11
22
ค�ำน�ำ การเดินทางไปเที่ยวต่างตังหวัดเป็ นการพักผ่อนที่ดที ี่สดุ อย่างหนึง่ ซึง่ ใครก็สามารถท�ำได้ แต่บางคนจะชอบอ้ างว่าไม่มีเวลา หรื อต้ องใช้ เงินเยอะ รอมีเวลาหรื อรอมีเงินก่อนจึงจะไปเที่ยวต่างจังหวัดสักครัง้ ฉันจึงอยากท�ำหนังสือเล่าประสบการณ์ การเดินทางไปเที่ยวต่าง จังหวัดของฉันเพื่อเป็ นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางไปต่างจังหวัดแบบ ง่ายๆโดยที่ไม่ต้องใช้ เงินเยอะ และใช้ เวลาแค่ 2 - 3 วัน ก็สามารถไปเที่ยวต่าง จังหวัดได้ เป็ นการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดอีกรู ปแบบหนึง่ โดยที่การเดิน ทางไปเที่ยวครัง้ นี ้จะไม่ใช่แค่การไปเที่ยวและถ่ายภาพสวยๆเท่านัน้ แต่จะได้ ประสบการณ์การเดินทางในรูปแบบใหม่เพราะการเดินทางครัง้ นี ้ฉันเลือกเดิน ทางคนเดียวเพือ่ เรียนรู้และใช้ ชวี ติ แบบเรียบง่าย หัดแก้ ปัญหาเฉพาะหน้ าด้ วย ตัวเอง รู้จกั ผู้คนใหม่ๆ สัมผัสกับประสบการณ์มากมายที่จะเกิดขึ ้นรอบตัว จุดหมายปลายทางการเดินทางครั ง้ นี ฉ้ ันเลือกไปจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ซึง่ เป็ นจังหวัดแห่งใหม่ที่ฉนั ยังไม่เคยมีโอกาส ได้ ไปเลยสักครัง้ จังหวัดบึงกาฬอยู่สดุ เขตประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยว สวยงามมากมายที่รอให้ ฉนั ได้ เดินทางไปเก็บประสบการณ์ใช้ ชีวติ และเรี ยนรู้ การเดินทางที่จะสร้ างความประทับใจให้ ฉนั ไปอีกนาน
33
chapter 1 วันที่ 1
สารบัญการ
เดินทาง
ออกเดินทางจากหัวลำ�โพง 6 วันที่ 2 chapter 2 10 ถึงสถานีรถไฟหนองคาย ที่พัก chaper 3
สำ�รวจอำ�เภอเมือง
18
วัดบุพพราชสโมสร
22
แผนที่จังหวัดบึงกาฬ
26
ระหว่างทางไปภูทอก
30
chapter 4
4 44
14
ระหว่างทางบนรถไฟ หอนาฬิกาอ.เมืองบึงกาฬ
8 12
แผนที่ตำ�บลบึงกาฬ
16
ศาลเจ้าแม่สองนาง
20
ัฒนา
วัดภูมิบาลว
24
วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) 28
ทางขึ้นวัดภูทอก
32
ประวัติวัดภูทอก
34
ระหว่างทางลงจากภูทอก
36
chapter 5 กลับถึงอำ�เภอเมือง
chapter 6
38
อาหารมื้อเย็น
40
วันที่ 3
เดินชมเมืองยามเย็น
ถ่ายภาพริมแม่น�้ำโขง
42
46
อาหารมื้อเช้า
ถ่ายภาพอำ�เภอเมือง
44
50
chapter 7 วัดอาฮงศิลาวาส
ประวัติวัดอาฮง
ขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ ประวัติผู้เขียน
52 56
บรรยากาศภายในวัดอาฮง 54
ขึ้นรถไปสถานีร
ถไฟหนองคาย 58
60
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
64
62
555
ง
พ โ � ลำ ว ั ห ก า จ ง า ออกเดินท
66
