เราทำงานทุกวันสุข new

Page 1

เราทำ�งานทุกวันสุข บุ คคลทั้งสี่ท่ีมีความสุขเป็นเป้าหมายหลักของชี วิต

รวีวรรณ วรินทร์



เราทำ�งานทุกวันสุข รวีวรรณ วรินทร์



เรื่อง

รวีวรรณ วรินทร์ โทร 08-1534-9959 อีเมล์ raweewan.wr@gmail.com

ภาพ

รวีวรรณ วรินทร์ บริหารความสุข : ขอบคุณรูปภาพจาก Mink’s ออกแบบชีวิต : ขอบคุณผลงานภาพถ่ายจาก คุณปิยทัต เหมทัต ปั่นความฝัน : ขอบคุณภาพบางส่ วนจากคุณปิยดา สาครินทร์ สุขเพียงพอ : ขอบคุณภาพบางส่วนจากคุณอนวัช อนันต์

ปก

รวีวรรณ วรินทร์

คณะที่ปรึกษาจุลนิพนธ์

อาจารย์กองทรัพย์ ชาตินาเสียว อาจารย์มัทนา เจริญวงศ์ รศ.ดร.สุกัญญา บูรณเดชาชัย อาจารย์อารีย์ พีรพรวิพุธ อาจารย์สมเกียรติ จันทรสีมา

จุลนิพนธ์ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรปริญญานิเทศศาสตร์บัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์ เอกวารสารและหนังสือพิมพ์ คณะเทคโนโลนีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2557

ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร



สารบัญ บริหารความสุข

ออกแบบชีวิต

คุณมิง้ ค์ เทพสวรินทร์ ตะเพียนทอง

คุณโอ๋ ปิ ยทัต เหมทัต

“สิง่ ที่เป็นอาชีพต้องหาเลีย้ งเราได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น ขณะเดียวกันเราก็ สนุกที่จะท�ำ ไม่ใช่ ตื่นขึน้ มาแล้วไม่ อยากท�ำแบบนัน้ มันจะท�ำร้ายเราไปเรื่อยๆ“

“งานแบบนีม้ ันต้องอาศัยความเป็นตัวตน ยิง่ เป็นตัวตน งานเราก็ยงิ่ แตกต่างเพราะมันไม่มีใครเหมือนใคร ส่วนใหญ่แล้วคนก็จะไปติดกับค่านิยมอะไรต่างๆ ที่มันไม่ให้เราเป็นตัวเอง”

11

31

ปั่นความฝัน

สุขเพียงพอ

คุณแนน นนลนีย์ อึง้ วิวัฒน์กุล

คุณโต้ง อนวัช อนันต์

“พอรักมัน พี่ก็มองเห็นโอกาสจากมัน เห็นช่ องว่าง จากจักรยานเยอะว่าจะต้องโตกว่านี้ เรามองเห็น ความต้องการจากตัวเราเอง”

“วินาทีท่ีจะตายนัน้ เราไม่รู้ตัว เพราะฉะนัน้ ท�ำสิง่ ที่ อยากท�ำให้เต็มที่ปล่อยเวลาไปไม่ได้ ได้ไม่ได้ท�ำไปก่อน อย่างน้อยท�ำแล้วเรามีความสุข”

53

73


เมื่อแรกสงสัย การจัดท�ำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมานั้นเกิดจากความต้องการในการหาค�ำตอบให้กับตัวเองและ เพือ่ นๆทีป่ ระสบปัญหาเดียวกันในค�ำถามทีว่ า่ เราจ�ำเป็นต้องท�ำงานทีเ่ ราไม่ชอบก่อนหรือไม่ ผูใ้ หญ่ หลายคนกล่าวว่าเด็กอย่างเราไม่มีความอดทนมากพอ อาจจะเป็นเช่นนั้น การฝืนใจท�ำ สิ่งใดสิ่ง หนึ่งที่เราไม่ชอบนั้นถือเป็นความจ�ำเป็นต้องท�ำจริงหรือ ในหนังสือ “เราท�ำงานทุกวันสุข”นี้จึงตามหาบุคคลที่พัฒนาสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นอาชีพได้ ด้วยน�้ำพักน�้ำแรงของตนจนสามารถกล่าวได้ว่า พวกเขาประสบความส�ำเร็จในการท�ำให้สิ่งนั้น กลายเป็นงานทีส่ ร้างรายได้เลีย้ งตนเองและครอบครัวได้ ซึง่ ความส�ำเร็จในข้อนีเ้ ป็นเป้าหมายแรก ทีท่ ำ� ให้ทกุ คนประกอบอาชีพ ในเล่มนีไ้ ด้รวบรวมไว้ถงึ บทสัมภาษณ์ของบุคคล 4 คนทีม่ คี วามชอบ แตกต่างกันออกไป คนแรกเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบในงานไม้และเริ่มต้นท�ำอาชีพนี้ด้วยเงินเพียง 5,000 บาท ต่อย อดขยายกลายเป็นเลขเจ็ดหลัก และทัง้ หมดมาจากความชอบในการสร้างสรรค์และออกแบบของ เธอเอง คนที่สองเป็นช่างภาพที่ไม่เคยเรียนถ่ายภาพ ผู้แสวงหาและเรียนรู้สิ่งต่างๆบนโลกด้วยมุม มองที่ต่างออกไปในแบบของเขาเอง

8


ต่อมาเป็นอาชีพทีอ่ สิ ระเหลือจะกล่าว นัน่ คือการปัน่ จักรยาน ไม่ใช่การปัน่ เพือ่ แข่งแต่เป็นการ ปั่นเพื่อชักชวนให้ผู้อื่นร่วมปั่นไปด้วยกัน ในเส้นทางที่แปลกใหม่ ได้รู้จักเมืองเดิมในมุมที่ต่างออก ไปทุกวัน เธอเป็นผู้หญิงที่ท�ำสิ่งที่หลายบอกว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ และสุดท้าย ชายที่รู้จักค�ำว่าพออย่างมีความสุข เขาตอบโจทย์สิ่งที่เขาต้องการในชีวิตอย่าง สมถะ เรียบง่ายแต่ความสุขที่ได้มานั้นครบถ้วนในทุกส่วนที่เขาต้องการอย่างแท้จริง บุคคลทั้งสี่นี้ได้แบ่งปันเรื่องราวการเริ่มต้นท�ำเงินจากความชอบของพวกเขา มุมมองในการ ใช้ชีวิตและท�ำงานที่พวกเขาใช้เพื่อแสวงหาความสุขและเป้าหมายที่ตนได้ตั้งไว้

9



บริหารความสุข มิง้ ค์ เทพสวรินทร์ ตะเพียนทอง


นาฬิ กาหน้าปั ดไม้ สายหนัง สินค้าที่ท�ำให้ร้าน Mink’s กลายเป็นที่รู้จัก

12


เมื่อแรกรัก คนทุกคนย่อมมีหนทางที่เป็นของตนเอง มี ความชอบ มีสิ่งที่บ่งบอกความเป็นเราออกมา และ สิ่งที่จะกลายเป็นข้อได้เปรียบสูงสุดหากรู้ว่าสิ่งที่บ่ง บอกความเป็นเรานั้นคืออะไร คุณมิ้งค์ เทพสวรินทร์ ตะเพียรทอง มีข้อได้ เปรียบนัน้ เธอชืน่ ชอบและหลงใหลในเสน่หข์ องไม้ จน พัฒนามาเป็นเจ้าของแบรนด์ Mink’s สินค้าไลฟ์ สไตล์ แนวมินิมอล ที่เรียบง่ายผสมความน่ารัก ตอนนีเ้ ธอกลับมาท�ำงานทีจ่ งั หวัดระยองซึง่ เป็น บ้านของพ่อแม่ของเธอ พีม่ งิ้ ค์ใช้พนื้ ทีห่ น้าบ้านท�ำเป็น โรงงานขนาดเล็ก วางเครือ่ งจักรและท่อนไม้ มีคนงาน ยืนท�ำงานอยู่ 3 คน ถัดเข้าไปเป็นห้องสตูดิโอที่สร้าง ขึ้นเพื่อเป็นห้องท�ำงาน ในห้องนั้นมีเครื่องจักรขนาด ใหญ่วางอยู่หนึ่งตัว ใกล้ๆกันมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ป้อน ค�ำสั่งงานวางอยู่ ข้างๆกันเป็น ชั้นหนังสือ เก้าอี้และ โต๊ะพร้อมกับของใช้บนโต๊ะทีเ่ ป็นของแบรนด์ mink’s วางขายทั้งหมด เราพูดคุยกันในห้องนั้น

พี่มิ้งค์รู้มาตั้งแต่ยังเด็กว่าตนเป็นคนชอบการ ประดิดประดอย และในขณะเดียวกันก็ชอบภาษา และการค�ำนวณ ท�ำให้เธอเลือกเรียนคณะบริหาร สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยบูรพา แทนการเรียน ออกแบบ เพราะอยากเป็นคนทีส่ ร้างสมดุลในทัง้ สอง แขนงทีช่ อบ และอีกข้อหนึง่ ทีเ่ ธอสังเกตเห็นคือเพือ่ น ที่เรียนออกแบบหลายคนไม่เก่งเรื่องค�ำนวณเอาเสีย เลย เธอไม่ต้องการเป็นแบบนั้น เมือ่ เรียนจบ เธอเลือกท�ำงานเป็น Art Director ของบริษทั โฆษณาขนาดเล็กแห่งหนึง่ เธอมีความสุข ในการท�ำงานทุกๆวันและเมื่องานมั่นคงดีแล้ว ในวัน เกิดของเธอเอง ชายหนุม่ คนรักได้มอบของขวัญเป็นก ระเป๋าทีต่ ดิ แบรนด์วา่ mink’s ความคิดทีจ่ ะท�ำสินค้า ขายภายใต้แบรนด์ชื่อ mink’s จึงเริ่มต้นขึ้น

“ก็แค่อยากท�ำงานทีต่ วั เองชอบ ก็เลยเปิ ดเพจเฟสบุ ค๊ แล้วเองของทีต่ วั เองท�ำมาขายเพราะเปิ ดเพจเฟสบุ ๊คไม่ต้องเสียเงิน” 13


“ของทุกอย่างของ Mink’s เริม่ มาจากความชอบ เป็นคนชอบท�ำอะไรเอง อยากได้อะไรก็ท�ำเอง” หญิงสาวจึงเริม่ สิง่ ทีต่ นชอบอีกแขนงหนึง่ นัน้ คือการขายของแฮนด์เมด เธอเล่าด้วยน�ำ้ เสียงร่าเริงว่า “ตอนนั้นงานประจ�ำก็มั่นคงดี ไม่ได้ไม่ชอบหรือไม่อยากท�ำ เราแค่อยากท�ำสิ่ง ที่ชอบ ก็เลยลงทุนเล่นๆ 5,000 บาทท�ำจิวเวอร์รี่ทองเหลืองมาขาย ผลตอบรับก็ดี แต่ถ้า ขาดทุนมันก็5,000 ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะไม่ได้หวังผลตอบแทนมากมายอยู่แล้ว” สินค้าชิ้นถัดมาที่ท�ำให้แบรนด์mink’sกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเกิดจากความต้องการ นาฬิกาข้อมือหน้าปัดไม้ซงึ่ ขณะนัน้ ในเมืองไทยไม่มขี าย และหากซือ้ จากต่างประเทศก็มรี าคา สูงเกินไป เธอจึงตัดสินใจจะท�ำขึ้นเอง โดยการสอบถามหน้าที่และวิธีการใช้งานเครื่องต่างๆ จากร้านที่ซื้อมา ลองผิดลองถูก จนกระทั่งประสบความส�ำเร็จ ได้นาฬิกาหน้าปัดไม้เรือนแรก สมใจ นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่ท�ำขึ้นเองนั้น ได้รับผลตอบรับเกินคาดเพราะหลายๆคนชื่น ชอบและต้องการ เจ้าของแบรนด์ Mink’sจึงเริ่มท�ำขาย นาฬิกาข้อมือหน้าปัดไม้กลายเป็น สินค้าหลักของร้าน mink’s และสินค้าที่เป็นเครื่องประดับทองเหลืองนั้นถูกน�ำออกเพื่อ ก�ำหนดจุดยืนของแบรนด์ที่จะท�ำสินค้าไม้เป็นหลัก สินค้าตัวแรกที่ผลิตจากไม้ท�ำให้แบรนด์mink’sเป็นที่รู้จักมากขึ้นและท�ำรายได้มาก ขึ้นเรื่อยๆ แต่แรงงานที่ท�ำในขณะนั้นยังคงมีแค่สองคนคือ คนรักและตัวเธอเท่านั้น เมื่อต้อง เร่งงานที่ต้องใช้ฝีมือและความละเอียดอ่อนในการจัดท�ำ ท�ำให้อย่างเดียวที่เพิ่มมากขึ้นคือ เวลาที่ใช้ท�ำและอย่างเดียวที่ลดน้อยลงคือเวลาที่พักผ่อน ช่วงเวลาทดลองหกเดือนที่เปิดร้านmink’s ขึ้นมา เจ้าของแบรนด์ Mink’sตัดสินใจล าออกจากงานประจ�ำทีท่ ำ� อยู่ แม้วา่ จะรูส้ กึ เสียใจและเสียดาย เนือ่ งจากตนเองก็รกั และผูกพัน กับงานนีเ้ ช่นกัน แต่คนเราต้องมีหนทางของตนเข้าสักวัน เธอพิจารณาถึงความชอบในงานไม้ ทีม่ มี าตัง้ แต่ยงั เด็กและรายรับทีม่ ากกว่างานประจ�ำหลายเท่าตัว ทีแ่ น่นอนคือเธอมัน่ ใจว่างาน นี้สามารถพัฒนาไปต่อได้และสามารถสร้างรายได้จากมันได้ 14


พี่มิ้งค์ เทพสวรินทร์ ตะเพียรทอง และคนรัก พี่เบิร์ต เอกชัย กล่อมเจริญ

15


หน้าร้านที่ปิดไปแล้วของร้าน Mink’s พี่มิ้งค์ก็ได้บอกว่าจะเปิ ดอีก อาจต้องใช้เวลาสักพัก

16


ผสมผสาน ช่ วยกัน ลงตัว แม้ว่าพี่มิ้งค์จะไม่ได้เรียนจบมาทางด้านงานไม้ แต่ก็มีความคุ้นเคยกับไม้มาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณตา ของเธอเคยท�ำงานไม้มาก่อน จึงไม่ได้เป็นอุปสรรค ในการเรียนรู้เพิ่มเติม ในส่วนวิชาที่เรียนจบมาหรือ ด้านบริหารนั้น เธอน�ำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจนี้ด้วย ขณะเดียวกันคุณเบิร์ท คนรักของเธอนั้นเรียนจบมา ทางด้ า นการออกแบบผลิ ต ภั ณ ฑ์ ทั้ ง สองคนจึ ง สามารถเติมเต็มในจุดที่บกพร่องของกันและกันได้ เป็นอย่างดี ทั้งสองคนร่วมกันศึกษาและส�ำรวจตลาดเพื่อ การออกสินค้าแต่ละตัวค่อนข้างเยอะเพื่อที่สินค้า แต่ ล ะตั ว นั้ น จะออกไม่ ซ�้ ำ กั บ ของที่ มี อ ยู ่ ใ นตลาด เจ้าของแบรนด์ Mink’s ยังบอกด้วยว่าในช่วงแรกที่ ท�ำนั้นงานไม้ที่เป็นงานคราฟต์ ในเมืองไทยนั้นแทบ จะไม่มีเลย

