$urvival Trader เล่นให้รอด เทรดให้$วย ส ุดยอดเคล็ดวิชาปิดประต ูเจ๊ง เร่งกาไรให้กบั พอร์ตของค ุณ
โดย Investmentory คีตสังโยชน์ วงษ์ ขุนเณร <Free E-Book>
เทรดเดอร์ ที่ประสบความสําเร็จหาใช่เทรดเดอร์ ที่ทํากําไรได้ อย่างมหาศาล ในระยะเวลาอันสัน้ แต่ก็ขาดทุนในระยะเวลาอันสันเช่ ้ นกัน หากแต่เป็ น เทรดเดอร์ ที่อยูร่ อดและสามารถทํากําไรได้ อย่างยัง่ ยืนด้ วยวิธีการที่มีเหตุมี ผล แต่จะมีวิธีการใดที่สามารถทําให้ เราก้ าวไปสูก่ ารเป็ น
เทรดเดอร์ ท่ ี
ประสบความสาเร็จได้ หนังสือ “Survival Trader เล่นให้ รอด เทรดให้ รวย” เล่มนี ้จะมาเผยสุดยอดเคล็ดวิชาดังกล่าว แล้ วคุณจะได้ ร้ ูวา่ พฤติกรรมของตลาดหุ้นในแง่มมุ ที่คณ ุ เองอาจไม่ร้ ูมาก่อน ซึง่ นัน่ มักจะทําให้ คณ ุ ขาดทุนอยูเ่ สมอ เคล็ดลับแพ้ อย่างไร ให้ สดุ ท้ ายกลับมาเป็ นผู้ชนะอย่างยัง่ ยืน เคล็บลับการปิ ดประตูเจ๊ งให้ กบั พอร์ ตการลงทุนอย่างถาวรเพื่อให้ คุณเล่นหุ้นได้ อย่างสบายใจ เพราะเหตุใดระบบเทรดที่แม่นยําถึง 90% จึงแพ้ ระบบเทรดที่ แม่นยําเพียง 30% อย่างไม่เป็ นท่าได้ กําไร 100% กับ ขาดทุน 100% คุณควรมองที่อะไรก่อนกัน หากจะพัฒนาระบบเทรดของคุณ ทันทีที่คณ ุ อ่านจบ …ทัศนคติในการเล่นหุ้นของ คุณ จะเปลี่ยนไป คุณจะ เป็ นคนที่เข้ าใจใน ความเสี่ยง หลักการทํากําไรในตลาดหุ้น อย่างยัง่ ยืน แล้ วคุณจะได้ เรี ยนรู้แง่มมุ ใหม่ ๆ ในตลาดหุ้นที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!! 2|Page
คานา นักลงทุนหลายคนที่เข้ ามาลงทุนในตลาดหุ้น มักจะถามหาระบบ หรื อวิธีการลงทุนที่ดีที่สดุ และยอมเสียเวลาค้ นหามันอย่างไม่ร้ ูจกั เหน็ด เหนื่อย แต่ก็ต้องพบกับความล้ มเหลวอยูซ่ ํ ้าแล้ ว ซํ ้าเล่า จะดีกว่าไหมหาก เปลี่ยนจากคําถามที่วา่ ระบบไหนดีที่สดุ มาเป็ นระบบไหนเหมาะสมกับคุณที่สดุ ระบบไหนทํากําไรได้ มากที่สดุ มาเป็ นระบบไหนมีความเสี่ยง ที่เหมาะสมที่สดุ ระบบไหนแม่นยํามากที่สดุ มาเป็ นระบบไหนให้ ผลตอบแทนที่ คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่คณ ุ นันสามารถควบคุ ้ มได้ หนังสือเล่มนี ้ต้ องการจะให้ ไอเดียและมุมมองใหม่ ๆ ในการพัฒนา วิธีการลงทุนหรื อระบบเทรด ให้ กบั คุณ โดยเริ่มจากการตังคํ ้ า ถามเสียใหม่ เพราะ ผมเชื่อว่า เพียงแค่คณ ุ เปลี่ยนคําถาม คุณก็จะได้ คําตอบในมุมมอง ใหม่ ๆ และสุดท้ ายคุณก็จะค้ นพบคําตอบที่นา่ พึงพอใจ เพราะ
“การ
เริ่มต้ นที่ดี ก็ทาให้ เรามีชัยไปกว่ าครึ่งแล้ ว ” หวังว่าหนังสือเล่มนี ้จะ เป็ นประโยชน์กบั นักลงทุนทุกท่านไม่มากก็น้อยครับ ส่วนเนื ้อหานันหาก ้ ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี ้ด้ วย คีตสังโยชน์ วงษ์ขนุ เณร (Investmentory) 3|Page
ร่ วมพูดคุยกันได้ ท่ ี Facebook Page https://www.facebook.com/I2invest
หรือ Blog www.investmentory.com
Copyright © Investmentory 2014 All right reserved. 4|Page
สารบัญ เนือ้ หา
หน้ า
ธรรมชาติของตลาดหุ้นคือความไม่แน่นอน
7
(Market is a Troll) ไม่ใช่ทกุ คนที่จะอยูร่ อดได้ ในตลาดหุ้น เข้ าใจไว้ ซะ!!
10
จะเทรดหุ้นไปทําไมถ้ ามันไม่ทําให้ รวยขึ ้น
14
20 พฤติกรรมของเทรดเดอร์ ที่นําไปสูค่ วามล้ มเหลว
18
ถ้ าแพ้ เป็ น ยิ่งแพ้ ยิ่งชนะ
30
(The best loser is the winner) อะไรที่ทําให้ เจ๊ ง ก็อย่าไปทํามันสิ
34
ทําความเข้ าใจระบบเทรดที่สมบูรณ์แบบซะใหม่
42
(Understanding The Holy Grail System) ค้ นหาแนวการเทรดที่ใช่ ทางใครก็ทางมัน
55
(How to find your trading style) 5|Page
คอร์ สเรียนแนวใหม่ กบั สิทธิประโยชน์ ที่ได้ รับ Lifetime Members: ครั้งแรกทีผ่ ้เู รียนได้รับสิทธิเป็ นสมาชิก ตลอดชีพ Weekly Trade Setups ideas: อัพเดตแผนการเทรดทุกสั ปดาห์ 24/7 On Demand Learning: เรียนได้ ทุกที่ ทุกเวลา ทบทวนได้ ตลอด 24 ชั่วโมง Members Guarantee: คอร์ สแรกทีก่ ล้ารับประกันความพึงพอใจ
สนใจคลิ๊ก : www.investmentorymembers.com 6|Page
ธรรมชาติของตลาดหุ้นคือความไม่ แน่ นอน (Market is a Troll) คําว่าธรรมชาติของตลาดหุ้นนี ้จะพูดว่าเป็ นกฏของตลาดหุ้นก็ไม่ ผิด ซึง่ เนื ้อหาใจความสําคัญถ้ าจะอธิบายเพิ่มเติมก็คือ “ตลาดหุ้นจะทา ในสิ่งที่ทาให้ เทรดเดอร์ ส่วนใหญ่ นัน้ ผิดหวัง เสมอ” หรื อพูดง่ายๆ ก็ คือ ตลาดมักจะทําสวนทางกับคนส่วนใหญ่เสมอ มีอะไรให้ Surprise ได้ ตลอด (คล้ ายๆ หน้ า Troll ใน 9GAG)
ธรรมชาติหรื อกฎข้ อนี ้สําคัญมากต้ องเข้ าใจให้ ได้ ก่อน เพราะเป็ น ที่นา่ เสียดายอย่างมากที่เทรดเดอร์ หลายคนไม่ร้ ู และไม่เข้ าใจใน กฎ หรื อ ธรรมชาติของตลาดนี ้ จึงทําให้ เขา “ยึดมั่นถือมั่น ” ว่า ตลาดจะต้ อง 7|Page
เป็ นไปตามที่เขาต้ องการ และจะส่งผลเสียไปถึงขัน้ อาจจะทําให้ เขา “แพ้ ไม่ เป็ น” และเวลาแพ้ มกั จะคิด “เอาคืน ” โดยไม่ร้ ูเลยว่า ตลาดนันไม่ ้ มี ชีวิตและจิตใจ ตลาดไม่สนใจหรอกครับว่าคุณจะขาดทุนมากน้ อยแค่ไหน แต่ถ้าอยากจะทํากําไรจากตลาดล่ะก็หน้ าที่ของคุณก็คือ
“เข้ าใจ
ธรรมชาติ หรือกฎของตลาด ” ให้ ได้ ก่อน แล้ ว ตลาดจะเริ่มหันมาเข้ าใจ คุณเองและจะให้ ในสิ่งที่คณ ุ ต้ องการอีกด้ วย แนะนาหนังสืออ่านเพิ่ มเติ ม E-books แจกฟรี ของ คุณมด "แมงเม่าคลับ" http://www.e-books.in.th/ebook/17171/
8|Page
"It's not whether you are right or wrong that matters, but how much you make when you are right and how much you lose when you are wrong." -George Soros-
9|Page
ไม่ ใช่ ทุกคนที่จะอยู่รอดได้ ในตลาดหุ้น เข้ าใจไว้ ซะ!! คุณ คงจะเคยได้ ยินหรื อได้ เห็นเวลามีคนมาถามที่วา่ พรุ่งนี ้ตลาดจะ ขึ ้นหรื อลง หรื อ หุ้นตัวนันพรุ ้ ่งนี ้จะเป็ นอย่างไร และก็จะมีคนตอบว่า “ถ้ า ผมรู้ ผมรวยไปแล้ ว ” ซึง่ ก็ดเู หมือนจะจริงดังที่เข าว่า ถึงแม้ วา่ มันเหมือน จะถูกด่ าหรื อถูกกวน Teen ใส่ แต่นี่มนั เป็ นความจริงที่หลีก เลี่ยงไม่ได้ จริง ๆ เพราะถ้ ามันง่ายขนาดนันจริ ้ งๆ ทุกคนในตลาดคงรวยกันไปแล้ ว แหละครับ ดังนันเราจึ ้ งต้ องปรับ “ทัศนคติ ” ในการเทรดซะใหม่ ซึง่ หลักๆ นันจะต้ ้ องปรับด้ วยกัน 2 ข้ อ คือ 1. เป้าหมายของการเทรด เป้าหมายของการเทรด คือ
กล่าวคือ เรามักจะเข้ าใจกันว่า “การเทรดให้ ชนะ ให้ ได้ กาไร
เยอะๆ โดยที่ไม่ สนใจความเสี่ยงกันสักเท่ าไร ” มักจะมองว่า เข้ ามาต้ องชนะอย่างเดียว แต่พอเข้ ามาได้ สกั พักจะรู้วา่
“มัน
ไม่ ใช่ อย่ างที่คิด” เพราะ มันมีทงั ้ แพ้ และ ชนะ ซึง่ ส่วนใหญ่จะ แพ้ มากกว่าชนะซะด้ วยจริงไหมล่ะครับ “แต่ ไม่ ต้องคิดมากและ ถอดใจไปครับ” นัน่ เป็ นเพราะ “กฏข้ อแรกของตลาด ทําให้ เป็ น อย่างนัน” ้ (เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้ วว่ากฎข้ อแรกของตลาด นันน่ ้ ะ สําคัญมาก ไม่รักกันจริง ไม่บอกนะเนี่ย ^__^) จริงอยูท่ ี่ การชนะเป็ นเรื่ องที่ดี แต่มนั ไม่ควรจะเป็ นเป้าหมายแรกที่คณ ุ ควร 10 | P a g e
