เอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม เพชรบุรี
สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร
คานา ตามพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. 2548 ให๎สถาบันการพลศึกษาเป็นสถาบันอุดมศึกษา มี วัตถุประสงค๑ในการผลิตและการพัฒนาบุคลากร ด๎านพลศึกษา สุขศึกษา กีฬา นันทนาการ วิทยาศาสตร๑การ กีฬา วิทยาศาสตร๑สุขภาพ และสาขาอื่นที่เกี่ยวข๎อง ศึกษาวิจัยและให๎บริการทางวิชาการกับ ชุมชน สร๎างสังคม แหํงการเรียนรู๎แกํท๎องถิ่น สํงเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษา การทะนุบํารุงศิลปวัฒนธรรมการละเลํนพื้นบ๎าน และกีฬาไทย สําหรับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ ทางกีฬา นันทนาการ และบกพรํองทางรํางกาย ด๎วย เล็งเห็นถึงเยาวชนและประชาชนในชาติที่ปัจจุบันตกอยูํในสังคมแหํงเศรษฐกิจที่มุํงเน๎นเทคโนโลยีที่ทันสมัย จน ลืมนึกถึงการละเลํนกีฬาพื้นบ๎านและกีฬาไทย ซึ่งมีประโยชน๑ตํอสุขภาพทั้งรํางกายและจิตใจ ดังนั้นการละเลํน กีฬาพื้นบ๎านและกีฬาไทยจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะชํวยสร๎างเสริมคุณภาพชีวิต ทั้งทางกายและทางจิตใจ ให๎ ดีตลอดไป ประโยชน๑อีกประการหนึ่ง เพื่อเป็นการสืบสานและสืบทอด ศิลปะการละเลํนกีฬาพื้นบ๎านและกีฬา ไทยให๎กับคนรุํนหลังได๎มีศิลปะการละเลํนกีฬาพื้นบ๎านและกีฬาไทยเป็นเอกลักษณ๑ประจําชาติและยังเป็นการ เผยแพรํ วัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัด นครปฐม และจังหวัดเพชรบุรี ทั้งยังเป็นการสร๎างความภาคภูมิใจในเอกลักษณ๑วัฒนธรรมของท๎องถิ่ นตัวเอง ดังนั้น สถาบันการพลศึกษาจึงเล็งเห็น ความสําคัญในการจัดทํา “โครงการอนุรักษ๑ พัฒนา ทะนุบํารุงและ เสริมสร๎างเอกลักษณ๑กีฬาไทยและ กีฬาพื้นบ๎าน” ไว๎เป็นสํวนหนึ่ง ในการพัฒนาสุขภาพกาย สุขภาพจิต รักษา เอกลักษณ๑ประจําชาติให๎คงอยูํรวมทั้งเป็นการเสริมสร๎างคุณคําแหํงชีวิตและ สร๎างความภาคภูมิใจให๎กับคนใน ชาติตราบนานเทํานาน
คณะผู๎จัดทํา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร
สารบัญ เรื่อง
หน้า
จังหวัดสมุทรปราการ ...................................................................................................................2 ความเป็นมา ..................................................................................................................2 สัญลักษณ๑ของจังหวัด ………………………………………………………………………………………3 เขตการปกครอง ……………………………………………………………………………………………..4 สถานทีส่ ําคัญและสถานที่ทํองเที่ยว …………………………………………………………………..5 เอกลักษณ๑ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปญ ั ญาท๎องถิ่น ……………………………………………………...8 จังหวัดสมุทรสาคร ……………………………………………………………………………………………………..12 คําขวัญประจําจังหวัด ……………………………………………………………………………………12 ความเป็นมา ................................................................................................................13 สัญลักษณ๑ของจังหวัด …………………………………………………………………………………….14 เขตการปกครอง ……………………………………………………………………………………………15 สถานทีส่ ําคัญและสถานที่ทํองเที่ยว ............................................................................16 เอกลักษณ๑ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปญ ั ญาท๎องถิ่น ..............................................................17 จังหวัดสมุทรสงคราม .................................................................................................................25 ความเป็นมา …………………………………………………………………………………………………25 สัญลักษณ๑ของจังหวัด …………………………………………………………………………………….27 เขตการปกครอง ..........................................................................................................28 สถานทีส่ ําคัญและสถานที่ทํองเที่ยว …………………………………………………………………28 เอกลักษณ๑ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปญ ั ญาท๎องถิ่น …………………………………………………….29 จังหวัดนครปฐม .........................................................................................................................34 ความเป็นมา ................................................................................................................34 สัญลักษณ๑ของจังหวัด …………………………………………………………………………………….35 เขตการปกครอง ……………………………………………………………………………………………36 สถานทีส่ ําคัญและสถานที่ทํองเที่ยว …………………………………………………………………36 เอกลักษณ๑ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปญ ั ญาท๎องถิ่น …………………………………………………….37 จังหวัดเพชรบุรี …………………………………………………..………………………………………………………39 ความเป็นมา ………………………………………………………………………………………………….42 สัญลักษณ๑ของจังหวัด ..................................................................................................44 เขตการปกครอง ..........................................................................................................45 สถานทีส่ ําคัญและสถานที่ทํองเที่ยว ............................................................................45 เอกลักษณ๑ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปญ ั ญาท๎องถิ่น ..............................................................47 บรรณานุกรม ..............................................................................................................................50
2
จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรปราการเป็นจังหวัดปริมณฑลที่มีแหลํงทํองเที่ยวที่หลากหลาย และยังเป็นศูนย๑รวมศิลปวัฒนธรรม ของชาติพันธุ๑ ที่ในอดีตกาลได๎อพยพย๎ายถิ่นฐานเข๎ามาอยูํในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการนี้ และด๎วยความที่เป็น จังหวัดที่มีแหลํงทํองเที่ยวที่ติดกับกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการจึงเป็นที่นิยมของนักทํองเที่ยวจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาเที่ยวในชํวงวันหยุดเสาร๑และอาทิตย๑
คาขวัญประจาจังหวัดสมุทรปราการ “ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางนา ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม”
ความเป็นมา จั ง หวั ด สมุ ท รปราการมี พื้ น ที่ ท างทิ ศ ตะวั น ตกติ ด กั บ จังหวัดสมุทรสาครและกรุงเทพมหานครไปจนถึงบริเวณปาก แมํน้ําเจ๎าพระยาทั้งสองฝั่ง สํ ว นทางด๎านทิศ ตะวั นออกติ ดกับ จังหวัด ฉะเชิงเทรา และทิศใต๎ติดกับทะเลอําวไทย สํวนใหญํพื้นที่เป็นที่ราบลุํมมี แมํน้ําเจ๎าพระยาไหลผํ านตรงกลาง แยกพื้นที่ออกเป็นด๎าน ตะวันตกและด๎านตะวันออกมีลําคลองมากมาย เมืองปากแมํน้ํา ที่ต้งั จังหวัด เจ๎าพระยาแหํงนี้ได๎รับการสถาปนาขึ้นเมื่อครั้งแผํนดินสมเด็จ สมุทรปราการ พระเจ๎าทรงธรรม ปรากฏนามวําเมืองปากน้ําถือเป็นเมืองหน๎า ดํานทางทะเลเรือสํ าเภาที่เข๎าหรือออกจากกรุงศรีอยุธยาต๎อง ผํานเมืองนี้ และเป็นจุดยุทธศาสตร๑ทางทะเลที่สําคัญตลอดมา จนถึงปัจจุบัน เมื่อประเทศไทยเข๎าสูํยุคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สมุทรปราการก็เติบโตทางอุตสาหกรรมคูํกับกรุงเทพมหานครมา โดยตลอด ทั้งด๎านการเกษตร การผลิต การแปรรูป การสํงออก การประมง และการขนสํง ฯลฯ จนกระทั่งทุกวันนี้ นอกจากนี้จังหวัดสมุทรปราการยังเป็นที่ตั้งของสนามบิน สุวรรณภูมิสนามบินนานาชาติ ที่สําคัญที่สุดของประเทศและของอาเซี่ยน
3
สัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ ตราประจาจังหวัดสมุทรปราการ : รูปพระสมุทรเจดีย๑และพระอุโบสถ พระเจดีย์ หมายถึง พระสมุทรเจดีย๑ที่สร๎างอยูํกลางแมํน้ํา ภายในเจดีย๑บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ และพระไตรปิฎก พระอุโบสถ หมายถึง พระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางห๎ามสมุทร
ตราผ้าผูกคอลูกเสือ : รูปพระสมุทรเจดีย๑ที่สร๎างอยูํกลางแมํน้ํา ภายใน เจดีย๑บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระไตรปิฎก
ดอกไม้ประจาจังหวัด : ดอกดาวเรือง หมายถึง : ความเจริญรุํงเรือง
ต้นไม้ประจาจังหวัด : โพทะเล เป็นต๎นไม๎ที่ขึ้นตาม ชายฝั่งทะเล (บางต๎นก็ไกลฝั่งมาก ) หมายถึง : ความแข็งแรง ความอุดมสมบูรณ๑ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thespesia popunea
4
เขตการปกครอง จังหวัดสมุทรปราการแบ่งการปกครองออกเป็น 6 อาเภอ