“มีแรงงานหลักพียงสองคนคือพี่กับคุณเบิร์ท สินค้าที่สั่งมี่เยอะถึง 20 – 30 เรือนต่อวัน แต่เราจัด ท�ำได้แค่ 10 – 20 เรือนต่อวัน ท�ำไม่ทันก็ต้องชี้แจ้ง ให้ลูกค้ารู้ก่อนว่าสินค้าที่สั่งเป็นงานฝีมือที่ละเอียด อ่อน อาจจะต้องรอสักสองสามวัน ซึง่ ลูกค้าส่วนใหญ่ สามารถรอได้”เจ้าของแบรนด์ Mink’s เล่าถึงข้อ จ�ำกัดในการท�ำงานช่วงแรก เมื่อกิจการเติบโตและมีผลก�ำไรมากพอ เธอ และแฟนหนุ่มจึงจ้างช่างคนไทยมาช่วย โดยจะสอน ขัน้ ตอนทุกอย่างแต่แรกเริม่ และงานของ Mink’s จะ เน้นเรื่องฝีมือเป็นส�ำคัญ หากเข็มของนาฬิกาไม่เท่า กันหรืองานไม่เรียบร้อยจะต้องได้รบั การแก้ไข ดังนัน้ สินค้าทุกชิ้นจะได้รับตรวจสอบความเรียบร้อยจาก ทั้งสองก่อนเสมอ

“พี่คงจะไม่เบื่อไม้เพราะมันมีเสน่ห์ ไม้ท่อนเดียวกัน แบบ เดียวกัน ชนิดเดียวกัน ลายมันยังไม่เหมือนกันเลย” 17


“การตลาดของ mink’sจะเน้นไปทางที่เราท�ำแล้วสบายใจหรือ เราจะต้องคิดมาว่าท�ำแล้วสบายใจ” “เราสอนคนงานเองทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย คนทั่วไปก็จะบ่นว่าท�ำไมต้องละเอียด ไม่ชอบท�ำแบบนี้ เพราะพีต่ รวจทุกชิน้ เลย อย่างเข็มไม่เท่ากันเราก็ให้เอาไป แก้ เขาก็บอกว่าหยวนๆเถอะ เราก็ต้องย�้ำว่าไม่ได้ๆ” เธอ กล่าวด้วยรอยยิ้มแต่น�้ำเสียงกลับดูเหนื่อยใจ แม้ว่าจะดูเหมือนร้าน mink’s ไม่ได้ท�ำการตลาด มากนั ก แต่ ห ญิ ง สาวก็ ก ล่ า วว่ า ทุ ก อย่ า งที่ ท� ำ นั้ น ผ่ า น กระบวนการคิดมาอย่างดี ซึ่งทั้งสองคนมองว่า การตลาด ที่ท�ำแล้วสร้างความไม่สบายใจให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเราก็ ไม่ควรท�ำ “พี่เรียนการตลาดก็เอามาประยุกต์ใช้ แล้วพี่ก็ชอบ ศิลปะด้วย อะไรทีเ่ ราไม่สบายใจ เราก็ไม่ทำ� อย่างการตลาด แบบลดแลกแจกแถมหรือบางทีซื้อยอดกดไลค์แบบนี้เรา ไม่ท�ำ คนที่กดไลค์ให้เราทุกคนนั้นเป็นลูกค้าเราจริงๆ เขา ชอบเขาก็แชร์ มันก็เกิดการบอกต่อไปโดยทีส่ บายใจทัง้ เรา

18

และลูกค้า”เจ้าของแบรนด์Mink’sอธิบาย เพราะสินค้าของmink’s นั้นเป็นสไตล์มินิมอลที่ เรียบง่าย ผสมกับความน่ารักจึงเข้าได้บคุ คลทุกเพศทุกวัย คนส่วนใหญ่ที่รู้จักสินค้าของMink’sนั้นโดยส่วนใหญ่จะ มาจากการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ซึ่งในช่วงแรกนั้น คนทีช่ อบงานmink’sจะเป็นเด็กทีเ่ รียนศิลปะ แต่หลังจาก ที่mink’sกลายเป็นที่รู้จักก็มีทั้งรุ่นคุณปู่ไปจนถึงเด็กสิบ ขวบ เจ้าของแบรนด์ Mink’sไม่ได้วางจุดยืนของ mink’s ว่าเป็นสินค้าไม้เพียงอย่างเดียว เธอตั้งใจอยากให้นึกถึง สไตล์ มินิมอลที่ผสมความน่ารักอยู่ในตัวมากกว่า ดังนั้น นอกจากงานไม้แล้ว เธอยังอยากจะท�ำงานเซรามิกซ์ เสื้อผ้า หรือของใช้ประเภทไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยในช่วงนี้พี่ มิ้งค์ก็ได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับเซรามิกซ์โดยการไปเรียน และ ทดลองท�ำเช่นเดียวกับงานไม้


ก้าวผ่านบางสิ่ง เพื่อพบบางสิ่ง สิ่งที่นักออกแบบทั่วไปต้องเจอคือปัญหาการลอกเลียน สินค้า Mink’s เองก็เช่นกันทั้งชื่อที่น�ำไปเปลี่ยนให้คล้ายกัน หรือการน�ำภาพโฆษณาไปใช้ บางครท�ำกระทัง่ น�ำสินค้าทีล่ อก เลียนไปถ่ายที่ร้าน mink’s เลยก็มี แม้ในช่วงแรกๆนั้นเธอจะ รับไม่ได้ แต่เวลาผ่านไปสักพักเธอก็เริ่มมองว่าคนที่เค้าลอก เลียนเราก็เป็นไปเพียงผู้ตามเท่านั้น “มีคนหนึง่ ทีเ่ ขาไม่รแู้ ล้วซือ้ นาฬิกาจากร้านทีล่ อกเราไป เขาก็ไปว่านะว่าเขาเสียความรู้สึกมากเลยซื้อมาแล้วเป็นของ ปลอม แต่พี่เฉยๆแล้ว ก็มีคนรู้จักเราในระดับหนึ่งแล้ว คนก็ เชื่อใจว่าเราเป็นออริจินัล ไม่ได้ลอกใครมา”แม้จะบอกว่า ปล่อยวางแล้วแต่ขณะเล่าก็ยังมีน�้ำเสียงโมโหอยู่บ้างในช่วง แรก

สินค้าของ mink’s นั้นมาจากการคิดค้น ลองผิดลองถูก ถึงแม้วา่ พีเ่ บิรท์ จะเรียนจบมาทางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่สินค้าหลายอย่างก็จ�ำเป็นต้องหาค�ำตอบ คิดค้นวิธีการท�ำ ขึ้นด้วยตนเอง สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคจึงเป็นความรู้ที่ไม่มีอยู่ ในหนังสือ เจ้าของแบรนด์mink’sกล่าวว่า“ของชิ้นหนึ่งต้องท�ำ อะไร ลองท�ำแล้วก็พัง พังแล้วก็กลับมาศึกษาดูใหม่ แกะออก มาดู อย่างทีแ่ ขวนจักรยานหรือนาฬิกาข้อมืออย่างนีใ้ ครจะมา ประกอบเอง ใช่ว่าทุกคนจะรู้เพราะมันไม่มีอยู่ในต�ำราเรียน”

“ถ้ามีคนก็อปไปแล้ว เราก็ก้าวไปอีก ก้าวไปอีก ให้เขาตามเราไม่ได้เพราะ พวกนีก้ ็เป็นได้แค่คนตาม เพราะถ้าเขาคิดได้ก่อนเขาคงน�ำไปแล้ว” 19


“ของชิน้ หนึ่งต้องท�ำอะไรบ้าง ใส่ใจลองแล้วก็พัง ลองแล้วพัง ก็ต้องมาศึ กษา แกะออกมาดู อยากท�ำ แฮนด์จักรยานไม้แบบนี้ ก็ใช่ ว่าทุกคนจะรู้ว่าท�ำอย่างไรเพราะ มันไม่มีในต�ำราเรียน” ปัญหาใหญ่อกี หนึง่ ปัญหาทีเ่ ธอเจอนัน่ เป็นเรือ่ งของเงินทุน เพราะร้าน mink’s นั้นเริ่มต้นด้วยเงินทุนห้าพันบาท และน�ำ เงินที่ได้จากการลงทุนมาต่อยอดซื้อเครื่องมือต่างๆเพื่อการ ท�ำงานที่เร็วขึ้น แม้ว่าปัจจุบันเธอจะสามารถซื้อเครื่องมือจน มูลค่าจาก 5,000 กลายเป็นมูลค่าเกือบ3,000,000 บาทแล้ว แต่ก็ยังคงขาดเครื่องมือเครื่องใช้อีกมาก 20


“พี่เริม่ ต้นแค่ห้าพัน พี่ก็ค่อยๆขยายมัน เรื่อยๆ ที่มีอยู ่ตอนนีก้ ็สามล้านแล้ว พี่ก็ เอาเงินที่ได้จากการขายมาค่อยๆซือ้ ของ” “เครือ่ งจักร เครือ่ งมือมันแพง อย่างเลือ้ ยก็ไม่ได้มแี ค่แบบ เดียว มันมีหลายชนิด ตัวหนึ่งก็50,000 – 100,000 บาท พี่ก็ เอามาจากเงินเริ่มต้น 5,000 นั่นแหละ ค่อยๆมาทยอยซื้อ ตอน นีล้ กู ค้าก็ได้ของเร็วขึน้ กว่าเมือ่ ก่อน ขาดเครือ่ งมืออะไรก็ตอ้ งหา วิธีทดแทนไปก่อน” เจ้าของแบรนด์ Mink’sเล่าพร้อมมองไปที่ เครื่องจักรตัวใหญ่ที่วางอยู่ในห้อง


อยู ่กับความเป็ นจริง คนบางคนกล่าวว่าอย่าน�ำสิง่ ทีต่ นรักมาเป็นอาชีพ เพราะ วันหนึ่งเราอาจจะไม่ชอบมันอีกต่อไป แต่พี่มิ้งค์ไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะหากเป็นสิ่งที่ตนรัก เมื่อตื่นขึ้นจะต้องอยากท�ำ ตื่นเต้น และกระตือรือร้นที่จะได้ท�ำ หากเราไม่ได้ชอบจริงเมื่อเจอ อุปสรรคปัญหาหรือเจองานที่จ�ำเจ เราก็จะเบื่อ แต่ถึงอย่างนั้นอาชีพก็จะต้องเป็นสิ่งที่สามารถเลี้ยงตัว เองได้ ไม่ใช่การเรียกสิง่ ทีเ่ รารักว่าอาชีพแต่ไม่สามารถเลีย้ งตัว เองได้ ซึ่งบางคนอาจจะยังหาไม่พบว่าตัวเองอยากท�ำอะไร ไม่ใช่การตื่นขึ้นมาแล้วไม่อยากท�ำ หากเป็นแบบนี้มันก็จะยิ่ง ท�ำร้ายเราไปเรื่อยๆ อาชีพที่ดีเราควรจะสนุกเมื่อได้ท�ำ

นาฬิ กาหน้าปั ดไม้ท่ีท�ำเพื่อใส่เป็นคู่กัน โดยด้านซ้าย เป็นของผู ้ชาย และต้านขวาเป็นของผู ้หญิง

22

“สิง่ ที่เป็นอาชีพต้องหาเลีย้ งเราได้ โดยที่เรา ไม่ต้องพึ่งคนอื่น แล้วเราก็ชอบที่จะท�ำ ไม่ใช่ ตื่นขึน้ มาแล้วไม่อยากท�ำ แบบนีม้ ันก็จะ ท�ำร้ายเราไปเรื่อยๆ เราต้องสนุกกับมันนะ”


หญิงสาวกล่าวว่า มีคนที่เห็นเรื่องราวของเธอแล้วโทรมาหาว่าอยากลาออกจากงาน เธอก็บอกไปว่า “ชีวิตไม่ได้ง่าย ขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่เกิดมาแล้วจะได้ท�ำสิ่งที่ตนรัก เราไม่ได้เกิดมาด้วยต้นทุนที่เท่ากัน ดังนั้นค่อยๆเริ่มต้นจะดีกว่า ถึง อยากท�ำแต่เราจ�ำเป็นต้องรอบคอบ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกแต่ยังมีปัจจัยอื่นร่วมอีกเช่น ออกมาแล้วจะท�ำอะไร หาเลี้ยงตัวเองได้ หรือเปล่า”

ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะมาต้งแต่เกิดอาจจะแพ้คนที่ทุ่มเท พี่เคยเจอคนเก่งๆที่สุดท้ายก็ใช้ ชีวิตไม่รอด

” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่มิ้งค์ยังคงเลือกที่จะท�ำงานประจ�ำก่อนเพราะ สิ่งที่ได้จากการท�ำงานประจ�ำมีหลายอย่างเช่น เรื่องความอดทน เวลาที่โดนลูกค้าต�ำหนิ หรือความมีวินัย ในการท�ำงานให้เสร็จตามเวลาที่ก�ำหนด มันส่งผลดีต่องานที่เรา ท�ำปัจจุบัน การมีกิจการของตนเองต้องคิดและกดดันมากกว่าเพราะความกดดันมาพร้อมความรับผิดชอบเพราะทุกอย่างเป็นของ เรา เราต้องรับผิดชอบเอง แก้ปัญหาเอง สิ้นเดือนที่เคยร่าเริงเพราะได้เงินเดือน ก็กลายเป็นสิ้นเดือนที่ปวดหัวเพราะ ราย จ่ายต่างๆ “ขึ้นอยู่กับว่า เราจะยอมแลกไหม ถ้าถามเรา งานที่ท�ำตอนนี้ถือเป็นทุกอย่างของชีวิตไปแล้ว”

23


“งานที่ท�ำตอนนีถ้ ือเป็นทุกอย่างของชีวิตแล้ว ตื่นมาก็ท�ำ ก่อนนอนก็เห็น”

เก้าอี้ไม้ เป็นหนึ่งในสินค้าร้าน Mink’s มีทั้งสีเข้มและสีอ่อน 24


ที่แขวนจักรยานของ Mink’s โดยด้านบนสามารถวางของอย่างอื่นได้

25


ส่วนของหน้าบ้านที่เจ้าของแบรนด์ Mink’s เปลี่ยนมาเป็นโรงงาน ชั่ วคราว เพื่อผลิตสินค้า



จัดสรรความสุข ชีวติ ในตอนนีน้ นั้ ต่างจากตอนทีท่ ำ� งานประจ�ำมากเพราะในช่วงนัน้ พีม่ งิ้ ค์ไม่เคยมีเงิน เก็บ เนื่องจากแน่ใจว่าอย่างไรสิ้นเดือนก็จะได้รับเงิน ฉะนั้นเงินเดือนสองถึงสามหมื่นจึงใช้ อย่างไม่มจี ดุ หมายเท่าใดนัก แต่ตอนนีเ้ ธอมีเป้าหมายในการใช้จา่ ยมากขึน้ ต้องเตือนตัวเอง ในเรื่องการใช้เงินว่าจะใช้เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ รวมถึงการใช้ชีวิต เธอก�ำหนดเป้าหมายต่างๆในการใช้ชีวิต เธอไม่ได้คิดที่จะท�ำงาน ไปตลอด เพราะรู้ตัวว่าตนชอบอะไร และได้ท�ำสิ่งนั้นเป็นอาชีพไปแล้วหนึ่งอย่าง อีกอย่าง หนึ่ ง คื อ การเดิ น ทาง เธอเล่ า ว่ า ”จริ ง ๆตอนนี้ ก็ เ ดิ น ทางไปด้ ว ยนะ มี โ ปรเจ็ ค จะท� ำ หนังสือเดินทาง แต่ถ้าพูดถึงจุดที่จะเลิกท�ำงาน อาจจะยากเพราะคงท�ำไปตลอดชีวิต แต่ คงลดลงไปเรื่อยๆตามก�ำลัง” เพราะเรียนจบทางด้านการบริหาร เธอจึงมองชีวิตเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน เจ้าของ แบรนด์Mink’sกล่าวว่า “เราควรจัดสรรเวลาให้เราได้ท�ำสิ่งที่เรารัก ได้อยู่กับมันให้มาก ที่สุด ไม่ใช่แค่การตื่นมาก็ใช้ชีวิตไปวันๆ การที่ต้องอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบนั้นเป็นเรื่องเสีย เวลา” หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว หญิงสาวได้เตรียมพื้นที่ท�ำอีกงานที่เธอรับ นั่นคือการ ถ่ายรูปสินค้าที่ติดต่อให้เจ้าของแบรนด์Mink’s ถ่ายให้ โดยงานนี้พี่เบิร์ท คนรักเป็นผู้ถือ กล้องกดชัตเตอร์และเธอเป็นผูช้ ว่ ยคอยจัดวางสิง่ ของต่างๆรอบโต๊ะ ทัง้ สองช่วยกันท�ำงาน ด้วยรอยยิ้ม

