คำนำ ธรรมชำติเป็นผู้สรรสร้ำงที่ยิ่งใหญ่สำมำรถสร้ำงสิ่งต่ำงๆที่อยู่บนโลกใบนี้ เช่น มนุษย์ ภูเขำ ทะเล มหำสมุทร สัตว์ พืชพรรณนำนำชนิด ซึ่งกำรสร้ำงแต่ละสิ่งก็จะ กระบวนกำรที่แตกต่ำงกันไปควำมลักษณะของสิ่งนั้นๆ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งพืชพรรณ ต่ำงๆ ที่มีมำกมำยอยู่ทั่วไปก็เป็นอีกควำมมหัศจรรย์หนึ่งที่ธรรมชำติได้สร้ำงสรรค์ขึ้น อย่ำงเหมำะสม พืชพรรณนำนำชนิดต่ำงก็มีควำมสวยงำมและเอกลักษณ์เฉพำะแบบ ซึ่งควำม แตกต่ำงของแต่ละสำยพันธุ์ก็เกิดจำกปัจจัยที่ต่ำงกัน เช่น สภำพภูมิอำกำศ ปริมำณกำรรับแสง รวมถึงสภำพภูมิประเทศ ซึ่งจำกปัจจัยต่ำงๆนี้ก็ทำให้เกิดพรรณไม้ ชนิดหนึ่งขึ้นเป็นพรรณไม้ที่มีลักษณะเฉพำะภำยนอกที่โดดเด่นตรงที่มี “หนำม” และ สำมำรถเจริญเติบโตในเขตแห้งแล้งได้ ไม้ชนิดก็คือ “แคคตัส” (cactus) เนื่องจำกแคคตัสเป็นพรรณไม้ที่มีควำมพิเศษและโดดเด่นกว่ำพรรณไม้ชนิดอื่นๆ หลำยประกำร ดังนั้น หนังสือเล่มนี้ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูล ควำมรู้ที่เกี่ยวกับ แคคตัส ไม่ว่ำจะเป็น กำรกำเนิดของแคคตัส กำรเข้ำมำของแคคตัสในประเทศไทย กำรแบ่งสำยพันธุ์ กำรปลูก กำรดูแลแคคตัส ซึ่งทำงผู้จัดทำมีควำมมุ่งหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ทศี่ ึกษำได้อย่ำงเต็มที่
สำรบัญ เรื่อง
หน้ำ
ประวัติควำมเป็นมำของแคคตัส
1
ประวัติควำมเป็นมำของแคคตัสในเมืองไทย
2
ลักษณะทั่วไปของแคคตัส
4
สำยพันธุ์ของแคคตัส
8
กำรปลูกและกำรดูแลแคคตัส
11
โรคและแมลงของแคคตัส
15
ประโยชน์ของแคคตัส
21
หน้ำ 1
มีกำรสันนิษฐำนกันว่ำต้นตระกูลของแคคตัสนั้นเกิดขึ้นในช่วงปลำยของยุค Mesozoic และช่วงต้นของยุค Tertiary ซึ่งเป็นยุคสมัยที่พืชมีดอกได้รับกำรพัฒนำมำก ที่สุด เชื่อกันว่ำในยุคสมัยนั้นแคคตัสมีลำต้นแตกกิ่งก้ำนสำขำผลิใบออกดอกติดผล เหมือนต้นไม้ทั่วไป โดยจะเห็นได้จำกแคคตัสในสกุล Pereskia ซึ่งชนิดที่ปลูกประดับมำก ในไทยได้แก่ กุหลำบเมำะลำเลิงและกุหลำบพุกำม ที่ยังคงมีลักษณะดังกล่ำวอยู่ ในช่วงระยะเวลำนำนหลำยล้ำนปีที่สภำพแวดล้อมของโลกเกิดกำรเปลี่ยนแปลง เกิดมหำสมุทรและทิวเขำขึ้นมำบนพื้นโลก โดยส่วนใหญ่จะอยู่ทำงแถบทิศตะวันตกของ ทวีปต่ำงๆ ซึ่งลมฝนไม่สำมำรถพัดผ่ำนมำทำงด้ำนตะวันออกของทิวเขำได้ ทำให้พื้นที่เริ่ม แห้งแล้งและกลำยเป็นทะเลทรำย พืชพันธุ์ต่ำงๆที่เจริญเติบโตอยู่ในแถบนั้นจึงเริ่มปรับ สภำพของตัวเองเพื่อให้สำมำรถดำรงชีวิตอยู่ในสภำพแวดล้อมที่แห้งแล้งทุรกันดำรนั้น ต่อไปได้ แคคตัสได้พัฒนำโครงสร้ำงของตัวเองให้สำมำรถเก็บสะสมน้ำไว้ภำยในลำต้นมำก ถึง 80–90 % ทำให้ลำต้นอวบอ้วนและสั้นลง รำกส่วนมำกจะอยู่ใกล้ผิวดิน ไม่หยั่งลึกลง ไปมำกนักเพื่อดูดจับน้ำและควำมชื้นในอำกำศได้ง่ำยและที่สำคัญ คือลดขนำดใบไม้ให้ เล็กลงและเปลี่ยนรูปไปเป็นหนำมจำนวนมำก ช่วยพรำงควำมร้อนของแสงอำทิตย์เพื่อ ลดกำรสูญเสียน้ำจำกกำรคำยน้ำของต้น แคคตัสส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกำใต้ พบมำกในพื้นที่แถบทะเลทรำย แต่ก็มีบำงประเภทที่เติบโตอยู่ในป่ำเขตร้อนชื้น ซึ่งแคคตัสกลุ่มนี้มักจะมีลำต้นแบนๆ แตกต่ำงจำกพวกที่อยู่ในทะเลทรำยที่มักจะมีลำต้นกลมๆ ทั้งนี้เพื่อให้มีพื้นที่ในกำรรับ แสงมำกที่สุด นอกจำกนี้ยังมีสำมำรถพบแคคตัสเจริญเติบโตอยู่ตำมบริเวณทุ่งหญ้ำ เกำะ อำศัยอยู่กับต้นไม้ใหญ่ในป่ำชื้น บนภูเขำ หรือแม้กระทั่งริมทะเล
หน้ำ 2 ประวัติความเป็นมาของแคคตัสในเมืองไทย ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่ำมีกำรนำแคคตัสเข้ำมำปลูกเลี้ยงในบ้ำนเรำตั้งแต่เมื่อใด เดิมนั้นเรำรู้จัก แคคตัสแค่เพียงไม่กี่ชนิดเท่ำนั้น ที่เห็นอยู่ทั่วๆไปเช่น เสมำ โบตั๋น และนิยมเรียกต้นไม้กลุ่มนี้ว่ำ ตะบองเพชรหรือกระบองเพชร เนื่องจำกลักษณะของต้นที่เป็นลำสูงยำวคล้ำยกระบองที่มีหนำม ส่องประกำยกระทบแวววำวสวยงำม จำกบทควำมในจุลสำรของชมรมกระบองเพชรแห่งประเทศไทยโดย “กระท่อมลุงจรณ์” กล่ำวไว้ว่ำ “ก่อนปีพ.ศ.2500 แคคตัสได้ถูกนำเข้ำมำจำกต่ำงประเทศโดยผู้รักต้นไม้สกุล ‘สมบัติ ศิริ’ โดยนำมำเผยแพร่ในกลุ่มเพื่อนฝูงด้วยควำมประทับในควำมประงดงำมประหลำดตำ จึงเริ่มมี กำรสั่งเข้ำมำปลูกเพื่อสะสมกันมำกขึ้น ไม่ว่ำจะเป็นคุณสมพงษ์ เล็กอำรีย์ คุณอำรีย์ นำควัชระ และคุณบุษบง มุ่งกำรดี” ควำมนิยมแคคตัสเริ่มแพร่ขยำยเป็นวงกว้ำงทีละเล็กทีละน้อย จนเกิดร้ำน ‘471’ ของคุณ วำส สังข์สุวรรณ ขึ้นที่สนำมหลวง ซึ่งถือว่ำเป็นร้ำนขำยแคคตัสโดยตรงเป็นร้ำนแรกของประเทศ จำกนั้นก็มีร้ำน ‘ลุงจรณ์’ ตั้งอยู่ริมคลองหลอดเกิดขึ้นตำมมำเกิดกลุ่มนักเล่นและนักสะสม แลกเปลี่ยนพันธุ์ไม้ซึ่งกันและกัน โดยมีคุณขจี วสุธำร เป็นนักเล่นคนสำคัญในยุคสมัยนั้น ประมำณปีพ.