1. อําเภอเมืองสมุทรปราการ 2. อําเภอบางบํอ 3. อําเภอบางพลี 4. อําเภอพระประแดง 5. อําเภอพระสมุทรเจดีย๑ 6. อําเภอบางเสาธง
5
สถานที่สาคัญและสถานที่ท่องเที่ยว
สมุทรปราการมีสถานที่ทํองเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแหํงด๎วยกัน เชํน ตลาดคลองสวนร๎อยปี สถานตาก อากาศบางปู ซึ่งนักทํองเที่ยวจะได๎สัมผัสกับฝูงนกนางนวลอยํางใกล๎ชิดที่สุด เมืองโบราณบางปูที่รวบรวม สถานที่สําคัญๆในประเทศไทยมาจําลองไว๎ให๎ได๎เที่ยวชม ฟาร๑มจระเข๎และสวนสัตว๑สมุทรปราการ แหลํง เพาะเลี้ยงจระเข๎ที่ใหญํที่สุดของประเทศไทย พิพิธภัณฑ๑ช๎างเอราวัณที่นําตื่นตาตื่นใจกับช๎างโลหะขนาดใหญํ และงานเทศกาลที่นักทํองเที่ยวจํานวนมากนิยมไปเที่ยวคือ งานเทศกาลสงกรานต๑ปากลัด หรืองานสงกรานต๑ พระประแดง ของชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่ธํารงประเพณีเกําแกํนี้มานับ 100 ปี อีกทั้งงานเทศกาลงานประเพณี นมัสการองค๑พระสมุทรเจดีย๑ ประเพณีรับบัว หรือโยนบัว ที่จัดสืบตํอกันมาจนถึงปัจจุบัน
6
สะพานภูมิพล (Bhumibol Bridge) เป็นสะพานข๎ามแมํน้ําเจ๎าพระยาสําหรับถนนวงแหวน อุตสาหกรรม เชื่อมระหวํางถนนพระรามที่ 3 ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนปูุเจ๎าสมิงพราย และถนนกาญจนาภิเษก ลักษณะเป็นสะพานขึง ขนาด 7 ชํองการจราจร ทางด๎านเหนือหรือ "สะพานภูมิพล 1" เชื่อมระหวํางแขวงบาง โพงพาง เขตยานนาวา กรุ งเทพมหานคร กับตําบลทรงคนอง อําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทางด๎านใต๎ห รือ "สะพานภูมิพล 2" เชื่อมระหวํางตําบลทรงคนองกับตําบลบางหญ๎าแพรก อําเภอพระ ประแดง จั งหวัดสมุท รปราการ มีพิ ธีเปิ ดอยํางเป็น ทางการเมื่ อ วัน ที่ 5 ธัน วาคม พ.ศ. 2549 แตํ กํอนหน๎านั้นได๎เปิดใช๎ตั้งแตํ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จ พระปรมิน ทรมหาภู มิพลอดุล ยเดช เสด็ จ พระราชดํา เนิน พร๎อ ม ด๎ ว ย สมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี ทาง ชลมารค โดยเรือพระที่นั่งอังสนาของกองทัพเรือ ทรงทําพิธีเปิด สะพานภูมิพล และประตูระบายน้ําคลองลัดโพธิ์ ณ กลางแมํน้ําเจ๎าพระยา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ การกํอสร๎างการเชื่อมสะพาน ใช๎วิธีกํอสร๎าง ทั้ ง สองฝั่ ง มาบรรจบกั น ตรงกลาง โดยที ม แขวน สะพานกําหนดระยะการเชื่อมสะพานแคํ 6 เดือน โดยการเชื่อมใช๎พื้นคอนกรีตหนักอัดแรงหนักชิ้นละ 480 ตัน มาเชื่อมกัน โดยใช๎เครนคูํขนาดยัก ษ๑ดึงอนก รีต ขึ้น จากเรื อขนสํ งด๎ านลํ าง ซึ่ งการยกคอนกรี ต มี เวลาแคํ 4 ชั่ว โมงตํอวันเทํานั้น เพื่อเปิดทางให๎ การจราจรทางน้ํ า ให๎ เ ป็ น ปกติ ใช๎ ร ะยะเวลาการ กํอสร๎างเพียง 4 เดือนเทํานั้น จากกําหนดเดิม 6 เดือน ซึ่งบันทึกในสถิติโลกวํา เป็นการสร๎างสะพานแขวนคูํที่สร๎างเร็วที่สุดในโลก และใหญํที่สุดในเอเชีย
7 คลองลัดโพธิ์ เป็นชื่อคลองเดิม บริเวณ เ ข ต จั ง ห วั ด ส มุ ท ร ป ร า ก า ร แ ล ะ กรุ ง เทพมหานคร (ต.ทรงคะนอง อ.พระ ประแดง จ.สมุทรปราการ) เดิมที่มีลักษณะตื้น เขิ น ตํ อ มาได๎ จั ด สร๎ า งเป็ น โครงการตามแนว พระราชดําริ เป็นการบริหารจัดการน้ําเพื่อแก๎ปัญหาน้ําทํวม กรุ ง เทพมหานคร โดยยึ ด หลั ก การ "เบี่ ย งน้ํ า " (Diversion) ภายใต๎การดูแลของหนํวยงานหลัก 3 หนํวยงานคือ กรมชลประทาน กรุงเทพมหานคร และ คณะกรรมการพิเ ศษเพื่ อประสานงานโครงการอั น เนื่องมาจากพระราชดําริ (กปร.) มีหลักการคือ จาก สภาพของแมํน้ําเจ๎าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคด เคี้ยวบริเวณรอบพื้น ที่บริเวณบางกระเจ๎านั้นมีความ ยาวถึง 18 กิโลเมตร นั้นทําให๎การระบายน้ําที่ทํวมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได๎ช๎า ไมํทันเวลาน้ํา ทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวฯจึงมีพระราชดําริให๎พัฒนาใช๎คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินมี ความยาวราว 600 เมตร ให๎ใช๎ระบายน้ําที่หลากและน้ําที่ทํวมทางสองฝั่งของแมํน้ําเจ๎าพระยาลงสูํทะเลทันที ในชํวงกํอนที่น้ําทะเลหนุน และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ําทะเลหนุน เพื่อหนํวงน้ําทะเลไมํให๎ขึ้นลัดเลาะไปตาม แนวแมํน้ําเจ๎าพระยาที่คดโค๎งถึง 18 กิโลเมตรกํอนซึ่งใช๎เวลามากจนถึงเวลาน้ําลง ทําให๎ไมํสามารถขึ้นไปทํวม ตัวเมืองได๎ คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยูํหัวฯทรงมีกระแสพระราชดํารัสถึง เมื่อ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 วําเป็นสถานที่ ตั ว อยํ า งของการบริ ห ารจั ด การน้ํ า ที่ ต๎ อ งการ ความรู๎เรื่องเกี่ยวกับเวลาน้ําขึ้นน้ําลง หากบริหาร จัดการให๎ถูกต๎องจะสามารถแก๎ปัญหาน้ําทํวมได๎ และทรงเสด็จพระราชดําเนินทางชลมารคไปทรง เปิดประตูระบายน้ําคลองลัดโพธิ์
8
เอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ฉัตร ฉัตร เป็นเครื่องสูงสําหรับแขวน ปัก ตั้ง หรือเชิญเข๎ากระบวนแหํเพื่อเป็นเกียรติยศ ฉัตรมีรูปรํางคล๎าย รํมที่ซ๎อนกันเป็นชั้น ๆ ฉัตรถือเป็นของสูง เปรียบเสมือนสวรรค๑ซึ่งเป็นศูนย๑รวมจักรวาล ฉัตรมีหลายประเภท เชํน ฉัตรแขวนหรือปัก เป็นเครื่องแสดงพระอิสริยยศของผู๎ทรงฉัตร เศวตฉัตร เป็นฉัตรผ๎าขาว เชํน พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เป็นฉัตร 9 ชั้น สําหรับพระมหากษัตริย๑ที่ทรงรับ พระราชพิธีบรมราชภิเษกตามโบราณราชประเพณีแล๎ว ฉัตรแบบนี้เรียกโดยยํอวํา “พระมหาเศวตฉัตร”
สัปตปฎลเศวตฉัตร เป็นฉัตร 7 ชั้น ซึ่งมีลักษณะอื่น ๆ เหมือนพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สําหรับ พระมหากษัตริย๑ที่ยังมิได๎ทรงรับพระบรมราชาภิเษก พระอัครมเหสี สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระยุพราช และสมเด็จพระบรมราชกุมารี โดยหากใช๎กับสมเด็จพระบรมราชชนนี หรือสมเด็จพระอัครมเหสี จะเรียกชื่อวํา “สัปตปฎลเศวตฉัตร” หรือ “พระเศวตฉัตร 7 ชั้น” แตํถ๎าใช๎กับสมเด็จพระยุพราช จะเรียกวํา “พระบวร เศวตฉัตร” และยังมีฉัตรที่ยังอีกหลายประเภทที่ใช๎วาระและโอกาสตํางๆกันไปตามลําดับชั้นยศของพระบรม วงศ๑ศานุวงศ๑
9 นอกจากนั้นฉัตรยังมีบทบาทสําคัญในการประกอบพิธีกรรมงานมงคลตํางๆ ของคนในพื้นถิ่นจังหวัด สมุทรปราการ และคนไทยภาคกลางในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดเพชรบุรี โดยเฉพาะพิธีการบวชพระ,ทําการ มงคล,พิธีครอบครู เรียกวํา “พิธียกฉัตร 9 ชั้น” การทําฉัตร 9 ชั้น ใช๎ประกอบในพิธีการบวชนาคเพื่อ เป็น ถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สืบทอดกันมาตั้งแตํสมัยโบราณ
การยกฉัตรเก๎าชั้น ในงานอุปสมบทนั้นจะต๎องมีการเตรียมฉัตรกํอนจัดงานอุปสมบท เจ๎าภาพ ต๎องหาไม๎ไผํลํายาวประมาณ 3 เมตรขึ้นไป โดยมียอดไผํติดมาด๎วยนําผิวไม๎ไผํมาโค๎งเป็นวงกลมติดรอบเสา ฉัตร 9 วง แล๎วเอาผ๎ามาติดรอบวงโค๎งให๎เป็นรํมฉัตร 9 ชั้น การตกแตํงเสาฉัตรและรํมฉัต ร นิยมเอา กระดาษสีตําง ๆ มาตอก หรือตัดแล๎วแตํภูมิปัญญาของคนแตํละพื้นถิ่นที่สืบทอดตํอๆกันมา ให๎เป็นลวดลาย ตํางๆ อาทิ ดอกไม๎ สั ตว๑ในวรรณคดี หรื อสั ตว๑ประจําปีนักษัตรตามราศีเกิดของผู๎ ที่จะทําการอุปสมบทมา หุ๎ม การตัดนั้นก็อาศัยการถํายทอดกันจากรุํนสูํรุํน ซึ่งปัจจุ บันจะลดน๎อยถอยลงทุกปี เพราะการตัด หรือการ ตอกฉัตรนั้ น เป็น ศิล ปะขั้น สู งอีกชนิ ดหนึ่ ง ที่อาศัยความชํานาญ และความอดทนในการฝึกฝนให๎ชํานาญ มิฉะนั้นรูปรํางลวดลายของกระดาษจะไมํเป็นรูปรํางแบบที่ต๎องการ
10 สํวนการทําเสานั้นปัจจุบันไมํนิยมทําเพราะสามารถยืมเสาฉัตรจากวัด หรือหาซื้อจากร๎านได๎ การยก เสาฉัตร เจ๎าภาพต๎องหาฤกษ๑ โดยให๎พระสงฆ๑หรือโหรเป็นผู๎ดูฤกษ๑ยามของผู๎ที่จะบวชนาค ฉัตรที่ยกแล๎วจะ ถูกตรึงให๎ตั้งอยํางดี มิให๎ล๎ม เพราะถือวําฉัตรงานใดล๎มกํอนที่พิธีจะสิ้นสุดจะเป็นอัปมงคล
สาระที่สําคัญของการยกฉัตร 9 ชั้น นั้น แตํละชั้นมีความหมายดังนี้ ชั้นที่หนึ่ง ถวายพระพุทธ ชั้นที่สอง ถวายพระธรรม ชั้นที่สาม ถวายพระสงฆ๑ ชั้นที่สี่ ถวายบิดา ชั้นที่ห๎า ถวายมารดา ชั้นที่หก ถวายครูบาอาจารย๑ ชั้นที่เจ็ด ถวายพระเกตุ ชั้นที่แปด ถวายพระกาฬ ชั้นที่เก๎า ถวายพระพรหม ฤดูกาลหรือโอกาสของการยกฉัตร 9 ชั้นนั้นทําในพิธีการบวชพระ ทําการมงคล พิธีครอบครู ที่บ๎านหรือที่วัด ตามแตํสะดวก ในระหวํางการทําพิธีจะมีการสวดมนต๑โดยการตั้งนะโม3จบ และวําด๎วยคาถาของการยกฉัตร ทีไ่ ด๎สืบทอดกันมาจากตํารามนต๑พิธีโบราณ
12
จังหวัดสมุทรสาคร จั ง หวั ด สมุ ท รสาครเป็ น แหลํ ง รวมศิล ปวัฒ นธรรมทางพุ ทธศาสนาที่ เ ป็น เคารพและสั ก การะของ พุทธศาสนิกชนอยูํมากมาย อาทิ วัดหลักสี่ราษฎร๑สโมสรที่มีพระพุทธรูปที่สําคัญ คือ หลวงพํอโตวัดหลักสี่ วัด นางสาว และวัดทําไม๎ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของเหลําดารานักแสดงที่หลั่งไหลกันมาทําบุญที่วัดแหํงนี้