จะคิด สิ่งที่คณ ุ ควรจะคิดเป็ นสิ่งแรกก็
คือ “การจัดการกับ
ความเสี่ยง” ต่างหาก!!! ลองคิดดูวา่ จะน่าเสียดายมากขนาด ไหน
ถ้ าเงินในพอร์ ตของคุณนันหมดก่ ้ อนที่คณ ุ จะได้ กําไรเป็ น
กอบเป็ นกําซะอีก ดังนันการจั ้ ดการกับความเสี่ยงจึงเป็ นเรื่ อง สําคัญที่ต้องมองเป็ นอันดับแรกนัน่ เอง 2. ความคาดหวังในการเทรด ข้ อนี ้ก็สําคัญไม่แพ้ กนั เทรดเดอร์ หลายคนนัน้ เมื่อเข้ ามาใหม่ ๆ จะมีความคาดหวังที่จะทํากําไรสูง มาก เพราะ “คิดว่ ามันง่ าย ” แต่พอเล่นไปสักพัก เงินในพอร์ ต เริ่มลด และลดลง จึง จะเริ่มมองว่า เอาแค่ 10% ก็พอ หรื อ 7% ก็พอไม่เอาอะไรมาก ซึง่ เป็ นสิ่งที่ไม่ควรทํา เพราะ แท้ จริ
งแล้ ว
คุณมีศกั ยภาพในการคาดหวังกําไรที่มากกว่านัน้ เพียงแต่คณ ุ ต้ องคาดหวังให้ ถกู วิธี และมีเหตุมีผล ไม่มากไป (เพราะจะทําให้ ผิดหวังและคิดว่า ตัวเอง ล้ มเหลว ) ไม่น้อยไป (เพราะจะทําให้ เข้ าใจว่าเล่นหุ้นแล้ วทํากําไรได้ น้อยไม่เล่นดีกว่า ) เทรดเดอร์ สว่ น ใหญ่ที่ล้มเหลว เพราะ “โลภมากกว่ าความสามารถที่ตนมี ” จึงเกิดความไม่สมดุลขึ ้น ส่งผลให้ ควบคุมจิตใจและอารมณ์ไม่อยู่ ไม่เข้ าใจตลาด หรื อ แม้ กระทัง่ ไม่เข้ าใจตัวเอง ดังนันหากคุ ้ ณไม่ อยากล้ มเหลว สิ่งที่คณ ุ ต้ องทํามีเพียง 2 อย่าง ก็คือ โลภให้ น้ อยลง และ/หรือ พัฒนาความสามารถให้ มากขึน้ ** 11 | P a g e
ซึง่ ในหลักของการคาดหวังกําไรนันมี ้ วิธีที่พอจะบอกได้ บ้างว่า ความคาดหวังในการทํากําไรที่สมเหตุสมผลของเรานันอยู ้ ท่ ี่เท่าไร เมื่อเราใช้ วิธีเทรดในแบบของเรา และความเสี่ยงที่เรารับได้ นนั ้ มากน้ อยขนาดไหน ซึง่ จะลงในรายละเอียดต่อไปในหัวข้ อ “แนว ทางการพัฒนาวิธีการเทรด (Methodology)” ละกัน ครับ ***อย่ ายอมแพ้ ท่ จี ะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไปสู่ส่ งิ
ที่ดีกว่ านะครั บ *** [**เพิ่มเติม : ความโลภหรื อตัณหานัน้ (หรื อเรี ยกรวมๆ ว่า ความอยาก ถือเป็ นความอยากเชิ งลบ ) เป็ นหนึ่งในกิ เลสตัวหนึ่ง ทีส่ ่งผลต่อชี วิตคนเรารวมถึงบ้านเมื องเป็ นอย่างมาก ซึ่งธรรมชาติ ของความโลภหรื อตัณหานัน้ มี ลกั ษณะ “ไม่มีทีส่ ิ้ นสุด ” หรื อ “เติ มเท่าไรก็ไม่เต็ม ” ดัง่ ทีพ่ ระพุทธองค์ตรัสว่ า “แม่ น้าเสมอ ด้ วยตัณหานั้นหามีไม่ ” เมื ่อเราเข้าใจว่าความโลภนัน้ ไม่มีที่ สิ้ นสุด เราจึ งต้องหลี กเลี ย่ งด้วยการรู้จกั คาว่า
“พอ”
หรื อ
“พอเพียง” (แต่มิใช่การพอแบบยอมจานน ต้องเป็ นความพอ แบบเต็มศักยภาพ ) และเปลีย่ นความอยากเชิ งลบนัน้ ให้เป็ น ความอยากเชิ งบวก คือ “ฉันทะ” ซึ่งแปลว่า ความอยากทีใ่ ห้ดี ขึ้นเจริ ญขึ้น อยากพัฒนาทัง้ ตนและผูอ้ ื น่ ] 12 | P a g e
Credit ภาพ จาก : http://radiantinspire.com/v1/category/outliers/journaling/
13 | P a g e
จะเทรดหุ้นไปทาไมถ้ ามันไม่ ทาให้ รวยขึน้ ก่อนอื่นเลยเราต้ องมาทําความรู้จกั หุ้น กันก่อนว่า เหตุที่เรามา เล่นหรื อมาลงทุนในหุ้นนัน้ เพราะ “เราอยากรวยขึน้ ” หรื อถ้ าจะพูดให้ ดู ดีและวิชาการขึ ้นมาหน่อยจะเรี ยกว่า
“อยากให้ ความมั่งคั่งสุทธิ
เพิ่มขึน้ ” ก็ไม่ผิด คําว่า “มั่งคั่ งสุทธิ ” ก็แปลว่า รวมทังหมดที ้ ่คณ ุ มี ดังนันหากเข้ ้ ามาเล่นหุ้นแล้ วความมัง่ คัง่ นันไม่ ้ ได้ เพิ่มขึ ้นเลย แต่กลับลดลง หรื อเพิ่มขึ ้นช้ ากว่าสิ่งที่ทําให้ เงินสูญค่าไป อย่างเช่น เงินเฟ้อ หรื อ แม้ กระทัง่ เพิ่มน้ อยกว่าการนําเงินไปซื ้อสิ่งที่มีความเสี่ยงตํ่ากว่าการเล่น หุ้นมาก เช่น ฝากธนาคาร ซื ้อพันธบัตร ซื ้อหุ้นกู้ แล้ วล่ะก็ ต้ องพิจารณา แล้ วล่ะครับว่าเราทําอะไรผิดไปหรื อเปล่า หรื อ การเทรดหุ้นอาจไม่ใช่ทาง ของเรา (ข้ อนี ้ต้ องคิดดีๆ ก่อนนะครับ ถามตัวเองก่อนว่า ตังใจมากพอแล้ ้ ว หรื อยัง ) ซึง่ จะดีซะกว่าถ้ านําเงินเปลี่ยนไปทําอย่างอื่นแทน เงินจะได้ ไม่ หายไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมไม่ต้องเสียเวลาด้ วยครับ แต่ถ้าหากเราเลือกแล้ วยังไงก็จะยังมาเล่นหุ้น เพราะมันท้ าทาย มี ความหวังว่าจะได้ เงินและจะนําพาไปสูอ่ ิสรภาพทางการเงินได้ อย่าง แน่นอน ถ้ างันผมไม่ ้ ขดั ศรัทธาครับ !! แต่จะขออธิบายคําว่า “อิสรภาพ ทางการเงิน ” เพิ่มเติมหน่อยละกัน หลายคนเข้ าใจว่าอิสรภาพทาง การเงิน คือ การมีเงินเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี !! ถ้ าเป็ นอย่างนันจริ ้ ง เห็นทีจะ ยังไม่ถกู ต้ องสักเท่าไรครับ เพราะ การหวังเพียงแต่จะได้ เงินแล้ วคิดว่ามัน 14 | P a g e
จะได้ โดยไม่ทําอะไร หรื อ ทําแบบเล่นๆ เนี่ย มันจะเสียมากกว่าได้ นะครับ เอ้ ามาดูกนั หน่อย อิสรภาพทางการเงิน ในความหมายที่ดีขึ ้นหรื อถูกต้ อง มันเป็ นอย่างไร มาดูตวั แรกกันก่อน Survival Ratio หรื อ อัตราส่วนความอยูร่ อด
𝑺𝒖𝒓𝒗𝒊𝒗𝒂𝒍 𝑹𝒂𝒕𝒊𝒐 =
รายได้ จากการทํางาน+รายได้ จากสินทรัพย์ ค่าใช้ จ่าย
ถ้ าเรามีอตั ราส่วน Survival Ratio > 1 แสดงว่าเรามีชีวิตอยูร่ อด อย่างสบายๆ ในโลกที่ใช้ ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนี ้ละครับ เพราะ ค่าใช้ จา่ ยของคุณน้ อยกว่ารายได้ ที่หามาได้ ไม่วา่ จะจากการทํางานหรื อ จากการลงทุนในสินทรัพย์ ต่อมา มาดู Wealth Ratio กันบ้ าง หรื ออัตราส่วนความมัง่ คัง่ หรื อ อัตราส่วนความรวยนัน่ เอง
รายได้ จากสินทรัพย์ 𝑾𝒆𝒂𝒍𝒕𝒉 𝑹𝒂𝒕𝒊𝒐 = ค่าใช้ จ่าย อัตราส่วนนี ้บอกอะไรเรา มันบอกว่า ถ้ าเรามีรายได้ จากสินทรัพย์ที่เราไป ลงทุนโดยที่ไม่ต้องทํางาน มากกว่าค่าใช้ จา่ ยแล้ วล่ะก็ นัน่ แปลว่าคุณเป็ น
15 | P a g e
คนที่มีความมัง่ คัง่ แล้ วล่ะ ตอนนี ้ถ้ าใครมีอตั ราส่วนนี ้แล้ ว ผมขอแสดง ความยินดีกบั คุณด้ วยครับ คุณสุดยอดมากครับ !! แต่ถ้ายังไม่มีก็ไม่เป็ นไรครับ การเล่นหุ้นก็จะมาช่วยเพิ่มตัวนี ้ เช่นกัน แต่ผมอยากจะเสริมนิดนึง จะเห็นได้ วา่ “อัตราส่วนความมัง่ คัง่ ” นี ้ประกอบด้ วยกัน 2 ส่วน คือ รายได้ จากสินทรัพย์ที่เราลงแรง ลงมือไป ไม่วา่ จะเป็ นอะไรก็ ตาม กับ ค่าใช้ จา่ ย แสดงว่า ถ้ าเราเพิ่มรายได้ จาก สินทรัพย์ ให้ มากกว่าค่าใช้ จา่ ย แล้ วล่ะก็ นัน่ เท่ากับว่า เรามัง่ คัง่ หรื อ รวย แล้ ว !? ใช่ครับถูกต้ อง แต่ปัญหาคือ ค่าใช้ จา่ ยมันมักจะสูงขึ ้นด้ วยน่ะสิ ครับ ดังนัน้ เราจึงควรจะ โลภ ให้ น้อยกว่า ความสามารถที่ตนมี เพราะถ้ า ทําได้ คุณจะเหนื่อยน้ อยลงอย่างเห็นได้ ชดั !! ซึง่ ขอแค่เรา “เริ่มคิดถูก ” ได้ นี่ ความสําเร็จมันก็มาครึ่งหนึง่ แล้ ว ที่เหลือคือลงมือทําอีกครึ่งหนึง่ เท่านันครั ้ บ!!
