การพัฒนามาตรฐานวิชาชีพครูในยุค4 0

Page 1



เนื้อหา มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา - มาตรฐานความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพ - มาตรฐานการปฏิบัติงาน - มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวิชาชีพ) - แบบแผนพฤติกรรม ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ

การพัฒนาครูในยุค ๔.0 งานเดี่ยวออกแบบโปสเตอร (POSTER)


มาตรฐานวิชาชีพ ทางการศึกษา


มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา คือ ข้อกําหนดเกี่ยวกับ คุณลักษณะ และคุณภาพ ที่พึงประสงค์ในการประกอบ วิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้อง ประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดคุณภาพในการ ประกอบวิชาชีพ สามารถสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาให้แก่ผู้รับบริการจากวิชาชีพได้ว่าเป็นบริการที่มี คุณภาพ ตอบสังคมได้ว่าการที่ กฎหมายให้ความสําคัญ กับวิชาชีพทางการศึกษา และกําหนดให้เป็นวิชาชีพ ควบคุม นั้น เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีลักษณะเฉพาะ ต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญในการ ประกอบวิชาชีพ


มาตรฐาน มาตรฐานความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพ

มาตรฐานกา

มาตรฐานวิชาชีพครู ประกอบด้วยมาตรฐาน ๓ ด้าน คือ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวิชาชีพ) โดยจรรยาบรรณของวิชาชีพได้มีการกำ�หนดแบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพ เพื่อประมวลพฤติกรรมที่เป็นตัวอย่างของการประพฤติปฏิบัติ ประกอบด้วย พฤติกรรมที่พึงประสงค์ และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์


วิ ช าชี พ ครู

ารปฏิบต ั ิงาน

มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวิชาชีพ)

แบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพ


มาตรฐานความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพ หมายถึง ข้อกําหนดสําหรับผู้ที่จะ เข้ามาประกอบวิชาชีพ จะต้องมีความรู้และมี ประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะประกอบ วิชาชีพ จึงจะสามารถขอรับใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าเป็น บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์พร้อมที่จะประกอบวิชาชีพทางการศึกษาได้


ผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำ�กว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง โดยมีมาตรฐานความรู้และ ประสบการวิชาชีพ ดังต่อไปนี้

๑. ภาษาและเทคโนโลยีสำ�หรับครู

สาระความรู้ ๑. ภาษาไทยสำ�หรับครู ๒. ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ สำ�หรับครู ๓. เทคโนโลยีสารสนเทศสำ�หรับครู สมรรถนะ ๑. สามารถใช้ทักษะในการฟัง การพูด การอ่าน การเขียนภาษาไทย เพื่อการสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ๒. สามารถใช้ทักษะในการฟัง การพูด การอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ เพื่อการสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ๓. สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน


๒. การพัฒนาหลักสูตร

๓. การจัดการเรียนรู้

สาระความรู้ ๑. ปรัชญา แนวคิดทฤษฎีการศึกษา ๒. ประวัติความเป็นมาและระบบการจัดการศึกษาไทย ๓. วิสัยทัศน์และแผนพัฒนาการศึกษาไทย ๔. ทฤษฎีหลักสูตร ๕. การพัฒนาหลักสูตร ๖. มาตรฐานและมาตรฐานช่วงชั้นของหลัสูตร ๗. การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ๘. ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร

สมรรถนะ ๑. สามารถวิเคราะห์หลักสูตร ๒. สามารถปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร ได้อย่างหลากหลาย ๓. สามารถประเมินหลักสูตรได้ทั้งก่อน และหลังการใช้หลักสูตร ๔. สามารถจัดทำ�หลักสูตร

สาระความรู้ ๑. ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน ๒. รูปแบบการเรียนรู้และการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ๓. การออกแบบและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ๔. การบูรณาการเนื้อหาในกลุ่มสาระ การเรียนรู้ ๕. การบูรณาการการเรียนรู้แบบเรียนรวม ๖. เทคนิคและวิทยาการจัดการเรียนรู้ ๗. การใช้และการผลิตสื่อและการพัฒนานวัตกรรมในการเรียนรู้ ๘. การจัดการเรียนรู้แบบยึดผู้เรียนเป็นสำ�คัญ ๙. การประเมินผลการเรียนรู้ สมรรถนะ ๑. สามารถนำ�ประมวลรายวิชามาจัดทำ�แผนการเรียนรู้รายภาค และตลอดภาค ๒. สามารถออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ๓. สามารถเลือกใช้ พัฒนา และ สร้างสื่ออุปกรณ์ที่ส่งเสริม การเรียนรู้ของผู้เรียน ๔. สามารถจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน และจำ�แนกระดับการเรียนรู้ของผู้เรียนจากการประเมินผล


๔. จิตวิทยาสำ�หรับครู

๕. การวัดและประเมิน ผลการศึกษา สาระความรู้ ๑. หลักการและเทคนิคการวัดและประเมิน ผลทางการศึกษา ๒. การสร้างและการใช้เครื่องมือวัดผล และประเมินผลการศึกษา ๓. การประเมินตามสภาพจริง ๔. การประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ๕. การประเมินภาคปฏิบัติ