28


ชีวิตคือการจัดสรร ให้เราได้อยู ่กับสิง่ ที่เรารัก ได้ท�ำในสิง่ ที่เราชอบให้ได้มากที่สุด

29



ออกแบบชีวิต โอ๋ ปิ ยทัต เหมทัต


เมื่อแรกค้นพบ พี่โอ๋ ปิยทัต เหมทัต เป็นช่างภาพและเป็นเจ้าของ RMA Institute ซึ่งเป็นสถาน ที่แสดงภาพศิลปะ จัดท�ำเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการถ่ายภาพ เราจึงนัดพูดคุยกันที่นี่ เมือ่ เดินเข้ามาใน RMA institute จะเห็นด้านบนส่วนหลังคานัน้ มีตน้ ไม้ขนึ้ ปกคลุม ท�ำให้อากาศด้านในเย็นสบาย ด้านหน้ามีร้านค้าขายอาหารและเครื่องดื่ม แม้จะอยู่ใน กรุงเทพแต่ทนี่ มี่ สี ไตล์การตกแต่งทีผ่ สมผสานระหว่างเก่ากับใหม่อย่างลงตัว การตกแต่ง ด้วยฉากกัน้ ไม้สานหรือเฟอร์นเิ จอร์สว่ นหนึง่ ทีเ่ ป็นไม้สเี ข้มและ ห้องจัดแสดงภาพทีเ่ ป็น ผนังปูนสีขาวสะอาด ท�ำให้แฝงความเรียบง่ายอยู่ในตัว พี่โอ๋มาด้วยชุดเสื้อยืดและกางเกงที่ดูจะใส่สบาย ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย ท�ำให้ การพบกันครั้งแรกของฉันกับเจ้าของ RMA Instituteไม่มีความกระอักกระอ่วนอยู่เลย เมื่อสอบถามจึงได้ทราบว่า เขาเป็นบุคคลที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ตั้งแต่อายุประมาณ 5-6 ขวบ ชีวิตของเขามีเป้าหมายตั้งแต่ตอนนั้น ขณะที่อายุได้ 13 ปี เขาได้ไปเรียนที่ ประเทศอังกฤษ พร้อมทั้งเรียนต่อปริญญาตรีและโทที่นั่นในสาขา Fine Art ชายหนุ่มเริ่มต้นการถ่ายภาพโดยการถ่ายเพื่อใช้อ้างอิงในงานวาดหรืองานศิลปะ ทีเ่ ขาได้ทำ� ขณะเรียน เมือ่ ได้ลองการถ่ายภาพก็ยงิ่ ติดใจ แต่ถงึ อย่างนัน้ เขาก็ไม่เคยเรียน ถ่ายภาพเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ใช้วิธีการน�ำสิ่งที่เคยเรียนรู้ มุมมองของตน และวิธีการ ใช้กล้อง ซึ่งเขาใช้กล้องฟิล์มเป็นหลัก จึงใช้เวลาศึกษาอยู่นานหลายปี เพื่อให้ถ่ายภาพ ที่มองไม่เห็นภาพตัวอย่าง ดังเช่นกล้องฟิล์มนั้น ออกมาดีได้โดยอัตโนมัติ

“ถ้าเรามาสเตอร์ได้เมื่อไหร่เราถึงคิด แล้วก็ลงทุนกับไอ เดียพวกนี้ เพราะว่าถ้าจะท�ำควบคู่กันนี่มันก็ได้ แต่มัน จะไม่เคลียร์ มันต้องไปเป็นสเต็ป” 32


Piyatat Hemmatat, 11i

33


เขาได้เล่าเกี่ยวกับภาพแรกที่สร้างรายได้ว่า “ เป็นภาพที่ ถ่ายขณะท�ำวิทยานิพนธ์ของปริญญาโทที่ทางแกลเลอร์รี่น�ำไป ขายให้ ก็ได้รับรู้บริบทการหารายได้จากอาชีพนี้เป็นครั้งแรก คือ เราไม่มเี งินเดือน แต่จะไม่ของานใครท�ำ เราต้องท�ำงานให้ออกมา น่าสนใจเพื่อให้คนอยากมาร่วมงานกับเราเอง” เมือ่ เรียนจบ ชายผูน้ ใี้ ช้เวลา 4 ปีในการทดลองท�ำอาชีพช่าง ภาพ และเขามีโปรเจ็คงานทีอ่ ยากจะสานต่อนัน่ คือโปรเจ็คทีเ่ ป็น วิทยานิพนธ์ของปริญญาโท และจัดนิทรรศการภาพถ่ายไปด้วย เมือ่ ถึงจุดหนึง่ ทีเ่ ขาได้รปู มากพอแล้วจึงต้องการลองท�ำไอเดียอืน่ ๆ แต่กลับคิดไม่ออกว่าอยากจะท�ำอะไร จึงตัดสินใจสมัครเขาท�ำงาน บริษัทโฆษณา เพราะเขาต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม

“เราไม่ได้ไปหางาน แต่ท�ำในสิง่ ที่น่า สนใจ ให้คนอยากมาท�ำงานกับเราเอง เป็นวิธีท่ดี ีท่สี ุดส�ำหรับพี่”

34


Piyatat Hemmatat, 28

เจ้าของ RMA institute เล่าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่น�้ำเสียงกลับบ่งบอก ความ คิดถึงว่า “บริษทั โฆษณาทีพ่ ที่ ำ� งานนัน้ มีขนาดไม่ใหญ่มากมีเพือ่ นร่วมงานประมาณ 4-5 คน เพราะฉะนัน้ ทุกคนจึงได้ทำ� ทุกอย่าง พีก่ ไ็ ด้เรียนรูอ้ ะไรหลายๆอย่างทัง้ การออกแบบ กราฟิก งานโปรดักชั่นการถ่ายภาพ ตอนที่พี่ท�ำคนเดียว เราก็ท�ำตามที่เราสะดวก แต่ ท�ำงานบริษัทเราต้องท�ำตามที่ลูกค้าต้องการ ก็เลยได้รู้อะไรหลายๆอย่าง” เมือ่ รูส้ กึ ว่าความรูท้ ไี่ ด้จากการท�ำงานบริษทั มากพอแล้ว พร้อมกับอาม่าของ พีโ่ อ๋ ซึ่งอยู่ที่เมืองไทยนั้นป่วย เขาจึงลาออกเพื่อกลับมาเมืองไทย หลังจากอาม่าเสีย ท�ำให้ เขาเริ่มคิดว่าก�ำลังต้องการความเปลี่ยนแปลงเพราะการอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้นไม่ได้ สร้างแรงจูงใจให้เขาคิดไอเดียใหม่ๆขึ้นมา จึงกลับมาเริ่มท�ำอะไรใหม่ๆที่เมืองไทย ชายผูร้ กั การถ่ายภาพกลับมาตัง้ หลักอีกครัง้ ทีเ่ มืองไทย เขาเอ่ยถึงเหตุผล การก่อ ตั้ง RMA institute ว่า “พี่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีพื้นที่ระหว่างสักเท่าไหร่ ทั้งที่จริงความ เป็นไปได้มันเยอะกว่าที่จะท�ำให้ผู้คนเข้าถึงศิลปะ ซึ่งชีวิตพี่ พี่ก็วางตัว แบบนั้น จะไม่ ขึ้นอยู่กับพรรคไหนหรือว่ากลุ่มใด”

35


RMA Institute จึ ง ก่ อ ตั้ ง ขึ้ น เพื่ อ เป็ น พื้ น ที่ ระหว่างของประเภทแกลเลอร์รี่ต่างๆ เขาน�ำบ้านขอ งอาม่ามาปรับปรุงใหม่เพื่อใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงงาน และท�ำงานอืน่ ๆเพราะอย่างนัน้ จึงตัง้ ชือ่ ว่า อาร์เอ็มเอ อินสติจดู (RMA Institute) หรืออ่านได้อกี แบบว่า อาม่ า อินสติจูด หากสังเกตดูจะพบว่าชื่อนั้นตั้งว่า Institute ซึ่ง แปลว่าสถาบันไม่ใช่แกลเลอร์รี่ เจ้าของ RMA institute ให้เหตุผลว่า “บางครั้งเราก็เรียกตัวเองว่าแกล เลอร์รี่ แต่ทตี่ งั้ ว่าสถาบันเพราะเราไม่ได้ทำ� แค่จดั แสดง

งานศิลปะ เราท�ำพวกเวิร์คช็อป สอนถ่ายภาพ ท�ำ กิจกรรมต่างๆให้คนได้เรียนรูแ้ ละทดลองอย่างต่อเนือ่ ง อย่างนิทรรศการต่างๆ เราก็ได้เรียนรู้โดยตรงกับชีวิต ศิลปินแต่ละคนที่เขาอุทิศตนให้กับงาน” แต่โดยหลักแล้วที่นี่จะจัดแสดงภาพเป็นหลัก โดยจะมีศิลปินน�ำรูปภาพเข้ามาเสนอให้แก่พี่โอ๋เพื่อ คัดเลือกชุดภาพที่เขาดูแล้วเป็นงานที่ท�ำให้สังคมหรือ ผูเ้ สพศิลปะนัน่ เข้ามาดูอย่างต่อเนือ่ งและภาพเหล่านัน้ ต้องถูกสร้างขึ้นอย่างมีคุณภาพและมีความตั้งใจจริง

“เราก็จะให้ใครก็ได้ท่ีอยากจะทดลองหรือสร้างสรรค์ ให้เขามีพนื้ ที่ได้ท�ำ”

36


ด้านหน้าของ RMA Intitute อาจคล้ายคาเฟ่ แต่เมื่อเดินเข้าไปทางซ้ายจะ เป็นห้องจัดแสดงภาพ และขวามือเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม

37


ดีท่สี ุด พีโ่ อ๋ไม่จำ� กัดความสามารถของตนให้เป็นช่าง ภาพแขนงใดแขนงหนึง่ เพราะเขาเชือ่ ว่าหากมีความ คิด หรือความสามารถในออกแบบมุมมองได้แล้ว ควรจะน�ำมาใช้ได้กับทุกๆสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในเวลา ใดก็ได้ ภาพมีภาษาที่จะสื่อสารกับเรา โดยงานของ เขานั้นจะมีความเก่าผสมกับความใหม่อยู่ในเวลา เดียวกัน และเป็นเพราะเมื่อเริ่มใช้กล้องนั้นชาย หนุ่มใช้กล้อง Large Format ในการถ่ายภาพซึ่ง เมือ่ เล็งภาพแล้วรูปทีไ่ ด้จะกลับหัวกลับด้าน ฉะนัน้ เวลาเล็งภาพจะต้องหา แสงเงาและ รูปทรงให้ชัด เขาจึงได้ข้อดีของส่วนนั้น เมื่อเปลี่ยนมาใช้กล้อง ฟิล์มจึงได้ภาพที่มีรูปทรงจากธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ กล้องฟิล์มทั้งหมดสามขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ตาม ความเหมาะสมของภาพ ชายผู้รักการถ่ายภาพคนนี้ยังคงเดินหน้าท�ำ สิง่ ทีต่ นสนใจต่อไปโดยการท�ำสิง่ ทีต่ นสนใจ ทัง้ งาน โฆษณา ชุดภาพถ่าย หรือแม้กระทั่งการจัดงาน เวิร์คช็อปอย่างการจัดท�ำกล้องยักษ์ ซึ่งเป็นไอเดีย ที่พัฒนามาจากลูกศิษย์ที่จุฬาฯ เพราะเขาเคยรับ

งานสอนตามมหาวิทยาลัยอยู่หลายแห่งประมาณ สามปี ก่อนจะเลิกไป ปัจจุบันรับเฉพาะการไป บรรยาย ซึ่งจะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับวิธีการถ่ายรูปที่ ได้เจอหรือ แปลไอเดีย ปรัชญา การใช้ความเป็น พืน้ ฐานของตะวันตกบวกกับบริบทวัฒนธรรมของ เอเชีย ให้ออกมาเป็นภาพถ่าย เงื่อนไขการรับงานโฆษณาของพี่โอ๋นั้น เป็น เอกลักษณ์ เขาบอกด้วยสีหน้าและน�ำ้ เสียงทีม่ นั่ คง และพอใจว่า” การท�ำงานต้องมีช่วงเวลาที่กดดัน เป็นธรรมดา แต่มันยังสนุกเสมอส�ำหรับพี่ เพราะ งานโฆษณาที่พี่ได้ถ่าย ลูกค้าก็จะให้พี่ท�ำอะไรก็ได้ คือเขามาด้วยความเชือ่ ใจ ว่ามีโครงการทีม่ สี กั ษณะ แบบนี้ ให้ช่วยคิดช่วยผลิต หาโจทย์และค�ำตอบที่ เหมาะสมว่าจะท�ำออกมาเป็นรูปแบบไหนจะช่วย ให้ขายได้ ส�ำหรับตัวพี่เอง ถ้าไม่มีใครบอกพี่ก็จะ ท�ำสิ่งที่อยากท�ำ ที่คิดว่าน่าท�ำ และบางทีก็ท�ำสิ่งที่ ควรท�ำเพราะงานแบบนี้เราต้องท�ำให้ดีที่สุดให้เขา ปฏิเสธเราไม่ได้อยูแ่ ล้ว แต่ถา้ เขาก�ำหนดอะไรมาให้ พี่จะไม่ท�ำ”

“เราใช้ ภาพเป็นภาษา มันจะไม่แค่สวยอย่างเดียว แต่มันต้องอ่านได้ด้วย เข้าใจอะไรบางอย่างได้ด้วย” 38


3rd Eye, The New Dawn 2013, No.12

พี่คิดว่าการที่มีความคิด ดีไซน์มุมมองนี่เราควรเอามาใช้ ได้กับ ทุกอย่าง ก็เลยไม่จ�ำกัดตัวเองอย่างนัน้ พี่คิดว่าเราควรจะถ่าย อะไรก็ได้เมื่อไหร่ก็ได้ให้ออกมาดูดี

” 39


Piyatat Hemmatat

นอกจากนีเ้ ขายังท�ำงานส่วนตัวซึง่ คือการจัดท�ำชุดภาพถ่าย แต่การจัดท�ำชุดภาพถ่าย ของเขานั้นใช้เวลาเกือบสิบปีเพื่อจัดท�ำและแก้ไขออกมาให้ดีที่สุด แต่ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หากมีไอเดียใหม่ออกมาเขาจะทดลองท�ำ ถ้าท�ำได้จริง ก็จะเก็บไว้เป็นหนึ่งในโปรเจ็คที่ท�ำ ท�ำให้ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เขามีการจัดท�ำชุดภาพถ่ายอยู่ราวๆ 6-7ชุดและอาจมีมากกว่า นั้น

“บางทีมันเป็นเรื่องของการที่เราไปอธิบายอะไรแล้ว พอกลับมาไม่ใช่ แบบที่เราอยากได้ มันเป็นการเซฟเวลา เรารู้แล้วว่าเราต้องการอะไรก็ท�ำเองเลย” 40


