The Illustrated book design of Mental disorder prevention

Page 1


คำ�นำ� ในปัจจุ บันโรคทางจิตเวชกลายเป็ นประเด็นใหญ่ใน สั งคมมากขึน ้ ขณะเดียวกันในสั งคมไทยมีผที ู้ ่ไม่เขาใจ ้ โรคประเภทนี้ อยู ่มากเช่นกัน และมักคิดว่าโรคทางจิตเวช นี้ เป็ นเพี ยงภาวะทางอารมณ์ช่วงหนึ่ งแล้วก็หาย เพราะ อาการบางอย่างอาจเหมือนอารมณ์ทั่วๆไปที่ทุกคนมี ปกติ แต่หากเป็ นในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานก็มีความ เสี่ ยงจะเป็ นโดยเฉพาะในวัยรุ นที ่ ่มีการเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆ มักจะเป็ นได้โดยงายและไม ่ ่รู ตั ้ ว ที่สำ�คัญไม่ กล้าไปหาหมอเพราะถูกปลู กฝังว่าการไปหาหมอเท่ากับ เป็ นผูไม ้ ่สมประกอบทางจิต ผูออกแบบเล็ งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึน ้ โดยเฉพาะ ้ ความเสี่ ยงต่อการเป็ นโรคทางจิตเวช ที่หากปล่อยให้ สะสมไว้เรื่อยๆอาจส่งผลรายในอนาคต จึงคิดที่จะ ้ ออกแบบหนั งสื อคู่มือป้องกันตัวจากโรคทางจิตเวช โดย จะอธิบายโรคทางจิตเวชที่พบส่วนใหญ่คราวๆ พรอมทั ้ง ่ ้ วิธีป้องกันไม่ให้ผูที ้ ่มีความเสี่ ยงเป็ นโรคทางจิตเวช



สารบัญ

6 12 17

แนวคิดการเกิด โรคทางจิตเวช

กลไกป้องกันตน

โรคเครียด

โรคซึมเศร้า

โรคอารมณ์ 2 ขั้ว หรือไบโพล่าร์

โรควิตกกังวล

23 29 35


41 45 51

Socia phobia

โรคย้ำ�คิดย้ำ�ทำ�

หวาดระแวง / หลงผิด

นอนไม่หลับ

โรคทางจิตเวชที่ พบบ่อยในวัยเด็ก และวัยรุ่น

การดูแลสุขภาพ จิตให้ดี

55 58 62


แนวคิดการเกิด โรคทางจิตเวช โรคทางจิตเวชนั่ นแตกต่างจากโรคทั่วๆไปตรงที่ชื่อโรคบอกเพี ยง กลุ่มอาการในขณะที่โรคอื่นๆจะมีสาเหตุชัดเจน เช่น การอักเสบ แพ้ เนื้ องอก นอกจากนี้ โรคทางจิตเวชนั้ นเกิดมาจากหลายๆ สาเหตุอย่างไม่เจาะจง บางครั้งเกิดกับคนปกติเป็ นครั้งคราว เช่น ตเวชแตกต่างกันไป นอนไม่หลับ ทำ�ให้เกิดความเขาใจโรคทางจิ ้

6


แนวคิดการเกิดโรคทางจิตเวช (ในปัจจุบัน)

1. แต่ละคนมีความเสี่ ยงทางชีววิทยาที่จะป่วยเป็ นโรคทางจิตเวชไม่เท่ากัน (Predisposing factors)

2. ปัจจัยเสี่ ยงดังกล่าวได้แก่พั นธุ กรรม สิ่ งที่เกิดหลังการปฏิสนธิ เช่น ยา รังสี การทำ�งานของเซลล์ รางกาย อาการเจ็บป่วยต่างๆ ่

7


3. ปัจจัยบางประการที่อาจจะไม่ส่งผลโดยตรง แต่ส่งผลทางด้านพื้ นฐานอารมณ์ที่อาจจะไปเชื่อม ้ หรือน้อยลง เช่น คนที่ตกใจงายอาจจะหลี กเลี่ยงสิ่ ง โยงกับสิ่ งรอบตัว ส่งผลกับอาการป่วยว่ามากขึน ่ ที่ทำ�ให้ตกใจ

4. ความเครียดทางจิตสั งคม (Psychosocial stress) ที่เกิดขึน ้ ก่อนป่วยทางจิตเวชมีผลต่อการ ทำ�งานของยีนชั่วคราวหรือถาวร แต่อาการป่วยยังไม่เกิดขึน ้ ตอนนั้ น เช่น การใช้ยาบางตัวที่ทำ�ให้ง่วง และส่งผลกับการเรียน ทำ�ให้นอนหลับในห้องเรียนและเรียนไม่รู ้เรื่อง

