ปล่อยให้เด็กๆเข้ามาหาเราเถิด....(มธ.19:14)
คู่มือครู
เรามาเรียนคาสอน
ชื่อ.....................................................นามสกุล................................................... -40 -
-1-
คานา คู่มือสอนคาสอนเล่มนี้ได้รวบรวมเนื้อหาคาสอนเกี่ยวกับ พระคัมภีร์เบื้องต้นและบุคคลสาคัญในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม เพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวของแต่ละบุคคลนอกจากอ่านจากคู่มือเล่มนี้ แล้วสามารถอ่านเพิ่มเติมจากพระคัมภีร์ในบทต่างๆดังนี้ เรื่องการสร้างโลก (ปฐก.1: 1-31,2:1-4) เรื่องพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ (ปฐก.1: 26-28) เรื่องมนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-24) เรื่องโนอาห์ (ปฐก.6:5-22,7,8) เรื่องอับราฮัม (ปฐก.12-22) เรื่องโยแซฟ (ปฐก.37-50) เรื่องโมเสส (อพย.2-18) เรื่องบัญญัติ 10 ประการ (อพย.20) เรื่องแซมสัน (วนฉ.13-16) เรื่องนางรูธ (นรธ.1-4) เรื่องดาวิดและโกริอัท ( 1 ซมอ. 17) เรื่องซาโลมอน (1พกษ 3-8) เรื่องเอลียาห์ (1พกษ 17-19) เรื่องเอลีชา (2 พกษ 2:1-25) เรื่องดาเนียล (ดนล.6:2-29) เรื่องโยนาห์ (ยนห.1-4) ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ครูผู้สอนที่จะนาไปใช้ในการสอนคาสอนเด็กๆตามหมู่บ้านหรือศูนย์ ต่างๆของวัดแม่พระราชินีแห่งสันติภาพแจ้ห่ม ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน ฝ่ายงานคาสอนวัดแม่พระราชินีแห่งสันติภาพแจ้ห่ม 2015 -2 -
บทสารภาพบาป ข้าพเจ้าขอสารภาพต่อพระเจ้า ผูท้ รงสรรพานุภาพและต่อพี่นอ้ งด้วย ว่าข้าพเจ้า ได้ทาบาปมากมาย ด้วยกาย วาจา ใจ และด้วยการละเลย ข้าพเจ้าเป็ นคนบาป ข้าพเจ้ายอมรับว่าเป็ นคนบาป (ข้อนอกเพียงครั้ง เดียว) ดังนั้น ขอพระนางมารี ยผ์ ทู้ รงเป็ นพรหมจารี เสมอ ขอทูตสวรรค์และนักบุญทั้งหลาย และพี่ น้องด้วย ช่วยวิงวอนพระเจ้าเพื่อข้าพเจ้าด้วยเทอญ
บทข้ าพเจ้าเชื่อ (สัญลักษณ์ของอัครสาวก) ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า พระบิดาผูท้ รงสรรพานุภาพ ทรงเนรมิตฟ้ าดิน ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซูคริ สตเจ้า พระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้า องค์พระผูเ้ ป็ น เจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย ทรงปฏิสนธิเดชะพระจิตเจ้า ทรงบังเกิดจากพระนาง มารี ยพ์ รหมจารี ทรงรับทรมานสมัยปอนทิอสั ปิ ลาต ทรงถูกตรึ งกางเขน สิ้นพระชนม์ และทรงถูกฝังไว้ เสด็จสู่แดนมรณะวันที่สามทรงกลับคืนพระ ชนมชีพจากบรรดาผูต้ ายเสด็จสู่สวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระเจ้า พระบิดาผูท้ รง สรรพานุภาพ แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผูเ้ ป็ นและผูต้ ายข้าพเจ้าเชื่อในพระจิตเจ้า พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล ความสัมพันธ์เป็ นหนึ่งเดียวของผูศ้ กั ดิ์สิทธิ์ การ อภัยบาป การกลับคืนชีพของร่ างกาย และชีวติ นิรันดร อาแมน
-39-
บทข้ าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็ นที่สกั การะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสาเร็ จในแผ่นดินเหมือน ในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจาวัน แก่ขา้ พเจ้าทั้งหลาย ในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ขา้ พเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัย แก่ผอู้ ื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้ พ้นจากความชัว่ ร้ายเทอญ อาแมน บทวันทามารีย์ วันทามารี ย ์ เปี่ ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผูไ้ ด้รับพระพร กว่าสตรี ใดๆ และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงได้รับพระพรยิง่ นัก สันตะมารี ย ์ พระมารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อลูกทั้งหลายผูเ้ ป็ นคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน
เรื่อง เครื่องหมายสาคัญมหากางเขน พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นพระเป็นเจ้าองค์เดียว ความหมายของการทาสาคัญมหากางเขน สาคัญมหากางเขน เป็นสัญลักษณ์ถึงการเป็นหนึ่งเดียว ของพระตรีเอกภาพ (พระตรีเอกภาพ คือ พระธรรมชาติของ พระเจ้าสามสถานะคือพระบิดา (ทรงเป็นผู้สร้าง) พระบุตร (เรา เชื่อว่าคือพระคริสต์) และพระจิต ทั้งสามนี้เป็นหนึ่งเดียวกันคะ เป็นองค์เดียวกัน) เมื่อทาสัญลักษณ์นี้ จะมีการกล่าวว่า เดชะ พระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต พร้อมกับแตะที่ซึ่ง หมายถึงความรักของพระเป็นเจ้าเป็นการตรึงตัวเองเข้ากับ กางเขนของพระคริสตเจ้า กางเขนนี้จะย้าเตือนเราให้ละทิ้งบาป พระเจ้าท่านชนะและทาลายหมดสิ้นแล้วด้วยกางเขนของท่าน กางเขนนี้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการรอดพ้นจากบาป เป็นสัญลักษณ์ของความรัก การอวยพร ครูให้เด็ก - ทา“สาคัญมหากางเขน” อย่างถูกต้อง และศรัทธา
พระบิดา
บทพระสิริรุ่งโรจน์ พระสิริรุ่งโรจน์แด่พระบิดา และพระบุตร และพระจิต เหมือน ในปฐมกาล บัดนี้และทุกเมื่อตลอดนิรันดร อาแมน
พระบุตร
พระจิต
และ
อาแมน
ครูให้เด็ก - ทากิจกรรมใบงานที่ 1
-38 -
-3-
เรื่อง พระคัมภีร์ ห้องสมุดน้อยๆ ความหมายและความสาคัญของพระคัมภีร์ หนังสือพระคัมภีร์หมายถึง หนังสือศักดิ์สิทธิ์เป็นพันธสัญญา (ข้อตกลง) ของพระเจ้าต่อมนุษย์ คาสอน และแบบอย่างชีวิตของพระเยซูเจ้า ปรากฏ อยู่ในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ดลใจให้มนุษย์เป็น ผู้เขียน พระคัมภีร์แบ่งออกเป็น 2 ภาค 1 ภาคพันธสัญญาเดิม มี 46 เล่ม บอกเล่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ 2 ภาคพันธสัญญาใหม่ 27 เล่ม กล่าวถึงการบังเกิด คาสอน พระทรมาน ความตาย และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้าคริสต์พระบุตร ของพระเจ้า พระคัมภีร์เป็นเหมือนห้องสมุดน้อยๆเป็นหนังสือพิเศษและมหัศจรรย์ใน เล่มเดียวนี้บรรจุหนังสือ 73 เล่มไว้ด้วยกัน กิจกรรม ให้เด็กตอบคาถามและวาดรูปพระวรสาร 4 เล่ม และเขียนชื่อ พระวรสารทั้งสี่เล่มและระบายสีให้สวยงาม พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม มี ............... เล่ม พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ มี ............... เล่ม
ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 2
มัทธิว
มาระโก
ลูกา
ยอห์ น
-4 -