16 | P a g e
17 | P a g e
20 พฤติกรรมของเทรดเดอร์ ท่ นี าไปสู่ความล้ มเหลว เชื่อไหมครับว่าเทรดเดอร์ กว่า 90% ในตลาดนันมั ้ กจะประสบกับ ความล้ มเหลว คําว่าล้ มเหลวนี ้หมายถึง การเจ๊ งจนออกจากตลาดไปตังแต่ ้ ปี แรกที่เริ่มเทรด (ถึงแม้ มนั จะเป็ นขาขึ ้น ) หรื อไม่ก็เทรดได้ กําไรน้ อยกว่า เอาเงินไปฝากประจํา (ดอกเบี ้ย 3-4%) ซะอีก พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่กําไร แต่ ก็ไม่ขาดทุน แล้ วจะเล่นทําไมให้ เ สียเวลาจริงไหมครับ อย่างที่กล่าวไว้ ใน หัวข้ อก่อนหน้ า ว่า “จะเทรดหุ้นไปทาไมถ้ ามันไม่ ทาให้ รวยขึน้ ” แต่ คําถามก็คือ ทําไมเทรดเดอร์ เหล่านันถึ ้ งขาดทุนหรื อเจ๊ งไปตังแต่ ้ ยงั ไม่พ้นปี แรกล่ะ คําถามนี ้พอจะตอบได้ อยูน่ ะครับ โดยรวบรวมจากพฤติกรรมส่วน ใหญ่ของเทรดเดอร์ ที่ล้มเหลว ซึง่ มีดงั นี ้ 1. ชอบฟั งและทาตามคนอื่น เทรดเดอร์ มือใหม่หลายๆ คนเมื่อ เริ่มเข้ ามาเทรดใหม่ๆ ก็มกั จะชอบไปฟั งคนอื่นๆ ในตลาด (ตาม เว็บบอร์ ด หรื อ แฟนเพจ ) และพยายามจะทําตามเทคนิคของคน เหล่านัน้ ซึง่ หารู้ไม่วา่ นัน่ แหละเป็ นสูตรสําเร็จของความ “ล้ มเหลว ” เลย คุณควรจะเทรดตามสิ่ งที่คณ ุ คิดและแผนที่คณ ุ วาง มากกว่าจะไปทําตามคนอื่น (แบบเป๊ ะ ๆ) เพราะคุณไม่มีทาง เลียนแบบเขาได้ ทงหมด ั้ และหากในสถานการณ์คบั ขัน เช่น เกิด panic ไม่มีใครตัดสินใจแทนคุณและช่วยคุณได้ คุณจึงต้ อง เรี ยนรู้และพัฒนาฝี มือด้ วยตนเองเท่านัน้ 18 | P a g e
2. พยายามถัวเฉลี่ยขาดทุน
ความคิดพื ้นฐานของเทรดเดอร์
มือใหม่ คือ “หุ้นลงให้ ซือ้ หุ้นขึน้ ให้ ขาย ”จริงๆ ก็ถกู ครับ แต่ ถูกไม่หมด เพราะ คุณรู้หรื อเปล่าล่ะว่าที่มนั ลงน่ะ มันลงสุดแล้ ว แล้ วกําลังจะขึ ้น? จริงๆ มันควรจะเป็ น “หุ้นลงจนจะขึน้ ให้ ซือ้ หุ้นขึน้ จนจะลงให้ ขาย ” อย่างนี ้มากกว่า ดังนันอย่ ้ างที่บอกไว้ ในหัวข้ อ “ไม่ ใช่ ทุกคนที่จะอยู่รอดได้ ในตลาดหุ้น เข้ าใจไว้ ซะ!!” ผมได้ บอกไว้ แล้ วว่า สิ่งที่เราควรจะทําก็คือ “การจัดการ กับความเสี่ยง” ดังนันถ้ ้ าอะไรที่มนั เสี่ยง เราก็ไม่ควรทําอย่างยิ่ง เช่น การถัวเฉลี่ยขาดทุน เพราะจะเป็ นการเพิ่มความเสี่ยงให้ กบั พอร์ ตของคุณเข้ าไปอีกโดยไม่จําเป็ น 3. ไม่ ตงั ้ จุดตัดขาดทุน ข้ อนี ้สําคัญสําหรับเทรดเดอร์ เช่นกัน ถ้ าไม่ มีจดุ ตัดขาดทุนก็เหมือนรถที่ไม่มีเบรค เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุด ก็ หยุดไม่ได้ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ เลยว่าอนาคตนันจะเป็ ้ นอย่างไร ดังนันจึ ้ งไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง 4. ไม่ ทาตามแผนการลงทุนของตน ถึงแม้ วา่ เทรดเดอร์ บางคน จะศึกษามาเป็ นอย่างดี มีการวางแผนการลงทุน แต่พอถึงเวลา เข้ าจริงกลับไม่ทําตามแผนที่ตนได้ วางเอาไว้ ซึง่ การกระทําแบบนี ้ ก็ไม่ตา่ งอะไรกับคนที่ไม่มีแผนการลงทุน เพราะวางแผนมาแล้ ว ไม่ได้ นํามาใช้ 19 | P a g e
5. เทรดด้ วยความตื่นเต้ นเร้ าใจ เป็ นธรรมดาเวลาคนเราเจออะไร ใหม่ๆ ก็ต้องอยากรู้ อยากลองกันบ้ าง เพราะอะไรๆ ก็ดนู า่ ตื่นตา ตื่นใจไปหมด (โดยเฉพาะ แสง สีของ Ticker ในกระดานหุ้น ) ยิ่งหุ้นตัวไหน วิ่งแรง ๆ เร็ว ๆ แล้ วล่ะก็ความโลภมันก็จะมา ครอบงําทันที ทําให้ เทรดเดอร์ มือใหม่ไม่พลาดอย่างแน่นอน การ กระทําอย่างนี ้เป็ นอันตรายมากต่อการเทรด เพราะ เมื่อเราเทรด ด้ วยความโลภโดยไม่ศกึ ษา ผลที่ตามมาย่อมไม่สวยแน่นอนครับ และนัน่ เป็ นสาเหตุที่ทําให้ เทรดเดอร์ มือใหม่ขาดทุนอยูบ่ อ่ ยครัง้ 6. เมื่อขาดทุนแล้ วคิดจะเอาคืน เทรดเดอร์ มือใหม่ เมื่อแพ้ มกั คิด จะเอาคืนโดยทันที และการคิดเอาคืนให้ ได้ โดยเร็วนันจะทํ ้ าให้ เรา ใช้ อารมณ์ในการตัดสินใจ ทํานอกเหนือแผนการที่ได้ วางเอาไว้ และยังส่งผลให้ ต้องเทรดบ่อย ๆ (Overtrade) พอยิ่งเทรดยิ่ง ขาดทุน ก็ยิ่งคิดเอาคืน สิ่งนี ้เป็ นสิ่งที่ไม่ควรทําอย่างยิ่ง เพราะจะ ทําให้ หมดตัวได้ ในระยะเวลาอันสันนั ้ น่ เอง 7. เชื่อทุกอย่ างที่อ่าน ถึงแม้ วา่ จะได้ อา่ นและศึกษาแล้ วแต่เราก็ไม่ ควรจะเชื่อทุกอย่างที่เราอ่านมาทังหมด ้ ควรคิดไตร่ตรองหาเหตุ และผลให้ ดี เพราะไม่ใช่วา่ ทุกสิ่งที่อา่ นจะถูกต้ องทังหมด ้ และ ถึงแม้ จะถูกต้ องทังหมด ้ ก็ไม่ใช่วา่ เราจะนํามาใช้ ได้ ทงหมด ั้ เช่นกัน ข้ อนี ้จึงสําคัญใน แง่ของความคิดตังต้ ้ นในการศึกษาด้ าน 20 | P a g e
การลงทุน เพราะ ความคิดตังต้ ้ นที่ถกู ต้ องนันจะช่ ้ วยให้ พฒ ั นา ตนเองได้ เร็วขึ ้นด้ วยนะครับ 8. เชื่อว่ าการวิเคราะห์ ทางเทคนิคเป็ นคาตอบสุดท้ าย ไม่แปลก ที่เทรดเดอร์ มือใหม่หรื อแม้ กระทัง่ มือเก่าหลายๆ คนมีความเชื่อว่า การจะทํากําไรจาก ตลาดหุ้นไ ด้ ในระยะยาวนัน้ คือต้ องศึกษา “การวิเคราะห์ ทางเทคนิค ” อย่างเอาเป็ นเอาตาย โดยไม่เคย สนใจที่จะศึกษาสิ่งอื่นๆ ที่สําคัญไม่แพ้ กนั เลยอย่าง หลักการ บริหารหน้ าตัก (Money Management) หรื อ จิตวิทยา การลงทุน (Psychology) 9. เชื่อว่ าอินดิเคเตอร์ ย่งิ เยอะยิ่งดี เทรดเดอร์ มือใหม่ นนส่ ั ้ วนใหญ่ เวลาอ่านหนังสือมาแล้ วมักจะร้ อนวิชาและอยากลองของ ซึง่ ก็ร้ ู ๆ กันอยูว่ า่ อินดิเคเตอร์ นนน่ ั ้ ะ มีเยอะมาก แต่ถึงมีเยอะอย่างไร หน้ าที่ของมันหลัก ๆ ก็มีอยูไ่ ม่ถึง 10 อย่างหรอกครับ เช่น บอก แนวโน้ ม , บอกโมเมนตัม , บอกการย่อตัว เป็ นต้ น แต่เทรดเดอร์ มือใหม่มกั จะเพิ่มอินดิเคเตอร์ เข้ าไปซะเต็มจอ สังเกตง่ายๆ คือ เส้ นอะไรไม่ร้ ูยกึ ยือเต็มไปหมด บางทีแทบจะมองไม่เห็นแท่งราคา ด้ วยซํ ้า การทําอย่างนี ้บางครัง้ มัน อาจให้ ผลที่แย่มากกว่าดีได้ เพราะว่า ตัวแปรของอินดิเคเตอร์ แต่ละตัวแตกต่างกัน ทําให้ ความไวต่างกัน ดังนันการตี ้ ความก็จะต่างกัน ทําให้ เกิดการ ขัดแย้ งเพราะไม่ร้ ูจะเชื่ออันไหนดี
ซึง่ พลาดโอกาสไปอย่างน่า 21 | P a g e
เสียดาย จึงควรลองกลับมาทบทวนดูใหม่ คําแนะนําในเบื ้องต้ นก็ คือ เราต้ องการให้ มนั บอกอะไรกับเราบ้ างแล้ วใช้ แค่ตอย่างละตัว ก็พอแล้ ว 10. พยายามหาวิธีท่ จี ะซือ้ ที่จุดต่าสุดและข ายที่จุดสูงสุด เทรด เดอร์ มือใหม่หลายๆ คน พอเทรดไปสักพักก็เริ่มคิดหาวิธีที่ทําให้ สามารถซื ้อหุ้นได้ ในราคาตํ่าสุดและขายได้ ในราคาสูงที่สดุ เช่น เมื่อหุ้นทํา New High ก็มกั จะคิดว่าเป็ นราคาสูงสุดจึงขาย หรื อ ราคาหุ้นเกินมูลค่าพื ้นฐานก็ขาย หรื อเมื่อหุ้นทํา
New
Low ก็มักจะคิดว่าเป็ นราคาตํ่าสุดจึงซื ้อ หรื อ ราคาหุ้นตํ่ากว่า มูลค่าก็ซื ้อ โดยที่ไม่ร้ ูด้วยซํ ้าว่าแนวโน้ มตอนนันคื ้ อแนวโน้ มอะไร และ ราคาหุ้นนันสามารถแพงแล้ ้ วแพงอีก หรื อ ตํ่าแล้ วตํ่าอีกก็ได้ ตามแต่สถานการณ์ในตอนนัน้ เพราะ ราคาหุ้นเคลื่อนไหวด้ วยตัว มันเองไม่ได้ จะเคลื่อ นไหวได้ ต้องมีการซื ้อ- ขายจากนักลงทุนใน ตลาด ด้ วยเหตุนี ้จึงต้ องมีการศึกษาจิตวิทยาการลงทุนด้ วยนัน่ เอง 11. มองแนวโน้ มตลาดไม่ ออก เทรดเดอร์ สว่ นใหญ่คงจะเคยได้ ยิน คําว่า “Trend is your friend” กันเกือบทุกคน ถ้ าหาก เราใช้ วิธีการเทรดแบบตามแนวโน้ ม (Trend Following หรื อ Trend Trading) แล้ วล่ะก็ การระบุให้ ได้ วา่ ในช่วงนัน้ ตลาดมีแนวโน้ มอย่างไร ข้ อนี ้สําคัญมาก หากเปรี ยบการขึ ้นลง ของหุ้นเป็ นเหมือนคลื่น ถ้ าเราระบุแนวโน้ มของคลื่นไม่ได้ วา่ จะไป 22 | P a g e