คาขวัญประจาจังหวัดสมุทรสาคร “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัตศิ าสตร์”
13
ความเป็นมา สมุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเล ตั้งอยูํปากแมํ น้ําทําจีน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร๑กลําวไว๎วํา ใน อดี ตมี ชุม ชนใหญํ เรี ย กวํ า "บ๎ า นทํา จี น "ตั้ง อยูํบ ริเ วณ ปากอําวไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแหํงกรุง ศรีอยุธยา (พ.ศ. 2099) พระองค๑โปรดเกล๎าโปรด กระหมํอมให๎ยกบ๎านทําจีนขึ้น เป็น เมืองสาครบุรี เพื่อให๎ เป็นหัวเมือง สําหรับเรียกระดมพลเวลาเกิดสงครามและ เป็นเมืองหน๎าดํานปูองกันผู๎รุกรานทางทะเล ตํอมาในรัช สมั ย กรุ ง รั ต นโกสิ น ทร๑ พระบาทสมเด็ จ พระจอมเกล๎ า เจ๎าอยูํหัว (รัชกาลที่ 4) โปรดเกล๎าโปรดกระหมํอมให๎ เปลี่ ย นชื่อ เมื องสาครบุ รี เ ป็ น เมือ งสมุท รสาคร และในปี พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล๎าเจ๎าอยูํหัว (รัชกาลที่ 6) ได๎โปรดเกล๎าโปรดกระหมํอมให๎ทางราชการ เปลี่ยนคําวํา "เมือง" เป็น "จังหวัด" ทั่วทุกแหํงในพระ ราชอาณาจั กร เมืองสมุทรสาครจึ งได๎เปลี่ยนเป็นจังหวัด สมุทรสาคร ตั้งแตํนนั้ จนถึงทุกวันนี้
ที่ต้ งั จังหวัด สมุทรสาคร
14
สัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรสาคร ตราประจาจังหวัดสมุทรสาคร : รูปเรือสําเภาจีนแลํนในทะเล ด๎านหลังเป็นโรงงานและปลํองไฟ หมายถึง : ความรุํงเรืองที่มีมาอดีตถึงปัจจุบัน (ตราประจําจังหวัด สมุทรสาคร เริ่มใช๎เมื่อ พุทธศักราช 2483 ในสมัยที่หลวงวิเศษภักดี (ชื้น วิเศษภักดี) เป็นผู๎วําราชการจังหวัด)
ตราผ้าผูกคอลูกเสือ : รูปเรือสําเภาจีนแลํนในทะเล ด๎านหลังเป็น โรงงานและปลํองไฟ
ต้นไม้ประจาจังหวัด : ต้นสัตบรรณ เป็นพันธุ๑ไม๎มงคล พระราชทานประจําจังหวัดสมุทรสาคร รู๎จักกันทั่วไปในนาม ของต๎นตีนเป็ด เป็นพันธุ๑ไม๎ยืนต๎น เปลือกสีเทาอํอน ใบเรียง กันเป็นวงคล๎ายตีนเป็ด มีดอกสีขาวอมเขียวออกดอกเป็นกลุํม บนชํอตามปลายกิ่ง
ดอกไม๎ประจําจังหวัด : ไมํมีดอกไม๎ประจําจังหวัด
15
เขตการปกครอง การปกครองแบํงออกเป็น 3 อําเภอ 40 ตําบล และ288 หมูํบ๎าน 1. อาเภอเมืองสมุทรสาคร 2. อาเภอกระทุ่มแบน 3. อาเภอบ้านแพ้ว
16
สถานที่สาคัญและสถานที่ท่องเที่ยว ตาหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตํ า หนั ก กรมหลวงชุ ม พรเขตอุ ด มศั ก ดิ์ ตั้ ง อยูํ ที่ หมูํ 2 ตํ าบล บา งหญ๎ าแพ รก อํ า เ ภ อเ มื อ ง จั ง หวั ด สมุทรสาคร บริเวณวัดศรี สุทธาราม หรือวัดกําพร๎า ด๎ว ย ความศรัทธาของ พลเรือโทเจือ เกษเสถียร รํวมกับศิษย๑เกํา โรงเรี ย นสมุ ท รสาครวิ ท ยาลั ย พํ อ ค๎ า ประชาชน และ ชาวประมงในจังหวัดสมุทรสาคร ทําการหลํอรูปเสด็จใน กรมหลวงชุ ม พรเขตอุ ด มศั ก ดิ์ ความสู ง 1.66เมตร และ นํามาประดิษฐานไว๎ที่หน๎าพระอุโบสถวัดศรีสุทธาราม เมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม 2529 สํวนตําหนักนั้นเริ่มกํอสร๎างแล๎ว เสร็ จ ในปี พ.ศ.2531 โดยมี น ายอาทร ญาณสิ ท ธิ์ เป็ น ประธานกรรมการกํอสร๎างแล๎ วเสร็จในปี พ.ศ.2534 หลังจากกํอสร๎างเสร็จได๎อัญเชิญพระรูปจากหน๎าพระ อุโบสถเข๎าสูํตําหนัก เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2534
ศาลพันท้ายนรสิงห์ แหลํงทํองเที่ยวเชิงประวัติศาสตร๑ที่เกี่ยวเนื่อง กับพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เรื่อง พันท๎ายนร สิงห๑ ข๎าหลวงที่ได๎รับการยกยํองวําเป็นผู๎มีความซื่อสัตย๑ สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิต เมื่อปี พ.ศ.2247 สมเด็จพระเจ๎าเสือ เสด็จโดย เรื อ พระที่ นั่ ง เอกชั ย จะไปประพาสเพื่ อ ทรงเบ็ ด ณ ปากน้ํา เมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตําบล โคก ขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ําเชี่ยวกราก พันท๎ายนรสิ งห๑ ซึ่งถือท๎ายเรือพระที่นั่งมิส ามารถคัด แก๎ไขได๎ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม๎หักตกลงไปในน้ํา พันท๎ายนรสิงห๑จึงได๎กระโดดขึ้นฝั่ง แล๎วกราบทูล ให๎ทรงลงพระอาญา ตามพระราชกําหนดถึงสามครั้งด๎วยกัน เนื่องจากในสองครั้งแรก สมเด็จพระเจ๎าเสือทรง พระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นวําเป็นอุบัติเหตุ สุดวิสัย แตํท๎ายสุดก็ได๎ตรัสสั่งให๎ ประหารชีวิตพันท๎ายนรสิงห๑ แล๎วทรงโปรดให๎ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตา นําศีรษะพันท๎ายนรสิงห๑กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้น พลีกรรมไว๎ด๎วยกันบนศาล
17
เอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น กล้วยไม้ไทย กล๎วยไม๎เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ๑ Orchidaceae เป็นไม๎ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลั กษณะดอกและสี สั น ลวดลายสวยงาม เป็นไม๎ตัดดอกที่มีอายุการใช๎งานได๎นาน กล๎วยไม๎เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสําคัญของไทย เพราะเป็น ไม๎สํงออกขายตํางประเทศทํารายได๎ เข๎าประเทศปีละหลาย ร๎อยล๎านบาท มีการปลูกเลี้ยงอยํางครบวงจร ตั้งแตํการผสม เกสร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลี้ยงลูกกล๎ายไม๎ เลี้ยงต๎นกล๎ายไม๎ จน กระทั่งให๎ดอก ตัดดอกบรรจุหีบหํอและสํงออกเอง แหลํงกําเนิดกล๎วยไม๎ปุาที่สําคัญของโลกมี 2 แหลํง ใหญํๆ ด๎วยกันคือ ลาตินอเมริกา กับเอเชียแปซิฟิค สําหรับใน ลาตินอเมริกาเป็น อาณาบริเวณอเมริกากลางติดตํอกับเขต เหนือของอเมริกาใต๎ สํวนแหลํงกําเนิดกล๎วยไม๎ปุาในภูมิภาค เอเชี ยและแปซิ ฟิ ค มี ป ระเทศไทยเป็ น ศู นย๑ ก ลาง จากการ ค๎นพบประเทศไทยมีพันธุ๑กล๎วยไม๎ปุาเป็นจํานวนมาก แสดงให๎ เห็นวําประเทศไทยมีสภาพแวดล๎อม เอื้ออํานวยตํอการเจริญ
ลาตินอเมริกา
เอเชียแปซิฟิค
งอกงามของกล๎ ว ยไม๎ อยํางมาก และกล๎ ว ยไม๎ปุาที่ในพบใน ภู มิ ภ าคแถบนี้ มี ลั ก ษณะเดํ น ที่ เ ป็ น เอกลั ก ษณ๑ ข องตนเอง แตกตํางจากกล๎วยไม๎ในภูมิภาคลาตินอเมริกา การปลูกเลี้ยงกล๎วยไม๎ในประเทศไทย พบวําประเทศ ไทยเป็ นประเทศที่ มีก ล๎ ว ยไม๎ อยูํใ นปุ าธรรมขาติ ไมํต่ํา กวํ า 1,000 ชนิด ทั้งประเภทที่พบอยูํบนต๎นไม๎ บนพื้นผิวของภูเขา และบนพื้นดิน สภาพแวดล๎อมทางธรรมชาติของประเทศไทย เอื้ออํานวยแกํการเจริญงอกงามของกล๎วยไม๎เป็นอยํางมาก ใน อดีตชาวชนบทของไทย โดยเฉพาะในแหลํงที่เคยมีกล๎วยไม๎ ปุาอุดมสมบูรณ๑ ได๎นํากล๎ายไม๎ปุามาปลู กเลี้ยงโดยเลียนแบบ ธรรมชาติ โดยนํากล๎ วยไม๎มาปลู กไว๎กับต๎นไม๎ที่ขึ้นอยูํไกล๎ ๆ บ๎านเรือน การเลี้ยงกล๎ว ยไม๎เริ่มเปลี่ยนมาเป็นการปลู ก เลี้ยงอยํางจริงจังโดยชาวตะวันตกผู๎หนึ่ง ที่เข๎ามาทําธุรกิจใน
18 ประเทศไทย เห็นวําสภาพแวดล๎อมของประเทศไทยเหมาะสมสําหรับการปลูกเลี้ยงกล๎วยไม๎ จึงได๎สร๎างเรือน กล๎วยไม๎อยํางงํายๆ และนําเอากล๎วยไม๎ปุาจากเขตร๎อนของอเมริกา ซึ่งเป็นแหลํงกําเนิดกล๎วยไม๎ปุาแหลํงใหญํ แหลํงหนึ่งของโลก ซึ่งมีลักษณะแตกตํางจากกล๎วยไม๎ในเอเชียและเอเซียแปซิฟิค โดยนํามาปลูกเลี้ยงเป็นงาน อดิเรก ในขณะเดียวกันก็มีเจ๎านายชั้นสู งและบรรดาข๎าราชการที่ใกล๎ชิด ให๎ความสนใจเลี้ยงกล๎วยไม๎เป็นงาน อดิเรกเชํนกัน นอกจากนั้นก็ยังมีกลุํมบุคคลสูงอายุซึ่งเลี้ยงกล๎วยไม๎เพื่อความสุขทางใจ การปลูกเลี้ยงกล๎วยไม๎ อยํางไรก็ตามการปลูกเลี้ยงกล๎วยไม๎ยังคงจํากัดอยูํในวงแคบ คือ ในกลุํมผู๎สูงอายุและกลุํมผู๎มี เงินในยุคนั้น และ เป็นการปลูกเลี้ยงที่นิยมกล๎วยไม๎พันธุ๑ตํางประเทศ สํวนกล๎วยไม๎ที่มีถิ่นกําเนิดในปุาของประเทศไทยจะนิยมและ ยกยํองเฉพาะพันธุ๑ที่หายากและมีราคาแพง