บทภาวนา บทอัญเชิญพระจิตเจ้ า เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า เชิญเสด็จมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษ และทรงบันดาลให้ลกุ ร้อนด้วยความรักของพระองค์ โปรดประทานพระจิตของพระองค์ และสรรพสิ่งจะอุบตั ิข้ ึนมา แล้วพระองค์จะทรงเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ ทรงสอนใจสัตบุรุษ ด้วยการส่องสว่างของพระจิต โปรดให้ขา้ พเจ้า ทั้งหลายซาบซึ้ ง ในความเที่ยงธรรมโดยพระจิตนั้น และโปรดให้ ได้รับความบรรเทาจากพระองค์ท่านเสมอ เดชะพระคริ สตเจ้า องค์ พระผูเ้ ป็ นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย อาแมน
-37-
“จากนั้นโยนาห์พบว่าตัวเองตกอยู่ในความยุ่งยากมากกว่าเดิม พวกเธอคิดว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นได้อีก” ให้เด็กๆเดา “มีปลาตัวใหญ่ อาจจะเป็นปลาวาฬและมันก็กลืนเขาลงไป พระเจ้าทรงรู้สึกสงสาร โยนาห์ พระองค์ทรงไม่ยอมให้โยนาห์ได้รับบาดเจ็บตอนอยู่ในตัวปลา โยนาห์เริ่มอธิษฐานในตัวปลาและพระเจ้าทรงได้ฟังเขา พระเจ้าทรงได้ ยินไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งในตัวปลา” “ไม่นาน ปลาก็พ่นโยนาห์ออกมาบนฝั่งทะเล” “โยนาห์ปลอดภัยแล้ว” “หลังจากที่โยนาห์ถูกปลาวาฬกลืนและถูกพ่นออกมาบนฝั่ง เธอคิดว่า โยนาห์ทาอะไร” ลองให้เด็กๆเดา “โยนาห์คิดว่าพระเจ้าทรงช่วยเหลือ เขาให้ปลอดภัยและตอนนี้เขาต้องการที่จะเชื่อฟังพระเจ้า” “ดังนั้นเขาจึงไปที่เมืองนีนะเวห์ที่ซึ่งเขาประกาศเรื่องพระเจ้า “โยนาห์ทาในสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกเขามา โยนาห์เชื่อฟัง พระเจ้าทรง ต้องการให้เราทาในสิ่งที่ถูกด้วย บางครั้งเป็นคุณแม่ คุณพ่อ หรือคุณครู ที่บอกสิ่งที่เราควรทา เราสามารถช่วยทาความสะอาด เราควรเก็บ สิ่งของและเก็บมันเข้าที่” “เธอได้ทาสิ่งใดเพื่อเป็นการแสดงการเชื่อฟังคนอื่นอีกบ้าง” (ดูแลพวก เขา ทาความสะอาดเสื้อผ้า ช่วยทาอาหาร) “รู้สึกอย่างไรที่ได้เชื่อฟัง” ให้เด็กๆตอบ กิจกรรมครูให้เด็กระบายสีในสมุด ใบงานที่18
-36 -
เรื่อง ในปฐมกาล พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่ง พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวท้องฟ้า ต้นไม้ แม่น้า ทะเล สัตว์ต่างๆ และมนุษย์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ พระเจ้าใช้เวลาในการสร้าง 6 วันเท่านั้น และในวันที่ 7 พระ เจ้าก็ทรงพักผ่อนและแต่งตั้งให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ครูเล่าเรื่องการสร้าง (อ่านปฐมกาล 1:1-26) พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง “จากความว่างเปล่า” พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพและสถิตนิรันดร ผู้ทรงมีอานาจเหนือสรรพสิ่ง ทั้งหลายได้ทรงสร้างโลก จักรวาล น้า อากาศ แผ่นดิน สรรพสัตว์ทั้งหลาย และมนุษย์ วันที่ 1 พระเจ้าทรงสร้างความสว่าง วันที่ 2 สร้างท้องฟ้า วันที่ 3 สร้างแผ่นดินและต้นไม้ดอกไม้ วันที่ 4 สร้างดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดวงดาว วันที่ 5 สร้างนกและปลา วันที่ 6 สร้างสัตว์และมนุษย์ วันที่ 7 พระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวง ให้สังเกตดูว่าพระเจ้าสั่ง ให้ แสงสว่าง น้า แผ่นดิน พืชผัก ดวงดาว และจักรวาล ดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์ สิ่งมีชีวิตในทะเล สัตว์ต่าง ๆ ฯลฯ เกิดขึ้นอย่างไร ครูสนทนากับเด็กๆ 1. มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า 2. มีอะไรที่เป็นสิ่งสร้างของมนุษย์บ้าง 3. มนุษย์สร้างน้า พระจันทร์ พระอาทิตย์ ต้นไม้และธรรมชาติอื่นๆได้ ไหม? 4. ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ต้นไม้ ฝน บรรดาสัตว์ต่างๆมีประโยชน์อย่างไร 5. เรามีวิธีการดูแลรักษาสิ่งสร้างต่างๆเหล่านี้ได้อย่างไร -5-
ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 3 “จากนั้นโยนาห์พบว่าตัวเองตกอยู่ในความยุ่งยากมากกว่าเดิม พวกเธอคิดว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นได้อีก” ให้เด็กๆเดา “มีปลาตัวใหญ่ อาจจะเป็นปลาวาฬและมันก็กลืนเขาลงไป พระเจ้าทรงรู้สึกสงสาร โยนาห์ พระองค์ทรงไม่ยอมให้โยนาห์ได้รับบาดเจ็บตอนอยู่ในตัวปลา โยนาห์เริ่มอธิษฐานในตัวปลาและพระเจ้าทรงได้ฟังเขา พระเจ้าทรงได้ ยินไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งในตัวปลา” “ไม่นาน ปลาก็พ่นโยนาห์ออกมาบนฝั่งทะเล” “โยนาห์ปลอดภัยแล้ว” “หลังจากที่โยนาห์ถูกปลาวาฬกลืนและถูกพ่นออกมาบนฝั่ง เธอคิดว่า โยนาห์ทาอะไร” ลองให้เด็กๆเดา “โยนาห์คิดว่าพระเจ้าทรงช่วยเหลือ เขาให้ปลอดภัยและตอนนี้เขาต้องการที่จะเชื่อฟังพระเจ้า” “ดังนั้นเขาจึงไปที่เมืองนีนะเวห์ที่ซึ่งเขาประกาศเรื่องพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างโลกด้วยรัก พระองค์ทรงสร้างสิ่งต่างๆ ใน.................6...........วัน และวันที่ 7 พระองค์ทรงพักผ่อน
“โยนาห์ทาในสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกเขามา โยนาห์เชื่อฟัง พระเจ้าทรง ต้องการให้เราทาในสิ่งที่ถูกด้วย บางครั้งเป็นคุณแม่ คุณพ่อ หรือคุณครู ที่บอกสิ่งที่เราควรทา เราสามารถช่วยทาความสะอาด เราควรเก็บ สิ่งของและเก็บมันเข้าที่” ครูถามเด็กๆว่า “พวกเธอได้ทาสิ่งใดเพื่อเป็นการแสดงการเชื่อฟังคน อื่นอีกบ้าง” (ดูแลพวกเขา ทาความสะอาดเสื้อผ้า ช่วยทาอาหาร) “รู้สึกอย่างไรที่ได้เชื่อฟัง” ให้เด็กๆตอบ
-6 -
กิจกรรมครูให้เด็กระบายสีในสมุด ใบงานที่18 -35-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
ประกาศกโยนาห์ วันนี้เราจะมาทาความรู้จักกับบุคคลสาคัญในพระคัมภีร์อีกท่านหนึ่ง เรื่องราวนี้มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ชายคนหนึ่งนามว่า โยนาห์ ได้ ถูกขอให้ทาบางสิ่ง พระเจ้าทรงบอกให้โยนาห์ไปยังเมืองที่มีชื่อว่า นีนะเวห์และประกาศให้ผู้อื่นรู้จักพระเจ้า แต่โยนาห์ไม่อยากไป เพราะเขาไม่ชอบผู้คน ที่อาศัยอยู่ในนีนะเวห์ เขาไม่ต้องการให้ผู้คน ในเมืองนีนะเวห์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้า” “ดังนั้นโยนาห์ตัดสินใจ ที่จะขึ้นเรือและซ่อนตัวจากพระเจ้า พวกเธอคิดว่าพระเจ้าทรงรู้ ไหมว่าโยนาห์อยู่ที่ไหน (รู้) เธอคิดว่าพระเจ้าสามารถเห็นโยนาห์บน เรือไหม (เห็น) แน่นอน พระองค์เห็น” “ขณะที่โยนาห์กาลังหลับอยู่ บนเรือ พายุก็ก่อตัวขึ้น ผู้คนอื่นๆบนเรือต่างตกใจกลัวพายุที่เกิดขึ้น โยนาห์ตื่นขึ้นและตระหนักว่าพระเจ้าทรงส่งพายุลงมา พระเจ้าทรง พยายามให้โยนาห์ฟังและเชื่อฟังพระเจ้า” “โยนาห์ตระหนักได้ว่าเขาทาให้ทุกคนบนเรือเดือดร้อน และเรือ อาจจมได้ถ้าเขาไม่ทาตามที่พระเจ้าทรงต้องการ โยนาห์กลัวแต่ โยนาห์รู้ว่าผู้คนบนเรือจะมีอันตรายเพราะความไม่เชื่อฟังของเขา ดังนั้นโยนาห์จึงบอกคนในเรือให้โยนเขาออกจากเรือ ถ้าเขาออก จากเรือ บางทีพายุอาจจะหยุดและผู้คนทั้งหลายจะปลอดภัย” “เธอคิดว่าโยนาห์รู้สึกอย่างไรตอนที่เขาถูกโยนออกจากเรือ