ในการจัดท�ำชุดภาพถ่ายของเจ้าของ RMA Instituteนั้นจะมีความหลากหลายและไม่คล้ายกันมากนัก เขาให้เหตุผลว่า “ในซีรี่ย์นั้นต้องมีความหลากหลาย บางทีพี่เห็นรูปถ่ายที่มันมาจากที่เดียวกัน ช่วงเวลา เดียวกัน แบบเดียวกันแต่คนละท่า พี่ถือว่ามันเป็นรูป เดียวกัน จะเลือกรูปที่ดีที่สุดมาแค่อันเดียวพอ เพราะ พี่ต้องการหาความหลากหลายของสิ่งที่เราถ่ายภายใน โปรเจ็ ค ให้ มั น แตกต่ า งดู เ ป็ น ซี รี่ ย ์ เ ดี ย วกั น ในเวลา เดียวกัน” รายได้ของพี่โอ๋นั้นเข้ามาหลายทางและบางครั้ง อาจมากถึงหนึง่ ล้านบาท แต่เหตุผลทีเ่ ขาท�ำนัน้ เกิดจาก ความสนใจอย่างแท้จริง การถ่ายภาพท�ำให้พี่โอ๋ได้ แสวงหาสิ่งใหม่ตลอดเวลา และทุกครั้งที่เดินทางเพื่อ

ไปถ่ายภาพเขามักได้แนวคิด แรงบันดาลใจหรือไอเดีย ที่จะพัฒนาต่อยอดงานอื่นๆได้เสมอ ทั้งในแบบที่เขา ชอบและไม่ชอบ อีกเหตุผลหนึง่ ทีช่ ายหนุม่ เลือกใช้วธิ กี ารถ่ายทอด งานศิลปะเป็นการถ่ายภาพนั้น เพราะเชื่อว่าภาพถ่าย ยังสามารถพัฒนาต่อได้อีกมาก เขาอธิบายถึงเหตุผลนี้ ด้วยท่าทางจริงจังว่า “พี่ผลักดันสื่อภาพถ่ายเพราะมัน ยังใหม่ เพิ่งมีมาได้ 200 ปี ถ้าเทียบกับจิตรกรรม ประติมากรรม เพราะฉะนั้นพี่ยังเชื่อว่ามันท�ำไปได้ เรือ่ ยๆแล้วเรายังไม่เห็นความสิน้ สุด อย่างน้อยเราท�ำสิง่ ที่เราไม่เคยเห็น แต่ก็ต้องมองดูว่าอดีตเขาท�ำอะไรมา แล้ว ปัจจุบนั คนท�ำอะไรไปแล้ว ไม่อย่างนัน้ เราจะซ�ำ้ จะ หลุดสมัย ก็ต้องดูทั้งเก่าและใหม่ควบคู่กันไป”

“อะไรที่เราไม่ชอบ เราสามารถพลิก ให้มันกลายเป็นสิง่ ที่น่าสนใจได้”

Piyatat Hemmatat, Alley 41


หาเราให้เจอ ในการเริ่มต้นท�ำงานที่ไม่แน่นอนและมีความ เป็นตัวเองสูงของเขานั้นค่อนข้างแปลกใหม่และ ท้าทายมากเกินไปในมุมมองของครอบครัว เขาต้อง พิสจู น์ตวั เองอยูพ่ กั หนึง่ เพือ่ ให้ครอบครัวเชือ่ ว่า หลัก การของเขานั้นสามารถเอาชีวิตรอดได้จริงโดยการ หาเงินได้โดยไม่พงึ่ พาหรือท�ำให้คนอืน่ เดือดร้อน เมือ่ ทางบ้านมัน่ ใจว่าเขาท�ำได้ ครอบครัวก็สนับสนุนและ เป็นก�ำลังใจให้เขาสามารถก้าวต่อไปได้อีก ในการท�ำงานชุดภาพถ่ายนัน้ ผ่านกระบวน การ คิดมาอย่างหนักหน่วงเพื่อให้งานออกมามีความ หมายแต่ในการสือ่ ความหมายในกระบวน การจัดท�ำ ใช้แรงกาย ทรัพย์สนิ และเวลามากกว่า อย่างเช่นการ ถ่ายภาพแลนด์สเคปที่เขาเล่าให้ฟังว่า “พี่ต้องเดิน ทางเข้าป่าเยอะมาก ใช้เวลาหลายปีในการเดินป่า ขึน้ เขาเพื่อหารูปมาท�ำงาน บางทีไปสามเดือนอาจไม่ได้ อะไรกลับมาเลย แต่มนั ก็ตอ้ งลองไปนะ ไม่ลองก็ไม่รู้ ต้องเอาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ บางทีก็เจออะไรที่ น่าสนใจที่อาจเอามาใช้กับงานได้”

ชายผู้รักการถ่ายภาพคนนี้มองว่ากล้องเป็น เพียงเครือ่ งมือในการสือ่ สารดังนัน้ สิง่ ส�ำคัญก่อนถ่าย ภาพคือเราต้องมองเห็นภาพที่ดีที่สุดนั้นก่อน “เราต้องท�ำอะไรอัตโนมัติเพราะพี่ไม่มีเครื่อง วัดแสง บางทีตอ้ งใช้ตาดูกอ่ นว่ามันได้แน่ แต่ถา้ ดูแล้ว ไม่ได้ก็ไม่ต้องยกกล้องขึ้นมาเลย มันต้องรู้ก่อนหยิบ มาถ่าย เพราะยังไงกล้องเป็นแค่เครือ่ งมือ ส�ำคัญกว่า คือเราต้องเห็น มันเป็นงานที่ใช้รายละเอียด เรา ต้องหาให้เจอ พอมีประสบการณ์มากเข้า เราก็จะ สามารถมองมันได้ขาดขึน้ กว่าเดิมว่าถ่ายออกมาแล้ว ไม่ใช่แน่” การท�ำงานในแบบของพี่โอ๋นั้นเน้นทีค่ วามเป็น ตัวเองสูง ดังนั้นหากมีผู้คนสนใจอยากเป็นเช่นเขา ชายผู้นี้จะแนะน�ำกลับมาว่า “ ในการท�ำงานแบบนี้ เราต้องอาศัยความเป็นตัวเองเยอะ เพราะว่ายิ่งเรา เป็นตัวเองได้เมือ่ ใด งานเราก็จะยิง่ แตกต่างเพราะมัน ไม่มีใครเหมือนใครในโลกนี้ ส่วนใหญ่แล้วคนมักไป ติดกับค่านิยมอะไรต่างๆที่มันไม่ให้เราเป็นตัวเอง”

“พี่จะบอกคนที่สนใจเสมอว่าต้องหาตัวตนให้เจอ เพราะงานแบบนี้ มันต้องอาศัยความเป็นตัวตนเยอะ เพราะยิง่ เป็นตัวตนได้เมื่อไหร่ งานเราก็ยงิ่ แตกต่างเพราะมันไม่มีใครเหมือนใคร ส่วนใหญ่แล้วคน จะไปติดกับค่านิยมอะไรต่างๆที่มันไม่ให้เราเป็นตัวเอง” 42


Piyatat Hemmatat, Civilisation 2009, no.45

Piyatat Hemmatat, Verve 2008 No.61

Piyatat Hemmatat, Void 2003, Natural History Museum


Piyatat Hemmatat, Apasmara 2010, Gucci

การถ่ายภาพเปรียบเสมือนเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ แสวงหาสิง่ ที่เราสนใจ หาค�ำตอบในสิง่ ที่เราสงสัย 44


ไม่สิ้นสุด เจ้าของ RMA institute ได้นิยามการถ่ายภาพในความหมายของเขาว่า “มัน เปรียบเสมือนการแสวงหาความรู้ แสวงหาสิ่งที่เราสนใจ หาค�ำตอบในสิ่งที่เราสงสัย ที่ เราอยากจะวิเคราะห์หรือวิจยั เพือ่ ความเข้าใจของตัวเราเอง เป็นการเรียนรูเ้ กีย่ วกับเรา โลก คนอื่น ธรรมชาติ ทุกอย่าง” แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการท�ำงานสายนี้มาเป็นเวลานาน แต่ชายหนุม่ นั้น ยังคงรู้สึกเริ่มใหม่ตลอดเวลา เพราะการที่เขารู้สึกเริ่มอะไรใหม่อยู่ตลอดนั้นคือการ ท้าทายตัวเองที่ท�ำให้ต้องกระตือรือร้นอยู่เสมอเพื่อให้คิดและท�ำอะไรที่ไม่เคยท�ำ เป็นการพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในรูปแบบของเขา ศิลปินในคราบของช่างภาพ คืออาชีพทีพ่ โี่ อ๋บอกว่าเขาเป็น แต่กอ็ ธิบายความคิด ของตนเสริมว่า “พี่จะไม่ค่อยเรียกตัวเองว่าศิลปิน เพราะมันเป็นค�ำที่ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควร ใช้เรียกตัวเอง แล้วแต่คนมอง หากเขาเห็นว่างานของเราเป็นศิลปะ จะเรียกเราว่าศิลปิน ก็ให้เป็นการตัดสินใจของเขาเอง ถ้าคุยกับคนอืน่ พีจ่ ะบอกว่าตัวเองเป็นช่างภาพเหมือน คนอื่นๆ พี่ก็ถ่ายภาพที่เราเห็นไปเรื่อยๆ”

“พี่อยู ่ในจุ ดที่เราต้องเริม่ ท�ำอะไรตลอดเวลา คือ อะไรที่จบก็ให้มันจบไป เราก็เริม่ อย่างอื่นใหม่”

45


“ถ้าเขาเห็นงานของเราเป็นงานศิลปะแล้วจะเรียกเรา ว่าศิลปิ นก็ให้เป็นการตัดสินใจของเขาเอง” พี่โอ๋กล่าวด้วยรอยยิ้มละความแน่วแน่ในแววตาว่า “พี่เป็นคนโชคดีที่ได้ท�ำในสิ่ง ที่เราต้องการ ที่เราเคยฝันไว้ ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องส่งเสริมศิลปินคนอื่นให้เขามี โอกาสท�ำในสิง่ ทีเ่ ราท�ำได้ เมือ่ เรามีโอกาสแล้วเราต้องท�ำให้ดที สี่ ดุ และดีขนึ้ เรือ่ ยๆ หาก ท�ำได้ไม่ดี ไม่คู่ควรกับโอกาสที่มีก็ควรกลบมาคิดอะไรใหม่” งานที่เขาจะท�ำนั้น จะต้องไม่ดูคล้ายกับสิ่งที่ถูกท�ำขึ้นมาเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ ให้คุณค่าหรือประโยชน์ใดๆ เพราะคนสมัยนี้มีข้อมูลในตัวเยอะ รู้เยอะ หากท�ำอะไรที่ คล้ายกัน เหมือนกันมันจะไม่เรียกว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เขาควรจะท�ำให้คนที่มาดูงาน นั้นรู้ว่าเขาไม่ท�ำอะไรทั่วไป หรืออย่างน้อยเขาจะท�ำในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น จึงศึกษาดู งานของศิลปินท่านอื่นอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้งานตัวเองนั้นหลุดสมัยและไม่ท�ำสิ่งที่คล้าย หรือเหมือนกันออกมา เหตุผลที่เจ้าของ RMA Instituteท�ำงานตรงนี้ซึ่งในทางหนึ่งนั้นเขาผลักดัน ภาพถ่ายไปด้วยในตัวเพราะ สื่อภาพถ่ายนั้นเพิ่งเกิดขึ้นมาประมาณสองร้อยปี หาก เทียบกับจิตรกรรมหรือประติมากรรมแล้วถือว่ายังใหม่อยู่มาก ดังนั้นมันยังคงพัฒนา ต่อไปได้เรื่อยๆ

46


พี่โอ๋ ปิ ยทัต เหมทัต

47


Piyatat Hemmatat, 65

คงความเป็ นเรา พี่โอ๋คัดสรรของทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต เขาเรียนรู้สิ่งต่างๆจากการวิเคราะห์หรือจากข้อมูล ประวัติความ เป็นมาของมัน เพราะสิ่งต่างๆเหล่านั้นเขาเชื่อว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นมาง่ายๆและสิ่งที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของ เราก็ไม่ควรเข้ามาง่ายๆเช่นกัน โดยเรื่องนี้ถือว่าเป็นวินัยอย่างหนึ่งที่เราต้องท�ำในการคัดสรรสิ่งต่างๆเข้ามาใน ชีวิต เกิดมาทั้งที่ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มและการใช้ชีวิตให้คุ้ม เขาอธิบายว่า “ท�ำในสิ่งที่เราอยากท�ำ ชอบท�ำ ในวิธีการ ของเรา ให้อยู่ในสมัยที่เรากลมกลืนและให้ชีวิตกันมันได้ มันก็คือการเอาชีวิตรอดนั่นแหละ แต่ว่าเราเอาธุรกิจ หรือสิ่งที่เราชอบ ไปซึมแทรกในวงจรชีวิตที่เราสามารถเก็บความเป็นตัวตนได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์”

48


เขาจะท�ำมันออกมามันผ่านอะไรมาบ้างเราก็มาวิเคราะห์มันหมด คนนีเ้ ขาท�ำอะไรมาก่อน เขาฟังอะไรมาบ้าง เวลาจะหาอะไรเข้าตัวนี่ต้องลึก ไม่ใช่ อะไรก็ได้ จะหาอะไรเข้ามาในชีวิต เราต้องเลือก มันเป็นวินัยอย่างหนึ่ง

” 49


50


51



ปั่นความฝัน แนน นนลนีย์ อึง้ วิวัฒน์กุล


เมื่อแรกสัมผัส ฉันนัดเจอกับพี่แนน นนลนีย์ อึ้งวิวัฒน์กุล ครั้ง แรกทีค่ าเฟ่เวโลโดม คาเฟ่เพือ่ คนรักจักรยาน เธอปัน่ จักรยานเข้ามาที่ข้างร้านซึ่งเป็นที่จอดรถจักรยาน ด้านหลังตรงส่วนของทีซ่ อ้ นมีกระเป๋าวางพาดทัง้ สอง ด้านและมีของใส่จนเต็มทั้งสองด้าน เธอเปิดประตู ด้วยการใช้แขนดันเพราะมือทัง้ สองถือกระเป๋านัน้ อยู่ หญิงสาวเปิดกระเป๋าแล้วยื่นมะนาว เท่าที่ฉันมอง เห็นมันคือมะนาวเต็มกระเป๋าทั้งสองใบเพราะสิ่งที่ น่าสนใจกว่าคือ สาวนักปั่นสุดเท่ห์ที่อยู่ตรงหน้า พี่แนนสวมเสื้อและกางเกงที่ไม่ได้ดูแตกต่าง จากคนทั่วไป กางเกงไม่ใช้กางเกงที่ดูฟิตๆส�ำหรับ จักรยาน แต่หมวกจักรยานที่ถือเข้ามา ปอกแขนสี เทา แว่นตากันแดด และรองเท้าผ้าใบ ท�ำให้เธอดูทะ มัดทแมง และที่ส�ำคัญคือใบหน้าที่บ่งบอกความสุข พร้อมกับความสุขภาพดี ซึ่งคงเป็นผลจากการปั่น จักรยานทุกวัน หลังจากการพูดคุยกันในวันนั้น เราจบการ สนทนาด้วยการนัดกันไปปั่นจักรยาน โดยมีพี่แนน เป็นผู้น�ำปั่น