ในทิศทางไหนและทําตรงกันข้ ามกับแนวโน้ มคลื่นก็เท่ากับว่าเรา กําลังแล่นเรื อสวนทางกับคลื่น ถ้ าฝี มือไม่ดีจริง หรื อ เรื อ (หน้ าตัก ) ไม่ใหญ่จริง เรื อ ก็ ต้องควํ่า (ขาดทุน ) อย่างแน่นอน ซึง่ จริงๆ ใน ตลาดนันการมองแนวโน้ ้ มให้ ออกนั่ นก็ยากแล้ ว และการมอง แนวโน้ มที่แตกต่างกันก็จะส่งผลให้ แผนการเทรด นันแตกต่ ้ างกัน ด้ วย นี่เป็ นสาเหตุหนึง่ ที่ถึงแม้ เทรดเดอร์ เกือบทุกคนจะรู้วา่ “Trend is your friend” แต่เทรดเดอร์ สว่ นใหญ่ก็ยงั ขาดทุนอยูด่ ี 12. ชอบเลื่อนจุด Stop Loss เทรดเดอร์ มือใหม่เมื่อเทรดไปซัก พักและพอเริ่มขาดทุน ก็เริ่มที่จะศึกษาวิธีใหม่ๆ และสิ่งหนึง่ ที่ มักจะรู้จกั กันคือ “การใช้ Stop Loss” แต่ปัญหาคือ เทรด เดอร์ มือใหม่มกั จะไม่เคารพการตั ดสินใจของตัวเองในตอนแรก (ที่คดิ มาดีแล้ ว วางแผนมาดีแล้ ว) พอถึงเวลาจริงมักจะใช้ อารมณ์ และมัน่ ใจในตัวเองมากเกินไป (Overconfidence) จึงไม่ ใช้ จดุ Stop Loss ที่ตวั เองได้ ตงไว้ ั ้ ตงแต่ ั ้ ตอนแรก แต่กลับ เลื่อนให้ กว้ างขึ ้น เพราะ กลัวตนเองจะแพ้ หรื อ เสีย แต่หารู้ไม่ ว่า นี่เป็ นการกระทําที่ขาดวินยั มาก ๆ เพราะถ้ าหากทําต่อไปเรื่ อย ๆ คราวหน้ าคุณจะแพ้ หนักขึ ้น และหนักขึ ้นอย่างแน่นอน 13. ตัดสินใจขายเร็วเกินไป (ขายหมู ) จากข้ อที่แล้ วได้ กล่าวไว้ วา่ การเลื่อนจุด Stop Loss นันจะทํ ้ าให้ เทรดเดอร์ แพ้ หนักขึ ้น 23 | P a g e
เพราะ ทําให้ เขา ถือสถานะที่แพ้ และผิ ดทางนานกว่าที่เข าจะรับ ความเสี่ยงได้ ต่อมา มามองในมุมที่เขาถูกทางกันบ้ าง คือ ซื ้อแล้ ว ถูกทาง แทนที่เขาจะใช้ การเลื่อนจุด Stop Loss ให้ เป็ น ประโยชน์เพื่อปกป้องผลกําไรไว้ แต่เทรดเดอร์ ตดั สินใจที่จะรี บ ขายทํากําไรแทน จึงทําให้ ขายหมูอยูบ่ อ่ ยครัง้ แต่เทรดเดอร์ มือใหม่ก็ช อบคิดว่า “ขายหมูดีกว่าติดดอย ” แต่ถ้าเขาทําทังข้ ้ อ 12 และ 13 พร้ อมกัน ก็คือ ถือสถานะที่แพ้ หนัก (ขาดทุนหนัก ) เอาไว้ ในพอร์ ต และ รี บขายทํากําไร ในสถานะที่ชนะ (กําไรน้ อย) พอร์ ตของเขาก็คงจะเติบโตได้ ยากอย่างแน่นอนซึง่ เป็ นสิ่งที่ไม่ควร ทําอย่างยิ่ง เพราะ “จะเทรดหุ้นไปทาไ มถ้ ามันไม่ ทาให้ รวย ขึน้ ” 14. ไม่ ทาตามแผนที่วางเอาไว้ พฤติกรรมในข้ อนี ้เปรี ยบเหมือนนํา ข้ อ 12 และ 13 มารวมกันกล่าวคือ เทรดเดอร์ มือใหม่นนมั ั ้ กจะ ไม่มีการวางแผนอย่างชัดเจนว่าจะ เข้ าอย่างไร
(Entry
point), ขายอย่างไร (Exit Point) และ ตัดขาดทุนอย่างไร (Stop Loss Point) ซึ่งทัง้ 3 ข้ อนี ้ถือว่ามีความสําคัญต่อ การเทรดและเอาตัวรอดจากตลาดเป็ นอย่างมาก เมื่อแผนการเท รดไม่ชดั เจน พอเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ถึงเวลานันก็ ้ จะทํา อะไรไม่ถกู เกิดการขาดทุนหนัก เพราะ “ความประมาท” 24 | P a g e
15. เปลี่ยนวิธีการเทรดไปเรื่อยๆ เมื่อเทรดเดอร์ มือใหม่ ศึกษามา ทังการหาจุ ้ ดเขาซื ้อ
Entry Point ด้ วย Technical
Analysis การตังจุ ้ ดออกหรื อจุดขาย Exit Point และ การ ตังจุ ้ ดตัดขาดทุน Stop Loss Point ซึง่ รวมอยูใ่ นแผนการ เทรด แต่เมื่อเทรดไปแล้ วมันขาดทุน หรื อ ต้ องการจะหาวิธีเทรดที่ สมบูรณ์แบบ (ซึง่ ไม่มี ) ก็จะพยายามเปลี่ ยนวิธีใหม่ไปเรื่ อยๆ โดย ที่ไม่ได้ หาสาเหตุ หรื อ ยังไม่เข้ าใจวิธีการเทรดอย่างถูกวิธี เปรี ยบเสมือน “เข็มทิศ ” ถ้ าชี ้ทิศผิด แน่นอนว่าย่อมไปไม่ถึง เป้าหมายอย่างแน่นอน ทัศนคติของคนเราก็เปรี ยบเสมือนเข็มทิศ ควรตังให้ ้ ถกู เสียก่อน จึงจะไปยังเป้าหมายได้ ดังนัน้ Survival Trader นี ้ จึงต้ องนํา Mindset มาพูดให้ ฟังกันก่อนนัน่ เอง เพราะ จะได้ ตงเข็ ั ้ มทิศในการเทรดได้ อย่างถูกต้ องกัน 16. สับสนระหว่ างการวิเคราะห์ ทางเทคนิคกับการเทรด
เทรด
เดอร์ มือใหม่หลายคนนันเข้ ้ าใจว่าการเทรดดิ ้ง คือ การวิเคราะห์ ทางเทคนิคเท่านัน้ จึงทุม่ เทไปกับการศึกษา indicator หรื อ เครื่ องมือทางเทคนิคมากเกินความจําเป็ น เพราะ จริง ๆ แล้ วการ เทรดนันมั ้ กจะมองกันในระยะยาว เนื่องจากเป็ นไปไม่ได้ เลยที่คณ ุ จะหาระบบที่แม่นยําได้ 100% แต่ละระบบ แต่ละวิธีการนันมี ้ ข้ อดีข้อเสียแตกต่างกัน ซึง่ เราต้ องทําความเข้ าใจถึงข้ อดี ข้ อเสีย นัน้ และเลื อกใช้ ให้ เหมาะสมกับตนเอง เพราะการเทรดนันยั ้ งมี 25 | P a g e
เรื่ องของการบริหารหน้ าตัก การควบคุมจิตใจ ความเข้ าใจเรื่ อง ระบบที่ใช้ และ ความเหมาะสมของระบบอีกด้ วย 17. พัฒนาแผนการเทรดไม่ สอดคล้ องกับวิธีการ ข้ อนี ้ฟั งดูยาก ๆ หน่อย แต่วิธีการในที่นี ้คือ การกําหนดจุดเข้ า (Entry) จุดออก (Exit)
ซึง่ ใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค
(Technical
Analysis) เข้ ามาช่วย แต่การกําหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ปริมาณหุ้นที่ซื ้อ (Position Sizing) นันคื ้ อ แผนที่ คุณใช้ (Trade Plan) ซึง่ ใช้ หลักการของการเทรด พูดง่าย ๆ ก็คือ Technical เอาไว้ หาจุดซื ้อ จุดขาย แต่ Trade Plan เอาไว้ บอกคุณว่า คุณควรจะทําอย่างไรกับจุดซื ้อ จุดขายของคุณ เห็นไหมครับ ต่างกันอย่างสิ ้นเชิง ซึง่ แต่ละอย่างก็มีหน้ าที่ของมัน ดังนันต้ ้ องใช้ ให้ ถกู นะครับ เพราะ ถ้ าใช้ ถกู มันจะให้ คณ ุ อนันต์ แต่ หากใช้ ผิดมันก็ให้ โทษมหันต์เช่นกัน 18. ไม่ ร้ ู จักหลักการการบริหารห
น้ าตัก หรื อที่ภาษาฝรั่งเค้ า
เรี ยกว่า “Money Management” ย่อว่า MM นัน่ เอง ถามว่าจําเป็ นต้ องรู้จกั กันทุกคนเลยไหม ในความเห็นผมจริง ๆ แล้ วไม่ร้ ูจกั ก็ดจู ะไม่ผิดอะไร แต่หากรู้เอาไว้ มนั ช่วยเราในเรื่ องการ บริหารความเสี่ยงได้ ดีเลยทีเดียวครับ เพราะ หลักการของ MM นี่คอื “เวลาเสีย เสียให้ น้อย แต่ เวลาได้ ได้ ให้ เยอะ ” ซึง่ หาก เรี ยนรู้แล้ วมันไม่ยากอย่างที่คดิ หรอกครับ 26 | P a g e
19. ไม่ รักษาวินัย ข้ อนี ้สําคัญมาก ถึงมากที่สดุ สัน้ ๆ แต่ได้ ใจความ จะเห็นว่า เมื่อเราศึกษามามากพอสมควร มีความรู้มาพอสมควร ทํากําไรได้ พอสมควรแล้ ว แต่หากเราขาดสติ ใช้ อาร
มณ์มาอยู่
เหนือเหตุผล ไม่วา่ จะด้ วยเพราะ มัน่ ใจเกินเหตุ หรื อแค่อารมณ์ชวั่ วูบ ผลเสียย่อมเกิดขึ ้นแน่นอนครับ ซึง่ ผมคิดว่าคงเห็นกันอยูบ่ อ่ ย ๆ ในตลาดที่เทรดได้ กําไรมาพอสมควร แต่เสียครัง้ เดียวนันคื ้ น กําไรเขาไปพร้ อมกับทุนเลยก็วา่ ได้ ดังนันข้ ้ อนี ้จึงสําคัญมากครับ เพราะ เราไม่ได้ มีความเสี่ยงแค่การเสียเงินครับ เรามีความเสี่ยง เรื่ องเวลาด้ วย ถึงแม้ เงินนันจะหาใหม่ ้ ได้ แต่เวลานันหามาใหม่ ้ ไม่ได้ ข้ อนี ้จึงต้ องระวังเป็ นพิเศษ 20. จิตวิทยาการลงทุนนัน้ ไม่ ยากอย่ างที่คิด เทรดเดอร์ หลาย ๆ คนเข้ าใจว่าจิตวิทยาการลงทุนนันเป็ ้ นเรื่ องที่ปฏิบตั ิ ได้ ยาก เพราะ ตัวอย่างเช่น 20 ข้ อนี ้อ่านไป อ่านมามึนไปหมด และคิดว่าทําไม มันเยอะอย่างนี ้ ผมขอนําคําของ “เซน” มากล่าวหน่อยละกัน นะครับว่า “คนที่มีศีล ไม่ ต้องรักษาศีล ” หมายความว่า ศีลอยู่ ที่เนื ้อที่ตวั เขาแล้ ว ศีลมีอยูเ่ ป็ นปกติในชีวิต ในกายวาจาใจ แล้ วก็ ไม่ต้องมัวพะวงอยูก่ บั การรักษาศีลอีกต่อไป จากคํากล่าวนี ้ ผม เชื่อว่าจะทําให้ ผ้ ทู ี่ศกึ ษาไม่ต้องมานัง่ จดจําพฤติกรรมแย่ ๆ ที่ไม่ ควรทําอีกต่อไป เพียงแค่เราหันมาทําความเข้ าใจถึงเป้าหมาย เท่านี ้เราก็ไม่ต้องมาพะวงกับข้ อผิดพลาดแล้ ว เพราะ เมื่อเรา 27 | P a g e
ผิดพลาดเราก็จะรู้ตั วทันทีวา่ เราผิดพลาดตรงไหน และควรแก้ ไข อย่างไร กล่าวโดยสรุปคือ จิตวิทยาการลงทุนเป็ นเรื่ องของการ บริหารความโลภและความกลัวที่มีอยูใ่ นตัวเรา ให้ เข้ าที่เข้ าทาง ด้ วยความเข้ าใจที่ถกู ต้ องเท่านันเอง ้
28 | P a g e
"การมีวินัยในตนเอง คือ ความสามารถใน การบังคับตัวเองให้ ทาในสิ่งที่ควรทา ไม่ ว่า คุณจะอยากทาหรือไม่ กต็ าม" -อัลเบิร์ต ฮับบาร์ ต-
29 | P a g e