เรื่อง ในปฐมกาล พระเจ้าทรงสร้ างมนุษย์ (อาดัมและเอวา) เมื่อสัปดาห์ที่ผา่ นมาเราได้เรี ยนรู้เกี่ยวพระเจ้าทรงสร้างโลกและมนุษย์รวมทั้งทุก สิ่งทุกอย่างในโลกนี้ข้ นึ มาเพราะความรักนั้นเอง เครื่ องหมายที่แสดงว่าพระเจ้า ทรงรักมนุษย์มากที่สุด ก็คือ ทรงให้มนุษย์อยูใ่ นสวน เอเดน และ มอบหมายหน้าที่ให้มนุษย์ดูและโลกแทนพระองค์ ครูเล่าพระเจ้าทรงสร้ างมนุษย์ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ผชู้ าย ชื่อ อาดัม ต่อมาทรงเห็นว่าไม่ควรให้มนุษย์ อยูค่ นเดียว จึงทรงสร้งคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมให้ โดยทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่ง ออกมาขณะอาดัมกาลังหลับ และนากระดูกซี่โครงนั้นมาสร้างเป็ นมนุษย์ผหู้ ญิง ชื่อ เอวา ในวันสุดท้ายของการทรงสร้าง พระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตาม ฉายาตามอย่างของเรา” (ปฐมกาล1:26) ด้วยเหตุน้ ีงานของพระองค์จึงสาเร็ จด้วย “ฝี พระหัตถ์” ของพระองค์เอง พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ข้ ึนมาจากผงคลีดิน แล้วให้ ลมปราณกับเขาด้วยลมปราณของพระองค์เอง (ปฐมกาล 2:7) ดังนั้นมนุษย์จึงไม่ เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง ด้วยมีท้งั ส่วนที่เป็ นเลือดเนื้อ (ร่ างกาย) และไม่เป็ นเลือดเนื้อ (จิต/วิญญาณ) ทางด้านความคิด มนุษย์ถกู สร้างขึ้นมาให้มี เหตุมีผล, มีสิทธิที่จะทาตามความพอใจของตนเอง – หรื อจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มนุษย์สามารถคิดและเลือกได้ นี่คือภาพสะท้อนของสติปัญญาและเสรี ภาพของ พระเจ้า ทุกครั้งที่มีใครคนใดคนหนึ่งคิดค้นเครื่ องจักร, เขียนหนังสือ, วาดรู ป, สนุกสนานกับการฟังดนตรี , บวกลบเลข, หรื อตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงขึ้นมาได้ เขาก็จะ บอกว่าที่เราทาได้เพราะเราถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาของพระเจ้า
ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 4 -34 -
-7-
เรื่องในปฐมกาล มนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า หลังจากที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์คู่แรกพระองค์ได้นาพวกเขามา อยู่ในสวนเอเดน หรือสวนสวรรค์ และมอบหมายหน้าที่ให้พวกเขา ดูแลโลกแทนพระองค์ แต่มนุษย์กลับตอบสนองความรักของพระเจ้า ด้วยการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความสุขในสวนเอเดนหรือสวรรค์นั้นเกิดขึ้นจากการที่มนุษย์ ที่พระเจ้าทรงสร้างซึ่งในพระคัมภีร์เรียกชื่อว่า “อาดัมและเอวา”นั้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า พระผู้สร้างพวกเขาขึ้นมา พระเจ้าทรง มอบหมายอะไรให้พวกเขาก็ทาเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ต่อมาเมื่อมนุษย์มีคามสุขมากๆปีศาจ ซึ่งเป็นเจ้าแห่งการ โกหก และความชั่วร้ายได้เกิดอิจฉามนุษย์ ไม่อยากให้มนุษย์มี ความสุขอยู่กับพระเจ้า จึงได้หลอกลวงมนุษย์ให้คิดที่จะเป็นใหญ่เท่า นพระเจ้าโดยให้เอาใจออกห่างพระเจ้าไม่เชื่อฟังพระเจ้า ในพระคัมภีร์เล่าให้เราเข้าใจง่ายๆ ว่าพระเจ้าทรงห้ามกิน ผลไม้ต้นหนึ่งในสวนเพื่อเป็นการทดลองใจหรือพิสูจน์ความซื่อสัตย์ ของพวกเขาที่มีต่อพระองค์ปีศาจมาหาพวกเขาในรูปปรากฏของงู งู ได้หลอกลวงอาดัมและเอวาให้กินผลไม้นั้นโดยบอกว่า “ถ้าเจ้ากิน ผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้นแล้วเจ้าจะเป็นเหมือน พระเจ้า” (ปฐก.3:5) ที่สุดอาดัมและเอวาก็พ่ายแพ้การประจญของ ปีศาจ พวกเขาได้ละเมินคาสั่งของพระเจ้า พวกเขาเลือกทาอะไรตา ใจตนเอง มากกว่าทาตามคาสั่งสอนของพระเจ้า -8 -
ดาเนียลต้องใช่เวลาตลอดทั้งคืนในถ้าของสิงห์โต พระราชาทรงเป็น กังวลมาก และนอนไม่หลับ รุ่งเช้าพระราชารีบไปที่ถ้าสิงห์โต และ ทรงเรียกดาเนียล“ดาเนียล พระเจ้าของเธอได้ปกป้องเธอหรือ เปล่า?” ดาเนียลตอบพระราชาว่า พระเจ้าได้ทรงช่วยเขาไว้ พระ เจ้าทรงให้ทูตสวรรค์ปิดปากสิงห์โตเอาไว้ ดาเนียลปลอดภัย และไม่ มีแม้แต่รอยขีดข่วน พระราชาได้กาหนดใหม่โดยให้ทุกคนอธิษฐาน ต่อพระเจ้าผู้หญิงใหญ่ ครูถามเด็กๆด้วยคาดังต่อไปนี้ - ทาไมผู้ชายเหล่านั้นไม่ชอบดาเนียล? (เพราะว่าพระราชาชอบดาเนียล) - พระราชาได้สร้างกฎอะไรขึ้นมา? (ทุกคนต้องก้มกราบ และอธิษฐานต่อพระราชาเท่านั้น) - ดาเนียลขอให้พระเจ้าช่วยเขาอย่างไร? (โดยการอธิษฐาน) - พระเจ้าทรงช่วยดาเนียลอย่างไร? (พระเจ้าทรงให้ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปิดปากสิงห์โตเอาไว้) กิจกรรม ครูให้เด็กทากิจกรรมใบงานที่ 17
-33-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
ประกาศกดาเนียล ดาเนียลเป็นชาวยิว และเป็นคนหนุ่มที่ต้องไปอยู่ในประเทศอื่น เขากลายเป็นเพื่อนที่ดีของพระราชา ดาริอัส ดาเนียลได้ช่วย พระราชา และทาหลายสิ่งหลายอย่างที่สาคัญต่อประเทศนั้น พระราชาไม่ได้รักพระเจ้า ต่อดาเนียลรักพระเจ้า และอธิษฐานต่อ พระเจ้าทุกวัน มีคนไม่ดีบางคนในประเทศนี้ ที่อิจฉาดาเนียลที่มี ความสัมพันธ์ที่ดีกับพระราชา พวกเขาวางแผนเพื่อที่จะสังหาร ดาเนียล พวกเขาไปเข้าเฝ้าพระราชา และทูลให้พระราชาที่จะ สร้างกฎให้ทุกคนที่จะก้มกราบ และอธิษฐานต่อพระราชาเท่านั้น พระราชาทรงชอบความคิดที่จะให้ทุกคนก้มกราบและอธิษฐาน ต่อพระราชาเท่านั้นพระราชาไม่ได้ไตร่ตรองดูดีๆ ดังนั้น พระราชาจึงสร้างกฎขึ้นว่า ผู้ใดที่ก้มกราบ และ อธิษฐานต่อพระเจ้าองค์อื่น เขาผู้นั้นจะต้องถูกโยนให้กับสิงโตที่ หิวโหยขย้ากินคนไม่ดีเหล่านั้นไปที่บ้านของดาเนียล พวกเขารู้ว่า เมื่อไหร่ที่ดาเนียลอธิษฐาน และตอนนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่ ดาเนียลกาลังอธิษฐานอยู่ คนเหล่านั้นจึงเข้าไปจับดาเนียลเอาไว้ เมื่อพระราชาได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นกับดาเนียลเพื่อนของเขา พระองค์ ทรงเสียพระทัยมาก และพยายามเปลี่ยนแปลงกฎ เพือ่ ช่วยเพื่อน ของเขา แต่พระองค์ไม่สามารถทาได้ดังนั้นพวกเขาจึงโยนดาเนียล ลงไปในหลุมสิงห์โตที่กาลังหิวโหย พระราชาบอกดาเนียล และ บอกเขาว่าพระองค์มีความหวังว่าพระเจ้าของดาเนียลจะทรงช่วย เขา จากนั้นพวกเขาก็ได้ปิดปากถ้าของสิงห์โต -32 -