เริ่ มต้ นออกเดินทางจากหัวล�ำโพงเพื่อไปลงรถไฟที่จงั หวัดหนองคาย แล้ วจึงต่อรถไปยังจังหวัดบึงกาฬเหตุผลทีเ่ ลือกการเดินทางด้ วยรถไฟเพราะการ เดินทางด้ วยรถไฟเพือ่ ไปเทีย่ วสถานทีท่ ไี่ กลออกไปจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพ นันช่ ้ วยให้ เราได้ สมั ผัสบรรยากาศความแตกต่างระหว่างความวุ่นวายในเมือง ถัดออกไปเรื่ อยๆยิ่งรถไฟพาเราไกลจากความวุน่ วายในเมืองมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งพาเราเข้ าใกล้ ความงดงามและความเงียบสงบของธรรมชาติ มากยิ่งขึ ้น ดังนันหากใครเลื ้ อกที่จะเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศการท่อง เที่ยวที่ใกล้ ชิดและได้ พบเห็นความแตกต่างของวิถีชีวิตของผู้คน อยากแนะน�ำ ให้ ลองเลือกเดินทางด้ วยรถไฟดูสกั ครัง้ การเดินทางในครัง้ นี ้จะพาไปเทีย่ วทีจ่ งั หวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย สถานที่สวยงามที่ซอ่ นอยูห่ า่ งไกลออกไป การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬเราจะ ต้ องจองตัว๋ รถไฟเพือ่ ไปลงสถานีจงั หวัดหนองคายโดยฉันเลือกเดินทางตู้รถนอน แอร์ เพื่อให้ การเดินทางขาไปนันสบายและจะได้ ้ มีแรงออกเที่ยวได้ เลยเมื่อถึง จังหวัดบึงกาฬในตอนเช้ าของอีกวันการเดินทางโดยรถไฟผู้เดินทางควรมีวินยั และเผื่อเวลาส�ำหรับรถไฟออกไว้ บ้าง “รถไฟไม่รอเรา เราต้ องรอรถไฟ” ควรจ�ำ ประโยคนี ้เอาไว้ ด้วย ยิ่งหากเดินทางคนเดียว การเผื่อเวลาเป็ นเรื่ องส�ำคัญ เรา จะได้ ไม่พลาด การเดินทางไปแบบสนุกและปลอดภัยจะได้ ประทับใจและอยาก จะออกเดินทางไปเที่ยวได้ อีกหลายๆครัง้ หากเลือกเดินทางคนเดียวและเป็ นผู้ หญิงการรถไฟได้ มีการเพิ่มตู้ Lady ซึง่ จะเหมาะกับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว สา ม าร ถเ ลื อ กจ อง ตั๋ว รถ ไฟ แล ะดูต าร าง เวลาได้ที่ http://www.railw ay.co.th 77
88
ระหว่างทางบนรถไฟ การเดินทางในครัง้ นี ้ฉันเลือกขึ ้นรถไฟเวลา20.00น.รถไฟจะไปถึง จังหวัดหนองคายเวลาประมาณ07.00น. เมื่อขึ ้นรถไฟแล้ วรถไฟออกจริ งๆเวลา20.25น.ดีเลย์ไป25นาทีถือว่า ล่าช้ านิดหน่อยหลังจากขึ ้นรถไฟได้ สกั พักพนักงานบนรถไฟจะมาปูที่นอนให้ ฉันเลือกนอนชันนอนบนเพื ้ ่อเป็ นการประหยัดค่าใช้ จา่ ยเมื่อพนักงานรถไฟปู ที่นอนเสร็จเรี ยบร้ อยแล้ วฉันจึงพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี ้จะได้ มีแรงเดินทางเที่ยวอีก ทังวั ้ น ตื่นเช้ าเวลา05.30น.ที่นี่หนาวมากอากาศ21องศาแต่ส�ำหรับความ รู้สกึ ฉันฉันว่าหนาวกว่าปกติอาจเป็ นเพราะสองข้ างทางมีทงต้ ั ้ นไม้ และป่ าเขา ท�ำให้ ยิ่งหนาว รอเวลารถไฟจะพาเราไปถึงหนองคายในตัว๋ รถไฟบอกเวลาถึงไว้ 07.00น.แต่ ไม่แน่ใจว่าจะดีเลย์อีกหรื อเปล่าเมื่อตอนที่ตื่นมา05.30พึง่ ถึงขอนแก่น 06.15น.แล้ วแต่ยงั มองไม่เห็นแสงแดดเลยนันคงเป็ ้ นเพราะอากาศ ที่หนาวมากแต่ยงั พอมองเห็นสองข้ างทางอยู่บ้างต้ นไม้ และวิวทิวทัศน์ทุ่ง หญ้ าและนาข้ าวที่เราเห้ นอยู่สองข้ างทางสร้ างความประทับใจในแสงแดด อ่อนๆของยามเช้ าท�ำให้ ยงิ่ อยากเห็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางครัง้ นี ้เป็ นอย่างยิ่ง
99
1010