สาวนักปั่นคนนี้เรียนจบมาทาง ด้านบริหาร คอมพิวเตอร์ ที่เรียนแล้วจะเป็นโปรแกรมเมอร์แต่ เธอไม่ตอ้ งการท�ำอาชีพนัน้ และบอกเหตุผลกับเราว่า “มันเครียด มีแต่ตัวหนังสือ เลยบอกอาจารย์ว่า อาจารย์คะ จบแล้ว หนูคืนให้อาจารย์เลย เพราะ เดี๋ยวหนูจะไปท�ำกราฟิก ก็ไปซื้อหนังสือต่างๆมาหัด ลองท�ำเอง ช่วงนั้นก�ำลังฮิตท�ำเว็บไซด์ เลยท�ำบ้าง พี่ เลือกเรื่องที่ตัวเองสนใจอย่างเรื่องอาหารขึ้นมาเป็น เนื้อหาหลัก” พี่แนนเป็นคนชอบคอมพิวเตอร์อยู่แล้วการ เรียนรูด้ ว้ ยตนเองนีจ้ งึ ใช้เวลาไม่นาน เธอน�ำผลงานที่ หัดท�ำนั้นรวบรวมไปสมัครงาน ช่วงนั้นคนส่วนใหญ่ ในเมืองไทยยังไม่ค่อยสนใจงานกราฟิกเท่าใดนัก ท�ำให้คนที่สนใจด้านนี้สามารถหารายได้ได้ไม่ยาก เธอเองก็เช่นกัน เมื่อรู้ว่าเงินหาไม่ยาก จึงเดินเข้าสู่ เส้นทางนี้ ท�ำงานจนลืมการพักผ่อน กระทั่งได้ยิน ข่าวเกี่ยวกับเพื่อนที่ท�ำงานคล้ายกันต้องผ่าตัดนิ้ว เพราะนิว้ ล็อก เหตุเพราะการค้างมือไว้ทเี่ ม้าท์นานๆ ท�ำให้เกิดพังผืดเกาะ เธอรูส้ กึ กลัว บวกกับไม่ตอ้ งการ น�ำเงินมารักษาตนเองจึงลาออก

“มีข่าวว่าเพื่อนคนหนึ่งไปผ่านิว้ มา เพราะนิว้ มันล็อก เป็นอาการของคนที่ท�ำกราฟิ กตอนนัน้ เลย พี่กลัว ก็เลยลาออกเลย” 54


พี่แนน นนลนีย์ อึ้งวิวัฒน์กุล ยืนสมุ ดบันทึกความประทับใจในการปั่ นจักรยาน

55


“พี่ไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน พี่รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่เราได้เรียนรู้ ได้ลองโดยที่เราไม่ต้องใช้ เงินตัวเองเลย”

“ในตอนนัน้ พีเ่ ริม่ สังเกตว่า ถ้าท�ำงานในต�ำแหน่งทีใ่ หญ่กว่านี้ จะท�ำแค่สงั่ งานเท่านัน้ เลย ยื่นผลงานที่มีในต�ำแหน่งที่สูงว่า คือผู้ช่วยผู้จัดการ กลายเป็นผู้คุมงานกราฟิกอีกทีหนึ่ง พอได้ ประสบการณ์ก็ไปสมัครเป็นผู้จัดการ” เธอเล่าถึงวิธีการเปลี่ยนงานด้วยรอยยิ้ม งานผู้จัดการของเธอในครั้งนั้นค่อนข้างหนักเพราะเป็นบริษัทต่างชาติยังไม่มีแม้แต่ที่ตั้ง บริษัทในประเทศหรือผู้ร่วมงาน ทุกอย่างต้องจัดหาใหม่ทั้งหมด ซึ่งเธอมองว่ามันน่าสนุกและ เป็นการเรียนรู้ที่หาไม่ได้ง่ายๆ “พีว่ า่ มันเป็นประสบการณ์ทหี่ ายากนะ อยูด่ ๆี ใครจะให้เรามาเลือกโลเคชัน่ ให้เรารับสมัคร พนักงานเอง สัมภาษณ์เองทุกคน พี่เลยไม่รู้สึกว่ามันป็นงาน แต่เป็นโอกาสที่เราได้เรียนรู้ ได้ ลองโดยที่เราไม่ต้องใช้เงินตัวเองเลย” หญิงสาวกล่าวเสริมด้วยสีหน้าตื่นเต้น เมือ่ การท�ำเว็บไซด์ให้บริษทั แห่งนัน้ เริม่ นิง่ คนเบือ่ ง่ายอย่างเธอก็เริม่ มองหาอย่างอืน่ พร้อม กับที่ช่วงนั้นการท�ำคอนเทนต์เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือก�ำลังเข้ามา เธอมองเห็นว่าสามารถท�ำ เงินได้ไม่ยาก จึงย้ายตัวเองมาท�ำงานด้านนี้ ก่อนจะพบกับจักรยานที่เป็นงานปัจจุบัน ผูน้ ำ� ปัน่ บอกจุดหมายทีเ่ ราจะปัน่ จักรยานคือจากตลาดน้อยไปถึงคาเฟ่เวโลโดม จะใช้เวลา ประมาณ 3 ชั่วโมงส�ำหรับเที่ยวเดียว ฉันและเพื่อนอีก 4 คนปั่นจักรยานตามโดยเรียงเป็นแถว นีเ่ ป็นครัง้ แรกของฉันทีไ่ ด้ปน่ั จักรยานในเมือง เชือ่ ว่าคงเป็นครัง้ แรกของเพือ่ นเช่นกันทีป่ น่ั ในที่ ที่รถเยอะแบบนี้

56


พวกเราไม่รเู้ ส้นทาง สิง่ ส�ำคัญทีฉ่ นั คิดตอนนัน้ คือ ห้าม ล้ม ห้ามช้าจนห่างจากคนอื่นเพราะเส้นทางที่ผ่านนั้นไม่รู้ เลยว่าเป็นส่วนใดของกรุงเทพ พี่แนนพาเราผ่านจุดใหญ่ๆ อย่างส�ำเพ็ง แต่ผ่านโดยการลัดเลาะไปตามซอยเล็กๆ เหมือนกับการผจญภัยในหุบเขา ที่เราไม่เห็นเส้นทางที่ ชัดเจน เปลีย่ นสองข้างทางทีเ่ ต็มไปด้วยต้นไม้ให้กลายเป็น บ้านเรือน จากพื้นนุ่มๆของดินให้กลายเป็นพื้นแข็งๆ (ซึ่ง บางที่มีน�้ำขัง)ของคอนกรีต ตรอกซอยทีเ่ ราผ่านบางซอยท้าทายพวกเราอย่างมาก เพราะแคบจนต้องยกจักรยานข้ามรากไม้ที่ขึ้นมาปิดทาง ล�ำต้นที่ต้องผ่านถูกแฮนด์จักรยานขูดจนขึ้นรอย ชาวบ้าน ตรงนั้นบอกว่า เมื่อก่อนต้นโพต้นนี้ไม่ได้โตขนาดนี้ ต่อไป อาจจะผ่านไม่ได้แล้ว จากการที่เขาสื่อสารกับเรานั้นท�ำให้ ฉันได้รวู้ า่ เขาไม่แปลกใจกับการมาของขบวนจักรยานเท่าใด นัก อีกตรอกหนึ่งที่น่าสนใจและเชื่อว่าสามารถดึงความ สนใจจากเพื่ อ นร่ ว มทางไดทั้ ง หมดคื อ ตรอกแขวนคอ เพราะบรรยากาศวังเวงทีม่ แี ค่เรา รอบด้านเป็นบ้านเรือนที่ หันหลังให้อย่างแลดูไม่สนใจ ตรอกนี้จึงเงียบสงัดราวกับ ไม่มีคนอยู่ละแวกนี้เลย และประวัติที่ว่ามีคนมากมายมา จบชีวิตตัวเองที่นี่ด้วยการแขวนคอในอดีต กล้องโทรศัพท์ มือถือที่ยกขึ้นถ่ายถึงกับชะงัก ทุกคนรีบขึ้นจักรยานเพื่อ แสดงความพร้อม ฉันหันหลังกลับมามองอีกครั้ง ยอมรับ ในความน่าสนใจของตรอกนี้ และพบกับ… ความว่างเปล่า…

ตรอกเล็กที่ต้องปั่ นผ่าน มีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ท่ีโตขึ้นกับ ก�ำแพงบ้านจนปิ ดทางไปเกือบครึ่ง จึงต้องลงจาก จักรยานเพื่อลอดผ่านไปอีกด้านหนึ่ง


ถนนท่าเตียน ในช่ วงเย็น รถเยอะ คนเยอะ จนต้องปั่ นไปหยุ ดไป

เราปั่นผ่านส�ำเพ็งที่ต้องระวังคน ระวังเด็ก และ ระวังของ ยิ่งกว่าการเอาชีวิตรอด สองมือของฉันก�ำ แฮนด์ จั ก รยานแน่ น พร้ อ มกั บ เกร็ ง แขนเพื่ อ บั ง คั บ ทิศทาง เราผ่านเขตโรงเรียนในช่วงเวลาเลิกเรียนพอดี คราวนี้ต้องระวังไม่ให้แฮนด์จักรยานขูดรถของคนอื่น ความรู้สึกของฉันตอนนั้นไม่ใช่การตื่นเต้นแต่เป็นการ ตื่นกลัว เวลานัน้ ฉันเริม่ รูส้ กึ ผิดกับเพือ่ นๆทีด่ พู ยายามตาม กันให้ทัน จนกระทั่งเส้นทางที่ไปนั้นเป็นซอยเล็กของ ตลาดมีผคู้ นขนสินค้า พีแ่ นนจอดรอคนทีย่ งั มาไม่ถงึ อยู่ ข้างหน้าห่างออกไปเล็กน้อย ฉันเข้ามาสมทบกับเพื่อน เพื่อรออีกคนหนึ่ง เพื่อนของฉันกล่าวขึ้นมาในขณะนั้น ว่า “ขอบคุณมากนะที่ชวน มันสนุกมากเลย ถ้าแกไม่ ชวนคงไม่มีโอกาสได้ท�ำอะไรแบบนี้แน่ คุ้มมากที่ตาม 58

มา” หลายคนพูดสมทบ ท�ำให้ฉันคิดได้ว่า สงสัยเราจะ ไม่สนุกอยู่คนเดียว อาจเป็ น เพราะนี่ คื อ ครั้ ง แรก แถมฉั น ยั ง ปั ่ น จักรยานไม่เก่งเท่าไรนัก มือที่จับแฮนด์แน่นเกินไปก็ได้ แผล เมื่อเราไปถึงที่เวโลโดม นั่งพักและทานอะไรเอา แรงสักเล็กเพราะพวกเราต้องปั่นกลับไปคืนจักรยานที่ ตลาดน้อย โดยการปั่นกลับครั้งนี้มีเพื่อนร่วมทางจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาเพิ่มอีก เราจึงกลายเป็น ขบวนยาวถึง 11 คน เมื่อปั่นกลับรอบนี้ผู้ร่วมทางหลายคนที่ดูเหมือน จะเป็นนักปั่นอยู่แล้ว พวกเขาคอยดูแลพวกเราที่เป็น มือใหม่ทั้งการจอดเพื่อหลบรถ การข้ามถนนและอื่นๆ จนถึงที่หมาย


หากใครได้อา่ นหนังสือทีพ่ แี่ นนเขียน ‘ลาออกมา ปั่น’ ซึ่งได้บอกเล่าจุดเริ่มต้นของนักปั่นคนนี้ จะเห็น ได้ว่าเธอได้พบเจอเพื่อนหลายคนจากที่นี่ และคาเฟ่ เวโลโดมเองก็ เริ่ ม จากความช่ ว ยเหลื อ ของเพื่ อ น จักรยานด้วยกัน รวมทั้งการเข้าไปมีส่วนร่วมในการ ปรับปรุงแก้ไขกรุงเทพฯให้น่าอยู่และเป็นมิตรต่อนัก ปั่นก็เกิดจากความตั้งใจที่ได้แรงสนับสนุนจากเพื่อน จักรยาน หลังจากแยกย้าย เพื่อนๆของฉันกล่าวเป็นเสียง เดียวกันว่าวันนี้สนุกมาก หากมีครั้งหน้าให้ชวนพวก เขาไปด้วย แม้จะมีสหี น้าทีอ่ อ่ นเพลียมากแต่แววตานัน้ แสดงความสนุกออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่แน่ว่าฉันคง

แปลกจากคนอื่น ไม่ก็ความรู้สึกช้าเกินไป เมื่อกลับมาถึงบ้าน อาการปวดแขนก็เข้าจู่โจม ทันที แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อทบทวนสิ่งที่ได้ท�ำในวันนี้อีก ครั้ง ความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งเข้ามา นั่นคือ ความตื่น เต้น(ซึง่ ควรจะเกิดตอนทีป่ น่ั ) และความสนุก(ซึง่ ก็ควร จะเกิดตอนที่ปั่นอีกเช่นกัน) เมื่อบ่ายที่ผ่านมาเราได้ ผจญภัยในเมืองใหญ่ ตืน่ เต้นราวกับเป็นอลิซทีไ่ ด้ผจญ ภัยในดินแดนมหัศจรรย์ มันสนุกมากจริงๆ แต่ก็น่า เสียดายที่เพิ่งมารู้สึกตอนนี้ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าการปั่น จักรยานครั้งนี้นั้นให้มากกว่าค�ำว่าคุ้มที่มีโอกาสได้ท�ำ

59


ความรู้สึกเวลาที่นงั่ อยู ่ในรถยนต์ มันเหมือนเราถูกหุ้มอยู ๋ในกรอบ สี่เหลี่ยม แต่เวลาปั่ นจักรยานมันไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมกัน้ จะเสียบหู ฟังหรือฟังเสียงรถข้างนอก พี่ยังรู้สึกเลยนะว่ามันเป็นบ้าน

60


เที่ยวที่บ้าน พี่แนนชอบอ่านหนังสือ เพราะฉะนั้นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ท�ำคือการอ่านหนังสือ หาก เก็บไอเดียอะไรดีๆได้เมือ่ มีโอกาสก็จะลองท�ำ กิจวัตรอีกอย่างทีข่ าดไม่ได้คอื การปัน่ จักรยาน เธอเล่าด้วยรอยยิม้ และแววตาทีเ่ ป็นประกายว่า “พีจ่ ะเลือกเวลาทีป่ น่ั เป็นช่วงไม่มแี ดดหรือ หากเจอแดดที่แรงมากอย่างช่วงเที่ยง ก็จะเข้าไปหลบที่ร้านกาแฟสักที่ หรือพักพูดคุยกับ คนในพื้นที่ ถ้าท�ำแบบนี้จะท�ำให้เราสามารถทราบข้อมูลท้องถิ่นได้หลายอย่างที่อาจไม่มี เขียนในหนังสือท่องเที่ยวที่เขียนเฉพาะจุดใหญ่ๆเพราะสิ่งที่เราพบเป็นจุดเล็กๆในท้องถิ่น ถือว่าเป็นการค้นพบสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง มันจะรู้สึกตื่นเต้นมาก พี่จะถ่ายรูป อัพลงโซเชียล เล่าให้เพือ่ นฟัง แทนทีเ่ ราจะแนะน�ำวัดพระแก้ว เราก็แนะน�ำอะไรเล็กๆให้คนกล้าเข้ามาใน ซอย การค้าในซอยก็คึกคักถ้าเขามีอะไรขาย” การปั่นจักรยานส�ำหรับเธอนั้นเปรียบเสมือนการท่องเที่ยวตลอดเวลา โดยที่ ตลอดเส้นทางนัน้ เป็นเหมือนบ้านทีใ่ ห้ความรูส้ กึ อบอุน่ ได้มองเห็นความเป็นไปทีเ่ กิดขึน้ ใน บ้านเรือนที่ปั่นผ่าน ราวกับการดูภาพยนตร์ที่ฉายเกี่ยวกับชีวิตผู้คนที่เกิดขึ้นจริง ในบรรดาชุมชนต่างๆทีไ่ ด้ปน่ั เข้าไปส�ำรวจนัน้ เธอชอบชุมชนของชาวมุสลิมมากทีส่ ดุ เพราะพวกเขาอยู่ในกรุงเทพฯเหมือนกันแต่กลับไม่มีขยะวางเกลื่อนและน�้ำในคลองใส สะอาด เพราะเขาสอนเด็กเสมอว่าต้องทิ้งขยะตรงไหน พี่แนนสอบถามเพื่อนที่เป็นนับถือ ศาสนาอิสลามแล้วได้ความว่า เวลาที่เขาละหมาด เขาจ�ำต้องรักษาความสะอาดทั้งตัวเขา และสิ่งที่อยู่รอบตัวจึงรวมไปถึงชุมชน ขณะที่ซอยข้างกันนั้นเป็นของคนไทย กลับสกปรก เต็มไปด้วยขยะ “อย่างบ้านที่พี่ไปเห็นนะ ใต้ถุนบ้านเขาเต็มไปด้วยขยะแบบแน่นๆ ประเด็นคือใคร จะมานัง่ ยัดขยะลงไปใต้ถนุ บ้านนอกจากเจ้าของบ้าน เพราะมันไม่ได้เป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ ว ที่คนอื่นจะเข้าไปทิ้งได้ คือเราเห็นเลยว่าตัวคุณเองที่ไม่ท�ำพื้นที่ของคุณให้น่าอยู่” นักท่อง ตรอกซอยผู้นี้เล่าด้วยท่าทางโมโห 61