ในปี 2501 ได๎มีการเปิดการสอนวิชากล๎วยไม๎ขึ้นในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑เป็นครั้งแรก เพื่อผลิต นักวิชาการและพัฒนางานวิจัยกล๎วยไม๎ของประเทศ และเป็นจุดเริ่มต๎นที่ทําให๎การปลูกเลี้ยงกล๎วยไม๎ไมํได๎จํากัด อยูํภายในวงแคบอีกตํอไป จากการสํงเสริมดังกลําว ทําให๎มีการนําเข๎ากล๎วยไม๎ลูกผสมจากตํางประเทศ เชํน จากฮาวายและสิงคโปร๑จํานวนมากยิ่งขึ้น ทําให๎ผู๎ที่มีความรู๎หันมารวบรวมพันธุ๑ผสมและเพาะพันธุ๑จากพํอแมํ พันธุ๑ใน ประเทศ ทั้งที่เป็นพํอแมํพันธุ๑จากปุา และลูกผสมที่สั่งเข๎ามาแล๎วในอดีต ปี 2506 วงการกล๎วยไม๎ของ ไทยได๎เริ่มมีแผนในการขยายขํายงานออกไปประสานกับวงการกล๎วยไม๎สากล เพื่อยกระดับวงการกล๎วยไม๎ใน ประเทศให๎ทัดเทียมกับตํางประเทศ ปี 2509 เริ่มการทําสวนกล๎วยไม๎ตัดดอกอยํางจริงจัง เมื่อไทยเริ่มสํงออก กล๎วยไม๎ไปสูํตลาดตํางประเทศในยุโรปตะวันตก เชํน สหพันธ๑สาธารณรัฐเยอรมัน เนเธอร๑แลนด๑ และอิตาลี ตํอมาจึงขยายตลาดไปสูํประเทศญี่ปุน แคนาดา และบางรัฐของสหรัฐอเมริกา กล๎วยไม๎ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สําคัญชนิดหนึ่งของจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีพื้นที่ปลูกกล๎วยไม๎ทั้งหมด 4,148 ไรํ แหลํงปลูกที่สําคัญ ได๎แกํ อําเภอเมืองสมุทรสาคร อําเภอบ๎านแพ๎ว และอําเภอกระทุํมแบน แหลํง ปลู กสํ ว นใหญํอยูํ ในเขตพื้น ที่ ตํา บลหนองนกไขํ และตําบลบางยาง อําเภอกระทุํมแบน การปลู กกล๎ ว ยไม๎ นอกจากจะเป็นพืชเศรษฐกิจประจําจังหวัดสมุทรสาครแล๎ว ยังเป็นเเหลํงทํองเที่ยวเชิงอนุรักษ๑ - เชิงเกษตร และ เชิงนิเวศของจังหวัดสมุทรสาครอีกด๎วย
19
การเดินทางออกจากถนนพระราม 2 ตรงไปเรื่อยๆ ให๎เลี้ยวซ๎ายที่แยกมหาชัย แล๎ววิ่งตรงไปเจอสาม แยกให๎เลี้ยวซ๎ายไปถนนเศรษฐกิจ จนมาถึงวงเวียน แล๎วเลี้ยวซ๎ายเข๎าเทศบาลกระทุํมแบน จากนั้นเลี้ยวขวา เพื่อเข๎าวัดบางยาง จากนั้นเลี้ยวซ๎ายที่สามแยกแล๎ววิ่งตรงไปเรื่อยๆ ทางไปวัดหนองนกไขํจะพบแหลํงปลูก กล๎วยไม๎ขนาดใหญํของสมุทรสาครเรียงรายอยูํทั้งสองฝั่งถนน
20 วิธีการขยายพันธุ๑กล๎วยไม๎ในพื้นที่นี้นิยมทําการแยกจากกอกล๎วยไม๎ แล๎วปลํอยให๎แตกหนํอ แล๎วแยก หนํอออกไปในกาบมะพร๎าวที่เตรียมไว๎
รดน้ําใสํปุ๋ย หลังจากนั้นเขาจะแตกรากออกมาเอง ตามธรรมชาติ ใช๎เวลาประมาณ 4 เดือน กล๎วยไม๎ก็ จะแตกชํอออกมา
ชํอกล๎วยไม๎กํอนที่จะบรรจุลงกลํองจะทําการตัดโคนมาแล๎ว นํามาใสํในหลอดน้ําเลี้ยงเพื่อให๎ชํอ กล๎วยไม๎สามารถดูดน้ําขึ้นมาและคงความสดจนถึงมือลูกค๎า
21 กลุํมผู๎สํงออกกล๎วยไม๎ในแถบนี้ถือได๎วําเป็นรายใหญํของจังหวัดสมุทรสาคร ตลาดกล๎วยไม๎ไทยเป็นที่ ต๎องการของตลาดตํางประเทศ เชํน ญี่ปุน จีน อินเดียและประเทศในแถบยุโรป ในแตํละปีปริมาณการสํงออก กล๎วยไม๎ไทยปีละหลายแสนตันและสามารถนํารายได๎เข๎าสูํประเทศสูงถึงปีละ 3-4 พันล๎านบาท
ตลาดกล๎วยไม๎เป็นความต๎องการของผู๎บริโภคที่สูงขึ้นทุกปีจึงมีโอกาสขยายตลาดได๎อีกมาก ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นผู๎สํงออกกล๎วยไม๎เป็นอั นดับ 2 ของโลก มีมูลคําปีละ 3,000 ล๎านบาท จังหวัดสมุทรสาครมี ศักยภาพสูงที่จะขยายการผลิตและการสํงออกจากปัจจัยภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสมเทคโนโลยีใหมํๆ รวมทั้งเกษตรกรมีความรู๎และประสบการณ๑ตํอๆกันมาโดยเน๎นการปรับปรุงแก๎ไขในเรื่องคุณภาพ การปนเปื้อน ของศัตรูพืชระบบข๎อมูลการผลิตการตลาดอยํางตํอเนื่องมีการรวมกลุํมสํงเสริมอาชีพในการปลูกเลี้ยงกล๎วยไม๎ ทั้งหมดจํานวน 20 กลุํม
ขั้นตอนการผลิตกล๎วยไม๎ สามารถแบํงออกได๎เป็น 2 ขั้นตอน ได๎แกํการปลูกและขยายพันธุ๑ การให๎น้ํา และปุ๋ย และการรักษาดูแล 1. การปลูกและขยายพันธุ๑ วิธีการปลูกเป็นปัจจัยสําคัญที่ชํวยบังคับการเจริญเติบโตของกล๎วยไม๎การเลี้ยง กล๎วยไม๎จึงจําเป็นต๎องศึกษาความต๎องการของกล๎วยไม๎แตํละชนิด เลือกภาชนะปลูกและเครื่องปลูก รวมทั้ง วิธีการปลูกให๎เหมาะสมกับกล๎วยไม๎ชนิดนั้น ๆ
22 2. การให๎น้ําและปุ๋ย กล๎วยไม๎ต๎องการน้ําที่ส ะอาดปราศจากเกลือแรํที่เป็นพิษมีความเป็นกรดเป็นดําง หรือคํา pH ระหวําง 6-7 แตํน้ําที่มีเหมาะสมที่สุดคือน้ําสะอาดบริสุทธิ์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอํอนๆ มีคํา pH ประมาณ 6.5 น้ําที่มี pHต่ํากวํา 5.5หรือสูงกวํา 7 จึงไมํควรนํามาใช๎รดกล๎วยไม๎ วิธีการให๎น้ํากล๎วยไม๎สามารถทําได๎หลายวิธีจะเลือกใช๎วิธีใดขึ้นอยูํกับความเหมาะสมของแตํละพื้นที่ อายุของกล๎วยไม๎และความสะดวกของผู๎ปลูกเลี้ยงเอง มีวิธีการให๎น้ํา เชํน จุํมน้ํา ไขน้ําให๎ทํวม ใช๎บัวรดน้ําสาย ยางติดหัวฉีด และสปริงเกอร๑
3. เวลาที่เหมาะสมจะรดวันละครั้ง เว๎นวันที่ฝนตกหรือเครื่องปลูกยังมีความชุํมชื้นอยูํ การรดน้ํากล๎วยไม๎ควรรด ในเวลาที่แดดไมํร๎อนจัด คือ ตอนเช๎าประมาณ 6.00 – 9.00 น. เป็นเวลาที่กล๎วยไม๎ ต๎องใช๎รากดูดความชื้นและ นําอาหารไปเลี้ยงสํวนตํางๆมากที่สุด 4. ปุ๋ย แบํงออกได๎ 2 ประเภทด๎วยกันคือ 1. ปุ๋ยอินทรีย๑ คือปุ๋ยที่ได๎จากมูลสัตว๑และซากพืชเหมาะกับการเพาะปลูกกล๎วยไม๎ที่มีระบบรากแบบกึ่ง ดินหรือกล๎วยไม๎ดิน เชํนกล๎วยไม๎สกุลรองเท๎านารี สกุลเอื้องพร๎าว สกุลช๎างผสมโขลง เป็นต๎น 2. ปุ๋ ย อนิ น ทรี ย๑ เป็ น ปุ๋ ย ที่ได๎จ ากการสั งเคราะห๑ ประกอบด๎ว ยธาตุอาหารที่สํ าคัญ 3 ชนิด คือ ไนโตรเจนฟอสฟอรั ส และโปรแตสเซีย ม การใช๎ปุ๋ยกับลู กกล๎ ว ยไม๎จะต๎องเลื อกปุ๋ยสู ตรที่มีธ าตุไนโตรเจน คํอนข๎างสูง สํวนฟอสฟอรัสและโปรแตสเซียมปานกลางหรือต่ํา ทั่วไปนิยมใช๎ปุ๋ยวิทยาศาสตร๑เพราะละลายน้ํา ได๎ดี ใช๎สะดวกและ มีธาตุอาหารครบถ๎วน มี 3 ลักษณะ คือ ลักษณะเป็นน้ําเป็นเกล็ดละลายน้ํา และเป็นเม็ ด ละลายช๎า
23
วิธีการให๎ปุ๋ยกล๎วยไม๎ สามารถทําได๎หลายวิธีเชํน วิธีรดด๎วยบัวรดน้ําชนิดฝอย วิธีพํนด๎วยเครื่องฉีดชนิด ฝอย วิธีจุํม วิธีปลํอยน้ําปุ๋ยเข๎าทํวมกระถางแล๎วระบายออก หรือวิธีใช๎เครื่องผสมปุ๋ยกับน้ํา สําหรับการให๎ปุ๋ย ชนิดเม็ดละลายช๎าทําโดยโรยเม็ดปุ๋ย บริ เวณเครื่ องปลูกที่ใกล๎ กับรากของกล๎ว ยไม๎ตามสั ดสํ วนที่ระบุไว๎ข๎าง ภาชนะที่บรรจุปุ๋ย 5. การรักษาดูแลสําหรับกล๎วยไม๎ ปัญหาที่ควรระวังมากที่สุด ก็คือ โรคและแมลงรบกวน ซึ่งมีหลายชนิด เชื้อ โรคและแมลงศัตรูที่เข๎ าทําลายกล๎วยไม๎สํวนใหญํจะมีขนาดเล็กมากและขยายพันธุ๑รวดเร็วตามองไมํเห็น ถ๎า ปลํอยทิ้งไว๎จะทําให๎การปูองกันกําจัดได๎ยากและสิ้นเปลืองคําใช๎จํายสูง โรคและแมลงศัตรูของกล๎วยไม๎ที่พบ เชํน โรคเนําดําหรือยอดเนํา โรคดอกสนิมหรือจุดสนิม โรคใบปื้นเหลือง โรคแอนแทรกโนส โรคเนําแห๎ง โรค เนําเละ โรคใบจุด เพลี้ยไฟ และไรแดงหรือแมงมุมแดง เป็นต๎น
กล๎วยไม๎แตํละรุํนนั้นให๎ผลผลิตประมาณ 4 ปี หลังจากนั้นก็จะทําการรื้อออกเพื่อปลูกรุํนใหมํ หมุนเวียนกันไป
25
จังหวัดสมุทรสงคราม คาขวัญประจาจังหวัดสมุทรสงคราม “เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แมํกลองไหลผําน นมัสการหลวงพํอบ๎านแหลม” ความเป็นมา จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแมํกลอง ได๎ปรากฏชื่อครั้ง แรกในนาม “แมํกลอง” จากเอกสารบันทึกจดหมายเหตุของ ทูตฝรั่งเศสที่เดินทางเข๎ามาในประเทศไทย สมัยสมเด็จพระ นารายณ๑มหาราช แหํงกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎเป็นแผนที่ โบราณมากมาย แสดงชื่อ Maeclon (แมํกลอง) ไว๎ในแผนที่ซึ่ง จัดอยูํในอาณาบริเวณทะเลปากอําวไทยตรงกับตําแหนํงที่ตั้ง ของชุมชนแมํกลอง หรือจังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน และ เข๎าใจกันวําเป็นแขวงหนึ่งของเมืองราชบุรี มีชื่อเรียกวํา สวน นอก ตํอมาในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาตํอเนื่องกับสมัยกรุง ที่ต้ งั จังหวัด ธนบุรี จึงแยกออกจากจังหวัดราชบุรีเรียกวํา“เมืองแมํกลอง” สมุทรสงคราม สมุทรสงครามมีความสําคัญทางประวัติศาสตร๑ในชํวงที่สมเด็จ พระเจ๎ าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พมําสํงกองทัพผํานเข๎ามาถึงบริเวณตําบลบางกุ๎ง สมเด็จพระ เจ๎าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู๎คน สร๎างคํายตํอสู๎ปูองกันทัพ พมํา จนข๎าศึกพํายแพ๎ไป ณ บริเวณคํายบางกุ๎ง นับเป็นการ ปู องกั น การรุก รานของพมํา ที่มีตํ อราชอาณาจั กรไทยเป็นครั้งสํ าคัญ ในชํ ว งเวลานั้น ชื่อ เมือ งแมํ กลอง เปลี่ยนเป็นสมุทรสงคราม ในปีใดนั้นไมํปรากฏแนํชัด แตํพอสันนิษฐานได๎วําเปลี่ยนในราวปีพ .ศ.2295 ถึงปี พ.ศ.2299 เพราะจากหลักฐานในหนังสื อกฎหมายตราสามดวงวําด๎วยพระราชกําหนดเรื่องการเรียกสินไหม พินัยความได๎ปรากฏชื่อเมืองแมํกลอง เมืองสาครบุรีและเมืองสมุทรปราการ