ศ. 2519 มีกำรสั่งไม้ต่อยอดสีแดง ยิมโนด่ำง และต้น จำกกำรเพำะเมล็ดชนิดอื่นๆ เข้ำมำจำกญี่ปุ่นเป็นจำนวนมำก ส่งผลให้นักเล่นตื่นตัวและให้ควำมสนใจเรื่องกำรต่อยอดแคคตัส มำกขึ้น เริ่มมีกำรเพำะเมล็ดขยำยพันธุ์เองภำยในประเทศ เกิดกำรพัฒนำและผลิตต้นออกสู่ตลำด ได้เพียงพอต่อควำมต้องกำรของกลุ่มนักเล่น ในขณะที่ร้ำนขำยแคคตัสใหญ่ๆ ที่น่ำสนใจก็เกิดขึ้น ตำมมำอีกหลำยร้ำน เช่น ร้ำนพิศพร้อม ร้ำนยุทธนำแคคตัส ร้ำนลินจง เป็นต้น แคคตัสยังคงได้รับควำมนิยมเรื่อยมำ มีกำรสร้ำง Geodesic Dome จัดเป็นสวนแคคตัสขึ้นภำยใน สวนหลวง ร.9 มีตำรำแคคตัสภำษำไทยเล่มแรกโดยสำนักพิมพ์บ้ำนและสวน มีกลุ่มผู้เลี้ยงและผู้ จำหน่ำยขยำยวงกว้ำงครอบคลุมไปกว่ำ 50 จังหวัดของประเทศ รวมทั้งมีกำรพัฒนำยกระดับ คุณภำพ เกิดพันธุ์ลูกผสมใหม่ๆขึ้นเสมอ จนกล่ำวได้ว่ำแคคตัสเป็นต้นไม้ที่ได้รับควำมนิยมมำจนทุก วันนี้
หน้ำ 3
แคคตัส คือ พืชที่จัดอยู่ในประเภทพืชลำต้นอวบน้ำ (Stem succulent )แต่ก็ ไม่ได้หมำยควำมว่ำพืชอวบน้ำทั้งหมดจะเป็น "แคคตัส" เสมอไป พืชที่จะจัดอยู่ในตระกูล ของแคคตัส จะต้องประกอบด้วย ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์ 4 ประกำร คือ เป็นไม้ยืน ต้น เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ออกลูกเป็นผลเซลล์เดียว และ มีตุ่มหนำม ซึ่งตุ่มหนำมนี้จะพบได้ ในพืชตระกูล แคคตำซี (cactaceae) หรือ ตระกูลแคคตัสเท่ำนั้น ลักษณะพิเศษที่สำคัญ อีกประกำรหนึ่งคือ แคคตัสแทบทุกชนิดจะไม่มีใบหรือลดรูปใบกลำยเป็นหนำมหรือขน และแม้ว่ำพืชวงศ์อื่นจะจะมีกำรลดรูปใบและมีหนำมเช่นกัน อย่ำงเช่นพวกยูโฟเบีย (Euphorbia)แต่ก็จะยังมีใบเล็กๆให้เห็นเป็นส่วนใหญ่เพียงแต่อำจหลุดร่วงเร็วไม่ได้ หำยไปเลยเหมือนแคคตัส แคคตัส (Cacti) เป็นภำษำกรีกโบรำณ หมำยถึง พันธุ์ไม้ที่มีหนำม โดย Linnaeus (Carl von Linne’) แพทย์และนักพฤกษศำสตร์ชำวสวีเดน เป็นผู้นำมำใช้เรียกไม้อวบน้ำ ที่มีรูปร่ำงแปลกๆ ไม่มีใบ มีแต่หนำม (ใบที่เปลี่ยนรูปกลำยเป็นหนำม) มีถิ่นกำเนิดในภูมิ ประเทศแห้งแล้ง ทุรกันดำร จึงต้องปรับตัวให้สำมำรถเก็บออมถนอมน้ำไว้ในลำต้น ไว้ใช้ ยำมที่ภูมิประเทศรอบๆ ตัวขำดน้ำเป็นเวลำนำนได้ สังเกตได้ว่ำ แคคตัสมีลักษณะผิดไป จำกไม้ยืนต้นพันธุ์อื่นๆ ที่มีใบและที่ใบมีปำกใบ สำหรับถ่ำยเทอำกำศและคำยน้ำออก ทำ ให้น้ำระเหยออกจำกต้นได้เร็ว เนื่องจำกแคคตัสไม่มีใบ มีแต่หนำม น้ำจึงระเหยออกไป ได้ยำก แคคตัสจึงเก็บถนอมน้ำไว้ได้นำนกว่ำพันธุ์ไม้อื่นและเติบโตได้ดีในที่แห้งแล้ง
หน้ำ 4 ลักษณะทั่วไปของแคคตัส โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักคิดว่ำ ต้นไม้ที่มีหนำมมักเป็นแคคตัสซึ่งในควำมเป็น จริงแล้วแคคตัสบำงสกุล เช่น Lophophora หรือ Astrophytum บำงชนิดก็ไม่มีหนำม แต่ถูกจัดว่ำเป็นแคคตัส ในขณะที่ไม้อวบน้ำ ( succulent ) บำงสกุล เช่น Euphobia ก็ มีหนำมแต่ก็ไม่จัดว่ำเป็นแคคตัส หลักพฤกษศำสตร์กล่ำวว่ำ พืชที่จัดว่ำเป็นแคคตัสหรือ จัดอยู่ในวงศ์ Cactaceae นั้นเป็นไม้ยืนต้นและจะต้องมีบริเวณพื้นที่ที่เรียกว่ำ “ตุ่ม หนำม” บริเวณนี้จะเป็นที่ที่พบกลุ่มของหนำมหรือขนแข็งขึ้นอยู่และเรียงไปตำมแนวซี่ หรือสันสูงของต้นอย่ำงเป็นระเบียบ อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่เกิดตำดอกและแตกกิ่งใหม่ ของต้นอีกด้วย ส่วนในไม้อวบน้ำประเภททที่มีหนำมนั้นหนำมจะขึ้นเดี่ยวๆ กระจัด กระจำยไม่เป็นระเบียบไปรอบๆต้น และไม่พบบริเวณตุ่มหนำมเหมือนแคคตัส อีกทั้งพืช ทั้งสองกลุ่มที่มีหนำมนั้นอยู่กันคนละวงศ์ สิ่งสำคัญคือ ในกลุ่มของ Cactaceae นั้นดอก จะมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกแยกกัน รังไข่จะอยู่ต่ำกว่ำส่วนอื่นๆ ส่วนกลุ่ม Euphobiaceae ดอกจะไม่มีทั้งกลีบเลี้ยงและกลีบดอกและรังไข่จะอยู่เหนือส่วนอื่นๆ ซึ่ง จะเห็นได้ว่ำมีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงสิ้นเชิง ของแคคตัสมีลักษณะอวบน้ำ รูปทรงต่ำงกันไปหลำยแบบตั้งแต่ทรงกลม ทรงกระบอก ไปจนถึงรูปร่ำงคล้ำยกระบอง มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆแตกกอเป็นกลุ่มและ ที่ขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม มีทั้งขนำดเล็กเส้นผ่ำศูนย์กลำงไม่กี่เซนติเมตร ไปจนถึงที่เป็นลูก กลมเส้นผ่ำศูนย์กลำงกว่ำ 1 เมตรหรือเป็นลำต้นสูงใหญ่กว่ำ20เมตรหรือเป็นสำยห้อยลง มำแบบRhipsalis ผิวต้นเรียบเป็นมันคล้ำยเคลือบด้วยขี้ผึ้ง เพื่อช่วยลดกำรสูญเสียน้ำ ของต้น ส่วนใหญ่จะมีสีเขียวเพื่อใช้สังเครำะห์แสงแทนใบสร้ำงอำหำรเพื่อเลี้ยงต้น