ถ้ าแพ้ เป็ น ยิ่งแพ้ ยิ่งชนะ The best loser is the winner หลังจากที่เราเรี ยนรู้ และเตรี ยมตัว สูก่ ารเป็ น Survival Trader และ 20 พฤติกรรมที่ทําให้ ล้มเหลว กันไปแล้ ว คราวนี ้มาถึงหัวข้ อใหม่ กัน บ้ างครับ คือ “ถ้ าแพ้ เป็ น ยิ่งแพ้ ยิ่งชนะ The best loser is the winner” หัวข้ อนี ้จะกล่าวถึงอะไรไปดูกนั เลยครับ จริง ๆ แล้ วความลับของการเอาชีวิตรอดในตลาดหุ้น และตลาด การเงินอื่น ๆ นันง่ ้ ายนิดเดียวซึง่ ก็คือ คุณต้ องมีการจัดการการขาดทุนของ คุณ เพราะถ้ าคุณทําให้ การขาดทุนของคุณนันเป็ ้ นการขาดทุนครัง้ ละน้ อย ๆ แต่เวลาคุณได้ กําไรนันได้ ้ ครัง้ ละมาก ๆ แล้ วล่ะก็ คุณจะสามารถก้ าว จากคนที่ล้มเหลวในตลาดหุ้นที่มีมากถึง 80 – 90% มาเป็ น Survival Trader ได้ อย่างไม่ไกลเกินเอื ้อมแน่นอนครับ มาขยายความประโยคที่วา่ “ถ้ าแพ้ เป็ น ยิ่งแพ้ ยิ่งชนะ หรือ The best loser is the winner” กันหน่อยดีกว่า การจะเป็ น The best loser is the winner ได้ นนั ้ คุณจะต้ องทําตามแผนที่คณ ุ ได้ วางเอาไว้ (อย่าลืมว่าแผนที่วางเอาไว้ นนคุ ั ้ ณได้ ประเมินสิ่งต่าง ๆ เอาไว้ แล้ ว ) อย่าง เคร่งครัด เช่น ถึงเวลาที่ราคาร่วงลงจนมาถึงจุดที่คณ ุ ตัง้ Stop Loss เอาไว้ คุณก็ควรที่จะ Stop Loss เพื่อหยุดความเสียหายนันเสี ้ ย ไม่ควรคิดเอาเอง 30 | P a g e
ว่า “เดี๋ยวมันก็ขนึ ้ ” หรื อ “เดี๋ยวค่ อยซือ้ ถัวเฉลี่ยให้ ทุนต่าลง ” นักลงทุน มือใหม่หลาย ๆ คนชอบมีความคิดว่า เวลาหุ้นลงเยอะ ๆ แล้ วขาดทุน การ ซื ้อถัวเฉลี่ยขาดทุน จะทําให้ % การขาดทุนลดลง ซึง่ ถูก (ในแง่ %) แต่ไม่ ถูกในแง่จํานวน เงินที่เสียไป ถึงแม้ % จะลด แต่จํานวนเงิน ที่ขาดทุนกั บ มากขึ ้น (คุณต้ องจําเอาไว้ วา่ คุณมาเทรดหุ้นเพื่อเพิ่มความมัง่ คัง่ สุทธิ นัน่ แปลว่าเงินคุณต้ องเพิ่มขึ ้น !! ไม่ใช่ลดลง!!) ดังนัน้ จากประโยคนี ้สรุปง่าย ๆ ก็คือ “เวลาที่คุณขาดทุน คุณต้ องรีบตัดขาดทุนให้ เร็วเท่ าที่จะทา ได้ ” เปรี ยบเหมือน เวลามีเนื ้อร้ าย เกิ ดขึ ้นมาถ้ าเรารู้และตรวจพบก็ควรจะ ตัดชิ ้นเนื ้อนันออกเสี ้ ยตังแต่ ้ ต้น จริงไหมล่ะครับ มาดูตัวอย่ างง่ าย ๆ กันดีกว่ าครั บ ผมคิดว่ ามัน ตัดสินใจทาตามแผนได้ ง่ายขึน้ แน่ ๆ
จะ ช่ วยให้ เรา
ตัวอย่ าง 1. นาย ก. มีเงิน 100 บาท นําไปลงทุน แล้ วขาดทุนจนเงินเหลือ 50 บาท ซึง่ เป็ นการขาดทุน 50% ต่อมา นาย ก. นําเงิน 50 บาท ที่เหลืออยูม่ าลงทุน โดยตังเป ้ ้ าว่า ให้ เงินกลับไปเป็ น 100 บาทเท่าเดิมก็พอ แต่นาย ก. กลับ ต้ องสร้ างผลตอบแทนถึง 100% !! เพื่อจะให้ เงินตัวเองกลับไปยังจุดเดิม จะเห็นว่ า เวลาเสีย เสียน้ อย แต่ เวลาจะกลับไปทาให้ เหมือนเดิม นัน้ ยากมาก!! 31 | P a g e
ตัวอย่ าง 2. นาย ก. มีเงิน 100 บาท แล้ วนําเงินไปลงทุน โดยต้ องการให้ เงินเพิ่ม 10 บาท เท่ากับว่าต้ องทําให้ เพิ่มขึ ้น 10% จากเงินทุน นาย ข. มีเงิน 50 บาท แล้ วนําเงินไปลงทุนต้ องการให้ เงินเพิ่ม 10 บาท เช่นกัน แต่เท่ากับว่าต้ องทําให้ เพิ่มขึ ้นถึง 20% จากเงินทุน!! จะเห็นได้ วา่ ต้ องใช้ ความพยายามเป็ น 2 เท่าของ นาย ก. เลยทีเดียว จากตัวอย่าง 2 ข้ อนี ้บอกอะไร บอกได้ วา่ เมื่อคุณมี เงิน (ในตัวอย่างเป็ น เงิน) อยูแ่ ล้ ว ไม่ควรจะทําให้ เงินนันหายไป ้ เพียงแค่คณ ุ ปกป้องเงินทุนหรื อ ผลกําไร เท่านี ้ ก็จะทําให้ คณ ุ เหนื่อยน้ อยลงอย่างมากนัน่ เอง ^___^
32 | P a g e
“ด้ วยว่ าผู้ใดมีอยู่แล้ ว จะเพิ่มเติมให้ คนผู้นัน้ มีจนเหลือเฟื อ แต่ ผ้ ูใดที่ไม่ มีนัน้ จะต้ องถูกแย่ งชิงไป แม้ ว่า เขามีอยู่เพียงเท่ านัน้ ” -St.MathewMathew Phenomenon
33 | P a g e
อะไรที่ทาให้ เจ๊ ง ก็อย่ าไปทามันสิ ว่ามาตังเยอะแล้ ้ ว ทีนี ้มาเข้ าเรื่ องสําคัญกันบ้ าง พวกคุณรู้กนั หรื อ เปล่าครับว่าวิธีที่คณ ุ ที่ใช้ เทรดกันทุกวันนี ้มันมีโอกาสหรื อความน่าจะเป็ น ที่จะทําให้ คณ ุ เจ๊ งหรื อหมดตัวมากน้ อยแค่ไหน ? ถ้ ายังไม่ร้ ูเดี๋ยวผมจะ บอกให้ ครับว่าวิธีการหรื อเทคนิคของคุณนันมี ้ ความน่าจะเป็ นใ นทางสถิติ ที่จะเจ๊ งหรื อจะรอดมากน้ อยแค่ไหน รวมไปถึงวิธีปิดประตูเจ๊ งด้ วย ก่อนอื่นผมอยากให้ ร้ ูจกั กับคําว่า “Risk of Ruin” กันก่อน แปลเป็ นภาษาชาวบ้ านก็คือ “ความเสี่ยงที่จะทําให้ เราเจ๊ ง ” นัน่ เอง ในทางสถิตเิ รามีสตู รที่จะวัดได้ วา่ เรามีโอกาสกี่ % ที่เราจะเจ๊ ง เมื่อเทรด ด้ วยวิธีที่เราใช้ อยูใ่ นปั จจุบนั (มันคงจะยากหน่อยนะครับสําหรับใครที่ยงั ไม่มีวิธีเทรดที่แน่นอน หรื อยังไม่สามารถทําตามวินยั การเทรดได้ ) ถึงแม้ สูตรนันจะบอกโอกาสได้ ้ วา่ เป็ นกี่ % แต่ขอบอกไว้ ก่อนนะครับว่ามันเป็ น วิชาสถิติ ซึง่ ต้ องเข้ าใจก่อนว่า มั นไม่ 100 % แต่อย่างน้ อยมันจะช่วยให้ เรามองภาพรวมถึงความสําคัญของตัวแปรหรื อสิ่งที่ต้องใช้ พฒ ั นากลยุทธ์ การเทรดได้ อย่างเป็ นรูปธรรมและมีเป้าหมายมากขึ ้นครับ (พูดง่าย ๆ ก็คือ มันบอกให้ เรารู้วา่ เราต้ องปรับปรุง และ แก้ ไขอะไร เพื่อให้ เราเอาตัวรอดใน ตลาดหุ้นและตลาดอื่น ๆ ได้ จะได้ ไม่ต้องไปนัง่ เสียเวลาอ่านหนังสือหลาย เล่มอย่างไม่มีจดุ หมาย) 34 | P a g e
มาเริ่มกันเลยครับ ผมขอยกเป็ นกรณีศกึ ษาง่าย ๆ ละกันนะครับ สมมติ นาย ก. มีเงินอยู่ 100,000 บาท นําเงินนี ้ไปเทรดหุ้นโดยใช้ เงิน นี ้ซื ้อหุ้นทังหมด ้ (อัดเต็มปอดนัน่ เอง ) และเขาตังว่ ้ า จะตัง้ Stop Loss และ Take Profit ที่ 20% นัน่ ก็แปลว่า ถ้ าขาดทุนเป็ นเงิน 20,000 บาท เขาก็จะขายนัน่ เอง ในทางกลับกันถ้ ากําไร 20,000 บาท เขาก็จะขายด้ วยเช่นกัน และถ้ าสมมติเขาใช้ เทคนิคบ้ าน ๆ ที่มีความ แม่นยําประมาณ 56 % ซึง่ พอ ๆ กับความน่าจะเป็ นในการโยนเหรี ยญ ในเชิงทฤษฏี ซึง่ ความแม่นยํา 56 % ที่วา่ ก็คือ หากเทรด 100 ครัง้ จะ มีโอกาสที่จะเทรดแล้ วกําไร 56 ครัง้ เทรดแล้ วขาดทุน 44 ครัง้ นัน่ เอง สมมติ แปลว่า นาย ก . นันมี ้ เงินที่สามารถจะเสี่ยงได้ 5 หน่วย หรื อ 5 ครัง้ ในกรณีที่ขาดทุนทุกครัง้ และความแม่นยําของระบบยังคง เดิม (เสีย 5 ครัง้ x ครัง้ ละ 20,000 = 100,000 บาทนัน่ เอง) ถ้ านํา ข้ อความที่เขียนนันมาแปลงเป็ ้ น “Risk of Ruin” จะได้ เท่ากับ 30 % (การคํานวณให้ ดใู นภาพข้ างล่าง ) คําถามคือเลข 30 % นี ้หมายถึง อะไร เลข 30 % นี ้หมายถึง นาย ก. มีโอกาส 30 % ที่จะเจ๊ งหรื อหมด ตัวจนต้ องออกจากตลาดไปนัน่ เอง อย่ าลืมนะครับว่าตัวเลขนี ้เป็ นตัวเลข ทางสถิติ นัน่ แปลว่า โอกาสที่จะเกิดอาจมีมากกว่าหรื อน้ อยกว่าก็ได้ ถ้ า น้ อยกว่าก็โชคดีไป แต่ถ้ามากกว่าล่ะก็ซวยแน่ ๆ แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายของ Survival Trader หรอกครับ เราจะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับเรื่ องแค่นี ้ 35 | P a g e
ไม่ได้ เป้าหมายของพวกเรามัน ไกลกว่านันเยอะ ้ สิ่งที่เราต้ องทําก็คือ ทํา ให้ Risk of Ruin เป็ น 0 !! นัน่ เองครับ เราถึงจะมีโอกาสรอด 𝑈
1− 𝑊−𝐿 𝑅𝑖𝑠𝑘 𝑜𝑓 𝑅𝑢𝑖𝑛 = 1+ 𝑊−𝐿
เมื่อ W = ความน่าจะเป็ นหรื อโอกาสที่จะชนะ (เทรดแล้ วกําไร) L = ความน่าจะเป็ นหรื อโอกาสที่จะแพ้ (เทรดแล้ วขาดทุน) U = จํานวนไม้ หรื อ หน่วย ของความเสี่ยง (เสี่ยงได้ กี่ไม้ ) จากตัวอย่ างของ นาย ก . ที่ยกมา คานวณ Risk of Ruin ได้ ดังนี ้ 1 − 0.56 − 0.44 𝑅𝑖𝑠𝑘 𝑜𝑓 𝑅𝑢𝑖𝑛 = 1 + 0.56 − 0.44
5
= 30 %
W = โอกาสที่เทรดแล้ วกําไร 56 ครัง้ L = โอกาสที่เทรดแล้ วขาดทุน 44 ครัง้ U = จํานวนไม้ ที่เสี่ยงได้ ทงหมด ั้ 5 ไม้ (5 x 20,000 = 100,000)
36 | P a g e