เมื่อถึงสถานีรถไฟหนองคายรถไฟเทียบชาญชาลาจริ งๆเวลา08.00น.ล่าช้ า ไป1ชัว่ โมงเมื่อฉันถึงสถานีรถไฟแล้ วจะต้ องเดินทางไปที่ขนส่งของจังหวัดหนองคาย แต่เมือ่ ถึงสถานีไฟแล้ วพีท่ นี่ งั่ รถไฟติดกับฉันทีเ่ ป็ นคนหนองคายได้ มกี ารสอบถามพูด คุยกันเมื่อเขารู้ วา่ ฉันก�ำลังเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬและจะไปขึ ้นรถตู้ที่ขนส่งพี่เขา จึงอาสาไปส่งฉันที่ขนส่ง แต่ส�ำหรั บผู้ที่เดินทางมาที่สถานี รถไฟหนองคายมีรถ สองแถวบริ การจากสถานีรถไฟไปถึงขนส่งหนองคายเช่นกัน เมื่อถึงขนส่งหนองคายฉันจึงขึ ้นรถตู้โดยสารที่รับส่งระหว่างหนองคายไป จังหวัดบึงกาฬรถตู้ออกจากขนส่งหนองคายเวลา08.20ระหว่างที่รถตู้ก�ำลังพาฉันไป จังหวัดบึงกาฬ ฉันตื่นเต้ นมากที่จะได้ ไปจังหวัดบึงกาฬเป็ นครัง้ แรกที่แรกที่ฉนั จะไป นันคื ้ ออ�ำเภอเมืองของจังหวัดบึงกาฬ รถตู้ใช้ เวลาเดินทางไปสักพักสองข้ างทางทีฉ่ นั เห็นเมือ่ เข้ าเขตจังหวัดบึงกาฬ คือสวนยางตลอดสองข้ างทางที่รถวิ่งผ่านเพราะสวนยางเป็ นพืชเศรษฐกิจหลักของ จังหวดบีงกาฬซึง่ แปลกมากที่ภาคอีสานแห่งนี ้จะสามารถปลูกสวนยางได้ จากการ หาข้ อมูลเบื ้องต้ นจังหวัดบึงกาฬมีพื ้นที่ชมุ่ น� ้ำดินดีจงึ สามมารถปลูกสวนยาง
11 11
หอนาฬิกาอ.เมือง จ.บึง
กาฬ
1212
10.00น.รถตู้ก็พาฉันมาถึงอ.เมืองจ.บึงกาฬรถตู้จอดส่งที่หอนาฬิกาซึง่ จุดนี ้ จะเป็ นจุดจอดรถบริ การ ที่โดยสารระหว่างหนองคาย-บึงกาฬ ควรจ�ำหอนาฬิกาจุด
นี ้ไว้ เพื่อเป็ นจุดหลักในการเดินเที่ยวใน อ.เมืองเนื่องจากเป็ นจุดที่สามารถสังเกตุเห็น ได้ งา่ ย เมื่อลงรถตู้ฉนั จึงเดินหาที่พกั และได้ สอบถามจากพนักงานเซเว่นให้ ข้อมูลว่า เลี ้ยวซ้ ายเข้ าไปซอยซึง่ อยูต่ รงข้ ามหอนาฬิกาจะมีที่พกั อยู ่ ฉันจึงเดินเข้ าไปและเจอกับ ทรายเงินแมนชั่นซึ่งลักษณะด้ านนอกเป็ น อพาร์ ทเม้ นท์ที่ดนู ่าพักมากจึงเข้ าไปสอบถาม ที่พกั ยังว่างอยู่ราคาคืนละ450บาท ถือว่าเหมาะสมและที่พกั ดูแล้ วปลอดภัยมีกล้ องวงจรปิ ดมีคีย์การ์ ดซึง่ ฉันรู้สกึ ว่าที่นี่ เหมาะกับการมาเทีย่ วและสามารถเป็ นอีกหนึง่ ตัวเลือกส�ำหรับทีพ่ กั ในอ.เมืองบึงกาฬ เพราะตัวอพาร์ ทเม้ นท์ก็อยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกาที่เป็ นจุดขึ ้นลงรถส�ำหรับการเดิน ทางไปเที่ยวในอ�ำเภออื่นๆได้ สะดวกอีกด้ วย
13 13
ที่พัก
1414
น ่ ั ช น ม แ น ิ ง เ ย า ทร
ทรายเงิ น แมนชั่น เป็ นอพาร์ ท เม้ น ท์ ที่ มี ข นาดไม่ ใ หญ่ ม ากนัก เมื่อเห็นจากภายนอกแต่ก็ให้ ความรู้ สกึ น่าเข้ าพัก เพราะดูแล้ วสะอาดตา มีระบบรักษาความปลอดภัยทีด่ ี ภายในห้ องพักมีเฟอร์ นเิ จอร์ ครบ ซึง่ เหมาะ มากกับการเดินทางมาเที่ยวและจะหาที่พกั สักที่ มีเตียงนอนส�ำหรับนอนได้ สองคน ตู้เย็น ทีวี โต๊ ะเครื่ องแป้ง ตู้เสื ้อผ้ า มีแอร์ และห้ องน� ้ำก็มีเครื่ องท�ำ น� ้ำอุ่นซึ่งเหมาะมากเพราะช่วงที่ฉันเดินทางมาเที่ยวเป็ นช่วงปลายหนาว แต่อากาศที่จังหวัดบึงกาฬยังค่อนข้ างเย็น อาจเป็ นเพราะที่นี่อยู่ติดริ ม แม่น� ้ำโขงด้ วย ซึง่ ที่พกั ของฉันทรายเงินแมนชัน่ อยูไ่ ม่ไกลจากริ มแม่น� ้ำโขง มากนักสามารถเดินถึงได้ ฉันจึงเก็บกระเป๋ าไว้ ที่นี่ อาบน� ้ำแต่งตัวเพื่อจะไป เดินส�ำรวจอ�ำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ไปเดินดูริมแม่น� ้ำโขง หาอาหารทาน ในตลาดซึง่ อยูไ่ ม่ไกลจากที่พกั
