย? เขาจะเห็นชอบกับความคิดนึกของเธอด้วยมั้ย?

ป.วิสุทธิปัญญา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 19

Q

: จิ ต ที่ พั น ผู ก กั บ กายเนื้ อ นั้ น เมื่ อ กายนั้ นดั บ ด้ ว ยเหตุ อั น มิสมควรแล้ว จิตนั้นยังคงพันผูกกับกายเนื้อนั้นรึเปล่าครับ ?? แล้วส่งผล ต่อจิตของเราด้วยรึเปล่า ครับ ???

A ‎: แน่นอน สัตว์ทุกตัวมนุษย์ทุกคน ย่อมรักตัวกลัวตายและ

หวงห่วงเครื่องยนต์แห่งกรรมของตัวด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อถูกทำ�ร้ายจนต้อง ทิ้งเครื่องยนต์แห่งกรรมของตนไปในภาวะที่ตนยอมรับไม่ได้ สภาวะจิต ก่อนตายนั้นมันจะยังคงผูกพันยึดเหนี่ยวกับเครื่องยนต์แห่งกรรมของตน เอาไว้อย่างมัน่ คง แม้แต่เพียงเส้นขน เขีย้ วงา เลือดเนือ้ อย่างใดอย่างหนึง่ ล้วนเป็นสิ่งยึดติดผูกพันแหนหวงได้ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ไง มนุษย์โลกจึงมี เจ้ากรรมนายเวรมากมายนับไม่ถ้วนที่พวกเขากำ�ลังลงมือเร่งมือแก้แค้น เอาคืนไปพร้อมๆกับปฏิบัติการชำ�ระโลกของพระบิดาอยู่กำ�ลังนี้ เราเรียก พวกเขาว่า “ช่างเท็คนิคของโลก” อย่างไรล่ะ

ป.วิสุทธิปัญญา


20 พบธรรมในนาที

Q : ศิษย์ได้เริ่มงดกินเนื้อสัตว์มาได้ซักพักแล้วแต่ด้วยความที่

เป็นแม่บ้าน ก็ยังต้องทำ�อาหารประเภทเนื้อสัตว์ให้สามีและลูก หรือแม้ แต่ญาติๆที่มาทานข้าวที่บ้าน แต่ตอนที่ท�ำ เราก็ตั้งจิตอธิฐานขออภัยโทษ ต่อเนื้อสัตว์ที่เราทำ� และไม่ได้มีจิตคิดอยากทำ�ร้ายเค้า หรือเอาเนื้อเค้ามา ทำ�อาหาร อย่างนี้เราจะมีกรรมกับเค้ารึเปล่าคะ เป็นการก้าวล่วงเค้าหรือ เปล่า ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

A:

มีคนจ้างวานให้เธอไปดักตีหัวคนๆหนึ่งที่เธอรู้จัก และเธอ เองก็รู้ดีว่าการทำ�ร้ายคนอื่นนั้นไม่ดี และผิดบาปมาก แต่เพราะเธอเห็นว่า เธอเป็นบริวารเป็นลูกน้องเป็นผู้รับจ้าง จะต้องทำ�ตามคำ�สั่ง คำ�ต้องการ ของคนๆนั้น เธอว่าตำ�รวจจะจับเธอไหม? ผิดกฎหมายมั้ย? คนที่ถกู เธอตี หัวเขาจะเอาเรื่องเธอมั้ย? ญาติพี่น้องคนที่ถูกตีหัวเขาจะโกรธแค้นอาฆาต เธอด้วยมั้ย? และเธอจะอ้างตำ�รวจ-คนถูกตีหัว-ญาติพี่น้องของคนที่ถูกตี หัวว่า เธอทำ�ไปเพราะเธอจำ�เป็นจะต้องทำ�แบบนั้น เพื่อมิให้เขาเอาเรื่องเอา ราว หรือเพือ่ ให้เธอพ้นผิดนัน้ ได้หรือไม่? อำ�นาจในการจะทำ�ตามคำ�สัง่ คำ� บงการ ตามหน้าทีภ่ รรยา ทีจ่ ะตัดสินใจว่าควรทำ�ไม่ควรทำ�นัน้ แท้จริงแล้ว อำ�นาจนัน้ อยูท่ ใี่ คร? อยูท่ คี่ นอืน่ รอบๆข้างตัวเธอ หรือว่าอำ�นาจนัน้ อยูท่ ใี่ จ และปัญญา(จิตสำ�นึก)ของตัวเธอเองกันแน่...... ได้แง่คิดอะไรบ้างมั้ยครับ?