สาระความรู้ ๑. จิตวิทยาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการมนุษย์ ๒. จิตวิทยาการศึกษา ๓. จิตวิทยาการแนะแนวและให้คำ�ปรึกษา สมรรถนะ ๑. เข้าใจธรรมชาติของผู้เรียน ๒. สามารถช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนรู้ และพัฒนาได้ตามศักยภาพของตน ๓. สามารถให้คำ�แนะนำ�ช่วยเหลือผู้เรียน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ๔. สามารถส่งเสริมความถนัดและความสนใจของผู้เรียน

สมรรถนะ ๑. สามารถวัดและประเมินผลได้ ตามสภาพ ความเป็นจริง ๒. สามารถนำ�ผลการประเมินไปใช้ ในการปรับปรุง การจัดการเรียนรู้และหลักสูตร


๖. การบริหารจัดการใน ห้องเรียน สาระความรู้ ๑. ทฤษฎีและหลักการบริหารจัดการ ๒. ภาวะผู้นำ�ทางการศึกษา ๓. การคิดอย่างเป็นระบบ ๔. การเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร ๕. มนุษยสัมพันธ์ในองค์กร ๖. การติดต่อสื่อสารในองค์กร ๗. การบริหารจัดการชั้นเรียน ๘. การประกันคุณภาพการศึกษา ๙. การทำ�งานเป็นทีม ๑๐. การจัดทำ�โครงงานทางวิชาการ ๑๑. การจัดโครงการฝึกอาชีพ ๑๒. การจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อพัฒนา ๑๓. การจัดระบบสารสนเทศ เพื่อการบริหารจัดการ ๑๔. การศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน สมรรถนะ ๑. มีภาวะผู้นำ� ๒. สามารถบริหารจัดการในชั้นเรียน ๓. สามารถสื่อสารได้อย่างมีคุณภาพ ๔. สามารถในการประสานประโยชน์ ๕. สามารถนำ�นวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ

๗. การวิจัยทางการศึกษา

สาระความรู้ ๑. ทฤษฎีการวิจัย ๒. รูปแบบการวิจัย ๓. การออกแบบการวิจัย ๔. กระบวนการวิจัย ๕. สถิติเพื่อการวิจัย ๖. การวิจัยในชั้นเรียน ๗. การฝึกปฏิบัติการวิจัย ๘. การนำ�เสนอผลงานวิจัย ๙. การค้นคว้า ศึกษางานวิจัย ในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ ๑๐. การใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหา ๑๑. การเสนอโครงการเพื่อทำ�วิจัย สมรรถนะ ๑. สามารถนำ�ผลการวิจัยไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ๒. สามารถทำ�วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และพัฒนาผู้เรียน


๘. นวัตกรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศทางการศึกษา

สาระความรู้ ๑. แนวคิดทฤษฎี เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาที่ ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ๒. เทคโนโลยีและสารสนเทศ ๓. การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี และสารสนเทศ ๔. แหล่งการเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้ ๕. การออกแบบ การสร้าง การนำ�ไปใช้การประเมินและการ ปรับปรุงนวัตกรรม สมรรถนะ ๑. สามารถเลือกใช้ ออกแบบ สร้าง และปรับปรุงนวัตกรรม เพื่อให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ที่ดี ๒. สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ที่ดี ๓. สามารถแสวงหาแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริม การเรียนรู้ ของผู้เรียน

๙. ความเป็นครู สาระความรู้ ๑. ความสำ�คัญของวิชาชีพครู บทบาท หน้าที่ ภาระงานของครู ๒. พัฒนาการของวิชาชีพครู ๓. คุณลักษณะของครูที่ดี ๔. การสร้างทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพครู ๕. การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพ ความเป็นครู ๖. การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และ การเป็นผู้นำ�ทางวิชาการ ๗. เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู ๘. จรรยาบรรณของวิชาชีพครู ๙. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา สมรรถนะ ๑. รัก เมตตา และปรารถนาดีต่อผู้เรียน ๒. อดทนและรับผิดชอบ ๓. เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และ เป็นผู้นำ�ทางวิชาการ ๔. มีวิสัยทัศน์ ๕. ศรัทธาในวิชาชีพครู ๖. ปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพครู


คุรุสภา ดำ�เนินการตามอำ�นาจหน้าที่ในการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรของสถาบันต่างๆ ตามมาตรฐานวิชาชีพ ตามที่กำ�หนดในมาตรา9(7) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 โดยออกประกาศคุรุสภา เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพื่อการ ประกอบวิชาชีพ พ.ศ.2557 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2557 ปทนฉบับเดิม ซึ่งออกตั้งแร่พ.ศ.2549 โดยประกาศฉบับเดิม ครอบคลุมทั้งระดับปริญญาตรีถึงระดับปริญญาเอก นอกจากนี้คุรุสภายังได้ปรับเปลี่ยนมาตรฐานวิชาชีพ รวมทั้งสาระความรู้ และสมรรถนะ ทั้งทางวิชาชีพครู และวิชาชีพบริหารการศึกษาอีกด้วย มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา คือ ข้อกำ�หนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ และคุณภาพที่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตาม ประกอบด้วย มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายถึง ข้อกำ�หนดเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ และประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา ซึ่งผู้ต้องการประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีเพียงพอที่สามารถนำ�ไปใช้ในการประกอบวิชาชีพได้ - ผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำ�กว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่าหรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง โดยมีมาตรฐานความรู้และประสบการวิชาชีพ ดังต่อไปนี้