หน้ำ 5 ต้นจะประกอบไปด้วยส่วนที่เรียกว่ำ “ตุ่มหนำม” ( areole ) ตุ่มหนำมอำจเรียง ต่อกันอยู่บนแนวซี่หรือสันสูงของต้นที่เรียกว่ำ “สันต้น”(rib) หรือเรียงต่อกันอยู่บนเนิน นูนที่เรียกว่ำ “เนินหนำม” ( tubercles ) ของต้นก็ได้ ถือว่ำเป็นจุดเด่นของแคคตัส เนื่องจำกมีควำมหลำกหลำยทั้งในเรื่องของ รูปร่ำงลักษณะ อำจเป็นขนอ่อนนุ่มคล้ำยขนสัตว์หรือแหลมแข็งอำจจะยำมตรงหรือ ปลำยงอเป็นตะขอ สีสันหลำกหลำยมำกมำยตั้งแต่สีขำว สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตำล ไปจนถึงสีดำ ในบำงครั้งหนำมยังเปลี่ยนสีไปตำมอำยุหรือตำมสภำพและกำรปลูกเลี้ยงได้ อีกด้วย หนำมจะขึ้นเรียงอยู่บนตุ่มหนำม แบ่งหนำมออกเป็น 2 ส่วน คือ - หนำมกลำง (central spine) - หนำมข้ำง (radial spine)
คงนึกกันไม่ออกว่ำแคคตัสมีดอกด้วยหรือ? จริงแล้วแคคตัสจัดเป็นต้นไม้พันธุ์ที่มี ดอกสวยงำมไม่แพ้ต้นไม้ชนิดอื่นเช่น สกุล Epiphyllum หรือที่รู้จักในชื่อของ orchid cacti นอกจำกจะมีดอกที่สวยงำมแล้วแคคตัสบำงชนิดก็มีกลิ่นหอมอ่อนอีกด้วย ดอกของแคคตัสเป็นชนิดไม่มีก้ำนดอกรูปร่ำงลักษณะของดอกมีหลำยแบบเช่น รูปกรวย (funnel- shaped) รูประฆัง (bell-shaped) รูปจำน (dish-like) หรืออำจมี
หน้ำ 6 ลักษณะเป็นหลอด (tubular) มีสีสันสดใสต่ำงกันไปมำกมำย ตั้งแต่สีขำว สีครีม สีเหลือง สีชมพู สีส้ม สีแดง บำงชนิดอำจจะมีสองสีในดอกเดียวกัน ส่วนขนำดของดอกก็จะ ต่ำงกันไปตำมชนิดและพันธุ์ แบ่งลักษณะดอกแคคตัสตำมสมมำตรดอก สำมำรถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ดอกสมมำตรตำมรัศมี (Actinomorphic flower) คือเมื่อแบ่งครึ่งดอกตำม แนวเส้นผ่ำนศูนย์กลำงแล้วทั้งสองด้ำนจะเหมือนกันทุกประกำรและแบ่งได้มำกกว่ำหนึ่ง ครั้ง 2. ดอกสมมำตรด้ำนข้ำง (Zygomorphic flower) คือ เมื่อแบ่งครึ่งดอกแล้วทั้ง สองด้ำนจะเหมือนกันทุกประกำร แต่แบ่งได้เพียงหนึ่งครั้งได้หลำยแนว
ตำแหน่งที่เกิดดอกแคคตัสนั้นมักอยู่ที่บริเวณตุ่มหนำมเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น สกุล Echinocereus ดอกจะเกิดที่บริเวณใกล้ตุ่มหนำมสกุล Mammillaria และ Coryphantha ดอกจะเกิดบริเวณซอกเนินหนำมสกุล Melocactus , Discocactus และ Cephalocereus ดอกจะเกิดอยู่ในกลุ่มหนำมที่บริเวณส่วนยอดของต้น ซึ่งมี ลักษณะเป็นปุยนุ่มสีขำวหรือสีครีม เรียกบริเวณนี้ว่ำ เซฟำเลียม (cephalium)
หน้ำ 7 ลักษณะนิสัยและความชอบ คนส่วนใหญ่คิดว่ำแคคตัสเป็นพืชที่ชอบขึ้นอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีอำกำศร้อนแห้งแล้ง เช่น ในทะเลทรำยแต่ในควำมจริงแล้วแคคตัสสำมำรถเจริญเติบโตได้หลำยพื้นที่ เช่น บริเวณชำยฝั่งทะเลเช่นสกุล Pachycereus ที่ขึ้นอยู่แถบชำยฝั่งทะเลในประเทศเม็กซิโก บริเวณทุ่งหญ้ำ ในป่ำที่มีควำมชื้นสูง ที่ควำมสูงระดับน้ำทะเลไปจนถึงที่ซึ่งมีระดับควำม สูงกว่ำ 4,000 เมตร อำกำศหนำวเย็นอย่ำงเช่นทำงตอนเหนือ และตอนใต้ของ สหรัฐอเมริกำที่อำกำศร้อนแห้งแล้ง เช่น ทะเลทรำย บริเวณที่รำบ แม้แต่ตำมซอกหิน ไหล่เขำ ซึ่งมีดินที่อุดมสมบูรณ์หรือเป็นหินแข็ง นอกจำกนี้ยังพบว่ำมีแคคตัสหลำยชนิดที่ เจริญเติบโตได้โดยอำศัยพืชอื่น เช่น แคคตัสพวก Ephithelanta bokei ที่เจริญเติบโต ขึ้นจำกเมล็ดโดยอำศัยร่มเงำและควำมชื้นจำกพืชในกลุ่ม xerophyte พวก Selaginella lepidophylla ( Resurrection Plant ) จำกที่กล่ำวมำนั้นย่อมแสดงว่ำ แคคตัสสำมำรถ เจริญอยู่ได้ในทุกสภำพพื้นที่และสภำพอำกำศของโลกเกือบทั่วไป ไม่จำกัดเฉพำะแถบ ทะเลทรำยเท่ำนั้นแต่อย่ำงไรก็ตำมแคคตัสแต่ละพันธุ์ก็ย่อมเจริญเติบโตได้ดีใน สภำพแวดล้อมที่เหมำะสมแตกต่ำงกันไป
หน้ำ 8 สายพันธุ์ของแคคตัส ปัจจุบันมีรำยงำนว่ำพืชในกลุ่มแคคตัสมีอยู่ประมำณ 50-150 สกุลมำกกว่ำ 2,000 ชนิด โดยแบ่งออกเป็นกลุ่ม ต่ำงๆ 8 กลุ่ม (ตำมวิธีของ Gordon Rowley จำกหนังสือ The Illustrated Encyclopaedia of Succulents) คือ 1. กลุ่ม Pereskia มีใบแท้จริง ไม่มีหนำมหรือขน แข็งปลำยงอ เมล็ดสีดำ และมีเยื่อหุ้มเมล็ด (aril) ได้แก่สกุล Maihuenia และ Pereskia 2. กลุ่ม Opuntia ใบมีขนำดเล็ก มีหนำมหรือขนแข็งปลำยงอ และมีเยื่อหุ้ม เมล็ด ได้แก่ สกุล Opuntia , Pereskiopsis , Pterocactus , Quiabentia และ Tacinga 3. กลุ่ม Cereus ไม่มีใบ เมล็ดมีสีดำหรือสีน้ำตำล ต้นเป็นทรงกระบอก มีสันและ หนำมมำกมำย ส่วนโคนดอกด้ำนนอกอำจมีหรือไม่มีหนำมปกคลุม ได้แก่สกุล Armatocereus , Arrojadao , Bergerocactus , Brachycereus , Browningia , Calymmanthium , Carnegiea , Cephalocereus , Cereus , Corryocactus , Dendrocereus , Echinocereus , Erdisia , Escontria , Eulychnia , Harrisia , Jasminocereus , Lemaireocereus , Lophocereus , Machaerocereus , Micranthocereus , Monvillea , Myrtillocactus , Neoraimondia , Nyctocereus , Pachycereus , Peniocereus , Pilosocereus , Rathbunia , Stetsonia และ Wilcoxia 4. กลุ่ม Echinopsis คล้ำยกับกลุ่ม Cereus แต่ต้นมีขนำดเล็กกว่ำและผิวด้ำน นอกของดอกที่มีลักษณะเป็นหลอดมักมีขนหรือเกล็ดสั้นๆ ปกคลุม ได้แก่สกุล Acanthocalycium , Arequipa , Arthrocereus , Borzicactus ,