การที่อาดัมและเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้านี้ถือว่าเป็นบาปหรือความผิด ที่ยิ่งใหญ่มาก จากบาปนี้เองที่ก่อให้เกิดบาปอื่นตามมา เราเรียกบาป ที่อาดัมและเอวากระทาลงไปในครั้งนี้ว่า “บาปกาเนิด” บาปนี้ส่งผลร้ายไปยังลูกหลานของอาดัมและเอวาทุกคน นั้นคือ มนุษย์ทุกคนที่เกิดในโลกจะมีบาปกาหนดติดตัว เราจึงได้รับผลจาก การกระทาของบรรพบุรุษของเราด้วย สืบเนื่องจากการกระทาบาปของอาดัมและเอวา ทาให้ความสุขที่เกิด จากความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวของพวกเขากับพระเจ้าขาดสะบั้น ลง อะไรต่างๆนาๆที่เคยได้รับมาจากพระเจ้าก็หมดไป พระคัมภีร์เล่า ให้เราเข้าใจง่ายๆว่า พระเจ้าจึงลงโทษพวกเขาโดยไล่พวกเขาออก จากสวนเอเดน “เพราะเหตุนั้น พระเจ้าจึงทรงขับไล่เขาออกไปจากสวนเอเดน ให้ไป ทาไร่ทาสวนในที่ดินที่ตัวถือกาเนิดมานั้น” (ปฐก. 3:23) กิจกรรม ครูให้เด็กบอก ความดี 3 ประการของตัวเอง และความไม่ ดีของตน 3 ประการและให้เด็กๆระบายสีรูปอาดัมและเอวา และสุดท้ายครูให้เด็กๆคิดความไม่ดีในตนเองที่อยากลด ละ เลิก มา 1 ข้อและพยายามลดละเลิกความไม่ดีนั้น
ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 5 -9-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
โนอาห์ หลังจากที่อาดัมและเอวทาบาปพวกเขาต้องออกจากสวนเอเดน และ พวกเขาก็มีลูก และมีคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บนแผ่นดินโลก มนุษย์ต้อง เลือกว่าจะเชื่อฟังพระเจ้าหรือจะทาตามใจตนเองและทาความชั่ว แต่ พระเจ้ายังคงห่วงใยมนุษย์และคอยดูพวกเขาอยู่ พระเจ้าทรงมีแผนการที่ จะช่วยพวกเขา โดยการส่งพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ มานามนุษย์ให้กลับมาหาพระองค์แต่ก่อนที่จะถึงสมัยของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ตักเตือนมนุษย์ผ่านบุคคลต่างๆ อย่างเช่นในสมัยของโนอาห์ ครูเล่าเรือ่ งของโนอาห์ให้เด็กๆฟัง ในสมัยก่อน มนุษย์จานวนมากเลิกสนใจในพระเจ้า และทาสิ่งชั่ว ร้ายมากมายแต่โนอาห์เป็นคนดี เขารักพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงเตือนเขา ว่าจะมีน้าท่วมโลกและคนชั่วจะตายหมด พระเจ้าบอกให้โนอาห์สร้าง นาวาขึ้นจากไม้ แล้วทรงบอกวิธีสร้างอย่างละเอียด โนอาห์ต้องใช้ไม้สน และเอายาชันเพื่อไม่ให้น้าซึมเข้าได้ พระเจ้าทรงบอกโนอาห์ว่าเรือจะต้องกว้างและยาวเท่าไหร่ แล้ว ทรงบอกให้ใส่ประตูใหญ่ไว้ที่ข้างเรือ และข้างในเรือต้องแบ่งออกเป็น 3 ชั้น เรือลานี้ใหญ่โตมากโนอาห์และครอบครัวของเขาเริ่มต้นทางาน ขั้น แรก พวกเขาออกไปหาต้นสนต้นใหญ่ๆ จากนั้นก็ตัดต้นไม้เอามาทาเป็น แผ่นๆ แล้วพวกเขาก็เลื่อยและตอกตะปูทั้งวัน ในที่สุด นาวาลาใหญ่ก็เสร็จ โนอาห์และครอบครัวของเขาเหนื่อย ล้า แต่ยังมีงานใหญ่ที่ต้องทาอีก พระเจ้าบอกให้โนอาห์นาเอาสัตว์ทุก ชนิด ชนิดละหนึ่งคู่เข้ามาและทาที่ให้มันอยู่ในเรือ พวกเขาก็ทาตาม มี สัตว์มากมายหลายชนิดเด็กๆ คิดว่าพวกเขานาสัตว์อะไรเข้ามาในเรือ บ้าง? (ให้เด็กตอบ.) -10 -
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
ประกาศกเอลีชา หลังจากที่พระเจ้าทรงรับประกาศกเอลียาห์ขึ้นไปบนท้องฟ้า ศิษย์ ของท่านคนหนึ่งชื่อ เอลีชา ได้เป็นประกาศกต่อจากท่าน เอลียาห์ ชื่อของเอลีชา แปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด” วันหนึ่งท่านได้พบหญิงม่ายคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือ จากท่านเพราะบุตรชายคนเดียวของนางกาลังจะถูกจับไปเป็นทาส ของเจ้าหนี้เพราะนางไม่มีเงินจ่ายแก่เจ้าหนี้ ประกาศกเอลีชาถาม นางว่า ข้าพเจ้าจะช่วยอะไรของท่านได้ จงบอมาซิว่า ท่านมี อะไรบ้างที่บ้าน” นางตอบว่าที่บ้านไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ามัน มะกอกเทศอยู่ไหเดียวเท่านั้น เอลีชาจึงสั่งว่า จงไปขอยืมไหเปล่ามา จากเพื่อนบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วจงเข้าไปในบ้าน ปิด ประอยู่อยู่กับลูกชายเพียงลาพัง เทน้ามันลงใส่ไหเหล่านั้น เมื่อเต็ม แล้วให้วางไว้ต่างหาก และหญิงม่ายได้ทาตามที่เอลีชาบอกและนาง ได้น้ามันมะกอกจานวนมากนางจึงไปบอกเอลีชา เอลีชาสั่งให้เขา เอาน้ามันไปขายและเอาเงินไปใช้หนี้นางก็ทาตามนางได้เงินมาใช้ หนี้และยังมีเงินเหลือพอเพียงสาหรับเลี้ยงชีวิตของตนและลูกด้วย ครูถามเด็กๆว่า ชื่อของเอลีชา มีความหมายว่าอย่างไร แปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด” ครูให้เด็กทากิจกรรมใบงานที่ 16 -31-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
ประกาศกเอลียาห์ เวลาผ่านไปหลายไม่มีกษัตริย์องค์ใดจะทรงปรีชาเท่ากษัตริย์ซาโลมอน แต่มีอยู่องค์หนึ่งซึ่งชั่วร้ายเป็นพิเศษ ชื่อว่าอาหับพระองค์ไม่เคารพพระ เจ้าที่แท้จริงอีกต่อไปและหันไปกราบไหว้พระบาอัลแทน ที่ร้ายไปกว่า นั้นก็คือพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งชั่วร้ายกว่า พระองค์เสียอีก นางมีชื่อว่า เยเซเบล เมื่อมีคนไม่ดีปรากฏขึ้นมา พระองค์ก็จะส่งคนดีราวนักบุญมาช่วย คราวนี้พระองค์ส่งเอลียาห์มา พวกเขาไม่อาจฆ่าเอลียาห์ได้ เพราะพระเจ้าให้ไปหลบอยู่ในทะเลทราย เมื่อได้รับคาสั่ง เอลียาห์ถามพระองค์ว่า ข้าแต่พระเจ้า แล้วข้าพระองค์ จะอยู่อย่างไรในทะเลทรายข้าพระองค์จะต้องอดตาย เอลียาห์ถามด้วย ความเคารพและพระเจ้าก็มิได้โกรธเคือง อีกทั้งยังตรัสแก่เขาว่า อย่า กังวลไปเลย จงเชื่อในเราเถิด แล้วพระเจ้าก็ส่งเขาไปยังทะเลทรายที่มี สายน้าเย็นฉ่าและให้ อีกา นาอาหารไปให้เขา วันหนึ่งเอลียาห์ได้ท้า ทายกษัตริย์อาหับว่ามาพิสจู น์กันดูว่าใครเป็นพระเจ้าที่แท้จริง โดย ขอให้ชาวอิสราเอลไปที่ภูเขาคาร์เมล พร้อมทั้งสร้างแท่นบูชาขึ้นมาสอง แท่นสาหรับบูชาพระบาอัลและพระเจ้า แต่ให้พระแท่นวางกองฟืนไว้ ด้วย แต่ละฝ่ายห้ามจุดไฟเองแต่ให้ร้องทูลพระเจ้าของตน พระองค์ใดส่ง ไฟมา พระองค์นั้นเป็นพระเจ้า กษัตริย์อาหับรับคาท้า แล้วพระบาอัลที่ เป็นเพียงรูปปั้นทองคาก็ไม่สามารถทาให้ไฟลุกขึ้นได้ แม้พวกเขาจะอ้อน วอนทั้งวันทั้งคืนก็ตาม แล้วเอลียาห์ก็ร้องขอพระเจ้าให้ทรงส่งไฟลงมา เผากองฟื้น ทาให้ปวงชนประหลาดใจอย่างยิ่งรวมทั้งกษัตริย์อาหับด้วย ตอนจบของเอลียาห์สวยงามมากนั่นคือ วันหนึ่งขณะอยู่ที่แม่น้า จอร์แดนกับสานุศิษย์ มีรถม้าเพลิงคันหนึ่งมารับท่านขึ้นสู่สวรรค์ กิจกรรม ให้เด็กๆพาเอลียาห์ขึ้นบนยอดเขา ใบงานที่ 15 -30 -