ป.วิสุทธิปัญญา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 21

Q:

มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตสัตว์ คือ การรับเนื้อสัตว์แปรรูป แล้วนำ�มาจำ�หน่ายต่อให้ผู้ซื้อรายย่อยโดย รายได้จากอาชีพนี้ จำ�เป็นต่อ การดำ�รงชีพของครอบครัว ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ คือ ส่วนตัวผมพยายามตั้งใจไม่กินเลือดเนื้อ ของสัตว์ และผมก็ชวนให้แฟนผมปฏิบัติด้วยกัน แต่การที่ยังขายเนื้อ สัตว์อยู่ ก็เลยดูแปลกๆไม่สง่างามไม่สมภาคภูมิเลย ครั้นจะให้เลิกอาชีพ นี้ ครอบครัวเขาย่อมเดือดร้อน และคาดว่าน่าจะมีความคิด ลบๆ ถาโถม ตามามากมาย ถามครับ : 1)พอจะเป็นไปได้ไหมครับที่ แฟนผมจะยังคงยึดอาชีพนี้ต่อไป โดยหมั่นสร้างบุญกุศลส่งให้ เหล่าจิตวิญญาณสรรพสัตว์เหล่านั้นอย่าง สมํา่ เสมอ และหมัน่ ขออโหสิกรรม เพราะเป็นการทำ�เพือ่ ยังชีพ และวิธกี าร ปฏิบัติเป็นเช่นไรบ้างครับ 2) ทุกๆครั้ง ที่เขาขอให้ผมยื่นมือเข้าช่วยเหลือธุรกิจของเขา ผมมัก จะปฏิเสธเสมอมา ซึ่งผมก็อึดอัดเสมอมาเช่นกัน เนื่องจากส่วนตัวผม ถ้า จะช่วยก็ช่วยเต็มที่ หากไม่ช่วยก็คือไม่ช่วยเลย ตรงนี้ หากผมจะเข้าไปมี ส่วนช่วยเธอทำ�ธุรกิจนี้ ใจผมคิดว่า ผมคงต้องมีส่วนผิดบาปไปด้วยแน่ๆ แต่ เพื่อรักษาไม่ให้ครอบครัวต้องแตกแยก ผิดใจในข้อหา ไม่ยอมช่วย เหลือกัน ผมสับสนจริงๆครับ ว่าผมควรจะช่วยเขาดีไหม หรือ ยืนกระต่าย ขาเดียวแบบนี้ต่อไปดีครับ ....>>>


22 พบธรรมในนาที

A : 1.วิธีคิดไม่ถูกต้อง บุญกุศลกับบาปกรรมนั้น กล่าวเป็นภาษา

ชาวบ้านก็ว่ามันเป็นคนละบัญชีกรรมกัน เธอจะทำ�กรรมดีเพื่อหมาย ลบล้างกรรมไม่ดีนั้นไม่ได้...เพราะผลกรรมในมิติทางพลังงานในรูปของ บุรพกรรมแม่เหล็กนั้นมันเกิดขึ้นมาแล้ว ในทันทีที่จิตเธอสั่นสะเทือนให้ เกิดมโนกรรมนั่น... 2.คดีกรรมคือ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์จะต้องทำ�ผิดบาปต่อสัตว์ ผู้ยาก ทั้งๆที่รู้ว่าผิดบาป แล้วยังกระทำ�มันอยู่ต่อไปอีก...ถือเป็นสอบตก บททดสอบนี้...ผลกรรมด้านลบที่ผู้ก่อกรรมจักต้องรับผิดชอบในมิติทาง จิตวิญญาณแห่งตนได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าจะให้สอบผ่านบททดสอบนี้ได้ เธอ จักต้องตัดสินใจใหม่ให้ถกู ต้อง...กรรมทีว่ า่ นีก้ จ็ ะเป็นอันสิน้ สุดยุตกิ รรมได้ 3.การตัดสินใจกระทำ�ผิดบาปต่อไป...โดยอ้างว่าเพื่อยังชีพ เป็น เพียงข้ออ้างต่างหากมิใช่เหตุผล...เธอคิดว่ายุติธรรมต่อผู้อื่นมั้ยถ้าเธอ จะเอาชีวิตผู้อื่นหรือเบียดเบียนผู้อื่น ก้าวล่วงผู้อื่น เพียงแค่อ้างว่าทำ�ไป เพื่อความอยู่รอด ทำ�ไปเพื่อการหาเลี้ยงชีพของตนเองกับพวกตัว ตัวเอง ต้องการรอดชีวติ ด้วยการเอาชีวติ ของสัตว์ทนี่ า่ สงสารมาแลกเช่นนัน้ หรือ... ใจร้ายไปรึเปล่าว่ามั้ย? ที่สำ�คัญคือ ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ คือ ตัวเอง และครอบครัวจะสามารถรอดชีวิตได้ด้วยการประกอบสัมมาอาชีวะซึ่งมี อาชีพสุจริตตั้งมากมายให้เลือกทำ�บ้างเลยหรือไร ....>>>