15 15
1616
แผนที่ต.บึงกาฬ
17 17
ง อ ื ม เ อ ภ เ � อำ บ อ ร จ ว สำ�ร
1818
หลังจากอาบน� ้ำแต่งตัวเสร็จเรี ยบร้ อย จึงออกมาเดินส�ำรวจรอบๆทีพ่ กั โดยหลัง จากสอบถามเจ้ าของที่พกั เขาบอกว่ามีตลาดอยูใ่ กล้ ๆและเดินไปทางเดียวกับ ทางที่จะไปริ มแม่น� ้ำโขง ฉันจึงไปที่ตลาดและเดินส�ำรวจอ�ำเภอเมืองไปเรื่ อยๆ พบว่าผู้คนที่นี่ใช้ ชีวิตเรี ยบง่ายมาก มีรถวิ่งน้ อย ตลาดของที่นี่มีร้านขายอยู่ หลายร้ านส่วนใหญ่ขายของประเภทของใช้ เสื ้อผ้ า ส่วนของกินจะเปิ ดเป็ นเวลา เช้ าก็จะมีร้านก๋วยจับ,โจ้ ้ ก กลางวันจะเป็ นอาหารตามสัง่ ,ก๋วยเตีย๋ ว เย็นจะเป็ น ร้ านอาหารชิวๆที่มีดนตรี สดซึง่ จะอยู่ถดั ไปติดริ มโขง ฉันคิดว่าหลังจากเที่ยว เสร็ จวันนี ้จะกลับมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารติดริ มโขง หลังจากเดินส�ำรวจไปเรื่ อยๆสิ่งที่สะดุดตาคือรถสามล้ อของที่นี่ซงึ่ มี เอกลักษณ์แตกต่างจากสามล้ อที่กรุ งเทพ คันจะใหญ่กว่าสีสนั ก็แตกต่างกัน เห็นแล้ วก็แปลกตาดีจงึ อดไม่ได้ ที่จะถ่ายภาพเก็บไว้ เป็ นที่ระลึก อากาศที่นี่แม้ จะเป็ นช่วงเที่ยงๆแต่ก็ไม่ได้ ร้อนเลย สามารถเดินเล่น เดินชิวๆไปเรื่ อยๆได้ หลังจากเดินเล่นและหาอาหารทานเรี ยบร้ อย ฉันจึงสังเกต เห็ น ศาลที่ ตัง้ อยู่ต รงข้ า มกับ ตลาด ตรงกลางสามแยก หน้ า รพ.บึง กาฬ เห็นแล้ วคิดว่าน่าจะเป็ นศาลที่มีความส�ำคัญของที่นี่
19 19
ง า น ง อ ส ่ ม แ า ้ จ เ ล ศา
2020
หลังจากเข้ าไปสักการะและถ่ายภาพศาลเจ้ าแม่สองนาง จึงสอบถามผู้ดแู ลศาล ให้ ข้อมูลว่าศาลเจ้ าแม่สองนางเป็ นศาลคูบ่ ้ านคูเ่ มืองของอ�ำเภอเมืองบึงกาฬและ ผู้ คนที่ นี่ ใ ห้ ความเคารพนั บ ถื อ กั น มากจึ ง ได้ หาข้ อมู ล เพิ่ ม เติ ม เกี่ ย วกั บ ศาลเจ้ าแม่สองนางได้ ข้อมูลว่า ต�ำนานเจ้ าแม่สองนางส่วนใหญ่มีลกั ษณะโครง เรื่ องที่คล้ ายกัน คือ พระธิดาหรื อลูกหลานของเจ้ าเมือง หรื อนักรบ ซึง่ เป็ นพี่น้อง กันหรื อฝาแฝดกัน ล่องเรื ออพยพมาตามแม่น�ำ้ โขง แล้ วเรื อล่มเสียชี วิตใน แม่น�ำ้ โขง ต่อมาวิญญาณได้ ปรากฏให้ ชาวบ้ านตามชุมชนต่าง ๆหรื อเป็ น ผู้ติดตามนักรบไปทางบก ต่อมาเสียชีวิตบ้ าง ต�ำนานเรื่ องเจ้ าแม่สองนางเป็ น เรื่ องเล่าที่สมั พันธ์ กับประวัติการอพยพย้ ายถิ่นของผู้คนและชุมชนที่เคยเป็ น หัวเมืองเก่าในสมัยอาณาจักรล้ านช้ างมาก่อนเกือบทังสิ ้ ้น เรื่ องราวเกี่ยวกับเจ้ าแม่สองนางนอกจากจะเป็ นความเชื่อร่ วมกันของ ผู้คนที่อพยพมาจากนครเวียงจันทน์แล้ วยังสะท้ อนถึงความสัมพันธ์ของกลุม่ ชน ในแต่ละกลุ่มชนว่ามีบรรพบุรุษร่ วมกัน หรื อได้ อพยพหนีภยั สงครามมาจาก นครเวียงจันทน์เหมือนกันและอาจจะอยูใ่ นช่วงสมัยเดียวกัน ชุมชนต่าง ๆ ที่นบั ถือเจ้ าแม่สองนางจึงต้ องบวงสรวงและเซ่นไหว้ เป็ น ประจ�ำทุก ๆ ปี เพื่อแสดงความกตัญญูตอ่ บรรพบุรุษของตนรวมทังการร้ ้ องขอ ความอุดมสมบูรณ์และความสันติสขุ ของชุมชน ในทุกชุมชนยังมีความเชื่อใน ต�ำนานเรื่องเจ้ าแม่สองนางอย่างแนบแน่นและยังถือปฏิบตั กิ ารบวงสรวงเซ่นไหว้ ในช่วงเดือน ๖ กันเป็ นประจ�ำทุกปี ต�ำนานและความเชื่อเรื่ องเจ้ าแม่สองนางใน เขตชุมชนเมืองและจังหวัดมักจะได้ ความสนใจจากกลุม่ นักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะหน่วยงานการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดจะน�ำต�ำนานเกี่ยวกับเจ้ าแม่สอง นางลงในเว็บไซต์ของจังหวัดในเชิงประชาสัมพันธ์สถานที่อนั ศักดิ์สทิ ธิ์ที่ส�ำคัญ ของจังหวัด จึงท�ำให้ ต�ำนานและความเชื่อเรื่ องเจ้ าแม่สองนางได้ รับการเผยแพร่ และเป็ นที่ร้ ูจกั กันอย่างกว้ างขวางทังในเมื ้ องไทยและในประเทศเพื่อนบ้ าน 21 21
วัดบุพพร
าชสโมสร
2222
เดินถัดมาอีกสักพัก ก็เจอกับวัดบุพพราชสโมสรซึง่ เป็ นวัดทีอ่ ยูต่ ดิ ริมแม่น� ้ำโขง เป็ นวัดที่ มีความโดดเด่นสวยงาม และบรรยากาศภายในวัดก็ เงี ยบสงบ เป็ นวัดเล็กๆที่มีเพียงโบสถ์เดียวกับศาลาแต่ก็มีความวิจิตรงดงามโดยเฉพาะ ลวดลายหลังคาโบสถ์ที่มีความสวยงามมาก ฉันจึงหาข้ อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดบุพพราชสโมสรและได้ ข้อมูลว่า วัดบุพพราชสโมสร เดิมชื่อ “วัดศรี มงคล” ชาวบ้ านเรี ยก”วัดกลาง” ตังอยู ้ เ่ ลขที่ 170 บ้ านบึงกาฬ ถนนชาญสินธุ์ หมู่ 1 ต�ำบลบึงกาฬ อ�ำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย โดยคุณตาดวง ได้ ชื ้อที่ดินในราคา 5 บาท แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งสร้ างเป็ นวัด มีเนื ้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 44 ตาราวา นายแดงและนางค�ำป้อง(บุตรสาวคุณตาดวง) ได้ รวบรวมปั จจัยและแรงงานชาวบ้ านร่วมสร้ างพระอุโบสถ โดยใช้ ยางบกผสม ทรายและปูนขาว และได้ ถวายปั จจัยในการสร้ างพระประธานประดิษฐานใน พระอุโบสถเป็ นจ�ำนวนเงิน 700 บาท แล้ วเสร็จในปี 2468 ต่ อ มาในสมัย จอมพล ป. พิ บู ล สงคราม ได้ เ ปลี่ ย นชื่ อ วัด เป็ น “วัดบุพราชสโมสร” อาคารเสนาสนะประกอบด้ วยอุโบสถ ศาลาการเปรี ยญ หอระฆัง กุฏิสงฆ์ จ�ำนวน 3 หลัง เป็ นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 1 หลัง และตึก 2 หลั ง ปู ช นี ย วั ต ถุ มี พ ระพุ ท ธรู ป ปางมารวิ ชั ย 3 องค์ ปั จจุ บั น มี พระครู อุ ทั ย วรคุ ณ เป็ น เจ้ าอาวาส นอกจากเป็ นวั ด ศู น ย์ ก ลางของ พุทธศาสนิกชนได้ มาปฏิบตั ิธรรม ท�ำบุญและกิจกรรมทางศาสนาของชาว บึงกาฬแล้ ว ภายในวัดยังมีโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม แผนกธรรม เปิ ดสอนตังแต่ ้ พ.ศ.2518 และมีหอสมุดอีกด้ วย
23 23
วัดภูมิบาลวัฒนา
2424