“ท�ำไมเราไม่ท�ำบ้านของเราให้น่าอยู ่ พอน่าอยู ่ก็จะมีคนมาเที่ยว เมื่อมีคนมาเที่ยวก็จะมีรายได้เพิม่ เข้ามาทางอ้อมให้กับคนอื่นเยอะแยะ ไม่ใช่ แค่เรา มันได้โดยรวมทัง้ หมด นัน่ คือสิง่ ที่พ่คี ิด”

อาชีพ ชวนปั่นจักรยาน คืออาชีพปัจจุบันของ เธอที่ต้องการให้คนอื่นๆได้สัมผัสสิ่งที่น่าประทับใจ นั ก ชวนปั ่ น ผู ้ นี้ จึ ง รั บ จั ด ทริ ป น� ำ ปั ่ น โดยที่ จ ะมี ค ่ า ตอบแทนให้เธอหรือไม่ ก็รับท�ำทั้งสิ้นเพื่อให้เกิดการ ส่งต่อให้คนอื่นเป็นลูกโซ่ หากพี่พาน้องปั่น น้องอาจ จะอยากชวนเพื่อนหรือคนอื่นปั่น ชวนกันต่อไป เรื่อยๆ เพราะไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่เรื่องตัวเงินแต่เป้า หมายหลักนั้นคือการเปลี่ยนเมือง “ท�ำไมเราถึงอยากไปเทีย่ วเมืองอืน่ อย่าง ญีป่ นุ่ ลอนดอน ฯลฯ ท�ำไมเราไม่ท�ำบ้านเราให้น่าอยู่ ทั้งที่ กรุงเทพฯที่ติดอันดับต้นๆของผลส�ำรวจสุดยอดจุด หมายปลายทางของโลก(MasterCard Global Destination Cities Indexจัดท�ำขึน้ โดย มาสเตอร์การ์ด) แต่คนไทยกลับไม่ได้อยากเที่ยวกรุงเทพฯ พอถึงวัน หยุดทุกคนอยากออกไปต่างจังหวัด จะดีแค่ไหนถ้า หากท� ำ กรุ ง เทพฯให้ ก ลายเป็ น เมื อ งน่ า เที่ ย วทั้ ง ส�ำหรับทุกๆคนได้ พี่ก็เลยตั้งใจจะแก้ปัญหานี้ผ่าน การปั่นจักรยาน” นักชวนปั่นอธิบายเหตุผล

หากเราไปที่คาเฟ่เวโลโดมอาจจะไม่ได้เจอพี่ แนนเพราะเธอย�้ำไว้แต่แรกว่าจะไม่เข้าร้าน หากมี อะไรให้โทรหาได้ตลอดเวลาเพราะการเข้าร้านจะ ท�ำให้ไม่ได้ปน่ั จักรยาน และไม่ได้สำ� รวจเส้นทาง หาก วันหนึ่งนายกฯมา บอกว่าก�ำลังสนใจจะท�ำเรื่อง จักรยาน แต่ถ้าอยู่แต่ที่ร้าน ปั่นแค่จากบ้านมาร้าน เท่านั้น คงไม่รู้ว่าจะเตรียมให้อย่างไรและเสียโอกาส ตรงนั้นไป แต่ถ้าหากเธอพร้อม โอกาสที่จักรยานจะ ได้รับความสนใจมากขึ้นก็จะมีมากขึ้น หน้าทีข่ องหญิงสาวในการพัฒนานัน้ คือการเป็น ตัวกลางที่คอยบอกเรื่องราวต่างๆ เพราะได้สัมผัส ปัญหาและใกล้ชดิ บุคคลเหล่านัน้ มากกว่า เธออธิบาย ถึงวิธกี ารทีท่ ำ� ให้ได้เข้าใกล้ผใู้ หญ่ทรี่ บั ผิดชอบดูแลว่า “ความจริงพี่ก็แค่ปั่นจักรยานเล่น อาจจะเป็นเพราะ ความจริงใจ เขาคงเห็นว่าเราไม่ได้ท�ำเล่นๆ เหมือน กับเขาให้โจทย์เรามา เราก็ทำ� ส่วนของเขาด้วย เราไม่ ได้ขอให้ชว่ ยแต่เราไปช่วยเขามากกว่า พอเขารูจ้ กั ใคร เขาก็จะพาเราไปแนะน�ำด้วย ทีเ่ หลือก็เป็นหน้าทีข่ อง เราว่าจะไปตีซี้กับเขาอย่างไร”

“โอกาสมาพร้อมกับความพร้อม” 63


มองมุ มใหม่ “มันจะมองเป็นปั ญหาหรือมองหาวิธีแก้ไข ตราบใดที่ใจเราอยาก ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นปั ญหาหรอก” จักรยานเป็นพาหนะทีแ่ ตกต่างจากรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ เนือ่ งจากใช้รา่ งกายของเราใน การขับเคลือ่ น หากมองในแง่การออกก�ำลังกายนัน้ ถือว่าเป็นเรือ่ งดี แต่ในอีกมุมหนึง่ นัน้ ด้วยสภาพ อากาศของเมืองไทยที่ร้อนชื้นแม้จะเป็นเวลาเช้า ดังนั้นหากปั่นจักรยานไปท�ำงานอาจมีปัญหา เรื่องเหงื่อและอื่นๆเกิดขึ้น แต่ถงึ อย่างนัน้ พีแ่ นนไม่ได้มองเรือ่ งนีเ้ ป็นปัญหา เธอกล่าวว่า “เพราะหากว่าใจเราต้องการ จะท�ำ เราจะไม่มองว่ามันเป็นปัญหา แค่หาทางแก้ไขเท่านั้น” อีกปัญหาหนึ่งคือเวลาที่คุยกับผู้ใหญ่หรือบุคคลทางราชการนั้นเขาชอบให้น�ำงานวิจัยมา อ้างอิง เธอเล่าถึงเหตุการณ์ดว้ ยท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าใดนักว่า “พีไ่ ม่ใช่นกั วิชาการหรือนักสถิติ พี่ไม่มีตัวเลขอะไร แต่อยากให้เขาสัมผัสดูว่าจะรู้สึกแตกต่างกันจากตอนที่เขาเดินทางด้วยวิธีอื่น อย่างไร แล้วเขาจะได้ค�ำตอบเอง” ปั ญ หาได้ ถู ก แก้ ไขเมื่ อ ผู ้ ใ หญ่ ที่ เ ธอรู ้ จั ก นั้ น ได้ น� ำ ผลสถิ ติ จ ากการวิ จั ย เกี่ ย วกั บ การลด อาชญากรรมโดยใช้จกั รยานเข้าอ้างอิง ทุกคนก็มองนักชวนปัน่ เปลีย่ นไป กลายเป็นทุกคนยอมรับ และมาปรึกษาเธอเกี่ยวกับเรื่องจักรยาน

64


ก�ำแพงด้านหนึ่งของร้านเวโลมโดม ติดแผนที่และกิจกรรมการปั่ นจักรยานส�ำหรับผู ้ท่ีสนใจ

“ตอนนัน้ ทุกคนจะคิดว่าพี่บ้า บ้ามาก มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่พอมีข้อมู ลวิชาการมาอ้างอิง ก็กลายเป็นคนนีแ้ หละใช่ กลายเป็นทุกคนมาหาพี่หมดเรื่องจักรยาน”

65


มันมากกว่านัน้ ใบปริญญานั้นเป็นสิ่งส�ำคัญในการประกอบอาชีพในเมืองไทย เพราะอย่างนั้นผู้คนถึง ได้ไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกไปเรือ่ ยๆเพือ่ ให้โอกาสเกีย่ วกับหน้าทีก่ ารงานของตนสูงขึน้ แต่ถงึ อย่างนัน้ ขณะทีเ่ ป็นผูจ้ ดั การ พีแ่ นนได้ให้คนทีส่ นใจเรียนรูไ้ ด้เรียนในสิง่ ทีต่ อ้ งการเสมอ “พีไ่ ม่สนใจว่าเขาจะจบอะไรมา สนใจแค่วา่ เขาท�ำงานได้หรือไม่ ถ้าได้พจี่ ะให้โอกาสเขา เด็กคนนี้จบปวช. พี่ก็ให้ลองงานดู ด้วยความที่ให้งานเขารับผิดชอบแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นพี่เป็น คนรับผิดชอบเพราะอย่างนั้นเขาจะท�ำเต็มที่ ถ้าเขาท�ำได้เขาโตได้อีก จนคนหนึ่งที่เขารับเข้า มาเป็นคอลเซ็นเตอร์บริษัท แต่เขาอยากรู้เรื่องการตัดต่อ พี่เลยบอกเขาว่าถ้ามีเวลาว่างก็ไป เรียน ลูกค้าโทรมาก็รับ พอท�ำได้เขาก็ย้ายไปอยู่แผนกตัดต่อ ชีวิตเขาเปลี่ยนไปเยอะ เพราะ อย่างนั้นโอกาสที่ผู้ใหญ่ให้น่ะส�ำคัญนะ” นักชวนปั่นผู้นี้เชื่อว่า หากเราได้ท�ำงานในสิ่งที่ชอบหรือต้องการ เราจะไม่รู้สึกว่าก�ำลัง ท�ำงาน แต่เป็นการเรียนรู้ เรียนรูโ้ ดยทีไ่ ด้เงินเดือนไปด้วยอาจกดดันเพราะท�ำผลงานให้ดี แต่ ก็มคี วามสุข ดังนัน้ งานทีเ่ ธอท�ำจึงมาจากความชอบ มากกว่าการท�ำงานทีเ่ ป็นเอกสารซึง่ เธอ ไม่ชอบมัน

“พอรักมัน พี่ก็มองเห็นโอกาสจากมัน เห็นช่ องว่างจากจักรยาน เยอะมากว่าจะต้องโตกว่านี้ เราไม่ได้มองหาโอกาส แต่เรามองเห็น ความต้องการจากตัวเราเอง” 66


“ถ้าเราชอบอะไรจริงๆ พี่ว่ามันแปลงเป็นเงินได้ ทุกอย่างเลย”

การประกอบอาชีพจากสิง่ ทีต่ นรักไม่ได้เป็นเรือ่ ง ยากส�ำหรับเธอ เพราะเชือ่ ว่าหากเราชอบ เราจะมอง เห็นโอกาสจากความต้องการของเรา หากไม่ได้ท�ำ คาเฟ่จกั รยาน ก็ยงั สามารถมองเห็นโอกาสทีจ่ ะสร้าง เงินจากจักรยานได้อีกมากมายเพราะในเวลานั้นเธอ มีความต้องการหลายอย่างที่เมืองไทยยังไม่มี ดังนั้นความหมายของค�ำว่าอาชีพของสาวนัก ชวนปั่นผู้นี้ จึงให้ความหมายว่า “มันคือการเปลี่ยน สิง่ ทีร่ กั ให้เป็นเงินได้ เพราะหากเรารักทีจ่ ะท�ำมัน เรา จะท�ำมันได้ดีและมีความสุข เวลาเจอเด็กดูการ์ตูน ผูใ้ หญ่ชอบว่าไร้สาระแต่พไี่ ม่คดิ อย่างนัน้ พีจ่ ะบอกให้ เขาดู ดูให้มันรู้จริงนะ แล้วมาคิดเกมส์ คิดการ์ตูน

ท�ำให้มนั เจ๋งไปเลย ให้เขารูท้ วี่ า่ ไร้สาระ เราท�ำมันเป็น เงินได้ เหมือนที่หลายคนบอกจักรยานไม่มีทางเกิด หรอก แต่ตอนนี้จักรยานกลายเรื่องที่คนทั้งประเทศ สนใจไปแล้ว” หญิงสาวเคยเปลี่ยนงานบ่อยและยอมรับว่าตัว เองเป็นคนเบื่อง่าย แต่กับจักรยานแล้ว เหตุผลนั้น ต่างออกไป “พี่ไม่ได้มองเป็นของเล่น มันคือพาหนะ ที่ใช้ทุกๆวัน แถมยังมีหลากหลายประเภท แต่ละ ประเภทนั้ น แยกได้ อี ก หลายแบบ และที่ ส� ำ คั ญ จักรยานนัน้ พาพีไ่ ปสัมผัสโลกทีแ่ ปลกใหม่อยูเ่ สมอ คง เป็นไปได้ยากที่จะเบื่อมัน”

67


ของขวัญ การลาออกจากงานครัง้ สุดท้ายแบบปุบ๊ ปับ๊ ไม่มแี ผน ส�ำรองใดๆเพือ่ ไปปัน่ จักรยานในครัง้ นัน้ เพราะไม่อยากท�ำ สิ่งที่ต้องเสียใจในภายหลัง เธอเล่าว่าหากเราได้ไปถามคน แก่ ว่าถ้าพวกเขาย้อนเวลาได้ อยากจะท�ำอะไร และมีค�ำ พูดทีว่ า่ “เสียดาย ถ้าฉัน…”ออกมา เธอไม่ตอ้ งการเป็นเช่น นั้น ดังนั้นหากมีแรง ก็อยากจะท�ำสิ่งที่ต้องการ จักรยานได้เปลีย่ นแปลงหญิงสาวผูน้ ไี้ ป “พีก่ ลายเป็น คนทีไ่ ม่ตดิ แบรนด์ หรืออยากเดินห้างอีก เพราะได้มองเห็น สิ่งใหม่ๆ เห็นน�้ำใจของผู้คนที่อยู่นอกเมือง ผู้คนที่มีรายได้ น้อยกว่าแต่แบ่งปันราวกับเขามีอยู่เยอะ เหมือนว่าบ้านนี้ จอดมอเตอร์ไซด์ไว้ไม่ได้ใช้ถ้าจะให้คนอื่นยืมก็กลัวพัง แต่ ที่ต่างจังหวัดมอเตอร์ไซด์จะพังอยู่แล้วยังซ้อนสามอยู่เลย