8


5. จากขอ ้ ช้าๆ จนในที่สุดแสดงออกมาจนครบ โดย ้ 4 การป่วยเป็ นโรคทางจิตเวชจะค่อยๆก่อตัวขึน ไม่พบว่าบุคคลนั้ นเผชิญความเครียดในตอนนั้ นแต่อย่างใด

6. จากขอ ้ 4 เมื่อบุคคลนั้ นเผชิญสิ่ งเครียดใดๆ(precipitating factors) อาจแสดงอาการป่วยให้ เห็นในเวลาใกล้เคียงกับเหตุของความเครียดนั้ นๆ เช่น เมื่อเรียนไม่รู เรื ้ ่องก็จะเริ่มวิตกังวลว่าจะสอบ ไม่ได้

9


7. เมื่อป่วย ปัจจัยด้านสั งคมก็ส่งผลให้มีอาการป่วยหายช้า เรื้อรัง (Perpetuating factors) หรือเมื่อหายแล้วก็สามารถกลับไปเป็ นได้อีก เรียกว่า kindling effect

8. แต่ละบุคคลก็อาจได้รับความเสี่ ยงที่จะเป็ นทำ�ให้ป่วยยากหรือหายเร็วตามขอ ้ 1-7 เช่นกัน

10


9. จากขอ ้ 1-8 จะเห็นได้ว่า แต่ละบุคคล แต่ละโรค แต่ละครั้ง มีน้ำ�หนั กของจิตใจและสั งคมที่ทำ�ให้ ป่วยไม่เท่ากัน


กลไกป้องกันตน ตใจโดยซิกมันด์ฟรอยด์ โครงสรางของจิ ้ น 3 ส่วน ดังนี้ แบงออกเป็ ่ Superego ส่วนความรู สึ ้ กผิดชอบชั่วดีซึ่ง มีหน้าที่คอยตัดสิ นความคิด การกระทำ�ถูกหรือ ผิด ซึ่ฃเรียนรู มาจากคนสำ �คัญในครอบครัว ้ หรือวัยเด็ก และภาพลักษณ์ในอุ ดมคติของ ตนเอง

EGO เป็ นส่วนที่อยู ่ทั้ง 3 ของจิตใจ ทำ�หน้าที่ ควบคุม บริหาร จัดการต่อแรงขับต่างๆ ที่มา ปฏิสัมพั นธ์กัน ทำ�หน้าที่ประนี ประนอมระหว่าง แรงขับจาก ID กับความเป็ นจริงภายนอก และ แรงต่อต้านจาก Superego

ID เป็ นส่วนที่อยู ่ในจิตไร้สำ �นึ กเท่านั้ น เป็ นแรง ขับดั้งเดิมของเรา แบงออกเป็ นแรงขับทาง ่ เพศ (libidinal drive) และแรงขับทางความ ก้าวราว ้ (aggressive drive)

กลไกป้องกันตน เป็ นอาการปกติเพื่ อปรับสมดุลจิตใจให้สมดุลอีกครั้ง หลังเกิดความขัดแย้งในจิตใจ เช่น การฉุนเฉี ยว โดยจะเกิดระดับจิตไรสำ ้ �นึ ก กลไกนี้ เป็ นการปรับตัวของ ego แต่หากใช้กลไก เดิมๆ หรือไม่ถูกสถานการณ์ก็อาจเกิดปัญหาทางจิตได้

12


เก็บกด(Repression) - เก็บกดความคิด ความรู สึ ้ ก ความต้องการที่ตนเองยอมรับไม่ได้ไว้ในระดับ จิตไรสำ ้ �นึ ก

การโยนความผิดให้ผูอื ้ ่น(Projection) - โยนความรู สึ ้ กที่ไม่ต้องการหรือไม่ยอมรับไปให้ผูอื ้ ่น

การแทนที่(Displacement) - เปลี่ยนเป้าหมายที่ตัวเองเกิดความรู สึ ้ กไปที่อื่น โดยมีผลเสี ยกับตัว เองน้อยกว่า เช่นโดนครู ว่ามา แล้วเก็บความไม่พอใจไปลงที่ผูอื ้ ่น

13


Reaction - formation - ความต้องการหรือความรู สึ ้ กที่ไม่ยอมรับเปลี่ยนเป็ นภาวะตรงขาม ้ เช่น การเลี่ยงการพูดบางอย่างเพราะรู สึ ้ กอีกอย่าง

การหาเหตุผลเขาข ้ างตั ้ วเอง(Rationalization) - การหาเหตุผลมาอธิบายความคิด การกระทำ� ของตนเอง ที่จิตใจยอมรับไม่ได้ เช่น เมื่อเราสอบตก อ้างว่าครู สอนน่าเบื่อจึงเรียนไม่รู ้เรื่อง