เมื่อเดินต่อมาอีกซอย ย้ อนกลับไปทางที่พกั ก็เจอกับวัดภูมิบาลวัฒนาซึง่ อยูไ่ ม่ ไกลจากวัดกลางมากนัก วัดนี ้มีความกว้ างมากกว่าวัดกลาง มีศาลาที่คอ่ นข้ าง ใหญ่และมีโบสถ์ที่สวยงาม ที่โดดเด่นคือพระพุทธรู ปที่ประดิษฐ์ สถานอยู่หน้ า โบสถ์ที่มีความงดงามปรานีตมาก ฉันจึงหาข้ อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดนี ้และได้ ข้ อมูลที่น่าสนใจว่า วัดภูมิบาลวัฒนา ตังอยู ้ ่เลขที่ ๑๖๖ บ้ านบึงกาฬ ถนน ชาญสินธุ์ หมูท่ ี่ ๒ ต�ำบลบึงกาฬ อ�ำเภอเมืองบึงกาฬ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื ้อที่ ๓ ไร่ ๑ งาน ๒๕ ตารางวา อาคารเสนาสนะประกอบด้ วยอุโบสถ ศาลา การเปรี ยญ สร้ าง พ.ศ. ๒๕๒๔ กุฏิสงฆ์ หอระฆัง ปูชนียวัตถุมี พระพุทธรูป โดย องค์พระประธานเป็ นพระพุทธรู ปปรางมารวิชยั อีกทังยั ้ งมีพระแก้ วน้ อยและ พระพุทธรูปทรงเครื่ องปรางมารวิชยั วัดภูมิบาลวัฒนา ชาวบ้ านเรี ยกวัดเหนือ ตังวั ้ ดเมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔ โดยมี นายก�ำนัน ขุนกาล เป็ นผู้น�ำชาวบ้ านสร้ างวัดขึ ้น ได้ รับพระราชทานวิสงุ คามสีมา เมือวันที่ ๑๐ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ปั จจุบนั มีพระอธิการจันทร์ ทองเป็ นเจ้ า อาวาส นอกจากเป็ นวัดศูนย์กลางของพุทธศาสนิกชนได้ มาปฏิบตั ธิ รรม ท�ำบุญ และกิจกรรมทางศาสนาแล้ ว ยังห้ องสมุดภายในวัดเป็ นแหล่งการเรี ยนรู้อีกแห่ง หนึง่ ของชุมชน หลังจากถ่ายภาพและสักการะพระพุทธรู ปเรี ยบร้ อยแล้ วฉันจึงเดินไป ขึ ้นรถตู้ทปี่ ั ม้ ปตท.ซึง่ ต้ องเดินไปค่อนข้ างไกลเพือ่ ขึ ้นรถไปยังวัดเจติยาคิรีวหิ ารซึง่ เป็ นวัดชื่อดังของจังหวัดบึงกาฬ และยังเป็ นสถานที่ทอ่ งเที่ยวส�ำคัญอีกแห่งของ จังหวัดบึงกาฬด้ วย
25 25
2626
แผนที่จังหว
ัดบึงกาฬ
27 27
ร า ห ิ ว ี ร ิ ค า ย ิ ต วัดเจ
2828
29 29
3030
รถตู้มาส่งทีป่ ากทางเข้ าวัดเจติยาคิรีวหิ ารหรือภูทอก ซึง่ ปากทางเข้ าอยูท่ หี่ มูบ่ ้ าน ชัยพร จากตรงนี ้ทีแรกคิดว่ามีรถสามล้ อแต่ปรากฎว่าไม่มี ชาวบ้ านบอกว่าแต่ ก่อนมีรถสามล้ อคอยให้ บริการอยู่ แต่ปัจจุบนั เห็นว่ามีรถกันทุกคน สามล้ อก็เลย ไม่มีเข้ ามา ส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวเหมารถตสามล้ อจากอ�ำเภอเมืองขึน้ ไป 300 บาท ขึ ้นไปแล้ วรอรับนักท่องเที่ยวกลับเลย ตอนแรกฉันเห็นรถสามล้ อจอด เรี ยกนักท่องเที่ยวไปภูทอกแล้ วแต่คิดว่าถ้ าไปคนเดียวจะไม่ค้ มุ จึงเลือกนัง่ รถตู้ แล้ วมาต่อรถเอา แต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ ้นเมื่อไม่มีรถสามล้ อให้ บริ การที่ปาก ทางเข้ า จึงตัดสินใจเดินเข้ า เพื่อหาโบกรถขึน้ ไปภูทอกแทน เดินมาได้ สัก ประมาณ 1 กม. จึงโบกรถคันแรก พี่คนขับชับมาส่งได้ ประมาณ 10 กม. ก็ถงึ บ้ านของพี่คนขับ พี่เขาจึงให้ ฉนั เดินต่อเพื่อหารถโบกไปต่อ ฉันเดินต่อไปเรื่ อยๆ หวังว่าจะมีคนจอดรถรับฉันขึ ้นไป เพราะจากจุดนี ้ก็เดินไปอีกหลายกม. กว่าจะ ถึงภูทอก ในระหว่างทางที่เดินไปเรื่ อยๆ สองข้ างทางเป็ นสวนยางทัง้ หมด ฉันจึงเข้ าไปถ่ายภาพสวนยางและจากทีเ่ คยได้ สอบถามข้ อมูล ชาวบ้ านทีน่ ี่บอก