หยุดกินเนื้อสัตว์ 23

4.การทำ�ความดีงามด้วยการทำ�บุญกุศลมากๆ เพราะรู้ดีว่าเธอ กระทำ�ผิดบาปมากไปในเวลาเดียวกันทีว่ า่ นัน้ ผลกรรมทีเ่ กิดขึน้ มันหักล้าง กันไม่ได้หรอกเพราะว่ามันคนละคดีกรรมกัน การกระทำ�เยีย่ งนีเ้ ข้าทำ�นอง กระทำ�เพือ่ ช่วยให้ตนเองสบายใจ หรือเป็นการกระทำ�เพือ่ กลบเกลือ่ นสิง่ ไม่ ดีที่ตนกระทำ�ก็ไม่ต่างกันดอกนะ 5.สิ่งควรทำ�คือ เมื่อสำ�นึกในบาปที่กระทำ�แล้ว ควรคิดหาช่องทาง เปลีย่ นแปลงอาชีพเสียน่าจะเหมาะกว่า...ควรสงสารแก่นแท้ตนเองบ้างเมือ่ ถึงวาระทิ้งกายสังขารเขาจะต้องเผชิญทุกข์กองใหญ่ยาวนานเลยทีเดียว เมื่อเธอเรียนรู้ปัญหาของตนเองแล้ว บททดสอบคือ เธอจะต้อง ตัดสินใจให้ถูกต้อง...ด้วยปัญญาของเธอเอง ด้วยจิตสำ�นึกของเธอเอง... ว่า...เธอจะจัดการกับปัญหาของตนเองที่ว่านี้อย่างไร มันคือ หนึ่งในบท ละครที่เขียนกันมาเองมิใช่หรือ?

ป.วิสุทธิปัญญา


24 พบธรรมในนาที

Q: A

อยากถามเหตุผลทำ�ไมเราจึงไม่ควรทานเนื้อไก่คะ ??

: 1.เธอคงจะทราบดีอยู่แล้วนะว่า ไม่ว่าสัตว์ชนิดใด มนุษย์ ทุกคน “ต้อง” (ไม่ใช่ควร)งดการรับประทานเลือดเนื้อ หรืองดใช้ประโยชน์ จากส่วนใดส่วนหนึ่งของพวกเขา โดยต้องเอาชีวิตของพวกเขาด้วยอย่าง เด็ดขาด!!! ไม่วา่ จะเป็นสุกร หรือ แม้กระทัง่ ไก่ทเ่ี ธอถามหาเหตุผลมาเนีย่ ล่ะ 2.เหตุผลที่สำ�คัญมีดังนี้: 2.1)ผิดบาปต่อพระบิดาองค์จิตจักรวาล : ในข้อหาละเมิดสัจจะที่ให้ไว้ต่อพระบิดาในพันธะสัญญา6 ก่อนจะ ได้รับโอกาสจากพระองค์ให้มาเกิดเป็นมนุษย์ตั้งแต่ภพชาติแรก ในข้อที่ ว่า “เมื่อได้รับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว เธอสัญญาว่าจะไม่เบียดเบียน ทำ�ร้ายเอาชีวิตพี่ๆน้องๆกันเอง” เธอว่าการไม่รักษาสัจจะต่อพระบิดาแห่ง จิตวิญญาณของตัวเองนั้นก็นับว่าเหลวไหลมากแล้ว นี่ยังฆ่าพี่ๆน้องๆเอา เลือดเนื้อมากินทั้งๆที่มีพระบิดาผู้ให้กำ�เนิดพระองค์เดียวกันซะอีกนี่ เธอ คิดว่าใจดำ�อำ�มหิตมั้ย? สมควรเรียกว่ามนุษย์ที่แปลว่า “ผู้มีจิตใจงาม จิตใจสูง” รึเปล่า? ‎2.2)ฆ่าครูของตัวเอง: @.ไก่ตัวผู้เป็นต้นแบบของคนขยัน ไม่เกียจคร้าน ไม่ว่าหน้าหนาว หรือหน้าไหน ไก่ไม่เคยขี้เกียจตื่นนอนขึ้นมาโห่ เพื่อทำ�หน้าที่ปลุกโลกให้ ตื่นจากหลับใหล ....>>>