เหมือนเมืองนี้เป็นเมืองแห้งวัตถุ แต่ที่ต่างจังหวัดมันไม่ใช่ เหมือนได้มาแล้วเขาต้องแบ่ง ถึงเขามีขา้ วแค่นดิ เดียวแต่ก็ ชวนเรากิน” เธอประทับใจส่วนนีม้ าก เพราะเรือ่ งราวเหล่า นั้นไม่ได้พบเห็นได้ง่ายนักในสมัยนี้ พี่แนนเชื่อว่าหากเป็นไปได้ เราควรใช้ชีวิตของเราใน การสร้ า งโอกาสให้ กั บ ผู ้ อื่ น และควรจะท� ำ สิ่ ง ที่ เ ป็ น ประโยชน์ทงิ้ ไว้ให้คนข้างหลัง อาจไม่ถงึ กับประเทศชาติแต่ เป็นครอบครัวของเราก็พอ ให้ได้ชื่อว่าไม่ได้เกิดมาตาย เปล่า

“เหมือนกับให้เราไปถามคนแก่ว่าถ้าย้อนเวลาได้อยากจะท�ำอะไร แล้วเขาตอบว่า “เสียดายนะ ถ้าฉัน…” มันให้ความรู้สึกว่า ท�ำไมต้องถ้าล่ะ ท�ำไมไม่ท�ำลงไปเลย”

68


“หากเป็นไปได้ เราใช้ ชีวิตของเรา สร้างโอกาสให้คนอื่น”

69


70


71



สุขเพียงพอ โต้ง อนวัช อนันต์


CANVAS TOTE BAG

74


เมื่อแรกลอง พี่โต้ง อนวัช อนันต์ เป็นคนหนึ่งที่เลือกท�ำงานไม่ตรงกับสายที่เรียนมา เขาเรียนเกี่ยว กับอุตสาหกรรมสิง่ ทอ แต่ในเวลาหนึง่ นัน้ ก็เริม่ รูว้ า่ ตัวเองชอบคิดออกแบบ และไปได้ดที างศิลปะ มากกว่า พร้อมกับที่เขาได้ยินค�ำกล่าวเมื่อตอนที่ไปอบรมส�ำหรับคนที่ไม่ได้จบตรงสายงานที่ ต้องการถึงการเรียนรูเ้ พือ่ เป็นอาชีพ ถึงการเรียนรูท้ วี่ า่ ก่อนเราจะไปเรียนตามหลักสูตรทีถ่ กู วาง ไว้นั้น เราก็ไม่รู้อะไรมาก่อนเช่นกัน ขณะที่เริ่มพูดคุยกันชายหนุ่มและผู้ช่วยของเขาก็เริ่มลงมือท�ำงาน ผู้ช่วยของเขาตอกหนัง อยู่ที่โต๊ะด้านหลังส่งเสียงดังเป็นจังหวะ พี่โต้งก�ำลังแกะกล่องพัสดุที่เขาส่งกลับมาแก้ที่จักร อุตสาหกรรมด้วยท่าทางสบายๆ การเริ่มต้นท�ำงานด้านกราฟิกมาจากการฝึกฝนด้วยตนเอง เขาเล่าถึงวิธีการว่า “พี่เปิดดู หนังสือต่างๆ แล้วก็ดู youtube เรียนรูแ้ ละท�ำตาม มันมีอะไรให้เรียนรูเ้ ยอะนะบนอินเตอร์เน็ต น่ะ มีผลงานมากพอก็ไปสมัครงานจะได้เรียนรูเ้ พิม่ เติม ตอนแรกนัน้ ท�ำด้านการรีทชั ภาพ ท�ำงาน ด้านสิ่งพิมพ์ เมื่อรู้สึกได้ว่ารู้พอแล้ว ก็เปลี่ยนงานไปท�ำอย่างอื่นเรื่อยๆจนถึงการท�ำออกแบบ กราฟิกของแพคเก็จและสื่อโฆษณา” อาจเป็นเพราะชอบการออกแบบ เมือ่ ต้องการของใช้เขาจึงเริม่ ออกแบบและท�ำขึน้ เอง แต่ เรื่องบางอย่างจ�ำเป็นต้องมีทักษะ ที่เกิดจากการฝึกฝนเช่น การเย็บผ้า ชายหนุม่ ใช้เงินเดือนในตอนนัน้ ซือ้ จักรเย็บผ้าแบบดิจติ อลทีว่ างขายทัว่ ไปในห้างและเศษ ผ้าเศษหนังมาหัดเย็บเองหลังเวลางาน เพื่อจะเย็บหมวกส�ำหรับการปั่นจักรยานมาใส่เอง หลัง จากนัน้ ก็มผี ลงานการฝึกเย็บออกมามากมาย เช่น เสือ้ กระเป๋า และอืน่ ๆ ในทุกๆครัง้ ทีท่ ำ� ส�ำเร็จ เขาจะโพสลงเฟซบุ๊ค

“ตอนก่อนคุณมาเรียน คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก่อนเหมือนกัน” 75


“ถ้าอยากท�ำอะไรก็ท�ำอย่างนัน้ อย่างเดียวไปเลย พอท�ำไปนานๆเข้า จากทดลองท�ำเอง จากคนที่ไม่รู้ก็กลายเป็นคนรู้ ท�ำนานเข้าก็กลายเป็นช�ำนาญ พอช�ำนาญมากเข้าก็กลายเป็นเก่ง แต่มันไม่จบหรอก เพราะยิง่ ท�ำก็ยิง่ มีสงิ่ ที่เราไม่รู้มากขึน้ อีก คงเรียนต่อไปไม่จบ”

ส�ำหรับการฝึกฝนนั่น เขาอธิบายว่า “พี่เรียกว่าการ หมกมุ่นหรือการสนใจท�ำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียวอยู่ อย่างนัน้ ไม่วอกแวก หรือหวัน่ ไหวไปกับสิง่ ทีค่ นอืน่ ท�ำ ท�ำ สิ่งนั้นไปให้ถึงที่สุด ก้าวไปในทางนั้นแล้วรอบรู้ในเรื่องนั้น ให้ถงึ ทีส่ ดุ หากท�ำไปเรือ่ ยๆ สักวันหนึง่ จะต้องเห็นผลอย่าง แน่นอน แต่ถ้าวอกแวกท�ำอย่างอื่นมันก็ไม่เห็นผล” ผลที่เขาไม่ได้คาดคิดก็คือการที่เพื่อนของเขาขอให้ ท�ำขาย แต่ก็ลองท�ำ อย่างแรกที่ชายผู้นี้ท�ำคือแพทเทิร์น หมวกจักรยานแต่เพราะใช้เวลาท�ำถึงหนึ่งเดือนก็ยังไม่ เสร็จจึงไม่คิดจะท�ำขาย เพราะราคาไม่คุ้มกับเวลาที่ใช้ จึง เลือกท�ำอย่างอื่นดีกว่า และลองท�ำไปเรื่อยๆ เจ้าของ Handmade by ANANพัฒนาความคิดจา กการท�ำของต่างๆขาย จากความรู้ที่ได้เมื่อครั้งท�ำงาน ประจ�ำ ในการออกแบบนั้นจะต้องค�ำนึงถึงอะไรบ้าง น�ำ

มาปรับใช้กับงานตรงนี้ บวกกับความคิดที่มองว่า ณ เวลา นัน้ มีอะไรบ้างทีเ่ ขาสามารถท�ำได้ มาเป็นตัวก�ำหนดสินค้า ทีจ่ ะท�ำ ซึง่ ขณะนัน้ ทีฝ่ กึ เย็บผ้าและหนัง เรียนรูก้ ารท�ำงาน ไม้มาจากพ่อของเขา และตั้งใจท�ำงานแฮนด์เมดอยู่แล้ว ร้านจึงก�ำหนดเป็นงานแฮนด์เมดซึ่งท�ำจากวัตถุดิบหลัก สามอย่างคือ ผ้าแคนวาส ไม้และหนัง ความต้องการเรียนรูย้ งั ไม่ทสี่ นิ้ สุด ชายหนุม่ ไม่พอใจ แค่การใช้จักรเย็บผ้าแบบดิจิตอล เขาจึงเริ่มหัดใช้จักร อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นจักรเย็บผ้าขนาดใหญ่ แต่จักร อุตสาหกรรมไม่เหมือนจักรอื่นที่ต้องปรับจักรทุกครั้งที่ เปลี่ยนเข็มหรือได้ ข้อดีของมันคือการเย็บหนังหรือผ้า หนาๆได้แต่ขณะเดียวกันข้อเสียของมันคือความยุง่ ยากใน การใช้งาน

“พออายุ มันถึงจุ ดหนึ่ง เราก็ต้องทบทวนว่าเรามีอะไรอยู ่กับตัวบ้าง อะไรที่เรามีอยู ่แล้วสามารถเอามาท�ำต่อได้บ้าง” 76


“บอกเขาว่าเป็นผ้าแคนวาส หนัง และไม้ วัสดุสามอย่างก็สามารถท�ำอะไร ได้หลายอย่างแล้ว แค่เอาไว้เป็นตัวไกด์ ให้เราสามารถท�ำต่อไปได้เรื่อยๆ”

77


เจ้าของ Handmade by ANANวางแผนอนาคตไว้ค่อนข้างชัดเจนหลัง ลา ออกจากงานกราฟิก เขาเคยเปิดสตูดโิ อทีส่ ขุ มุ วิทซึง่ เป็นการแชร์รา้ นร่วมกัน ในทุก ครัง้ ทีต่ อ้ งปรับซ่อมจักรอุตสาหกรรมนัน้ ยังต้องเรียกช่าง เพราะเป็นมือใหม่ในเรือ่ ง นี้ “จักรอุตสาหกรรม มันไม่เหมือนจักรอืน่ เวลาทีเ่ ปลีย่ นเข็ม เปลีย่ นขนาดด้าย ทีหนึ่งมันต้องตั้งใหม่หมด ไม่สามารถท�ำให้ราบรื่นได้ตลอดเวลา เวลาช่างมาซ่อม เราก็คอยสังเกตดูวา่ เขาซ่อมอย่างไร เราคิดไว้แล้วว่าจะไม่อยูก่ รุงเทพฯหรอก เพราะ อย่างนั้นต้องซ่อมให้ได้ อย่างน้อยก็เบื้องต้นหรือปรับจักรเป็นบ้าง” เขาอธิบาย ความคิดพร้อมกับมองจักรไปด้วย

เราไม่อยากพึ่งคนอื่น เราอยากท�ำเองให้ได้ก่อน จะพึ่งคนอื่นก็เอาให้รู้ว่าตัวเองท�ำได้เท่าไหร่ก่อน

” 78


ไร้ขอบเขต คนท�ำโปรดักซ์เป็นอาชีพของเจ้าของ Handmade by ANANในตอนนี้ และไม่ยึดติดกับ การท�ำงานแฮนด์เมดแม้ปัจจุบันจะท�ำเป็นหลักเพราะ งานของเขามีการออกแบบร่วมด้วย หรือ อาจเรียกว่าเป็นงานคราฟต์(craft) การซื้อสินค้านั้นมีเพียงช่องทางเดียวคือเฟซบุ๊ค แม้จะเป็นช่องทางเดียวแต่เป็นช่องทางที่ ค่อนข้างเปิดกว้างคือสั่งได้ทุกเวลา พี่โต้งเดินไปเปิดหน้าเพจของHandmade by ANAN เพื่อให้ ดูช่องทางสื่อสารที่แม้กระทั่งตีสองตีสามก็ยังมีคนเข้ามาสอบถามราคาเรื่อยๆ ชายหนุม่ เล่าถึงการท�ำการตลาดว่า เขาต้องการคนทีส่ นใจในงานของเขาจริงๆ “พีจ่ ะไม่แชร์ เพจ เพราะเวลาที่มีคนแชร์มาบางครั้งเราเองก็ไม่ชอบ เพราะอย่างนั้นที่เห็นคนที่กดถูกใจเพจจึง เป็นลูกค้าของเราจริงๆ เวลาทีเ่ ราโพสสินค้าไปอาจจะเป็นกระเป๋า คนทีก่ ดไลค์ใน 3,000 กว่าคน ก็จะมาซือ้ ไป ไม่นานเกินสองวันขายได้เกือบสิบใบแม้จะตัง้ ราคาใบละสองพันกว่าและระยะเวลา ที่ต้องรอสินค้าก็อาจจะนานเป็นเดือนก็ตาม”

สายสะพายกล้อง ท�ำจากหนังแท้ ตัวเส้นมีโลโก้ Handmade by ANAN

79


“เพราะเราไม่ได้จ�ำกัดแค่เครื่องหนัง ผมท�ำแฮนด์เมด จะหนังก็ได้ เอาผ้า มาใส่หน่อยก็ได้ วันหนึ่งผมอาจจะเอาเหล็กมาเป็นพันธมิตรก็ได้ คือเราเปิ ด ช่ องทางทุกอย่างให้เราท�ำงาน” เมื่อฉันสอบถามถึงความคิดหรือที่มาในการผลิต สินค้าแต่ละอย่าง พีโ่ ต้งอธิบายพร้อมกับยกกระเป๋าทีเ่ ย็บ เสร็จแล้วออกมาให้ดู “เราจะท�ำโปรดักซ์นี่เราต้องเข้าไป คลุกคลีกบั มันนะ เพราะเราต้องรูว้ า่ เขาต้องการอะไร ต้อง รูอ้ นิ ไซด์ของคนว่ามันต้องการความเท่หห์ รือใช้งานจริงจัง คนเขาสนใจเรื่องอะไรบ้าง พวกนี้ต้องคิดทั้งหมด” เพราะการก�ำหนดอย่างกว้างๆด้วยค�ำว่าแฮนด์เมด และวัสดุสามอย่างนั้น ท�ำให้เจ้าของ Handmade by ANANสามารถคิดงานได้เรือ่ ยๆ บวกกับการทีเ่ ป็นคนชอบ อะไรหลายๆอย่างทั้งการปั่นจักรยาน ถ่ายภาพและการ ท�ำของใช้แม้กระทัง่ โฮมออฟฟิศทีใ่ ช้เป็นสถานทีท่ ำ� งานนี้ ก็มาสร้างจากการออกแบบและจัดท�ำด้วยตัวเขาเองโดย มีพ่อที่มีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างและเพื่อนที่เป็น สถาปนิกช่วยเหลือ ท�ำให้เขาสามารถท�ำงานได้อย่างไร้ขอ้ จ�ำกัด ทุกอย่างที่ต้องการท�ำสามารถต่อยอดแตกออกไป ได้อีก แม้ว่าจะเป็นงานที่สามารถคิดได้เรื่อยๆแต่ยังคง สไตล์ความเรียบ เท่ห์เอาไว้ทุกชิ้น เขาตั้งใจไม่บอกแนว

80

หรื อ สไตล์ ก ารออกแบบของที่ ท� ำ แต่ ข องเหล่ า นั้ น ก็ สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้ลูกค้าสามารถแยกออกได้ว่า ชิ้นใดที่เป็นสินค้าของHandmade by ANAN ด้วยความชอบส่วนตัวของเขาเอง ชายหนุม่ คิดต่อย อดเกีย่ วกับโปรดักซ์ตา่ งๆไว้มากมาย “กระเป๋ายังสามารถ แตกออกได้อีกหลายประเภทรวมทั้งการน�ำผ้าที่มีอยู่ใน เมืองไทยมาใช้ซึ่งยังมีอีกมากมายทั้งผ้ามอฮอมของทาง เหนือ ผ้าเก่าที่มีลายหรือการทอที่แข็งแรงสวยงาม น�ำ มาสร้างเป็นสินค้ารุ่นพิเศษต่างๆยังได้” เขาชี้ไปยังชั้นที่ เก็บผ้าต่างๆไว้ในถุงพลาสติก พี่โต้งคอยมองหาสิ่งต่างๆมาใส่ในงานของตนเสมอ ดังเช่นเรื่องผ้า เพราะงานที่ท�ำอยู่นั้นเป็นงานของเขาเอง ไม่เหมือนตอนทีท่ ำ� งานประจ�ำ ทีเ่ จ้านายจะมอบหมายให้ ท�ำเป็นงานไป งานเสร็จก็คือจบแล้ว รองานใหม่เข้ามา แต่ปัจจุบันนี้ที่ท�ำของตัวเองนั้น เมื่องานจบ จะต้องมอง หาสิ่งใหม่ๆทันที ซึ่งบางครั้งอาจมาจากอินเตอร์เน็ต เว็บ ไซด์ เช่น pinterest หรือ youtube โดยบางครั้งอาจฝึก ท�ำตาม เขาใช้เครื่องมือแบบไหนก็หาซื้อมาเรียนรู้