ว่าแต่กอ่ นจังหวัดบึงกาฬก็ปลูกข้ าวเหมือนกับจึงหวัดอืน่ ๆทางภาคอีสาน แต่เมือ่ ประมาณหลายปี ที่ผ่านมาราคายางขึ ้นสูง ชาวบ้ านจึงหันมาปลูกสวนยางกัน เป็ นจ�ำนวนมาก จนยางพารากลายเป็ นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดบึงกาฬ แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบนั ราคายางตกต�่ำลงมาก ชาวบ้ านที่นี่ก็อาจได้ รับผล กระทบเช่นเดียว หลังจากเดินมาได้ สกั พัก ก็มีรถมาจอดเรี ยกฉันขึ ้นรถปรากฎว่าเป็ นลุง กับป้าที่ก�ำลังจะกลับขึ ้นไร่ท่ีอยูบ่ นเขา เลยจากภูทอกไปอีก ลุงกับป้าจึงอาสาไป ส่งฉันที่วดั ภูทอก ฉันดีใจมากที่มีรถมาเรี ยกฉันขึ ้น เพราะถ้ าหากต้ องเดินไป คงไปถึงได้ ยากแน่ๆ ฉันตื่นเต้ นมากๆที่ในที่สดุ แล้ วฉันจะไปถึงภูทอกเสียที 31 31
3232
เมื่อมาถึงวัดเจติยาคิรีวิหาร สิ่งแรกที่ฉันเห็นมาแต่ไกลคือภูทอก ซึ่งจากที่ สอบถามลุงกับป้าที่มาส่ง เขาบอกว่า ภู แปลว่า ภูเขา ภูทอกใช้ เรัยกภูเขาที่มี ลักษณะเป็ นเขาลูกเดียวโดดออกมา เมื่อฉันเดินเข้ ามาในวัดก็เห็นเจดีย์สีทอง โดดเด่นอยู่ที่กลางวัด เป็ นเจดีย์ที่เก็บข้ อมูลประวัติของวัดเจติยาคิรีวิหาร เมื่ อ เดิ น เข้ าไปอี ก หน่ อ ยตรงทางก่ อ นขึ น้ ภู ท อก จะมี ล านพระพุ ท ธรู ป ประดิษฐานอยู่ ฉันจึงเข้ าไปสักการะและถ่ายภาพก่อนขึ ้นภูทอก จริงๆแล้ ววัดเจติยาคิรีวหิ ารแห่งนี ้เป็ นสถานปฏิบตั ธิ รรมมีพระสงฆ์และ พุทธศาสนิกชนที่ศรัทธามาปฏิบตั ิธรรมอยูท่ ี่วดั แห่งนี ้และวัดแห่งนี ้ไม่ใช่สถาน ทีท่ อ่ งเทีย่ วแต่เป็ นสถานปฏิบตั ธิ รรมซึง่ ต่อมา เมือ่ บึงกาฬเปลีย่ นเป็ นจังหวัดนัน้ ทางจังหวัดได้ ประชาสัมพันธ์วดั แห่งนี ้เป็ นสถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิ์คบู่ ้ านคูเ่ มืองอีกแห่ง ของจังหวัดบึงกาฬ นักท่องเที่ ยวจึงนิ ยมมาเที่ ยวและมาสักการะเพื่ อเป็ น สิริมงคล ดังนันหากใครมาสถานที ้ ่แห่งนี ้ต้ องแต่งกายสุภาพและงดใช้ เสียงขระ ขึ ้นภูทอกเพราะที่นี่เป็ นเขตวัดต้ องส�ำรวม กาย วาจา ใจ เมื่ อ เดิ น ขึ น้ ภูท อกมาเรื่ อ ยๆ เนื่ อ งจากที่ นี่ เ ป็ นสถานปฏิ บัติ ธ รรม บรรยากาศจึงเงียบสงบ ให้ ความรู้สกึ สงบ ผ่อนคลาย เมื่อได้ เดินขึ ้นภูทอกนัน้ เหมือนก�ำลังปฏิบตั ธรรมไปด้ วยเพราะต้ องมีสติ สมาธิในทุกย่างก้ าว เนื่องจาก ทางขึ ้นค่อนข้ างล�ำบากจึงต้ องมีสติอยูต่ ลอกดเวลา ในขณะที่ขึ ้นจะมีป้ายสอน ธรรมะเตือนใจอยูต่ ลอดทาง ยิ่งช่วยให้ ได้ ฝึกจิตฝึ กสมาธิได้ มากขึ ้นอีกด้ วย เมื่ อ ขึ น้ มาถึ ง ชัน้ ที่ 5 จะมี ท างแยกอยู่ 2 ทางสามารถขึ น้ ได้ ทัง้ 2 ทาง นักท่องเที่ยวที่ดแู ล้ วน่าจะเป็ นคนแถวนี ้บอกว่าทางขวาจะขึ ้นล�ำบากกว่าแต่ ถ่ายภาพสวยกว่า ฉันจึงต้ องเลือกขึ ้นฝั่ งขวาเพราะอยากเก็บภาพสวยๆแม้ ทาง อาจล�ำบากกว่าก็ตาม 33 33
3434