การใช้ปัญญา(Intellectualization) - การหาเหตุผลทางความคิด หรือการใช้ปัญญาในการหลีก เลี่ยงเรื่องที่ไม่สบายใจ เช่น เมื่อสอบตกเราจึงตั้งใจเรียนมากขึน ้ แทนที่จะเศราใจ ้

14


การแยกอารมณ์(Isolation) - อารมณ์ที่เกิดควบคู่ความนึ กคิด ซึ่งถูกแยกและเก็บกดไว้ เช่น การ พูดถึงเรื่องราวสะเทือนอารมณ์ของตนด้วยท่าทีเฉยๆ ไม่รู สึ ้ กอะไร

Sublimation - เปลี่ยนความรู สึ ้ ้ กเป็ นแรงขับที่สังคมยอมรับ เช่น ชอบช่วยเหลือ มีเมตตาจึงโตขึน เป็ นหมอ

การลบล้าง(Undoing) - การต่อต้านความคิด ความรู ้สึ กผิดต่างๆด้วยการกระทำ�บางอย่างเพื่ อ ลบล้างสิ่ งที่ผิดเป็ นการชดเชย เช่นการคิดไม่ดีกับใครคนหนึ่ งแล้วรู สึ ้ กผิดจึงทำ�ตัวดีด้วย

15


โรคเครียด



เครียดเกิดจากอะไร ?

โรคเครียด เกิดจากการกระตุ้นที่รุนแรงไมว่าจะทางดีหรือไม่ดี การเปลี่ยนแปลงที่เราไม่สามารถ ควบคุมหรือคาดเดาอะไรได้เลย เช่น การทำ�งานเรงด ่ ่วน การเปลี่ยนแปลงทางด้านสั งคม เพื่ อน โรงเรียน การเติบโต ปัญหาสุ ขภาพ ปัญหาทางครอบครัว ที่ทำ�งาน การไม่มีความสุ ข ไม่ภูมิใจในตัว เอง การเงิน เป็ นต้น 18


นอกจากปัจจัยทั่วๆไปในชีวิตประจำ�วันแล้ว โรคเครียดยังมีสาเหตุจาาการพบเจอเหตุการณ์รายแรง ้ นนี ้ ม ี ค วามเสี ่ ย งสู ง กว าคนทั ่วไป ต่างๆหรือการป่วยเป็ นโรคทางจิตเวชอยู ่แล้วเช่นกัน ซึ่งในกรณ๊ขางต ้ ้ ่ มากทีเดียว

เคยเจออุ บัติเหตุรายแรง ้ ที่เกือบเสี ยชีวิต

ประสบกับภัยพิ บัติทางธรรมชาติ เช่น อุ ทกภัย อัคคีภัย วาตภัย

เป็ นโรคทางจิตเวชอยู ่แล้ว เช่น วิตกกังวล ซึมเศรา้

19


ประโยชน์ของความเครียด

ความเครียดทำ�ให้เราดึง พลังการทำ�งานออกมา ได้อย่างสู งสุ ด

เพราะว่าเมื่อบรรลุ จน บรู ว้ ่าจะ เสร็จ รางกายรั ่ ได้รับการพั กผอน ่

และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในรางกายดี ขน ึ้ อีกด้วย แต่หากมีความเครียดนานๆ ่ จะทำ�ให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแย่ลงได้

20


ปลดปล่อยและผอนคลายความเครี ยด ่

ทำ�สมาธิ หาที่สงบๆ ผอนคลาย ่ หลับตาแล้วเพ่งมองไปขางหน ้ ้า จดจออยู ่ ่กับลมหายใจเขาออก ้

การมองดูวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติจะช่วย ให้เรารู สึ อารมณ์ดีขน ึ้ ้ กผอนคลาย ่

หาเรื่องสนุกที่ทำ�ให้ หัวเราะได้เช่น อ่าน การตู ์ น ฟั งเทปตลก การหัวเราะทำ�ให้เรา อารมณ์ดีขน ึ้ มีชีวิต ชีวามากขึน ้ จัดแบงเวลาการทำ �งานให้ดีขน ึ้ ่ ลำ�ดับความสำ �คัญก่อน-หลังให้ดี บางสิ่ งที่ไม่สำ �คัญหากสามารถตัด ได้ก็ควรตัด 21


โรคซึมเศร้า



โรคซึมเศราคื ้ ออะไร ?