มาตรฐานความรู้

1) ความเป็นครู 2) ปรัชญาการศึกษา 3) ภาษาและวัฒนธรรม 4) จิตวิทยาสำ�หรับครู 5) หลักสูตร 6) การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน 7) การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 8) นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา 9) การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ 10) การประกันคุณภาพการศึกษา 11) คุณธรรม จริยธรรม


มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ

ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็น เวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำ�หนด ดังต่อไปนี้


๑. การฝึกปฏิบัติวิชาชีพ ระหว่างเรียน

สาระความรู้ ๑. การบูรณาการความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการฝึก ประสบการณ์วิชาชีพในสถานศึกษา ๒. ฝึกปฏิบัติการวางแผนการศึกษาผู้เรียน โดยการสังเกต สัมภาษณ์ รวบรวมข้อมูล และนำ�เสนอผลการศึกษา ๓. มีส่วนร่วมกับสถานศึกษาในการพัฒนาและปรับปรุง หลักสูตร รวมทั้งการนำ�หลักสูตรไปใช้ ๔. ฝึกการจัดทำ�แผนการเรียนรู้ร่วมกับสถานศึกษา ๕. ฝึกปฏิบัติการดำ�เนินการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการ จัดการเรียนรู้ โดยเข้าไป มีส่วนร่วมในสถานศึกษา ๖. การจัดทำ�โครงงานทางวิชาการ สมรรถนะ ๑. สามารถศึกษาและแยกแยะผู้เรียนได้ตามความ แตกต่างของผู้เรียน ๒. สามารถจัดทำ�แผนการเรียนรู้ ๓. สามารถฝึกปฏิบัติการสอน ตั้งแต่การจัดทำ� แผนการสอน ปฏิบัติการสอน ประเมินผลและปรับปรุง ๔. สามารถจัดทำ�โครงงานทางวิชาการ

๒. การปฏิบัติการสอนในสถาน ศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ

สาระความรู้ ๑. การบูรณาการความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการปฏิบัติการสอน ในสถานศึกษา ๒. การจัดทำ�แผนการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำ�คัญ ๓. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ๔. การเลือกใช้ การผลิตสื่อและนวัตกรรมที่สอดคล้อง กับการจัดการเรียนรู้ ๕. การใช้เทคนิคและยุทธวิธีในการจัดการเรียนรู้ ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๗. การทำ�วิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ๘. การนำ�ผลการประเมินมาพัฒนา การจัดการเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ๙. การบันทึกและรายงานผลการจัดการเรียนรู้ ๑๐. การสัมมนาทางการศึกษา สมรรถนะ ๑. สามารถจัดการเรียนรู้ในสาขาวิชาเฉพาะ ๒. สามารถประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน ๓. สามารถทำ�วิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ๔. สามารถจัดทำ�รายงานผลการจัดการเรียนรู้ และการพัฒนาผู้เรียน



มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายถึง ข้อกําหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในวิชาชีพ ให้เกิดผลเป็นไปตามเป้าหมายที่กําหนด พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ เกิดความชํานาญในการประกอบวิชาชีพ ทั้งความชํานาญเฉพาะด้านและความชํานาญตาม ระดับคุณภาพของมาตรฐานการปฏิบัติงาน หรืออย่างน้อยจะต้องมีการพัฒนาตามเกณฑ์ที่ กําหนดว่ามีความรู้ ความสามารถ และความชํานาญ เพียงพอที่จะดํารงสถานภาพของการ เป็นผู้ประกอบวิชาชีพต่อไปได้หรือไม่ นั่นก็คือการกําหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องต่อ ใบอนุญาตทุกๆ 5 ปี


มาตรฐานที่ ๑

ปฏิบัติกิจกรรมทาวิชาการ เกี่ยวกับการพัฒนวิชาชีพ ครูอยู่เสมอ

หมายถึง การศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเอง การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ และการเข้าร่วม กิจกรรมทางวิชาการที่องค์การหรือหน่วยงาน หรือสมาคมจัดขึ้น เช่น การประชุม การอบรม การสัมมนา และการประชุมปฏิบัติการ เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีผลงานหรือรายงานที่ปรากฏชัดเจน


มาตรฐานที่ ๒

มาตรฐานที่ ๓

หมายถึง การเลือกอย่างชาญฉลาด ด้วยความรัก และหวังดีต่อผู้เรียน ดังนั้น ในการเลือกกิจกรรม การเรียนการสอนและกิจกรรมอื่น ๆ ครูต้อง คำ�นึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่ผู้เรียนเป็นหลัก

หมายถึง การใช้ความพยายามอย่างเต็มความ สามารถของครูที่จะให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ให้มากที่สุด ตามความถนัด ความสนใจ ความ ต้องการ โดยวิเคราะห์วินิจฉัยปัญหาความ ต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน ปรับเปลี่ยนวิธี การสอนที่จะให้ได้ผลดีกว่าเดิม รวมทั้งการส่ง เสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ตามศักยภาพของ ผู้เรียนแต่ละคนอย่างเป็นระบบ

ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรม ต่าง ๆ โดยคำ�นึงถึงผล ที่จะเกิดแก่ผู้เรียน

มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนได้ เต็มตามศักยภาพ


มาตรฐานที่ ๔

พัฒนาแผนการสอนให้ สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง

หมายถึง การเลือกใช้ ปรับปรุง หรือสร้าง แผนการสอน บันทึกการสอน หรือเตรียมการ สอนในลักษณะอื่น ๆ ที่สามารถนำ�ไปใช้จัด กิจกรรมการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนบรรลุ วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้

มาตรฐานที่ ๕ พัฒนาสื่อการเรียนการ สอนให้มีประสิทธิภาพ อยู่เสมอ

หมายถึง การประดิษฐ์ คิดค้น ผลิต เลือกใช้ ปรับปรุงเครื่องมืออุปกรณ์ เอกสารสิ่งพิมพ์ เทคนิควิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุด ประสงค์ของการเรียนรู้


มาตรฐานที่ ๖ มาตรฐานที่ ๗ จัดกิจกรรมการเรียนการ รายงานผลการพัฒนา สอนโดยเน้นผลถาวรที่ คุณภาพของผู้เรียนได้ เกิดแก่ผู้เรียน อย่างมีระบบ

หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้ เรียนประสบผลสำ�เร็จในการแสวงหาความรู้ ตาม สภาพความแตกต่างของบุคคลด้วยการปฏิบัติจริง และสรุปความรู้ทั้งหลายได้ด้วยตนเองก่อให้เกิดค่า นิยมและนิสัยในการปฏิบัติจนเป็นบุคลิกภาพถาวร ติดตัวผู้เรียนตลอดไป

หมายถึง การรายงานผลการพัฒนาผู้เรียนที่เกิดจากการปฏิบัติ การเรียนการสอนให้ครอบคลุมสาเหตุ ปัจจัย และการดำ�เนิน งานที่เกี่ยวข้อง โดยครูนำ�เสนอรายงานการปฏิบัติในราย ละเอียด ดังนี้ ๑) ปัญหาความต้องการของผู้เรียนที่ต้องได้รับการพัฒนา และเป้าหมายของการพัฒนาผู้เรียน ๒) เทคนิค วิธีการ หรือนวัตกรรมการเรียนการสอนที่นำ�มา ใช้เพื่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน และขั้นตอนวิธีการใช้ เทคนิควิธีการหรือนวัตกรรมนั้น ๆ ๓) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามวิธีการที่กำ�หนด ที่เกิดกับผู้เรียน ๔) ข้อเสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรับปรุงและพัฒนา ผู้เรียนให้ได้ผลดียิ่งขึ้น


มาตรฐานที่ ๘

ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ผู้เรียน

หมายถึง การแสดงออกการประพฤติและปฏิบัติใน ด้านบุคลิกภาพทั่วไป การแต่งกาย กิริยา วาจา และ จริยธรรมที่เหมาะสมกับความเป็นครูอย่างสม่ำ�เสมอ ที่ทำ�ให้ผู้เรียนเลื่อมใสศรัทธา และถือเป็นแบบอย่าง

มาตรฐานที่ ๙

ร่วมมือกับผู้อื่นในสถาน ศึกษาอย่างสร้างสรรค์

หมายถึง การตระหนักถึงความสำ�คัญ รับฟังความ คิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถ ให้ความร่วม มือในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ของเพื่อนร่วมงาน ด้วยความเต็มใจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของสถาน ศึกษา และร่วมรับผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำ�นั้น


มาตรฐานที่ ๑๐ มาตรฐานที่ ๑๑ ร่วมมือกับผู้อื่นในชุมชน อย่างสร้างสรรค์

หมายถึง การตระหนักถึงความสำ�คัญ รับฟัง ความคิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถ ของบุคคลอื่นในชุมชน และร่วมมือปฏิบัติ งานเพื่อพัฒนางานของสถานศึกษา ให้ชุมชน และสถานศึกษามีการยอมรับซึ่งกันและกัน และปฏิบัติงานร่วมกันด้วยความเต็มใจ

แสวงหาและใช้ข้อมูล ข่าวสารในการพัฒนา

หมายถึง การค้นหา สังเกต จดจำ� และรวบรวม ข้อมูลข่าวสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้าน โดยเฉพาะสารสนเทศเกี่ยวกับวิชาชีพครู สามารถ วิเคราะห์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผล และใช้ข้อมูล ประกอบการแก้ปัญหา พัฒนาตนเอง พัฒนางาน และพัฒนาสังคมได้อย่างเหมาะสม


มาตรฐานที่ ๑๒ สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ในทุกสถานการณ์