แต่ก่อนจะทําให้ Risk of Ruin กลายเป็ น 0 นันเรามาดู ้ วิธีการลด Risk of Ruin กันก่อนดีกว่าครับ โดย ในตัวอย่างแรกผมยกตัวอย่าง นาย ก. ไปซึง่ ทราบกันแล้ วว่า Risk of Ruin ของเขา เท่ากับ 30 % ซึง่ ถือว่าสูงมากทีเดียว คราวนี ้เรามาดู นาย ข . กันมัง่ ครับ สมมติวา่ นาย ข . มีเงิน 100,000 บาท เท่ากับ นาย ก . และใช้ ระบบเทรดเดียวกับ นาย ก . ซึง่ แปลว่า ความแม่นยํา เท่ากับ นาย ก. ซึง่ ก็คือ 56 % แต่ นาย ข. ขอเล่น แบบค่อยเป็ นค่อยไป เสี่ยงน้ อยลงหน่อย โดย นาย ข . นันอั ้ ดหุ้นเต็มปอด เหมือน นาย ก . แต่ตงว่ ั ้ าจะ Stop Loss ที่ 10 % และ Take Profit ที่ 10 % นัน่ แปลว่าหาก นาย ข . ขาดทุน 10,000 บาท ก็จะ ขายทันที และเมื่อกําไร 10,000 บาท ก็จะขายทันทีเช่นกัน จากข้ อมูล เมื่อใช้ สตู รที่ให้ ไปคราวที่แล้ วสามารถคํานวณ Risk of Ruin ได้ เท่าไร ครับ ติก๊ ต็อก…..ติก๊ ต็อก…..ติก๊ ต็อก….ได้ …….ได้ ….เท่าไรหว่า ล้ อเล่น ครับ ได้ 9 % นัน่ เอง เห็นไหมครับว่า Risk of Ruin ของ นาย ข. นัน้ ลดลงมากเลยทีเดียว หวังว่าจากตัวอย่างนี ้จะเริ่ม ๆ มองเห็นภาพการลด Risk of Ruin นะครับ (ใบ้ ให้ ก็ได้ นัน่ คือ ลดความเสี่ยงต่อไม้ ลง นัน่ เท่ากับว่าเราเพิ่ม U ในสูตรนัน่ เองครับ ) แต่บอกไว้ ก่อนนะครับ ว่าถึงจะ ลดลงมาก แต่ก็ยงั มากเกินไปที่จะเสี่ยง เงินของใคร ใครก็รัก จริงไหมครับ ดังนันเราจะมาชะล่ ้ าใจกับเรื่ องแค่นี ้ไม่ได้ บอกไว้ ก่อนเลยครับ Risk of 37 | P a g e
Ruin ที่มากที่สดุ ที่จะมากได้ นนั ้ เพื่อโอกาสเอาชีวิตรอดดั ง concept Survival Trader นันก็ ้ คือ 0!! ครับ พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้ องปิ ดประตู เจ๊ งไปเลย ก็คือ ห้ ามเจ๊ งนัน่ เอง (ถ้ าเราเล่นแล้ วเจ๊ งเราจะเป็ น Survival ได้ ไงจริงไหมครับ) มาต่อกันเลยครับต่อไปนี ้จะเป็ นไอเดียลด Risk of Ruin ให้ เหลือ 0 ละครับ แต่อย่างที่บอกก่อนหน้ านี ้นะครับ Risk of Ruin ที่คํานวณนัน้ มีพื ้นฐานมาจาก สถิติ นัน่ แปลว่า มันไม่ 100 % คราวนี ้มาดู นาย ค . กันมัง่ ครับ นาย ค . คนนี ้มองเห็นอะไร บางอย่างในสูตรจึง ได้ กลับไปพัฒนากลยุทธ์การเทรดใหม่ (เลยออกมา หลังเพื่อน ๆ เพราะ ในขณะที่เพื่อน ๆ เทรดกันไปแล้ ว นาย ค . ยังนัง่ ศึกษาอยู่ แต่เพื่อน ๆ ของ นาย ค. จะรู้ไหมว่า พวกเขานันเสี ้ ่ยงเจ๊ ง กัน อยู่) นาย ค. กลับไปพัฒนากลยุทธ์ซงึ่ เป็ นดังนี ้ เพิ่มความแม่นยํา จาก 56 % ให้ เป็ น 63 % และตังว่ ้ าจะ Stop Loss และ Take Profit ที่ 5 % นัน่ ก็ คือ เมื่อ ขาดทุน 5,000 บาท ก็จะขาย และเมื่อกําไร 5,000 บาทก็จะขายเช่นกัน (เงินทุนที่ 100,000 บาทเหมือนเดิมนะครับ ) เมื่อ เราคํานวณ Risk of Ruin ของ นาย ค. จะได้ เท่ากับ 0 นัน่ เอง ครับ !! อ้ า…จากตัวอย่าง 3 ข้ อที่ให้ ไปเราได้ ไอเดียอะไรกันบ้ างครับ ไอเดียแรก เราได้ ร้ ูวิธีการคํานว ณเพื่อมองภาพรวมของวิธีการเทรด ต่อมา เราได้ เรี ยนรู้วา่ การลดความเสี่ยงในแต่ละไม้ หรื อเพิ่ม U นันสามารถลด ้ 38 | P a g e
Risk of Ruin ได้ (ตัวอย่าง นาย ข.) และสุดท้ าย เราได้ ไอเดียว่า การ เพิ่ม ความแม่นยําของระบบหรื อกลยุทธ์ของเรา เช่น นาย ค . เพิ่มจาก 56 % ไปเป็ น 63 % และ ลดความเสี่ยงต่อไม้ เข้ าไปอีก หรื อเพิ่ม U เข้ าไปอีก ก็สามารถลด Risk of Ruin ได้ นนั่ เอง แต่ผมมีอีกไอเดียมา ให้ กนั ครับ ไอเดียนี ้มีสตู รแต่ซบั ซ้ อนเลยขอยกตารางสรุปมาให้ เลยแล้ วกัน (ดูในภาพด้ านล่าง)
ไอเดียนี ้เป็ นการเพิ่ม Reward ให้ มากกว่า Risk ซึง่ ก็คือ การตัง้ Stop Loss ให้ น้อยกว่า การตัง้ Take Profit ตัวอย่างเช่น ตัง้ Stop Loss ที่ 5 % แล้ วตัง้ Take Profit ที่ 10 % จะได้ วา่ Reward: Risk เท่ากับ 2 นัน่ เอง
39 | P a g e
ผมจะสรุ ปง่ าย ๆ นะครั บ วิธีการลด Risk of Ruin ก็คือ 1. ลดความเสี่ยงต่อไม้ ลง ซึง่ เท่ากับเป็ นการเพิ่ม U นัน่ เอง 2. เพิ่มความแม่นยําของระบบหรื อกลยุทธ์เข้ าไป ซึง่ เท่ากับ เพิ่ม W นัน่ เอง 3. อันนี ้ไม่มีในสูตร แต่เป็ นการเพิ่ม Reward ให้ มากกว่า Risk นัน่ เอง
1− 𝑊−𝐿 𝑅𝑖𝑠𝑘 𝑜𝑓 𝑅𝑢𝑖𝑛 = 1+ 𝑊−𝐿
𝑈
เมื่อ W = ความน่าจะเป็ นหรื อโอกาสที่จะชนะ (เทรดแล้ วกําไร) L = ความน่าจะเป็ นหรื อโอกาสที่จะแพ้ (เทรดแล้ วขาดทุน) U = จํานวนไม้ หรื อ หน่วย ของความเสี่ยง (เสี่ยงได้ กี่ไม้ )
40 | P a g e
"keep all [their] eggs in just one or two baskets" and then "look after those baskets very well." In other words, if you are to make real headway with your trading, you will need to "play for meaningful stakes"
- Max GuntherThe Zurich Axioms Book
41 | P a g e
ทาความเข้ าใจระบบเทรดที่สมบูรณ์ แบบซะใหม่ (Understanding The Holy Grail System) มาถึงจุดสําคัญอีกจุดแล้ วครับซึง่ ก็คือ แนวทางการพัฒนาวิธีการ เทรด (Methodology) หรื อ ระบบเทรด (Trading System) ที่ผมเคยพูดไว้ ตอนต้ น ก่อนอื่นเราต้ องมาทําความเข้ าใจกับคําว่า “ระบบ เทรด” กันก่อน คําว่า ระบบเทรด นันพู ้ ดง่าย ๆ ก็คือ วิธีการที่เราใช้ เทรด (ซื ้อ-ขาย) ที่เกิดจากรูปแบบซํ ้า ๆ ของตลาด ซึง่ โดยทัว่ ไปจะใช้ สญ ั ญาณ ทางเทคนิคเป็ นตัวบอกสัญญาณซื ้อ-ขาย นัน่ เอง ระบบเทรด (Trading System) ที่ง่ายที่สดุ ที่พวกเรามักจะรู้จกั กันก็คือ การตัดขึ ้น- ตัดลงของ เส้ น “ค่ าเฉลี่ยเคลื่อนที่” ต่อมาเราจะมาพูดถึงคําว่า Holy Grail ซึง่ แปลว่า “จอก ศักดิส์ ิทธิ์ ” ซึง่ พระเยซูใช้ ในพระกายาหารมื ้อสุดท้ าย (ในภาพ The Last Supper) ในศาสนาคริสต์นนเชื ั ้ ่อว่ากันว่าเป็ นจอกที่มีอํานาจ วิเศษอยู่ เช่น ดื่มนํ ้าจากจอกนี ้แล้ วจะเป็ นอมตะ อ้ าวแล้ วมันเกี่ยวอะไรกับ ระบบเทรดของเราล่ะ คําว่า Holy Grail นี ้สําหรับในเรื่ องของการเทรด เราจะใช้ แทนความหมายว่า ระบบเทรดที่สมบูรณ์แบบ (The Perfect Trading System) นัน่ เอง หรื อจะพูดกันง่าย ๆ ก็คือ ระบบที่มีความ
42 | P a g e
แม่นยําสูงมาก ๆ และไม่มีการขาดทุน หรื อ มีแต่ตํ่ามาก ๆ นัน่ เอง (ผมเชื่อ ว่าหลายคนคงต้ องเคยหาเจ้ าสิ่งนี ้อยูแ่ น่นอนใช่หรื อเปล่าครับ ^__^) แหม่อธิบายซะยืดยาวมาถึงส่วนสําคัญละครับ จําได้ ใช่ไหมครับ ว่าในตลาดหุ้น (หรื อตลาดเงิ นอื่น ๆ) นันไม่ ้ มีอะไรแน่นอน 100% เราเท รดกันในเชิงสถิติ ถึงแม้ สถิตจิ ะบอกว่าโอกาสเกิดเท่านัน้ เท่านี ้ แต่มนั อาจจะไม่เกิดก็ได้ ดังนันระบบเทรดที ้ ่สมบูรณ์แบบ (The Perfect Trading System หรื อ Holy Grail) นี ้จึงไม่มี !!! แต่คราวนี ้ผม จะแนะแนวทางให้ ใหม่ครับ ถ้ าเร าเข้ าใจว่า Holy
Grail
=
Expectancy (E) x Opportunities (O) ละก็ เราจะได้ ภาพ ใหม่หรื อแนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนาระบบเทรดของเราได้ เป็ นอย่างดีเลย ล่ะครับ โดย Expectancy นัน้ เป็ นค่าที่บอกเราว่า เราจะคาดหวัง ผลตอบแทนจากระบบของเราได้ เท่าไร ในทุก ๆ ครัง้ ที่เราเสี่ยง ค่ านี ้ก็เป็ น ค่าทางสถิตเิ ช่นกัน เพราะฉะนันจึ ้ งไม่ 100% ซึง่ ระบบที่เราจะนํามาใช้ เทรดในตลาดเพื่อไม่ให้ เราเจ๊ ง และได้ ผลตอบแทนแบบเป็ นกอบเป็ นกําไป นัน้ ต้ องมีคา่ เป็ น + เท่านันครั ้ บ!! ส่วนคําว่า Opportunities ก็คือ โอกาสในการเทรดของ ระบบเรา เช่น ระบบเราเป็ นระบบแบบ เล่น รอบ Fund Flow อาจจะ เกิด 2-3 เดือนครัง้ (ทังปี ้ เราก็จะมีโอกาสเทรด 4-6 ครัง้ ) หรื อ เรามีเวลา 43 | P a g e
ว่างเยอะและเล่นแบบ Day Trade โอกาสก็จะมีมากกว่าระบบแรก (ทังปี ้ เราก็จะมีโอกาสเทรด 100 -200 ครัง้ ) เป็ นต้ น เรามาทําความเข้ าใจกับคําว่า Expectancy กันก่อน โดยค่า นี ้เราสาม ารถคํานวณได้ ครับซึง่ สูตรการคํานวณก็คือ (ในภาพด้ านล่าง ครับ) 𝑬𝒙𝒑𝒆𝒄𝒕𝒂𝒏𝒄𝒚 = % 𝑾𝒊𝒏𝒏𝒊𝒏𝒈 𝑻𝒓𝒂𝒅𝒆 𝒙
𝑹𝒆𝒘𝒂𝒓𝒅 − (% 𝑳𝒐𝒔𝒔𝒊𝒏𝒈 𝑻𝒓𝒂𝒅𝒆) 𝑹𝒊𝒔𝒌
ตัวอย่ างเช่ น มีเงิน 100,000 บาท เทรด 10 ครัง้ ระบบ A กําไร 6 ครัง้ ขาดทุน 4 ครัง้ โดยครัง้ ที่กําไร ครัง้ ละ 5,000 บาท และขาดทุนครัง้ ละ 5,000 บาท คํานวณ Expectancy ได้ ดงั นี ้ จากข้ อความที่ได้ ระบบ A มี % Winning Trade = 60 (เทรด 10 ครัง้ ชนะ 6 แพ้ 4) Reward = 5,000 บาท Risk = 5,000 บาท 𝐸𝑥𝑝𝑒𝑐𝑡𝑎𝑛𝑐𝑦 = % 60 𝑥
5,000 − % 40 = 20% 5,000
44 | P a g e