หน้ำ 9 Cephalocleistocactus , Chamaecereus , Cleistocactus , Denmoza , Echinopsis , Espostoa , Haageocereus , Hildewintera , Lobivia , Matucana , Mila , Oreocereus , Oraya , Rebutia , Sulcorebutia , Thrixanthocereus , Weberbauerocereus และ Weingartia 5. กลุ่ม Hylocereus คล้ำยกับกลุ่ม Cereus แต่เป็นพวกพืชอิงอำศัย (epiphytic) มีระบบรำกอำกำศ ต้นเป็นสัน หนำมบอบบำง ได้แก่สกุล Aporocactus , Cryptocereus , Deamia , Discocactus, Epiphyllum , Heliocereus , Hylocereus , Mediocactus , Nopalxochia , Pfeiffera , Rhipsalidopsis , Rhipsalis , Schlumbergera , Selenicereus , Weberocereus , Wittia และ Zygocactus 6. กลุ่ม Melocactusคล้ำยกับกลุ่ม Neopoteria โคนหลอดดอกมีปุยหรือไม่มีก็ ได้ แต่จะมีหนำมขึ้นปกคลุม ดอกเกิดบนเซฟำเลียมยกเว้นสกุล Buiningia ที่ดอกจะเกิด ที่ด้ำนข้ำงของเซฟำเลียม ได้แก่ Buiningia , Discocactus และ Melocactus 7. กลุ่ม Neopoteriaต้นขนำดค่อนข้ำงเล็ก ทรงกลมแป้นหรือทรงกระบอก ต้น เป็นสันเห็นได้ชัดเจน โคนหลอดดอกมีปุยนุ่มและมีหนำม ได้แก่สกุล Austrocactus , Blossfeldia , Eriosyce , Frailea , Neoporteria , Notocactus , Porodia , Uebelmannia และ Wigginsia 8. กลุ่ม Echinocactus แต่ดอกจะเกิดบริเวณตอนกลำงของด้ำนบนสุดของต้น และไม่มีเซฟำเลียม ได้แก่สกุล Ancistrocactus , Ariocarpus , Astrophytum , Aztekium , Cochemiea , Coloradao , Copiapao , Coryphantha ,Dolichothele , Echinocactus , Echinomastus , Escobaria , Ferocactus , Gymnocalcium , Hamatocactus , Homolocephala , Islaya , Leuchtenbergia , Lophophora , Mamillopsis , Mammillaria, Neobesseya , Neogomesia , Neolloydia ,
หน้ำ 10 Ortegocactus Pediocactus , Pelecyphora , Sclerocactus , Solisis , Strombocactus , Thelocactus , Toumeya และ Utahia
หน้ำ 11 การปลูกและการดูแลแคคตัส
ก่อนที่จะพูดถึงวิธีกำรปลูกและดูแลรักษำแคคตัสนั้น เรำมำดูวิธีกำรเลือกซื้อ แคคตัสกันก่อนดีกว่ำ หลักพิจำรณำเลือกซื้อแคคตัสควรสังเกตจำกสิ่งต่ำงๆ ดังนี้ - ผิวต้นเต่งตึงและมีสีสันสดใส ไม่มีรอยแผลหรือตำหนิ - หนำมควรกระจำยตัวอย่ำงสม่ำเสมอ และไม่หักเสียหำย - วัสดุปลูกต้องสะอำด ไม่มีแมลง เชื้อรำหรือวัชพืช เพรำะนั่นแสดงว่ำต้นได้รับ กำรดูแลมำอย่ำงดี การปลูกแคคตัส ดินที่ใช้ในกำรปลูกแคคตัส มีหลำยคนคิดและเข้ำใจว่ำแคคตัสเป็นพืชทะเลทรำย จึงน่ำจะเติบโตได้ดีในทรำย หรือดินทรำย แต่ควำมจริงแล้วแคคตัสก็ต้องกำรดินหรือวัสดุปลูกที่มีลักษณะไม่ต่ำงไป จำกต้นไม้อื่นๆ วัสดุปลูกของแคคตัสควรมีลักษณะ - โปร่ง ร่วนซุย เพื่อให้รำกเติบโตแผ่ขยำยออกไปได้ - ระบำยน้ำได้ดี ไม่เปียกและอุ้มน้ำอยู่ตลอดเวลำ แต่ก็ต้องสำมำรถเก็บควำมชื้น ไว้ได้พอสมควร กำรผสมวัสดุสำหรับปลูกแคคตัสเป็นเรื่องที่น่ำสนใจอย่ำงมำกเพรำะแคคตัสแต่ละ ชนิดต้องกำรวัสดุปลูกที่แตกต่ำงกันไป ต้องหมั่นศึกษำทดลองผสมวัสดุปลูกไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้สูตรที่ลงตัวใช้ปลูกแล้วต้นแคคตัสผลิหนำมออกดอกสวยงำมให้ชื่นชม ซึ่งใน
หน้ำ 12 ปัจจุบันวัสดุปลุกที่ใช้ได้ดีมีมำกมำยหลำยสูตร ขึ้นกับควำมเหมำะสมและแหล่งของวัสดุที่ ใช้เป็นส่วนผสม สูตรสำเร็จที่แนะนำมีดังต่อไปนี้ สูตรที่ 1
ดินร่วน 2 ส่วน ทรำยหยำบ 3 ส่วน ถ่ำนป่น 1 ส่วน ใบไม้ผุหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน สูตรที่ 2
ดินร่วน 1 ส่วน ถ่ำนป่น 1 ส่วน ทรำยหยำบ 1 ส่วน
สูตรที่ 3
ดินร่วน 1 ส่วน ถ่ำนป่น 1 ส่วน ทรำยหยำบ 1 ส่วน ใบไม้ผุ ½ ส่วน สูตรที่ 4
ดินร่วน 4 ส่วน ทรำยหยำบ 2 ส่วน ใบไม้ผุ 1 ส่วน ถ่ำนป่น 2 ส่วน อิฐหัก 7 ส่วน