ทีนี้พวกเขาต้องหาอาหารมีให้สัตว์เหล่านี้ด้วย เด็กๆ คิดว่าอาหารของสัตว์เหล่านี้มีอะไรบ้าง? (ให้เด็กตอบ) งานนี้เป็นงานที่หนักมาก แต่พระเจ้าได้ประทานกาลังให้พวกเขา ในที่สุด พวกเขาก็ทาสาเร็จ เมื่อโนอาห์ ครอบครัวของเขา และ สัตว์นานาชนิดๆ อยู่บนเรือนั้น ฝนก็เริ่มตก และตกทั้งวันทั้งคืน เป็นเวลาถึง 40 วัน น้าก็ท่วมโลกแต่พระเจ้าทรงให้โนอาห์ ครอบครัวของเขา และสัตว์ต่างๆ ในเรือนั้นปลอดภัย เมื่อน้าลด ทุกคนออกจากเรือรวมทั้งบรรดาสัตว์ โนอาห์ได้สร้างพระแท่น บูชาขอบคุณพระเจ้าที่ได้ปกป้อง ทุกคนบนเรือ พระเจ้าทรง พอ พระทัยเครื่องถวายบูชาของโนอาห์ และทรงสัญญาว่า พระเจ้าจะ ไม่ให้เกิดน้าท่วมโลกอีก สัญญลักษณ์ของพระ สัญญานี้ก็คือรุ้งกิน น้านั่นเอง กิจกรรม ครูถามเด็กว่า... โนอาห์เชือ่ ฟังพระเจ้าอย่างไร? (คาตอบที่เป็นไปได้: เขาสร้าง เรือ เขาสร้างเรือให้มีขนาดเหมือนที่พระเจ้าบอก เขาเอาสัตว์มา ใส่ไว้ในเรือ เขารวบรวมอาหารสาหรับสัตว์) เด็กๆจะเชื่อฟังพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง? (คาตอบที่เป็นไปได้: เชื่อ ฟังพ่อแม่ ใจดี แบ่งปัน อธิษฐาน ฯลฯ) สัตว์ที่อยูบ่ นเรือนั้นมีอะไรบ้าง? คาตอบที่เป็นไปได้: แมว หมา กระต่าย เสือ สิงโต ช้าง งู) ครูให้นักเรียนแต่ละคนบอกถึงวิธี 1 วิธีที่จะเชื่อฟังพระเจ้าตลอด สัปดาห์นี้ ให้เด็กแต่ละคนได้ตอบ ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 6 -11-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
อับราฮัม หลายปีหลังจากน้าท่วมใหญ่ โนอาห์เสียชีวิต และครอบครัวของเขา เติบโตและขยายออกไป มีผู้สืบเชื้อสายของโนอาห์คนหนึ่งชื่อ อับราฮัม อับราฮัมเป็นเพื่อนกับพระเจ้าเช่นเดียวกับโนอาห์ เขารักพระเจ้าและเชื่อ ฟังพระองค์ วันหนึ่ง พระเจ้าบอกอับราฮัมให้เดินทางไปต่างประเทศ พระเจ้าอวยพรอับราฮัมและบอกว่าพระองค์จะทาให้เขาเป็นผู้นา ประชากรกลุ่มหนึ่ง อับราฮัมออกเดินทาง เขาไปกับนางซาราห์และ หลานชายชื่อ โลท พวกเขาเอา เต็นท์ แกะ และแพะ จานวนมากมาย ไปด้วย ครูถามและให้เด็กตอบ เด็กๆ คิดว่าพวกเขานาเอาอะไรไปด้วยในการเดินทางนี้? พวกเขาต้องมีอะไรจึงจะมีชีวิตอยู่ได้? ถ้าเด็กๆ ต้องเดินทางไปต่างประเทศ จะเอาอะไรไปด้วย? ในระหว่างการเดินทาง ฝูงสัตว์ของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่ นานพวกเขาก็ไม่มีหญ้าพอที่จะให้สัตว์ทั้งหมดกิน อับราฮัมบอกให้โลท เลือกผืนดินที่อยู่ใหม่ แล้วพวกเขาก็แยกกันอยู่โลทเลือกผืนดินที่อยู่ใกล้ กับคนไม่ดีในเมืองโสโดม คนพวกนี้ไม่รักพระเจ้าพระเจ้าทรงสาแดงผืน ดินอีกแห่งหนึ่งให้แก่อับราฮัมที่พระองค์อยากให้เขาอยู่ พระเจ้าบอกกับ อับราฮัมและนางซาราห์ว่าพวกเขาจะมีครอบครัวใหญ่ ทรงบอกว่าเชื้อ สายของพวกเขาจะมากเท่ากับดาวบนท้องฟ้าและเม็ดทรายบนผืนดิน
-12 -
พระเจ้าจะทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ตราบเท่าที่โซโลมอน ยังเชื่อฟังพระองค์ พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ พระ เจ้าทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ตลอดมา โซโลมอนได้กล่าว เป็นผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก และร่ารวยที่สุดในโลก และมีการ บันทึกสติปัญญาของโซโลมอนบางอย่างไว้ในพระคัมภีร์ด้วย ในสมัยของกษัตริย์ซาโลมอนท่านได้สร้างพระวิหารที่สวยงาม ให้เด็กๆช่วยกันระบายสีรูปกาแพงพระวิหารให้สวยงาม (ให้เด็กทากิจกรรมในสมุด) ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 14
-29-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
ซาโลมอน ครูถามเด็กๆว่า พวกเธอจะขออะไร ถ้าหากพระเจ้าสัญญาทีจ่ ะทรง ประทานให้กับเธอ? (ให้เด็กๆได้ตอบสนอง) ครูเล่าว่า คืนหนึ่ง พระเจ้าทรงสนทนากับโซโลมอน และทรงตรัสว่า พระองค์จะทรงประทานทุกสิ่งที่โซโลมอนขอ เธอคิดว่าโซโลมอนได้ขออะไร (ให้เด็กๆได้ตอบสนอง) โซโลมอนได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง และได้ทูลกับพระเจ้าว่า โซโลมอนขอบคุณ พระเจ้าสาหรับทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงเมตตาต่อกษัตริย์ดาวิด พระบิดาของ เขา โซโลมอนจึงทูลพระเจ้าว่า เขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนกับเด็กเล็กๆที่ มีงานใหญ่ต้องทา โซโลมอนจึงขอสติปัญญาจากพระเจ้า เพื่อเขาจะได้ เป็นกษัตริย์ที่ชาญฉลาด และช่วยประชากรที่เขาปกครองอยู่ โซโลมอน ขอความเข้าใจถึงสิ่งที่ดี และสิ่งที่ชั่วร้าย เพื่อที่เขาจะสามารถตัดสินใจ ด้วยสติปัญญาที่พอพระทัยพระเจ้า พระเจ้าทรงพอพระทัยโซโลมอน เพราะเขาขอสติปัญหาเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่น โซโลมอนไม่ได้ขอ สาหรับตนเอง พระเจ้าจึงได้ทรงมอบของประทาน 3 อย่างให้กับเขา แทนที่จะให้เพียงอย่างเดียว พระเจ้าทรงให้สติปัญหาที่พอพระทัยพระ เจ้า ความร่ารวย และชีวิตที่ยืนยาว
-28 -
หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่มีลูกแม้แต่คนเดียว เมื่ออับราฮัมอายุ 99 ปี และซาราห์ก็ชรามากแล้ว พระเจ้าบอกว่าพวกเขาจะมีลูกชายอับราฮัม เชื่อวางใจในพระเจ้า แต่ซาราห์หัวเราะ พระเจ้าบอกกับเธอว่า ไม่มี อะไรที่ยากเกินไปสาหรับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่ง สรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และแผ่นดินโลก แล้วแม่เฒ่าซาราห์ก็ได้มีลูกชาย ชื่อว่า อิสอัค ซาราห์ดีใจมาก เธอเอาแต่ หัวเราะ ยังมีเรื่องราวมากมายในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับอับราฮัม ซาราห์ อิสอัค และพี่ชายของเขาที่ชื่อ อิชมาเอล อีกหน่อยเด็กๆ สามารถอ่านได้จาก พระคัมภีร์สิ่งสาคัญที่เราควรจาไว้คือ อับราฮัมและครอบครัวของเขา เชื่อฟังและไว้วางใจในพระเจ้า และพระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาของ พระองค์เสมอ ครูถามให้เด็กตอบ สัญญา หมายความว่าอะไร? (การทาสิ่งทีเ่ ราบอกว่าจะทา) พระเจ้าทรงสัญญาอะไรกับซาราห์และอับราฮัม? (พวกเขาจะมีลูกชาย) ทาไมซาราห์จึงหัวเราะกับพระสัญญาของพระเจ้า? (เพราะเธอแก่เกินกว่า จะมีลูกได้แล้ว) พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ไหม? (รักษา)
ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 7
-13-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