อารมณ์ที่เกิดจากความผิดหวัง หรือการสู ญเสี ยซึ่งพบเห็นได้ตาม ชีวิตประจำ�วันธรรมดา มีมากน้อย แตกต่างกันไป

แต่ถ้าอารมณ์เศราที ้ นั้ นเป็ นอยู ่นานโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขน ึ้ หรือรุ นแรง มีอาการต่างๆติดตาม ้ ่เกิดขึน มา เช่น นอนหลับๆ ตื่นๆ เบื่ออาหาร น้ำ �หนั กลดลงมาก หมดความสนใจต่อโลกภายนอก ไม่คิด อยากมีชีวิตอยู ่อีกต่อไป ก็อาจจะเขาข มเศราแล ้ ายของโรคซึ ่ ้ ้ว 24


ลักษณะอาการของโรคซึมเศรา้ เศรา้ ลักษณะสำ �คัญ ของโรคนี้ หลักๆ คือ

รู สึ ้ กว่างเปล่า ไรค ้ ่า

หดหู่

เก็บตัว ไรแรงบั นดาลใจ ้ เบื่อหน่าย หมดอาลัยตายอยาก

รองไห ้ ้ ไม่สดชื่น นอนไม่หลับ น้ำ �หนั ก ลด รู สึ ้ กตัวเองไรค ้ ่า ตำ�หนิ ตัวเอง เหม่อลอย หลงลืม งาย ่ มีความคิดอยากฆ่าตัว ตายเป็ นต้น ซึ่งส่งผลต่อชีวิต ประจำ�วันอย่างมาก

โดยหากพบว่ามีอาการนาน มากกว่าหรือเท่ากับ2อาทิตย์ เป็ นต้นไปให้เริ่มสงสั ยได้แล้ว ว่าอาจจะเป็ นโรคซึมเศรา้

25


สาเหตุของโรคซึมเศรา้ พั นธุ กรรม เช่น จากพ่อแม่จะมีอัตรา เป็ นมากกว่าคนปกติถึง 2-3 เท่า

สารเคมีในสมองที่เรียกว่า norepinephrine serotonin dopamine ผิดปกติ

ปัจจัยทางด้านจิตสั งคม เหตุการณ์ในชีวิต สภาพแวดล้อม ความเครียดจากเหตุการณ์บางอย่าง เช่น การสู ญเสี ย ความกดดัน บางครั้งผูป ้ ่ วยมีความ รู สึ เช่น ความคิดแง่ ้ กซึมเศราเอง ้ ลบมองความบกพร่องของตนเอง การมองโลกในแงร่ าย ้ แต่ไม่ว่า อย่างไรสภาพแวดล้อมสถานการณ์ เองก็เป็ นสิ่ งที่มีผลในการกระตุ้น

ผูป โรคอื่นรวมด ้ ่ วยเป็ นโรคซึมเศราอาจจะมี ้ ่ ้วยได้ เช่น โรคอารมณ์ 2 ขัว้ โรควิตกกังวลและโรคทาง จิตเวชอื่นๆรวมด ่ ้วย

26


การรักษา

การรักษาโรคซึม เศร้าสามารถทำ�ได้ หลายทาง ทั้งทานยา จิตบำ�บัด

แต่ที่สำ�คัญคือคนรอบขาง ้ คนรอบตัว สภาพแวดล้อม

ผูที ้ ่ใกล้ชิดกับผูป ้ ่ วยจะ ต้องทำ�ความเขาใจกั บ ้ ผูป ้ ่ วย และหลีกเลี่ยง เหตุการณ์ คำ�พูด ที่ เป็ นการกระตุ้นให้โรคซึม เศรากำ ้ �เริบ

27


โรคไบโพล่าร์



โรคไบโพล่ารคื ์ ออะไร ? มักถูกเขาใจผิ ดเป็ นโรคหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder) ้

แต่ผูป บกับซึมเศรา้ หรืออาการอย่างใดอย่างหนึ่ งใน ้ ่ วยจะมีอาการเริงราสลั ่ ช่วงเวลากว่า 1 สั ปดาห์

อัตราผูที ้ ่เป็ นมีตั้งแต่เด็กจนถึงผูใหญ ้ ่วัย 50 ปี และอายุ เฉลี่ยที่เริ่มเป็ นคือ 20 ปี สาเหตุ การเป็ นนั้ นมีหลายๆสาเหตุรวมกั น ทั้งพั นธุ กรรม ความผิดปกติของการส่งประสาท และ ่ ภาวะคล้ายกับโรคซึมเศรา้

30


Manic episode ขัว้ เริ่งรา่ ผูป ้ ่ วยจะมีความสุ ขมาก อารมณ์ดี คึกคะนอง

ผูป ้ ่ วยจะเชื่อว่าตัวเองสามารถทำ�สิ่ งที่เป็ นไปไม่ได้ได้ เปลี่ยนความสนใจงาย ่ ความคิดแล่นเร็ว พูดมาก พูดเร็ว