หน้ำ 13 นอกจำกนี้ กำรเลือกใช้วัสดุปลูกควรคำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้งของแคคตัส ประกอบด้วย คือ - ถ้ำตั้งไว้ในร่มที่น้ำระเหยได้ช้ำ วัสดุปลูกที่ใช้ควรระบำยน้ำได้ดี - ถ้ำตั้งอยู่กลำงแจ้งที่น้ำระเหยได้เร็ว วัสดุปลูกที่ใช้ควรอุ้มน้ำได้บ้ำง ข้อแนะนำ * วิธีสังเกตง่ำยๆ ว่ำวัสดุปลูกแคคตัสนั้นร่วนซุยดีหรือไม่ คือหลังจำกรดน้ำแล้ว วัสดุปลูกควรจะแห้งภำยใน 2-3 วัน * ถ้ำหำกต้นผลิหนำมใหม่มีสีสดใส แสดงว่ำวัสดุปลูกที่ใช้นั้นใช้ได้ดีและเหมำะสม แล้ว * ทรำยที่นำมำใช้ไม่ควรเป็นทรำยละเอียด เพรำะจะทำให้วัสดุปลูกแน่น * ไม่ควรใช้กรวดเม็ดเล็กแทนทรำย เพรำะจะสะสมควำมร้อนเป็นอันตรำยต่อ ระบบรำกของแคคตัส * เติมปูนขำวและกระดูกเผำป่นผสมลงไปในวัสดุปลูกเล็กน้อยจะช่วยให้ต้น เจริญเติบโตได้ดีขึ้น
วิธีการปลูกแคคตัส เมื่อได้วัสดุปลูกที่มีส่วนผสมที่เหมำะสมและเลือกกระถำงได้แล้ว มีวิธีกำรปลูก ตำมขั้นตอนดังนี้ 1. หำกก้นกระถำงมีรูให้ใช้เศษกระถำงแตกปิดรูไว้ แต่อย่ำปิดให้สนิทเพื่อให้ สำมำรถระบำยน้ำออกได้ 2. ใส่เศษอิฐเผำหักหรือกรวดลงไปให้หนำประมำณเศษหนึ่งส่วนสี่ของควำมลึก กระถำง
หน้ำ 14 3. ใส่วัสดุปลูกแล้วนำต้นลงวำง โดยวำงให้ลำต้นตั้งตรงและอยู่กลำงกระถำง 4. เติมวัสดุปลูกกลบที่โคนต้นให้สูงจำกรำกประมำณ 1 เซนติเมตร ไม่ควรให้ ระดับวัสดุปลูกอยู่ต่ำกว่ำขอบกระถำงมำกเกินไป เพื่อให้ต้นได้รับน้ำและอำกำศอย่ำง พอเพียง 5. ใช้กรวดโรยปิดหน้ำวัสดุปลูกให้ต่ำกว่ำขอบปำกกระถำงเล็กน้อย ข้อแนะนำ * ถ้ำจะนำกระถำงดินเผำใหม่มำใช้ ควรแช่น้ำให้ดูดน้ำเต็มที่เสียก่อน ไม่เช่นนั้น กระถำงจะ ดูดซึมน้ำจำกวัสดุปลูก ทำให้ต้นไม้ได้รับน้ำไม่เพียงพอ * ระยะห่ำงระหว่ำงขอบกระถำงกับผิวต้นแคคตัสควรมีพื้นที่เหลือไม่น้อยกว่ำ 2.5 เซนติเมตร * ขณะนำต้นลงปลูกอำจใช้กระดำษพันต้นเพื่อป้องกันอันตรำยจำกหนำมและ ป้องกันมิให้หน่อหรือต้นกระทบกระเทือน * กรวดหรืออิฐขนำดเล็กที่โรยปิดหน้ำวัสดุปลูกนั้นมีประโยชน์ดังนี้ - ป้องกันมิให้หน้ำดินแห้งเร็วจนเกินไป - ป้องกันไม่ให้วัสดุปลูกกระเด็นขณะรดน้ำ - ป้องกันไม่ให้วัชพืชขึ้น * ไม่ควรเลือกใช้กรวดที่มีสีฉูดฉำดจนเกินไป เพรำะจะเด่นกว่ำต้น * ไม่ควรใช้กรวดจำกหินปูน เพรำะจะทำให้ดินเค็มเกินไป * หำกวัสดุปลูกยุบลงไป ควรหมั่นเติมอยู่เสมอ เพื่อมิให้รำกโผล่พ้นดินจนได้รับ ควำมกระทบกระเทือน
หน้ำ 15 โรคและแมลงของแคคตัส โรคที่พบบ่อยๆ โดยปกติแล้วแคคตัสจะไม่ค่อยมีโรครบกวนมำกนัก จะมีก็แต่โรค ที่เป็นสุดยอดปัญหำของแคคตัสคือ โรครำ หรือบำงทีก็เรียกกันว่ำ โรคเน่ำ ที่เกิดจำกกำร เอำใจใส่ดูแลแคคตัสมำกเกินไป สำเหตุ
- รดน้ำมำกเกินไป - อำกำศไม่ถ่ำยเท - วัสดุปลูกแน่นทึบ ไม่ระบำยน้ำ
อำกำร
- ต้นมีรอยแผลถลอกหรือช้ำเน่ำ อำจเป็นจุดสีน้ำตำลหำกไม่รีบ ตัดทิ้งหรือรักษำ จุดจะขยำยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนต้นเน่ำตำยในที่สุด
กำรแก้ไข
- ตัดส่วนที่เน่ำทิ้งไป โดยตัดให้เหนือแผลประมำณ 1-2 นิ้ว ใช้คอปเปอร์ซัลเฟตหรือยำฆ่ำเชื้อรำทำรอยตัดและบริเวณ ใกล้เคียงให้ทั่ว
วิธีกำรป้องกัน - รดน้ำในปริมำณที่พอเหมำะพอดี - ตรวจดูวัสดุปลูกว่ำระบำยน้ำดีหรือไม่ ข้อแนะนำ * อำกำรโคนเน่ำจะรักษำง่ำยกว่ำอำกำรยอดเน่ำ * โรครำมักระบำดในช่วงฤดูฝนที่อำกำศค่อนข้ำงชื้น ควรยกกระถำงแคคตัสเข้ำใน ที่ไม่โดน น้ำฝนหรือทำพลำสติกกันฝนให้ต้นเพรำะน้ำที่ตกค้ำงตำมต้นในช่วงกลำงคืน จะทำให้ สปอร์ของเชื้อรำเติบโตอย่ำงรวดเร็ว
หน้ำ 16 ปัญหำจำกแมลง เพลี้ยแป้ง (Mealy Bug) เป็นแมลงขนำดเล็กศัตรูตัวสำคัญของแคคตัส ลำตัวอ่อนนุ่มปกคลุมด้วยผงสีขำว และไขมัน มักซ่อนอยู่ในบริเวณที่มองเห็นได้ยำกเช่น รอบๆ ฐำนตุ่มหนำม ซอกหนำม โคนต้น และที่รำก อำกำร ดูดกินน้ำเลี้ยงจำกส่วนต่ำงๆ ของต้น ทำให้ต้นหงิกงอเหี่ยวแห้ง ชะงักกำร เจริญเติบโตและอำจตำยได้ในที่สุด วิธีป้องกันกำจัด เก็บทิ้ง ใช้แอลกอฮอล์เช็ดที่ผิวต้น หำกระบำดมำกให้ฉีดพ่นด้วย สำรประเภทดูดซึมอย่ำงมำลำไธออนหรือไพรีทรอยด์ทุก 7-10 วัน เพลี้ยแป้งที่ราก (Root Medly Bug) เป็นแมลงที่อันตรำย ลักษณะคล้ำยเพลี้ยแป้งมักอำศัยอยู่ที่รำก อำกำร กัดทำลำยระบบรำก ต้นจะเหี่ยวและตำยในที่สุด วิธีป้องกันจำกัด ใช้วิธีเดียวกับเพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย (Scale Insect) เป็นแมลงที่มีรูปร่ำงกลมคล้ำยหัวเข็มหมุด ขับสำรเคมีลักษณะคล้ำยขี้ผึ้งสีน้ำตำล ออกมำเป็นเปลือกแข็งคล้ำยเปลือกหอยหุ้มตัวไว้ มักอำศัยอยู่บริเวณโคนหนำม อำกำร ดูดกินน้ำเลี้ยงจำกส่วนต่ำงๆ ของต้น ทำให้ชะงักกำรเจริญเติบโต วิธีกำรป้องกัน แคะออกด้วยไม้จิ้มฟัน หำกระบำดมำกให้ฉีดพ่นด้วยสำรประเภท ดูดซึมอย่ำงมำลำไธออนหรือนิโคติลซัลเฟต
หน้ำ 17