หยุดกินเนื้อสัตว์ 25

@.ไก่เป็นต้นแบบของสัตว์สังคม อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ๆได้ โดย ไม่เบียดเบียนทำ�ร้ายกัน ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ ตัวผู้หรือตัวเมีย อายุ มากกว่าหรือน้อยกว่า พวกเขาไม่เอามาเป็นเงื่อนไขเลย @.ไก่เป็นต้นแบบของความวิรยิ ะอุตสาหะ ขยันคุย้ เขีย่ เพือ่ หาอาหาร ที่เป็นเมล็ดข้าวเปลือกข้าวสารแม้เพียงเมล็ดเดียว จากเมล็ดกรวดเมล็ด ทรายจำ�นวนมากมาย ไก่ก็ไม่เคยย่อท้อ และไม่เคยปริปากบ่นออกมาเป็น ภาษาไก่เลย @.ไก่เป็นต้นแบบของการตรงต่อเวลา โดยจะตื่นนอนตอนเช้าตรู่ และเข้าเล้าเพื่อหลับนอนพักผ่อนตอนหัวคํ่าในเวลาเดิมเป็นประจำ� โดยมิ พักต้องให้เจ้าของสั่งหรือบังคับเลย 2.3)ฆ่าผู้มีพระคุณของตัวเอง: @.ผู้คอยโห่ร้องบอกเวลาเช้าตรู่ และปลุกให้ตื่น เสมือนเป็นนาฬิกา ปลุกในเวลาเช้าที่เที่ยงตรงที่สุด ที่ไม่เคยเสีย และไม่ต้องซ่อมด้วย @.ผู้ช่วยพรวนดินในสวนครัวหลังบ้านข้างบ้าน จากนิสัยในการคุ้ย เขี่ยหาอาหารบริเวณแปลงผัก...สวนครัวที่เจ้าของปลูกไว้ @.ไก่ตัวเมียเป็นผู้ผลิตไข่ให้เป็นอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมนุษย์ เวลานึกไม่ออกว่าจะกินอะไร หรือเวลาที่ไม่มีอะไรจะกิน มนุษย์จะต้อง นึกถึงไข่ก่อนเสมอ @.ไก่ตัวผู้ช่วยให้เกิดการสืบทอดเผ่าพันธุ์และขยายพันธุ์ประชากร ไก่ให้เพิ่มขึ้น ป.วิสุทธิปัญญา


26 พบธรรมในนาที

Q : ทำ�ไมคนอิสลาม จึงไม่อนุญาตให้ทานเนื้อสุกรคะ A : เพราะพระศาสดาทรงล่วงรูว้ า่ สุกรเป็นสัตว์ทมี่ ดี วงจิตวิญญาณ

ที่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ คือ

1.มีนิสัยรักสงบ ไม่เกะกะระรานสัตว์อื่น กินอิ่มแล้วก็นอน ไม่เป็น ภัยต่อมนุษย์ 2.เป็นเพือ่ นเล่นของมนุษย์ได้ ตัวโตๆให้เด็กขีห่ ลังเล่นได้อย่างเป็นมิตร 3.แสนรู้ ฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง เข้าใจภาษามนุษย์ได้ดี 4.เป็นสัตว์ที่ไม่มีความอาฆาตพยาบาทมนุษย์ แม้จะถูกมนุษย์ ทำ�ร้าย ทรมาน เข่นฆ่า กินเลือดกินเนื้อของเขาอย่าทารุณโหดร้ายก็ตาม 5.เป็นสัตว์ที่มีสัจจะและรักษาสัจจะที่ให้ไว้ต่อองค์พระบิดาอย่าง มั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการไม่เบียดเบียนทำ�ร้ายพี่ๆน้องๆกันเอง แม้ตัวเอง จะเป็นฝ่ายถูกทำ�ร้ายก่อนก็ตาม ก็ไม่คิดจะย้อนกลับมาเกิดใหม่เพื่อ แก้แค้นมนุษย์ โดยตนเองกลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วให้มนุษย์นั้น กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นสุกร เพื่อให้ตนเป็นฝ่ายแก้แค้นเอาคืนบ้าง เมื่อตายไปก็จะกลับมาเกิดใหม่เป็นสุกรดังเดิมตลอดมาและตลอดไป ....>>>


หยุดกินเนื้อสัตว์ 27

6.ดังนั้น การฆ่าเขา กินเนื้อกินเลือดเขา มันก็ไม่ต่างจากการฆ่า คนดี ทำ�ร้ายคนดีๆ และทำ�ร้ายคนที่เขาไม่มีทางสู้ ซึ่งทรงเห็นว่ามันช่างไม่ สง่างามเอาเสียเลย ด้วยความดีงาม-น่ารัก-น่าเอาเยี่ยงอย่าง-น่ายกย่อง ของน้องสุกร นี่เอง จึงทรงมีพระเมตตาแนะเน้นมนุษย์ให้ละเว้นการเบียดเบียน ทำ�ร้าย หมายชีวิต สุกรอย่างที่คุณรู้มานั่นเอง ความรู้เพิ่มเติม : จิตวิญญาณของน้องสุกรทุกรูปธรรม ผู้ขันอาสาองค์จิตจักรวาล หรือพระบิดาลงมาเกิดเป็นสุกร ซึ่งเป็นสัตว์ประจำ�โลกชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์ ควรจะทำ�ความรู้จักพวกเขาให้มากกว่าที่รู้อยู่ (เผื่อจะได้รักและเอ็นดูสุกร กันมากขึ้น) นั้น หน้าที่ของสุกรที่อาสาพระบิดามาทำ�ในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับมนุษย์ มีดังนี้ 1.เป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ ซึ่งสามารถรับรู้การสื่อภาษาของ มนุษย์ให้เข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นสุกรไทยก็จะฟังภาษาไทยเข้าใจ สุกรฝรั่งก็ ฟังภาษาฝรัง่ เข้าใจ หรือสุกรเลีย้ งในเมืองจีนก็ยงั ฟังภาษาจีนทีค่ นเลีย้ งพูด ด้วยเข้าใจได้เช่นกัน นี่เป็นความสามารถพิเศษของสุกรในการสื่อสารกับ มนุษย์จากสัญชาตญาณของตนเอง ที่พระบิดาทรงกำ�หนดติดตั้งเอาไว้ให้ ....>>>