ช่ วงเวลาเก้าโมงเช้า พี่โต้งและผู ้ช่วยท�ำงานด้วยกัน

ถ้าเราจะคิดโปรดักซ์เราต้องเอาตัวไปคลุกคลีกับมัน เพราะเราต้องรู้ ว่าเขาต้องการอะไร ต้องรู้อินไซด์ของคนว่ามันต้องการความเท่ห์ หรือการใช้ งานจริงจัง คนเขาสนใจเรื่องอะไร ก็คิดพวกนีท้ งั ้ หมด

” 81


การหาแรงบันดาลใจต่างๆที่น�ำมาประยุกต์กับงาน เขาเล่าว่า “ดูจาก pinterest พวกแฟชั่น ดูว่าเทรนด์อะไร ก�ำลังมา อย่างปีหน้าพีว่ า่ แบ็คแพ็คก�ำลังมานะ ถ้าไปเดินก็ น่าจะเจอ แต่พวกแฟชั่นพวกนั้น มันจะวนอยู่อย่างนั้น แต่ เราไม่อยากไปวน เราอยากจะเอาไปแทรก คนมันก็แต่งตัว เปลี่ยนไปเรื่อยๆ” แม้ว่าจะรักงานที่ท�ำอยู่ แต่ก็ไม่เชื่อว่าคนเราจะ สามารถท�ำงานเพียงอย่างเดียวไปตลอดได้โดยเขามีวิธี เคลียร์สมองให้ปลอดโปร่งโดยการปั่นจักรยานเพื่อให้ สามารถลุยงานใหม่ได้ดยี งิ่ ขึน้ โดยเส้นทางทีใ่ ช้ปน่ั เป็นถนน หลักเลียบทะเล หากอยากแวะลงเที่ยวทะเลก็เพียงแค่ เลี้ยวเข้าซอยและตรงไปไม่นานก็จะถึงทะเลและหากหัน ไปอีกทางก็จะเจอภูเขา นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่จังหวัด ตราดสามารถเติมเต็มความต้องการของชายผูน้ ไี้ ด้ครบ ปัน่ 82

จนพอใจแล้วก็กลับมาท�ำงานต่ออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับการปั่นจักรยาน ถ่ายรูปที่เขาเองก็ชื่น ชอบ รูปสินค้าทุกชิ้นที่อยู่บนเพจนั้นเขาจะเป็นผู้ถ่ายเอง ทัง้ หมด โดยอธิบายว่า จะถ่ายเฉพาะช่วงเช้าของวันเท่านัน้ เพราะหากเลยไปช่วงบ่ายแล้วแสงที่ได้จากธรรมชาติจะ เป็นสีแดง ท�ำให้สีของสินค้าเพี้ยนไปจากช่วงเช้าซึ่งเป็นสี ขาว ในอนาคตข้างหน้าที่เจ้าของ Handmade by ANANวางแผนเอาไว้นน้ั ว่าตัง้ ใจจะขยายงานทีท่ ำ� ไปเรือ่ ยๆ เท่าทีค่ วามสามารถทางการเงินจะท�ำได้ และยังมีโครงการ ที่คิดไว้กับเพื่อนว่าจะท�ำสินค้าซึ่งอาจจะไม่จ�ำกัดว่าเป็น แฮนด์เมดอีก โดยน�ำสิง่ ทีไ่ ด้จากการเรียนรู้ ทดลองงานตรง นี้เป็นกรณีศึกษาว่าอุปสรรคที่จะต้องเจอนั้นคืออะไรบ้าง


ที่นอนและที่ท�ำงานของพี่โต้ง โดยที่แห่งนี้ เขาค่อยๆสร้างขึ้นด้วยตนเอง จากความร่วมมือจากพ่อและเพื่อนของพ่อ

83


84


85


ตัวคนเดียว Handmade by ANAN นัน้ มีพโี่ ต้งท�ำเป็นหลักเพียงคนเดียวเท่านัน้ สินค้าทีท่ ำ� ขึน้ มาจึงไม่สามารถ ตอบสนองลูกค้าที่มีมากกว่าได้ทัน “ถ้าสัง่ ตอนนี(้ สิน้ เดือนตุลาคม)ก็รอปีหน้าเลย แล้วแต่ควิ บางคนสัง่ อันเดียว แต่บางคนสัง่ คนเดียว 20 อัน เท่ากับว่าคนเดียวทีส่ งั่ อันเดียวต้องรอของคน 20 คนนีท้ นั ทีเลย เห็นปัญหาแล้วใช่ไหม มันมีอย่าง นี้เข้ามาเรื่อยๆ มันไม่ได้ท�ำแปบเดียว แต่ก็มีคนสั่งแบบนี้เอาไปแจกปีใหม่ ถุงรูดแบบนั้นเขาสั่งกัน 200 ชิ้นอย่างนี้ แบบนี้เราท�ำงานไม่ทัน” เจ้าของ Handmade by ANANอธิบาย ชายหนุ่มเล่าว่าเคยมีห้างสรรพสินค้ามาติดต่อให้ท�ำสินค้าไปวาง แต่ด้วยค่าการวางสินค้าหรือการ จัดโปรโมชั่นหักลบกับต้นทุนการจัดท�ำ จะไม่ได้ก�ำไรเลย และปัญหาเรื่องแรงงานอีก จึงตัดสินใจไม่ตอบ ตกลงกับข้อเสนอนั้น แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะพอใจกับการขายสินค้าในช่องทางปัจจุบันอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ยังอธิบายให้ลูกค้าส่วนหนึ่งเข้าใจไม่ได้นั้นคือการที่วัสดุสามอย่างที่ใช้นั้นจะมีการเปลี่ยน สีไปตามช่วงเวลา เขาเล่าว่า “เคยมีลกู ค้ามาถามนะ เขาไม่พอใจกระเป๋าทีซ่ อื้ ไปตอนแรกมันเป็นสีนำ�้ เงิน พอใช้ไปใช้มากลายเป็นสีเทา เราก็บอกเขาว่ามันอยู่ที่น�้ำยาผ้า น�้ำยาดีมันก็แพงขึ้นไปอีก แล้วผ้ามันแพง ขึ้นนะ เมื่อก่อนพี่ซื้อราคาถูกกว่านี้เยอะ”

86


พี่โต้งมีงานอดิเรกอีกอย่างคือการปั่ นจักรยาน

87


ภายในที่ท�ำงาน

88


พอที่เรา ครัง้ ทีท่ ำ� งานประจ�ำอยู่ พีโ่ ต้งมักจะไปท�ำงานสาย เป็นประจ�ำ คนที่บริษัทไม่ค่อยพอใจในจุดนี้เท่าใดนัก แต่เขาเชือ่ ว่าตนเป็นคนทีก่ ลับหลังสุดเสมออยูแ่ ล้ว ดัง นัน้ มันจึงควรหักลบกันได้ ผิดกับปัจจุบนั ทีง่ านเป็นของ เขา จะตืน่ มาท�ำเมือ่ ใดก็ได้ บางครัง้ เมือ่ เจองานเร่ง เขา ก็อาจจะนอนน้อย ถึงที่สุดคือประมาณสี่ชั่วโมง โดย นอนตอนตีสแี่ ละตืน่ ตอนแปดโมงเช้า แต่การตืน่ นัน้ ไม่ ได้ให้ใครมาปลุก สามารถลุกขึ้นมาท�ำต่อได้เอง จุดนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าชื่นชอบงานที่ท�ำอยู่จาก ใจจริง หากถามเจ้าของ Handmade by ANANเกี่ยวกั บความส�ำเร็จที่วางไว้นั้น เขากล่าวว่า “มันเรียกว่า ความสบายใจมากกว่า เราไม่รู้ว่าความส�ำเร็จเป็น อย่างไร ขึ้นอยู่กับแต่ละคน มันอยู่ความพอใจ ถ้าเป็น ความพอใจ พีว่ า่ พีพ่ อใจละ ก็ทำ� อย่างนีไ้ ปเรือ่ ยๆถือว่า ส�ำเร็จในสิ่งที่ท�ำ มันอยู่ที่มุมมอง บางคนมองเป็นชื่อ

เสียง เงินทอง แต่ของพีม่ นั คือการท�ำงานอยูท่ บี่ า้ น งาน ทีท่ ำ� ได้ทกุ วัน ท�ำแล้วมีความสุข เรือ่ งเงินอะไรมันอยูท่ ี่ เราจริงจังกับมันแค่ไหน ถ้าจริงจังเงินก็มาเอง” ชายหนุ่มสบายใจที่ได้ท�ำงานที่บ้าน งานที่ตน สามารถท�ำได้ทุกวัน ท�ำแล้วมีความสุข ส่วนเรื่องเงิน จะตามมาทีหลัง หากเราจริงจังกับมันมากแค่ไหน เงิน ก็จะตามเรามาเท่านั้น แต่หากเราไม่ได้พัฒนาตัวเอง คนอื่นก็จะน�ำหน้าเราไป ความส�ำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับตัว เรา เขาเอ่ยถึงความหมายของอาชีพว่า “ต้องเป็นสิ่ง ที่ให้คุณค่าทางจิตใจ และส�ำคัญที่สุดคือให้ความสุข หากต้องท�ำงานที่ไม่มีความสุข สมองของเราจะไม่คิด ต่อ เราจะไม่อยากคิด ไม่อยากท�ำ แต่หากมีความสุข แล้ว เราจะกระตือรือร้นที่จะทดลองท�ำ หาข้อมูล หา ทางพัฒนามันต่อเรื่อยๆ”

“ถ้าเป็นความพอใจ พี่ว่าพี่พอใจละ ก็ท�ำอย่างนีไ้ ปเรื่อยๆ ถือว่าส�ำเร็จในสิง่ ที่ท�ำ มันอยู ่ท่มี ุ มมอง บางคนมองว่าชื่อเสียง เงินทอง แต่ของพี่คือการท�ำงานอยู ่ท่บี ้าน ไม่ท�ำทุกวัน ท�ำแล้วมีความสุข” 89


90


ความคิดที่(ถูก)เปลี่ยน ครัง้ หนึง่ ในชีวติ เคยประสบอุบตั เิ หตุทางรถคว�ำ่ เขาจึงมีความคิดที่จะใช้ชีวิตโดยมีความสุขเป็นเป้า หมายหลัก เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นท�ำให้รู้ว่า คนเรา จะจากไปเมื่อใดก็ได้ หากในตอนนั้นพี่โต้งไม่ได้ กระเด็นตกลงไปในน�้ำ คงตายไปแล้ว ทั้งที่ก่อน หน้านั้นเขาเพียงแค่ต้องการจะกลับไปกินข้าวกับ พ่อแม่ที่บ้านเท่านั้น หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ท�ำให้เขาคิดว่าควร จะลองท�ำสิ่งที่อยากท�ำ ท�ำดูก่อนได้หรือไม่ค่อยว่า กันอีกที หากท�ำได้มันก็จะสนุกเอง ช่วงเวลาหนึ่งเขาใช้หลักการหมกมุ่นในการ เรียนรู้สิ่งต่างๆ และช่วงเวลานี้เป็นการน�ำสิ่งที่เคย ได้เรียนรู้มาใช้งาน เจ้าของ Handmade by ANAN

บอกว่าทุกวันนี้ก็ได้ใช้ทุกอย่างที่เรียน(หมกมุ่นกับ มัน)มา ทั้งการเย็บผ้า หนัง การถ่ายรูป ปรับแต่ง ภาพ การออกแบบ และอื่นๆ การที่พี่โต้งเรียนรู้อะไรด้วยตนเองมากกว่าที่ จะให้ใครสอน เขาให้เหตุผลว่า “อะไรที่เราไม่ได้ มั่นใจว่าเราท�ำได้ แต่เราไม่อยากให้ใครมาเบี่ยงเบน กับมัน คือการที่คนนี้บอกว่าไอ้นี่ดี แล้วมันดีจริง หรือ แล้วคนก็ไปเชื่อมัน คือเราไม่อยากให้ใครมาตี กรอบ เราไม่ได้ไปขัดว่าเราเจ๋งนะ แค่อยากลอง หลายๆทาง แล้วมาวิเคราะห์ใช้ในจุดที่เป็น ประโยชน์ส�ำหรับเราจริงๆมากกว่าเราไปฟังเขาแล้ว ทุกคนเข้ามาขัดขวางความเป็นตัวเรา”

“วินาทีท่จี ะตายนัน้ เราไม่รู้ตัว เพราะอย่างนัน้ ท�ำในสิง่ ที่อยากท�ำให้เต็มที่ มันแต่ปล่อยเวลาไปไม่ได้ ท�ำที่อยากท�ำ ได้ไม่ได้ท�ำไปก่อน อย่างน้อยท�ำแล้ว เรามีความสุข”

91


92


93


เมื่อปลายคำ�ตอบ สิ่งที่สังเกตได้จากบุคคลในหนังสือเล่มนี้ คือทุกคนท�ำในสิ่งที่ต้องท�ำแต่ขณะเดียวกันก็เลือก ท�ำในสิง่ ทีต่ นเองชืน่ ชอบและอยากเรียนรูอ้ ยูเ่ สมอ พวกเขาออกตามหาความชอบของตนอย่างใจเย็น ส�ำหรับคนทีย่ งั ไม่รวู้ า่ ตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไรบางครัง้ อาจจะต้องลงมืออย่างใจเย็น ทดลองท�ำ ทุกอย่างที่เรามีโอกาสจะท�ำเพื่อตามหาสิ่งนั้น โอกาสทีส่ ร้างได้โดยไม่ตอ้ งอาศัยต้นทุนเป็นเงินจ�ำนวนมากนัน้ คือการสมัครเข้าท�ำงานประจ�ำ เป็นพนักงานกินเงินเดือน แม้เราจะได้ยินกิตติศัพท์ข้อเสียเกี่ยวกับมันมาอย่างมากแต่ปฏิเสธไม่ได้ ว่า งานประจ�ำคือสถานที่เรียนรู้การท�ำงานที่ดีแห่งหนึ่ง ดังเช่นทุกคนในหนังสือเล่มนี้ได้เรียนรู้มา พวกเขาน�ำมาปรับใช้จนกลายเป็นจุดเด่น เราอาจตัง้ เป้าหมายเพือ่ ความสุข แต่ไม่ได้หมายความจะมีความสุขเมือ่ ปลายทางความส�ำเร็จ เท่านั้น เราควรมีความสุขระหว่างทางที่เลือกเดินไปพร้อมกับการสร้างส�ำเร็จให้กับตัวเอง ดังนั้น ส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการก�ำหนดเป้าหมายจึงขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตที่เราต้องการด้วย ขอขอบคุณบุคคลที่ท�ำงานด้วยความรักทั้ง 4 คนที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นแรงบันดาลใจแก่ทุกคน และความร่วมมือในการจัดท�ำหนังสือสารคดีเล่มนี้จนส�ำเร็จ

94


95


เราทำ�งานทุกวันสุข ขอบคุณค่ะ



บุคคล 4 คนที่เลือกทำ�สิ่งที่ให้ความสุขแก่ตัวเองมากที่สุด เรื่องราว 4 เรื่องที่บอกแรงบันดาลใจในการทำ�งานให้เป็นงานของตัวเอง หลากข้อคิด หลายประโยชน์ที่คุณสามารถปรับใช้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.