เพลี้ยอ่อน (Aphids) ลำต้นมีสีเขียว น้ำตำลปนแดงหรือดำ มักเกำะอำศัยดูดกินน้ำเลี้ยงตำมส่วนอ่อนๆ ของต้นหรือที่บริเวณดอก ต้นจะแคระแกร็น เจริญเติบโตผิดลักษณะ เพลี้ยไฟ (Thrips) เป็นแมลงที่มีขนำดเล็กมำก เคลื่อนที่ได้เร็ว อำกำร ดูดกินน้ำเลี้ยงจำกส่วนต่ำงๆ ของต้น ทำให้ผิวต้นซีดเป็นจุดสีขำวหรือสี เหลือง วิธีป้องกันจำกัด ฉีดพ่นด้วยสำรประเภทดูดซึมอย่ำงนิโคตินซัลเฟต ไรแดง (Red Spider Mites) ไรแดงเห็นได้ด้วยตำเปล่ำ โดยจะเห็นเป็นจุกขนำดเล็กสีแดงหรือสีน้ำตำลแห้ง อำกำร ทำให้ต้นชะงักกำรเจริญเติบโต วิธีป้องกันกำจัด ฉีดน้ำไล่หรือฉีดพ่นด้วยสำรประเภทดูดซึม เช่น มำลำไธออน โดยฉีดพ่นทุกๆ 10 วัน ทากและหอยทาก (Snails&Slugs) เป็นศัตรูที่ก่อปัญหำมำกเช่นกัน พวกนี้จะคอยกัดกินต้นไม้ อำกำร กัดกินต้น วิธีป้องกันกำจัด ใช้สำรเคมีที่เป็นผงโรยไล่ทำก หำกมีไม่มำกก็ใช้มือจับออกไป
หน้ำ 18 ข้อแนะนำ * กำรใช้ยำฆ่ำแมลงนั้นจะใช้ต่อเมื่อพบว่ำต้นถูกแมลงรบกวนและจะหยุดใช้ยำ ต่อเมื่อมั่นใจ
ว่ำแมลงเหล่ำนั้นหมดไปจำกต้น
* เพลี้ยแป้งจะขับถ่ำยสำรเหนียวคล้ำยน้ำหวำนที่มดชอบ เพลี้ยจะเกำะอำศัยมด แพร่ ระบำดไปยังส่วนต่ำงอื่นๆ หรือต้นอื่นๆ * เพลี้ยอ่อนจะขับถ่ำยสำรเหนียวคล้ำยกับเพลี้ยแป้ง นอกจำกจะเป็นอำหำรของ มดแล้วยัง เป็นอำหำรที่เหมำะสมต่อกำรเจริญเติบโตของรำดำ (Sooty mold) ด้วย รำดำ จะเกำะ ตำมผิวต้นทำให้ดูสกปรกบังส่วนที่เป็นสีเขียว ทำให้ต้นสังเครำะห์แสงได้น้อยลง * ไรแดงจะระบำดมำกในช่วงที่มีอำกำศร้อน * หำกสังเกตพบว่ำมีรอยสีเงินตำมพื้น แสดงว่ำหอยทำกกำลังจู่โจมแคคตัสอยู่ โดยเฉพำะ ต้นที่อยู่ในที่ร่มที่มีควำมชื้นสูง
อำกำรต่ำงๆของแคคตัส นอกจำกนี้ยังจะมีอำกำรผิดปกติที่มีสำเหตุมำจำกกำรปลูกเลี้ยงที่ไม่ถูกวิธีที่พอ สรุปได้ดังนี้ อำกำร ต้นโตช้ำหรือไม่ค่อยโต
หน้ำ 19 สำเหตุ * น้ำมำกเกินไป * ดินแน่น * รำกเน่ำหรือมีเพลี้ยแป้งที่รำก วิธีแก้ไข * ปรับปริมำณกำรให้น้ำให้เหมำะสม * เปลี่ยนสูตรดินปลูกหรือรื้อปลูกใหม่ * รื้อต้นออกจำกกระถำงตัดแต่งรำกแล้วปลูกใหม่ อำกำร ต้นอ่อนนุ่ม สำเหตุ * ควำมชื้นสูงกินไป วิธีแก้ไข * ลดควำมชื้นตัดส่วนที่อ่อนนุ่มทิ้งแล้วโรยยำกันรำ อำกำร ต้นมีสีเหลือง สำเหตุ * แสงมำกเกินไป * ดินเป็นด่ำง * ขำดธำตุเหล็ก วิธีแก้ไข * ย้ำยที่ตั้งกระถำง
หน้ำ 20 * ปรับปรุงกำรระบำยอำกำศและควำมชื้น * ตรวจสอบและปรับค่ำ pHในดิน * เพิ่มธำตุเหล็กในดิน อำกำร ต้นหรือหนำมมีสีซีดและกร้ำน ไม่สดใส สำเหตุ * รำกเป็นแผล * ปริมำณแสงไม่เหมำะสม * อำกำศไม่ถ่ำยเท วิธีแก้ไข * ตัดแต่งรำก และเปลี่ยนกระถำงใหม่ * ปรับปริมำณแสงให้เหมำะสม * ย้ำยต้นไปไว้ในที่มีลมโกรกอำกำศถ่ำยเท อำกำร ไม่ออกดอกหรือออกดอกน้อย สำเหตุ * ต้นได้รับไนโตรเจนมำกเกินไป * ได้รับแสงไม่เพียงพอจะแตกตำดอก วิธีแก้ไข * ลดปริมำณไนโตรเจนเพิ่มฟอสฟอรัส * ย้ำยที่ตั้งให้ได้รับแสงมำกขึ้น
หน้ำ 21 อำกำร ดอกไม่บำนหรือเหี่ยวก่อนบำน สำเหตุ * อุณหภูมิต่ำเกินไปหรือมีกำรเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่ำงรวดเร็วเป็นระยะ วิธีแก้ไข * ย้ำยกระถำงไปตั้งในที่ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น อำกำร ต้นเป็นรอยย่น สำเหตุ * เป็นกำรพัฒนำของต้นบำงชนิดขึ้นตำมอำยุ
ประโยชน์ของแคคตัส ปัจจุบันนี้มีผู้ปลูกเลี้ยงแคคตัสกันอย่ำงกว้ำงขวำงมำกยิ่งขึ้น ทั้งนี้คงจะ เนื่องมำจำกลักษณะทรงต้นของแคคตัสที่แตกต่ำงไปจำกพืชอื่นๆ คือ มีหนำมขึ้นโดยรอบ ต้นกำรเรียงตัวของหนำมที่เป็นระเบียบสวยงำมอย่ำงเช่น Mammillaria หรือ AStrophytum asterias ที่มีลักษณะตุ่มหนำมเป็นปุยนุ่มเรียงตัวอย่ำงเป็นระเบียบ เป็น ต้น และนอกจำกทรงต้นของแคคตัสที่แปลกตำต่ำงจำกพืชอื่นๆแล้ว แคคตัสยังเป็นพืชที่ มีดอกสวยงำมสีสันของดอกสดใสดึงดูดสำยตำ ไม่ว่ำจะเป็นดอกสีแดงสดของ Submatucana caliantha หรือดอกสีขำวสะอำดของ Obregonia denegrii หรือสี อื่นๆ ไม่ว่ำจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีม่วงหรือสีส้มสด รวมทั้งรูป ทรงของดอกที่ แตกต่ำงกันออกไป แคคตัสบำงสกุลเช่น สกุล Mammillaria นั้นจะออกดอกเล็กๆ
หน้ำ 22 พร้อมกันทั้งต้นดูละลำนตำ หรือในสกุล Melocactus ที่จะออกดอกบนบริเวณที่เรียกว่ำ cephalium ซึ่งเป็นลักษณะที่พืชอื่นไม่มี ทั้งรูปร่ำงลักษณะของต้น กำรเรียงตัวของตุ่ม หนำม สีสัน และรูปร่ำงของดอกแคคตัสนี้ คงเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้นิยมปลูกเลี้ยงกัน อย่ำงกว้ำงขวำงในปัจจุบันนั่นเอง อำจกล่ำวได้ว่ำไม่มีแคคตัสสักชนิดเดียวที่มีประโยชน์ทำงเศรษฐกิจที่สำคัญเลย หลำยชนิดที่มีกำรใช้ประโยชน์บ้ำงตำมท้องถิ่นขึ้นอยู่ ตัวอย่ำงเช่น ในพื้นที่ที่ไม่มีต้นใหญ่ นั้น ใช้ลำต้นแห้งของแคคตัสสกุล Cereus ทำเสำปลูกเพิงกระท่อมหรือเสำบ้ำนเตี้ยๆ ได้ ขณะเดียวกัน ในแหล่งที่เลี้ยงสัตว์แต่ไม่มีทุ่งหญ้ำนั้นกิ่งของ Opuntia เมื่อเอำหนำมออก แล้วก็ใช้เป็นอำหำรสัตว์ได้ นอกจำกนั้นกิ่งอ่อนของ opuntia บำงชนิดสำมำรถขจัด