หมายถึง การสร้างกิจกรรมการเรียนรู้โดยการนำ�เอาปัญหาหรือความจำ�เป็นใน การพัฒนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการเรียนและการจัดกิจกรรมอื่น ๆ ในโรงเรียน มากำ�หนดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อนำ�ไปสู่การพัฒนาของผู้เรียนที่ถาวร เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของครูอีกแบบหนึ่งที่จะนำ�เอาวิกฤติต่าง ๆ มา เป็นโอกาส ในการพัฒนา ครูจำ�เป็นต้องมองมุมต่าง ๆ ของปัญหาแล้วผันมุม ของปัญหาไปในทางการพัฒนา กำ�หนดเป็นกิจกรรมในการพัฒนาของผู้เรียน ครูจึงต้องเป็นผู้มองมุมบวกในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ กล้าที่จะเผชิญกับปัญหา ต่าง ๆ มีสติในการแก้ปัญหา มิได้ตอบสนองปัญหาต่าง ๆ ด้วยอารมณ์หรือแง่ มุมแบบตรงตัว ครูสามารถมองหักมุมในทุก ๆ โอกาส มองเห็นแนวทางที่นำ�สู่ ผลก้าวหน้าของผู้เรียน


มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวิชาชีพ) หมายถึง ข้อกําหนดเกี่ยวกับการประพฤติตนของ ผู้ประกอบวิชาชีพ โดยมีจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นแนวทาง และข้อพึงระวังในการ ประพฤติปฏิบัติ เพื่อดํารงไว้ซึ่งชื่อเสียง ฐานะ เกียรติ และศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ตามแบบ แผน พฤติกรรม ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพที่คุรุสภาจะกําหนดเป็นข้อบังคับต่อไป หาก ผู้ประกอบวิชาชีพผู้ใดประพฤติ ผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพทําให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล อื่นจนได้รับการร้องเรียนถึงคุรุสภาแล้ว ผู้นั้นอาจถูก คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินิจฉัย ชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ยกข้อกล่าวหา (2) ตักเตือน (3) ภาคทัณฑ์ (4) พักใช้ใบอนุญาตมีกําหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี (5) เพิกถอน ใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพ (มาตรา 54)


จรรยาบรรณ ต่อตนเอง

๑. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้าน วิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทัน ต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ


จรรยาบรรณ ต่อวิชาชีพ

จรรยาบรรณ ต่อผู้รับบริการ

๒. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

๓. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบ ต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร วิชาชีพ

ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่ง เสริม ให้กำ�ลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า


จรรยาบรรณ ต่อผู้รับบริการ

จรรยาบรรณ ต่อผู้รับบริการ

๔. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

๕. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และ นิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทาง กาย วาจา และจิตใจ


จรรยาบรรณ ต่อผู้รับบริการ

จรรยาบรรณ ต่อผู้รับบริการ

๖. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

๗. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

ต้องไม่กระทำ�ตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญ ทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคม ของศิษย์และผู้รับบริการ

ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ ตำ�แหน่งหน้าที่โดยมิชอบ


จรรยาบรรณต่อ ผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ

จรรยาบรรณ ต่อสังคม

๘. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

๙. ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา

พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่าง สร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ

พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำ�ในการอนุรักษ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลป วัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษา ผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดมั่นในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข


แบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพครู


จรรยาบรรณ ต่อตนเอง

๑. ครูต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตาม แบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้

พฤติกรรมที่พึงประสงค์

(๑) ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็นแบบอย่างที่ดี (๒) ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำ�เนินชีวิตตาม ประเพณีและวัฒนธรรมไทย (๓) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้สำ�เร็จอย่างมี คุณภาพตามเป้าหมายที่กำ�หนด (๔) ศึกษา หาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางาน และสะสมผลงานอย่างสม่ำ�เสมอ (๕) ค้นคว้า แสวงหา และนำ�เทคนิคด้านวิชาชีพ ที่พัฒนาและ ก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับมาใช้แก่ศิษย์และผู้รับบริการให้เกิด ผลสัมฤทธิ์ที่พึงประสงค์

พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

(๑) เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจนขาดสติหรือ แสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่น่ารังเกียจในสังคม (๒) ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ (๓) ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น ความเอาใจใส่ จนเกิดความเสียหายในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ (๔) ไม่รับรู้หรือไม่แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ในการ จัดการเรียนรู้ และการปฏิบัติหน้าที่ (๕) ขัดขวางการพัฒนาองค์การจนเกิดผลเสียหาย


จรรยาบรรณ ต่อวิชาชีพ

๒. ครูต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับ ผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดี ขององค์กรวิชาชีพ โดยต้องประพฤติ และละเว้นการประพฤติตามแบบแผน พฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้

พฤติกรรมที่พึงประสงค์

(๑) แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของวิชาชีพ (๒) รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ (๓) ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพ ให้ สาธารณชนรับรู้ (๔) อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพ (๕) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริตตามกฎ ระเบียบ และแบบแผนของทางราชการ (๖) เลือกใช้หลักวิชาที่ถูกต้อง สร้างสรรค์เทคนิค วิธีการใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาวิชาชีพ (๗) ใช้องค์ความรู้หลากหลายในการปฏิบัติหน้าที่ และแลก เปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกในองค์การ (๘) เข้าร่วมกิจกรรมของวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพอย่าง สร้างสรรค์

พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

(๑) ไม่แสดงความภาคภูมิใจในการประกอบวิชาชีพ (๒) ดูหมิ่น เหยียดหยาม ให้ร้ายผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ศาสตร์ในวิชาชีพ หรือองค์กรวิชาชีพ (๓) ประกอบการงานอื่นที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ประกอบ วิชาชีพทางการศึกษา (๔) ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับผิดชอบ หรือไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ หรือแบบแผนของทางราชการจนก่อให้เกิดความเสีย หาย (๕) คัดลอกหรือนำ�ผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน (๖) ใช้หลักวิชาการที่ไม่ถูกต้องในการปฏิบัติวิชาชีพ ส่งผลให้ ศิษย์หรือผู้รับบริการเกิดความเสียหาย (๗) ใช้ความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ หรืออาศัย องค์กร วิชาชีพแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ


จรรยาบรรณ ต่อผู้รับบริการ

๓. ครูต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำ�ลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ๔. ครูต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๕. ครูต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ๖. ครูต้องไม่กระทำ�ตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ ๗. ครูต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรับผลประโยชน์ จากการใช้ตำ�แหน่งหน้าที่โดยมิชอบ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้

พฤติกรรมที่พึงประสงค์

(๑) ให้คำ�ปรึกษาหรือช่วยเหลือศิษย์และผู้รับบริการด้วยความ เมตตากรุณาอย่างเต็มกำ�ลังความสามารถและเสมอภาค (๒) สนับสนุนการดำ�เนินงานเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาส (๓) ตั้งใจ เสียสละ และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ศิษย์ และผู้รับบริการได้รับการพัฒนาตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคล (๔) ส่งเสริมให้ศิษย์และผู้รับบริการสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วย ตนเองจากสื่อ อุปกรณ์ และ แหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย (๕) ให้ศิษย์และผู้รับบริการ มีส่วนร่วมวางแผนการเรียนรู้ และ เลือกวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม กับตนเอง (๖) เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการด้วยการรับ ฟังความคิดเห็น ยกย่อง ชมเชย และให้กำ�ลังใจอย่าง กัลยาณมิตร

พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

(๑) ลงโทษศิษย์อย่างไม่เหมาะสม (๒) ไม่ใส่ใจหรือไม่รับรู้ปัญหาของศิษย์หรือผู้รับบริการ จนเกิดผลเสียหายต่อศิษย์หรือผู้รับบริการ (๓) ดูหมิ่นเหยียดหยามศิษย์หรือผู้รับบริการ (๔) เปิดเผยความลับของศิษย์หรือผู้รับบริการเป็นผลให้ได้รับ ความอับอายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียง (๕) จูงใจ โน้มน้าว ยุยงส่งเสริมให้ศิษย์หรือผู้รับบริการปฏิบัติ ขัดต่อศีลธรรมหรือกฎระเบียบ (๖) ชักชวนใช้จ้างวานศิษย์หรือผู้รับบริการให้จัดซื้อ จัดหาสิ่ง เสพติดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข (๗) เรียกร้องผลตอบแทนจากศิษย์หรือผู้รับบริการในงานตาม หน้าที่ที่ต้องให้บริการ


จรรยาบรรณต่อ ผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ

๘. ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่าง สร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤติ ตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้

พฤติกรรมที่พึงประสงค์

(๑) เสียสละ เอื้ออาทร และให้ความช่วย เหลือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (๒) มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจ กันผนึกกำ�ลังในการพัฒนาการศึกษา

พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

(๑) ปิดบังข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงาน จนทำ�ให้เกิด ความเสียหายต่องานหรือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (๒) ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยตำ�หนิ ให้ร้ายผู้อื่น ในความบกพร่องที่เกิดขึ้น (๓) สร้างกลุ่มอิทธิพลภายในองค์การหรือกลั่นแกล้ง ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพให้เกิดความเสียหาย (๔) เจตนาให้ข้อมูลเท็จทำ�ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือ เกิดความเสียหายต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (๕) วิพากษ์ วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเรื่องที่ ก่อให้เกิดความเสียหายหรือแตกความสามัคคี


จรรยาบรรณ ต่อสังคม

๙. ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำ�ในการอนุรักษ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วน รวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพึงประพฤติ และละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดัง ตัวอย่างต่อไปนี้

พฤติกรรมที่พึงประสงค์

(๑) ยึดมั่น สนับสนุน และส่งเสริมการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (๒) นำ�ภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมมาเป็นปัจจัย ในการจัดการศึกษาให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม (๓) จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้และ สามารถดำ�เนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง (๔) เป็นผู้นำ�ในการวางแผนและดำ�เนินการเพื่ออนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมพัฒนาเศรษฐกิจ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม

พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

(๑) ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน ที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาทั้งทางตรงหรือทาง อ้อม (๒) ไม่แสดงความเป็นผู้นำ�ในการอนุรักษ์หรือพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา หรือสิ่งแวดล้อม (๓) ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ หรือพัฒนาสิ่งแวดล้อม (๔) ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงาม ของชุมชนหรือสังคม


การพัฒนาครูในยุค๔.0


การพัฒนาการศึกษาภายใต้กรอบประเทศไทย 4.0 สู่ศตวรรษที่ 21 เริ่มด้วยการฝึกให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ด้วยตนเอง ครูเปลี่ยนจากครูสอนเป็นพี่เลี้ยง ครูฝึก (Coach) การเรียนแบบบูรณาการสหวิชาการ เชื่อมโยงความรู้กับจินตนาการ เปลี่ยนแปลงไปสู่รูปธรรม ให้ผู้เรียนมีทักษะที่ต้องการ เช่น การทำ�งานร่วมกัน ความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารที่ดี ซึ่งการจัดการ ศึกษาต้องสร้างความพอใจให้ผู้เรียนและท้าท้ายสู่การสร้าง กระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนอยากเรียน


การเรียนการสอนของครู 4.0 จึงเป็นการเรียนการสอนที่เน้นการคิด สร้างสรรค์Creative Learning ที่จะนำ�ไปสู่ การผลิตนวัตกรรม-Innovation

ครู 4.0 จะใช้สมรรถนะที่ครูมีอยู่ในการทำ�ให้นักเรียนกลาย

เป็นนักเรียน 4.0 ด้วยการเพิ่มกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะทำ�ให้ นักเรียนได้รับทักษะที่จำ�เป็นสำ�หรับ ศว.ที่ 21 คือทักษะการคิด วิเคราะห์ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การสร้างนวัตกรรม การเรียนและการทำ�งานร่วมกันเป็นทีม การมีภาวะผู้นำ� การ สื่อสาร การใช้ข้อมูลและสารสนเทศ การติดต่อสื่อสารทางไกล การใช้คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ การคิดคำ�นวณ การสร้าง อาชีพและการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือที่พวกเราเรียกกันว่า "7Cs"


และนอกจากนั้น ต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ บูรณาการการพัฒนาทักษะทางสังคม คุณธรรม จริยธรรม คารวธรรม การสร้างเสริมสุขภาพ อนามัย การเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศและของ โลก การจัดการเกี่ยวกับเศรษฐกิจของตนเองและ ครอบครัว การเป็นผู้ประกอบการใหม่ การรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกันภาวะโลกร้อน การยึดมั่นในขนบธรรมเนียม ประเพณี และ จรรยาบรรณวิชาชีพเข้าไปในทุกวิชาที่สอนด้วย

ครู 4.0 จึงเน้นที่การสร้างชุมชนแห่งความสงสัย กระตือรือร้น อยากเรียนอยากรู้ และอยากได้คำ�ตอบขึ้นในชั้นเรียน ทำ�ให้ บรรยากาศในห้องเรียนทุกห้องเป็นห้องเรียนแห่งความสงสัย อยากเรียนอยากรู้ อยากหาคำ�ตอบ "Community of Inquiry" และนักเรียนก็จะลงมือค้นหาคำ�ตอบที่ตนสงสัยและอยากรู้เป็น กลุ่ม ค้นหาคำ�ตอบผ่านกระบวนการเรียนการสอนที่เรียกว่าการ เรียนรู้โดยยึดปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning = PBL) คือเริ่มต้นจากความสงสัย อยากเรียนอยากรู้แล้วก็จะ พัฒนาเป็นปัญหาที่ต้องการคำ�ตอบ (Problem) และจากปัญหา ที่ต้องการคำ�ตอบก็จะพัฒนาไปสู่การค้นหาคำ�ตอบ


พัฒนาทักษะที่จำ�เป็นสำ�หรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของตนเอง ดังที่ รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง ได้เสนอ ทักษะที่จำ�เป็นสำ�หรับครูไทยในอนาคต (C-Teacher) ไว้อย่างน่าสนใจ 8 ประการคือ


๑. Content ครูต้องมีความรู้และทักษะ ในเรื่องที่สอนเป็นอย่าง ดี หากไม่รู้จริงในเรื่องที่ สอนแล้ว ก็ยากที่นักเรียน จะมีความรู้ความเข้าใจใน เนื้อหานั้น ๆ

๒. Computer (ICT) Integration

ครูต้องมีทักษะในการใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการ จัดการเรียนการสอน เนื่องจาก กิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้ เทคโนโลยีจะช่วยกระตุ้นความ สนใจให้กับนักเรียน และหาก ออกแบบกิจกรรมการเรียนการ สอนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะ ที่ต้องการได้เป็นอย่างดี


๓. Constructionist ครูผู้สอนต้องเข้าใจแนวคิด ที่ว่า ผู้เรียนสามารถสร้าง องค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยเชื่อมโยงความรู้เดิมที่ มีอยู่ภายในเข้ากับการได้ ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นครูจึงควรนำ�แนวคิด นี้ไปพัฒนาวางแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ นักเรียนเกิดความรู้ที่คงทน และเกิดทักษะที่ต้องการ

๔. Connectivity ครูต้องสามารถจัดกิจกรรมให้ เชือ่ มโยงระหว่างผูเ้ รียนด้วยกัน ผู้เรียนกับครู ครูภายในสถาน ศึกษาเดียวกันหรือต่างสถาน ศึกษา ระหว่างสถานศึกษา และ สถานศึกษากับชุมชน เพื่อ สร้างสภาพแวดล้อมในการ เรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติอัน จะก่อให้เกิดประสบการณ์ตรง กับนักเรียน


๕. Collaboration ครูมีบทบาทในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ใน ลักษณะการเรียนรู้แบบ ร่วมมือระหว่างนักเรียนกับ ครู และนักเรียนกับนักเรียน ด้วยกัน เพื่อฝึกทักษะการ ทำ�งานเป็นทีม การเรียน รู้ด้วยตนเอง และทักษะ สำ�คัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

๖. Communication ครูต้องมีทักษะการสื่อสาร ทั้งการบรรยาย การยก ตัวอย่าง การเลือกใช้สื่อ และการนำ�เสนอ รวมถึง การจัดสภาพแวดล้อมให้ เอื้อต่อการเรียนรู้ เพื่อ ถ่ายทอดความรู้ให้กับ นักเรียนได้อย่างเหมาะสม


๗. Creativity ครูต้องออกแบบ สร้างสรรค์กิจกรรมการ เรียนรู้ จัดสภาพแวดล้อม ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วย ตนเองของผู้เรียนมากกว่า การเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ หน้าห้องเพียงอย่างเดียว

๘. Caring ครูต้องมีมุทิตาจิตต่อ นักเรียน ต้องแสดงออก ถึงความรัก ความห่วงใย อย่างจริงใจต่อนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความ เชื่อใจ ส่งผลให้เกิดสภาพ การเรียนรู้ตื่นตัวแบบ ผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสภาพที่ นักเรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด


ส รุ ป แ น ว ท า ง ก า ร พั ฒ น า มาตรฐานวิชาชีพครูในยุค ๔.0 จากข้อกําหนดมาตรฐานวิชาชีพครูและการพัฒนาครูในยุค ๔.0 สามารถสรุป หาแนวทางการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพครูในยุค ๔.0 ได้ดังนี้คือ

๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘

ควรจะมีการกำ�หนดนโยบายเพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาครูให้ตรงจุด เพื่อสนอง ตอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยควรมีการกำ�หนดหน่วยงานการพัฒนาครู อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ ไม่ใช่กำ�หนดอำ�นาจการพัฒนาครูไว้ที่ส่วนกลางอย่างเดียว ควรมีการให้ความรู้และปรับแนวคิดของครูให้เข้าใจวิธีการเรียนรู้ในยุคสมัยใหม่ ที่ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง จากการสืบค้น การลงมือปฏิบัติ มีอิสระในการเรียนรู้ ควรให้ครูอาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึงข้อมูล ความรู้ได้แบบไม่มีขีดจำ�กัดเฉพาะในห้องเรียน มีความสามารถในการเข้าถึงสื่อ การใช้สื่อ และมีความรู้เท่าทันในสื่อ ครูต้องสามารถจัดกิจกรรมให้เชื่อมโยงระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ผู้เรียนกับครู ครูภายในสถานศึกษาเดียวกันหรือต่างสถานศึกษา ระหว่างสถานศึกษา และสถานศึกษากับชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ควรส่งเสริมให้ครูได้ศึกษาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต แลกเปลี่ยนเรียน รู้ร่วมกับผู้อื่น และยึดหลักการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับชีวิตจริง ควรสร้างระบบ Coaching โดยให้ครูที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียน การสอนเป็นผู้ฝึกปฏิบัติให้กับครูที่ยังขาดความชำ�นาญ ฝึกปฏิบัติให้ครู เป็นการ ทำ�งานอย่างใกล้ชิดระหว่างครูผู้มีประสบการณ์กับเพื่อนครูในการปรับเปลี่ยนวิธี การเรียนการสอนและแก้ปัญหาการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายกลุ่มหรือรายบุคคล การผสมผสานกระบวนการวัดผลเข้ากับกระบวนการสอนอย่างแนบแน่นปรับให้ ยืดหยุ่นหลากหลายใช้ได้ในหลายสถานการณ์ หลายเป้าหมาย โดย เฉพาะการวัด ทักษะหรือคุณลักษณะใหม่ๆ ตามกรอบคิดร่วมสมัย การส่งเสริมให้ครูทำ�วิจัยควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอน เพื่อเปลี่ยนไปสู่ครู นักวิจัย โดยครูจะนำ�ปัญหาที่พบในชั้นเรียนจากประสบการณ์ไปเป็นปัญหาในการ วิจัย เพื่อหาแนวทางการแก้ไข หรือแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป


อ้างอิง สำ�นักงานเลขาธิการคุรุสภา.(2556).มาตรฐานการประกอบวิชาชีพ. ค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2561, จาก http://www.ksp.or.th สำ�นักงานเลขาธิการคุรุสภา.(2560).มาตรฐานการประกอบวิชาชีพ. ค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2561, จาก http://www.ksp.or.th Ph.D.Candidate Saranyu Muendet. (2556).เรียนรู้เรื่องการ ศึกษาในศตวรรษที่ 21.ค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2561, จาก https://hooahz.wordpress.com/tag/ครู/ กระทรวงศึกษาธิการ. (2559).ครูไทย 4.0. ค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2561, จาก http://www.moe.go.th


ง า น เ ดี่ ย ว อ อ ก แ บ บ โปสเตอร (POSTER)







ส ม า ชิ ก ก ลุ่ ม

Forget Me Not

นายปฏิญญา ไชยประปา นางสาวจิราวรรณ ประวันนา นางสาวอรทัย จันทร์ศรี นางสาวจันทิมา เจียมมาลา นายณัฐพงษ์ ตะวัน รหัสนิสิต 60010512095 รหัสนิสิต 60010512032 รหัสนิสิต 60010512041 รหัสนิสิต 60010512002 รหัสนิสต ิ 60010512034



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.