28 พบธรรมในนาที

2.เป็นครูของมนุษย์ ที่จะสอนให้มนุษย์รักพี่ๆน้องๆที่เป็นสัตว์ ประจำ�โลกด้วย แทนที่จะรักและเมตตามนุษย์พวกเดียวกันอย่างเดียว ซึ่งเป็นการสอนให้มนุษย์มีจิตใจที่อ่อนโยน จากการเอ็นดูสุกรที่ตนเลี้ยง ดูไว้ สอนมนุษย์ให้เข้าใจธรรมชาติของสัตว์ทั่วๆไปได้ดีขึ้นโดยดูจากสุกร เป็นตัวอย่าง สอนให้เข้าถึงความเป็นมิตรของสัตว์ได้มากขึ้น และสอนให้ มนุษย์รู้จักมอบความรักให้สัตว์ด้วย แทนที่จะรักคนในครอบครัวด้วยกัน แต่เพียงอย่างเดียว แต่น่าเศร้าใจที่มนุษย์ทุกวันนี้ตอบโจทย์ของพระบิดา จากครูของตนเองที่หน้าตาเป็น “สุกร” ไม่ได้เลย 3.เป็นพนักงานเทศบาลประจำ�ครอบครัวของมนุษย์ โดยมีหน้าทีก่ นิ เศษอาหารทุกชนิดที่คนทั้งครอบครัวอิ่มแล้วอร่อยแล้ว หรือแม้ไม่อร่อย แล้วต้องการทิ้งเป็นของเหลือ น้องสุกรจะมีหน้าที่กินทุกสิ่งทุกรสชาติ ที่ เจ้าของมันเทผสมกลมกลืนลงในภาชนะใส่อาหารให้กิน อะไรที่มนุษย์กิน ได้ หมูไม่เคยปฏิเสธทีจ่ ะกิน และไม่เคยกินไปบ่นไป หมูจะกินจนเกลีย้ งไม่ ว่าอาหารนัน้ จะมากเกินไปหรือน้อยเกินไปหมูกไ็ ม่เคยบ่นว่ากินไม่อมิ่ เขาก็ จะไปหาอาหารเพิ่มด้วยการขุดคุ้ยเขี่ยดินหากินเพิ่มเอง หรือไม่แคร์ว่ากิน มากไปแล้วจะอ้วนเหมือนสุกร เพราะยังไงๆตัวเองก็เป็นสุกรอยูแ่ ล้ว ลงถ้า แต่ละบ้านเรือน ไม่เลีย้ งสุกรซึง่ เป็นพนักงานเทศบาลเอาไว้ประจำ�บ้านแล้ว แต่ละบ้านคงจะส่งกลิ่นเหม็นเน่าเพราะเศษอาหารคละคลุ้งไปทั่วแน่นอน ....>>>


หยุดกินเนื้อสัตว์ 29

นอกจากนั้น ในสมัยโบราณ มนุษย์ยังไม่รู้จักการสร้างส้วม จึง มักใช้วิธียิงกระต่ายและถ่ายทิ้งตอปิโดบกกันแถวๆชายทุ่ง ก็ได้พนักงาน เทศบาลคือน้องสุกรนี่ล่ะคอยเก็บขยะอันเกิดจากกากอาหารเหลือใช้ ที่ เคลื่อนผ่านลำ�ไส้ใหญ่ออกมาทุกวันๆของทุกคนในครอบครัวเสียอีกด้วย ‎4.หน้าที่พิเศษสุดของน้องสุกรก็คือ เป็นโรงงานปุ๋ยคอกประจำ� ครัวเรือน คือ มีหน้าที่ถ่ายมูลออกมาเพื่อให้เจ้าของนำ�ไปใช้เป็นปุ๋ย ให้แก่ ผักสวนครัว ผักริมรั้วเพื่อให้เจริญงอกงาม สำ�หรับนำ�มาเป็นอาหารในครัว เรือนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 5.คุณปู การเหล่านี้ ...เป็นคุณค่าอันเกิดจากความดีงามของน้องสุกร อีกด้านหนึง่ ซึง่ มนุษย์ควรรูแ้ ละเอาเยีย่ งอย่าง นอกเหนือจากความมีสจั จะ ต่อพระบิดาที่เกิดมาแล้วไม่ทำ�ร้ายพี่ๆน้องๆกันเองเลย ขณะที่มนุษย์ถือ พันธะสัญญาต่อพระบิดาข้อเดียวกันนี้มาเช่นกัน แต่กลับไร้สัจจะ เอาแต่ เบียดเบียนกัน ก้าวล่วงกัน ทันทีที่มีโอกาส 6.คนที่นับถือศาสนาอื่นๆอ่านตรงนี้แล้ว ได้สติทางวิญญาณอะไร บ้างมั้ยครับเนี่ย???