ความต้องการนอนลดลง ความต้อง การทางเพศสู ง

31


Major depressive episode ขัว้ ซึมเศรา้ ผูป ้ ่ วยจะมีอารมณ์คล้ายกับ โรคซึมเศรา้ หดหู่ รองไห ้ ้ เบื่อ หน่าย ไม่สดชื่น นอนไม่หลับ น้ำ �หนั กลด รู สึ ้ กตัวเองไรค ้ ่า ตำ�หนิ ตัวเอง เหม่อลอย หลงลืมงาย ่ มีความ คิดอยากฆ่าตัวตาย

รู สึ ้ กตัวเองไรค ้ ่า ตำ�หนิ ตัวเอง เหม่อลอย หลงลืมงาย ่ มีความคิดอยากฆ่าตัว ตาย

32


การรักษา

มีตั้งแต่การรักษาด้วย การมาพบแพทย์เพื่ อ รับคำ�ปรึกษา

การทานยาขึน ้ อยู ่กับ อาการของโรค

รวมถึงครอบครัวและคนรอบขางเองก็ มี ้ ส่วนช่วยในการรักษาด้านจิตสั งคม

33


โรควิตกกังวล



โรควิตกกังวล อาการทาง ประสาทที่มีความ กลัวที่มากเกินไป เป็ นโรคที่เกิดจาก สาเหตุอะไรก้ได้ที่ ไม่แน่นอนหรือมี สาเหตุที่ไม่แน่ชัด

เมื่อเป็ นหนั กมาจจะทำ�ให้เกิด อาการหมดอาลัยตายอยาก นอนไม่หลับ และเป็ นร่วมกับ ความเครียดได้

โรควิตกกังวลอาจจะมีอาการตื่น ตระหนก(panic)รวมด ่ ้วย เช่น หายใจ ไม่ออก แน่นเจ็บหน้าอก โรคตื่นตระหน กมาจเป็ นได้จากพั นธุ กรรม และช่วง อายุ วัยรุ นตอนต ่ ้น

36


วิตกกังวลนั่ นสามารถแบงย ่ ่อยไปได้อีกหลายๆโรค เช่น

Separation anxiety disorder การกลัวการแยกจาก

Selective mutism ไม่ สามารถสื่ อสารด้วยการพูดได้ ในบางสถานการณ์ แต่จะเป็ น ปกติเมื่ออยู ่กับคนที่ใกล้ชิด

37


Specific phobia โรคกลัว (Phobia) อาการหวาดกลัว ต่างๆที่ไม่ใช่การกลัวธรรมดา เป็ นการหวาดกลัวสิ่ งของ วัตถุหรือการทำ�กิจกรรม ต่างๆ เช่น Claustrophobia หรือโรคกลัวที่แคบ Trypophobia หรือโรคกลัว รู เป็ นต้น

Panic disorder อาการกลัว ตื่นตระหนก ที่รุนแรง มักมีอาการทางกายรวม ่ เช่น ใจ สั่ น เหงื่อแตก หายใจติดขัด เวียนหัวเป็ นลม คลื่นไส้

38


การรักษา

การรักษาทำ�ได้ด้วยการ พบแพทย์

ทำ�สมาธิ

หรือบำ�บัดด้วยการให้ผูป ้ ่ วยฝึ กการ ควบคุมการหายใจ เพื่ อให้ผูป ้ ่ วย ผอนคลาย ่

39


Social phobia



Social Phobia ?

เป็ นความกังวลเมื่อต้องไปอยู ่ในสถานการณ์ที่ รู สึ อื ้ กว่าตัวเองกำ�ลังถูกจองมองจากผู ้ ้ ่นกลัวว่า ตนเองอาจทำ�อะไรที่น่าอับอายขายหน้า เช่น การ พูดหน้าชั้น การพูดในที่ประชุม หรือแม้กระทั่ง การเดินเขาไปในที ่คนเยอะๆ และ รู สึ ้ ้ กว่าสายตา หลายๆคู่กำ�ลังมองมา โดยบางรายเลือกที่จะหลีก เลี่ยงการเขาสั ้ งคมทำ�ให้ส่งผลกระทบต่อชีวิต ประจำ�วัน มักมีอาการนานมายาวนานอย่างน้อย 6 เดือนขึน ้ ไป โรคนี้ พบได้ 2-3% ในคนทั่วไป