โยแซฟ ครูเล่าเรื่องของโยแซฟให้เด็กๆฟัง ชายคนหนึ่งชื่อยาโคบมีลูกชาย 11 คน โยเซฟเป็นคนสุดท้อง วันหนึ่ง ยาโคบได้มอบเสื้อแขนยาวที่สวยให้แก่โยเซฟ เสื้อตัวนี้มี หลายสี เหมือนสีของรุ้งกินน้า แต่ไม่ได้ให้อะไรแก่ลูก คนอื่นๆ พี่ชายของโยเซฟเห็นว่ายาโคบไม่ยุติธรรมและรักโยเซฟมากกว่า พวกเขา แทนที่พวกเขาจะมองดูสิ่งดีที่พวกเขาได้รับ พวกเขากลับ รู้สึกอิจฉาในสิ่งที่โยเซฟได้รับ เมื่อโยเซฟโตขึ้น เขาฝันประหลาด หลายครั้ง ในความฝันเหล่านั้น พวกพี่ๆ พากันกราบไหว้เขา เมื่อ โยเซฟเล่าให้พี่ๆ ฟังเกี่ยวกับความฝัน ยิ่งทาให้พวกพี่โกรธเขาเข้า ไปใหญ่ เมื่อโยเซฟอายุได้ 17 ปี เขาออกไปหาพวกพี่ๆ ที่ทุ่งนา ขณะที่พวกพี่ๆ พาแกะและแพะ ออกไปกินหญ้าพวกพี่เห็นขาเดิน มาก็คิดแผนการชั่วร้ายขึ้น พวกเขาถอดเสื้อคลุมของโยเซฟออก และขายเขาให้แก่คนแปลกหน้าที่พาเขาไปยังดินแดนที่อยู่ ห่างไกลออกไปที่ชื่อว่า อียิปต์พวกพี่ๆ นาเอาเสื้อคลุมของโยเซฟ กลับไปหาพ่อ และโกหกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโยเซฟ ดูเหมือนว่าชีวิตของโยเซฟต้องพบกับเรื่องเลวร้าย แต่พระเจ้าทรง มีแผนการที่จะใช้สิ่งเลวร้ายที่พี่ๆ ทาให้เกิดเป็นผลดีในอนาคต พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อเสมอ -14 -
ดาวิดจึงเอาแค่สลิงและเก็บหิน 5 ก้อนจากแม่น้าแถวๆ นั้น แล้วลง ไปที่หุบเขาเพื่อเผชิญหน้ากับโกลิอัทมาในนามของพระเจ้าจอมโยธา โกลิอัทหัวเราะและจะเข้ามาปะทะกับดาวิดดาวิดเหวี่ยงก้อนหิน ก้อนหนึ่งด้วยสายสลิงของเขา พระเจ้าทรงนา หินก้อนนั้นฆ่ายักษ์ โกลิอัทจากนั้นกองทัพของฟิลิสเตียก็พากันวิ่งหนีเพราะได้เห็นฤทธิ์ เดชของพระเจ้าจอมโยธาที่หนุ่มน้อยคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งเชื่อ ครูถามเด็กๆว่า - พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรหากต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ - ให้เด็กเล่าถึงสิ่งที่เป็นเหมือน “ยักษ์” หรือสิ่งที่พวกเขากลัว ครู สอนเด็กว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเราเมื่อใดที่เรากลัว และเมื่อเรา เกิดความกลัวเราต้องสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็น พระผู้เลี้ยงของเรา ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 13
-27-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
ดาวิดและโกริอัท วันนี้ครูมีเรื่องบุคคลในพระคัมภีร์อีกท่านหนึ่งมาเล่าให้เด็กๆ ฟัง ท่านคนนี้คือ ดาวิด เด็กหนุ่มคนเลี้ยงแกะ ได้ถูกส่งไปให้เยี่ยมพี่ชายที่ เป็นทหารอยู่ในกองทัพของซาอูล ดาวิดนาอาหารและของใช้มาให้พี่ๆ เพราะพวกเขาอยู่บนภูเขามาหลายวันแล้วในการปะทะกับกองทัพจาก ภูเขาอีกฟากหนึ่ง กองทัพอีกกองหนึ่งคือพวกฟิลิสเตีย เป็นกองทัพใหญ่ และมีอาวุธมากมาย พวกเขานมัสการพระเทียมเท็จที่ทาจากโลหะ พวกฟิลสิ เตียมีทหารคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่เกือบจะ 3 เมตร ชื่อ โกลิอัท โกลิอัทสวมชุดเกราะเหล็กที่หนักมากและถือหอก ทุกๆ วันตลอดเวลา 40 วัน โกลิอัทจะออกมายืนอยู่ที่หุบเขาต่อหน้ากอง ทหารของซาอูลและดูถูกพระเจ้าและกองทัพนั้น เสียงอันดังของโกลิอัท ได้ท้าทายให้กษัตริย์ซาอูลเลือกทหารคนหนึ่งให้ออกมาสู้กับเขา แต่ไม่มี ใครกล้าออกมาสู้เพราะพวกเขากลัวเมื่อดาวิดมาส่งอาหาร เขาได้ยิน เสียงกึกก้องของโกลิอัทที่ดูถูกพระเจ้าและกองทัพของกษัตริย์ เขารู้เรื่อง ทั้งหมดจากพี่ชาย เขาไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ ดาวิดไม่ชอบได้ยินโกลิอัทท้า ทายพระเจ้า เขาอธิษฐานและตัดสินใจที่จะออกไปสู้กับเจ้ายักษ์นั่น หนุ่มน้อยดาวิดทูลกษัตริย์ว่า พระเจ้าได้ทรงปกป้องเขาจากสัตว์ร้าย นานาชนิดตลอดเวลาที่เขาดูแลฝูงแกะและพระเจ้าจะทรงปกป้องเขา จากโกลิอัทด้วย กษัตริย์ได้มอบดาบและชุดเกราะให้ดาวิด แต่มันใหญ่ และหนักมาก ดาวิดเดินแทนจะไม่ไหว -26 -
โยเซฟอยู่ในประเทศอียิปต์ ที่ๆ พี่ชายของเขาขายเขามา เขาได้มาเป็นคนรับใช้อยู่ในบ้านของผู้บัญชาการทหารรักษา พระองค์ของกษัตริย์ฟาโรห์ โยเซฟขยัน ช่วยคนอื่น และเป็นที่รัก ของทุกคน แต่แล้วโยเซฟก็ถูกส่งเข้าไปอยู่ในคุกทั้งที่ไม่ได้ทาผิด ไม่ยุติธรรมเลย แต่พระเจ้าจะทรงใช้สิ่งเลวร้ายในครั้งนี้กลับ กลายเป็นผลดีได้ไหม? ตอนที่โยเซฟอยู่ในคุก เขาอธิษฐาน ขยัน และช่วยเหลือ ผู้อื่น วันหนึ่ง พระเจ้าทรงสาแดงให้เขารู้ความหมายของความ ฝันของเพื่อนนักโทษ 2 คน จากนั้นนักโทษคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรับ ใช้ของฟาโรห์ได้ถูกปล่อยเป็นอิสระ ต่อมา ฟาโรห์ฝันและไม่รู้ว่าความฝันหมายความว่าอะไร คนรับใช้ของฟาโรห์ที่โยเซฟเคยช่วยทานายฝันให้ก็บอกฟาโรห์ เกี่ยวกับโยเซฟ โยเซฟจึงถูกนาออกมาจากคุกให้มาเฝ้าฟาโรห์ พระเจ้าทรงบอกกับโยเซฟว่าความฝันของฟาโรห์หมายความว่า อะไรโยเซฟทูลฟาโรห์ว่า พระเจ้าตรัสว่าความฝันนั้นเป็นสิ่งที่ เตือนว่าจะมีอาหารบริบูรณ์ถึงเจ็ดปี หลังจากนั้นจะไม่มีฝนตกอีก เลยเป็นเวลาเจ็ดปี พระเจ้าบอกว่าพวกเขาจะต้องเก็บข้าวที่ เหลือเอาไว้สาหรับเวลาที่ฝนจะไม่ตก เพื่อที่ประชาชนจะมี อาหารเพียงพอสาหรับ 7 ปีที่เกิดกันดารอาหารนั้น ฟาโรห์ดีใจ มากที่โยเซฟช่วยพระองค์แก้ความฝัน จึงให้โยเซฟมีหน้าที่เก็บ สะสมข้าว พระองค์ทรงให้โยเซฟเป็นคนสาคัญอันดับที่สองใน ประเทศรองจากฟาโรห์เอง ตอนนี้โยเซฟจะได้ช่วยเหลือคน มากมายให้มีอาหารกินตลอดเวลาที่เกิดการกันดารอาหาร -15-
โยเซฟเก็บสะสมข้าวไว้ในยุ่งฉางอย่างมากมาย เขาได้แจกจ่ายข้าวให้แก่ ทุกครอบครัวเพื่อนาไปทาอาหาร ผู้คนเดินทางมาจากที่ใกล้ไกลเพื่อมา รับข้าวที่โยเซฟแจกนั้น วันหนึ่งมีพวกผู้ชายเดินทางมาจากต่างเมืองเพื่อมาซื้อข้าว ลองทายซิว่า พวกเขาเป็นใคร? ใช่แล้ว พี่ชายของโยเซฟนั่นเอง! พวกเขาจาโยเซฟไม่ได้ แต่โยเซฟจาพวกเขาได้ พวกพี่ชายเคยใจร้ายกับโยเซฟไว้มากเมื่อสมัยที่พวกเขามีอานาจเหนือ โยเซฟ ตอนนี้ โยเซฟมีอานาจเหนือกว่าพวกเขาแล้ว เขาสามารถที่จะ ปฏิเสธไม่ขายข้าวให้กับพี่ชาย พวกเขาจะได้ไม่มีอาหาร นอกจากนี้ โย เซฟสามารถที่จะบอกกับพี่ชายว่าเขาคือใครและจะไม่ให้อาหารแก่พวก พี่ชายเพราะอะไร โยเซฟตัดสินใจที่จะแสดงความเมตตาและยกโทษให้กับพวกพี่ๆ โยเซฟ เชื่อในพระเจ้าและได้เห็นว่าพระเจ้าทรงใช้ชีวิตของเขาช่วยประชาชน มากมายให้พ้นจากการอดตาย โยเซฟบอกกับพี่ชายว่าเขาคือโยเซฟ พวกพี่ชายประหลาดใจมากพวก เขากลัวว่าโยเซฟจะใจร้ายเหมือนกับที่พวกเขาใจร้ายกับโยเซฟ แต่โย เซฟพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันจะดูแลพวกพี่เอง”