หนำมออกได้ง่ำยนำมำทอดรับประทำนในประเทศเม็กซิโกและญี่ปุ่น ส่วนในรัฐเท็กซัส นั้นนิยมนำมำต้มรับประทำนแทนผัก ในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 พวกทหำรเรือที่ออก ทะเลนิยมต้ม Opuntia รับประมำนแทนผัก เนือ่ งจำกสำมำรถเก็บไว้ได้นำนเป็นเดือนอีก ทั้งช่วยป้องกันโรคบำงชนิดได้อีกด้วย ผลของ opuntia ficus-india ซึ่งเป็น Opuntia ที่มีดอกสีเหลืองนั้นสำมำรถ นำมำรับประทำนได้ ผลมีลักษณะคล้ำยลูกแพร์จึงเรียกกันว่ำ pricky pear ผลมีสีต่ำงกัน ไปขึ้นกับพันธุ์เช่น var.iutea ผลสีเหลือง var. rubar ผลสีแดง cv.Asperma ผลเล็กสี เหลืองและมีเมล็ดขนำดเล็ก var.serotima มีผลสีเหลืองแต่ออกผลช้ำกว่ำพันธุ์อื่น หรือ อำจมีชนิดที่ผลมีสีเหลืองอมแดงหรือลำยเหลืองแดงน้ำที่อยู่ในผลจะมีสีเดียวกับเปลือก ภำยในผลมีเมล็ดขนำดเล็กและแข็งแต่จัดว่ำเป็นไม้ผลที่มีรสหวำนอร่อยมำก ผลไม้นี้พบ ในเขตชื้นของสหรัฐอเมริกำแต่นิยมปลูกในเขตกึ่งร้อนและพบว่ำขึ้นตำมธรรมชำติในเขต ประเทศเม็กซิโก เป็นพืชที่ปลูกในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนและแอฟริกำใต้เพื่อส่ง เป็นสินค้ำส่งออก มีขำยทั่วไปในสหรัฐอเมริกำ นอกจำกรับประทำนผลแล้วยังใช้ทำแยม เยลลี่ แผ่นใบใช้เลี้ยงวัวและหมู
หน้ำ 23 นอกจำกชนิดที่กล่ำวมำแล้วยังมีชนิดอื่นๆ ที่รับประทำนได้อีก เช่น O.phaeacantha ผลสีม่วงแดงปลูกแถบนิวเม็กซิโกและรัฐอื่นๆที่ใกล้เคียง จึงมีชื่อสำมัญ ว่ำ New Mexico Pricky Pear หรือ Purple-fruited Pricky Pear หรือพวก O.brasiliansis , O.tuna , O.streptacamtha และ O.cardoma ชำวเม็กซิกันยัง รับประทำนผลของแคคตัสอีกหลำยชนิดเช่นพวก Hylocereus undatus ซึ่งมีผลสีแดง ภำยในมีเนื้อสีขำวและมีเมล็ดสีดำกระจำยทั่วไปผลมีรสหวำน พบว่ำมีปลูกอยู่ในแถบ เอเชียเช่น ที่ประเทศเวียดนำม ซึ่งปลูกขำยผลทั้งภำยในประเทศและส่งไปขำยที่ประเทศ สิงค์โปร์ นอกจำกนี้แล้วยังมีพวก Myrtillocactus geometrizans ซึ่งมีผลขนำดเล็กสีฟ้ำ ขำยกันในตลำดเม็กซิโกมีชื่อเรียกกันว่ำ Garumbullos ผลของ Carnegiea gigantea ก็ ว่ำกันว่ำอร่อยมำกสมกับควำมยำกลำบำกที่ต้องขึ้นไปเก็บบนต้นที่มีควำมสูงกว่ำ 10 เมตรหรือแคคตัสสกุล Echinocereus ที่มีชื่อสำมัญว่ำ Strawberry Cactus นั้นผลมี เนื้อนุ่มรับประทำนและรับประทำนได้ถึงแม้ว่ำผลจะมีหนำมแต่เมื่อสุกผลจะนุ่ม สำมำรถ ขจัดหนำมออกได้ง่ำย Echinocactus ที่ผลมีหนำมปกคลุมอยู่มำกมำยนั้น ภำยในผลจะ ฉ่ำน้ำและมีกลิ่นคล้ำยแตงโม จึงนิยมนำผลไปเชื่อมเป็นขนมชนิดหนึ่งเรียกว่ำ Vizanaga ประโยชน์ของแคคตัสอีกประกำรหนึ่งก็คือนำไปทำเป็นที่พักอำศัยได้ สกุล Cereus นำมำทำรั้วทึบโดยที่คนหรือสัตว์ลอกผ่ำนไม่ได้ สกุลที่เหมำะสมนำมำทำรั้วคือ Pachycereus และ Stenocereus เพรำะเป็นพวกมีลำต้นตั้งตรงมีชื่อสำมัญว่ำ Organ Pipe หรือ Organ Cactus หรือสกุล Opunitia ก็นำมำปลูกทำรั้วเช่นกัน ยังมีแคคตัสอีก ชนิดหนึ่งคือ Lophophora williamsii หรือที่มีชื่อสำมัญว่ำ Peyote Cactus แถบ รัฐเท็กซัสตอนใต้หรือตอนเหนือของประเทศเม็กซิโกเป็นแคคตัสที่ไม่มีหนำม มีรำก คล้ำยๆหัว turnip สีเขียวอมเทำส่วนบนของหัวแบ่งออกเป็น 8 ส่วนและมีเนินนูนซึ่ง เรียกว่ำ Mescal-button คล้ำยๆกระดุมเมื่อแห้งจะเปรำะ แต่จะนุ่มเมื่อถูกน้ำ กำร
หน้ำ 24 นำมำใช้คือ นำหัวมำเฉือนตำมขวำง เนินนูนคล้ำยกระดุมนั้นจะมีสำรที่ทำให้เกิดอำกำร ประสำทหลอน ชำวพื้นเมืองอเมริกันและเม็กซิกันใช้ประกอบพิธีทำงศำสนำมำกว่ำ 7,000 ปีแล้ว Peyote Cactus ประกอบด้วยสำรอัลคำลอยน์ 30 ชนิดมี Mescaline เป็นตัวสำคัญเมื่อใช้แล้วจะมีอำกำรประสำทหลอน รู้สึกตัวเบำ เห็นแสงสีเจิดจ้ำขยำย ม่ำนตำทำให้กล้ำมเนื้อคลำย (ใช้ 10-40 เนินนูน) ถ้ำใช้มำกจะเกิดอันตรำย จำกทั้งหมดที่กล่ำวมำข้ำงต้นจะเห็นได้ว่ำ แคคตัสสำมำรถนำมำใช้ให้เกิด ประโยชน์ได้หลำยด้ำนสรุปได้คือ 1. นำมำรับประทำนเป็นอำหำรเช่น รับประทำนผลสด รับประทำนส่วนของต้นที่ นำมำเปลี่ยนรูปคือ นำมำเชื่อม ต้ม หรือทอด อีกทั้งนำมำใช้เลี้ยงสัตว์ 2. นำมำทำที่พักอำศัย นำมำทำเป็นเสำ ทำแนวรั้วหรือผนัง 3. ใช้ในกำรประกอบพิธีกรรมำทำงศำสนำเช่น พิธีกรรมของชำวพื้นเมืองอเมริกัน และเม็กซิกัน 4. ใช้ในกำรประดับตกแต่งสถำนที่เช่น ตกแต่งกับสวนหินหรือสวนทะเลทรำย 5. ปลูกเลี้ยง สะสมพันธุ์ต่ำงๆให้เกิดควำมเพลิดเพลิน