42


การรักษาและดูแล และการรักษาแบจิตบำ�บัดไปด้วย กัน ซึ่งได้ผลดีมากหากทำ�ควบคู่กัน

รักษาด้วยาลดความวิตกกังวล *ต้องได้รับการปรึกษาและอนุญาต จากจิตแพทย์

การใช้ยานั้ นได้ผลดีในความกลัวแบบเฉพาะเจาะจง เช่น การกลัวการพูดหน้าชั้นเรียน อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัว และทำ�จิตใจให้สงบก่อนก็ถือเป็ นการลดความกลัวได้ในระ ดับหนึ่ ง 43


โรคย้ำ�คิดย้ำ�ทำ�



อาการย้ำ�คิด

กังวลอยากให้มีความ สมมาตรเที่ยงตรง กลัว รังเกียจสิ่ งสกปรกปนเปื้ อน

มีความลังเลสงสั ยในเรื่องต่างๆ มากเกินเหตุ คิดหรือเห็นภาพซ้ำ�ๆ ในเรื่องทางเพศ ศาสนา ความ รุ นแรง เป็ นต้น

46


อาการย้ำ�ทำ� การทำ�ซ้ำ�ๆในกิจกรรมต่างๆ เขน ่ การทำ�ความสะอาดขาว ้ ของและตนเองซ้ำ�ไปซ้ำ�มา

การทำ�ซ้ำ�ๆในกิจกรรมต่างๆ เขน ่ การทำ�ความสะอาดขาวของและ ้ ตนเองซ้ำ�ไปซ้ำ�มา การตรวจสอบสิ่ ง ต่าง คอยเฝ้าดูบางสิ่ งบางอย่าง เพื่ อ ลดความกังวลในจิตใจของตัวเอง

บางครั้งมะมีบาดแผล จากการย้ำ�ทำ� เช่น เหงือก อักเสบจากการแปลงฟั น บอยๆ มือเปื่ อยเป็ นแผล ่ จากการล้างมือหรือใช้น้ำ �ยา ทำ�ความสะอาดซ้ำ�ๆ

47


สาเหตุของโรค

สาเหตุนั้นมาจากผูป ้ ่ วยมีความคิดและพฤติกรรม ที่บิดเบือนเกี่ยวกับการรับผิดชอบมากเกินไป หรือ ต้องการความสมบูรณ์แบบ

รวมถึงการแปลความหมายความคิดไปในทางลบ อาการมักเป็ นเรื้อรัง ขึน ้ ๆลงๆ ความเครียดเป็ นปัจจัยกระตุ้นการกำ�เริบได้

48


การรักษา

รักษาด้วยพฤติกรรมบำ�บัด โดยให้พบกับ ความกังวลใจโดยไม่ตอบสนอง เพื่ อเปลี่ยน ความเชื่อที่บิดเบือนของผูป ้ ่ วย

และอีกทางคือการใช้ยา โดยปรับขนาดปริมาณไป เรื่อยๆตามระยาเวลา

49


หวาดระแวง/ หลงผิด



ภาวะหวาดระแวง/หลงผิด ?

ภาวะหวาดระแวงหลงผิดคือการระแวงผูอื ้ ่น ไม่ไว้ใจผูอื ้ ่น สาเหตุการเกิดไม่แน่ชัด แต่ตั้ง สมมุติฐานว่าอาจเกิดจากเก็บกดความผิดหวังเอาไว้มากๆจนโยนไปให้ผูอื ้ ่น เนื่ องจากเขาไม่ สามารถยอมรับและจัดการกับผลที่เขาไม่พอใจได้ 52


การรักษาและดูแล

การรักษาอาการหลงผิดควร เริ่มต้นด้วยการสร้างสั มพั นธุ์ที่ ดีระหว่างผูป ้ ่ วยกับผูรั้ กษา การ ใช้จิตบำ�บัดเพื่ อช่วยให้ผูป ้ ่ วย ยอมรับว่ามีปัญหาและพรอมที ่ ้ จะรับการรักษาต่อไป

การรักษาด้วยยาเมื่อใช้รวมกั บจิตบำ�บัดเป็ นวิธีการรักษาที่ได้ผลที่สุดในปัจจุ บัน ่

การให้ครอบครัวบำ�บัด (family therapy) ช่วยให้คนในครอบครัว เกิดความเขาใจในตั วผูป ้ ้ ่ วยและ ยอมรับผูป ้ ทำ�ให้ผูป ้ ่ วยมากขึน ้ ่ วยดี ขึน ้ และมีกำ�ลังใจในการรักษา

53


นอนไม่หลับ



นอนไม่หลับ ? เป็ นอาการที่มีปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น วิตกกังวล เจ็บปวดจากการเจ็บป่วย หรือบาดแผล ความเครียด อาการวิตก กังวล

การดื่มกาแฟ

นอนผิดเวลา

ซึ่งอาจจะกลายเป็ น ปัญหาเรื้อรัง ทำ�ให้ไม่ สดชื่น เหนื่ อยล้า บางครั้ง การนอนไม่หลับอาจเป็ น อาการของโรคซึมเศรา้