ป.วิสุทธิปัญญา


30 พบธรรมในนาที

Q : ท่านอาจารย์คะ มีคนเคยบอกว่า พืชผัก ต้นไม้ก็มีชีวิต แต่

ทำ�ไมเราถึงกินเขาได้ไม่บาปคะ

A : พืชผักทั้งหลายพระบิดาทรงกำ�หนดให้พวกเขามีขันธ์4.อัน

ประกอบด้วย

(1)รูป ที่สามารถสัมผัสรู้ลม ฝน นํ้า ร้อน เย็นได้ว่าอะไรเป็นอะไร (2)เวทนา ที่สามารถแสดงความรู้สึกเป็นอาการตอบสนองสิ่งเร้าได้ (3)สัญญา ที่สามารถจดจำ�บทบาทหน้าที่ของตนเองได้ว่า ตนมีหน้า ที่แตกยอด ออกดอก ออกผล สังเคราะห์แสง และอื่นๆ (4)วิญญาณ ที่เป็นคลื่นพลังงานจำ�นวนมากมายหลายย่านความถี่ ในรูปคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก โดยขันธ์ท้งั สี่น้นั อยู่ในระดับตํ่ากว่าคนทั้งด้าน อำ�นาจและบทบาทหน้าที่ เธอจะสังเกตได้ว่าที่พืชผักหายไปขันธ์หนึ่งนั้น มันคือ สังขารอันหมายถึง “อารมณ์” นั่นเอง คำ�ว่า “วิญญาณ” ที่พระพุทธองค์ทรงใช้เรียกขันธ์ที่ห้าของ คน กับขันธ์ทสี่ ใี่ นพืชผักทีเ่ ราเรียกนัน้ เป็นสิง่ เดียวกันคือ “คลืน่ ความถีท่ าง พลังงาน” ที่สั่นสะเทือนอยู่ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมในระดับเซลในรูป ของคลื่นไฟฟ้าเคมี กับคลื่นความถี่ทางพลังงานที่เหวี่ยงออกมาภายนอก ในรูปของคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก ....>>>


หยุดกินเนื้อสัตว์ 31

แต่ในพืชผักและสัตว์รวมทั้งคนแต่ละคนนั้น มีความต่างชั้นกัน ตรงที่พืชผักต้นไม้น้อยใหญ่ไม่มีตัวตนแก่นแท้เป็นกล่องพลังงานที่เดิน ทางข้ามมิติมาจากแดนสุญตาเพื่อมากำ�เนิดเป็นต้นไม้เป็นพืชผัก ในขณะ ที่คนทุกคนจะมีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้ที่ข้ามมิติเข้ามาเกิดบนโลกเพื่อ ใช้กายสังขารหรือเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ทำ�หน้าที่หมุน ธรรมจักรในสองมิติให้สำ�เร็จให้จงได้ ดังนั้น การเบียดเบียนและการฆ่า สัตว์และมนุษย์นั้นมันเป็นการทำ�ลายสมดุลทั้งทางจิตใจและทางกายภาพ ซึ่งมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อสมดุลทางจิตวิญญาณอีกด้วย ส่วนการตัด ฟันต้นไม้ใหญ่เป็นการทำ�ลายสมดุลไม่แพ้การฆ่าสัตว์และมนุษย์เพราะ พวกเขาก็มีหน้าที่ทางด้านพลังงานและด้านกายภาพเช่นเดียวกับมนุษย์ แม้ไม่มีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้อยู่ภายในก็ตาม แต่พืชผักล้มลุกนั้นพระ บิดาทรงกำ�หนดให้พวกเขาเติบโตเพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานต่างๆใน กายสังขารของพวกเธอโดยเฉพาะ เพื่อผลิตสร้างพลังงานหล่อเลี้ยงเซล อวัยวะร่างกายของเธอให้เติบโตและดำ�รงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและสามารถ แสดงความมีชีวิตเหนือสรรพสิ่งใดๆที่พระองค์ทรงกำ�หนดสร้างขึ้นไว้ใน เอกภพนี้อีกด้วย พระองค์ทรงล่วงรู้ว่าพวกเธอต้องกินพืชผักเป็นอาหาร จึงทรงกำ�หนดให้พวกเขามีวงจรดำ�รงชีพสัน้ ๆ แต่มเี มล็ดพันธุท์ จี่ ะสืบทอด มากมายนับไม่ถ้วน และยังทรงกำ�หนดให้สามารถสืบพันธุ์ขยายพันธ์ได้ ง่ายๆซึ่งมนุษย์และสัตว์ทำ�ไม่ได้ เช่น การปักชำ�กิ่ง การติดตา การปลูก ด้วยใบ การปลูกด้วยหน่อ การขยายพันธ์ด้วยเหง้า-หัว ขยายพันธุ์ด้วย เมล็ด ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้พวกเขาสูญพันธุ์นั่นเอง ....>>>