วั ด เจติ ย าคิ รี วิ ห าร หรื อ ภู ท อก ตั ง้ ขึ น้ เมื่ อ ปี พุ ท ธศั ก ราช 2483 โดยพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ได้ มาบ�ำเพ็ญเพียรอยูท่ ภี่ วู วั อ�ำเภอเซกา จังหวัด หนองคาย คืนหนึง่ ได้ เกิดนิมิตรขึ ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมาก อยูท่ างด้ านภูทอกน้ อย ดังนันพระอาจารย์ ้ จวนกุลเชฎโฐ จึงได้ เดินทางมาพิสจู น์ ตามที่เกิดนิมิตร และได้ พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่ มรื่ น เหมาะที่จะ ปฏิบตั ธิ รรม จึงได้ สำ� รวจ และปั กกรดอยูท่ ี่ ถ� ้ำบนภูทอก กับพระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมา ชาวบ้ านค�ำแคนเห็นพระอาจารย์จวน ธุดงภ์มาอยูท่ ภี่ ทู อก จึงพร้ อมใจ กันอารธนาให้ สร้ างวัด ขึ ้นที่ภทู อก ในปี พุทธศักราช 2512 ชาวบ้ านนาค�ำแคน ได้ มาช่วยกันสร้ างบันได้ ขึ ้นภูทอก จนถึงชันที ้ ่ 5-6 และได้ ปลูกสร้ างเสนาสนะ ส�ำหรับพระสงฆ์อยูถ่ งึ 2 เดือน 10 วัน จึงเสร็จ ในปี พุทธศักราช 2513-2514 พระอาจารย์จวน กุลเชตุโฐ ได้ ชกั ชวน ชาวบ้ าน สร้ างท�ำนบกันน� ้ ้ำขึ ้น 2 แห่ง เพื่อใช้ เก็บกักน� ้ำ และจัดระบบน� ้ำประปา ขึ ้นภายในวัดภูทอก
35 35
3636
วิวบนภูทอกสวยมากสามารถมองเห็นจังหวักบึงกาฬได้ โดยรอบเหมาะมากกับ การขึ ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้ มีนกั ท่องเที่ยวเดินขึ ้นลงอยู่บ้าง แต่คนไม่มากนัก เมือ่ ฉันถ่ายภาพเสร็จเรียบร้ อยแล้ ว เดินลงมาทีท่ างออกหน้ าวัดก็เวลาประมาณ 18.30 น.แล้ ว ซึ่งเย็นมากแล้ วฉันยังไม่ร้ ู เลยว่าจะเดินทางกลับที่พกั อย่างไร ถ้ าต้ องโบกรถกลับอีกคงอันตรายและกว่าจะถึงที่พกั คงมืดมาก แต่พอฉันออก มาปากทางออกวัดก็เห็นร้ านขายของหนึ่งต�ำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์อยู่ จึงเข้ าไป เลือกซื ้อสินค้ าเจ้ าของร้ านได้ สอบถามฉันว่าเป็ นนักท่องเที่ยวรึเปล่า เห็นตังแต่ ้ ตอนมาแล้ วฉันจึงบอกเขาว่าฉันมาเที่ยวที่ภทู อก ขามาก็โบกรถมาจากทางเข้ า ก�ำลังหาทางกลับอ�ำเภอเมืองอยู่ เขาจึงเรี ยกพ่อค้ าอีกฝั่ ง ซึง่ เป็ นรถกระบะขาย ของอยู่หน้ าวัดภูทอกทุกวัน เขาก�ำลังเก็บร้ านและจะออกไปตลาดที่อ�ำเภอ ศรี วิไลซึง่ สามารถต่อรถกลับไปอ�ำเภอเมืองที่พกั ของฉันได้ เขาจึงอาสาพาฉัน ไปส่งที่อ�ำเภอศรี วิไลและฉันสามารถรอรถกลับที่พกั ได้ ฉันจึงขึ ้นรถไปกับเขา มีพ่ีผ้ ชู ายที่เป็ นพ่อค้ า และพี่ผ้ หุ ญิงที่เป็ นแฟนกัน เขาใจดีมาก ชวนคุยและ สอบถามพูดคุยกันตลอดทาง และเขายังขอเบอร์ ตดิ ต่อฉันไว้ กลัวว่าให้ ฉนั รอ รถแล้ วจะตกรถกลับถึงที่พกั ไม่ปลอดภัย ฉันจึงให้ เบอร์ ตดิ ต่อเขาไว้ เมื่อเขามา ส่งฉันที่อ�ำเภอศรี วิไลตรงเซเว่นที่เป็ นจุดรอรถฉันก็ขอบคุณพี่เขา และมายืนรอรถ สักพักก็มีรถทัวร์ มาจอดรับ ฉันนัง่ รถไปสักพักรถก็ไปจอดที่ หอนาฬิกา ฉันเดินกลับที่พกั เป็ นอันส�ำเร็จภารกิจการไปเที่ยวภูทอกในวันนี ้
37 37
3838
39 39
4040
41 41
4242
43 43
4444
45 45
4646
47 47
4848
49 49
5050
51 51
5252
53 53
5454
55 55
5656
57 57
5858
59 59
6060
61 61
6262
63 63
6464