26 และตํอมาพบข๎อความในพระราชกําหนดซึ่งตราขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ.2299 ความระบุวํา โปรดเกล๎าฯให๎พระยารัตนาธิเบศร๑สมุหมณเฑียรบาลเอาตัวขุนวิเศษวานิช (จีนอะปั่น เต็ก) ขุนทิพ และหมื่นรุกอักษร ที่บังอาจกราบบังคมทูลขอตั้งบํอนเบี้ยในแขวงเมืองสมุทรสงคราม เมือง ราชบุรี และเมืองสมุทรปราการ ทั้งๆ ที่มีกฎหมายสั่งห๎ามไว๎กํอนแล๎วมาลงโทษ จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นแผํนดินที่เกิดขึ้นใหมํ จากการทับถมของโคลนตะกอนบริเวณปากแมํน้ํา เกิดเป็นที่ดอน จนกลายมาเป็นที่ราบลุํมแมํน้ําขนาดใหญํ ตามหนังสือ ลําดับราชนิกูลบางช๎างเลําขานกันวํา สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบรมราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล๎านภาลัยและพระญาติ วงศ๑มีพระนิเวศน๑สถานดั้ งเดิมอยูํที่ อําเภออัมพวา (บางช๎าง) แขวงอําเภอบางช๎าง ซึ่งตํอมาเป็นจังหวัด สมุทรสงครามในปัจจุบัน จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่416.707 ตารางกิโลเมตร(อันดับที่ 76) มีประชากร 193,647 คน สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลาง(หนํวยงานบางแหํงถือเป็นสํวนหนึ่งของภาคตะวันตก) มี ขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจํานวนประชากรน๎อยที่สุดเป็น อันดับ 2 ของประเทศด๎วย แตํนับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ๑ ทางทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล๎อมและมี ชายฝั่งทะเลติดอําวไทยยาวประมาณ 23 กิโลเมตร ไมํมีภูเขาหรือเกาะเลย มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุํม โดย พื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกวําฝั่งตะวันออกเล็กน๎อย ปลายปี พ.ศ. 2550 ผลจากการสํารวจดัชนีความมั่นคงของ มนุษย๑พบวํา สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีความมั่นคงของมนุษย๑สูงที่สุดในประเทศไทย
27
สัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรสงคราม ตราประจาจังหวัด : รูปกลองลอยน้ํา สองฝั่งแมํน้ําเป็นต๎นมะพร๎าว ความหมาย : ชื่อเดิมของจังหวัดนี้ คือ เมืองแมํกลองเพราะตั้งอยูํริมลําน้ํา แมํกลองซึ่งเป็นเส๎นทางคมนาคมสําคัญ มาแตํสมัยโบราณ ตราของจังหวัดจึง ทําเป็นรูปกลองลอยน้ําสองฟากฝั่งเป็นต๎นมะพร๎าวอันเป็นสัญลักษณ๑อาชีพหลัก ของจังหวัด
ตราผ้าผูกคอลูกเสือ :
รูปกลองลอยน้ํา สองฝั่ง
แมํน้ําเป็นต๎นมะพร๎าว
ดอกไม้ประจาจังหวัด : ดอกจิกทะเล เป็นไม๎ดอกเป็นชํอ สั้นๆ อยูํตามปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว เกสรสีชมพูอยูํตรงกลาง ออกดอกชํวงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
ต้นไม้ประจาจังหวัด : ต๎นจิกทะเล เป็นไม๎ยืนต๎นขนาดกลาง มีลําต๎น สูงประมาณ 10 เมตร เปลือกต๎นมีสีน้ําตาลหรือสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยว สี เขียวเข๎มสลับกันไปตามข๎อต๎น ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน ขอบใบเรียบ ผลมี ขนาดใหญํ โคนเป็นสี่เหลี่ยมปูาน ปลายสอบ
28
เขตการปกครอง การปกครองแบํงออกเป็น 3 อําเภอ 36 ตําบล 284 หมูํบ๎าน 1 เทศบาลเมือง 6 เทศบาลตําบล และ 28 องค๑การบริหารสํวนตําบล
1. อําเภอเมืองสมุทรสงคราม 2. อําเภอบางคนที 3. อําเภออัมพวา
สถานที่สาคัญและสถานที่ท่องเที่ยว ล่องเรือชมธรรมชาติ ป่าชายเลนคลองโคน เป็นแหลํงทํองเที่ยวรูปแบบโฮมสเตย๑ ที่ยังคงรักษาวิ ถีชีวิต ปุ า ชายเลนคลองโคลน ตั้ ง อยูํ ต.คลองโคน อ.เมื อ ง การ เดินทางใช๎เส๎นทางพระราม 2 เมื่อข๎ามสะพานแมํน้ําแมํกลอง จะเห็นปั๊ม ปตท. ให๎เลี้ยวซ๎ายเข๎าถนนบ๎านคลองโคน แล๎วขับ ไปตามทางมีปูายบอกทางอยํางชัดเจน สัมผัสการผจญภัยด๎วย การลํองเรือชมระบบนิเวศน๑ของปุาชายเลน ที่ชาวชุมชนรํวมใจ กันพัฒนาฟื้นฟูผืนปุาชายเลน ระหวํางนั่งเรือจะได๎ชมวิถีชีวิต ของชาวบ๎านริมน้ํา และสัตว๑น้ําอยํางปูก๎ามดาบ ปูแสม ปลาอีจัง ปลาตีน พันธุไม๎ปุาชายเลน ได๎แกํโกงกางใบ ใหญํ โกงกางใบเล็ก แสมพังกาหัวสุม ลําพู ลําแพน จาก ตะบูน โปรงแดงโปรงขาว แสมขาว ตาตุํม โพธิ์ทะเล ปอทะเล และเหงือกปลาหมออีกจุดหนึ่งที่ไมํควรพลาดคือการให๎อาหารลิงแสม สัตว๑ท๎องถิ่นซึ่งมีความนํารัก แสนรู๎เป็นอยํางมาก ในฝั่งทะเลอําวไทยจะพบวิถีชีวิตแบบนี้ได๎ที่บ๎านคลองโคลน นั่งเรือออกไปจะได๎สัมผัสกั บ ลมเย็นกลางท๎องทะเลที่ กระเตง (บ๎านพักกลางทะเลที่เฝูาฟาร๑ม หอย) รวมถึงการรับ ประทานอาหารทะเลสด ๆ และที่ตื่นเต๎น และแปลกกวําใครคือ การโชว๑ขับเรือบนเลน ที่จะสร๎างความ สนุกสนานตื่นเต๎นให๎กับนักทํองเที่ยวที่ชอบผจญภัยยิ่งนัก
29
เอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น หนังใหญ่ หนังใหญํ เป็นมรสพที่ใหญํและสําคัญ มีมาตั้งแตํ พ.ศ. ๒๐๐๑ ตามหลั ก ฐานที่ ก ลํ า วไว๎ ในกฎมณเที ย รบาลสมั ย สมเด็ จ พระบรมไตร โลกนาถและในเรื่องสมุทรโฆษชาดคําฉันท๑ หนังใหญํมีการเลํนตลอดมา จนสุ ดสิ้ น สมัย อยุธ ยา ในพ.ศ. ๒๓๐๑ จึ งยุ ติ ก ารเลํ นหนั งใหญํ ไปโดย ปริยาย แตํเมื่อกรุงธนบุรีขึ้นมามีศักดิ์ศรีราชธานีใหมํ โดยสมเด็จพระเจ๎า ตากสินมหาราช การเลํนหนังใหญํก็ฟื้นคืนชีพใหมํอีกครั้ง ซึ่งยังคงยืนยาว ตํอมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร๑ ดังนั้น มหรสพใดๆ ก็ไมํอาจเทียบหนังใหญํ ได๎ เพราะเป็นมหรสพที่คํอนข๎างมโหฬาร คล๎ายภาพยนตร๑จอยักษ๑ในสมัย ปัจจุบัน หนังใหญํมีขนาดโตกวําหนังตะลุงเกือบ ๕ เทํา การทําหนังใหญํ นั้น ใช๎แผํนหนังวัวหรือหนังควายดิบ ที่ตากแห๎งโดยวิธีขึงลงในกรอบให๎ตึง แล๎วเขียนภาพลงบนแผํนหนัง จากนั้นจึงฉลุด๎วยเครื่องมือ ตอกฉลุให๎เป็น ชํองหลุดขาดออกไป จะใช๎เครื่องมืออยํางเดียวกับหนังตะลุ งก็ได๎ แตํใน ปั จ จุ บั น การทํ า ตั ว หนั ง ใหญํ อ าจน๎ อ ยลงหรื อ เกื อ บไมํ มี ใ ครทํ า กั น แล๎ ว เพราะไมํได๎ทําขาย แตํทําเพื่อใช๎แสดงเทํานั้น ไมํเหมือนหนังตะลุงที่ทําขายเป็นของที่ระลึก ลักษณะของหนังใหญํ เมื่อฉลุแล๎วจะเป็นภาพโปรํง อาจเป็นแผํนหนังที่มีภาพตัวเดียว เรียกวํา หนังเดี่ยว หรือมีภาพกําลังตํอสู๎กัน เรียกวํา หนังจับ มีการฉลุ ๒ แบบ คือ การฉลุเอาหนังออกเหลือแตํเส๎นแสดงวงหน๎า ตา คิ้ว ปาก หรือเส๎นขอบแขน คอ เทํานั้น เรียกวํา "หน๎าแขวะ" อีกแบบหนึ่งต๎องฉลุเอาเส๎นตา คิ้ว วงหน๎า ขอบแขนออก เรียกวํา "หน๎าเต็ม" จึงดูกลับกัน ตัวหนังใหญํสามารถแบํงได๎เป็น 3 ประเภทใหญํ ๆ ได๎แกํ 1. หนังเดี่ยว หนังเดี่ยวคือมีตัวละครตัวเดียว ไมํมีภาพอื่นเป็นองค๑ประกอบ ได๎แกํ หนัง เจ๎า หรือ หนังครู ใช๎สําหรับพิธีไหว๎ครู ไมํใช๎แสดง ปกติมี 3 ตัวคือ หนังฤๅษี หนังพระอิศวร และ หนังพระนารายณ๑ หนังเฝูา หรือ หนั งไหว๎ เป็นตัว ละคร ทั้งมนุษย๑ ยักษ๑ ลิง ทําทําประนมมือ ใช๎แสดงตอนเข๎าเฝูาหนังคเนจร หรือ หนังเดิน เป็นตัวละครทําทําเดิน หรือ ลิงทําทํายํอง หนังงํา หรือ หนังเหาะ แสดงทําเหาะ หรือ ยกขาข๎างหนึ่ง แยกได๎เป็น หนังโกํงและหนัง แผลง คือ ทําทําโกํงหรือแผลงศร ด๎วย
30 2. หนังเรื่อง หนังเรื่องคือหนังขนาดใหญํที่มีภาพอื่นๆ เป็นองค๑ประกอบ หรือ มี ตัวละครมากกวําหนึ่งตัว ได๎แกํ หนังเมือง มีตัวละครตัวเดียว หรือ หลายตัว ประกอบด๎วยภาพสถานที่เชํน พลับพลา หรือ ราชวังหนัง จับ หรือ หนังรบเป็นภาพตัวละคร 2 หรือ 3 ตัว ทําการรบกัน หรือ จับกัน เชํน พระรามรบกับทศกัณฐ๑เป็นต๎น 3. หนังเบ็ดเตล็ด หนังเบ็ดเตล็ดคือหนังที่จัดทําทางพิเศษ เชํน หนังรถ ตัวละคร นั่งบนราชรถ คนถืออาวุธ ลิงพวกเดียวเพชร พลยักษ๑ ตัวตลก ตัวหนี ฉาก ภาพราชรถ ลิงเขน และเครื่องอาวุธ ฉัตร ช๎าง ม๎า ราชสีห๑ ในการแสดงหนังใหญํนั้น มีทั้งหนังสีและหนังดํา ซึ่งจะต๎องระบาย สีลงบนภาพหนังซึ่งเป็นหนังชนิดบาง โดยการขูดเยื่อใยตํางๆ ออกจน หมด การเชิ ด หนั ง ใหญํ นั้ น ผู๎ ที่ เ ชิ ด จะเต๎ น และทํ า ทํ า ทางไปตาม จังหวะเพลงด๎วย แตํภาพที่ปรากฏบนจอจะไมํสะดุ๎งตาม สํวนมากจะ เป็นผู๎ชาย ไมํวําจะเชิดตัวพระ ตัวนางก็ตาม การฝึ กหัดก็เชํนเดียวกับ การฝึกหัดโขน โดยมีการเต๎นเสา เพราะในการเชิดนั้น จะต๎องยืด ยุบ กระทบเท๎า ลงเหลี่ยม ขยั่นเท๎า กระดก เท๎า มือทั้งสองจะต๎องชูตัวหนังขึ้นสูง สํวนหนังตัวเล็กจะต๎องจับไม๎คาบอันเดียวทั้งสองมือ การเต๎นก็เต๎นตาม จังหวะ มีการเก็บเท๎า สะดุดเท๎า ขยั่นเท๎าสลับกัน ตัวหนังพระก็ทําทําอยํางพระ ตัวหนังนางก็ทําทําอยํางนาง ตัวหนังยักษ๑ก็ทําทําอยํางยักษ๑ ตัวหนังลิงก็ทําทําอยํางลิง ซึ่งแตํละประเภทจะมีทําเฉพาะของตัวเอง การพากย๑ ก็จะต๎องเข๎าใจกันดีระหวํางผู๎เชิดกับผู๎พากย๑ ตอนใดขึงขัง ตอนใดอํอนโยน หรือตอนใดนอบน๎อมโดยเฉพาะหนัง เฝู า ซึ่ ง ตั ว หนั ง นั่ ง พนมมื อ ก็ จ ะต๎ อ งโน๎ ม ไปข๎ า งหน๎ า เล็ ก น๎ อ ยเชิ ง ก๎ ม ศี ร ะษะรั บ คํ า สั่ ง หรื อ ราชโองการ ความสัมพันธ๑กันระหวํางผู๎เชิดหนัง กับผู๎พากย๑ก็เชํนเดียวกับการแสดงโขน โดยที่ตัวโขนก็จะต๎องเข๎าใจเรื่องแตํ ละตอน คนพากย๑ก็จะต๎องเข๎าใจลีลาการรํา และการทําทําทางที่เรียกวํา "ภาษาทํา" ดนตรีที่ใช๎ในการเลํนหนัง ใหญํ ใช๎วงปี่พาทย๑ แตํจะเป็นวงขนาดใดแล๎วแตํฐานะเจ๎าภาพ วงปี่พาทย๑จะตั้งอยูํหน๎าจอหนัง เว๎นระยะหําง จากจอราว ๔ เมตร เพื่อให๎คนเชิดหนังเต๎นได๎สะดวก เพราะการเชิดหนังใหญํนั้น เชิดหน๎าจอและหลังจอด๎วย ไมํเหมือนหนังตะลุงที่เชิดหลังจอตลอด ปัจจุบันเหลือคณะหนังใหญํอยูํทั้งหมด 3 คณะได๎แกํ 1. หนังใหญํวัดขนอน จังหวัดราชบุรี 2. หนังใหญํวัดบ๎านดอน จังหวัดระยอง 3. หนังใหญํวัดสวํางอารมณ๑ จังหวัดสิงห๑บุรี
31