หน้ำ 25 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจำกแคคตัส แคคตัส ดูดรังสี ปัจจุบันกำรทำงำนหลำยอย่ำงต้องใช้คอมพิวเตอร์ บำงคนถึงกับนั่งหน้ำ คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลำนำนหลำยชั่วโมง ผลที่ตำมมำคืออำกำรเมื่อยล้ำทำง สำยตำ ไปจนถึงขั้นปวดศีรษะ และอำเจียนหลำกหลำยวิธีลดควำมเจ็บปวดจำกกำรใช้ คอมพิวเตอร์นำนๆ มีผลวิจัยจำกต่ำงประเทศเชือ่ ว่ำ ต้นกระบองเพชร หรือตะบองเพชร หรือแคคตัส (cactus) ที่ตั้งหน้ำคอมพิวเตอร์ สำมำรถช่วยลดปัญหำรังสีที่แผ่ออกมำได้ นำยแพทย์ศักดิ์ชัย ใช้จิกจำ จักษุแพทย์ ผอ.มูลนิธิเทียนฟ้ำ อธิบำยว่ำ รังสีอัลตร้ำไวโอ เลต หรือรังสียูวี รังสีเหนือม่วง พบในแสงแดด หลอดไฟ โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์ ซึ่ง อย่ำงหลังคนเรำสัมผัสใกล้ชิดมำกกว่ำอย่ำงอื่น กำรใช้คอมพิวเตอร์นำนๆก่อให้เกิดปัญหำ ระคำยเคืองเยื่อบุตำ เคืองและแสบตำ ส่งผลระยะยำวอำจก่อให้เกิดโรคต้อกระจกเร็ว กว่ำปกติ หรือมีปัญหำประสำทตำเสื่อม “ทีวีไม่ได้ดูรำยละเอียดมำกเท่ำใช้สำยตำเพ่ง คอมพิวเตอร์ ใช้นำนมีปัญหำต่อสำยตำทำให้กล้ำมเนื้อตำล้ำ ปวดศีรษะ อำเจียนถึงขั้น หมดสติ ใช้ติดกันนำนเป็นภำวะสำยตำสั้นเกิดขึ้นชั่วครำว จริงๆไม่ได้สั้น แต่สำยตำ เปลี่ยนแปลงชั่วครำว รู้สึกว่ำสำยตำสั้น” ปัจจุบันคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่มีระบบกรองรังสี แต่เดิมวิธีกำรลดรังสีและแสงจ้ำจำกคอมพิวเตอร์ใช้กำรติดแผ่นกรองแสงรังสี หรือสวม แว่นกันแดดกรองรังสียูวี ซึ่งสำมำรถลดปริมำณรังสีและควำมจ้ำของแสงสว่ำงที่แผ่ ออกมำได้ในระดับหนึ่งเท่ำนั้น กำรติดหรือไม่ติดแผ่นกรองแสงจึงมีผลแตกต่ำงกันไม่มำก เพียงแต่กำรติดแผ่นกรองแสงช่วยให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เกิดควำมสบำยใจ คลำยควำม กังวล พร้อมกันนั้นช่วยลดแสงจ้ำ แสงสะท้อน และไฟฟ้ำสถิต ทำให้อำกำรล้ำของสำยตำ ลดลง
หน้ำ 26 ต่ำงประเทศมีกำรวิจัยและทำกำรทดลองนำกระบองเพชร หรือตะบองเพชร หรือ แคคตัส (cactus) ตั้งหน้ำคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยลดปัญหำต่ำงๆอันเกิดจำกรังสีที่แผ่ ออกมำได้ ในบทควำมเกี่ยวกับควำมเจ็บป่วยจำกจอคอมพิวเตอร์ของโรเจอร์ (Roger Coghill) ได้อ้ำงถึงผลวิจัยของสถำบัน Recherches en Geobiologie ของ สวิตเซอร์แลนด์และนักวิจัยในอเมริกำ ลดรังสีที่ฉำยออกมำโดยทดลองนำต้น ตะบองเพชรควำมสูง 4 เซนติเมตรไปตั้งไว้หน้ำคอมพิวเตอร์ของลูกจ้ำงผู้เคยได้รับควำม เจ็บปวดทุกข์ทรมำนจำกอำกำรปวดหัวและควำมอ่อนเพลีย ผลจำกวิจัยจำกเมืองนอกว่ำหนำมของมันเป็นสื่อดูดรังสีจำกจอโทรทัศน์หรือ คอมพิวเตอร์ อีกอย่ำงคิดว่ำเพรำะเป็นต้นไม้ขนำดเล็กสำมำรถนำไปตั้งไว้ในบ้ำน เพื่อ ควำมสวยงำม เหมำะที่จะนำไปตั้งไว้หน้ำคอมพิวเตอร์ รูปทรงและพันธุ์ของแคคตัสมี มำกมำย พันธุ์ที่สำมำรถดูดรังสีได้คือพันธุ์ที่มีหนำม “แคคตัสมีหลำยประเภท ทั้งแบบที่มี หนำม ไม่มีน้ำ มีใบ เพรำะฉะนั้นตัวที่ดูดรังสีได้น่ำจะมีหนำมค่อนข้ำงมำก หนำมเป็นสื่อ ที่จะดูดรังสี ลักษณะโดยรวมของแคคตัสมีหนำมเยอะอยู่แล้ว ถ้ำมีหนำมมำกน่ำจะดูด รังสีได้มำก” กระทั่งแคคตัสที่มีหนำมก็ยังมีหลำยพันธุ์ตั้งไว้ละลำนตำให้เลือก อย่ำงไรก็ ตำมพันธุ์ที่คนส่วนใหญ่กำลังนิยมมีชื่อว่ำถังทอง “ดำวล้อมเดือน" พันธุ์เบสิกดั้งเดิม ภำษำชำวบ้ำนเรียกว่ำนแม่ลูกดก ต้นมีหน่อเป็นวงเหมือนมีลูกเยอะๆ พันธุ์พื้นๆที่คนซื้อ ไปก็มีมะนำวหิน เมโล ยิมโน แต่ที่กำลังนิยมตอนนี้ได้แก่ ถังทอง เป็นไม้ทรงกลมขนำด ใหญ่ต้นยิ่งโตยิ่งสวย หนำมมีสีทองคลุมรอบต้น โตเต็มที่เส้นผ่ำศูนย์กลำงเมตรครึ่ง-2 เมตร บ้ำนเรำที่เลี้ยงกันอยู่นิยมขนำด 5 นิ้ว-6 นิ้ว ใช้เวลำปลูก 3-4 ปี”รำคำและควำม สวยงำมเป็นปัจจัยหลักที่คนตัดสินใจเลือกซื้อ “ไม้ตลำดพื้นๆ ต้นเล็กสวยงำม มีดอก รำคำไม่แพงตั้งแต่ 10 บำท 20 บำท ไม่เกิน 100 บำท เกินจำกนี้เป็นไม้ของนักเล่น ดูด ได้จนกว่ำต้นตะบองเพชรจะตำย
หน้ำ 27 สำหรับจักษุแพทย์ศักดิ์ชัยแสดงควำมเห็นส่วนตัวว่ำกำรที่ตะบองเพชรสำมำรถดูด รังสีได้นั้นน่ำจะเป็นเพรำะว่ำ “พืชสีเขียวมีคลอโรฟิลล์รับแสงแดดอยู่แล้วในกำรปรุง อำหำร ตะบองเพชรมีสีเขียวมีโอกำสดูดซับรังสีจำกคอมบำงส่วน แทนที่จะกระจำยให้ ผู้ใช้โดยตรงเท่ำนั้น” ไม่ว่ำผลที่ได้จะเป็นอย่ำงไร บำงครั้งกำรได้มองสีเขียวๆของ ธรรมชำติ แม้เพียงเสี้ยววินำทีเดียวอำจจะช่วยผ่อนคลำยควำมตึงเครียดของกล้ำมเนื้อตำ ได้บ้ำง มำกกว่ำกำรนั่งแช่หน้ำคอมพิวเตอร์เป็นเวลำนำนๆเพียงอย่ำงเดียว
หน้ำ 28 บรรณำนุกรม กองอำชีวอนำมัยกรมอนำมัยเว็บไซต์ http://cactusbymoo.blogspot.com/2008/02/blog-post.html satori 5.co.uk/word_articles/hrs/terminal_illness_computer_screens.htmlTerminal Illness: Computer Screens http://www.creativeinc.co.uk/em_smog.html ข่ำวและภำพบำงส่วน จำก ; ผู้จัดกำรรำยวัน 14 เมษำยน 2548 ที่มำ :http://www.manager.co.th/Daily