56


การแก้ปัญหานอนไม่หลับ ทำ�ตัวผอนคลายอย ่ ่าเก็บเอาเรื่อง เครียดมาคิดก่อนนอน ปล่อยวาง ความวิตกกังวล

ไม่ดื่มกาแฟหรือ แอลกอฮอล์ก่อนนอน

ฟังเพลง อ่านหนั งสื อ ทำ�กิจกรรม ผอนคลายก ่ ่อนนอน นอนให้เป็ น เวลา ไม่ควรทานอาหารแล้วนอน เลย

57


โรคทางจิตเวช ที่พบบ่อยในวัย เด็กและวัยรุ่น ในประเทศไทย

เป็ นโรคทางจิตเวชที่แตกต่างจากการ บกพรองทางสติ ปัญญาหรือสมาธิสั้น ่ สามารถแยกออกมาได้2กลุ่มหลักๆ คือ Mood Disorder และ Anxiety disorder ซึ่งเป็ นกลุ่มโรคที่พบได้สู งสุ ดในเด็กและวัยรุ น ่

58


Mood disorder Depressive disorder พบได้รอยละ 7.1 ในเด็กและ 13.3 ในวัยรุ นโดยอาการจะแตก ้ ่ ต่างไปตามวัย ในวัยเด็กอาจมีอาการ ดื้อ ก้าวราว ้ ต่อต้าน ไม่เล่น กับเพื่ อน งอแง ไม่ราเริ ่ ง หวาดกลัว พฤติกรรมถดถอย ในวัยรุ น ่ อาจมีพฤติกรรมที่อันตรายตามมาด้วย อาจเสพยา พฤติกรรม ทางเพศไม่ปลอดภัย รวมถึงการฆ่าตัวตาย ในวัยรุ นมี ่ อาการที่ ชัดเจนกว่าวัยเด็ก และมีอาการที่ใกล้เคียงกับวัยผูใหญ ้ ่ รู สึ ้ กไม่มี ความสุ ข มองโลกในแงร่ าย ้ สิ้ นหวัง โดยการวินิจฉั ยจะแตกต่าง จากวัยผูใหญ อาการหงุดหงิดงายแทน ้ ่ตรงที่เด็กและวัยรุ นจะมี ่ ่ อารมณ์ซึมเศร้า

59


Bipolar disorder วัยเด็ก วัยรุ น ่ วัยผูใหญ ้ ่จะมีอาการเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ วัยเด็กและวัยรุ ่นอาจจะมีอาการหงุดหงิดง่าย ควบคุมอารมณ์ไม่ ได้แทนอารมณ์ครึกครื้น ซึ่งอาการในวัยเด็กจะค่อนขางไม ้ ่แบง่ ชัดเจนเช่นวัยผูใหญ ้ ่ที่แบงเป็ ่ นซึมเศราหรื ้ อราเริ ่ งชัดเจน และมีโรค รวมมากกว ่ ่า การรักษาจะเริ่มจากคนรอบขางของผู ป ้ ้ ่ วยต้องรับทราบเพื่ อหา แนวทางแก้ไขและช่วยเหลือ รวมถึงจิตบำ�บัดและการใช้ยา

60


Anxiety disorder

SAD (Separation Anxiety Disorder) อ ผูป ้ ่ วยจะมีอาการกลัว วิตกกังวลอย่างมากในการจากบานหรื ้ บุคคลใกล้ชิดในระดับเกินกว่าที่ควรเป็ นในด้านของพั ฒนาการ โดยอาจมีอาการกลัวไปก่อนหน้าที่จะเกิดขึน ้ จริงๆ กลัวอันตราย หากต้องแยกกัน เช่น โดนทำ�ร้าย ถูกลักพาตัว อุ บัติเหตุ ฝันร้าย เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้ นๆ นอนคนเดียวไม่ได้ ไม่อยากออกจากบาน ้ ไม่อยากไปโรงเรียน เป็ นต้น ทั้งนี้ อาจมีอาการทางกายด้วย เช่น ปวดหัวปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน พบว่าจะเป็ นมากที่สุดในวัยเด็ก ต่ำ�กว่า 12 ปี โดยเริ่มเป็ นในช่วงวัย 7-9 ปี แต่บางครั้งก็อาจจะ พบว่าเป็ นในวัยผูใหญ ้ ่ด้วยเช่นกัน