สมมติวา่ ทังปี ้ เราเทรด 10 ครัง้ นัน่ แปลว่า เรามีโอกาสที่จะได้ เงิน (คาด ว่าจะได้ ) = 10 ครัง้ x 20% x 5,000 บาท = 10,000 บาท (ซึง่ อาจมากกว่าหรื อน้ อยกว่าก็ได้ ครับ) **Expectancy เป็ นค่าทีเ่ ราต้องให้ความสนใจเพราะ จะเป็ นตัวชี ้วดั ว่าเราจะกาไรเป็ นกอบเป็ นกา หรื อ ขาดทุนจนเจ๊ งไม่เป็ นท่า ก็ขึ้นกับว่า ระบบของเรานัน้ เมื ่อเทรดแล้วมันมี โอกาสจะทากาไรหรื อทาให้ขาดทุนจน หมดตัว โดยถ้าเราจะเอาตัวรอดจากตลาดเราต้องทาให้ Expectancy ของระบบเราเป็ น + ซะก่ อน ถ้ายังไม่เป็ น + ให้กลับไปศึกษาเพือ่ หา ระบบทีเ่ หมาะสมกับเรา ซึ่งจะเห็นว่าการศึกษาแค่เรื ่องนีเ้ รื ่องเดียวจะทา ให้เราลดเวลาในการหาระบบเทรดและศึกษา Technical ลงไปอย่าง มากเลยทีเดียวครับ
45 | P a g e
หลังจากที่เรารู้จกั และทําความเข้ าใจกับ Expectancy ซึง่ เป็ นค่าที่บง่ บอกว่าเราสามารถคาดหวังกับผลตอบแทน ในทุก ๆ ครัง้ ที่เรา เสี่ยงไปนันเป็ ้ นอย่างไร โดยค่า Expectancy ออกมาได้ ก็ตอ่ เมื่อ เรารู้ ความแม่นยําของระบบ
นันเราจะคํ ้ านวณ (Accuracy)
รู้
อัตราส่วน Reward : Risk ว่าเป็ นเท่าไร ผมจะขยายความ Reward : Risk ให้ ฟังละกันนะครับ สมมติคณ ุ มีเงิน 100,000
บาท หากคุณตังว่ ้ าจะทํากําไร
(Take Profit) ครัง้ ละ 10,000 บาท และ ตัดขาดทุน (Stop Loss) ครัง้ ละ 5,000 บาท ซึง่ จาก 2 ค่านี ้ Reward ก็คือ 10,000 บาท ถ้ าคิดเป็ น % ของเงินทุนก้ อนแรกก็คือ 10% ส่วน Risk ก็คือ 5,000 บาท ถ้ าคิดเป็ น % ของเงินทุนก้ อนแรกก็คือ 5% นัน่ เอง ซึง่ ถ้ ามาทําเป็ นอัตราส่วนจะได้ 10,000 : 5,000 หรื อ 10% : 5% หรื อ 2 : 1 นัน่ เอง แปลง่าย ๆ ก็คือ อัตราส่วนผลตอบแทน (Reward) ในครัง้ นี ม้ ากกว่า อัตราส่วนผลขาดทุน (Risk) อยู่ 2 เท่า จะใช้ เป็ นจํานวนเงิน หรื อ เป็ น % หรื อ เป็ นจํานวนเท่า ก็แล้ วแต่สะดวก เลยนะครับ ความหมายเหมือน ๆ กัน คาแนะนา : คุณต้ องไม่ลืมเรื่ อง Risk of Ruin ในการกําหนด ความ เสี่ยง (Risk) ของคุณด้ วยนะครับเรื่ องนี ้สําคัญมาก!! 46 | P a g e
ทีนี ้เรามาเปรี ยบเทียบระบบเทรดเพื่อให้ เรามองเห็นภาพรวมกันดีกว่าครับ ผมเชื่อว่าเราจะเห็นอะไรดี ๆ ในการพัฒนาระบบเทรดให้ เหมาะกับตัวเรา เพื่อสร้ างผลตอบแทนอย่างเป็ นกอบเป็ นกําอย่างแน่นอน!!!
IVY Trading Group
กำไรรวม (TotalProfit)
ครัง้ ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
ระบบ แม่นเว่อร์ ระบบ แม่นกลาง ระบบ แม่นห่วย -5,000 -5,000 25,000 4,000 6,500 25,000 1,000 7,000 -5,000 3,000 -5,000 -5,000 1,500 3,500 -5,000 2,000 4,000 -5,000 4,000 9,000 -5,000 3,500 -5,000 -5,000 4,500 8,000 -5,000 3,500 5,000 30,000 22,000 28,000 45,000
ผลกำรทดสอบ ชนะ (Win) แพ ้ (Lose) ความแม่นยา (Accuracy) ผลตอบแทนเฉลีย ่ ต่อครัง้ (Avg. Reward) ่ งเฉลัย้ ต่อครัง้ ( Avg. Risk) ความเสีย Reward : Risk Ratio Expectancy
9 1 90% 3,000 -5,000 0.6 44%
7 3 70% 6,140 -5,000 1.2 54%
3 6 30% 26,667 -5,000 5.3 89%
ภาพนี ้บอกอะไรกับเรา ? ภาพนี ้เป็ นภาพที่ใช้ อธิบาย Expectancy ได้ เป็ นอย่างดี โดยเงื่อนไขนี ้ก็คือทุกระบบให้ เทรด 10 ครัง้ เหมือนกันหมด แต่ตา่ งกันที่อะไร มาดูทีละ ระบบ เลยครับ เริ่มจาก ระบบ แม่ นเว่ อร์ !! เทรด 10 ครัง้ ชนะ 9 แพ้ 1 นัน่ แปลว่า ความแม่นยํา (Accuracy) เท่ากับ 90% โห…อะไรจะแม่นขนาดนัน้ (เป็ นแค่ตวั อย่างเท่านันนะครั ้ บ ) แต่เนื่ องจากความแม่นที่มากทําให้ 47 | P a g e
ผลตอบแทนต่อครัง้ น้ อย (เน้ นถี่ แต่คําเล็ก ๆ ) จึงทําให้ Reward : Risk เท่ากับ 0.6 เท่านัน้ คํานวณแล้ วได้ Expectancy ที่ 44% กาไรรวมเพียง 22,000 บาท ต่ อมาระบบ แม่ นกลาง ระบบนี ้ เทรด 10 ครัง้ ชนะ 7 ครัง้ แพ้ 3 นัน่ แปลว่า ความแม่นยํา (Accuracy) เท่ากับ 70% (ดูแล้ วค่อนข้ าง สมเหตุสมผลและค่อนข้ างแม่นเลยทีเดียว ) และค่า Reward : Risk เท่ากับ 1.2 ซึง่ มากกว่า ระบบแม่นเว่ อร์ อย่างเห็นได้ ชดั คํานวณแล้ วได้ Expectancy ที่ 54% กาไรรวมอยู่ท่ ี 28,000 บาท มากกว่ า ระบบแม่ นเว่ อร์ อีกนะครับ สุดท้ าย ระบบแม่ นห่ วย ชื่อก็บอกอยู่แล้ วว่ า “แม่ นห่ วย” ก็ดสู ิครับ เทรด 10 ครัง้ ชนะแค่ 3 ครัง้ แพ้ ตงั ้ 7 ครัง้ แน่ะ ความแม่นยํา (Accuracy) แค่ 30% เอง (จริง ๆ แล้ วความแม่นยํานี ้ใกล้ เคียงกับ ระบบ Trend
Following
ที่เรารู้จกั กันแหละครับ แต่ระบบ
Trend Following นัน้ จะแม่นประมาณ 40% ปล.จากการ Backtest ใน Efin Smart Portal) แต่คา่ Reward : Risk นันสู ้ งถึง 5.3 เท่า OMG!! พอนํามาคํานวณ Expectancy จะได้ 89% ชนะทุกระบบ Win!! แต่ช้าก่อน ตารางนี ้ผมไม่ได้ จะมาบอกว่า ระบบ แม่นห่วย ดีที่สดุ หรื อ ระบบ Trend Following ดีที่สดุ ที่ผ ม เอามาให้ ดผู มแค่จะให้ เห็นถึงความสําคัญของ Reward : Risk เพื่อ 48 | P a g e
นํามาใช้ คํานวณ Expectancy
เท่านัน้ ถ้ าคุณเคยได้ ยินวลีที่วา่
“Cut your losses short and let profit run” แปลเป็ นไทยคือ ตัดขาดทุนให้ น้อย ๆ และปล่อยให้ กําไรยาว ๆ ก็คือการ ควบคุม Risk ให้ น้อยกว่า Reward นัน่ เอง แต่คนส่วนใหญ่ชอบ “Cut your profit short and let loss run” คือขายเอา กําไรน้ อย ๆ แต่ทนถือพอร์ ตที่ขาดทุนได้ นาน ใช่ไหมล่ะครับ ผมจะสรุปในส่วนของ Expectancy เลยนะครับ สิ่งที่ผมจะ บอกก็คือ ก่อนที่เราจะมุง่ หน้ าเพื่อหวังแต่จะเอากําไรในตลาดหุ้น ขอให้ เรา มองถึงคว ามเสี่ยงซะก่อน ว่าทําอย่างไรถึงจะไม่ให้ เจ๊ ง
(ย้ อนไปอ่าน
Risk of Ruin) และ หลักการสร้ างระบบเทรดในเบื ้องต้ นนันมี ้ อะไรบ้ าง ปั จจัยไหนที่เราต้ องสนใจ ไม่ใช่วา่ ระบบที่แม่นยํามาก ๆ จะ สามารถทํากําไรได้ เป็ นกอบเป็ นกําแล้ วก็นงั่ หา นัง่ ศึกษา indicator ที่ แม่นมาก ๆ หรื อพยายา มหาเครื่ องมือพยากรณ์แม่น ๆ มาใช้ โดยที่ยงั ไม่ได้ ค้นหาตัวเองว่า รับความเสี่ยงได้ เท่าไร มีเวลามากน้ อยแค่ไหน เป็ น ต้ น อย่างที่ผมทําให้ ดใู นตารางเห็นไหมครับ ระบบที่แม่นมาก กลับได้ ผลตอบแทนน้ อยที่สดุ ซะอีก ถ้ าเปลี่ยนจากคําถามที่วา่ ระบบไหนดีกบั คุณ ที่สดุ เป็ นระบบไหนเหมาะสมกับคุณที่สดุ ผมว่าคําถามนี ้น่าจะมีคําตอบได้ มากกว่านะครับ
49 | P a g e
เมื่อ Holy
Grail
=
Expectancy
(E)
x
Opportunities (O) ผมได้ กล่าวถึง Expectancy ซึง่ เป็ นค่า ทางสถิตทิ ี่บง่ บอกว่าเราสามารถคาดหวังกับผลตอบแทน ในทุก ๆ ครัง้ ที่ เราเสี่ยงไป กันไปแล้ ว โดยผมได้ เน้ นยํ ้าว่า ก่อนจะเข้ ามาเทรดในตลาด ระบบเทรดของคุณนันควรจะมี ้ Expectancy เป็ น + ซะก่อน และ ผม ก็ได้ พดู ถึงปั จจัยสําคัญที่จะทําให้ คา่ Expectancy เป็ น + และเพิ่ ม มากขึ ้นกันไปแล้ ว ทีนี ้เรามาดูในส่วนของ Opportunities กันบ้ าง ครับ ว่ามันคืออะไร Opportunities
หรื อ โอกาสที่วา่ นี ้ หมายถึง จํานวนครัง้ ที่คณ ุ
สามารถเทรดได้ เพราะถึงแม้ วา่ คุณจะมีระบบที่แม่นเว่อร์ !! แต่โอกาสใน การเทรดน้ อยมันก็ทําให้ คณ ุ ได้ ผลตอบแทนน้ อยเช่นกันครับ เ รามาดูการ เปรี ยบเทียบเพื่อให้ เห็นภาพกันเลยครับ
50 | P a g e
ครัง้ ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 กำไรรวม (TotalProfit)
ระบบ X 10,000 10,000 -5,000 10,000
ระบบ Y -5,000 6,500 7,000 3,500 4,000 9,000 8,000 5,000 -5,000 -5,000
25,000
28,000
ระบบ Z 4,000 6,500 7,000 4,000 8,000 9,000 7,000 5,000 6,000 5,000 5,500 4,000 -5,000 6,500 -5,000 -5,000 -5,000 -5,000 -5,000 7,000 54,500
7 3 70% 6,140 -5,000 1.2 54%
14 6 70% 6,040 -5,000 1.2 54%
ผลกำรทดสอบ ชนะ (Win) แพ ้ (Lose) ความแม่นยา (Accuracy) ผลตอบแทนเฉลีย ่ ต่อครัง้ (Avg. Reward) ่ งเฉลัย ความเสีย ้ ต่อครัง้ ( Avg. Risk) Reward : Risk Ratio Expectancy
3 1 75% 10,000 -5,000 2 125%
จากตารางนะครับ เราจะเห็นว่า ระบบ X นันมี ้ Expectancy สูงถึง 125%!!