นางรูธทุ่มชีวิตเพือ่ แม่สามี ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของนางรูธต่อนางนาโอมีแม่ ของสามีเป็นสายใยไปสู่ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อพระเป็น เจ้าด้วย “เจ้าของฉัน” (รูธ 1.17) เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราปฏิบัติ ต่อเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ก็ ปฏิบัติต่อพระเป็นเจ้าเองพระเป็นเจ้าจึงทรงอวยพรให้วงศ์ตระกูลของ นางนาโอมีได้เริ่มต้นขึ้นมาใหม่และสืบเชื้อสายไปจนถึงกษัตริย์ดาวิด และจากกษัตริย์ดาวิดไปถึงพระเยซูคริสต์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโอรสของดา วิด ถ้าเราเปิดพระวรสารของนักบุญมัทธิวบทแรกที่กล่าวถึงลาดับวงศ์ ตระกูลของพระเยซูคริสต์นั้นเราก็จะพบชื่อของนางรูธเป็นหนึ่งใน ตระกูลนั้นด้วย “เธอจึงมีฐานะเป็นย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด ครูถามเด็กๆว่า นางรูธเป็นคนดีหรือไม่ นางรูธดูแลแม่สามีหรือไม่ ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 12
โยเซฟยกโทษพี่ชายของเขา โยเซฟไม่โกรธและไม่ต้องการที่จะลงโทษ พวกพี่ๆ เขาดีใจที่ได้พบพวกพี่ๆ อีกครั้ง
-16 -
-25-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
นางรูธ ครูถามเด็กๆว่ารู้จักหญิงหม้ายในหมู่บ้านของเราไหม(ให้เด็กตอบ) วันนี้ครูมีเรื่องของหญิงหม้ายน้าใจงามคนหนึ่งมาเล่าให้เด็กๆฟัง เธอชื่อนางรูธนางรูธเป็นคนต่างชาติ เป็นหญิงชาวโมอับ ชีวิตของ นางแสดงออกถึงความรักแม่สามี ซื่อสัตย์ต่อสามี และรักษา ขนบธรรมเนียมประเพณีของอิสราแอล มีความรักและเสียสละ มี ความจงรักภักดีและเคารพบูชาพระเจ้าของอสิราแอล นางรูธจึง เป็นตัวอย่างของผู้จงรักภักดี สามีของนางรูธเสียชีวิตขณะที่นางรูธยังสาว แม่ของสามี บอกให้นางกลับไปอยู่บ้านของพ่อแม่ได้ แต่นางก็ไม่ยอมทิ้งแม่สามี ยังติดตามและเลี้ยงดูแม่สามี ทั้งสองคนได้เดินทางไปที่เบธเลเฮม รูธเข้าไปอยู่ในเบธเลเฮมในต้นฤดูเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ รูธจึง เข้าไปเก็บข้าวตกในนา เพื่อจะเลี้ยงชีพของตนเองและแม่สามี ตั้งแต่เช้าจนเย็นทุกวัน จนสิ้นฤดูเกี่ยวข้าวบาร์เลย์และข้าวสาลี เผอิญนาที่นางรูธเข้าไปเก็บข้าวตกนั้นเป็นนาของโบอาส าร ปรากฏตัวของรูธจึงเป็นที่รู้จักของทุกคน ชีวิตและการกระทาของ รูธจึงเป็นที่ประทับใจและเป็นที่ยกย่องนับถือของผู้ที่รู้เรื่องของเธอ รูธได้รับความเมตตาจากโบอาสให้เก็บข้าวตกในนาของโบอาสจน ตลอดฤดูกาล ได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองมิให้คนหนุ่มมารบกวน ได้รับอนุญาตให้ดื่มน้าและร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วย แต่ รูธรับประทานและแบ่งอาหารส่วนของตนนั้นนากลับมาฝากแม่ สามีด้วย พร้อมทั้งข้าวตกที่ฟาดให้เหลือแต่เมล็ดข้าเท่านั้น
-24 -
นี่แหละคือการอภัยหรือการยกโทษ เมื่อเรายกโทษให้ใครสักคน เรา จะมีความเมตตาและรักพวกเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะเคยทาไม่ดีกับเรา เราจะดีใจที่ได้อยู่กับพวกเขาอีก พระเจ้าทรงช่วยโยเซฟให้ยกโทษพี่ชายที่ขายเขาและทาให้เขาต้องจาก พ่อมาไกลๆ โยเซฟส่งพวกพี่ชายกลับบ้านเพื่อให้ไปรับลูกหลานและพ่อของพวก เขาให้ย้ายมาอยู่ที่อียิปต์ โยเซฟได้ให้ข้าวกับพวกเขาเพื่อพวกเขาจะไม่ ต้องอดอยาก โยเซฟและพ่อดีใจมากที่ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง พระเจ้าทรงทาให้เกิดสิ่งที่ดีมากๆ จากสิ่งที่เลวร้ายมากๆ คือ ประชาชนจานวนมากมายได้มีข้าวกินและโยเซฟได้ครอบครัวของเขา กลับคืนมา ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 8
จบการเรียนการสอนโดยสรุปเรื่องยอโซฟที่ให้อภัยพี่ๆ
-17-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
โมเสส ครูเล่าเรื่องราวของโมเสสให้เด็กๆฟัง (อ่าน อพย.2-14) หลังจากที่โยแซฟได้พาญาติพี่น้องมาอยู่ในประเทศยิปต์และโยแซฟก็ได้ เสียชีวิต กษัตริย์ฟาโรห์องค์องค์ใหม่ไม่รู้จักโยแซฟและสิ่งที่โยแซฟเคย กระทา กษัตริย์องค์ใหม่คิดว่ามีคนฮีบรูมากเกินไปในประเทศของเขา ดังนั้นเขาจึงบอกแม่ทุกคนให้กาจัดทารกเพศชายของตนทิ้งเสีย” “คุณแม่คนฮีบรูคนหนึ่งได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้และเธอตัดสินใจที่จะเก็บ ทารกไว้เพื่อให้เขาปลอดภัยเธอไม่อยากจะให้เกิดอะไรขึ้นกับทารกที่ พระเจ้าทรงประทานให้แก่เธอหลังจากนั้น 3 เดือน ทารกก็เริ่มใหญ่เกิน กว่าที่จะซ่อนไว้ในบ้านของเธอ และนี่คือเรื่องราวของคุณแม่ผู้กล้าหาญ ที่เก็บทารกที่มีค่าของตนไว้”“ลองดูว่าพระคัมภีร์กล่าวว่าอะไร” “ครั้น นางจะซ่อนต่อไปอีกไม่ได้แล้วก็เอาตระกร้าสานด้วยต้นกก ยาด้วยยาง มะตอยและชัน เอาทารกใส่ลงในตระกร้า แล้วนาไปวางไว้ที่กอปรือ ริมน้า ส่วนพี่สาวยืนอยู่แต่ไกลคอยดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแก่ น้องเมื่อพระราชธิดาของฟาโรห์ลงไปสรงที่แม่น้า และพวกสาวใช้เดินไป เที่ยวตามริมฝั่ง พระนางทรงเห็นตระกร้าอยู่ระหว่างกอปรือ จึงทรงสั่ง ให้สาวใช้ไปนามา เมื่อเปิดตระกร้านั้นออกก็เห็นทารกกาลังร้องไห้ พระ นางทรงเมตตาทารกและตัดสินใจจะหาคนเพื่อเลี้ยงดูทารกต่อไป” “พี่สาวของโมเสสบอกกับพระราชธิดาของฟาโรห์วา่ แม่ของเธอสามารถ เลี้ยงดูเขาได้ ดังนั้นแม่ของโมเสสจึงได้เลี้ยงดูทารกโมเสสและเลี้ยงเขา จนเติบใหญ่ พระเจ้าทรงดูแลทารกโมเสส” เมื่อโมเสสโตขึ้น ท่านไปหาพวกพีน้่ อง เห็นพวกเขาต้องทางาน หนัก โมเสส -18 -
แซมสัน ได้ไปหลงรักหญิงชาวฟิลิสเตียคนหนึ่งชื่อ เดลิลาห์ นางเป็นคนไม่ดี นักพวกฟิลิสเตียใช้เงินล่อให้เดลิลาห์ถามถึงความลับของที่มาแห่งพลังจาก แซมสัน แล้วนางเดลิลาห์ก็หาอุบายลวงถามแซมสันจนเขาบอกความลับ เรื่องผมแก่นางจากนั้นเดลิลาห์ผู้หญิงที่สวยงามแต่นิสัยไม่ดีคนนี้ ก็นา ความลับไปไปบอกพวกฟิลิสเตีย และนางทาให้แซมสันนอนหลับบนตักนาง แล้วแอบตัดผมของเขาออก เมื่อเขาตื่นขึ้นก็สูญเสียพลังไปสิ้น พวกฟิลิ สเตียมาจับตัวเขาเป็นเชลยควักนัยน์ตาเขาออก เอาโซ่ทองเหลืองล่ามเขาไว้ ให้เขาไว้ ให้เขาโม่แป้งอยู่ในคุกราวกับลา” แล้ววันหนึ่งพวกฟิลสิ เตียก็จัด งานเลี้ยงฉลองเพื่ออวดชัยชนะของตนต่อหน้าแซมสัน จึงสั่งให้นาตัวเขา ออกมาจากคุกจะได้เยาะเย้ยแซมสันให้สนุกสนาน พวกฟิลิสเตียจับแซมสัน มัดไว้ระหว่างเสาสองต้น ขณะบูชาเทพเจ้าของพวกเขา แต่ทุกคนลืมไปว่า ระหว่างที่อยู่ในคุกผมของแซมสันยาวขึ้นแล้ว และก็ได้พละกาลังกลับคืน มาแล้ว แซมสันก็ขอพละกาลังจากพระเจ้า เขาเอามือจับเสากลางสองต้นที่ รับน้าหนักของวัดไว้ข้าละต้น ออกกาลังดันเต็มที่แล้วตะโกนสุดเสียงว่า ขอให้ข้าตายพร้อมกับพวกฟิลิสเตียเถิด แล้ววัดก็พับลงมาทับทุกคนที่อยู่ที่ นั่นรวมทั้งชาวฟิลิสเตียด้วย ครูถามเด็กๆว่า - ก่อนที่แซมสันจะเกิดมีใครมา หาแม่ของเขา (เทวดา) - แม่ของแซมสันเคยตัดผมของแซมสันไหม (ไม่เคย) - ทาไมแซมสันถึงมีพลัง (พระเจ้าประทานพละกาลังให้เขา) ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 11 -23-