32 พบธรรมในนาที

(1)การนำ�เอาข้าวมาหุง เอาถั่วมาคั่วไฟหรือต้มเพื่อรับประทาน และ การเอาเมล็ดธัญพืชมาแปรรูปเพื่อรับประทานเป็นอาหารนั้น เป็นความ ต้องการของมนุษย์เองมิใช่พระประสงค์ของพระบิดาหรอก แต่พระองค์ก็ มิได้ขัดข้องพระทัยใดๆเพราะโลกของพวกเธอพระองค์ทรงกำ�หนดให้เป็น ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีแล้วนั่นเอง (2)ในยุคดึกดำ�บรรพ์นนั้ น่ะมนุษย์กนิ เมล็ดธัญพืชแบบดิบๆมาก่อน แล้ว ไม่ต่างจากสัตว์นั่นแหละ ยกเว้นข้าวเจ้าและข้าวเหนียวในยุคต้นๆ ของมนุษย์โลกน่ะยังไม่มีหรอก. (3)มนุษย์เพิง่ จะมีวฒ ั นธรรมการปลูกข้าวเพือ่ นำ�มาหุงต้มเป็นอาหาร เมือ่ ไม่กหี่ มืน่ ปีทผี่ า่ นมานีเ่ อง ผูท้ มี่ พี ระคุณต่อพวกเธอทีเ่ ป็นมนุษย์ในเรือ่ ง นี้ก็คือ พี่ๆรูปธรรมชั้นสูงที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อนและเป็นบรรพบุรุษของ เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แท้จริงคือPlieadians จากกลุ่มดาว “พลียะดิส” เป็น ผู้เมตตาเข้ามาถ่ายทอดวัฒนธรรมการปลูกข้าวและการหุงข้าวให้กับ บรรพบุรุษต้นพันธุ์มนุษย์ของพวกเธอไว้สืบมากระทั่งบัดนี้ โดยที่เมล็ด พันธุ์ข้าวและธัญพืชต่างๆถูกขนย้ายมาจากดาวดวงดังกล่าวนั้นอีกทอด หนึ่งด้วย สรุปว่าพืชผักกินได้แน่นอนพระบิดาทรงอนุญาตญาติโยมทั้งหลาย เอ้ยยยยยย......

ป.วิสุทธิปัญญา


หยุดกินเนื้อสัตว์ 33

แนะนำ�ธรรม..... เธอจะน้าวโน้มจิตใจพวกเขาทั้งโลกให้ละเลิกทานเนื้อสัตว์ได้นั้น ไม่มีวันสำ�เร็จหรอก ถ้าทุกวันนี้พวกเขายังงมงายอยู่กับอวิชชา(ความไม่รู้) ในประเด็นต่อไปนี้ ((1)).เขาจะอ้างเอาว่าพระศาสดา (บางพระองค์) มิได้ทรงกล่าวห้าม ไว้ในคัมภีร์ ((2)).เขาจะอ้างเอาว่าพระศาสดา (บางศาสนา) แค่ห้ามมิให้ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต พวกเขากินเนื้อสัตว์ที่มิได้ลงมือฆ่าเองกินเอง เขาจึงไม่ผิดศีล ((3)).เขาจะอ้างเอาว่า ขนาดพระนักบวชเองก็ยังฉันเนื้อสัตว์อยู่เลย แล้วทำ�ไมพวกเขาชาวบ้านธรรมดาจะกินเนื้อสัตว์ไม่ได้ล่ะ ((4)).เขาจะอ้างเอาว่า มนุษย์กนิ เนือ้ สัตว์กนั มานมนานแล้ว แสดงว่า สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์อย่างพวกเขาต่างหาก ((5)).เขาจะอ้างเอาว่า กินเนื้อสัตว์มาตั้งนมนานแล้วไม่เห็นจะมี ปัญหาอะไรนี่นา... (((0)))พวกเขาอ้างเอาอย่างนี้...แล้วพวกเธอจะว่าไง? ....>>>