ความแม่นยํา (Accuracy)
เท่ากับ 75%
และ
Reward : Risk เท่ากับ 2 ซึง่ จะเห็นว่ าสูงกว่าระบบอื่นๆ อีกด้ วย แต่ กลับให้ ผลตอบแทนน้ อยที่สดุ คือเพียง 25,000 บาทเท่านัน้ 51 | P a g e
ในขณะที่ระบบ Y และ ระบบ Z นัน้ มี Expectancy เท่ากันคือที่ 54% ความแม่นยํา (Accuracy) เท่ากันคือ 70% Reward : Risk เท่ากันคือที่ 1.2 แต่กําไรรวมระบบ Y กับ ระบบ Z นันต่ ้ างกัน อย่างสิ ้นเชิง เพราะ ระบบ Y นันกํ ้ าไรรวมเท่ากับ 28,000 บาท แต่ ระบบ Z ให้ กําไรสูงถึง 54,500 บาท !! ผมว่าทุกท่านคงทราบแล้ วแน่ ๆ ว่าเพราะอะไรที่ทําให้ ระบบ Z นันทํ ้ ากําไรได้ สงู กว่าถ้ ายังไม่ทราบผมจะ เฉลยให้ ครับ คําตอบก็คือ เพราะระบบ
Z
นันมี ้ โอกาส
(Opportunities) สูงกว่าทุกระบบนัน่ เอง สังเกตได้ จาก ระบบ X มี โอกาสเทรดเพียง 4 ครัง้ ระบบ Y มีโอกาสเทรด 10 ครัง้ แต่ระบบ Z มี โอกาสเทรดถึง 20 ครัง้ เห็นไหมครับ เพียงเท่านี ้ สมการ Holy Grail = Expectancy (E) x Opportunities (O) ก็สมบูรณ์แล้ ว ซึง่ จะเห็นได้ วา่ เราไม่ต้องมาพยายามหาระบบเทรดแม่น เว่อร์ !! แต่โอกาสเทรดน้ อย แต่เราควรหาระบบเทรดที่เหมาะสมกับความ เสี่ยง มี Expectancy เป็ น + และที่สําคัญควรมีโอกาสในการเทรด ด้ วยนัน่ เองครับ *** เข้ าไปดูการ Back Test กับตลาดจริงได้ ในบทความ “ระบบเทรด ยิ่งแม่ นยิ่งดีจริงหรือ!?” *** http://www.investmentory.com/2013/10/blog-post.html 52 | P a g e
“การง่ วนอยู่กับการปี นบันไดคงไม่ ก่ อให้ เกิดประโยชน์ อันใด ถ้ าบันไดของคุณวางพาดอยู่ผดิ กาแพง” -Stephen Covey7 Habits of Highly Effective People book
53 | P a g e
Credit ภาพ :
http://stayingintouch.com.au/2013/09/it-doesnt-
matter-how-many-resources-you-have/
54 | P a g e
ค้ นหาแนวการเทรดที่ใช่ ทางใครก็ทางมัน (How to find your trading style) ผมว่านักลงทุนหรื อเทรดเดอร์ หลาย ๆ คนคงต้ องมีคําถามคาใจ เหมือนที่ผมเคยมีแน่นอนครับ นัน่ ก็คือ อ่านมาก็เยอะ ศึกษามาก็แยะ แล้ ว ระบบหรื อกลยุทธ์ไหนดีที่สุ ด จริง ๆ ในมุมมองผมคําว่าดีที่สดุ นี ้ อาจจะมี หลายความหมาย เช่น กําไรมากที่สดุ เสียเวลากับมันน้ อยที่สดุ ความ เสี่ยงน้ อยที่สดุ แม่นยํามากที่สดุ ? ซึง่ ก็ คงจะรู้กนั แล้ วนะครับว่า การ พัฒนาระบบเทรดนันเราควรจะมองที ้ ่
Expectancy
และ
Opportunities ซึง่ แต่ละระบบนันก็ ้ จะให้ Expectancy ได้ ไม่ เหมือนกัน หรื อ แม้ กระทัง่ ให้ ผลตอบแทนได้ ไม่เหมือนกัน ขึ ้นอยูก่ บั ว่าคุณ เลือกใช้ ระบบไหน ตัวอย่างเช่น คุณเป็ นคนไม่คอ่ ยมีเวลาว่าง มีงานประจําต้ องทําและงานคุณก็ ไม่ใช่การเทรดให้ กบั โบรคเกอร์ แต่คณ ุ อยากเข้ ามาเทรดหุ้น เมื่อคุณรู้ตวั เองว่าไม่คอ่ ยมีเวลา คงเป็ นไปไม่ได้ ที่คณ ุ จะใช้ ระบบแบบ
Day
Trading (การเทรดแบบรายวัน ซึง่ ต้ องใช้ เวลาในการเฝ้าดูกระดานหุ้น เน้ นการ ซื ้อและขายภายในวัน )
คุณอาจจะหันไปพัฒนาระบบเทรด
ประเภท Swing Trading (การเทรดในช่วง 2-5 วันภายในสัปดาห์ ซึง่ อาจจะซื ้อในช่วงเลิกงาน หรื อ ช่วงก่อนตลาดปิ ด ) หรื อ จะไปพัฒนา ระบบเทรดแบบ Trend Following (การเทรดแบบซื ้อและถือตาม 55 | P a g e
แนวโน้ มระยะสัน้ ระยะกลาง
) และในแต่ละระบบ
นัน้ ก็จะให้
Expectancy กับ Opportunities ได้ แตกต่างกัน ซึง่ โดยทั่ วไป นัน้ Swing Trading จะให้ Opportunities ที่สงู กว่า แบบ Trend Following แต่ก็จะต้ องแลกกับการมี Reward : Risk ที่ตํ่ากว่าแบบ Trend Following การเฝ้าติดตามมากกว่า รวมไป ถึงค่า Commission ที่สงู กว่าด้ วย เป็ นต้ น สิ่งเหล่านี ้เป็ นสิ่งที่คณ ุ ต้ อง ถามตัวเอง และ ศึกษาจากตลาด ทฤษฏีเป็ นเพียงแนวทางปฏิบตั ิ เพื่อ บอกให้ คณ ุ ทราบว่าคุณควรจะเริ่มจากตรงไหน และควรใส่ใจกับอะไร เพื่อให้ คณ ุ สามารถนําความรู้ไปต่อยอด และเป็ นแนวทางในการพัฒนา ระบบเทรดให้ เหมาะสมกับตัวคุณ ให้ สามารถทํากําไรในตลาดหุ้นได้ อย่าง ยัง่ ยืน นัน่ เองครับ
56 | P a g e
หนังสื อ “เล่นหุน้ รวยไว เทรดได้ใน 5 นาที ” เล่มนี้จะ มาเผยเคล็ดลับการเลือกหุน้ อย่างไรให้ถกู ตัว จังหวะ การเข้าซื้อเวลาไหนจึงจะเหมาะสม เพือ่ เป็ นกลยุทธ์ การสร้างกาไรจากตลาดหุน้ แห่งนี้
แล้วคุณจะได้รู้
ว่า… นักลงทุนที่ประสบความสาเร็ จระดับโลก อย่าง วอร์ เรน บัฟเฟต และ จอร์ จ โซรอส นั้นมีอุปนิสัยอะไรที่คล้ายคลึงกัน จากสถิติในอดีตตลาดหุน้ ให้ผลตอบแทน รวมได้มากถึง 600เท่า ซึ่งมากกว่า ทองคา ถึง 7 เท่า เมื่อเทียบกับการลงทุนด้วยเงินเพียงก้อนเดียว นักวิเคราะห์คาดการณ์วา่ เศรษฐกิจจะเป็ นแบบนี้ เราจะเลือกหุน้ ตัวไหนดี จริ ง ๆ แล้วเวลาไม่ได้เกิดวิกฤตร้ายแรงคุณแทบจะไม่ตอ้ งกลัวตลาดขาลงเลย เพราะ ในตลาดขาลงนั้นก็ยงั มีหุน้ ที่ข้ นึ เสมอ เพียงแต่เราต้องหาให้เจอเท่านั้นเอง 5 เทคนิคในการเข้าซื้อหุน้ อย่างไรให้แม่นยา พร้อมเทคนิคขายหุน้ อย่างไรให้ขายหมู น้อยที่สุด กฎ 2 % ช่วยปิ ดประตูเจ๊งให้คุณได้อย่างไร หลักการบริ หารหน้าตัก (Money Management) ที่กองทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลกนิยมใช้ กัน ทฤษฎีหนูตวั ที่ 2 เกี่ยวอะไรกับตลาดหุน้ และช่วยให้นกั ลงทุนรอดพ้นจากการ ขาดทุนได้อย่างไร เพราะอะไร การดูหุน้ เพียงวันละ 5 นาที ก็เพียงพอต่อการทากาไรจากตลาดหุน้ แล้ว
ทันทีที่คุณอ่านจบ…คุณจะรู้วา่ เครื่ องมือที่จาเป็ นสาหรับออกรบในสมรภูมิตลาดหุน้ แห่งนี้น้ นั มี อะไรบ้าง และอะไรที่จะทาให้คนที่ไม่ค่อยมีเวลาอย่างคุณสามารถมาลงทุนในหุน้ ได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องเวลาอีกต่อไป เพราะเวลาของเราเป็ นเงินเป็ นทอง การนัง่ เฝ้ าหุน้ ทั้ งวัน อาจจะทาให้ขาดทุนได้มากกว่ากาไร ...แล้วเวลา 5 นาทีในชีวติ คุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป !! 57 | P a g e
ถ้ าหากคุณสนใจเทคนิค การเทรดแบบ Trend Following สามารถ ไปอ่านผลงานของผม ได้ ใน หนังสือ “เล่ นหุ้นรวยไว เทรดได้ ใน 5 นาที” สํานักพิมพ์ Think Beyond เพิ่มเติมได้ โดยหาซื ้อได้ ตามร้ าน SE-ED นายอินทร์ และ B2S หรื อร้ านหนังสือชันนํ ้ า ได้ เลยครับ
58 | P a g e
ภาคผนวก ของคุณภาพหน้ าปกจาก http://www.clker.com/clipart-10533.html ตาราง
Risk/Reward
จาก Balsara,
Nuazer,
Money Management
Strategies for Future Traders (John Wiley, 1992)
สูตรการคํานวณค่าทางสถิติบางส่วนจาก
Penfold, Brent, The Universal of
Successful Trading (John Wiley, 2009)
59 | P a g e