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
แซมสัน จอมพลัง หลังจากที่ชาวอิสราเอลได้รอนแรมอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีแล้วพระเจ้าได้ ทรงประทานแผ่นดินใหม่ทเี่ รียนกว่าแผ่นดินพันธสัญญาให้กบั ชาวอิสราเอลเป็น ดินแดนที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับ อับราฮัม อิสอัคและยาโคบ แต่น่าเสียดาย โมเสสไม่ได้เข้าไปในดินแห่งพันธสัญญาท่านได้เสียชีวิตหลังจากที่ท่านได้นั่งมอง ลูกหลานชาวอิสราเอลดินเข้าสู่ดินแดนพันธสัญญาโดยมีผู้นาคือโยชูวา เมื่อชาว อิสราเอลอยู่ในดินแดนพันธสัญญา(ดินแดนคานาอัน) ชาวอิสราเอลหลายคนได้ หลงลืมพระเจ้าและไปกราบไหว้รูปเคารพของคนต่างๆชาติ และกาลังจะถูกกลืนไป กับคนต่างชาติ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันดังเดิมพระเจ้าได้ทรงเรียกบุคคลจาก ตระกูลต่างๆมาเป็นผู้นา คนเหล่านี้ได้กล่าวเป็นวีรบุรุษของชาวอิสราเอล พระคัมภีร์ เรียกเขานี้ว่า ผู้วินิจฉัย แซมสันเป็นหนึง่ ในผู้วินิจฉัยเขากาเนิดอย่างน่าอัศจรรย์ มารดาของแซมสันเป็นหมันแต่เทวดาของพระเจ้าได้มาหานางและบอกว่า นาจะให้ กาเนิดบุชายคนหนึ่ง พ่อแม่ของเขาเชื่อฟังพระเจ้าและนาของถวายแด่พระองค์และ แล้วแม่ของแซมสันก็ให้กาเนิดแซมสัน เขาเป็นผู้ชายซึง่ แข็งแรงมาก ความลับของ ของที่มาแห่งพลังก็คือ เส้นผมของเขาซึง่ ดกและยาวมาก พระเจ้าเคยตรัสกับแม่ของ แซมสันว่า“ถวายเด็กนั้นแด่เราและอย่าได้ตัดผมของเขาเป็นอันขาดตั้งแต่วันที่ทารก เกิดมา” แม้แซมสันจะมีร่างกายที่แข็งแรงแต่เขาก็มีจิตใจที่อ่อนแอกับหญิงงาม การนาหรือการช่วยกู้ชาติอิสราเอลให้พ้นจากการกดขี่ของชาวฟิลิสเตีย ของแซมสันไม่ได้เป็นรูปแบบของการนาทัพเข้าทาสงคราม แต่ท่านเป็นวีระบุรุษใน เหตุการณ์ต่างๆระหว่างชาวอิสราเอลกับพวกฟิลสิ เตีย แซมสันเป็นผู้นาของ อิสราเอลเป็นระยะเวลา 20 ปี
-22 -
เห็นคนอียิปต์คนหนึ่งกำลังตีคนฮีบรู ซึ่งเป็นชนชำติเดียวกับตน ท่ำนมอง ซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ จึงฆ่าคนอียิปต์นั้น แล้วซ่อนศพไว้ในทราย เมื่อโมเสสออกไปอีกในวันรุ่งขึ้น ก็เห็นคนฮีบรูสองคนต่อสู้กันอยู่ จึงตักเตือน คนทีท่ าผิดนั้นว่า “ท่านตีพน้ี่ องของท่านเองทาไม?” เขาตอบว่า “ใครตั้งเจ้า ให้เป็นเจ้านายและเป็นตุลาการปกครองเรา? เจ้าตั้งใจจะฆ่าตัวข้าเหมือนที่ ได้ฆ่าคนอียิปต์คนนั้นหรือ?” โมเสสก็กลัว คิดว่า “เรื่องนั้นคงรูก้ ันทั่วแล้ว แน่ๆ” โมเสสจึงหนีไปอยู่ในแผ่นดินมีเดียน ในแผ่นดินมีเดียนโมเสสได้ แต่งงานและมีครอบครัว วันหนึ่งเขาเลี้ยงแกะอยู่บนภูเขา พระเจ้าทรงเรียก เขาโดยปรากฏมาในรูปของพุ่มไม้ไฟ เมื่อพระเจ้าทรงเรียกโมเสสนั้น ทรง กระทาหมายสาคัญ เพื่อให้โมเสสตอบรับหน้าที่นี้ หมายสาคัญนั้นได้แก่ 1. พระเจ้าทรงให้โมเสส โยนไม้เท้าลงบนพื้น และไม้เท้านั้นก็กลายเป็นงู และ เมื่อโมเสสจับหางงู งูนั้นก็กลายเป็นไม้เท้าดังเดิม 2. พระเจ้าทรงให้โมเสส สอดมือไว้ที่อก เมื่อชักมือออกมา มือนั้นก็กลายเป็นเรื้อน และเมื่อสอดมือไว้ ที่อกอีกครั้ง มือนั้นก็เป็นปกติแต่ถึงกระนั้น โมเสส ก็ยังคงมีข้อต่อรองกับ พระเจ้า ด้วยโมเสสบอกว่าตนเองพูดไม่เก่ง เกรงว่าชาวอิสราเอลจะไม่ยอม ฟัง พระเจ้า จึงให้อาโรน พี่ชายของโมเสส ซึ่งเป็นคนพูดเก่ง เป็นผู้ช่วยของ เขา จนในที่สุดโมเสสก็ไปพบฟาโรห์ให้เขาปล่อยชาวอิสราเอลแต่ฟาโรห์ไม่ ยอมพระเจ้าจึงทาให้เกิดภัยพิบัติ 10 ประการ จนในที่สุดฟาโรห์ยอมปล่อย ชาวอิสราเอล โมเสสจึงรวบรวมทุกคนและเดินทางออกจากประเทศอิยิปต์ สุดท้ายฟาโรห์เปลี่ยนใจไม่ให้ชาวอิสเอลออกจากอิยิปต์ จึงได้รวบรวมทหาร และตามชาวอิสราเอลไปจนถึงทะเลแดงในที่สุดพระเจ้าก็ทรงช่วยชาวอิสรา ข้ามทะเลแดงโดยให้โมเสสยกไม้เท้าเหนือทะเล ทะเลก็แหวกออกเป็น ทางเดินให้ชาวอิสราเอลข้ามไป ส่วนทหารของกษัตริย์ฟาโรห์พระเจ้าได้ทรง บันดาล ให้น้าทะเลไหลท่วมทับพวกเขา ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย ส่วนโมเสส และชาวอิสราเอลรอดชีวิตโมเสสจึงร้องเพลงถวายแด่พระเจ้า -19-
ครูให้เด็ก กิจกรรมใบงานที่ 9
รู้จักบุคคลในพระคัมภีร์
พระบัญญัติ 10 ประการ หลังจากที่โมเสสและชาวอิสราเอลออกจากประเทศอิยิปต์ พวกเขาได้ เดินทางไปถึงถิ่นทุรกันดารซีนาย วันหนึ่งพระเจ้าพูดกับชื่อโมเสส บนภูเขา ซีนาย พระเจ้าประทานกฎ 10 ข้อสาหรับประชาชนเพื่อจะทาให้พวกเขารู้ ว่าจะดาเนินชีวิตอย่างชอบธรรมอย่างไร กฎของพระเจ้าปกป้องทุกคน พระองค์สลักกฎทั้ง 10 ข้อลงบนศิลา 2 แผ่น และทรงต้องการให้ ประชาชนเชื่อฟังกฎของพระองค์ แล้วพระเจ้าก็บอกโมเสสให้สั่งประชาชน ทากล่องพิเศษขึ้นจากไม้และทองเพื่อเก็บรักษาแผ่นศิลานั้นไว้ เพื่อพวกเขา จะไม่ลืม กล่องนั้นถูกเรียกว่า หีบพันธสัญญา (พันธสัญญาคือข้อตกลง พิเศษระหว่างพระเจ้าและมนุษย์) พระบัญญัติ 10 ประการ 1. จงนมัสการ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าพระองค์เดียวของท่าน 2. อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ 3. อย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ 4. จงนับถือบิดามารดา 5. อย่าฆ่าคน 6. อย่าผิดประเวณี 7. อย่าลักขโมย 8. อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น 9. อย่าปลงใจผิดประเวณี 10.อย่ามักได้ทรัพย์สินของผู้อื่น -20 -
ครูถามเด็กๆว่า ทาไมพระเจ้าต้องตั้งกฎ? (คาตอบที่เป็นไปได้ – เพื่อปกป้องเรา เพื่อช่วยเรา ทาสิ่งที่ถูก)การให้เกียรติพ่อแม่หมายความว่าอย่างไร? (ถ้าเด็กคนไหนไม่มี พ่อแม่ ให้พูดถึงการให้เกียรติผู้ปกครอง ญาติ หรือครู) (คาตอบที่เป็นไปได้ – เชื่อฟัง ปฏิบัติตามโดยไม่บ่น ช่วยเหลือ) การเป็นคนซื่อสัตย์และไม่ลักขโมยมีผลดีต่อสังคมอย่างไร? (คาตอบที่เป็นไป ได้ – ให้ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ไม่โกรธกัน คนอื่นเชื่อใจเรา เราทาอย่างที่พูด) ทาไมต้องระมัดระวังเรื่องการเอ่ยพระนามพระเจ้า? เด็กๆ ชอบให้คนเอาชื่อ เราไปพูดเวลาโกรธไหม? (คาตอบที่เป็นไปได้ – เพราะพระเจ้าสมควรแก่ การสักการะ พระองค์เป็นพระเจ้า เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์) ครูให้เด็กระบายสีรูปโมเสส และ ให้เด็กเขียนชื่อภูเขาที่โมเสสไปรับพระ บัญญัติและให้เด็กๆท่องพระบัญญัติพร้อมกัน ใบงานที่ 10
-21-