34 พบธรรมในนาที

ถ้าจะเปลีย่ นพฤติกรรมคนทีช่ อบกินเนือ้ สัตว์พวกนีไ้ ด้ พวกเธอต้อง ดำ�เนินวิเทโศบายดัง 3 ประการต่อไปนี้ 1.ต้องช่วยเปลี่ยนแปลงที่จิตสำ�นึกของพวกเขา 2.ต้องช่วยให้บทเรียนแห่งความรักตัวกลัวตายแก่พวกเขา 3.ต้องช่วยให้พวกเขาเกิดปัญญาญาณรู้แจ้ง วิธีคิดของพวกเธอล้วนดีๆทั้งนั้นแหละ แต่วิธีที่จะนำ�ไปปฏิบัติการ ช่วยเหลือพวกเขาให้เปลี่ยนพฤติกรรมการกินเนื้อสัตว์น่ะมันยังขาดความ “คม” อยู่ไม่น้อย.... แง่คิดควรไขก็คือ : 1.ถ้าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แต่ละคนต้องทำ�ที่จิตสำ�นึกของ ตนเองเท่านั้น! 2.ถ้าพวกเขายังไม่รู้ไม่เห็นว่ากินเนื้อสัตว์แล้วมันจะมีผลต่อความ เป็นความตายของตัวเขาแค่ไหนอย่างไรแล้ว หวังให้เลิกกินน่ะยาก เข้า ทำ�นอง “มิเห็นโลง มิหลั่งนํ้าตา” แหละเธอเอ้ยยย... 3.ถ้าจะช่วยให้เขาเข้าถึงการละเลิกกินเนื้อสัตว์ ก็จะต้องช่วยให้เขา เข้าถึงความรู้ใน 2 ข้อแรกที่ว่ามาเท่านั้น แต่มันจะสำ�เร็จได้ก็ต่อเมื่อเธอ ต้องช่วยให้เขา “เกิดปัญญาญาณได้ ใช้ปัญญาญาณเป็น” ก่อนทำ�อย่างอื่น ....>>>


หยุดกินเนื้อสัตว์ 35

เห็นรึยังล่ะ...มันไม่ง่ายเหมือนที่พูดหรอก เห็นรึยังล่ะ...ว่าทำ�ไมพูดกับพวกเขาแทบตาย ทำ�ไมจึงไม่ได้ผล เสมือนสีซอให้ “บักตู้เขายัย....(ควาย) มันฟัง” เห็นรึยังล่ะ...ว่าพูดกับพวกเขาคนไหน เป็นมีปัญหากะมันทุกทีไป เห็นรึยังล่ะ...ว่าทำ�ไมจึงต้อง Psycho-Show “ไซโคโชว์”

ป.วิสุทธิปัญญา


“กลัวตาย”


หยุดกินเนื้อสัตว์ 37

“กลัวตาย” เพราะตัวฉันหน้าตาเป็น “ปลาหมึก” เธอจึงนึกว่าฉันนอกพันธุ์เผ่า ไม่เกรงขามหยามหมิ่นจะกินเอา ทั้งที่เราทั้งผองพี่น้องกัน ส่วนรูปลักษณ์ร่างกายที่ภายนอก เมือ่ ถอดออกลอกวางอย่างสร้างสรรค์ ในวาระดับดิ้นสิ้นชีพพลัน ต้องมีอันเน่าสลายไม่ยืนยง จิตวิญญาณ “ฉัน-เธอ” สิเลอเลิศ ล้วนกำ�เนิดจากสวรรค์อันสูงส่ง พระบิดาเดียวกันจงมั่นคง จักดำ�รงอยู่อย่างนั้นนิรันดร์กาล อันรูปกายเปรียบได้ดั่งเสื้อผ้า ออกแบบมาอย่าเห็นเป็นแก่นสาร จะปลาหมึกปลาอะไรไม่เข้าการ จิตวิญญาณล้วนพี่น้องจงใส่ใจ .... >>>


38 พบธรรมในนาที

เธอลงมีดกรีดฉันบั่นคอขาด ดั่งอาฆาตแรมปีนี่ไฉน จะกินหนวดกินเนื้อเพื่ออะไร “กินฉันแล้วไม่ต้องตายรึไง...เธอ!” ฉันรักตัวกลัวตายรู้ไว้ด้วย จิตเธอป่วยไม่รู้รักจักเสนอ ไม่ช้านานถึงคราฉันล่าเธอ จักได้เจอกับตัว คือ “กลัวตาย” แผ่นดินลั่นสั่นไหวไปทุกเกาะ แผ่นดินเจาะพ่นไฟแดงเป็นแสงสาย แผ่นดินล่มลมพายุเป็นอุบาย คลื่นยักษ์ย้ายเกาะถล่มจมทะเล เป็นบทเรียนบทสุดท้าย“กลัวตาย”แท้ เป็นยาแก้จิตใจที่ไขว้เขว ให้รักตัวกลัวตายไม่เกเร ก่อนเธอตายกับทะเลที่ก่อกรรม...

ป.วิสุทธิปัญญา


ขอร่วมอนุโมทนาบุญ ที่ท่านทั้งหลายจะงดการเบียดเบียนสัตว์ และเลิกทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดตลอดไป จงเป็นสุขเถิด..... อย่าได้มีเวรมีกรรม ต่อกันและกันเลย ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก : UCSA THAI


ขอเชิ ญ ร่ ว มอุ ทิ ศ อานิ ส งส์ ใ นการงดเบี ย ดเบี ย นสั ต ว์ ข องเธอ ทั้งหลายอันเกิดจากการอ่านหนังสือนี้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายและ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย.... เพื่อการตัดกรรมต่อกันและเพื่อการไถ่บาปต่อองค์จิตจักรวาล โดยทั่วหน้ากันเทอญ

สาธุ....เอเมน... ป.วิสุทธิปัญญา



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.