61


การดูแล สุขภาพจิตให้ดี 1. รู้ จักและทำ�ความเข้าใจตัวเองให้ดีที่สุด ศึกษาจุ ดเด่น ความสามารถพิ เศษในตัวเอง เพื่ อให้สามารถนำ �มาใช้ได้อย่างเหมาะสมอยู ่ บนพื้ นฐานของความถูกต้องทางกฎหมายและ ศีลธรรม ยอมรับจุ ดด้อยของตนเอง ปรับตัว ให้เขากั ้ บสิ่ งแวดล้อมอย่างเหมาะสม ใช้ความ สามารถของตัวเองให้เกิดประโยชน์แก่สั งคม กล้าเผชิญปัญหาด้วยความสุ ขุม

2. ฝึ กทำ�จิตใจให้สดชื่นแจ่มใส มองโลกในแงดี ่ ฝึ กเป็ นคนสุ ขุมรอบคอบ ไม่ ใจร้อน โกรธง่าย มีอารมณ์ขันไม่เอาจริงเอาจัง กับทุกอย่างจนเกินไป แต่ไม่ควรหมหมุ่นกับเรื่อง ไรสาระจนเกิ นไป ทำ�จิตใจให้สงบไม่หวั่นไหว ้

62


3. ฝึ กรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจ กว้าง รับฟังเหตุผลมากกว่าอารมณ์ พิ จารณาถึง ปัญหาต่างๆด้วยเหตุผล และขอมู ้ ลหลายๆ ด้าน ไม่ควรโทษตัวเองหรือผูอื ้ ่นด้วยอารมณ์ ควรใช้เหตุผลคุยกัน

4. ปรับปรุ งตนเองให้เข้ากับคนอื่นได้ ทำ�ตนให้เป็ นที่รักของคนทั่วไป โอบอ้อมอารี จริงใจต่อผูอื ้ ่น ยินดีช่วยเหลือ มีน้ำ�ใจต่อผูอื ้ ่น ทำ�ตนให้เป็ นประโยชน์แก่ตนเองผูอื ้ ่น และ สั งคม ลดความเห็นแก่ตัวในตัวเอง ปล่อยวาง บางอย่างที่ไม่ชอบของผูอื ้ ่น ไม่เก็บมาคิดมาก

63


5. บำ�รุ งรักษาสุ ขภาพทั้งกายและจิตใจให้แข็ง แรงสมบูรณ์อยู่ เสมอ ด้วยการออกกำ�ลังกายเป็ นประจำ� รับ ประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง5หมู่ ทำ�งานพอเหมาะไม่หักโหม และพั กผอนให ่ ้ เพี ยงพอ

6. หาสิ่ งยึดเหนี่ ยวจิตใจ เช่นยึดถือคำ�สอนในศาสนาที่ตนนั บถือ เพราะ ศาสนาจะเป็ นเครื่องเหนี่ ยวรั้งจิตใจให้สงบ เยือกเย็น มีสติปัญญา ไม่หลงโกรธมัวเมา ในสิ่ งไม่เป็ นประโยชน์ ทำ�ให้สุ ขภาพจิตดีอยู ่ เสมอ

64


7. เมื่อมีปัญหาหรือมีความเครียดทางจิตใจ ควรหาโอกาสผอนคลายเช ่ ่นการทำ�งานอดิเรก ในยามว่าง การออกกำ�ลังกาย การพั กผอน ่ หย่อนใจด้วยการอ่านหนั งสื อ

8. ฝึ กบริหารจิตใจ ฝึ กทำ�สมาธิ ทำ�จิตใจให้ ว่าง เป็ นการทำ�ให้จิตใจเขมแข็ ง สามารถเขาใจ ้ ้ ตนเองและปรับปรุ งตนเองได้เสมอเมื่อมี ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ จะสามารถ พิ จารณาได้อย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช้อารมณ์เป็ น ที่ตั้ง

65


ขอบคุณเพจสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยที่ให้ คำ�แนะนำ �เรื่องขอมู ้ ล ขอบคุณหนั งสื อจิตเวชศาสตรรามาธิ บดีที่เป็ น ์ ขอมู ้ ลหลักในหนั งมือเล่มนี้ ขอบคุณคุณหมอ วฤทธ มงคลเนาวรัตน์ ที่ให้คำ� แนะนำ �และแก้ไขขอมู ้ ลให้มีความถูกต้องมากที่สุด ขอบคุณอาจารย์ที่คอยให้คำ�แนะนำ � เป็ นที่ปรึกษา จนสามารถทำ�หนั งสื อเล่มนี้ ออกมาได้ ขอบคุณครอบครัวและเพื่ อนที่ให้กำ�ลังใจ คอยให้ คำ�แนะนำ �ต่างๆ จนสามารถทำ�หนั งสื อเล่มนี้ ออก มาได้จนสำ �เร็จ

66


ขอขอบคุณ Special Thanks

67



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.