และหนังใหญํอกี แหํงหนึ่งที่น๎อยคนจะรู๎จักวํายังคงมีอยูํ คือ หนังใหญํวัดบางน๎อย อ.บางคนที จ. สมุทรสงคราม และผู๎ที่มีใจอนุรักษ๑งานศิลปะและพยายามจะรักษาไว๎ให๎คงอยูํคูํกับชุมชนที่ตนได๎เติบโตขึ้นมา มิ ให๎เลือนหายไปก็คือ ลุงสงัด ใจพรหม อดีตอาจารย๑วิชาเขียนแบบและศิลปะ โรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย ผู๎ อนุรักษ๑ศิลปะพื้นบ๎านและหนังใหญํที่กําลังจะสูญหายไป จนได๎รับรางวัลคนดีศรีแผํนดิน ประจําจังหวัด สมุทรสงคราม สาขาทัศนศิลป์ ประจําปี 2552 และยังเป็นปราชญ๑ชาวบ๎าน และเป็นผู๎มีผลงานดีเดํนทาง วัฒนธรรม รวมถึงเป็นครูภูมิปัญญาท๎องถิ่น ได๎จัดทําศูนย๑ศลิ ปวัฒนธรรมท๎องถิ่นขึ้น ณ บ๎านยายแฟง ต.ยาย แพง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม
32
แรงบรรดาลใจของลุง สงัด ใจพรหม ในการอนุรักษ๑หนังใหญํ นั้น เห็นวําหนังใหญํมรดกทางวัฒนธรรมของวัดบางน๎อยกําลังจะสูญ หายไป เนื่องจากถูกไฟไหม๎ เกือบหมด และบางสํวนได๎ถูกนําไปขาย ยังตํางประเทศและผู๎ที่สืบทอดการทํา ตัวหนังใหญํในปัจจุบันแทบจะ ไมํเหลือให๎ เห็นแล๎ว จึงได๎คิดอนุรักษ๑หนังใหญํ ซึ่ง ตํอไปจะได๎ มีหนัง ใหญํอยูํไว๎ให๎ลูกหลานดู และรางวัลที่ทําให๎รู๎สึกภูมิใจ คือ รางวัล 76 คนดี นําทาง และรางวัลแทนคุณแผํนดิน ซึ่ง โครงการนี้จะเป็นการ ถํายทอดเรื่องการอนุรักษ๑หนังใหญํให๎คนรุํนหลัง รวมทั้งสอนนักเรียน ถึงแนวทางการอนุรักษ๑ศิลปะไทย เพื่อเป็นแหลํงเรียนรู๎ทางด๎านศิลปะ ให๎กับชุมชนถิ่นนี้ตํอไป และนอกจากนั้นครูส งัดยังได๎รํว มกับ หนํ ว ยงานภาครั ฐ ดํ า เนิ น โครงการเครื อ ขํ า ยศู น ย๑ ม หรสพและ การละเลํนพื้นบ๎าน เพื่อสุขภาวะชุมชน เป็นการถํายทอดภูมิปัญญาใน ด๎านศิลปกรรม ในเรื่องการเลํนหนังใหญํ ให๎กับเยาวชนและประชาชน ทั่วไปในพื้นที่เปูาหมายด๎วยการมาเป็นวิทยากรในการถํายทอดภูมิ ปั ญ ญา เป็ น การสร๎ า งความยั่ ง ยื น ให๎ กั บ มหรสพและการละเลํ น พื้นบ๎านด๎วยการสร๎างกิจกรรมอยํางตํอเนื่องซึ่งโครงการเครือขํายศูนย๑ มหรสพและการละเลํนพื้นบ๎าน เพื่อสุขภาวะชุมชน กิจกรรมที่เกิดขึ้น ครั้งนี้นอกจากจะต๎องการศิลปวัฒนธรรม (หนังใหญํ) คงอยูํโดยการ สืบสานสืบทอด แล๎วยังทําให๎ศิลปินได๎มีการสร๎างการเปลี่ยนแปลง ทางด๎านกาย จิต ปัญญา และสังคม ด๎วยการนําเอาสื่อศิลปวัฒนธรรม เรื่อง “หนังใหญํ” มาเป็นเครื่องมือในการสร๎างสุขภาวะของชุมชน และเป็ น การเปิ ด พื้ น ที่ ข องชุ ม ชนให๎ ค นในชุ ม ชนมารํ ว มกั น เรี ย นรู๎ แลกเปลี่ ย นในเรื่ อ งของศิ ล ปวั ฒ นธรรมที่ มี อ ยูํ ใ นชุ ม ชน และคน ภายนอกรู๎จักอีกด๎วย
34
จังหวัดนครปฐม คาขวัญประจาจังหวัดนครปฐม “ส๎มโอหวาน ข๎าวสารขาว ลูกสาวงาม ข๎าวหลามหวานมัน สนามจันทร๑งามล๎น พุทธมณฑลคูํธานี
พระปฐมเจดีย๑เสียดฟูา”
ความเป็นมา นครปฐมนับเป็นอูํอารยธรรมสําคัญที่มีประวัติศาสตร๑ความ เป็นมายาวนานในแผํนดินสุวรรณภูมิ จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร๑ได๎กลําววําเมืองนครปฐมแตํเดิมนั้น ตั้งอยูํริมทะเล เป็นเมืองเกําแกํที่มีความเจริญรุํงเรืองมานานนับตั้งแตํสมัยสุวรรณ ภูมิและเป็นราชธานีที่สําคัญในสมัยทวารวดี ในยุคนั้นนครปฐมเป็น แหลํงเผยแพรํอารยธรรมจากประเทศอินเดียซึ่งรวมทั้งพุทธศาสนา นครปฐมจึงเป็นศูนย๑กลางของความเจริญ ชนชาติตํางๆได๎อพยพเข๎า มาตั้งถิ่นฐานอยูํเป็นจํานวนมาก ตํอมาเกิดความแห๎งแล๎งขึ้นในเมือง นครปฐม เพราะกระแสน้ําที่ไหลผํานตัวเมืองเปลี่ยนเส๎นทาง ที่ต้ งั จังหวัด ประชาชนจึงอพยพไปตั้งหลักแหลํงอยูํริมน้ําและสร๎างเมืองใหมํขึ้น นครปฐม ชื่อวํา“เมืองนครไชยศรี”หรือ“ศรีวิชัย”นครปฐมจึงกลายเป็นเมือง ร๎างมาเป็นเวลาหลายร๎อยปี จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัว(รัชกาลที่ 4) ขณะที่ยังทรงผนวชได๎ธุดงค๑ไปพบพระปฐมเจดีย๑และทรงเห็นวํา เป็นเจดีย๑องค๑ใหญํที่ไมํมีที่ใดเทียบเทํา ครั้นเมื่อได๎เสด็จขึ้น ครองราชย๑จึงได๎โปรดเกล๎าฯให๎กํอเจดีย๑แบบลังกา ครอบเจดีย๑องค๑เดิมไว๎ โดยให๎ชื่อวํา “พระปฐมเจดีย๑” ทรง ปฏิสังขรณ๑สิ่งตําง ๆ ในบริเวณองค๑พระปฐมเจดีย๑ให๎มีสภาพดีและโปรดเกล๎าฯให๎ขุดคลองเจดีย๑บูชา เพื่อให๎การ เสด็จมานมัสการสะดวกขึ้น
35
สัญลักษณ์ของจังหวัดนครปฐม ตราประจาจังหวัด :รูปเจดีย๑องค๑ใหญํและมีมงกุฎติดอยูํที่พระปฐมเจดีย๑ เจดีย์องค์ใหญํ คือ องค๑พระปฐมเจดีย๑ที่พระโสณะและพระอุตระได๎สร๎างขึ้น มงกุฎ หมายถึง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัวผู๎ทรงอุปถัมภ๑สร๎างองค๑ พระปฐมเจดีย๑ตํอเติมให๎สูงใหญํสงํางาม ตามปรากฎในปัจจุบัน จังหวัดนครปฐม ใช๎อักษรยํอวํา "นฐ"
ตราผ้าผูกคอลูกเสือ รูปพระปฐมเจดีย๑
ดอกไม้และ ต้นไม้ประจาจังหวัด : ต๎นจันทน๑หอม เป็ นไม้ ยืนต้ น ผลัดใบ สูง 10–20 เมตร เรื อนยอดเป็ นพุ่มค่อนข้ างโปร่ ง ใบ เป็ นใบเดี่ยว เรี ยงสลับ ออกดอกเป็ นช่อตามปลายกิ่ง และตามง่ามใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาว ผล เป็ นรู ปกระสวย มีปีกรู ปทรงสามเหลี่ยม
ผลไม้ประจาจังหวัด : ส๎มโอ
36
เขตการปกครอง การปกครองแบํงออกเป็น 7 อําเภอ 106 ตําบล 930 หมูํบ๎าน 1 เทศบาลนคร 3 เทศบาลเมือง 15 เทศบาล ตําบลและ 97 องค๑การบริหารสํวนตําบล
1. อําเภอเมืองนครปฐม 2. อําเภอกําแพงแสน 3. อําเภอนครชัยศรี 4. อําเภอดอนตูม 5. อําเภอบางเลน 6. อําเภอสามพราน 7. อําเภอพุทธมณฑล
สถานที่สาคัญและสถานที่ท่องเที่ยว สวนนกยูงสามพราน แกะ & กวางดาว สวนนกยู งในสวนแหํงนี้เป็นสวนนกยูงที่ ใหญํที่สุดในประเทศไทย มีนกยูงมากกวําร๎อยตัว นั ก ทํ อ งเที่ ย วสามารถเดิ น เข๎ า ไปให๎ อ าหารและ ถํายรูปในกรงนกยูงได๎อยํางใกล๎ชิด และสวนนกยุง แหํ ง นี้ ยั ง มี สั ต ว๑ อี ก หลายชนิ ด ให๎ ช ม อาทิ ไกํ ดํ า ฮํองเต๎ กวางดาว แกะ ไกํฟูา เป็นแหลํงทํองเที่ยว ทีเ่ หมาะสําหรับนักทํองเที่ยวที่อยากเที่ยวสวนสัตว๑ แหํงใหมํใกล๎ๆกรุงเทพฯ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขับรถมาตามถนนเพชรเกษมมุํงหน๎าเข๎าตัวจังหวัด นครปฐม เลี้ยวซ๎ายเข๎าซอยวัดเทียนดัด ประมาณ 3.5 กิโ ลเมตร อยูํฝั่งซ๎ายมือ คําเข๎าชมคนละ 50 บาท รถประจําทางที่ผํ าน สาย 84 คลองสาน – อ๎อมใหญํ
37
เอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ตลาดน้ําบางหลวง รศ. 122 เดิมตลาดบางหลวงเป็นแหลํงค๎าขายทางน้ํา ที่สําคัญแหํงหนึ่งของอําเภอ บางเลน เพราะมีทําเรือ สะดวกในการขนถํายสินค๎า มีบริษัทสุพรรณขนสํงให๎บริการเดินเรือจากสุพรรณบุรีไป ยังสถานีรถไฟงิ้วราย เพื่อเดินทางระหวํางหมูํบ๎านหรือเข๎ากรุงเทพฯ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปเทคโนโลยีสมัยใหมํ เข๎ามาแทน มี การสร๎างถนน รถยนต๑ก็มาแทนที่เรือ ทําให๎การค๎าขายทางน้ํา เริ่มซบเซาลง แตํการค๎าขายของ ชาวตลาดบางหลวงก็ยังคงอยูํ และยังคงรักษาเอกลักษณ๑ด๎านตําง ๆไว๎อยํางสมบูรณ๑ ไมํวําจะเป็นร๎านขายยาจีน สมุนไพร ร๎านทําฟันปลอม ร๎านทําทอง ร๎านบัดกรีโลหะ ร๎านทําเส๎นก๐วยเตี๋ยวก็ยังคงอนุรักษ๑ไว๎ เพื่อเป็นการ สํงเสริมการทํองเที่ยวเชิงอนุรักษ๑ของบางหลวงตํอไป
38 ตลาดบางหลวงเป็นตลาดเกําแกํของชุมชมชาวไทย และชาวจีน โดยเริ่มจากชาวจีนที่อพยพเข๎ามาตั้งถิ่น ฐานที่บางหลวง และโดยบ๎านเรือนที่อยูํอาศัยจะเป็นบ๎านไม๎สองชั้นหันหน๎าเข๎าหากัน ปัจจุบันมีอายุเกํ าแกํไมํ น๎อยกวํา 100 ปี การกํอตั้งชุมชนบางหลวงเริ่มมาตั้งแตํปี พ.ศ. 2446 อยูํบนริมน้ําแมํน้ําทําจีน ด๎านฝั่ง ตะวันออก (หรือแมํน้ําสุพรรณบุรี)มีด๎วยกันทั้งหมด 68 ห๎อง ปลูกจากหน๎าตลาดจนถึงท๎ายตลาด ปัจจุบันยังคง สภาพที่สวยงามและเกําแกํ ทําให๎ตลาดบางหลวงนี้เป็นแหลํงทํองเที่ยวแหํงใหมํของชาว จ.นครปฐม
โดยเฉพาะบ๎านเรือนไทยหลังเกําที่ปลูกที่อยูํฝั่งตรงข๎ามกับหลังตลาดบางหลวง ซึ่งมีอายุเกําแกํและได๎ กําลังพัฒนาเป็นจุดทํองเที่ยวแหํงหนึ่งของของตลาดบางหลวง
39
ในวันเสาร๑ วันอาทิตย๑ และวันหยุดนักขัตฤกษ๑จะมีอาหารมากมายหลากหลายมาจําหนํายภายในตลาด บางหลวง ได๎แกํ หวาน-คาว กุ๎ง ปลา ผักผลไม๎สดๆ และภายในตลาดบางหลวงบริเวณทําน้ําทําจีนยังมีบริการ ลํองเรือชมแมํน้ําทําจีน และทําบุญยังวัดตําง ๆ ที่ติดกับตลาดบางหลวง เชํน วัดบางหลวง วัดไผํโรงวัว ฯ จนทํา ให๎ตลาดบางหลวงพื้นที่จากที่เคยมีแคํตลาดบน แตํตอนนี้มีตลาดลํางเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีละครหลายเรื่องเข๎ามา ถํายทําที่ตลาดบางหลวง และที่ทําให๎ตลาดบางหลวงเป็นที่รู๎จักของนักทํองเที่ยวมากยิ่งขึ้นก็มาจากภาพยนตร๑ เรื่อง "คมแฝก" เปิดทุกวัน เสาร๑ อาทิตย๑ และวันหยุดนักขัตฤกษ๑
41
จังหวัดเพชรบุรี เป็น จังหวัดที่ มีความสมบู รณ๑ทางธรรมชาติ ทั้งภูเขา และ ทะเล อีกทั้งอยูํใกล๎ กับกรุงเทพมหานคร เหมาะสําหรับคนที่ชอบธรรมชาติ แตํไมํมีเวลาไปไหนไกลๆ สถานที่ทํองเที่ยวแนะนําคือ ชายหาดปึกเตียน หาด ชะอํา อุทยานแหํงชาติแกํงกระจาน และSwiss Sheep Farm ฟาร๑มแกะ แบบสวิสเซอร๑แลนด๑
คาขวัญประจาจังหวัดเพชรบุรี “เขาวังคู่บ้าน ขนมหวานเมืองพระ เลิศลาศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม”
42
ความเป็นมา เพชรบุรีเป็นเมืองที่เคยรุํงเรืองมาตั้งแตํครั้งในอดีตและเป็นเมืองหน๎า ดํานที่สําคัญของไทยในกลุํมหัวเมืองฝุายตะวันตกมีการติดตํอค๎าขายกับ ตําง ประเทศอยํางเป็นล่ําเป็นสัน มีหลักฐาน ชื่อเรียกปรากฏในหนังสือชาว ตํางประเทศ เชํน ชาวฮอลันดาเรียกวํา“พิพรีย๑” ชาวฝรั่งเศสเรียก วํา “พิพ พีล๑” แล ะ “ฟิฟรี” จึงมีการสันนิษฐานกันวําชื่อ“เมืองพริบพรี”ซึ่งเป็นชื่อเดิม ของเมืองเพชรบุรีมีความสอดคล๎องกับชื่อวัดพริบพลีที่เป็นวัดเกําแกํวัดหนึ่ง ของจังหวัดและที่วัดแหํงนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของเสาชิงช๎าอีกด๎วย เพชรบุรีหรือ ที่ต้งั จังหวัด ศรี ชั ย วั ช รบุ รี เ ป็ น เมื อ งเกํ า แกํ ม าแตํ ค รั้ ง โบราณเคยเป็ น อาณาจั ก รเล็ ก ๆ เพชรบุรี อาณาจักรหนึ่ง บางสมัยมีเจ๎าผู๎ครองนครหรือกษัตริย๑ปกครองเป็น อิสระบาง สมัย ก็ตกเป็นเมืองขึน้ ของอาณาจักรที่เข๎มแข็งกวํา เจ๎าผู๎ครองนครได๎สํงเครื่อง บรรณาการ ไปยังเมืองจีนเป็นประจํา เพชรบุรีจึงมีชื่อปรากฏเป็นหลักฐานมา ตั้งแตํสมัยพระเจ๎าชัยวรมัน ที่ ๗ เชํน พระปรางค๑ ๕ ยอด ณ วัดมหาธาตุวรวิหารและ ปราสาทหินศิลาแลง ณ วัดกําแพงแลงเป็นต๎น โดยที่มาของชื่อเมืองนั้นอาจกลําวได๎ ตามตํานานที่เลําสืบกัน มาวําในสมัยโบราณ เคยมี แสงระยิบ ระยับในเวลาค่ําคืนที่เขาแดํนทําให๎ชาวบ๎านเข๎าใจวํามีเพชรพลอยบนเขานั้นจึงพากันไปค๎นหาแตํก็ไมํ พบจึงได๎ออกค๎น หาในเวลากลางคืนแล๎ วใช๎ปูนที่ใช๎สํ าหรับกินหมากปูายเป็นตําหนิไว๎เพื่อมาค๎นหาในเวลา กลางวัน แตํก็ไมํพบบ๎างก็วําเรียกตาม ชื่อของแมํน้ําเพชรบุรี เมืองเพชรบุรีมีศิลปะวัตถุมากมายเป็นหลักฐานที่ แสดงวําเพชรบุรีเคยเป็นบ๎านเมืองที่มีผู๎คนอาศัยอยูํมาก เป็นชุมชนถาวรมาตั้งแตํสมัยทวารวดี เชํน ศิลปะปูน ปั้น เป็นต๎น เมื่อถึงยุคของอาณาจักรสุโขทัย แม๎อาณาจักรสุโขทัยในรัชสมัยพํอขุนรามคําแหงมหาราชพระองค๑ทรง มีอํานาจครอบคลุมเพชรบุรี แตํเพชรบุรีก็ยังมีอิสระอยูํมากสามารถสํงทูตไปจีนได๎ ต๎นวงศ๑ของกษัตริย๑เพชรบุรี ในชํวงสมัยสุโขทัย คือพระพนมทะเลศิริ ผู๎เป็นเชื้อสายของพระเจ๎าพรหมแหํงเวียงไชยปราการ ราชวงศ๑นี้ได๎ ครองเมืองเพชรบุรีมาจนถึงสมัยพระเจ๎าอูํทองซึ่งได๎เสด็จไปสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีในสมัยกรุงศรี อยุธยาตอนต๎น เพชรบุรี ขึ้นตํอกรุงศรีอยุธยาในแบบศักดินาสวามิภักดิ์ มีขุนนางควบคุมเป็นชั้นๆขึ้นไป แตํ หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถอํานาจในสํวนกลางมีมากขึ้น เพชรบุรียังมีความสัมพันธ๑ใกล๎ชิดกับ กรุงศรีอยุธยา ดังนั้นอํานาจจากสํวนกลางจึงมีสํวนในการ ปกครองเพชรบุรีมากกวําเดิม ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาใน พ.ศ.2113 พระยาละแวกเจ๎าเมืองเขมร ยกกองทัพมาสู๎รบกับกองทัพกรุงศรีอยุธยาแตํสู๎ไมํได๎พํายแพ๎หนีกลับ ไปเขมร อีก5ปีตํอมาในพ.ศ.2118 พระยา ละแวกยกทัพเรือมาที่กรุงศรีอยุธยาอีกและสู๎กรุงศรีอยุธยาไมํได๎อีก จึงยกกองทัพกลับไป พ.ศ.2121 ทางเขมร ได๎ให๎พระยาจีนจันตุยกทัพมาตีเมืองเพชรบุรีแตํชาวเมืองเพชรบุรีปูองกันเมืองเอาไว๎ได๎ พ.ศ.2124 กรุงศรี อยุธยาติดพันการรบกับกบฏ พระยาละแวกก็เลยถือโอกาสยกกองทัพเรือมาตีเมืองเพชรบุรีมีกําลังพลประมาณ 7,000 คน เมืองเพชรบุรีจึงตกเป็นของเขมร
43 จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค๑ทรงตีเขมร ได๎ชัยชนะ เพชรบุรีจึงเป็นอิสระ โดย พ.ศ. 2136 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิจารณานิสัย สันดานของเขมรแล๎ว เจ็บช้ําพระทัยจึงยกกองทัพไปตี เขมรจับครอบครัวพระยาละแวกแล๎วเอามาไว๎ที่กรุงศรีอยุธยา ตัดคอพระยาละแวกล๎างพระบาท เพราะชอบฉก ฉวยโอกาสขณะที่กรุงศรีอยุธยาติดทัพที่อื่น แตํพระองค๑ทํานยังมีพระเมตตาให๎โอกาสลูกชายคนโตของพระยาละแวกกลับไปครองเขมรตํอ แล๎วให๎ ทําสัญญาวําจะไมํเป็นกบฏตํอกรุงศรีอยุธยา และต๎องเป็นเมืองขึ้นของราชอาณาจักรสยามตํอไป เนื่องจากทรง โปรดปรานเมืองเพชรบุรีเป็นพิเศษ จึงได๎เสด็จมาประทับที่เมืองเพชรบุรีเป็นเวลาถึง 5 ปี กํอนจะทรงยกทัพ ใหญํไปปราบพมํา และเสด็จสวรรคตที่เมืองห๎างหลวงเจ๎าเมือง เพชรบุรีและชาวเมืองเพชรบุรีได๎รํวมเป็นกําลังสําคัญในการตํอสู๎กับข๎าศึกศัตรูหลายครั้งนับตั้งแตํสมัย รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเชษฐาธิราช และรัชสมัยสมเด็จพระเจ๎าเอกทัศน๑โดยเฉพาะใน รัชสมัยสมเด็จพระเพทราชานั้น การปราบปรามเจ๎าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งแข็งเมือง พระยาเพชรบุรีได๎เป็น กําลังสําคัญในการสํงเสบียง ให๎แกํกองทัพฝุายราชสํานักกรุงศรีอยุธยา อยํางไรก็ดีเมืองเพชรบุรีถูกตีแตกอีกครั้ง เมื่อพมําโดยมังมหานรธาได๎ยกมาตีไทย จนไทยต๎องเสียกรุงศรีอยุธยาแกํพมําเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 นั่นเอง เพชรบุรีในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร๑ตั้งแตํ รัชสมัยสมเด็จพระเจ๎าตากสินมหาราชจนถึงแผํนดิน สมเด็จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล๎ า นภาลั ย ไทยเรายั งคงทํ า สงครามกั บพมํ ามาโดยตลอด ซึ่ง เจ๎า เมื องและ ชาวเมืองเพชรบุรีก็ยังคงมีสํวนรํวมในการทําสงคราม ดังกลําว จนเมื่อพมําตกเป็นอาณาจักรของอังกฤษ แล๎วบทบาทของเมืองเพชรบุรีที่มีตํอเมืองหลวงและ ราชสํานักจึงคํอย ๆ เปลี่ยนไป พระบาทสมเด็จพระ จอมเกล๎ า เจ๎ า อยูํ หั ว ทรงโปรดปรานเมื อ งเพชรบุ รี ตั้งแตํครั้งยังทรงผนวชอยูํ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย๑ แล๎วทรงโปรดเกล๎าให๎สร๎างพระราชวัง วัด และพระเจดีย๑ใหญํขึ้นบนเขาเตี้ยๆ ใกล๎กับตัวเมือง และพระราชทาน นามวํา “พระนครคีรี” ตํอมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัว ทรงโปรดเกล๎าฯให๎สร๎าง พระราชวังอีกแหํงหนึ่งในตัวเมืองเพชรบุรี คือ “พระรามราชนิเวศน๑”หรือ ที่เรียกกันตามภาษา ชาวบ๎านวํา “วั ง บ๎ า นปื น ” และด๎ ว ยความเชื่ อ ที่ วํ า อากาศชายทะเลและน้ํ า ทะเลอาจบรรเทาอาการเจ็ บปุ ว ยได๎ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล๎าเจ๎าอยูํหัวจึงโปรดเกล๎าฯให๎สร๎างพระราชวัง “พระราชนิเวศน๑มฤคทายวัน ” ขึ้น ที่ชายหาดชะอํา เพื่อใช๎เป็นที่ประทับรักษาพระองค๑จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของเมืองเพชรบุรีวํา “เมืองวัง”
44
สัญลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี
ตราประจาจังหวัด เขาวัง หมายถึง เขาที่ตั้งของพระนครคีรี ซึ่ง ร. 4ทรงสร๎างและ พระเจดีย๑พระธาตุจอมเพชร นับเป็นเจดีย๑คูํบ๎านคูํเมือง ผืนนา หมายถึง เมืองเกษตรกรรมและความอุดมสมบูรณ๑ ต๎นตาลโตนด หมายถึง ต๎นไม๎สัญลักษณ๑ของจังหวัด
ตราผ้าผูกคอลูกเสือ : รูปเขาวัง ผืนนา ต๎นตาลโตนด
ธงประจาจังหวัดเพชรบุรี : สีเหลือง-น้ําเงิน มีรูปเขา วัง ผืนนา ต๎นตาลโตนด อยูํในวงกลมตรงกลาง
ต้นไม้ประจาจังหวัด : ต๎นหว๎า เป็นไม๎ยืนต๎นสูง 10–25 เมตร ใบเป็น ใบเดี่ ยวออกตรงข๎าม แผํ นใบรูปรีหรือรูปไขํกลับ ปลายใบ แหลม โคนใบมน ดอกสีขาว ออกเป็นชํอตามงํามใบ เกสรยาวเป็นพูํ ผลเป็นวงรี
45
เขตการปกครอง ระดับจังหวัด ประกอบด๎วยสํวนราชการประจําจังหวัด จํานวน 26 สํวนราชการ ระดับอําเภอ ประกอบด๎วย 8 อําเภอ 93 ตําบล 698 หมูํบ๎าน
1. อําเภอเมืองเพชรบุรี 2. อําเภอเขาย๎อย 3. อําเภอหนองหญ๎าปล๎อง 4. อําเภอชะอํา 5. อําเภอทํายาง 6. อําเภอบ๎านลาด 7. อําเภอบ๎านแหลม 8. อําเภอแกํงกระจาน
สถานที่สาคัญและสถานที่ท่องเที่ยว อ่าวบางตะบูน ตั้งอยูํตําบลบางตะบูน จากตัวเมืองเพชรบุรีไปบ๎าน แหลมระยะทาง 12 กิโลเมตร แล๎วเดินทางตํอไปปากอําว บางตะบูน ระยะทางอีก 8 กิโ ลเมตร บางตะบูน เป็ น หมูํบ๎านชาวประมงเล็ก ๆ ติดริมทะเล นักทํองเที่ยวที่มา เยี่ยมชมที่แหํงนี้จะได๎ชมวิถีชีวิต ชาวประมงพื้นบ๎านที่ทํา ฟาร๑ ม เลี้ ย งหอยแครง หอยแมลงภูํ หอยนางรม และ ประมงชายฝั่ ง รวมถึ ง ได๎ ลิ้ ม ลองอาหารทะเลสดๆจาก ฟาร๑มในร๎านอาหารทะเลชื่อดังในพื้นที่ บริเวณปากอําว บางตะบู น ยั ง เป็ น จุ ด ชม "ฝู ง ปลาวาฬบรู ด๎ า " และ "ฝู ง ปลาโลมา" อีกทั้งชมนกกาน้ําใหญํ และนกนาๆชนิด และ ยังเป็นจุดชมวิว พระอาทิตย๑ตกดิน บริเวณสะพานเฉลิ ม พระเกียรติที่สวยงามไมํแพ๎ที่ใดอีกด๎วย
46
ชายหาดปึกเตียน หาดปึ ก เตี ยน เป็ นชายหาดที่ มีค วามสวยงาม หาดทรายขาวเป็นแนวยาว การเดินทางขับรถไป ตามทางถนนเพชรเกษมถึงอําเภอทํายางแล๎วเลี้ยว ซ๎ายตรงสี่แยกคลองชลประทานสาย 2 ไปตาม ถนนนี้ ประมาณ 15 กม. ก็จะถึงหาดปึกเตียน ซึ่ง หาดปึกเตียนแหํงนี้เป็นที่นิยมของนักทํองเที่ยวที่ ชื่นชอบทะเลยิ่งนัก เพราะนอกจากจะได๎สนุกกับ การเลํ น น้ํ า ทะเลแล๎ ว ตามแนวชายหาดยั ง มี ร๎ า นอาหารทะเลสดๆ อรํ อ ยๆ ให๎ ค นที่ ช อบกิ น อาหารทะเลเลือกลิ้มลองอีกมากมาย แถมยังมีที่ พัก ที่ ห รู ห ราสวยงามและนํ า สนใจอี ก หลายแหํ ง เชํน คาชัวรินํา บีช รีสอร๑ท เพชรบุรี และรีสอร๑ทเว ราโน บีช วิลลํา บริการห๎องพักแบบหรูริมชายหาด ปึกเตียน
เอกลักษณ๑ที่โดเดํนของชายหาดปึกเตียนอีกอยํางก็คือ รูปปั้นตัวละครในวรรณคดีไทยชื่อดังเรื่อง “พระอภัยมณี” อยําง นางเงือก พระอภัยมณี และนางผีเสื้อสมุทร ที่ตั้ง ตะหงํานรอวันให๎นักทํองเที่ยวแวะเวียนมาถํายรูปแล๎ว นําไปแชร๑ผํานโซเชียลมีเดียให๎เพื่อนได๎ชม
47
เอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น
วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือวัดพระนอน เป็นวัดเกําแกํอีกวัดหนึ่งของ จังหวัดเพชรบุรีไมํปรากฏหลักฐานวําสร๎างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานวําเป็น วัดที่มีมาตั้งแตํสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นโบราณสถาน ประกาศให๎ขึ้น ทะเบียน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 เป็นพระพุทธรูปนอนขนาด ใหญํ องค๑ หนึ่ งในจํ านวน 4 องค๑ ที่ มี อยูํ ในเมื องไทย มี ความ ยาว ถึง 43 เมตร กํออิฐถือปูนลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธ ลักษณะงดงามยิ่ง
เชื่อกันวําสร๎างด๎วยฝีมือสกุลชํางในสมัยอยุธยา หมอน หนุน ของพระพุทธไสยาสน๑ องค๑นี้ มีลักษณะเป็นทรง กลม เดิมพระพุทธไสยาสน๑ ประดิษฐานอยูํ กลางแจ๎ง พระบาทสมเด็ จ พระจอมเกล๎ าเจ๎ า อยูํ หั ว โปรดฯให๎ สร๎างหลังคาคลุมไว๎
48
ตํอมาในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกล๎ าเจ๎าอยูํหัว ได๎มีการซํอมหลังคาใหมํ และสร๎างผนัง ล๎อมรอบองค๑เป็นวิหารพระพุทธไสยาสน๑ วัดพระพุทธไสยาสน๑ ตั้งอยูํถนนคีรีรัฐยา ตําบลคลองกระแชง อําเภอ เมืองฯ จังหวัดเพชรบุรี วัดนี้ตั้งอยูํบริเวณเชิงเขามไหศวรย๑ (เขาวัง)ทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต๎เป็นวัดเกําแกํสันนิฐานวํามีมาแตํครั้งสมัย อยุ ธยา มี พระพุ ทธรู ปไสยาสน๑ ขนาดใหญํ วิ หารพระพุ ทธ ไสยาสน๑ ตั้งอยูํบนไหลํเขาสูงประมาณ 15 เมตร วางตัวไปตาม แนวไหลํเขาเป็นอาคารทรงไทยกํออิฐถือปูน ผนังทางด๎านทิศ เหนือใช๎สํวนหนึ่งของภูเขา ผนังทางด๎านทิศตะวันออกเจาะ ชํองประตู 1 ชํอง ผนังทางด๎านทิศใต๎เจาะหน๎าตําง 2 ชํอง ภายในมีเสาขนาดใหญํ จํานวน 10 ต๎น เป็นเสาแปดเหลี่ยม บัวหัวเสารูปบัวกลุํมตั้งอยูํบนไหลํเขา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวิหารพระนอน เป็นอาคารกํออิฐถือปูนฉาบปูน ตลอดทั้งอาคารรวมถึงหลังคาผนังด๎านทิศตะวันออกเจาะประตู 1 ชํอง ผนัง อีก 3 ด๎านทึบ ด๎านนอกเจาะเป็นซุ๎มยอดแหลม ภาพเขียนบนผนัง ผนังด๎านใน ฉาบปู นเรี ยบผนั งมี ภาพเขียน ด๎านทิ ศเหนื อตรงกลางเป็นรูปพระพุทธเจ๎ า ประทับยืนพระหัตถ๑ทรงแสดงปางประทานอภัย มณฑปหลังนี้สร๎างโดย พระ ครูสุชาติ เมธาจารีย๑(กุน)คงสร๎างขึ้นกํอนปี 2456 เนื่องจากมีสถูปจําลองบรรจุ อัฐิของทํานที่เก็บไว๎ภายในมณฑป บริเวณฐานมีจารึกข๎อความ "พระปลัดเทพ" ที่ใสํ พระบรมธาตุ พระครู สุ ชาติ เมธาจารย๑ (กุ น) พระพุ ทธรู ปทรงเครื่ อง ประดิ ษฐ า นในวิ หาร ขนาดเล็ กอยูํ ใกล๎ วิ หารพระน อนทางทิ ศ ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพระพุทธทรงเครื่อง ชฎาสูงทรงเทริดมีตุ๎มหู
49
50
บรรณานุกรม ราชบันฑิตยสถาน.[ม.ป.ป.] “คลังความรู๎ ตราประจําจังหวัด.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=3276. (สืบค๎น 25 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “จังหวัดสมุทรปราการ.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดสมุทรปราการ. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “จังหวัดสมุทรสาคร.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดสมุทรสาคร. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “จังหวัดสมุทรสงคราม.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดสมุทรสงคราม. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “จังหวัดนครปฐม.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดนครปฐม. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “จังหวัดเพชรบุรี.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดเพชรบุรี. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). กลุํมงานข๎อมูลสารสนเทศ และการสื่อสาร สํานักงานจังหวัดสมุทรปราการ.[ม.ป.ป.] “ข๎อมูลทั่วไปของจังหวัด สมุทรปราการ.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://www.samutprakan.go.th/newweb/index. php?option=com_content&view=category&id=14&Itemid=12. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). กลุํมงานข๎อมูลสารสนเทศ และการสื่อสาร สํานักงานจังหวัดสมุทรสาคร.[ม.ป.ป.] “ข๎อมูลทั่วไปจังหวัด สมุทรสาคร.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://www.samutsakhon.go.th/ modular/ basicinfo.html. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). กัมปนาท ขันตระกูล.(2552). “สมุทรสงคราม/สงัด ใจพรหม คนดีเมืองสมุทรสงคราม 1.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึง ได๎จาก: http://77.nationchannel.com/video/61665/. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). ไทยแพคเกจทัวร๑.[ม.ป.ป.] “ตลาดบางหลวง รศ.122 (บ๎านเกําเหลําเต๏งไม๎) อ.บางเลน นครปฐม.” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://www.thaipackagetour.com/ตลาดบางหลวง –รศ-122 (บ๎านเกําเหลําเต๏งไม๎) –อ-บางเลน ,771.html. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “กล๎วยไม๎” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/ กล๎วยไม๎. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.[ม.ป.ป.] “ฉัตร” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/ฉัตร. (สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556). กระปุกดอทคอม.[ม.ป.ป.] “ลํองเรือชมธรรมชาติ ปุาชายเลนคลองโคน.”[ ออนไลน๑].เข๎าถึงได๎จาก: http://travel.kapook.com/view26897.html.(สืบค๎น 30 พฤษภาคม 2556).
คณะผู้จัดทาหนังสือ แผ่นบันทึกข้อมูล CD พร้อม DVD กรรมการที่ปรึกษา นายกิตติ ทองทาบ นายสมพงค๑ ตั้งพงษ๑ นายปฏินันท๑ สืบสันติ นายมาโนช เอี่ยมประเสริฐ นายสมบูรณ๑ ชิวปรีชา นายจตุพร ยืนยง นางสาวยุพาภรณ๑ สิงห๑ลําพอง พออ.หญิงจินตนา หัตถา นายชลัช ภิรมย๑ ผศ.ตรีวิทย๑ องค๑ปรีชา ผศ.รัตนา เพ็ญประยูร
รองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา ประจําวิทยาเขตสมุทรสาคร ผู๎ชํวยอธิการบดีฝุายบริหาร ผู๎ชํวยอธิการบดีฝุายวิชาการ ผู๎ชํวยอธิการบดีฝุายกิจการนักศึกษา ผู๎ชํวยอธิการบดีฝุายกิจการพิเศษ ผู๎ชํวยอธิการบดีฝุายวิจัยและประกันคุณภาพการศึกษา รองคณบดีคณะวิทยาศาสตร๑การกีฬาและสุขภาพ รองคณบดีคณะศิลปศาสตร๑ รองคณบดีคณะศึกษาศาสตร๑ หัวหน๎าศูนย๑กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ หัวหน๎าสํานักงานรองอธิการบดีฯ
กรรมการดาเนินงาน นายสมบูรณ๑ ชิวปรีชา นายสมพงค๑ ตั้งพงษ๑ นางสาวยุพาภรณ๑ สิงห๑ลําพอง นายปฏินันท๑ สืบสันติ ผศ.รัตนา เพ็ญประยูร นางเพ็ญพรรณ วิโรจน๑ นายบุญศรี ศิริมา นายอาคม บํารุงโลก นางปาริชาติ เผือกเล็ก
นางสาวชุติมาพร ภักดี นายจตุพร ยืนยง นายวิทยา ปัทมะรางกูล นายเอกชัย ถนัดเดินขําว นายปรัชญา สภาพงค๑ นายจักรกฤช บุญมาศิริ นางวลีพรรณ สวํางอรุณ นายไวพจน๑ จันทร๑เสม
ผู้สนับสนุนงบประมาณ กองกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ สถาบันการพลศึกษา กรรมการผู้จัดทา ฝุายกิจการพิเศษ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร คณะศิลปศาสตร๑ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร คณะศึกษาศาสตร๑ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร คณะวิทยาศาสตร๑การกีฬาและสุขภาพ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร สํานักงานรองอธิการบดี สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร ผู้จดั พิมพ์ นายพัฒน๑พงษ๑ โลหะพิบูลย๑ นายชนทัต มงคลศิลป์
นายพงษ๑เพชร โลหะพิบูลย๑ นางสาวชุติมณฑน๑ เปลี่ยนสมัย
สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร